ตอนที่ 97 เมื่อวิญญาณนางร้ายเข้าสิง.... ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม.... และหนูกับพี่โต้งก็ *Have ปี้*กับช่วงข้าวใหม่ปลามัน ยังลั้ลลาอยู่ที่ม.ต่อเป็นสัปดาห์ ตอนนี้เรามานั่งอยู่ใน sukishi
เผื่อวันใดเธอลืมไปว่ารักกัน หรือเปล่า
เผื่อวันเวลาที่เดินผ่าน อาจจะเจือจางทุกเรื่องราว
มีเพียงคำเดียวพอให้เธอชื่นใจ
หากความจริงที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหน
วันนี้ต้องเจออะไร ฉันรักได้เพียงแค่เธอ
(...อ้างอิง http://sz4m.com/t5313) หนูยิ้มเมื่อได้ยินเสียงริงโทน ของพี่โต้งดังขึ้น
แม้ว่าท่วงทำนองของมันจะเนิบช้าจนฟังดูเหนื่อย แต่ก็รู้สึกดีกว่าได้ยินเพลง “รักเธอเสมอ” อยู่ดีแหละ
พี่โต้งยกมือถือขึ้นดูเบอร์ก่อนจะกดวางสายไปเฉยๆ
“อ้าว ทำไมไม่รับล่ะคะ”
“ไม่อยากคุยตอนทานข้าวน่ะ เดี๋ยวค่อยโทรกลับก็ได้”
“แล้วใครโทรมาเหรอคะ”
“คนที่บ้านน่ะ”
หนูพยักหน้าหงักหงัก ไม่ถามต่อ เพราะไม่อยากเซ้าซี้กวนใจ จะว่าไปแล้วตอนกลับมาจากเหนือ เราก็ผ่านกรุงเทพ แต่พี่โต้งก็ไม่ได้แวะที่บ้าน คงเพราะมีหนูมาด้วย ต่อให้เป็นพี่โต้งก็เถอะ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะพาหนูไปแนะนำกับครอบครัวได้อยู่ดี......
“จะว่าไปแล้ว เราก็เอาแต่เที่ยวเตร่กันมาหลายวันแล้วนะคะ ควรจะแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว”
“น้องฐาอยากกลับบ้านเหรอ?”
“ก็.... เดี๋ยวที่บ้านจะน้อยใจน่ะค่ะ พี่โต้งเองก็น่าจะกลับด้วยเหมือนกัน ไม่ได้เรียนซัมเมอร์ซะหน่อย...”
พี่โต้งเงียบไป ราวกับมีเรื่องในใจ ส่วนหนูก้มหน้าลงกับหม้อต้มแล้วตักสาหร่ายในหม้อต้มยำขึ้นมาใส่ถ้วย
หม่ำๆๆๆๆ
“พี่คะ.....”
“หือ....”
“ไอ้ที่หนูใส่ลงไปเมื่อกี้มันคือสาหร่ายใช่ไหม?”
“ใช่ สาหร่ายทำไมเหรอ?”
“แล้วเวลาเสิร์ฟสาหร่ายเค้าใส่ใบมะกรูดลงมาด้วยเหรอคะ”
“เค้าจะใส่มาด้วยทำไมล่ะ?”
“แต่ทำไมหนูรู้สึกว่าสาหร่ายมันมีรสชาติใบมะกรูดเลยอ่ะไม่เชื่อพี่ลองชิมดูสิ” หนูว่าอย่างตื่นเต้นตักสาหร่ายในหม้อต้มใส่ถ้วยพี่โต้ง แล้วก็ทำหน้าจริงจังมากตอนแกยอมกินสาหร่ายเข้าไป
เราจ้องหน้ากันแป๊บนึงก่อนที่หนูจะขอความมั่นใจ
“เหมือนใบมะกรูดจริงๆ ใช่ไหมคะ หนูไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม?”
“อือใช่รสใบมะกรูด....แต่น้องฐา”
“คะ?”
“น้องฐาสั่งน้ำซุปอะไร?”
“ต้มยำไง”
“แล้วปกติต้มยำมันใส่ใบมะกรูดไหม?”
เอ่อ....อะเด๊ะ
“เอ๊ะ!!!!!!!!”
“ใบมะกรูดที่ว่าน่ะมันไม่ได้มากับสาหร่ายหรอกค่ะ แต่มันมาน้ำซุปต่างหาก” พี่โต้งอธิบายเรียบๆ แต่หน้านี่กลั้นขำสุดฤทธิ์ ก่อนจะเผลอปล่อยก๊ากจนน้ำตาเร็ด ส่วนหนูก็อายจนน้ำตาจะร่วง
พอแล้วๆ เลิกหัวเราะซะทีเหอะ... คนเรามันก็พลาดกันได้น้า แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เก็บของ เตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้ .... พี่โต้งอาสาจะขับรถไปส่ง แต่วันนี้ก็ยังนั่งเอกเขนกดูหนัง
I miss you รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน ช่างเป็นหนังที่ต้องตีความ
“พี่จะลงไปซื้อขนม เอาอะไรไหม” หนูส่ายหน้า แล้วค้อนใส่ ไม่อยากดูหนังเลยหาเรื่องหนีออกไป นิสัยไม่ดี....
เผื่อวันใดเธอลืมไปว่ารักกัน หรือเปล่า
เผื่อวันเวลาที่เดินผ่าน อาจจะเจือจางทุกเรื่องราว
มีเพียงคำเดียวพอให้เธอชื่นใจ
หากความจริงที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหน
วันนี้ต้องเจออะไร ฉันรักได้เพียงแค่เธอ เสียงโทรศัพท์ดังโหยหวนจนหนูหงุดหงิด หันไปมองดูมันอย่างขัดใจ พี่โต้งไม่ได้เอาด้วย ปกติจะพกติดตัวตลอดเวลา หยุดหนังที่กำลังดูแล้วเดินไปหยิบมือถือมาดูชื่ออย่างไม่สบอารมณ์
M ชะงัก... มือสั่น....
ไม่คุ้น ....จำไม่ได้ว่าใคร รู้แต่ว่าเบอร์นี้แหละเป็นต้นเหตุให้หนูทะเลาะกับพี่โต้งก่อนจะถูกรถชน ความทรงจำที่ดึงคืนมาได้ตอนหมอสะกดจิตกลับมาแค่ตอนนั้น ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่พบ และลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ความสุขที่มีอยู่ทุกวัน คิดว่าทุกอย่างจะจบ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ...มันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นก็ได้ใช่ไหม?
เผื่อวันใดเธอลืมไปว่ารักกัน หรือเปล่า
เผื่อวันเวลาที่เดินผ่าน อาจจะเจือจางทุกเรื่องราว
มีเพียงคำเดียวพอให้เธอชื่นใจ
หากความจริงที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหน
วันนี้ต้องเจออะไร ฉันรักได้เพียงแค่เธอ หนูฟังเพลงวนไปมาจนหยุดแล้วดังขึ้นใหม่โดยไม่กล้าแม้แต่จะรับสายจนในที่สุดมันดับไปเอง.....
ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ก่อนจะเช็คสายโทรเข้าออก
สายที่ไม่ได้รับของวันนี้ ไม่มีเบอร์อื่นเลย นอกจาก M
งั้นที่บอกว่า...ครอบครัวโทรมา
....โกหก..... นานเท่าไรไม่รู้....กว่าพี่โต้งจะกลับมา ในมือถือถุงขนมและน้ำ พอเห็นหนูกำลังถือโทรศัพท์ของเขา สีหน้าก็เจื่อนไป
“หนังจบแล้วเหรอคะ?” คำถามเบี่ยงประเด็นไปอย่างดีเยี่ยม
“ยังค่ะ พอดีมีคนโทรมาหาพี่” หนูตอบหน้านิ่งๆ ขณะที่กำลังสังเกตว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไงแต่เขาก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร....
“ใครโทรมา น้องฐารับสายหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ พอจะรับเค้าก็วางไปก่อน พี่โทรกลับไปเถอะค่ะ เผื่อจะมีธุระสำคัญ”
“ขอบใจนะ” แล้วพี่โต้งก็หยิบโทรศัพท์ออกจากมือหนูแล้วเดินไปนอกระเบียง...
หนูกดรีโมทให้หนังเล่นต่อดังเดิมขณะที่ไม่ได้ตั้งใจดูอีกแล้ว.... หนูกลับแอบฟังพี่โต้งคุยโทรศัพท์กับ “ครอบครัว” อย่างหวาดระแวง ทันได้ยินเขาบอกปลายสายว่า
“แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะคะ” คืนนั้นหนูนอนไม่หลับ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่า มันคงไม่มีอะไรอย่างที่กังวล ไม่ว่ายังไงพี่โต้งก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ทรยศต่อความรู้สึกของหนู แต่.....สุดท้ายแล้ว...... หนูไม่อาจปล่อยทุกสิ่งไปตามยถากรรมได้
ปล่อยให้พี่โต้งกลับไปหาเขาเพื่อสานต่อความสัมพันธ์งั้นเหรอ? ใครจะยอม....
