ตอนที่ 13
เต็นหันไปมองยังที่มาของเสียง พบเด็กหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวจัดยืนจ้องเขม็งมาที่ตนกับคนที่โอบกอดร่าง เด็กหนุ่มรีบผละร่างออกจากคนนั้นทันที แล้วยืนขึ้นยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ
“สภาพดูไม่ได้เลยนะนาย ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องนี้ซะ” เสียงคนมาใหม่ออกคำสั่ง เต็นหันไปมองหน้าคนที่ชวนตนมาที่นี่ซึ่งกำลังจ้องไปที่ร่างคนมาใหม่
“จะมาทำไมไม่บอกล่ะกาย” เจ้าตัวเอ่ยถามคนนั้น
“ถ้าบอกก็ไม่เห็นภาพดีๆ น่ะสิ” ฝ่ายนั้นตอบกลับ เต็นจึงยืนมองสองคนพูดคุยกัน
“ไม่ต้องประชดหรอก ที่มานี่เพราะเขาไม่ว่างใช่มั้ย”
“แม็คหมายถึงใคร”
“คบกิ๊กใหม่กี่คนล่ะ ถึงได้ถามว่าหมายถึงใคร”
“อย่ามาว่ากายนะ ทีตัวเองล่ะ พาคู่ขามาล่อถึงห้องแบบนี้มันก็ไม่ดีไปกว่ากายเท่าไหร่หรอก”
“ห้องนี้มันห้องแม็ค กายเก็บข้าวของย้ายออกไปตั้งนานแล้ว จะมาถือสิทธิ์หวงห้ามไม่ให้แม็คพาใครมาเพื่ออะไร”
“นี่แม็คกล้าพูดแบบนี้กับกายเหรอ”
“ทำไมแม็คจะพูดไม่ได้ ก็ในเมื่อแม็คพูดเรื่องจริง การที่แม็คยอมให้กายเทียวมาเทียวไปแบบนี้มันก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ไอ้แม็ค มึงเห็นคู่คู่ขานั่นดีกว่ากูที่เคยเป็นคบมึงเป็นปีๆ หรือไง”
“อย่ามาหยาบคายใส่แม็คนะกาย แม็คคบกับกายเป็นปีๆ ก็ใช่ แต่กายก็ทิ้งแม็คไปเป็นปีๆ แล้วไม่ใช่เหรอ”
“พูดแบบนี้ใช่มั้ย ได้รู้จักคนอย่างไอ้กายน้อยไป หลงคู่ขาใหม่นักใช่มั้ย หลงมันนักใช่มั้ย”
เต็นถอยฉากหน่อยๆ เมื่อเห็นร่างของคนที่ตนเพิ่งรับรู้ว่าชื่อกายเดินย่างกายเข้ามาหา เด็กหนุ่มพอจะรู้เจตนาฝ่ายนั้นว่าคงตรงมาทำร้ายตน
“อย่ามาทำกร่างที่ห้องนี้นะแม็ค กลับไปหาคู่ขาอันธพาลนายเลยไป อย่ายุ่งกับเต็นเด็ดขาด”
เต็นตกใจเมื่อเห็นร่างของคนที่เดินเข้ามาหาตนกระเด็นถอยกลับทางเดิมจากแรงผลักของคนที่เข้าปกป้องตน
“เห็นเสื้อผ้าเรามั้ยแม็ค เราจะกลับล่ะ” เด็กหนุ่มเห็นท่าไม่ดีเลยเอ่ยถามคนนั้น
“ไปค้นในตู้แล้วหยิบเสื้อผ้าเราไปใส่ก่อน ของเต็นเราเอาไปซักแล้ว” เจ้าตัวหันกลับมาบอก แต่ยังระแวดระวังถึงพฤติกรรมของอีกคนในห้องอยู่ด้วยการหันกลับไปมองฝ่ายนั้นเป็นระยะ
“ถึงขนาดค้นตู้เสื้อผ้ากันได้ มันไม่มากไปหน่อยเหรอแม็ค” เสียงคนนั้นดังมาให้ได้ยิน
“น้อยไปด้วยซ้ำ นี่มันเพียงแค่เริ่ม ถ้าเต็นยอมรับว่าแม็คเป็นแฟนเมื่อไหร่ เขาทำได้มากกว่าค้นตู้เสื้อผ้าอีก”
เต็นอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน จังหวะนั้นคนพูดหันมาสบตาเข้าพอดี เด็กหนุ่มรีบหลบตาเลี่ยงไปหาเสื้อผ้าที่ตู้ด้านหลัง โดยไม่ทันระแวงระวังเพราะมัวแต่อึ้งในสิ่งที่ได้ยิน เด็กหนุ่มต้องตกใจในตอนที่หยิบชุดหนึ่งชุดขึ้นมาแล้วโดนมือหนึ่งยื่นเข้ามากระชากจนหลุดจากมือ
