:: series เรื่องสั้น :: |[ love is ... ]| >> ออกัสกับแพนด้า (รักคือ...) [จอง p5]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :: series เรื่องสั้น :: |[ love is ... ]| >> ออกัสกับแพนด้า (รักคือ...) [จอง p5]  (อ่าน 64003 ครั้ง)

ออฟไลน์ ღiสุดขอบiღ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-3
กัสน่ารักเว่อร์ๆอ่ะ แต่แบบนี้อิเจ๊เลยอยากให้น้องกัสผันตัวเองเป็นอุเคะจริงๆ แบบมีพระเอกแมนๆออกมากำหลาบ หึหึ

อ๊าย~ จิ้นไปไกลแล้วจ้า~

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ในช่วงหัวค่ำของวันถัดมา พี่ต้าก็มาทักผมในเอ็มเอสเอ็นและบอกว่าคนที่ไปหาพี่ด้าที่ห้องก็คือพี่ฝ้ายกับเพื่อนพี่เขาอีกคนเท่านั้นเอง ไม่ใช่ใครคนอื่นอย่างที่ผมสงสัย พี่เขายังบอกอีกว่ารู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่พี่เขาคิด แต่ผมกลับรู้สึกดีใจและโล่งใจอย่างสุดๆ เพราะคราวนี้ ผมจะได้กล้าที่ลองเสี่ยงกับคนที่ผมรู้สึกชอบโคตรๆ คนนี้ดูอีกตั้ง

แต่แหม ความรักมันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้างใช่มั้ยล่ะครับ ความคิดถึงก็ต้องมีระยะทางและความห่างไกลด้วยเหมือนกัน ผมคิดว่าตั้งแต่วันที่เราไปซื้อหนังสือด้วยกัน พี่ด้าก็คงรู้สึกถูกชะตากับผมบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะไม่คุย ไม่ทักพี่เขาในเอ็มเอสเอ็น ไม่ส่งข้อความอะไรหาพี่เขาเลยสักพัก เพื่อที่พี่เขาจะได้รู้สึกนึกถึงผมบ้าง และคำว่าสักพักของผมนั้น ก็เริ่มต้นตั้งแต่วันหลังจากวันที่เราไปเที่ยวด้วยกันมานั่นแหละ และผมก็สามารถทำอย่างนั้นอยู่ได้เป็นเวลานานถึง... สองวัน
สุดท้าย ความตั้งใจของผมมันก็ค้องพังครืนลงไปพร้อมหัวใจที่หลอมละลายเมื่อพี่ด้าทักผมมาในเอ็มเอสเอ็นด้วยข้อความว่า

“เป็นยังไงบ้าง ไอ้รูปหล่อ หายไปเลยนะ”

ผมที่กำลังนั่งเครียดๆ ค้นหาข้อมูลทำรายงานส่งอาจารย์อยู่กลับต้องยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงรูหูราวกับคนบ้า แค่ถ้อยคำไม่กี่คำที่ร้อยเรียงเป็นประโยคสั้นๆ แบบนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจได้มากเพียงนี้ ความคิดที่จะทำเล่นตัวของผมหายไปทันทีนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมอ่านข้อความนั้นจบ

“ไม่ได้ทำอารายคับ แค่นั่งหล่ออยู่หน้าคอมเฉยๆ” ผมพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดและกดเอ็นเตอร์

“อะนะ” พี่เขาตอบกลับมา

“แล้วก็กำลังคิดถึงพี่แพนด้าอยู่พอดีเหมือนกานนนน” ผมส่งไปอีกข้อความ

“แหมมม นะ 5555 จะมาคิดถึงพี่ทำไม”

“ก็คิดเรื่องเรียนพิเศษนั่นแหละคร้าบบ ตื่นเต้นไง”

“อ้าว จะตื่นเต้นทำไม”

“ไม่รู้สิ ก็มันตื่นเต้นอะ อิอิ” ผมนั่งอมยิ้ม คิดในใจว่าอยากจะพิมพ์ต่อไปเหลือเกินว่า ‘ก็ตื่นเต้นที่จะได้เรียนกับครูหล่อๆ แบบพี่นั่นแหละ’ แต่ก็รู้สึกว่าคงจะแรงเกินไปหน่อย เลยห้ามตัวเองไว้

พี่ด้าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะพิมพ์มาหาผมต่อ “อีกไม่กี่วันแล้วนี่นะ ตกลงเป็นวันเสาร์นี้นะครับ”

“ช่ายยยยครับ เก็บห้องเรียบร้อยแล้วใช่มะ”

“55555 เรียบร้อยแล้วๆ สะอาดทุกมุมห้องแน่นอน”

“แล้วบนเตียงอะ สะอาดมะ มีรอยเปื้อนอะไรปะเนี่ย”

“เฮ้ยยย ทะลึ่งละ ไอ้เด็กคนนี้ 55555”

“เบาๆ อิอิ กัสทะลึ่งตรงไหน กัสออกจะใสซื่อบริสุทธิ์ แบ๊วๆ”

“ใสมากเลยนะ มาถึงก็มารอยป้งรอยเปื้อนบนเตียงอะไรพี่เลยเนี่ย 5555”

“อ๊าววว ก็แบบ รอยคราบน้ำลายไรงี้ไง นึกว่าเป็นคนนอนน้ำลายยืด อะไรเงี๊ย”

“ไม่ยืดเว้ยย ไม่มีๆ อะ แล้วต่อให้ถ้ามีแล้วจะทำไม ก็เตียงพี่อะ พี่นอนคนเดียว โถ่”

“กัสไง เดี๋ยวกัสจะไปนอน 555555”

“อะนะ ตกลงจะมาเรียนหรือจะมานอน”

“เรียนก่อน แล้วพอง่วงค่อยนอน แต่ตอนนอนพี่ด้าต้องร้องเพลงกล่อมกัสนะ ไม่งั้นกัสนอนไม่หลับบบ”

“55555 ไอ้เด็กคนนี้นี่”

“ตีตูดกัสเบาๆ ด้วยนะ เพลินๆๆ คริๆ”

“5555555 ทำไมนิสัยคนเป็นน้องมันไม่เหมือนนิสัยพี่มันเลยวะ”

“ก็แหงล่ะ พี่ด้าาาาา เอาเด็กดีอย่างกัสไปเปรียบเทียบกับไอ้อาร์มมันได้ยังไง ถือว่าหมิ่นประมาทกันได้เลยนะเนี่ย”

“อะครับบบ ขอโทษๆๆ หึหึ”

“เอากัสไปเทียบกับมันก็เหมือนเอาทองคำแท้ไปเทียบกับทองคำเปลวนะพี่”

ผมคุยกับพี่ด้าทางเอ็มเอสเอ็นแบบนี้อีกพักใหญ่ๆ อย่างมีความสุข นี่ถ้าไอ้เมษมันมาเห็นผมตอนนี้หรือรู้ว่าผมคุยอะไรกับพี่เขานะ มันจะต้องว่าผมว่าแรดมากแน่นอน เชื่อผมสิ

ผมขอยืนยันว่าผมเป็นเด็กชายไทยแท้ร้อยเปอร์เซนต์ที่ไม่แรดนะครับ แต่ผมแค่เป็นเด็กหนุ่มลั้ลลาที่ชอบผู้ชายและเก่งเรื่องการแสดงออกถึงความรักเท่านั้นเอง

แหม... ก็นะ ผมไม่อยากจะอึดอัดกับความรู้สึก “แอบชอบ” ใคร แล้วเขาไม่รับรู้เลยแบบตอนที่ผมแอบชอบไอ้เมษมันอีกแล้วนี่นา และที่สำคัญผมก็ยังไม่เคยรู้สึกชอบใครและอยากได้ใครมาเป็นเจ้าของหัวใจมากเท่าที่ผมกำลังรู้สึกกับพี่ด้าอยู่นี่เลยแม้แต่คนเดียวด้วย

และแล้ว วันแรกที่ผมจะได้เรียนพิเศษกับพี่แพนด้าก็มาถึง ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าด้วยความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า หลังจากที่แปรงฟันเสร็จ ผมก็วิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อหาน้ำส้มเย็นๆ ดื่มสักแก้วหนึ่ง

“อะไรกัน ทำไมตื่นแต่เช้าได้ขนาดนี้ล่ะ นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเองนะ” แม่ที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวหันมาเลิกคิ้วใส่ผมด้วยความประหลาดใจ

“อ้าว แม่ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้กัสต้องไปเรียนพิเศษกับพี่ด้าอะ” ผมตอบพลางเปิดตู้เย็นออก

“แต่แกเรียนกับพี่เค้าบ่ายโมงนะ!”

ผมเทน้ำส้มคั้นสดลงในแก้ว “อารายล่ะแม่ก็ กัสตื่นเช้าไม่ดีรึงายยย แถมแม่พูดเหมือนปกติกัสเป็นคนขี้เกียจนอนกินบ้านกินเมืองอย่างนั้นแหละ”

“ก็ใช่น่ะสิยะ ปกติเห็นตื่นสิบโมงสิบเอ็ดโมงตลอด”

ผมยกน้ำส้มขึ้นดื่มอึกใหญ่ ซึ่งการดื่มน้ำส้มหลังจากที่เพิ่งแปรงฟันเสร็จมาใหม่ๆ นี่นับได้ว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังชอบดื่มน้ำส้มและน้ำผลไม้ทุกชนิดมากอยู่ดี

ผมหันไปมองหน้าแม่แล้วทำตาใสวิ้งๆ พร้อมกับเบ้ปากเล็กน้อย “แม่พูดแบบนี้กัสเสียใจนะเนี่ยยย.....”

“ทุเรศ! ดูทำหน้าเข้า!” แม่หัวเราะพร้อมกับชูมีดที่ถืออยู่ขึ้น “ไปๆ จะไปไหนก็ไป ฉันล่ะหมั่นไส้แกจริงๆ เอ้อ แล้วไปตามใครก็ได้มาเก็บกวาดเช็ดล้างในครัวนี่หน่อยซิ พี่เอ๋ก็ได้ ไป”

“โอเคครับพ้ม!” ผมกระดกน้ำส้มที่เหลืออยู่อีกครึ่งแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นก็เดินออกจากห้องครัวไปตามคนรับใช้ที่บ้านให้เข้าไปช่วยงานแม่อย่างที่แม่สั่ง แล้วจึงเดินกลับขึ้นห้องของตัวเองอีกครั้ง

ผมนั่งลงที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เปิดคอมฯ ขึ้น ออนเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น และแน่นอนว่ากวาดสายตาหารายชื่อของผู้ชายคนนั้นของผม แต่ทว่าเขาก็ยังไม่ได้ออนไลน์ ผมจึงเปิดเฟซบุ๊ค อ่านฟีดข่าวของเพื่อนๆ รวมทั้งเข้าไปในหน้าวอลล์ของพี่ด้า เพื่อดูความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาด้วย แต่ก็เป็นอย่างที่พี่ต้าและไอ้อาร์มเคยบอกจริงๆ ว่าพี่เขาเป็นคนไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊คเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยอัพเดทสถานะ และไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรมากมายนัก นอกจากเพื่อนๆ ของเขาที่มาโพสท์ทักทาย ส่งรีเควสท์เกม หรือพูดคุยเรื่องงานบ้างเท่านั้น

ผมเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เบาๆ ใจก็นึกอะไรเรื่อยเปื่อยไปด้วย ผมยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะขยับเก้าอี้ แล้วพิมพ์อัพสถานะของตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเอ็มเอสเอ็นเป็นประโยคเดียวกันด้วย ผมคิดว่าไม่ช้าก็เร็ว ยังไงพี่ด้าก็จะต้องได้อ่านสิ่งๆ นี้แน่ๆ และถึงแม้ว่าเพื่อนของผมจะมาอ่านเจอและถามผม ผมก็จะไม่ตอบอะไร แต่จะปล่อยให้พวกมันสงสัยไปแบบนั้นแหละ

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็ลุกจากหน้าจอคอมฯ ไปอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ได้เวลากินข้าว ซึ่งนี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ที่ผมได้นั่งร่วมโต๊ะกับทั้งพ่อและแม่ในตอนเช้าแบบนี้ ส่วนไอ้อาร์มน่ะเหรอ ยิ่งมันเพิ่งไปเที่ยวมาเมื่อคืนแบบนี้ด้วยแล้ว ถ้าไม่หลังเที่ยงเป็นต้นไปล่ะก็ มันก็ยังไม่มีทางตื่นหรอก

“เห็นตอนแรกยังทำท่าเหมือนไม่อยากไปเรียนอยู่เลย แล้วนี่อะไรเนี่ย ตื่นมาแต่เช้า แถมยังแต่งตัวซะหล่อขนาดนี้” พ่อผมแซว

“อารายย พ่ออ คือที่จริงลูกชายพ่อหล่ออยู่แล้วต่างหากปะครับ” ผมยักไหล่

“เออ ได้เชื้อพ่อมาเยอะก็งี้แหละ” พ่อยิ้ม

“ฉันอยากจะบ้าตายกับพ่อลูกบ้านนี้” แม่ส่ายหน้าเบาๆ “แล้วนี่จะออกไปกี่โมง อ้วน”

“ก็ราวๆ สิบโมงครึ่ง ไม่ก็สิบเอ็ดโมงมั้งครับ”

“เออ งั้นออกไปพร้อมพ่อเลยก็ได้ พ่อจะออกไปธุระพอดี เดี๋ยวพ่อแวะไปส่งที่รถไฟฟ้าให้”

“โอเคครับ สรุปตามนั้น สบายกัสไป แถมประหยัดค่ารถด้วย ฮ่าๆๆ” ผมลุกออกจากโต๊ะกินข้าว

“แล้วก่อนจะออกไปก็อย่าลืมบอกแม่ด้วยล่ะ อ้อนี่ แล้วพอเรียนเสร็จแล้วก็ห้ามเถลไถลนะ เข้าใจรึเปล่า แม่มีเบอร์เจ้าแพนด้าอยู่นะ แม่โทรเช็คได้ตลอดเวลานะจะบอกให้ แล้วที่สำคัญ อย่าไปกวนประสาทพี่เค้ามากนักล่ะ”

“แม่คร้าบบบบบบ กัสอยู่ม. 5 แล้วนะ! และที่สำคัญ กัสก็ยังไม่ได้ไปตอนนี้สักหน่อย แม่จะรีบเทศน์กัสทำไมเนี่ยยยย”

“ฉันไม่ได้เทศน์แก ฉันเตือนแกเอาไว้ก่อนต่างหาก ไปๆๆ อิ่มแล้วจะไปไหนก็ไป แต่ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมมาหาแม่อีกทีล่ะ จะได้ให้เงินติดตัวไว้”

“แหมมม กัสรักแม่ที่สุดก็ตรงนี้แหละ!” ผมเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่

“ย่ะ ฉันรู้! คนบ้านนี้รักกันเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ ทั้งนั้นแหละ!”

ผมหัวเราะและหอมแก้มแม่อีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้อง และเมื่อผมลองอ่านในเฟซบุ๊คของตัวเอง ก็เห็นว่ามีคนมากดไลค์และคอมเมนต์สถานะของผมหลายคน โดยคนที่มาตอบคนแรกเลยนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไอ้เมษ เพื่อนตัวดีของผมนี่เอง มันไม่ได้ตอบอะไรยาวมากมาย นอกจากคำว่า “แรด” สั้นๆ เพียงคำเดียว

ผมไล่สายตาอ่านคอมเมนต์ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคนสุดท้าย และคนๆ นั้นก็คือพี่ด้าของผมนี่เอง
ผมรีบเปิดหน้าต่างโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นขึ้น และเมื่อผมเห็นว่าพี่เขากำลังออนไลน์อยู่จริงๆ ผมก็รีบทักเขาไปทันที

“ตื่นแล้วเหรอครับ พี่แพนด้าาาา”

“ตื่นแล้วครับ เมื่อกี้นี้เอง”

“แล้วพี่ทำอะไรอยู่อะ”

“ไม่ได้ทำไรครับ เพิ่งตื่นเนี่ย ว่าจะเก็บห้องอีกสักหน่อย ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย 5555”

“อี๊ๆๆ เหม็นนนน 5555”

“เวอร์ละๆ ไม่เหม็นเหอะ”

“ไหนๆๆ ขอดมหน่อยซิ ของแบบนี้ต้องพิสูจน์” ผมแกล้งแหย่

“จะบ้าเรอะ จะดมได้ยังไง”

“งั้นเจอตัวจริงแล้วจะดม” ผมกดปุ่มเอ็นเตอร์แล้วใช้นิ้วเคาะแป้นพิมพ์เบาๆ รอพี่เขาตอบกลับมา

“เหอๆ” คือคำตอบจากพี่ด้า ซึ่งมันก็ทำให้ผมใจแป้วลงไปเล็กน้อย

ผมกำลังเริ่มคิดที่จะพิมพ์อย่างอื่นแทน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่แล้วพี่ด้าก็ส่งข้อความใหม่มาอีกหนึ่งข้อความ

“ถ้ากล้าดมก็ลองดูเด่ะ”

ผมกลับมายิ้มกว้างอีกครั้งทันที

“น่านนนน ท้าหราาาาาา”

“ไม่ได้ท้าเว้ยยย ว่าแต่ว่า สเตตัสในเฟซบุ๊คเมื่อเช้าน่ะ ตกลงหมายถึงใคร นี่กำลังมีความรักงั้นเหรอครับ”

“ป๊าวววว ก็ตั้งไปงั้นแหละครับ ขำๆ”

“อ้อออ”

“ก็แค่กำลังรู้สึกดีๆ กับหัวใจเฉยๆ” ผมพิมพ์ต่อ

“หืมมมม”

“อิอิ ไม่มีอะไรหรอกพี่ ว่าแต่พี่ไม่ไปอาบน้ำกินข้าวเหรอ อีกเดี๋ยวกัสก็อาจจะออกไปแล้วนะ”

“อ้าว ทำไมออกมาเร็วอะ”

“ก็พ่อจะให้ออกไปพร้อมพ่อน่ะครับ ยังไงกัสอาจไปถึงเร็วหน่อยนะพี่”

“อะ โอเคๆ ได้ๆ พอขึ้นรถไฟฟ้าแล้วยังไงก็อย่าลืมโทรหาพี่แล้วกันนะครับ”

“อ้าววว พูดแบบนี้ พี่จะไปแล้วเหรอ”

“อ้าว อะไรยังไง ก็เมื่อกี้กัสเพิ่งบอกว่าใกล้จะออกจากบ้านแล้วและให้พี่ไปอาบน้ำอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“อ๋อออ ป่าวค้าบบ กัสจะออกไปก็อีกราวๆชั่วโมงกว่าๆ นั่นแหละ แต่พี่ด้าไปอาบน้ำก็ด้ะ”

“อืมมๆ โอเคครับ”

“แต่ต้องรีบกลับมาคุยกะกัสต่อนะ เหงาว่ะ เพื่อนยังไม่ค่อยตื่นกันเลย”

“55555 โอเค ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบอาบน้ำก็แล้วกัน”

ผมยิ้มให้กับตัวเอง และนั่งรอพี่ด้ากลับมาจากอาบน้ำพักใหญ่ๆ เราสองคนนั่งคุยกันต่อจนกระทั่งผมลืมเวลาไปเลย ผมมารู้สึกตัวอีกทีว่าได้เวลาที่ต้องออกจากบ้านแล้วก็ตอนที่พ่อมาเคาะประตูห้องนั่นแหละ

ที่จริง ผมก็คิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะว่าจะไปถึงให้เร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกประมาณหนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับพี่เขานานขึ้นอีกนิด แต่ยิ่งพอพ่อขับรถออกมาส่งผมถึงที่สถานีรถไฟฟ้าแบบนี้ ผมก็ยิ่งไปถึงหอของพี่ด้าเร็วขึ้นกว่าที่คิดเยอะ
หลังจากที่ผมลงรถไฟฟ้าแล้ว ผมก็โทรหาพี่ด้าเพื่อบอกเขาว่าผมใกล้ถึงที่หมายแล้ว พี่ด้าบอกทางและวิธีไปหอของเขาให้ผมฟัง ผมเดินอีกนิด นั่งรถอีกหน่อย และจากนั้นก็เดินต่ออีกนิดเดียว จนในที่สุด ผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าหอของพี่ด้าจนได้

“ฮาโหลลล กัสมาถึงหน้าหอแล้วครับ พี่” ผมโทรขึ้นไปหาพี่เขาอีกครั้ง “ลงมารับกัสหน่อยแน”

“โอเคๆ ครับ รอพี่สามนาทีนะ”

ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงและยืนรอพี่เขาอย่างตื่นเต้น ทั้งๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะได้เจอเขา แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมผมถึงรู้สึกลิงโลดมากขนาดนี้

เวลาผ่านไปเพียงครู่สั้นๆ ก่อนที่ผมจะเห็นร่างเล็กๆ ของพี่เขาเดินลงมาจากบันไดและตรงมายังประตูหน้าหอ เสื้อยืดแขนสั้นและกางเกงบอลสีขาวทั้งชุดที่พี่ด้าใส่อยู่ในวันนี้ยิ่งทำให้เขาดูเปล่งประกายขาวเจิดจ้ายิ่งกว่าในโฆษณาผงซักฟอกเสียอีก

“เป็นไร ยืนอยู่ทำไมอะ เข้ามาสิครับ เร็ว” พี่ด้าเปิดประตูออกแล้วกวักมือเรียกผมพร้อมรอยยิ้มสว่างไสว

“หวัดดีฮะ พี่ด้า” ผมยกมือไหว้ “วันนี้แต่งตัวชิวจริงๆ เลยนะ พี่”

“อ้าว ก็ไม่ได้ไปไหนนี่นา จะให้ใส่ชุดอะไรล่ะครับ ร้อนจะตาย ใส่แบบนี้แหละ สบายตัวสุดละ”

ผมเดินตามหลังพี่ด้าขึ้นบันได และก็ฉวยโอกาสนี้มองก้นกลมๆ ของพี่เขาส่ายซ้ายส่ายขวาในยามที่เขาเดินไปด้วยอย่างเต็มตา

“ห้องพี่อยู่ชั้นสี่นะครับ เดินไหวป่าว”

“โอ๊ยยยพี่! กัสไม่ได้ง่อยแดกนะครับ!”

เขาหัวเราะ “ล้อเล่นน่าาาา”

“แล้วว่าแต่นี่พี่กินข้าวรึยังเนี่ย”

“ยังเลย แล้วกัสล่ะ”

“ยังเหมือนกันครับ” ผมหมายถึงข้าวเที่ยงน่ะนะ

“แล้วหิวรึยังล่ะ”

“นิดหน่อยอะครับ แล้วพี่อะ หิวยัง”

“อืมมม ก็หิวนะ แต่เดี๋ยวเข้าห้องก่อนก็แล้วกันนะ วางกระเป๋าอะไรให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะออกไปกินอะไรกันดี ดีมะ” พี่เขาหันมายิ้มให้ผมเมื่อเรามาถึงยังชั้นสี่เรียบร้อยแล้ว

“ได้ครับ กัสยังไงก็ได้อยู่แล้ว” ผมยักไหล่

พี่ด้าพาผมเลี้ยวซ้ายที่หัวมุมบันได จากนั้นก็เดินไปอีกสามห้อง ก่อนจะเปิดประตูห้องหนึ่งออกโดยที่ไม่ต้องไขกุญแจ
ห้องของพี่ด้าก็เป็นเหมือนหอพักนักศึกษาเอกชนทั่วๆ ไปที่ผมเคยเห็นมานิดหน่อย ห้องขนาดไม่กว้างมากมายนัก แต่ก็น่าจะกว้างพอให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งมานั่งสุมกันอยู่ได้แบบสบายๆ มีเตียงขนาดหกฟุตอยู่ทางซ้ายมือถัดจากประตูห้อง โต๊ะเขียนหนังสือสองตัวทางฝั่งขวา แต่ตัวหนึ่งถูกใช้วางทีวีแทน ตู้เสื้อผ้าสองตู้ที่มุมห้องด้านใน ตู้เย็นหนึ่งตัว เตาไมโครเวฟ ชั้นวางหนังสือที่มีหนังสือวางเรียงอยู่เต็มถึงสองชั้น และของใช้อื่นๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตถูกวางอยู่ตามริมผนัง ชั้นวางของ พื้นห้อง และมุมห้องต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ

“โหห นี่พี่มีรองเท้ากี่คู่เนี่ย” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นจำนวนรองเท้าที่ถูกถอดวางเรียงอยู่บนพื้นห้องและบนชั้นวางรองเท้า

“ฮ่าๆๆ ก็ไม่เยอะมากหรอก ใส่จริงๆ ไม่กี่คู่เอง ส่วนรองเท้าแตะ ที่มันเยอะก็เพราะมีของเพื่อนๆ พี่ด้วยน่ะ จริงๆ มีของไอ้อาร์มด้วยนะ คู่นึง คู่สีดำคาดขาวคู่นั้นน่ะ”

“เออ จริงด้วย กัสจำได้ๆ”

“กัสวางกระเป๋าไว้บนเตียงก็ได้นะครับ”

ผมเดินไปโยนกระเป๋าลงบนเตียงแล้วก็นั่งลงพร้อมกับที่พี่ด้าเดินไปเปิดทีวีแล้วก็หยิบรีโมทหันมายื่นให้กับผม

“อ้ะ จะดูช่องไหนก็เลือกเอาได้เลย”

ผมยื่นมือออกไปจะหยิบรีโมท แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกสนุกขึ้นมา จึงเปลี่ยนใจไปจับข้อมือของพี่ด้า และดึงตัวเขาเข้ามาพร้อมกับลุกขึ้นยืนแทน

“ไหนๆ ขอดมหน่อย” ผมยื่นหน้าเข้าไปหาพี่เขาเล็กน้อย

“เฮ้ยยยย!!!” พี่ด้าสะดุ้งโหยงพร้อมกับหัวเราะออกมา “เล่นอะไรเนี่ย! ฮ่าๆๆๆ”

“อ้าว ก็ไหนบอกให้ดมได้ไง”

“พี่พูดเล่นเว้ย! ใครจะไปคิดว่าเราจะดมจริงเล่า” เขายังคงหัวเราะอยู่

“อ้าว แล้วนี่พี่หน้าแดงทำไมเนี่ย” ผมแซว

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า! นั่งรออยู่นี่แหละ ไอ้ตัวดี เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง” เขาตีหน้าผากผมเบาๆ

“โอ๊ยยยย ไรอ่าาา รังแกน้องกัสที่อ่อนแอกว่าได้ยังงายย” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผาก

“ตรงไหนของเราวะที่อ่อนแอน่ะ” เขาหัวเราะ ก่อนจะเดินจากไป “อะไรวะ เจอกันแค่สองสามครั้ง จะจับกูดมซะและ” ผมได้ยินพี่เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“สะบัดให้เกลี้ยงๆ ด้วยนะคร้าบบบ” ผมนั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม

“ไม่ต้องมายุ่งเลย! ปากดีนัก ไอ้เด็กคนนี้” พี่ด้าหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปและปิดประตูลง

ผมนอนหงายลงบนเตียงอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยๆ เมื่อกี้พี่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมล่ะนะ แล้วไหนจะยังอาการเขินอายจนหน้าแดงเมื่อกี้นี้อีก โอ๊ยยยย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งคึกนะเนี่ย!

ครู่หนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงกดน้ำ และอีกอึดใจเดียว ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก

“กินน้ำอะไรมั้ย กัส แต่พี่มีแค่โค้ก น้ำส้ม แล้วก็น้ำเปล่านะ ไม่ได้ซื้ออะไรติดห้องไว้เลย”

“งั้นเอาโค้กแล้วก็ได้ครับพี่ ขอบคุณครับ” ผมชันตัวขึ้นนั่ง

“โอเคครับผม” พี่ด้ายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วที่วางคว่ำไว้อยู่บนหลังตู้เย็น

โอยยยย ทำไมเขาคนนี้ถึงได้ยิ้มเก่งขนาดนี้นะเนี่ย

“เอ้อ จะว่าไป......” พี่ด้าพูดพร้อมกับปิดประตูตู้เย็นลง จากนั้นเขาก็เดินถือแก้วน้ำมาให้ผม “ไอ้สเตตัสในเฟซบุ๊คเมื่อเช้าน่ะ ตกลงหมายถึงใคร นี่เรามีแฟนแล้วเหรอเนี่ย”

“หืออ สเตตัสอะไรพี่”

“ก็ไอ้ที่ตั้งเมื่อเช้าว่า ‘กำลังตกอยู่ในสภาวะที่หัวใจมีใครให้รัก มีใครให้คิดถึง’ อะไรนั่นไง” เขายิ้ม “เจ้าสำบัดสำนวนจริงๆ นะ เรา”

“ฮ่าๆๆ โอ๊ยยยย กัสก็ตั้งไปแบบนั้นแหละพี่ จะไปมีใครที่ไหนเล่า สร้างกระแสเฉยๆ”

“อะนะ แน่ใจ๊”

“ก็ใช่อะดิพี่ กัสจะไปมีแฟนได้ยังง๊ายยย คนอย่างกัสใครมันจะมาเอา ไอ้เมษมันยังแซวอยู่เลย จำไม่ได้เหรอ” ผมยักไหล่

“หึๆ เอาเถอะๆ ตกลงเราไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ย แล้วค่อยกลับขึ้นมาเรียนกัน อยากกินอะไรล่ะ”

“อะไรก็ได้พี่ กัสเลี้ยงง่ายยย แล้วแต่พี่เลยแล้วกัน พากัสไปได้เลย ไปไหนไปหมดแหละ”

“อืมมมม.... งั้นกินไรดีล่ะ พี่ไม่ค่อยอยากกินอะไรหนักๆ มากด้วย กำลังรู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อย คล้ายๆจะแฮ้งค์”

“อ้าววว เมื่อคืนไปกินเหล้ามาเหรอ”

“ช่าย ก็ไปกับพี่ชายเรานั่นแหละ พวกไอ้ต้าก็ไป แต่พี่กลับก่อนไง เที่ยงคืนกว่าๆ พี่ก็กลับแล้ว”

“อี๊ๆๆ เด็กไม่ดี ขี้เหล้าง่ะ อะไรเนี่ยยยยย”

“ไม่ได้ขี้เหล้าเว้ย ไม่ได้เมาด้วย” พี่ด้าหัวเราะ “แค่กึ่มๆ พี่ก็หยุดกินแล้ว เพราะพี่จะต้องสอนเราไง เลยไม่ได้กินมาก ไปเต้นๆ
สนุกๆ กับพวกมันเฉยๆ แค่แป๊บเดียวเอง”

“โหยยๆ เต้นด้วยเหรอเนี่ย ไหนๆ เต้นให้กัสดูหน่อยซิ”

“ไม่เอาเว้ยยย พี่ไม่ได้เต้นแบบนั้นนะ”

“งั้นเต้นแบบไหนอะ แบบ ‘บราวน์ อายด์ เกิร์ล’ เหรอ รึแบบ ‘ทูพีเอ็ม’ ไรงี้”

“ตลกมากปะ แบบนี้ไม่ต้องเอ็นท์แล้วมั้ง พี่ว่า ไปเล่นตลกเถอะไป” เขาหัวเราะ “เอ้า ตกลงกินไรดี
ไปนั่งกินข้าวร้านอาหารตามสั่งข้างล่างหอนี่ละกันเนอะ ไม่ต้องไปไหนไกล รสชาติโอเคอยู่ด้วย”

“โอเคครับ งั้นไปกันเล้ยย จะได้รีบกลับมาเรียน ตัวเนื้อสั่นอยากได้ความรู้ใจจะขาดอยู่แล้ววว” ผมพูดพร้อมกับสั่นตัวเบาๆ
พี่ด้าหัวเราะชอบใจก่อนจะจับหัวผมโยกไปมาเบาๆ แต่ที่เขาทำแบบนี้ได้ ก็เพราะผมกำลังนั่งอยู่หรอกนะ
ถ้าหากผมยืนขึ้นเมื่อไหร่ล่ะก็ พี่เขาคงไม่มีทางเล่นหัวผมได้แบบนี้แน่นอน

หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จแล้ว เราก็กลับขึ้นมานั่งเรียนกันอย่างจริงๆ จังๆ สองชั่วโมงผ่านไปไวราวกับโกหก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเรียนหนังสือมันจะสนุกและเข้าใจง่ายได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิชาฟิสิกส์ที่ผมเคยเกือบตกมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

พี่ด้าเป็นคนคุยเก่ง ร่าเริง และสามารถถ่ายทอดความรู้ได้เข้าใจง่ายอย่างที่พี่ต้าและไอ้อาร์มเคยบอกจริงๆ นอกจากนั้น ระหว่างเรายังมีบรรยากาศที่เป็นกันเอง ทำให้เมื่อผมไม่เข้าใจอะไร ผมก็สามารถถามเขาได้ทันทีแบบไม่ต้องเกร็งหรืออาย ส่วนพี่ด้าเองก็อธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็นได้หลายรอบจนกว่าผมจะเข้าใจเช่นกัน

มันก็ใช่ที่ผมก็มีหลุดเหม่อหรือเผลอเคลิ้มไปกับหน้าหล่อๆ และดวงตาใสๆ ของพี่เขาบ้างในบางครั้ง แต่ว่าผมก็สามารถดึงสมาธิกลับมายังหนังสือและบทเรียนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าผมไม่อยากให้ความตั้งใจที่จะสอนของพี่เขาต้องสูญเปล่า

เมื่อถึงเวลาสามโมงนิดๆ พี่ด้าก็ปิดหนังสือลงและหลังจากตรวจแบบฝึกหัดข้อสุดท้ายของผมเสร็จ เขาหันมายิ้มให้กับผมและเอ่ยปากชมว่าผมเก่งมาก ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่ผมถูกชมแบบนี้ ผมจึงอดที่จะรู้สึกเขินนิดๆ ไม่ได้


ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีสมาธิในการเรียนเสียอีก
กะว่ากัสไปนั่งน้ำลายไหลย้อยประมาณเห็นเครื่องบินอยู่ลิบๆ
ได้แต่หวังว่าพี่ด้าจะแอบมีใจให้บ้าง

golfgab

  • บุคคลทั่วไป
 :z1:  น่ารักอ่ะ  :impress2:

เขินไปด้วยคน

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
มีความสุขไปด้วยเลย   

มาต่อเร้วๆๆ  นะครับบบบ

patz

  • บุคคลทั่วไป
ช่างเป็นการเรียนพิเศษที่บรรยากาศดีที่สุดในสามโลก

 :impress2:

ออฟไลน์ wisky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-18
น้องกัสลั้นล้าได้ใจจริงๆน๊า ชอบอ่ะ>///<

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
วันนี้น้องกัสมีความสุข คนอ่านก็มีความสุขไปด้วย

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
น้องกัสแรดได้ใจ แต่พี่ชอบมากก 555+
พี่ด้ามีแอบหน้าแดงด้วยนะเนี่ย มีหวังๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ชอบน้องกัส ลุยแหลก


ขอบคุณคนเเต่งคับ

schteuben

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วมีความสุข เหมือนมีความรักเข้ามาในชีวิตเหมือนกัส

ครอบครัวกัสน่ารักดีนะครับ น่าจะไปเปิดร้านอาหาร มีโชว์ตลกครอบครัวเนาะ ชอบพ่อกับแม่จัง

keang

  • บุคคลทั่วไป
หลงเข้ามา นิยายเรื่องที่ 2 ที่เราจะอ่านแล้ว สินะ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
โอยกัส  เริ่มแผนอ่อยเหยื่อให้ตายใจก่อนขม้ำ
แล้วพี่หมีจะหนีทันไหมนะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
วันถัดมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เราก็ทวนกิจกรรมทุกสิ่งที่ทำกันไปแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง เริ่มด้วยผมมาถึงที่หน้าหอของพี่เขาก่อนเวลา เราลงไปนั่งกินข้าวและนั่งพูดคุยกันที่ร้านอาหาร ก่อนจะขึ้นมาเรียนอีกสองชั่วโมง และหลังจากนั้นผมก็กลับบ้าน ซึ่งสองวันที่ผ่านมานี้ นับเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด จนตอนกลางคืนผมแทบจะนอนหลับไม่ลงเพราะเอาแต่คิดถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพี่เขาตลอดเวลาเลยทีเดียว
ที่จริง ในเย็นวันอาทิตย์ ในขณะที่ผมอยู่บนรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้าน ผมก็ใช้มือถืออัพสถานะของตัวเองด้วยว่า
“มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ เศร้าใจทุกครั้งที่ต้องจากลา”

และพอตกกลางคืน นอกจากเพื่อนๆ ของผมที่เข้ามาถามมาแซว รวมทั้งไอ้เมษที่มาด่าผมว่า “แรด” เป็นครั้งที่สองแล้ว พี่ด้าเองก็ยังเข้ามาตอบด้วยอิโมหน้ายิ้ม ^__^ อีกด้วย ซึ่งเขายิ่งทำให้ผมต้องเพ้อหนักเข้าไปใหญ่ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้หรือยังว่าผมกำลังหมายถึงเขาอยู่นั่นแหละ

หลังจากนั้น ผมก็รออย่างใจจดใจจ่อให้ถึงวันพุธที่พี่เขาจะมานอนที่บ้านของผม เพราะคราวนี้ก็เท่ากับว่า เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานมากขึ้น ถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงการมีไอ้อาร์ม กับพ่อและแม่อยู่ใกล้ๆ ด้วยก็ตาม

....................................................

“แม่คร้าบบบ! ลูกชายสุดหล่อกลับมาแล้ววว! ไอ้อาร์มยังไม่กลับมาอีกเหรอ!” ผมตะโกนเข้าไปในบ้านทันทีที่ถอดรองเท้านักเรียนออกเสร็จ

“ยัง! แล้วใครสั่งใครสอนให้แกตะโกนแหกปากแบบนี้หา อ้วน!” เสียงของแม่ดังออกมาจากทางหลังบ้าน

“อารายยย! แม่ก็ตะโกนเหมือนกันนั่นแหละ!”

“เถียงเรอะ!”

“เปล่าคร้าบบบ! ใครจะไปกล้า!” ผมตะโกนตอบกลับไปอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ

“เดี๋ยวจะโดน!”

“โดนหอมแก้มเหรอออออออ!!”

“มาในครัวนี้สิ! ฉันจะเอาปังตอหอมแก้มแกให้!”

“กลัวตายแหละ!” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็วก่อนที่แม่จะเดินถือปังตอออกมาจากห้องครัว

เมื่อผมปิดประตูห้องลงแล้ว ผมก็ลองยกแขนเสื้อขึ้นดมกลิ่นเหงื่อของตัวเอง และสุดท้ายก็ต้องนิ่วหน้าออกมาด้วยความเหม็น
วันนี้คือวันพุธ และก็ใกล้ได้เวลาที่ไอ้อาร์มจะกลับมาถึงบ้านพร้อมกับพี่ด้าแขกคนสำคัญของผมแล้วด้วย แต่ตอนนี้ผมยังอยู่ในสภาพที่ชุดนักเรียนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นและคราบเหงื่อจากการเล่นบอลกับเพื่อนและแดดร้อนๆ หลังเลิกเรียนอยู่เลย
ผมมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากจะให้พี่ด้ามาเห็นผมในสภาพเหม็นเหงื่อแถมยังมอมแมมแบบนี้

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วและยังคงพันผ้าเช็ดตัวส่องกระจกในห้องน้ำอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงของไอ้อาร์มกับพี่ด้าเดินคุยกันผ่านหน้าห้องน้ำไป ด้วยอารามดีใจ ผมรีบคว้าลูกบิดประตูและเกือบจะเปิดประตูออกไปแล้ว แต่โชคยังดีที่ฉุกนึกขึ้นได้ว่าสภาพของผมในตอนนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรจากกำลังแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ เพราะผมไม่ได้เอาผ้าคลุมอาบน้ำเข้ามาด้วย ดังนั้นผมจึงรอให้ทั้งสองคนเดินเข้าห้องของไอ้อาร์มไปก่อน แล้วค่อยเดินออกจากห้องน้ำกลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อแต่งตัว
ผมก็รู้ตัวดีนะว่าผมเป็นประเภทที่แสดงออกความรู้สึกทั้งทางคำพูด สีหน้า และอาการเอามากๆ แต่ในตอนนี้ ผมเริ่มอยากจะชะลอความรู้สึกและการแสดงออกของผมให้น้อยลงและช้าลงอีกสักเล็กน้อยแล้วสิ เพราะถึงผมจะรู้จากปากพี่เขาเองแล้วว่าเขาไม่มีแฟน และก็ไม่มีแฟนมาตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแฟนที่เขาเคยพูดมานั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาจะเป็นเกย์หรือไม่ หรือถ้าหากเขาไม่ได้เป็นแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรกับการที่มีผู้ชายมาแอบชอบ.... ผมหมายถึง มี “ผม” มาชอบและทำตัวอย่างนั้นอย่างนี้กับเขา

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ทำเหมือนไม่รู้ว่าพี่ด้าและไอ้อาร์มกลับบ้านมาแล้ว และนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นครู่หนึ่ง

“อ้าว อาบน้ำแล้วเหรอ อ้วน เมื่อกี้เจ้าอาร์มกับครูเราเค้ามาถึงแล้วนะ ตอนนี้คงอยู่บนห้องนั่นแหละ”

“อ่อ ครับ” ผมตอบแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แม้ว่าที่จริงในใจของผมนั้นมันสุดแสนจะลิงโลดอยากเจอหน้าและอยากคุยกับพี่ด้าใจแทบขาดแล้วก็ตาม

“แล้วเราจะเรียนกันกี่โมง ได้คุยกับพี่เค้ารึยัง จะเรียนก่อนกินข้าวหรือกินข้าวก่อนแล้วค่อยเรียน”

“เออออ ก็ไม่รู้เหมือนกันอะ แม่ แต่เราจะกินข้าวกันตอนทุ่มกว่าๆ หลังจากพ่อกลับมาเลยไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้มันก็ห้าโมงกว่าจะหกโมงแล้วนะ จะเอาไงดีอะ”

“เอ้า มาถามแม่แล้วแม่จะรู้เหรอ ลองไปคุยกับพี่ด้าเค้าดูก่อนสิ อืมมม.... แต่ให้เค้านั่งพักหายใจหายคอสักแป๊บก่อนก็ได้มั้ง”

“อือออ ครับ” ผมพยักหน้า ก่อนจะดีดตัวลุกออกจากโซฟาและเดินขึ้นไปยังชั้นสอง

ผมเคาะลงบนประตูห้องของไอ้อาร์มสองสามที และอีกอึดใจต่อมา ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

“เออ มีไรมึง”

“แล้วพี่ด้าอะ.... คือแม่ให้มาถามว่าจะพี่เค้าจะสอนกูกี่โมงน่ะ”

“เฮ้ย ไอ้ด้า ไอ้อ้วนมันมาถามว่ามึงจะสอนมันกี่โมง” ไอ้อาร์มเปิดประตูออกให้กว้างขึ้นพร้อมกับหันกลับไปถามเพื่อนของมันที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง

ผมมองเข้าไปในห้องแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าพี่ด้าที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงนั้นไม่ได้สวมเสื้ออยู่ ผิวของเขาขาวเนียนละเอียดราวกับแป้ง และแถมหัวนมทั้งสองข้างก็เป็นสีชมพูรับกับผิวขาวๆ ของเขาเป็นอย่างดี ไม่เหมือนหัวนมดำๆ บอดๆ ของไอ้อาร์มที่ผมเห็นเป็นประจำสักนิดเดียว

ที่จริงผมก็ถอดเสื้อเดินไปเดินมาออกจะบ่อยนะ ไม่ว่าจะที่บ้านตัวเอง บ้านเพื่อน หรือแม้แต่ที่โรงเรียน รวมทั้งผมก็เคยเห็นคนอื่นๆ แก้ผ้าเปลี่ยนเสื้อผ้ามาตั้งหลายครั้งแล้วด้วยเหมือนกัน แต่ไม่มีครั้งไหนหรือเพื่อนคนไหนเลยที่ทำให้ผมรู้สึกแบบที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ได้

“เอ่ออ แต่แม่บอกว่าถ้าพี่ด้าเหนื่อยก็ให้นั่งพักไปก่อนก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ถ้าเกิดว่ากัสจะเรียนเลยก็ได้นะ พี่ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอก วันนี้วิชาตอนบ่ายมันเรียนสบายๆ ด้วย”

“แล้วข้าวเย็นอะมึง มึงหิวรึยังวะ ไอ้ด้า แดกข้าวก่อนก็ได้นะเว้ย”

“ยังๆ กูยังไม่หิวว่ะ ปกติกูก็กินดึกอยู่แล้ว”

“งั้นตกลงมึงสองคนจะเอาไง จะเรียนกันไปก่อนเลยมั้ยล่ะ”

“งั้นเรียนก่อนสักชั่วโมงก็ได้มั้ง แล้วพอพ่อมาก็พักกินข้าวพร้อมกัน แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ” ผมเสนอ

“เออ งั้นมึงก็ไปบอกใครให้เตรียมหาขนมอะไรมาให้ไอ้ด้ามันแดกหน่อย ไป”

“เดี๋ยวพี่แต่งตัวแป๊บนึงนะ กัส แล้วเดี๋ยวพี่ไปหาที่ห้อง” พี่ด้าพูดกับผม

“เคครับพี่” ผมตอบกลับ จากนั้นก็เดินลงไปบอกพี่ๆ ที่ชั้นล่างว่าอีกเดี๋ยวให้ใครเตรียมน้ำกับของว่างอะไรขึ้นไปให้บนห้องด้วย
ผมกลับขึ้นมานั่งเล่นอยู่ในห้องของตัวเองได้แค่เพียงไม่ถึงห้านาที พี่ด้าก็มาเคาะประตูเรียกผม เมื่อครู่นี้เขายังใส่กางเกงนักศึกษาตัวเดียวอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเรียบร้อยแล้ว

ผมชอบเวลาที่เขาใส่ขาสั้นแบบนี้จริงๆ เพราะมันยิ่งทำให้เขาดูตัวเล็ก กะทัดรัด และยิ่งดูเด็กลงกว่าเดิมเสียอีก

“มาๆ เริ่มเรียนกันเลยนะครับ” เขายิ้มให้ผม

จากนั้นเวลาหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่แม่ของผมเปิดประตูห้องเข้ามาเพื่อตามให้เราลงไปกินข้าวเย็นนั้นก็เป็นตอนที่เราสองคนกำลังจะหยุดพักกันอยู่พอดี

“เป็นยังไงบ้างล่ะ ด้า ไอ้อ้วน ลูกชายแม่” แม่ของผมเปิดประเด็นขึ้นกลางโต๊ะอาหาร “โง่มากเลยใช่มั้ย”

“โหหห! แม่!!”

พี่ด้าหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอกครับ ด้าว่าน้องเค้าหัวโอเคนะ แต่ด้าคิดว่าที่น้องเค้าอ่อนพวกฟิสิกส์กับคณิตฯ เนี่ย น่าจะเป็นเพราะว่าไม่มีพื้นมาจากที่โรงเรียนตั้งแต่แรกมากกว่า เพราะพอสอนๆ ไป เค้าก็ทำโจทย์อะไรได้ไวดีนะครับ เป็นคนคำนวณเร็วและเข้าใจอะไรได้เร็วพอสมควรเลยล่ะ”

“มันจะมีพื้นได้ยังไงล่ะ ก็มันขี้เกียจจะตายไป” คราวนี้พ่อพูดขึ้นบ้าง “วันๆ เอาแต่เล่นกีฬา เอาแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน หนังสือหนังหาไม่เคยจะอ่าน ขนาดตอนสอบ  แม่มันยังแทบจะต้องเอาไม้เรียวมายืนเฝ้าแบบเด็กๆ เลยนะ”

“เอ้อออ ดี เอาเข้าไป ช่วยกันรุมลูกชายให้ตายคาจานข้าวกันไปเลย” ผมวางช้อนกับส้อมลงแล้วเอนหลังในท่ายอมแพ้

“หึๆ ไม่หรอกครับ เวลาเรียนกับด้า กัสเค้าก็ตั้งใจเรียนอยู่นะ”

“ไอ้กัสเนี่ยนะ ตั้งใจเรียน” พ่อถามซ้ำ “พูดเล่นรึเปล่า ด้าตอบเอาใจพ่อกับแม่ใช่มั้ยเนี่ย”

“จริงๆ นะครับ น้องเค้าตั้งใจเรียนจริงๆ ถึงบางทีจะมีเหม่อๆ นิดหน่อย แต่เค้าก็ไม่เคยแสดงท่าทีขี้เกียจหรือไม่อยากเรียนเลยนะครับ”

ผมนั่งฟังพี่ด้าชมผมแบบเขินๆ นิดๆ เขาจะรู้ไหมล่ะว่าไอ้ที่ผมเคยเหม่อๆ ไปบ้างเนี่ย ก็เป็นเพราะความผิดของพี่เขานั่นแหละ

“สงสัยมันจะชอบด้ามากเป็นพิเศษจริงๆ เลยนะ พ่อ” แม่ผมพูดขึ้น ทำเอาผมต้องสะดุ้งโหยง
“นั่นสิ ปกติไม่เคยเห็นมันจะตั้งใจอยากเรียนพิเศษขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”

“ด้ารู้อะไรมั้ย ตั้งแต่วันเสาร์วันอาทิตย์แล้วนะ ที่พอลูกชายแม่มันกลับบ้านมา มันก็อารมณ์ดี ยิ้มแฉ่ง ไม่มีบ่นเหนื่อย ไม่มีบ่นกระปอดกระแปดที่โดนบังคับให้ไปเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว”

“แถมยังกลับบ้านเร็วขึ้น รู้จักเก็บห้องเอง จะได้รอรับพี่ด้าให้มานั่งสอนมันในห้องได้อีกด้วยนะ” พ่อพูดเสริม

“ที่สำคัญ ดูซิเนี่ย วันนี้มันอาบน้ำสะอาดสะอ้านเรียบร้อยเลยนะ ปกติแม่ต้องปากเปียกปากแฉะขนาดไหน กว่าจะบอกไล่ให้มันไปอาบน้ำได้แต่ละทีน่ะ”

“พ่อ!! แม่!!” ผมเขินจนรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งหน้าหมดแล้ว “จะเผาลูกอีกนานมั้ยเนี่ย!!”

“อะไร คนอย่างมึงรู้จักอายเป็นด้วยเหรอวะ ไอ้อ้วน” ไอ้อาร์มหันมาหัวเราะเบาๆ

“หุบปากเลย ไอ้อาร์ม เดี๋ยะเหอะมึง นอกจากไม่ช่วยและยังจะเสือกซ้ำเติมกูอีก”

“นี่ๆ พูดจาระวังปากคำด้วย อ้วน!”

ผมก้มหน้างุด “ขอโทษครับ....”

“อย่าไปว่าแต่น้องมันเลยเหอะ เจ้าอาร์ม เราเองก็เถอะ เป็นพี่มันน่ะ เข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็ตั้งใจเรียนให้สบกับที่เข้าไปได้ด้วย ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่นติดผู้หญิงอยู่ได้”

“อ้าวววว พ่อออ! เกี่ยวอะไรกับอาร์มอะ!”

“แม่ว่าต่อจากนี้ไป แม่คงต้องฝากให้ด้าช่วยดูแลไอ้ลูกชายแม่ทั้งสองคนนี่ให้มากขึ้นแล้วสิเนี่ย” แม่ส่ายหน้าเบาๆ “คนนึงก็ติดเพื่อน อีกคนนึงก็ติดแฟน เฮ้ออออ”

“ไม่หรอกครับ แม่ เวลาสอบไอ้อาร์มมันก็ตั้งใจอ่านหนังสืออยู่เหมือนกันนะครับ”

“เห็นมั้ยๆ นี่ๆ ไอ้ด้านี่สิ รู้จริง”

“แต่เสียแค่ว่ามันโดดเรียนบ่อยกับไม่ค่อยส่งงานน่ะครับ คะแนนเก็บก็เลยไม่ค่อยจะมี” พี่ด้าหัวเราะเบาๆ

“อ้าวววว ไอ้เพื่อนทรยศ!”

“กูพูดความจริงเหอะมึง น้องมึงยังตั้งใจเรียนกว่าตั้งเยอะว่ะ ขอบอก นี่ถ้ากูเข็นกัสมันดีๆ นะ กูว่ามันหัวดีกว่ามึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้อาร์ม” พี่ด้าพูดแล้วก็หันมายักคิ้วให้ผม

ผมว่าผมชักรู้สึก...... กินข้าวไม่ลงเสียแล้วล่ะครับ เพราะมันรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจบอกไม่ถูก!

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ผมกับพี่ด้าก็กลับขึ้นห้องมาเรียนหนังสือกันต่อ เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่พี่เขาสอนผมจบแล้ว เราก็นั่งคุยเล่นกันต่ออีกพักใหญ่ๆ ในห้องของผมนั่นแหละ จนพอถึงตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ไอ้อาร์มถึงได้มาตามเพื่อนของมันให้ไปอาบน้ำได้แล้ว

หลังจากที่พี่ด้าออกจากห้องไป ผมก็เปิดคอมฯ เข้าเฟซบุ๊ค และอัพสถานะล่าสุดอีกว่า

“รอยยิ้มของเธอช่างบาดจิต ดวงตาของเธอช่างบาดใจ”

ไม่กี่นาทีถัดมา คนก็มากดถูกใจให้ผมกันเพียบ แถมยังมีคนมาคอมเมนท์กันอีกมากมาย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบใครกลับไปเป็นพิเศษอีกเหมือนเคย

ผมล้มตัวลงนอนลืมตามองเพดานห้องแล้วยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆ ถึงแม้ตอนแรกผมคิดว่าผมจะชะลอความรู้สึกนี้ของตัวเองเอาไว้ แต่จากที่ผมได้นั่งคุยกับพี่เขาเมื่อครู่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าความตั้งใจนั้นของผมมันดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

วันถัดมา และสัปดาห์ถัดๆ มา กิจกรรมการเรียนของผมกับพี่ด้าก็เริ่มกลายเป็นกิจวัตรที่ผมคุ้นเคยไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้สึกเคยชินกับการได้เจอเขาบ่อยๆ จนความรู้สึกชอบพี่เขาจะลดลงแม้แต่นิดเดียว กลับกัน ยิ่งผมได้ใช้เวลากับเขามากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกชอบเขาและอยากได้เขามาเป็นเจ้าของหัวใจมากขึ้นเท่านั้น


ออฟไลน์ wisky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-18
โอ้วน้องกัสกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก น่ารักอย่างนี้ให้ตลอดน๊า^_^

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12

golfgab

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
น้องกัสเพ้อใหญ่ละ
ว่าแต่ถ้าพี่ด้าเข้าข้างตัวเองนิดนึงก็คงจะคิดว่าน้องกัสชอบแน่ๆ
ดูต่อไปแล้วกันว่าจะเป็นยังไง??

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เริ่มทุรนทุรายอยากเป็นเจ้าของแล้ววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ความแรดและความร้ายของมันจะเริ่มมาในตอนหน้าครับ ^^"

ปล. ประมาณครึ่งเรื่องแล้วมั้งนิ

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
น้องกัสน่ารักอ่ะ  :o8:
พี่ด้าจะระแคะระคายบ้างมั้ยเนี่ยว่ามีเด็กแอบชอบอยู่

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชอบเด็กสดใส ใฝ่เรียนรัก เอ้ย เรียนรู้ อิอิ

silver998

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปเขินไป มีความสุขไป ไม่อยากรีบอ่านให้จบเร็วๆ เลยอะครับ ^_^

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
ขอเป็นเเฟนไปเลยย   

ห้าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
อร๊ายยยยย  จิพลาดความน่ารักและความแรดของอ้วนไปหลายตอนเลยค่ะ
มันช่าง..น่ารักมาก ๆ  ไงดีอ่ะ  มันน่ารักอ่ะ  จิคิดคำไหนไม่ออกเลยค่ะ  น่ารักชะมัดอ่ะ
รออ่านตอนหน้านะคะ  รอเสพความแรดของจริงที่อ้วนจะสำแดงค่ะ555+
จิ้มบวกเป็นกำลังใจให้นะคะคุณต้น
 :กอด1:

patz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกโลกเป็นสีชมพูแทนกัส หุหุ

bellity

  • บุคคลทั่วไป
โลกนี้สีชมพูสินะ 555+

แอบขำตอนมองก้น แหมนะ ไม่หื่นเลยนะแก

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
เวลาผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ที่ผมรู้จักกับพี่ด้า ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในตัวผมที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้น ขยันเรียนมากขึ้น เถลไถลกับเพื่อนน้อยลง จากผมคนที่เคยเล่นสนุกไปวันๆ ไม่ได้สนใจใครหรืออะไรนอกจากเพื่อนและครอบครัวมากนัก ก็เริ่มที่จะอยากทำตัวดีๆ เพื่อให้พี่ด้าเห็นและให้เขารู้สึกดีๆ กับผมมากขึ้นไปด้วย
หลายครั้ง เวลาที่ผมเดินห้างกับเพื่อน แล้วเห็นขนมหรือของเล็กๆ น้อยๆ อะไรที่น่าสนใจ ผมก็มักจะซื้อติดมือกลับไปฝากพี่เขาเสมอ ผมส่งข้อความหาพี่เขาทุกวัน และก็ชอบที่จะถ่ายรูปส่ง MMS หาพี่เขาบ่อยๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งพี่ด้าก็จะตอบกลับมาหาผมแทบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าหลายครั้งผมจะไม่ได้คาดหวังให้พี่เขาต้องตอบผมกลับมา แต่เขาก็ยังตอบ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากจริงๆ

วันเสาร์หนึ่ง หลังจากที่ผมเรียนกับพี่ด้าเสร็จแล้ว ผมก็ชวนพี่เขาไปดูหนังด้วยกัน แต่เขากลับปฏิเสธและบอกว่าไม่สะดวก เพราะติดธุระที่จะต้องไปกับเพื่อนต่อในตอนเย็น ผมที่รู้สึกเซ็งๆ เลยโทรหาไอ้เมษและชวนมันไปเดินจตุจักรด้วยกันแทน

“แล้วสรุปเป็นไงวะมึง กล้าบอกรักพี่เค้าไปรึยัง” ไอ้เมษถามผมขณะที่เรากำลังเดินดูเสื้อผ้าอยู่ด้วยกัน

“บอกเหี้ยอะไร! บอกรักนะเว้ย ไม่ใช่บอกว่าหิวข้าว จะได้พูดกันง่ายๆ น่ะ ทีมึงเองกว่าจะกล้าพูดน่ะ ต้องให้กูยุแทบตาย ไอ้ห่า”

“เออออ กูรู้เว้ยยย ว่ามันไม่ง่ายและมึงก็ยังไม่ได้บอกพี่เค้าด้วย กูก็แค่แซวเล่นเหอะ! ไอ้หวมโป่ง!” ไอ้เมษสวนกลับ “แต่ก็อีกอะ นี่แหละเว้ย ประเด็นของกูเลย ทีตอนกูกับไอ้ตุลย์นะ มึงก็ยุได้ยุดี ปากดีสารพัด แต่พอเป็นเรื่องของตัวเอง แม่งกลับไม่กล้าซะอย่างนั้นน่ะเหรอวะ”

ผมอึ้งๆ ไป “.....เออๆ เชิญมึงด่ากูได้เลยตามสบาย ไอ้จิ้งจกเรือน ไอ้ตุ๊กแกกระท่อม เหี้ยยยแม่งงงง....!! แต่จริงๆ ถ้ากูแค่ไม่กล้าพูด ไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของตัวเองแบบที่มึงเคยเป็นนะ กูจะไม่เครียดเท่านี้เลยเว้ย”

“อะไรวะ ยังไง กูงง”

“ก็อย่างที่กูเล่าให้มึงฟังมาตลอดนั่นแหละว่ะ ไอ้เมษ แล้วคือมึงก็รู้นิสัยกูเหอะ กูอะ เป็นคนแสดงออกเว้ย กูว่ากูทั้งแสดงออก ทั้งพูดเล่น แล้วก็ทำทีเล่นทีจริงไปหลายรอบเหี้ยๆ แล้วเหอะ แต่แม่งงงง กูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่เค้ารู้รึยังว่ากูคิดยังไงกับเค้าอะ คือแบบ เค้าไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรกูเลยนะเว้ย ซ้ำยังสนิทกับกู ยังหัวเราะ ยังเล่นกับกูปกติดีด้วยซ้ำ แต่กูไม่แน่ใจเลยว่าเค้าคิดยังไงกับกู เพราะบางทีแม่งก็ดูเหมือนจะรู้ แต่บางทีแม่งก็ดูไม่คิดอะไรแม้แต่นิดเดียว กูก็เลยกลัวไง ทั้งกลัวว่าเค้าจะเห็นกูเป็นแค่น้องชาย และกลัวว่าถ้าหากเค้ารู้ว่ากูชอบเค้าแล้วอะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปอะดิ”

“เออ กูเข้าใจว่ะ.....” ไอ้เมษพยักหน้าเบาๆ “และกูว่ามึงก็แสดงออกเยอะแล้วจริงๆ นั่นแหละว่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนะ ไอ้ตอนที่มึงเคยจงใจทำผ้าเช็ดตัวหลุดตอนนั้นน่ะ อย่าเรียกว่าแค่ ‘แสดงออก’ เลย กูว่าเรียก ‘ยั่ว’ เลยดีกว่าเหอะว่ะ!” มันหัวเราะ

“ครวยเหอะ สาดดดดดดดดด!! เค้าไม่ได้เรียกว่ายั่วเว้ย!! เค้าเรียก ‘ลองใจ’ ต่างหาก!”

ไอ้เมษมันกำลังพูดถึงเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่พี่ด้ามาสอนหนังสือผมที่บ้านตามปกติ และตอนนั้นผมขอช่วงเวลาเบรคระหว่างชั่วโมงไปอาบน้ำ เพราะผมอ้างไปว่าผมเริ่มรู้สึกง่วง ซึ่งหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ผมก็กลับเข้ามาแต่งตัวในห้อง โดยที่พี่ด้าเองก็ยังคงนั่งรอผมอยู่เหมือนเดิม และเมื่อสบโอกาสตอนที่เรากำลังคุยกันอยู่นั้น ผมก็หันหลังให้เขาและจงใจแกล้งทำผ้าเช็ดตัวหลุดลงจากเอว แต่ก็รีบคว้ามันเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหล่นลงไปกองที่พื้น ทำให้พี่เขาน่าจะเห็นก้นของผมแว้บๆ แต่นอกจากที่พี่เขาจะยิ้มเขินๆ และหัวเราะไปกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของผมแล้ว ผมก็ยังดูไม่ออกอยู่ดีว่าพี่เขามีท่าทีสนใจหรือปฏิกิริยาแนวนั้นกับผมบ้างหรือเปล่า

“เออๆ ลองใจก็ลองใจวะ ถุ๊ยยยยยย! แล้วถ้างั้นตอนที่มึงใส่กางเกงบาสแล้วไม่ใส่กางเกงใน และมึงจงใจนั่งอ้าขาให้ขากางเกงมันเปิดๆ อะ มึงยังจะเรียกว่าลองใจอีกมั้ยวะ กูว่ามันเรียก ‘แรด’ แล้วก็ ‘ยั่ว’ เหี้ยๆ เลยเหอะว่ะ”
ผมยักไหล่ “แต่กูเรียกว่า ‘พยายามทำทุกทางเพื่อที่จะรู้ว่าใจของเธอคิดยังไง’ ว่ะ”

คราวนี้มันพูดถึงเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่เอง หลังจากที่ผมแกล้งทำผ้าเช็ดตัวหลุดไปในครั้งก่อนนั้นแล้ว ผมก็อยากจะลองใจพี่เขาให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย ดังนั้น ก่อนที่เราจะเริ่มเรียนกัน ผมก็อาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แต่ว่าวันนั้นผมเลือกใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบาสซึ่งเนื้อผ้าค่อนข้างจะเบาและขากางเกงค่อนข้างกว้าง และแน่นอนว่าผมก็จงใจไม่ใส่กางเกงในอย่างที่ไอ้เมษบอกนั่นแหละ

ผมสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าตอนแรกพี่ด้าเองก็มีมองตรงเป้ากางเกงของผมตอนที่ผมเดินไปเดินมาอยู่เหมือนกัน แต่ทว่ามันก็เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นในตอนที่เรานั่งเรียนด้วยกันอยู่ และตอนที่เราพักเบรคเพื่อกินขนมและพูดคุยกันนั้น ผมจึงลองแหย่เขาดูด้วยการนั่งยกขา หรือไม่ก็นอนลงบนเตียงโดยชันเข่าขึ้นพร้อมกับลอบมองดูปฏิกิริยาของเขา ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม นั่นคือถึงเขาจะมีเหลือบมองในจุดที่ผมอยากให้เขามองอยู่บ้าง แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นการมองเพราะสัญชาติญาณมากกว่าที่จะมองแบบอยากรู้อยากเห็นหรืออะไรอย่างนั้น เพราะเขามองแค่ครู่สั้นๆ เพียงครั้งหรือสองครั้ง ก่อนจะทำเหมือนไม่สนใจและไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งผมเองก็ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าพี่เขารู้สึกเขินอะไรมั่งหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่อยากจะคิดว่าไอ้ที่เขามีหน้าแดงๆ บ้างเล็กน้อยนั่นจะเป็นการหมายความว่าเขาคิดอะไรกับผมทุกครั้งหรอกนะ เนื่องจากว่าปกติพี่เขาก็เป็นคนขี้อายและหน้าแดงบ่อยมากอยู่แล้วด้วย

“กูขอพูดอะไรจริงๆ จากใจอย่างนึงดิวะ ไอ้อ้วน.... กูว่ามึงนี่มันแรดเรียกพ่อจริงๆ เลยว่ะ ไอ้เชี่ย!”

“ครวยเถอะ! อย่างกูอะเค้าเรียกว่ากล้าแสดงออกเว้ย ไม่เหมือนมึงกับไอ้ตุลย์หรอก ชอบกันแต่เสือกไม่กล้าทำเหี้ยอะไรสักอย่างตั้งนาน สาดดดด”

“เอออออ กูผิดอีก เชร็ดเข้! แต่อย่างน้อยกูก็ได้ไอ้ตุลย์มานอนกอดแล้วล่ะวะ เหลือแต่มึงนี่แหละ แสดงออกแทบตายแต่ก็ยังไม่ได้แม้แต่จะจับมืออะ ไอ้สาดดดด”

“โหหห มึงพูดแบบนี้ มึงไม่เอามีดมาแทงกูซะเลยล่ะ ไอ้คางคกป่วย!” ผมต่อยลงบนหัวไหล่ของมัน

“และไหนยังจะสารพัดสเตตัสเฟซบุ๊คกับหัวเอ็มเอสเอ็นที่มึงช่างสรรหาคำมาตั้งนั่นอีกอะ ไอ้ล่าสุดนี่อะไรนะ อิจฉาเส้นเลือดใหญ่อะไรนะวะ กูลืม”

“อิจฉาปรอทที่ได้อยู่ใกล้คนไข้.....”

“อิจฉาเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ใกล้หัวใจเธอ” ไอ้เมษต่อประโยคจนจบ “เออ กูจำได้และ เสี่ยวมากกกกกเหอะว่ะ สาดดดดดดดด”

“ครวยไร มึงอย่ามาพูดจาดูถูกแผนการของกูนะเว้ย”

“แผนเหี้ยอะไรของมึง”

“ก็แผนการครอบครองหัวใจพี่แพนด้าไง กูขอตั้งชื่อปฏิบัติการนี้ว่า ‘แผนการตีหน้าซื่อ ทำตาใส ใช้ความใกล้ชิด บวกความวับๆ แวมๆ นิดหน่อย สร้างความหวั่นไหว เพื่อให้ได้หัวใจเธอมาครอบครอง’ เนี่ย อีกเดี๋ยวกูจะไปจดลิขสิทธิ์ชื่อนี้แล้วนะเว้ย”
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้บ้า! ก่อนมึงจะเพ้อเจ้อไปจดลิขสิทธิ์น่ะ มึงลองทวนชื่อแผนการเหี้ยอะไรนั่นของมึงใหม่ให้ถูกอีกครั้งก่อนเหอะว่ะ ห้ามเพี้ยนนะเว้ย”

“ไม่เว้ย กูพูดได้ครั้งเดียว ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่มันเป็นความลับทางการค้า เดี๋ยวใครที่กำลังเดินผ่านไปผ่านมานี่ได้ยินแล้วจะก๊อปเอาของกูไปใช้ว่ะ”

ผมเดินดูของและพูดคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้กับไอ้เมษไปอีกพักใหญ่ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าจตุจักรในวันเสาร์เย็นนี้จะมีคนมาเดินเยอะแสนจะเยอะ แต่ผมว่ามันก็ยังไม่เยอะมากพอจะที่บดบังโชคชะตาหรือหรหมลิขิตของคนเราได้จริงๆ

ในตอนที่เราสองคนกำลังแวะซื้อน้ำดื่มและไอ้เมษกำลังรอเงินทอนจากพ่อค้าอยู่นั้น สายตาของผมก็มองกวาดผ่านผู้คนที่เดินสวนไปสวนมามากมาย จนไปสะดุดกับแผ่นหลังของคนๆ หนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นตา

“เฮ้ยๆๆๆ! ไอ้เมษๆๆ!!” ผมรีบสะกิดไอ้เพื่อนตัวดีของผม

“อะไรของมึง!”

“นั่นใช่พี่ด้ารึเปล่าวะ!” ผมชี้ไปยังผู้ชายเสื้อยืดสีขาวที่กำลังยืนหันหลังให้พวกเราอยู่ “กูว่าใช่แน่เลยว่ะมึง!”

“เหอะ กูก็ไม่รู้ว่ะ มึงลืมไปป่าววะว่ากูเพิ่งเคยเจอพี่เค้าแค่ครั้งเดียวเองนะเว้ย”

“กูว่าใช่ว่ะ แต่พี่เค้าบอกว่าต้องไปธุระกับเพื่อนนี่หว่า”

“สงสัยจะเป็นธุระมาเจเจนี่แหละมั้ง”

เมื่อไอ้เมษพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็หมุนตัวหันมาทางพวกเรา ทำให้เราสามารถมองเห็นหน้าของเขาได้ชัดๆ และเขาก็คือพี่แพนด้าของผมจริงๆ ด้วย

“ใช่จริงๆ ด้วยว่ะ! งั้นกูไปทักพี่เค้าก่อนนะมึง เดี๋ยวกูมา”

“เฮ้ยเดี๋ยว ไอ้อ้วน!”

ผมผละออกจากไอ้เมษ และเดินตรงเข้าไปหาพี่ด้าที่ยังคงมองไม่เห็นผม แต่ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะเดินไปใกล้ตัวพี่เขา ผมก็ต้องหยุดฝีเท้าลง เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้าไปหาเขาเช่นเดียวกัน

ผู้หญิงคนนั้นยื่นขวดน้ำขวดหนึ่งจากสองขวดที่เธอถือมาให้กับพี่ด้า พี่ด้ายิ้มและพูดขอบคุณ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันหลังให้กับผมและเดินจากไป

ที่จริงเรื่องมันก็น่าจะจบลงอยู่แค่นั้น กับไอ้แค่การที่พี่ด้ามาเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง มันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมายเลย..... ถ้าหากว่าเพื่อนผู้หญิงคนนั้นจะไม่เดินควงแขนพี่ด้าแบบที่ผมกำลังเห็นอยู่นี่ไปด้วย

“เฮ้ย ไอ้อ้วน” ไอ้เมษเดินมาสะกิดแขนผม “ไปเหอะว่ะ มึงยืนขวางทางคนอื่นอยู่นะเว้ย”

แต่ผมก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไอ้เมษจึงต้องจับแขนของผมแล้วออกแรงลากให้ผมเดินไปกับมันด้วย

“เมื่อกี้มึงเห็นแบบที่กูเห็นใช่มั้ยวะ ไอ้เมษ”

“เออ.... พี่เค้าก็อาจจะมากับเพื่อนน่ะมึง อย่าเพิ่งคิดมากเหอะว่ะ”

“เพื่อนกันมันเดินควงแขนกันแบบนั้นด้วยเหรอวะ”

“ก็.... เพื่อนสนิทมั้งมึง กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูว่ามันก็ไม่แปลกหรอกนะเว้ย”

“กูจะโทรหาพี่ด้า” ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“มึงจะโทรไปทำไมวะ”

“กูก็ไม่รู้ แต่กูจะโทร” ผมกดเบอร์ของพี่ด้าอย่างรวดเร็ว เพราะผมจำเบอร์ของพี่เขาได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ผมได้มาแล้ว
ผมรอสายอยู่ครู่หนึ่ง

“ฮัลโหลครับ”

“ว่างายยพี่ด้า เป็นไงมั่งเนี่ยพี่ ตอ.....”

“แป๊บนึงนะ กัส” พี่เขารีบพูดขึ้นก่อนที่ผมจะทันได้พูดประโยคถัดไป

“ครับ” ผมตอบรับแบบเซ็งๆ

“ฮัลโหล เอ้อ ว่าไงครับ มีอะไรรึเปล่า”

“โอ๊ยยย ป่าววว ไม่มีอะไรหรอกพี่ กัสแค่จะ.... เอ่ออ จะคุยเรื่องเรียนพรุ่งนี้หน่อยน่ะครับ แต่ตอนนี้พี่อยู่ไหนเนี่ย เสียงดังเหมือนกันนะเนี่ย เหมือนคนเยอะๆ”

“อ๋ออ เอ่ออ ตอนนี้พี่มาธุระอยู่ข้างนอกกับเพื่อนน่ะครับ”

“อ๋ออ ที่พี่บอกกัสเมื่อกลางวันน่ะเหรอ แล้วนี่พี่อยู่ไหนล่ะเนี่ย”

“อืมมม ก็ อยู่แถวๆ นี้แหละครับ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก”

“แถวนี้นี่คือสยามเหรอ”

“อื้ออ.... ครับ”

ผมรู้สึกว่าหน้าของผมมันชาวาบ และรู้สึกราวกับหัวใจของผมมันหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่มันจะร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทีเดียว

“สยามเหรอ.... ฮั่นแน่! แหมๆ ไปกับสาวล่ะซี๊” ผมฝืนยิ้มและแกล้งแซวออกไป

“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ทำมาเป็นแซวพี่น่าาา” เขารีบตอบ “เอ่อออ ถ้าไงเอาไว้เราค่อยคุยกันคืนนี้แล้วกันนะครับ กัส พี่ยุ่งๆ อยู่น่ะ โทษทีนะ” และเมื่อพูดจบ เขาก็ตัดสายทิ้งไปเลยทันที

“ยุ่งเหี้ยไรวะ! ยุ่งเดินควงกันอยู่มือก็เลยไม่ว่างน่ะสิ!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด

“สรุปว่าไงวะ ไอ้อ้วน”

“ไม่ว่าไงอะ แม่งโกหกกูด้วย บอกว่าอยู่สยามกับเพื่อนผู้ชาย บอกว่าไปธุระ เหี้ยไรเนี่ย แม่งงงงง สยามพ่อมึงสิ! ก็กูเพิ่งเห็นมันเดินควงกับคนอื่นอยู่เมื่อกี้เนี้ย!!”

“เฮ้ยย มึงใจเย็นก่อน ไอ้อ้วน มึงเสียงดังไปแล้วเว้ย คนอื่นเค้ามอง ไอ้เหี้ย”

“กูหงุดหงิดเว้ย!”

“กูรู้น่ะ แต่มึงใจเย็นก่อนเหอะ อย่างเมื่อกี้น่ะ พี่เค้าพูดเหรอว่าเค้าอยู่กับเพื่อนผู้ชายอะ”

“ก็.... เปล่าหรอก แต่คือกูถามไง ว่า ‘ไปกับสาวเหรอ’ มึงก็ได้ยินไม่ใช่เหรอวะ แต่แม่งปฏิเสธกูอะ แล้วจะให้กูคิดยังไง”

“เอาเป็นว่า ตอนนี้มึงกำลังคิดนั่นคิดนี่ไปเองหนักแล้วนะเว้ย ไอ้อ้วน อะไรๆ มันก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นแบบที่มึงคิดสักหน่อย”

“มันจะไม่เป็นได้ไงวะ ก็ในเมื่อเราเห็นๆ กันอยู่ และพี่เค้าก็โกหกกูจริงๆ น่ะ!”

ไอ้เมษนิ่วหน้าด้วยความเสียอารมณ์ และผมก็รู้ดีว่ามันเองก็ไม่ใช่คนที่ปลอบใครเป็นเท่าไหร่เหมือนกัน

“เออช่างเหอะ.... โทษทีว่ะมึง กูไม่น่าอารมณ์เสียใส่มึงเลย” ผมถอนหายใจ “แต่กูหมดอารมณ์เดินแล้วว่ะ เราแยกย้ายกันกลับบ้านเหอะ”

“อืมม ก็แล้วแต่มึงอะว่ะ”

คืนนั้นพี่ด้าโทรกลับมาหาผม แต่ผมไม่ได้รับสายเขาเพราะผมกำลังอาบน้ำอยู่ และหลังจากนั้นเขาก็ยังโทรกลับมาหาผมอีกถึงสองครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้รับสายเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ที่จริงเขาจะไปเดินกับใคร ทำอะไรกับใคร มันก็เรื่องของเขานะ ผมคิดว่าผมคงจะไม่รู้สึกแย่กับพี่เขามากขนาดนี้หรอก ถ้าหากว่าเขาไม่โกหกผมแบบนั้น เพราะผมไม่อยากให้คนที่ผมชอบมากขนาดนี้มาโกหกผมเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2011 17:27:31 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ wisky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-18
พี่ด้าทำไมทำกับน้องกัสแบบนี้อ่ะแอบเสียความรู้สึกอย่างแรงและรู้สึกค้างด้วยรีบมาเคลียร์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด