ปล. เรื่องสั้นที่แต่งไว้กับเรื่องนี้ในตอนที่ผ่านมาลองปรับแต่งตัวอักษรดู ก็โอเคแล้ว ก็กดโพสท์ไปเลย ตอนนั้นใช้คอมพ์ห้อง......พอมาเล่นร้านแล้วมาดู ตัวอักษรที่ปรับเอนแล้วใส่ไซส์ 17 ตัวมันใหญ่เวอร์ แต่พอไม่ปรับแล้วบางทีตัวมันก็เล็กจนอ่านลำบาก ขอความกรุณาจากคนอ่านช่วยบอกทีว่าที่ได้อ่านกันไปแล้วน่ะ ตัวอักษรมันปกติมั้ย เพราะเราไม่กล้าปรับอะไรแล้ว แต่ครั้นจะไม่ทำมันก็กระไรอยู่ เพราะบางฉากที่บรรยายแล้วใช้ตัวเอน มันสื่ออารมณ์ได้ดีกว่า....

ดังนั้นคราวนี้ขอไม่ปรับตัวอักษรนะคะ
ปล2. ไม่ได้ไปสะพานพุทธมาสามปีและเคยไปครั้งเดียว ดังนั้นอย่าใส่ใจนะคะ หากบรรยายอะไรผิดไป......
ตอน : พี่ชาย ปะทะ พี่ชาย (Again)ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไร มันก็วิ่งหนีไปซะอย่างนั้น......
ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเค้าอนุญาตให้อธิบายแล้วแท้ ๆ...
เอ๊ะ......หรือว่ากูจะมีปัญหาด้านการสื่อสารวะ
ปิงเล่า :
มือที่ไร้เรี่ยวแรงของแอมป์ลูบหลังผมอย่างแผ่วเบา.....
“แอมป์ขอโทษนะ ที่ทำให้ปิงกับน้องต้องทะเลาะกัน”
เธอส่งยิ้มที่แสนเศร้ามาให้ผมเป็นเชิงปลอบ......โธ่เอ๊ยแอมป์ หญิงสาวผู้น่าสงสาร.......หากผมลดทิฐิลงเสียบ้าง ตอบอีเมล์ของเธอ ผมก็คงจะได้รับรู้และช่วยแบ่งเบาปัญหาของเธอได้บ้าง ไม่ปล่อยให้อะไรมันล่วงเลยมาจนบัดนี้ หลายปีเลยสินะ ที่เธอต้องแบกรับกับมัน......ขณะที่ผมมันเป็นแค่ไอ้ผู้ชายที่เอาแต่ใจ
แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปใช่มั้ย.......ในฐานะ ‘เพื่อน’ คนเดียวของเธอในตอนนี้ ที่จะทำตามความต้องการของเธอ
“แอมป์ไม่ผิดหรอก เรื่องนี้ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าปิงลำบากใจ ก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ แอมป์เข้าใจปิง เข้าใจปิงทุกอย่าง”
เธอสวมกอดผม และผมก็กอดตอบ
“ไม่นะแอมป์ เราทำได้......อันที่จริงมันเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ.....ไม่สิ หากเราไม่ทำ เราคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ไปกันวันนี้เลยนะคนเก่งของผม เราแต่งงานกันวันนี้เลยนะครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”
เธอทุบผมดังอั่ก......ผมมองหน้ามุ่ย ๆ ของเธอ คงไม่ใช่เขินหรอกมั้ง สำหรับเธอในตอนนี้ มันเลยจุดจุดนั้นไปแล้ว......สายเกินไปที่จะรู้สึกไร้สาระแบบเด็ก ๆ สายเกินไปแล้วสำหรับทุกสิ่ง.....แต่ยังไม่สาย.....สำหรับความฝันและความสุขครั้งสุดท้ายที่ผมจะมอบให้เธอ......ในฐานะเพื่อนที่รักและห่วงใยเธอมากที่สุด
“ไปง้อน้องก่อนเลยนะปิง อะไรกัน อุตส่าห์ขับรถไปรับเค้ามาคุยกันถึงนี่ แทนที่จะปรับความเข้าใจกันได้นะ....ตาทึ่ม ดันทำให้เรื่องมันยุ่งเข้าไปใหญ่”
“แต่ว่า....”
