ตอนที่ 30 ก่อนกินไก่....
แทนที่จะได้กินเป็ดเอ็มเค ไก่เคเอฟซี ท้ายที่สุดพี่โต้งก็จัดอาหารเช้าเป็นตับหวานจานโปรดมาให้รองท้องก่อนซะนี่ น้องฐาที่ว่าจะถือศีลกินเจ งดตับสักพัก ก็เป็นอันใจแตกไปเรียบร้อยโรงเรียนพี่โต้ง ครั้นรับประทานตับหมดจานที่ให้รสชาติทั้งหวานทั้งเผ็ดสะเด็ดสะใจไปจานหนึ่ง น้องฐาก็ว่าจะประหยัดงบตัดจบเช็กบิลกลับบ้านนอน แต่แล้วกลับมีเซอร์ไพร้ส์จากเจ้าของร้านบอกจะแถมให้อีกจานแบบไม่คิดเงิน (เป็นงั้นไป)
ว่ากันตามหลักเทคนิคการร้องเพลง เวลาเสียงขึ้นสูงแล้วท่อนต่อไปร้องคีย์เดิมมันจะไปกันไม่รอด ก็ต้องมีการหลบเสียงใช่ไหมคะ เมื่อเพลงกามของเราดำเนินมาจนจบทำท่าจะขึ้นเพลงที่สอง หนูก็ว่าจะหลบฉากไปเลยเห็นจะดี ทีแรกยังเป็นห่วงเป็นใยกลัวจะไปดูหนังไม่ไหว ไฉนเลยพอได้โอกาสเดินเข้าครัวปรุงตับหวานพี่ท่านจึงติดลมบนทำต่อจานที่สองแบบไม่ได้สั่งเช่นนี้เล่า?
“อะ..เอ่อ.... หนูว่า....ถ้ามีรอบสอง...คงไม่ได้ออกไปไหนกันแล้วมั้งวันนี้” หนูทำตาปริบๆ ใส่อีกฝ่ายเพื่อวอนขอความเห็นใจ
“อะไรนะ... ไม่ยอมเหรอ?” ถามมาหน้านิ่ง แล้วจะตอบว่าไง?
“ก็ดี...ถ้าไม่ยอม...พี่จะปล้ำ....เอย....พี่จะปล้ำให้หนำใจ” เย้ย.... พ่อค้าตับมาแนวพระเอกยี่เกเลยค่ะรอบนี้ สงสัยความรั่วมันเป็นโรคติดต่อ พี่โต้งถึงได้รั่วตามน้องฐาไปแบบนี้...
“ไม่ได้บอกว่าไม่ยอมแต่เกรงจะไม่ไหวต่างหาก...คนนะเนี่ยไม่ใช่รถถังจะได้ออกรบที่ย่านน้ำก็ทนทายาดไม่บุบสลาย...”
“ทีอย่างนี้ทำมาพูด...ทีเมื่อคืนล่ะ? ก็ไหนว่าถ้ามีคนลากไปข่มขืนแล้วจะยอมไม่ให้ข่มขืนแต่จะสมยอมแทนไง แล้วว่าไงต่ออีก จะแก้ผ้าแล้วก็อะไรนะ.....” พี่โต้งแกเงยหน้ากลอกตาขึ้นบนทำท่าคิด
แอร๋ยยยยยย แก้ผ้าแล้วอ้าขากว้างๆ !!
คำประชดประชันที่ออกมาเพราะความคะนองปากนั่นมันไม่ใช่คำสะไอไม้ม้วนนะคะถึงจะได้ “เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดีน่ะ” ชิชิ
“ทีแรกก็ว่าจะไม่... อุตส่าห์ยับยั้งชั่งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนทั้งที่อดหมั่นไส้วาจาประชดประชันของหนูไม่ได้ แต่อยากมายั่วยวนกวนอารมณ์เองช่วยไม่ได้”
หนูมองหน้าพี่โต้ตาค้าง... ใจคอจะแก้เผ็ดที่ปากไม่ดีกันหรือไงยะพ่อ
“อย่าทำหน้าอย่างนั้น พี่แค่แซวเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะต่อว่าต่อขานหรือจะแกล้งอะไรนักหรอก ก็แค่น่ารักมากไปจนอยากได้อีกเรื่อยๆ เท่านั้น....”
