http://www.youtube.com/v/3HnoXgysx6s&featureตอนที่ 65 แฟนขี้บ่น
ตอนแรกก็ไม่เห็นพวกพี่เขาหรอกนะคะ แสดงว่าเพิ่งเดินเข้ามาตอนที่รับออเดอร์จากพวกพี่ๆ ปากหมานี่อยู่แน่ๆ เลย แต่ไม่รู้ว่ามาทันได้ยินที่หนูต่อปากต่อคำหรือเปล่า ขอให้ไม่ได้ยินก็แล้วกันเพราะไม่รู้ว่าคนคิดมากอย่างพี่โต้งจะว่ายังไง
รับออเดอร์เสร็จแล้วไม่มีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเพิ่มเติม หนูเองก็ไม่ได้พยายามจะถามอะไรทั้งๆ ที่ก็สงสัยว่าที่มาอยู่ที่นี่ตอนนี้ บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ก็ตาม
อยู่เฉยๆ เรื่องก็ตามมาอีกจนได้ เมื่อเดินเฉียดไปทางฝั่งโต๊ะของพวกพี่ๆ ทั้งหลาย อีโต๊ะพี่ๆ ปากหมาก็ดันทำแก้วตกแตก แล้วก็ขอโทษขอโพยใหญ่โต แหมช่างดูจริงใจเหลือเกิน หนูไม่ได้เป็นเด็กประถมซะหน่อย ถึงจะไม่รู้ว่าจงใจแกล้ง ให้หนูต้องมาเก็บกวาดเศษแก้ว แล้วก็เรียกไปสั่งเครื่องดื่มทีละอย่างๆ ทำให้ต้องเดินจนหัวหมุน บัดซบที่สุด อยากตบให้โหลกแยกกันไปทุกคนเลยเชียว ติดที่ตอนนี้เป็นพนักงานร้านเลยต้องอดทนเข้าไว้ แข็งใจ เงียบไว้ดีที่สุด
ลูกค้ามันก็มีพอสมควร แต่พวกพี่ปากหมาน่ะตัววุ่น มีแต่โต๊ะพี่โต้งที่เงียบเชียบ สงบเสงี่ยม.. ที่ไหนยะ!!
“น้องๆ มานี่หน่อย” เสียงหยิ่งๆ ของพี่เอทำให้หนูย้ายวารอย่างไม่เต็มใจนักตรงไปยืนอยู่ข้างๆ
“มัวทำอะไรอยู่ ไม่เห็นเหรอน้ำแข็งโต๊ะพี่มันไปหมดไปชาติกว่าเล้วนะ บริการไม่ได้เรื่องเลย”
หนอย... อีพี่เอตัวแสบ หมดก็สั่งสิยะ ไม่ใช่มากระแทกแดกดันกันแบบนี้ มันน่าตบให้หงายตกเก้าอี้ไปเลย
“ค่ะ..เดี๋ยวจะเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ เอาอะไรเพิ่มอีกไหมคะ?”
“มีตาก็ดูเอาเองสิ ว่าเหล้าก็หมด มัวแต่ไปเอาอกเอาใจแขกโต๊ะอื่นจนลืมไปแล้วมั้งว่าตัวเองน่ะมีผัวแล้ว” อร๊าย แรงนะยะ หนูหมุนคอหันไปมองหน้า “ผัว” ที่นั่งอยู่อีกด้าน แต่พี่โต้งดันเมินซะงั้น ใจร้าย ...
“หนูน่ะไม่เคยลืมหรอกค่ะว่าตัวเองน่ะมีผัวแล้ว.... แต่พี่ต่างหากที่ชอบลืม!!”
พี่เอตาแข็ง ถลึงตาใส่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ!! ชิ สะใจ....
เฮ้อ..... เหนื่อยจังวันนี้ เหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ
หนูหลบมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่หลังร้าน หลังจากโดนสองโต๊ะพากันแกล้งกระหน่ำ
“หลบมานั่งอู้ตรงนี้เดี๋ยวก็ไปฟ้องพี่เจ้าของร้านซะหรอก” พี่ดาวรุ่นพี่ในร้านทักด้วยน้ำเสียงขี้เล่น หนูเงยหน้าขึ้นยิ้มแหย
“ขอโทษค่ะ จะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดี”
“พอดีเจอลูกค้างี่เง่านิดหน่อยน่ะค่ะ คงเคยโดนกะเทยหักอกมาก็เลยมาลงที่หนู” หนูเฉไฉไปเสียไม่อยากจะเล่าว่าปากดีไปยังไง
“โดนแกล้งเหรอ? งั้นแลกฝั่งกันไหม เดี๋ยวพี่ไปดูฝั่งนั้นให้”
หมับ หนูรีบปรี่ไปกุมมือพี่ดาวพลางส่งสายตาปิ๊งปั๊ง
“ขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะพี่”
เพราะความช่วยเหลือของพี่ดาวทำให้หนูไม่ต้องเดินไปดูแลแขกฝั่งเดิมอีก เลยไม่ต้องไปผจญความวุ่นวายของทั้งโต๊ะพี่ปากหมา และโต๊ะพี่เอจอมจุ้น วันนี้เลยผ่านไปได้ซะที
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วหนูก็เดินออกมาเพื่อจะกลับบ้าน พอเดินมาที่ฮอนด้าเวฟของตัวเอง ก็เห็นพี่โต้งนั่งอยู่บนนั้น พอหนูเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ พี่แกก็ลงจากรถมายืนบนพื้นตามปกติ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงส่งสายตานิ่งมา
“มัวทำอะไรอยู่ นานเชียว” คำถามเหมือนจะดุ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้บอกสักคำว่าให้รอ
“แล้วทำไมพี่ยังไม่กลับอีกล่ะคะ”
“ทางเดียวกันเลยรอกลับด้วยกัน” ถึงจะยอมพูดด้วยแล้วแต่ใบหน้าก็ยังนิ่ง แถมเสียงก็เก๊กอีกต่างหาก
“หนูกลับเองดีกว่าค่ะ ไม่อยากทิ้งรถไว้นี่” หนูตอบกลับไป เดี๋ยวก็จะไปทะเลาะกันระหว่างทางอีกแหงๆ
“ล็อกคอ ล็อกล้อไว้คงไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ค่อยมาเอาก็ได้” พี่โต้งเริ่มเสียงแข็ง สงสัยจะเริ่มไม่พอใจที่หนูเรื่องมาก ไม่ทำตามที่ตัวเองต้องการ
“แต่ว่า...”
“ลีลาอยู่นั่นแหละ ก็หล่อ รวย มีรถขับ มีคอนโดอยู่ตรงเสป๊กทุกอย่างแล้ว พี่ยังขาดอะไรอีกเหรอ?”
ไม่จริงน่า... มาทันได้ยินจริงเหรอ?
หนูอึ้ง ตกใจ พอเห็นพี่โต้งไม่พูดต่อ แต่หมุนตัวเดินนำ หนูก็ก้าวขาตามไปอย่างเสียไม่ได้
ระหว่างนั้นก็ได้แค่คิด จะพูดอะไร จะอธิบายยังไงพี่เค้าถึงจะเข้าใจ
อึมครึม.... วังเวง .... หลอน.... ความเงียบบั่นทอนความรู้สึก มีเสียงเครื่องยนต์เบาๆ เมื่อฮอนด้าซีวีซออกตัวกลับป้อมบัญชาการ
“เหนื่อยไหมวันนี้” คำถามสั้น น้ำเสียงไม่บอกอารมณ์ เลยไม่รู้ว่าที่เกริ่นขึ้นมา จะปลอบโยนหรือทับถม
“นิดหน่อยค่ะ” หนูตอบอ้อมแอ้ม สงบปากสงบคำ
“แล้วทำไมยังจะมาทำงานอีก บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องทำอ่ะ” เอาแล้วไง เริ่มร่ายปาฐกฐาแล้ว
“ก็เห็นพี่เงียบๆ ทำเหมือนหนูไม่มีตัวตน หนูก็เลยคิดว่าถึงจะทำอะไร พี่ก็คงไม่สนใจอยู่แล้ว”
“ก็เลยออกมาทำงานประชดใช่ไหม เผื่อว่าจะได้เจอคนอื่นที่รวยกว่าจะได้มีที่ไปใช่ไหม?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย หนูก็แค่พูดไปเพราะรำคาญต่างหาก หนูรู้หรอกน่าว่าเขาก็แค่แกล้งแซวเพราะนึกสนุก ไม่ได้คิดจริงจังอะไร หนูไม่ได้สวยเลิศเลอหรือมีดีมากพอให้ใครมาทุ่มทุนสร้างขนาดนั้นซะหน่อย”
“แล้วถ้าเขาตอบกลับมาว่ามีหมด แล้วก็จริงจังขึ้นมา เราจะโอเคไหมล่ะ?”