“เรื่องของแอมป์น่ะเอาไว้ก่อน แอมป์รอได้.....แม้ว่าเวลาของแอมป์จะเหลืออีกไม่มากแล้วก็ตาม......แต่แอมป์คงจะไม่สบายใจ หากทำให้คนสองคนต้องผิดใจกัน ขณะที่ตัวเองมีความสุขอยู่คนเดียว.....ไป ๆ ๆ ได้แล้วไป”
เธอเอามือดุนหลังผมออกจากห้อง
เฮ้อ.....ผมเหนื่อยจัง
.
....
...................
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบหกโมงครึ่ง เรื่องของเรื่องคือไอ้เจ้าของห้องเนี่ย มันไม่อยู่ ผมก็เลยถือวิสาสะเอากุญแจที่ปั๊มเอาไว้ไขเข้ามานอนรอ.......ที่บอกว่ามารอนั้นเพราะว่าผมใช้สิทธิ์ลาพักร้อนสามวัน วันนี้ผมเลยตรงดิ่งมาหามันตั้งแต่บ่าย.....
กลับมานะ พ่อจะจัดหนัก.....
เอาให้หายงอนเลย
และก็เป็นการลงโทษ.......ฐานที่อยู่ด้วยกันมาจนป่านนี้แล้ว มันยังไม่รู้ใจพี่ของมัน
ว่าพี่น่ะรักมันมากขนาดไหน......ไอ้เด็กบื้อเอ๊ย
ผมกลิ้งไปมาบนเตียงของน้อง กลิ่นตัวหอม ๆ ของมันยังคงติดอยู่ที่ผ้าปู กลิ่นแบบเด็ก ๆ เป็นเพราะมันใช้แป้งเด็ก กลิ่นที่กระตุ้นกำหนัดชายฉกรรจ์
หึหึหึ
แต่เอ๊ะ......วันนี้วันศุกร์นี่นะ นี่ก็น่าจะเลิกเรียนแล้ว หากว่าไม่ไปเถลไถลกับไอ้แม้วที่ไหน มันก็น่าจะรอผมอยู่ที่ห้องแล้วดิ
หรือว่า
จะไปขลุกอยู่ห้องไอ้เด็กบิ๊ก
ผมผลุนผลันออกไปจากห้องของน้อง แล้วไปยืนทำใจรุ่ม ๆ อยู่หน้าห้องของไอ้เด็กยักษ์กับพี่ชายสุดเพี้ยนของมัน มือของผมเอื้อมไปเขย่าลูกบิด ล๊อค.....แต่ไม่ได้คล้องตัวยู.....ดังนั้นมันก็อาจจะอยู่ในห้อง
โครม.....โครม.....โครม
ผมทุบประตูอย่างแรง แล้วรอให้มีคนมาเปิด รออยู่อึดใจนึงก็ยังเงียบ......ผมก็เลยลองแนบหูกับประตูห้อง
พรึ่บ ๆ ไอ้ไฟเปรตหน้าห้องของน้องที่มักจะชอบติด ๆดับๆ......จู่ๆ ก็ดับวูบลงจนบริเวณนั้นมืดลงไป.....พร้อมกับเสียงเย็นยะเยือกที่ฟังคุ้น ๆ เหมือนหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญ
“จะทำอะไรกับห้องของผมน่ะพี่ชาย.....จะแงะห้องเหรอ”
นั่นไงไอ้ห่า.....ทุกครั้งที่เจอมัน......มันก็มักจะมาพร้อมกับเอฟเฟคประหลาด ๆ แบบนี้เสมอ
ผมค่อย ๆ หันหน้าไปเผชิญกับไอ้เด็กผีอย่างช้า ๆ
อ้าวไม่ใช่นี่.....
เอ๊ะหรือว่าใช่วะ
“ตัดผมมาใช่มั้ยเราน่ะ”
“ตัดมาเป็นชาติแล้วพี่ชาย ไง.....มันเท่ห์สุโคร่ยไปเลยใช่ม๊ะ”
แล้วมันก็แสยะยิ้ม......ให้ตาย....ผมล่ะกลัวรอยยิ้มบาดใจนั่นของมันเหลือเกิน
ขณะที่ตาขวาเริ่มกระตุก......ราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้าย ๆ
.
...
.........
.....................
เรื่องร้าย ๆ ที่ว่าก็คงหมายถึงต้องพามันมาเลี้ยงขนมในร้านกาแฟใต้ตึกที่เพิ่งเปิดใหม่นี่ยังไงล่ะ......พี่ขาหนูหิว.....ไอ้เด็กเสียงแหบมันว่าอย่างนั้นนะ.....ข้างล่างมีร้านขนมเปิดใหม่น่ากิ๊นน่ากินค่ะคุณพี่ขา......เฮ้อ
เค้าเรียกตลกบริโภค.....
หรือตลกแดกนั่นเอง
“ชื่ออะไรนะเรา พี่จำไม่ได้แล้ว......เบี้ยว ?......นายเบี้ยวใช่มั้ย” ผมถามไอ้เด็กหน้าแปลกที่กำลังตั้งอกตั้งใจใส่น้ำตาลในถ้วยโกโก้ร้อนของตัวเอง
“มั่วแล้วตาลุงเคราแพะ ผมชื่อบู้ตังหาก.....บู้ที่มาจาก....Boo!!! น่ะ.......แม่บอกว่าตอนเกิด ผมไม่ค่อยร้องก็เลยตั้งแก้เคล็ดมั้ง”
มันยังคงเหมือนเดิม คือพล่ามเก่ง แล้วก็ดูเพ้อ ๆ หาสาระไม่ค่อยได้ ปากเล็ก ๆ นั่นกัดกร้วมไปที่ขนมปังครัวซอง จนเศษขนมปังร่วงเต็มไปหมด.....มูมมามมาก.....ขอบอก
“แล้วนี่น้องเราไม่อยู่เหรอ”
“ไปทะเลกับน้องพี่ตั้งแต่เช้าแล้ว”
ห๊ะ......ว่ายังไงนะ ไปทะเล อ้าว....ไหนว่าเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วไง แล้วนี่ยังไงไปกันแค่สองคนงั้นเหรอ......แถมยังขาดเรียนด้วยสินะ ใช่มั้ย ?...........
กรอดดดดด!!!!!!! กูเดือดเว่อร์......ไม่ใช่แค่น้องที่ผมจะจัดหนัก.......แต่จะเป็นไอ้ดำมรณะสารพัดพิษด้วยอีกคน จะเตะไล่ความดำออกจากตัวเลยมึง คอยดู
ผมเผลอเอามือทุบโต๊ะดังปึง!!! ไอ้เด็กบู้ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร มันเงยหน้าจากจานขนม ยิ้มยิงฟันให้ผมแล้วก็ยักคิ้วข้างเดียว
แล้วก็กินต่อ.....
“งั้นพี่กลับล่ะ เอ้านี่ค่าขนม พี่เลี้ยง ฝากจ่ายด้วย”
ผมควักแบงค์ร้อยสองใบวางบนโต๊ะ ก่อนจะลุกเดินออกไปจากร้าน
ยังไม่ทันที่ประตูร้านจะปิดสนิทดีเลยมั้ง ไอ้เด็กบู้ก็วิ่งตามผมออกมา ผมหันไปมอง ปากมันคาบครัวซองอันหนึ่ง ส่วนมืออีกสองข้างถือพายบลูเบอร์รี่กับมัฟฟิน......
