ส่วนใหญ่ผมจะถูกผู้หญิงเข้าหามากกว่าที่ผมจะไปเข้าหาผู้หญิง แบบว่า หล่อเลือกได้อ่ะ 5555
ผมเป็นคนเข้ากับง่าย แต่รักคนยาก ใครเข้ามาดีด้วย ก็ดีกับเค้าไปหมด แต่ถ้าคิดจะคบหากันจริงจังนี่ ผมจะค่อนข้างคิดมาก
อีกอย่าง ผมมีแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ผม ที่ท่านค่อนข้างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่เคยด่าทอหรือพูดคำหยาบใส่กัน
ก็เลยทำให้ผมซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปโดยปริยาย พอคิดจะมีคนของตัวเองบ้าง ผมก็เลยมักเอามาเปรียบเทียบกับแม่ผม แล้วก็บอกผ่านไปตามระเบียบ
ที่จริง ในชีวิตผมก็รู้จักกับผู้หญิงหลายคนอยู่นะครับ แต่คนที่ผมจัดว่า เป็น "แฟน" มีไม่กี่คนหรอก
นอกจากแฟนผมคนนี้แล้ว ผมก็คบกับแฟนผู้หญิงมาแค่ 2 คน คนแรกเป็น poppy love คือ เรารู้จักกันตอนไปเรียนกวดวิชา
เลยมีโอกาสได้เจอกันเกือบทุกสัปดาห์ ก็สานสัมพันธ์กันมาเรื่อย ๆ 2-3 ปี จนเธอสอบติดไปเรียนที่สงขลา ส่วนผมไปเชียงใหม่ ก็เลยค่อย ๆ ห่างกันไปโดยปริยาย
ส่วนคนที่ 2 ที่ทำให้ผมรู้จักกับคำว่า "อกหัก รักคุด" นี่ ผมรู้จักตอนที่ไปงานวันเกิดเพื่อน เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ตอนนั้น ผมค่อนข้างเฮี้ยว
ก็เฮฮาไปตามประสาคนหนุ่มแหละครับ ก็ไม่รู้ว่า เค้ามาติดใจผมตรงไหน หลังจากวันนั้นแล้ว เค้าก็แอบไปหาเบอร์โทรผมแล้วก็โทรมาคุยกับผมอยู่เรื่อย ๆ
ตอนนั้น ผมเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ อยู่ ๆ เค้าก็ขึ้นมาหาผมถึงเชียงใหม่ ก็คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่า ผลเป็นยังไง

แล้วเราก็คบกันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งต่างคนต่างเรียนจบและทำงานทำการกันไป เราสองคนก็วางแผนกันไว้เรียบร้อยว่า จะทำงานเก็บเงินกันซักกี่ปี ถึงจะแต่งงาน
ผมก็ซื้อบ้านเตรียมไว้เป็นเรือนหอ ซื้อรถให้ขับ เช่าคอนโดให้อยู่ เรียกว่า เตรียมตัวเป็นว่าที่สามีเต็มที่ล่ะครับ
เรื่องมันมาพลิกผัน ตอนที่เขาไปเรียนต่อโทฯ นี่แหละ เขาก็ยุ่งอยู่กับทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ทำให้เรามีเวลาพบกันน้อยลง ทำกิจกรรมร่วมกันน้อยลง
ผมก็ไม่คิดอะไร นึกว่า เป็นเพราะเขาเหนื่อยจากเรื่องงานและเรื่องเรียน
จนกระทั่ง วันหนึ่ง ผมอยากจะเซอร์ไพรส์เขา ด้วยการขอแต่งงานในวันเกิดของเขา ผมก็เลยแกล้งบอกเขาไปว่า ผมจะไปต่างจังหวัด
เขาก็ไม่ว่าอะไรที่ผมไม่อยู่ในวันเกิด แต่จริง ๆ แล้ว ผมแอบกลับมาหาเขาที่คอนโด พอผมไขกุญแจเข้าไป สิ่งที่ผมเจอ ก็คือ
เขากำลังนอนกอดอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งบนเตียงนอน! ทั้งเขาและผม รวมทั้งผู้ชายคนนั้น ต่างคนต่างก็ตกใจนิ่งอึ้งกันไปนานล่ะครับ
สุดท้าย ก็เป็นผมที่ได้สติก่อน ถามเขาว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาก็ร้องห่มร้องไห้ ขอโทษผมว่า เขาผิดเองที่ไม่ซื่อสัตย์มั่นคงกับผม
เขาไม่ตั้งใจจะโกหกผม เพียงแต่เขาไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจไม่ถูก ประมาณว่า คนนั้นก็ดี คนนี้ก็รัก นั่นแหละครับ
ผู้ชายคนนั้น เขาก็เป็นเพื่อนที่เรียนโทด้วยกัน ความรู้สึกตอนนั้น มันทั้งรักทั้งแค้นนะ แต่ผมมีนิสัยอยู่อย่าง คือ ผมไม่ทำร้ายผู้หญิง
ตอนนั้น ผมก็กำลังมึนตึ้บคิดอะไรไม่ออก กะจะขอแต่งงาน ดันมาเจอเมียเรานอนอยู่กับชายอื่น เล่นเอาไปไม่เป็นเลย
ก็เลยขอกลับมานั่งคิด สงบสติอารมณ์อยู่คนเดียวก่อนดีกว่า สุดท้าย เขาก็เลือกฝ่ายนั้น แทนที่จะเลือกผม
ส่วนผม ก็เมาหัวราน้ำ ทำตัวเป็นเสือผู้หญิง เหมือนประชดชีวิตแหละครับ จนกระทั่ง มาเจอแฟนผมคนนี้
แล้วก็ถูกรวบหัวรวบหางอย่างที่เคยเล่าไปแล้วน่ะแหละครับ
ส่วนตัวเขาเอง ก็เลิกกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว หลังจากแต่งงานกันไปได้ไม่เท่าไหร่ กลายเป็นแม่ม่ายลูกติด
เขาเคยหวนกลับมาติดต่อกับผมหลังจากที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับแฟนผมเล้ว โดยเอาลูกเค้ามาเป็นตัวเชื่อม
คือ เขารู้ว่า ผมรักเด็กน่ะครับ ก็เล่นเอาแฟนผมนอยด์ไปพักใหญ่ กลัวว่า ถ่านไฟเก่าจะคุ ผมจะเปลี่ยนใจกลับไปชอบผู้หญิง
ซึ่งตอนนั้น ผมก็ยอมรับครับว่า ลังเล อยู่เหมือนกัน แต่พอผมไปปรึกษาพ่อแม่ผม (ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่า ผมอยู่กับผู้ชาย)
ท่านก็ไม่เห็นด้วย และบอกผมว่า คนอย่างผม ยังมีผู้หญิงดี ๆ อีกมากที่รอให้ผมเลือกอยู่ ทำไมต้องกลับไปกินแตงเถาตาย คนเรา เจ็บแล้วต้องจำ Forgive but not forget!
สุดท้าย ผมก็เลือกที่จะพูดกับอดีตแฟนผมตรง ๆ ว่า ระหว่างเรา ตอนนี้ ผมคงเป็นได้แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ผมให้มากกว่านั้นไม่ได้
เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และเขาก็พร้อมที่อยู่เคียงข้างผมทั้งยามทุกข์และสุข พร้อมที่จะเดินไปกับผมตลอดเวลา
เขาก็เสียใจ ร้องไห้ร้องห่ม ขอโทษผม แล้วเขาก็โทษตัวเองที่ตอนนั้นไม่เลือกผม
ซึ่งผมก็แอบคิดในใจว่า ดีแล้วล่ะ ที่คุณไม่เลือกผม ไม่งั้น ผมคงไม่มีวันได้เจอคนดี ๆ อย่างแฟนผมหรอก
---- จบ -----
