ูู^^
คนแต่งไม่ชอบเรื่องเศร้า แต่อยากลองคืนเดือนมืดที่เงียบสงัดที่ไร้แม้เสียงหรีดหริ่งเรไรร้อง ชายชุดดำกำลังลัดเลาะไปตามริมกำแพง ผ่านห้องต่างๆ อย่างชำนาญ แล้วผลุบหายเข้าหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ของห้องๆ หนึ่งเข้าไป
“ศิษย์น้องเฟย” เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ตรงไปที่เตียงที่มีม่านบางกางกั้นแล้วสอดตัวเข้าหาคนที่นอนอยู่
“หือ ศิษย์พี่เกา ท่านมาแล้ว” คนตัวเล็กบนที่นอนพลิกตัวเข้ากอดคนมาใหม่
“ข้ามาช้า เป็นข้าผิดเอง” คนตัวเล็กเอามือปิดปากคนพูดพร้อมส่ายหัว
“ท่านมาแล้ว จะช้าเร็วท่านก็มา...” ศิษย์พี่เอามือที่ปิดปากออกก่อนที่จะก้มลงจูบที่ปากที่กล่าววาจาหวานหู แล้วเลื่อนไปที่ข้างแก้มจรดใบหู
“ข้ารักเจ้าเสี่ยวเฟย” ขบเม้มติ่งหูนุ่มนิ้มอย่างรู้ใจ
“อ๊ะ ท่านพี่ ฮืออ” แล้วเลื่อนลงมาตามลำคออย่างช้าๆ จนมาหยุดที่อกแบนราบแล้วส่งเรียวลิ้นเข้าทักทายยอดสีสวยจนมันตอบสนองด้วยการรัดตัวจนแข็งเป็นไต เกาจิ้งหยอกเย้ายอดอกอยู่นานก่อนที่จะเลื่อนตัวลงสู่เบื้องล่างที่ตื่นตัวรอเค้าอยู่ เมื่อเลื่อนลงไปถึงก็จัดการครอบครองมันเข้าไว้ในปากอย่างช่ำชอง ทั้งดูดเลีย แทะเล็มจนเจ้าของถึงกับบิดส่ายอย่างซ่านเสียว
“อืออ ศิษย์พี่ อ๊า อ๊าวว ท่านพี่ ซี๊ดดด พอ อึก พอแล้ว โอ๊วว ข้าทนไม่ไหวแล้ว ท่านพี่ อ๊า” เพียงไม่นานเสี่ยวเฟยก็ปลดปล่อยออกมาเพราะความเก่งกาจของศิษย์พี่เกา
“เสี่ยวเฟย” เกาจิ้ง เรียกคนที่นอนระทวยด้วยเสียงกระเส่า ก่อนจะลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ที่หว่างขาเรียวสวย แล้วจับยกขึ้นพาดบ่าแล้วชำแรกแทรกกายอันใหญ่โตของตนเข้าสู่ช่องทางด้านหลังอย่างคุ้นเคย
“อ๊า ท่านพี่ อ้ายย” มือทั้งสองข้างไขว่คว้าเอาหัวไหล่เปลือยทั้งสองข้างของเกาจิ้งแล้วจิกนิ้วลงไปเพื่อบรรเทาอาการซ่านเสียวที่เกิดอย่างกะทันหัน
“อู๊วว อือม ท่านพี่ อือม ช้าๆ ข้าเสียวเหลือเกิน โอ้วว” เสี่ยวเฟยได้แต่บิดเร่า ร้องครวญ รับแรงกระแทกไม่ยั้งจากเกาจิ้งที่อยู่ด้านบน อยู่เป็นนานกว่าที่เพลงรักที่กระหน่ำเข้ามาจะหยุดลง ทั้งสองนอนมองตา หอบหายใจด้วยใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ยังไม่ทันหายเหนื่อยดีเกาจิ้งก็พลิกกายนอนหงายพร้อมทั้งดึงเอาเฟยหลงขึ้นไปอยู่ด้านบนอีกด้วย
“ท่านพี่” เฟยหลงร้องท้วงเมื่อถูกดันให้ลุกขึ้นนั่ง
“ชู่ เสี่ยวเฟย เวลาของเราทั้งสองมันช่างน้อยนิดนักในแต่ละคืน เจ้าจะตามใจข้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ” เกาจิ้งชิงตัดพ้อก่อน
