ตอนที่ 35ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในสงครามเย็น! “หึๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันที่นี้นะเด็กน้อย”
หลังจากที่ผมจับผลุจับพลาดเข้ามารวมหมู่กับเหล่ามนุษย์ขั้นเทพ หนุ่มเสื้อโค้ทที่มากับไอ้วินเซอร์ก็หัวเราะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยทักทายออกไป เอ่อ...เด็กน้อยที่ว่าเนี่ยหมายถึงใครหว่า?
“นั้นสินะครับมิสเตอร์เอเรส”ท่านคิงตอบกลับไปด้วยสีหน้านิ่งและเยือกเย็นเอามากๆ อ๊ะ เด็กน้อยที่ว่าเนี่ยหมายถึงท่านคิงงั้นเหรอ!? เอ่อ...นั้นมันเด็กน้อยตรงไหนฟ่ะ ได้ข่าวว่าท่านคิงอายุสี่สิบแล้วนะ ถึงจะดูเหมือนสามสิบก็เถอะ ตาลุงฝรั่งเนี่ยดูท่าทางอายุก็ไม่น่าจะต่างกับท่านคิงเลยนี่น่า
“อะไรกันเด็กน้อย เรียกกันซะห่างเหินเชียว”มิสเตอร์เอเรสอะไรนั่นยิ้มรับกับท่าทางไม่นับมิตรของท่านคิง เหมือนสองคนนี้เขาจะเคยมีเรื่องอะไรกันเลยนะครับ ผมขยับตัวออกห่างจากสงครามที่เริ่มมาคุเล็กน้อย ท่านคิงอารมณ์บูดอย่างเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้วะ?
“เรียกวอลเธอร์เฉยๆ ก็ได้”
“คงไม่ได้หรอกครับ ผมคงจะเรียกข้ามรุ่นแบบนั้นไม่ได้ ก็คุณอายุพอๆ กับคุณพ่อผมเลยนี่ครับ หากเรียกแบบนั้นเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทเปล่าๆ”ท่านคิงตอบกลับไปเยือกเย็นสุดๆ ผมรู้สึกปลาบปลื้มกับท่านคิงมาก สมกับเป็นอธิการคนเก่งของมอเรา! ว่าแต่เมื่อกี้ผมฟังถูกหรือเปล่านะ อีตาลุงวอลเธอร์เนี่ยอายุพอๆ กับพ่อของท่านคิงเลยเหรอ!? แต่ไหงถึงได้หน้าใสเอ๊าะแบบนี้ได้ล่ะ ดูๆ ไปแล้วผมคิดว่าอายุพอๆ กับท่านคิงเสียอีก!
“ได้ข่าวว่าบริษัทของเธอมีกำไรเยอะแยะเลยนี่ สมแล้วที่เป็นเธอนะดีเซล สมกับเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่เบื่อหน่ายจริงๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็ส่งคำทักทายไปแล้วเธอก็ตอบกลับมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เล่นเอาฉันเสียวสันหลังวูบไปเลยล่ะ หึๆ”
“ถ้าการกวาดซื้อหุ้นบริษัทของคนอื่นเป็นการทักทายของคุณแล้วล่ะก็ นั้นก็สมกับเป็นคุณจริงๆ ล่ะครับมิสเตอร์เอเรส”
“ก็เป็นการทักทายสไตล์ของฉันน่ะ พอจะมาที่เมืองไทยแล้วนึกถึงตอนที่เราเล่นเกมกันตอนนั้นขึ้นมาน่ะ ตอนนั้นสนุกจริงๆ ล่ะนะ เป็นช่วงชิงการกุมอำนาจและการประมูลสัมปทานที่ดุเดือดมากทำเอาฉันตื่นเต้นจนขนลุกเลย ช่างเป็นการเล่นฆ่าเวลาที่ดีจริงๆ”
“ถ้ามีเวลาว่างขนาดนั้นก็เลยจะเอาไปพัฒนานิสัยแย่ๆ นั้นน่ะครับ”ท่านคิงพยายามกัดฟันทำหน้านิ่งแต่สัมผัสได้ถึงความโกรธของท่านคิงที่เริ่มปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ผมมองตาลุงวอลเธอร์นั้นแล้วนึกขยาด อะไรของหมอนี้กันฟ่ะ? พูดเรื่องแบบนั้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มสบายๆ ช่างเป็นการกวนโมโหที่ดีสุดๆ
“เฮ้อ จริงๆ เลย นี่เราจะปรองดองกันไม่ได้เลยเหรอคุณหนูดีเซล?”
“คุณจะเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะยอมปรองดองด้วย”
เปรี้ยง!!! 
อุณหภูมิตรงนี้เริ่มร้อนและเดือนเต็มพิกัด เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลเปรี้ยงปร้างไปทั่วระหว่างท่านคิงกับมิสเตอร์อลเธอร์ ยกที่หนึ่งท่านคิงชนะไปด้วยใบหน้านิ่งสุดยอด สมกับเป็นพ่อของไอ้ฮอยฮักเลย! ตอบโต้ศัตรูได้อย่างไม่สะทกสะท้าน มิสเตอร์วอลเธอร์หัวเราะออกเหมือนกำลังสนุกเสียเต็มประดานั้นยิ่งทำให้เขาดูเด็กลงไปอีกแน่ะ
“ที่นี้ก็คงจะมีแต่เธอล่ะนะที่กล้าเป็นอริกับฉัน ให้ตายสิ ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อจริงๆ เลย วันนี้มาทักทายแค่นี้ก่อนล่ะกัน หวังว่าคราวหน้าฉันจะได้ทานข้าวกับเธอสักมื้อนะเด็กน้อย”
“ไม่มีวันนั้นแน่”
“ให้ตายเถอะ หัวแข็งจริงๆ เด็กสมัยนี้ไม่น่ารักเอาซะเลย หือ? อ๊ะ!”จู่ๆ ตาลุงวอลเธอร์ก็เหลือบสายตาที่พวกผมเขาหันมามองแล้วหลุดอุทานออกมาอย่างแปลกใจ ตาลุงนั้นเดินมาที่พวกผมอย่างรวดเร็ว เหวอออ!! อะไรของเขาเนี่ย!!? ไอ้โซโล่รีบเข้ามาขวางผมเข้าผมก็เลยได้เกาะหลังของมันเป็นที่กำบัง แต่คุณลุงวอลเธอร์น่ะนั้นไปอีกชี้คนข้างๆ ผมนู้น
“หน้าแบบนี้...”มิสเตอร์วอลเธอร์ชี้หน้าของไอ้ฮักที่ยังคงรักษาความนิ่งได้เหมือนกับพ่อของตัวเอง ลุงวอลเธอร์เบิกตากว้างแล้วยิ้มออกมา
“สเปกเลยล่ะ”
เอ๋!!!!? 
ทุกคนออกอาการเหวอแตก พี่ฮอยยิ้มหัวเสียมากเลยครับรีบเข้ามาปกป้องน้องชายสุดที่รัก ท่านคิงก็รีบมาขวางหน้าไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับส่งเสียงขู่ออกไปด้วยใบหน้าน่ากลัวทีเดียว
“ถอยห่างออกจากน้องชายของฉันเดี๋ยวนี้ ตาลุงโรคจิต!”
“อย่ามายุ่งกับลูกชายของผมมิสเตอร์เอเรส!”
“ก็แค่บอกว่าถูกใจเท่านั้นเอง ไม่ได้แปลว่าจะงาบสักหน่อยแต่ดูท่าทางตอนนี้เปลี่ยนใจงาบดีไหมนะ?”คุณลุงวอลเธอร์พูดทีเล่นทีจริงแบบเอาอะไรไม่แน่ไม่นอนยิ่งทำให้ท่านคิงทำหน้าเครียดมากกว่าเดิม
“คุณปู่ ได้เวลาที่นัดกับประธานสมิธแล้วนะครับ อย่ามัวแต่เล่นอยู่เลย” ไอ้นิววินเซอร์เดินเข้ามาหยุดที่หลังของมิสเตอร์วอลเธอร์แล้วเอ่ยขัด เสียงเข้มที่เย็นยะเยือกติดลบกว่าร้อยองศาทำให้มิสเตอร์วอลเธอร์หันไปมอง
“วินเซอร์ หลานช่วยไปพบกับประธานสมิธแทนปู่หน่อยได้ไหม?”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะคุณย่าฝากให้คุณปู่มาอวยพรให้กับเพื่อนคุณย่าไม่ใช่เหรอครับ?”