“มาชุดไหนก็กลับไปชุดนั้น อย่ามายุ่มย่ามกับเสื้อผ้าผัวกู”
เต็นตอบโต้ไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดหยาบคายจากปากคนที่แลดูแล้วไม่น่าจะพูดออกมาได้ สักพักจึงเห็นอีกคนเข้ามาปกป้องตนเช่นเดิม
“ถ้าชุดนั้นเขาหวงนักก็ไปหยิบเอาชุดใหม่ก็ได้เต็น”
“ชุดไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าขืนไม่ฟังกูต่อยหน้าแหกแน่” คนขี้หวงขึงขังเข้าใส่ ถึงตอนนี้เต็นจึงต้องเอ่ยบ้าง
“อย่ามาอันธพาลใส่ผม เราไม่รู้จักกัน”
“งั้นมึงอยากรู้จักกูมั้ย” ฝ่ายนั้นถลึงตาใส่พลางยกมือขึ้นผลักอก เมื่อโดนร้ายใส่ซึ่งๆ หน้าแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เต็นจะอดทน เด็กหนุ่มจึงกำหมัดขึ้นชกเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าคนอันธพาล จนเจ้าตัวเซล้มไปกองที่พื้น
“กูก็คนนะโว้ย ความอดทนมันมี ถ้าขืนมึงยังกร่างไม่หายตัวต่อตัวกะกูเลยมั้ย”
เงียบ ไม่มีเสียงโต้กลับจากฝ่ายนั้นเต็นจึงหันไปคว้าเอาเสื้อผ้าในตู้เดินหายเข้าไปในห้องน้ำปล่อยให้สองคนในห้องเคลียร์กันเอาเอง
เต็นออกมาจากห้องน้ำในเสื้อผ้าชุดใหม่และสภาพร่างกายที่สดชื่นขึ้น เด็กหนุ่มหันมองรอบห้องเมื่อไม่เห็นร่างคนกร่างยืนรวมอยู่กับเจ้าของห้อง
“เราบอกให้เขากลับไปแล้ว” เสียงเจ้าของห้องเอ่ยบอก
“แล้วเขายอมง่ายๆ เลยเหรอ” เต็นถาม
“โดนต่อยปากเลยหายซ่ามั้ง” คนนั้นตอบ เต็นจึงถามต่อ
“เขาเป็นใคร แฟนนายเหรอ”
“ก็คนที่เราบอกว่าทำเราบ้ามาเกือบปีน่ะแหละ”
“แต่ท่าทางเขายังรักยังแคร์นายอยู่นี่”
“กิ๊กใหม่ไม่ว่างอ่ะดิ เขาเป็นแบบนี้มานานแล้วจนเราเฉยๆ”
“โกรธหรือเปล่าที่เราต่อยเขาเมื่อครู่”
“ก็เขาวอนเองนี่ ช่างเขาเถอะ อย่าพูดถึงเขาเลย สนุกกันต่อมั้ย ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว”
เต็นจึงรีบถอยร่างออกห่างเมื่อคนพูดเดินเข้าหาทำท่าจะโอบกอด ฝ่ายนั้นจึงร้องทัก
“เฮ้ย เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะเต็น”
“แค่อารมณ์ชั่ววูบ อย่ามานับเป็นความผูกผัน” เต็นตอบอย่างเฉยชา
“แรงแฮะ โอเค อารมณ์ชั่ววูบก็ชั่ววูบ งั้นยังไงดีล่ะ จากนี้จะเอาไงบอกมา”
“เราจะกลับห้อง”
“ไปดิ เดี๋ยวขับรถไปส่ง”
“ไม่ต้องอ่ะ เรากลับเองดีกว่า”
“อย่าทำเป็นเก่งน่าเต็นกลับไม่ไหวหรอก ที่ยืนไหวนี่แค่อาบน้ำมาใหม่หรอกนะ ลองไปยืนรอรถข้างนอกนานๆ สิ ล้มแน่รับรองได้”
เต็นตวัดสายตามองคนพูด บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรตอนนี้ โกรธก็โกรธที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกถึงพิษร้ายของไอ้ยานรกนี่ แต่จะโทษเจ้าตัวฝ่ายเดียวก็คงจะไม่ถูกนักเพราะตัวเองก็ดันโง่ อยากประชดชีวิตจนไม่คิดหหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วน