“ฮึ ข้าไม่ตามใจท่านตรงไหนกัน เมื่อสองคืนก่อนท่านก็ว่าอย่างงี้แล้วเป็นยังไง ตอนนี้ใครก็นินทาว่าข้าปวกเปียก ร่างกายอ่อนแอไม่สมเป็นลูกชายเจ้าสำนัก ส่วนท่านก็สดชื่นรื่นเริงไปฝึกวิชาล้ำหน้าข้าไปหลายขุมเนี่ยนะข้าไม่ตามใจท่าน” เฟยหลงที่นั่งอยู่บนท้องศิษย์พี่สะบัดหน้าตอบจนคนด้านล่างอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เพียะ มือเล็กฟาดลงบนอก
“ท่านจะหัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำ” คนด้านบนยิ่งงอนหนัก
“เอาน่าใครจะว่าเจ้าอ่อนแออ้อนแอ้นอย่างไรข้าคนนึงหละที่รู้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
“ก็แน่หละซิ ท่านสอนข้ามากับมือข้าจะปวกเปียกได้เช่นไร” คนตัวเล็กหันมายิ้มอ่อนหวานอีกครั้ง
“นั้นสิข้าสอนเจ้ามากับมือ ตั้งแต่เจ้ายังไม่ประสาจนตอนนี้เก่งจนข้าไปไหนไม่รอด” คนพูดแกล้งลากเสียงให้ยาวรอดูคนตัวเล็กว่าจะเข้าใจในสิ่งที่จะสื่อหรือไม่ ก่อนที่จะพูดต่อ
“เช่นนั้นครั้งนี้ข้าให้เจ้าแสดงฝีมือเต็มที่ถ้าเป็นที่พอใจอาจารย์คนนี้ ข้ามีรางวัลให้” เฟยหลงหน้าแดงแต่ก็ไม่ปฏิเสธคำท้าทายนั้น
“ถ้ารางวัลไม่ถูกใจข้า ข้าสั่งท่านงดมายังห้องข้าสามวันนะศิษย์พี่เกา” ศิษย์น้องแสดงฝีมือปรนเปรอศิษย์พี่อย่างเต็มที่ ส่วนรางวัลที่ได้ก็คือรอบที่สามที่ตามมาติดๆ
“ไหนรางวัลของข้าเล่าท่านพี่” แม้จะยังเหนื่อยหอบแต่คนตัวเล็กก็ยังเรียกร้องรางวัลที่ตนควรจะได้
“ข้าให้เจ้าแล้วไง แล้วเจ้าก็ชอบมันมากเสียด้วยเพราะเจ้าออกจะ ครวญครางอย่างพออกพอใจ หรือเจ้าจะเถียง” คนฟังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะเถียงไม่ออก
“ท่านก็อย่างนี้ทุกครั้งเลยข้าไม่สนใจท่านดีกว่า” พูดจบก็พลิกกายหันหลังให้แต่กลับกลายเป็นให้โอกาส เกาจิ้งรีบเข้าประกบทางด้านหลังแล้วเริ่มรักครั้งใหม่อย่างเอาอกเอาใจให้คนด้านหน้าหายงอน เพลิงพิศวาสในหอน้อยดำเนินต่อไปอีกชั่วระยะจนคนในห้องต่างอ่อนเปลี้ยแล้วหลับไหลไปด้วยกัน
“ท่านพี่เราจะทำอย่างไรกับลูกเฟยกันดี” สองคนที่อยู่ในห้องที่อยู่ถัดออกไปพอควรต่างหันหน้าเข้าปรึกษากัน
“สิ่งที่เจ้าสามบอกล้วนเป็นความจริง เราคงต้องให้เค้าทั้งสองแยกห่างออกจากกัน ตอนนี้เราคงทำได้เพียงเท่านี้ นอนพักเสียเถอะน้องหญิง” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบอยู่ในภวังค์ของตน
#################################
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์เรียกหาท่าน”
“ขอบใจเจ้ามากศิษย์น้องรอง เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเรื่องใด”
“ข้าก็ไม่รู้หรอกศิษย์พี่แต่ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะทั้งอาจารย์และอาจารย์ต่างมีสีหน้าเป็นกังวล แต่ส่วนศิษย์น้องสามดูกระหยิ่มยิ้มย่องแปลกๆ ข้าว่า ศิษย์พี่ระวังตัวไว้บ้างก็น่าจะดี”
“ช่างเถอะน้องรองอะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด” .
.
.
.
