สวัสดีคนอ่านที่น่ารักทู๊กคนค่ะ เอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันนะคะ ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้หาย แค่ไม่ว่างจะแต่งได้ถี่เท่าเมื่อก่อน แต่พยายามจะแต่งให้ยาวขึ้น หวังว่าจะรออ่านกันไหว อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้อ
น้องหนึ่ง กันต์กวี น้องน้อยผู้น่ารักน่าแกล้งของพี่ๆ หนึ่งน่าจะเป็นชื่อของเป็นพี่แต่กลับกลายมาเป็นชื่อของน้องคนเล็กของบ้านซะอย่างนั้น น้องหนึ่งเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ แม่เลยเรียกว่าหนึ่งเดียวมาตั้งแต่เด็ก ลูกผู้พี่ที่เป็นลูกของคุณลุง คุณป้า บอกว่าหนึ่งเดียวเรียกยาก เลยรวมหัวกันเรียก น้องตัวเล็กว่า น้องหนึ่ง ด้วยความน่ารักน่าหยิก แก้มยุ้ย ขาวนวล ปากเล็กแดงระเรื่อคล้ายเด็กผู้หญิง
ปากนิดจมูกหน่อยของน้องหนึ่งคงไปตรงกระตุ้นต่อมขี้แกล้งของพี่ให้ทำงาน ทำเอาพี่ทั้งสองคนชอบมาหยอกน้อง จูบบ้าง หอมบ้างจากเบาๆ ก็กลายเป็นแรงเกินด้วยความหมั่นเขี้ยว
ตั้งแต่เด็กน้องหนึ่งคิดว่าพี่ๆ ไม่รัก ชอบหาเรื่องแกล้ง จึงพยายามเก็บเนื้อเก็บตัว แต่ไม่ว่าจะเก็บมิดแค่ไหน ไอ้พี่บ้าก็หาเจอซะทุกครั้ง แล้วก็ไม่พ้นน้องหนึ่งมีอันต้องเสียน้ำตาทุกที
“ทำไมต้องแกล้งเค้าด้วย” น้องหนึ่งสี่ขวบ ถามพี่ๆ ที่ชอบมาเล่นด้วยหลังกลับจากโรงเรียน การบ้านไม่ยอมทำ ต้องมาแกล้งให้น้องร้องไห้ก่อนถึงได้เริ่มลงมือทำ
“เค้าไม่ได้แกล้ง แต่น้องหนึ่งน่ารัก แก้มยุ้ยเองนี่เค้าเลยอยากหยิก” พี่ทิ พี่กะทิ พี่คนโตที่อายุห่างจากน้องหนึ่งห้าปี รีบบอก
“พี่ตุลก็ยุ้ย ทำไมพี่ทิไม่ไปหยิกบ้างล่ะ” ปากแดงระเรื่อน้อยๆ ยังเถียงต่อ
“ไอ้ตุลมันอ้วน ไม่ได้ยุ้ย” น้องหนึ่งได้แต่ค้อนพี่ทิ ส่วนไอ้ตุล หรือตุลสิ ของพี่ทิ หน้างอจนแทบหัก
“แล้วทำไมพี่ตุลชอบมากอดเค้าแรงๆ แล้วยังชอบกัดแขนเค้า”
“ก็น้องหนึ่งตัวนุ้มนุ่มแล้วก็ขาวเหมือนซาลาเปาจนพี่อยากกินนี่นา” พี่ตุลอายุเจ็ดขวบรีบตอบ
“พี่ทิก็ขาวทำไมไม่ไปกัดพี่ทิ”
“ไปกัดพี่ทิเดี๋ยวมันก็ได้ไล่เตะพี่สิ โหดจะตาย ดุยังกับหมา”
“ไอ้ตุล ว่าใครเป็นหมา” พี่ทิเสียงเข็ยว
“ที่พี่ทิยังมาว่าเค้าอ้วนเลย”
........
..
.
สองพี่น้องยังเถียงกันเอาเป็นเอาตาย จนสุดท้ายทีตุลก็โดนพี่ทิไล่เตะจนได้ น้องหนึ่งได้แต่ยืนหัวเราะ จนพี่สองคนวิ่งไล่กันจนเหนื่อยกลับมานั่งหอบอยู่ข้างๆ
“พี่ทิ กับพี่ตุลไม่ได้เกลียดเค้าใช่มั้ย”
“ใคร ใครเกลียดน้องหนึ่ง ใครบอก บอกพี่มาเดี๋ยวนี้เลย” สองพี่รีบ โวยเสียงแข็ง น้องหนึ่งได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะบอกเสียงอุบอิบ
“คุณแม่ก็บอกน้องหนึ่งว่าพี่ๆ ไม่ได้เกลียดน้องหนึ่งแต่น้องหนึ่งไม่เชื่อคุณแม่เองแหละ ก็พี่ทิกับพี่ตุลชอบแกล้งเค้า เค้าก็เลย..”
“พี่ๆ ไม่ได้เกลียดน้องหนึ่งซะหน่อย รักจะตาย แต่น้องหนึ่งน่ารักเกินไปพี่เลยอดใจไม่ไหว จริงไหมวะไอ้ตุล”
“ช่าย น้องหนึ่งจำไว้นะน้องหนึ่งน่ารัก จนใครเห็นก็ต้องอยากแกล้ง ถ้าใครมาแกล้งน้องหนึ่ง รีบมาบอกพี่ตุลเลยนะเดี๋ยวพี่ตุลจะไปจัดการมันเอง”...