เชอะ ดีนะที่อุตส่าห์แก้ตัวให้ฟังดูดีขึ้นมาอีกนิด..(นิดเดียวจริงๆ)ไม่งั้นมีเรื่องแน่....
เอาเถอะ ไหนๆ ก็หลวมตัวกินเข้าไปแล้ว กินต่ออีกนิดก็คงไม่เป็นไร เอาไว้ไปงดพรุ่งนี้แทนแล้วกันค่ะ แหะๆ (พูดเหมือนคนลดความอ้วนเลยแฮะ) จะเสิร์ฟกี่จานก็จัดมา แต่อย่าเผ็ดมากนักนะ ไม่งั้นถ้าหลุดรอดไปได้ จะไม่เข้าร้านนี้สักสามเดือน ดูซิจะไปหาลูกค้าน่ารักๆ แสนดีขนาดนี้ได้ที่ไหน
คิดได้เท่านั้นก็นั่งๆ นอนๆ รอตับหวานจานต่อไป...
“อื๊อ....อ๊า...” เสียงครางของเราประสานกันเป็นระลอกๆ ตามอารมณ์หวามขึ้นๆ ลงๆ เข้าๆ ออกๆ เหมือนผีสิง แม้นช่วงเวลาแห่งความร้อนเร่ารัญจวนใจพัดผ่านจนแตกดับไปแล้วรอบหนึ่ง หากเมื่อลมพายุฝนพัดกระหน่ำอีกครั้งกลับหาได้ลดความรุนแรงลงกว่าเดิมไม่... กลับเรียกร้องซึ่งกันและกันมากขึ้นเสียอีก
ใบหน้าของหนูปรากฏรอยยิ้มพริ้มพรายด้วยความพรึงเพริศแลเพลิดเพลินไปกับท่วงทำนองแว่วหวานแห่งเพลงกามที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนท่อนฮุก (อีกครั้ง) ก่อนจะจบเพลงไปพร้อมเสียงเอื้อนยาวครางครวญสุขสมอารมณ์รัก เคียงไปกับเสียงหอบแหบพร่า หยาดเหงื่อ แล้วหนูจะไปอาบน้ำเพื่ออะไร ต้องไปอาบซ้ำรอบสองอีกแล้วมั้งเนี่ย โธ่...
“ไหนว่าไม่ไหวไง” อีกฝ่ายมีเหน็บแนมกลับมาหลังจากเห็นการทานตับหวานแบบต่อเนื่องไม่ยอมแพ้ของหนู ก็แค่ใจดีกลัวพ่อค้าตับจอมแถมจะเสียน้ำใจเท่านั้นแหละไม่ได้ติดตกติดใจอยากกินหรอกนะยะ
“ไม่รู้สิคะ สงสัยจะหิวมาก” ตอบกลับไปพลางพลิกกายไปหาอีกฝ่ายที่วาดแขนมากอดเอวหนูเอาไว้ ยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากเพื่อชิมลิ้นไก่ตบท้าย “ไม่ได้กินมานานก็อย่างงี้แหละ”
“นาน....แค่ไหนกันเชียว....คงไม่นานเท่าพี่หรอกมั้ง” อ๋อ... สารภาพแล้วสิว่าอดอยากปากแห้งมานาน ก็แขวนป้าย CLOSE เอาไว้หน้าร้านเองนี่นา แล้วลูกค้าที่ไหนจะมาเข้าล่ะ...