“อาจารย์ อาจารย์หญิงท่านเรียกหาข้า” เมื่อพบท่านอาจารย์ทั้งสองเกาจิ้งก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“ข้ากับอาจารย์หญิงของเจ้ามีความเห็นว่า เจ้าควรจะแยกตัวออกไปท่องยุทธภพด้วยตัวคนเดียวดูบ้าง” อาจารย์พูดด้วยเสียงเนิบช้า
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำสิ่งใดผิดท่าจึงออกปากไล่ศิษย์เยี่ยงนี้”
“ศิษย์พี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าท่านทำสิ่งใดไว้ แค่ท่านอาจารย์ไม่ประกาศขับท่านออกจากสำนักก็ดีเท่าไหร่แล้ว” ศิษย์น้องสามเป็นผู้ตอบแทนท่านอาจารย์
“เรื่องนี้รู้กันแค่พวกเราเพราะมันเป็นเรื่องอื้อฉาว ข้าไม่อยากให้ลูกเฟยเสียชื่อเสียงฉะนั้นเจ้าจงออกไปจากสำนักอย่างเงียบๆ” อาจารย์หญิงกล่าวเสียงเศร้า
“อาจารย์ ข้ากับศิษย์น้องไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใครแค่เรารักกัน..” เกาจิ้งพยายามจะอธิบาย
“เจ้าผิด ผิดต่อฟ้าดิน ผิดต่อข้าละอาจารย์หญิง เจ้าชักจูงให้เฟยหลงเดินทางผิด ฉะนั้นข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าไปซะ” พูดจบอาจารย์ก็หันหลังให้ไม่ต้องการฟังสิ่งใดอีก ศิษย์น้องสามยืนยิ้มอย่างสาสมใจที่ขับไล่ศิษย์พี่ที่มันไม่เคยเคารพไปให้พ้นทางซะได้
“ได้ท่านอาจารย์ข้าจะไป ในวันพรุ่งนี้ข้าจะไปจากสำนักแห่งนี้อย่างถาวร” เมื่อพูดจบเกาจิ้งก็โค้งคำนับ
“ศิษย์ขอลาท่านอาจารย์ทั้งสอง ขอท่านทั้งสองถนอมสุขภาพและโปรดให้ภัยศิษย์อกตัญญูคนนี้ด้วย” เมื่อโค้งคำนับเสร็จเรียบร้อยก็ก้าวจากมา แต่สิ่งที่เกาจิ้งคิดอยู่ในใจตอนนี้ไม่มีใครรู้ได้ เกาจิ้งกลับไปที่ห้องเพื่อรวบรวมข้าวของที่มีใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
“ศิษย์พี่ ท่านจะไปไหน” ศิษย์น้องรองกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน
“น้องสามไปเป่าประกาศไปทั่วว่าศิษย์พี่จะออกท่องยุทธภพแล้วจะไม่กลับมาที่นี่อีก นี่มันอะไรกันศิษย์พี่” เกาจิ้งหันไปยิ้มอย่างจริงใจให้กับน้องรอง
“ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว สำนักนี้คงต้องฝากไว้ในมือของเจ้า วาสนาที่จะทดแทนบุญคุณอาจารย์ทั้งสองของข้าคงมีแค่นี้ ดูแลอาจารย์กับอาจารย์ หญิงแทนข้าด้วย”
“ศิษย์พี่” เมื่อออกจากห้องได้ เกาจิ้งแอบไปหาศิษย์น้องเฟย
“ศิษย์น้อง” เกาจิ้งเรียกปลุกศิษย์น้องจากการหลับใหล
“หือ ท่านพี่”
“เสี่ยวเฟย ฟังข้าให้ดีนะ ข้าถูกขับออกจากสำนัก..” เฟยหลงหายง่วงเป็นปริดทิ้ง
“เกิดอะไรขึ้น..” เกาจิ้งเอามือปิดปากศิษย์น้องเอาไว้
“เจ้าฟังข้า ห้ามถามเข้าใจมั้ย” เฟยหลงพยักหน้ารับ
“ข้าต้องออกจากสำนักในวันพรุ่งนี้ เจ้าจำลำธารที่ข้าเคยพาเจ้าไปฝึกวิชา อยู่ทางตีนเขาด้านหลังสำนัก ข้ามีบ้านเพิ่งสร้างเสร็จไม่มีใครรู้จักที่นั้น เมื่อเราเจอกันที่สำนักไม่ได้เจ้าคงต้องเป็นฝ่ายไปหาข้าเองได้หรือไม่” เฟยหลงพยักหน้าอีกครั้ง
“ศิษย์พี่..”
“ชู่ ต่อไปนี้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ได้ทุกเวลาเพราะเราไม่ใช่ศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอีกต่อไป คืนพรุ่งนี้ข้าจะรอเจ้าที่ห้องหอของเรา เจ้าอย่ามาช้านะ” เฟยหลงพยักหน้ารับอีกครั้ง
.
.
.
