ฉบีบรีไรท์แล้วตามที่จะลงในหนังสือทั้งหมด
ตอนที่ 7
สภาพจิตใจของพวกเราตอนนี้ต้องเรียกว่าค่อนไปทางลบ พี่ชายไม่ยอมพูดอะไรเลย เซอร์ก็ซึมไปเลย … พี่ๆก็เงียบๆกัน แม้แต่ผมก็ยิ้มไม่ออก แต่ในวันต่อมาก็ยังต้องมารับฟังอะไรแสลงหูอีก
“พวกเธอคิดว่าเก่งมาจากไหนกัน ! กล้าปีนรั้วโรงเรียนออกไปทั้งๆที่รู้ว่าสอบเนี่ยนะ สายฟ้า เทียมฟ้า เลวทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ” “…” ไร้การตอบรับจากพวกเรา
“พัสดล เทียมฟ้า รชา ต่างคนต่างเป็นเพื่อนที่เลวต่อกันใช่มั้ย วันสอบแท้ๆ พากันโดด”
“จารย์จะเลิกบ่นได้ยัง รำคาญ” พี่จิมทำหน้ารำคาญ ได้กวนส้นมากเพ่
“นะ … นายจินพรต เธอกล้าว่าฉันหรอ”
“ผมก็เห็นด้วยนะจารย์ด่าไปแล้วได้ไร ยังไงพวกผมก็โดดไปแล้วหักคะแนนก็น่าจะพอม้างงง” พี่ซูมลูกคู่ชั้นหนึ่งก็ออกหน้าแทนพี่จิม
“รรันต์ธร ! เธอกล้าสอนฉันหรอ หา หัดมีมารยาทเหมือนนายชานนท์มั่ง” เจ๊หวีตะหวาดเสียงดังลั่นจนพวกเราสะดุ้ง พี่ชาร์ปที่ได้รับคำชมแบบ งงๆ ก็สะดุ้งเช่นกัน
“จารย์อย่าเสียงดังเดะ พี่คิวตกใจหมดแล้ว” ไอ้มิวสอดปากขึ้นมาได้ถูกจังหวะจริงๆ เลยโดนพี่คิวฟาดไปดี
“พัสดล นายคีตภัฒน์เป็นแม่นายหรือไงฮะ ปกป้องกันจริงนะ”
“ก็แม่ทูนหัวไงเล่า” ไอ้มิวบ่นกระปอดประแปด
“อะไรนะ”
“เปล่าคร๊าบบบ”
“แต่ที่ครูไม่คิดคือเธอนะ เซอร์” โหยย ที่ไอ้เซอร์เรียกชื่อเล่น
“ขอโทษครับจารย์แต่ว่าพวกเรามีเหตุจำเป็นต้องออกจากโรงเรียนด่วนจริงๆครับ”
“อืม ครูจะให้อภัยสักครั้งแล้วกัน รอซ่อมเลยนะพวกเธอตอนเย็น ไปสอบได้แล้วไป” พวกเราก็รีบดอดออกมา ไอ้เซอร์ไม่วายลากพี่ชายที่เหม่อหนักออกมาด้วย
“ทำไมจารย์แกยอมมึงวะเซอร์” พี่ซูมบิดขี้เกียจถาม
“พ่อกูบริจาคไว้เยอะ ไปเหอะไปสอบ”
“อำนาจเงินช่างน่ากลัวจริงๆ เปลี่ยนยักษ์หวี ให้เป็นนางฟ้าหวี ก๊ากกก” พี่ซูมกับพี่จิมแม่งจะลัลล๊ากันไปไหน แต่ดูก็รู้ว่ากลบเกลื่อนเรื่องพี่เฮซกันอยู่ ทุกคนพยายามไม่พูดถึง ไม่เอ่ยถึง …
พวกเราแยกย้ายกันไปสอบ กลัวพี่ชายไม่มีสมาธิจัง ช่างเหอะทำของตัวเองก่อนดีกว่า วิชาประวัติศาสตร์สากล มีเรียนด้วยหรอวะ ของไทยยังเอาไม่รอด เฮ้ออออออ กรีกโรมัน อะไรวะเนี่ย ไม่ใช่ประเทศเดียวกันเรอะ = = ซุยแม่งๆ
การมั่วข้อสอบระดับเซียนก็จบลงอย่างง่ายดาย …. ขอให้ผ่านเหอะสาธุ !