“เฮ้ย อย่ามองแม็คแบบนั้นดิ กลัวนะโว้ย” คนโดนมองร้องทักขำๆ สรรพนามแทนตัวและท่าทีที่เห็นทำเอาเต็นแอบคิดถึงคนอีกคนไม่ได้ ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่คนชื่อแชมป์นะ ถ้าเป็นแบบนั้นนาทีนี้เขาคงจะมีความสุขที่สุด
“อ้าว เมื่อกี้ตาดุๆ แล้วไหงตอนนี้คล้ายคนจะร้องไห้ซะงั้น” เสียงทักดังมาให้ได้ยิน จึงรีบปรับอารมณ์บอก
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“คิดถึงเขาเหรอ” คนนั้นถาม
“ใคร”
“ก็คนที่ทิ้งนายไป”
“เปล่า”
“อย่าปฏิเสธเลย แม็คดูออกน่า”
“ช่างเถอะ อย่ามาสนใจเราเลย ขอตัวนะ”
“ขอตัวไปไหนล่ะ ก็บอกว่าจะไปส่ง”
“นายพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องลำบากหรอก”
“ลำบากอะไร บอกแล้วไงว่าเราไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
“บอกไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง” เต็นขึ้นเสียงเมื่ออีกคนไม่ฟังเสียงค้าน
“โอเค ไม่ก็ไม่ งั้นกลับดีๆ ล่ะ” ที่สุดเจ้าตัวก็ยอมฟัง เต็นมองดูแค่แวบจึงเลี่ยงไปเก็บของที่ติดตัวมาเดินออกจากห้องไป
**********************************************************
บรรยากาศรอบตัวไม่ได้มืดมิดเท่าใดนัก เพราะที่ยืนอยู่เป็นป้ายรถประจำทางติดถนนใหญ่ ดึกๆ แบบนี้ถนนโล่งจนดูเงียบเหงาอย่างรู้สึกได้ เต็นทรุดกายนั่งลงที่ตรงม้านั่ง เมื่อรู้สึกหนักอึ้งที่หัวขึ้นมา เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ บีบเค้นไล่อาการนั่นออกไป แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ มองรอบตัวที่ตรงนี้ไม่มีใครที่นั่งรวมอยู่ด้วย ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว่างจึงแล่นเข้าสู่กลางใจอีกครั้ง อาการปวดหนึบยังไม่ทันจางหายอาการวูบไหวก็แล่นเข้ามาผสมโรงจนร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ใช่สินะ ข้าวสักเม็ดยังไม่ทันได้ตกถึงท้องเลยนี่ตั้งแต่มาที่นี่ ในร่างกายตอนนี้คงเต็มไปด้วยสารพิษจากยานรกนั่นเป็นแน่ นี่มันคงเริ่มแผลงฤทธิ์ร้ายแล้วสินะ นึกถึงตอนนี้เด็กหนุ่มแทบอยากจะลุกวิ่งไปกลางถนนให้รถสักคันเฉี่ยวชนให้หมดลมหายใจไปซะให้ได้ เพราะไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่ตัวเองพลาดพลั้งทำลงไป แต่แล้วความคิดนั้นก็พลันสะดุดลงเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น
“นพ” เด็กหนุ่มครางชื่อคนโทรเข้ามาเบาๆ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้ว นึกชั่งใจสักพักจึงกดรับสัญญาณ
“เต็นเหรอ อยู่ไหนน่ะ” เสียงฝ่ายนั้นทักมาตามสาย
“อยู่ อยู่ อยู่แถวลาดพร้าวน่ะ” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง แต่สุดท้ายบอกออกไปตรงๆ
“ไปทำอะไรแถวนั้นเหรอ” คนรักเก่าถามกลับ