“อะ....อือ...สี่สิบวันได้มั้งคะ”
“โม้หรือเปล่า...จะเท่ากันได้ไง....”
“ไม่เท่าอยู่แล้ว...แต่พี่นั่นแหละโม้....เพราะหลังจากเซ็กส์ครั้งสุดท้ายของหนูพี่ยังนอนกับชะ....เอ่อ...ผู้หญิงอยู่เลย”
“ผู้หญิงที่ไหน?...”
“ก็ที่นี่แหละผู้หญิงที่หนูเจอที่นี่ หรือจะบอกว่ากะเทย ถ้ากะเทยจริง...ก็คงผ่าแล้วผ่าเล่าถึงได้เหมือนเป๊ะขนาดนั้น”
“อ๋อ...อือ...คนนั้นน่ะผู้หญิง...แต่พี่ไม่ได้มีอะไรกับเขาสักหน่อย”
“ถ้าไม่มีอะไรกันทำไมต้องให้เงินด้วยล่ะ”
“ที่จริงก็ไม่อยาก...แต่มีเหตุผลถึงต้องให้ ขอโทษนะที่วันนั้นพูดให้เข้าใจผิด แต่พี่ก็แค่ไม่มีอารมณ์จะอธิบายเท่านั้นเอง ทั้งที่ความจริงเขาไม่ใช่คนที่น้องฐาจะต้องหึงแล้วล่ะ เพราะถึงเมื่อก่อนจะเคยมีความสำคัญ เขาก็เป็นคนลดความสำคัญของตัวเองลงมาเอง.... ทีหลังถ้าเห็นผู้หญิงอยู่กับพี่ก็ไม่ต้องถามก็ได้นะว่าเป็นอะไรกัน เพราะพี่ไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงมา...สามปีกว่าแล้ว...และคิดว่าจะไม่ตลอดไปด้วย” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงด้วยเสียงที่มั่นคงจริงจังจนหนูแอบชะงัก ถึงจะไขข้อข้องใจแต่ก็ยังฟังดูคลุมเครืออยู่ดี ชั่งใจว่าจะถามต่อดีหรือไม่ กลัวจะทำให้ทะเลาะกันใหม่อีกครั้ง
หนูพยายามลดอารมณ์เคืองขุ่น ทำใจให้เป็นกลาง...แล้วหาถ้อยคำมาพูดด้วยอย่าประนีประนอมที่สุด
“ถ้าให้หนูเดา แฟนเก่าเหรอคะ” หนูถามเสียงอ่อน อีกฝ่ายมองตาหนูกลับด้วยแววตาส่อแววสั่นไหวก่อนจะพยักหน้าให้ครั้งหนึ่งอย่างไม่มีทางเลือก
“แล้วคนนี้หรือเปล่าที่พี่บอกว่าชอบโกหก จนทำให้พี่ไม่อยากจะเชื่อใจใครอีก” พี่โต้งถอนใจยาวๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง
ฟังแล้วมันก็หดหู่อย่างประหลาด เมื่อคิดได้ว่า คนข้างกายเจอแฟนเก่าจอมโกหกที่กลับมาหา แม้หนูไม่กล้าถามว่ามาขอคืนดีหรือว่ามาทำอะไร และไม่กล้าโมโหด้วยที่พี่โต้งตัดสินใจให้เงินเธอไปก็ตาม เพราะคิดว่าถ้าพี่เขายอมให้อภัยหนูได้ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย ก็แสดงว่าเป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว จะให้ถามก็ซ้ำแผลเก่าเกินไป หนูไม่โหดร้ายขนาดนั้น เพราะถ้าไอ้โรจน์มันกลับมาหาหนู หนูก็คงสะเทือนใจเหมือนกันที่จะเล่าเรื่องรันทดสมัยเป็นกะเทยหัวโปกให้คนอื่นฟัง แม้จะเป็นอดีตไปแล้วก็ตามก็อาจจะมีบ่อน้ำตาแตกอยู่ดี มันไม่สมกับเป็นน้องฐาที่ร่าเริงหรอกนะคะ
สิ่งที่หนูทำได้ตอนนี้ก็คือปลอบใจอีกฝ่ายเท่านั้นแหละค่ะ
หนูเอามือขวาไปแตะที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม
“ถึงจะชอบประชดประชัน ขี้อำบ้างเป็นบางที ตอแหลบ้างเพื่อเอาตัวรอด แต่กับคนที่หนูรัก หนูก็มีความจริงใจมากพอ พี่อย่าคิดหนูจะต้องไปเหมือนคนที่พี่เคยเจอมา อย่าคิดว่าหนูจะนอกใจพี่ได้ง่ายๆ เหมือนคนอื่น... ใช่ว่าหนูจะมีอดีตที่สวยงามซะหน่อย หนูเคยปิดกั้นตัวเองไม่ยอมรับใคร แต่กับพี่หนูไม่ได้ปิด หนูไม่ได้คิดว่าพี่จะต้องเลวร้ายเหมือนคนที่หนูเคยเจอ ทุกคำขอโทษ ทุกๆ ความอ่อนโยน ทุกๆ ถ้อยคำบอกรัก ขอแค่บอก หนูเชื่อ และหนูก็อยากให้พี่เชื่อหนูเหมือนกัน ถ้าบอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อนจริงๆ ไม่มีทางเป็นอื่น” หนูหยุดพูด... หลังจากมีโอกาสพูดอะไรยาวๆ เป็นครั้งแรกโดยไม่โดนขัด นึกดีใจที่ได้พูดความในใจสักที
หนูขยับศีรษะหรุบตามองไปที่อกของอีกฝ่ายขณะรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดความจริงประโยคสุดสุดท้าย
“ถ้าไม่นับเซ็กส์เมื่อกี้ แล้วก็ในห้องน้ำเมื่อคืน ครั้งสุดท้ายที่มีก็ก่อนที่เราะจะเลิกกัน สถานที่สุดท้าย....ที่นี่ คงไม่ต้องพูดต่อใช่ไหมว่ากับใคร” อ๊า....ในที่สุด....ในที่สุด....
เงียบ ไร้เสียงตอบ ไม่รู้ว่ากำลังอึ้งหรืออะไรสิ “ไม่เชื่อก็ตามใจเถอะค่ะ แค่ได้พูดหนูก็ดีใจแล้วล่ะ” บอกไปอีกประโยคก่อนจะขยับคอเพื่อมองอีกฝ่ายว่าจะทำหน้ายังไงต่อ....
แต่ภาพที่เห็นนี่สิ ทำให้น้องฐาอยากจะเอาหัวโขกหน้าผากพ่อค้าตับแรงๆ สักที
แอร๋ยยยยยยยยยยยยยย
คนกำลังพูดเรื่องสำคัญ ดันหลับซะนี่...... เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก .......................