เวลาล่วงเลย คืนเดือนมืดมาเยือนอีกหน เฟยหลงกำลังหลบออกจากสำนักเพื่อมายังเรือนน้อยหลังเขา แต่อยู่ก็โดนพลังฝ่ามือพาดเอาถึงกับสลบลง ร่างยังไม่ทันล้มลงกับพื้นก็ถูกคนชุดดำอุ้มพาไปนอนสงบบนที่นอนในห้องหอที่เค้าทั้งสองได้กราบไหว้ฟ้าดิน แล้วคนชุดดำก็ออกจากเรือนน้อยไปยังสำนักที่ตนจากมา ลงมือเข่นฆ่าผู้คนนับร้อยชีวิตในสำนักให้ตายตกอย่างอนาถ จนมาถึงสามคนสุดท้ายที่รวมตัวกันอยู่ในห้องของเจ้าสำนัก
“อาจารย์ อาจารย์หญิง ศิษย์น้องสาม เรามีวาสนาต่อกันอีกแล้ว” ชายชุดดำดึงผ้าปิดหน้าลง
“เกาจิ้ง เจ้า..” พูดได้เพียงเท่านั้นอาจารย์ก็กระอักเลือดออกมาคำโต
“อย่าออกแรงให้มากจะดีกว่าท่านอาจารย์ เพราะพิษที่ท่านได้รับมันจะไม่เป็นอันตรายอันใดกับคนที่ไม่ใช้ลมปราณ แต่ทันทีที่ท่านใช้มันจะส่งผลให้ลมปราณแม้เพียงนิดสะท้อนกลับไปกระแทกอวัยวะภายในของท่านจนแหลกเหลวตายอย่างอนาถ เป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่ศิษย์น้องสาม เจ้าใช้พิษชนิดนี้ทำร้ายน้องรองมาเป็นเวลานานจนน้องรองลมปราณแตกซ่าน แล้วเจ้าก็โยนความผิดว่าเป็นเพราะน้องรองขโมยฝึกวิชา น้องรองกลับต้องตายอย่างมีมลทิน” น้องสามหน้าซีดเผือดไม่มีคำโต้เถียง
“แค่นั้นยังไม่พอเจ้ายังผสมมันให้ศิษย์น้องเฟยกินเข้าไปด้วย เจ้า ถ้าเจ้าไม่ละโมบ ไม่ยุ่งกับน้องเฟยป่านนี้เจ้าคงได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสมใจ แต่ แต่เจ้ามันระแวงเกินไป เจ้าต้องการกำจัดทุกคนที่ขวางทางให้สิ้นซาก ฮึ ฮึ ข้าก็เลยช่วยให้เจ้าได้สมปรารถนา ด้วยการส่งทุกคนไปรอเจ้าสำนักอย่างเจ้าอยู่ที่ปรโลก ส่วนอาจารย์กับอาจารย์หญิง ข้าคงได้แสดงกตัญญูต่อพวกท่านซักครั้ง ศิษย์รู้ว่าท่านรักสำนักนี้มากถ้าสำนักนี้ย่อยยับลงพวกท่านคงเสียใจเป็นที่สุด ข้าเลยจะส่งท่านไปดูแลสำนักของท่านที่ปรโลกพร้อมกับเจ้าสำนักคนใหม่ ในคราวเดียว ส่วนศิษย์น้องเฟยข้าจะดูแลให้อย่างดีท่านไม่ต้องเป็นห่วง หญิงที่พวกท่านหาไว้ให้ตบแต่งกับน้องเฟย ข้าก็ส่งไปรอปรนนิบัติท่านอยู่ที่นั้นแล้วเช่นกัน”
“เกาจิ้งเจ้าช่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ข้าจะฆ่า...จะ...เจ้..า..” อาจารย์หญิงเกรงลมปราณ แล้วสิ้นใจไปก่อนที่จะได้ขยับตัวด้วยซ้ำ
“น้องหญิง” อาจารย์กระอักเลือดอีกคำ
“ข้าไม่ได้โหดเหี้ยมแต่ถ้าใครมายุ่งกับข้ากับคนรักของข้าก่อน ข้าก็แค่ตอบแทนมันผู้นั้นอย่างสาสม” แต่แล้วอยู่น้องสามที่อยู่นิ่งๆกลับแทงกระบี่ใส่ เกาจิ้งต้านรับกระบวนท่าได้ทัน ก่อนที่จะปัดกระบี่เบี่ยงออก คงเพราะชะตาฟ้าลิขิตกระบี่ในมือน้องสามกลับแทงทะลุเข้าทรวงอกของอาจารย์อย่างพอดิบพอดี เกาจิ้งเห็นเป็นโอกาสจึงใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าที่กลางหลังน้องสามจนตาย แล้วเอากระบี่ของตนเองสร้างรอยแผลเหมือนตนได้เข้าต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ แล้วรีบกลับไปที่เรือนน้อยหลังเขา
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” น้องเฟยที่ฟื้นมาแต่ยังไม่มีแรงขยับตัวแม้ลงจากเตียงถามขึ้น
“เจ้าฟื้นแล้ว น้องเฟยข้า ข้าช้าไป ข้าอกตัญญู” เกาจิ้งที่มีเลือดไหลโทรมกาย ซวนเซแทบล้มลงทำเอาเฟยหลงแทบถลาเข้ามารับทั้งที่ตนเองก็ไม่มีเรียวแรงไปกว่ากันเลย
“ท่านพี่..”
“ข้าเห็นว่าเจ้ามาช้าจึงไปดักรอเจ้าที่เชิงเขาแต่ข้าเห็นเจ้าโดนทำร้ายข้าจึงเข้าช่วยแล้วพาเจ้ากลับมาที่นี่ จากนั้นข้าก็ย้อนกลับไปที่สำนักเพื่อดูเหตุการณ์ แต่ แต่ข้าช้าเกินไป ศิษย์น้องสามวางยาแล้วฆ่าทุกคนในสำนัก ทำร้ายท่านอาจารย์กับอาจารย์หญิง ตอนที่ข้าไปถึงน้องสามแทงกระบี่เข้าที่ทรวงอกท่านอาจารย์ข้ากำจัดศิษย์น้องสาม แต่ท่านอาจารย์ก็สิ้นใจเสียแล้ว ข้าขอโทษ ข้า...” เกาจิ้งนั่งอยู่ที่พื้นข้างเตียงเล่าเรื่องด้วยเสียงสั่น ทั้งยังร้องไห้อย่างสะเทือนใจ น้องเฟยค่อยเขยิบตัวลงจากเตียงเข้ามากอดเกาจิ้งแล้วร้องไห้ไปพร้อมกัน
“ท่านพี่ ท่านไม่ผิด เป็นศิษย์พี่สามสารเลวนั้นต่างหากที่ผิด แล้วข้าจะทำอย่างไรต่อไปดีท่านพี่” น้องเฟยร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง
“เสี่ยวเฟย ตอนนี้เราต้องเข้มแข็ง เราต้องไปจัดการเรื่อศพก่อน แล้วถ้าเจ้าอยากตั้งสำนักขึ้นใหม่ข้าก็จะช่วยเจ้า” เกาจิ้งพยายามปลอบเฟยหลง
“ข้าไปไม่ไหว ท่านพี่ ข้าไม่อยากเห็นภาพพวกนั้น ข้าไม่อยากเป็นเจ้าสำนักอะไรทั้งนั้น ท่านพี่ ท่านจัดการแทนข้าทีได้หรือไม่ ท่านพ่อท่านแม่รักสำนักนั้นมากข้า ข้า..” น้ำตาไหลรินเป็นสายจากดวงตาที่แดงช้ำ
“เสี่ยวเฟย” เกาจิ้งถอนใจหนักหนึ่งครั้ง ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้
“งั้นข้าจะเผาสำนักพร้อมร่างพวกเขาทั้งหมด เพื่อให้พวกเค้าได้ไปอยู่ร่วมกัน” เฟยหลงพยักหน้ารับ พร้อมจะทำตามที่เกาจิ้งเสนอทุกอย่าง
“ท่านพี่ต่อไปนี้ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว มีแต่ท่านเท่านั้นท่านอย่าทิ้งข้าให้ต้องอยู่อย่างเดียวดายนะ ถ้าอยู่เราก็อยู่ด้วยกัน ถ้าตายเราจะตายด้วยกัน ท่านพี่สัญญากับข้านะ” เฟยหลงกอดรัดเกาจิ้งไว้แน่นเหมือนคนจมน้ำที่เห็นขอนไม้ลอยน้ำมา
“ข้าสัญญา ข้ารักเจ้า ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า ชีวิตนี้จะมีแค่เจ้ากับข้าเท่านั้น ข้าสัญญา”
แล้วคืนนั้นไฟโชติช่วงก็ได้กลืนกินสำนักอันยิ่งใหญ่ให้มอดไหม้หายไปจากยุทธภพและความทรงจำของทุกผู้คน ไม่มีใครกล้าขึ้นมาที่แห่งนี้อีกเพราะข่าวลือต่างๆ นานา จึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านหลังเข้ายังมีอีกสองชีวิตเร้นกายอยู่
The end