ตอนที่ 32วันนี้เป็นวันที่ผมต้องออกจากโรงพยาบาลแล้วครับหลังนอนอยู่ที่นี่มาสามคืน และผมก็ได้พยาบาลพิเศษเฉพาะตัวมานอนเฝ้าไข้ผมตลอดเลยล่ะครับจึงทำให้การนอนโรงพยาบาลไม่น่าเบื่อเหมือนคนอื่น เพราะผมผู้ซึ่งเป็นคนป่วยสามารถอ้อนคนรักได้แบบไม่ผิดแม้จะโดนหมั่นไส้นิดๆจากคนที่โดนผมอ้อน แต่ในที่สุดมิคก็ตามใจคนป่วยแบบผมล่ะครับ และตอนนี้ก็มีหมอตัวโตกำลังตรวจร่างกายผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนให้ผมกลับบ้าน
“เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ผมให้คุณฟินกลับบ้านได้เลยนะครับ” หมอตัวโตที่เป็นหมอเจ้าของไข้ผมยิ้มนิดๆออกมา
“ขอบคุณหมอภีมมากนะครับ” คนรักข้างตัวผมเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับมิคหน้าที่ผมอยู่แล้ว วันนี้กลับกันยังไงครับไม่มีใครมารับเหรอครับคุณฟิน” หมอภีมหันมาทางผมที่นั่งบนเตียง
“เดี๋ยวมีคนขับรถที่บ้านมารับน่ะครับ แต่ถ้าหมอจะหมายถึงไอ้ ‘ธี’ เพื่อนผมน่ะมันไม่มาหรอกครับ ฮึๆ” ผมส่งคำตอบให้หมออย่างรู้ใจว่าความจริงแล้วหมอภีมต้องการถามหาไอ้เพื่อนตัวแสบของผมมากกว่าจะอยากรู้ว่าผมจะกลับยังไง
“ฮึๆๆ ครับยังไงผมก็ฝากตัวกับคุณไว้ด้วยก็แล้วกัน เพราะผมว่าเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น” หมอเจ้าเล่ห์มันยิ้มให้ผมก่อนขอตัวออกจากห้องไป
“ฟินๆ นี่หมายความว่าหมอภีมสนใจธีจริงๆเหรอ” มิคจับแขนผมแบบตื่นเต้นตาโตอย่างอยากรู้
“ฮึๆๆ ฟินเดาว่าใช่ครับและเราคงต้องรอดูกันต่อไป มิคครับอย่าเพิ่งไปสนใจคนอื่นเลยมิคช่วยฟินเปลี่ยนเสื้อผ้าทีน้า เราจะได้กลับบ้านกันนะครับ นะ”
ผมก็คงให้คำตอบที่แน่ชัดเรื่องไอ้ธีกับหมอภีมไม่ได้หรอกครับก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนผมมันจะไม่รอดมือไอ้หมอที่เพิ่งออกไป เห็นบ่นตลอดว่าอิจฉาคนมีแฟนแบบพวกผม ทีนี้ล่ะมึงจะได้รู้ว่าการมีแฟนเป็นผู้ชายมันเป็นยังไง ผมนึกหน้าไอ้ธีเมื่อวานนี้ขึ้นมายังอดขำไม่ได้เลยครับ และดูท่างานนี้มันจะได้ผัวมากกว่าได้เมียดูจากขนาดร่างกายน่ะนะ
ผมเลิกคิดถึงคนอื่นดีกว่าเพราะคนตรงหน้าน่าสนใจกว่าเยอะ มิคที่โดนผมอ้อนจนหยดสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล ทำแก้มป่องคิ้วขมวดทำท่าจะปฏิเสธคนที่หายป่วยแบบผม แต่ผมยอมให้ปฏิเสธไม่ได้จึงใส่ลูกอ้อนเข้าไปอีกด้วยการเขย่าแขนเล็กส่งสายตาอ้อนนิดๆ
“นะครับนะ นะมิค” จนมิคพยักหน้าให้และถอนใจแรงออกมา
เราเดินเข้าไปในห้องน้ำผมจัดการล็อกประตูขังคนน่ารักที่หลงกลลูกอ้อนของผมปิดกั้นบรรยากาศข้างนอกให้เหลือแค่เรา ตอนนี้ในสมองผมมีแต่ภาพที่อยู่ในห้องน้ำที่บ้านผมวันนั้นวนเวียนอยู่ในหัว เพราะตลอดช่วงที่เราห่างกันผมไม่เคยดูแลตัวเองเลยครับแม้แต่เรื่องการสร้างความสุขให้ตัวเอง ส่วนอารมณ์ตามธรรมชาติยามเช้าของผมก็มีปกตินะครับแต่ผมก็ปล่อยให้มันสงบเองไม่แม้แต่ไปสนใจมันครับเพราะตอนนั้นบอกตรงๆผมไม่มีอารมณ์อยากจะมีความสุขอะไรแบบนี้เลย แต่ตอนนี้ขณะนี้ผมได้อยู่กับคนรักไม่ต้องสร้างอารมณ์หรอกครับอารมณ์มันก็เกิดง่ายยิ่งกว่าง่าย จนผมอยากจะต่อให้จบจากเรื่องเมื่อเช้าวานนี้ก่อนไอ้พวกเพื่อนผมมันจะมา
“เฮ้ยยย ฟินจะถอดเสื้อเร็วไปไหนเนี่ย” มิคหันมาทำท่าตกใจเมื่อเห็นผมเตรียมพร้อมด้วยการถอดเสื้อคนไข้ออกจากตัวแล้ว
“มิคครับ ฟินคิดถึงมิคมากเลยรู้มั้ย ตอนเราห่างกันฟินไม่ได้สนใจตัวเองเลย” ผมเดินไปชิดร่างบางตรงหน้ามิคเงยหน้ามองผมแบบสงสัยว่าผมต้องการจะพูดอะไร และผมไม่ปล่อยให้มิคสงสัยนาน ผมจึงคว้ามือนุ่มมาจับที่ส่วนกลางลำตัวทันที
“อ๊ะ ฟินนนนน” มิคที่ไม่ทันตั้งตัวมือที่ผมคว้าไปจับจึงโดนลูกรักที่โตเร็วแข็งแรงเต็มที่แล้วไปเต็มมือ มิคร้องเรียกชื่อผมเสียงหลงพยายามชักมือออกแต่ผมก็ฝืนแรงไว้ให้อยู่ที่เดิม
“อ๊าๆๆ มิคครับช่วยฟินหน่อยนะครับที่รัก ฟินทรมาน อืม”
ผมเผลอครางกับสัมผัสจากมือนุ่มก่อนก้มลงกระซิบข้างหูหอมที่แดงก่ำไม่แพ้ใบหน้า และเพิ่มแรงให้มือนุ่มเค้าได้สัมผัสลูกรักผมเพื่อยืนยันถึงความทรมานที่ผมอ้างถึง ผมฉวยโอกาสจูบกลีบปากนุ่มที่กำลังจะเอื้อยเอ่ยออกมา ผมไม่รู้ว่าจะเป็นคำตอบรับหรือคำปฏิเสธหรอกครับแต่ขอดูดกลืนความหวานจากคนรักก่อน ผมกวาดลิ้นต้อนทั่วโพรงปากนุ่มและความหาลิ้นเล็กที่หลบหลีกจนเจอผมจึงปลอบประโลมให้เจ้าของเค้าคล้อยตาม มือก็ถอดพันธนาการด้านล่างเพียงชิ้นเดียวออกไปทางปลายเท้า และวางมือทับมือนุ่มที่ด้านล่างให้กระชับแท่งร้อนที่ผงาดรอการปลอบประโลม คราวนี้มือนุ่มยอมกระชับตามที่ผมต้องการเจ้าของมือนุ่มคงเพลิดเพลินกับรสจูบที่ผมปรนเปรอให้ ผมจึงเริ่มนำทางขยับชักพาให้เกิดทิศทางและแรงตามที่ใจต้องการ
“อ๊าๆๆ ซี๊ดดดด มิคครับ อืมมม”
ผมครางยาวกับสัมผัสที่ได้รับ ผละจูบออกมาซอกซอนที่หลังใบหูหอมจูบประทับที่ผิวเนื้อหลังใบหูไล้จมูกและริมฝีปากมาสัมผัสที่ซอกคอขาว จูบแผ่วเบาและฝั่งจมูกเพื่อสูดกลิ่นหอมของผิวเนื้อของคนตัวขาวมือทั้งสองข้างกอบกุมสะโพกกลมและออกแรงบีบอย่างหมั่นเขี้ยว
“อ๊ะ ฟินไม่เอา มิคเจ็บ” เสียงหวานประท้วงแรงจากมือผมและพยายามเบี่ยงหลบ
ผมจึงเปลี่ยนการลงแรงมาเป็นลูบแผ่วเบาแทน มือนุ่มทั้งสองข้างยังทำจังหวะขยับแท่งร้อนของผมให้อย่างรู้ใจ จนผมอดใจไม่ไหวต้องฟัดแก้มแดงอีกฟอดเพื่อให้รางวัลคนน่ารักไม่ได้
“อ๊าๆๆๆ ดีครับมิค ที่รักเร่งอีกนิดนะ ซี๊ดดด”
ผมครางพร้อมบอกความต้องการให้มิคเร่งขยับมือเพราะแรงอารมณ์ที่ขึ้นสูงบวกกับกักเก็บความต้องการไว้นานแล้วจึงทำให้อารมณ์แห่งความสุขเหมือนจะมาถึงเร็วกว่าทุกครั้ง ผมจับขอบอ่างล้างหน้าที่ด้านหลังมิคไว้โดยมีมิคอยู่ระหว่างแขนทั้งสองข้างและเร่งขยับสะโพกสวนมือนุ่มของมิคเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย
“ซี๊ดดด อืมมม มิคคคค อ๊าๆๆๆๆ”
ผมครางยาวออกมาพร้อมปลดปล่อยธารรักสีขาวออกมาเต็มอุ้งมือคนรักที่ตอนนี้ซบหน้าแดงก่ำของตัวเองซ่อนอยู่ที่ไหล่ผม ยังไม่ยอมเงยหน้าให้ผมเห็นใบหน้าน่ารักที่คงแดงก่ำเพราะความอายเลยครับ ผมซบหน้ากับลาดไหล่บางและหอบเหนื่อยอยู่ข้างหูหอม ผมแอบเห็นว่ามิคขนลุกไปกับลมหายใจถี่รัวของผมด้วย ผมจึงจูบไปที่หูแดงและฟัดแก้มแดงๆทั้งสองข้าง ก่อนเชยคางมนขึ้นให้มิคสบตา ตอนแรกมิคไม่สบตาผมเพราะเสมองไปด้านข้างแม้ผมจะเชยคางมนเพื่อจะได้เห็นหน้าที่รักชัดตา จนผมต้องเรียกชื่อมิคอย่างออดอ้อนมิคถึงจะยอมมองตาผม และผมก็พบแววตาวูบไหวจากความอายที่เกิดขึ้นของมิค มันทั้งน่าเอ็นดูและยั่วยวนไปในตัว จนผมต้องก้มจูบปากเจ่อแดงของมิคแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“ขอบคุณครับมิคที่ตามใจฟิน ฟินรักมิคนะครับ”
ผมพูดพร้อมจ้องตามิคไปด้วยให้รู้ว่าผมรักมิคจริงๆและผมก็ดีใจมากเลยครับที่มิคยอมตามใจคนเจ้าเล่ห์แบบผม มิคไม่ตอบอะไรผมครับแต่หลบตาและหน้าก็แดงกว่าเดิม ผมจึงกอดร่างบางตรงหน้าแน่นๆก่อนให้มิคเค้าได้จัดการตัวเอง ส่วนผมก็โดนทิ้งทันทีเมื่อมิคออกไปนอกห้องน้ำหลังจากล้างไม้ล้างมือแล้ว ผมก็ไม่รั้งมิคไว้เพราะผมรู้ว่าคนรักอายมากเลยล่ะครับที่โดนผมอ้อนให้ทำอะไรแบบนี้ให้ แม้เราจะเคยๆกันมาบ้างแล้วก็ตามแต่นั่นแหละครับเด็กน้อยที่น่ารักของผม เสน่ห์ของมิคก็อยู่ตรงนี้ล่ะครับ
..............................................................
ณ บ้าน ‘อรุณกิจไพศาล’ รถยนต์คันโตวิ่งมาจอดหน้ามุขของประตูเข้าตัวบ้าน มีคนขับรถมาเปิดประตูให้ชายหนุ่มสองคนลงจากรถ โดยมีชายหนุ่มผิวเข้มตัวสูงใหญ่เกาะเอวบางของหนุ่มน้อยใส่แว่นตัวเล็กไว้ และตลอดการเดินเข้าบ้านมือใหญ่ไม่ได้ผละออกจากเอวบางเลย แม้เจ้าของเอวเค้าจะส่งสายตาเตือนก็แล้ว พูดก็แล้ว หรือแม้แต่ลงมือหยิกหลังมือใหญ่ก็ทำแล้วแต่มือใหญ่แค่ผละออกและก็กลับมาเกาะเอวเล็กไว้ตำแหน่งเดิม จนเจ้าของเอวอ่อนใจยอมปล่อยให้เกาะต่อไป
“คุณฟินหายดีแล้วนะคะ ป้าเป็นห่วงคุณฟินมากเลยค่ะ ทีหลังอย่าทำให้คนแก่เป็นห่วงอีกนะคะ” หญิงสูงวัยที่มีตำแหน่งเป็นแม่บ้านใหญ่ดูแลบ้านหลังนี้ พูดอย่างเป็นห่วงและรู้สึกว่าผมจะเห็นน้ำตาซึมที่หัวตาคนแก่ด้วยนะครับ
“โธ่ๆๆ ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับป้านอมอย่าร้องไห้นะครับ เดี๋ยวผมมีบาปติดตัวน้า และที่สำคัญป้าต้องไปบอกคุณมิคของป้าครับว่าอย่าทิ้งผมไปแบบนั้นอีก ถ้าเค้าทิ้งผมอีกครั้งผมแย่แน่เลย”
ผมกอดคนแก่ตัวนิ่มเพื่อปลอบประโลมให้แก่หายเศร้าและส่งสายตาออดอ้อนไปหามิคที่ยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างกัน มิคคงขำผมที่ทำตัวเป็นเด็กออดอ้อนคนแก่อยู่แบบนี้
“คิกๆๆ ก็ถ้าคุณหนูของป้าไม่เกเรแบบนั้นอีก ใครเค้าจะทิ้งล่ะครับป้านอม ต้องโทษคุณหนูฟินของป้าถึงจะถูกนะครับไม่ใช่มิค” มิคเข้ามากอดป้านอมอีกข้างและออดอ้อนคนแก่แบบที่ผมทำ
ดูท่าคนแก่ที่อยู่ตรงกลางเค้าจะเห็นใจคนน่ารักมากกว่าผมที่เป็นคุณหนูของแกแล้วล่ะครับ เพราะหันไปฟัดแก้มกลมทั้งสองข้างของมิคใหญ่เลย เจ้าของแก้มก็ยืนนิ่งให้คนแก่ได้ฟัดเต็มที่แบบถนัดๆและยิ้มยักคิ้วมาให้ผม ส่งสัญญาณให้รู้ว่าใครเหนือกว่าใคร ผมที่ได้เห็นก็ได้แต่ส่ายหัวและยิ้มตามคนเจ้าเล่ห์ที่แสนน่ารัก
“คุณฟินคะ คุณท่านให้พาคุณมิคไปพบที่ห้องหนังสือข้างบนเมื่อคุณทั้งสองมาถึงค่ะ”
หลังผมปล่อยให้คนแก่ได้ฟัดแก้มนิ่มของคนน่ารักจนพอแล้ว ป้านอมก็บอกสิ่งที่คุณตาต้องการเมื่อเราทั้งคู่มาถึงบ้าน ผมจึงชวนมิคไปหาท่านดูท่าคงเป็นเรื่องสำคัญ ป้านอมก็ขอตัวเพื่อไปทำอาหารกลางวันต้อนรับการกลับบ้านของผม เมื่อเรามาอยู่หน้าห้องสมุดแล้วผมจึงเคาะประตูห้อง และได้ยินเสียงอนุญาตจากคุณตาผมจึงจับจูงข้อมือมิคเข้าไปพบท่านภายในห้อง คุณตาท่านนั่งอยู่ที่โซฟาข้างตู้หนังสือที่มีหน้าต่างบานยาวจากพื้นจรดเพดานเพื่อเปิดรับแสงเต็มที่เหมาะสำหรับเป็นมุมอ่านหนังสือ
มิคที่เห็นท่านนั่งอยู่จึงปล่อยมือผมก่อนคลานเข่าไปหาท่าน มิคก้มกราบที่ตักท่านและโอบแขนกอดไปรอบเอว กิริยาน่ารักของคนรักทำให้คุณตาที่ยิ้มยากของผมเปิดยิ้มกว้าง และส่งมือเหี่ยวย่นมาลูบหัวทุยที่ตักตัวเอง ผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับกิริยาน่ารักๆแบบนี้ของมิคและคลานเข่าไปใกล้ทั้งสองก่อนยกมือไหว้คุณตาที่นั่งอยู่ รอยยิ้มที่ส่งให้คนของผมจึงเผื่อแผ่มาให้หลานแบบผมด้วย
“เป็นไงหายดีแล้วซิฟิน ได้พยาบาลชั้นยอดอย่างหนูมิคเนี่ย หืม ใช่มั้ยลูก” คุณตาถามผมยิ้มๆและก้มไปถามคนน่ารักที่ตอนนี้เงยหน้าจากตักแล้วแต่มือยังไม่ปล่อยจากเอวท่านเลย
“ฟินต้องหายดีอยู่แล้วครับก็มีมิคดูแลอยู่นี่ครับคุณตา” มิคตอบท่านพร้อมรอยยิ้มกว้างตาปิดแบบที่ผมชอบจนผมละสายตาไม่ได้เลย
“ฮึๆๆ ดีแล้วๆ ต่อไปมีอะไรต้องคุยกันนะลูก มิครู้มั้ยไอ้หลานตาคนนี้มันจะตายให้ได้เลย วันๆเหมือนศพเดินได้ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรกับเค้าเลย” คุณตาลูบหัวมิคขณะบอกเล่าถึงอาการผม
มิคทำแก้มพองปากยื่นนิดๆหันหน้ามาทางผมและมองค้อนนิดๆที่ดูเหมือนว่าคุณตาจะต่อว่าเจ้าตัว จนท่านต้องหัวเราะให้ท่าทางขี้งอนของมิคและลูบหัวทุยอย่างเอ็นดู และท่านก็หันมาทางผมก่อนเอ่ยออกมา
“ฟินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีชมพูที่ตู้ใบนั้นให้ตาหน่อย” ท่านบอกผมและชี้มือไปที่ตู้หลังโต๊ะหนังสือ
ผมก็เดินไปที่ตู้ใบนั้นที่ปกติจะใส่กุญแจไว้และดูเหมือนว่าจะใส่ของมีค่าของคุณตาเก็บไว้ แต่วันนี้มันปลดล็อคอยู่ผมจึงเปิดตู้และมองหากล่องที่ท่านบอก และมันก็เห็นได้ชัดเพราะสีที่โดดเด่นออกมาจากใบอื่น เมื่อได้กล่องที่ต้องการผมจึงนำเอามันมาให้ท่านที่รออยู่และดูท่ากำลังเพลินกับเสียงเจื้อยแจ้วที่กำลังเล่าเรื่องเรียนของตัวเองให้ท่านฟัง ใบหน้าของคุณตาผมนั้นประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาที่มิคพูดกับท่าน คุณตาเปิดกล่องกำมะหยี่สีชมพูที่ผมส่งให้ ท่านหยิบของในกล่องออกมาและวางกล่องไว้ข้างตักท่าน และกำมือมาตรงหน้ามิคก่อนคลายมือออกปล่อยให้สายสร้อยที่มีจี้ห้อยทิ้งตัวลงมา สายสร้อยทองคำขาวเส้นบางมีจี้ที่มีอัญมณีสีชมพูขนาดไม่ใหญ่นักอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยทองคำขาวเป็นวงรอบ มิคและผมหันหน้ามามองกันและเราก็สงสัยไม่ต่างกันว่าท่านต้องการให้เราดูสร้อยเส้นนี้ทำไม
“นี่เป็นของยายเจ้าฟินมัน ตาเป็นคนทำให้เค้าเมื่อสมัยที่เราคบกัน อัญมณีสีชมพูเนี่ยเป็นโรสควอตซ์นะ แม้ราคามันจะไม่มาก เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีเงินเหมือนสมัยนี้หรอก ฮึๆ กว่าจะได้เส้นนี้มานะตาเก็บเงินอยู่นานเลยล่ะ พวกเจ้ารู้มั้ยว่าความหมายของโรสควอตซ์คืออะไร” ขณะที่ท่านพูดสายตาไม่ได้ละไปจากตัวจี้เลยและริมฝีปากท่านก็ประดับรอยยิ้มตลอดเวลาเหมือนว่าท่านกำลังระลึกถึงคุณยาย
ผมเมื่อได้ฟังคำถามก็มองมาที่มิคและก็พบใบหน้าแสดงความสงสัยใคร่รู้เหมือนกัน เราจึงหันไปที่ท่านและส่ายหน้าตอบว่าเราไม่รู้ความหมายของอัญมณีชิ้นนี้
“โรสควอตซ์ เป็นอัญมณีแห่งความรักและการให้อภัย มันจะนำพาแต่ความรักและความสุขมาให้ผู้ที่ครอบครอง และสร้อยเส้นนี้มันก็อยู่กับยายของเจ้าฟินจนเค้าจากตาไปเลย” สายตาท่านไม่ได้มีแววเศร้าเสียใจผมเห็นแต่แววตาของความสุขที่ฉายชัดเมื่อท่านพูดถึงคุณยาย
“และตอนนี้ตาเจอเจ้าของคนใหม่แล้ว ฟินสวมให้มิคสิตาจะมอบมันให้เจ้าของคนใหม่ดูแล” ท่านยื่นสร้อยเส้นนั้นมาให้ผม
“ตะ แต่ว่า คุณตาครับมิค...” มิคที่ทำท่าปฏิเสธคงเพราะรู้ว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับท่านมาก
“หนูมิคอย่าปฏิเสธตาเลย เพราะสร้อยเส้นนี้ต้องการคนดูแลนะลูก และคนที่เหมาะที่สุดคือมิค รับไว้นะอย่าขัดใจคนแก่ เอ้า ตาฟินสวมให้หลานชั้นเร็วๆเลย” คุณตามีหลานเป็นคนตัวเล็กแทนผมไปแล้วครับ
ผมจึงยื่นมือไปรับสร้อยมาจากคุณตาและบรรจงสวมมันลงไปที่คอขาว ติดตะขอที่ด้านหลังคอขาวก่อนชะโงกตัวมาจับจี้ให้อยู่ด้านหน้า เมื่อสวมสร้อยเรียบร้อยแล้วมิคก็ก้มกราบไปที่ตักคุณตาพร้อมกล่าวขอบคุณท่าน
“ขอบคุณครับคุณตา มิคจะดูแลสร้อยเส้นนี้ที่เปรียบดั่งดวงใจของคุณตาให้ดีที่สุดเลยครับ” มิคยิ้มกว้างส่งให้คุณตาเพื่อยืนยันคำพูด
“ฮึๆๆ ดีแล้วลูก ทีนี้มิคก็เป็นคนของครอบครัวอรุณกิจไพศาลแล้วนะ ตาฝากเจ้าฟินมันด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ” คุณตาหัวเราะขึ้นมาเสียงดังพอพูดจบท่านก็เดินออกนอกห้องไป
ปล่อยให้มิคอ้าปากตาโตหลังแปลความหมายท่านจากคำพูดแล้วส่วนผมนี้ยิ้มแก้มปริไปแล้วครับ นี่หมายความว่าคุณตาผมท่านจองมิคให้ผมด้วยสร้อยที่มีจี้โรสควอตซ์ของรักของท่านแล้วใช่มั้ยครับ ผมรักคุณตามากที่สุดก็วันนี้แหละครับ
“ฮึๆๆ มิคต้องเชื่อฟังคุณตานะครับ และต้องดูแลฟินดีๆอย่างทิ้งขว้างกันน้า”
ผมพูดกระซิบที่หูหอมของคนที่ยังนิ่งอึ้งกับการรวบรัดของตาเพื่อหลานชายคนเดียวแบบผม และกดจมูกฝั่งแก้มนิ่มเต็มแรงก่อนสูดกลิ่นหอมชื่นใจเสียหนึ่งทีและเดินออกมาจากห้องก่อนที่มิคจะตั้งตัวได้ จนผมมายืนรอคนน่ารักหน้าประตูพักหนึ่งถึงได้ยินเสียงหวานเรียกชื่อผมแบบคนที่เพิ่งได้สติ
“ฟินนนน”
.................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
หวานปนหื่นเบาๆนะคะ สำหรับคนที่รอแบบจัดเต็มมาแน่นอนค่ะ
ส่วนคุณตาที่น่ารักก็รู้ใจหลานสุดๆ จับมิคมัดด้วยสร้อยแห่งรัก
ประเคนหลานชายเลยค่ะ ฮุๆๆ
ตอนหน้าเมื่อตาและหลานชายบุกบ้านว่าที่สะใภ้ ‘อรุณกิจไพศาล’
จะเกิดอะไรขึ้นบ้างโปรดติดตามวันอังคารนะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิมค่ะ^^ และใครที่รอคู่ธีกับภีมไม่ผิดหวังแน่นอน
เพราะคู่นี้จ่อคิวรออยู่แล้วค่ะ
Happy New Year 2012 ค่ะ
พรดีพรประเสริฐใดใดที่มีจงบังเกิดแก่คนอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ
รวยๆ เฮงๆ สวยๆ หล่อๆ จ้า
