ตอนที่ 37‘ภาพฝันหรือภาพจริงกันแน่’
ร่างขาวเปลือยเปล่าที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันของคนรัก ความนุ่มเนียนของผิวที่ผมสัมผัสได้จากการกกกอด ตาหลับพริ้มที่มีขนตาดำหนาปกคลุมเป็นแพร ผิวแก้มเนียนใส ปากแดงระเรื่อย้อยนิดๆอย่างยั่วยวน นี่เป็นดั่งเทวดาตัวน้อยน่ารักที่มนุษย์แบบผมมีโอกาสครอบครองจริงๆใช่มั้ยครับ
เรื่องราวเมื่อคืนหลั่งไหลเข้าสู่สมองผมอีกครั้ง ‘การร่วมรัก’ กับคนที่รักมันทำให้หัวใจผมเต้นรัวดั่งหนุ่มน้อยริรัก อีกทั้งความหอมหวานที่เกิดจากความรัก ความเร่าร้อนที่เกิดจากการพร้อมใจของคนรักที่ตอบสนองแบบไม่อิดออด ส่งผลให้เราทั้งคู่พบพานกับความสุขร่วมกัน ครั้งแรกของเราทำเอาผมอิ่มไปทั้งใจ และเชื่อได้ว่าหน้าผมตอนนี้ปากคงฉีกยิ้มกว้างอย่างแน่นอน ผมอยากให้ทุกเช้าที่ตื่นมาเห็นมิคเป็นคนแรกและได้กกกอดร่างอุ่นนิ่มไว้ในอ้อมกอดแบบนี้ตลอดไปจังครับ
ผมก้มจุมพิตหน้าผากเนียนของคนรักอย่างแผ่วเบาและคลายกอดออกอย่างตัดใจ ลุกไปแต่งตัวง่ายๆก่อนลงไปหาอาหารเช้ามาให้คนขี้เซาที่ปกติจะต้องตื่นก่อนผม แต่วันนี้เป็นวันพิเศษผมจึงให้มิคได้นอนให้อิ่มและลงไปหาอาหารเช้ามาให้มิคแทนการปลุกจากนิทราเพื่อจะได้เสิร์ฟให้ที่รักถึงเตียงนอน ดีที่ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์มิคไม่มีเรียนไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ามิคจะไปเรียนไหวมั้ยเพราะเพิ่งผ่านครั้งแรกมาเมื่อคืนอย่างเร่าร้อน คิดแล้วผมก็อารมณ์ดีนี่ก็ถือว่าผมได้ครอบครองคนที่รักทั้งตัวและใจแล้วล่ะครับ และปกติวันหยุดผมจะต้องไปส่งมิคที่บ้านเพราะมิคต้องค้างคืนที่บ้านในวันเสาร์ดีที่เมื่อวานมิคได้บอกทางบ้านไว้แล้วว่าต้องไปวัดทำบุญให้แม่ผมเมื่อคืนจึงต้องนอนที่บ้านผมแทนการกลับบ้าน
ผมลงไปที่ครัวแต่เช้าทำเอาป้านอมตกใจที่เห็นผม ผมก็ไม่ให้แกตกใจนานแต่เร่งขออาหารเช้าสำหรับเราสองคนและฝากให้แกบอกคุณตาว่าผมของดทานเช้ากับท่านหนึ่งวัน ป้านอมนี่ยิ้มทันทีเลยครับเมื่อผมพูดจบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและเร่งมือจัดข้าวต้มทะเลของโปรดมิคมาให้สองชามพร้อมน้ำส้มอีกสองแก้ว เมื่อผมได้ของที่ต้องการก็เดินผิวปากกลับขึ้นห้องทันที ไม่รู้ว่าคนขี้เซาที่น่ารักของผมเค้าจะตื่นรึยัง
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
ผมทักคนเพิ่งตื่นนอนที่ขยี้ตาและกำลังควานหาแว่นอยู่ มิคสวมแว่นได้ก็ลุกขึ้นทันทีก่อนร้องเสียงดังออกมาและล้มตัวลงนอนอีกรอบ ผมได้เห็นก็ตกใจรีบวางถาดอาหารบนโซฟาที่ปลายเตียงก่อนถลาไปหามิคที่นอนหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง
“มิคครับเจ็บมากมั้ย”