“เฮ้ย ยังไงเนี่ย”
“อ้วยอับอ่อย” >>>> คงจะหมายถึง ช่วยรับหน่อย ผมรับขนมจากมือมัน แล้วมันก็จ้องหน้าผมนิ่ง เหมือนโกรธ
“นิสัยเสียนะเรา กินทิ้งกินขว้างแบบนี้ ไม่กลัวคนทำเค้าจะเสียใจบ้างเหรอ หง่ำ.....”
“เอ้า.....เราก็นั่งกินไปดิ ใครใช้ให้ตามพี่ออกมาล่ะ”
“ก็ผมเหงานี่......ผมอยู่คนเดียว พี่ชายพาผมไปเที่ยวหน่อยดิ”
อะ.....อะไรนะ......ให้กูเนี่ยนะ พามึงไปเที่ยว.......โอ้.....โนว์
ไม่มีทาง
ยังไงก็ไม่มีทาง
.
....
.........
.....................
“เอ้ารัดเข็มขัดซะให้เรียบร้อย”
“ใจดีที่สุด ถ้าผมเป็นน้องพี่นะ รักตายเลย”
“ไปเดินสะพานพุทธเป็นเพื่อนพี่ละกัน ว่าจะไปดูเสื้อกับรองเท้าซักคู่”
“ผมไม่ได้เอาเงินมาเลยซักบาท แต่พี่ชายน่ะ ใจดีอยู่แล้ว ใช่มั้ย?”
หึ....ใช่ดิ๊.....กูมันหลวมตัวไปแล้วนี่
เจอหน้าเศร้า ๆ ของมันแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ คราวก่อนก็ทีนึงแล้ว
ผมเอื้อมมือไปเช็ดเศษขนมปังที่เปื้อนตรงมุมปากของมัน......ไอ้เด็กมูมมาม....ดูสิ....กินยังไงให้เลอะไปหมด แต่แทนที่มันจะขอบคุณมันกลับมองผมด้วยสายตาโหด ๆ
อะไรฟะ.....ปกติกับไอ้ซาลาเปา กูก็ทำให้แบบเนี๊ยะ......ขอโทษเฟ้ย ถ้าทำให้มึงไม่พอใจ
แต่แหม......เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงนะมึง
เดี๋ยวกูก็เปลี่ยนใจเตะมึงกลิ้งออกจากรถซะหรอก ’เบื๊อกนี่......
“อยากให้พี่มาเป็นพี่ชายผมจัง” มันว่า ขณะที่ผมขับรถออกมาจากตึกของมันได้ซักระยะหนึ่ง.....
เหรอ......แต่น้องอย่างมึงน่ะกูไม่เอาได้มั้ย
เจอกันทีไรมีแต่เรื่องทุกทีพับผ่าดิ
.
....
............
ไอ้ตาโปนยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าร้านขายเสื้อยืดแนวแว๊น ๆ ส่วนตัวผมได้รองเท้าหนังมือสองราคามหาโหดจนต้องกินแกลบไปทั้งเดือนมาคู่หนึ่ง มันยืนจ้องเสื้อยืดสีดำสกรีนเป็นรูปปกอัลบั้มของวงร๊อควงหนึ่งที่ผมนึกไม่ออก แต่ว่าดูคุ้นตา ตาดุ ๆ ของมันจับจ้องไปที่หัวกะโหลกที่มีหนามกุหลาบเลื้อยอยู่อย่างชอบอกชอบใจ
“ฮู่วววว์ อย่างกับในหนังดอกไม้โลหิตแน่ะ” มันพึมพำเอามาเบา ๆ ขณะที่สายตานั้นระยิบระยับดูมีประกายอย่างน่าประหลาด
ดอกไม้โลหิต.......มันพูดถึงอะไรของมันน่ะ
คนขายซึ่งเป็นวัยรุ่นหน้าโฉดก็ยืนมองมันอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปถามไถ่หรือขายของเหมือนที่ทำกับลูกค้าคนอื่น ๆ ผมมองดูมันอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกรำคาญ......
