(เรื่องสั้น) หลายความ ตอนที่แปด ความโกหกหรือความเข้าใจผิด 4/05/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) หลายความ ตอนที่แปด ความโกหกหรือความเข้าใจผิด 4/05/2560  (อ่าน 3505 ครั้ง)

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม







สารบัญ



ตอนที่ 1 ความจีบ I
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2017 22:56:05 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu


หนึ่ง ความจีบ I




“เขากำลังจะเดินมาภายใน 1 นาที”


“ตรงไหนวะ?”


“8 นาฬิกา”


เสียงสนทนาของสองหนุ่มเพื่อนซี้ กำลังพูดถึงเป้าหมายที่ก้าวเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ หนุ่มคนหนึ่งกำลังบอกว่าเป้าหมายอยู่ตำแหน่งใด หนุ่มอีกคนกำลังมองหาคนคนนั้นขณะเสียงหัวใจเริ่มที่จะเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ เจอคนที่ชอบทำไมเกิดอาการแบบนี้ทุกทีไป


ตึกตัก ตึกตัก....


หนุ่มแอบรักมองไปยังเป้าหมายที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ หัวใจเต้นถี่ระรัว ทำไงได้ก็ฝ่ายนั้นน่ารักซะ ถึงจะเป็นผู้ชายก็ตามเถอะ แต่มันก็มีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดเพศเดียวกันได้อย่างดี แล้วเราล่ะ เฮ้อ....


“เฮ้ยมึง! มองอย่างเดียวคิดว่าจะได้แดรกหรืออย่างไรครับ?”


ป้าบ


“โอ้ย!! ตบหัวหาพ่อง”


“เออ มึงพูดอะไรวะสัส ถ้าเขาได้ยินกูเดือดร้อนนะเว้ย”


เพื่อนสนิทพยักหน้าเข้าใจ เขาไม่อยากให้ใครมาได้ยินคำพูดที่ว่าเขาอยากจะทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ ถึงเขาจะรู้ก็เถอะว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้สึกชอบกับผู้ชายน่ารักคนนี้ คู่แข่งเยอะชะมัด


“แล้วมึงจะยืนรอให้เขาเดินผ่านมาแล้วมีลมพัด แล้วแสงออร่าเจิดจรัสเหมือนในหนังหรอครับไอ้หมึก? มึงเห็นไหมน่ะ เขายกหนังสือมาหนักๆ แทนที่จะไปช่วยถือ รู้จักไหมครับ ปั้มคะแนนนะ สะสมแต้มเข้าไว้ เข้าใจ๋” เพื่อนสนิทเห็นการกระทำอันไร้ความเป็นชายผู้แอบรัก เลยปูทางให้เสียเลย เห็นแล้วมันขัดใจหนุ่มเหนืออย่างเขาจริงๆเลยเจ้า


“เออว่ะ Good job ไอ้สัส” หมึกหรือมนัสวี ยกนิ้วขอบคุณเพื่อน พร้อมเอยคำภาษาอังกฤษที่สำเนียงชัดแจ๋ว


“กู๊ดจ๊อปพ่**!!  รีบไปเลยมึง ช้าเดี๋ยวโดนคาบก่อนนะครับ” 


มนัสวีไม่รอช้ารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเป้าหมายทันที แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงตัวชายหนุ่มเป้าหมาย รุ่นพี่ในสาขาของชายหนุ่มนั้น ก็ได้เดินไปถึงตัวก่อน รุ่นพี่คนนี้ก็ป๊อบมากซะด้วยสิ เอาไงดีว่ะไอ้หมึก!!


“น้องพินให้พี่ช่วยถือไหมครับ? มันดูหนักมากๆเลย” รุ่นพี่ไม่พูดเปล่าแต่ยืนมือพร้อมจะยกหนังสือช่วยทันที แต่พินหรือพันธวัชก็เบี่ยงตัวหลบไป


“ไม่เป็นไรครับพี่โซ่ ผมไหว”


“แล้วนี่น้องพินจะเอาหนังสือพวกนี้ไปไว้ที่ไหน?” รุ่นพี่ถามด้วยความสงสัย เพราะน้องพินไม่น่าจะนำหนังสือมามหาวิทยาลัยเยอะขนาดนี้แน่ๆ คงจะเป็นของอาจารย์


“ห้องอาจารย์สารุจน่ะครับ อาจารย์ฝากให้ยกขึ้นไปให้” พันธวัชกล่าวขึ้นยิ้มๆ หมึกเห็นรอยยิ้มนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มให้แก่ตนเอง แต่ก่อนก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้หรอก แต่พอรู้สึกชอบนี่สิ ตะขวิดตะขว้างใจชะมัดเลย  มนัสวีตัดสินใจเดินหันหลังกลับไป แต่ก็มีเสียงของคนที่เขาต้องการจะได้ยินก็เอ่ยชื่อของเขาขึ้นมา


“หมึก!!”


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


มนัสวีหัวใจเต้นระรัว แค่เขาเอ่ยชื่อจำเป็นต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยหรือ มนัสวีค่อยๆหันกลับไปหาต้นเสียง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยังนิ่งและดูขรึม ภาษาชาวบ้านเขารียกว่า “เก็ก”


“มีอะไรหรอพิน”


“คือ… คือ...เอ่อ อาจารย์สารุจเขาบอกมีเรื่องจะคุยกับนายน่ะ”


“ห๊ะ! จริงดิ! ตอนนี้เลยหรอ”


“อืม อะ อาจารย์บอกถ้าเห็นนายให้บอกน่ะ”  พันธวัชกล่าวพร้อมพยักหน้า  “พี่โซ่ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” หลังจากกล่าวจบก็รีบเดินไป พร้อมส่งสายตาเรียกให้มนัสวีเดินตาม  อ่า มีเสน่ห์ชะมัด


“...น่ารักชะมัด”


“เมื่อกี้หมึกว่าอะไรนะ”


“เปล่าหนิ”  ขนาดพูดเบายังได้ยินอีกหรือเนี่ย


“สงสัยเราคงหูฝาดไปน่ะ แหะๆ” พินหัวเราะเขิน หมึกรู้สึกว่ารอยยิ้มนี่ดูต่างจากที่ยิ้มก่อนหน้าที่ชายหนุ่มยิ้มให้รุ่นพี่ มันดูเปลี่ยนโลกของเขาได้เลยล่ะ


“หึหึ นายเนี่ยยิ้มน่ารักจังเลยพิน....” พูดออกไปแล้ว หมึกรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดออกมา นี่มันชมกันเห็นๆ


“ห๊ะ! เรา?” ขนาดตกใจยังน่ารัก


“ถ้าพูดตรงๆก็ใช่นะ”


“แหะๆ บ้าแล้ว”


“ไม่บ้าหรอกก็พูดจริง”


“พูดอย่างนี้คิดอะไรกับเราป่าว” พันธวัชพูดติดตลก แต่ก็ชะงักไปทันที เพราะรู้สึกตัวว่าพูดไม่คิดออกไป พูดอย่างงี้คงโดนโบกหัวกลับอ่ะ แต่ทว่าคงที่โดนคำถามนั้นไปกลับรู้สึกใจเต้นแรง แต่ก็เก็บอารมณ์ได้ดีอยู่


“เห้ยๆ คะ คือ เมื่อกี้เราพูดเล่นนะ ปากไม่ดี แปะๆ เห้ย” พินพูดพร้อมตบปาก เลยทำให้หนังสือเสียสมดุล แต่หมึกก็ช่วยถือไว้ได้ทัน


เฮ้อ น่ารักทุกบริบทจริงๆ


“หึหึ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย เห็นไหมเนี่ยหนังสือจะล้มทับตัวแล้ว มาฉันช่วย ห้ามปฎิเสธด้วย”    


“อะ โอเค เอ่อ...หมึก คือ...”


“หืม?”


“ที่จริงอาจารย์สารุจไม่ได้เรียกนายหรอก แหะๆ” มนัสวีเลิกคิ้วเชิงถามบวกกับอาการที่น่าชวนสงสัยของคนตรงหน้า


“พูดจริง?”


“...อืม” พันธวัชพยักหน้าเบาๆ  “อย่าโกรธเรานะ~”


“แล้วทำอย่างนี้ทำไมอ่ะ” มนัสวีไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไรแม้แต่นิด แต่พอเห็นท่าทีที่แปลกตาออกไป เลยเก็กเฉย


“ก็...พี่โซ่เขา..”


“พี่โซ่? ทำไม?”


“พี่โซ่เขาเคยมาบอกชอบเรา แต่เราปฎิเสธเขาไป...” พันธวัชพูดเสียงเบา แทบกระซิบ


“อ่อ ฉันเป็นไม้กันหมาสินะ” รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ดี...


“นายว่าพี่โซ่เป็นหมาหรอ?”


“....” มนัสวีแทบจะโต้ตอบไม่ได้ คำถามแบบนี้เป็นมุขงั้นเหรอ?


“มุข?”


“เปล่านะ เปล่าๆ”


“หึหึ นายเนี่ย...เฮ้อออ ฉันหมดคำพูดเลยจริงๆ”


“ไม่ได้กวนนะ จริงๆ”


“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย  ร้อนตัว หึหึ” สีหน้าของคนตรงหน้าบูดบึ้งทันที  ดูไปดูมาก็น่ารักนะ ถึงจะเด็กไปนิด


“เปล่านะ!! ร้อนตงร้อนตัวอะ...”


“เฮ้อ ป่านนี้ไอ้ล็อคคงหนีฉันกลับไปก่อนแล้วแน่ๆ” มนัสวีรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ดูท่าจะจบลงได้ยาก  “ว่าจะชวนมันไปหาของกินอร่อยๆซะหน่อย” โกหกทั้งเพ แค่แกล้งเขาไปงั้น


พันธวัชไม่ตอบอะไรกลับไป คิดว่าตนเองสร้างปัญหาซะแล้ว  ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องพักอาจารย์ ก่อนจะนำหนังสือเข้าไปวางโต๊ะอาจารย์สารุจ แล้วก็ออกมา มนัสวีรู้สึกอยากให้เวลามันหยุดเดิน แล้วให้เขาอยู่กับคนที่อยู่ข้างๆเขาตอนนี้นานๆ แค่เดินด้วยกันแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะนะ  แต่สวรรค์เหมือนจะเห็นใจเขาซะแล้วล่ะ...


“นี่หมึก... ให้เราไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ? คือเราก็อยากกินของกินเหมือนกัน” พันธวัชถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ก็ฝืนยิ้มออกไป


“นี่นายน่ะ” มนัสวีได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น  ก็รู้สึกไม่ดีตามด้วย “ฉันไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย อีกอย่างในตอนแรกฉันก็กะจะไปช่วยนายยกหนังสือนั้นแหละ”


พันธวัชได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาวเหมือนลูกแมวน้อย  มนัสวีอดเอ็นดูไม่ได้ และมือก็ไปไวเช่นกัน เขายืนมือไปลูบหัวคนที่ทำตัวเป็นลูกแมวอยู่ตอนนี้ แล้วชะงักไปทั้งคู่


“เห้ย! ขอโทษที! โทษทีๆ มันเผลอไปหน่อย โทษที”


“มะ ไม่เป็นไร แต่ต้องพาเราไปหาของกินด้วย ห้ามปฏิเสธ!” พูดจบก็เดินนำไป แต่เสี้ยวหน้าเหมือนจะแดงๆไปนิด ถ้ามนัสวีเป็นคนหลงตัวเอง คงคิดว่าพินเขินเขาแน่ๆ แต่มองหลักความเป็นจริงคงโกรธเขาอยู่




ณ ร้าน บิงนมซู


“ร้านนี้หรอ?” พันธวัชถามขึ้น


“อืม เคยมาไหม?” 


ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในรถของมนัสวี พันธวัชอาศัยอยู่คอนโดใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก เลยไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ แต่ก็มีรถจักรยานยนต์ยามเผื่อฉุกเฉิน  มนัสวีคอนโดอยู่ไกลไปอีกเลยทำให้สะดวกต่อการเที่ยวกลางคืน  ร้านที่เขาจอดอยู่ตรงหน้านี้ มนัสวีรู้ดีว่าพินเคยมาเสียบ่อย และก็เคยได้ยินเมื่อเขาคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าชอบความจุใจของปริมาณและการตกแต่งของร้าน  ในความจริงหมึกกับพินอยู่ในคณะเดียวกัน แต่อยู่คนละสาขา รู้จักกันได้เพราะเพื่อนแนะนำอีกที  แต่มนัสวีก็ตกหลุมรักคนๆนี้อย่างจัง  เฮ้อ แต่ร้านอะไรแบบนี้ดูจะไม่เข้ากับแนวของเขาน่ะสิ  แต่ก็เพราะว่า....


“อืมเคยมา บ่อยเลยแหละ ร้านนี้อร่อยมากกก แถมให้เยอะมากด้วย ช้างตัวหนึ่งกินแทบไม่หมด” ช่างเปรียบได้น่ารักจริง


“แล้วนายกินหมดป่ะ?” พันธวัชพยักหน้าตอบรับยิ้มๆ “โอโห นายเป็นช้างหรอเนี่ย หึหึ” มนัสวีวางระเบิดก่อนจะลงจากรถ ปล่อยให้อีกคนนั่งอึ้งอยู่ในรถ เหมือนจะได้ยินแว่วๆว่าด่า ‘ไอ้บ้า’ ออกมา หึหึ  พันธวัชรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าร้านตามหลังมนัสวี


“ว้าว คนเยอะแฮะ” มนัสวีอุทานออกมา ก็จะเดินหาโต๊ะนั่ง “ร้านแบบนี้คนดูนิยมจังเลยนะ”


“หมึกพูดอย่างกะไม่เคยมาแน่ะ”


“ร้านน้ำแข็งใสแบบนี้ไม่เคยมากิน”


“เขาเรียก ‘บิงซู’ !” พันธวัชท้วงขึ้น หมึกส่ายหน้ายิ้มๆ ก็แบบนี้แหละน้ำแข็งใส


“ออ บิงซูหรอครับ หน้าตามันดูน้ำแข็งใสจังเนอะ หึหึ” พันธวัชหน้าบึ้งกับการประชด มนัสวีก็แกล้งไปเรื่อย ถึงในใจรู้ตัวว่าชอบเขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาให้เขารับรู้ ถ้ารู้เขาอาจจะเสี่ยงโดนปฏิเสธเช่นเดียวกับรุ่นพี่


“รับอะไรดีคะ?” พนักงานนำเมนูมาให้เลือก พร้อมใบสั่งออเดอร์


“แนะนำทีซิ” ถามคนหน้าบึ้ง


“อยากกินอะไรก็กินไปสิ เมนูก็บอกอยู่” น้ำเสียงไร้น้ำมะนาว ดูท่าจะประชดเก่งเอาเรื่อง


“แล้วนายชอบกินอันไหน?”  หวังว่าคนตรงหน้าคนไม่ทราบจุดประสงค์ในคำถามนี้


“อืม.. ให้ทาย” ทำหน้าอย่างครุ่นคิดก่อนจะถามกลับ


“.....”


“.....”


“..อันนี้ รึเปล่า?” ชี้ไปที่ภาพในเมนู เขาคิดว่าพินต้องชอบอะไรที่เกี่ยวกับช็อกโกแลต ถ้าทายถูกนี่คงดี...


“สุดยอดด!! ทายถูกด้วย” ชายหนุ่มพูดดังจนคนหันมามอง อะไรมันจะน่าดีใจขนาดนั้น


“หึหึ พูดเบาๆก็ได้”


“แหะๆ โทษทีๆ”


พนักงานเดินกลับมาอีกรอบ ทำให้ต้องรีบสั่งออเดอร์ แน่ล่ะ คุยกันเพลินขนาดนั้น  ขณะรอพันธวัชก็คุยเรื่องไปเรื่อย ถามนู้นถามนี้ มนัสวีก็ตอบกลับไปอย่างเต็มใจถามกับไปบางที  จะว่าไปมาสองคนแบบนี้ กับสถานที่ที่น่าชวนโรแมนติกแบบนี้  เขาเรียกว่า
‘เดท’  นี่นา....





“อ่า อิ่มจัง”


“สมควรอิ่มล่ะ นายเป็นช้างจริงๆด้วย” พูดแกล้งไป


“งั้นนายก็ช้างเหมือนกัน กินไปตั้งสองแน่ะ” 


“หึหึ ปากนายเลอะด้วย”


“ตรงไหนอ่ะ” พันธวัชหยิบทิชชู่เช็ดแถวแก้มและมุมปากของตน  แต่ไม่โดนหรอก ขนาดมนัสวีบอกตั้งลายรอบ


“มาเดี๋ยวเช็ดให้” ทนไม่ไหวเลยต้องเช็ดให้แทน


ตึกตัก ตึกตัก


ถึงจะบอกไปเช่นนั้น แต่ในใจมันก็เขินอยู่ดี จะไม่มีมันลืมเลย...


“ออกหมดแล้วหรอ?” หมึกพยักหน้า  “ขอบใจนะ” บอกไปพร้อมกับใบหน้าแดง


“อืม คิดเงินหน่อยครับ”  กลัวจะถอนตัวไม่ขึ้น และกลัวที่จะอดใจไม่ไปจูบคนตรงหน้า ต้องห้ามใจไว้  พนักงานเดินมาคิดเก็บเงิน มนัสวีอาสาจ่ายให้เอง พันธวัชก็ค้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ  มนัสวีเลยจ่ายทั้งหมด แค่นี้มันจิ้บจ๊อยสำหรับเขามาก




“ไปสวนสาธรณะไหม?” มนัสวีถามขึ้นขณะขับรถอยู่ อีกสองกิโลเมตรเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ เขายังอยากอยู่กับคนตรงนี้ให้นานที่สุด ถึงแม้จะเป็นวันเดียวก็ตาม แค่สองคน...  “ไปเดินย่อยกัน”


“ก็ดีนะ” พันธวัชตอบยิ้มๆ


มนัสวีขับไปเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะ คนเยอะใช่เล่น แต่ส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก แต่เวลาตอนนี้ก็ห้าโมงเย็นกว่าๆแล้วล่ะนะ คนคงเริ่มทยอยกลับ


“ฟ้าดูครึ้มๆเนอะ”


“อืม เดินเล่นกันแปปเดียวมาถึงแล้วทั้งที”


“...เราไม่ชอบฝนตกแบบน่ากลัว”


“แบบฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่...”


แปะ


พันธวัชยืนมือไปตบปากมนัสวีเบาๆ  ตกใจทั้งคู่ พันธวัชรีบขอโทษทันที


“เห้ย ขอโทษนะหมึก ขอโทษๆ คือเราเผลอไปหน่อย อย่าพูดแบบนั้นสิ มันไม่ดี” 


“อืม งั้นฉันก็ขอโทษด้วยละกัน” เขาไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไร รู้สึกดีเสียอีก มือที่สัมผัสริมฝีปากของเขา นิ่มชะมัด ...


“หมึกขอโทษเรื่องอะไร?”


“ปากไม่ดีไง เดินกันเถอะ ฉันว่าฝนมันไม่ตกหรอก ตกจริงๆประมาณตอนทุ่มสองทุ่มนู้น”  รีบตัดบทสนทนา คาดว่าจะโดนถามไม่หยุด


“หมึกมาที่นี่บ่อยรึเปล่าอ่ะ” พันธวัชถามขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ จนกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม


“ก็ไม่บ่อยนะ ถ้าว่างๆก็มาวิ่ง ที่นี่อากาศมันดี ถ้าคู่รักมาด้วยกันคงเป็นเดทโรแมนติก”


“หมึกเคยมากับแฟนรึเปล่า?”


“ไม่เคยอ่ะ ส่วนมากมาแต่กับเพื่อน”


“แฟนหมึกไม่น้อยใจแย่หรอเนี่ย”  พันธวัขคิดว่าหมึกคงมีแฟนแล้วแน่ๆ ก็ชายหนุ่มก็หน้าตาดีใช่เล่น


“บ้าดิ ฉันยังไม่มีแฟน” คำตอบนี้ทำให้พันธวัชถึงกับเหวอ “นายล่ะมีแฟนยัง?”  คำรู้อยู่แล้วแหละว่าพินยังไม่มีแฟน แต่ถามเพื่อความแน่ใจ


“ยังไม่มีหรอก เราดูแลตัวเองยังไม่ได้ จะให้ไปดูแลคนอื่นได้ไง”


“...แล้วอยากได้คนดูแลรึเปล่า” มนัสวีตั้งใจถามออกไป บอกไปเสียตอนนี้ดีกว่าไม่มีโอกาสได้บอก


“หะ?!” โดนถามแบบนี้แทบไปไม่เป็น


“ออ ฉันลืมบอกไป นอกจากเพื่อนแล้วคนที่ฉันมาที่นี่ด้วย ตอนนี้ก็คงจะมีคนที่ฉันแอบชอบด้วยล่ะมั้ง”


“....” พันธวัชนิ่งเงียบ ในหัวมีแต่ความคิดที่ชวนงงไปหมด


“แล้ววันนี้ดูเหมือนจะได้เดทกันด้วย ถึงจะทางอ้อมไปหน่อย”


“มะ หมึก...พูดเหมือน..”


“พิน” พูดด้วยเสียงนิ่ง พันธวัชมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความมึนงง “ถ้าฉันบอกว่าฉันแอบชอบนาย นายจะโกรธไหม?”


“ระ เรา..ไม่โกรธ”


“ถ้าฉันบอกว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันจีบนาย นายจะเชื่อไหม?”


“...เราไม่เคยรู้มาก่อน ไม่รู้ตัวเลย”


“แล้วถ้าฉันจะขอคบกับนายล่ะ นายจะตกลงไหม?”


“....” พันวัชนิ่งเงียบไร้คำตอบ มนัสวีคิดว่าเขาคงหมดหวัง แต่ทว่า...


“เฮ้อ นายไม่ต้อ...”


“ระ เรา...ตกลง”


“หะ!! นายแน่ใจนะ!” มนัสวีตกใจในคำตอบกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่


“อืม อย่าถามมากได้ไหมเล่า!” พันธวัชรู้สึกเขินเองไม่ใช่น้อย เพราะตนก็รู้สึกดีกับมนัสวีเช่นกัน


“งั้นตอนนี้...คบกันแล้วนะ”


“....”


“....”


“..อืม”


ทั้งสองยืนนิ่ง ดวงตาของทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมเบี่ยงหลบสายตา เงาในดวงตาของทั้งคู่ต่างคนต่างเห็นตนเอง ถึงจะเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ง่ายได้ แต่ความรู้สึกนี้ของมนัสวีก็ได้เริ่มต้นและอยู่กับเขามานาน เขาจะไม่มีวันปล่อยโอกาสแบบนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน  ตลอดไป....






โปรดติดตามตอนต่อไป.....   ความจีบ II



อาจจะแต่งออกทะเลไปหน่อย ก็ขออภัยด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน



*แก้คำผิดเรียบร้อย


 
Facebook : PolTisChu[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2016 23:49:58 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ตกลงคู่นี้ใจตรงกันมาแต่แรกหรือเปล่าน้อ ตอบตกลงไว๊ไว

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เป็นแฟนกันแล้ว ลุ้นต่อน่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ Magicfunny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะรอนาา หลังคบกันจะเป็นไงหนอ :hao5:

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
สอง ความยอม



ผมมองเพื่อนรักของผมที่กำลังเดินไปกับเป้าหมายของมันอยู่ เกือบแย่ซะแล้วมั้ยล่ะ มันก็เป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ภายนอกทุกคนอาจจะมองว่ามันเป็นคนเย็นชา หรือนิ่งเงียบ พูดน้อย ดูหยิ่งอะไรก็ตามเถอะ แต่มันก็ชอบคนเป็นนะครับ แล้วคนนี้มันก็แอบชอบมานานแล้วด้วย ตั้งแต่ปีหนึ่งเลยก็ว่าได้ จนตอนนี้มันจะจบปีสองอยู่แล้วมันก็ยังไม่ได้บอกชอบ พวกผมกับพินอยู่คณะเดียวกันคือวิศวะแต่อยู่คนละสาขาครับ พวกผมอยู่วิศวะโยธาครับ ส่วนพินน่ะอยู่วิศวะคอมพิวเตอร์ ถ้าจะให้ผมเดาๆว่าไอ้หมึกมันตกหลุมรักพินยังไงก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องคอมนี่แหละครับ แต่ผมจะไม่เอาแต่พูดเรื่องของสองคนนั้นแน่นอน เพราะนี่เป็นตอนของผม หึหึ


ติ้ด~ ติ้ด~ ติ้ด~


สวนสัตว์


ไม่ต้องสงสัยครับว่ามีคนชื่อแปลกแบบนี้ด้วยเหรอ แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลยครับ ถ้าผมเมมเบอร์ใครชื่อแปลกคนนั้นคือ ‘คนพิเศษ’


“สวัสดีครับที่รัก”


(“ที่รักแป๊ะมึงดิ! บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียก!”)


“ครับผม แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ ก็น้องน่ะคือที่รักของพี่หนิ”  เลี่ยนได้ใจอีกครับผม


(“ไอ้เ*ย!!”)


“ครับๆ ขอโทษครับ แล้วมีธุระอะไรรึเปล่าครับเนี่ยโทรมาซะเร็วเชียว”  ส่วนมากน้องเขาจะโทรหาผมประมาณหกโมงเย็นนู้นแหละครับ แต่บางวันก็มาแปลก อย่างเช่นวันนี้


(“ต้องมีธุระกูถึงจะโทรมาได้เหรอ?”) 