..
.
หลังจากวันนั้นน้องหนึ่งก็ได้รู้อย่างหนึ่งว่าพี่ๆ รักน้องหนึ่งมาก แต่น้องหนึ่งน่ารักเลยต้องโดนแกล้ง อย่างนั้นน้องหนึ่งต้องไม่น่ารัก ใครชมว่าน่ารักต้องรีบหนีให้ห่างไม่อย่างนั้นจะโดนแกล้ง น้องหนึ่งไม่ชอบ และอีกอย่างที่น้องหนึ่งไม่ทันรู้ก็คือไอ้นิสัยเก็บเนื้อเก็บตัวมันได้กลายเป็นสันดานไปอย่างถาวร และนิสัยเสียข้อนี้ยิ่งได้รับการส่งเสริมจากพี่ชายทั้งสองเป็นอย่างดี เพื่อให้น้องหนึ่งเป็นน้องติดพี่ ใครหน้าไหนก็ห้ามมายุ่ง รู้ไว้ซะพี่ชายหวง
ตั้งแต่อนุบาลจนจบม.ต้น น้องหนึ่งจะอยู่ในความดูแลของพี่ชายทั้งสองมาตลอด จนพี่ทิเรียนจบ ม.หก สอบเข้าหมอได้ เรียนหมอหนักจะตาย แต่พี่ทิก็ยังมีเวลาวนเวียนมาเยี่ยมเยียนที่โรงเรียนอยู่เรื่อย พี่ทิ ตอนก่อนก็ว่าพี่แกหล่อแล้วนะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งดูดี บวกกับผิวขาวจ๊วกของพี่ทิด้วยแล้ว มาโรงเรียนที รุ่นน้องงี้กรี๊ดจนโรงเรียนแทบแตก แต่ดีนะ น้องหนึ่งชอบ หลังจากพี่ทิมาโรงเรียน จะมีสาวๆ เอาขนมมาฝากให้พี่ทิเต็มเลย ขนมอร่อยๆ ทั้งนั้น มีตั้งแต่ทำเองจนของซื้อมาแพงๆ ที่น้องหนึ่งยังไม่กล้าซื้อกินเองเลย น้องหนึ่งแค่ช่วยหิ้วเอากลับไปให้แล้วของทั้งหมดนั้นก็จะได้ลงไปอยู่ในกระเพาะน้องหนึ่งแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อไปเป็นเดือน ดีจะตาย พี่ทิมาโรงเรียนจนแน่ใจว่าพี่ตุลดูแลน้องหนึ่งได้พี่ทิเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ตุลย์เต็มตัว และตั้งแต่นั้นน้องหนึ่งก็มีเมนูผัดกะเพรา เป็นเมนูในดวงใจ เพราะพอหมั่นไส้พี่ชายตัวดีแต่ทำอะไรไม่ได้ก็สั่งผัดกะเพรามากินแก้แค้น ก็ตุลสิ ชื่อของพีตุลมันแปลว่ากะเพรานี่
พอน้องหนึ่งขึ้นม.สี่ พี่ตุล ก็เข้ามหาวิทาลัยแล้ว พี่ตุลย์เลือกคณะวิศวะที่เดียวกับพี่ทิทั้งที่หัวอย่างพี่ตุลถ้าเลือกหมอหรือเรียนอะไรก็ได้แต่กลับเลือกเรียนวิศวะ
“พี่ตุลไม่เลือกหมอล่ะ”
“ไม่เอาหรอก ให้พี่ทิเรียนไปคนเดียวเถอะพี่ไม่ของสายวิชาการ”
“อ๋อ น้องหนึ่งรู้แล้วพี่ตุล ชอบใช้แรงงานนี่เอง” อยู่กับเพื่อนยังแทนตัวเองว่าเราบ้าง ผมบ้างหรือจะหนึ่งเฉยๆ ก็ได้ แต่ อยู่กับพวกพี่ทิ พีตุลที่ไร ต้องแทนตัวว่าน้องหนึ่งตลอดสิน่า
“มานี่เลยน้องหนึ่ง ปากอย่างงี้มาให้พี่ฟัดซะดีดี”......
....
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอ พอแล้วพี่ตุล”
.