“มาหาเพื่อนน่ะ”
“คนนั้นหรือเปล่า”
เต็นนิ่งเงียบ เข้าใจว่าคนนั้นที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงเจ้าตัวหมายถึงใคร
“เปล่าหรอก” เด็กหนุ่มตอบ
“อืม ช่างมันเถอะ จริงๆ นพก็ไม่ควรจะถามหรอก นพแค่โทรมาถามว่าตาเป็นไงบ้าง พอดียุ่งๆ อยู่เลยไม่มีเวลาโทรถาม”
ได้ยินคำพูดนี้คนวูบไหวถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้แทบไม่ไหว ทำไมคนรักเก่าจะต้องมาดีกับเขาเอาตอนนี้ด้วย
“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ ขอบใจนะ” ด้วยการเก็บกลั้นจึงได้เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เสียงไม่ดีเลยอ่ะเต็น มีอะไรหรือเปล่า” ฝ่ายนั้นเอ่ยถามมา
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่นี้นะ เต็นไม่สะดวกคุย” เด็กหนุ่มรีบตัดสัญญานทิ้งไปเมื่อข่มอารมณ์รื้นในใจต่อไปไม่ไหว น้ำตาจึงไหลอาบสองแก้มอีกครั้งปนด้วยอาการสะอื้นที่ฝืนเอาไว้ไม่ได้เมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์และวันเวลาเก่าๆ ที่ผ่านมา อาการนั้นเป็นอยู่ไม่กี่นาที ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีก เป็นคนๆ เดิมที่โทรกลับเข้ามาใหม่ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา ระงับอารมณ์อ่อนแออ่อนไหวแล้วกดรับสัญญาณ
“ท่าทางเต็นไม่ค่อยดีเลย มีอะไรหรือเปล่า ตอนนี้นพอยู่ข้างนอก ให้นพแวะไปหามั้ย” คนโทรเข้ามาเอ่ยทักทันที
“เต็นไม่เป็นอะไร ดึกมากแล้ว นพเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ” เด็กหนุ่มปฏิเสธออกไปเพราะละอายใจที่จะเจอคนนั้น ไม่รู้จะตอบคำถามเจ้าตัวว่าอย่างไรหากว่าเจ้าตัวเอ่ยถามถึงคนต้นเหตุที่ทำให้ตนตกอยู่ในสภาพนี้
“อืม ไม่สะดวกเจอก็ไม่เป็นไร งั้นก็ตามสบายนะ นพไม่กวนแล้ว มีอะไรก็โทรมาละกัน”
คนนั้นวางสายไปแล้ว เต็นจึงนั่งอยู่ต่ออย่างเลื่อนลอยสักพักจึงตัดสินใจลุกขึ้นเรียกแท็กซี่นั่งกลับห้อง ระหว่างทางจิตใจก็หวนนึกไปถึงคนที่เย็นชากับตนอีกจนได้ จึงตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปหาเจ้าตัวอีกรอบ หวังเพียงจะได้คำพูดดีๆ เพื่อช่วยลดทอนความรู้สึกเลวร้ายที่ฝังอยู่ในใจตอนนี้ให้ทุเลาลง
เสียงเพลงรอสายดังให้ได้อยู่เป็นนานจนเกือบจะท้อใจ แต่แล้วกลับมีเสียงทักทายดังมาให้ใจชื้นตอนกำลังจะวางสายทิ้ง
“ฮัลโหล”
“แชมป์เหรอนี่เต็นนะ” เด็กหนุ่มทักทายออกไปอย่างรู้สึกดีใจ
“อืม มีอะไร” เสียงห้วนสั้นดังมาตามสาย แต่นั่นก็ไม่ได้บั่นทอนความรู้สึกดีใจให้น้อยลงได้
“ขอบคุณนะแชมป์ที่ยอมคุยกับเต็น” เด็กหนุ่มเอ่ยออกไปตามความรู้สึก แต่แล้วกลับตัวชาวูบกับสิ่งที่ฝ่ายนั้นตอบกกลับมา
“ไม่หลับไม่นอนหรือครับ คุณดูจะล้ำเส้นกับผมมากเกินไปแล้วนะ”
“เต็นขอโทษ เต็นแค่อยากคุยกับแชมป์”
“แต่นี่มันเป็นเวลานอนนะครับ”
“ก็ที่ผ่านมาแชมป์ไม่เคยรับสายเต็นเลย”
“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าติดต่อมาหาผม ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“แล้วถ้าตอนนี้เต็นบอกว่าเต็นจำเป็นล่ะ”
“จำเป็นยังไง”
“เต็นเหงา เต็นโดดเดี่ยว แชมป์รู้มั้ยว่าเต็นไปเจออะไรมาบ้างระหว่างที่แชมป์หายไป”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว มันไม่จำเป็นเลยที่ผมจะรับรู้เรื่องของคุณ”
“ทำไมแชมป์ถึงร้ายกับเต็นได้ขนาดนี้”
“ผมจะร้ายกว่านี้อีกถ้าคุณยังดึงดันที่จะติดต่อผมอยู่”
“สรุปว่าไม่ว่าจะยังไงเราก็กลับมาคุยกันไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
“ก็น่าจะเป็นยังงั้น”
“แชมป์ไม่เสียดายวันเวลาดีๆ ที่เราทำด้วยกันบ้างเหรอ”
“คุณครับ เรารู้จักกันกี่วันกันครับ วันดีๆ ที่คุณพูดถึงน่ะ มันจะน่าจดจำและน่านึกถึงขนาดไหนกัน”
“แชมป์”
“โทษผมไม่ได้นะ คุณบังคับให้ผมพูดเอง แค่นี้นะครับ ผมจะนอน”
เสียงสัญญาณขาดหายไปในนาทีนั้น เต็นเอนกายพิงเบาะรถอย่างหมดเรี่ยวแรง เด็กหนุ่มปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
จากคนหนึ่งถึงอีกคน
คนหนึ่งอยากจะรู้ อีกคนไม่อยากให้ถาม
คนหนึ่งคอยวิ่งไล่ตาม อีกคนก็เดินหนีไป
คนหนึ่งคอยตรงนี้ อีกคนไปอยู่ที่ไหน
คนหนึ่งบอกว่าเหงาใจ อีกคนว่าน่าระอา
คนหนึ่งอยากไปหา อีกคนก็กลับห่างเหิน
คนหนึ่งอยากนั่งใกล้ๆ อีกคนไม่ยอมสบตา
คนหนึ่งโทรทุกครั้ง อีกคนไม่เคยโทรหา
คนหนึ่งแบกรักเต็มบ่า อีกคนไม่แคร์อะไร
คนหนึ่งหาเรื่องคุย อีกคนหนึ่งหาเรื่องวาง
คนหนึ่งทำแทบทุกอย่าง อีกคนไม่เคยสนใจ
คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะคนหนึ่งรักมากมาย อีกคนทำไมน้อยลง
คนหนึ่งบอกว่ารัก อีกคนไม่อยากจะรู้
คนหนึ่งยังเหมือนเดิมอยู่ อีกคนทำไมเปลี่ยนไป
คนหนึ่งห่วงเสมอ อีกคนหนึ่งห่วงอยู่ไหม
คนหนึ่งยังนั่งร้องไห้ อยากรู้หัวใจอีกคน
คนหนึ่งหาเรื่องคุย อีกคนหนึ่งหาเรื่องวาง
คนหนึ่งทำแทบทุกอย่าง อีกคนไม่เคยสนใจ
คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะคนหนึ่งรักมากมาย อีกคนทำไมน้อยลง
ขณะที่ฉันรักมากมาย แต่ว่าเธอทำไมน้อยลง
วันใหม่เต็นตื่นขึ้นมาจนเกือบจะเที่ยง เด็กหนุ่มจำเป็นต้องเกเรหยุดเรียนอีกวันเพราะสภาพร่างกายตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกไปทำอะไรได้ ขนาดต้องค่อยๆ คลานลุกจากที่นอนตะเกียกตะกายหาน้ำดื่มเพื่อประทังร่างกายที่อิดโรย เพราะหลังจากที่กลับถึงห้องเมื่อคืนเด็กหนุ่มมัวแต่นั่งจมกับความรู้สึกเจ็บปวดในทุกๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจนลืมไปว่าตัวเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกายเลยสักนิด
ร่างอิดโรยนอนราบอยู่บนพื้นห้องอย่างคนทรมาน เมื่อรู้สึกลมหายใจขาดหายเป็นช่วงๆ เพราะเกิดจากอาการหวิวไหวของหัวใจ สุดท้ายเมื่อคิดว่าร่างกายอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ได้จึงฮึดกำลังใจเฮือกสุดท้ายพาตัวเองไปคว้าโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปหาคนรักเก่า
“นพช่วยเต็นด้วย” เสียงแหบพร่าดังไปตามสายเมื่อมีเสียงกดรับสัญญาณ สักพักจึงมีเสียงทักกลับมา
“เต็น เต็นเป็นอะไร แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
“เต็นอยู่ที่ห้อง ไม่ไหวแล้ว เต็นเหนื่อยใจจะขาด” เด็กหนุ่มบอกออกไปในเฮือกสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้ร่างกายสลบไปในที่สุด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีคนมาเขย่าร่าง จึงปรือสายตาขึ้นมอง
“นพ” น้ำเสียงแสนเบาเอ่ยเรียกคนนั้น
“เต็น เต็นเป็นอะไรไป ไปโรงพยาบาลนะ” เจ้าตัวพยามยามจะประคองลุก แต่สถานที่ที่ถูกเอ่ยถึงเมื่อครู่ทำให้ต้องยั้งตัวเองเอาไว้
“ไม่นพ เต็นไม่ไปโรงพยาบาล”
“ทำไมล่ะเต็น เต็นเป็นขนาดนี้เต็นต้องไปหาหมอนะ”
“ไม่นพ เต็นไปหาหมอไม่ได้ เต็นไปไม่ได้” ถึงตอนนี้น้ำตาเด็กหนุ่มไหลพราก โผเข้ากอดคนประคองตัวดั่งต้องการหาที่ยึด
“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะเต็น” คนนั้นกอดปลอบพลางเอ่ยถาม จึงตัดสินใจเอ่ยบอกอย่างกระท่อนกระแท่น
“เต็น เต็น เต็นเสพยามานพ เต็นเสพยามา ที่เต็นเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะฤทธิ์ของมัน”
“หา! เต็นว่าไงนะ” ฝ่ายนั้นร้องถามอย่างตกใจ เต็นไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้แต่ร้องไห้สะอื้น
“หยุดร้องก่อนเต็นแล้วบอกนพซิ เต็นไปเสพยาอะไรมา” อีกคนคาดคั้นเอาคำตอบถึงชนิดยา
“ยาไอซ์” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบสั้นๆ แต่ทำเอาคนฟังตกใจต่อว่า
“บ้าไปแล้ว เต็นไปยุ่งกับมันได้ไง”
“เต็นไม่รู้ เต็นไม่รู้” เด็กหนุ่มร้องไห้หนัก
“ไม่รู้แล้วมันเกิดขึ้นได้ไง”
“เต็นแชทเอ็ม แล้วมีคนชวนไปเต็นกำลังสับสนอยู่เต็นเลยไปหาเขาสุดท้ายเขาชวนเล่นมัน”
“แล้วเต็นเล่นมันทำไม”
“บอกแล้วไงว่าเต็นไม่รู้”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะ”
“เต็นไม่อยากพูดถึงแล้ว เต็นอยากลืมมันเต็นไม่อยากพูดถึง”
“แค่นี้นพก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น โธ่เอ้ยเต็นทำไมถึงได้เหลวไหลแบบนี้นะ”
“เต็นไม่รู้จะทำยังไงแล้วนพ เต็นกลัว เต็นกลัว”
“ใจเย็นๆ นะ ตอนนี้ดูเต็นแย่มาก ขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนไปเดี๋ยวนพเช็ดตัวให้ยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่มั้ยร่างกายถึงได้เป็นแบบนี้”