ผมลูบหัวเล็กที่มีผมยุ่งไปด้วยพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยนแบบไม่รู้ตัว ใบหน้าน่ารักของคนรักเงยมองผมแก้มขึ้นสีก่อนหลบตา อาการเขินอายของมิคมันน่ารักแกมน่าหมั่นเขี้ยวมากครับ ผมจึงฝั่งจมูกลงแก้มแดงสูดกลิ่นแก้มซะเต็มปอด
“อื้อออ” มิคเบี่ยงหน้าหนีเล็กน้อยแต่ดูท่าไม่กล้าขยับมากนัก
“มาครับมิค ฟินช่วยนะ” ผมพยุงให้ร่างบางลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
ผ้าห่มร่นลงมากองกับเอวส่งผลให้อกบางที่เต็มไปด้วยรอยจูบสีกุหลาบเผยแก่สายตาผม และผมคงจ้องอยู่นานจนเจ้าของเค้ามารู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเปลือยอกอยู่และทั้งตัวก็ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียว มิคคว้าผ้าห่มปิดถึงคอปิดบังภาพน่ามองจากสายตาผม ผมล่ะแอบเสียดายไม่ได้จึงเผลอส่งค้อนเล็กๆให้คนหน้าแดงไปหนึ่งวง
“ฟิน!! พอเลยนะ ไปหยิบเสื้อคลุมให้มิคด้วย” เสียงหวานดุเข้มออกคำสั่งแต่หน้ายังแดงก่ำ
ผมยิ้มล้อเลียนให้คนรักอีกครั้งจนมิคต้องเรียกชื่อผมซะดังกว่าครั้งแรกเพื่อกลบเกลื่อนความอาย ผมจึงลุกไปเอาเสื้อคลุมให้มิคอย่างที่ต้องการ พอมิคได้ก็รีบคว้ามาสวมทันทีอย่างเงอะงะสวมผิดสวมถูก เพราะคงอายสายตาผมที่จับจ้องอยู่แบบไม่วางตา และสายตาผมคงแพรวพราวเอาเรื่องล่ะครับก็ของน่ามองมาอยู่ตรงหน้านี่หน่า ผมนั้นทั้งเอ็นดูคนน่ารักที่อายจนหน้าแดงไม่กล้าสบตาทั้งๆที่ไม่ใช่นิสัยและทั้งอยากจับคนน่ารักกดกับเตียงทำแบบเมื่อคืนอีกสักรอบ
“ฮึๆๆ มิคครับทานข้าวต้มกันครับฟินลงไปเอามาให้เลยนะ ข้าวต้มทะเลแบบที่มิคชอบด้วยน้า”
ผมเลิกแกล้งให้มิคอายและเปลี่ยนเรื่องให้มิคมาสนใจของกินที่ชอบแทน ดูเหมือนจะได้ผลครับเพราะมิคทำจมูกฟุดฟิดเหมือนเพิ่งได้กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยที่ผมเอาขึ้นมา มิคลืมอายเปิดฝาชามข้าวต้มก้มหน้าสูดกลิ่นหอมก่อนเงยหน้ามายิ้มกว้างตาปิดให้ผมอย่างถูกใจ นี่สินะมิคคนเดิมลืมสิ้นเมื่อมีของกินที่ชอบอยู่ตรงหน้า ผมนั้นชอบมิคทั้งสองแบบมิคที่เหมือนเด็กๆอย่างตอนนี้และอีกแบบคือมิคที่ขี้อายแก้มแดงเพราะผมเป็นเหตุให้ได้อาย
“มิคทานเลยครับจะได้ทานยาหลังอาหาร” ผมพูดพรางชูขวดยาที่ผมเดินไปหยิบมา มิคทำหน้าสงสัยมองหน้าผมคงนึกสงสัยว่าทำไมต้องกินยา แต่เป็นอยู่ไม่นานหน้ามิคก็กลับมาแดงตาโตขึ้นอีกครั้ง
“ฟินนนน ชิ” เสียงหวานเรียกชื่อผมดังยาวและส่งค้อนมาให้ก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มบนตักไม่มองหน้าผมเลยครับ
ผมก็นั่งลงใกล้คนรักและตักทั้งกุ้งทั้งปลาหมึกในชามตัวเองไปไว้ในชามมิค มือขาวชะงักช้อนที่จะตักเข้าปากก่อนมองผมด้วยหางตาแต่ยังไม่ยอมพูดด้วย ผมก็โน้มตัวไปใกล้หูหอมและกระซิบให้คนขี้งอนได้ยิน
“ฟินเป็นห่วงมิคนะครับอย่าโกรธฟินเลย” ผมพูดจบก็จูบแก้มใสเสียหนึ่งที มิคหันมามองผมกระตุกยิ้มนิดๆและยื่นชามข้าวต้มมาใกล้ชามผม ผมรู้แล้วล่ะครับว่าต้องง้อคนขี้งอนแบบไหน ผมตักกุ้งและปลาหมึกที่เหลือทั้งหมดในชามตัวเองไปใส่ชามมิค