“ถามกันแบบนี้ เอาปืนมายิงให้ตายซะยังดีกว่า ต่อให้คนอื่นเค้ามองหนูเลวแค่ไหน ด่าหนูยังไง หนูยังไม่เจ็บเท่านี้เลยนะ พี่คิดจริงๆ เหรอว่าที่หนูมาคบกับพี่เพราะเห็นแก่เงินน่ะ” หนูถามกลับไป แววตาบอบช้ำ มันดราม่ามากเลยตอนนี้ ยิ่งพูดไป มันก็อยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก...
“ไม่เคยคิดหรอก จนมาวันนี้แหละ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ตอนที่น้องฐาเดินเข้ามาหาพี่ น้องฐารู้เหรอว่าพี่รวย”
“รู้ค่ะ ก็พี่ขับรถเก๋งไปส่งอีกิ๊งนี่”
“แค่นั้นก็คิดว่ารวยก็โง่แล้ว ไปดาวน์ไม่เท่าไรก็ได้รถมาขับแล้ว ถ้าไม่ใช่ป้ายแดงก็อาจจะเป็นมือสองถูกๆ ไปยกเครื่องใหม่เอาก็ได้ ยิ่งมีรถนะ ยิ่งภาระค่าใช้จ่ายสูง จนเพราะต้องผ่อนรถผ่อนคอนโดก็มี พี่ไม่เคยคิดว่าน้องฐาจะมาคบกับพี่เพราะอยากสูบเงินเลยสักนิด ก็ขนาดค่าโรงแรมยังจะมาช่วยแชร์เลยนี่นา ดูนิสัยชอบเปย์ให้ผู้ชายซะมากกว่ามั้ง”
หนูหน้าแดงก่ำ เมื่อนึกถึงตอนนั้นขึ้นมาได้ ที่เอ่ยปากแชร์ค่าโรงแรม ปนกับโดนดักคอเรื่องเปย์ผู้ชาย พี่มารู้ได้ยังไง ว่าหนูเป็นแบบนั้นจริงๆ ลองได้รักใครเข้าแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็ทำได้ ไม่ว่าเท่าไรเราก็หาให้ได้ ความรักของกะเทยเป็นแบบนั้นแหละ แต่เพราะพี่โต้งรวย หนูก็เลยไม่ต้องทำแบบนั้นอีก เพราะพี่เขาคอยตามใจมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็เลยเหลิง ไม่เชื่อฟังเกรงกลัวเหมือนเมื่อก่อน
“บางทีพี่ก็เริ่มจะเข้าใจเรามากขึ้นนะ นิสัยชอบประชดประชัน พูด ทำอะไรไปโดยไม่แคร์เลยว่าจะให้ทำให้คนอื่นมองตัวเองยังไง ถึงจะเข้าใจผิดอยู่ก็ไม่พยายามอธิบายอะไรทั้งนั้น เก่งแต่ปากแบบนี้ คงแก้ลำบากอยู่เหมือนกัน แล้วนี่จะลาออกได้หรือยัง”
มันอดดีใจไม่ได้ ที่พี่โต้งเข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ และคงเริ่มแยกแยะออกแล้วด้วยว่าเรื่องไหนพูดจริง เรื่องไหนประชดอยู่ หนูเองก็อยากเลิกเอาแต่ใจอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ที่ร้านก็คนน้อย ถ้าลาออกไปที่ร้านก็คงลำบาก
“หนูคงลาออกตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ เกรงใจพี่เค้า เพิ่งจะมาทำงานได้ไม่กี่วันเอง พนักงานในร้านก็น้อยด้วย”
“ก็คิดแล้วล่ะว่าเรามันดื้อ .... ถ้าเราไม่เลิกทำงาน งั้นเดี๋ยวพี่จะมารับ” พี่โต้งว่าพร้อมสรุป