เต็นพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะปล่อยให้คนรักเก่าจัดการกับร่างกายตนทุกอย่างจนรู้สึกดีขึ้น มีเรี่ยวแรงพอที่จะถามถึงเรื่องอื่นๆ
“นพลางานมาเหรอ”
“อืม”
“เต็นขอโทษ เต็นไม่รู้จะโทรหาใครแล้วจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่เขารู้มั้ยว่าเต็นเป็นแบบนี้”
“ใคร”
“ก็คนนั้นไง”
“อย่าถามถึงเขาเลย”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะเต็นไม่รู้จะตอบนพว่ายังไง”
“ก็ตอบตามความจริงสิ ไม่เห็นยาก”
“เราสองคนไปกันไม่รอด”
“เฮ้ย เพิ่งจะคบกันเองไม่ใช่เหรอ”
“ยังไม่ทันได้คบหรอก เขาบอกเลิกเต็นถัดจากวันที่เต็นบอกเลิกนพ”
“กรรม อย่างนี้ก็แย่นะ”
“ช่างมันเถอะ”
“นี่ใช่มั้ยเป็นสาเหตุให้เต็นต้องทำตัวเหลวไหลแบบนี้”
“อืม”
“โธ่เอ้ย แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้างเนี่ย”
“หยุดไปหลายวันแล้ว”
“ไม่ได้นะเต็น ใกล้จะจบแล้วก็ต้องเอาให้จบให้ได้นะ นพเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าใช้เวลากับเรื่องไร้สาระให้มันมากนัก”
“ต่อไปเต็นคงเริ่มทำใจแล้วล่ะ บาปกรรมมันตามสนองเต็นแล้วที่บอกเลิกนพ”
“เรื่องนั้นนพทำใจไว้แล้วล่ะว่ามันต้องมีสักวันตั้งแต่ที่นพกลับมาเห็นว่าเต็นพาเขามาที่ห้อง”
“แต่ก่อนหน้านั่นนพก็ห่างไปจากเต็นจริงๆ ไม่ใช่เหรอนพจะมารู้สึกได้ไง”
“นพยังยืนยันนะว่านพหายไปเพราะเรื่องงาน”
“นพคงยังไม่รู้สินะว่าเต็นเจอถุงยางอนามัยในกระเป๋ากางเกงที่นพฝากเต็นซักให้”
“เจอแล้วไง มันก็แค่ของเขาแจก นพไม่ได้ตั้งใจเอาไปใช้กับใคร”
“นพพูดจริงเหรอ”
“นพจะโกหกเต็นไปทำไม ถุงยางนั่นมีหน่วยงานเขามาแจกจริงๆ ระหว่างทางที่นพมาหาเต็นที่ห้อง”
“นพพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เต็นรู้สึกผิดนะ”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก นพรู้ว่าการกระทำของนพมันก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าเต็นก้าวเข้ามาในสังคมคนทำงานเต็นก็จะรู้เองว่าทำไมนพถึงเปลี่ยนไปบ้างในบางเวลา”
“เต็นขอโทษที่มองนพผิดไป”
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ลุกขึ้นมาจัดการกับชีวิตตัวเองใหม่ได้แล้วนะ เป็นไปได้ติดต่อกับไอ้คนที่มันพาไปเล่นยาให้มันไปตรวจเลือดซะ เพื่อความสบายใจ”
“เต็นไม่อยากไปเจอหน้าหรือพูดคุยกับเขาอีก”
“ถ้างั้นระหว่างนี้ก็อย่าเพิ่งมีพฤติกรรมเสี่ยงอีกก็แล้วกัน ครบสามเดือนก็ไปตรวจเลือดซะ”
“เต็นกลัวจังนพ”
“อดีตมันกลับไปแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว ต่อไปในอนาคตนี่สิเป็นเรื่องที่ต้องระวัง”
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด นพกลับไปทำงานต่อเถอะ เต็นไม่เป็นไรแล้ว”
“แน่นะ”
“อืม”
“ถ้างั้นมีอะไรก็โทรหานพแล้วกัน อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใคร”