รำคาญตัวเอง......
“เอาตัวนี้น้อง เบอร์เอ็ม.....ใส่เบอร์เอ็มใช่มั้ยเราน่ะ” ผมเดินไปชี้ที่เสื้อพร้อมกับหันไปบอกคนขาย และหันกลับมาถามมัน มันพยักหน้า แล้วก็ยิ้มกว้าง
“หูย......พี่ชายโครตใจเลยอ่ะ ซื้อให้ผมจริง ๆ ใช่มั้ย........ขอบคุณครับ” แล้วมันก็ยกมือขึ้นไหว้ เพิ่งเห็นมันมีมารยาทเอาก็อีตอนนี้แหละ ผมควักแบงค์ร้อยกับอีกยี่สิบบาทส่งให้เด็กขายเสื้อ ไอ้ตาโปนรับถุงเสื้อมาก็เอาไปกอด ไปดม เหมือนกับเด็ก ๆ เวลาเห่อของใหม่
“นี่พี่ชายรู้มั้ยว่าผมน่ะอยากแต่งตัวแบบนี้มานานแล้ว”
“แบบแว๊น ๆ อ่ะเหรอ”
“ใช่ดิ......ผมนะมีแต่เสื้อสี ๆ ไอ้ดำน่ะมันชอบบังคับให้ผมใส่เสื้อผ้าที่มันซื้อมาให้ ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนาพี่นา ตัวมันก็เหมือนกัน ชอบใส่แต่เสื้อสี ๆ สีเหลืองงี้ สีชมพูงี้ ทั้ง ๆ ที่มันดำอย่างกับอีกาคลุกฝุ่น.....”
ก๊ากกกก ชอบจังคำนี้ อีกาคลุกฝุ่น.......เห็นภาพเลยว่ะไอ้น้องเอ๊ย ขอยืมไปใช้หน่อยนะน้องนะ
“เฮ๊ยยยย คนเราน่ะนะมันต้องรู้แนวตัวเองดิ มันไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอกว่าอะไรเหมาะกับเรา จริงป่ะ”
“ได้เสื้อแล้วก็พล่ามไม่หยุดเลยนะ ไอ้เด็กแว๊น”
“เชอะ......เค้าไม่เรียกเด็กแว๊นกันแล้ว......เค้าเรียกวีรบุรุษนักบิดต่างหากล่ะลุง* ”
เหมือนมันจะงอน แต่มันก็เปลี่ยนไปแพล่มเพ้อเจ้ออีกเรื่องนึงอยู่ดี......นี่เก็บกดเหรอวะมึงอ่ะ อยู่กับน้อง น้องมึงเค้าไม่ให้มึงอ้าปากพูดเหรอ กะกูนี่พูดเป็นต่อยหอยเลยนะไอ้เด็กบ้า.......แล้วผมก็ต้องดึงรั้งมันอีกครั้งเมื่อมันวกเข้าไปดูแผ่นดีวีดีหนังโป๊
ก็ต้องสร้างภาพให้ดูน่าเชื่อถือนิดนึง......แต่ขอโทษแผ่นเถื่อน ไม่ได้กินเงินกูหรอก กูโหลดดูฟรีในอินเตอร์เน็ตว่ะเฮ้ย
“ใครคือโซล่าห์ ออย แล้วใครคือมิยาบิ....” มันถามผมเสียงแบ๊ว แต่หน้าแมร่งโครตกาม.....ผมก็เลยแกล้งถามมันกลับไปบ้าง
“นี่เราไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ หึหึหึ”
“หึหึหึ”
หัวเราะตามกูแบบนี้......หมายความว่าไงวะ!!!!!
.
.....
...............
.................................
ผมเลี้ยงขนมจุกจิกไอ้บู้อีกนิดหน่อยแล้วก็ตั้งใจจะพามันกลับ แต่มันกลับลากผมพาไปที่ท่าน้ำ ไปยืนรับลมเย็น ๆ มันกางแขนออกแล้วทำท่าสดชื่น.....
“ลมเย็นแบบนี้ นึกถึงทะเลเหมือนกันเนาะ” มันว่า
“อืมมมม์”
“ป่านนี้สองคนนั่นจะหลับรึยังนะ......ไม่แน่นะ อาจจะเดินจับมือกันอยู่ริมหาด........พี่ชายรู้มั้ย ว่าการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขน่ะ........มันไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่เค้าว่ากันเลยนะพี่นะ”
มันทำเสียงเศร้าอีกแล้ว ครั้งที่สี่แล้วที่ผมเจอกับมัน แค่สี่ครั้ง แต่กลับรู้สึกร่วมไปกับประโยคเมื่อครู่กับน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้สดใส ทว่าเจือความเศร้าหมอง.......
สุดท้ายแล้วคนเราก็รักตัวเองสินะ
มันจะมีความสุขได้ยังไงกัน ถ้าคนที่เรารักมากที่สุดไปตกอยู่ในมือของคนอื่น.....ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้.....และจะรักคนของเราได้เท่ากับที่เรารัก......หรือเปล่า
ถ้าคนที่เรารักเค้าไม่รักเรา มันจะไปมีความสุขได้ยังไงกันล่ะ
แล้วมันก็ชกท้องผม.......กำปั้นแข็ง ๆ พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว จุกชะมัด ลามแล้วไอ้นี่ ผมหันไปมองหน้ามัน คราวนี้มันดูคึก ๆ สีหน้าเศร้าหมองมั่วครู่หายวับ.....
“พี่ชายผมอยากเที่ยวผับ พาผมไปเที่ยวผับหน่อยดิ”
“อย่าเลย....เสียเด็กหมด กลับกันได้แล้วป่ะ มืดแล้ว”
“น๊า ผมไม่เด็กแล้ว จะยี่สิบแล้วเนี่ย”
มันหันมาทำหน้าเว้าวอน คุกเข่าลง สองมือกุมประสาน......ซักพักก็มาบีบนวด นี่ที่สาธารณะนะมึง......กูล่ะอายโครต ๆ.......
พวกคุณคิดว่าผมจะใจอ่อนอีกล่ะสิ
ไม่มีทางซะหรอก
ผมจะไม่ยอมให้ไอ้ตาโปน ๆ นั่นสะกดจิตผมได้อีกแล้ว
ไม่มีทาง
.
....
.............
.............................
เห็นมั้ยล่ะ ว่าผมไม่ใจอ่อน ผมลากมันกลับห้องของมันได้สำเร็จ......
โดยที่มีไอ้เด็กตาโปนเดินผิวปากนำหน้า ทิ้งให้ผมหิ้วถุงที่เต็มไปด้วยเบียร์กระป๋องกับบาร์คาดิรสส้มพะรุงพะรังเต็มสองมือเดินตามหลังมันต้อย ๆ ประหนึ่งว่ามันเป็นหัวหน้ามาเฟีย
กร๊อดดดด เสียเงินเลี้ยงมันอีกจนได้สินะ
“พี่ชาย เชิญนั่ง คืนนี้เรามาดื่มกันให้เมาปลิ้นไปเลยนะครับพี่......ปิง.......คนอะไรหน้าโหดแต่ชื่อตุ๊ดว่ะ”
“เหรอออออ......ชื่อบู้นี่เท่ห์ตายล่ะ บูบู้.....อย่างกับเด็กปัญญาอ่อนแน่ะ”
“เชอะ”
ผมหัวเราะไปกับท่าทางเพี้ยน ๆ ของมัน จนเกือบจะลืมปัญหาของไอ้ซาลาเปาตัวแสบ ผมลองโทรหามันอีกครั้ง สุดท้ายก็เหมือนเดิม คือติดแต่ไม่มีคนรับ ไอ้เตี้ยเดินตัวเอียงหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับแก้วสองใบ
“เอาเบอร์ของผม โทรเข้าเครื่องบุ๊กบิ๊กก็ได้นาพี่ชาย”
“ไม่ล่ะ.......ไม่เป็นไร.....ขอบใจนะ”
ถึงโทรไปแล้ว น้องมันก็คงไม่ยอมพูดด้วยอยู่ดี
รอเคลียร์ทีเดียวเลยดีกว่า
.........................................................................