“เปล่าคร้าบ พี่แค่ถามเฉยๆ เห็นปกติโทรมาประมาณค่ำๆ”


(“ก็วันนี้อะเลิกไว เพื่อนกูแม่งหายหัวไปกับเด็กพวกมันแม่งหมดเลย ทิ้งกูไอ้พวกเ*ย”)


“ไม่เอาครับไม่พาลเนอะ”


(“จิ๊!!”)


“ตอนนี้พี่ก็ว่างนะ สะดวกไปเดินเล่นกับพี่ไหมครับ?” ฟังจากน้ำเสียงแล้วแฟนผมคงเหงาแหละครับ ติดเพื่อนก็งี้ แต่ผมก็อยากให้เขาติดผมบ้างเหมือนกันล่ะนะ


(“ช่วยพูดภาษาที่วัยรุ่นอย่างกูเข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหม? สะดวกสะเดิกบ้าอะไรของมึง”)


“ไปเดทกับพี่ไหมครับ?”


(“....”)  อ่าวเงียบเฉยเลย


“ฮัลโหล..ฮัลโหล...ฮัล..”


(“ขับรถมารับกูที่หน้าตึกB  ตู้ด ตู้ด..”)


“อ้าววางซะแล้ว ไม่เข้าใจอารมณ์แฟนเด็กเลยกู”


ผมบ่นกับตัวเองสักพักก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ลานจอดรถซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรมาก ผมเดินไปผมก็คิดเรื่อยเปื่อยไป ผมกับแฟนคนนี้คบกันได้ประมาณ 5 เดือนกว่าแล้วครับ  น้องเขาพึ่งอยู่ปีหนึ่ง ตอนนี้พวกผมก็ปีสอง แต่ถึงจะเพียงแค่ 5 เดือน ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเขาก็เกิดขึ้นเร็วเช่นกัน...  ผมนั่งประจำที่คนขับก่อนจะออกรถไปรับน้องเขาที่หน้าตึกB ไกลพอสมควรครับไปอยู่ตึกนั้นทำไมไม่รู้ ผมขับรถมาเรื่อยๆจนเห็นน้องยืนรออยู่ตรงหน้าตึก ดูเหมือนว่าน้องจะเห็นรถผมแล้วล่ะครับ ผมจอดรถตรงริมฟุตบาท น้องรีบเปิดประตูเข้ามานั่งทันที กลัวคนเห็นตามเคยแหละครับ


“นาน!”  เข้ามานั่งก็บ่นกูเลยนะครับ


“ช่วงนี้ที่รักบ่นจังเลยนะครับ”


ตุ๊บ!


“กูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียก!”  น้องต่อยไปที่แขนของผม ไม่สะเทือนครับแค่นี้ มดกัดยังเจ็บกว่า


“ครับๆ แล้วตอนนี้’ซู’อยากไปไหนไหม?”  ‘ซู’ ชื่อแฟนผมเองครับ ชื่อน่ารักใช่ไหมล่ะ


“หิว”


“ครับผม แล้วอยากไปทานที่ไหน?”


“ถามอะไรเยอะเนี่ย กูหิว กูคงอยากไปสนามบาสมั้ง!”


“แหม ผมก็ไม่ได้เป็นผู้หยั่งรู้นะครับ พูดแค่’หิว’เนี่ย ผมพาคุณไปได้ทุกทีเลย คุ้ยถังขยะยังได้” ผมเปล่ากวนครับ แค่พูดลอยๆ แต่ดังไปหน่อย


“กวนตีน!!”


“เปล่าครับ แหม อยากพึ่งงอนสิ” ผมยืนมือไปลูบเส้นผมนิ่ม แต่น้องก็ปัดออก


“...” งอนไปเรียบร้อยครับ


“งั้นไปร้านบิงนมซูไหมครับ?” 


น้องนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าตอบ


“จ่ายใครจ่ายมันเนอะ หึหึ” น้องมันจ้องตาขวางเลยครับ พร้อมตอบกลับมาดังๆว่า...


“เออ!!”


น่ารัก น่าเอ็นดูนะครับ เฮ้อ...




“ทนหิวนิดนึงนะครับ” ตอนนี้ผมก็ยังนั่งอยู่ในรถแหละครับ รถติดมาก เวลานี้นักศึกษาเขาก็หาตะลอนไปทั่วแหละครับ เที่ยวเล่นกันสร้างมิตรภาพกับเพื่อน คนที่นั่งข้างๆผมก็เช่นกัน คงอยากจะเที่ยวกับเพื่อนบ้าง เอ้ะ แต่จะว่าไปน้องมันก็เที่ยวกับเพื่อนบ่อยจะตายไปนี่นา แล้วกับผมล่ะ?


“รถเยอะฉิบหาย”  แน่ะ พูดไม่เพราะ


“ใจเย็นครับ แล้วซูกินข้าวเทื่ยงมารึเปล่าหืม? ทำไมดูหิวมากขนาดนี้” จะบ่นให้ดูครับ ถ้าบอกว่ายังไม่กิน


“กินแล้ว”


“กินหรือดมครับ”


“จิ๊!” หงุดหงิดง่ายจริง


“ครับๆพี่ไม่ถามแล้ว”


กว่ารถจะขยับก็นานพอสมควรเลยครับ ซูแทบจะงับหัวผม ถ้าโกหกว่ากินข้าวเที่ยงแล้วเตรียมตัวโดนคาดโทษเลยนะครับ โทษฐานทำให้กังวล และเป็นห่วง


“นั่งด้านในสุดนะ” ถึงร้านปุ้บลงปั้บเลย น่าจะหิวจริงจังนะครับ มีพิรุธสุดๆ


ผมก้าวขาออกจากรถ ก่อนจะเดินเข้าร้านตามซูไป โอ้โห นั่งในสุดจริงๆครับ มุมอับเลยก็ว่าได้


“มุมมันอับไปไหมครับ จะหายใจสะดวกรึเปล่า?”


“เวอร์แล้วมึง อับตรงไหนว่ะ”


“แสงก็แทบจะส่องไม่ถึงเนี่ยนะครับ”


“เออน่า นั่งไปเหอะกูชอบอ่ะ อีกอย่างคนก็ไม่วุ่นวายด้วย ใกล้ห้องน้ำอีกตั้งหาก”


“นี่กะจะกินให้ได้เข้าห้องน้ำเป็นร้อยรอบรึเปล่าครับ?”


ตุ๊บ


ทุบผมเลยครับ หึหึ น่ารัก


“เมนูค่ะ”


พนักงานยืนเมนู และใบสั่งออเดอร์มาให้ ซูก็เร็วตามเคยครับ สั่งไปเยอะมาก ผมต้องดุซะหน่อย


“ซูครับ สั่งเยอะไปแล้วครับ”


“ก็กูหิวหนิ”


“กินเยอะไปเดี๋ยวปวดท้องนะครับ”


“เรื่องของกูครับ” ประชดสินะครับ ชักจะโกรธนิดๆ


“กินไม่ทัน มันก็ละลายหมดนะครับ กินหมดค่อยสั่งอีกก็ได้” ผมบอกน้องดีๆ น้องมันก็นิ่งไปนิดครับ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“...มึงจะกินไหม?”


“เอากาแฟปั่นมาก็พอครับ” ผมก็ไม่ค่อยชอบของหวานอ่ะครับ แต่กินน่ะก็กินได้ แต่พอดีวันนี้มันไม่อยาก


“แล้วบิงซูล่ะ?”


“ไม่ดีกว่าครับ พี่กินอะไรไปเยอะแล้ววันนี้ ซูกินไปเถอะ ถ้าพี่หิวเดี๋ยวพี่แย่งซูกินก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ น้องมันทำยู่ปากทันที แม่ะ ทำแบบนี้ผมก็อยากจะจูบสักทีสองทีเลยครับ หึหึ


“ตามใจ” น้องบอกแค่นั้น พนักงานก็เดินกลับมาอีกรอบ น้องมันสั่งไปแค่ถ้วยเดียวครับ อย่างน้อยก็ยังฟังผมนิดหน่อย


ผมกับน้องก็นั่งรอครับ คนเยอะมากไม่แปลกที่ต้องรอนาน


“ทนหิวแปปเดียวนะครับ คนเยอะมันก็ต้องรอนานเป็นธรรมดา”


“รู้แล้วเหอะ ...นี่ล็อค”


“ครับ?”


“...ขอบใจ” หึหึ ถึงจะดื้อยังไง แต่ก็ยังมีมุมที่น่ารัก


“อ่า ถ้าเปลี่ยนเป็นจุ๊บที่นึงเนี่ยจะดีใจมากๆเลย”


“ไอ้หื่น!” ผมยิ้มตอบรับ น้องมันก็หน้าแดงขึ้นมาหน่อยก่อนจะพูดตอบกลับเสียงเบา “...เดี๋ยวให้”


ผมยิ้มตอบ ระหว่างรอผมก็มองรอบๆร้าน มุมที่ผมนั่งมองรอบร้านได้เกือบทุกมุมเลย แต่มุมที่ผมนั่งคนมองไม่เห็นเลย ถ้าไม่เดินมาบริเวณใกล้ๆอ่ะนะ  สายตาของผมมองไปรอบๆจนได้ไปเห็นคนที่ผมรู้จักดี เพื่อนสนิทของผม


“ไอ้หมึก” ผมเผลอพูดชื่อของมันออกมา ซูก็มองตามผม ก่อนจะมองมาที่ผม


“เพื่อนมึงหนิ แล้วพี่หมึกเขามากับใครอ่ะ” ซูถามผม แหม กับเพื่อนผมทุกคนน้องมันก็เรียกพี่แหละครับ แต่กับผมข้อยกเว้น ผมมองคนที่มากับไอ้หมึกด้วย ผมกระตุกยิ้ม เพื่อนผมนี่ก็เร็วเหมือนกันนะครับ ไอ้หมึกที่จริงมันอยากบอกชอบพินนานแล้วล่ะครับ แต่ไม่มีโอกาส อีกอย่างไอ้เนี่ยมันขี้เก็กนิดหน่อย แต่เป็นสำหรับคนที่มันชอบนะครับ แต่กับคนอื่นคงจะเป็นนิสัยมันจริงๆนิสัยที่ออกเย็นชาหน่อยๆ


“เอ้ะ นั่นพี่พินหนิ ทำไมมาด้วยกันล่ะ?” รู้สึกว่าต่อมเผือกน้องทำงานแล้วครับ พอดีกับที่พนักงานมาเสิร์ฟ ผมก็ไม่อยากให้น้องยุ่งเรื่องของไอ้หมึกมันเท่าไหร่ เลยพูดขัดขึ้น


“พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ซูกินเถอะครับ เดี๋ยวละลาย”


“พี่พินอยู่คนละเซคกับเพื่อนมึงหนิ”


“พวกพี่รู้จักกันมันก็ไม่ผิดหนิครับ ถึงอยู่คนละเซค แต่ก็อยู่คณะเดียวกัน ตอนปีหนึ่งพวกพี่ก็เรียนคลาสเดียวกันบ่อยจะตายไป” ผมอธิบายไป แต่น้องมันก็จะถามขึ้นมาอีกผมเลยขัดซะเลย “ ถ้าซูไม่รีบกินพี่แย่งนะครับ”


“จิ๊! ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ไอ้บ้าหนิ” ผมมองซูนิ่งๆ


“วันนี้ด่าพี่เยอะแล้วนะครับ” ผมพูดเสียงนิ่งๆเชิงดุ ตามจริงก็ไม่ได้โกรธอะไรน้องมันหรอกครับ แต่หงุดหงิดนิดหน่อยที่เอาแต่สนใจเรื่องพิน ซูเขาชื่นชมพินมากน่ะครับ อยู่เซคเดียวกันไงแถมสนิทกันระดับหนึ่งด้วย เคยได้ยินว่ามาเรื่องนี้ด้วยกันบ่อยอีกต่างหาก พอดีเพื่อนในกลุ่มของพินเป็นพี่สายรหัสของซูน่ะครับ สองคนนี้เลยรู้จักกันแถมยังพูดถูกคอกันอีก ทำให้พี่ชายของซูรู้จักกันไปด้วยอีก คงรู้กันนะครับว่าคือใคร


“อ่า อิ่มจัง” น้องมันนั่งลูบท้องตัวเอง กินไปเยอะพอสมควรครับ ขนาดพวกไอ้หมึกมาที่หลังยังกลับก่อน แต่น้องมันก็แบ่งให้ผมช่วยกินด้วยอ่านะ บอกว่าไม่ให้สั่งเพิ่มก็ไม่เชื่อ


“ใช่ครับ ตอนนี้กลายเป็นหมูแล้ว” ผมหยอกน่ะครับ


“ปากเสีย กูกินไปนิดเดียวเหอะ” ครับ นิดเดียวสำหรับคุณคนเดียว


“ครับ กลับเลยเนอะจะห้าโมงกว่าแล้วเนี่ย ช่วงนี้ฟ้ามืดเร็ว” ผมบอกน้องก่อนจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน น้องกำลังจะหยิบกระเป๋าตังออกมา แต่ผมบอกว่าผมจะจ่ายเอง น้องมันก็เถียงจะจ่ายให้ได้ ผมเลยให้จ่ายแค่ร้อยเดียวเป็นอันจบ


“อวดรวย” น้องมันพูดตอนที่ผมกำลังจะออกรถ


“ก็แค่อยากเลี้ยงขนมแฟนเท่านั้นเอง อวดรวยตรงไหนกันครับ”


“ละ แล้วแต่มึงเหอะ”


“หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ “ซูอยากไปไหนอีกรึเปล่าครับ?” น้องสายหน้า “งั้นพี่จะพาไปส่งบ้านเนอะ มันจะมืดแล้ว”


ติ้ด ติ้ด ติ้ด


เสียงโทรศัพท์ของน้องดังขึ้นมา น้องมันก็รับสายทันที ผมลดเสียงเพลงลง


“ฮัลโหล มีอะไรไอ้เปา” เพื่อนของน้องน่ะครับ น้องพูดเสียงเบามากแต่ผมหูดีครับ ยิ่งนั่งอยู่ในรถเสียงยิ่งก้อง


“(เออซู เครื่องปริ้นกูพังว่ะ ฝากมึงปริ้นงานได้ไหมว่ะ ขอร้องล่ะมึงแม่งงานด่วน)”


“เออได้ ส่งไฟล์มาละกันกูจะปริ้นให้ เครื่องปริ้นมึงนี่พังบ่อยนะ ซื้อใหม่เหอะรอบนี้ เสียตังซ่อมบ่อยไปเสียดาย”


“(คร้าบๆ คุณเพื่อน ว่าแต่มึงเหอะแดรกข้าวยัง ตอนเที่ยงมีให้แดรกเสือกไม่แดรกนะครับ มาหิวตอนเข้าคลาส)”


ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่าครับ น้องมันหันหน้ามาทางผมด้วยสีหน้าเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด ผมก็ไม่ได้หันไปมองน้องอะไรมากหรอกครับ เพราะขับรถอยู่


“แดรกแล้วไอ้สัส แค่นี้นะพ่อกูจะแดรกหัวกูแล้ว” น้องมันรีบพูดก่อนจะตัดสายเพื่อนทันที


“โกหกพี่หรอครับ?” ผมถามเสียงนิ่งปนดุ


“อะ ไอ้เปามันพูดไปงั้นแหละ กูกินอยู่หรอก” น้องพูดกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จับผิดง่ายชะมัด


“พูดความจริงได้ไหมครับ?”


“...”


“...”


ครับ เงียบ ผมจะไม่โกรธน้องเลยครับ ถ้าน้องมันไม่เป็นเป็นโรคกระเพาะ!! แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมเคยบอกไปทำไมไม่เคยฟังกันบ้างว่ะ!!


“…”


“แม่ครับ วันนี้ผมไม่กลับบ้านนะครับ” จากที่เงียบกันไปนาน น้องมันก็โทรศัพท์หาแม่ “ครับ วันนี้ผมจะค้างที่คอนโดพี่ล็อคครับ ...ครับ มีครับ สวัสดีครับแม่”


ค้างกับผมงั้นหรอ? ครับ เตรียมโดนทำโทษเลยเด็กดื้อ!!


“...ไม่ต้องไปที่บ้านนะ ไปคอนโดมึงเลย”


“...” ผมไม่ตอบอะไร ขับรถไปเรื่อยๆดูปฏิกิริยาของน้องต่อไป





ณ คอนโดL


“ขึ้นไปก่อนเลยครับ” ผมบอกน้อง น้องเคยทำกุญแจสำรองให้น้องเขา คีย์การ์ดก็เคยให้เก็บไว้


“จะไปไหน?”


“เปล่าครับ พี่แค่จะสูบบุหรี่”


“ไปสูบบนห้องก็ได้หนิ” ผมพยักหน้าก่อนจะเข้าคอนโด น้องมันก็เดินมาติดๆยื่นมือมาจับมือผมไว้ ผมก็ให้จับครับ แต่ไม่ได้จับมือตอบ ถ้าน้องมันไม่ได้บีบมือผมป่านนี้มันคงหลุดไปแน่


“มึงโกรธกูมาก...”


“ค่อยไปคุยกันบนห้องครับ”


“...” ซูบีบมือผมแน่นขึ้น เฮ้อ เป็นแบบนี้ทุกที


ติ้ง


เสียงลิฟท์เปิดออก ผมก้าวออกเดินไปห้องผมทันที น้องมันก็ซึมๆแหละครับ แต่ผมขอโกรธมั่ง ยอมผมก็ยอมแทบหมดทุกอย่าง แค่ผมขออะไรน้องนิดหน่อยทำไมน้องไม่ยอมทำให้ผมบ้าง...


“เดี๋ยวพี่ขอสูบบุหรี่ก่อนนะ” ผมบอกน้องก่อนจะออกไปที่สูบบุหรี่ตรงระเบียง ซูก็เดินตามออกมา ผมมองน้องนิ่งๆ


“เป็นอะไรครับ? ไม่พอใจอะไรก็พูดครับ พี่บอกแล้วว่าพี่ไม่ใช่ผู้หยั่งรู้”


“...มะ มึงจะประชดกูทำไมล่ะ!”


“...”


“มะ มึงโกรธกู...” น้องมันพูดเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ นี่ผมดูน่ากลัวมากขนาดนั้นหรอครับ


“โกหกทำไมครับ?” ผมถามน้องกลับ ถ้าพูดความจริงตั้งแต่แรก ผมคงจะไม่โกรธมากขนาดนี้หรอกครับ


“กะ ก็มึงจะด่ากูอ่ะ เรื่องแค่นี้มึงจะโกรธอะไรกูนักหนา” เรื่องแค่นี้?


“เรื่องแค่นี้... อ่อ ซูคิดว่ามันเป็นแค่นี้! แต่ซูเคยจำได้รึเปล่าครับว่าไอ้เรื่องแค่นี้น่ะมันแค่จะทำให้ซูเกือบตายมาแล้ว!! ลืมไปแล้วหรอ!! นอนโรงบาลรอบนั้นยังไม่เข็ดอีกหรอครับ!” ผมพูดเสียงดังมาก น้องตกใจมากคงไม่คิดว่าผมจะโกรธขนาดนี้ ผมไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำรอยหรอนะครับ


“...ฮึก” งานเข้าผมจนได้ เฮ้อ


“เฮ้อ ซูพี่เป็นห่วงซูมากนะ พี่รักซูมากด้วย ถ้าซูเป็นอะไรไปพี่คงโทษตัวเอง แล้วซูล่ะ ซูไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยหรอ ซูไม่รักตัวเองบ้างหรอครับ”


“...ฮึก ขะ ขอโทษ ฮึก...” ผมไม่ชอบน้ำตาของซูเลย มันมักทำให้ผมใจอ่อน เช่นในตอนนี้ ซูร้องไห้สะอึ้นจนตัวโยน ความโกรธของผมมันก็ค่อยๆจางไปบ้างล่ะ สงสารแฟนมากกว่า


“ครับ พี่รู้แล้วหยุดร้องครับ พี่ไม่ชอบที่ซูร้องไห้เลย พี่เหมือนใจจะขาดตาม” ผมบอกน้องก่อนจะโอบกอดน้องดึงน้องเข้ามาในห้อง บุหรงบุหรี่ก็ไม่ต้องสูบกันละครับ


“...ฮึก..ฮึก” ผมพาน้องมานั่งที่โซฟา จับน้องมานั่งตักปลอบเบาๆ ซูก็นั่งสะอืนกับไหล่ของผม คาดว่าน้ำมูกคงเต็มบริเวณนั้น


“ซู ฟอด หยุดร้องครับ ถ้าไม่หยุดพี่ปล้ำนะ” ทำจริงนะครับคนอย่างผม หึหึ


ปึ้ก!


“..ฮึก มะ มึงน่ากลัว”


“น่ากลัวอะไรกันครับ คนมันห่วงมากเฉยๆครับ”


“ฮึก..ฮึก กูกลัว ห้ามตะคอกกูอีก”


“ถ้าไม่ดื้อแบบวันนี้อีก มันก็จะไม่เกิดขึ้นอีกครับ”


“ฮึก ล็อคกูรักมึงนะ กูขอโทษ” พูดแบบนี้มันน่าจับปล้ำ


“ครับ ขอโทษแล้วก็อย่าทำอีกนะครับ ห่วงตัวเองบ้าง ยอมฟังพี่หน่อย สำหรับเราน่ะพี่ยอมไปหมดทุกอย่างแล้ว แค่เรื่องนี้เราก็ยอมฟังพี่หน่อยนะ พี่ไม่อยากเห็นเราเข้าโรงบาลอีก”


“อืม เข้าใจแล้ว” น้องมันพยักหน้าเข้าใจ ยืนมือมากอดคอผมไว้


“ฟอด เดี๋ยวพี่ขอไปสูบบุหรี่ก่อนได้ไหมครับ” ผมก็ยังหงุดหงิดนิดหน่อยล่ะครับ ขอไประบายหน่อย


“ทำไมต้องไปสูบ กูไม่ชอบ” ที่ไม่ชอบไม่ใช่อะไรหรอกครับ น้องมันสูบไม่ได้ ถ้าสูบผื่นจะขึ้น ผมไม่เคยเห็นหรอกครับ น้องมันเคยเล่าให้ฟัง ตอนนั้นบอกอยากลองสูบแบบเพื่อน แต่สุดท้ายตัวเองก็แพ้ซะงั้น มันน่าตีก้นจริงๆ


“พี่ขอไประบายอารมณ์หงุดหงิดหน่อย นะครับ”


“ระบายกับกูสิ กูเป็นตัวต้นเรื่อง” น้องมันพูดเสียงจริงจัง แต่คำพูดแบบนี้มัน...


“พูดแบบนี้ระวังเจ็บตัวนะครับ” ผมพูดกระซิบที่หูของน้อง แดงเลยครับ หึหึ


“เออน่า พูดมาก”


“งั้นพี่ขอ...” ผมเว้นคำไว้ น้องมันก็ลุ้น


“ขะ ขออะไร” ทำเป็นเสียงเข้ม แต่รู้ตัวไหมว่าเสียงตัวเองมันสั่นขนาดไหน


“พี่ขอ..ขอจูบ ได้ไหมครับ” ผมขอแค่นี้จริงๆครับ ความจริงอยากขอเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่พรุ่งนี้น้องมันมีเรียนเช้า ผมก็ยิ่งไม่อยากรังแก


“ผีเข้า” 


“ว่าไปเถอะครับ หึหึ” พูดจบผมก็ยื่นหน้าไปจูบน้องทันที ซูก็ตามไม่ทันในช่วงแรก แต่หลังๆก็ไล่ต้อนผมแทน เด็กคนนี้น่ากลัวจริงๆครับ มีอิทธิพลกับผม ผมยอมเด็กคนนี้จริงๆ ยอมทุกอย่างเลย...


*
 

 





 

 



โปรดติดตามตอนต่อไป....

 

เอามาคั่นความจีบ II เฉยเลย ก็อยากบอกเฉยๆว่าเพื่อนของหมึกก็มีคู่เหมือนกัน คู่นี้สายฮา(รึเปล่า)

ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่านกัน คอมเม้น ติ ชม ตามสบายเลย อย่าด่าแรงก็พอ แต่งนิยายยังกากๆอยู่ ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ

 

ตอนหน้าเอาตอนคู่ใครเม้นเลย55+ เอาความอะไรว่ามา อิอิ

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2016 00:55:38 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตอนต่อไปคู่ไหนก็ได้ รออ่านอยู่นะคะ :L2:

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
สาม ความจีบ II



[หมึก บรรยาย]


ระยะเวลาตั้งแต่ที่ผมบอกความในใจกับพินไป ตอนนี้ก็เป็นระยะเวลาสองเดือนเต็มแล้วครับ ก็เท่ากับว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสองเดือนของพวกผม ผมกับพินตกลงเป็นแฟนกันแล้วครับ ดีใจชะมัด ผมได้เห็นมุมอื่นๆที่คนอื่นไม่ได้เห็นจากพิน  แต่พินยังไงก็คือพินครับ ยังน่ารักอยู่เสมอ นี่ผมชมแฟนตัวเองไม่มากไปใช่ไหมครับ? หึหึ ผมยังชมได้มากกว่านี้อีก


“หมึก~ หิวจัง~” เสียงออดอ้อนมาแต่ไกล ตอนนี้ผมกับพินสถิตอยู่ที่คอนโดของผมเอง พินมาพักกับผมไม่บ่อยหรอกครับ แต่เพราะส่วนมากที่มาสถิตที่นี่ผมลากเขามาเอง


“ครับ เดี๋ยวขอทำงานแปปหนึ่งนะ” ผมบอกกลับพินไป พินก็เดินเข้ามานั่งโซฟาที่ผมนั่งอยู่


“ไม่ต้องรีบหรอก พินแค่พูดไปงั้นแหละ วันนี้กินไปตั้งเยอะ คนเลี้ยงดี แหะๆ”


“กินไปเถอะ พินตัวแห้งยั่งกะไม้เสียบลูกชิ้น”  ผมพูดเวอร์ไปงั้นแหละครับ แต่พินเขาก็ตัวเล็กจริงๆ


“แห้งอะไรล่ะหมึก แก้มเนี่ยไขมันเต็มเลย หมึกลองจับดูสิ” พูดจาแบบนี้ใครจะอดใจไหว ผมยื่นมือไปบีบแก้มนิ่มของพินเบาๆ พินก็ทำหน้าตาเหมือนลูกแมวน้อยขี้อ้อน


“หึหึ นิ่มมาก”


พินพยักหน้าเห็นด้วย บอกว่าช่วงนี้ตัวเองกินเยอะ


“นี่พิน...” ผมเริ่มคิดอะไรออกแล้วครับ


“หืม?”