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่ตุลเป็นพวกบ้าออกกำลัง ถามก็บอก พี่จะได้แข็งแรงปกป้องน้องหนึ่งได้ไง พี่ตุลเรียนวิศวะก็น่าจะเหมาะแล้วล่ะ บ้าพลัง ถึก เถื่อนซะขนาดนั้น เคยบอกไปแบบนั้นเลยโดนแกล้ง ด้วยการกอดรัดฟัดเหวี่ยงซะจนตัวช้ำ แก้มช้ำไปหมด แถมยังบอกว่าถึงพี่จะถึก จะเถื่อน แต่พี่หล่อ...อิ๊ หน้าไม่อายชะมัดเลยพี่ชายน้องหนึ่งคนนี้
ทั้งที่คิดว่าขึ้น ม.สี่เมื่อไหร่ก็จะไม่มีพี่ๆคอยคุ้มหัว น้องหนึ่งจะยืนด้วยลำแข็งของตัวเอง จนจบม.หก ก็ยังอยู่ใต้อิทธิพลของพี่ตุลได้อย่างเหลือเชื่อ จะว่าไปพี่ตุลมันเป็นมาเฟียในโรงเรียนหรือยังไง ขนาดเรียนจบไปแล้วแต่พี่แกยังมีรุ่นน้องทั้งผู้ชายผู้หญิง ส่วนใหญ่จะหนักไปทางผู้หญิงซะมาก คอยเป็นหูเป็นตาให้ตลอด แต่ก็ดีน้องหนึ่งขี้เกียจยุ่งกับใครต่อใครน้องหนึ่งชอบวาดรูปเงียบๆ คนเดียว คนเยอะวุ่นวาย สมาธิหายหมด ผลพลอยได้จากการพยายามแอบพวกพี่ๆ น้องหนึ่งเลยได้เรียนวาดรูประบายสีมาจากในยูทูป น้องหนึ่งหัดมาตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่เห็นน้องหนึ่งชอบ เลยหาอุปกรณ์มาไว้ให้เต็มเลยไม่ว่าน้องหนึ่งจะหัดว่าสีเทียน สีดินสอ สีน้ำ สีน้ำมัน สีอคิลิก กระดาษ กระดาน เฟรมผ้าใบ มีครบ
จบม.หกแล้ว ถ้าน้องหนึ่งไม่เดินไปตามทางที่พี่ทิกับพี่ตุลวางไว้ให้น้องหนึ่งจะเป็นน้องนอกคอกไหม พี่ทิกับพี่ตุลจะไม่รักน้องหนึ่งหรือเปล่า น้องหนึ่งไม่อยากเรียนหมอ น้องหนึ่งไม่อยากเป็นวิศวกร วันนี้พี่ๆ กลับมาพร้อมหน้า ทั้งๆ ที่พี่ทิต้องเรียนหนักแต่ก็ยังปลีกเวลามาให้คำปรึกษากับน้องหนึ่ง
“น้องหนึ่งเรียนหมอเถอะพี่จะได้ดูแลเราได้ ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่ก็ได้อยู่ใกล้ตาพี่จะได้ไม่ต้องห่วง หัวเราเข้าได้อยู่แล้ว” พี่ทิ พ่อ เอ้ยพี่ที่แสนดีเสนอเป็นคนแรก
“ไม่ชอบก็มาเรียนกับพี่นี่ สนุกจะตาย สาวตรึม” สาวคณะอื่นน่ะสิ หลอกฟันมาไม่รู้ครบทุกคณะในม.หรือยังอย่านึกว่าน้องหนึ่งรู้ไม่ทันนะนะ ไปเรียนกับพี่ตุลเหมือนเอาชีวิตไปเสี่ยงภัยจากสาวๆที่โดนเขี่ยทิ้งยังไงไม่รู้ น้องหนึ่งกลัว
“น้องหนึ่งไม่เรียนหมอ ไม่เรียนวิศวะ พี่ทิกับพี่ตุลจะเกลียดน้องหนึ่งไหม” น้องหนึ่งรู้อยู่อย่างว่าถ้าอยากให้พี่ๆ ตามใจ แค่ทำเสียงเศร้า เคล้าน้ำตาเข้าไปหน่อย พี่ๆ จะแล่นมาเอาใจจนแทบจะทูนหัวให้ทุกอย่าง แถมวันนี้เพิ่มดีกรีความอ้อนด้วยการเข้าไปกอดเอวพี่ทิเพิ่มอีกหน่อย จะสูงไปไหนเนี่ยพี่ทิ หัวน้องหนึ่งอยู่แค่คางพี่เองนะ น้องหนึ่งสูงนะ สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบเซนติแน่ะ
“ไม่อยากแล้วน้องหนึ่งอยากเรียนอะไรบอกพี่ทิซิ” นั่นไง เสียงอ่อนแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย
“น้องหนึ่งอยากเรียนศิลปะ ถ้าเรียนคณะนี้น้องหนึ่งไม่ได้ไปยุ่งสุงสิงกับใครมาก น้องหนึ่งอยู่แต่กับตัวเอง คนคณะนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง”
“โลกส่วนตัวสูงแถมไปกันเป็นฝูงอะสิไม่ว่า อยู่แต่ในจิตนาการ ขาดความมั่นใจ แปลกแยก” พี่ตุลพูดเสียไม่พอใจนิดหน่อย
“เฮ้ย จีบสาวศิลปะไม่ติดก็อย่าพานน้อง”
“ที่ไหน หล่อขนาดนี้มีแต่สาววิ่งเข้าใส่ครับ อย่าให้คุย” พี่ตุลทำหน้าหยิ่งใส่ แบบนี้ชัวร์เลย กินแห้วคณะศิลปะมาอิ่มแน่
“พี่รู้ว่าน้องหนึ่งชอบศิลปะ แต่พี่ก็อยากให้น้องหนึ่งอยู่ใกล้ๆ มองไปก็เห็น ไม่เรียนคณะพี่เรียนคณะพี่ตุลก็ยังดี” พี่ทิถอนใจ