Ver. Zer
ผมเหลือบมองคนข้างหน้าที่มันเหม่อตลอดการสอบ จนต้องเตะเก้าอี้มันให้ทำข้อสอบได้แล้ว รู้ว่าเครียด รู้ว่าเสียใจแต่ตอนนี้สอบก่อนเหอะ ผมก็คอยสะกิดมันไปเรื่อยๆ มันก็ทำไปเหม่อไป เฮ้อ
“เฮซมันได้สอบมั่งมั้ยวะ” ไอ้จิมเดินมาถามผม เหลือบมองไอ้เฮซที่ยืนเหม่อ
“ก็นะ กูก็เตะเก้าอี้เตือนมันอยู่ กลัวมันจะตายว่ะอาการหนัก”
“เออๆ ช่วยกันดูมันก่อนแล้วกัน ห่าเอ้ยทำกูนึกเรื่องสมัยสองปีที่แล้วอีกครั้งเลยว่ะ”
“มันจะเยอะแยะไปไหนวะ ยังไม่จบ ม.ปลายเลยห่า อุปสรรคเยอะชิบ”
“เออๆ งั้นกูกลับก่อนละไปส่งไอ้เฮซด้วยนะเซอร์”
“เออๆ กูดูเอง” หลังจากลาไอ้จิมไอ้ซูม ก็หันไปเห็นไอ้ชาร์ปยืนปลอบไอ้เฮซอยู่
“อะไรกันวะ”
“เฮซมันร้องไห้ว่ะเซอร์ มึงไปส่งมันกลับบ้านเหอะก่อนคนอื่นจะรู้เรื่อง”
“เออๆ เฮ้ยชาร์ปกูฝากไอ้เห็ดหน่อยนดิ เดี๋ยวกูลากไอ้เฮซกลับบ้านก่อน ฝากกุญแจรถให้เห็ดด้วย เดี๋ยวกูไปรถเฮซ” ผมโยนกุญแจให้ไอ้ชาร์ป
“เออๆได้ เดี๋ยวกูดูให้” ผมจูงมือไอ้เฮซให้เดินตามมา มันเลิกร้องแล้วแต่ยังเงียบ เงียบไม่พูดอะไร จนมาถึงมอไซต์ไอ้เฮซ
“เอากุญแจมาเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่อยากกลับบ้าน” เสียงแผ่วๆดังลอดออกมา เพื่อนหนอเพื่อน ผมดึงตัวมันมากอดแน่น
“เฮซมึงจะตายก่อนนะ เชื่อกูช่วงนี้อย่าคิดอะไร พักก่อน”
“แต่ .. กูไม่ไหวแล้ว ฮืออออ” ไอ้เฮซขยุ้มเสื้อผม ร้องไห้ ..
“มึงต้องไหว เหมือนที่ไอ้ฟาวส์มันไหวดิ มึงจะตายก่อนมันหรอ อีกสองปีมันก็กลับมาแล้ว” ผมลูบหัวมัน แม่งเอ้ย ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้วะ
“ป่ะ กลับบ้านก่อนนะเชื่อกู” ผมดึงมันซ้อนมอไซ จับแขนมันโอบรอบเอวผม แล้วขับออกมา
Ver. Hed
“เห็ด วันนี้กลับบ้านเองได้มั้ยเรา ฮ่าๆ” พี่ชาร์ปเดินมาหาผมที่ยืนรอไอ้เซอร์อยู่หน้าตึก
“อ่าว ทำไมอ่ะ ไอ้เซอร์เป็นไร”
“มันไปส่งไอ้เฮซไง มันฝากกุญแจมาด้วย เอ้า” พี่ชาร์ปยื่นกุญแจให้ผม
“อ๋อ ขอบคุณมากพี่ชาร์ป ไปรับไอ้ซิมกลับบ้านเหอะ ฮ่าๆๆ” พี่ชาร์ปหน้าแดงเล็กน้อย ผลักหัวผมแล้วเดินจากไป เฮ้อ แอบเหงาเล็กๆแฮะไอ้เซอร์ไม่ไปส่งเนี่ย แต่ก็นะใครจะกล้าปล่อยพี่ชายอยู่คนเดียว กลับบ้านดีกว่า
ผมขับมาถึงบ้านก็เห็นรถพี่ชายจอดอยู่ รองเท้านักเรียนสองคู่ คู่หนึ่งของพี่ชายอีกคู่ของไอ้เซอร์ ผมก็ถอดต่อเป็นคู่ที่สาม ฮ่าๆ แต่เมื่อผมเข้าบ้าน ก็เหมือนมีอะไรมาทิ่มที่ใจเล็กน้อย พี่ชายนอนหลับหนุนตักไอ้เซอร์ ส่วนไอ้เซอร์ก็เสียบหูฟัง พิงโซฟาเงยหน้าแล้วหลับตา เหมาะสมกันเป็นบ้าเลยว่ะ อดเปรียบเทียบพี่ชายกับตัวเองไม่ได้ ทำไมตูเกิดมาเตี้ยจังวะ .. เฮ้อ นั่นสินะ .. ยังไงก็มีเลือดเหมือนกันแค่ครึ่งเดียว … ผมเลยเดินออกมาจากบ้านที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะไปเป็น กขค คนรักกันซะงั้นอ่ะ คิดอีกทีก็อยากด่าตัวเอง พี่เค้าเป็นเพื่อนกัน แล้วไอ้เซอร์กับเรามันก็ …. นะ แล้วตกลงเรากับไอ้เซอร์เป็นอะไรกันวะ - - แล้วทำไมเราต้องยอมมัน ? แล้วตกลงอะไรยังไง ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ? โอ๊ยยยยย อะไรวะเนี่ย
หงุดหงิดตัวเองว่ะ !
เวลาผ่านไป 3 เดือน
เวลาช่วงที่ผ่านมาเหมือนทุกคนเริ่มทำใจกับเรื่องไอ้ฟาวส์ได้ดีขึ้น พี่ๆพากันอ่านหนังสือเตรียมแอดมิชชั่น พี่ชายผมก็กำลังฟิตอ่านเหมือนกัน ทุกอย่างมันเหมือนจะไปได้ด้วยดีแต่ …
สำหรับผมกับเซอร์ …
เรียกว่าเป็นช่วงที่เราห่างกันไปเรื่อยๆ จนผมเองยังแปลกใจ
เซอร์ก็ยุ่งๆกับการเตรียมสอบ และ ดูแลสุขภาพพี่ชายผม .. ผมเองก็ยุ่งๆกับกิจกรรมกีฬาสีช่วงที่ผ่านมา เพราะ ม.5 เป็นสตาฟ ทำให้เราสองคนแทบไม่มีเวลาได้เจอกัน โทรศัพท์เริ่มห่างหาย มันเหมือนกับระยะห่างระหว่างเรากำลังเพิ่มขึ้นๆ จนเพื่อนๆผมคิดว่าเราคงเลิกกันแล้ว ซึ่งก็แปลกใจตัวเองเช่นกัน ที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก หรือก็เป็นเพราะผมเหมือนกัน
ที่ยอมปล่อยให้ช่องว่างมันเกิดขึ้น
และอาจเป็นผมเอง
ที่เป็นอีกตัวแปรสำคัญ
ที่ทำให้ห่างเหินกันไป
สามเดือนที่ผ่านมาเหมือนอะไรๆก็เปลี่ยนไปหลายอย่าง ผมเองก็เหมือจะคิดอะไรได้หลายมุมเหมือนกัน เหมือนโตขึ้นเล็กน้อย และยอมรับกับเรื่องบางเรื่องได้ดี และมันไม่ใช่ผมคนเดียวที่เปลี่ยน พี่ชายผมก็เปลี่ยน … เงียบๆลง และเหม่อบ่อย ในเรื่องบางเรื่องที่พี่เคยทำได้ดีก็มีพลาดลงไป ตอนนี้ผมเลยเหมือนพี่แทนละ - -;; ไอ้เซอร์ตอนนี้ก็ผมยาว และสูงขึ้นเล็กน้อย หน้าตาวิชาการเพราะช่วงเตรียมสอบ แม้เวลาเจอกันก็ต่างคนต่างเงียบแล้วแยกกันไป และในเวลาสามเดือนพี่ชาร์ปกับไอ้ซิมก็คบกัน เหมือนกับที่ไอ้มิวและพี่คิวเลิกกัน แค่สามเดือน มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ …
เปลี่ยนจนน่าตกใจ …
“เห็ด” หันไปตามเสียงก็เห็น เซอร์ ..
“หืม”
“เป็นไงบ้าง” มันทรุดตัวลงนั่งโซฟาที่ผมนอนอยู่ แล้วลูบหัวผม
“ก็ดี”
“ดีนี่ดีแบบไหน”
“ก็ดี … ดีกว่าที่ผ่านมา” คิ้วมันขมวดเล็กน้อย เหมือนไม่ค่อยพอใจคำตอบ
“นานแล้วสินะ”
“ก็สามเดือนกว่า”
“นานไปมั้ย”
“อะไร”
“สำหรับเรื่องของเรา”
“เซอร์ …”
“หืม ….”
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
“อะไร ….”
“มันเคยมีเรื่องของเราด้วยหรอ”
คำตอบของผม ผมไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง …
แต่ผมรู้ตัวว่า ที่ห่างหายกันไป ผมเจ็บปวด .. ผมอาจจะดูเลวที่หึงแม้กระทั่งพี่ตัวเอง แต่จะให้ทนต่อผมก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน บางทีมันอาจจะไม่ได้รักผมแต่เป็นพี่ผมก็เป็นได้ สามเดือนทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเยอะจนผมไม่กล้าที่จะคาดหวัง
“ตัดสินใจแล้วสินะ” คำถามที่เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก
“อืม” ผมเอียงตัวเข้าหาพนักพิง เซอร์เอามือออกจากหัวผมก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณมากเห็ด”
“ครับ”
แล้วเขาก็เดินจากไป …. จบลงแล้ว
ความสัมพันธ์อันคลุมเครือที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน แบบนี้คงดีที่สุดแล้ว
มันก็แค่เลิกกัน กับความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะยืดยาว
แค่เริ่มด้วยความไม่ตั้งใจ
แค่ต่างคนต่างไม่มีใคร
แค่ใกล้ชิด
แค่ผูกพัน
แค่เผลอไป
แค่เผลอใจ
แค่คิดว่ารัก
แค่คิดว่าชอบ
มันก็ ‘แค่’ เท่านั้นแหละ
ขอให้มันเป็น ‘แค่นั้น’ จะได้ไหม แม้ผมกำลังหลอกตัวเองก็ตาม