[ ชาย(า) ]บทนำเสียงของโลหะของดาบกระทบเป้าซ้อมเหล็กแท่งหนาส่งเสียงดังในยามเช้าตรู่ที่มีแสงตะวันร่ำไรเป็นมิตร ยามที่ร่างสูงเคลื่อนกายอย่างว่องไวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นผิวกายต้องแสงอรุณเป็นสีทอง การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วและแข็งกร้าวอยู่ในทีนั้นทำให้ชายหนุ่มดูน่าหลงใหลราวกับเป็นเทพเจ้าหนุ่มกำลังร่ายรำเพลงดาบต้อนรับวันใหม่
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!การหมุนตัวที่พริ้วฟันเป้าอย่างแม่นยำ ร่างแกร่งที่อุดมมัดกล้ามแน่นดูงามสง่าสมเป็นบุรุษกล้าแห่งราชวงศ์ ดวงตาสีน้ำตาลใสคมกริบจ้องเป้าแล้วฟาดฟันดาบใส่ไม่ยั้ง ชายหนุ่มฝึกซ้อมดาบไปสักครู่จนกระทั่งมีคนเดินเข้ามาพร้อมกับก้มกราบอย่างเคารพยำเกรง เขาหยุดการเคลื่อนไหวหายใจเข้าลึกๆ สูดอากาศที่แสนสดชื่นในยามเช้าก่อนจะหันกายไปมองบ่าวที่ก้มหน้าจรดพื้นดิน
"มีอันใด?" เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถาม เขาพยักหน้าอนุญาตให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมารายงานสิ่งที่เข้ามาขัดการซ้อมยามเช้าของเขา ร่างท้วมนั้นเงยหน้ากลมๆ ขึ้นมาแล้วเอ่ยสิ่งที่ถูกไหว้วานมาบอกแก่เจ้านาย
"องค์เหนือหัวรับสั่งให้ฝ่าบาทเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ"
"เดี๋ยวนี้?"
"ทันเสวยกะยาหารพระเจ้าค่ะ"
"อืม เตรียมน้ำให้ข้าเสร็จแล้วรึ?"
"พระเจ้าค่ะ กระหม่อมเตรียมเสร็จแล้ว"
"ดี" ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พยักหน้าพอใจแล้วก็เดินมาทิ้งดาบให้กับบ่าวก่อนจะเดินออกไปจากลานฝึกซ้อม บ่าวร่างท้วมรีบเก็บอาวุธของนายก่อนจะวิ่งตามร่างสูงที่เดินรวดเร็วนำไปไกลแล้ว ร่างสูงเดินเข้ามาในตำหนักใหญ่แล้วเร่งเดินไปที่ห้องของตน
"นาคินทร์ เดินรีบร้อนแต่เช้าเชียวนะลูก" เสียงนุ่มนวลอ่อนหวานเอ่ยทักดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มชะงักหันกลับไปมอง หญิงสูงวัยที่แย้มยิ้มอ่อนโยนเดินเข้ามาพร้อมกับเหล่านางกำนัลสาว ชายหนุ่มแย้มยิ้มตอบอีกฝ่ายเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปสวมกอดร่างบอบบางของผู้เป็นมารดาที่รักไว้หลวมๆ
"หัดใส่ชุดเวลาฝึกเช้าเสียบ้าง"
"แบบนี้สดชื่นกว่าน่ะขอรับ" ผู้เป็นบุตรเอ่ยตอบแล้วหอมแก้มของมารดาเบาๆ ผู้เป็นมารดาส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ทุกเช้านางกำนัลรับใช้ไม่เป็นอันได้ทำอะไรเนื่องจากเจ้านายหนุ่มฝึกซ้อมดาบด้วยร่างอันบึกบันนั้นทุกวัน พวกนางเหล่านั้นได้แต่แอบเฝ้ามองการฝึกซ้อมด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มชื่นชมอยู่เสมอ
"เอาเถอะ แต่เมื่อครู่รีบไปที่ใดกัน?"
"ฝ่าบาทมีพระประสงค์อยากพบลูกน่ะขอรับ"
"อนันต์เรียกพบลูกรึ? มีเรื่องอันใดกัน?"
"ลูกมิทราบขอรับ แต่คาดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทูตจากครุฑาอาลัย" ร่างสูงส่ายหน้าเบาๆ แล้วก็เอ่ยตามที่ตนครุ่นคิดเอาไว้แจ้งมารดาที่ทำหน้าไม่สบายใจ เขามองมารดาแล้วแย้มยิ้มปลอบอีกฝ่าย
"คงไม่มีเรื่องร้ายแรงอันใดหรอกขอรับ"
"จะไม่มีได้อย่างไรนาคินทร์ ในเมื่อสัญญาระหว่างนครของเรากับครุฑาแม้กระทั่งบัดนี้ยังไม่สามารถทำตามได้ แม่เกรงว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับเมืองของเรา"
"โปรดสบายใจเถิดขอรับ ท่านพี่อนันต์ฉลาดเฉลียวนัก พระองค์ต้องหาทางเจรจากับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน"
"เอาเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แล้วนี่ลูกจะกินข้าวเช้าหรือไม่?"
"ลูกจะไปกินกับท่านพี่"
"งั้นรึ? นี่ก็จะได้เวลาเสวยของทางตำหนักหลวงแล้ว เจ้ารีบไปแต่งตัวออกไปเถิด"
"ขอรับ ลูกขอตัว" นาคินทร์ก้มศีรษะให้กับมารดาที่มองตามมาอย่างเป็นห่วง นางอาจจะคิดมากไปแต่ลางสังหรณ์ของนางมันร่ำร้องบอกว่าบุตรชายของนางกำลังจะเจอกับเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต มันจะดีหรือร้ายนางก็ไม่อาจจะล่วงรู้ได้
"ขอให้ลูกโชคดีนาคินทร์"
'นาคินทร์' หรือ
'นาคินทราหิรัญ' พระอนุชาต่างมารดาของพระอนันตนาคราชาแห่งนาคราชมหานคร เป็นบุรุษรูปงามขึ้นชื่อของมหานครใหญ่นี้ เหล่าผู้คนต่างชื่มชมในตัวของพระอนุชามากเสียกว่าตัวขององค์ราชาเองเสียอีกเพราะชายหนุ่มเพรียงพร้อมไปด้วยรูปกาย รูปทรัพย์ ฉลาดเฉลียวและเก่งกาจ น่าเกรงขาม แม้เจ้าตัวจะนิ่งเฉยไม่แสดงไมตรีต่อสตรีนางใด แต่ก็ยังเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีทั่วหล้า
นาคินทร์เดินทางมาถึงตำหนักหลวงในเวลาไม่นานนัก มหาดเล็กหน้าห้องขององค์กษัตริย์รีบเข้ามาเชิญเขาเข้าไปในห้องเสวยทันที นาคินทร์เดินเข้าไปในห้องอาหารแล้วเขาก็แปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เช่นเดียวกับเขานั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่เพียงผู้เดียวในห้องโถงขนาดใหญ่ ชายหนุ่มเข้าไปโค้งตัวเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
"มากพิธีไปได้เจ้านาคินทร์"ร่างสูงที่ผิวค่อนข้างเข้ม ท่าทางเป็นคนเจ้าสำราญเอ่ยพลางถอนหายใจกับท่าทางพิธีรีตองของน้องชายต่างมารดา นาคินทร์เดินมานั่งตามที่อีกฝ่ายเผยมืออนุญาต
"ข้ารอเจ้านานจนท้องกิ่ว"
"เหตุใดพระองค์ไม่เสวยก่อนเล่า"
"อย่ามาย้อนเจ้าน้องเลว ข้ารึก็บอกให้มาทันมื้อเช้า"
"มาทันไหมล่ะพระเจ้าค่ะ"
"เออๆ"ผู้เป็นพี่พยักหน้ารับเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเรียบๆ มาทันเพราะเขานั่งรอท้องร้องประท้วงเป็นพักๆ น่ะสิ! เขาขี้เกียจยุ่งยากไม่อยากจะโต้เถียงกับอีกฝ่ายก็โบกมือเรียกสำรับอาหารเข้ามา เหล่านางกำนัลสาวเดินเข้ามาพร้อมกับสำรับอาหารมากมายมาวางตั้งตรงหน้าของทั้งสองพี่น้อง เมื่อวางเสร็จเหล่านางกำนัลก็ถอยหลังออกห่างก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
"ท่านพี่มีเรื่องอันใด ถึงได้รีบร้อนให้กระหม่อมเข้าพบเพียงนี้"
"เออ กินข้าวก่อนเถอะ ข้าจะไม่พูดก่อนที่จะอิ่ม หวังว่าคนที่ปล่อยให้คนอื่นรอจนหิวโซจะไม่ขัดข้องอันใดหรอกนะ?" อนันตราชาโบกมือหยุดน้องชายที่กำลังจะถามธุระที่เขาเรียกตัวมาในครั้งนี้ ให้ตาย เขาก็ขอกินให้อิ่มก่อนที่จะใช้สมองและฝีปากตะลอมคนหัวดื้อ นาคินทร์ไม่เอ่ยตอบเขาพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย
ทั้งสองหนุ่มทานกันอย่างสำราญ ฝ่ายผู้เป็นพี่ก็เอ่ยถามถึงมารดาของผู้เป็นน้องและฝากความห่วงใยไปให้ แล้วผู้เป็นน้องก็เอ่ยถามถึงพระพี่นางที่น่าจะอยู่ปรนนิบัติพระสวามีแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา
"โอ๊ย ไล่กลับไปตำหนักน่ะสิ ผู้ชายเขาจะคุยกันจะให้มาฟังอย่างไร"
"แล้วพระองค์จะคุยเรื่องใดพระเจ้าค่ะ?"
"อืม เรื่องครุฑาอาลัยนั้นแหละนาคินทร์เอ๋ย" อนันตราชาเอ่ยพร้อมกับแย้มยิ้มที่ทำให้ผู้เป็นน้องเริ่มระแวงความเจ้าเล่ห์ในรอยยิ้มนั้น เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย เรื่องครุฑาอาลัยเขาก็สนใจมิใช่น้อย เนื่องจากทูตจากอีกฝ่ายเดินทางมาเจรจาในเรื่องที่เป็นสนธิสัญญาระหว่างทั้งสองนครที่ยืดเยื้อมายาวนาน
เมื่อครั้นอดีตนั้นนาคราชมหานครและครุฑาอาลัยนครเป็นดั่งศัตรูที่สู้รบกันเรื่อยมา จนกระทั่งสงครามสุดท้ายเมื่อประมาณห้าสิบปีก่อนนั้นกษัตริย์ทั้งสองพระนครได้ทำสัญญาสงบศึกและทำสนธิสัญญาที่เชื่อมไมตรีต่อกัน นั้นก็คือการอภิเษกระหว่างสองราชวงศ์ที่ปกครองสองพระนคร ทางครุฑาอาลัยจะส่งทายาทสตรีมาอภิเษกกับทายาทของนาคราชมหานาครเป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนถึง ณ ปัจจุบัน ที่กำลังประสบปัญหาใหญ่หลวง การส่งตัวเจ้าสาวของทางครุฑาไม่สามารถกระทั่งได้เหมือนเดิม เนื่องจากเชื้อราชวงศ์แท้นั้นล้วนเป็นบุรุษทั้งสิ้น วันเวลาล่วงเลยมานับวันระหว่างทั้งสองนครก็เกิดเรื่องต่างๆ นานาขึ้น กระทั่งอนันตราชาและกษัตริย์ของครุฑาอาลัยต้องปรึกษาหารือกันเพื่อปกป้องความสงบสุขของบ้านเมือง การที่ทูตของครุฑาอาลัยมาเจรจาที่นี้ก็ได้กลับไปแล้วนั้นแสดงว่าทั้งสองฝ่ายได้ทำการเจรจาและตกลงกันแล้ว
"ทางครุฑาอาลัยว่าอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ?"
"ข้าและท่านเสนาอานนท์จากครุฑาอาลัยได้ปรึกษาหาทางออกที่น่าพึงพอใจได้แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่..." พูดเสร็จอนันตราชาก็เหลือบมองน้องชายที่ทำหน้าเคร่งเครียดฟังอย่างตั้งใจ เรื่องปัญหาบ้านเมืองมีรึที่นาคินทร์จะไม่จริงจัง ผู้เป็นพี่ชายถอนหายใจเฮือกอย่างลำบากใจ
"มีปัญหาที่ใดกัน?"
"...อยากรู้?" อนันตราชาเหล่มองพระอนุชาที่พยักหน้าด้วยใบหน้าเข้มนั้น เขาแกล้งถอนหายใจอีกครั้ง แล้วอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่
"มีปัญหาอันใดก็รีบแจ้งมาเถิด เราจะได้ช่วยกันคิดหาทางออก กระหม่อมช่วยพระองค์เต็มที่อยู่แล้ว"
"ช่วยเต็มที่แน่รึ? เจ้าไม่ปฏิเสธแน่นะ?"
"แน่สิพระเจ้าค่ะ" นาคินทร์เอ่ยรับอย่างหนักแน่นสมกับเป็นชายชาตินักรบเป็นอย่างยิ่ง อนันตราชาแย้มยิ้มอย่างโล่งอก เขาตบไหล่ร่างสูงที่ทำหน้างุนงงอย่างพออกพอใจ
"ข้าค่อยโล่งอก เจ้าต้องช่วยบ้านเมืองแล้วล่ะนาคินทร์ อีกสามวันเจ้าเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวได้เลยน้องข้าเอ๋ย หึๆ" อนันตราชาเอ่ยด้วยอาการโล่งอกเป็นล้นพ้นพร้อมกับส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับน้องชายผู้จริงจัง
"ได้สิพระเจ้าค่ะ หือ? อะไรนะพระเจ้าค่ะ?" นาคินทร์พยักหน้ารับแล้วเขาก็ชะงักเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ ก่อนจะคิดทบทวนในใจอย่างสับสน ให้เขาเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน บางทีเขาอาจจะได้ยินผิด
"ข้าบอกให้เจ้าเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว"
"...จะ...เจ้าบ่าว?" นาคินทร์ผู้หนักแน่นชัดเจนฉะฉานตกใจถึงกับเอ่ยติดอ่าง เขางุนงงปนสับสน ยิ่งมองหน้าพี่ชายที่อมยิ้มส่งมาให้นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนล่อลวงให้ตกหลุมพลางแผนการของพระเชษฐาจอมเจ้าเล่ห์ ยิ่งมีไอ้ความรู้สึกลางสังหรณ์แปลกๆ นั้นยิ่งทำให้เขาใจว้าวุ่นมากขึ้น เขารวบรวมสติเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยถามไป
"แล้วเจ้าสาวคือใครพระเจ้าค่ะ"
"อืม เจ้าชายองค์รองผู้เลอโฉมแห่งครุฑาอาลัยไงล่ะ" อนันตราชาเอ่ยไขข้อสงสัยของอนุชาด้วยใบหน้าสดใส แต่ผู้เป็นน้องนั้นกลับอ้าปากค้างด้วยความตกใจช็อกกับข้อเท็จจริง ผู้เป็นพี่เห็นอาการหลุดเช่นนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้าง
"เจ้าบอกว่าจะช่วยเต็มที่แล้วนะน้องข้า"
"...ทำไมต้องเป็นกระหม่อม?" นาคินทร์ค่อยๆ เอ่ยถามเมื่อหาเสียงของตัวเองที่หายไปวูบหนึ่ง
"เพราะเจ้ายังไม่มีเมียไงล่ะ"
"นั้นบุรุษไม่ใช่รึ!!!?" นาคินทร์หันขวับไปมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง แค่เขาไม่แต่งงานเท่านั้นแล้วทำไมต้องให้เขาแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน? นี่มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ! ผิดจารีต! ผิดธรรมเนียมของมนุษย์! แล้วยิ่งนึกสภาพผู้ชายด้วยกันแล้วเขาก็ยิ่งอยากจะอ้วก ขยะแขยงเป็นที่สุด!!
"ใช่ แต่นี่เพื่อบ้านเมือง" อนันตราชามองใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้องชายแล้วรู้สึกสนุกสำราญใจเป็นอย่างยิ่ง พระอนุชาผู้ไม่เคยหวั่นไหวต่อกองทัพเป็นแสนแต่กลับทำหน้าจะตายเมื่อรู้ว่าต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อบ้านเมือง เอาน่า อย่างน้อยเขาก็เลือกองค์รองที่ร่ำลือกันว่างดงามปานอัปสรผู้หยาดฟ้ามาดินให้เลยนะ ต้องขอบคุณเขาเสียอีก!
"...อย่างไรก็ตามพิธีอภิเษกจะเกิดขึ้นอีกสามวันข้างหน้า หวังว่าเจ้าจะไม่หนีไปไหน"
"...พระเจ้าค่ะ" นาคินทร์กัดฟันรับคำสั่งองค์เหนือหัว มือของเขากำหมัดแน่น หายใจแรงอย่างไม่พอใจ แต่อย่างไรเขาก็รับปากไปแล้วและนี่ก็เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและปวงประชากร เขาต้องกล้ำกลืนฝืนใจ...
มีเมียเป็นผู้ชาย!!!!!TBC :-นี่คือไตเติ้ลเรื่องต่อไปจากเรื่องคู่กัด [ ชาย(า) ]
เป็นแนวเรื่องพีเรียด(?)แบบคนละขั้วกับคู่กัดเลย
ลองเอามาให้อ่านกันดู ว่าพอไหวไหม?
ถ้าไม่ไหวอย่างไงก็จะล้มเลิกความตั้งใจกับเรื่องนี้!
ปล.กรุณาติให้ด้วยนะ อยากรู้ จะได้เอาไปปรับเปลี่ยน อยากทำให้ดีที่สุุด
ชื่อเรื่องจะเอาเป็น [ ชาย(า) ] หรือ [ ชายาบุรุษ ] <<< ช่วยคิดหน่อยก็ดีนะ เอาเลิศๆ หน่อย หาคำศัพท์ไม่ได้เล๊ย
เดี๋ยวก็เอาชื่อ [ ชายาที่รัก ] หรอก อะไรก็ที่ร้ากกกก~!!! ฮ่าๆๆๆ แต่ชื่อเรื่องแบบบ้านๆ ก็คือ...
ตูมีเมียเป็นผู้ชายโว้ยยยยยยย!!!!! <<< ค่อนข้างจะบ้านไม่เหมาะกับแนวเรื่องเลย
ปล. คิดชื่อช่วยให้หน่อยสิ