“แต่ในเมื่อน้องหนึ่งไม่อยากเรียน พี่ก็ตามใจ เพราะยังไงก็ยังไงที่มหาวิทยาลัยก็มีคณะนี้ แต่พี่ขออย่างนะน้องหนึ่ง พี่ไม่อยากให้น้องหนึ่งเรียนจิตกรรม ไม่อยากให้น้องหนึ่ง ต้องนั่งดมกลิ่นสี กลิ่นน้ำมันตลอด มันเสียสุขภาพ น้องหนึ่งเลือกเอกอื่นให้พี่ได้ไหม พี่มีน้องที่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเหม็นตลบไปด้วยกลิ่นน้ำมันจนนึกว่าเครื่องจักรเดินได้คนแล้ว พี่ไม่อยากกอดกระป๋องสีเดินได้แม้กระป๋องสีนั้นมันจะน่ารักแค่ไหนก็ตาม นะ นะ พี่ขอแค่นี้ได้ไหมครับ” อื้อหือ ขอแบบนี้ให้น้องหนึ่งเลือกคณะอื่นเลยเหอะพี่ทิ ยังดีนะที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าพี่ชายอนามัยจัด ต้องมีข้อแม้แน่นอน เลยไม่ได้คิดที่จะเรียนเอกนี้มาตั้งแต่ต้น
“ได้ครับน้องหนึ่งจะเลือกเอกอื่น พี่ทิอนุญาตให้น้องหนึ่งเรียนศิลปะแล้วนะครับ ห้ามกลับคำนะ”
“แน่นอนสิ ในเมื่อน้องหนึ่งชอบพี่ก็ไม่ขัดครับ”
“เย้ น้องหนึ่งรักพี่ทิที่สุดเลย”
“อ้าว เฮ้ย น้องหนึ่งแล้วพี่ตุลล่ะ พี่ก็ไม่ได้ขัดเหมือนกันนะ” พี่ตุลเดินเข้ามาดึงแขนที่เกาะเอวพี่ทิออกแล้วเอาตัวเองแทรกเข้ามานี่ก็อีกคนจะสูงไปไหน สูงกว่าพี่ทิอีกมั้งเนี่ย
“หนึ่ง” เสียงเรียกอย่าตื่นเต้นดังมาจากทางด้านหลัง
“อ้าวตี๋ นายก็เรียนที่นี่หรอ เรานึกว่าจะเรียนที่นี่คนเดี๋ยวซะอีก” หนึ่งหันกลับไปมองคนเรียกจึงเห็นว่าเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน
“ตลกล่ะครับคุณ เพื่อนจากโรงเรียนเราสมัครที่นี่กันเยอะนะครับ”
“อ้าวหรอ ตอนรายงานตัวไม่เห็นใครก็นึกว่าเลือกที่อื่นกัน เราก็เลยตกใจที่เห็นตี๋นี่แหละครับ”
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ไม่ได้เลือกที่เดียวกับที่พี่ตุลเรียนหรอ พี่นายอนุญาตให้นายมาไกลบ้านได้ด้วย แปลกแฮะ”
“คือเราเลิก นะคะ นะครับ กันเถอะไหมตี๋”
“ก็ดีนะครับ เอ้ย ดีๆ แต่เราอาจเผลอตัวครับอีกก็ได้เพราะพูดแบบนี้มานานเหมือนกัน แล้วเรื่องพี่ทิกับเฮียตุลล่ะ” ตี๋เกาหัวแบบเขินๆ
“พี่ทิกับพี่ตุลยังไม่รู้หรอกว่าเราติดที่นี่ แต่เราว่าวันนี้คงรู้แล้วแหละ กลัวระเบิดลงเหมือนกัน”
“ตี๋อยู่คณะไหน เราอยู่ศิลปกรรม”
“โห ไม่ใกล้ไม่ไกล เราอยู่วิศวะ”
“อ้าวตึกคณะอยู่ใกล้กันเลย”
“เอาเบอร์เราไป ถ้ามีไรโทรหาเราได้นะ ไปก่อนล่ะเพื่อนรอละ” ตี๋บอกเบอร์โทรให้อย่างเต็มใจ
“ขอบใจนะ” ....
..
.
หลังจากนั้นก็ระเบิดลงเต็มๆ พี่ทิ พี่ตุลมาหาถึงม. ต้องดราม่ากันแทบตายกว่าที่ทั้งสองคนจะยอมใจอ่อนกลับไป เบอร์เพื่อนทุกคนที่วันนั้นได้มา ไม่ว่าจะเบอร์เพื่อนศึกษา เพื่อนมนุษย์ รวมไปถึงเบอร์ตี๋จากวิศวะเป็นอันระเห็ดไปปรากฏหลาบนโทรศัพท์ท่านพี่ทั้งสองอย่างช่วยไม่ได้ คอนโดใกล้ม.ที่แม่หาซื้อให้ ตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่งไม่ค่อยได้ใช้เพราะปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอใน มันเป็นกฎ มั้งนะ หรือไม่น้องหนึ่งก็คงโดนรุ่นพี่หลอก
ห้องที่ซื้อไว้กลายเป็นที่สิงสถิตของพี่ตุลที่หนีมาเที่ยว เอ้ย มาคุมความประพฤติน้องเสียมากกว่า มาถี่จนนึกว่าซิวมาเรียนที่นี่ไปแล้ว ที่ไหนได้ เป็นคำสั่งจากมาเฟียขาใหญ่อย่างพี่ทิที่ตัวเองมาไม่ได้ก็สั่งน้องมาเสียอย่างนั้น พี่ตุลมักมาแบบไม่บอกไม่กล่าว จนตอนนี้ขึ้นปีสองแล้วพี่ตุลก็ยังไปไปมามาอยู่บ่อยๆ
“น้องหนึ่ง ใครทำอะไร หรืออุบัติเหตุทำไมเลอะเทอะแบบนั้น เป็นอะไรมากไหม ให้พี่ตามพี่ทิมาดูหรือเปล่า”