“อ๊ะ นั้นสินะ เดียร์ฝากของขวัญมาให้สมิธด้วยนี่น่า เฮ้อ งั้นฉันไปขอตัวก่อนนะ ไว้คราวหน้าจะมาเล่นด้วยนะกระต่ายป่า!”ลุงวอลเธอร์ทำหน้าเหมือนคิดได้แล้วถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะหันมามองไอ้ฮักด้วยสายตาเป็นประกาย พูดทิ้งท้ายเสร็จก็รีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ตาแก่โรคจิตนั้น!”ทั้งพี่ฮอยยิ้มและท่านคิงขบฟันกรอดอย่างโมโห ส่วนไอ้ฮอยฮักก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนใจลุงวอลเธอร์เลยแม้แต่น้อยดูเหมือนจะสนใจอีกคนมากกว่า เฮ้ๆ ฮอยยิ้มสายตาของมึงเนี่ยมันกลายเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันฟ่ะ? ผมถอนหายใจเฮือก เกลียดบ้าอะไรกันล่ะ แบบนั้นน่ะยังมีใจให้เขาอยู่ชัดๆ
“ไอ้เด็กโรคจิตนี่ทำไมยังอยู่อีกวะ?”พี่เฮอร์มิตบ่นเสียงเบาแล้วจ้องเขม็งไปที่ไอ้วินเซอร์ ผมมองพี่อย่างแปลกใจ พี่ก็รู้จักมันด้วยเหรอ? ไอ้วินเซอร์หันกลับมามองพวกท่านคิงแล้วก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ
“ต้องขออภัยแทนคุณปู่ด้วยครับ”
“ไม่เป็นไร”ท่านคิงดูเหมือนจะแปลกใจกับท่าทางสุภาพที่เย็นถึงกระดูกของไอ้วินเซอร์ ขนาดไอ้โซโล่ยังทำหน้าแปลกใจเลยครับ วินเซอร์ยกตัวขึ้นสายตาว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ในสายตาของมันเลยจากนั้นหมอนั้นก็หันมาที่พี่เฮอร์มิต พี่ของผมก็ยิ้มสู้อย่างเต็มที่ พี่เฮอร์มิตเป็นฝ่ายพูดก่อนครับแต่ผมฟังแล้วไม่รู้เรื่องอ่ะ นี่มันไม่ใช่ภาษาปะกินนี่หว่า! ส่วนไอ้วินเซอร์มันก็ตอบกลับเป็นภาษาเดียวกับพี่เฮอร์มิตอย่างคล่อง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันแต่ดูเหมือนพี่เฮอร์มิตจะเสียเปรียบเพราะเริ่มทำหน้าขรึมจัด
“พูดอะไรกันน่ะ ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ภาษาเยอรมัน ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกนะ แต่ดูเหมือนกำลังด่ากันอย่างเมามันเลยล่ะ”ไอ้โซโล่ที่อยู่ด้านหน้าของผมหัวเราะออกมานิดน้อย ภาษาเยอรมัน!? อ่า พี่เคยอยู่เวียนนาก็เลยใช้ภาษาเยอรมันได้สินะแต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือไอ้วินเซอร์มันพูดภาษาเยอรมันได้คล่องขนาดนี้เชียว!? แม้กระทั่งไอ้โซโล่ยังฟังรู้เรื่อง ไม่คิดเลยว่าสามีของผมจะเก่งเรื่องภาษาแฮะ
วินเซอร์นิ่งจนน่ากลัวเลยล่ะครับแต่ละคำพูดที่หลุดออกมาจากปากมันสามารถสร้างความเดือดดาลให้กับพี่เฮอร์มิตได้เป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วไอ้วินเซอร์มันก็ทำให้พี่เฮอร์มิตพูดอะไรกลับไม่ได้ พี่ของผมโกรธจนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าทรงแน่ะ เจ้าตัวต้นเหตุเดินลอยชายออกไปแต่ตอนที่เดินผ่านฮอยฮักหมอนั้นกลับแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำเอาท่านคิงกับพี่ฮอยยิ้มรีบคว้าตัวไอ้ฮักมาปกป้องกันแทบไม่ทัน
“โรคจิตพอกันทั้งปู่ทั้งหลาน”พี่ฮอยยิ้มมองตามไปแล้วพูดขึ้นแบบไม่พอใจอย่างแรง ท่านคิงเงียบครับไม่ได้พูดอะไรเลยท่านคิงถอนหายใจเบาๆ แล้วเรื่องราวปู่หลานตัวอันตรายก็ผ่านผ่านพ้นไป หือ? ปู่? หลาน? อะไรนะ!? ลุงวอลเธอร์ผู้หล่อเฟี้ยวคนนั้นเป็นปู่ของไอ้วินเซอร์งั้นเหรอ!!? เฮียอายุเท่าไรกันฟ่ะ!?
“โซโล่ๆ นั้นปู่ของไอ้วินเซอร์งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่”
“จริงดิ!?”ผมอุทานเสียงดังแปลกใจโพดๆ อะไรวะนั่น!? คนเป็นปู่เนี่ยน่าจะอายุหกสิบขึ้นไปไม่ใช่หรือไง? ผมทำหน้าไม่เชื่อ ไอ้โซโล่ก็ยกมือวางบนหัวของผมแล้วขยี้มือจนผมยุ่งไปหมด
“พ่อของไอ้วินเซอร์ก็ยังหล่อหน้าเอ๊าะหยั่งกับวัยรุ่น ถ้าปู่มันจะหน้าใสเด้งขนาดนี้กูก็ไม่แปลกใจเท่าไรหรอก”
“พ่อวินเซอร์หล่อขนาดนั้น?”
“ถามทำไมเยอะแยะ สนใจไอ้วินเซอร์ขึ้นมาหรือไง?”น้ำเสียงของคุณแฟนเริ่มลงเหวครับ ผมเนี่ยเอือมกับมันทันที ถึงมันจะหล่อแต่กูไม่หาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองเหมือนไอ้ฮักหรอกนะ! กรุณาอย่าหึงมั่วซั่วได้ไหมวะ กูกับไอ้วินเซอร์น่ะเหรอ? เหอะ คิดแล้วกูขนลุก!!
“พรีตส์~!!!”
หือ? ผมหันไปมองคนที่วิ่งมาด้วยฝีเท้าอันรวดเร็วยิ่งกว่าหัวจรวดพร้อมกับเสียงเรียกที่แหลมปรี๊ดเหมือนเป็นหนามพร้อมจะทิ่มแทงผมให้ตายๆ ไปซะ เห็นคนที่พุ่งเข้ามาแล้วหน้าซีด ปะ...ปีศาจ เอ๊ย พี่เซนต์! พี่สาวปีศาจของผมนั่นเอง แว๊กกกกก!!! พี่เซนต์เข้ามากระชากตัวผมลักพาไปอย่างรวดเร็ว ขนาดไอ้โซโล่ยังยืนเป็นไอ้ใบ้มองตามมาตาปริบๆ
“พี่เซนต์! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังรุนแรงเหมือนเดิมเลยนะครับ”ผมพยายามทักทายพี่สาวที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่พอมาเจอก็ถูกถลึงตามองด้วยเคียดแค้นมาเป็นสิบชาติ อะไร้!? ผมทำอะไรผิดวะ? ลากผมมาหยุดยืนอยู่ตามลำพัง ตอนที่วิ่งมายังไม่เห็นหน้าชัดๆ เลยครับแต่พอมายืนเท่านั้นแหละ หลอกหลอนกูได้อีก!
“บอกมาดีๆ เลยนะไอ้พริตตี้ ทำไมแกถึงได้ไปสลอนหน้ามีหนุ่มหล่อยืนรายล้อมขนาดนั้นย่ะ!?”พี่เซนต์แทบจะแหบหัวผมอยู่ทุกเมื่อ อาร้ายยยย ผมไม่รู้เรื่องสักหน่อย! เรื่องแบบนี้ผมผิดด้วยวะ
“พี่พูดอะไรน่ะ?”
“อย่ามาทำเป็นแอ๊บย่ะ แหม โผล่หัวมาก็ทำเป็นเจ้าแม่ฮาเร็มน่ะย่ะ น่าหมั่นไส้จริงๆ!”
โอ๊ย! แหม่ ถูกพี่สาวประทุษร้ายติดๆ กันแถมยังโยนตำแหน่งเจ้าของฮาเร็มให้กับผมอีกแน่ะ อะไรฟ่ะ!? นั่นของผมก็ว่าไปอย่างสิ แต่นี่มันไม่ใช่โว้ย!! แล้วยืนล้อมอะไรกันล่ะ ผมแค่บังเอิญได้ยืนตรงกลางเท่านั้นนะ นี่ชาวบ้านเขาคิดว่าทั้งหมดนั้นเป็นของผมหรือไงกัน!?
“หนอย ไม่ต้องทำหน้าเอ๋อย่ะ ทั้งงานแกดันฮุบเอาหนุ่มหล่อไปคนเดียวหมด ระวังไว้เถอะจะถูกดักตีหัว!”
ผมว่าคนแรกที่ดักตีผมคงจะเป็นพี่นั้นแหละ! สงสัยหน้าตาของผมมันจะส่อให้เห็นความในใจมากเกินไปหน่อย พี่เซนต์แกสะบัดหน้าค้อนขวับ
“ฉันไม่ดักตีแกให้เสียเวลาทำไม แต่ฉันจะกระทืบต่อหน้าต่อตามันเลยเนี่ยแหละ!”
“พี่คร้าบ ไว้ชีวิตผมด้วยเถิด!”
“ว่าแต่แกมางานนี้ทำไมวะ?”
“มาแค่กินของดีๆ น่ะ”
“เดี๋ยวนี้เป็นยาจกหรือไง ถ้าไม่มีกินก็กลับบ้านสิย่ะ”
โห ไม่มีกินน่ะไม่ใช่แน่นอนล่ะพี่ สามีของผมเขารวยจะตาย อยู่ดีกินดีมากเลยอ่ะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องผมจะกลายเป็นยาจกไม่มีอะไรจะแดก พี่เซนต์ส่ายหน้าไปมาแล้วพูดกับผมเสียงอ่อนๆ
“ปิดเทอมแล้วก็กลับบ้านเร็วๆ ล่ะ”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่คิดถึงผมด้วย”
“เปล๊า! ไม่มีใครไว้รองมือรองเท้าเท่านั้นแหละย่ะ”
อยากบอกว่าพี่เซนต์คิดแบบนั้นจริงๆ ครับ ไม่ใช่เป็นคนซึนแต่อย่างใด!! ให้ตายเถอะ เห็นน้องตัวเองเป็นที่รองมือรองเท้าไปได้วะ พี่เซนต์มองไปที่กลุ่มหนุ่มหล่อด้วยสายตาเป็นประกายแล้วจากนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยสุดขีด
“พริตตี้ นั่นฮอยฮักกับฮอยยิ้มใช่ไหม?”
“อ่าครับ”ผมพยักหน้ารับ จะว่าไปเมื่อก่อนพี่เซนต์แกเคยไปอ่อย เอ๊ย ไปจีบพี่ฮอยยิ้มด้วยนี่น่าแต่ก็ไม่นานพี่เซนต์ก็เมินใส่เพราะพี่ฮอยยิ้มแกเป็นไอ้คนหลงน้องบ้าๆ ดีๆ นี่เองครับ พี่เซนต์ยังคงมองอย่างวิเคราะห์ ผมเห็นพี่เฮอร์มิตเดินออกไปไหนก็ไม่รู้แต่ท่าทางจะอารมณ์บูดแบบสุดๆ
“หึๆ ไอ้ฤๅษีเดือดจนหน้ามืด”พี่เซนต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะๆ พี่เฮอร์มิตก็คือฤๅษีนั้นแหละครับ ไม่ใช่แค่ชื่อที่แปลว่าฤๅษีเท่านั้นแม้กระทั่งนิสัยก็เป็นฤๅษีไปด้วยเลย ผมเคยเห็นพี่เฮอร์มิตโกรธอยู่ครั้งหนึ่งจากนั้นมาผมก็สาบานว่าในชีวิตนี้จะไม่ทำให้พี่ชายคนนี้โกรธอีกแน่นอน ฟันธง!
“พริตตี้ ถ้าจำไม่ผิดคนนั้นคือน้องโซโล่?”
ผมพยักหน้า มองไอ้โซโล่ที่ยืนหันมามองทางผมอยู่บ่อยๆ สงสัยมันจะเป็นห่วงผมล่ะมั้ง พี่เซนต์เอียงหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วยิ้มแสยะออกมา สีหน้าห่างไกลจากชื่อที่แปลว่านักบุญจริงๆ ครับ คราวนี้อะไรของพี่ล่ะ? อย่ามาแกล้งผมนะ!
“ให้ตาย ผู้ชายยิ่งหายากๆ อยู่ แกต้องรับผิดชอบไอ้น้องบ้า!”
อะไรกันเล่า มันความผิดผมเหรอไง!? แล้วพี่เซนต์รู้ได้ไงว่าผมกับไอ้โซโล่มีซัมติ้งกัน? ผมมองพี่เซนต์อย่างแปลกใจแกมทึ่งนิดๆ พี่สาวปีศาจก็หัวเราะในลำคอ ภาพลักษณ์นี้เหมาะกับเป็นแม่มดหรือนางมารมากกว่าเป็นนักบุญเสียอีก
“ลางสังหรณ์สุดยอดของผู้หญิงย่ะ”
จริงงะ!? 
พี่เซนต์เดินเข้าไปหาไอ้โซโล่ด้วยท่วงท่านางพญาก็ไม่ปาน รอยยิ้มหวานหยดคลี่ออกมา พร้อมกับทำเสียงหวานใส ผมที่เดินตามหลังมาแทบจะเบ้ปากใส่โหลดล่าหนุ่มหล่อของพี่ มาอีกแล้ว!! มันมาอีกจนได้!!
“น้องโซโล่ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีครับพี่...เซนต์”ไอ้โซโล่มันเว้นจังหวะไปเล็กน้อยแล้วก็เอ่ยออกมาเหมือนมันเพิ่งดึงออกมาสดๆ จากสมอง พี่เซนต์ยิ้มรับแบบไม่เสียความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย แถมยังทำเป็นพูดน้อยอกน้อยใจอีกแน่ะ
“แหม ลืมกันได้นะจ้ะ”
“ต้องขอโทษจริงๆ ครับ”ไอ้โซโล่เอ่ยเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้มฝันแล้วยิ้มแบบรู้สึกผิดบางๆ ท่าทางแบบนั้นทำเอาใจสาวน้อยอดรู้สึกเห็นใจและไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ต้องยอมยกโทษให้ทุกอย่างแน่ๆ! ตาต่อตาเสแสร้งปะทะแกล้งทำ!
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ น่าเสียดายเนอะ”พี่เซนต์ส่ายหน้าไปมาแบบไม่ถือโทษแล้วพี่ก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ไอ้โซโล่เลิกคิ้วเล็กน้อย พี่เซนต์ก็ยกยิ้ม
“เสียดายจังที่คนหล่อๆ อย่างน้องโซโล่อีกไม่นานคงจะดับคาปืนของพ่อ”พูดเสร็จพี่เซนต์ก็ยิ้มกว้างเดินจากไปด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ
“...”ไอ้โซโล่ยืนนิ่งเงียบไป ผมเนี่ยอ้าปากเหวอ
ไอ้พี่บ้า!! มาแช่งกันทำไมวะ!? 
“พี่เซนต์ก็แค่หยอกเล่นน่ะอย่าคิดมากเลย”รีบปลอบใจไอ้โซโล่มันก่อน เกิดมันป๊อดขึ้นมาแล้วไม่ไปขอผมกับพ่อ ผมก็เสียตัวฟรีสิฟ่ะ!! พี่เซนต์นะพี่เซนต์ ทุเรศจริงๆ มาทำให้แผนจับสามีของผมเกือบล่ม!! ผมกำลังยุยงส่งเสริมให้ไอ้โซโล่มันเอาหน้าไปให้พ่อผมเห็นอยู่น่ะเนี่ย รับรองได้ว่าเจ้าพ่อบ้าคลั่งแน่ๆ! แต่ผมไม่โง่ให้พ่อฆ่ามันทิ้งหรอกน่า ผมน่ะรู้นิสัยพ่อดีอยู่แล้ว พ่อไม่กล้าทำให้มันตายหรอกเพราะถ้ามันตายเดี๋ยวผมจะเสียใจน่ะซี เหอะๆ!! ถ้าได้เจอพ่อแล้วไอ้โซโล่ยังหนีผมไม่รอดหรอก แต่ยัยพี่เซนต์บ้าดันมาพูดให้ไอ้โซโล่มันป๊อดซะได้ ปัดโธ่เอ๊ย!!
“...ท่าทางมันจะเป็นเรื่องจริงวะ”ไอ้โซโล่มันยืนนิ่งไม่ขยับทำหน้าคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผมเนี่ยใจวูบเลย
“ไม่เลยๆ พ่อกูน่ะใจดีโคตรๆ!”
“โซโล่! พ่อกูเป็นคนมีเหตุผล(ถึงก่อนจะมีจะลั่นปืนก่อนก็เถอะ) ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงกูก็อยู่กับมึง”ผมพูดเสียงจริงจังแล้วเข้ามาจับแขนของมันไว้ อย่าทิ้งกูนะโว้ย แค่พ่อกูดุเท่านั้นเอง ไอ้โซโล่มันยืนนิ่งครับ
“ไม่หรอก การที่ลูกชายกลายเป็นรักร่วมเพศมันก็เป็นเรื่องที่พ่อคนหนึ่งทำใจยากอยู่แล้วล่ะ”
ยิ่งพ่อกูเป็นทหารซะด้วย...ผมพูดต่อในใจ
ไอ้โซโล่ก้มลงมามองผมด้วยสายตาประดุจว่าเคยมีลูกชายเป็นเกย์ ผมก็สบตามันปิ๊งๆ มึงไม่ได้คิดจะทิ้งกูก็พอแล้ว ถึงพ่อจะไม่ยอมก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังมีแม่เป็นพรรคพวกแน่นอน!
“กลับบ้านไปเกาะกันต่อดีกว่าไหม?”เสียงเย็นยะเยือกดังขัดจังหวะสบตาซาบซึ้งของพวกเรา ผมหันไปมองไอ้ฮักที่ทอดสายตาว่างเปล่ามาให้ ผมกะพริบตาปริบๆ มองไปรอบตัวถึงเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ คนอื่นๆ มองผมกับไอ้โซโล่ด้วยสายตาแปลกๆ ผมรีบผละจากมันทันที
“กลับบ้านกันดีกว่าโซโล่!”
“ก็ได้ แต่ไปลาคุณแม่ก่อน”ไอ้โซโล่มันพยักหน้ารับแล้วเดินพาผมไปหาแม่ของมัน ก่อนที่จะเดินออกไปฮักก็เตือนผมเรื่องอ่านหนังสือสอบ รู้แล้วน่า! ผมทำหน้าบึ้งให้มันแล้วเดินตามหลังมาเพื่อล่ำลาคุณแม่ผู้เปรี้ยวจี๊ด
“จะกลับแล้วเหรอ?”
“ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ แล้วก็ฝากสวัสดีคุณพ่อและคุณย่าด้วย”
“สอบเสร็จก็รีบกลับบ้านล่ะ”
“จะพยายามครับ”ไอ้โซโล่พูดแล้วยิ้มที่มุมปากจนคุณแม่ส่งค้อนขวับให้อย่างหมั่นไส้ ผมโผล่มาจากด้านหลังของไอ้โซโล่อย่างเขินๆ พยายามฉีกยิ้มปั้นหน้าให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูกว่าปกติ ยกมือไหว้ลาคุณแม่ของไอ้โซโล่
“ผมไปก่อนนะครับ”
“จ้ะ แล้วเจอกันนะ”คุณแม่ยิ้มตอบกลับสดใสเช่นกัน เข้ามากอดผมไว้แน่นแล้วก็ดึงแก้มของผมทำหน้าหมั่นเขี้ยวสุดฤทธิ์ เอาเถอะ ถือว่าทำคะแนนกับคุณแม่สามี เจ็บแค่นี้ไอ้พรีสต์ทนได้!! ไอ้โซโล่คุยกับพี่โมโนเล็กน้อยแล้วเดินมาที่ผม
“เอาล่ะ กลับบ้าน ‘เรา’ กันได้แล้ว”
“อืม!”
สุดท้ายผมก็ได้กลับบ้านของ ‘เรา’ สักที!TBC.มาต่อจนได้ ตอนนี้ใช้เวลาให้การแต่งยาวนานสักสี่วันได้ เฮ้อ!
ตอนนี้ก็คงจะรู้ว่าตระกูลที่ห้ามแตะนั้นคือตระกูลไหน?
คุณปู่หน้าละอ่อนของวินวินน่ากลัวอย่าบอกใครเชียว!
ตอนหน้ามาย้อนอดีตเรื่องราวสมัยมอปลายของพรีสต์กัน~
แล้วเจอกันตอนต่อไปนะจ้ะ