ตอนที่ 15 (สั้นๆนะคะ TT)
“นี่ยัยมะลิเน่า คุณจะมาหาผมทำไมทุกวี่ทุกวันเนี่ย” ผมนั่งมองยัยผู้หญิงปัญญาอ่อนที่นั่งตะไบเล็บเป็นชั่วโมงจนสุดท้ายก็ต้องถาม
“นี่ ! ฉันมานั่งเฝ้านายก็ดีเท่าไหร่แล้วยะ ไม่เห็นจะมีใครมาเยี่ยมสักคน น่าจะดีใจและซึ้งที่ฉันเป็นห่วงนายนะ”
“ก็แม่คุณเล่นไปบอกหมอห้ามคนเข้าเยี่ยมเยอะๆ อาการโลหิตจากห่าเหวไรนั่นที่ผมไม่ได้เป็นจะกำเริบเนี่ย มันควรจะซึ้งมั้ย หา ยัยโง่ !”
“กริ๊ดดดดดดดดดดด แกว่าฉันโง่หรอ หนอยยยย ไอ้ผู้ชายปากเสีย !” แม่คุณถึงกับองค์ลงชี้นิ้วส่งเสียงแว๊ดๆ ให้ตายเหอะ อะไรกันวะ
“ไม่ได้ว่าครับ บ้านผมเรียกด่า แล้วทำตัวปัญญาอ่อนแบบนี้คนฉลาดเค้าไม่ทำกันหรอก แถมเอาคนสบายดีปกติสุขมานอนโรงบาลเนี่ยมีแต่พวกไร้สาระแบบเธอนั่นแหละแม่คุณที่ทำได้” ว่าแล้วผมก็ดึงผ้าคลุมโปงพลิกตัวตะแคงหนียัยปัญญาอ่อนซะ
“กริ๊ดดดด แก ! ไอ้เลววว กริ๊ดดดดดดดดดดดด”
“โอยรำคาญว้อยยย เลิกกรีดร้องได้ยัง เอางี้นะผมจะออกจากโรงบาลแล้ว โอเค๊ ? ส่วนเรื่องสร้างกระแสปัญญาอ่อนอ่ะเลิกทำเหอะ แอบชอบผมก็มาบอกตรงๆไม่ต้องบอกรักกันผ่านสื่อทุกวี่ทุกวันก็ได้ แหมๆ ชอบโชว์ก็ไม่บอกนะยัยมะลิ” ยักคิ้วพร้อมยิ้มกวนตีนให้ทีนึง แต่แม่คุณก็ดูจะทนไม่ไหว ถึงขนาดคว้าแจกันปาใส่ผม แล้วผมที่นอนอยู่บนเตียงมันจะหลบทันม้อยยยย
“เฮ้ยยยย !!!!”
เพล้ง !
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ทำไมนายไม่หลบล่ะ”
“ใครมันจะไปหลบทันวะ ! … ฮะ เฮ้ย เลือดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“ทรายยย กูมาเยี่ยมมม เฮ้ยยย อะไรวะเนี่ย” สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือเพื่อนพ้องกลุ่มผม แล้วน้ำสีแดงมันก็ไหล่จากหัวปิดบังสายตาผมไปข้าง วันนี้ผมเลยรู้ว่าอาการเลือดเข้าตามันเป็นยังไง พร้อมๆกับวืดอีกรอบ ไอ้สัส นิยายก็มีมาไม่กี่ตอนทำไมตูวืดแม่งทุกตอนเลยวะ !!
ตื่นมาอีกครั้งผมก็เจอแต่ไอ้เลย์นอนหลับบนโซฟา ส่วนซากแจกันกับยัยมะลิเน่าก็หายไปแล้ว ของเยี่ยมมากมายก็วางอยู่บนโต๊ะ เฮ้อจากไม่ได้ป่วยเสือกได้ป่วยจริงเลยไง น้ำเกลือที่แขวนอยู่เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยม เฮ้ออีกนานปีแหง
นาฬิกาตีบอกเวลาตีสองแล้ว แต่ผมดันไม่ง่วง ทำอะไรดีนะ ? ทำอะไรดี และแล้วอะไรบางอย่างก็ดลใจให้ผมเอื้อมมือไปหยิบสี่จีขึ้นมากดโทรออกหาคนๆหนึ่ง …
“ครับ”
“…” มันรับสายแต่ผมเลือกที่จะเงียบ
“…” และแล้วมันก็เกิดความเงียบระหว่างเราสองคน ผมไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป พอๆกับที่มันก็คงไม่รู้เหมือนกัน
“เอ่อ ..”
“หืม ..”
“ก็เปล่า ..”
“อืม ..”
“งื้อ ..” เฮ้ยทำไมเสียงผมมันเริ่มอ้อนๆ
“ฟังเพลงมั้ย”
“อื้ออออ” ผมได้ยินเสียงเหมือนมันวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหนสักแห่ง ผ่านไปสักพัก กีตาร์ก็ลีดเพลงๆหนึ่งขึ้นมา
‘ ในคืนที่ฟ้านั้นเต็มไปด้วยแสงไฟ เราโอบกอดกันและมองไปบนฟ้า ไกล
สุดหัวใจ สุดสายตา มีแต่ เรา
ดวงจันทร์ล่องลอยและมอบความรักให้กัน
ขอบคุณวันนี้ที่คอยดูแลรัก ฉัน จากหัวใจ จากนี้ไปมีแต่เธอ
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน
ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นเช่นไร แต่ฉันก็รู้หัวใจของฉัน
จะมีเพียงเธอรักเพียงแต่เธอ โอบกอดเธอด้วยรัก รักที่ห่วงใย
ใจฉันให้เธอมันเป็นของเธอรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ
เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล่ำกลาย
เพลงนี้เพื่อเธอมันเป็นของเธอรู้ไหม สัญญาจะดูแลเธอจากนี้ ตลอดไป ‘
“จบแล้ว”
“อื้อ … เพราะเนอะ”
“ใจฉันให้เธอ … มันเป็นของเธอรู้มั้ย ?” มันร้องท่อนหนึ่งของเพลงออกมาเบาๆ อาจจะแค่คลอเล่นๆแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าแปลกๆ เพลงนี้ไม่ใช่ของผม …
“ฮะๆ … ไม่ร้องให้ดาวฟังเล่า คงดีใจแย่”
“เพลงนี้ ชื่อเพลง ลูกอม ของ วัชราวลี เป็นเพลงที่ผู้ชายคนหนึ่งแต่งให้เจ้าสาวของเขาที่ชื่อ ลูกอม .. วัชราวลี”
“แล้ว …”
“อาจจะแต่งเพลงไม่ได้เหมือนคนที่แต่งเพลงนี้ .. แต่ถ้าทำได้ ก็อยากแต่งเพลงชื่อ ‘จากผืนทรายจรดปลายฟ้า’ ” คำพูดเพียงประโยคเดียวกลับทำผมเงียบ น้ำตาค่อยๆไหลลงมา ..
“มันคงเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ฮึก … เพราะบนฟ้ามันยังมีดวงดาวอยู่ ทรายกับฟ้าจะไปจรดกันได้ยังไง ฮึก .. ฮือ …”
“ถ้าท้องฟ้าจะยอมไม่มีดวงดาวแล้วเม็ดทรายจะยอมอยู่กับท้องฟ้าแทนมั้ย ….”
- - - - -
ใครที่จองหนังสือ พี่พ้อยท์ กับ น้องเห็ด แล้วยังไม่ได้ยืนยันการโอนเงินรีบๆหน่อยน๊า จะปิดโอนแล้ว ><