ตอนที่ 43 จูบเรียกวิญญาณ
กลางดึกคืนนั้น.... หลังจากปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย
เอ๊ะ หรือไม่เรียบร้อย?
อืม....เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ
ตอนนี้หนูก็ยอมกลับมานั่งกินพิซซ่าแล้วแหละ กินไปคุยไป กินพิซซ่าหมดชิ้นเดียวก็เริ่มหายอยากแล้วแหละ เลยหันไปชิมสปาเกตตี้ เฟร้นฟราย อย่างละนิดละหน่อยแล้วก็นั่งอึนต่อ...
“กินเยอะๆ สิคะ เหลืออีกตั้งหลายชิ้น” หนูทำหน้ายู่เมื่อพี่โต้งคะยั้นคะยอให้เขมือบพิซซ่าที่เหลือ มีกันอยู่แค่สองคนดันสั่งถาดกลางมาตั้งสองถาด ไม่นับรวมของอื่นๆ อีก พุธโธ่ กะเทยนะคะไม่ใช่ปอบ จะให้กินเข้าไปยังไงไหว
“อิ่มแย้ว.... ไม่ค่อยชอบด้วยแหละมีแต่แป้ง ใครสั่งมาก็กินไปคนเดียวเลย” หนูโบ้ย ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ซะงั้น ทีอย่างนี้ล่ะอิ่มเร็ว ตอนพาไปกินเคเอฟซียังฝืนกินเกือบหมดเลย”
แหมๆ ก็ครั้งนั้นมันหิวนี่เนอะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งหลายมื้อ แถมเล่นกีฬาในร่มก็ตั้งหลายยก หิวจัดแทบจะกินพี่โต้งเข้าไปทั้งตัวแล้ว
“ก็นั่นมันไก่.....หนูชอบกินไก่มากกว่า” หนูตอบแล้วหันไปหยิบปีกไก่บาบีคิวเป็นการยืนยัน
แง่ม เพียงคำแรกที่กัดเนื้อนุ่มๆ ลิ้มรสชาติกลมกล่อมร่างกายก็แทบจะล่องลอย...
อร่อยจนอยากจะขอเหมาหมดทั้งแปดชิ้นไปเลย
“สงสัยน้องฐาจะชอบกินไก่มากจริงๆ อ่ะนะ ทำหน้าเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” พี่โต้งเปรียบเทียบซะเว่อร์
“ชอบค่ะ ชอบไก่ กินไก่แล้วอึ๋มดี” หนูตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นอกจากรสชาติที่หนูว่ามันอร่อยอยู่แล้ว ก็เป็นที่รู้กันอ่ะนะว่าไก่มันฮอร์โมนเยอะ กินแล้วอึ๋มเป็นผลพลอยได้
“ค่ะ...อึ๋มมากกกกกกก อึ๋มซะไม่มี!” พี่โต้งพยักหน้าเห็นด้วย พูดไปยิ้มไปแต่น้ำเสียงเน้นย้ำจนหนูรู้สึกทะแม่งๆ จนต้องเอียงคอทำหน้างงเป็นกะเทยเอ๋อไปชั่วคราว
“เอ....ทำไมหนูรู้สึกเหมือนพี่พูดประชดเลยล่ะ?”
“เปล่านี่คะไม่ได้ประชด ก็บอกว่าเราอึ๋มไง....” อืม ก็คำชมนี่นา....
หนูคงคิดมากไปเนอะ
ก็ว่าจะคิดงั้นแหละถ้าพี่เขาไม่พูดย้ำมาอีกประโยคหนึ่งว่า....
“อึ๋มซะไม่มีล่ะ ....อึ๋ม.....ซะไม่มีอะไรเลย!!”
แอร๋ยยยยยยยย อีพี่บ้า ว่าหนูอีกแล้วนะ!!
………………………………..
……………………………………………..