“พี่ตุ๊ล น้องหนึ่งเรียนเซรามิกนะ เซรามิก รู้จักมั้ย ที่เขาปั้นหม้อปั้นไหกันน่ะ มันอยู่กับดินกับทรายนะ มันก็ต้องเลอะเป็นเรื่องธรรมดา แล้วนี่ วันนี้เรียน Throwing นะ แป้นหมุน น่ะครับรู้จักไหม มันถึงได้เลอะขนาดนี้ พี่จะตื่นตูมทำอาร้าย”
ระอาพี่ชายจอมแตกตื่นเหลือเกิน แล้วไม่รู้จักจำซะบ้างเลย เจอกันที่ไรชอบนึกว่าน้องโดนใครแกล้งหรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุทุกรอบ
มีอยู่ครั้งพี่ทิแทบจะรีบบึ่งรถมาจากกรุงเทพฯ ตอนดึกตอนดื่นด้วยซ้ำไป ดีที่ยังโทรสกัดได้ทัน
“แล้วนี่มาทำไรล่ะ น้องหนึ่งไม่ค่อยว่างมากินข้าวเย็นเป็นเพื่อนนะ น้องหนึ่งต้องเริ่มเฝ้าเตาแล้ว แถมมีเรียนถ่ายรูปอีก”
“พี่ก็จะมาบอกเราเหมือนกันว่าต่อไปนี้คงไม่ได้มาหาอีกนานเพราะต้องเร่งจบแล้ว ถ้ามีไรหรือแค่คิดถึงก็โทรหาได้ 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเรื่อด่วน จำเป็นโทรหาตี๋ก็ได้ มันแสตนด์บายตลอด” เอ่อพี่ครับ พี่เอาเพื่อนผมมาเป็นผู้ปกครองผมด้วยอีกคนหรือไง ให้มันได้อย่างงี้สิ
“ครับ พี่ตุลสบายใจได้ ตั้งแต่อยู่มาไม่เห็นมีใครมายุ่งไรกะน้องหนึ่งเลยสักคน”
................มันจะไปมีได้ไงล่ะครับน้องหนึ่งที่น่ารักของพี่ตุล ก็พี่เตะสกัดแม่มตัวเป็นเกลียว ทุกทางขนาดเน้ น้องนึกว่าพี่มาเล่นๆ หรือครับที่ม.นี้เนี่ย
ไม่ครับพี่มาขายขนมจีบ เฮ้ยไม่ใช่ พี่มันคนกว้างขวางครับ เพื่อนพี่เยอะ อย่านึกว่าเหลือบ ริ้นไร ตัวไหนมันจะผ่านเข้ามาได้เลย.................
“เอากันขนาดนี้เลยหรอพี่ตุล” ไอ้ตี๋มันเคยถามเมื่อนานมาแล้ว
“เออสิวะ น้องพี่ พี่หวง”
“เอา เอาตามใจพี่เถอะครับ ผมช่วยพี่ได้เท่านี้แหละนะ ถ้าหนึ่งมันไปจีบสาวที่ไหนผมไม่ห้ามมันให้พี่นะครับ”
“เออ ถ้ามันจีบสาวเป็นพี่ก็ไม่ห้าม แต่ถ้ามีไอ้ตัวไหนมาจีบน้องหนึ่ง พี่ฝากมึงตืบมันให้ด้วย” หึ จีบสาว ไอ้นี่ก็คิดได้ สาวที่ไหนมันจะชอบผู้ชายหน้าหวานกว่าตัวเองวะ พวกกูทำใจมานานละ ว่าต้องได้น้องเขยมากกว่าสะใภ้ล่ะวะ แต่ถ้าไม่มีซะเลยจะดีกว่า น้องพี่ พี่หวง
หลังจากวันนั้น น้องหนึ่งก็เจอกับตี๋อีกบ้างตามร้านอาหารแถวม. กับแคนทีน
เย็นๆ แถวสนามหญ้าที่ถูกใช้เป็นสนานบอล ของผู้ชายสารพัดคณะ เป็นที่ที่ลมเย็นน่านั่งเล่นแต่น้องหนึ่งไม่มีเวลามานั่งเอ้อระเหยเหมือนสาวๆ หลายคนหรอก เพราะต้องรีบไปกินข้าวให้เสร็จแล้วรีบกลับมาเฝ้าเตาเผาที่ยังไม่ถึงอุณหภูมิที่ต้องการ ตอนนี้มีเพื่อนที่ยังไม่กลับดูให้อยู่ วันนี้น้องหนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์มาเรียนเพราะที่จอดมันมีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด ออกจากช้อปเซฯ อ้อมออกมาทางวงเวียนวิศวะ ตัดมาออกข้างสนามบอลไปอีกไม่ไกลก็จะถึงแคนทีน
“ หนึ่ง วู้ วู้” เสียงคนคุ้นเคยเรียกมาจากกลางสนาม ตี๋เห็นหนึ่งจอดรถก็วิ่งตรงมาหา
“จะไปไหน”
“จะไปแคนทีน เดี๋ยวต้องกลับมาเฝ้าเตาต่อ ตี๋มีไรหรอ”
“ไปส่งที่ห้องหน่อย ไม่มีรถ ต้องรีบเอางานไปให้เพื่อน” หนึ่งพยักหน้าอย่างเต็มใจ
“มา เราขี่เองนายไม่ถนัดตอนมีคนซ้อน”
“ตี๋ ติดไปแคนทีนคน” ชายร่างสูงผิวแทนคมเข้มก้าวยาวๆ เบียดซ้อนท้ายมาด้วยอีกคน ทำเอาหนึ่งต้องกระเถิบชิดตี๋มากยิ่งขึ้น
“งั้นแวะส่งพี่แดนก่อน แล้วหนึ่งเลยไปหอส่งเราแล้วค่อยมาแคนทีน” รถออกตัวทันที ทำเอาหนึ่งที่ไม่ทันตั้งตัวผงะ แผ่นหลังกระแทกเข้ากับแผ่นอกแน่น หัวโขกเข้ากับปลายคางของคนด้านหลัง พี่ที่ชื่อแดนตามที่ตี๋เรียก แค่ยิ้มให้ไม่ได้ว่าอะไรไม่แสดงว่าเจ็บสักนิด