“อย่าดีกว่าค่ะพี่ รบกวนเปล่าๆ หนูกลับเองได้” หนูรีบบอก ถ้าต้องให้มารับดึกดื่นทุกวัน มันก็อดเกรงใจไม่ได้หรอกนะ
“พี่จะมารับทุกวัน” พี่โต้งรีบสวนกลับไม่ได้สนใจคำปฏิเสธของหนูเลย น้ำเสียงแข็งๆ เสียด้วย
“พี่กลัวว่าถ้าไม่มาเฝ้า หนูจะไปกับคนอื่นเหรอคะ? ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูไม่ไปแน่ แล้วก็คงไม่ใครตาถั่วมาจีบด้วย หนูไม่ได้น่ารักขนาดนั้นซะหน่อย” หนูรีบออกตัว ถ้าหากพี่โต้งจะต้องลงทุนมารับมาส่ง แค่ว่าเป็นห่วงเรื่องนี้
“ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร น้องฐาเป็นแฟนพี่นะคะ ที่พี่มาชอบน้องฐาเพราะว่าพี่ตาถั่วรึไง”
“ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” หนูรีบเถียง เข้าใจไปคนละเรื่องแล้วเนี่ย
“งั้นก็หยุดดูถูกตัวเองซะทีเถอะ ถ้าน้องฐาไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างพี่จะรักไหม? ถ้าดูถูกตัวเองก็เหมือนดูถูกพี่ด้วยรู้ไหมคะ? ”
“หนูรู้ว่าปีสามน่ะเรียนหนัก หนูก็แค่... ไม่อยากให้ความเอาแต่ใจของหนูไปทำให้พี่ลำบากแค่นั้นเอง”
“รู้ก็ดีแล้วว่าเดี๋ยวนี้น่ะตัวเองเอาแต่ใจ แต่ถึงลำบากแค่ไหน มันก็ไม่ได้เรียกว่ารบกวนหรอก เพราะคนเป็นแฟนกันมันก็ต้องดูแลกันอยู่แล้ว ไม่รู้เลยหรือไงว่าแถวนี้มันเถื่อน ขับรถปาดหน้าเปิดเพลงเสียงดัง มองหน้าแล้วหาว่ากวนตีนมันก็ควักปืนออกมายิงกันแล้ว พูดอะไรก็ให้มันระวังปากซะบ้าง ถ้าเกิดมันโมโห มาดักฉุด ฆ่าปาดคอขึ้นมาจะทำยังไง”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะพี่ หนูว่าพี่คิดมากเกินไป”
“ไม่เถียงสักอย่างจะได้ไหม? ที่พูดที่บ่น ที่เตือนอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยเข้าใจเลยเหรอว่าเพราะอะไร ถ้าน้องฐาตัดสินใจมาทำงานนี้เพราะประชดพี่ แล้วมันเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องฐาเป็นอะไรขึ้นมา ถ้าตายไปแล้วก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก แต่กับคนที่อยู่ คิดว่าพี่จะไม่เสียใจเลยสักนิดใช่ไหม? จะไม่รู้สึกผิดที่แม้แต่แฟนตัวเองก็ยังดูแลไม่ได้ ถ้าคิดอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ” พี่โต้งพูดใส่อารมณ์
“พี่โต้ง....” อึ้ง... ไม่คิดว่าพี่แกจะพ่นออกมาได้ยืดยาวขนาดนี้ หนูน้ำตาซึม
ใช่สิฉันมันแฟนที่ขี้บ่น
ใช่สิฉันมันคนจู้จี้ไง
ผิดไปแล้ว... ที่ฉันเผลอเอาใจใส่
โอ๊ย แคร์เธอไป โทษนะที่ทำให้ต้องรำคาญ
จะรักให้น้อยลง...
(แฟนขี้บ่น : อะตอม)ทุกอย่างที่ทำไป ยังไม่รู้อีกเหรอว่า
รักและเป็นห่วงมากแค่ไหน “หนูขอโทษ.... ขอโทษนะคะ” หนูพร่ำบอก ระหว่างที่น้ำตามันก็พรูลงมาอย่างกับก๊อกแตก โน้มกายไปกอดพี่โต้งที่กำลังขับรถอยู่ พี่เขาถอนหายใจใช้มือข้างซ้ายลูบหัวหนูเบาๆ
“โอ๋ ไม่ต้อร้องแล้วล่ะ เสื้อเปียกหมดแล้วเนี่ย" พี่แกว่า แต่หนูก็ยังไม่ยอมเลิกร้อง
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกไปเรียนด้วยกันแล้วตอนกลางวันพี่มาส่งไปเอารถแล้วกันนะ”
หนูพยักหน้าหงึกหงักอยู่กับอก สูดน้ำมูกปื้ด....
“แล้วส่วนคืนนี้ อยากได้แบบวันก่อนอีกสักครั้งได้ไหม? พอลองแล้วก็มันติดใจอ่ะนะ” หนูคลายอ้อมกอดพี่โต้งขึ้นมานั่งหันมองพี่โต้งด้วยสายตาที่ยังพร่ามัว ยกมือขึ้นเช็ดน้ำหูน้ำตาที่หลั่งไหลออกแล้วถาม
“แบบวันก่อนเหรอคะ? จะให้กินยานั่นอีกอ่ะนะ ไม่เอาแล้วอ่ะพี่ หนูเข็ด...” หนูส่ายหน้าหวือ
“เปล่าๆ ไม่ได้จะให้กินยา...” พี่โต้งตอบกลับมารัวๆ
“ถ้าไม่ใช่ แล้วอะไรที่เหมือนวันก่อน?”
หนูล่ะกลัวร้อยยิ้มหวานๆ แบบนี้จริงเชียว มันไม่ได้น่าหวาดกลัวเหมือนคนอยากลงโทษอะไรนักหรอก แต่เหมือนรอยยิ้มอ้อนๆ ให้ทำอะไรบางอย่างให้ต่างหาก แบบว่า ห้ามปฏิเสธนะอะไรเทือกนั้นน่ะค่ะ....
แต่เห็นแก่ที่เพิ่งดีกัน จะเอาอะไรก็ว่ามา... ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจะทำให้หมดแหละ
“ถ้ายังไง ขอพี่ “สด” อีกสักรอบได้ไหมคะ”
อร๊ายยย ที่บ่นว่าเป็นห่วงเป็นใยกันนี่ เพราะกลัวไม่ได้กินของสดที่ว่านี่หรือเปล่ายะ? .....................................................
สด: การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
เนื่องจากเป็นนิยายจึงจบแบบนี้นะคะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แนะนำให้ใช้ถุงยางทุกครั้งนะคะ เพื่อความปลอดภัย
ช่วงนี้นิติดเกมอีกแล้วล่ะ ทำให้ไม่ค่อยได้เข้ามา หายไปหลายวันหน่อยแต่ยังไงก็ต้องมาต่อให้จนจบแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกบวก ทุกเป็ดเช่นเคย
นิรักทุกคน จุ๊บๆ ปล. มีคนถามว่า จะอ่านเรื่องของปอนด์ ได้ที่ไหน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25704.new นี่ลิงค์นะคะ แต่ยังไม่จบค่ะ