“เพิ่งนึกขึ้นได้เหรอยะว่าต้องโทรมา” เสียงอีโอ๋เพื่อนรักเพื่อนใคร่กรอกเสียงมาตามสายพร้อมเสียงหาวหวอด เมื่อหนูตั้งใจโทรไปปรึกษาหารือ
“อะไรของแกอ่ะงง” หนูถามอย่างสงสัย
“ก็กูโทรหามึงตั้งหลายสาย กะจะถามว่าเป็นไงอะไรมั่ง เห็นเบอร์ยังโทรติดอยู่นะ แต่ไม่เห็นรับสายแล้วก็ไม่โทรกลับด้วย
“อ๋อ... กูแลกเบอร์กะพี่เขาไง พี่เขาคงลืมบอกมั้ง หรือไม่ก็ตั้งใจไม่บอก ช่วยไม่ได้นี่ พี่เขาคิดว่ามึงเป็นกิ๊กกับกูอยู่นี่นา” หนูตอบขำๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าพี่แกบ้า ขี้หึงได้อีก
“แล้วนี่โทรมาได้แล้วเหรอ? ไม่กลัวโดนว่ารึไง?”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยลบก็ได้ มีเรื่องปรึกษาหน่อยอ่ะ” พี่เขาไม่รู้หรอกค่ะป่านนี้หลับคร่อกไปแล้ว
“ทำไม ทะเลาะกันอีกเหรอ?”
“เปล่า กูหงุดหงิดน่ะ พี่แกชอบหาว่ากูอ่ะแบน คัพเอลบมั่งล่ะ ไข่ดาวบ้างล่ะ อะไรงี้ตลอดอ่ะมึง ฮือ....”
“แค่เนี้ย??” อีโอ๋ถามกลับเสียงดัง
“แค่นี้อะไรล่ะ? เรื่องใหญ่นะเนี่ย เสียเซลฟ์ชะมัดเลยอ่ะ”
“แกโทรมาบอกเรื่องแค่นี้ ตอนตีสองเนี่ยนะ!!” มันตะโกนกลับมาอย่างอารมณ์เสียนิดๆ
“ก็แหม......แกก็ นานๆ ที คุยกับเพื่อนมั่งดิ ไม่คิดถึงกูเหรอ?” หนูทำเสียงอ้อน
“เฮอะ!! พูดดีไป มีแต่มึงอ่ะแหละ เห็นผัวดีกว่าเพื่อนตลอดอ่ะ” โอ๋ปรักปรำ
“อะไร ไม่มีอ่ะ ใส่ความตลอด” หนูเสทำเป็นไม่ยอมรับ
“ถ้าคิดถึงจริงๆ งั้นว่างๆ ขึ้นมาหากูดิ เดี๋ยวพาเที่ยว” อีโอ๋ลองใจซะงั้น
“โอ๊ยไม่ได้ ช่วงนี้โดนคุมความประพฤติอยู่ อย่าว่าแต่ไปเที่ยวเลย แค่ใส่กระโปรงสั้นก็โดนด่าเช็ดแล้ว” หนูแก้ตัวพร้อมทั้งบ่นน้ำไหลไฟดับ
“เยอะว่ะ!! ถามจริงเถอะ มึงได้พ่อหรือผัวกันแน่น่ะ”
“ผัวดิ อีบ้า”
“เออๆ แล้วสรุปว่าจะโทรมาคุยเล่นเหรอ? เอาไว้ตอนกลางวันไม่ได้ไง พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า” อีโอ๋ตัดบทซะงั้น
“อ๋อ...ไม่ๆ จะโทรมาถามว่าแกพอมีสูตรยาอะไรแรงๆ แบบกินปุ๊บอึ๋มปั๊บมะ เอาแบบเห็นละตะลึง นึกว่าเจอปีใหม่ตอนเสริมแล้วไรเงี้ย”