ส่งตี๋ที่หอเรียบร้อย หนึ่งขี่รถกลับมาที่แคนทีน จอดรถในที่จอด ข้อมือขวาก็โดนคว้ามับ
“ไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้เลี้ยง ขอบใจที่ให้ติดรถมา” พี่แดนไม่รู้โผล่มาจากไหน คว้าแขนได้ก็ลากออกเดินทันที
“มะ ไม่ต้องก็ได้ครับแค่นี้เอง” หนึ่งได้แต่ปฏิเสธแต่ขัดขืนไม่ได้
“นั่งนี่ กินไรเดี๋ยวไปซื้อให้”
“ข้าวกะเพราหมูไข่ดาวครับ เอ่อ พี่กินน้ำอะไรเดี๋ยวหนึ่งไปซื้อน้ำให้พี่แล้วกัน”
“เลี้ยงง่ายดีนะเรา น้ำมะพร้าวปั่น”
ได้อาหารกับน้ำเราสองคนก็ต่างคนต่างกิน ข้าวกระเพราหมูสองจานกับน้ำมะพร้าวปั่นสองแก้ว ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเพราะชอบเหมือนกันก็ไม่รู้
“ชอบเตี๋ยวเรือไหมเรา” หลังจากถามชื่อ คณะ ชั้นปีกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ต่างคนต่างกิน แล้วอยู่ๆ พี่แดน หรือชื่อจริงว่า ‘ชนแดน’ รุ่นพี่ วิศวะ ปี 3 ก็ถามคำถามทำลายความเงียบ
“ก็กินได้ครับ แต่ไม่ค่อยชอบ มันเผ็ด”
“แล้วในพวกก๋วยเตี๋ยวชอบกินอะไร”
“เส้นใหญ่น้ำหมู”
“ที่เป็นน้ำใสๆ มีเส้นใหญ่ ถั่วงอก หมูแดงแล้วก็ใส่หมูสับหน่อยนึงอะนะ”
“ครับ ประมาณนั้น” พี่แดนไม่ได้ว่าอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าแล้วยิ้มแปลกๆ และเพราะยิ้มแปลกๆ นี่แหละน้องหนึ่งก็เลยต้องถาม
“พี่แดนชอบกินเตี๋ยวเรือหรือครับ”
“ไม่ พี่ไม่ชอบของดำ”
“ฮะ???”
“พี่ตัวดำ พี่เลยไม่ชอบกินชอบใช้ ของดำ”
“เกี่ยวกันตรงไหนอะครับ อ๊ะงั้นก็ไม่ชอบเฉาก๊วยสิครับ แต่หนึ่งชอบกินนะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กันไว้ก่อนก็ดี เฉาก๊วยพี่ไม่ชอบ แต่ถ้าหนึ่งอยากกินหนึ่งก็ซื้อมาเลี้ยงพี่ถ้าหนึ่งให้พี่กินได้หมดแหละ”
“งั้นที่กินน้ำมะพร้าว ไม่ชอบเตี๋ยวเรื่อ...”
“ใช่ ยิ่งสบู่ถ่านนะอย่าหวังได้กินเงินพี่”
“พี่ไม่ได้ดำซะหน่อย อย่างงี้เรียก แทน ต่างหากครับ ผิวสีสวยออกจะตาย หนึ่งอยากมีผิวสีแบบนี้บ้าง”
“ชอบหรอ มาอยู่ใกล้พี่บ่อยเผื่อผิวพี่มันจะตกใส่สิ”
“งั้นหนึ่งไปนอนข้างถ่านดีกว่าดำเร็วดี”
“ไม่ดีหลอกถ่านเลอะเทอะ นอนข้างพี่ดีกว่าอีก” ฉึก ....ส่งกามเทพไปยิ่งศร เผื่อจะหลงคารมกันบ้าง..... เบา พอหอมปากหอมคอ....... ; ) พี่แดนเองครับ
“....”
เย็นนั้นหนึ่งไปส่งพี่แดนที่สนามบอลแล้วกลับไปนั่งเฝ้าเตาต่อ โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากเย็นวันนั้น จะได้เพื่อนกินข้าวเย็นแบบถาวร
แรกๆ พี่แดนจะแวะมาดักอยู่ที่หน้าช็อปเซฯ แล้วแค่ชวนแบบบังคับ คือคว้ามือลากขึ้นรถ รถทอเตอไซด์บ้าง รถเก๋งบ้าง ให้ไปกินข้าวด้วยกัน
แม้แต่เบอร์โทรก็บังคับเอาไป บอกว่าจะเอาไว้โทรมาชวนกินข้าว จากนั้นก็จะโทรมาทุกเย็น
โทรชวนแค่กินข้าวมาเป็นเดือน ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นไลน์หา แต่เรื่องกินข้าวก็ยังใช้วิธีโทรตามอยู่ดีเคยถามเหมือนกันว่าทำไมไม่ไลน์มา
“กินข้าวเป็นเรื่องสำคัญ โทรหาเอาแน่นอนดี เรื่องคุยเล่นไลน์ทิ้งไว้ หนึ่งว่างเมื่อไหร่ก็มาอ่านจะได้ไม่เหงาเหมือนมีพี่อยู่ด้วยตลอด” ฉึก....นาน นานส่งไปซ้ำสักดอก ตอกย้ำความรักให้หนักแน่น หุหุ ..... ; ) พี่แดนอีกรอบ
คุยเรื่องสัพเพเหระกันมาได้สักระยะ เวลาอื่น ก็จะมีข้อความมาทางไลน์ บ่นนู่นนี่นั่นบ้าง คุยเรื่องตลกบ้าง หลังจากคุยไลน์กันไปอีกเดือนเศษ
จนกลายเป็นนิสัย ต้องนอนรอเสียงเตือน ไลน์ ....มาชวนเข้านอน ไม่งั้นน้องหนึ่งนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะเป็น
....ดึกแล้ว เข้านอนกันเถอะ....
....ฝันดีนะ....
....จะปิดไฟละนะหลับตาหรือยัง....
....นอนด้านในนะเดี๋ยวพี่นอนด้านนอกกันหนึ่งดิ้นตกเตียง....
....ถ้าคืนนี้หนาวก็เบียดมาซบอกพี่ได้นะครับ อกพี่อุ่น....
....หนุนแขนพี่แทนหมอนไหมคืนนี้.... และอีกสารพัดความเลี่ยนแบบซ่อนยิ้มที่ทำให้น้องหนึ่งนอนหลับฝันดีแทบทุกคืน ที่บอกว่าแทบก็เพราะวันไหนที่พี่ตุลว่างมาคืนนั้นน้องหนึ่งจะโดนซักฟอกจนแทบหมดอารมณ์นอน ยังดีที่พี่ตุลไม่เคยแอบเช็คโทรศัพท์เหมือนเมียขี้ระแวง ไม่งั้นคงเป็นเรื่อง
หลังสามเดือนที่ได้กินข้าวด้วยกัน ได้คุยกัน พี่แดนก็ได้โอกาสมาส่งน้องหนึ่งถึงหน้าคอนโด หลังจากนั้นพี่แดนก็มารอรับไปเรียน ไปรับไปส่งจนกลายเป็นประจำ แต่พี่แดนไม่เคยขอขึ้นไปยุ่งย่ามบนห้องเลยสักครั้ง แค่มาจอดรถรอที่ด้านหน้า ส่งเสร็จก็ไป
ต้องเทียวรับเทียวส่งอยู่นานกว่าที่หนึ่งจะไว้ใจ จนเห็นเรื่อง กินข้าวด้วยกัน ไปรับมาเรียน รอส่งกลับห้อง เป็นเรื่องปกติ ถ้าทำอะไรแปลกๆ หรือทำให้เจ้าตัวเล็กนี่ไม่ไว้ใจขึ้นมา เจ้าหนึ่งน้อยก็พร้อมจะแล่นหนีเข้าไปซุกอยู่ในกระดองทันที
“น้องหนึ่งมีเรื่องกลุ้มอะไรบอกพี่แดนได้นะ” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนตัวเล็กข้างๆ เผลอเรียกตัวเองว่าน้องหนึ่ง ...... ; ) พี่แดนแสนขยันก็ตีเนียนเรียก น้องหนึ่ง มาตลอด
“ฮะ อะไรนะครับ” ชนแดนมองอย่างเห็นห่วง
“พี่ถามว่ากลุ้มอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องหนึ่งไม่ได้กลุ้มใจอะไร....มั้ง” แล้วไอ้มั้งเบาแสนเบาที่หลุดตามหลังมานั่นอะไรเล่า
“ไม่ได้กลุ้มแล้วทำไมคิ้วมันถึงขมวดจนจะชนกันอยู่แล้วล่ะ” พี่แดนยื่นนิ้วมาคลึงหว่างคิ้วให้อย่างเบามือ นี่นั่งคุยกันอยู่ในรถหน้าคอนโดนะครับไม่งั้นจะลากมาจูบซะให้หายกลุ้มเลย ........... ; ) พี่แดนผู้เริ่มหื่น
“คือ... น้องหนึ่งถามอะไรพี่แดนหน่อยได้ไหมครับ”
“อือ เอาสิ”
“พี่แดนว่าน้องหนึ่งน่ารักไหมครับ”
“น้องหนึ่งหน้าตลกครับ” พี่แดนเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่แก้ม
“เฮ้ออออ”
“อ้าว ทำไมถอนใจซะยาวเลย”
“ก็น้องหนึ่งไม่แน่ใจว่าพี่แดน มาอยู่กับน้องหนึ่งทุกวันอย่างนี้ เพราะจะมาแกล้งน้องหนึ่งหรือเปล่า คนที่บอกน้องหนึ่งน่ารัก ก็ชอบแกล้งน้องหนึ่งบ่อยๆ น้องหนึ่งไม่ชอบ แต่น้องหนึ่งก็ไม่กล้าถาม แล้วพี่แดนก็ยังไม่ได้แกล้งอะไรน้องหนึ่งด้วย”
“คนที่บอกน้องหนึ่งน่ารักแกล้งน้องหนึ่งยังไงบ้างเล่าให้พี่ฟังสิ”
“บางคนก็ชอบดึงแก้ม บางคนก็ชอบมาหอมแก้มน้องหนึ่งแรๆ บางคนกัดน้องหนึ่งด้วย”
“กัด กัดยังไงน้องหนึ่ง”
“กะ กัดปากน้องหนึ่งครับ เจ็บ” ไอ้เวรพวกนั้นมันน่าตามไปฆ่าให้หมด ชนแดนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ มันเป็นเรื่องตั้งนานมาแล้ว และอีกอย่าง คนพวกนั้นโดนพี่ตุลกับพี่ทิจัดการเรียบ” น้องหนึ่งทำหน้าภูมิใจในตัวพี่ชายเสียเหลือเกิน