“เฮ้ยยยยยยย ไอ้หมอนั่นมันเป็นใครวะ ไหงมันถึงได้บังอาจใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกพี่......ของผม”
ราเชนทร์กำราวระเบียงเสียแน่น ขณะที่ชะโงกหน้ามองลงไปพบกับภาพอันแสนจะบาดตา........ด้วยกล้องส่องทางไกลที่ลูกพี่ของเจ้าตัวนั้นทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า(เด็ก ๆ ก็งี้ เจอของเล่นใหม่ ก็ลืมของเล่นชิ้นเดิม) ที่ถือไว้ในมือข้างหนึ่ง
ซักพัก.....เอวเล็ก ๆ ถูกวงแขนอันแข็งแรงสวมกอดหมับจากทางด้านหลัง กันต์ชะโงกหน้าลงไปมองบ้าง ใบหน้าด้านข้างของทั้งคู่แทบจะบดเบียดกันจนอึดอัด
“แทนที่จะไปสนใจเรื่องของคนอื่นเค้า........กูว่าหน้าน่ะเอาให้หายก่อนเหอะมึง.......แล้วอย่าได้ริเอายารักษาสิวของกูไปบีบทิ้งเชียว......ขืนจับได้อีกครั้งเดียว พ่อจะ......ฆ่าให้ตาย” เน้นคำว่าฆ่าจนคนฟังเสียวสันหลังขึ้นมาตะหงิด ๆ.......เหี้ยเอ๊ย แมร่งรู้ได้ไงวะ อุตส่าห์ค่อย ๆ ทยอยบีบทิ้งทีละนิดแล้วเชียวนะนั่น
“ครับ.....แต่ว่าคุณกันต์.....ลูกพี่น่ะ เค้ามากับผู้ชายที่ไหนไม่รู้”
“แล้วไง มึงจะให้กูเดินลงไปต่อยกับมันงั้นเหรอ.......ฉลาดนี่มึง.......แต่กูไม่บ้าจี้ไปกับมึงหรอก”
“เปล่านะครับ.....ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย”
“กูจะอาบน้ำแล้ว มึงน่ะไปอาบกับกูเลย ต่อไปนี้กูจะคอยทายาให้มึงเอง.....มึงต้องหาย เข้าใจมั้ย.....ไอ้หน้าปลวก”
หนุ่มตี๋หน้าละอ่อนแอบจิ๊ปากอย่างขัดใจ เมื่อถูกร่างถึกจับอุ้มพาดบ่าเดินตรงไปที่เตียงนอน.......
แทนที่จะเป็นห้องน้ำ
To be Con
ตอนนี้ยังมีต่อนะคะ แต่ยังไม่ได้แต่ง แอบมีคุณน้องเชนนี่โผล่มานิดนึง......เผื่อมีคนคิดถึง.......อย่าเพิ่งถามถึงแผนการที่ไอ้สามคนนั้นวางไว้นะคะ เพราะคนแต่งยังตัน ๆ มึน ๆ.......เผลอ ๆ ก็อาจจะล่มด้วยซ้ำ.....ฮา เอาไว้จะมาต่อไม่ตอนเช้า ๆ ก็ตอนเย็นนู่นเลย
เห็นคอมเม้นท์แล้วคันอยากตอบ ตอบเม้นท์เลยละกัน นาน ๆ ที 5555+
*ขอขอบคุณภาพยนตร์สุดเขตเสลดเป็ด ที่เอื้อเฟื้อคำศัพท์วีรบุรุษนักบิด