“โอ๊ย อีบ้า จะมีได้ไงล่ะ ถ้ามีขนาดนั้นใครเขาจะเสียตังค์ผ่าให้เจ็บตัวล่ะ แล้วมึงก็รู้ว่ากูกินยาพวกนี้ไม่ได้เสือกโทรมาถามอีก บ้าป่ะเนี่ย?” ก็จริงแหละค่ะ โอ๋มันเป็นเกย์สาวที่เรียกง่ายๆ ว่ากะเทยควายยังได้
“ก็รู้...แต่กูไม่มีเบอร์ใครเลยนี่ พี่แกเล่นลบหมดแล้วเหลือแต่เบอร์มึงอ่ะแหละ เบอร์เดียว”
“เดี๋ยวกูส่งเมจเบอร์ปาล์มกะออยให้ละกัน แต่พรุ่งนี้นะ วันนี้ง่วงว่ะมึง”
“เหรอ? งั้นไม่เป็นไร ขอบใจ เดี๋ยวกูลองหาทางอื่นดูก็ได้ มึงนอนเถอะ”
“เออๆ ค่อยว่ากัน แล้วจะกินอะไรอ่ะดูดีๆ ล่ะ ไม่มีใครหามส่งโรงพยาบาลแล้วนะ”
“เออๆ รู้แล้วน่า” หนูรับปากส่งๆ ไป เข้าใจว่าเพื่อนคงเป็นห่วง เพราะสมัยก่อนหนูเคยอัพยาเกินขนาดจนน็อกไปก็มี แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ สวยแต่ตายไวก็ไม่เอาดีกว่า
...............................
ครืด...กึก..... แก๊ก.....
หนูเงยหน้าขึ้นจากมือถือยี่ห้อดังทันทีที่รถจอดและได้ยินเสียงปลดเกียร์ ปลดเข็มขัดนิรภัยเพราะคิดว่าถึงคณะแล้วแต่กลับกลายเป็นหน้าธนาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยแทน
“เดี๋ยวพี่ไปเบิกเงินแป๊บนะคะ” พี่โต้งบอกพร้อมกับส่งยิ้ม เมื่อเห็นหนูพยักหน้าให้พี่เขาก็ก้าวออกจากรถไป ส่วนหนูก็ก้มลงเชคเฟสต่อไปอีก
หลังจากคุยกันเมื่อวานนี้ก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะกลับมาใช้เบอร์เดิมของตัวเองค่ะ และหนูก็จะคืนมือถือพี่โต้งด้วยเพราะเกรงใจ ยึดเอามาใช้หลายวันแล้ว เอาไว้ยืมเล่นตอนอยู่ด้วยกันก็พอ ด้วยเหตุนี้ก่อนจะจากลามันเลยต้องเล่นให้คุ้มสักหน่อยค่ะ
ในที่สุดพี่โต้งก็กลับมาขึ้นรถแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกอีกครั้งขณะที่หนูก็ยังก้มหน้าก้มตาขยันแข็งอย่างกะอ่านหนังสือสอบ....
“พี่ว่าเราเริ่มติดแล้วล่ะ ถ้าไม่เก็บมือถือพี่ไว้ เอาของเก่าไปเทิร์นใหม่สิคะ” พี่โต้งสรุปพร้อมออกความเห็น แต่หนูส่ายหน้าดิก
“เสียดายอ่ะพี่ ยังดีอยู่เลย ซื้อมาก็แพงอ่ะ เอาไปขายไปเทิร์นเหลือไม่ถึงครึ่ง”
“แล้วมือถือเราเล่นเฟสไม่ได้เหรอ?”