จบแบบนี้น่ากลัวจะโดนคนอ่านฆ่าเหมือนกัน ฮาๆ
talk
ใครที่อ่านตุลย์ - ปอนด์อาจจะมีคนสงสัยว่า ยาสระผมคือใคร? แฟนๆ ที่อ่านเรื่องนี้น่าจะทราบนะคะ เพราะยาสระผม (เคลียร์) ก็เคยแวบมาในเรื่องนี้ด้วย กร๊ากกกกก แต่ไม่มีคนจำได้ @ คนอ่านหลายท่านอาจจะงงกับตัวกลอนตอนที่แล้ว ต้องขออภัยด้วยนะคะ แบบว่ามันต้องใช้จินตนาการสูงไปนิด แต่มันก็ได้อรรถรสไปอีกแบบนึงเนอะ
@ wisky ไม่เชิงว่าติดใจแต่เรียกว่าชอบอ่ะค่ะ อิอิ นิชอบแต่งกลอนน่ะค่ะ มันมีระเบียบแบบแผน แล้วก็มีทำนองดี ที่ชอบมากๆ เลยคือการอ่านทำนองเสนาะจะมีความสุขมาก
ที่จริง นิอยากแต่งนิยายสักเรื่องเป็นร้อยกรองไปเลยด้วยซ้ำแต่คงหาคนมาอ่านได้น้อย ฮาๆ (ร้อยแก้วยังเอาไม่รอดจะร้อยกรองไปเพื่อ? ฮาๆๆ)
ร้อยกรองแต่งยาก (รวมถึงอ่านยาก) แต่รู้สึกว่าแต่งแล้วภูมิใจมาก เพราะมันใช้เวลาและการทุ่มเท บท...ของน้องฐานิคิดจะแต่งนานแล้วอย่างที่เคยบอกไว้ว่าแต่งของกิ๊งแล้วจะมาแต่งเรื่องนี้ต่อ แต่ที่นานเพราะโคลงสี่มันฉันทลักษณ์ยากกว่ากลอนบทละครค่ะเลยแต่งไม่ผ่านสักที....เพิ่งจะมาหัวบรรเจิดเอาตอนนี้แหละ
@ yayee2 ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำชม ที่จริงไม่อยากบอกเลยว่าจบเอกภาษาไทยมาจริงๆ เพราะบางครั้งก็ยังใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องอยู่บ้าง ลืมตัวเขียนผิด และใช้อีโมชั่นบ้าง ไม่ค่อยสมกับที่เรียนเอกไทยเท่าไร แหะๆ แต่เท่าที่นิสังเกต พี่ยาหยีก็ค่อนข้างจะเอาความรู้ภาษาไทยมาใช้เยอะเหมือนกัน (เห็นชอบตรวจคำผิดในกระทู้นิยาย อิอิ) นิยังเคยแอบสงสัยเลยว่าพี่เรียนสายนี้มาหรือเปล่าเลย แต่ไม่ได้ถาม (ขอบคุณสำหรับที่มาของกลอนที่นิเอามาแปลงใน เรื่องกิ๊งด้วยนะคะ )
ในนิยายนิถ้าเจอคำผิดหรือภาษาผิดความหมายก็บอกได้เลยนะคะ ความจริงนิก็เขียนผิดๆ ถูกๆ บ้างเหมือนกัน โชคดีที่ตอนนี้เอาเวิร์ดที่มีโปรแกรมตรวจคำผิดมาใช้เลยช่วยได้เยอะเลย บางอันถ้าถ้าพ้องรูปพ้องเสียงแล้วไม่แน่ใจก็พจนานุกรม นอกนั้นก็ตามมีตามเกิดค่ะ แหะๆ ***ไม่เกี่ยวอะไรกับนิยายแต่ขอบ่นหน่อย ไม่ต้องอ่านก็ได้นะคะ
คือทีแรกนิมีนัดว่าจะไปเที่ยวกับแฟนค่ะ กะว่าจะมาอัพตอนใหม่หลังจากนั้น เผื่อจะเก็บเอาบรรยากาศตอนไปเที่ยวมาจิ้นเขียนแบบร่าเริงอารมณ์ดีสุดๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าอดไปเป็นที่แน่นอนแล้ว บวกกับทะเลาะกับพ่อด้วย กำลังซึมเศร้ามากเลย อยากจะบอกว่าอิจฉาน้องฐาที่ได้ไปเที่ยวกับพี่โต้งในขณะที่คนเขียนต้องแกร่วอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน
เฮ้อ.... ตอนนี้ทำใจได้นิดนึงแล้ว ก็เลยลุกขึ้นมาเขียนอะไรนิดๆ หน่อย ๆ แต่น้องฐาก็ยังไม่ได้ออกไปกินไก่ซะที กรรม ก่อนจะกินไก่ กินตับไปก่อนละกัน อืม....