“ขอบใจนะนพ”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราก็เคย เฮ้อ ช่างมันเถอะ นพไปนะ”
ร่างสูงเดินออกจากห้องไปแล้ว คนในห้องมองตามจนลับตา เด็กหนุ่มเอนกายหลับตานึกคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่มีเหตุการณ์วุ่นวายและเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิตจนเผลอพลาดพลั้งทำอะไรผิดๆ ลงไป ถึงเวลาแล้วสินะกับการยืนขึ้นใหม่แล้วก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างคนที่เจ็บแล้วจำ
จากวันนั้นเต็นพยามยามทำใจให้ลืมเรื่องเก่าๆ แม้มันจะยากในระยะแรกแต่ที่สุดก็ทนมาได้จนถึงครบกำหนดการไปตรวจเลือด
หน้าคลินิกนิรนามเต็นเดินยิ้มออกมาทั้งน้ำตาหลังจากรับทราบว่าผลการตรวจเลือดของตัวเองยังปกติดีทุกอย่าง น้ำตาที่ไหลออกมาในตอนนี้มันเต็มตื้นออกมาด้วยความปีติยินดีที่ว่าหลังจากนี้ตนจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงดังเช่นสามเดือนที่ผ่านมาอีกแล้ว ระยะเวลากว่าเก้าสิบวันมันนานเหลือเกินกับการที่ต้องทนอยู่กับภาพความทรงจำอันเลวร้าย ช่วงเวลานั้นเด็กหนุ่มจัดการกับตัวเองเสียใหม่โดยการพักฟื้นร่างกายให้หายขาดจากเชื้อของยานรกตามคำแนะนำจากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตรวมทั้งมีคนรักเก่าอย่างนพคอยให้กำลังใจและช่วยเป็นพี่เลี้ยงคอยควบคุมพฤติกรรมให้มีระเบียบในเรื่องเรียนจนกำลังจะกลายเป็นบัณฑิตเต็มตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับคนนั้นจะเป็นได้แค่เพื่อนกันแล้วก็ตามแต่นั่นมันกลับสวยงามและผูกพันกันมากกว่าการเป็นคนรักกันเสียอีก เพราะสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะมีฝ่ายใดแง่งอน
คนที่พาชีวิตไปเสพติดยานรกอย่างแม็คติดต่อมาหาบ้างเป็นระยะๆ แต่ด้วยความที่ไม่อยากพูดคุยด้วยแล้วจึงตัดปัญหาโดยการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เสียใหม่ การเปลี่ยนหมายเลขติดต่อครั้งนั้นเด็กหนุ่มได้ลบคนชื่อแชมป์ให้หายไปจากชีวิตตนเช่นกัน ด้วยการไม่ติดต่อไปรบกวนเจ้าตัวอีกไม่ว่าจะมีบางเวลาที่ยังคิดถึงอยู่ก็ตาม
สายลมต้นฤดูหนาวพัดมากระทบร่าง เด็กหนุ่มปาดน้ำตาออกจากแก้ม มองดูใบไม้แห้งบนต้นไม้ริมถนนที่ปลิวหล่อนตามแรงลม นึกคิดในใจว่าจากนี้จะปลดปล่อยควมทุกข์ทั้งหมดที่จมอยู่กับชีวิตมากว่า 3 เดือนให้ปลิวหายไปดังเช่นใบไม้แห้งนั่น สองขาออกก้าวเดินพร้อมรอยยิ้มอิ่มเอมที่ผุดแต้มเต็มใบหน้า แต่พลันต้องตกใจเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวร่างทั้งร่างกลับได้ชนเข้ากับใครบางคน
“แชมป์” เด็กหนุ่มเรียกชื่อฝ่ายนั้นเมื่อมองเห็นว่าเป็นใคร
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ
Boy