หึ หึ ด่านพี่ชายสองคนที่ทำตัวยังกับพ่อ มันไม่มีทางจะผ่านด่านนี้ไปได้ง่ายๆแน่ ไอ้ตี๋อีกคน ช่วงนี้ชอบมองเขม่นอยู่บ่อยๆ ดีที่มันยังไม่มีโอกาส เอาวะก็คนมันรักไปแล้วยังไงก็ต้องยอม แต่ใครยอมใครนี่อีกเรื่องนะ
“ตอนหลังเลยไม่มีใครกล้ามารังแกน้องหนึ่งอีกเลยครับ แต่ตอนนี้น้องหนึ่งโตแล้ว น้องหนึ่งรู้ ไอ้แบบนั้นเรียกแต๊ะอั๋ง แล้วน้องหนึ้งก็ไม่ชอบให้คนที่ไม่ได้รักมาทำแบบนั้นด้วย น้องหนึ่งจะไม่ให้ใครมารังแกน้องหนึ่งง่ายๆ หรอกครับ”
“ดีแล้วถ้าใครกล้ามาแกล้งบอกพี่เลยนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการให้เอง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะแกล้งน้องหนึ่งนะ พี่รักน้องหนึ่ง แต่พี่ยังจะไม่ แต๊ะอั๋ง จนกว่าน้องหนึ่งจะรักพี่เหมือนกัน”
“รักหรอครับ รักเหมือนพี่ตุล พี่ทิหรอครับ”
“ไม่ใช่สิ รักเหมือนคนรัก น้องหนึ่งรู้ไหม เข้าใจไหม” น้องหนึ่งทำหน้าแบบไม่เชื่อ
“เฮ้ออ น้องหนึ่งไม่หล่อนะ”
เกี่ยวกับไม่หล่อตรงไหนเนี่ย แค่นี้ก็น่ารัก อุ๊ป ใช้น่ารักไม่ได้ เรียกว่า น่าหลงจนอยากปล้ำวันละไม่รู้กี่รอบแล้วแทนก็แล้วกัน ....
พี่แดน รักจริงนะครับ
“ก็บอกแล้วว่าน้องหนึ่งหน้าตลก แบบนี้พี่รั๊ก รักเลย พี่ไม่ได้บอกรักคนหล่อสักหน่อย”
“เออจริง น้องหนึ่งลืม”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ คนหน้าตลก” ขอกันง่ายๆ นี่แหละวะ .....; ) พี่แดนผู้ไหวพริบดี ไม่ขอตอนนี้ แล้วจะไปขอตอนไหน เดี๋ยวพี่กับเพื่อนมันไหวตัวทัน
“ขอเวลาน้องหนึ่งคิดก่อนนะครับ”
“ให้ห้านาที โตป่านนี้แล้ว ต้องรู้สิว่าชอบไม่ชอบ รักไม่รัก” ชนแดนรีบกำหนดเวลาทันที แบบไม่ปล่อยให้คิดนาน
“ก็รู้แหละครับ ชอบก็ชอบอยู่นะ อยู่กันพี่แดนก็สนุกดี แต่เรื่องว่ารักไม่รักนี่ยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นนี่ครับ” หนึ่งหน้ายุ่ง ตอบอุบอิบ
“รักพี่เถอะนะ พี่ออกจะน่ารัก พี่น่ารักแล้วพี่ยอมให้น้องหนึ่งแกล้ง อยากจับแก้ม อยากจุ๊บ อยากกัด พี่แดนยอมน้องหนึ่งทู๊กอย่างเลยครับ” ชนแดนแกล้งยิ้มกว้างซะจนตาหยี
“ให้แกล้งได้จริงนะ ไม่โกรธนะ”
“จริง ไม่โกรธ มีแต่จะรักมากขึ้นครับ สัญญา”
“งั้นเป็นก็ได้ครับ”
“เป็นอะไรนะครับ” ชนแดนมองสบตาตรงๆ แล้วแกล้งถามซ้ำ
“เป็นแฟน” น้องหนึ่ง หลบตา ก้มหน้างุด แก้มแดงจนลามลงมาที่คออย่างเห็นได้ชัด ตอบเสียงเบาแบบเขินสุดขีด
“อย่างนั้นวันนี้ก็ขึ้นไปเที่ยวห้องแฟนได้แล้วสิ” ชนแดนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มกริ่ม ถามเสียงแผ่ว
“ไม่ต้องเลย วันนี้น้องหนึ่งไม่ได้เตรียมตัว ห้องก็ลก รอให้ห้องน้องหนึ่ง พร้อมต้อนรับแขกเมื่อไหร่จะชวนไปเที่ยวครับ” น้องหนึ่งดันไหล่ชนแดนให้กลับไปนั่งดีๆ พร้อมตอบเสียงสั่น
ก่อนเปิดประตูรถแล้วหนีลงจากรถทันที ก่อนประตูจะปิดสนิทยังได้ยินเสียงคนใจรถหัวเราะ จนต้องส่งค้อนกลับไปให้ก่อนวิ่งขึ้นห้องไป
มีต่อค่ะ