“ได้มั้งคะ ไม่รู้อ่ะ หนูไม่เคยเล่นเน็ต ตั้งค่าจีพีอาร์เอสไม่เป็น” แบบว่าคนมันโลว์เทคอ่ะนะ ต้องเข้าใจนิดนึง
“เหรอ? แล้วมือถือที่ซื้อมานอกจากโทรออกรับสาย ทำอะไรได้อีกบ้าง”
“ก็ฟังเพลง ถ่ายรูป ฟังวิทยุได้ แต่หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายหรอก ความละเอียดน้อย วิทยุก็ขี้เกียจจูนคลื่น สู้ดูยูทูบก็ไม่ได้ อยากดูอะไรก็เจอเลย” ตอนนี้เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง พอได้ลองใช้ของอะไรแปลกๆ ดีๆ แล้วมันก็อดหลงแสงสีไม่ได้อ่ะเนอะ ต้องโทษอีพี่โต้งนั่นแหละ แลกมือถือมาสร้างกิเลสแท้ๆ เลย
พี่โต้งวนไปจอดรถตรงริมฟุตบาทที่ไม่ห่างจากคณะของหนูเท่าไรแต่ไม่ได้ดับเครื่อง
“ขี้บ่นเนอะเราะอ่ะ ถ้าไม่เอาเครื่องนี้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยววันหลังพี่ซื้อให้ใหม่ละกัน” พี่โต้งบอกเสียงนิ่มๆ แต่เล่นเอาหนูหูผึ่ง กระพริบตาวิ้งๆ ประมาณ 368 ครั้งต่อวินาที (อีนี่เว่อร์จัด) เอนตัวเข้าไปหาอาเสี่ยกระเป๋าหนักโดยสัญชาติญาณ
“จริงอ่ะ?? จะซื้อให้จริงอ๋อ?” น้ำเสียงและแววตาระริกระรี้ไม่ต่างจากลูกหมารอเจ้าของแจกขนม
พี่โต้งย่นคิ้วเมื่อเห็นสายตาแห่งความคาดหวังปิ๊งปั๊งเป็นประกายกว่าทุกวันจนตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ
“ก็ดูก่อน ถ้าทำตัวน่ารักก็อาจจะซื้อให้” พี่แกทำท่าคิด ชิ!! เล่นตัวตามนิสัยเดิมนั่นแหละค่ะ
“ดูทำไม? น่ารักทุกวันอยู่แระ คนสวยอ่ะทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ” หนูทำหน้ามั่นใจ เชิ่ดได้อีก....
“จ้ะ... แม่คนสวย แม่คนน่ารัก” พี่โต้งตอบรับด้วยเสียงกัดฟัน ไม่วายดึงแก้มหนูอย่างหมั่นเขี้ยวจนปวดแก้ม
“อื๊อ... เจ็บ..... ซาดิสท์อ่ะ” หนูโวยวายแล้วปัดมือพี่แกออก
อั๊ยย่ะ บรัชออนลบไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวแก้มแดงไม่เท่ากัน โดนเพื่อนขำตาย
หนูรีบควานหากระจกมาส่องหน้าไวว่องด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อยแต่พอเห็นหน้าตัวเองยังเด้งอยู่ก็ยิ้มกว้างอย่างโล่งอก
“พี่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ ตอนนี้พี่ว่า พี่อยากให้น้องฐาน่ารักน้อยกว่านี้มากกว่า” จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาทำให้
“ทำไมคะ?” หนูเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปถามอย่างสงสัย
“ทุกวันนี้มีคนมองเรา พี่ก็หวงจะแย่อยู่แล้ว ถ้าน่ารักกว่าเดิมแล้วมีไอ้หนุ่มมาจีบไม่รู้ว่าต้องไว้หนวดพกปืนคอยส่องรึเปล่า”
แอบมาแนวพ่อกำนันหวงลูกสาวเลยเหอะ
หวงเกินไปไหมคะพี่??
“แหม....ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูรักพี่จะตาย ไม่นอกใจหรอก” หนูยืนยันมั่นเหมาะเพื่อให้พี่เขาสบายใจ พี่โต้งยิ้มรับโน้มคอลงมาบดขยี้ริมฝีปากอย่างดื่มด่ำด้วยหนึ่งครั้ง
หนูละจากรสจูบสูบวิญญาณด้วยอาการมึนๆ เล็กน้อย
โอย...ถ้ารถคันนี้ไม่ได้ติดฟิล์มหนาๆ อยู่ล่ะก็ อายเขาตายเลย....
หลบตาเจ้าของรถหันไปมองกระจกส่องอีกทีแก้เขิน.....
หือ......นั่นอะไร?? วิญญาณผีสาวในกระจกเรอะ??
เอ๊ะ.....ไม่ใช่นี่หว่า!!!
.
.
.
.
แอร๋ยยยยยยยยยยยย..... ก็ว่าแค่จูบเบาๆ แท้ๆ
ทำไมลิปกลอสมันเปื้อนแก้มขนาดนั้นล่ะ?!!
............................................................
ตอนนี้สั้นเนอะแล้วก็ไม่มีสาระอะไรด้วย เอาฮาๆ ไปก่อนนะ แก้ขัดให้คลายคิดถึง
นิยายของนิไม่มีอะไรน่ะ ไร้สาระกันไปวันๆ หวังว่าคนอ่านคงยังไม่เบื่อ และไม่ทิ้งกันไปเสียก่อน
เรื่องมาม่าอย่าไปกังวล ถ้ามันจะมามันก็มา ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็อยู่บ้าๆ บอกันแบบนี้ไปก่อนเนอะ .....................................
ทีแรกตอนแต่งเรื่องนี้ไม่ได้คิดอะไร แต่วันดีคืนดีบังเอิญไปดูคลิปกะเทยกลับใจเป็นชายในตีสิบเขาบอกว่า ตอนแรกทำอะไรผู้หญิงไม่ได้เพราะมันไม่แข็งก็เลยงง ไม่รู้มาก่อน พอลองไปหาอ่านเอาตามเว็ป ก็ประมาณว่ากะเทยที่เทคยานี่คืองูตายจริง เพราะยามันลดขนาดและลดความต้องการทางเพศค่ะ
แล้วตอนเป็นรับคือให้อย่างเดียวตัวเองไม่มีความรู้สึกอะไร ก็งงอีก มันจริงเหรอ? เพราะเท่าที่รู้มารับที่เป็นเกย์บางคนเขาก็สามารถถึงได้จากข้างหลังโดยไม่ต้องแตะต้องข้างหน้านะคะแต่ต้องมีเทคนิคอ่ะนะ คือมีโอกาสเป็นได้แต่น้อยแหละว่างั้น
ไอ้เราก็คิดซะว่าเราอ่านนิยาย...บันเทิงคดีอย่างหนึ่ง เรื่องที่เป็นไปไม่ได้บางเรื่องมันยังเกิดได้ เรื่องที่สามารถเป็นไปได้ยากอาจจะเกิดขึ้นบ่อยๆ คงไม่ว่ากันเนอะ ฮาๆ
ดังนั้นการถึงโดยการได้รับการกระตุ้นจากต่อมลูกหมากอย่างเดียวในความจริงอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ในนิยายอนุโลมให้มันเกิดได้ง่ายเพื่อความสุขของผู้อ่านและผู้เขียนคงไม่ว่ากันนะคะ
ปล. ข้อมูลบางอย่าง นิไปอ่านตามเว็ปมาค่ะ แต่ค่อนข้างเป็นข้อมูลดิบซะมาก นิก็ยืนยันไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องไหนจริงมากน้อยยังไง เพราะบางเรื่องแต่ละที่ แต่ละคนก็ตอบไม่เหมือนกัน นิก็ประมวลรวมๆ เอาตามความน่าจะเป็น แค่สูตรยากินก็ได้มาเยอะมาก ทั้งกินทั้งฉีด กว่าจะสวยได้ก็เหนื่อยแหละค่ะ มุมานะบากบั่นจริงๆ
ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ที่ร่วมรับรู้ไปด้วยกัน หากมีท่านใดมีข้อขัดแย้งหรือความรู้เสริมก็บอกกันได้นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามน้องฐาค่า