ตอนที่พี่โต้งหลับ หนูก็แอบเอามือถือพี่โต้งมา เปลี่ยนเบอร์ของ M จากเบอร์เดิมเป็นเบอร์อื่น
บล็อกเบอร์ไว้ ไม่ให้โทรเข้า
ดูเหมือนจะเป็นวิธีการโง่ๆ ของนางร้าย.....
แต่ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องเสียคนที่ตัวเองรักไป แล้วเราจะเป็นคนดีไปเพื่ออะไรล่ะ....
คำพูดที่ตัวละครที่เพิ่งดูมาลอยวนอยู่ในหัว....
ความรักมันเป็นเรื่องน่ารังเกียจใช่ไหมคะ....
ไม่ว่าเราจะเป็นคนดีแค่ไหน สุดท้าย…..
เราก็ต้องร้ายตอนที่เราจะต้องเสียของรักไปอย่างนั้นเหรอคะ?
(หมอบี: I miss you รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน ) เช้าวันต่อมาหนูควรจะกลับบ้าน...แต่ถ้าหนูกลับไป ก็ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะโทรหากัน เพราะพี่โต้งกำลังจะไปหาเขา หนูก็เลยบอกพี่โต้งว่าหนูเปลี่ยนใจไม่กลับ.... หนูอยากอยู่กับพี่โต้งอีกสักสองสามวัน พี่โต้งท่าทางกระอักกระอ่วนแต่เขาก็คงไม่กล้าพูดอะไร วันทั้งวัน หนูทำเหมือนไม่มีอะไรในขณะที่เฝ้าสังเกตว่าพี่โต้งโทรหาใครบ้างหรือเปล่า...
ใช่ เขาต้องโทรแน่ๆ อย่างน้อยก็เพื่อรายงานว่าเขาไปพบตามที่สัญญาไม่ได้ แต่ต่อให้พยายามจะโทรแค่ไหนก็ติดต่อไม่ได้อยู่ดี เพราะเบอร์ที่เขาติดต่อถูกหนูเปลี่ยนเป็นเบอร์ใครก็ไม่รู้ไปแล้ว
แม้แต่โทรศัพท์ของคอนโดหนูก็ถอดสายออก หนูไม่ต้องการให้ใครโทรมา
พี่โต้งท่าทางจะกลุ้ม.... ที่ติดต่อเลขหมายปลายทางไม่ได้ แต่แค่นี้ก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับความผิดที่เขาโกหกปิดบังหนู
ยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความไว้เนื้อเชื่อใจที่หนูมีให้ แล้วถูกทำลายทิ้ง
☻☻☻☻☻☻☻☻☻
สองวันผ่านไป.....ที่หนูปิดกั้นเราออกจากโลกภายนอก ออกจากคนอื่น....
พี่โต้งสั่งพิซ่ามากินที่หอ แต่รอตั้งนานก็ยังไม่มาส่งจนมีคนดูแลคอนโดขึ้นมาเคาะประตูถึงหน้าห้อง....
พิซ่ามาส่งนานแล้ว แต่พอข้างล่างพยายามจะโทรขึ้นมากลับโทรไม่ติด เรื่องที่หนูถอดสายออกก็เลยแดง
“น้องฐาเป็นคนถอดสายออกเหรอ” พี่โต้งหันมาถาม
“ค่ะ วันก่อนฝนตก หนูกลัวฟ้าก็เลยถอดออก” ทำเนียนโกหกแก้ตัว
“กลัวทำไมเขามีสายล่อฟ้า”
หนูยิ้มเขินๆ ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง มองพี่โต้งเสียบสายโทรศัพท์เข้าไปดังเดิมอย่างไม่สบายใจ
เหมือนกับว่าเรากำลังวางระเบิดเอาไว้ในบ้าน .... เวลากำลังเริ่มต้นเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ระเบิดอยู่ในกล่องไม่รู้เลยว่าจะทำงานตอนไหน รู้อย่างเดียวคือมันต้องระเบิดขึ้นมาแน่ๆ เท่านั้นเอง....
และในที่สุดเวลานั้นก็มาถึงเมื่อ.....
RRRRRRRRRRRRRRRRRRR.
TBC.
เอาเป็นว่า อาจจะมาทีละนิดนะ ขอทบทวนเรื่องราวนิดนึงก่อน เนื่องด้วย ยืดมานานละ พอบทจะรวบก็รวบเกินไปไม่ชอบอ่ะ ให้มันพอดีๆ หน่อย
โหย เชลบี้ใจร้าย.....
มันเริ่มเข้ามันเริ่มขึ้นฝั่งแล้วล่ะนะ ใจเย็นๆ อย่ามาเร่งเด่ะ
รู้ไหมว่า "มันกดดัน" นะยะ