“วันพรุ่งนี้ว่างรึเปล่า” พรุ่งนี้วันเสาร์น่ะครับ


“อืม ว่างนะ ทำไมหรอ? ห้ามชวนพินไปกินนะ ห้ามเด็ดขาด!” 


“หึหึ กลัวอ้วนหรอเนี่ย” พินทำหน้ายู่ “ไม่ใช่เรื่องของกิน แต่จะพาไปเที่ยว” ผมบอกยักคิ้วกวนๆ


“ที่ไหนอ่ะ!?”  ตกใจอะไรขนาดนั้นกัน


“ไม่บอกความลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอง”


“หืม มีความล้งความลับ”


“หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอ ก็มันความลับนี่ครับ แต่สถานที่ที่จะพาพินไปก็ไม่ได้เวอร์วังอลังการอะไรหรอกครับ แค่....ไม่บอก หึหึ



[คนเขียน บรรยาย]


ณ เวลา 22:45 น.


“หมึกอ่าบอกหน่อยนะ” พันธวัชไม่หยุดที่จะถามว่าสถานที่คือที่ใด มนัสวีถอนหายใจรอบที่ร้อย(เวอร์ละ) เขากลัวที่จะหลุดปากบอกคนรักไปเช่นกัน


“พินมันดึกแล้ว รีบนอนเถอะ”


“บอกนิดหนึ่งก็ไม่ได้หรอ”


“พิน” มนัสวีทำเสียงเข้มปนดุ ถ้าขืนยังถามไม่เลิกมีรั่วแน่


“อืม...ก็ได้” พูดจบก็ล้มตัวลงนอน มนัสวีก็เข้าไปนอนข้างๆ สวมกอดด้านหลังเบาๆ


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วครับ อย่างอนหมึกเลยนะ” จูบลงบนผมนิ้ม


“จะเซอร์ไพร์เหรอ?” พูดพร้อมหันตัวมาทางคนรัก


“ประมาณนั้น นอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงเที่ยวนะ”


“อืม ฝันดีนะหมึก จุ๊บ”


“ฝันดี จุ๊บ”




ณ เวลา 8:50 น.


“หมึกโทษทีนะ พินลืมตั้งนาฬิกาปลุกอ่ะ” พันธวัชบอกหลังจากเข้ามานั่งในรถ ขอโทษขอโพยใหญ่เพราะเหตุลืมตั้งนาฬิกาปลุก เพราะมนัสวีเคยบอกเขาว่าถ้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาจะมักตื่นสาย


“ไม่เป็นไร หมึกก็สายเหมือนกัน เราไปหาอะไรกันกินก่อนเนอะ” ตื่นมาก็อาบน้ำแต่งตัว เพราะพันธวัชร้อนรนมากกลัวจะอดไปเที่ยว เด็กน้อยเสียจริง หาอาหารกันกินร้านข้างทางง่ายๆ พันธวัชรีบทานจนมนัสวีดุเอาเดี๋ยวจะสำลักพอดี ได้อดไปเที่ยวจริงๆแน่ สถานที่ที่จะไปก็ไม่รู้พันธวัชจะเคยไปรึเปล่า ถ้ารู้แล้วคงหายตื่นเต้นแน่ๆ


“หมึกแล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ? ในกรุงเทพใช่ป่ะ”


“อืม เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”


“ตื่นเต้นจัง~” พูดอย่างอารมณ์ดี มนัสวีหัวเราะในลำคอ น่ารักทุกบริบทตลอดจริง ขับรถไปนานจนถึงสถานที่เป้าหมาย พันธวัชจ้องอย่างอึ้งๆ


“หายตื่นเต้นไปเลยสินะ หึหึ” มนัสวีถามขึ้นหลังเห็นอาการ คงกำลังด่าเขาในใจ แต่เปล่าเลยพันธวัชรู้สึก...


“ที่นี่เหรอหมึก! สุดยอดเลย!!” พันธวัชเอ่ยอย่างดีใจ เขาเคยพูดกับเพื่อนว่าอยากมามาก แต่เพื่อนก็ไม่ว่างสักคน แล้วอีกอย่างมันก็นานมาแล้ว


“เหมือนฝันเลย ไม่คิดว่าจะได้มาขอบใจนะหมึก” ยิ้มกว้างที่สุดเท่านี้ที่มนัสวีเคยเห็น ดีจัง...


“อ่า น่ารักชะมัด” มนัสวีหันหน้าไปทางกระจกฝั่งตัวเอง แล้วพูดเสียงเบา เขินจนตัวละลาย


“หมึกพูดว่าอะไรนะ?” มันเสียงเบามาก พันธวัชไม่ได้ยินอะไรเลย


“เปล่าหรอก แต่ถ้าเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นจุ๊บสองจุ๊บก็ดีนะ” พันธวัชหน้าแดงทันที ถึงแม้ความจริงมนัสวีแค่พูดเล่นก็ตามเถอะ แต่ก็เขินจนตัวจะไหม้ เลยตีไปที่แขนคนพูดจาลามกเบาๆ ก่อนจะรีบลงจากรถไปซื้อบัตรเข้าชม


“พันธวัชหน้าแดงแล้วน่ารักจังเลยนะครับ เอาเกรดเอไปเลย หึหึ” ยังแซวไม่เลิก ในคลาสมักจะมีคำพูดล้อเกรดเอกับเพื่อนกลุ่มของพันธวัช เพราะพันธวัชได้เกรดเอมาบ่อย ในคลาสก็ตั้งใจเรียนแทบจะถวายชีวิต


“ถ้าไม่หยุดพูดเนี่ย พินงอนนะหมึก” ทำตัวน่ารักอีกแล้ว


“เห้ย โอ๋~หมึกแซวเล่นนิดหน่อยเอง อย่างอนเลยมาเที่ยวกันทั้งที” ที่จริงอยากพูดคำว่าเดทแต่เขาไม่กล้า แหม ถึงจะเป็นฝ่ายจีบก็เขินเป็นนะครับ มนัสวีคิดเช่นนั้น อีกอย่างเขาก็ไม่ใช้คนปากหวานน้ำตาลเรียกมดซะด้วยสิ


“เที่ยววันนี้เดี๋ยวหมึกเลี้ยงเองทั้งหมด ห้ามปฏิเสธวันนี้หมึกเป็นเจ้าภาพ” พูดเองทั้งหมดจนอีกคนยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกจูงมือให้เดินตาม ผู้คนก็จ้องมอง แต่มนัสวีก็ไม่ได้สนใจวันนี้คือวันของเขากับพันธวัช อย่ามัวแต่ไปสนใจคนอื่นเลย


“คนเยอะเนอะหมึก” พันธวัชเอ่ยขึ้น สถานที่ที่พวกเขามากันนั้นไม่รู้ว่าคู่รักจะมาเดทกันในที่แบบนี้รึเปล่า เพราะส่วนมากคนที่มาที่นี้จะมาเป็นครอบครัวซะส่วนใหญ่ สถานที่ที่ว่าคือ ‘สวนสัตว์’


“เป็นธรรมดา” มนัสวีพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปซื้อบัตรเข้าชม ได้บัตรมาก็กลับไปที่รถก่อนจะขับไปยังลานจอดรถ ถ้ามาสายกว่านี้รถคงติดน่าดู


“ไปดูอะไรก่อนดี แต่หมึกคงจะให้ได้อยู่ที่นี้ถึงประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งนะ ตอนนี้ก็เก้าโมงสี่สิบ คงจะมีเวลาเที่ยวชมแค่สองชั่วโมงกว่า”


“สามชั่วโมงไม่ได้เหรอหมึก สวนสัตว์มันกว้างมากนะ”


“สองชั่วโมงก็ชมหมดได้ครับ ถ้าไม่จุใจเดี๋ยวพามาอีกก็ได้”


“อืม..งั้นก็ได้ ว่าแต่ทำไมหมึกกลับเร็วจังอ่า จะไปไหนต่ออีกเหรอ?”


“ประมาณนั้นครับ ไปเช่าจักรยานกัน” มนัสวีพูดตัดบททันที


“แน่ะ มีความล้งความลับอีกแล้ว” พันธวัชพูดได้แค่นั้นก็จะโดนลากไปเช่าจักรยาน ทั้งสองตัดสินใจเช่าคนละคัน ก็จะตะลุยเที่ยวชมสวนสัตว์ให้เต็มที่ ถ่ายรูปเก็บไว้ให้เตือนเป็นความทรงจำที่ดี


“อ่า ร้อนจัง” พันธวัชบ่นนิด หลังจากเที่ยวมาได้เกือบสองชั่วโมง


“หมึกก็ลืมว่าอากาศมันร้อนเลยลืมเอาหมวกมาด้วย” พูดพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าของพันธวัชเช็ดให้เจ้าตัว เหงื่อออกก็เยอะ หน้าก็แดง ถ้าพันธวัชป่วยเขาคงรู้สึกแย่


“ขอบใจนะหมึก เดี๋ยวพินไปซื้อน้ำนะ”


“เดี๋ยวไปด้วย” มนัสวีกำลังจะลุกยืนแต่คนตรงหน้าห้ามไว้ก่อน


“ข้างในคนมันเยอะ เดี๋ยวพินไปคนเดียว รออยู่นี้นะห้ามไปไหน” พูดจบก็รีบเดินไป มนัสวีรู้สึกเหมือนโดนแม่สั่งตอนสมัยที่ยังเด็ก หรือคนนี้จะเป็นแม่ในอนาคตของเขากันนะ


“แม่ง ร้อนชิบหาย” มนัสวีสบถออกมา หลังจากรอพินไปได้สักพัก


“ขอโทษนะคะ” เสียงเรียกของหญิงสาวดังขึ้นมา ทำให้มนัสวีหันไปมองจึงพบหญิงสาวสามคน แต่คนที่พูดขึ้นน่าจะคนเดียว


“ครับ?”


“เอ่อ..คือ..พี่ใช่พี่หมึกคณะวิศวะรึเปล่าคะ?” หนึ่งในสามสาวพูดขึ้น


“ครับ” มนัสวีพูดพร้อมพยักหน้าเบาๆ ไม่ยิ้มตอบอะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเจอสาวสวยมาทักคงจะมียิ้มมุมปากนิดหน่อยล่ะนะ แต่ตอนนี้ขอบาย...


“คือว่าพวกเรา...” สาวรุ่นน้องยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงดังขัดมาก่อน


“หมึก!” มนัสวีหันไปทางต้นเสียงทันที ฟังจากน้ำเสียงแล้ว...งานงอกแน่ไอ้หมึก แถมอีกคนยังตะโกนขึ้นมากซะดังจนคนมองอีก ซวยแล้ว


“พี่ขอตัวนะครับ” หมึกว่าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาพิน พินก็ทำเจ้าไม่ถูกเช่นกันที่อยู่ก็ตะโกนออกไป อายคนชะมัดเลย ไม่ใช่น้อยๆอยู่ด้วย


“เอ่อ..คือ พะ พิน คือ...” พันธวัชพูดติดอ่าง ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี อยากมุดตัวลงดินมากในตอนนี้


“พวกเขาแค่ถามทางน่ะ” มนัสวีพูดปดออกไป แต่ก็ทำให้พันธวัขรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น


“ก็...อ่ะนี่น้ำเปล่า” พันธวัชทำตัวไม่ถูก “คือ...หมึกเมื่อกี้พิน..คือพินไม่ได้ตั้งใจตะโกนนะ พินคือ..งื้อพินเป็นอะไรไปเนี่ย” พันธวัชพูดอย่างสับสนตัวเอง


“...”


“หมึกอย่านิ่งดิ พินคิดว่าตัวเองเป็นบ้าพูดอยู่คนเดียวนะ” ท่าทางของพันธวัชทำให้มนัสวีแทบจะหลุดขำ แต่ก็ยังเก็บอาการได้อยู่


“หึหึ ช่างเรื่องนี้เถอะ อยากไปดูอะไรอีกรึเปล่า?” เปลี่ยนเรื่องดีที่สุด


“ไม่แล้วอ่ะดูจนทั่วแล้ว กลับเหอะ” ท่าทางพินเริ่มจะอารมณ์เสีย ไม่รู้หงุดหงิดเรื่องเมื่อกี้หรือหงุดหงิดเพราะอาการมันร้อน เข้าใจยากใช่เล่นแหะ


“โอเค”


ทั้งสองปั่นจักรยานกลับไปคืนร้านเช่าก่อนจะเดินกลับรถ เมื่อเข้ารถแล้วหมึกก็รีบสตาร์ทรถและเปิดแอร์ทันทีพร้อมเช็ดเหงื่อให้พิน พินก็ส่งยิ้มให้ในใจก็เขินแทบบ้า หมึกขับรถออกมาจากสวนสัตว์หลังเช็ดเหงื่อให้พินเสร็จ


“ไปกินข้าวในห้างใกล้ๆเนอะ เดี๋ยวหมึกว่าจะไปซื้อของเข้าคอนโดด้วย” พันธวัชพยักหน้าตอบ
มนัสวีขับรถไปถึงห้างหาที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ก็ถามพันธวัชว่าอยากทานอะไรทันที


“พินอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”


“อืม ศูนย์อาหารก็พออ่ะ หมึกล่ะ?”


“แล้วแต่พินครับ วันนี้ตามใจแฟน” ในใจคนที่พูดออกไปก็เขิน แต่คนที่ถูกพูดถึงนี่สิเขินจนจะระเบิด


“อื้อ เขิน” และแล้วก็เก็บอาการไม่อยู่ หมึกยิ้มให้คนกับคนรักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองเดินไปศูนย์อาหารแล้วต่อคิวแลกบัตรซื้ออาหาร มนัสวีก็ออกให้อีกตามเคย พันธวัชก็เคืองนิดๆที่ไม่ให้เจ้าตัวออกเองบ้างแต่ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี รับประทานอาหารเสร็จมนัสวีก็พาพันธวัชไปเลือกซื้อของเข้าคอนโด ส่วนมากก็ให้พันธวัชช่วยเลือก สิ่งของบางอย่างทั้งสองก็พึ่งทราบว่าชอบเหมือนกัน ก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ได้รู้เกี่ยวกับกันและกันมากขึ้น


“โอโห ออกมาปุ้บร้อนปั๊บเลย” พันธวัชบ่นออกมา หลังจากออกมาจากห้าง


“น่าจะชินได้แล้วนะ หึหึ”


“อะเมซิ่งไทยแลนด์~” มนัสวีขำนิดๆกับท่าทางบ๊องๆแต่ก็ยังน่ารักของพันธวัช


“วันนี้กินยาแล้วลืมเขย่าเหรอครับหนูน้อย” แซวไปงั้นแหละ เห็นแล้วเอ็นดู


“กวนอ่ะหมึก วันนี้ตัวเองก็ยิ้มเกือบตลอดเวลานั้นแหละ” ใช่ เพราะส่วนมากน่ะมนัสวียิ้มน้อยมาก แต่วันนี้มาแปลก


“ก็วันนี้มีคนมาเติมความสุขให้หมึกไง” พูดเสียงเรียบเฉย แต่ทำให้คนฟังเขินอีกแล้ว


“วันนี้หมึกบ้าไปแล้ว~” พูดก่อนจะรีบเดินไปที่รถ ปล่อยให้อีกคนเข็นรถเข็นไปที่รถคนเดียว






“หมึกจะไปที่ไหนอีกเหรอ?” พันธวัชถามขึ้นเมื่อมนัสวีขับรถมาไกลและไม่ใช่ทางไปคอนโดซะด้วย


“สถานที่ฝังใจ”


“ฝังใจ? คืออะไรอะ?”


“เดี๋ยวก็รู้ใกล้ถึงแล้ว”


“อีกแล้วนะ” พันธวัชถอนหายใจเบาๆ ทำไมคนๆนี้ต้องมีความลับตลอด
มนัสวีขับรถจนถึงสถานที่เป้าหมาย พันธวัชหันหน้ามาถามคนข้างๆทันที


“ที่นี้มันสวนสาธารนะที่หมึกเคยพาพินมาหนิ”


“ถูกต้องครับ”


“แล้วที่บอกว่าฟังใจล่ะ”


“ฝังใจครับ ฟังไจนั้นมันชีววิทยาแล้ว” (ออกเสียงเหมือนกัน หมึกเลยเล่นมุขกลับเป็นฟังไจของวิชาชีววิทยา)


“ออ โทษที แหะๆ” หัวเราะแก้เขิน “แล้วฝังใจคือ?”


“ก็เป็นสถานที่ที่หมึกบอกชอบคนที่หมึกแอบชอบมานานน่ะ มันเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับหมึกมาก”


“...” พันธวัชรู้สึกเขินกับคำพูดพวกนั้น  ไปไม่เป็นเลยเขินไปหมด


“...” มนัสวีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อหาที่จอดรถในบริเวณสวนสาธารณะได้ ก็เตรียมจะลงไปแต่ทว่า...


เปาะ แปะ เปาะ แปะ


“อ้าว ฝนตกเฉยเลย” พันธวัชพูดขึ้น “เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน เฮ้อ อากาศไว้ใจไม่ได้เลย แต่ว่าฟ้าไม่ค่อยครึ่มเท่าไหร่เลยเนอะ แล้วก็ไม่มีว่าฟ้าร้องด้วย หมึกว่าป่ะ?”


“ตกอะไรตอนนี้ว่ะเนี่ย” มนัสวีสบถออกมา “แผนล่มหมด” มนัสวีพูดดังพอสมควร ทำให้พันธวัชขมวดคิ้วทันที


“แผนอะไรอะหมึก?”


“ก็...เฮ้อ ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะนะ”


“...”


“หมึกมีของจะให้พินน่ะ” มนัสวีเอื้อมมือไปหยิบของที่เบาะหลัง เป็นถุงที่ใส่ของสำคัญไว้ข้างใน แล้วยื่นมาให้พันธวัช อีกฝ่ายก็รับไปอย่างตั้งคำถามมากมายในหัว


“ลองแกะดู”


พันธวัชเปิดถุงออกก็พบกล่องเล็กๆกล่องหนึ่ง มนัสวีเสหน้าไปมองกระจกฝั่งตัวเอง พันธวัชแกะกล่องออกมาก็พบนาฬิกาข้อมือสีฟ้าซึ่งตัวเองเคยบ่นว่าอยากได้และราคาไม่ใช่ถูกๆ ในใจพันธวัชมีแต่คำถามว่าทำไม ทำไมต้องซื้อให้? ทำไมต้องเสียเงินเพื่อเขา?


“ทำไม...” พันธวัชกำลังจะถามคำถามที่คิดอยู่ในหัว แต่โดนขัดเสียก่อน


“สถานที่แห่งนี้หมึกเคยพาคนที่หมึกแอบชอบมาที่แห่งนี้ หมึกไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดคนคนนี้ หมึกแอบชอบเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง หมึกก็ไม่รู้ว่าทำไมหมึกต้องชอบเขา เขาไม่ใช่สเปคหมึกเลย หน้าอกใหญ่ๆก็ไม่มี ขาเรียวสวยก็ไม่มี แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่เขามีอิทธิพลกับหมึกมาก หมึกต้องทำตัวเหมือนว่าคิดกับเขาเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น เก็บความรู้สึกไว้ข้างใน จนวันนึงหมึกได้บอกชอบเขาไป ในใจตอนนั้นหมึกไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลยด้วยซ้ำ ว่าอาจจะผิดหวัง แต่หมึกคิดแต่เพียงว่าหมึกต้องบอกเขาให้ได้ เพราะมันอาจจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่หมึกจะได้บอกความในใจกับเขา...”
มนัสวีหยุดคำพูดไว้สบตากับพันธวัช


“แล้วเขาก็ได้ให้โอกาสนั้นกับหมึก และตอนนี้หมึกก็มีคำที่อยากจะพูดออกไป ซึ่งหมึกก็ไม่รู้ว่าเคยพูดคำนี้ให้เขาได้ยินรึเปล่า...”


“...”


“พิน”


“...” พันธวัชจ้องมองมนัสวี แต่ไม่ได้กล่าวคำพูดใด


“คราวที่แล้วหมึกบอกชอบพินใช่ไหม?” พันธวัชพยักหน้าเขินเบาๆ


“หมึก...หมึก โธเว้ย! จะเต้นแรงไปไหนวะ” พอจะเอ่ยคำนั้นออกไปก็พูดไม่ออกเสียงั้น


“...”


“ฮ่าๆ หมึกตลกอ่ะ” หลังจากที่นิ่งเงียบจากการเห็นอาการมาดหลุดของคนรัก พันธวัชเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ขำออกมา


“โธ่ พิน หมึกอุตส่าห์จะไม่หลุดแล้วเชียว ทำไมต้องทำท่าทางน่ารักตลอดเวลาด้วยเนี่ย” มนัสวีบ่นออกมา


“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มน่ารัก ทำให้อีกคนมาดหลุดไปอีก ต้องปิดปากที่กำลังขำเขาอยู่ตอนนี้ซะแล้ว


“ฮ่าๆ.. อุ๊บ อื้อ...” มนัสวีทำการปิดปากคนรัก พันธวัชก็ดิ้นพยายามผลักอีกคนออกไป แต่อีกฝ่ายจะยอมหรอกนะ มาขำเขาซะได้ ต้องลงโทษ มนัสวีมอบรสจูบของเขาแก่คนรัก จากที่ดิ้นผลักเขากลายเป็นอยู่นิ่งๆรับรสจูบจากอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะตอบรับรสจูบกลับไป ทั้งสองมอบรสจูบให้แก่กันนานจนพันธวัชเริ่มไม่ไหว


จุ๊บ


มนัสวีจูบลงริมฝีปากนิ่มเบาๆก็จะหยุดการมอบรสจูบให้กับพันธวัช คนร่างบางกว่าก้มหน้าเขินอาย ไม่เงยหน้าสบตามอง มนัสวีเลยมีโอกาสที่จะบอกคำนั้นไป


“หมึกรักพินนะ ขอบคุณพินที่ยอมรับหมึก ให้หมึกอยู่ข้างๆตอนนี้ ให้หมึกได้เห็นมุมที่แตกต่างของพินที่คนอื่นไม่เคยได้เห็น ขอบคุณพินมากๆ...” ในที่สุดก็ได้เอ่ยออกไป


“...พินก็ขอบคุณหมึกเหมือนกันนะ”


“...” มนัสวีรอคำพูดต่อไป


“ขอบคุณที่หมึกรักพิน เหมือนที่พินรักหมึก...”


“...”


“...คนที่พินแอบรักมานานเหมือนกัน”
มนัสวีนิ่งไปนิดเมื่อได้ยินคำพูดอีกคำ ‘แอบรัก’ งั้นเหรอ?


“แอบรัก? หมายความว่าอะไร พินแอบรักหมึกเหรอ?” มนัสวีถามอีกฝ่ายด้วยความสับสน แอบรัก? ตอนไหน? เมื่อไหร่? ทำไมเขาไม่เคยรู้


“หมึกดูสิฝนหยุดตกแล้ว ป่ะไปเดินเล่นกัน” พันธวัชไม่สนใจคำถามอีกฝ่าย แต่กลับเปลี่ยนคำถามเอง


“เดี๋ยวสิพิน เฮ้! หนีกันอย่างนี้เลยเหรอโดนดีแน่”


พันธวัชเปิดประตูรถลงไป ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดที่ยังไม่รู้คำตอบ แต่ในความจริงที่มนัสวีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบรัก มนัสวีอาจจะไม่ทันได้สังเกตเลยก็ได้ นี่แหละที่มาของความหมาย ‘คนซื่อบื้อ’








โปรดติดตาม......



ขอโทษที่มาช้าค่าาา ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย ถ้าพบก็บอกๆกันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ


รอลุ้นด้วยตอนหน้าตะเป็น "ความ" อะไร 

นี่ใบ้ไปแล้วนะ55+

*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2016 01:17:56 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
สี่ ความซื่อบื้อ


[หมึก บรรยาย]


“ยินดีต้อนรับค่ะ”


เสียงพนักงานสาวพูดขึ้น เมื่อผมก้าวเข้ามาในร้านหนังสือชื่อดัง วันนี้พินไม่อยู่กับผมครับทำงานกลุ่มกับเพื่อนบอกว่ากลับคอนโดประมาณค่ำๆ แต่คอนโดพินอยู่ใกล้มหาลัยเลยไม่ห่วงอะไรมาก  ผมก็เลยเดินเล่นในห้างแก้เซ็งสักหน่อย เหงาเหมือนกันนะครับช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพินเลย งานยุ่งทั้งคู่


“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” น้องนักเรียนม.ปลายกำลังเลือกดูหนังสืออยู่ ทางเดินช่องหนังสือก็นิดเดียวน่ะครับเลยทำให้ศอกน้องเขาโดนแขนผม เจ็บใช่เล่น นี่แรงศอกผู้หญิงเหรอครับ?


“ครับ” ผมตอบเสียงนิ่ง น้องเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เหมือนขอโทษตามมารยาท แต่น้องคนนี้ผมคุ้นๆนะครับ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่ง


เอ๊ะ! น้อง’เพลิน’


“น้องคือน้องเพลินใช่มั้ยครับ?” ผมว่าผมไม่น่าจะจำคนผิดนะครับ ผมเหลือบมองไปตรงชื่อของน้องเขา นามสกุลนี้ไม่ผิดแน่ๆ


“ค่ะ” น้องตอบแค่นี้ แล้วจ้องพิจารณาผม “เอ๋? คุ้นๆแฮะ”


“จากพินไง” ผมใบ้แค่นั้น น้องมันตาโตขึ้นเลย


“อ๋อ!! พี่นี่เอง จำได้แล้ว กิ๊กพี่พิน ใช่ไหมๆ” โธ่ กิ๊กเลยเหรอเนี่ย


“กิ๊กเลยเหรอครับ” ผมว่ามันดูขำมากเลยครับ น้องเขาก็คงรู้แหละ แต่คงหวงพิน
ก็เป็น ‘น้องสาว’ เขานี่เนอะ


“ตราบใดที่ยังไม่ไปเปิดตัวกับพ่อแม่ ไม่ยอมรับหรอก!” น้ำเสียงห้าวๆแบบนี้แตกต่างกับพินโดยสิ้นเชิง
ผมเคยเห็นพินโดยบังเอิญที่ห้าง ตอนนั้นก็คบกันแล้วครับ พินเขามากับน้องเพลินและน้องชายอีกคนชื่อพีม น้องพีมอยู่ม.ต้นอยู่เลย วันนั้นที่พบกันแบบบังเอิญก็ทำไม่ถูกสิครับ ยิ้มแบบดีใจข้างใน คุณเคยมีความรู้สึกคิดถึงใครมากๆ อยากเจอเขามากๆ ไหมครับ? แล้วถ้าวันนั้นคุณคิดถึงเขาอยากบังเอิญได้เจอเขา คุณจะยิ้มออกมาไหมครับ?  หึหึ เก๊กไว้ไม่ทันเลยที่เดียว แต่น้องของพินเขาก็ฉลาดนะครับ ไม่ถามว่าเป็นแฟนกันเหรอ? แต่ดันพูดว่า


“ฟ้องพ่อ”


คำพูดนี้มาจากทั้งน้องเพลินและน้องพีม พินก็เบ้ปากใส่ พี่น้องครอบครัวนี้ก็น่ารักเหมือนกันนะครับ ดูสนิทกันมากๆด้วย พินก็พูดเรื่องน้องๆเขาบ่อยเหมือนกัน พินเคยบอกด้วยว่ามีน้องสาวก็เหมือนมีน้องชายอีกคน เพราะเพลินห้าวยังกะทอมเลย แถมยังเคยบอกว่าชอบผู้หญิง ใจแมนมากแต่รูปร่างภายนอกนี่หญิงจ้า แต่ผมเชื่อพินนะครับว่าน้องอาจจะเป็นทอม เพราะว่า


“นี่พี่ มาลองงัดข้อกันไหม?”


“ห๊ะ?”


“ถ้าพี่งัดข้อชนะ หนูจะช่วยซัพพอตพี่กับพ่อเลย”


“หึหึ เอางั้นก็ได้”


แต่สุดท้ายผลก็ปรากฏว่า...


...ผมแพ้อย่างราบคาบ แข่ง 3 รอบ แพ้ 3 รอบ น้องเพลินงัดชนะทุกรอบ


...อายแทบทรุดแผ่นดินหนี ผมแพ้งัดข้อกับเด็กผู้หญิง แล้วน้องเพลินก็ตอกย้ำผมอีกว่า...


“อ่อนจริง หรือออมแรงหนิพี่ ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าเจอพ่อหนูรับประกันเลย พี่ตายแน่ 55+”
นั้นแหละครับ ถ้าผมลืมน้องเพลินก็กระไรๆอยู่ ทำเจ็บแสบมาก


“ไม่อยากได้พี่เป็นพี่เขยเหรอครับ?” น้องขมวดคิ้วมอง ก็จะพูดคำที่เจ็บแสบออกมา


“งัดข้อชนะหนูให้ได้ก่อนเถอะครับพี่...” ครับ น้ำเสียงนิ่งๆแต่เจ็บแสบถึงไส้ติ่ง


“ตอนนั้นออมแรง” โกหกครับ อายเด็กชิบหายกู


“อ่อเหรอครับ”


“เป็นผู้หญิงทำไมพูดครับ เป็นทอมเหรอ?” อันนี้ผมสงสัยครับ แต่ดูจากทรงแล้วไม่น่าจะใช่ทอม แต่เลสเบี้ยนนี่เข้าข่าย


“มันติดปาก ยังสงสัยอยู่เลยทำไมเกิดมาเป็นผู้หญิง”


ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด น้องคงรู้สึกโดดเดี่ยวที่ในสายเลือดพี่น้องเป็นผู้ชายทั้งหมดยกเว้นน้องเขาสินะ ผมกะจะปลอบน้องอยู่นะครับ


แต่คำพูดต่อมาเนี่ยอยากจะมีเรื่องกับเด็กเลยจริงๆ


“แต่อย่างน้อยหนูงัดข้อชนะผู้ชาย หนูก็ดีใจแล้วล่ะ...”


พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า แต่แววตาและสีหน้าเนี่ย โคตรกวน...


“พูดบ่อยไปแล้วนะเรา กล้าลองแข่งอีกครั้งมั้ย?”


โดนล้อมากๆเนี่ย ก็จุกนะครับ ท้าทายอีกรอบแม่ง ดูสิเด็กมันจะกล้ามั้ย


“กล้าดิพี่ พร้อมเสมอ แต่ขอเลือกหนังสือแปป”


“โอเค”




“หวา ลืมไปพี่เป็นผู้ชายหนิ” น้องมันพูดขึ้น


“...” ผมเลิกคิ้วถาม


“มันดูไม่ดียังไงไม่รู้ ผู้หญิงกับผู้ชายมานั่งศูนย์อาหารด้วยกันสองขึ้น หวา แย่ๆ” เหมือนจะเริ่มสติแตก


“คิดมากอะไร เราก็เหมือนน้องพี่”


“อย่าให้เจอคนรู้จักก็พอ ไม่งั้นซวย โดนเฉพาะสาวๆ เฮ้อ...” เก็ทแล้วครับ เด็กในสต็อกเยอะชัวร์


“จะว่าไปโทรหาพี่พินดีกว่า” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ก็ดีนะครับ


ผมก็อยากได้ยินเสียงพินเหมือนกัน...


“โหลพิน”


“...” ผมพยายามทำตัวเงียบๆเผื่อจะได้ยินเสียงพิน แต่ไม่ได้ยินแม้แต่นิดเลยครับ


“ตอนนี้เค้าอยู่กับกิ๊กพินแหละ ...บังเอิญเจอกันที่ร้านหนังสือ พี่เขาอยากมางัดข้อด้วย ฮ่าๆ”


เหอะๆ ขำไปเถอะเด็กน้อย


“เคๆได้ ...พี่พินจะคุยกับพี่” น้องเพลินยืนโทรศัพท์มาให้ผม ผมถือมารับ


“ฮัลโหลพิน” ผมพูดไปก่อน


(“หมึกหนีเที่ยว”)  ผมยิ้มขำกับคำพูดของพิน


“เดี๊ยวขอไปหาของกินแปปนะพี่” น้องมันพูดยิ้มๆก่อนจะเดินไป เป็นเด็กที่รู้จักความอยู่นะครับ หึหึ


“หนีเที่ยวอะไรกัน เดินตากแอร์ต่างหาก หึหึ” เหมือนจะได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะ


(“อยากไปเดินเล่นมั้งอ่า แต่เหนื่อยมากกก”) พินบ่นออกมา อย่างที่บอกไปน่ะครับงานช่วงนี้มันเยอะ เพราะต้องเตรียมสอบเก็บ
คะแนน พรีเซนต์งานอีก ท่วมหัวเลยครับ


“หึหึ สู้ๆครับ แล้วตอนนี้พินอยู่ที่ไหน คอนโดรึเปล่า?”


(“เปล่าอ่ะ อยู่หอเฟทมาทำงาน แต่รู้สึกจะมานอนมากกว่า ฮ่าๆ”)  ได้ยินเสียงหัวเราะผมก็ดีใจแล้วครับ


(“หมึกงั้นแค่นี้ก่อนนะ ไปกินข้าวก่อน หมึกก็กินเหมือนกันล่ะ”)


“เดี๊ยวพิน!”


(“หืม?”)


“เอ่อ...หมึกคิดถึงพินนะ”  โว้ย! เขินชิบ!


(“อืม พินก็คิด...ตู้ด ตู้ด”)


อ่าวเห้ย! สายหลุด เชี่ยไรวะ! คนกำลังอินเลิฟอยู่ โธ่เว้ย!!


“อ่าวพี่เป็นไรอ่ะ หน้าบึ้งเชียว” น้องเพลินเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำเปล่า


“คุยอยู่ดีๆก็สายหลุด” คืนโทรศัพท์ให้น้องเพลิน น้องมันก็กดเช็คอะไรนิดก่อนจะยิ้มออกมา


“ฮ่าๆ ตังหมด โทษทีพี่ แล้วเมื่อกี้คุยเรื่องสำคัญกันอยู่รึเปล่าอ่ะ”


“ไม่อ่ะ” หงุดหงิดชะมัดเลยครับ


“เอาล่ะพี่ มางัดข้อกัน”


น้องมันตั้งแขนเตรียมงัดข้อแล้วครับ ผมก็ไม่รอช้าตั้งแขนไปจับกับมือน้องมัน


“หนึ่ง สอง สาม!”


หลังจากจบเลขสามผมก็งัดอย่างสุดแรง แต่น้องเพลินอย่างที่บอกไปคราวก่อนผมแพ้สามรอบรวด น้องแกคงไม่ฟลุ๊คหรือดวงดี
หรอกครับ น้องมันยื้อแรงได้ ต้านกลับผมอย่างไม่ออมแรงเลย น้องมันออกแรงงัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ


แล้วผลการแข่งขันออกมาว่า...


...ผมแพ้ อีกแล้ว


“เชื่อเลยจริงๆ ฮ่าๆ” น้องมันยิ้มขำ ไม่รู้ว่าดีใจหรือสะใจ


“พี่พินแอบชอบพี่ได้ไงเนี่ย เสียดายเวลาจีบของพี่หนูชะมัดเลย”


ห๊ะ! ใครจีบใครกันแน่วะ ได้ข่าวว่าผมเป็นคนจีบนะ


“พี่จีบพิน” บอกน้องไปแค่นั้น น้องมันยิ้มมุมปาก อื้ม ก็เท่นิดนึงนะครับ


“ซื่อไปแล้วพี่ หนูคุยกับพี่พินเกือบตลอด พี่พินก็พูดถึงพี่บ่อยด้วย ก่อนที่พี่จะคบกันอีก”


ผมนั่งคิด จีบยังไงของพินวะ


“พี่เห็นแต่พี่จีบเองตลอด”


“อันนี้หนูก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ เอ่อ ว่าแต่พี่พินเคยบอกพี่ป่ะ ว่าแอบชอบพี่ได้ยังไง”


“ไม่เคยบอก ถามเท่าไหร่ก็ไม่เคยบอก” ถามทีไรพินก็เปลี่ยนคุยตลอด อ้อนนู้นอ้อนนี่แทน เฮ้อ ผมก็ยอมสิครับ


“อืม~” น้องมันยิ้มเจ้าเลห์ “เอางี้ไหมพี่”


“...”


“ถ้างัดข้อรอบนี้ชนะหนู หนูจะบอกเรื่องพี่พินให้ สนป่ะ” แสบจริงๆเด็กนี่


“เอางั้นก็ได้”


ผมกับน้องเพลินก็ตั้งแขนเตรียม รอบนี้ผมต้องชนะครับ ต้องกู้ศักดิ์ศรีคืนมา ไม่ได้สนเรื่องพินแอบชอบผมตอนไหนเลย เพราะยังไงสักวันพินก็ต้องยอมบอกผมเอง หึหึ


“หนึ่ง สอง สาม!”


รอบนี้ผมต้องชนะ! ผมออกแรงเพิ่มขึ้นทันทีเพราะน้องเพลินกำลังต้านแรงผมกลับ  และสุดท้าย...


ผมชนะ


“โหพี่ สุดยอดอ่ะ แหม พอพูดเรื่องพี่พินปุ๊บเนี่ย แรงเยอะเชียว” น้องมันแซวขำๆ


“พี่จำตอนสมัยเจอพี่พินครั้งแรกๆได้ป่ะ” น้องมันเริ่มเปิดประเด็น


ผมนั่งคิด แรกๆ รับน้องเหรอ?


“รับน้อง” ผมพูดแค่นั้น น้องมันทำหน้าเอื่อมระอา


“สงสารพี่พินจัง” น้องมันพูดเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไป


“พี่รู้ใช่มั้ย ว่าพี่พินเป็นคนซุ่มซามนิดหน่อย”


ผมพยักหน้าตอบ


“เหตุการณ์ตอนนั้น พี่พินกำลังจะปั่นจักรยานกลับคอนโด แต่มันก็ค่ำแล้ว หนูก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าไปปั่นท่าไหนถึงได้ปั่นล้ม แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากหรอกพี่พินบอก แล้วก็มีรถยนต์คันนึงมาจอดช่วยพี่พิน เขาช่วยพยุงพี่พินยืนศอกพี่พินถลอกนิดหน่อยแต่มีเลือดออก เขาคนนั้นก็เลยไปเอาขวดน้ำในรถมาล้างแผลให้พี่พิน ทั้งๆพี่พินปฏิเสธไป แต่เขาไม่ฟังอะไรเลย จับแขนพี่พินไปแล้วล้างแผลให้ พี่พอจะจำได้รึเปล่า”


ผมนั่งคิด จำได้สิ จำได้ แต่ผมไม่แน่ใจมาคนนั้นคือพินรึเปล่าเพราะมันมืดแล้ว อีกอย่างตอนนั้นผมก็ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง ความจำมันเลยไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่


“แน่ะ ยิ้มเลยอ่ะดิ” แซวไม่เลิกจริงๆ


“แก่แดดนะเรา” น้องมันหน้างอเลยครับ


“โห ว่าเฉยเลยคนอุตส่าห์บอก” น้องมันบ่นนิดๆ ก่อนจะก้มมองนาฬิกา“งั้นหนูไปก่อนนะพี่ไว้เจอกัน อยากถามอะไรอีกก็ไปถามพี่พินเอา ออ อีกอย่างอย่าทำพี่พินเสียใจเชียวนะ ไม่งั้นมีเรื่อง แล้วถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปบอกพ่อกับแม่หนูด้วย... หนูบอกแค่นี้แหละ สวัสดีครับ”


น้องเพลินพูดจบก็เดินออกจากศูนย์อาหารไป ผมนั่งคิดกับเหตุการณ์ในตอนนั้น ถ้าผมไม่ลงไปช่วยพิน พินจะเปิดใจให้ผมคบด้วยรึเปล่านะ แต่ช่างมันเถอะครับ ถึงพินจะไม่เปิดใจให้ผม ถ้าผมรักของผมแล้ว...


ผมจะไม่มีวันถอยหลังแน่นอน





โปรดติดตาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2016 02:51:54 โดย PolTisChu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ใจกล้าเดินหน้าไปหาพ่อเลยหมึก  :interest: :interest:

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
 :hao5: นึกว่าจะไม่มีคนมาเม้นซะแล้ว ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

เดี้ยวรีบปั่นอีกตอนเลยค่าา

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
ห้า ความดื้อและความโกรธ


[ซู บรรยาย]


“พี่ไม่ให้ไป!”


“กูจะไป!”


เสียงถกเถียงระหว่างผมกับไอ้พี่ล็อคที่กำลังเดือดอยู่ ณ ตอนนี้ เรื่องมันมีอยู่ว่าผมนัดกับเพื่อนไปเที่ยวยามราตรีที่ร้านของพี่ที่รู้จัก ผมไม่อยากให้แม่จับได้ เลยบอกแม่ว่าจะมานอนกับไอ้ล็อค(ไม่รู้จะกลับมานอนทันรึเปล่านะ) แล้วผมก็บอกมันไปอ่ะครับ จากตอนที่มันดีใจว่าผมจะมานอนด้วย แต่หลังจากผมบอกเหตุผล(รึเปล่า)ไป มันก็เป็นอย่างที่เห็นตอนนี้


ติ้ด ติ้ด ติ้ด~


เปา



“โหลมึง”


(“กูมาถึงแล้วนะเว้ย”)


“เออๆ เดี๊ยวกูรีบลงไป”


ผมตัดสายไอ้เปา ผมรีบเตรียมตัวเช็คสภาพ ทรัพย์สินเงินทอง โทรศัพท์อะไรให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินผ่านไอ้พี่ล็อคไปเลย มันก็ดักหน้าผมไว้ ไม่ยอมท่าเดียว


“ช่วงนี้มันมีข่าวว่าเด็กมอเราไปมีเรื่องกับเด็กเทคนิค มันอันตรายนะซู”


“กูดูแลตัวเองได้น่ะ เพื่อนกูก็มี”


“แล้วซูคิดว่าเพื่อนจะปกป้องซูได้เหรอ พี่ว่ามีแต่หาเรื่องให้เพื่อนตัวเองเดือดร้อน พี่รู้นะว่าไอ้หนึ่งในที่ซูเรียกมันว่าเพื่อนเนี่ย มันก็เป็นหนึ่งกับ
ไอ้ที่ก่อเรื่องเหมือนกัน”


ปึ้ก!


“อย่ามาว่าเพื่อนกูและอย่ามาดูถูกเพื่อนกูอีก อย่างน้อยเพื่อนกูก็สู้คน ดีกว่าไอ้พวกที่เก่งปากเห่าคนอื่นไปวันๆ”
มันกำมือแน่นทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ เหอะ วีธีข่มความโกรธเด็กน้อยชะมัด


“ยังไงพี่ก็ไม่ให้ไป! มันอันตรายนะซู ถ้าไอ้พวกเด็กเทคนิค มันยังแค้นเพื่อนซูอยู่ล่ะ แล้วถ้ามันมีอาวุธมาด้วย ซูจะทำยังไง พี่ห่วงซูนะ ฟังพี่
บ้างสิ!”


“เหอะ ยังไงกูก็จะไป ไม่ใช่พ่อกูอย่ามาทำเป็นสั่งกู!!”


ผมผลักมันที่ขว้างทางอยู่ แค่ผลักเบาๆมันยังเซเลย ทำเป็นปากเก่ง เป็นแค่แฟนผมทำไมผมต้องไปเชื่อฟังมัน ผู้ดูแลตัวเองได้มันน่ะสิกลับไปดูแลตัวเองก่อนเหอะ


“ถ้าซูออกไปเพียงแค่ก้าวเดียว ซูจะได้รู้ว่าพี่ก็ใจร้ายกับซูได้เหมือนกัน!!”


ผมหยุดก้าวที่กำลังจะเดินออกจากประตู นี่มันขู่เหรอครับ?


“...เรื่องของมึง”


ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมา โดยที่มันยังตะโกนเรียกชื่อผมอยู่ แต่มันก็ไม่ตามออกมา เก่งแต่ปากอยู่วันยังค่ำ คอยสั่งแต่ห้ามนั้นห้ามนี่ ห้ามไปหมดทุกอย่างจนผมรำคาญ  ผมลงลิฟท์แล้วรีบเดินไปหารถไอ้เปา เห็นมันยืนพิงรถอยู่สงสัยมัยคงรอนาน พอมันเห็นผมมันก็เข้าไปนั่งในรถผมก็เข้านั่งตาม เมื่อมันขับออกมาจากคอนโด ผมรู้สึกอึดอัดในอกแปลกๆ


“เฮ้ย มึงช่วยทำหน้าเหมือนคนหน่อยได้ไหมวะ”


“สัส กูก็คน”


มันหัวเราะลั่น ตลกตรงไหนไอ้สัส มันบอกว่าผมทำหน้าเหมือนปลาบู่ ถ้ามันไม่ขับรถนะครับ โดนถีบตกถนนแล้ว


“ทะเลาะกับพี่ล็อค?”


มันถามขึ้นอีก ผมพยักหน้าตอบ เหมือนมันจะถามอะไรอีก ผมเลยดักมันไว้


“ถ้ามึงถามอะไรขึ้นมาอีกคำเดียว กูเปิดประตูให้รถมึงไปขูดกับมอไซต์แน่!” ผมกล้านะครับ


“อ่าวเฮ้ย! ไอ้สัสพาลว่ะ เออๆกูไม่ถามแล้วก็ได้” ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถมัน ไอ้เปามันจะกระวนกระวายตลอดเวลา แค่รถมันติดขนแมวมันยังเกือบจะร้องไห้ อันนี้ไม่เวอร์ครับ เรื่องจริงเห็นมากับตา




ณ ร้าน BAR BAS CLUB


ไอ้เปามันจอดรถเข้าตรงล็อคอย่างสวยงาม มันบอกว่ารถสวยๆต้องจอดให้สวยๆ อ่าครับยอมมัน เมื่อเดินเข้าร้านไปผมก็มองหากลุ่มเพื่อน โอโห มันประเดิมไปหลายขวดแบบไม่รอพวกผมเลย พอเห็นพวกผมมันก็โบกมือเรียก ตะโกนแข่งกับเสียงเพลง แต่โต๊ะมันก็อยู่ไกลพอสมควร ยิ่งวันนี้วันศุกร์ คนก็เยอะเป็นธรรมดา เล่นเอาหอบไปเลยครับกว่าจะแทรกฝูงคนไปได้


“โหสัส มาได้จริงๆด้วยเว้ย” ไอ้นี่ชื่อกราฟครับ จอมกวนตีน เห็นอะไรแม่งแซวไปหมด ตอนที่ผมเริ่มคบกับไอ้พี่ล็อคจากที่คนอื่นไม่รู้กัน ไอ้นี่แม่งแซวดังจนปิดไม่อยู่


“มันเมาแล้วเหรอวะ?” ไอ้เปามันเห็นท่าทางไอ้กราฟมึนๆนิดๆเลยถามขึ้น แต่ผมว่ามันจะเมาหรือไม่เมาสันดานมันก็เหมือนเดิมนะ


“พวกมึงช้าสัส” ไอ้แท่งพูดพร้อมยื่นแก้วมาให้พวกผม


“ไอ้ซูมันตีกับผัวอยู่ กูเลยรอ” ไอ้เปาพูดจบก็ซัดไปหนึ่งแก้วอย่างไว


“...” ผมซัดไปหนึ่งแก้วตามมันไป แต่ก็ดื่มช้าๆครับ ผมรู้ว่าตัวเองคออ่อน


“ออ มิน่าล่ะเพื่อนกูเงียบเลย แล้วทำไงผัวมึงถึงให้มาวะ” ไอ้กราฟมันมากอดคอผมและเริ่มเสือก ผมรำคาญเลยปัดออก


“อย่าพูดถึงมันได้มั้ย! กูแดรกไม่ลง” พอผมพูดออกไป เพื่อนทุกคนแม่งโห่กันเลย แต่มันก็ยอมเปลี่ยนเรื่องคุยให้ เพื่อนผมที่มาในวันนี้รวมถึง
ผมด้วย มี 6 คน มีผม ไอ้เปา ไอ้กราฟ ไอ้แท่ง ไอ้เทป และไอ้เงิน แต่ที่ผมสนิทสุดๆก็มีไอ้เปากับไอ้กราฟอาจจะเป็นเพราะพวกผมอยู่เซคเดียวกัน ที่เหลือก็พอรู้จักคุยกันรู้เรื่อง แต่ถึงพูดยังงั้นก็เถอะถ้าใครที่ผมเรียกว่าเพื่อน ถ้ามาดูถูกเพื่อนผม ผมก็โกรธเหมือนกัน โว้ยยย ทำไมผมกลับมาคิดเรื่องนี้อีกวะ หน้าไอ้พี่ล็อคมันก็ลอยมาอีก ผมซัดเหล้าเข้าปากไปอีกเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เพื่อนผมนี่ไปเต้นกันมันส์เลยครับ แต่ขอนั่งแดรกไปก่อนดีกว่า ยังพอมีเวลาสำหรับคืนนี้


“หน้ามึงเหมือนคนเบื่อโลกเลยว่ะ” ไอ้เทปมันถามขึ้น ไอ้เทปมันอยู่เซคเครื่องกล ไอ้นี่อ่ะผมเคยเรียนคลาสเดียวกับมันเห็นแม่งหลับตลอด แต่พอสอบจริงๆมันกลายเป็นคนบ้าพลัง คะแนนสอบก็ดีไปตามสมองละความตั้งใจของมัน  แล้วมันก็เป็นไอ้หนึ่งที่ไปมีเรื่องกับเด็กเทคนิค...


“ยังไงวะ?”


“ก็เหมือนคนกำลังคิดเรื่องเศร้าว่ะ” สัส หมอดู


“ตลกสัส...” ผมยกแก้วขึ้นมาดื่มอีก


“นี่จะด่าว่ากูเสือกก็ได้นะ...  มึงทะเลาะกับพี่ล็อคมาใช่มั้ย?” มันถามเสียงนิ่ง


“อืม แม่งงี่เง่า” ผมบ่นๆไป


“กูว่าพี่เขาออกจะเป็นคนมีเหตุผมนะเว้ย”


“สัส มึงเป็นเมียมันอีกคนรึไง?” ผมเริ่มฉุน เลยไม่ทันได้คิดก่อนพูด “เฮ้ยโทษที กูหงุดหงิดมากไปหน่อย ก็แม่งพี่มันงี่เง่าจริงๆนี่หวา แค่กูออกมาเที่ยวกับพวกมึงแค่นี้ ทำมาห้าม บอกว่ามันอันตราย สัส กูก็ดูแลตัวเองได้เหอะ”


“เฮ้อ มึงรู้ใช่มั้ยว่าช่วงนี้กูมีเรื่องกับเด็กเทคนิค”


“เออ” ผมพยักหน้า


“พี่ล็อคเขาก็รู้ไง เขาเลยเป็นห่วงมึง อีกอย่างช่วงนี้กูว่ามันอันตรายจริงๆแหละ ไอ้เด็กพวกนั้นมันก็กัดไม่ปล่อย กูอาจจะทำให้มึงโดนลูกหลงก็ได้ มึงยิ่งตัวเล็กๆอยู่” อ่าวนี่ดูถูก


“ถึงกูจะตัวเล็กแต่กูก็สู้คนเหมือนกันนะเว้ย ไอ้พี่ล็อคน่ะแม่งยังเก่งแต่ปาก จะสู้คนเป็นรึเปล่าก็ไม่รู้”


“เฮ้ยซู! นี่มึงรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่ล็อคป่าววะ” มันพูดเหมือนกับตกใจกับคำพูดผม


“รู้เรื่อง? รู้เรื่องอะไร?”


“ก็พี่ล็อคน่ะ เขาเป็น...” ไอ้เทปกำลังจะพูด แต่ก็มีเสียงเพื่อนมันอีกกลุ่มนึงดังขึ้นมาก่อน


“ไอ้เทป!!” เพื่อนมันวิ่งหอบทำหน้าแตกตื่นมา ก่อนจะพูดต่อ “ไอ้พวกเด็กLXมันกำลังมีเรื่องกับพวกไอ้ดีลอยู่ข้างนอก! แล้วแม่ง มันมากันหลายคน พวกไอ้ดีลแม่งแย่อยู่ตอนนี้”


“แม่งพวกเหี้ย!” ไอ้เทปมันรีบวิ่งออกไป ผมก็กำลังจะวิ่งตามมันไป แต่พวกไอ้เปาเรียกไว


“เฮ้ยซู! เกิดอะไรขึ้นวะ!?” ไอ้พวกนั้นถามขึ้น ผมรีบบอกพวกมันไปอย่างเร่งรีบว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะวิ่งไปช่วยไอ้เทป ไอ้พวกนั้นก็วิ่งตามมา เอาจริงๆผมก็ไม่ได้เป็นคนเก่งด้านการต่อสู้หรอกครับ แต่ถ้าเพื่อนผมเดือดร้อน ผมก็ไม่อยู่เฉยแน่


“เหี้ยเอ้ย!”


พอออกไปก็เห็นพวกมันกำลังปะทุเดือดกัน ได้ยินเด็กของร้านบอกว่ากำลังแจ้งตำรวจ พวกผมรีบเข้าไปช่วยไอ้เทป แต่เอาจริงๆผมนี่ยืนแข็งเลย เจอสถานการณ์จริงผมกลัวจนพูดไม่ออก แต่ผมก็มาอยู่ในจุดที่มันตีกันในครับ ฮือออ สัสกูกลัว แม่งบางคนนี่เลือดกบปากไปแล้ว ฮือออ เอาไงเอากันว่ะ ตายเป็นตาย ผมช่วยเพื่อนที่กำลังโดนรุมโดยการถีบไอ้ตัวหนึ่งออกไป แม่งไม่แฟร์เลยครับพวกมันเยอะกว่าเห็นๆ มีไอ้ตัวหนึ่งมันพุ่งมาที่ผมและต่อยหน้าผมอย่างจังแต่ไม่เจ็บเท่าที่ควรครับ สังสัยมันหมดแรงแล้ว ผมก็เดือดนะครับใครจะไปยอม ต่อยพร้อมถีบแถมไปให้ฟรีๆไม่คิดตัง มันก็ล่มแอ้งแม่งไป พร้อมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีก พร้อมรอบตัวเนี่ยฝูงหมามันยังกัดไม่เลิกอยู่ ผู้สู้ต่อไปอย่างกล้าๆกลัว คือผมไม่เคยเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้เลยครับ แต่ตอนสมัยมัธยมต้น(นานเนอะ) ผมก็เคยเรียนเทควันโดนะครับ แต่ถึงระดับสายเหลือง(อย่าคิดลึกนะครับ)ผมก็หยุดเรียน มันทรมานนิดๆครับสำหรับผม เคยแขนหักครั้งหนึ่งด้วย เลยขอบาย


“เฮ้ยซูระวัง!!” ไอ้แท่งมันตะโกนดังลั่น ผมหันไปอีกทางก็เจอไอ้ตัวที่ผมถีบไปก่อนหน้านี้ถือมีดกำลังพุ่งจะมาแทงผม ผมตัวแข็งทื้อทำอะไรไม่ถูกทั้งๆที่สิ่งที่ผมควรทำคือหลบโลหะแหลมนั่น ผมหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรมตอนมันกำลังจะแทงผม หน้าอนาถชิบหายไอ้ซูเอ้ย!!


แกร๊ว!! ฉึ้บ!!


ผมได้ยินเสียงมีดแทงและเสียงผ้าขาด แต่ผมไม่สัมผัสถึงความเจ็บ ผมลืมตาขึ้นก็พบว่ามีคนมาบังผมไว้...


...ล็อค


“ล็อค!! มึง...” ผมพูดอะไรไม่ออก มันมาได้ยังไง ตอนไหน แล้วมัน...ช่วยชีวิตผมไว้ ผมเห็นเลือดของมันซึ่มที่เสื้อ ฮืออ ทำไมมันเป็นอย่างงี้วะ คนที่ต้องถูกแทงต้องเป็นผมหนิ ไม่เอาอ่ะ ผมไม่อยากให้มันตายเพราะผมนะ ไม่เอาแบบนี้สิ!!


“เชื่อรึยัง!!” มันพูดตะคอกดังขึ้นมา สายตาที่จ้องมาให้ผม น่ากลัว...


“ฮึก กู...” ผมเป่าปี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่มันไม่ได้ฟังผมพูดต่อหรอกครับ มันหันไปจัดการไอ้คนที่แทงมัน ไอ้นั้นมันนิ่งช็อคเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะแทง แต่มันแทงไปแล้วไง อารมณ์โกรธของมนุษย์ยากที่จะควบคุม ไอ้พี่ล็อคมันจัดการเตะ ต่อยไอ้นั้นจนลุกไม่ขึ้น แต่สงสัยยังไม่สะใจพอ มันไปจัดการไอ้พวกที่กำลังจะหนีเพราะเพื่อนมันแทงคนเข้าแต่เพื่อนผมมันจับเอาไว้ก่อน ไอ้พี่ล็อคจัดการไอ้พวกนั้นลุกไม่ขึ้นหนีไม่ได้ตามเพื่อนมันไป


สุดยอด... จัดการคนเดียวแบบไม่กลัวเจ็บ ทั้งๆที่มันถูกแทง...


“...” มันเดินกลับมาหาผม ผมสะอื้นน้ำตาไหลไม่หยุด มันทั้งกลัว ทั้งตกใจ สายตาของมันเหมือนทำให้ผมถูกแช่แข็ง ไม่คงเหลือความเป็นไอ้พี่ล็อคคนที่ผมรู้จักเลย...


“เชื่อรึยัง?” มันถามเสียงนิ่งเดินเข้ามาเรื่อย จนมาถึงหน้าผม มันก็พูดขึ้นอีก “กูถามว่าเชื่อกูรึยัง?!!”


“ฮึก..ฮึก” ผมทั้งตกใจทั้งกลัว มันไม่เคยขึ้นกูมึงกับผมสักครั้ง ทำไมล่ะ?...


“ร้องไห้? แค่นี้ร้องไห้เหรอซู? ไหนบอกสู้คนเป็นไง!! ไหนบอกว่าดูแลตัวเองได้!!”


“ฮึก ฮือ ฮึก” ไม่ต้องทำอะไรแล้วครับก้มหน้าเป่าปี้โชว์อย่างเดียว


พรึบ


“มอง! มองไอ้แผลตรงนี้ เห็นเลือดมันมั้ย!” มันจับใบหน้าของผมบีบคางให้เงยขึ้น แล้วชี้ไปที่ตรงแผลที่มันโดนมีดแทง แต่อาจจะโดนเฉียวๆ แต่เลือดตรงหน้าก็ทำผมกลัวนิดๆนะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นเลือดของมัน...


“ล็อค ฮึก.. ปล่อย ฮึก ฮือ...” ไม่ปล่อยแทบมันยังบีบให้เจ็บกว่าเดิม แต่รู้สึกถึงความยั้งแรงอยู่


“พี่เตือนซูว่ายังไง อย่าลืมสิ”  ผมคิดไปยังคำขู่ของมัน


“ถ้าซูออกไปเพียงแค่ก้าวเดียว ซูจะได้รู้ว่าพี่ก็ใจร้ายกับซูได้เหมือยกัน!!”


มันไม่ได้ขู่ มันพูดจริง ฮึก ไม่...ผมไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้


“เฮ้ยพี่! หยุดเถอะมันเป็นแฟนพี่นะเว้ย!” เพื่อนผมมาดึงไอ้พี่ล็อคออก พี่มันดิ้นสะบัดเพื่อนออก แล้วชี้มาทางผม


“เออแฟน! กูรู้! แต่ถามเพื่อนมึงหน่อยดิ! ว่ากูเนี่ยเป็นแฟนมันรึเปล่า!!” ...จุกเลยครับ แต่ผมเถียงอะไรไม่ได้อยู่แล้วแหละตอนนี้ เพื่อนผมมันก็พูดไม่ออกเหมือนกัน แล้วความเงียบก็ถูกคลุมไปด้วยความอึดอัดและรู้สึกผิด จนตำรวจมาถึงพวกผมต้องไปโรงพักด้วยกันทั้งหมด ไอ้พวกนั้นก็จุกจนลุกไม่ขึ้น น่าสมเพชชิบหาย...





“ซื๊ด”


“อุ้ย! พี่ขอโทษเจ็บเหรอคะ?”


“นิดหน่อยครับ แสบมากกว่า”


“แสบน้อยกว่าเดิมไหมคะ?”


“ครับ พอทนได้”


ไม่ต้องคิดไปถึงไหนนะครับ คือพี่ตำรวจหญิงเขา(อาสา)ทำหน้าที่ปฐมพยาบาลให้ไอ้พี่ล็อคนะครับ เอาจริงๆโรงบาลก็อยู่ใกล้ๆทำไมไม่พามันไป แถมยังให้มันถอดเสื้อโชว์พวกผมอีก โธ่เอ้ย!


“คราวหน้าก็อย่าตีกันอีกเข้าใจมั้ย? โตๆกันแล้วคิดเองบ้าง” พวกผมโดนตำรวจปรับทันศนคติอยู่ครับ เกิดมายังไม่เคยเข้าโรงพักเลยครับ นี่ครั้งแรก...


“ครับ” อ่อนแรงไปตามๆกัน ไอ้พวกเด็กเทคนิคกับพวกผมก็ได้รับการปฐมพยาบาลนะครับ แต่บริการตัวเอง เหอะๆ เหลือบไปมองไอ้คนสิทธิพิเศษแปป ผมว่าน่ะไอ้พวกเด็กเทคนิคดูอาการหนักกว่ายังไงไม่รู้ ไอ้พี่ล็อคน่ะแม่งยังชิวกว่า แล้วเอาตรงๆนะแก้ผ้าโชว์สาวแบบนั้นผมก็หวงนะครับ แต่ตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้หรอก...


“ดีเท่าไหร่แล้วที่พี่เขาไม่เอาเรื่องพวกเธอน่ะ” คือพวกผมมีอยู่สองคดี คือตีกันกับทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ(คดีนี้ไม่เกี่ยวกับพวกผม) พวกผมก็เจ๋ากันไป แค่ลงบันทึกประจำวัน แต่ของไอ้พี่ล็อคนี่สิครับไม่เจ๋ากัน แต่ทว่าพี่มันก็ไม่เอาความเหมือนกัน มันบอกขี้เกียจให้เป็นเรื่องใหญ่ คุณตำรวจแม่งก็แกล้งยุนิดหน่อยบอกจะได้หลาบได้จำ ช่างเป็นที่รักของประชาชน แต่ยังไงพวกมันก็โดนลงโทษอยู่แล้วล่ะครับ แทงคนนะครับ แทงคน แล้วถ้าผมใช้สิทธิ์ในการเป็นแฟนไอ้พี่ล็อคได้ ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่ แต่ตอนนี้ไม่รู้ผมจะมีสิทธิ์นั้นรึเปล่า...


“ขอบคุณนะครับ” ทำแผลเสร็จเรียบร้อย พอดูดีๆชุดที่พี่มันใส่ตอนนี้ทำให้พี่มันโคตรหล่อมหาเทพบุตรเลยครับ สัสแน่ใจว่าเมื่อกี้กูร้องไห้ ไหงมาชื่มชมมันอีกล่ะ


“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วน้องกลับยังไงคะ?” ถามเพื่อ?


“คงนั่งเท็กซี่กลับไปเอารถน่ะครับ” พวกผมโดนยัดใส่รถมาน่ะครับ


“ขับไหวเหรอคะ?”


“ครับ” พี่มันเสียงนิ่งเหมือนเบื่อกับความเผือกของพี่สาว(อันนี้ผมเดาเอา)


แล้วพี่มันก็ไม่ลืมที่จะไหว้พี่สาวตรงหน้าแล้วก็ตรงมาไหว้คุณตำรวจ พี่มันมองมาทางผมหน่อย ผมเม้มปากก้มหน้า แล้วพี่มันก็เดินออกไปแบบไม่ใยดีผม ทำไมผมรู้สึกเจ็บในอกอย่างนี้...


“ฮึก..ฮึก” มันจะเลิกกับผมแน่ๆเลย ถึงผมจะเคยทำมันโกรธมันก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไม่เอาอ่ะ ไหนมันบอกว่ามันรักผมไง ไหนมันบอกว่าจะไม่ทิ้งผมไง “ฮึก..ฮืออ” ผมร้องไห้ไม่หยุดและร้องไห้อย่างเบาที่สุด(ร้องไห้กลั้นเสียงไว้) ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเจ็บแผล แต่ผมกลัวว่ามันจะทิ้งผมไป


“ฉันก็บอกแค่นี้แหละ ใครทำแผลเสร็จก็กลับไปได้” สั่งอย่างกะอาจารย์สอนหนังสือ พวกผมไหว้คุณตำรวจก่อนจะออกจากโรงพัก ผมไม่เห็นพี่มัน... หึ นั่นสินะ จะมารอผมทำไม


“ฮึก ฮึก ฮืออ” ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม ไอ้เปาเลยปลอบ แต่คุณเคยรู้รึเปล่าครับ ว่ายิ่งปลอบคนที่กำลังร้องไห้ มันยิ่งร้องไห้กว่าเดิมนะครับ ไอ้กราฟที่แม่งยังมึนๆอยู่ก็มาปลอบอีกคนแถมมันยังกอดกูอีก กูเหม็นมึงไอ้สัสกราฟ


พรึบ


รู้สึกเหมือนคนกระชากผม ผมหันไปมองก็เจอ...


ไอ้พี่ล็อค... มันยังไม่กลับก่อนผม ผมกลั้นยิ้มในใจ หน้าพี่มันยังเย็นชาไร้หัวใจเหมือนเดิมครับ มันเจ็บทรมานอย่างบอกไม่ถูกเลย


“กลับ” มันพูดเสียงนิ่งก่อนจะดึงผมไปด้วย ถึงจะบอกว่ากลับ แต่ก็มารอโบกแท็กซี่แหละครับ จะมีสักคันรึเปล่าก็ไม่รู้


“ล็อค” ผมยืนมือไปจับมือมัน แต่เอาเข้ากระเป๋ากางเกงไป ใจกระตุกชะมัด... “ฮึก ฮึก...” บ่อน้ำตาแตกอย่างเร็ว ทำไมอ่อนแอ่อย่างนี้วะ!!


“ถึงร้องไห้ยังไงพี่ก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” ครับ ความใจอ่อนไม่มีอยู่เลย มีแต่ความใจร้าย...
เมื่อแท็กซี่มาจอดผมกับพี่ล็อคก็ก้าวขึ้นไป พี่มันงียบตลอดทางจนกลับมาเอารถ พี่มันรีบซิ่งกลับไปคอนโด ตีนผีมาก ผมกลัวมันจะชนไปหมาเข้าสักวัน พอถึงคอนโดพี่มันก็ยังเงียบอยู่ ไม่ชอบเลยจริงๆ...


อึดอัด มันอึกอัดจนหายใจไม่ออก...




[คนเขียน บรรยาย]


เมื่อก้าวเข้าในห้องของชายรุ่นพี่ ซูก็กอดคนรักเอาไว้ไม่ปล่อย จนล็อคได้ทำการลูบหัวซูเป็นไปตามคาดซูมือไม้อ่อนลง ล็อคผละตัวออก ไปนำชุดปฐมพยาบาลมาตรงโซฟา ซูเหมือนจะรู้ตัวและเดินไปนั่งลงที่โซฟา ล็อคตามซูไปที่คลับผ่านGPSมือถือ เขาไปหลังซูแค่สิบนาที เขาแอบดูซูอยู่ในมุมอีกฝั่ง โดยที่ซูไม่ทันรู้ตัว ในใจตอนนั้นเขาก็โกรธแต่มันก็อดห่วงไม่ได้ ตอนที่ซูกับกลุ่มเพื่อนวิ่งออกจากร้าน แต่คนก็เบียดเสียดกันจนยากที่จะออกไป พอออกไปได้เขาก็เห็นคนรักของเขากำลังต่อสู้อยู่ ใบหน้ารอยบอบช่ำ และไอ้เด็กคนนึงจากอีกพวกก็กำลังจะใช้มีดไปแทงคนรักของเขา เขารีบวิ่งไปนำตัวซูที่หลับตาทั้งที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เขานำตัวไปบังและเบี่ยงตัวซูให้หลบ แต่มันก็ไม่ทันเขาถูกมีดเฉียดที่เอวด้านซ้าย แต่ความโกรธเขามีมากกว่าที่จะไปสนใจเรื่องแผลอันแสนธรรมดามากสำหรับเขาเข้าไปจัดการไอ้พวกเด็กเหลือขอต่อทันที สู้จนพวกมันลุกไม่ขึ้น ล็อคยังมีสิ่งที่ซูยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขาเอง และมันก็ไม่ใช่ความลับ แต่ซูต้องรู้ด้วยตัวเอง...


“ซี๊ดอ่า... ล็อคพอเถอะ”


“...”


“ซี๊ด..ล็อคมันแสบ”


“เป็นธรรมดา”


“ตอนอยู่โรงพักเพื่อนกูก็ทำให้แล้ว อีกอย่างแผลมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” แต่สำหรับล็อคมันเป็นแผลที่ใหญ่มาก เขาไม่อยากให้คนรักของตัวเองมีรอยแผลสักที่หรอกนะ ได้ยินจากปากคนรักเช่นนี้ ล็อคทำให้เริ่มอารมณ์หงุดหงิดอีกครั้ง


“ไม่ได้เป็นอะไรมาก! ถ้าโดนมีดแทงล่ะ!! ยังจะไม่เป็นอะไรมากอยู่มั้ย!!” คนตัวเล็กสะดุ้งหลับตาสนิท ข่มอารมณความกลัวเอาไว้


“ฮึก..ฮึก” สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่


“แม่งเอ้ย!!” คนตัวโตโยนสำลีทิ้งก่อนจะใช้มือกวาดทุกสิ่งที่อยู่บนโต๊ะกระจกทิ้ง คนตัวเล็กยิ่งตัวสั่นไปใหญ่ “รีบเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยน


เสื้อผ้า แล้วก็นอนซะ” สั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินไปที่ระเบียงแล้วสูบบุหรี่เพื่อระบายอารมณ์โกรธ หงุดหงิด โมโห และห่วง...
ซูเข้าไปห้องนอนทันที ไม่รอช้าที่จะเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายที่อ่อนล้า


“อ่า..แสบ” ซูลืมตัวว่ามีแผลอยู่ใบหน้าเลยทำให้น้ำอุ่นสัมผัสกับใบหน้าเต็มๆ


ซูอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ยังมานั่งรอล็อคลงบนเตียง มองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเข้าวันใหม่แล้ว


‘วันนี้คงเป็นวันเสาร์แล้วสินะ เฮ้อ’ ร่างเล็กพูดในใจ นอนแผ่ลงที่กลางเตียง


แกร๊ก


เสียงเปิดประตูทำให้ร่างเล็กลุกขึ้นมอง ล็อคปิดประตูแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ โดยไม่หันมามองซูเลยแม้แต่นิด ซูได้กลิ่นบุหรี่ลอยมาจางๆ สงสัยจะสูบไปเยอะ แต่ในตอนนี้ซูคงไม่มีสิทธิ์ไปว่าหรอก ถึงแม้จะไม่ชอบยังไงก็ตาม ซูนอนรอล็อคประมาณห้านาที ล็อคออกมาห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า ซูมองร่างกายนั้นก่อนจะหลบก้มหน้าลง ล็อคกระตุกยิ้มเปิดตู้เสื้อผ้าใส่บ็อกเซอร์แค่ตัวเดียวก่อนจะออกไปทำแผลข้างนอก เขาพยายามให้แผลโดนน้ำน้อยที่สุด แต่ผ้าก๊อชมันก็เปียกนิดๆ พอทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็กลับเข้ามาในห้องนอน เห็นคนรักนอนหันข้างไปอีกฝั่ง ล็อคใส่เสื้อก่อนจะขึ้นมานอนบนเตียง


“ล็อค...” ซูหันกลับอีกฝั่ง ก่อนจะขยับไปกอดแขนล็อค   


“นอน” พูดเสียงนิ่ง เจ้าตัวนอนหันไปอีกฝั่งซ้ายไม่ได้ เพราะจะไปนอนทับแผล


“ล็อค...กูรู้ว่ากูผิด...กูขอโทษ”


“...” อีกฝ่ายแกล้งหลับ เขายังโกรธอยู่ แต่เขาต้องการพักผ่อนมากกว่า วันนี้มันเหนื่อนเกินไป...


“ล็อค..อย่าเงียบสิ” อีกฝ่ายยังรอคำโต้ตอบจากอีกคน แต่ก็เปล่าประโยชน์ ซูจึงเงียบแล้วขยับเข้าไปกอดบริเวณตรงอกของล็อคเพื่อไม่โดนแผล


เวลาผ่านไปสักพัก ล็อครู้สึกถึงริมฝีปากเล็กๆกำลังพรมจูบคอของเขาอยู่ ลามไปตรงแก้มของเขา และจบลงที่ริมฝีปากของเขา เขาไม่ได้เปิดปากให้ลิ้นนั้นเข้ามา แต่คนตัวเล็กก็ฝืนจะจูบคนตัวโตกว่าให้ได้ เลื่อนมือไปลูบไล้ไปตามลำคอ ท้ายทอย และเลื่อนกลัวตรงหน้าอกที่มีเสื้อปกปิดอยู่ แต่นั้นก็ทำให้อีกคนเผลอเปิดปากออกไป มันปากเปิดออกอีกคนก็รีบสอดสิ้นเข้าไปแล้วจูบอย่างเอาแต่ใจ


‘ ร้ายกาจมาก’ ล็อคพูดในใจ พยายามข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้จูบกลับแต่ถ้าอีกคนเสนอมาให้ขนาดนี้ จะไม่สนองกลับไปก็กระไรอยู่นะ


“อื้ม...” ซูครางออกมา หลังจากที่ล็อคสนองกลับไป ไล่ต้อนจูบอีกคนอย่างเหนือกว่ากดท้ายทอยเพื่อไม่ให้หนี และไม่เว้นว่างการจูบให้หายใจ คนตัวเล็กจึงต้องผลักตัวออกอย่างแรง


“แฮ่ก..แฮ่ก” ซูหอบหน้าแดง มองไปยังใบหน้าของอีกคนที่ยังนิ่งเฉย เหมือนไม่รู้สึกอะไร


'ทำหน้าให้มันเหมือนรู้สึกอะไรบ้างสิวะ'


“พอใจแล้วก็นอน” ล็อคดึงตัวซูลงกอดเหมือนกับที่เคยทำเป็นประจำเมื่อซูมาพักด้วย ในบางครั้งซูก็บอกว่ารำคาญ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ให้เขากอดอยู่ดี


“ฮึก...” ซูกลั้นเสียงสะอื้น แต่ความใกล้ชิดทำให้ได้ยินเสียง


ล็อคทำนิ่งไม่สนใจข่มอารมณ์ตัวเองไว้ ต้องไม่ใจอ่อน เหตุการณ์ในครั้งนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าเขาเกิดใจอ่อนขึ้นมาซูอาจจะทำผิดซ้ำอีก ให้ได้จำซะบ้างว่าคนอย่างเขาไม่ได้ใจดีตลอดเวลา ล็อครอให้ซูหลับสนิทก่อนจะลุกขึ้น เขาพยายามขยับตัวไม่ให้ซูตื่นขึ้นมา และก็เดินออกมาจากห้อง


“อ่า ปวดชะมัด”


เขารีบเดินไปเข้าห้องน้ำตรงห้องครัว แล้วเมื่อเข้าไปก็ไม่รอช้าที่จะกำจัดอารมณ์ความต้องการออกไป มันถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ซูจูบแล้วลูบไล้ลำตัวของเขาแล้ว ที่เขาไม่ทำในห้องน้ำภายในห้องนอนก็เพราะเขารู้ตัวดีว่าเสียงของเขาต้องดัง และทำให้อีกคนต้องตื่น เขาก็ไม่อยากจะเสียฟอร์มหรอกนะ เด็กนั้นยิ่งร้ายกาจอยู่ ออนท็อปทีทำเขาแทบบ้า...


“อ่า...” กว่าล็อคจะกำจัดอารมณ์ความอยากออกไปได้ก็นานพอสมควร


 เขาล้างตัวเสร็จก็มานั่งที่โซฟา เขาเห็นซองบุหรี่ก่อนคิดจะไปสูบแต่ก็ต้องชะงัก เพราะก่อนหน้านี้เขาสูบหมดไปตั้งห้าม้วน เกินโควต้าที่เขาเคยสัญญาไว้กับคนรัก


“แต่ละวันมึงซูกี่ม้วนอ่ะ”


“มันก็แล้วแต่วันละครับ”


“ยังไงอ่ะ?”


“ก็บางวันหงุดหงิดมากก็เกือบหมดซอง หงุดหงิดน้อยก็สักสี่ ห้าม้วน”


“ห๊ะ!! มึงจะสูบให้มะเร็งแดรกหัวมึงรึไง!”


“หึหึ ตกใจอะไรขนาดนั้น พี่ก็ดูแลสุขภาพตัวเองอยู่หรอกครับ ออกกำลังกายก็ออกเกือบทุกวัน”


“ดูแลดียังไงก็เป็นโรคได้ เอาอย่างงี้ ในแต่ละวันมึงต้องสูบแค่สามม้วน ไม่สิ ต้องสูบไม่เกินสามม้วน สูบน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ดีที่สุดคือไม่ต้องสูบเลย!!”


“ฮ่าๆ เด็กน้อยเป็นห่วงพี่เหรอครับหืม? ฟอดด”


“พูดกับเรื่องเกี่ยวกับมึง จะให้ไปห่วงหมารึไงเล่า ก็ต้องห่วงมึงดิ!”


“...หึหึ My damage”


“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ?”


“อ่อ แค่อยากจูบเด็กน่ารักเป็นข้อแลกเปลี่ยนน่ะครับ หึหึ”


“ไอ้โรคจิต!! อื้อ..."



ล็อคนั่งคิดเหตุการณ์ตอนที่เขากับซูสัญญากันเรื่องสูบบุหรี่ เหตการณ์ตอนนั้นทำให้ล็อครักซูมากเพิ่มขึ้นไปอีก ยอมลดบุหรี่เพื่อซู ทั้งๆที่มันยากมากสำหรับเขา แต่เขาก็ยอมทำเพื่อเด็กคนนี้ และยอมมาเกือบทุกเรื่อง จนล็อคมานั่งคิดตอนนี้ว่าเขายอมซูเกินไปจนเสียคนจนเกินไปซะแล้ว ในเมื่อเขายอมเพื่อซูแล้ว ในบางเรื่องซูก็ต้องยอมเพื่อเขา ล็อคไม่ได้ตั้งใจจะโหดร้ายหรือใจร้ายกับคนรักของตัวเองหรอก


...แค่ต้องการสั่งสอนเด็กน้อยของตัวเองเท่านั้น






โปรดติดตาม.....



สุดยอดมากตอนนี้ พิมพ์ยาวที่สุดเท่าที่เคยพิมพ์ อาจจะมึนๆคำบางก็คอมเม้นมาบอกได้เลยนะคะ
ตอนนี้ซูทำพี่ล็อคได้แสบมาก แสบจนได้เลือด ดื้อจังเลยเนอะ เดี๊ยวสั่งให้อิพี่ล็อคมีชู้ซเลยหนิ (ซูเอามีดมาจิ้มคอ) แฮะๆ เค้าล้อเล่น แล้วตอนนี้พี่ล็อคก็โกรธหนักโกรธจริงจัง เย็นชาตามฉบับพระเอกคู่รอง
จะว่าไปคู่นี้เด่นกว่าคู่หลักอย่างพินกับหมึกจังเลยนะ ฮ่าๆ ปล่อยคู่หลักเขาหวานน้ำตาลปิ๊ปกันไป
ตรงประโยคสนทนาที่ย้อนอดีต ที่พี่ล็อคพูดว่า  “...หึหึ My damage”
อันนี้หมายถึงซูที่ไปทำลายความเสียหายภายในหัวใจของล็อค พลังทำลายล้างภายในหัวใจ ย้ากก
อั๋นแน่ะ เตรียมวิ่งไปที่ถังขยะเพื่ออ้วกแล้วใช่มะ เรารู้ เพราะเราจัดไปแล้ว ฮ่าๆ  :hao3:
สุดท้ายก็ขอคำติ ชม ให้กำลังใจ ด้วยนะคะ ถึงนิยายอาจจะไม่สนุกมาก แต่ก็ขอสักเม้นสองเม้นหน่อยนะ
ขอบคุณค่า :bye2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 17:31:35 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นิสัยอย่างซูสมควรโดนสอนให้หนักๆ เพราะทั้งดื้อและไร้เหตุผลเกินไป :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ซูดื้อจริงๆทำพี่ล็อคโกรธแล้วเห็นมั้ย รีบง้อเลย

ส่วนคู่หลักหวานกันมาก ต่างคนต่างแอบชอบกัน คิคิ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ต้องพี่ล็อคเท่านั้น ถึงเอาซูอยู่

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ซูควรได้บทเรียนบ้างงง
ล๊อคยอมทุกอย่างขนาดนี้แล้วว

ดื้ออออ

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
หก ความทรมาน


เช้าวันเสาร์


ณ 10:35 น.   


“ ซู...ตื่น”


“...”


“ซู..”


เสียงปลุกที่กำลังเรียกชื่อของเด็กหนุ่มจอมดื้อที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนอันแสนสบาย ทำให้คนที่นอนอยู่รู้สึกหงุดหงิดไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังมีมือที่สะกิดตัวเขาอยู่ด้วย 


“คนจะหลับจะนอน!”


“...”


“...”


อีกฝ่ายที่ถูกตะคอกกลับไม่มีท่าทีใดๆที่แสดงถึงอารมณ์ออกมา ฝ่ายตะคอกใส่กลับนึกคิดได้ว่าตัวเองมีความผิดอยู่


“...”


“..ไปกินข้าว”


ล็อคพูดจบแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป เด็กหนุ่มเมื่อได้รับท่าทีที่ไม่เคยได้รับมาจากคนรัก ก็เหมือนกับตัวถูกแช่แข็งไปทั้งขั้วหัวใจ
    กูไม่ชอบแบบนี้! หยุดทำท่าทีเย็นชาสักทีสิวะ!



พาร์ท ซู


“คุณปิติคะ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว...”


ติ้ด


“ยังไม่ทันจะหนาว ก็มีพายุฝนเข้ามา...”


ติ้ด


“ฉันว่าเราหยุด ก่อนดีไหม ก่อนจะสายไป~...”


ติ้ด ปิ้ก!


ไอ้พี่ล็อคมันปิดทีวีพร้อมกับขว้างรีโมทสุดที่รักของมันลงกระจกใสอย่างเบามือ(เสียงสะท้อนมันดังอะนะ เอาจริงๆผมก็ประชดนั้นแหละ) ผมว่ามัน
คงหงุดหงิดกับช่องพยากรณ์อากาศนั้นแหละ เหอะๆ ส่วนเพลงก็...แค่เพลงอะครับ...


พี่มันหันมามองผมที่กำลันทานข้าวอยู่


“กินเสร็จก็รีบอาบน้ำนะ พี่มีธุระตอนเที่ยง”


ธุระอะไรวะ ไหนวันก่อนๆบอกจะพาผมไปดูหนังไง


“ไหนบอกจะพาไปดูหนัง?”


“ก็แลกกับที่ซูไปเที่ยวเมื่อคืนไง” มันบอกด้วยน้ำเสียงเฉยชา


พอแล้วครับ ไม่กงไม่กินข้าวมันแล้ว กินเข้าไปก็เหมือนจะอ้วกออกมา กลืนแม่งไม่ลง ไอ้พี่ล็อคบ้ากูรู้อยู่หรอกว่ากูผิด ทำไงดีวะ คิดสิวะไอ้ซูไม่งั้น
พี่มันไม่หายโกรธนะเว้ย ผมนั่งคิดไปสักพักมันสมองผมก็ประมวล หึหึ วิธีนี้ได้ผลมาหลายครั้งละครับ


“ล็อค~” ผมดัดจริตเสียงแล้วเดินไปนั่งตักพี่มัน ถามว่าอายไหม ผมบอกเลยจะเหลือเหรอ แต่รับรองพี่มันหายงอนชัวร์ หนำซ้ำ ผมอาจจะเสียตัว
เพิ่ม?


“...” เงียบอีก


“พี่ล็อคครับ~ ขอโทษ~” งุ้ยย เขินเว้ยยย


“รีบไปอาบน้ำ พี่มีธุระ” เฉยได้อีก ฮึ้ยย หงุดหงิดแล้วนะ


“พี่ล็อค ซูขอโทษหายโกรธเถอะนะ นะ น้า… เฮ้ย! ”


กอดคอซบไหล่พี่มันอยู่ดีๆ พี่มันก็อุ้มท่าเจ้าหญิงเฉยเลย อุ้ย พี่มันพาเดินเข้าห้องแล้ว เจ็บตัวแน่ๆไอ้ซูเอ้ย บ้าน่ากลางวันอยู่เลยนะ พูดแล้วก็เขิน
อย่างนี้แหละพี่มันความอดทนต่ำ อิอิ


แต่...


ผิดคาด...


แม่ง! เก็บเศษหน้ากูแทบไม่ทัน


“...รีบอาบน้ำ” เหมือนบ่นกับตัวเองแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำไป


“ไอ้บ้า!!”



ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกะจะไปแกล้งงอนไอ้พี่ล็อคซะหน่อยแต่ทว่าดันมีแขกนั่งรออยู่บนโซฟา...พี่โซ่


พี่ชายของผม


“ไงไอ้แสบ”


“พะ พี่โซ่”


“ก่อเรื่องเหรอมึงเมื่อคืนน่ะ”


“...” ผมสับสนงงไปหมด หันไปหาไอ้ล็อคมันก็ส่งสายตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“กูจะพามึงกลับ และอย่าหวังว่ากูจะให้พวกมึงมาอยู่ด้วยกันอีก”


“พี่โซ่!”


“มึงอย่ามาเสียงดังใส่กู ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นสภาพมึงตอนนี้มึงตายแน่ซู! ไอ้ล็อคมึงก็เหมือนกัน หลงมันมากรึไงห้ะ! ทำไมไม่รู้จักห้ามมัน! แม่ง!”


“...”


“ไอ้ซูกลับไปกับกู” พี่โซ่ลุกขึ้น เดินมาจับข้อมือผม


“ไม่!” ผมไม่ไป ยังเคลียร์กับไอ้พี่ล็อคยังไม่ได้เลย ตราบใดที่พี่มันยังไม่หายโกรธผมก็ไม่ไป


“ผมขอตัวนะครับ ฝากปิดห้องด้วย” ไอ้พี่ล็อคพูดขึ้น ก่อนจะเดินออกไป   


“ล็อค! ล็อค!!” ตะโกนแทบตายมันก็ไม่หันกลับมา


ทำไมล่ะ? ทำไมมันทำเหมือนกับไม่รักผมแล้ว...


ฮืออ ไอ้พี่ล็อคบ้า!!



ณ คอนโด S


“ฮึก ฮืออ”


“มึงหยุดสักทีกูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง”


“ฮืออออ”


ตอนนี้ผมนอนเป่าปี่อยู่ที่ห้องพี่โซ่ พี่มันบอกกลัวผมตายเลยไม่พากลับบ้านเลยให้ผมมาอยู่คอนโดจนกว่าจะสอบเสร็จและไม่ผมไปเจอหน้าพี่ล็อค
ด้วย ฮือออ ตั้งสองอาทิตย์นะเว้ย ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ไอ้ล็อคมันอาจจะมีผู้หญิงมาบินล่อก็ได้


“โว้ย! กูหนวกหู!”


“ฮึก ฮึก”


“แม่ง ไอ้ล็อคมันทนอยู่กับมึงได้ยังไงวะ เป็นกูไม่ทนอยู่คบให้เปลื้องเวลา”


“ฮึก ก็ยังดีกว่าคนนกล่ะกัน” นี่แน่ะ โดนเข้าให้คนเขารู้ทั่วมหาลัยแล้วมั้งว่าพี่โซ่ชอบพี่พิน แต่ตอนนี้พี่พินคบกับพี่หมึกอยู่ หึ สมน้ำหน้า!


“มึงว่าใครหะ! เดี๋ยวกูฆ่าหมกห้องซะเลยหนิ” ไอ้พี่โหด! พูดความจริงแล้วทำเป็นรับไม่ได้


“พี่โซ่...พี่จะไม่ให้ผมไปอยู่กับพี่ล็อคอีกจริงๆเหรอ”


ไม่รู้ทำไมนะครับ ผมรู้สึกผมอยู่คอนโดไอ้พี่ล็อคแล้วมีความสุขและสบายใจดี หรืออาจเป็นเพราะ...มีไอ้พี่ล็อคอยู่ด้วย


“ไม่รู้สิ กูดูพฤติกรรมมึงก่อน มึงน่ะเวลาอยู่กับไอ้ล็อคชอบเอาแต่ใจ และห่าล็อคแม่งก็ยอมมึงซะทุกอย่าง..”


“ไม่ทุกอย่างซะหน่อย”


“เงียบ...นี่ไง เถียงคำไม่ตกฟาก”


“...”


“ซู...มึงรู้ตัวใช่ไหมว่ามึงผิด ถ้าไอ้ล็อคไม่ตัวไปรับมีดแทนมึง กูอาจจะไม่เห็นมึงอยู่ตรงนี้ก็ได้ ไอ้ล็อคน่ะยังดีที่มันยังดวงดีอยู่แต่ถ้ามันซวยเมื่อไหร่ มึงนั่นแหละจะเสียใจ”


“ฮึก..ฮืออ พี่โซ่..”


“โว้ยย จะร้องไห้ทุกนาทีเลยรึไง”


“ฮึก พี่โซ่..พี่ว่าพี่ล็อคมันจะเกลียดผมไหม มันจะเลิกกับผมไหม” โคตรกลัวเลยครับ ผมรักพี่มันมากจริงๆ...


“กูไม่รู้ แต่กูไม่ให้พวกมึงเจอกันแน่ๆ จนกว่าจะสอบเสร็จ”


“...” ต้องหลังสอบสินะ หลังสอบเสร็จ...


“เอ้า! หยุดร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาอ่านหนังสือได้แล้ว! สอบตกขึ้นมาคราวนี้พ่อกับแม่ขังมึงไว้ในบ้านแน่” แม่ง! บ่นจังเว้ย ผมเข้าใจสุดซึ้งแล้วครับ ว่าทำไมไม่ควรอกหักตอนสอบ แม่งความรู้ไม่เข้าหัวสักอย่าง



สองอาทิตย์ต่อมา


“Let it go~ let it go~”


“ชาบูไหมมึง?”


“ไม่อ่ะกูขอนอน”


“ไปๆ ชาบูๆ”


“ไอ้ซู ชาบูป่ะมึง?”


“...”


“ไอ้ซู!”


“เฮ้ย! เชี่ย! เกือบร่วง” ผมสะดุ้งจนมือถือแทบหล่น


“แหม จ้องแต่โทรศัพท์ เผือกได้ป่ะตัวเอง” ไอ้กราฟยื่นหน้ามาส่อง ผมเอียงตัวหลบมัน


“เอ๊ะๆ นั้นมันแอปที่ตามจับผิดแฟนหนิ เอาแล้วๆ โอ๊ย! ไอ้ซูเจ็บนะเว้ย” โบกหัวมันไปที


“ไม่เสือกดิครับ”


“พอๆ ไอ้ซูเมื่อกี้กูถามว่าไปกินชาบูไหม หรือมึงจะเอาไง ไอ้สัสโคมมันขอลาจำศีล”


“จำศีลพ่อง!” ไอ้โคมมันเป็นคนธรรมมะธรรมโมครับ เพื่อนเลยชอบแซวมัน แต่มันก็นิสัยดีครับ ไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนแบบพวกผม แต่เข้าวัดน่ะบ่อย


“เอาไงไอ้ซู” ไอ้เปามันถามอีกรอบ ผมชั่งใจอยู่ว่าจะเอาไง แต่วันนี้ผมกะจะไปง้อไอ้พี่ล็อคไง สองสัปดาห์กว่าที่ผมเห็นพี่มันแต่เข้าไปใกล้ไม่ได้ แถมพี่มันยังไม่สนใจอะไรผมเลย...


เจ็บทนทรมานไปหมด


แอปที่ผมเปิดอยู่ตอนนี้ไอ้พี่ล็อคมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ แล้วแม่งอยู่ซะไกลจัง แอปนี้เป็นความคิดของไอ้พี่ล็อคครับ มันอยากรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน จะได้ไม่ต้องโทรหาผม แต่เวลาผมหนีเที่ยวผมก็ปิดสัญญาณอยู่ดี


“เอ้ย พวกมึงโทษทีว่ะ กูมีธุระ บายนะมึง” บอกพวกมันเสร็จ ผมก็รีบวิ่งไปหาจุดที่ไอ้พี่ล็อคอยู่ วันนี้ผมต้องทำให้พี่มันหายโกรธผม ถามว่าผมกลัวเสียฟอร์มไหม กลัวสิครับ แต่ผมได้ยินคำพูดของเพื่อนหลายๆคนว่า ความรักน่ะมันเกิดขึ้นง่าย แล้วเวลาที่จะสูญเสียมันไปมันก็ง่ายเช่นกัน ถ้าเรามั่วแต่ให้ฝ่ายเดียวรักษามัน จะเรียกมันว่าความรักได้อยู่เหรอ? อีกอย่างความผิดครั้งนี้ผมก็ทำผิดครั้งใหญ่เลยนะครับ เอาแต่ใจตัวเองเกินไป...จนทำให้มันบาดเจ็บ


แฮ่ก แฮ่ก


“หอบชิบหาย อยู่ไหนเนี่ย” ผมมองรอบๆ ก็ยังไม่เห็นพี่มัน เลยเดินไปเรื่อยๆ จะรอบตึกก็ไม่เห็น


“เชี่ย! สัญญาณหาย เอาไงดีวะ!” ถ้าเผื่อมันหนีกลับคอนโดทำไงล่ะเนี่ย กูต้องนั่งแท็กซี่ไปเหรอ เปลื้องตังงง


“รถ...ใช่ หารถพี่มัน ฉลาดๆ” ผมยอมเป็นคนบ้าครับ พึมพำคนเดียวก็เป็น ผมเดินไปหาที่จอดรถที่พี่มันจอดบ่อยๆ ตามคาดครับ พี่มันยังไม่กลับโว้ย เย้! ผมไม่ไปไหนแล้วครับ นั่งเฝ้ารถนี่แหละ ยังไงพี่มันก็ต้องมาที่รถ ผมเดินไปนั่งรอที่ม้าหินอ่อน หึหึ รอพี่มันสักหน่อยอาจจะยังสอบอยู่




20.30 น.


แปะ แปะ


“แม่งไอ้ยุ่งกลายพันธุ์ ตบไม่ตายนะมึง” ผมกำลังสู้กับฝูงยุงอยู่ครับ พี่โซ่ก็โทรมาหาผม ผมก็บอกมันสองอาทิตย์แล้ว แล้วกดวางสายแม่งเลย จะว่ากวนตีนก็ได้ครับ แต่ทำไงได้ล่ะ...


“แม่งมืดชิบหาย ทำไมมันยังไม่มาเอารถวะ” จะว่ายังสอบอยู่ก็ไม่ใช่ เพราะเห็นพี่หมึกกลับไปกับพี่พินแล้ว


“หลบหน้ากูเหรอวะ...” ฮึก น้ำตาจะไหลแล้ว มืดก็มืด กลัวก็กลัว ยุงก็เยอะ


“หึหึ”


เสียงใครวะ? ผมหันไปมองด้านหลังเห็นไอ้พี่ล็อคยืนยิ้มมุมปากอยู่


“ล็อค~ ฮึก” ฮึก ฮึก น้ำตาไหลจนได้ เดินเข้าไปกอดพี่มัน


“มานั่งอะไรตรงนี้”


“รอ ฮึก..มึง”


“...”


“กูคิดถึงมึงนะ ฮึก”


“...”


“ทำไมมึงไม่สนใจกูเลย มึงไม่รักกูแล้วเหรอ? ฮึก” กอดพี่มันแน่นขึ้น


“หึหึ” หัวเราะแบบนี้อีกแล้วกูเกลียดดด


มันหอมหัวผมก่อนจะผลักผมออก ผมเงยหน้ามองหน้าพี่มัน ก็ยังหน้านิ่งๆอยู่


“ละ ล็อค...มึงจะเลิกกับกูเหรอ?”


“หึหึ อย่าพึ่งคิดไปเอง”


“..." แปลว่าพี่มันยังไม่เลิกกับผมใช่มั้ยครับ?


“พี่โกรธมาก รู้ใช่มั้ย?”


“อืม กูก็กำลังง้ออยู่นี่ไง!”


“ถ้าง้อแบบนี้ แถวบ้านพี่ไม่เรียกว่าง้อหรอกครับ”


“...”


“แล้วซูจะกลับยังไง? จะให้พี่ไปส่งบ้านรึเปล่า?”


“ไม่!” ผมพูดเสียงดังไป พี่มันทำหน้านิ่งดุๆ เลยต้องพูดเสียงอ่อนลง “ไม่ไป กูยังง้อมึงไม่เสร็จเลย จนกว่ามึงจะหายงอนกูไม่ไปไหนทั้งนั้น”


“ออ แล้วถ้าง้อพี่สำเร็จจะทิ้งพี่สินะครับ”


“ไม่ใช่นะ!”


“หึหึ จะสามทุ่มแล้ว พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย เรากินรึยัง?”พี่มันถามดุๆ แน่สิครับผมเป็นโรคกระเพาะนี่


ผมส่ายหน้า ก้มหน้ากลัวพี่มันดุ


“เฮ้อ น่าเบื่อจริง!”


พูดจบก็ก็ดึงผมเดินไปที่รถ มันรีบออกตัวรถอย่างเร็วจนผมตกใจ ในรถมันก็เงียบตลอดทาง ผมถามอะไร มันก็ตอบแค่ที่ถามไม่เหมือนอย่างทุกครั้งที่มันจะถามผมก่อนเสมอ


ทำไมมันเจ็บจังวะ หยุดสักทีสิ กูทรมานมากนะเว้ย!




โปรดติดตาม......






สวัสดีค่ะทุกคน ไม่รู้จะยังจำนิยายเรื่องนี้กันได้ไหม ขออภัยอย่างสูงค่ะ หลังจากเปิดเทอมแล้วมันก็ยุ่งๆ ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว ตอนแรกกะจะปล่อยดองไว้เลย แต่ทำไม่ลง ToT เอาจริงอยากทำเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว เพราะตอนนี้เรื่องสั้นก็ไม่สั้นแล้วนะ แถมยังออกกลางมหาสมุทร ฮา
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 19:50:36 โดย PolTisChu »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ดีใจไรต์กลับมาแย้ว..วววว น้องซูต้องอ้อนพี่ล็อคมากๆน๊า พี่เค้าจะได้หายโกรธ   :-[

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หายไปนานเลย   ยังรออยู่ค่ะ    ซูทำตัวเอง  ไม่ชอบนิสัยซู  เอาแต่ใจสุด ๆ  พูดจากับแฟนแบบนี้ไม่น่ารักเลย   เปลี่ยนคำพูดใหม่เถอะ  พี่เค้าอายุมากกว่าด้วย  มาต่ออีกนะ   อย่าดองเลย :pig4: 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu
เจ็ด ความง้อ


ณ ร้านบุฟเฟต์


“ล็อคอันนี้อร่อย ลองกินดู อ้ามม”


“พอเถอะ ป้อนแต่พี่”


“ก็มันอร่อย”


“...”


“ก็ได้ อ้ำ”


เด็กน้อยสุดที่รักของผม กำลังปฏิบัติการง้อผมอยู่ครับ อารมณ์เหมือนได้เมียใหม่ร่างเดิม ฮา เอาตรงๆนะครับ ซูมาทำตัวน่ารักอย่างนี้ ผมอยากจะพาลากเข้าห้องไปเล่นเกมบนเตียงกันสักหน่อย แต่ต้องใจเย็นไว้ ย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่พี่โซ่พาตัวซูกลับไป ผมได้ทำข้อตกลงกับพี่เขาไว้


“สวัสดีครับพี่โซ่”


“มันอยู่ไหน”


“อาบน้ำครับ”


“เฮ้อ ก่อแต่เรื่อง แล้วมึงเป็นไงบ้างได้ข่าวว่าโดนแทง”


“แค่เฉียวๆน่ะครับ ไม่เป็นไรมาก”


“ก็ดี ล็อคกูมีเรื่องจะขอมึง”


“ครับ?”


“กูรู้นะว่ามึงรักน้องกูมาก แต่มึงไม่ควรตามใจมันจนมันเสียคน”


“ผมขอโทษครับ”


“เฮ้อ..ฟังกูนะ ถ้ามึงยังยอมมันยังอยู่ตลอดแบบนี้ มึงได้จบกันไม่ดีแน่”


“...”


“แล้วมึงได้โกรธมันบ้างป่าววะ? หรือยังโอ๋มันอยู่”


“โหพี่ มันก็ต้องโกรธสิครับ แต่พี่ก็รู้ว่าผมรักน้องพี่ แค่น้องมันอ้อนนิดหน่อย จิตผมก็กระเจิงแล้ว”


“เพราะงี้ไงกูถึงตั้งใจจะพาไอ้ซูกับมึงห่างกัน”


“ห้ะ!”


“เออน่า กูแค่จะดัดนิสัยน้องกู ช่วงหลังๆแม่กูบอกว่าไอ้ซูมานอนกับมึงบ่อย ตอนแรกกูก็เฉยๆ แต่แม่งไม่คิดจะหนีเที่ยว มันทำแบบนี้บ่อยไหมวะ”


“ก็..ไม่บ่อยหรอครับ เพราะอายุซูยังอายุไม่ถึงเลยไปได้แค่บางที่”


“เหอะ กูก็พึ่งรู้ว่ามันก็มีเส้นสายเหมือนกัน”


“หึหึ ก็นะ”


“ตามนั้นนะไอ้ล็อค ห่างกันจนกว่าจะสอบเสร็จ”


“โหพี่ตั้งสองอาทิตย์ ผมขาดใจพอดี”


“เออน่า เว้นระยะกันกลับไปคิดเรื่องส่วนตัวบ้าง สอบเสร็จแล้วมึงจะพามันเข้าม่านรูดกูก็ไม่ว่า”


“หึหึ พี่แม่ง”



นั่นแหละครับ ตามนั้นเลย ผมอะอยากสั่งสอนน้องแค่วันเดียว เพราะรู้ว่าน้องมันอ้อนมันง้อเก่ง ให้เป็นอาทิตย์คงไม่ไหว แต่ทีนี้พี่โซ่พาน้องห่างผมไง น้องเลยยังไม่ได้ง้อผม ผมเลยยังจิตแข็งอยู่ แต่มันก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ใครมันยังโกรธอยู่วะครับ มีแต่อยากแกล้ง ฮา อีกอย่างวันๆก็เอาแต่คิดถึงร่างเล็กน่ารักที่เคยนอนกอด คิดถึงปากนิ้มๆที่เคยจูบ แมะ พูดแล้วอยากเลย


ใจเย็นไว้ลูกพ่อ!

“ล็อค เดี๋ยวซูไปตักเพิ่มนะ ล็อคเอาอะไรไหม?” แมะ เปลี่ยนสรรพนาม


“ไม่เป็นไรของพี่ยังเหลืออยู่” ผมทำตอบเสียงนิ่งๆ


“อืม เดี๋ยวมานะ”


จ้าที่รัก เฮ้อ อยากตอบแบบนี้แต่ตอบบ่ได๋เจ้า



ณ คอนโด L


“ล็อคดูซิตอนนี้เวลา 22.22 เขาบอกว่าถ้าเลขตรงกันแปลว่ามีคนคิดถึงแหละ” ซูชี้ไปที่นาฬิกาดิจิตอลในลิฟต์


“หึหึ”


“อื้ออ ง่วงจังเลย”


แล้วก็เอนตัวมากอดแขนผมแน่น ผมเลยลูบหัวไปที แน่ะ เงยหน้ามายิ้มหวานใส่กูอีก อดทนไว้นะไอ้ล็อค ถ้ามึงออกอาการตอนนี้มึงเสียแผนหมดเลยนะ


ติ้ง!


เมื่อลิฟต์เปิดออก ผมมองไปที่หน้าเด็กน้อย มันก็ยิ้มนะครับ เหมือนไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง วันนี้ผมไม่ปล่อยไปหรอก ก็นะโลกสวยด้วยมือเรามาตั้งหลายวัน


“ล็อคจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้ซูอาบก่อน”


ผมยื่นหน้าไปกระซิบมัน


“อาบพร้อมกันดีกว่า”


“ห้ะ! อื้มม” ผมก้มจุมพิตมันไป แต่แปปเดียวครับ


“หึหึ ซูไปอาบก่อนเถอะ” หน้าเอ๋อหน้าแดงไปเลยครับ ฮาฮ่า


“อะ อืม” น้องมันเดินงงๆเข้าห้องนอนไป


ฮาฮ่าได้แกล้งแฟนเนี่ยมันสนุกเสียจริง เชื่อเลยครับว่ามันต้องอาบน้ำนาน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลานอนรอที่โซฟานุ่มๆดีกว่าครับ


หึหึ เสร็จพี่แน่น้องเอ้ย



 ซู บรรยาย


“แม่งผีเข้ารึไงวะ สับสนนะเว้ย”


ผมบ่นๆก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ วันนี้พี่มันต้องหายโกรธผมครับ หึหึ ไม่รู้จักท่าไม้ตายไอ้ซูซะแล้ว ผมอาบน้ำฟอกสบู่ให้ตัวหอมๆ ทำความสะอาดทุกส่วนในร่างกาย เสื้อผ้าผมก็เลือกเสื้อของพี่มันมาใส่ โห ทำไมตัวพี่มันใหญ่จังวะ ผมว่าผมก็ตัวพอๆกับพี่มันนะ(หรอออ) เอาเสื้อแบบติดกระดุม ไม่ต้องติดสองเม็ดบน แม่งหนาวอกมาก กางเกงก็ใส่ขาสั้นมากๆ ไอ้พี่ล็อคมันนั่นแหละครับเป็นคนซื้อมา แต่ผมไม่ค่อยใส่หรอก เสี่ยงโดนล่อ แต่วันนี้อยากโดนล่อครับ อุ๊บ


“ล็อค ซูอาบเสร็จแล้ว”


“…” 


“อ้าวหลับ” โอโห้ หลับเฉยเลย แผนกูจะล่มไหมเนี่ย ผมยื่นมือกะจะเขย่าแขนปลุกมัน แต่ไม่รู้ทำไมครับ ดันเอามือไปลูบแก้มมัน สำรวจมองใบหน้ามัน ตลอดเวลาสองสัปดาห์กว่าๆที่ห่างกัน ทำให้ผมคิดถึงมันมากๆเลยครับ คิดตลอดว่าพี่มันจะเกลียดจะโกรธจนอยากจะเลิกกับผมรึเปล่า ผมดีใจครับที่ยังอยู่กับพี่มันตรงนี้ ผมนั่งลงข้างโซฟาที่พรม ก้มหน้าจูบพี่มัน คิดถึงครับ คิดถึงพี่มัน คิดถึงอ้อมกอดพี่มัน คิดถึงทุกอย่างที่เป็นของพี่มัน


“หึหึ”


ผมถอนจูบ เงยหน้ามองพี่มัน


“จะลักหลับพี่เหรอ?”


“ง้อต่างหาก”


“หึหึ พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” พี่บิดตัวยืดเส้นยืดสาย “วันนี้ง้อพี่ให้เต็มที่เลยนะ” ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ผมรู้สึกหน้าร้อนๆแปลกๆ พอได้สติก็เดินเข้าห้องนอนตามพี่มันไป


ติ้งนิ่ง! ติ้งนิ่ง!


เสียงโทรศัพท์ที่พี่มันวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นครับ ผมส่องดูนิดหน่อย เป็นแชทเตือนขึ้นน่ะครับ ทั้งเฟส ทั้งไลน์ ผมขอเดาเลยว่าต้องเป็นพวกผู้หญิงที่ตามงาบพี่มันแน่ๆ


ติ้งนิ่ง! ติ้งนิ่ง!


คนยิ่งอยากเผือกอยู่ ดูสักหน่อยดีกว่า...


เหอะ! ตามคาด


เบล: ล็อคขอบใจนะ ที่ติวให้อ่ะ ไม่งั้นเราแย่ๆแน่ๆ


ออ อันนี้ยังโอเค แชทต่อไป


กรีน: พี่ล็อคคะ เลิกกับแฟนเมื่อไหร่บอกนะ


แหม กูจำอีนี่ได้ ทอดสะพานไอ้พี่ล็อคมาตั้งนานแล้ว เหอะ เสียใจด้วยนะครับ กูไม่เลิกกับพี่มันหรอกครับ แชทต่อไป


ติ้งนิ่ง!


กรีน: อ่านแล้วก็ตอบด้วยสิค่ะ


โอ้ยย ไม่หยุดนะมึง ได้! เดี๋ยวกูตอบให้


   เลิกยุ่งกับผัวกูซะที


เนี่ยกูตอบให้แล้วนะ บาย


แกร้ก!


พี่มันอาบน้ำเสร็จแล้วแล้วครับเร็วชะมัด วางโทรศัพท์แทบไม่ทัน ดีที่ตัวยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ ไม่งั้นเห็นแน่ๆ เสียงแชทก็ยังดังเรื่อยๆครับ สงสัยน้องเขียวคงช็อคน่ะครับ ฮะฮ่า


“ซูปิดเสียงโทรศัพท์ให้พี่หน่อย” พี่มันบอกพร้อมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมปิดเสียงโทรศัพท์ให้พี่มันก่อนจะเดินไปสวมกอดข้างหลังพี่มัน


“ไม่เห็นจะต้องใส่เลย” ผมลองพูดยั่วๆ


“หึ”


“เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี”


พี่มันปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหันมาทางผม


“ไม่สบายรึเปล่าหืม”


ผมส่ายหน้ายิ้มๆ


“อยากง้อ”


“ง้อยังไงล่ะ”


ผมยิ้ม ยื่นมือไปปลดผ้าขนหนูพี่มันออก พี่มันยิ้มมุมปาก ผมยื่นมือไปจับส่วนนั้นของพี่มัน แล้วขยับเบาๆ พี่มันครางในลำคอเบาๆ จูบไล่หน้าอกพี่มันไปด้วย ดูดเม้มจนขึ้นรอย เงยหน้ายิ้มยั่ว พี่มันจับผมขึ้นจูบ ผมก็ไม่เล่นตัวครับ ก็ง้อพี่มันนี่นา


“ร้ายกาจ...” พี่มันกระซิบเบาๆ ก่อนจะอุ้มผมไปที่เตียงแล้วขึ้นคร่อม


“คิดถึง” ผมบอกไป พี่มันจูบปากผมเบาๆ ก่อนจะจูบไปตามลำคอ ดูดเม้มจนเจ็บ ขึ้นรอยแน่ๆ แต่ก็ชอบนะครับ แค่ตอนนี้


“ตัวหอมจังเลย”


“อ่ะ ละ ล็อค อื้ออ” พี่มันดูดยอดอกผมเบาๆ ผมกอดคอพี่มันแน่น แอ่นอกรับพี่มัน


“น่ารัก...อืมม”


“ชะ ชอบไหม”


พี่มันหยุดการกระทำทุกอย่าง เงยหน้าขึ้น


“หึหึ ชอบ...แล้วคิดยังไงมาใส่เสื้อพี่เนี่ย”


“...” ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงอ่ะครับ แต่ในเน็ตเขาบอกว่าถ้าใส่เสื้อแฟนมันจะช่วยกระตุ้นอารมณ์


“ฟอดด เฮ้อ วันนี้พี่เหนื่อยมากเลย ซูทำเองได้ไหม” ห้ะ! เฮ้ย! ไอ้พี่ล็อคบ้ามันยกตัวผมนั่งอยู่ตัวพี่มัน กูรู้เลยว่าจะให้ทำอะไร


“ละ แล้วจะให้ทำยังไง” ลองถามโง่ๆดูครับ


“ยังไงก็ได้ที่เขาเรียกว่า ‘ง้อ’ ” ฮึ้ยย แม่งไม่ช่วยอะไรเลยยย


เอาว่ะ เริ่มแรก ต้องถอดเสื้อ


ผมไล่ถอดกระดุมจากเม็ดล่างสุด มองไปหาพี่มันก็ยิ้มเจ้าเลห์


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


โธ่เอ้ย เต้นให้มันช้าๆหน่อยดิ มือกูสั่นไปหมดแหละ แต่ด้วยใจอันกล้าแกร่ง ผมก็พยายามแกะกระดุมไปเรื่อยๆจนมันหลุดไปหมด เงยหน้ามองพี่มันก็ยิ้มพอใจแบบหล่อมาๆ ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที ไอ้บ้าไม่ต้องทำตัวหล่อแบบนี้ก็ได้ปะ


ฟุบ


“อื้อออ  ล็อค~ อย่ายิ้ม~” ผมพึมพำอยู่อกพี่มัน


“อ้าว ไหนบอกจะง้อไง หึหึ”


“ก็...”


“...”


“..เขิน~~”


“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย เขินก็ส่วนเขินสิ ง้อก็ง้อ”


ผมเงยหน้ายู่ปากใสพี่มัน ไม่เขินก็ได้เว้ย แล้วทีนี้...


ต้องทำไงต่อครับ?


ผมยิ้มอ้อนใส่พี่มัน พี่มันหัวเราะเบาๆในลำคอ ยันตัวลุกขึ้นมาจูบผม


จุ๊บ


“หึหึ เด็กน้อยเอ้ย ฟอดด รักพี่ไหม?”


ผมพยักหน้า


“พูดด้วยสิ” ข่มจังเว้ย พี่มันพูดไปยุกยิกกับคอผมไป


“รัก”


“รักมากไหม?”


“มะ มาก” แล้วมันจะถามทำไมครับ คนตอบมันก็เขินเป็นนะเว้ย


พี่หยุดยุ่งกับคอผมแล้วเงยหน้ามาสบตาผม


“แล้วทำไมซูไม่เคยฟังที่พี่พูดเลย?”


อึก


ผมรู้สึกน้ำลายมันไปรวมตัวกันอยู่ในลำคอ เหมือนไปกั้นลมหายใจของผม


“...”


“พี่รู้ว่าเพื่อนก็สำคัญกับซู สำคัญมากเลยล่ะ สำคัญกว่าพี่ด้วย หึ หรือว่าที่จริงพี่แค่สำคัญตัวเอง”


“มะ ไม่ใช่...”


“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าที่ซูกำลังทำตอนนี้ คือซูเสียใจจริงๆ หรือแค่ทำให้พี่หายโกรธและซูก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ถ้าเป็นอย่างหลัง... พี่ว่าเราเลิก...”


“ไม่เลิก! อย่ามาคิดเอาเองสิ! ฮึก...” ผมตะโกนเสียงดัง ก็มันตกใจนี่นา มันกำลังจะบอก..เลิก


“แน่ใจเหรอ? ไม่อึดอัดซูแย่เหรอ?” แล้วทำไมต้องพูดแดกดันเล่า!


“ฮึก ไม่..ไม่นะ ไม่เลิก ขอโทษล็อค ขอโทษ ฮือออ” ผมกอดพี่มันแน่น พี่มันลูบหัวลูบหลังเบาๆ


“หยุดร้องๆ ไม่เลิกก็ไม่เลิก แต่แน่ใจแล้วนะ?”


“อืม” ผมพยักหน้า กอดพี่มันไม่ปล่อย


“โอเค พี่ยอมก็ได้ แต่อย่าทำอีก” พี่มันพูดคำหลังเน้นๆ


“อืม ฮึก..ล็อค”


“...”


“ยังรักกันอยู่ใช่ไหม?”


พี่มันยิ้มที่มุมปาก ทำหน้าเจ้าเลห์


“ถ้า...ทำมันไม่ดีก็อาจจะต้องมีพิจารณาหน่อยแหละครับ หึหึ” พี่มันเลื่อนมือมาบีบก้นผม แล้วหน้าก็ออกหื่นๆด้วย แต่ว่า...ก็หล่อแบบแทบจะกระโจนเข้าใส่เลยล่ะครับ


“หื่น...” ผมด่าพี่มันไปเบาๆ


ผมสำรวจพื้นที่รอบๆ ตอนนี้ทุกอย่างก็ยังดูเหมือนเดิม ผมก็ยัง...นั่งคร่อมพี่มันอยู่เหมือนเดิม ด้านหลังก้นผมก็เป็น เอ่อ น้องพี่มันนั่นแหละ กำลังได้ที่เลยด้วย แต่พี่มันก็เก็บอาการเก่งนะครับ เหมือนคนตายด้าน เอ้ะ หรือพี่มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับผมแล้ว
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงอ่า


“ล็อค...ทำไงต่ออ่ะ?” ถามไปเลยครับ อายอ่ะ


“หึหึ ก็ทำอย่างที่เคยทำแหละ” อ่าว ส่วนมากมึงก็ทำไง ไอ้พี่บ้าเอ้ย แล้ว..ไอ้ที่เคยทำเนี่ย ขั้นตอนมันมีอะไรบ้างว่ะ นี่กูเป็นญาติกับปลาทองรึเปล่าเนี่ยยย


“จุ๊บๆ ใบ้หน่อยน้า..นะ” อ้อนพี่มันหน่อยครับ


พี่มันส่ายหน้ายิ้มๆ


“เดี๋ยวสาธิตให้ดูก่อน” ผมยิ้มแป้น เย้! เอาใจพี่มันหน่อย ฟอดด


พี่มันยื่นมือไปเปิดลิ้นชัก เอาเจลกับถุงยางออกมาวางไว้ข้างๆ แล้วสั่งให้ผมถอดกางเกง ผมก็ทำตามอย่างง่าย ไม่เล่นตัวแม้แต่นิด ถอดปุ๊บน้องผมก็ทักทายพี่มัน เอ่อ...ผมไม่ได้ใส่...ไอ้นั้นแหละครับ


“เตรียมพร้อมจังนะ” ดูพูดเข้า อายนะเว้ย “หยิบถุงยางใส่ให้พี่”


ผมพยักหน้า หันตัวไปอีกข้างจะได้ใส่ให้พี่มันง่ายๆ ผมรู้สึกถึงความเย็นที่ก้นของผม หันไปดูพี่มันก็...ทาเจล แล้วก็...


“อื้อ...จะ เจ็บ”


พี่มันหยุดทำ ก่อนจะจับตัวผมหันกลับมา แล้วจูบผมอย่างรุนแรง เจ็บครับแต่คิดถึง เหมือนไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานาน แต่พอได้กลับมาเจอมันอีกครั้ง ก็อยากได้เพิ่มขึ้นอีก นิ้วของพี่มันที่ยุ่งกับด้านหลังตอนนี้แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย


“ทำต่อเองได้ไหม?” พี่มันกระซิบ น้ำเสียงเซ็กซี่มากครับจนผมฟังแล้วเคลิ้มเลย


“อืม” ผมพยักหน้า ยอมทำตามคำสั่งเหมือนมีมนต์สะกดที่ทำให้ผมยอมพี่มันได้ง่ายๆ


ผมยกตัวเองขึ้น ค่อยๆกลืนกินพี่มันที่ละนิด ครางออกมาพร้อมๆกับพี่มัน พี่มันยื่นมือมาลูบไล้หน้าอกผม หน้ารู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัว ขยับร่างกายไปตามอารมณ์ทั้งหมดที่รู้สึก


“อ๊ะ อะ...”


“อื้มม ดีมากครับ อ่า...”


“อื้ออ ล็อค จะ จูบหน่อย” ผมขอร้องพี่มัน พี่มันก็ทำตามคำขอ


ทำไมผมรู้สึกดีจังเลยครับ


ผมนั่งขยับอยู่บนตัวพี่มันจนรู้สึกมันจะถึงที่สุดแล้ว สักพักผมก็ปลดปล่อยมันออกมาเต็มหน้าท้องหนา เหนื่อยจนต้องซบคอพี่มันเอาแรง ผมไม่เคยทำท่านี้จนเสร็จมาก่อนและก็ไม่เคยเริ่มก่อนเลยด้วย พี่มันสวนตัวขึ้นแรงๆจนผมครางออกมากอดคอพี่มันแน่น จนพี่มันกระตุกตัวแล้วครางเสียงดังข้างหูผม เหงื่อทั้งตัวผมและพี่มันเหมือนคนที่ไปวิ่งขึ้นเขามาเลย


ฟอดด จุ๊บ


“เก่งมาก”


พี่มันชม หอมแก้มย้ำๆ ผมยังหอบอยู่ เหนื่อยครับ แต่ผมรู้ว่าพี่มันยังไม่หยุดหรอก พี่มันพลิกตัวผมให้นอนลงแล้วถอนตัวเองออก รูดถุงยางออกไปทิ้ง ผมก็นอนพักเอาแรงแหละครับ พักได้ไม่นานพี่มันก็จัดการผมต่อทันที ผมตามใจพี่มันทุกอย่างบอกอะไรก็ทำ เฮ้อ ผมกลายเป็นแมวเชื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย


“อะ อื้อ ละ ล็อค...”


“ซี๊ด อ่า...ครับ”


“ระ รักนะ รักล็อคนะ อะ อื้อ”


“จุ๊บ ครับ”




“ซู...พี่ว่าเราเลิกกันเถอะ”


“ทะ ทำไม!?”


“ไม่ได้รักซูแล้ว พี่ขอโทษ”


“ไม่! ไม่เลิก! ทำไมล่ะล็อค? ทำไม?”


“พี่ล็อคคะ รีบไปกันเถอะค่ะ”


“ใช่ค่ะ พวกเรารอนานแล้วนะคะ”


“คนพวกนี้มันเป็นใคร! ล็อคนี่มันอะไรกัน!?”


“เหอะ! ยังหน้าหนาไม่รู้ตัวอีก พี่ล็อคน่ะเขาเบื่อนายแล้ว!”


“ไม่จริง! มันรักกู!”


“ถ้าอยากจะเชื่อก็ตามใจนะ นิสัยเสียขนาดนั้นใครมันยังอยากจะรักกันล่ะ โง่จริง”


“ละ ล็อคไม่จริงใช่มั้ย? มึงยังรักกูอยู่ใช่มั้ย?”


“นี่แก! พี่ล็อคเขาแก่กว่าแกนะ ปากเสีย! ไปเถอะค่ะพี่ล็อค พวกเรารอพี่ล็อคมาตั้งนาน พี่ล็อคไม่ควรจะอยู่กับประเภทแบบนี้หรอกค่ะ มีแต่เจ็บตัว!”


“จริงค่ะ พวกเรามีดีกว่าเยอะเลย ไปกันเถอะค่ะ ไปสนุกกัน”


“ล็อค! อย่าไป! อย่าไปนะ!”


“ลาก่อน”


“ไม่! ล็อค! ล็อค!”




“ซู ซู! ซูตื่น!”


“ฮึก ไม่... อย่าไปนะ ไม่”


“ซูตื่น!”


“ฮึก ฮืออ ล็อค ล็อค~ ฮืออ ไม่เลิกนะ ไม่เลิก! ฮืออ”


“ซูเป็นอะไร!? ใจเย็นๆ”


“ฮืออ ล็อคอย่าเลิกกับกูนะ ฮืออ”


“เลิกอะไร? ชู่ๆ หยุดร้องก่อน”


“ก็เมื่อกี้มึงบอกเลิกกู ฮืออ”


“พี่บอกตอนไหน โธ่ ซูฝันอะไรเนี่ย?”


“ฮึก ฝันเหรอ?”


“ใช่สิ ซูฝันจนละเมอ เหงื่อก็ออกเต็มตัวเลย ฝันร้ายเหรอ?”


“อืม ฮึก ร้ายสุดๆ”


แม่ง เป็นความฝันที่หน้ากลัวที่สุดเลย หันไปมองนาฬิกาตอนนี้ 4.25 น. พี่ล็อคกอดปลอบผมไปเรื่อยๆ เช็คว่าผมมีไข้รึเปล่า พี่มันบอกว่าผมละเมอเสียงดังจนตื่นขึ้นมา เหงื่อผมออก แต่ตอนนี้แอร์ก็เปิดซะเย็น พี่มันเลยปิดแอร์แล้วก็ไปหาผ้ามาเช็ดตัวผม ฮึก แม่งแสนดีเกินไปแล้ว ถ้ามันบอกเลิกผมเหมือนในความฝัน ผมคงเป็นเหมือนคนบ้าที่เอาแต่ร้องเรียกให้มันรักผมคนเดียวทั้งๆที่มันไม่มีโอกาสนั้นอีก


“ฝันเรื่องอะไรครับ?”


“ฝันร้าย...ที่สุด” อยากลืมที่สุดด้วย


“เดี๊ยวพี่เช็ดตัวให้ถอดเสื้อหน่อย” ผมถอดเสื้อออก เสื้อมันมีแต่เหงื่อ


“ละ ล็อคอย่าเลิกนะ”


“ทำไมพูดคำนี้บ่อยจัง เป็นอะไรไปเนี่ย?”


“ก็เมื่อกี้ในฝัน...มึงบอกเลิกกู”


“หึหึ ฝันมันมั่ว” พี่มันลูบหัวผมก่อนเช็ดตัวผมต่อ ผมยิ้มบางๆ   


“แต่มันเหมือนจริง...”


“แต่มันไม่ใช่ความจริงครับ” พี่มันพูดเสียงดุนิดๆ


“...”


ผมนิ่งเงียบปล่อยให้พี่มันเช็คไปเรื่อยๆ พี่มันเช็ดละเอียดมากครับ เช็ดทั่วทั้งตัวเลย แต่กางเกงไม่ได้ถอดนะครับ เพราะขาสั้นอยู่แล้ว พี่มันเช็ดเสร็จก็เอาผ้าไปตาก ก่อนไปหาเสื้อมาให้ผมใส่ แล้วมานอนข้างๆผม ผมกอดพี่มันแน่น


“ทำไมดูผอมลง?”


“กินไม่ลง ข้าวไม่อร่อย”


“หึหึ เด็กดื้อเอ้ย“


“ล็อค...ยังรักกูอยู่ไหม?” ผมถามเสียงสั่น


“ทำไมอยู่ดีๆมาถามล่ะครับ?”


“ก็...ในฝันน่ะ มึงบอกเลิกกู แล้วก็มีผู้หญิงสองคนมาด่ากูว่าหน้าด้าน บอกว่ามึงเบื่อกู บอกว่ามึงไม่รักกูแล้ว แล้วมึงก็ทิ้งกูไปกับพวกผู้หญิงพวกนั้น ฮึก...กูกลัว”


“มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกครับ ลืมมันไปเถอะ” พี่มันจูบขมับผม ลูบหัวเบาๆ


“ละ แล้วมึงเบื่อกูรึเปล่า? ยังรักกูอยู่ไหม?”


“ไม่เบื่อครับ แล้วก็ยังรักอยู่ รักมากด้วย หยุดทำหน้าเศร้าได้แล้ว ฟอดด”


“จริงๆนะ ถึงกูจะพูดไม่เพราะด้วยนะเหรอ?” เรื่องนี้มันแก้ยากนะครับ


“เรื่องพูดไม่เพราะ ถ้าเป็นตอนแรกๆที่เราคบกันพี่คงอยากจะให้ซูพูดเพราะๆหวานๆกับพี่บ้าง แต่ซูก็ให้เกียรติพี่อยู่ตลอดนี่ เวลาซูคุยกับคนอื่นแล้วเอ่ยถึงพี่ ซูก็จะพูดว่าพี่ล็อคตลอด ไม่ว่าจะคุยกับเพื่อนหรือกับพ่อแม่ของซู แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้วครับ”


ใส่ใจรายละเอียดเกินไปแล้ว


“อืม...ขอบคุณนะล็อค กูรักมึงนะ จะไม่ทำผิดอีก จะยอมเชื่อฟัง จะไม่ทำให้เจ็บตัวอีก สัญญาเลย จุ๊บ”


“หึหึ เรื่องเจ็บตัวพี่ว่าไม่จริงหรอก ใครก็ไม่รู้ข่วนหลังพี่”


ผมหน้าร้อนขึ้นทันที


“ไอ้บ้า! แล้วใครบอกให้ทำแรงกันล่ะ!”


“ฮาฮ่าๆ” นานแล้วครับที่ไม่ได้ยินพี่มันหัวเราะแบบนี้ คิดถึงจัง


“นอนๆ”


“ซู...”


“ง่วงแล้ว”


“...อาทิตย์หน้าไปเชียงใหม่กับพี่นะครับ”







โปรดติดตาม.....


ขอโทษที่หายไปนานอีกแล้วค่ะ ในที่สุดก็ง้อกันได้สักที ตอนหน้าเป็นตอนของหมึกกับพินนะคะ อีกนานนน

ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันนะคะ

ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปก็ติกันได้ค่ะ น้อมรับข้อผิดพลาดเสมอ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
นานๆมาแต่ก้อคุ้มค่าที่รอคอย...เด็กดื้ออ้อนนี่ยอมใจเลย น่ารักมาก
จนกว่าจะอัพตอนหน้า รอค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ง้อกันสำเร็จแล้ว ซูอย่าซนอีกน่ะ
รอตอนต่อไปน่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ PolTisChu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • FB : Poltischu

แปด ความโกหกหรือความเข้าใจผิด


[พิน บรรยาย]


ณ ห้าง D


“แม่งพวกมึง! หลอกกูนี่หวา”


“ฮาฮ่าๆ เอาน่าไอ้โอมดูหนังทั้งทีอย่าโหดนักดิวะ”


“เออใช่ เรื่องนี้กำลังมาแรงนะเว้ย เนอะพินเนอะ”


“อืมๆ เราดูตัวอย่างมาแล้ว น่าสนุกมากกก”


“โอโห้พิน ถ้าสนุกขนาดนั้น ทำไมไม่ชวนแฟนไปดูล่ะ”


“แล้วมาดูกับเพื่อนไม่ได้หรือไงเล่า!”


“โห้ยยย!”


เสียงร้องแซวอันแสนดังของเพื่อนผม ทำให้ผมแทบจะมุดลงดินเลยทีเดียว อายสุดๆเลย! วันนี้ผมฟรีด้อมมาเที่ยวกับเพื่อนครับ แฟนทิ้งแล้ว เอ้ย ไม่ใช่ พอดีหมึกบอกว่าช่วงนี้ต้องไปทำงานช่วยพ่อเขาน่ะครับ ผมก็ไม่ได้ถามอะไรเลยครับ ทั้งที่อยากจะรู้ว่าทำงานอะไร ทำไมต้องไปช่วยทำด้วย หมึกพึ่งเรียนอยู่ปีสองเองไม่ใช่เหรอ อยากถามนะครับแต่เกรงใจ แต่ก็พอๆรู้อยู่ว่าบ้านหมึกทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านๆนี่แหละครับ ไม่งงเนอะ แฮะๆ ผมอธิบายไม่เป็นนี่นา


“แหมเดี๋ยวนี้ ตอกกลับเป็นด้วยนะพิน” คนนี้ชื่อซีครับ เดือนประจำสาขาผมเอง แต่นกการเป็นเดือนคณะครับ ถ้าจำไม่ผิดเดือนคณะปีพวกผมคนที่ได้น่าจะล็อคนี่แหละครับ


“เราตอบธรรมดาๆเหอะ ป่ะไปซื้อตั๋วกัน ได้ที่นั่งไม่ดีซวยเลย”


“พินเลี้ยงกูด้วยนะพิน  โทษฐานหลอกกูนะครับ” คนนี้ชื่อโอมครับ พวกผมชวนโอมมาดูหนัง แต่โอมน่ะเขาเป็นพวกชอบดูแต่หนังโหดๆ สยองขวัญอะไรแบบนี้ พวกผมเลยหลอกว่าจะมาดูหนังแนวนั้น โอมเลยติดกับดัก ฮาฮ่า



“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย!”


“พอๆพวกมึง เดี๊ยวอดดูหนังพอดี”


“งั้นเฟทเลี้ยงเนอะ โอเคทุกคน! เฟทจะเลี้ยงหนัง ฮ่าๆ”


“เฮ้ย! ไอ้พิน!”



“พวกมึงพากูมาดูหนังอะไรเนี่ย กูจะบ้าตาย”


“ไอ้โอม มึงหัดเอาความสดใสเข้าไปในชีวิตบ้าง โรคจิตเกินไปแล้วมึงน่ะ”


“เหอะ! ไม่เสือกครับ แล้วพวกมึงจะไปไหนกันต่อรึเปล่า?”


“เราว่าจะเดินเล่นรอบห้างอ่ะ ไปเปล่า?”


“เหมือนว่างเนอะพิน ได้ข่าวว่าสอบมะรืน”


“วันพรุ่งนี้พวกเราก็นัดกันติวแล้วหนิ นะ...พักผ่อนก่อนสอบ”


“แหมพิน ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวไอ้หมึกมาฆ่าพวกกู ฮ่าๆ ป่ะไปก็ไป”


ผมทำหน้างง ผมทำเสียงยังไง? ผมว่าก็ปกติออก เฟทมั่วนิ่ม! แต่เมื่อกี้ได้ยินชื่อหมึกก็รู้สึกคิดถึงนะครับ เฮ้อ~ ผมเนี่ยเริ่มจะนิสัยเสียขึ้นทุกวันล่ะนะ หมึกเขาทำงานน่ะพิน อย่างี่เง่า!



ณ ศูนย์อาหาร


“โอโห! สาบานว่าเดินเล่น กูว่ามึงซื้อของเข้าหอมากกว่าอ่ะพิน” แหะๆ ทำโอมอารมณ์ซะแล้ว ทำไงได้ล่ะครับ ก็มันจำเป็นต้องซื้ออ่ะ ว่าแต่ผมพวกมันก็ซื้อเหมือนนั่นแหละ หูฟังบ้าง แผ่นเกมบ้าง คีย์บอร์ดบ้าง แพงๆทั้งนั้น


“ของใช้จำเป็นทั้งนั้น เนี่ยสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน จำเป็น!”


“ไอ้ซี กูแนะนำว่าอย่าไปเถียงมัน ช่วงนี้มันอัพสกิลการเถียงมา มึงเถียงยังไงก็ไม่ชนะ”


“เออ ตั้งแต่มีแฟนรู้สึกจะเถียงเก่ง ฮ่าๆ”


“มั่วว่ะ!”


ผมด่าพวกมันกลับ กลบเกลื้อนความเขิน พวกมันก็แซวตามท้องเรื่อง หลังจากนั้นก็ไปหาซื้อของกินกัน หิวมากๆเลยครับ วันนี้คนก็เยอะเป็นพิเศษเพราะเป็นวันเสาร์ วัยรุ่นเยอะมาก พวกผมก็เนียนๆไป ฮ่าๆ โอมกับซีหลังจากกินข้าวเสร็จก็ขอกลับก่อน จะไปลองเล่นเกมน่ะครับ เกมแต่ละอันสยองๆทั้งนั้น เฮ้อ~


“เข้าห้องน้ำป่ะพิน?” เฟทถามขึ้น ตอนนี้ผมก็อยู่กับเฟทแค่สองคนล่ะครับ ดูเงียบๆ เพราะเฟทเขาพูดน้อยน่ะครับ แต่ก็ไม่หยิ่ง ยิ่งกับพวกผู้หญิงเนี่ยไม่หยิ่งเลย ฮา...


“อืม”


เดินไปถึงห้องน้ำเนี่ยช็อคนิดๆครับ คนเยอะมาก แต่กลิ่นห้องน้ำก็ไม่ได้สาหัสครับ แม่บ้านเขาทำความสะอาดอย่างดี


“เราออกไปรอข้างนอกนะ”


“โอเคๆ”


ผมออกมารอเฟทข้างนอน อยู่ข้างในต่อไปกลัวจะเป็นลมเอา ฮาฮ่า ให้ผมยืนรอเฉยๆก็ไม่ใช่เรื่องหรอกนะครับ ผมมองไปฝั่งผู้หญิง เจอฝรั่งคนนึงสวยมากครับ สวยแบบดาราเลย ตาผมก็เหล่ตามเธอนิดหน่อย แอบหลบมองเธอตรงมุมกำแพงจนเธอเดินไปถึงกับผู้ชายคนนึงแล้วพูดกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผู้ชายคนนั้น...


“เมื่อกี้ฉันโดนชนเกือบล้มแน่ะ ขอโทษสักคำก็ไม่มี”


“แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”


“ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าล้มเนี่ยแย่เลย”


“นั่นสินะครับ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ”


“อืม เข้าใจแล้ว”


อะไรกันท่าทางสนิทสนมแบบนั้น โกหกกันเหรอ? ไหนบอกทำงานไง หรือผมจะคิดไปเองว่าคนๆนั้นคือ...หมึก แล้วทำไมผมต้องคิดว่าคนๆนั้นไม่ใช่หมึกล่ะ นั่นแฟนผมนะ แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่กับผู้หญิงได้ล่ะ?


อย่าโลกสวยหน่อยเลยพิน!


“พิน พิน พิน!” ผมได้ยินครับ แต่...ไม่อยากได้ยินอะไรแล้วครับ


“...เอ่อ โทษทีนะ ไปกันเถอะ...”


“พินไม่สบายรึเปล่าวะ?”


“เปล่า เราเริ่มเหนื่อยอ่ะ” เหนื่อยใจ...


“แน่สิ เดินเยอะหนิ แล้วจะกลับเลยเปล่า?”


“ไม่รู้สิ อีกใจก็เหนื่อย อีกใจก็อยากเดินต่อ แล้วเฟทล่ะ?”


“ยังไงก็ได้ แต่คำพูดเมื่อกี้เนี่ย... กังวลอะไร?”


ผมแสดงอาการขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมว่าผมเก็บอาการเก่งออก


“เราดูเหมือนคนกังวลเหรอ?”


“พิน...กูเป็นเพื่อนมึงนะ คิดว่าแค่นี้กูดูไม่ออกเหรอ?” ดีจังนะครับที่มีเพื่อนแบบเฟท น้ำตาจะไหล...


“อืม แต่อย่าบอกใครนะ”



“ถ้ามันนอกใจมึงจริงๆ กูจะกระทืบให้”


“อืม...”


ตอนนี้เฟทนอนเล่นอยู่หอผมครับ ผมเล่าเรื่องที่สิ่งผมเห็นให้เฟทฟัง เฟทก็ฟังบ้างถามบ้าง แต่คำถามที่เฟทถามว่าแน่ใจได้ยังว่าหมึกทำงาน ทำเอาผมไปไม่เป็นเลย ผมเชื่อใจหมึกเนี่ยเป็นสิ่งที่ผิดเหรอครับ ผมควรระแวงหมึกด้วยเหรอครับ หรือว่า...ผมคงอ่อนหัดเรื่องความรักมากสินะ...


“ตอนมันอยู่ปีหนึ่ง มันคุยกับคนเยอะจะตาย ถึงตอนนี้มันกำลังคบกับมึงอยู่มึงก็ควรระวังตัวบ้างนะพิน เจ็บมามันไม่คุ้มนะเว้ย!”


“โธ่เฟท เราต้องการกำลังใจนะ”


“กูหวังดีเว้ย! เอ่อ ว่าแต่ไอ้หมึกมันมาค้างที่นี้บ่อยป่ะ” เฟทมองรอบๆห้อง นอนบนเตียงไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลย


“ก็แล้วแต่วันอ่ะ หมึกบอกนอนอยู่หอเราไปถึงม.เร็วดี”


“กูได้ข่าวว่าคอนโดมันใกล้ผับ แล้วมันมาอยู่กับมึงมันเคยหนีเที่ยวป่ะ?”


“ไม่อ่ะ หมึกบอกเบื่อแล้ว”


“ถุ้ย! อย่างมันเนี่ยนะเบื่อ?”


“อืม เฟทน่ะมองในแง่ร้าย”


“เหอะ ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงยังกังวลเรื่องมันอยู่เลยนะ ปกป้องกันเหลือเกิน”


“เดี๋ยวคืนนี้เราจะลองโทรไปถามเอง”


“เสียงสั่นแบบนี้ กูว่ามึงจะถามเรื่องอื่น”


“พูดให้กำลังใจเราบ้างสิ!”


“มึงน่ะ หลงมันเกินไปแล้ว ระวังมันไว้บ้างจะได้เจ็บน้อยๆ”


“ก็...” เรารักหมึกหนิ


“เฮ้อ~ กูกลับหอแล้วกัน ไม่สบายใจก็โทรหากู เข้าใจไหม!”


“อืม... ขอบใจนะเฟท เดี๋ยวเราลงไปส่ง”


“คนดีจังนะมึง” เฟทลูบหัวผม ผมทำหน้ายุ่งใส่ มันหัวเราะลั่นเลย พวกเพื่อนของผมมันชอบแกล้งผม แต่ถึงจะชอบแกล้งยังไง พวกมันก็ช่วยเหลือผมเสมอ...



ณ 20.30 น.


ตู้ด~ ตู้ด~


“รอบที่ 5 แล้วนะหมึก ถ้าไม่รับเราจะร้องไห้แล้วนะ”


ตู้ด~ ตู้ด~


(“ฮัลโหลพิน โทษทีหมึกพึ่งทานข้าวเสร็จ โทรศัพท์ก็ทิ้งไว้บนห้องด้วยเลยไม่ได้รับสาย”)


“อ่อ...อืม พินรบกวนรึเปล่าอะ?” กลั้นไว้น้ำตาเจ้าเอ๋ย


(“ไม่เลยครับ หมึกก็ว่าจะโทรหาพินเหมือนกัน”)


“อะ อืม...”


(“คิดถึงพินนะ วันนี้กะจะโทรไปหาแต่งานยุ่งมาก พ่อใช้งานหนักสุดๆ”)


น้ำเสียงดูมีความสุขดีจัง


“...แต่หมึกก็ชอบใช่ไหมล่ะ?”


พูดออกไปแล้ว น้ำตาไหลออกมาแล้ว


(“...”)


“โอเค เราไม่กวนแล้ว หมึกพักผ่อนเถอะ”


(“เดี๋ยวพิน...”)


ติ้ด


ผมตัดสายทิ้งโดยไม่รอให้หมึกพูดอะไรกลับมา เกลียดครับ เกลียดตัวเองที่คิดมาก สงสัยอะไรก็ไม่รู้จักถาม ทั้งๆที่หมึกก็เคยพูดว่า “เราเป็นแฟนกัน เพราะฉะนั้นพินมีสิทธิ์ที่จะถามเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับหมึก”


“ฮึก...ฮึก เกลียดที่สุดเลย ฮึก”



[หมึก บรรยาย]


น้ำเสียงแบบนั้น... อะไรกันวะครับ น้ำเสียงสะอื้นที่เหมือนคนร้องไห้ คิดว่าคนที่เป็นแฟนอย่างผมจะไม่รู้เหรอครับ? มีอะไรก็ไม่เคยพูดออกมาชอบคิดไปเอง โดนตีแน่พิน!


ณ หอ P


ตอนนี้ผมอยู่หน้าหอพิน แต่เข้าไปไม่ได้เพราะผมไม่มีคีย์การ์ด ลุงยามเขาก็ไม่ให้เข้า ถือว่าเป็นการรักษาความปลอดภัยระดับดีนะครับ กล้องวงจรปิดก็ติดไว้รอบๆ  ที่จริงผมก็อยากจะให้พินย้ายไปอยู่คอนโดกับผม แต่พินเขาดื้อครับ แถมยังบอกว่าคอนโดผมอยู่ไกลม.ไม่สะดวก ผมก็ตามใจเขาครับ แต่อีกใจก็โคตรทั้งห่วงทั้งหวง


ตู้ด~ ตู้ด~


(“ฮัลโหลหมึก”)


ฟังจากน้ำเสียงคงร้องไห้จนตาบวมแน่ๆครับ ผมไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้หรอกครับ


“พินมาเปิดประตูให้หมึกหน่อย”


(“มะ หมึกมาหอเราเหรอ?!”)


“ครับ”


(“มะ มาทำไมมันดึกแล้วนะ”)


“ถ้าพินไม่ลงมาเปิด หมึกก็นั่งมันตรงนี้แหละ”


(“เฮ้ยหมึก! ...กะ ก็ได้รอแปปหนึ่งนะ”)


“ครับผม”


ผมยืนรอสักพักพินก็มาเปิดประตูให้ผม ตามคาดครับ พินเดินตาบวมมาเลย มันใช่เรื่องไหมเนี่ยที่ต้องมาร้องไห้ ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าผมก่อเรื่องอะไรหรือทำอะไรให้พินไม่พอใจ แต่ควรจะถามผมไหม?


“ร้องไห้ทำไม?” ผมถามทันทีหลังจากเข้าห้องของพิน แล้วก็ในห้องนี้...


ทำไมมีกลิ่นอื่นที่ไม่ใช่กลิ่นของพิน


“อะ อ่อ เราดูหนังเศร้าน่ะ อินไปหน่อยเลยร้องไห้” เคยเห็นคนโกหกไม่เนียนไหมครับ? แฟนผมเอง


“ให้โอกาสพูดอีกครั้ง” ผมพูดเสียงนิ่งปนดุ


“...”


“พินครับ ถ้าไม่พูดหมึกก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะว่าพินคิดอะไรอยู่” ผมสวมกอดพิน


“ฮึก... หมึกจะทิ้งเราแล้วเหรอ? ฮึก”


“ห้ะ!”


นี่แฟนผมเขาพูดอะไรออกไปน่ะ ใครจะกล้าไปทิ้งแฟนสุดที่รักและแสนดีคนนี้ได้คอกัน ถ้าทิ้งผมทิ้งพินคงโง่ยิ่งกว่ากว่าไก่งวงแล้วครับ


“ใครมาพูดอะไรให้ฟังรึเปล่าพิน? ทำไมถามคำถามบ้าๆแบบนั้น”


“ฮึก ไม่มีใครพูดทั้งนั้นแหละ ฮึก แต่เราเห็นนะ! ทำไมมึงต้องโกหกเราด้วย ฮึก”


โกหก? ผมไปโกหกเขาตอนไหนเนี่ย?


“โกหกอะไรกันพิน?”


“ฮึก เราไม่ได้โง่นะ! โกหกเราว่าไปทำงานช่วยพ่อ แต่ที่จริงพาสาวฝรั่งไปเดินห้าง! ฮึก คนขี้โกหก!”


“สาวฝรั่ง?”


“ฮึก ฮืออ”


สาวฝรั่งเหรอครับ? เอ๋? เดินห้างกับสาวฝรั่ง… อ่อ สาวฝรั่ง~


“ฮ่าๆ สาวฝรั่ง ครับๆสาวฝรั่ง ฮาฮ่า”


“ฮึก ดีใจมากเลยเหรอที่เราจับได้อ่ะ ฮึก จะได้เลิกกับเราง่ายๆได้ไหม ฮืออ”


“ฮ่าๆพิน ใจเย็นๆ อย่าคิดไปเองสิครับ ฟังหมึกก่อนโอเคไหม?”


“ฮึก...”


แฟนที่น่ารักของผมสายหน้าสะอึ้น บทจะดื้อก็ดื้อซะ แล้วไอ้ความขี้มโนเนี่ยเอามาจากใครกันครับ


“ฟอดด สาวฝรั่งคนนั้นสวยมั้ย?” แกล้งแฟนให้หายคิดถึงนิดนึงครับ


“ฮืออ ถามทำไมเล่า!”


“โอ๋~ หยุดร้องนะ ฟังหมึกก่อนครับ ...สาวฝรั่งที่พินพูดถึงน่ะ”


“...”


“เขาเป็นพี่สะใภ้หมึกเอง”


“ห้ะ!!”


“ชู่ว เบาๆครับ เดี๋ยวห้องข้างๆเขาออกมาด่า”


“พี่สะใภ้!”


ทำหน้าตาน่ารักอีกแล้ว


“ครับ พี่สะใภ้” ผมเน้นคำหลังให้คนฟังได้มั่นใจ


“อ้าว...”


“หึหึ มโนไปไกลเลยนะครับ แถมยังกล้าดีมาเปลี่ยนสรรพนามตัวเองอีก หมึกตีดีไหมเนี่ย”


“อย่านะ! กะ ก็ใครจะไปรู้ด้วยเล่า หมึกก็ไม่โทรมาบอกพินหนิ!”


“หมึกผิด?” พินพยักหน้า “โอเคครับ หมึกขอโทษ ต่อไปหมึกจะไปไหนหมึกจะโทรหาพินตลอดเลย โทรหาทุกชั่วโมงเลยดีไหมครับสุดที่รัก ฟอดด”


“เวอร์ล่ะ!” ขนาดด่ายังน่ารักเลยแฟนผม “พินก็ขอโทษเหมือนกันนะ ขอโทษที่คิดเองเออเอง ขอโทษ...”


“ครับ แต่ถ้ามีอีกเนี่ยหมึกจับปล้ำเลยนะ พูดไม่เคยฟังเนี่ย บอกให้ถามได้ทุกเรื่องก็ไม่รู้จักถาม น่าตี!”


“ขอโทษน้า ก็มันคิดมากหนิ อีกอย่างสาวฝรั่งคนนั้นก็สวยมากด้วย ท่าทางสนิทสนมแบบนั้นอีกอ่ะ พินก็จินตนาการไกลเลยดิ”


“ฮาฮ่า ครับๆ แล้วพินเห็นชุดที่เขาใส่ไหมครับ?”


“ชุดเหรอ? ชุดกระโปรงยาวสีชมพู... เขาท้องเหรอ!?” นี่แหละครับข้อดีของพิน...ฉลาด


“พอเรื่องแบบนี้แม่นนะพิน”


“โธ่ พินเดาเฉยๆหรอก”


“หึหึ แต่คราวหน้ามีอะไรต้องถามหมึกนะ อย่าเป็นแบบนี้อีกหมึกใจไม่ดีเลย เห็นไหมเนี่ยตัวเองก็ตาบวม” อยากจะบ่นเป็นล้านๆรอบครับ


“คร้าบบบ เข้าใจแล้ว จุ๊บ” แน่ะ ยั่วอีก


“ฮาฮ่า หมึกหน้าแดง”


“แสบจริงนะพิน เดี๋ยวพี่จัดให้”


ผมก้มจูบแฟนสุดที่รักของผมอย่างไม่ปราณี พินเดี๋ยวนี้ก็ขยันยั่วผมเหลือเกิน ทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน ผมโถมแรงจูบไม่ให้พินได้หายใจ จูบให้หายความขี้มโนไปเลย รักนะครับคุณแฟน 


แต่ทว่า...ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร   


กลิ่นใครวะ!?


“พิน... ทำไมที่นอนมันมีกลิ่นแปลกๆ”ผมถามพินขึ้น


พินก็ตอบเสียงใสหน้าซื่อแบบเป็นเรื่องธรรมดา ว่า...


“อ่อ สงสัยกลิ่นน้ำหอมเฟทน่ะ เฟทมันมานอนบนเตียงพิน”



ครับ...


What the Fxxx!! ไอ้เฟท




โปรดติดตาม...................
จากที่เคยบอกไปว่าพินอยู่คอนโด แต่ข้อแก้เป็นพินอยู่หอนะคะ
ถึงคู่นี้จะหวานน้อย แต่ยังไงก็หวานนานนะคะ 55+
อีกประมาณ 3 ตอนก็จบละนะ ขอขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
ถ้าหากแต่งเรื่องนี้จบ อาจจะได้เจอกัน 55+ คอมเม้นให้กำลังกันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
สงสัยน้องพินจะโดนงอนแทน...พี่หมึกจัดหนัก  :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด