รักป่วนใจคุณชายหน้าใสกับนายตาดุ 5นัท“พรุ่งนี้แม็คไปหานัทไม่ได้นะ เฮียให้มาช่วยทำธุระให้”
ประโยคข้างต้นมันมาจากไอ้เกรียนจอมดุของผมเองครับ มันเป็นหนึ่งในหลายๆประโยคที่เราคุยกันเมื่อคืนแต่เป็นประโยคเดียวที่ทำเอาผมเซ็ง เพราะแม็คโดนรุ่นพี่ตำรวจสายเดียวกันให้ช่วยทำธุระอะไรก็ไม่รู้ให้ครับ ทั้งๆที่ตลอดอาทิตย์เราไม่ได้เจอกันเลยผมขอแค่วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ก็ยังไม่ได้อีก มีแฟนไกลกันก็เหงาเหมือนกันนะครับเนี่ย ผมกับนายแม็คเราคบกันมาเกือบสี่เดือนแล้วครับไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าผมกับมันจะคบกันมาได้นานถึงขนาดนี้ แม็คเป็นคนตรง เจ้าระเบียบ ติดดุและทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่วอกแวกไม่มีอะไรให้ผมต้องหนักใจ หรือมันอาจจะมีและแอบไว้นั้นผมก็ไม่รู้นะครับก็เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดนี่หน่า ส่วนเรื่องหน้าตาของมันในสายตาผมแม็คก็พอดูได้นะครับอาจจะเพราะด้วยทรงผมมันนั่นแหละที่ทำให้ความหล่อมันลดลง แต่เห็นแบบนี้ไปไหนด้วยกันทีก็มีแต่สาวๆแอบมองไอ้ดุของผมกันจนเหลียวหลังเลยน้าส่วนนายหน้าดุมันไม่สนใครเลยครับ แต่ที่แม็คไม่สนไม่รู้ว่ารู้ตัวรึเปล่าว่ามีคนมองหรือมันรู้แต่ไม่สนเองกันแน่ ผมจึงอดเป็นปลื้มนิดๆไม่ได้ครับว่ามันมองแค่ผมคนเดียว
ส่วนเรื่อง ‘หวง’ ผมก็หวงของผมนะครับขึ้นชื่อว่าได้เป็นเจ้าของแล้วเป็นใครๆก็หวงทั้งนั้นแหละครับ อย่าให้ผมรู้เชียวว่าแอบมีคนอื่นมันทั้งคู่ได้ตายคามือผมแน่ และผมจะเชิดใส่ไอ้แม็คนั่นทันทีเลยถ้ามันไม่คิดจะเห็นคุณค่าในตัวผมถึงขั้นมีคนใหม่ได้ ผมยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้นนะครับ ผมนี่ท่าจะบ้าคิดเป็นตุเป็นตะไปได้กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจึงพยายามเลิกคิดซะ ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับมันก็หยุดอยู่ที่จูบเหมือนวันแรกที่เจอนั่นแหละครับไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น และแม็คจะเป็นคนจูบลาผมก่อนทุกครั้งที่มันจะกลับเข้าเหล่าก่อนที่เราจะแยกกันในทุกอาทิตย์ ส่วนตัวผมก็จะรู้สึกดีกับจูบของมันนะครับเพราะผมรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่มาพร้อมรอยจูบ ใจผมนี่เต้นแทบทะลุอกออกมาให้ได้อายนายแม็คเลยด้วย ทุกครั้งเจ้าของจูบที่ผมชอบมันต้องประทับริมฝีปากที่หน้าผากผมอยู่นานกว่าจึงผละออก ยิ่งทำให้ความมั่นใจเต็มร้อยที่ผมมีลดลงฮวบจนไม่กล้าสู้หน้าคมของคนหัวเกรียนที่มีรอยยิ้มกว้างได้สักทีครับ จบด้วยการเอาหน้าแดงๆของตัวเองซบกับอกแข็งๆของมันไว้แทน คิดแล้วก็เขินนะครับเนี่ย
วันนี้ผมตัดสินใจออกมาเดินรับแอร์ซื้อของแก้เครียดที่ห้างของตัวเองดีกว่าเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว และถือซะว่าเป็นการตรวจห้างแทนพ่อแม่ไปในตัว แต่จริงๆมันคือข้ออ้างออกนอกบ้านของผมเองครับ ผมโทรไปชวนยัยมินนี่เพื่อนซี้ก็ไม่ว่างเพราะกำลังออกเดทกับแฟน มินนี่ก็ชวนผมไปด้วยนะครับแต่ก็เกรงใจอยากให้ทั้งคู่อยู่กันสองคนมากกว่า เพราะถ้าเป็นผมๆก็อยากไปกับไอ้เกรียนแม็คสองคนเหมือนกัน และผมลงทุนขับรถออกมาเองเลยครับไม่อยากได้คนขับตามมาให้ยุ่งยาก วันหยุดแบบนี้คนเยอะครับมีแต่คู่รักด้วยหรือเพราะสายตาผมมันหาเรื่องเองก็ไม่รู้มองไปทางไหนก็มีแต่ออร่าสีชมพูเปล่งประกาย เห็นแล้วก็เซ็งกว่าเดิมเหมือนว่าตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้ที่มาเดินคนเดียวแบบนี้
ขณะที่มือผมกำลังเลือกจับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีดำที่จะซื้อฝากคนบางคน สายตาผมก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของนายแม็คหัวเกรียนเข้า แวบแรกผมดีใจที่ได้เห็นแต่ความดีใจต้องเปลี่ยนเป็นความโกรธและโมโหแทน เพราะข้างกายนายแม็คมีสาวน้อยในชุดชมพูหวานแหววเดินอยู่ด้วย
‘ไหนมึงบอกกว่าไปทำธุระให้เฮียมึงวะ หรือเฮียมึงแปลงเพศเป็นผู้หญิงไปแล้ว’
เสียงผมก้องอยู่ในหัวไม่ได้หลุดออกจากปากเพราะอาการเม้มปากแน่นควันออกหูอยู่ตอนนี้มันทำเอาผมพูดไม่ออก ผมโยนเสื้อเชิ้ตดำทิ้งอย่างไม่ใยดีและก้าวตามคนทั้งคู่ออกมา ใครที่คิดว่าผมจะเข้าไปวีนไอ้อีตรงหน้าเลยคุณคิดผิด อย่างน้องนัทต้องดูจนแน่ใจแล้วค่อยวีนก็ยังไม่สาย อีกเหตุผลหนึ่งที่อยู่ในใจลึกๆก็คือผมยังแอบเชื่อมั่นในตัวไอ้เกรียนอยู่ว่ามันจะไม่นอกใจผม
ภาพของทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมากหนุ่มหน้าหล่อเข้มตัวสูงกับสาวน้อยน่ารักตัวเล็กเดินกันไปคุยกันไป ถึงจะมีเพียงฝ่ายหญิงเท่านั้นที่ยิ้มแย้ม แม้ไอ้เกรียนแม็คจะไม่ยิ้มแต่มันก็ไม่ได้นิ่งติดดุเหมือนเวลาปกติที่มันคุยกับผู้หญิงคนอื่น ขาดก็แต่สายตาของมันที่ผมไม่เห็นว่ามันมีแววตายังไงเท่านั้น อาการภายนอกของมันนั้นเกือบเหมือนกับตอนที่อยู่กับผมที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนมันด้วยซ้ำครับ ผมเผลอกัดปากตัวเองจนสะดุ้งเพราะความเจ็บที่ฟันคมๆกดลึกลงริมฝีปากด้านใน ผมบอกให้ตัวเองรอและใจเย็นไว้ก่อนอยากจับให้ได้คาหนังคาเขาเอาทีเดียวให้จบ เจ็บครั้งเดียวคงไม่ตายหรอกครับ แต่ใจลึกๆก็หวังว่าให้ผมเข้าใจผิดว่ามันทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกัน
ตอนนี้คนทั้งคู่เข้าไปในร้านนาฬิกาแบรนด์ดังผมที่แอบตามก็หลบมุมดูอยู่นอกร้าน เห็นมันสองคนเลือกนาฬิกาที่ตู้โชว์โดยมีพนักงานยืนช่วยอยู่อีกฝั่ง ยัยผู้หญิงนั่นก็ยิ้มหวานออเซาะไอ้เกรียนไม่หยุด แถมมีเกาะแขนด้วยและดูท่าจะไม่ปล่อยง่ายๆ ส่วนไอ้เกรียนแม็คมันก็ปล่อยให้เกาะสายตามันก็มัวแต่จ้องของในมือ ยัยชุดชมพูนั่นก็ยื่นหน้าไปใกล้และจับนาฬิกาเรือนเดียวกันพลิกไปมา ผมยืนสั่นเป็นเจ้าเข้าและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่มองผมแบบกลัวๆแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาใกล้ผมตอนนี้เลยครับคงกลัวผมเหวี่ยงใส่ ผมจ้องคนทั้งคู่เขม็งและคิดว่านี่มันเพียงพอกับเหตุผลที่เรียกว่านอกใจได้รึยัง แต่ผมก็ไม่ต้องตัดสินใจนานเพราะภาพความใกล้ชิดของพวกมันที่แทบจะเรียกได้ว่า 'จูบ' กัน ผมเดินตรงเข้าไปในร้านประชิดตัวคนทั้งคู่และกระชากฝ่ายหญิงออกมาและผลักออกไปอย่างแรง
“ว้ายยยย อ๊ะ” ผู้หญิงในชุดสีชมพูนั่งก้นกระแทกพื้นอยู่ตรงหน้า ส่วนไอ้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนยืนตะลึงตกใจอยู่ข้างผม
“นัท!!” เสียงเรียกจากปากไอ้เกรียนออกมาเป็นชื่อผม ก่อนมันจะเดินไปช่วยพยุงผู้หญิงที่มาด้วยขึ้นจากพื้น ซึ่งตอนนี้มีใบหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ปนตื่นกลัว
“เออ กูเอง” ผมที่เห็นภาพการโอบประคองอย่างทะนุถนอมของทั้งคู่ก็ให้รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเข้าไปกระชากแขนของคนที่ตัวเท่าๆกับผมออกมาเตรียมผลักให้ล้มอีกสักรอบ ให้สมกับความเจ็บใจที่ผมมี
“นัทๆ จะทำอะไร” ไอ้หัวเกรียนที่กำลังประคองยัยผู้หญิงนี่อยู่มันพยายามปกป้องผู้หญิงของมันโดยเอาตัวมาบังไว้ ทำให้ผมไม่สามารถกระชากแขนนั่นหลุดมาได้อย่างใจ เรายื้อกันอยู่พักหนึ่งท่ามกลางเสียงเข้มที่คอยห้ามปราม แต่เรื่องอะไรผมจะยอมละครับทำฝ่ายหญิงไม่ได้ผมก็ทุบไปที่หลังหนาๆตรงหน้านี่แหละเอาให้มันเจ็บมากกว่าใจของผมตอนนี้
“ปล่อยอีนั่นออกมานะ ได้ มึงไม่ปล่อยงั้นมึงก็รับไป / ฮือออ พี่แม็คๆ” เสียงโวยวายของผมปนกับเสียงสะอึกสะอื้นและเสียงเรียกชื่อแม็คของยัยผู้หญิงคนนั้น
“นี่นัทๆ แม็คบอกว่าให้หยุดไง!!” เสียงห้าวของไอ้แม็คตัวสูงตะโกนขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังลงมือทำร้ายมันและพยายามยื้อผู้หญิงคนนั้นออกมาต้องชะงัก และพอดีกับที่ไอ้ตัวใหญ่มันหันกลับมาผมจึงเซถอยหลังไปตามแรงปะทะจนตัวเองต้องล้มก้นกระแทกพื้น
ความเงียบเกิดขึ้นทันทีที่ผมล้มลงทุกสายตาที่อยู่ในร้านมองตรงมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมที่ตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าจะโดนมันชนจนล้มไม่เป็นท่าแบบนี้ อารมณ์ผมผสมกันมั่วไปหมดทั้งโมโห โกรธ น้อยใจ เจ็บใจ อาย และเสียใจจนแยกไม่ออกว่าอะไรมีมากกว่ากัน แต่ความผิดทั้งหมดถูกโยนไปให้ไอ้คนที่มันทำให้ผมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และตอนนี้ผมก็กำลังจ้องหน้ามันอยู่ ไอ้แม็คมันตกใจยืนอึ้งและเหมือนมันจะเพิ่งรู้ตัวเดินเข้ามาหาผมแต่กลับโดนรั้งไว้ด้วยมือของคนที่เกาะแขนมันแน่นอยู่
“หึ” ผมมองที่แขนมันที่มีมือขาวๆเกาะไว้แน่น ก่อนจะเงยหน้ามองตาไอ้คนใจร้าย สายตาไหววูบของมันจ้องมาที่ผมก่อนที่เจ้าของมันจะสะบัดแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุมและเดินมาพยุงผมขึ้นจากพื้น ผมปล่อยตัวให้มันจับไว้และพยุงขึ้นจนสามารถยืนด้วยตัวเองได้
“เฮียมึงคืออีนี่เหรอโกหกกูทำไม ส่วนมึง ไอ้นี่น่ะแฟนกูคิดจะแย่งเหรอ ฮ้าๆๆ” ผมเอ่ยเสียงเข้มใส่คนตรงหน้าที่ยังจับประคองผมอยู่ ก่อนจะหันไปเล่นงานคู่กรณีอีกคนโดยชี้นิ้วใส่หน้าทั้งคู่และตะคอกใส่ยัยผู้หญิงหน้าจืดที่แกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้นยืนตัวสั่น
“พี่แม็ค ฮือออ” ยัยผู้หญิงแอ๊บแบ๊วโดนผมตะคอกก็ร้องไห้ใหญ่เลยครับแถมเรียกหาไอ้คนข้างตัวผมเสียงสั่นด้วย ผมเงยหน้าจ้องตาไอ้แม็คที่ตอนนี้มีใบหน้าตึงเครียดจ้องผมเขม็ง
“นัท อย่าเพิ่งหาเรื่อง” เสียงเข้มมาพร้อมแรงบีบที่ต้นแขนทำเอาผมเจ็บไปหมด แต่ความเจ็บใจมันมีมากกว่า นี่มันว่าผมหาเรื่องเหรอครับ ใครกันแน่ที่หาเรื่อง
“กูหาเรื่องงั้นเหรอ มึงเห็นมันดีกว่ากูรึไง ฮะ ทั้งๆที่มึงโกหกกูว่ามาธุระให้เฮียมึงแต่กลับมากับอีนี่แทน พอกูจับได้ทำเป็นมาโทษว่ากูหาเรื่องมึงงั้นเหรอ ฮ่าๆๆ” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้คนใจร้ายไปไม่สนใจว่าตอนนี้จะมีใครดูอยู่บ้าง คงเยอะอยู่เพราะผมเสียงดังมาก ผมเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่หัวเราะใส่หน้ามันซะเลย แต่ทำไมหน้าผมมันชื้นๆก็ไม่รู้ ไอ้แม็คทำหน้าตกใจและยื่นมือมาลูบผิวแก้มผม ผมจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ต่อหน้ามันไอ้คนใจร้าย ผมสะบัดมือมันออกและหันหน้าหนีเช็ดหน้าตัวเองลวกๆ
“เป็นแบบนี้ก็ดี คนอย่างกูไม่คิดจะยื้อไว้ถ้าไม่เห็นความสำคัญของกันแล้ว มึงอยากได้มันก็เอาไปกูยกให้” ผมพูดใส่หน้าไอ้แม็คที่มองผมตาค้างก่อนหันไปหาผู้หญิงอีกคนที่คงอยากได้มันตัวสั่น ผมยกให้ไปเลยต่อไปจะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆกันอีก
ตอนที่พูดเห็นผมปากดีปากเก่งแบบนี้แต่ใจผมนี่มันเจ็บจนชาไปหมดเลยครับ เมื่อพูดจบผมก็พยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ข้างนี้ แต่ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออกครับจนต้องมองหน้าไอ้คนที่จับไว้ สายตามันวาววับเหมือนโกรธผมมากแต่มีเศษเสี้ยวหนึ่งในแววตาที่ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้วครับผมไม่อยากเห็นหน้าคนคู่นี้อีกแล้ว
“พูดบ้าอะไรจะยกกูให้ใคร มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยรอดไรฟันอย่างคนที่ต้องข่มความโกรธไว้ออกมาให้ผมได้ยิน ผมทั้งโมโหและทั้งไม่เข้าใจที่แม็คเป็นในตอนนี้ ในเมื่อมีโอกาสดีที่จะเลิกกับผมมาอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมมันไม่คว้าไว้ ทำเหมือนไม่อยากเลิกหรือมันคิดว่ามันต้องเป็นฝ่ายบอกเลิกกันแน่
ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ผมออกแรงผลักอกไอ้แม็คอย่างแรงมันเซนิดหน่อยเพราะไม่ตั้งตัวแต่แขนผมก็ยังอยู่ในมือมัน ผมจึงทั้งทุบทั้งข่วนเท่าที่ทำได้ มันไม่ปัดป้องปล่อยผมทำร้ายมันไปผมก็ได้ใจทำมันให้สมกับที่ผมเจ็บ จนไอ้แม็คมันคงเริ่มทนไม่ไหวจึงรวบตัวผมไปกอดไว้ทั้งตัว
“ฮึก ฮือออ ปล่อยกูสิปล่อยกู ไปเลยมึงไปเลย ฮือออ” ผมร้องไห้ออกมาแบบกลั้นไม่อยู่กับอกมันนั่นแหละครับ มันกอดผมแน่นไปทั้งตัวปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่แบบนั้น
“ขิมรออยู่แถวนี้นะ พี่บอกเฮียแล้วเดี๋ยวเฮียมารับ พี่ไปก่อนนะครับ” ผมเงยหน้าออกจากอกมันเห็นแต่ปลายคางเขียวๆ ที่เจ้าของกำลังพูดกับผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อ ‘ขิม’ ผมผลักอกมันออกไม่อยากอยู่ใกล้ไม่อยากเห็นหน้าแม้แต่เสียงก็ยังไม่อยากได้ยิน แต่ผมก็สู้แรงของมันไม่ไหว
“มานี่ เราต้องคุยกัน”
หลังคำพูดมันผมก็โดนจูงมือออกมาจากร้านพอเดินผ่านประตูออกมาจึงเพิ่งรู้ว่าคนมุงดูพวกเราเยอะมาก ลืมว่าต้องสะบัดข้อมือออกจากมือหนาเพราะความอายเริ่มครอบงำจึงก้มหน้างุดเดินตามคนจูงข้างหน้าไป ไอ้แม็คพาผมออกมาที่ลานจอดรถได้แล้วผมก็สะบัดมือมันออกจนสำเร็จ และหันหลังเตรียมเดินหนีเพราะผมถือว่าผมบอกเลิกมันพร้อมยกมันให้คนอื่นไปแล้วไม่มีความจำเป็นที่ต้องคุยกันอีก
“เฮ้ยยยย” ผมร้องออกมาอย่างตกใจเพราะตัวผมลอยจากพื้น จากการที่ไอ้แม็คมันแบกผมขึ้นบ่า ผมไม่ทันได้โวยวายเพราะต้องหาที่ยึดไว้อย่างกลัวตก หัวผมห้อยอยู่ที่หลังไอ้แม็คไปตลอดทางจนมันพาผมมานั่งที่เบาะข้างคนขับในรถมัน
“อย่าคิดจะหนี ไม่งั้นเจอดีแน่” เสียงเข้มตาดุถูกส่งมาให้ผมทันทีที่ผมทำท่าจะลุกขึ้น เมื่อมันเห็นผมนิ่งมันก็เดินไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นรถในตำแหน่งคนขับ
ผมน้อยใจมันจังเลยครับตอนนี้ มันจะเอาอะไรกับผมอีกเลิกก็เลิกให้แล้ว แต่มันก็ยังมาดุผมเหมือนผมทำความผิดไว้ ผมหันหน้าออกนอกกระจกรถทันทีที่มันสตาร์ทเครื่อง ผมไม่อยากไปกับมันเลยครับแต่รู้ว่าถึงหนีไปมันก็ตามจับผมได้อยู่ดีเลยนั่งอยู่นิ่งๆอย่างที่มันต้องการ ไอ้น้ำตาบ้านี่ก็ไม่รู้ว่าจะไหลอะไรนักหนาไหลออกมาประจานความอ่อนแอของเจ้าของมันให้ไอ้คนที่ไม่เห็นค่าแบบไอ้แม็คได้เห็นอยู่ได้
“เฮ้อออ มานี่” ไอ้แม็คคนใจร้ายมันถอนหายใจยาวและพยายามเอื้อมมากอดผม แต่ผมที่ได้ยินก็ยิ่งน้อยใจไม่ยอมให้มันมาถูกตัวง่ายๆ
“เบื่อกูมากถึงกับต้องถอนหายใจแบบนี้ ฮึกๆ จะมายุ่งกับกูอีกทำไม ฮึก กูก็เลิกให้แล้วไง ฮือออ” ผมก็ยังปัดป้องมือหนาของมันไม่ยอมให้มันจับง่ายๆ จนมันต้องคว้ามือผมทั้งสองข้างรวบไว้ด้วยมือเดียวและจึงจะรวบกอดผมไว้ได้ทั้งตัว
“ใครว่าแม็คเบื่อนัทกัน ไม่เบื่อหรอก อย่าดิ้นสิไม่เอา” เสียงเข้มเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นและเพิ่มแรงกอดรัดรอบตัวผม แรงโยกเบาๆเหมือนกล่อมเด็กก็ทำเอาผมที่ตกอยู่ในอ้อมกอดเริ่มหยุดดิ้น ยิ่งแอร์เย็นๆที่ถูกเปิดขึ้นก็ทำให้ผมอารมณ์เย็นลง ผมสัมผัสถึงริมฝีปากที่จูบมาที่ขมับแต่สัมผัสครั้งนี้ของมันไม่ได้อ่อนหวานแบบที่ผมเคยรู้สึก แต่มันกลับเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจผมมากกว่า มันต้องการอะไรหรือต้องการหลอกให้ผมตายใจยอมเป็นคนโง่อีกรอบกันแน่
“แม็คไม่เบื่อและไม่มีทางเลิกกับนัทง่ายๆหรอก” เสียงอ่อนหวานของมันยิ่งทำผมร้องไห้หนักกว่าเดิม แต่ผมไม่มีแรงดิ้นออกจากอ้อมกอดของมันจึงปล่อยให้มันกอดต่อไป
“นัทกำลังเข้าใจผิดอยู่รู้มั้ย”
.........................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ตัดฉับ>>>>วิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน 555
ไม่เอาค่ะอย่าหาอะไรมาขว้างเราเลย เราขอโทษที่ใจร้าย(รู้ตัวค่ะ) แหะๆ
เพราะถ้าต่อมันจะยาวมาก เลยขออนุญาตตัดเป็นอีกตอน ส่วนใครที่กำลัง
ด่าไอ้เกรียนที่ทำให้เด็กดื้อร้องไห้ ก็ขอให้มาฟังเหตุผลแม็คกันก่อนนะคะ
ว่าเพราะอะไรถึงมียัยขิมโผล่เข้าซีนมาได้
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ส่วนใครที่มาลงชื่อรอเราฝากเป็ดไปเลี้ยงคนละตัวน้า^^
ส่วนตอนหน้าคงอีกอาทิตย์หนึ่งค่ะจะแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ
