ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา BY สุริยาทิศ :: SPECIAL FLIGHT [30/10/54] จบแล้วจ้า  (อ่าน 104017 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สารภาพรักแล้ว  แต่เรายังคงชอบบาเรลล์และเทลิซ่าอยู่อย่างมากมายเหมือนเดิม
คิด ๆ อยู่ว่า  ถ้าได้เป็นแฟนกัน  จะยังพูดกันแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 20 : เกมเทวดา (3)





          หลังจากที่ทิมมี่ได้ยินคำพูดนั้น...หนุ่มหน้าขาวก็ได้แต่นั่งหันหลังอึ้งให้กับเขา.. ความเงียบปกคลุมนานกว่าสิบห้านาที..จนกระทั่งเสียงเคาะประตูมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในห้องลงจนหมดสิ้น...กัปตันหนุ่มลุกไปเปิดประตูด้วยตัวเอง



“อ..อ้ะ...คุณลูคัส!?” เทลิซ่าทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องของทิมมี่



“ไง... ไปไหนมาล่ะ”



“...ป..ไป...” เทลิซ่ากำลังจะตอบ แต่พอคิดถึงหน้าบาเรลล์ขึ้นมาได้ หล่อนก็ตัดสินใจไม่ตอบดีกว่า



“ว่าแต่คุณลูคัส... ไม่กลับบ้านเหรอคะ?”



“อืม... ตอนแรกว่าจะไม่กลับนะ...” กัปตันหนุ่มหันไปมองแผ่นหลังของทิมมี่ที่ในขณะที่หนุ่มหน้าขาวยังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ยอมหันกลับมามองเขา

 

“เอาเป็นว่า... เดี๋ยวพรุ่งนี้...ฉันมาใหม่แล้วกัน” กัปตันหนุ่มเดินสวนเทลิซ่าออกมา.. ในขณะที่เทลิซ่ามองร่างสูงที่เดินผ่านไปอย่างสงสัยอะไรบางอย่างก่อนที่หล่อนจะเดินเข้ามาในห้องทิมมี่

 

“ไง... ได้หลับบ้างหรือยัง?” ผู้เป็นน้องสาวถาม

 

“..อืม... ตอนนี้โอเค.แล้ว”

 

“งั้นก็ดี... เดี๋ยวฉันก็ไปพักผ่อนบ้างแล้วกันนะ... พรุ่งนี้.. ฉันคงจะนอนทั้งวันเหมือนกัน...”

 

“อืม... ตามสบาย” เทลิซ่าปิดประตูลง...ทิ้งให้ทิมมี่เข้าสู่บรรยากาศของความเงียบสงบภายในห้องของตัวเองอีกครั้ง... ความคิดสับสนวุ่นวายยังไม่คลายไปไหน...หากแต่คำพูดที่ทำให้หนุ่มหน้าขาวต้องชะงักและอึ้งจนมาถึงวินาทีนี้...เขาบอกไม่ถูกว่ามันเป็นคำพูดที่ดีหรือเป็นคำพูดสองคมกันแน่... เขาเข้ามาในชีวิตของเทเลอร์ เพราะว่าเขารักเทเลอร์... แต่ทำไมอยู่ๆในวันนี้..เขาถึงได้พูดอะไรที่ผิดธรรมชาติออกมาแบบนั้นได้...

 




“...ไม่ได้เป็นเกย์... อย่างนั้นเหรอ?....หึ..... บ้าชิพ...”





          บางที.. “คำๆเดียว” อาจจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคนๆหนึ่งให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บางครั้งการเลือกที่จะเป็นอะไรก็ตาม แม้ใครคนนั้นจะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นไม่ได้ผิดกฎหมายหรือทำให้ใครๆเดือดร้อน..แต่ทว่า “ชื่อเสียง” และทุกอย่างๆในชีวิตที่เขาได้สร้างขึ้นมากับมือมันอาจจะพังทลายลงตรงหน้าแค่เพียงเพราะมีใครคนอื่น เรียกเขาคนนั้นว่า
 “เกย์” และบางทีการกระทำที่ออกมาจากใจ..ไม่ว่ามันจะมากน้อยเพียงไหน.. ความรู้สึกดีๆ มันก็มีความหมายมากเกินไปกว่าที่เราจะมาคาดคั้นหาคำตอบจากตัวเองว่าเราเป็นคนแบบไหนกันแน่? และในบางคนการที่ใครคนหนึ่งจะทำให้ใครอีกคนมีความสุข.. ในช่วงเวลานั้นเอง เขาก็อาจจะไม่ได้คิดหรอกว่า คนที่ตัวเองต้องการจะให้มีความสุขคนนั้น จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย..






-เช้ารุ่งแห่งความสับสน-





          กัปตันหนุ่ม เดินออกมาจากบ้านพักสุดหรูชานกรุงปารีส เขาสวมเสื้อเชิร์ตลายซาฟารีรูปยีราฟสบายๆ กับกางเกงสามส่วนยี่ห้อดังพร้อมกับแกว่งกุญแจรถเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และทรงผมที่เซ็ตหวีเรียบร้อย เหมือนคุณชายจากผู้รากมากดีก็ไม่ปานรถยนต์คันหรูของกัปตันหนุ่มแล่นเข้าสู่ใจกลางกรุงปารีส พร้อมกับเลี้ยวเข้ามาในสุสานพลางจอดไม่ไกลจากบริเวณหลุมศพของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์ เท่าไหร่นัก..



          ชายหนุ่มร่างสูงเดินลงมาจากรถพร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่.. ความหมายของดอกไม้ซึ่งเปรียบประดุจดั่งหญิงสาวผู้เป็นที่รักและยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ในหัวใจของเขา.. แม้ในวันนี้.. เธอผู้นั้นจะจากเขาไปเสียแล้ว..ดอกกุหลาบสีขาวกว่าหลายสิบดอกในช่อดอกไม้สีขาวที่อัดกันแน่น..ถูกวางลงตรงหน้าหลุมศพของเทเลอร์...หากแต่ชายหนุ่มยังคงยืนไว้อาลัยอย่างสงบ..พลางนึกถึงภาพเก่าๆที่เขากับเทเลอร์ ได้มีความสุขด้วยกัน.. ในเวลานั้นพอได้หวนย้อนกลับไปนึกถึงกันอีกครั้ง..มันก็เรียกความรู้สึกว้าเหว่และบรรยากาศที่เศร้าลงในหัวใจของกัปตันหนุ่มได้ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน หากแต่ความสงบในจิตใจของเขากลับถูกมารผจญมาขัดขวางเสียก่อน...





 “กัปตันคะ!!” น้ำเสียงของใครที่กัปตันนั้นรู้สึกคุ้นหู...ชายหนุ่มหันไปมองต้นเสียง ที่ยืนอยู่ในชุดวาบหวิวล่อผีล่อสางกลางวันแสกๆ..



“..ช..ชอริต้า?..” กัปตันหนุ่มแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขา พาลนึกว่าตัวเองในใจ... ว่าทำไมถึงไม่มีลางสังหรณ์ใดใดสักนิดให้รู้นะ ว่าหญิงสาวคนนี้จะมา



“คือ..ฉันผ่านมาพอทางพอดีน่ะค่ะ...แล้วก็เลยพบกับกัปตันเข้า...” หญิงสาวพูดพลางเล่นหูเล่นตา

 

"อืม... วันนี้คุณหยุดหรือ?”

 

“ค่ะ! ..เอ่อ.... แล้วกัปตันล่ะคะ เที่ยวบินต่อไปเมื่อไหร่คะ?”

 

“พรุ่งนี้น่ะ...”


 
“อุ๊ย! ดีจัง...รอบเดียวกันเสียด้วย... เอ่อ...ไม่ทราบว่าตอนนี้ กัปตันพอจะมีเวลาว่างสักครู่มั้ยคะ” น้ำเสียงยั่วยวนถามขึ้น ก่อนที่หล่อนจะเดินตรงมาใกล้กัปตันหนุ่ม พร้อมสายตาเย้ากิเลส

 

“คือพอดี...ผมมีธุระน่ะ”

 

"สักครู่เดียวเองนะคะ...ฉันเห็นสีหน้ากัปตันไม่ค่อยดีเลย... ไม่พักดื่มกาแฟกันสักถ้วย และกัปตันค่อยไปทำธุระต่อก็ได้นี่คะ..นะคะกัปตัน” กัปตันหนุ่มเบี่ยงสายตาแล้วแอบถอนใจ



“แต่ผมว่า...”



“นะคะกัปตัน! แป๊บเดียวเองนะคะ... นะ...” หญิงสาวเอื้อมมือมาควงแขนชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะพลางส่งสายตาอ้อนวอน...
หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกหลงใหลอะไรในแววตาคู่นั้นของชอริต้าเลย...แต่คำว่า “มารยาทและความเกรงใจ” ก็ทำให้กัปตันหนุ่มพยักหน้าพร้อมๆกับตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก

 

“ถ้าอย่างนั้น... เราขับรถกันไปที่สตาร์บัคส์นะคะ...ดิฉันจะขับนำไปก่อน” หญิงสาวเดินย้ายสะโพกออกไป ในขณะที่กัปตันหนุ่มยกมือขึ้นมาวางบนหน้าผากแล้วลูบใบหน้าอย่างกลัดกลุ้ม..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



             

         ทิมมี่นั่งรถแท็กซี่มาที่สุสาน หนุ่มหน้าขาวเดินลงมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่สีขาว และเดินตรงมาที่หลุมศพของเทเลอร์ ดรอว์เยอร์... พลันสายตาของเขาก็พบกับดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางไว้หน้าหลุมศพของเทเลอร์ หนุ่มหน้าขาวรู้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน..ว่าดอกไม้ช่อนั้นเป็นของใคร


 

“คุณทิมมี่ครับ!” เสียงของใครบางคน ทำให้ทิมมี่ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียงด้วยสีหน้าไม่คาดคิด



“.....คุณ....โรเจอร์.....” ชายหนุ่มที่เดินเข้ามา ยิ้มทักทายด้วยสีหน้าดีใจที่ได้พบทิมมี่อีกครั้ง

 

“วันนี้... คุณไม่ได้ทำงานหรือครับ คุณโรเจอร์?” หนุ่มหน้าหยกถาม พลางหันหน้าไปทางหลุมศพของน้องสาว

 

“...ผมขอเปลี่ยนเวรกับคนอื่นน่ะครับ... เอ่อ....ผมอยากมาเจอคุณ...” ทิมมี่ชะงัก เมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “....เจอผม?.... ทำไมครับ?” ทิมมี่ถามโดยที่ไม่หันไปมองหน้า ก่อนที่จะเดินไปวางช่อดอกไม้เคียงข้างช่อใหญ่ของกัปตันลูคัส
ก่อนที่เขาจะหันมาทางโรเจอร์ พลางกลิ้งสายตาไปทางอื่นด้วยความรู้สึกอึดอัด

 

“ผมเสียใจด้วยนะครับ... กับเรื่องน้องสาวของคุณ...” โรเจอร์เลี่ยงสิ่งที่จะพูดออกไปก่อนตามมารยาท

 

“ขอบคุณครับ...”

 

“....เอ่อ.. คุณทิมมี่ครับ...ผมอยากชวนคุณไปเดินเล่นนะครับ...ผมคิดว่าคุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้ก็ได้..” โรเจอร์พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งลงไปพาให้ทิมมี่เห็นความจริงจังบนใบหน้านั้นมากขึ้นกว่าเดิม..

 

“...คุณเปลี่ยนตารางงานของตัวเอง...เพื่อจะมาหาผม...และพาผมไปเดินเล่นน่ะเหรอครับ?” ทิมมี่ถาม พลางทำหน้าสงสัย..หากแต่ในใจแล้วเขาเองก็รู้ดีว่าชายคนตรงหน้ากำลังพยายามจะทำอะไร



“...ผมแค่มีเรื่องบางเรื่อง..ที่ยังติดค้างกับคุณเอาไว้....วันนั้น.... หากคุณทิมมี่ยังจำได้... ก่อนที่คุณลูคัสจะเข้ามา.... ผมได้พูดเรื่องอะไรบางอย่าง...กับคุณ...” ทิมมี่สะอึกนิ่ง.. เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น...เหตุการณ์ที่โรเจอร์..สารภาพความรู้สึกกับเขา..

 

“แต่เวลานี้...ผมว่าเราไม่น่าจะพูดเรื่องนั้นหรอกนะครับ..” ทิมมี่เลี่ยงตามความรู้สึก

 

“.....อืม.... ก็ได้ครับ...” โรเจอร์ถอนหายใจ

 

“ถ้าอย่างนั้น....ขอเพียงแค่คุณทิมมี่ไปเดินเล่นกับผม...ผมสัญญาว่าผมจะไม่พูดเรื่องวันนั้นสักคำ... นะครับ....” ในที่สุดความตั้งใจดีของโรเจอร์ก็เอาชนะความรู้สึกลังเลและสับสนของทิมมี่จนสำเร็จ... ทิมมี่พยักหน้าช้าๆ ก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มที่เดินยิ้มออกไป... หากแต่สายตาของหนุ่มหน้าหยกก็ยังแอบหันมาชำเลืองมองช่อดอกกุหลาบสีขาว ของกัปตันหนุ่มผู้นั้น... ด้วยความรู้สึกที่ต้องการคำตอบอะไรบางอย่างที่ตัวเขานั้นยังไม่สามารถได้รู้... กับเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจของตัวเอง..ในเวลานี้...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




                           
เอสเปรสโซ่สองแก้ววางอยู่บนโต๊ะกาแฟไม้อัดของร้านสตาร์บัคส์ ... กัปตันหนุ่มราวกับไม่มีทีท่าว่าจะอยากแตะมัน
ในขณะที่ชอริต้านั้นชำเลืองมองพลางยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัยน์...ก่อนที่หล่อน จะแอบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋า และกดเบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นเลขหมายของกัปตันลูคัส.. และกดโทร.ออกราวกับหล่อนมีแผนการอะไรบางอย่างต่อการกระทำนี้กัปตันหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งส่งเสียง


 
“เอ่อ... ขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ..” ชอริต้าพยักหน้า และมองชายหนุ่มที่ลุกออกไปด้วยสายตาฉายแววพอใจอะไรบางอย่าง..เมื่อชายหนุ่มเดินหายไปกับมุมห้องแล้ว.. หญิงสาวก็ควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทันที แผงฟรอยด์ที่ถูกห่อหุ้มยาเม็ดใหญ่ในมือ... ถูกแกะออก เผยให้เห็นเม็ดยาสีขาวนวล.. หญิงสาวยื่นยาเม็ดนั้นขึ้นมาตรงหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างสะใจในแผนการของตัวเอง

 

“ไม่ได้ด้วยเล่ห์... ก็ต้องได้ด้วยกลล่ะนะ... หึ..ขอโทษทีนะคะคุณลูคัส... กัปตันสุดหล่อ!”



           


     
          รถเก๋งสีเขียวเข้มของชอริต้าแล่นเข้ามาภายในโรงแรมโมเทลแห่งหนึ่ง ไกลจากตัวเมืองพอดู...หญิงสาวจัดการเช็คอินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบกลับไปที่รถและพยุงร่างสูงใหญ่ของกัปตันหนุ่มที่หมดสติไปแล้วในเวลานี้..เข้าไปยังห้องสวีทที่เธอได้เช็คอินเอาไว้แล้ว ...และไม่ช้าร่างสูงใหญ่ก็ลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนุ่มหลังใหญ่ในที่สุด..กระดุมเม็ดแรกค่อยๆถูกปลดออกมาจนถึงกระดุมเม็ดสุดท้าย...หญิงสาวเปิดเสื้อขาวของชายหนุ่มเบิกกว้าง เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง.. กล้ามอกของชายหนุ่มกับกล้ามท้องเป็นลอนล่ำสัน...เจ้าของผิวสีแทนนอนเปลือยท่อนบนอย่างไร้ความรู้สึก... ในขณะที่มือเรียวของหญิงสาว ค่อยๆเอื้อมไปวางที่หัวเข็มขัดก่อนที่จะแกะมันออกช้าๆ...




“ขอโทษนะคะ... กัปตัน....” สีหน้าของเธอไม่ได้เป็นไปอย่างที่ปากพูด หญิงสาวรูดเข็มขัดออกมาวางกองไว้กับพื้น...และตามมาด้วยกางเกงยีนส์สีดำราคาเหยียบหมื่นที่ไม่ช้า..มันก็ตามเข็มขัดลงไปกองกับพื้นเช่นกัน...




ชอริต้าเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับสลัดชุดเดิมของเธอทิ้ง... เหลือออกมาเพียงชุดนอนบางสีชมพูที่เตรียมเอาไว้แล้วอย่างดี...ในขณะที่หญิงสาวกำลังก้าวตรงไปยังเตียงหนานุ่มเบื้องหน้าที่มีกัปตันหนุ่มรูปหล่อนอนนิ่งอยู่บนนั้น... เสียงอะไรบางอย่าง..ก็ทำให้ฝีเท้าของเธอสะดุดหยุดยืนนิ่งทันที...








ติ๊งต่อง...




เสียงออดเจ้ากรรม... ทำให้สีหน้าของชอริต้าหงิกขึ้นมาทันที






 “ชิ... บอกแล้วว่าอย่าให้ใครมารบกวน... บ้าจริงๆ!” ชอริต้าไม่สนใจ หล่อนทำทีจะเดินตรงไปที่เตียงอีกครั้ง... แต่ทว่า..






ติ๊งต่องๆๆๆๆๆๆ ติ๊งๆๆๆๆ ต่อง!!!!!







เสียงออดอันไร้มารยาท... ความรู้สึกของหญิงสาวเวลานี้พุ่งขึ้นในระดับปรอทแตกแล้ว หญิงสาวพุ่งตัวไปที่ประตูห้อง และทันทีที่หล่อนเปิดมันออกไปนั้น! สีหน้าของหญิงสาว... จากที่อารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีหน้าของคนที่กำลังเข้าสู่ภาวะบางอย่าง ที่เรียกกันว่า “ช็อค”! แน่นอน... จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้... คนที่จะทำให้ความดันโลหิตผู้อื่นพุ่งจนแทบหัวใจวายได้ถ้วนหน้าในทุกๆเวลาที่เจอเธอคนนี้..




 “...ค...คุณวี...”







 เพี๊ยะ!!






แรงกระแทกจากฝ่ามือของ “วีว่า เลอคอติส” ประทับลงบนแก้มของชอริต้าจนนางงามยั่วสวาทหงายกลิ้งไปด้านหลัง ... ดวงหน้าของนางอิจฉาพาร่างตัวเองเข้ามาในห้องที่มีแสงสียั่วตัณหาของห้องสวีทในโรงแรมจิ้งหรีดแบบนี้




 “...แกทำอะไร...”



“ค..คุณวีว่า! ค..ค..คุณมาที่นี่ได้ไง!”



 “ฉันถามว่าแกกำลังจะทำอะไร!!! อีนังจิ้งจอก!! ทำอะไร!!” อีกหลายเสียง “เผียะ” ดังตามมาติดๆ... ร่างของนางฟ้าทรงโต ไหลกลิ้งไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือหนักราวกับเป็นลูกบาสเก็ตบอลที่กำลังถูกเลี้ยงอย่างน่าอนาถจิต..



 “แกรู้จักฉันน้อยไป!! แกรู้จักฉันน้อยเกินไป!! มานี่!” วีว่า เลอคอติส จิกศีรษะหญิงสาวให้ตรงไปที่ห้องน้ำ...สายตาของวีว่ามองเห็นอ่างน้ำที่มีกลีบกุหลาบโรยอยู่บนน้ำอุ่นมองแล้วช่างน่าโรแมนติกยิ่งนัก.. หากแต่ไม่ใช่สถานการณ์ในตอนนี้แน่ๆ



“อยากนักใช่มั้ย!! อยากนักก็ใช่มั้ย นังชอริต้า!! แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว!”







โคร~~มมมม!!!






 “กรี๊ดดด!! ปล่อยนะ! ปล่อย!! เฮือก!!” ชอริต้าถูกจอมนางแห่งดานอสซี่กดศีรษะกระแทกลงไปที่ผิวน้ำอุ่น.. หลายต่อหลายครั้ง ... เสียงดังซู่เมื่อศีรษะของหล่อนถูกกดลง.. ในขณะที่เสียงดัง “ปึ้ก” ในบางครั้ง... นั่นก็คือเสียงที่หน้าผากของชอริต้ากระแทกเข้ากับขอบอ่างหากเพราะวีว่า เลอคอติส กดผิดกดถูกหลายต่อหลายครั้งทีเดียว



“ถ้าแกยังไม่รู้อะไร...ฉันจะบอกให้แกรู้ในวันนี้นะว่า!! ที่นังเทเลอร์มันต้องจบชีวิตตัวเองแบบนี้...ฉันนี่แหล่ะที่เป็นคนทำให้มันเป็น!! ฉันทำให้มันต้องเจ็บ!!...และถ้าหากว่าแกไม่อยากจะตรอมใจตาย ให้โรครุมเร้าอย่างมันล่ะก็...!! จำไว้นะ!! อย่าได้มายุ่งกับคนของฉัน!! ฟังฉันอีกครั้ง....! .... อย่า!!!!”






โครม!





ร่างของชอริต้า โดนเหวี่ยงไปสะบักสะบอมที่มุมของห้องน้ำ... ร่างกายที่เปียกปอนในชุดนอนบางทำให้วีว่ามองเห็นสุดรูขุมขนบนเรือนร่างของหญิงสาวพร้อมกับชักสายตาสมเพชออกมาอย่างร้ายกาจเกินกว่าที่ผู้หญิงดีๆจะเป็น



 “ไสหัวออกไป.. แล้วอย่ามายุ่งกับของๆฉันอีก...ไม่อย่างนั้นหล่อนจะถูกเด็ดปีก เหมือนอย่างที่นังเทเลอร์มันเคยโดนแน่ๆ!! ออกไป!!” ชอริต้าสะดุ้งโหยง ก่อนที่จะรีบกระเสือกกระสนออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ตัวยังเปียกชุ่ม หล่อนไม่รีรออะไรทั้งนั้น มือสองมือคว้ากระเป๋าสะพายพร้อมชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่มา ก่อนที่จะวิ่งป่าราบออกมาจากห้องๆนั้น ด้วยความกลัวอย่างที่เธอนั้นไม่เคยรู้สึกกลัวใครมากมาก่อนเท่ากับ “วีว่า เลอคอติส” คนนี้เลย...





วีว่า.. เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่สายตาจะเบี่ยงไปมองร่างแกร่งที่นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงหนานั้น.. พลัน! รอยยิ้มสะใจกับการมองเห็นของหวานตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าร้ายกาจของหล่อนในไม่ช้า











“หึ... ฉันบอกคุณแล้วคุณลูคัส... ว่าพระเจ้า... ส่งฉัน... เพื่อมาเป็นเจ้าของคุณ.... ฮึฮึฮึ”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.


ไม่อยากจะบอกว่าเราจะเข้าสู่มาม่าระยะสุดท้ายกันอีกแล้ว

จากนี้ไปขออนุญาติลงครั้งละตอนแทนนะคะ จะไม่มีการควบแล้ว เพราะมันใกล้จะจบเลี้ยว 555+


พบกันใหม่่ตอนหน้าค่ะ


ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
อ๊ายยยยยยยยย  โหดร้ายมว๊ากกกกกกก

นังวีว่า  ช้านเกลียดแก๊....  เอิ่มม  อินไปหน่อยแฮะ

กัปตันรีบๆตื่นนะ  ไม่ไหวจะเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้แล้ว

+1  ให้คนโพสน้า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูคัสจะมีปัญญาทำอะไรกับวีว่าได้หรือเปล่า
เพราะจะว่าไปหลายต่อหลายครั้งที่ลูคัสปล่อยให้วีว่าระรานและทำร้ายคนอื่น
โดยที่ลูคัสเองไม่ได้ออกมาปกป้องอะไรเลยแม่แต่น้อย
ถ้าวันนี้จะเป็นคิวของลูคัสเอง  เราคงรู้สึกสะใจ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


   โอว. . . ชอริต้า นี่ร้ายใช่เล่น
   แต่อย่างวีว่านี่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นนางมาร!!
   และไหงท่านกัปตันเราต้องมาตกอยู้ในดงพวกนี้ละเนี่ย
   สงสัยกรรมเก่าตามทันละมั้ง



littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป


FLIGHT 21: เกมเทวดา (4)






          เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำ...กัปตันหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น..สีหน้าบ่งบอกถึงความมึนงงกับแสงไฟสีแดงที่เสียดตายามตื่น... และแล้วไม่ช้า สีหน้าตกใจก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา.. เมื่อชายหนุ่มเหลือบเห็นร่างบางที่นอนนิ่งอยู่ในระยะประชิดด้านขวา..และเขาก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้นพาให้หญิงสาวคู่หลับนอน ตื่นขึ้นด้วยสีหน้างัวเงีย





“นี่มันอะไรกันเนี่ยคุณ!” กัปตันหนุ่มตะคอกถามด้วยความไม่เข้าใจขณะที่วีว่า เลอคอติส ยิ้มกริ่มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย้ายวนว่า



“แหม.... ทำยังกับว่า... เราไม่เคยกันอย่างนั้นแหล่ะ..คุณลูคัส”

 

“ผมต้องการคำตอบที่ว่า ผมมาอยู่กับคุณได้ยังไง!! ก็ก่อนหน้านี้ผม...” กัปตันหนุ่มชะงักนิ่งพลางคิดลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ... วีว่าเบะปากอย่างเย้ยหยัน

 

“หึ... คุณน่ะ... ถูกนังชอริต้ามอมมาสินะ....ไปไหนกับมันมาล่ะ! คุณน่ะ.. ไม่รู้จักพอนะคุณลูคัส!!”



“.......จริงสิ... ชอริต้า... ใช่...ผมอยู่กับเธอแต่...” กัปตันหนุ่มมองวีว่าด้วยสายตาสงสัยและต้องการคำตอบ

 

“หรือว่าเธอ...”

 

“ก็ใช่สิ! มันคงจะใส่ยานอนหลับกับอะไรที่คุณกินน่ะ!... แต่คงจะไม่ใช่เหล้าหรอกมั้ง ...ฮึ... เพราะเมื่อกี้ฉันลองจูบปากคุณดูแล้ว....ไม่ยักจะมีกลิ่นเหล้าเลยสักนิดเดียว” กัปตันหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหน้าอย่างเจ็บใจที่ตัวเองพลาดได้กับอีแค่ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างชอริต้า หากแต่ว่าเขายังมาเจอกับวีว่า เลอคอติส.. ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาๆคนนี้เสียอีก...ไม่ต่างอะไรกับหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ... แต่อย่างว่า...ไม่ได้หนีเสือมานี่นะ.. เสือพาเข้ามาต่างหาก

 

“..เอาล่ะคุณวีว่า.. ผมมีธุระจะต้องไปทำต่อ..ในเมื่อคุณได้ผมได้เสพสิ่งที่คุณต้องการแล้ว... ผมคงต้องขอตัวบ้างล่ะ”

 

“นี่! เดี๋ยวสิคุณลูคัส!” วีว่า คว้าข้อศอกแข็งแกร่งของกัปตันหนุ่มเอาไว้ได้ ขณะที่กัปตันลูคัสเกือบหงายเล็กน้อยเมื่อถูกแรงฉุด



“ฉันถามคุณตรงๆนะ... คุณช่วยตอบฉันตามตรงได้มั้ย!” คำพูดของวีว่า พาให้ชายหนุ่มหยุดคิดสงสัย...สายตาหญิงสาวกำลังมองมาทางเขาด้วยความรู้สึกประหลาด.. ไม่เหมือนแต่ก่อน



“...จะถามอะไรก็ถามมา..ผมไม่มีเวลาจะตอบคำถามคุณนานนักหรอก” กัปตันหนุ่มสะบัดแขนออก ในขณะที่วีว่าลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยร่างที่ถูกบดบังไว้ด้วยผ้าห่มผืนขาว




“.... คุณลูคัส.....คุณ.... ...คุณ....”

 

“จะถามอะไรก็ถามมาเถอะน่า! ผมรีบนะ”

 

“...........คุณเป็น.... เป็น...เกย์ หรือเปล่า!?” คำถามนั้น... พาให้กัปตันหนุ่มชะงักนิ่ง... บางสิ่งในคำถามนั้นบอกบรรยากาศที่คุกรุ่นในร่างของหญิงสาวตรงหน้ามากมายเหลือเกิน..





".......... คุณถามบ้าอะไร?”

 




“อย่ามาว่าฉันบ้านะ!” สายตาตอบโต้ของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มสะอึกนิ่ง...

 


“....คุณวีว่า... ถ้าคุณไม่มีอะไรจะถามผมล่ะก็..”

 




“มีแค่สองคำตอบเท่านั้น! คือเป็นหรือไม่เป็น!” น้ำเสียงสวนกลับที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง กัปตันหนุ่มก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่พร้อมกับกางเกงชั้นในกับกางเกงยีนส์ราคาสูงลิบมาสวมใส่ด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ก่อนที่เขาจะหันมาทางหญิงสาว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า..

 




“คุณน่าจะรู้จักผมดีนะ... คุณวีว่า.... หึ....”

 


“นี่คือคำตอบรึไง?”




“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ..... ทีผม... ผมยังรู้จักนิสัยของคุณดีเลย... ว่าคุณน่ะ ร้ายกาจขนาดไหน”

 


“สรุปว่าคุณเป็นเกย์ใช่มั้ย!” กัปตันหนุ่มเหลือบสายตาไปมองหล่อนอีกครั้งด้วยแววตาที่เริ่มกรุ่นขึ้น

 

“อย่าหาเรื่องไร้สาระมาใส่หัวผม”

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ได้เป็น... ใช่มั้ยคะ” กัปตันหนุ่มสวมเข็มขัดเรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปถึงประตูอย่างไม่สนใจ

 

“นี่คุณลูคัส!! กลับมาก่อนนะ!” ช่วงนาทีที่หญิงสาวจะเดินตามไป...กัปตันหนุ่มหันมาทางหล่อนอีกครั้ง ก่อนที่จะผลักหล่อนหงายหลังจนผ้าห่มที่บดบังเรือนร่างของหล่อนหลุดออกไป พลัน! ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วชี้มาทางหล่อนพร้อมกับสีหน้าที่ขุ่นเคืองมากขึ้น ก่อนที่เขาจะทิ้งคำเตือนเอาไว้ ก่อนที่จะออกไปว่า..

 

“อย่ายุ่งกับเรื่องของผมนะคุณวีว่า... ถ้าคุณ...ไม่อยากเดือดร้อน!” กัปตันหนุ่มเปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดีหญิงสาว..และในไม่ช้า.. เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังตามชายหนุ่มออกมาราวกับคนเสียสติไปเลยทีเดียว..

 






“คุณคิดว่าแค่นี้จะขู่คนอย่างฉันได้เหรอคุณลูคัส!! หึ! ไม่มีวันหรอก!!”







++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






ในที่สุด.. วันพักผ่อนวันสุดท้ายก็หมดลงในไม่ช้า...ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ นั่งอยู่บนชิงช้าในสวนหย่อมส่วนหน้าของคฤหาสน์...เทลิซ่าเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม.. ราวกับสองพี่น้องเริ่มทำใจกับสิ่งที่ขาดหายไปบ้างแล้ว..






“มานั่งรอใคร.... รอคุณลูคัสเหรอ?” เทลิซ่าถามสีหน้านิ่งๆ แต่พาให้ทิมมี่เบิกตาโพลง

 


“...ฮะ?... พูดอะไรนะ?”

 

“ฉันถามว่ามารอคุณลูคัสหรือไง?” เทลิซ่ายืนกอดอกถาม สีหน้าเธอยังไม่เปลี่ยน

 

“รอ?... รอเขาทำไม? บ้าน่ะ...”

 

“เอ้า... จะไปรู้เหรอ...เห็นค่ำมืดแล้วไม่ยอมเข้าบ้าน.. พรุ่งนี้เรามีบินกันนะ อย่าลืมสิ... เฮ้อ... แต่ว่านายยังดีนะ ที่บินไปแค่
 แต่เที่ยวบินฉันสิ.. เจอบอสตันอีกแล้ว... นี่ยังเที่ยวต่อๆไปอีกก็ยังเจอบอสตันอีกนะ... เมื่อไหร่ฉันจะได้ไปฝั่งเอเชียบ้างก็ไม่รู้” ทิมมี่ยิ้มเจื่อนๆให้น้องสาว

 

“หึ... อยู่แถวๆบอสตันเนี่ยแหล่ะดีแล้ว...ได้โอเวอร์ไนท์ด้วย.. สบายจะตาย..... เธออาจจะเห็นว่าออสเตรเลียไป-กลับ ไม่แวะพักแอร์พอร์ตอื่นก็จริงนะ...แต่ฉันมีเวลาพักแค่ไม่ถึงสามสิบนาทีเท่านั้น บางทีเที่ยวสั้นๆ แต่มันก็แย่พอดูเหมือนกัน...” เทลิซ่ายืนกอดอกฟัง และไม่ช้าสีหน้าของเทลิซ่าก็เปลี่ยนไปเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองมาทางเธอและทิมมี่บริเวณหน้าประตูบ้านด้านนอก..

 

“ท..ทิมมี่..”

 

“หืม?..”

 

“คนที่นายรอน่ะ... มาแล้ว..” ทิมมี่ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น...พลางสายตากวาดไปมองที่ประตูใหญ่หน้าบ้านพบใครบางคนยืนนิ่งมองมาทางเขา... สีหน้าที่ดูเรียบเย็นจนพาให้หนุ่มหน้าขาวอดหวั่นไหวไม่ได้ ... และคิดสงสัยว่ากัปตันหนุ่มที่ยืนมองมาทางเขาในเวลานี้กำลังคิดอะไรอยู่..





เทลิซ่าปลีกตัวเข้าบ้านไป... ทิมมี่ลุกออกจากชิงช้าก่อนที่จะเดินตรงไปที่หน้าประตูบ้าน.. ประตูไม้บานเล็กถูกเปิดออก หนุ่มหน้าขาวเดินออกมาพร้อมกับชักสีหน้าเรียบนิ่งอย่างไม่มีความรู้สึกใดใดกับการมาครั้งนี้ของกัปตันหนุ่ม..





 “หึ... เจ้าของบ้านออกมาขนาดนี้... แสดงว่า....เขาไม่เต็มใจจะให้เข้าบ้านใช่มั้ยเนี่ย?” กัปตันหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น รอยยิ้มบางๆที่มุมปาก และสีหน้าที่ดูหม่นหมองแปลกๆของเขา ทำให้ทิมมี่อดรู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังอ่อนเพลียอยู่เสียไม่ได้.. แต่หากว่าหนุ่มหน้าหยกก็ยังคิดสงสัย ว่ากัปตันหนุ่มคนนี้..ไปทำอะไรมาถึงหน้าตาดูเหนื่อยเช่นนี้



“...ป...ไปไหนมาเหรอ... ท..ทำไมหน้าคุณ...” หนุ่มหน้าขาวไม่กล้าถามจนจบประโยค เมื่อสีหน้าคนตรงหน้ากลับค่อยๆคลี่รอยยิ้มออกมามากขึ้นเรื่อยๆ..

 


“ทำไมเหรอ?.... เป็นห่วงผมหรือไง?” ทิมมี่รู้สึกอึดอัด..

 

“... เปล่า...เพื่ออะไรที่ผมจะต้องรู้สึกกับคุณแบบนั้น..” หนุ่มหน้าขาวถามกัปตันหนุ่ม ทั้งๆที่ลึกๆแล้ว..คำถามนั้นก็เหมือนจะย้อนกลับมาถามตัวเขาเองเหมือนกัน.. ว่าทำไม?

 

“อืม... นั่นสินะ....” กัปตันหนุ่มถอนใจออกมา ในขณะที่เขายังคงยืนเอียงตัวพิงรถอย่างอ่อนล้าเต็มที

 

“...ทานอะไรมาหรือยังล่ะ...” ทิมมี่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าทำเหมือนจะไม่ใส่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูดสักเท่าไหร่ แต่ใจก็แอบจริงจังในคำถามนี้อยู่เหมือนกัน

 

“อืม... ยังหรอก... แต่คงไม่เป็นไร.... ฉันคิดว่านาย.. คงดินเนอร์แล้วใช่มั้ยล่ะ”

 

“....อืม..ใช่....ถ้าค่ำกว่านี้คงจะเป็นซัปเปอร์แล้วล่ะ... ดินเนอร์คงไม่ใช่” ทิมมี่ตอบ กัปตันหนุ่มยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

 

“แล้ว.... อยากจะไปต่อซัปเปอร์กับฉันหรือเปล่าล่ะ...”

 

“....คุณคิดว่าผมเป็นพวกบ้ากินรึไง...กลิ่นไก่งวงยังติดปากผมอยู่เลย..” ทิมมี่เอ่ยขึ้น

 

“....อืม..แย่จัง......” กัปตันหนุ่มหันไปทางตัวรถ ก่อนที่จะทำทีว่าจะเปิดประตูรถออกมา...

 

“ถ้าอย่างนั้น.... ก็ไม่เป็นไรแล้วกัน...นายกลับเข้าบ้านไปเถอะ..... ฉันจะกลับบ้านแล้ว..”

 

“...อ่าว........ แล้วคุณจะไม่แวะไปซัปเปอร์ก่อนหรือไงคุณ?” ทิมมี่ยังแย้งในเรื่องเดิม ขณะที่กัปตันหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าเขาดูเหนื่อยล้าจริงๆ

 

“...ไม่ล่ะ...ฉันไม่ชอบทานอาหารคนเดียว..ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนก็ตาม....อืม... เมื่อก่อนอาจจะอยู่คนเดียวได้นะ.... แต่ช่วงหลังๆนี้...เป็นอะไรไม่รู้สิ....”

 

“โรคขาดความอบอุ่นล่ะมั้ง... ใช่มั้ย?” ทิมมี่ยืนกอดอกถามมาดกวน หากแต่กัปตันหนุ่มกลับยิ้มเจื่อนๆไม่มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยกับการหยอกเย้านั้น..

 

“ก็คงงั้น....... อืม.. บาย...” กัปตันหนุ่มเปิดประตูรถ ในขณะที่เขากำลังจะวางตัวเองลงไปบนที่นั่งคนขับนั้น.. เสียงของทิมมี่ที่ดังขึ้นอีกครั้งก็ทำให้ชายหนุ่มชะงักกับการกระทำของตัวเอง..

 



“ให้ผมพาคุณไปซัปเปอร์มั้ยล่ะ....ผมรู้จักร้านอร่อยๆเยอะนะจะบอกให้..” กัปตันหนุ่ม.. ปล่อยมือออกจากกุญแจรถที่เสียบคาแผงสตาร์ท... พลางชะโงกหน้าออกมาจากตัวรถทางหน้าต่างอีกครั้ง...สีหน้าของเขากำลังมองหนุ่มหน้าขาวตรงหน้าราวกับพยายามจะอ่านอะไรบางอย่าง หรือหาความหมายที่แท้จริงของคำถามดังกล่าวที่เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ยิน จากปากของคนๆนี้


 
 
“....นายคิดว่า........ กัปตันลูคัส...จะตอบรับว่ายังไงดีล่ะ...” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ในขณะเดียวกันที่ทิมมี่เริ่มอึดอัดและรำคาญ

 

“...ไม่รู้! ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินแล้วกัน!” หนุ่มหน้าขาวหันหลัง แล้วกระทืบเท้าตรงไปยังประตูบ้าน ในช่วงเวลาที่เขากำลังพาอารมณ์เคืองๆกลับเข้าบ้านนั้น ฝ่ามืออุ่นของกัปตันลูคัสกับร่างแข็งแกร่งที่พุ่งตัวออกมาจากรถคันนั้นได้รวดเร็วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็คว้าข้อศอกของทิมมี่เอาไว้ได้.. ทิมมี่ชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกแรงดึงมหาศาลจนตัวของเขากลับมาปะทะกับร่างสูงด้านหลัง...ใบหน้าของคนทั้งคู่เผชิญกัน สีหน้าของกัปตันหนุ่มที่มีรอยยิ้มบางๆในเวลานี้ มันเปรียบเสมือนคำตอบที่ทิมมี่ไม่ต้องคิดหงุดหงิดหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว..


 


“กัปตันลูคัสสุดหล่อ... ไม่มีวันปฏิเสธอยู่แล้ว...”  กัปตันหนุ่มตอบแทนด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏชัดขึ้น..สีหน้าที่เหนื่อยล้าหายไปฉับพลันพาให้ทิมมี่ต้องเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น.. ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็... มีหวัง... รอยยิ้มของคนหน้าขาวได้หลุดโพละออกไปอีกคนเป็นแน่...



           

++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






ซัปเปอร์ที่ออกจะแตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมา...ทำให้ทิมมี่เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าเดิมเล็กน้อย.. หากแต่เทลิซ่าก็แอบสังเกตเห็นเช่นเดียวกัน..ความรู้สึกสงสัยต่อสถานการณ์ที่เธอกำลังเห็นอยู่ระหว่างทิมมี่และกัปตันหนุ่มลูคัส อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกที่ผิดปกติของทั้งสองคนนี้






และแล้ว เวลาของการทำงานก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง..








                           
            ความเศร้าของสองพี่น้องตระกูลดรอว์เยอร์ที่ยังเหลืออยู่เพียงสองชีวิตฝากไว้กับคุณเอ็มม่าภายในคฤหาสน์ของตัวเอง.. เป็นการดีที่ทิมมี่ได้อาศัยรถของน้องสาวไปทำงานเป็นครั้งแรกหลังจากที่การเดินทางออกมาในการทำงานก่อนหน้านี้ ทำให้ทิมมี่ต้องใช้บริการรถแท็กซี่มาโดยตลอด หากแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะไปตรวจเช็คความคืบหน้าของรถตัวเองที่อู่ซ่อมเลยสักนิดเดียว.. หากเพราะหนุ่มหน้าขาวรู้ถึงความสามารถและความรู้เกี่ยวกับรถของตัวเองดีว่า.. มันมีน้อยเหลือเกิน และหากจะถ่อไปถึงอู่ซ่อมนั้นก็คงไร้ประโยชน์ เพราะเขาเองก็ดูเครื่องยนต์ไม่เป็น.. เขาคิดว่าสักวันหนึ่ง เขาจะพาคนที่เก่งเรื่องรถไปตรวจเช็คด้วยอีกคนเป็นเพื่อน กันถูกพวกพนักงานของอู่ซ่อมหลอกให้จ่ายเงินเกินกว่าจำเป็น หนุ่มหน้าขาวเดินเข้ามาในศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่ในช่วงสาย ก่อนเวลาบรีฟงานหนึ่งชั่วโมง พลางไม่ลืมที่จะยิ้มทักทายคุณอลิซที่ประจำอยู่หน้าเคาว์เตอร์ และแต่งหน้าสวยต้อนรับทุกคนสม่ำเสมอ






 “แล้วเจอกันเทลิซ่า”



 “อืม..บาย” ผู้เป็นพี่กล่าวลา และแยกทางกันบริเวณจุดพักผ่อน เทลิซ่าแยกไปล็อกเกอร์หญิง ส่วนทิมมี่ก็แยกเข้าล็อกเกอร์ชาย..ทิมมี่เก็บสัมภาระและเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะปิดประตูล็อกเกอร์ลง สายตาของเขาก็กลับเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาด้วยบุคลิกที่สง่างามเกินบรรยายอย่างทุกครั้งไป..และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทิมมี่รู้สึกอึ้งและหวั่นไหวต่อสายตาผู้ที่กำลังจะเดินตรงเข้ามาทักทาย.. ความรู้สึกอึดอัดทำให้หนุ่มหน้าหยกรีบล็อกกุญแจ แล้วจะเดินออกไปอีกทาง... แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน




“เฮ่! รอด้วยสิ... ใจร้ายจังเลย” กัปตันหนุ่มเรียกขึ้น...ทิมมี่แอบเหลือกตาขึ้นไปมองเพดานอย่างเบื่อตัวเองที่หนีอารมณ์และบรรยากาศแบบนี้ไปไม่รอดอีกแล้ว



“เอ่อ... สวัสดีครับ..กัปตัน”



 “เฮ้... ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้มั้ง...เราเป็นอะไรกันแล้วนี่” หนุ่มหน้าขาวหันกลับไปมองกัปตันหนุ่มด้วยดวงตาเบิกโพลงราวกับชะงักตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน



 “บ้าน่ะ...” คำสวนกลับสั้นๆ แต่ก็ทำให้กัปตันหนุ่มมาดขรึมยิ้มออกมาได้กว้างขึ้น



 “คำพูดแบบนั้นล่ะที่ฉันต้องการ” ทิมมี่ถอนใจออกมา แล้วพยายามรวบรวมสติให้มันคงที่..และคงความรู้สึกเดิมจากเมื่อก่อนนี้ที่เขารู้สึกต่อกัปตันหนุ่ม... หากแต่มันกลับเป็นไปไม่ได้แล้วที่ทิมมี่จะกลับไปรู้สึกเย็นชากับเขาแบบเดิมนั้น



 “...ค..คุณ... ไปเที่ยวบินไหนล่ะครับ” ทิมมี่ถามอย่างหวั่นๆกับคำตอบ



 “ออสเตรเลีย! แดนจิงโจ้!” น้ำเสียงหยอกเย้าตอบกลับราวกับเป็นสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางกระหม่อมทิมมี่ทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น.. ใช่แล้ว...เที่ยวบินเดียวกัน... อย่างที่เขาคิดหวั่นเอาไว้เลย



 “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ.. ไม่ดีใจหรือไง?”



 “หึ...” ทิมมี่คิดว่าเขาควรเลี่ยงบรรยากาศนี้ออกมา เขาจึงเอ่ยขอตัว



 “ขอตัวก่อนนะ ผมจะไปดื่มกาแฟหน่อย”



 “ไปสิ..ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว”



 “...เอ่อ...” ทิมมี่ไม่สามารถรับรู้เลยว่า..เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกอึดอัดนี้จะออกไปจากใจเขาเสียที ราวกับมีอะไรบางอย่าง มาขั้นกลางความสัมพันธ์ของเขากับกัปตันหนุ่มคนนี้เอาไว้.. ใช่.. มันช่างลำบากใจกับการได้อยู่ใกล้ชิดกับกัปตันลูคัสแบบนี้จริงๆ








++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





TBC.


ทิมมี่เริ่มหวั่นไหว คริๆๆ

ตอนหน้าเตรียมพบกับความดื้อด้านจนน่ารำคาญของโรเจอร์กันได้นะคะ 55+

เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ บ๊ายบายยยยยย ^_^

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป

ฉึก!! คำถามเดิมรอบที่สอง
"คุณเป็นเกย์รึเปล่า?"
แต่รอบนี้กัปตันดูไม่ค่อยตกใจนะ หรือชินแล้ว?

ทิมมี่ไหงเริ่มหวั่นไหวแล้วอ่า น่านมันตัวอันตรายเลยนะทิมมี่
อย่าโดนกัปตันล่อลวงเอาง่ายๆอย่างนี้ซี่!!




ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดูเหมือนว่าจะมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้ากันนะ  วีว่าหนึ่งละ  โรเจอร์ด้วยหรือเปล่า

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 22 : เกมเทวดา (5)


             
          การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในเวลาเกือบเที่ยง.. กัปตันหนุ่มลูคัส กาโรล พร้อมกับโคไพลอตคู่สนิทอย่างคุณมอริส ต่างก็ได้มาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันเช่นเคย .. ในขณะที่มีบรรยากาศขุ่นๆในห้องโดยสารชั้น Business ซึ่งมีทิมมี่ ดรอว์เยอร์ และโรเจอร์ ซินแคลร์.. การปฏิบัติงานในเที่ยวบินระยะสั้นเที่ยวบินนี้ ทำให้ทิมมี่รู้สึกแปลกใจกับบรรยากาศที่เกิดขึ้น...สีหน้าของโรเจอร์ที่ดูจะไม่สบอารมณ์ต่อแขกหรือใครหลายๆคน พาให้ทิมมี่อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขากำลังมีปัญหาหรือกำลังหงุดหงิดใครบางคนหรือเปล่า?



          ภายในห้องเตรียมครัวหรือห้อง GALLEY ทิมมี่เดินเข้ามาพร้อมกับมองรายการอาหารพิเศษที่นักธุรกิจของบริษัทไฟแนนซ์รายใหญ่ได้ให้รายละเอียดเอาไว้..หากแต่ไม่นาน ความสงบในห้องๆนี้ก็ถูกทำลายลง เมื่อโรเจอร์เดินกลับเข้ามาพร้อมกับรถเข็นเครื่องดื่มก่อนที่เขาจะถอดชุดคลุมกันเปื้อนในตัวออกโยนลงไปที่เคาว์เตอร์ด้านหลังอย่างเต็มแรง เป็นผลให้เหล่าข้าวของเครื่องใช้ด้านหลังล้มระเนระนาด... ทิมมี่มองชายหนุ่มหน้าเนียนแต่นัยน์ตาคุกรุ่นอย่างไม่เข้าใจ และเริ่มมีอารมณ์ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวของเขาขึ้นมาอีกด้วย




 “เป็นอะไรของคุณ... คุณซินแคลร์?” ทิมมี่ถามอย่างห่างเหิน..ยิ่งพาให้สีหน้าของโรเจอร์มีอุณหภูมิมากขึ้นเข้าไปอีก



 “เปล่า.. ไม่มีอะไรครับ”



 “จะไม่มีได้ไง! ก็คุณทำข้าวของกระจัดกระจายแบบนี้... คุณมีปัญหาอะไรกับผมคุณบอกมาเลยก็ได้...” โรเจอร์หันขวับมามองหน้าขาวที่กำลังตอบโต้ด้วยสายตาแข็งกร้าว...พาให้ชายหนุ่มถอนใจอย่างมิอาจจะต่อสู้คนหน้าหยกตรงหน้าได้อีก



 “..หึ... ทำไมคุณถึงคิดว่า..ผมจะมีปัญหาอะไรกับคุณล่ะครับ?” เขาถามกลับ สายตาเลี่ยงไปทางอื่น



 “...แล้วคาบินนี้.. มีใครที่อยู่กับคุณบ้างนอกจากผมล่ะ? .... หรือว่าคุณจะบอกว่าคุณไม่สบอารมณ์ผู้โดยสารอย่างนั้นรึ?.... หึ...
หากคุณเป็นแบบนั้นล่ะก็... คุณก็ไม่สมควรที่จะมายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ทิมมี่พูดก่อนที่จะหันไปจัดการกับเมนูพิเศษตรงหน้า ราวกับไม่สนใจความรู้สึกของโรเจอร์ที่มีอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด




“ผมรักคุณนะ...”




          คำพูดสั้นๆ.. หลุดออกมาจากปากโรเจอร์ ซินแคลร์...พาให้ฝ่ามือที่กำช้อนของทิมมี่ต้องหยุดการกระทำของตัวเองอย่างชะงักงัน..สีหน้าขาวหันไปมองโรเจอร์ช้าๆ.. สายตาเต็มไปด้วยแววสงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงคิดพูดแบบนั้นในเวลาแบบนี้? หรือว่า... เขาจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ามีอารมณ์หงุดหงิดและคุกรุ่นอย่างที่เขาเห็นจริงๆ



“...ตอนแรกผมคิดว่าผมแค่ชอบคุณ... แต่ตอนนี้ผมว่าผม... ผมรักคุณแล้วนะคุณทิมมี่” ทิมมี่กระแทกช้อนลงกับโต๊ะ
ก่อนที่จะปิดแผ่นฟรอยด์ของเมนูตรงหน้า แล้วนำไปใส่ในเตาเวฟ และเขาก็หันมามองโรเจอร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก



 “แล้วคุณหงุดหงิดอะไรผมล่ะ?” ทิมมี่ย้อนถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา พาให้โรเจอร์ตกอยู่ในบรรยากาศของห้องแคบๆที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ..



 “...ฮืม.. ชิ... ผมบอกตามตรงนะ........ ผม...ผมไม่ชอบให้คุณใกล้ชิดกับคุณลูคัส”



 “...ฮะ!?” ทิมมี่ทำเสียงราวกับเขาได้ยินไม่ถนัดหู..



 “....ผมรู้สึกว่า... คุณลูคัสน่ะ..เค้าไม่ได้คิดกับคุณเพียงแค่พี่ชายของแฟนเขาหรอกนะ” ทิมมี่หันหน้าไปทางเตาเวฟ ก่อนที่ถอนใจออกมาอย่างระอากับการสนทนาในเรื่องนี้



 “คุณซินแคลร์.... ผมไม่ได้รักคุณ....” ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำตอบที่กระแทกและตอกย้ำความรู้สึกของโรเจอร์อย่างแรง..โรเจอร์มองหนุ่มหน้าหยกตรงหน้าราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงเป็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วขนาดนี้.. และซึ่งมันเป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องประสบอีกด้วย



 “คุณทิมมี่! ทำไมคุณถึง... คุณทำเหมือนกับว่า...คุณเองก็ชอบ..”



 “พอได้แล้วคุณซินแคลร์!! ผมไม่อยากจะรู้สึกกับคุณในทางที่แย่กว่านี้นะ! ขอร้อง!” โรเจอร์อึ้ง... กับสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่ทิมมี่เดินไปทางรถเข็นอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นคันสำหรับบริการหนังสือพิมพ์ และตรงไปจัดเรียงราวกับเขาพยายามหลีกเลี่ยงคนอีกคน... หากแต่โรเจอร์ยิ่งทวีความรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกับอารมณ์และการกระทำของหนุ่มหน้าหยกที่เขาได้รับ พลัน! โรเจอร์เดินตรงเข้ามาคว้าข้อศอกของทิมมี่ กระชากร่างที่บางกว่าหันไปหาเขา ...ในขณะที่ทิมมี่ทำหน้าอึ้งเมื่อถูกแรงกระทำจนร่างกายแทบจะเหวี่ยงไปชนเข้ากับคนด้านหลังด้วยความรวดเร็ว



 “ทำอะไรของคุณน่ะคุณซินแคลร์!”




 “อะไรกันคุณ! เรียกผมห่างเหินเหลือเกินนะ! ทำไม... ผมเห็นคุณลูคัสทำแบบนี้กับคุณตั้งหลายครั้ง ทำไมคุณไม่เห็นแสดงทีท่ารังเกียจเหมือนกับที่คุณแสดงกับผมเลย!” ทิมมี่สะบัดข้อศอกออก สีหน้าฉุนเฉียวมากขึ้นกับพฤติกรรมที่หนุ่มหน้าหยกเพิ่งจะได้เห็นจากคนตรงหน้า..



 “ผมไม่คิดเลยนะคุณซินแคลร์... ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”



 “คุณไม่เคยคิดถึงผมอยู่แล้วไม่ใช่รึ”



 “แล้วคุณต้องการอะไรจากผมกันเล่า!” น้ำเสียงตะคอกของทิมมี่เริ่มแว่วดังออกมาจากห้อง GALLEY ... ขณะที่ภายในห้องนั้นยังคงไม่มีใครยอมใคร โรเจอร์ยื่นมือมากำข้อมือทิมมี่แน่น.. ทิมมี่พยายามสะบัดแต่ไร้ผล คนตรงหน้ามีกำลังมาก ซึ่งมากกว่าที่ทิมมี่จะคาดคิด..หรือว่าเป็นเพราะแรงโกรธกันนะ?



 “ผมต้องการความรักจากคุณ.... เข้าใจมั้ย!” ทิมมี่ได้ยินคำพูดนั้น หนุ่มหน้าหยกค่อยๆเบะปากอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับความรู้สึกรุนแรงของคนตรงหน้า และเมื่อทิมมี่รวบรวมกำลังได้แล้วเขาก็ผลักร่างของโรเจอร์จนถอยหลังไปหลายก้าวทีเดียว



 “แต่สิ่งที่คุณต้องการ.... ผมไม่มีให้คุณ!!” ความเงียบกลับคืนสู่ห้อง GALLEY อีกครั้งหนึ่ง... คนทั้งคู่มองหน้ากันอย่างแตกต่างในอารมณ์ คนหนึ่งกำลังเจ็บใจที่ถูกปฏิเสธ... อีกคนหนึ่งอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า “ความไม่คาดคิด” กับพฤติกรรมของคนอีกคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นในลักษณะแบบนี้มาก่อน..



 “..อ่ะแฮ่ม.... แต่ดิฉันมีความรักให้คุณนะคะคุณโรเจอร์...” น้ำเสียงของบุคคลที่เข้ามาเยือน พาให้คนทั้งคู่ตกใจกับการมาของคนๆนั้น โดยเฉพาะโรเจอร์...เขาหันไปมองหญิงสาวในชุด “เพอร์เซอร์” หรือหัวหน้าเที่ยวบินด้วยสีหน้าเจื่อนไปในทันที



 “...คุณโรสรอยด์...” โรเจอร์อุทานน้ำเสียงอ่อนลง..ขณะที่คุณโรสรอยด์หันมายิ้มประชดให้กับคนทั้งคู่



 “กำลังสนทนาเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรกันจ้ะ?...หืม?.... สนทนาจนไม่ได้ยินเสียงแขกกดปุ่มเรียกเลยนะ” ทิมมี่หน้าเจื่อนตามลงไปอีก..เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาถูกตำหนิติเตียนในเรื่องแบบนี้ได้..ซึ่งเขาเองก็พยายามรักษาภาพพจน์ของตัวเองให้หลุดรอดจากเรื่องแบบนี้มาตลอด...แต่ทว่า ดูเหมือนจะมาด่างพร้อยก็เพราะโรเจอร์ ซินแคลร์ คนนี้แหล่ะ..



 “ผ..ผมขอโทษครับคุณโรสรอยด์ ผ..ผ..ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้” โรเจอร์รีบพูดและทำตัวจะเดินออกไป หากแต่คุณโรสรอยด์กลับส่ายหน้าช้าๆ



 “ไม่ต้องการแล้วล่ะจ้ะ... ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ.... แต่ถ้าจะออกไปตอนนี้..ก็ไปตรวจความเรียบร้อยก็แล้วกัน...เชิญจ่ะ”คุณโรสรอยด์หลบทางให้โรเจอร์ ขณะที่โรเจอร์เดินก้มศีรษะเล็กน้อยผ่านตัวเธอไปแต่ก็ไม่วายที่จะแอบชำเลืองมองทิมมี่ด้วยสายตาขุ่นๆเช่นกัน



 “ขอบคุณพระเจ้า... ที่ส่งคุณมา” ทิมมี่เอ่ย ก่อนที่จะได้ยินเสียง “ติ๊ง” ของเตาไมโครเวฟ แล้วเขาก็เดินไปหยิบถาดอาหารที่อุ่นแล้วออกมาวางเตรียมไว้กับโต๊ะเสิร์ฟ



 “มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า?.. ดูท่าว่าจะมีเรื่องไม่ดีนะทิมมี่?” คุรโรสรอยด์ถามอย่างเป็นห่วงในที



 “ไม่มีอะไรหรอกครับ.. ขอบคุณมาก.. ว่าแต่.. คุณทานอะไรหรือยัง”



 “เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ.. เอ้อ... เดี๋ยวพอเสิร์ฟอาหารเสร็จแล้ว ช่วยไปดูชั้นประหยัดให้สักครู่นะจ้ะ เดี๋ยวพี่จะดูแลข้างบนนี้ให้สักครึ่งชั่วโมง..พอดีคาบินข้างล่างคนแน่นมาก เกรงว่าคุณนายชอริต้าเธอจะรับมือไม่ไหว เห็นทำหน้าปั้นปึงอยู่กับเบลตี้เหมือนกัน... เฮ้อ... ผู้หญิงกับผู้หญิงมาเจอกัน..น้อยครั้งที่ไม่มีเรื่องปวดหัว..เฮ้อ...แย่จริงๆ ..... สงสัยกลับไปเที่ยวนี้คงต้องให้ท่านประธานเปิดอบรมพนักงานกันสักวันสองวันแล้วล่ะ” ทิมมี่ยิ้มเจื่อนๆ




“ผมเห็นด้วยครับ...”



 “ถ้างั้นไปก่อนนะจ้ะ..เอ้อ...ก่อนจะลงไปช่วยคุณชอริต้า... เราก็ทานอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วกันนะ แล้วก็ลงไปชั้นล่าง อย่าลืมเอาผ้าปิดปากลงไปด้วย..วันนี้อากาศข้างล่างดูไม่น่าโล่งปอดเลย.. คนป่วยเยอะดีจริงๆ”



“โอเค... ขอบคุณมากครับ” คุณโรสรอยด์เดินออกไป ทิ้งให้ทิมมี่ยืนถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม... นับว่าโชคดีกว่าที่จะได้ลงไปช่วยคุณนายชอริต้า.. แม้ว่าบางทีอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกับหล่อนอย่างที่เทลิซ่าเคยประสบและเล่าให้ฟังมา แต่ทว่ามันคงจะดีกว่า ขืนยังอยู่ร่วมงานกับโรเจอร์ ซินแคลร์ ต่อไปในอารมณ์และบรรยากาศแบบนี้




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




           ในการทำงานเที่ยวกลับไปฝรั่งเศส ทิมมี่ก็ทำเรื่องย้าย โดยการขอลงไปทำงานในชั้นประหยัดผลัดกับชอริต้าที่หล่อนยินดีเหลือเกินที่จะหลุดพ้นไปจากพวกคนชราหนาแน่นจากชั้นล่าง เพื่อไปเดินเฉิดฉายอยู่บนชั้น Business และได้อวดเรือนร่างของหล่อนให้แก่พวกกระเป๋าหนักได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบทางความรู้สึกอย่างจังก็คงจะเป็นโรเจอร์ที่ได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างทำอะไรไม่ได้




          การเดินทางเที่ยวกลับก็เป็นอันสิ้นสุดลงในเวลาห้าทุ่มตามเวลาปารีส คราวนี้ทิมมี่ต้องสวมเท้าสุนัข เผ่นหนีโรเจอร์ออกมาจากตัวเครื่อง แทนที่จะเป็นกัปตันหนุ่มลูคัสอย่างที่ทิมมี่เคยเป็น..ทิมมี่รีบวิ่งพรวดเข้ามากุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้าในล็อกเกอร์ชาย เขาไม่เคยรู้สึกอยากหลบหนีใครมากเท่านี้มาก่อน หากแต่ก่อนหน้านี้กับกัปตันลูคัสแล้ว.. มันเป็นความรู้สึกตอนนั้นที่โกรธและเกลียดเขา.. หากแต่ในเวลานี้ทิมมี่กลับรู้สึก “รำคาญ” โรเจอร์มากกว่าที่จะมีอารมณ์โกรธอย่างที่เคยเป็น แต่แล้ว... ในขณะที่ทิมมี่กำลังถอดเสื้อทำงานออกจากร่างกายตัวเอง ทันทีเสื้อที่บดบังใบหน้าและการมองเห็นหลุดพ้นจากศีรษะไป.. หนุ่มหน้าขาวก็ชะงักเมื่อเห็นร่างของคนที่เขา “หลีกหนี” มาปรากฏตัวนิ่งๆอยู่ตรงหน้า




 “คุณหนีผมทำไม!” ไม่ช้า น้ำเสียงหนักก็เริ่มต้นขึ้นก่อน สีหน้าของโรเจอร์นั้นเฉยชากว่าที่ทิมมี่เคยเห็น



 “...ผ..ผมไม่ได้หนีนี่...”



 “ไม่หรอก...ผมเห็นคุณแทบจะบินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเลยล่ะ”



 “ผม..ผมแค่จะรีบกลับบ้าน”



 “ที่บ้านคุณมีอะไรหรือไง?.. คุณถึงต้องรีบ” ทิมมี่โยนเสื้อผ้าตัวเองที่ใช้แล้วเก็บใส่ถุงก่อนที่จะยัดใส่กระเป๋าไปอีกที



 “ผมจะไปทำอะไรที่ไหนยังไง.. ทำไมต้องบอกคุณด้วยล่ะ?” ทิมมี่ถามแบบท้าทายอารมณ์คนตรงหน้า และก็เป็นผลให้โรเจอร์สุดความอดกลั้นที่ตัวเขามี.. พุ่งตรงมาคว้าร่างที่เปลือยเปล่าช่วงท่อนบนของทิมมี่ แล้วใบหน้าของเขาก็จู่โจมลงไปที่ซอกคอขาวทันทีอย่างไม่มีเสียงปี่เสียงขลุ่ย!



 “เฮ้ย! ทำอะไรน่ะคุณซินแคลร์! ถอยไปนะ” โรเจอร์ไม่สนใจคำพูดนั้น ใบหน้ายิ่งกดดันเข้าไปที่ซอกคอคนตรงหน้าอย่างสุดแรงเข้าไปอีก.. ร่างกายของทิมมี่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของโรเจอร์ที่บุกรุกอย่างหนักหน่วงและเต็มกำลัง.. และช่วงเวลาของการดื้อดึงกันไม่นานนั้น..ใครบางคนก็กระชากร่างของโรเจอร์จนหงายหลังไปชนกับล็อกเกอร์ตรงข้ามจนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างแรง.. พร้อมกับอาการจุกของโรเจอร์เมื่อได้รับแรงกระแทกเต็มหลัง!



 “...ค...คุณลูคัส!!” โรเจอร์อุทานขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ขณะที่กัปตันหนุ่มหันไปหยิบเสื้อชุดใหม่ให้ทิมมี่ที่หนุ่มหน้าหยกเตรียมวางเอาไว้แล้ว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



 “รีบสวมเสื้อเถอะ...เดี๋ยวจะไม่สบาย” กัปตันหนุ่มกล่าว ขณะที่ทิมมี่รีบทำตามอย่างอึดอัด..



 “เป็นคุณทุกที!! ทำไมคุณถึงชอบยุ่งเรื่องของผมนัก! คุณลูคัส!!” โรเจอร์ ซินแคลร์ กับท่าทีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป... พาให้คนทั้งคู่ตกอยู่ในความรู้สึกประหลาดใจเป็นไม่น้อย.. ขณะที่ทิมมี่ก็รีบหันไปเก็บข้าวของต่อและฝากความปลอดภัยไว้ที่กัปตันลูคัสในเวลานี้



 “โทษทีนะไอ้หนุ่ม...ฉันไม่ได้ต้องการที่จะยุ่งเรื่องของนาย...”



 “แล้วคุณจะเข้ามาทำไม!”



 “ก็เพราะฉันต้องการจะยุ่งกับทิมมี่!! ไม่ใช่นาย!” คำตอบของเขาพาสีหน้าของทิมมี่ชะงักอึ้งไปจนถุงเสื้อชุดเก่าหลุดออกจากมือ ขณะที่โรเจอร์เองก็อยู่ในภาวะเดียวกัน...ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเจ็บใจออกมาบนใบหน้า



 “นี่ไง! ในที่สุดคุณก็ยอมรับเสียทีนะคุณลูคัส...”



 “ยอมรับอะไร?...”



 “ก็ยอมรับว่าคุณชอบทิมมี่ไง! คุณเข้าหาน้องสาวของทิมมี่เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับคุณทิมมี่ใช่หรือเปล่าล่ะ”



 “หุบปากนะ! ถ้านายยังไม่รู้อะไรมาก่อนก็อย่าพูด!” กัปตันหนุ่มตะคอกเสียงดังลั่น..




 แกร่ก..





เสียงประตูห้องล็อกเกอร์ดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา...ทั้งคู่ที่กำลังจะฟัดฟาดอารมณ์กันอยู่ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบาเรลล์และเควิน เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาพร้อมกันอีกคู่หนึ่ง..ในขณะที่บาเรลล์เดินชนไหล่โรเจอร์เข้ามาจนโรเจอร์เกือบล้ม แล้วยังไม่วายหันไปทักทายกัปตันหนุ่มด้วยน้ำเสียงไร้มนุษยสัมพันธ์




“มองอะไร! อย่างถูกพักงานนักรึไง!” แล้วเมื่อเขาได้หาเรื่องจบเขาก็เดินผ่านไปจนสุดห้องเพื่อไปล็อกเกอร์ของตัวเอง กัปตันหนุ่มได้แต่มองตามไปอย่างไม่แยแสกับคำพูดนั้น...ขณะที่เควินค่อยๆเดินเข้ามาแล้วก้มศีรษะเล็กน้อยให้กับกัปตันก่อนที่จะแอบชำเลืองไปมองโรเจอร์ และเดาในใจว่า...นี่ก็คงเป็นอีกคู่เหมือนกันที่กำลังใส่อารมณ์ร้อนๆต่อกันอยู่ เขาจึงเลี่ยงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตู้ตัวเอง



 “จำไว้นะคุณลูคัส! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ผมไม่ยอมให้คุณเข้ามายุ่งกับชีวิตของผมอีกแน่” โรเจอร์ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างขุ่นเคืองในอารมณ์ ขณะที่ทิมมี่แอบวางหน้าของตัวเองในช่องล็อกเกอร์ แล้วถอนใจออกมาแรงๆ... ฝ่ามือของกัปตันหนุ่มกระทุ้งเสื้อของทิมมี่เบาๆ



 “ไปกันได้แล้ว... เดี๋ยวฉันไปส่ง”



 “อ..เอ่อ.... ไม่เป็นไรก็ได้มั้งครับ...เทลิซ่าคงจะมาถึงแล้ว เดี๋ยวผมคงจะกลับกับเทลิซ่าได้” ทิมมี่อ้างเมื่อเห็นเควินปรากฎตัวมาแล้ว... แต่ทว่ากลับมีเสียงตอบกลับจากบาเรลล์ด้านหลังห้องด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองในอารมณ์เป็นอย่างมาก..



 “ยัยนั่นหนีกลับบ้านไปแล้ว! ฝากบอกด้วยว่าฉันจะตามไปเล่นงาน! ยัยตัวแสบ!!” ทิมมี่กลืนน้ำลายดังเอื้อก... พลางคิดว่าอีกเที่ยวบินคงเจอเรื่องหฤหรรษ์พอๆกัน ขณะที่เควินที่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จแล้วก็หันไปมองทางโรเจอร์ด้วยสายตาพิศวาสเหลือเกินก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับทิมมี่และกัปตันหนุ่มอีกครั้ง แล้วเดินจากไป...



“งั้นเราไปกันเถอะ...” กัปตันหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมาดึงกระเป๋าของทิมมี่แล้วยกเดินนำไปก่อน.. ทิมมี่มองตามไปด้วยความรู้สึกประหลาดกับภาพตรงหน้า... วันนี้.. กับสิ่งเปลี่ยนไปมากมายจากวันแรกที่ได้พบ.. เมื่อคิดไปคิดมา ย้อนความจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของทิมมี่ ในไม่ช้า..





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



กัปตันลูคัส พาทิมมี่มาส่งถึงหน้าคฤหาสน์ก็ปาเข้าไป ตี1 กว่าๆ... ทิมมี่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว ก่อนที่จะหันมามองกัปตันหนุ่มที่นั่งมองเขานิ่งๆด้านข้าง



 “เอ่อ..... ผมว่า...มันดึกมากแล้ว... เอ่อ...คุณจะพักที่บ้านผมก็ได้นะครับ.....แล้วพรุ่งนี้..คุณค่อยกลับไปพักต่อที่บ้าน” คำเชื้อเชิญสร้างสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอึ้งอยู่ตรงหน้า..



 “.......เอ่อ... คุณไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก... ผมแค่คิดว่ามันดึกมากแล้ว... เป็นคนอื่นผมก็ชวน” กัปตันหนุ่มได้ยินข้ออ้าง
ก็พลางถอนใจออกมาพร้อมรอยยิ้ม



 “ฉันว่าประโยคหลังนายไม่น่าพูดเล้ย..”



 “เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้แล้วกันนะครับ” ทิมมี่รีบลงมาจากรถพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตูใหญ่ของบ้าน... ไม่ช้ารถของกัปตันหนุ่มก็แล่นเข้ามาอย่างว่าง่าย.. แน่นอนเขาไม่มีวันปฏิเสธคำเชิญของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่






++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2011 17:22:09 โดย S.T.Kalafina »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 23 : รักครั้งใหม่ของนายเทวดา




ทิมมี่ เดินนำกัปตันหนุ่มเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ในขณะที่ทิมมี่สังเกตเห็นร่างของน้องสาวที่กำลังกุลีกุจอรีบวิ่งหน้าตั้งขึ้นไปข้างบน...เขารู้ดีว่าทำไมเธอถึงต้องทำท่าทำทางแบบนั้น



“เทลิซ่า!” ทิมมี่ส่งเสียงเรียกน้องสาว..ขณะที่เทลิซ่าหยุดฝีเท้าทันทีจนเกือบหกล้ม ก่อนที่จะหันมายิ้มแห้งๆให้กับพี่ชาย



 “...ง...ไง!” สีหน้าเจื่อนของเธอ ทำให้ทิมมี่เข้าใจดีที่สุด



 “ขอบใจนะที่กลับมาโดยไม่รอฉันเนี่ย..” ทิมมี่แกล้งว่าประชด ขณะที่เทลิซ่าทำตาโตเล็กน้อย เมื่อเห็นกัปตันหนุ่มเดินตามทิมมี่เข้ามา



 “...อ..เอ่อ... สวัสดีค่ะกัปตัน”



 “นอกเวลาทำงาน.. เรียกชื่อผมก็พอมั้ง..” กัปตันหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นกันเอง..



 “ได้ไงล่ะ... ก็ชุดเครื่องแบบยังคาอยู่เลย...เอ่อ...งั้น... ตามสบายค่ะ ฉันง่วงมาก..เอ่อ ไปนอนก่อนนะทิมมี่ ราตรีสวัสดิ์!” หญิงสาวได้ทีจรลีหายไปในอย่างไม่รีรอให้ทิมมี่ว่ากระทบอะไรอีก..



 “อืม.. จริงๆแล้วก็ต้องขอบคุณเธอนะ..ที่เธอไม่รอกลับบ้านกับนาย... ก็เลยทำให้ฉันต้องได้มาค้างที่นี่ด้วย...” ทิมมี่แอบเบะปากเล็กน้อย พลางคิดว่าได้ทีเอาใหญ่เชียว..



 “ผมง่วงมากแล้ว...คุณจะนั่งเล่นอยู่ข้างล่างก่อนก็ได้นะครับ”



 “เรื่องอะไร... ฉันก็ง่วงเป็นน่ะ” ทิมมี่รีบเดินนำไปก่อน ขณะที่กัปตันก็เดินตามขึ้นมาข้างบน พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ราวกับเขาไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเพลียจากการทำงานใดใดเลยในวันนี้



           

          ทิมมี่เดินออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่มองเห็นกัปตันหนุ่มที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว กำลังนอนกอดหมอนข้างของเขาแน่นิ่งไป... เสียงกรนเบาๆทำให้ทิมมี่รับรู้ได้ว่ากัปตันลูคัสคงเหนื่อยมาก...พลางความรู้สึกอยากรู้ว่าการเป็นกัปตันที่จะต้องควบคุมเครื่องบินในระยะเวลานานๆหลายชั่วโมงติดต่อกันมันจะรู้สึกย่ำแย่ขนาดไหนกันเชียวนะ.. หากแต่ความคิดนั้นก็ส่งผลให้ทิมมี่ค่อยๆลงมานอนบนเตียงอย่างเงียบๆ.. พลางปิดไฟที่หัวเตียง และลงนอนอย่างเบาตัวที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้คนข้างๆที่กำลังนอนหลับสนิท ตื่นขึ้นมารังควานความรู้สึกของเขาอีก..




          จากตี 1 เหยียบสู่เลข 9 ในเช้าตรู่ของวันใหม่..ร่างสูงใหญ่พลิกไปมาอย่างสบายตัว ดวงตาคมกริบบนใบหน้าคมสัน
ค่อยๆลืมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆที่สดชื่นกว่าทุกเช้าที่เขาเคยตื่นมาก่อนในชีวิต..ในขณะที่สีหน้าอารมณ์ดีต้อนรับวันใหม่ต้องสะดุดหยุดไปเมื่อร่างที่บางกว่า นั่งพิงหัวเตียงกึ่งนอนเหยียดขามองมาทางเขาได้สักครู่หนึ่งแล้ว




 “ตื่นแล้วเหรอที่รัก..” เสียงงัวเงียของกัปตันหนุ่ม พาให้ทิมมี่ทำหน้าเหมือนอยากอาเจียนตั้งแต่เช้า



 “ที่รัก?.... ผมไม่ได้ชื่อวีว่า เลอคอติสสักหน่อย” สีหน้าของชายหนุ่มเหมือนโดนของเข้าไปในทันตาเมื่อได้ยินชื่อนั้นมาอรุณสวัสดิ์



 “กรุณาอย่าพูดชื่อนั้นให้ฉันได้ยินแต่เช้าได้มั้ย...มันทำให้ฉันรู้สึกพะอืดพะอมทั้งวันเลยล่ะ”



“อืม... โทษที... แล้วถ้าบอกว่า เทเลอร์ ดรอว์เยอร์ล่ะ” ทิมมี่ถามหน้าลุ้นๆ กัปตันหนุ่มทำหน้าคิด



 “อืม... ดีขึ้นเยอะเลย... ดีกว่ามาก..........” กัปตันหนุ่มเขยิบตัวขึ้นมานั่งข้างๆทิมมี่ที่หัวเตียง ทิมมี่แอบเขยิบออกห่างเล็กน้อย



 “แต่หากจะเวลานี้..คนที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีที่สุด...คงจะเป็นทิมมี่ ดรอว์เยอร์” ทิมมี่เอามือลูบหน้าตัวเองอย่างเอือมๆ



 “คุณทำให้ผมรู้สึกแย่ทั้งวันเลยล่ะคุณกัปตัน” ทิมมี่แกล้งหยอก แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจ ยังจะรุกหนักกว่าเดิมอีก



 “วันนี้เราก็หยุดอีก... เราจะไปเดทไหนกันดีล่ะ?” กัปตันหนุ่มถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทิมมี่อดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้กับหน้าตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน..ราวกับชายหนุ่มทำตัวเหมือนสุนัขอ้อนเจ้านายทำนองนั้นเลย



“เดท?...เดทบ้าอะไรของคุณ?” และทิมมี่ก็ทำเสียบรรยากาศเสมอ



 “...นายทำตัวน่ารักกว่านี้ได้นี่... ฉันเคยเห็นนะ” กัปตันหนุ่มไม่ยอมแพ้



 “เมื่อไหร่?..ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ?”



 “บ่อยไป... อย่าฝืนตัวเองซี่”



 “เฮอะ.. นี่หรือผมฝืน..ดูสีหน้าผมสิ.... ผมกำลังเขินคุณอยู่รึไงกัน? ตาบอดแล้ว” ทิมมี่ปากไม่ตรงกับใจพลางใช้ความพยายามข่มความแดงของใบหน้าจนมันไปออกที่หู กัปตันหนุ่มยิ้มและพยายามเอาชนะ



 “ไปเที่ยวไหนกันดี...”



 “หน้าตาผมอยากเที่ยวเหรอ?”



 “อยู่แล้วล่ะ...คิ้วผูกเป็นโบว์ขนาดนี้ ขืนอยู่บ้านเฉยๆล่ะได้นอนทั้งวันแหงเลยนาย”



 “ผมจะนอนมันก็เรื่องของผมนี่..”



 “เร็วๆ จะไปไหน...” ทิมมี่ถอนใจกับการตื๊อไม่เลิก..แล้วหนุ่มหน้าขาวเหมือนจะทำนิ่งราวกับหยุดคิด



 “ฉันกว่านายคิดนานขนาดนี้ ฉันคิดแทนให้ดีกว่ามั้ย?”



 “ไม่ต้องๆ! ผมคิดได้แล้วต่างหาก”



 “จริงเหรอ?... จะไปไหนล่ะ?” ทิมมี่หันมามองหน้าชายหนุ่ม พร้อมกับส่งรอยยิ้มเป็นนัยน์ประหลาด ก่อนที่จะยักคิ้วสองสามที






 “เดี๋ยวคุณก็รู้...”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++
             



เฟอร์รารี่คันหรู ขับออกมาจากปารีสมุ่งหน้าเส้นทางตะวันออกห่างจากกรุงปารีสแค่ 32 กิโลเมตรก็ถึงที่หมายปลายทางที่ ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ต้องการจะมาเยือนนานพอสมควรแล้ว หลังจากที่ไม่ได้มาเหยียบแผ่นดินแห่งความรื่นรมย์ ณ ที่แห่งนี้มาเกือบสิบปี




ยินดีต้อนรับเข้าสู่.. ดิสนีย์แลนด์




รถหรูเข้าจอดในลานจอดรถด้านหน้าขนาดใหญ่ สองหนุ่มใส่ชุดสบายๆกับวันพักผ่อน และสถานที่ๆกัปตันหนุ่มคาดไม่ถึงว่าทิมมี่อยากจะมา.. มันคือ สวนสนุกอย่างนี้เองหรือ?



 “อายุนายก็เลยยี่สิบแล้วนะ..ไม่คิดว่าจะอยากมาสวนสนุกเลยนะเนี่ย?” กัปตันพูดยั่วพร้อมรอยยิ้มกวน ทิมมี่ไม่สนใจแต่หยิบหมวกสีดำขึ้นมาสวม แล้วยิ้มให้กับตัวเองในกระจก เพื่อพร้อมจะพักผ่อนเต็มที่ในวันนี้



 “นับว่าเป็นเดทแรกสำหรับเราที่แสนจะน่าจดจำมากนะ” กัปตันยังพูดกวนต่อ



 “คุณพูดมาตลอดทางเลยนะคุณลูคัส.. คุณไม่เมื่อยปากบ้างหรือไงนะ?” ทิมมี่ทำหน้าเซ็งถาม



 “ไม่เมื่อยหรอก... แต่ก็อยากจะให้นายพูดบ้างเท่านั้นเอง”



 “ผมชวนคุณมาสวนสนุก ไม่ได้ชวนให้คุณมาพูดเสียหน่อย.. รีบๆลงจากรถเสียทีสิ!”



 “ครับ..คุณหนู” ทั้งคู่ลงจากรถได้ กัปตันหนุ่มรูปงามก็ตรงเข้ามาควงแขนทิมมี่อย่างสนใจสายตาประชากรและเยาวชนที่อ่อนต่อโลกมากมาย...สายตาของหลายคนมองมาทางคนทั้งคู่ พร้อมกับแสดงสีหน้ายิ้มตอบเมื่อกัปตันหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มไปก่อนหน้านี้อย่างเป็นมิตร เด็กหลายคนคงจะถามพ่อแม่ว่าทำไมผู้ชายถึงเดินควงแขนกันได้..หากแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าทิมมี่พยายามผละตัวเองให้ออกห่างตลอดเวลาที่ก้าวเดิน แต่ใครจะต่อสู้กับกำลังแขนอันแข็งแกร่งของกัปตันหนุ่มคนนี้ได้กันเล่า?





ในที่สุดเสียงกรีดร้องของเด็กๆที่กำลังจะคลั่งกับรถไฟเหินเวหาจากที่ห่างไกล ...ก็ทำให้คนทั้งคู่กลับสู่ภาวะแห่งความสนุกอีกครั้งหลังจากที่เดินกระฟัดกระเฟียดมาตั้งแต่เคาว์เตอร์จ่ายบัตร และผ่านโรงแรมดิสนีย์แลนด์ ที่ยืนคร่อมอยู่ตรงทางเข้ามาหลายก้าวพอสมควรแล้ว สีหน้าของทิมมี่เริ่มสนอกสนใจกับเครื่องเล่นในดินแดนมหัศจรรย์ที่เมื่อสมัยเด็กเขาชื่นชอบที่นี่มาก...จนลืมไปเลยว่าตอนนี้แขนของตัวเองกำลังอยู่ในพันธนาการของใคร




สวนสนุกที่นี่จัดว่าไฮเทคที่สุดในแผ่นดินฝรั่งเศส แบ่งพื้นที่ออกเป็นห้าเขตหลักเรียกว่า “แดน” ..และแต่ละเขตมีการละเล่น ร้านค้า และร้านอาหารที่เป็น “ธีม” หรือแนวเรื่องเฉพาะของตน ...สองหนุ่มผ่านประตูหมุนขนาดใหญ่ เข้าสู่เมนสตรีตยูเอสเอหรือถนนสายหลัก..กัปตันหนุ่มพาทิมมี่เดินเข้ากลุ่มมิกกี้เมาส์ที่ยืนเต้นเย้วๆอยู่ตรงหน้า พฤติกรรมของกัปตันหนุ่มกับการแย่งมิกกี้เมาส์และมินนี่ของเด็กเล็กมายืนถ่ายรูปกับตน ก็พาให้ทิมมี่ต้องอับอายพ่อกับแม่ของเด็กไม่น้อยทีเดียว... หากแต่กัปตันหนุ่มก็รู้สึกพอใจมากกว่ากับการได้แกล้งทิมมี่ไปในตัวด้วย...สีหน้าของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ยามอับอาย... มองๆแล้วน่ารักกว่ามิกกี้เมาส์เสียอีกในสายตาของเขา




ความสนุกเป็นไปมากกว่าที่ทิมมี่คิด...และตระหนกมากกว่าที่เขาคิดอีกด้วย.. การมากับกัปตันลูคัสครั้งนี้ ทำให้ทิมมี่ได้เล่นเครื่องเล่นหลายๆอย่างที่เขาพยายามปฏิเสธมาตลอดชีวิตว่าจะไม่แตะต้องเด็ดขาด.. อย่าง “แฟนทอมเมเนอร์” เครื่องเล่นที่สร้างเลียนแบบฉากภาพยนตร์เรื่อง Psycho ของฮิตซ์ค็อก...ซึ่งมีรถรางพาไปเขย่าขวัญภายในบ้านผีสิง...และอีกทั้งความระทึกกับการนั่งรถไฟใน “บิ๊กธันเดอร์เมาท์เทน” หรือทางรถไฟสายฟ้าฟาด...ซึ่งทั้งสองอย่างนี้แค่ส่วนหนึ่งในการสร้างอารมณ์สะพรึงของทิมมี่ ดรอว์เยอร์ เพียงน้ำจิ้มเท่านั้น.. ยังมีอีกหลายอย่างที่กัปตันลูคัสแทบจะบังคับและอุ้มร่างของทิมมี่ให้เข้าไปเผชิญกับเครื่องเล่นระทึกขวัญมากมายจนทิมมี่ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในดิสนีย์แลนด์ ดินแดนในฝันอย่างที่เคยคิดมา...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




12.30 น. ศูนย์ฯลูกเรือ ดานอสซี่แอร์ไลน์




 “สวัสดีค่ะคุณเทลิซ่า” อลิซ พนักงานบริการเคาว์เตอร์ทักทายเทลิซ่าทันทีที่หล่อนเดินก้าวออกมาจากลิฟต์ได้ไม่กี่ก้าว



 “สวัสดีค่ะ.. หน้าตาสดชื่นทุกวันเลยนะคะ”



 “ขอบคุณค่ะ เอ่อ... แล้วคุณทิมมี่ล่ะคะ?”



 “อ๋อ... วันนี้พักเวรค่ะ เที่ยวบินหน้าก็พรุ่งนี้ช่วงบ่ายน่ะค่ะ”



 “จริงสินะคะ ดิฉันก็ลืมไป... ได้พักผ่อนบ่อยๆดีจังเลย” เทลิซ่าแอบเบะปากยิ้ม



 “ไม่ได้พักผ่อนหรอกมั้งคะ... เห็นว่าออกไปเที่ยวกับกัปตันของเราต่างหาก...เห็นว่าไปถึงเมืองมาร์น-ลา-วาเล ดิสนีย์แลนด์เลยนะ”



 “โอ้โห... นี่กัปตันของเรายังอยากไปเจอมิกกี้อยู่อีกเหรอคะเนี่ย” อลิซรู้สึกขันเมื่อนึกถึงบุคลิกท่าทางเคร่งขรึมของกัปตันหนุ่มมือหนึ่งของดานอสซี่



 “พอกันทั้งคู่แหล่ะค่ะ...พี่ชายดิฉันก็ใช่ย่อย..เอ่อ.. ถ้างั้นดิฉันขอตัวนะคะ พอดีมีบรีฟอีกสิบนาที ขอไปแต่งหน้าก่อน”



“เชิญค่ะ..เดินทางปลอดภัยนะคะ”



 “ขอบคุณค่ะ” เทลิซ่าเดินย้ายสะโพกหายเข้าไปในล็อกเกอร์หญิง..



ในขณะที่อีกมุมอีก.. มีบุรุษหน้าขาวซึ่งได้ยืนแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่อยู่นานแล้ว... เขาเม้มปากอย่างเจ็บแค้น.. พลางสายตาหันไปมองที่บอร์ดพนักงาน และจ้องไปที่รูปถ่ายของ “กัปตันลูคัส กาโรล” ด้วยแววตาขุ่นเคืองและเจ็บใจเป็นที่สุด!





 “ผมรู้แล้ว... ว่าผมจะทำเอาคืนคุณยังไง... คุณลูคัส!!”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




ทิมมี่.. นั่งหอบเหนื่อยอยู่ในแฟนตาซีแลนด์หรือดินแดนแห่งเทพนิยาย... ไม่ช้ากัปตันหนุ่มก็เดินขาสั่นตามมาพร้อมกับน้ำดื่มขวดหนึ่งในมือ... ก่อนที่จะยื่นให้หนุ่มหน้าขาวที่ในเวลาหน้าซีดเผือด.. แล้วกัปตันหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า ข้างๆทิมมี่ ดรอว์เยอร์ที่นั่งกระดกขวดน้ำอยู่อย่างกระหาย




 “เหนื่อยจริงๆพับผ่า... สุดยอด!” กัปตันหนุ่มพูดเสียงสั่น ร่างล่ำสันนอนแผ่อยู่กับพื้น เหงื่อซึมผิวเสื้อและร่างกาย เขาดูผ่อนคลายมากเหลือเกินในวันนี้



 “ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ผมจะมากับคุณนะคุณลูคัส... ผมรู้สึกเกลียดดิสนีย์แลนด์ขึ้นมายังไงไม่รู้แล้วล่ะ...” ทิมมี่พูดแล้วกระดกน้ำเข้าปากต่อ



 “นี่นาย... ใจคอจะเหลือน้ำให้ฉันบ้างหรือเปล่าน่ะ” กัปตันหนุ่มผงกหัวขึ้นมาถามแล้วลงไปนอนต่อ



 “แล้วทำไมคุณถึงซื้อมาขวดเดียวเล่า?”



 “ก็ฉันอยากดื่มต่อจากปากนายนี่นา...” ทิมมี่ถอนใจอย่างเหนื่อยมากขึ้น



“ทะลึ่งมากก็อดต่อไปเถอะ.... อะ..!” ขวดน้ำตกลงกับผืนสนามหญ้า... จากริมฝีปากเรียวบางที่ถูกผลักออกจากปลายกระบอกขวด... หากแต่เวลานี้ กลีบปากสวยของทิมมี่ ดรอว์เยอร์.. กลับถูกถ่ายทอดลมหายใจจากริมฝีปากอุ่นของกัปตันลูคัส! ทิมมี่ชะงักนิ่งไปกับการกระทำนั้น.. เสียงกรี๊ดท้ายมทูตของผู้โดยสารรถไฟเหาะตีลังกาจากแอดเวนเจอร์แลนด์พาให้กัปตันหนุ่มสะดุดอารมณ์ แต่ก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบปากนุ่มของทิมมี่ด้วยสีหน้าที่แสดงความอ่อนโยนและความอบอุ่น ให้กับคนตรงหน้าได้เห็น




 “...คุณทำบ้าอะไรเนี่ย...” เสียงอ่อนของทิมมี่ถามขึ้น ในขณะที่สีหน้าเขายังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างไม่คลาย.. ขณะที่กัปตันลูคัสพาดแขนแกร่งมาโอบไหล่ของทิมมี่เอาไว้ แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีก



 “ก็นายอยากให้ฉันอดทำไมล่ะ?....”  รอยยิ้มอ่อนโยนที่มาพร้อมกับคำตอบ...ยิ่งทำให้ทิมมี่รู้สึกหมดแรงจะไหวตัวหนีไปไหนได้อีกแล้ว..



 “คุณผ่านการจูบจากใครต่อใครมากี่คนแล้วเนี่ยคุณลูคัส..?” ทิมมี่ทำหน้านิ่งถาม กัปตันหนุ่มเริ่มเดาใจทิมมี่ไม่ถูกเข้าแล้ว



 “ถามทำไมกัน?” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างต้องการคำตอบ



 “...เปล่าหรอก... ผมแค่รู้สึกเหม็นปากคุณก็เท่านั้น..” ในที่สุด ความหมายที่แสดงขึ้นอาการหยอกล้อของทิมมี่ก็ทำให้กัปตันหนุ่มเข้าใจและยิ้มกว้างออกมาได้ในไม่ช้า



 “...หึ... ปากผู้หญิงอาจจะหลายคนอยู่.... แต่รู้ไว้เถอะ.... ปากของผู้ชาย.. นายเป็นแรก... และจะเป็นคนสุดท้ายของฉันด้วย” ทิมมี่อึ้งไปกับน้ำเสียงอ่อนโยนนั้น.. กัปตันหนุ่มทำทีจะโน้มใบหน้าลงมาอีก แต่รถไฟเหาะเจ้ากรรมก็พาเสียงกรีดร้องมาเขย่าขวัญคนทั้งคู่อีกจนได้



 “ให้ตายเถอะ...” กัปตันหนุ่มส่ายหน้าอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะเหลือบไปมองรถไฟเหาะเบื้องหลังอย่างหงุดหงิด... ขณะที่ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ นั่งยิ้มอย่างขอบคุณเสียงกรีดร้องเหล่านั้น



 “...ขอบคุณนะครับ...” อยู่ๆ คำพูดสั้นๆของทิมมี่ ก็ถูกเปล่งออกมา..ทำให้สีหน้าของกัปตันหนุ่มคลายความหงุดหงิดลงในทันที..และหันหน้ามามองหนุ่มหน้าขาวอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่อึ้งไปเล็กน้อย



 “...ขอบคุณที่พาผมมาในวันนี้... และคุณ.... ก็ไม่ต้องทำหน้าซึ้งขนาดนั้นก็ได้” คำพูดท้ายประโยคทำให้กัปตันหนุ่มถอนใจก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง



 “นายจะพูดให้ดูดีตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้นะ...นายนี่จริงๆเลย”



 “อืม... ผมเหนื่อยมาก... อยากกลับแล้วล่ะ”



 “ฮะ?... นี่แค่บ่ายสองเองนะ?... จะรีบกลับไปไหนกัน” กัปตันหนุ่มทำหน้าสงสัยมองทิมมี่ที่กำลังนั่งหน้ามึนอยู่นิ่งๆ



 “...หรือว่านาย.. เบื่อหน้าฉันแล้วล่ะ?” สีหน้าของกัปตันหนุ่มก็เจื่อนไปกับคำพูดตัวเองเช่นกัน.. หากแต่สายตาของทิมมี่ที่มองสวนมานั้น ทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างกับสายตาที่ทอดมองมาทางเขา



 “ถ้าผมเบื่อคุณ... ผมคงไม่มากับคุณหรอกคุณลูคัส...” คำพูดที่ชวนให้กัปตันหนุ่มใจชื้นถูกเปล่งออกมาอีกครั้งหนึ่ง..



 “...ฉันคงจะรู้สึกดีกว่านี้....หากนายจะพูดให้ฉันได้ยินว่า....... นาย.... รักฉัน เหมือนที่ฉันรักนายนะ..” สีหน้าจริงจังของกัปตันลูคัส พาให้ทิมมี่รู้สึกร้อนผ่าวไปด้วยกระแสลมอบอุ่นจากคำพูดนั้นของเขา.. ความรู้สึกบางอย่างในสมอง เริ่มมั่นใจในสถานะของตัวเขาเองแล้วว่า.. ในวันนี้.. เขารู้สึกอย่างไร... กับกัปตันลูคัส!....และสีหน้าที่เผยรอยยิ้มออกมาของทิมมี่ ก็มาพร้อมกับคำตอบรับ.....ที่จะทำให้กัปตันหนุ่ม ไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน...





 “คุณลูคัส...ผม........รั...”







กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~~~~~~!!!!!!!!!!!!!!!








 “โว่ย!!!!” กัปตันหนุ่มระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการลุกขึ้นและกระโดดเตะก้อนหินไปทางขบวนรถไฟเหาะอย่างสุดทน! เสียงกรีดเหล่านั้นพาให้ทิมมี่หลุดออกมาจากหลุมรักบนดวงหน้าของกัปตันหนุ่มที่อุตส่าห์พยายามต้อนอารมณ์ให้จนมุม... หากแต่ในวันนี้.. ทิมมี่ก็ได้แต่นั่งหัวเราะกับท่าทีของกัปตันหนุ่มในเวลานี้ อย่างอดกลั้นไม่ได้จริงๆ...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++


TBC.

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
FLIGHT 24 : ทิมมี่..กับการกลับมาของ “ความเจ็บแค้น”



เฟอร์รารี่สีดำ..แล่นกลับเข้ามาบริเวณหน้าประตูรั้วของคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ ทิมมี่ปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกก่อนที่จะหันมามองกัปตันหนุ่มที่ยังคงอารมณ์หงุดหงิดรถไฟนรกนั่นไม่หาย



 “เอาน่าคุณลูคัส...เราจะแยกกันแล้ว...ทำหน้าดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงครับ?” ทิมมี่ยังแกล้ง



 “ถ้าจะให้ฉันทำหน้าดีๆ.. นายก็บอกฉันมาดีๆเลยสิ...”



 “ผมไม่ตายเสียก่อนคุณก็คงได้ยินสักวันล่ะ” กัปตันหนุ่มหันขวับมามองหน้าทิมมี่พลางทำตาโตเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน



 “นี่แสดงว่า... นาย....จะบอกรักฉันแน่ๆสักวันใช่หรือเปล่า?” ทิมมี่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองได้พลาดกับลมปากของตัวเองออกไปแล้ว



 “....ผมลานะครับ...” หนุ่มหน้าขาวหลีกความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าออกมาจากรถ ขณะที่กัปตันหนุ่มในสภาพสีหน้าและร่างกายที่ร่อแร่เต็มทียังคงตะโกนเรียกหนุ่มหน้าขาว ดังออกมาจากในรถว่า



 “เฮ้! ทิมมี่!” ทิมมี่หันขวับกลับมามองอย่างสงสัย กัปตันหนุ่มยิ้มกว้างให้เขา... ก่อนที่จะทำปากจู๋ราวกับเด็กห้าขวบ



 “ฝันดีนะครับที่รัก.. จุ๊บๆ” ทิมมี่อยากจะหาหลุมซุกศีรษะของตัวเองในเวลานี้...รถคันหรูแล่นผ่านออกไปพร้อมกับชายหนุ่มที่มีสมองเท่ากับเด็กออธิสติก ใช่..ทิมมี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ..


                         

          ทิมมี่ เดินกลับเข้ามาในบ้าน.. หากแต่สายตากลับไปสะดุดที่รถคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่บริเวณน้ำพุหน้าตึก... รถสปอร์ตหรูคันสีแดงเพลิงอันคุ้นตา.. พากลิ่นอายความโกลาหลตามมาในความรู้สึกของเขาในเวลานี้! หนุ่มหน้าขาวรีบเดินเข้าไปในบ้าน.. พลัน! มองเห็นหญิงสาวในชุดเครื่องแบบสีดำของ ดานอสซี่ แอร์ไลน์กับดวงหน้าที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว ว่าเธอผู้เยือนเป็นใคร!




 “...คุณวีว่า!” คำอุทานในลำคอของทิมมี่ มากับกลิ่นสังหรณ์ประหลาดเมื่อดวงหน้าคมคายของหญิงสาวหันขวับมามองผู้เรียก
พร้อมกับรอยยิ้มทักที่ดูแฝงไปด้วยนัยน์ประหลาดจากกลีบปากสีแดงสดนั้น



 “...สวัสดีคุณทิมมี่...หึ... ไปไหนมาเหรอ? ฉันรออยู่เกือบชั่วโมง” วีว่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มมีเลศนัยน์



 “เอ่อ...ผมไม่รู้ว่าคุณจะมา... แล้ว?...คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” ทิมมี่ถามด้วยความรู้สึกฉงนใจ ขณะที่หญิงสาว ก้าวเข้ามาใกล้ๆหนุ่มหน้าหยก พร้อมกับท่าทางเรียบนิ่งที่มากลับกลิ่นอายแห่งความตระหนกกับเรื่องที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร..หากแต่การปรากฏตัวของหล่อนไม่ว่าจะที่ไหน..ย่อมหมายถึงการมาของเรื่องราววุ่นวายที่จะตามมาอย่างที่ใครๆไม่อาจทันตั้งตัว



 “จะว่ามีก็ไม่เชิง... ฉัน.. แค่จะเอาอะไรบางอย่างมาให้คุณดูก็เท่านั้น” ฝ่ามือที่มีเล็บสีแดงสด ยื่นซองสีน้ำตาลให้ทิมมี่... หนุ่มหน้าขาวรู้สึกชะงักไปเล็กน้อย เมื่อจำภาพตอนที่ตัวเขาเองยื่นซองสีน้ำตาลที่ใส่ซีดีบันทึกวิดิโอฉาวให้หล่อนเมื่อก่อนหน้านี้.. หากแต่ในเวลานี้ที่การกระทำมันกลับกัน ทำให้ทิมมี่อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ในซองๆนั้นคงเป็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นแน่



 “รับไปสิ... ฉันก็แค่จะเอามันมาให้คุณดูแค่นี้ล่ะ...” เมื่อทิมมี่ยังยืนอึ้งและได้แต่ตระหนกกับสิ่งที่เขายังไม่อาจรู้ วีว่า เลอคอติส.. จึงวางซองสีน้ำตาลลงกับโต๊ะรับแขก แล้วยิ้มให้ทิมมี่ด้วยสายตาสะใจต่ออะไรบางอย่าง



 “ฉันกลับก่อนแล้วกันนะ... เอ้อ... ก่อนจะเปิดมันดู... ฉันคงจะต้องบอกให้คุณทำใจก่อน อย่าตกใจไปล่ะ” วีว่า เลอคอติส เดินออกมาจากตึก.. ก่อนที่จะแล่นรถสีแดงเพลิงของตัวเองออกไป..




          ในขณะที่ชายหนุ่มที่กำลังยืนนิ่งอยู่ในบ้าน.. ค่อยๆหันไปมองซองสีน้ำตาลบนโต๊ะรับแขก.. ด้วยความรู้สึกที่มีสังหรณ์มากมายต่อสิ่งที่วางอยู่เบื้องหน้า.. แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร หนุ่มหน้าขาวก็ต้องตัดสินใจเปิดซองนั้นและรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่.. และเมื่อมือขาวหยิบซองสีน้ำตาลนั้นขึ้นมา.. แล้วเปิดมันออกมาช้าๆ.. พลัน! กระดาษหลายใบหลุดร่วงออกมาจากซอง.. ทันทีที่ฝ่ามือสองข้างของทิมมี่ยกเอียงซอง ให้วัตถุภายในร่วงออกมา.. หากแต่สายตาของทิมมี่กลับเบิกโพลงราวกับตกใจกับสิ่งที่เห็น! มันไม่ใช่กระดาษ.. แต่มันกลับเป็นรูปถ่าย...


          รูปถ่ายกว่าหลายสิบใบ.. กับภาพอื้อฉาวของใครบางคนตรงหน้า... พาให้มือสั่นคว้ามันยกขึ้นมาสายตาจับจ้องกับบุคคลในภาพ.. อารมณ์และความรู้สึกที่เหือดหายไปนานเริ่มกลับมาในหัวสมองของทิมมี่ ดรอว์เยอร์อีกครั้ง! ดวงตาสั่นพร่า กับน้ำตาที่คลอเบ้า.. ริมฝีปากเม้ม ฟันกัดแน่นด้วยความเจ็บแค้น ..และไม่ช้า! ฝ่ามือของเขาก็ขยำรูปถ่ายที่อยู่ในมือใบนั้นจนมันยับยู่ยี่อยู่ในมือ.. และเหมือนว่าหนุ่มหน้าขาว จะพยายามบีบมันให้สลายไปกับมือให้จงได้.. พลางเสียงพึมพำออกมากับน้ำเสียงที่สั่นเครือ..







 “...คุณมัน.... คุณมันชั่ว! .... ไอ้คนร้อยเล่ห์!! ไอ้สารเลว!!!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          รถสีน้ำเงินของเทลิซ่าแล่นเข้ามาภายในคฤหาสน์ดรอว์เยอร์ในเช้ารุ่งขึ้น.. ทิมมี่ ดรอว์เยอร์เดินออกมาจากตัวตึกพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ พลางมองน้องสาวที่กำลังเดินตรงมาในชุดทำงานด้วยสายตาแดงก่ำจนเทลิซ่าต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นดวงตาคู่นั้นของผู้เป็นพี่



 “ป..เป็นอะไรน่ะ? ทิมมี่” เสียงหญิงสาวถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าซีดราวกับอดนอน และคิ้วขมวดเป็นปม พร้อมดวงตาที่ราวกับมีน้ำตารื้นอยู่ในขณะนี้



 “...เปล่า... เธอพักเวรแล้วเหรอ..” น้ำเสียงขุ่นและเย็นเยือกถามน้องสาว ขณะที่หล่อนตอบอย่างเกร็งๆ



 “ป..เปล่า... เมื่อวานแค่เที่ยวสั้นน่ะ...อ..เอ่อ... ฉันมารับนายไง...” เทลิซ่ายังมองหน้าพี่ชายอย่างอึ้งๆกับสภาวะในอารมณ์ของคนตรงหน้าที่เธอไม่อาจคาดเดาและไม่กล้าถามในเวลานี้ว่าเกิดอะไรขึ้น



 “อืม... งั้นไปเถอะ..ฉันเสร็จแล้ว”



 “ป..ไปสิ” เทลิซ่าพาพี่ชายขึ้นรถ.. แม้ความสงสัยจะยังไม่คลายจากใจหล่อน หากแต่หล่อนก็ไม่กล้าถามทิมมี่ในเวลาแบบนี้เป็นแน่.. หากหน้าตาของทิมมี่ดูดีกว่านี้เมื่อไหร่ เธอจะจ้องหาจังหวะถามให้คลายความสงสัยทันทีอย่างแน่นอน










ศูนย์ฯลูกเรือดานอสซี่ แอร์ไลน์ เวลา 10.00 น.




          ทิมมี่ ดรอว์เยอร์แยกกับน้องสาวเพื่อเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ชาย พอเข้ามาก็เจอสงครามระหว่างบาเรลล์และเควินทันที.. สองหนุ่มในท่อนบนเปลือยเปล่า กับผ้าขนหนูสีขาวปกปิดท่อนล่างราวกับคนทั้งคู่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการอาบน้ำมาหมาดๆและตัวยังไม่ทันแห้ง.. แต่ก็กลับตะลุมบอนกันอย่างเดือดดาลท่ามกลางลูกเรือชายคนอื่นที่รีบจรลีหายตัวกันไปทันทีเมื่อทิมมี่เข้ามา หากแต่ทิมมี่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามทัพแต่อย่างใด.. แต่เขาก็แอบเขวี้ยงกระบอกน้ำเปล่าไปกลางวง จนคนทั้งคู่หลบน้ำเย็นในแก้ว และถอยไปคนละทาง.. ทิมมี่ถอดชุดเสื้อนอกออกแล้วหยิบเสื้อเครื่องแบบออกมาจากตู้ด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หน้าตาไม่สบอารมณ์ต่ออะไรทั้งนั้น.. บาเรลล์ยกมือขึ้นชี้หน้าเควิน




 “มึงอย่าลองดีกับกู...”



 “ใหญ่มาจากไหนล่ะวะ!”



 “ใหญ่กว่าบิดามึงแล้วกัน ไอ้งั่ง!” ก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง..ประตูห้องล็อกเกอร์ก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของกัปตันลูคัส..ในขณะที่ความรู้สึกคุกรุ่นของบาเรลล์และเควินราวกับจะเด้งอยู่ในหัวของทิมมี่แทนแล้วในเวลานี้.. ทันทีที่กัปตันหนุ่มปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยน



 “ไง... เมื่อวานเหนื่อยหรือเปล่า?” กัปตันหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงนุ่มและสีหน้าสดชื่น หากแต่เขาต้องชะงักไปกับสายตาแข็งกระด้างที่มองกลับมาแทนคำตอบ..




          ทิมมี่ปิดประตูล็อกเกอร์ดังสนั่นเป็นผลให้ประตูตู้ที่ถูกเหวี่ยงกระแทกอย่างแรง เกลียวหลุดและบานล็อกเกอร์ร่วงลงมาอย่างไม่เหลือดี... และทิมมี่ก็เดินถือชุดเครื่องแบบเดินตรงไปทางห้องน้ำเพื่อจะเปลี่ยนชุด หากแต่กัปตันหนุ่มโยนกระเป๋าของตัวเองลงกับพื้น แล้วรีบวิ่งไปคว้าข้อมือของทิมมี่ด้วยความรู้สึกสงสัยกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นในเวลานี้.. ขณะที่สองสิงห์ที่กำลังจะก่อหวอดต่อต้องหันไปมองที่ทิมมี่และกัปตันลูคัสเป็นตาเดียว




 “เดี๋ยวทิมมี่!! เกิดอะไรขึ้น!! นายโมโหอะไร!?” กัปตันหนุ่มถาม พลางชะงักไปอีกครั้ง เมื่อถูกฝ่ามือของทิมมี่สะบัดออกอย่างแรง พร้อมกับสีหน้าที่หันมาตอบโต้ราวกับบ่งบอกถึงความรู้สึก “รังเกียจรังชัง” เป็นอย่างมาก..



 “อย่ามายุ่งกับผม.. คุณกาโรล!” คำตอบที่เหินห่างพาร่างของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำและลงกลอนอย่างรวดเร็ว.. กัปตันยืนอึ้งอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น.. จนกระทั่ง...เสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีใครบางคนเปิดมันเข้ามา



โรเจอร์ ซินแคลร์ ปรากฏตัวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม.. ชายหนุ่มหน้าขาวเดินตรงมาที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง.. และสายตาของเขาก็ปะทะกับสายตาคมกริบของกัปตันหนุ่มที่กำลังพยายามหามูลเหตุที่ทำให้ทิมมี่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจากเมื่อวาน



"สวัสดีครับกัปตันลูคัส... หวังว่าวันนี้... คุณจะมีแต่เรื่องดีๆ..เข้ามาในชีวิตนะครับ” คำทักทายที่มาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความผิดปกติ จากสายตาและรอยยิ้มแฝงความหมายที่ร้ายกาจนั้น พาให้กัปตันหนุ่มเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจอะไรบางอย่างว่า... เขาคนนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเปลี่ยนไปของทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่! พลัน! กัปตันหนุ่มพาร่างอันแข็งแกร่งของตัวเอง บุกตรงเข้ามาที่โรเจอร์ และใช้มือทั้งสองข้างกระชากคอเสื้อจนหนุ่มหน้าเนียนเกือบตัวลอยยืนไม่ติดพื้น!



 “นายหมายความว่ายังไง!! นายทำอะไรทิมมี่!!” คำถามนั้น พาให้โรเจอร์หัวเราะออกมาอย่างขำขัน..ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของตัวเอง กระแทกหน้าอกแกร่งของกัปตันหนุ่มจนเขาหงายถอยไปข้างหลังก้าวใหญ่ โรเจอร์ยืนจับคอเสื้อของตัวเองให้เข้ารูปอีกครั้ง พร้อมแสดงสีหน้ายั่วประสาทกัปตันหนุ่มตามมา





 “พูดอะไรของคุณ.... ตลกสิ้นดี... คนอย่างผมจะไปมีหน้าทำอะไรคนอื่นได้...ฮึ?” คำถามนั้น..เป็นผลให้กัปตันหนุ่มเดินตรงเข้ามาพร้อมหมัดที่กำแน่น หากแต่มีลูกเรือรายอื่นที่พากันเดินเข้ามา กระชากกัปตันหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์ที่ขาดสติด้วยสายตาตื่นตะลึงของคนเหล่านั้น.. กัปตันหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใจร้อนเกินไป.. ใช่.. เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย..



กัปตันลูคัสลดมือลงก่อนที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินสวนบาเรลล์และเควินไปยังล็อกเกอร์ของตัวเอง..
พลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและเดินออกมาจากห้องๆนั้นทันที.. โรเจอร์มองตามร่างสูงที่เดินออกไปก่อน พร้อมส่งรอยยิ้มสะใจตามออกไป... ราวกับว่า เขานี่แหล่ะ คือตัวการที่ทำให้ทิมมี่ตกอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง.. หากแต่ก็ไม่มีใครรู้ได้อีกเช่นกันว่า เขาคนนี้ ทำอะไรลงไป!? หากแต่มุมน้ำเงินและมุมแดงของสองสิงห์หนุ่มก็ราวกับจะเริ่มไหว้ครูเปรียบมวยกันอีกรอบ..


           
หลังจากที่ทิมมี่เดินออกมาจากล็อกเกอร์แล้ว เขาก็เดินตรงไปที่ห้องของคุณซินดี้ เพื่อที่จะบอกเธอว่า เขาคงไม่ได้เข้าบรีฟ เพราะมีธุระจำเป็นชั่วครู่..และขอคุณซินดี้ว่าฝากผู้ร่วมงานในชั้นโดยสารเดียวกัน แนะนำและบอกรายละเอียดของเขาทีหลังด้วย..ระหว่างที่ทุกคนบรีฟงานกันอยู่นั้น..มีใครบางคนปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้! หากแต่ทิมมี่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าคนๆนั้นเป็นใคร เพราะเขาเอาตัวเองไปเดินหลบหน้ากัปตันหนุ่มอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อรอเวลาที่จะได้ขึ้นเครื่อง.. เพื่อตรงสู่โอเวอร์ไนท์ของบอสตันอีกครั้งหนึ่ง!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





เวลา 10.45 น. ณ ห้อง GALLEY ชั้นผู้โดยสาร FIRST CLASS ของเที่ยวบินโอเวอร์ไนท์ บอสตัน-ปารีส... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ขึ้นมาประจำการก่อนใคร เพื่อหลบหน้าและหลีกหนีปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในใจของตัวเองเวลานี้... สมองยังจดจำแต่ภาพถ่ายที่วีว่า เลอคอติสนำมาให้... บุคคลในรูป ชายหนุ่มที่เขาเกือบจะตกหลุมพรางและเกือบหลงคารมเขาผู้นั้นไปแล้วเมื่อวานนี้.. กับภาพที่เขานอนอยู่กับหญิงสาวผู้หน้าไม่อาย ห้องนอนในรูปที่บ่งบอกถึงบรรยากาศของโรงแรมโมเทล...ภาพในหัวทำให้ทิมมี่กำหมัดแน่นอีกครั้ง.. ก่อนที่เสียงฝีเท้าของหญิงสาว ราวกับจะดังใกล้เข้ามาทางห้อง GALLEY ที่เขากำลังนั่งหมกตัวอยู่ในนี้..



ทิมมี่รีบลุกตัวและปาดน้ำตาอันแสบเจ็บปวดของตัวเองออกไป พลันคิดว่าคนที่กำลังตรงมาคือ โรสรอยด์ เพอร์เซอร์จอมเนี้ยบขาประจำ... หากแต่เมื่อคนๆนั้นปรากฏตัวเข้ามาภายในห้องๆนี้! หนุ่มหน้าหยกก็พลันเบิกตาโพลงขึ้นมาชั่วขณะ..ราวกับตกใจกับการปรากฏตัวและการ “กลับมา” ของเธอ..







 “....อ...เอลลี่!...” ทิมมี่ไม่คาดคิด ว่าหญิงสาว “ผู้ถูกกระทำ” จากฝีมือของเขา จะกลับมายืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ได้! หญิงสาวเจ้าของชื่อยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับสายตาชิงชัง... ความรู้สึกเจ็บแค้นที่หนุ่มหน้าหยกตรงหน้าทำให้ถูกพักงานและเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาระหน้าที่... การกลับมาของเธอ.. พาความรู้สึกย่ำแย่ระลอกสองให้กับทิมมี่ทวีความกลัดกลุ้มที่มีอยู่แล้ว ให้มากขึ้นไปอีกเป็นสองเท่าตัว!




 “ไง... คุณทิมมี่...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน! สบายดีใช่มั้ย..” น้ำเสียงเรียบเย็นกับสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นและมากับความรู้สึกปั่นป่วนให้กับทิมมี่อีกครั้ง..



 “..ส..สบายดีครับ....” หนุ่มหน้าขาวกลืนน้ำลาย ราวกับคนเกรงความผิดที่เคยกระทำ..



 “...หึ... นายจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอ... ว่าฉัน....สบายดีหรือเปล่า!?” น้ำเสียงเน้นหนักท้ายประโยค พร้อมกับสีหน้าที่เย็นชาขึ้นพาให้ทิมมี่ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเลี่ยงตัวไปทางเตาไวโครเวฟ ก่อนที่จะถามหล่อนโดยที่ไม่กล้ามองหน้า



 “..อ..อืม... ฉันคิดว่า...เธอคงจะไม่สบายหรอก...ใช่หรือเปล่า.... ค..คือ..คือว่าฉัน..”



 “ก็ถูกอย่างที่นายว่านั่นแหล่ะ!” คำตอบกระแทกอารมณ์ พาร่างของหญิงสาวเข้ามาในห้อง GALLEY พร้อมกับวางกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเอง วางกระแทกอย่างแรงบนตู้เก็บจานหลังห้อง.. พร้อมกับสายตาขุ่นเคืองที่ยังคงไม่ละห่างจากทิมมี่ ดรอว์เยอร์



 “หวังว่าเที่ยวบินนี้... นายคงจะรับมือแล้วใช่มั้ยล่ะ.... ว่าความวุ่นวาย... มันจะตามมาอย่างแน่นอน....หึ.... ฉันเองก็เตรียมพร้อมมาดีแล้ว ในการร่วมงานกับนายอีกครั้ง...... ทิมมี่ ดรอว์เยอร์!!”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




          โคไพลอตรายใหม่ชื่อ เดวิด อีธาน สนทนาทักทายกับกัปตันลูคัส กาโรล ในห้องค็อกพิท... หากแต่สีหน้าของกัปตันหนุ่มมือหนึ่งกลับไม่ค่อยจะสุนทรีย์กับการพูดคุยในเรื่องผู้หญิงที่ไร้สาระของเดวิด อีธาน เท่าไหร่นัก.. หากแต่กัปตันหนุ่มกลับพยายามโทรศัพท์ติดต่อทิมมี่ เพื่อให้เขานำกาแฟมาให้... แต่ทันทีที่ทิมมี่รับสายและรู้ว่าเป็นเขา ทิมมี่ก็กระแทกหูดังโครมในทุกๆครั้งไป..



ส่วนบรรยากาศอึมครึมในห้องโดยสารชั้น FIRST CLASS ก็ใช่ว่าจะดีไปกว่าค็อกพิทนัก.. ทิมมี่เดินเข็นรถอาหารกลางวันออกมา ในขณะที่เอลลี่เดินนำและคอยเสิร์ฟอาหารให้กับแขกระดับสูงที่สุดของเครื่องบินลำนี้จนกระทั่งมาถึงเมนูสุดท้าย ก็คือ “ไก่งวงอบซอสส้ม” ของผู้บริหารระดับ CEO ของบริษัทนายทุนฮิริซากิ พลัน..เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!


                           
           ในช่วงวินาทีที่ทิมมี่กำลังจะหยิบเมนูอาหารในจานกระเบื้องราคาเฉียดร้อยยูโรเพื่อไปวางลงบนโต๊ะรับประทานอาหารส่วนตัวของผู้บริหารหนุ่มวัยกลางคน เอลลี่ ก็ผลักรถเข็นอย่างแยบยล กระแทกข้อมือหนุ่มหน้าหยก.. และเป็นผลให้จานกระเบื้องนั้นพลิกคว่ำออกจากฝ่ามือของทิมมี่! และแน่แท้ที่สุด เสียงโวยวายของผู้บริหารรายนั้นดังตามมา พร้อมกับบรรยากาศคุกรุ่นก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
                           




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





TBC.





ในตอนหน้าเราจะได้พบกับอะไรที่อาจจะนิยามได้ว่า....สงครามย่อมๆ

มันจะวุ่นวายมากทีเดียวล่ะค่ะ 55+


พบกันใหม่ตอนหน้าค่า!!!




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

นิยายเรื่องนี้ สะท้อนความเป็นจริงได้มากกกก 555

แต่เรื่องจริง บิ่งกว่านี้ เหอๆๆ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



  โอว. . . ดุเดือดๆ
  มรสุมเข้าทิมมี่เต็มๆเลยอ่างานนี้
  แถมด้วย Overnight อีกตะหาก ชิมิ




ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ร้ายว่ะ  แต่ละคนแรง ๆ ทั้งนั้น

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
สงครามมันเริ่มขึ้นแล้ว 5555+



FLIGHT 25 : เกมริษยา






 “What do you do!!” คำถามเสียงดังลั่นห้องคาบิน.. ของผู้บริหาร CEO รายนั้น พาให้ทิมมี่ ดรอว์เยอร์ต้องยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า... กางเกงสีเทาราคาแพงกับรอยเปื้อนหายนะบนผิวผ้าของเขา..หนุ่มหน้าหยกยังคงตื่นตะลึงกับความผิดพลาดของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนจงใจให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแต่แรกแล้ว..




 “I’m very sorry,sir…. I don’t indent do it! I’m… I’m very sorry… I will pick a rags bring to you, just a moment please! Sir” ทิมมี่รีบกล่าวขอโทษก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้อง GALLEY อีกครั้ง แล้วหยิบผ้าเช็ดสีขาวสะอาดใหม่เอี่ยมจากแพ็ค พร้อมกับชุบน้ำหมาดๆอีกผืนหนึ่ง.. ในเวลาเดียวกันที่เอลลี่กำลังยืนแสร้งหน้าเศร้าและพยายามเอาอกเอาใจผู้บริหารนายนั้น และไม่วายที่จะแอบเดินไปกดปุ่มเรียกเพอร์เซอร์ให้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..




               ทิมมี่เดินออกมาจากห้อง GALLEY อย่างรีบร้อนและตรงเข้ามาเพื่อจะเช็ดซอสที่หกรดกางเกงสูทของผู้บริหารท่านนี้
แต่ทว่า..กลับถูกสายตาเหยียดหยามของเขาตอบกลับและราวจะไม่ให้ทิมมี่เป็นผู้กระทำ..พลางหันไปมองเอลลี่ ราวกับเชื้อเชิญให้หญิงสาวทำหน้าที่นี้แทน... เอลลี่ยิ้มกริ่มมาทางทิมมี่ พลางดึงผ้าสองผืนจากมือชายหนุ่มออกมาถือ แล้วบรรจงลูบเช็ดด้วยสีหน้าและท่าทางเอาใจใส่ ท่ามกลางความรู้สึกตะลึงไปกับท่าทีของเอลลี่คนนี้... และทำให้เขาอดย้อนคิดกลับไม่ได้ว่า.. เขาน่ะหรือ? ที่เป็นฝ่ายผิดพลาดในเหตุการณ์เมื่อครู่นี้?




 “ก...เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” คุณโรสรอยด์ก้าวฉับๆขึ้นมาจากชั้นล่าง..พลางมองดูเหตุการณ์ที่เอลลี่กำลังเช็ดรอยเปื้อน และทิมมี่ที่นั่งหน้าซีดอยู่ไม่ไกล.. ทิมมี่ลุกตัวขึ้นยืนแล้วกล่าวขอโทษผู้โดยสารคนนี้อีกครั้ง ก่อนที่จะดึงรถเข็นอาหารเดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อย่างไม่สบอารมณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และพาให้คุณโรสรอยด์เดินตามมาในไม่ช้า




“ทิมมี่! บอกฉันหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น?” ทิมมี่กับอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความกดดันบางอย่างพาให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยกระทำ และคุณโรสรอยด์เองก็ไม่คาดคิด! ฝ่ามือทั้งสองข้างของหนุ่มหน้าหยกเอื้อมไปจับราวเข็นของรถเข็นอาหาร แล้วผลักรถไปกระแทกกับผนังหลังห้องอย่างแรง ... ในขณะที่สีหน้าและแววตากดดันหันกลับมามองคุณโรสรอยด์ที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกและแทบปัสสาวะปลิดกับการกระทำของคนตรงหน้า




“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!! ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไร!! ผมขอตัวพักนะครับ!” ทิมมี่เดินสวนคุณโรสรอยด์ออกมาทิ้งให้หล่อนยืนตะลึงตึงๆอยู่ในห้องอย่างพูดอะไรต่อไปไม่ออกอีกแล้ว..




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




คาบินชั้นผู้โดยสาร BUSINESS CLASS




ห้อง GALLEY ของชั้นเดียวกัน.. เควินกำลังยืนอ่านรายการอาหารพิเศษของแขกที่แพ้อาหารทะเลและกุ้ง..บาเรลล์เดินเข้ามาในห้อง เพราะเที่ยวบินนี้นรกส่งเขาทั้งคู่ให้มาทำงานร่วมกันนั่นเอง..




 “ไม่มีหูหรือไงวะ?.. แขกกดปุ่มเรียกน่ะ” บาเรลล์ถามน้ำเสียงวอนนอนคุก



 “...แล้วไง.... แกก็ไปดูสิ”



 “ฉันเพิ่งจะเข้ามา.. หน้าที่ของแกบ้างแล้ว..” สีหน้าหาเรื่องไม่ยอมคลาย แต่เควินกลับทำเหมือนกับกำลังยืนอยู่กับหมาที่ได้แต่เห่าใบตองแห้ง



 “เฮ่ย! ไม่ได้ยินหรือไง! นั่น! ดังอีกแล้ว”



 “ก็บอกให้ออกไปเซ่! ฉันกำลังทำงานอยู่เหมือนกันนะโว่ย!”



“จะเอาไงวะ!” บาเรลล์กระแทกถาดเปล่าในมือลงกับเคาว์เตอร์เตรียมอาหารสแตนเลส.. ส่งผลให้เกิดเสียงจากกระแทกดัง “แคร๊ง~!!!!” อย่างดังจนพาให้แขกชั้นธุรกิจนั่งผวากันไปทิวแถบ



“..หึ... ฉันไม่เอาไงกับแกหรอก... คุณชายบาเรลล์..” เควินทำหน้าลองของ ก่อนที่เขาจะทำทีเป็นเดินสวนออกมา แต่ก็ไม่วาย ทิ้งคำพูดฆ่าตัวตายของตัวเองให้เข้าหูบาเรลล์อีกครั้ง!



 “แต่ฉันจะเอาเทลิซ่า... ผู้หญิงที่จะต้องเป็นของฉัน... ไม่ใช่ของนาย” ผลพวงจากคำพูดนั้น.. เควินผู้คิดไม่ถึงต่อชะตากรรมของตัวเอง.. ก็ต้องประสบกับแรงกระชากของมือแกร่งจากหนุ่มหน้าเย็นอย่างบาเรลล์ คลูเซอร์! แรงกระชากพาร่างเควินหงายหลัง แล้วไปล้มกระแทกกับตู้เก็บวัตถุดิบจนฝุ่นแป้งและนมเนยต่างหกพรวดลงมารดเลอะเทอะไปทั่วร่างของเควินอย่างไม่เหลือสภาพความดูดี!
           




และแน่นอน.. เสียงโกลาหลจากในห้อง GALLEY นี้.. ก็ยังดังลอดออกไปชัดรูหูผู้โดยสารกว่าสามสิบชีวิตบนคาบินชั้นธุรกิจ.. สายตาทุกคู่พาศีรษะชะโงกเอียงไปมองทางประตูห้อง GALLEY ราวกับพวกเขาจะมองเห็นเหตุการณ์หลังม่านสีดำตรงหน้านั้นว่ามันได้เกิดอะไรขึ้น... แน่นอน.. มันกำลังเกิดอยู่จริงๆ จนผู้โดยสารที่นั่งอยู่ใกล้ประตู GALLEY มากที่สุด ก็แอบลุกไปกดปุ่มสีแดงเรียกหัวหน้าเที่ยวบินหรือเพอร์เซอร์ เมื่อความรู้สึกของพวกเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่า.. มันคงไม่ได้เกิดเหตุการณ์ดีๆภายในห้องนั้นเป็นแน่!





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



                           
            เพอร์เซอร์โรสรอยด์ดูเหมือนจะน่าสงสารที่สุดในเที่ยวบินบอสตันหฤหรรษ์ในวันนี้หล่อนลงมาจากชั้นผู้ดีตีนแดง
เพื่อลงมาแยกร่างชายหนุ่มทั้งสองให้แยกจากกัน.. ยังไม่พอหลังจากนั้น เมื่อปุ่มเรียกหล่อนยังดังมาจากชั้นประหยัดในเวลาต่อมา.. เมื่อเทลิซ่ากับชอริต้ากำลังโยนผู้โดยสารจอมลามกเกี่ยงกันไม่ยอมเข้าไปเมื่อตาเฒ่าชูชกกดปุ่มเรียก เป็นผลให้นางฟ้าทั้งคู่ มาฟัดเหวี่ยงกันอยู่กลางห้องผู้โดยสาร นับเป็นเหตุการณ์ที่กล้าหาญชาญชัยมากที่สุด เพราะหล่อนเล่นกันท่ามกลางสายตาประชากรชั้นประหยัดกว่าห้าสิบชีวิตในคาบินนี้..ส่วนการมาของคุณโรสรอยด์ผู้น่าสงสารก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก.. เธอโอบร่างทรงสะบึมของชอริต้าให้เข้าห้อง GALLEY ไป แต่ทว่าเทลิซ่า ดรอว์เยอร์ ก็เดินถือถาดเปล่าเข้าไปฟาดอย่างไม่ยั้ง.. ราวกับมีสนามมวยปล้ำที่มีกรรมการชื่อโรสรอยด์เป็นผู้ห้ามศึก แต่ดูเหมือนกว่าจะหมดยก.. เพอร์เซอร์คนสวยก็แทบแย่เลยทีเดียว





การเดินทางผ่านมาถึงครึ่งทางเท่านั้นสำหรับขาไปบอสตัน.. หลังจากที่ทิมมี่หลบไปพักใน GALLEY ชั้นประหยัดคาบินที่สอง ซึ่งเป็นคนละคาบินกับเทลิซ่าและ ชอริต้า.. หนุ่มหน้าหยกก็เดินกลับขึ้นมาทำงานตามปกติ โดยระมัดระวังอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง และพยายามอยู่ห่างเอลลี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ฝ่ายพวกไม่ยอมสำนึกและระงับอารมณ์.. บาเรลล์หยิบหนังสือพิมพ์มาโยนลงรถเข็นอย่างลวกๆออกไปบริการแขก ..พาให้เหล่าผู้โดยสารมึนงงกับเลขหน้าที่มั่วซั่ว กับหนังสือพิมพ์ในมือ..พลางจะหาหน้าที่หายไป กลับได้รับสายตาสุนทรีย์จากบาเรลล์มองกลับมาจนไม่กล้าที่จะปริปากวิงวอนขอหน้ากระดาษที่หายไปให้กลับคืน.. ปุ่มเรียกดังขึ้นในห้อง GALLEY อีกครั้ง หากแต่คราวนี้บาเรลล์ได้ยินและไม่อยากจะเข้าไปหาเรื่องเควินให้เคืองอารมณ์อีก ชายหนุ่มจึงเดินตรงไปที่ผู้โดยสารหญิงวัยชราที่ต้องการความช่วยเหลือ




“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?” น้ำเสียงเรียบเย็นถามหญิงชราวัยหกสิบพร้อมใบหน้าไม่ปรารถนาจะบริการ



“ขอโทษค่ะ คือดิฉันอยากจะได้พาสเซอรี่จานเล็ก ดิฉันแพ้กุ้งตามที่บอกนะคะ...แล้วก็อยากได้น้ำบีทรูทส์สักแก้วหนึ่ง..อยู่ในเวลาบริการหรือเปล่าคะ?” หญิงชราถามด้วยถ้อยคำผู้ดี พาให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นลงไปบ้าง



 “...ครับ... ถ้าคุณนายต้องการ..รอสักครู่ครับ” สีหน้าเฉยชาตอบรับแต่ก็ยังดีที่มี “หางเสียง” ตามหลัง.. บาเรลล์เดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY อีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบรายชื่อผู้โดยสารหญิงชรารายนั้นมาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง... และพยายามไม่สนใจเควินที่ยืนหมุนจานอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มประชด



 “...คุณวินดี้... แพ้อาหารทะเลและมันกุ้ง... อืม...” บาเรลล์พึมพำคนเดียว ก่อนที่จะหันไปหยิบจานกระเบื้องมาวางบนโต๊ะ
แล้วเดินตรงไปทางเควินเพื่อที่จะหยิบกล่องพาสเซอรี่สำเร็จรูปออกมา.. แต่เควินก็ทำลูกเล่นไม่ยอมถอยสักครู่ แต่แล้วเขาก็ยอมเดินห่างออกมา..บาเรลล์นับหนึ่งถึงสิบ ยันไปถึงร้อยระหว่างการปรุงอาหารให้หญิงผู้นั้น.. แต่ทว่า.. กลับมีโทรศัพท์ดังขึ้น...



 “...ฮ..เฮ้บาเรลล์.. รับแทนฉันหน่อย... ฉันปวดท้องหนัก” เควินกล่าว... บาเรลล์เดินฉุนออกไปรับโทรศัพท์.. ทิ้งให้เควินยืนยิ้มกริ่มอยู่ในห้อง GALLEY เพียงลำพัง.. และสายตาของเควิน ก็เหลือบไปมองจานพาสเซอรี่บนโต๊ะ...อย่างช้าๆ...








 “...แพ้มันกุ้งงั้นหรือ...คุณยาย...”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++







คุณโรสรอยด์นั่งเหงื่อแตกอยู่ในห้องพักของเธอพลางดูนาฬิกาแล้วโทรศัพท์หากัปตันลูคัส





 “กัปตันคะ.. รายงานผลด้วยค่ะ”



 “เอ่อ... อีกประมาณสิบห้านาที.. จะถึงฟลอริด้า... เราจะพักเครื่องลงหรือเปล่าคุณโรสรอยด์?”



 “ไม่ค่ะ..เกรงว่าจะไม่ทันกำหนดการ... ไม่มีผู้โดยสารลง ส่งข้อมูลให้ภาคพื้นดินทราบเลยก็ดีค่ะ ว่าเราจะไม่ร่อนเครื่องลงไป”



 “โอเคครับ..อ..เอ้อคุณโรสรอยด์ครับ”



 “ว่าไงคะ?..ต้องการอะไรหรือเปล่า?”



 “ไม่ทราบว่าชั้นเฟิร์สคลาสกำลังยุ่งอยู่เปล่าครับตอนนี้?”



 “....เฟิร์สคลาส.....เฟิร์สคลาส....อ่อ ทิมมี่กับเอลลี่เหรอ..ไม่ยุ่งหรอกค่ะ ผ่านจุดนั้นมาแล้ว..”



 “อ..เอ่อคือ... ไม่ทราบว่าโทรศัพท์ห้องนั้นขัดข้องกระมังครับ... คุณช่วยบอกให้ทิมมี่ นำกาแฟมาให้ผมที.. ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว เอ้อ แล้วก็เผื่อคุณอีธานด้วย” ทันทีที่ได้ยินคำว่า “ง่วง”...คุณโรสรอยด์ใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม



 “ด..ได้ค่ะ...ด..ดิฉันว่าเราจะแวะพักเครื่องก่อนก็ได้นะคะ ถ้าคุณเพลีย”



 “..อ..อ่อไม่เป็นไรครับ... ผมฝากเรื่องกาแฟด้วยแล้วกัน...เอ้อ อย่าให้คนอื่นชงนะครับ... ผมชอบรสกาแฟของทิมมี่”



 “ด..ได้ค่ะ...สักครู่ค่ะกัปตัน” ในที่สุดคุณโรสรอยด์ก็ไม่หยุดเดิน หล่อนต้องขึ้นไปชั้นเฟิร์สคลาสอีกครั้งหนึ่ง...





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






 “พาสเซอรี่ได้แล้วครับคุณนาย” บาเรลล์นำเมนูอาหารที่หญิงชราต้องการมาบริการถึงที่อย่างไม่ทำให้หล่อนรอนาน..



 “ขอบคุณนะคะ...เอ้อ...น้ำบีทรูทส์ของดิฉันล่ะคะ?” บาเรลล์รู้สึกว่าตัวเองลืมไปเสียได้



 “อ..เอ่อ..ขอโทษด้วยครับ ผมจะรีบนำมาให้เดี๋ยวนี้...” บาเรลล์แอบถอนใจเดินกลับเข้ามาในห้อง GALLEY สวนกับเควินที่เดินหน้านิ่งออกมาพร้อมกับรถบริการเครื่องดื่มกระป๋อง..ในขณะที่บาเรลล์กำลังเตรียมน้ำบีทรูทส์ภายในห้องเตรียมครัวได้ไม่ถึงหนึ่งนาที.. เสียงอะไรบางอย่าง.. ก็ดังขึ้นจากด้านนอก!







เพล้ง~!!!







เอือก~!! แค่ก! แค่ก!! โอ๊ย~!!!






                       
เสียงเพล้งแรกคือช้อนและส้อมกระแทกลงสู่จานพาสเซอรี่อย่างแรง..และเสียงต่อมาก็คือเสียงลมหายใจสั่นพร่าของหญิงแก่ พร้อมทั้งปฏิกิริยาที่น่ากลัวราวกับคนเป็นลมชัก.. มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวกับจะบีบคอตัวเอง.. หน้าแดงก่ำพร้อมกับดวงตาพร่ามัวที่มีเส้นเลือดสีแดงแตกเป็นฝอย และน้ำตารินไหลออกมาจากใบหน้าที่ราวกับหล่อนกำลังเจ็บปวดทรมาน... ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้โดยสารชั้นเดียวกัน..และเควินที่ทำหน้าอึ้งกับอาการของหญิงชรา.. ที่เขาไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นอะไรมากมายถึงขนาดนี้! ใช่แล้ว... เควินรู้ดี.. ว่าหล่อนเป็นอะไร! หากแต่อาการตรงหน้า... มันพาความรู้สึกตื่นตระหนกตามมาจากทุกคนในคาบินนี้





บาเรลล์วิ่งพรวดออกมาพร้อมกับน้ำบีทรูทส์ ชายหนุ่มยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า...จานพาสเซอรี่ที่หกคะมำอยู่ที่พื้นกับร่างกายและสีหน้าบิดเบี้ยวของหญิงชราผู้น่าสงสาร.. บาเรลล์รวบรวมสติแล้วรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ทันที! คุณโรสรอยด์ย้ายสะโพกเข้ามาในคาบินของชั้นเฟิร์สคลาส...ฝีเท้ากำลังก้าวไปถึงห้อง GALLEY อยู่แล้วเชียว หากแต่บุคคลที่หล่อนจะมาหา กลับวิ่งพรวดหน้าตาตื่นออกมา.. พาให้ทุกคนในคาบินรวมถึงคุณโรสรอยด์เอง ผวาไปตามๆกัน





 “ม..มีอะไรคุณทิมมี่!! ทำไมทำท่าแบบนั้น”



 “ร..เรารีบลงไปชั้นธุรกิจก่อนครับ!”



 “อ..อ้าว..ท..ท..ทำไมล่ะ??”



 “เร็วเถอะครับหัวหน้า!” ทิมมี่วิ่งชนไหล่ของหล่อนไปอย่างไม่ทันระวัง.. คุณโรสรอยด์หันไปมองเอลลี่ที่ยืนทำหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กับเธอ... และไม่ช้า หัวหน้าเที่ยวบินก็ทำหน้าเหมือนคนอยากกรี๊ด.. ก่อนที่จะรีบเดินตามทิมมี่ไปพร้อมกับเสียงบ่นที่หล่อนไม่เคยปริปากออกมาให้แขกได้ยิน... และนี่เป็นครั้งแรก










 “วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย!! โถ่เว้ย!!!”











 “คุณนายวินดี้!! คุณนายครับ! ดื่มนมนี่ครับคุณนาย!” บาเรลล์วิ่งมาอีกครั้งพร้อมกับนั่งลงช้อนศีรษะหญิงชรา เพื่อป้อนนมสดเข้าปากเพื่อล้างพิษกุ้งออกมาจากปากและคอของเธอ...หากแต่สถานการณ์กลับดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น เควินเริ่มหน้าถอดสี และพยายามกันผู้โดยสารรายอื่นไม่ให้เข้าไปมุงเพื่อแย่งออกซิเจนกัน...ไม่ช้า ทิมมี่วิ่งนำคุณโรสรอยด์มา ณ ห้องโดยสารห้องนี้  ทิมมี่ตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น.. และคุณโรสรอยด์เองก็เช่นกัน




 “...ย..แย่แล้ว!!” คุณโรสรอยด์กับทิมมี่อุทานพร้อมกับต่างหันไปทางห้องเตรียมครัวและวิ่งเบียดกันอย่างรู้หน้าที่   เพื่อเดินไปหยิบกล่องนมมาอีกคนละสองสามกล่อง.. ในขณะที่บาเรลล์พยายามให้หญิงชราอาเจียนออกมา แต่ด้วยร่างกายที่โรยราของคุณยายราวกับจะไม่ตอบสนองและทำตามความต้องการของโปรตีนธรรมชาติ... และดูเหมือนพิษกุ้งที่เกิดจากอาการแพ้.. ทำให้คุณยายคันเนื้อคันตัว ผื่นแดงเริ่มปรากฏอย่างรวดเร็ว




 “ทิมมี่! ฝากทางนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรายงานกัปตันก่อน!”



 “ด..ได้ครับหัวหน้า” ทิมมี่ตอบรับพลางวิ่งพรวดมานั่งลงข้างๆบาเรลล์อีกครั้ง แล้วส่งกล่องนมที่ฉีกปากขวดออกแล้ว ส่งให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งตระหนกกับผู้โดยสารตรงหน้า... และไม่ช้า! คุณนายวินดี้... ก็หมดสติไป! คุณโรสรอยด์ตรงไปที่โทรศัพท์.. เพื่อติดต่อกัปตันลูคัสด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนกไม่แพ้กันกับลูกเรือคนอื่นๆ..




 “มีอะไรครับคุณโรสรอยด์?...” กัปตันหนุ่มถามเมื่อรับโทรศัพท์ที่บอกหมายเลขรหัสของหัวหน้าปรากฏขึ้นก่อนรับสาย



 “กัปตันคะ! ไม่ทราบว่าจะทันหรือเปล่า! ดิฉันต้องการให้คุณส่งสัญญาณฉุกเฉินให้กับหอบังคับการรับรู้ว่าเราจะลงเครื่องฉุกเฉินกันน่ะค่ะ!” กัปตันลูคัสทำหน้าอึ้ง พลางหันมามองโคไพลอตที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมอยู่ และไม่ช้าเขาก็เปลี่ยนสีหน้าตามกัปตันหนุ่มทันที..



 “ก..เกิดอะไรขึ้นครับ?”



 “มีผู้โดยสารวัยประมาณหกสิบนะคะ เกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง! ดิฉันขอให้คุณแจ้งหอบังคับการ แล้วให้เขาเตรียมรถพยาบาลให้พร้อม เอ้อ! แล้วก็เครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยค่ะ ฝากด้วยนะคะ!”



 “ม..ไม่มีปัญหาครับ” กัปตันหนุ่มวางสายลง พลางหันไปพยักหน้าและกล่าวกับโคไพลอตผู้ร่วมงานว่า..



 “เราคงต้องลงไมอามี่ก่อนแล้วล่ะครับ.. คุณช่วยเชื่อมต่อที่หอบังคับการให้ผมที.. ผมมีเรื่องฉุกเฉินจะแจ้งให้เขาทราบ...”





 “ด..ได้ครับกัปตัน!”





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






โทรศัพท์ดังขึ้นในชั้นผู้โดยสารประหยัดในคาบินแรก.. เทลิซ่ารับสาย และรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคุณโรสรอยด์.. และเมื่อวางสายไปแล้ว หญิงสาวก็หันไปบอกชอริต้าที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้อง GALLEYเดียวกัน ...ทั้งคู่รีบเดินออกมาจากห้องในเวลาต่อมาอย่างรู้หน้าที่




 “เอ่อ... ดิฉันมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งผู้โดยสารทุกท่านให้ทราบว่า... อีกสิบนาที เครื่องบินของเราจะลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติไมอามี่ ฟลอริดานะคะ... เราจะใช้เวลาในการพักเครื่องประมาณสิบห้านาที แล้วถึงจะออกเดินทางต่อยัง ท่าอากาศยานโลแกน บอสตัน ต่อตามปรกติค่ะ..ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ”




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.
           

                 
ตอนนี้คุณโรสรอยด์น่าสงสารที่สุดนะคะว่ามั้ย 555+

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เควินร้ายที่สุดในเที่ยวบินนี้  จะบอกว่าไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้ก็ไม่ได้  แย่มาก ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ประกาศหา แพทยื บนเครื่อง สิ

medical kit ค้นๆ ดู เพื่อมียา

แอร้ยยยยยยยยยยยยย :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:



ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เควินเกินไปจริงๆ  ชีวิตคนทั้งคน  เอามาเสีี่ยงได้

อินๆๆๆๆๆ

+1 ให้คนโพสจ้าาา

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   โอว เป็นทริปที่ช่างวุ่นวาย เชือดเฉือนเลือดสาดเกินบรรยาย
   คอมไบเนชันการจับคู่ของ 6 ชีวิตก็มีมากมาน ทำไมถึงช่างจับคู่เหล่าเทวดานางฟ้าได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป

FLIGHT 26 : เทวดาผู้สิ้นท่า
             



          เครื่องบินโดยสารของสายการบินระดับเวิลด์คลาส DANOSSY AIRLINE ... นับว่าเป็นครั้งแรกที่สายการบินนี้ลงจอดยังท่าอากาศยาน โดยส่งสัญญาณแจ้งลงเครื่องอย่างรวดเร็ว และไม่มีสายการบินไหนกล้าและรับประกันความเสี่ยงได้ว่าจะลงจอดอย่างปลอดภัยมาก่อน..หากแต่สติของกัปตันหนุ่มนั้นยังคงที่ ไม่ช้า...ลำเครื่องบินก็เข้าช่องเทียบท่าอากาศยานได้อย่างปลอดภัย..



          รถเข็นสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินส่งมารอรับผู้ประสบเหตุกลางอากาศอย่างไม่รอช้า ขณะที่บาเรลล์และทิมมี่รวมถึงลูกเรือคนอื่นๆก็แห่ลงมาช่วยกันส่งต่อผู้โดยสารวัยหกสิบอย่างร้อนรน ชอริต้าพล่านอยู่กับการประกาศบอกผู้โดยสารท่านอื่นว่าขอให้อยู่ในความสงบ ขณะที่เทลิซ่าลงมาจากตัวเครื่องตามกลุ่มลูกเรือรายอื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว.. และชอริต้าก็ยังหงุดหงิดที่เทลิซ่าไม่ยอมชวนหล่อนไปด้วย หากก็เพราะต่อมความอยากรู้อยากเห็นของหล่อนมันออกอาการออกมานั่นเอง




คุณนายวินดี้ผู้หมดสติไปแล้วถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลของโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว คุณโรสรอยด์ดึงบาเรลล์ให้ไปกับรถด้วยกัน โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธ ที่เหลือ... ทิมมี่ เทลิซ่า เควิน และลูกเรืออีกสองสามคนที่ติดตามมาด้วยกัน ต่างยืนตะลึงอย่างไม่อาจคาดฝันว่า เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้.. ทิมมี่หันขวับกลับไปมองเควินด้วยสายตาคุกรุ่น จนเควินชะงักกับการเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าด้วยอารมณ์เช่นนี้





 “เควิน! ... นายอยู่ชั้นธุรกิจกับบาเรลล์หรือเปล่า?” เสียงทิมมี่ถามดังลั่น หากเพราะบริเวณลานจอดกว้างตรงนี้ ไม่ไกลจากรันเวย์และเสียงของเครื่องบินดังมากจนแก้วหูแทบแตก



 “..ช..ใช่..” คำตอบเบาๆ โดนสายลมแรงพัดตึงกลบจนหมดสิ้น.. ทิมมี่ดึงชายหนุ่มให้กลับขึ้นไปยังเครื่อง ลมแรงพาให้ทุกชีวิตวิ่งตัวโค้งขึ้นมาที่เครื่องบินอีกครั้ง.. ทั้งหมดตรงไปยังห้องพักของเพอร์เซอร์โรสรอยด์ ... ในขณะที่เควินนั้นสีหน้าเริ่มแย่ลงทุกที



 “...นายบอกฉันมาซิ! มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?! เควิน!” เควินกลืนน้ำลายไม่ลงคอ... ความคิดตื่นกลัวต่อการกระทำของตนเองพาให้ความชั่วชนะความเป็นจริง.. ก่อนที่คำตอบแห่งการหลอกลวงก็เริ่มต้นเป็นประโยคแรกที่ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน



 “..อ...ไอ้บาเรลล์... มัน... มันอารมณ์ไม่ดีกับฉัน.... มันคงจะพาลใส่ผู้โดยสาร...” คนที่ทำหน้าอึ้งมากที่สุด... คือ เทลิซ่า!



 “ม....ไม่จริงอ่ะ... นายพูดแบบนี้แรงไปนะ..”



 “เธอนั่นแหล่ะไม่รู้อะไร! หุบปากไปเถอะน่า!!” เสียงโต้ตอบตะคอกกลับของเควิน พาให้เทลิซ่าและทุกคนชะงักอึ้ง..



 “มันหาเรื่องฉันตลอดเวลา!! มันชอบอยู่แล้วเรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนน่ะ!” ทิมมี่ถอนใจยาว มือขาวลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่คาดคิดกับสิ่งที่เขากำลังได้ยิน..



 “...ต..แต่ว่า... มัน...มันไม่เกินไปเหรอ....ข..เขาจะไม่โง่เกินไปเหรอกับการทำแบบนั้นน่ะ... ม..มันเหมือนการฆ่าตัวตายในหน้าที่เลยนะ...” เทลิซ่ายังค้านเสียงสั่น...



 “หมอนั่นมันมีสมองที่ไหนเล่า!! เธอก็น่าจะรู้ดีนี่!!”



 “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหล่ะย่ะ!! เลิกตะคอกใส่ฉันเสียที!!” บรรยากาศคุกรุ่นมากขึ้นเมื่ออารมณ์ของคนทั้งสองเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกที.. หนึ่งคนกลัวความผิดกับอีกหนึ่งคนรู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ถึงนาทีหลังจากที่ทุกคนอยู่ในอาการนิ่งเงียบนั้น..กัปตันลูคัสก็วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับโรเจอร์ เอลลี่ และชอริต้า



 “คนเจ็บอาการเป็นไง!? ...ทิมมี่?” กัปตันหนุ่มตรงเข้ามาหาหนุ่มหน้าหยกเป็นคนแรก ทิมมี่หลับตาพลางถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง..พลางผายมือไปทางเควินแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ



 “ถามคนนู้น... ผมไม่ได้อยู่ชั้นธุรกิจ” คำตอบห้วนๆ พาให้กัปตันหนุ่มยืนมองอย่างเสียความรู้สึก แต่เขาก็หันไปทางเควิน และกลบเกลื่อนความเจ็บปวดบนใบหน้าเอาไว้



 “...เป็นยังไง?...เรื่องราวทั้งหมด... บอกฉันหน่อยซิ” กัปตันลูคัสถามเควินที่หน้าแดงก่ำราวกับคนกำลังอยู่ในภาวะเครียดมากๆ... เทลิซ่าหันไปมองชอริต้าในเวลานี้



 “..อ้าว...แล้วใครอยู่กับผู้โดยสารล่ะ?”



 “แป๊บเดียวย่ะ...สรุปว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่!?” ในเวลานี้.. ทุกสายตาจับจ้องมาทางเควิน เป็นตาเดียวกัน.. ในขณะที่ชายหนุ่มผู้ถูกจับจ้องราวกับตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากเอาเสียแล้ว..คลับคล้ายคลับคลากับการถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรไม่รู้.. แต่แน่นอน เหตุการณ์นั้นจะต้องตามมาแน่ๆ.. หากผู้ประสบเหตุ เป็นอะไรไป..ถึงชีวิต!





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++




             
กำหนดเวลาการออกเดินทางต่อเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง คือ บอสตัน ... หลังจากเครื่องบินจอดเทียบท่าอากาศยานโลแกนแล้ว เทลิซ่าก็เดินตรงดิ่งมายังจุดนัดพบของท่าอากาศยาน และใช้สิทธิ์พนักงานโทรศัพท์ติดต่อหาเพอร์เซอร์ฟรีที่เคาว์เตอร์





 “ฮัลโหล...คุณโรสรอยด์ เป็นอย่างไรบ้างคะ?”



“...เทลิซ่าเหรอ?...เอ้อ... ตอนนี้ที่นี่เรียบร้อยดีแล้วล่ะ...ไม่ต้องเป็นห่วง... ที่เหลือให้ห่วงก็แต่...” น้ำเสียงอ่อนลงราวกับหล่อนถอนใจ พาให้เทลิซ่าเดาได้ว่า.. คนที่จะน่าเป็นห่วงต่อจากนี้ก็คือ บาเรลล์!



 “...ค..คุณโรสรอยด์คะ... ...เอ่อ ดิฉันขอคุยกับบาเรลล์หน่อยได้มั้ยคะ?”



 “...อืม..... ได้สิ” เพอร์เซอร์สาวส่งโทรศัพท์ให้แก่บาเรลล์ ..ในขณะที่ชายหนุ่มหลุดออกจากสีหน้าของความหดหู่ กลายเป็นสงสัยว่าใครกันที่ต้องการจะคุยกับเขา



 “...ฮัลโหล” น้ำเสียงห้วนและระดับเสียงอ่อนลง ทักต้นสายที่เขายังไม่รู้ว่าใคร



 “เอ่อ... ฉันเองนะ...” ทันทีที่ชายหนุ่มได้ยินเสียงเทลิซ่า... สีหน้าประกายความหวังปรากฏขึ้นมาบนดวงหน้าอย่างชัดเจน



 “...เทลิซ่า...ธ..เธอถึงบอสตันแล้วรึ?”



 “....อืม... เพิ่งจะถึงน่ะ.....คือ.....ฉันมีเรื่องจะถาม................ไม่จริงใช่มั้ย... เรื่องที่นายทำแบบนั้น” คำถามของเทลิซ่า พาให้ปลายสายเงียบไป...ราวกับเขาไม่อยากจะตอบคำถามนี้สักเท่าไหร่



 “.....แล้วเธอ.. คิดว่ายังไงล่ะ....” คำถามที่สวนกลับ พาให้เทลิซ่ายิ้มออกมาบางๆราวกับเธอมีความมั่นใจอะไรบางอย่างมากขึ้นแล้ว กับผู้ชายคนนี้..



 “...อืม....ฉันคิดว่านายคงจะ..........ไม่ทำอย่างนั้น.....อย่างที่เควินพูดแน่.....” ปลายสายรับฟัง..รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ค่อยๆคลี่ออกมาในไม่ช้า หากแต่สีหน้าของเขายังฉายแววหม่นหมองอยู่ในที



“ขอบใจนะ.....”



 “...ม..ไม่เป็นไร... ว่าแต่..... ยังไงก็...เข้มแข็งไว้นะ... ถ้านายไม่ใช่คนผิด...ยังไงนายก็ไม่โดนลงโทษอะไรหรอก.... แล้วฉันจะเอาใจช่วย..” คำพูดของเทลิซ่า ราวกับเหมือนความหวังใหม่ของบาเรลล์ในยามที่เขากำลังรู้สึกผิดต่อตนเองยามนี้



 “...เอาใจของเธอช่วย...เลยเหรอ?..” เทลิซ่าอยากตบปากตัวเอง เมื่อได้ยินคำถามที่เขาใส่ใจทุกๆคำพูดของเธอเมื่อครู่



 “....งั้น...แค่นี้ก่อนนะ... ยังไงก็..ไว้เจอกันแล้วกัน” เทลิซ่าตัดสินใจวางสายลงไปทันที... เธอยิ้มให้กับโทรศัพท์ที่วางนิ่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะครู่ต่อมาเธอก็หันไปขอบคุณพนักงานประจำเคาว์เตอร์ และขอตัวออกไปทันที


           



ทิมมี่เดินเร่งฝีเท้าเข้ามาในโรงแรมโลแกนในเวลาต่อมา แต่ก็กลับเจอคู่กรณีอีกคน อย่างโรเจอร์ ซินแคลร์ ..ที่กำลังยืนพิงตัวอยู่กับเคาว์เตอร์รีเซฟชั่นราวกับกำลังรอใครอยู่อย่างนั้นแหล่ะ และดูเหมือนทิมมี่ก็จะไม่ต้องเดาเลยว่า.. โรเจอร์ กำลังรอใครอยู่




 “...คุณทิมมี่ครับ... คืนนี้....ผมได้พักห้องเดียวกับคุณนะ” คำพูดของโรเจอร์ พาความรู้สึกชะงักกึกตามมาในหัวของทิมมี่
หากแต่หนุ่มหน้าหยกก็ไม่อยากจะหาเรื่องให้เขาหรือตัวเองต้องเดือดร้อนกับการพักผ่อนแค่คืนๆเดียว... ทิมมี่เลยพยักหน้าสั้นๆ แล้วเดินไปกรอกชื่อตัวเองลงแบบฟอร์มอย่างที่เคยทำในทุกๆครั้ง




ใครบางคนเดินแกมวิ่ง พร้อมกระเป๋าสัมภาระสีดำของตัวเองเข้ามายังรีเซฟชั่นแห่งนี้.. ทิมมี่แอบกลิ้งสายตาไปด้านข้าง มองเห็นแวบๆเพียงข้อมือหนากับนาฬิกาโรเลกซ์ฝังเพชรเม็ดเล็กเรือนหรู ทิมมี่รู้ดีว่าคนๆนี้เป็นใคร   จึงไม่จำเป็นต้องเงยหน้าไปสบอารมณ์ในเวลาพักผ่อนเช่นนี้




 “นายเดินหนีฉันอีกแล้วนะ...ทิมมี่” แต่แล้วเสียงของเขาก็เป็นฝ่ายดังขึ้น..ทิมมี่รีบเซ็นชื่อแล้วยื่นให้แก่รีเซฟชั่นนิสท์ พร้อมรับคีย์การ์ดมาในมือ แล้วทำทีจะเดินเลี่ยงออกไป แต่กัปตันหนุ่มกลับคว้าข้อมือของหนุ่มหน้าหยกเอาไว้ได้.. ในขณะที่สายตาของโรเจอร์เอง ก็เหมือนจะขุ่นๆกับการกระทำของกัปตันลูคัส



 “อะไรที่ทำให้นายกับฉันต้องกลับมาอยู่สภาพเดิมอีก!?” น้ำเสียงที่หนักขึ้นพาให้ทิมมี่เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกเดิมๆอีกครั้ง กับคนๆนี้



 “...มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว...ผมเกลียดคุณอย่างไร.. มันก็เกลียดอยู่อย่างนั้น..... ไม่เคยเปลี่ยน.....หึ........ คุณเองก็เช่นกัน.......สันดานชั่วขนาดไหน... ทุกวันนี้คุณก็ยังชั่วไม่เคยสร่าง!” คำตอบกลับที่แรงเอาเรื่องพารอยยิ้มของโรเจอร์ให้ผุดออกมาอย่างสะใจ...ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนอึ้งอย่างไม่คาดคิด..



 “.....อะไร...นะ?...” ทิมมี่สะบัดข้อมือของตัวเองจนหลุดออกมา..แล้วหันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมอย่างกัปตันลูคัสในความคิดของเขา



 “...ฝากบอกแฟนของคุณด้วยนะครับคุณลูคัส...ว่าไม่ต้องไปเหยียบบ้านของผมอีก... ถ้าไม่จำเป็น! เพราะผมรู้สึกว่า... ผมจะมองเห็นธาตุแท้ของพวกคุณชัดเจนมากยิ่งขึ้น...ธาตุแท้ของพวกหน้าไม่อาย...”



 “มันจะมากไปแล้วนะทิมมี่!!” กัปตันหนุ่มกระชากข้อมือของทิมมี่ขึ้นมาเขย่าอย่างแรง ทำให้บุคคลที่สามในเหตุการณ์อย่างโรเจอร์ ซินแคลร์ต้องโยนกระเป๋าตัวเอง และพุ่งตรงไปผลักร่างของกัปตันหนุ่มให้ถอยห่างจากทิมมี่ ดรอว์เยอร์!



 “นี่คุณลูคัส!! นี่เป็นเวลาพักผ่อนส่วนตัวนะครับ! กรุณาให้เกียรติคนอื่นบ้าง”



 “นายอย่ามายุ่งเรื่องของฉันให้มากนะคุณซินแคลร์!!”



 “คุณต่างหากที่ชอบยุ่งกับเรื่องของผม!!” น้ำเสียงที่เริ่มตะคอกใส่กันตามอารมณ์โกรธ ที่ดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อยๆทุกทีๆ ... และไม่ช้า..การกระทบกระทั่งก็เกิดขึ้น!




          กัปตันหนุ่มผู้ขาดสติพุ่งหมัดเหล็กไปกระแทกใส่หน้าของโรเจอร์อย่างเต็มแรงก่อให้เกิดดาวพร่างพรายลอยล่องอยู่บนหัวของโรเจอร์... แต่ดูเหมือนผู้ถูกกระทำจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายรุกจู่โจมแต่เพียงฝ่ายเดียว โรเจอร์เขย่าศีรษะตัวเองสองสามครั้ง เมื่อดวงดาวจางหายไปเขาก็ตรงเข้าต่อยคืนอย่างเต็มแรงเช่นกัน... ท่ามกลางสายตาของแขกที่มาพัก และเหล่าพนักงาน ที่ยืนมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ...แต่ไม่ช้า รปภ.และดอร์แมนที่ยืนหล่ออยู่หน้าประตูทางเข้าโรงแรมก็รีบวิ่งตรงเข้ามาแล้วแยกทั้งสองออกจากกันได้ในที่สุด หากแต่คงจะไม่มีใครเร็วไปกว่า ทิมมี่ ดรอว์เยอร์เป็นแน่.. เพราะตั้งแต่หมัดแรกที่กัปตันลูคัสเป็นผู้เปิดฉากร้อนระอุใส่โรเจอร์ ซินแคลร์... ทิมมี่ก็ปลีกวิเวกเดินออกมาจากตรงนั้น และขึ้นลิฟต์หนีบรรยากาศแย่ๆมาก่อนแล้ว จนกระทั่งเวลานี้ เขามายืนถอนใจอย่างเอือมระอาภายในห้องพักเป็นที่เรียบร้อย





++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++





          เทลิซ่าเปิดเช็คโรมมิ่งของโทรศัพท์มือถือของตัวเองภายในห้องพักที่เธอได้พักผ่อนร่วมกับชอริต้า สาวงามทรงโตเช่นเคย..ขณะที่เธอกำลังเปลี่ยนชุดอาบน้ำเพื่อจะเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น




 “ฮัลโหล...ทิมมี่ ว่าไง?”



 “เธอทำอะไรอยู่น่ะ.. ฉันกำลังจะขึ้นไปเลานจ์ดูดาว ไปด้วยกันหรือเปล่า”



 “อืม..คงไม่ดีกว่า.. ยังไม่ได้อาบน้ำเลย...เฮ้อ..นี่ถ้าฉันไม่เสียดายค่าชั่วโมงบินล่ะก็นะ ฉันคงจะเปิดห้องใหม่แน่ๆเลยทิมมี่”



 “ทำไมล่ะ?... เป็นอะไร?”



 “จะอะไรย่ะ... ยัยผู้ร่วมห้องของฉันน่ะสิ... ทำอะไรเละเทะเป็นบ้าเลย”



 “อืม... ฉันเองก็อยากจะเปิดห้องใหม่เหมือนกันแหล่ะ เอาไว้ถ้าฉันเริ่มรู้สึกแย่กับผู้ร่วมห้องมากกว่านี้ แล้วเราค่อยมาหารคนละครึ่งแล้วกัน....เออ สรุปว่าจะไม่ขึ้นมาใช่มั้ย”



 “อืม.. เจอดาวตกแล้วอธิษฐานเผื่อฉันด้วยล่ะ... ขอให้เที่ยวบินขากลับอย่าได้มีใครเป็นอะไรไปอีกเลย”



 “....หึ...โอเค... ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะต้องขอให้ตัวเองก่อนจะดีกว่า... แค่นี้นะ..” ทิมมี่กดวางสายลง...พลางดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วเม้มปากเจ็บใจเป็นไม่ได้ เมื่อข้อความบนหน้าจอแจ้งเตือนเขาว่า..








ลูคัส กาโรล 12 สาย ไม่ได้รับ...







ค่ำคืนแห่งความเจ็บปวดเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น...







          โรเจอร์ ซินแคลร์ ตั้งแต่เขาถูกระงับอารมณ์ที่ห้องพักรปภ.เกือบชั่วโมงพร้อมกับกัปตันหนุ่ม.. หลังจากที่ทั้งคู่แยกย้ายกันขึ้นมาบนห้องของใครของมัน..กัปตันลูคัสเดินเข้าห้องพักของเขา ที่คราวนี้โคจรมาเจอกับนักโทษในคราบหนุ่มบุคลิกอ่อนโยนอย่างเควิน..ขณะที่โรเจอร์เข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วหัวเสีย เมื่อไม่พบทิมมี่ ดรอว์เยอร์ ผู้ร่วมห้องที่เขาคาดหวังไว้ว่าจะได้รับคำขอโทษดีๆจากเขา..






- ผับเอกซ์ตรีม ชั้น 12 -






          วิสกี้แก้วแล้วแก้วเล่า ถูกเทลงไปในแก้วใบใหญ่.. โดยที่มีกัปตันหนุ่มผู้ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับสิ่งของต้องเมาอย่างนี้ ...
เขากำลังทำความรู้จักกับอาการเมามากขึ้น และสีหน้าเริ่มจะแดงก่ำเต็มที่แล้วในเวลานี้..ความไม่เข้าใจถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น..ถูกน้ำสุราลบล้างความทรงจำขุ่นๆให้พอได้สดชื่นสมองและความรู้สึกแย่ๆต่างๆพอได้บ้าง..ในขณะที่ผู้คนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ.. ไฟของผับก็เริ่มมืดสลัวลงไปอีก และฝีเท้าของใครบางคน ก็เหยียบย่างใกล้เข้ามายังโต๊ะที่กัปตันหนุ่มนั่งกระดกเหล้าหน้ามึนอยู่ในเวลานี้




 “ขอดื่มด้วยคนได้มั้ยคะ?...กัปตัน” น้ำเสียงของหญิงสาวที่เขาคุ้นหู วิงวอนด้วยเรียวปากบานฉ่ำแดงสด... ออดอ้อนอยู่ใกล้ๆใบหูของสุภาพบุรุษรูปหล่อลูคัส กาโรล..



“...คุณ..เป็น....ใคร?...” น้ำเสียงอ่อนแรงเพราะอาการมึนเมาถามขึ้น สติที่เริ่มเหือดหายไปเพราะน้ำสุรา พาให้เขาลืมสตรีผู้มากมารยาอย่าง  “ชอริต้า” ไปจนได้!




++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++






เทลิซ่าเดินออกมาหาที่โทรศัพท์บังเอิญพบกับเควินที่กำลังจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกผิดปกติต่อกัน..และเควินก็ตัดสินใจเบี่ยงหน้าไปทางอื่น แต่เทลิซ่ายังจับจ้องชายหนุ่มราวกับคิดสงสัยอะไรบางอย่าง



 “ถามอะไรหน่อยสิ.... เควิน”



 “.....ฉันไม่มีอะไรจะตอบ...”



 “.......นายเห็นชอริต้าหรือเปล่า... ยัยนั่นหายไปจากห้อง...” คำถามของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มแอบโล่งใจไปไม่น้อยทีเดียว



 “...อ่อ...คือ... ฉันเห็นหล่อนเดินเข้าลิฟต์ไปก่อนหน้านี้.... ท่าทางจะขึ้นไปข้างบนน่ะ..”



 “......เหรอ...” เทลิซ่ายังไม่วางตาจากเขา




                           
++++++++++++ร้อยเล่ห์...เหลี่ยมเทวา++++++++++++



TBC.



จับเอาบาเรลล์ไปถ่วงทะเลดีมั้ยเอ่ย ทำผิดแล้วยังโยนให้คนอื่นอีก แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวเทวดาผู้นี้ก็จะได้รับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ 555+

นายโรเจอร์นี่ก็ติ้อไม่เลิก แล้วมันจะเป็นยังไงต่อน้า
อิอิ

ไว้เฉลยในตอนต่อๆไปก็แล้วก็เนอะ


ใกล้จะจบเต็มทีแล้วววววววว

บ๊าย บายค่า!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2011 17:24:06 โดย S.T.Kalafina »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m16: :m16: :m16:


กัปตัน นิสัยไม่ดี สมน้ำหน้า

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
เควินเลวมั่กๆๆ

กัปตันอย่าไปกับยัยนั่นน้าาาา



ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เรื่องนี้พระเอกคือบาเรลล์

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   โฮะๆๆ กำลังมันเลย คดีใหญ่ยังไม่ทันจบ ก็มี After shock ข้ามคืนให้ตามลุ้นอีกหลายระลอกเหรอเนี่ย
   แต่ท่านกัปตันเล่นซัดของมึนเมาเข้าไปขนาดนั้น วันรุ่งขึ้นจะขับเครื่องบินกลับไหวไหม
   เครื่องบินนะม่ายใช้รถยนต์จะได้ขับแทนกันได้ง่ายๆ
   สงสัยต้องให้ผู้ช่วยนักบินออกโรงแสดงฝีมือเป็นครั้งแรกแล้วสิเนี่ย
   หรือว่าไปต้องขับเลยกลับเพราะติดคดีใหม่กับสาวเจ้าเล่ห์ไปซะก่อน
   งี้ต้องตามลุ้นต่อไป โฮะๆๆๆ




ออฟไลน์ PlenG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ถ้าลูคัสจะไปกับยัยชอริต้าล่ะก็
อย่าเป็นพระเอกต่อไปเลยค่ะ
เควินเอาชีวิตคนมาล้อเล่นได้ไง
ยัยวีว่าก็ทำตัวเป็นเทวีเฮรา น่ารำคาญที่สุด
โรเจอร์ก็อีกคน แค่เห็นชื่อก็เอือมแล้ว

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย><!!!!!

moriku

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะเป็นเที่ยวบินที่วุ่นวายมาก!!!
เควินทำตัวน่าตบที่สุด :m31:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด