มาต่อแล้วจ้า
อดทนกันหน่อยน๊า ใกล้แล้วละ อิอิ ความสุขกำลังจะมาแล้ว
ความเดิมตอนที่แล้ว
ถ้ามันห่วง ก็ยังพอมีหวัง แต่ถ้าไม่..........คราวนี้เห็นทีต้องแย่แน่ ๆ
เดียร์เอ้ย
คิดถึงจะแย่แล้ว
จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละนะ จะไปหาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าหากว่า...........ถ้าหากว่าพอจะมีความหวัง
ขอให้โทรกลับมาด้วยเถอะ
ถ้าห่วงกัน โทรกลับมานะ
ขอให้เดียร์โทรกลับมา เรื่องสั้นคั่นเวลา.....ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน ตอน รอ นั่งอยู่บนรถโดยสารประจำทาง หาทางมาจังหวัดกาญจนบุรีจนได้ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือไม่ว่าจะโทรหาหมายเลขที่ต้องการติดต่อสักกี่สิบครั้งก็พบว่าเจ้าของเครื่องปิดเครื่องไม่ยอมรับสาย มองออกไปนอกรถแล้วยิ่งอยากจะร้องไห้
สายฝนโปรยปรายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและยังคงโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่สนใจไยดีว่าคนที่มองสายฝนจะรู้สึกหมองเศร้ามากแค่ไหน
ปวดใจลึก ๆ
ไม่รู้ว่าจะมาทำไม
ไม่มีความหวังเลยหรือไง
ถึงรู้อย่างนั้นแต่กลับนั่งนิ่งเฉยอยู่บนรถและหรี่ตาลงอย่างช้า ๆ
ถ้าไปแล้วหลงทางก็จะกลับ ยังไงก็หาทางกลับจนได้
แต่ถ้าหลงรักใครสักคน
กลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้
จะย้อนกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้
ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเผลอใจไปได้ถึงขนาดนี้
ชอบได้ยังไง
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต จนมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้กลับลำตอนนี้ได้ยังไง ไม่ทันแล้ว กลับไม่ทันแล้ว จะให้ทำยังไง
"ไม่ได้คิดอะไรสักนิดเดียวจริง ๆ เหรอเนี่ย ให้ตายเถอะทำไมกูถึงได้โง่ขนาดนี้วะ"
ฮวยหรี่ตาขึ้นมองโทรศัพท์ในมือแล้วยิ้มอย่างเศร้า ๆ
ท้องฟ้าภายนอกมืดครึ้ม ใจยิ่งคิดต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความคิดได้
ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้
ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าตอนนี้จะร้องไห้สักครั้ง ลุงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะว่าอะไรมั้ย ถ้าจะมีน้ำตาสักหยดสองหยด
มันจะดูทุเรศเกินไปมั้ย
หลายสิ่งหลายอย่างที่คิด
หัวใจที่เหลือแค่ปลายนิ้วก้อย และค่อยๆ เล็กลงอย่างช้า ๆ
กดหมายเลขโทรศัพท์เดิม ๆ ซ้ำกันอีกหลายครั้ง แทบจะทุก ๆ นาทีแต่ก็ได้คำตอบเป็นเสียงสัญญาณตอบรับอัตโนมัติเหมือนเดิม
ช่วยไม่ได้ที่ต้องกลายเป็นแบบนี้
ปลายนิ้วแตะสัมผัสไปที่กระจกรถอย่างช้า ๆ และรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกไปถึงหัวใจ หยดน้ำที่กลายเป็นม่านบาง ๆ ที่ทำให้มองแทบไม่เห็นเส้นทาง
มันก็เหมือนม่านหมอกบาง ๆ ที่ปิดกั้นความรู้สึกลึก ๆ ภายในใจที่บอกใครต่อใครไม่ได้
สิบนาที
หนึ่งชั่วโมง
แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้
มีแต่ความน้อยใจ และเสียใจ
ไปแล้ว...........ก็ไม่เจอ
คนอะไรวะ ใจร้ายชิบ นี่จะปล่อยให้หลงทางจริง ๆ หรือไง
คงใช่
คงจะปล่อยให้หลงทางจริง ๆ
แล้วก็คงไม่คิดจะสนใจไยดีกันสักนิด ช่วยไม่ได้ อยากมาเอง มาเพราะอยากมา
อยากมาเห็นหน้า แต่ก็คงต้องกลับไปพร้อมกับต้องเก็บเอาความเสียใจกลับไปด้วย
อีกครั้งที่มือยังคงกดโทรศัพท์ที่หมายเลขเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และคราวนี้....จำใจต้องล่าถอยและปล่อยให้โทรศัพท์เครื่องเล็กลงไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
ไม่มีอะไรติดตัวมา
มีมาแค่นี้
เพราะรีบร้อนอยากจะมาหา.........แค่เพียงอยากจะพบหน้าคนบางคน
"กาญจนบุรีครับ ขนส่งกาญจนบุรีครับ"
ไม่รู้ตัว ไม่ทันรู้สึกตัว ก็พบว่าเวลานี้ตัวเองกำลังก้าวขาลงจากรถโดยสารประจำทางแล้วก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปพักในที่พักผู้โดยสาร เพราะสายฝนซัดกระหน่ำจนทำให้ร่างกายเปียกปอน
ที่ไหนก็ไม่รู้
รู้แต่ว่ากำลังยืนงงเพราะหลงทิศ
ก้มลงมองรองเท้าผ้าใบที่เปียกชุ่มแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างเหงา ๆ เดินไปหาที่นั่งพักก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าออกไปมองสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำ
นี่มันฤดูอะไรวะเนี่ย อ่อ ฤดูที่แตกต่างนี่เอง มีมันสามฤดูต่อวันเลยนะ
ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้วะกู
ฮวยเดินไปนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ และนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ทำอะไรอยู่วะกู
มาทำไมเนี่ย ถ่อมาตั้งไกลเพื่อมาหาใครก็ไม่รู้
อยู่ที่นี่จริงหรือเปล่า ไม่มีข้อมูลอะไรทั้งนั้น มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวที่ใช้เป็นสื่อถึงกัน
แล้ว.........นาเดียร์มันก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์....ปิดเครื่องหนีไปแล้ว
ยิ้ม
ยิ้มเหมือนคนบ้า
ทั้งที่นัยน์ตาหมองเศร้าและอยากจะร้องไห้เต็มที
รอบที่เท่าไหร่แล้ว ที่บอกตัวเองว่าให้เลิกซะ แล้วก็ตัดใจจากไปให้ได้
รอบที่เท่าไหร่แล้วที่คิดว่าไม่ว่ายังไงคราวนี้ก็จะเลิกทำร้ายตัวเองด้วยการถอยห่างออกมา
แล้วทำได้มั้ย
ไม่เคยได้
ไม่เคยมีสักวันที่ทำได้ เหมือนวันนี้ ที่ยังตัดใจไม่ได้.........
ฝนซาแล้ว........และก็คงต้องกลับซะที
ไม่โทรมาจริง ๆ สินะ
ไม่ว่ายังไงก็ไม่โทรมา
หยิบตั๋วโดยสารในมือขึ้นมาดูแล้วขยำทิ้งใส่ลงไปในกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
เอาใจมาทิ้งไว้ที่เมืองกาญจน์
แล้วก็เจ็บเองคนเดียว โง่ชัด ๆ ทำอะไรลงไปเพราะความโง่
ฮวยเดินตรงลิ่วเข้าไปที่ช่องขายตั๋วอีกครั้ง และยื่นธนบัตรเพื่อจ่ายค่าเดินทาง
"กรุงเทพ"
"พี่ครับ ไม่ไปแล้วกรุงเทพ...."
เสียงของใครคนหนึ่ง ที่ฮวยจำได้ดีว่าเป็นใคร เสียงของคนที่ทำให้นึกถึงตลอดเวลา เสียงของคนที่รอคอย รอคอยด้วยความหวังที่เลือนลาง
ไม่ได้หันกลับไปดูว่าเป็นใคร แต่วางธนบัตรไว้ที่หน้าเคาร์เตอร์และเอ่ยบอกกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเสียงเบา
"ไปครับ กรุงเทพเท่าไหร่"
"ไอ้ฮวย........"
เดียร์เอ่ยเรียกคนที่ทำเหมือนไม่รู้ว่ามีใครมายืนคอยอยู่ด้านหลัง
"รถออกกี่โมงครับ"
ดื้อ ยังคงดื้อดึงและไม่ยอมหันไปมองคนที่ยืนนิ่งเงียบ กลับไปคงดีกว่า
ไม่อยากเจอแล้ว ตอนนี้ไม่อยากเจออีก แค่นี้ก็เจ็บจะตายแล้ว จะให้ดีใจคงทำไม่ไหว ร่างกายเหน็บหนาว ไม่เท่าหัวใจที่เจ็บปวด
ปล่อยทิ้งไว้ ปล่อยให้เศร้าเสียใจ
แล้วก็กลับมาหาง่าย ๆ
มาทำไม ในเมื่อหนีตลอดเวลา
ไม่อยากคุยไม่อยากเจอบอกมาตรง ๆ ก็ได้ อย่าหนี มีอะไรก็พูดกันมาตรง ๆ
"ตกลงจะเอายังไงกันแน่คุณ จะไปหรือไม่ไป เสียเวลาคนอื่นนะ"
โดนคนขายตั๋วด่า......และคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็รีบคว้าธนบัตรเอาไว้ ลากแขนของฮวยให้เดินมาด้วยกันเพื่อมายืนประจันหน้ากันตรง ๆ
"เป็นบ้าหรือไง........มาทำไมวะ....มาแล้วก็งี่เง่า จะมาทำไม"
โดนตะคอก แค่นี้ก็ยิ่งเศ้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองถึงเพิ่งรู้ ว่าคนที่มารับอยู่ในสภาพเปียกโชกไปทั้งร่าง.........
เดียร์.......มัน....ทำไมเปียกเละเทะแบบนี้
ใบหน้าที่ซีดขาว ริมฝีปากที่ซีดเผือด มองยังไงก็รู้ว่าอีกฝ่ายมารออยู่นาน
ไม่ใช่เพิ่งมา...........
"ทำไมไม่รับสาย ไม่อยากรับบอกมาตรง ๆ ก็ได้ ทำไมต้องปิดเครื่องหนีด้วย"
ถึงจะรู้ว่าไม่สมควรทำอย่างนี้ สิ่งที่ควรถามคือเดียร์ทำไมเปียกฝน
แต่กลับถามคำถามโง่ ๆ ที่ทำให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องขมวดคิ้วมุ่นและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมายื่นให้ดู
"โทรออกได้ก็บ้า...เปียกฝนแบบนี้มึงโทรเองมั้ยล่ะ...ตังค์ก็ไม่ได้หยิบมากูจะรู้มั้ยว่าฝนมันจะตก....แม่งถ้ารู้ว่ามึงจะมาทำกวนประสาทแบบนี้ กูไม่เดินหามึงซะก็ดี...พอใจยัง ไปเด่ะ ซื้อตั๋วกลับบ้านมึงไปเลย กูก็จะกลับบ้านเหมือนกัน"
หายงอนทันที
แค่เนี้ยะ
ก็บอกมาแค่เนี้ยะ .......... ปล่อยให้งอนอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ตอนนี้ไม่งอนแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจได้แล้วนี่หว่า
คนบางคนที่คิดว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางมาหากลับมายืนอยู่ตรงหน้าและทำให้ใจเต้นไม่ส่ำเมื่อคิดได้ว่า........อย่างน้อยคน ๆ นี้ก็คงมีความรู้สึกบางอย่างมาให้
อย่างน้อยการที่มารอรับทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอหรือเปล่า ก็ทำให้หัวใจดวงเล็กๆ พองโตขึ้นจนคับอก
"ไม่เอาไม่กลับ........เป็นไงแบบนี้แน่จริงหรือยัง บอกแล้วว่ามาหาก็มาหาจริง ๆ แล้วทำไมเปียกอย่างนี้ล่ะ รอนานแล้วเหรอ"
ใบหน้าที่บึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างจนเดียร์นึกหมั่นไส้
ไม่น่าเลย ไม่น่าหลุดปากเลย
นั่งคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดี ไม่กล้าโทรกลับ กลัวโดนแกล้ง ยังไม่ทันคิดอะไรก็คว้ามอเตอร์ไซด์ออกมาจากบ้านและขับออกมาด้วยความเร็ว
ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะโดนหลอกแต่ใจหนึ่งก็แอบหวังเอาไว้ว่าจะได้เจอ
ซวยตั้งแต่ฝนเริ่มตก มาถึงสถานีขนส่งก็เล่นเอาเปียกโชก ยิ่งคว้าโทรศัพท์มาดูยิ่งอยากจะร้องไห้ เพราะไม่สามารถใช้งานได้อีก ไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์มายิ่งไปกันใหญ่ จะกลับก็กลับไม่ได้เพราะฝนตกหนัก
เลยต้องมายืนชะเง้อคอรอคนที่ไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า
หนาวแทบตาย แค่เห็นไอ้บ้านี่เดินลงมาจากรถก็ดีใจจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปหา
แต่จำใจต้องรักษาฟอร์ม แล้วค่อยเดินมาหา.......แล้วดูมันทำ....พูดจาแบบนี้
มันน่าโมโหมั้ย
"ใครจะไปรอมึง...ไม่มีอ่ะ....กลับไปเด่ะเดินตามมาทำไม ทีเมื่อกี้อยากกลับนักนี่ก็ไปเด่ะ"
บ้า........ใครจะกลับ...ไม่กลับหรอก มาถึงขนาดนี้ไม่กลับหรอก กลับได้ไง
คิดถึงแทบตาย.....นี่ถ้าไม่ติดที่สายตาคนอื่นจะมองว่าประหลาดล่ะก็
จะกอดคนตัวเล็กตาขวางที่ยืนพูดอยู่นี่ให้แน่น แล้วก็บอกว่าคิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง ดูซิว่าคราวนี้จะได้คำตอบว่ายังไง
"ไม่เอา บอกแล้วว่าไม่กลับ บ้านอยู่ไหนอ่ะ บ้านเดียร์อยู่ไหน ฝนหยุดแล้วไปกันไปบ้านเดียร์กัน"
มันเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อยู่ดี ๆ ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหุบยิ้มทำเสียงออดอ้อนแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่วะ
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องจำใจเดินแกว่งกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากสถานีขนส่ง พร้อมกับคนตัวโตที่เดินตามต้อย ๆ อย่างกับลูกหมา
"กินข้าวยัง"
ในฐานะเจ้าบ้าน ก็ต้องทำเป็นเซอวิสมันหน่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สนใจหรอกว่าไอ้ฮวยมันจะหิวหรือเปล่า คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอดล่ะมั้ง คนอย่างมัน แต่ก็ไม่แน่
"ยัง เดียร์อ่ะ"
แปลกเว้ย ทำไมวันนี้ รู้สึกว่า คุยกันรู้เรื่องกว่าทุกวัน ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เอาแต่จ้องหาเรื่องกันตลอดเวลา
"ยัง พอดีที่บ้านทำกับข้าว ไปกินที่บ้านกูก็ได้ หิวยังอ่ะ"
ไม่เคยพูดคุยกันดี ๆ แบบนี้มาก่อน แต่พอได้พูดกันสักครั้งกลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
ฮวยเดินตามออกมาที่รถที่จอดอยู่ แล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคิดได้ว่า.....
บทสนทนาแบบนี้มันแปลกเกินไป แล้วก็........ทำให้รู้สึกขัดเขินแต่กลับอยากจะพูดแบบนี้ให้มากขึ้น
หมวกกันน็อคอีกใบ ถูกยื่นให้โดยที่คนขับกำลังยืนล็อคสายรัดปลายคางของตัวเองอยู่ แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมองใครอีกคนที่ก้มหน้าลงมาหาอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้องผงะหนี
"ใส่ไงอ่ะ ใส่ไม่เป็น ใส่ให้หน่อยดิ"
ฮวยเอ่ยบอกและก้มหน้าลงให้เดียร์ช่วยจัดการกับสายรัดคางให้
"แค่นี้ก็ทำไม่เป็น....ยุ่งชิบหายมาทำไมวะเนี่ย"
บ่น แต่มือก็จัดการไปด้วย แล้วก็ต้องรีบหันหน้าหลบอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ ที่จ้องมองมา
"อยากรู้จริงอ่ะ ว่ามาทำไม"
ไม่
ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้ว เดี๋ยวมึงก็พูดเพ้อเจ้ออีก ไม่เอาหรอก ไม่ต้องบอก รำคาญ
ไม่อยากฟัง
"พอเหอะ จะไปยัง พล่ามอยู่นั่น เร็วเด่ะ"
อะไร เร่งอยู่ได้ จะรีบอะไรขนาดนั้น แล้วจะหันหน้าหลบทำไม เขินเหรอ....ถามแค่เนี้ยะ....เขินหรือไง
ฮวยยังคงยิ้มไม่เลิก แล้วก็พาตัวเองไปซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ รถแล่นออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่สายตาของคนซ้อนจ้องมองแผ่นหลังบางของคนขับเงียบ ๆ
แบบนี้มันน่า.............
ไม่ต้องรอช้า เพราะมือรีบโอบรัดไปที่รอบเอวของเดียร์ แล้ววางปลายคางลงบนลาดไหล่บางพร้อมคำพูดที่เอ่ยบอกที่ข้างหูเสียงดัง โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว และคนฟังก็ต้องรีบเบรครถกะทันหันด้วยความตกใจเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกันแน่
"ไอ้ฮวยปล่อยนะมึง เดี๋ยวกูได้ขับชนคันหน้านะโว้ย อย่ามาเล่นอะไรแผลง ๆ ตอนนี้นะ"
โดนด่าแล้วคนซ้อนก็หัวเราะชอบใจ ยอมปล่อยง่าย ๆ ทั้งที่รู้สึกเสียดายอยู่ลึก ๆ
พูดแค่นี้แกล้งทำไม่ได้ยินเหรอ
ไม่เป็นไรยังไงคืนนี้ก็ค้างบ้านเดียร์
เอาไว้อยู่กันสองคนก่อนเหอะ ได้รู้แน่เดียร์เอ้ย
ไอ้ที่ไม่เคยพูดจะพูดให้หมดเปลือกคราวนี้ล่ะวะ อยากรู้นักว่าคนปากเก่งที่ทำให้แทบเป็นบ้าคนนี้จะทำยังไง อยากรู้จริง ๆ อยากรู้นักว่านาเดียร์จะทำยังไง
TBC...