“ฟินให้กุ้งกับปลาหมึกของฟินหมดเลยครับ มิคพูดกับฟินนะครับ” ผมอ้อนทั้งการกระทำและคำพูดยอมเสียสละกุ้งกับปลาหมึกของโปรดคนรักให้มิคทั้งหมด
“อืม มิคยอมพูดด้วยก็ได้นี่เห็นว่าเป็นฟินนะ ไม่ใช่เพราะกุ้งกับปลาหมึกหรอก ฮิๆๆ” มิคอารมณ์ดีทันตาเห็นหันมายิ้มให้ผมและตักกุ้งตัวโตที่ผมตักให้เข้าปากเคี้ยวตุ่ยโชว์ผมใหญ่เลยครับ
ผมก็ได้แต่ยิ้มทั้งขำทั้งเอ็นดูคนรัก นี่ขนาดมี ‘สามี’ เป็นตัวเป็นตนแล้วยังมีนิสัยเด็กๆไม่เปลี่ยนเลยครับ ระหว่างทานข้าวเช้าบนเตียงด้วยกันอย่างแช่มชื่นแล้ว ผมก็ให้มิคทานยาซึ่งพอเห็นยาเจ้าตัวก็หน้าแดงอีกรอบแต่ก็ยอมกินโดยดี
“ฟินเปิดทีวีให้มิคหน่อยซิการ์ตูนมาแล้ว” เสียงหวานดังขึ้นทันทีเมื่อทานยาเสร็จคงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าได้เวลาการ์ตูนเรื่องโปรด
ผมก็ลุกมาเปิดทีวีเพื่อบริการคนรักก่อนกลับมานั่งข้างร่างเล็ก ก่อนจับมิคมานั่งพิงอกตัวเองและกอดเอวบางไว้หลวมๆ มิคก็ยอมนั่งนิ่งในอ้อมกอดผมโดยดีแถมวางแขนทับแขนผมที่กอดเอวบางไว้ด้วย ผมอดใจไม่อยู่กดจมูกที่ผมนิ่มอย่างแสนรักและเอ็นดู ผมนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดของมิคพร้อมกันแบบนี้บ่อยๆจนเริ่มรู้สึกเป็นความเคยชินไปแล้ว ปกติถ้าเป็นวันหยุดแบบนี้ผมจะรีบไปหามิคที่บ้านแต่เช้าเพื่อไปฝากท้องกับครอบครัวมิค ต่อด้วยการนั่งดูการ์ตูนเรื่องนี้กับมิคที่บ้านแต่ไม่ได้นั่งกันสองคนลำพังหรอกครับเพราะมักจะมีไอ้น้องแม็กน้องเมียจอมหวงพี่ชายมานั่งเป็นก้างทำหน้าไม่รู้ไม่รู้อยู่เสมอ จนผมล่ะอยากหาแฟนให้มันจังครับเพราะมันจะได้เข้าใจหัวอกคนมีแฟนแบบผมบ้าง
เรานั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดของมิคจนจบ มิคที่พิงอกผมอยู่ตาปรือเพราะฤทธิ์ยาและความเพลีย ผมจึงกระซิบบอกให้มิคนอนและจับมิคเอนกายลงเตียง เดินไปปิดทีวีก่อนเข้าห้องน้ำหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวมิคที่นอนหลับสนิทไปแล้ว ภาพร่างเปลือยของคนรักยามเช้าที่เปิดเผยต่อหน้าผมแบบที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัวมันชัดตากว่าเมื่อคืนมาก ทำเอาคอแห้งผากมือสั่นผมต้องยืนระงับอารมณ์ไม่ให้ลักหลับมิคตอนหลับแบบนี้ เมื่อตั้งสติได้ก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดไปตามร่างขาวที่ทั้งร่างมีแต่รอยจูบสีกุหลาบเต็มไปหมด นี่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าของร่างนี้มาเห็นตัวเองผมจะโดนโกรธรึเปล่านะครับเนี่ย ผมกลั้นใจเช็ดตัวให้มิคจนเสร็จและหาชุดนอนชุดใหม่มาให้มิคใส่ ก่อนเอาตัวเองเข้าห้องน้ำโดยด่วนเพื่อไปปลดปล่อยสิ่งที่ปวดหนึบกลางลำตัวลง
...............................................................
“อ้าว ฮึๆๆ ฟินพามิคมาทานข้าวมา”
คุณตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวหันมาตามเสียงฝีเท้าของเราทั้งคู่ก่อนที่ท่านจะทักขึ้น และให้ผมพามิคที่โดนโอบเอวอยู่มาทานข้าวเย็นด้วยกัน ผมเลื่อนเก้าอี้ให้มิคนั่งด้านซ้ายของคุณตาก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งด้านขวาที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับมิค ตลอดเช้าจนถึงตอนนี้มิคไม่ได้ลงมาข้างล่างเลยครับเพราะฤทธิ์ยาที่ผมจัดให้กิน ทีแรกมื้อเย็นผมก็ตั้งใจจะเอาขึ้นไปให้มิคทานข้างบนห้องเหมือนมื้อเช้าและกลางวัน แต่มิคไม่ยอมครับบอกว่าเสียมารยาทกับคุณตามาสองมื้อแล้วและจะไม่พลาดมื้อเย็น ผมเลยยอมพามิคลงมา ก้าวแรกที่มิคลงจากเตียงมิคมีใบหน้าเหยเกเพราะความเจ็บผมต้องรีบเข้าพยุงทันที โดยที่เจ้าตัวก็ไม่อิดออดแต่อย่างใด ผมพยุงโอบเอวให้มิคลงบันไดมาจนถึงเมื่อครู่ล่ะครับ
“ฟินไม่กินรึ” เสียงแหบดังขึ้น
ผมสะดุ้งนิดๆละสายตาจากใบหน้าหวานของมิคหันมามองคุณตาที่มีใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาระยับ คงไม่ต้องเดาว่าท่านคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับมิค ก็เราทั้งคู่หายไปทั้งสองมื้อทั้งๆที่อยู่บ้านนี่ครับ ผมก็แค่ยิ้มตอบคุณตาและตักอาหารใส่จานท่านก่อนตักให้มิคที่ไม่ได้รับรู้ เพราะมัวแต่เอื้อมตักผัดผักไปใส่จานคุณตาไม่ได้สังเกตคนรอบข้างว่าคนเค้ารู้ทั้งบ้านแล้วครับในเรื่องของเรา ก็ดูสิสายตาระยับพราวกับรอยยิ้มเต็มหน้าของคุณตากับคุณแม่บ้านใหญ่ของผมนั่นน่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบไม่เอ่ยปากกลัวว่ามิครู้แล้วจะอายไอ้ผมมันไม่อายอยู่แล้วครับ อยากจะยืดอกรับประกาศให้รู้กันทั่วว่าคนนี้น่ะ ‘เมียผม’ แต่ถ้าผมทำจริงอย่างที่คิดมิคคงฟาดหัวผมแบะแน่ๆครับ ฮึๆๆ
“ฟิน หัวเราะคนเดียวเป็นอะไร อ๊ะ กินได้แล้ว” เสียงหวานของมิคดังขึ้นขณะที่ผมจ้องหน้าหวานไม่ได้ละสายตาไปไหน
“คะ ครับ กินครับกิน” ผมยิ้มให้ร่างบางตรงหน้าและตักข้าวเข้าปากตามคำสั่ง
เราสามคนทานข้าวกันไปก็คุยเรื่องทั่วๆไปครับ จากบทสนทนาก็ทำเอาผมแปลกใจว่าคุณตาผมท่านไปสนิทกับพ่อตาผมตอนไหนกันแต่ดูท่าทางจะถูกคอกันเรื่องกล้วยไม้ล่ะมั้งครับ เห็นว่าเมื่อวันก่อนก็ชวนกันไปงานกล้วยไม้มาด้วยทำเอาผมดีใจที่คุณตาผมท่านปูทางทำความสนิทกับครอบครัวมิคเพื่อผม แต่ท่านก็คงเหงาด้วยล่ะครับพอเจอคนคอเดียวกันเลยยิ่งสนิทกันเร็ว ผมก็ดีใจครับที่เราสองครอบครัวนั้นสนิมกันไปด้วยกันได้ดีแบบนี้
“ฟินงานครบรอบก่อตั้งบริษัทตาฝากด้วยนะ”
“ครับ ตาไม่ต้องห่วง ตอนนี้เหลือแต่เชิญแขกที่เป็นลูกค้าเท่านั้นครับ”
คุณตาเอ่ยถึงงานครบรอบก่อตั้งบริษัทของเราที่ต้องจัดทุกปีเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าและให้พนักงานได้มีโอกาสร่วม
งานด้วยครับ งานนี้ผมได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วเหลือก็แต่เชิญแขกอีกนิดหน่อยเท่านั้น และงานนี้ผมต้องการให้มิคและครอบครัวมาร่วมงานด้วย ถือเป็นการเปิดตัวสะใภ้ ‘อรุณกิจไพศาล’ ไปในตัวครับ
“งานนี้ฟินอยากให้มิคกับครอบครัวมาร่วมงานด้วยนะครับ” ผมหันไปบอกมิคที่นั่งทานผลไม้อยู่
“จะดีเหรอฟินงานของบริษัทฟินนะ แล้วมิคก็ไม่รู้จักใครเลยด้วย” มิคทำหน้าครุ่นคิดและตั้งท่าปฏิเสธ
“ไปเถอะลูกตาอยากให้มิคกับครอบครัวมานะ เพราะยังไงเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว” คุณตาที่นั่งหัวโต๊ะขัดขึ้น
มิคมองท่านก่อนรับปากแบบขัดไม่ได้ ผมรู้นะครับว่ามิคคงไม่อยากไปเท่าไหร่คงคิดว่ามันเป็นงานที่ดูเป็นทางการและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเอง แต่ที่ต้องรับปากคงเพราะขัดคุณตาท่านไม่ได้
“มิคไม่ต้องกังวลนะครับเป็นงานสบายๆไม่เป็นทางการหรอกครับ พนักงานบริษัทก็ไปมันเหมือนเป็นงานรื่นเริงประจำปีมากกว่าครับ มิคอย่าลืมซิครับว่ามิคเป็นคนของบ้าน ‘อรุณกิจไพศาล’ เต็มตัวแล้วนะครับ”
ผมพูดให้มิคสบายใจส่วนท้ายประโยคก็แค่อยากหยอกเย้าคนรักนิดหน่อย และผลก็สุดคุ้มเพราะมิคแดงทั้งหน้าแดงทั้งหูเลยครับ
“ฟิน!” เสียงหวานแหวออกมาทั้งๆที่หน้าแดงก่ำ
“ฮึๆๆ ตาว่าแค่สร้อยที่ตาให้ไปมันไม่พอแล้วมั้ง ตาคงต้องเตรียมของรับว่าที่สะใภ้ซะแล้ว ฮ่าๆๆ” คุณตาท่านพูดทิ้งท้ายก่อนลุกออกจากโต๊ะอาหารไปพร้อมเสียงหัวเราะไม่รอผลที่ท่านได้ก่อไว้
มิคที่ถือส้อมค้างอ้าปากตาโตมองตามหลังท่าน ก่อนตวัดสายตามามองผมด้วยใบหน้าแดงตาดุคิ้วขมวดมุ่นทันที และมิคก็อ้าปากพะงาบๆเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่มันยังไม่หลุดออกมาเป็นเสียง จนกระทั่งมิคหาเสียงเจอ
“ฟิน นี่ หมาย ความ ว่า คุณตาๆ รู้เรื่องของเราเหรอ” เสียงหวานพูดเป็นคำช้าๆก่อนต่อเป็นประโยคจนจบ
ผมก็พยักหน้ายิ้มๆมองหน้าแดงเพลินตา แต่ผมต้องผงะเพราะมิคที่ถือส้อมไว้เปลี่ยนมากำส้อมไว้แน่นและเตรียมทิ่มส้อมเข้าใส่ผม ผมคว้ามือนุ่มไว้ทันก่อนที่มันจะทิ่มมาที่หน้าผม
“เฮ้ยยย มิค มิคครับ อย่าครับ มิคจะทำร้ายสามีตัวเองได้ไงครับ”
ผมตกใจกับอาการสติหลุดของมิคที่คงทั้งอายทั้งโมโหเลยเผลอหลุดปากคำว่า ‘สามี’ ออกไป มิคชะงักทำหน้าตกใจและเปลี่ยนเป็นโมโหแทน
“ฟินนนน นายกล้ามากสามีงั้นเหรอ นายตายแน่ๆนายฟินนนน”
มิคตะโกนก้องลั่นบ้านแบบคนขี้โมโห และคำว่าสามีก็ดังกว่าคำไหนๆแบบนี้คนที่ไม่รู้เค้าก็รู้กันทั้งบ้านล่ะครับ ผมจับมือมิคและเอาส้อมออกจากมือนุ่มก่อนเดินมารวบกอดร่างนิ่มไว้ทั้งตัว ทำให้มิคขยับตัวอย่างฮึดฮัดในอ้อมกอดผม ตาผมเห็นทั้งป้านอมและเด็กรับใช้คนสนิทของป้ายืนอมยิ้มที่ช่องประตู นี่คงได้ยินกันหมดแล้วล่ะครับงานนี้ ผมก้มมองคนรักในอ้อมกอดที่ยังหน้ามุ่ยแต่หยุดออกแรงดิ้นไปแล้วก่อนก้มกระซิบให้ได้ยิน
“โอ๋ๆ ฟินขอโทษครับมิคหายโกรธนะ เอาแบบนี้เดี๋ยวตลอดอาทิตย์ฟินพาไปทานเค้กไม่ให้ซ้ำร้านเลยนะครับเอามั้ย หืม”
ผมโยกตัวคนรักเบาๆเหมือนปลอบเด็กน้อยและเอาใจมิคด้วยขนมเค้กสุดโปรดที่มิคชอบ มิคคลายหัวคิ้วลงแต่หน้ายังนิ่งไม่ยิ้มแย้ม
“งั้นเพิ่มโปรโมชั่น อะไรดีน้า.....”
“บุฟเฟ่อาหารนานาชาติที่โรงแรมที่ฟินเคยพามิคไป” เสียงหวานแทรกความคิดผมขึ้นมาอย่างทันท่วงที
“ครับตกลงครับ ตามบัญชาเลยที่รัก ฟอดดดด”
ผมยิ้มกว้างให้คนในอ้อมกอดที่หายงอนและส่งยิ้มกวนๆมาให้ ก่อนฝั่งจมูกลงแก้มกลมสูดกลิ่นหอมของผิวเนื้อเต็มปอด ค่อยยังชั่วงานนี้รอดตัวไป ไม่งั้นผมอดนอนกอดมิคคืนนี้แน่ๆครับ
................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
หลังผ่านคืนแรกอย่างร้อนแรงก็มาเจอบทหวานๆของทั้งคู่อีกครั้ง
แบบเบาๆ หวังว่าจะสร้างรอยยิ้มเล็กๆจากคนอ่านได้บ้างนะคะ
แอบสปอยด์ตอนหน้านี้ดดดนึง ใครที่เป็นแฟนคลับนายแม็คก็
จะสมใจเพราะแม็คจะมาพร้อมเปิดตัวคู่น้องแม็คค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
เจอกันตอนหน้าวันศุกร์ค่ะ

รวบบบ
