สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass) บทที่ ๔๐ และ อวสาน (ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๓) หน้า ๓๑  (อ่าน 219239 ครั้ง)

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


  :sad11: :monkeysad: :m15:

บทนำ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อของตัวละคร ไม่มีอยู่จริง ถ้าหากชื่อหรือนามใดไปสอดคล้องทำให้ผู้ใดเกิดความไม่สะดวกใจ ขออภัยไว้นะที่นี่ด้วย

จากใจ อิ๊กกี้

จุดประสงค์ของการเขียนนิยายเรื่องนี้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่มีแก่นสารใดๆทั้งสิ้น ถ้าผู้อ่านท่านใดคาดหวังจะเอาแก่นสารใดๆจากนิยายเรื่องนี้ ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านิยายเรื่องนี้จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้อ่านได้พอสมควร บางส่วนมาจากเนื้อความในไดอารี่ส่วนตัวของผมสมัยเรียนมัธยมปลายนะครับ นานมากๆแล้วล่ะ อิอิ ที่เหลือมาจากโหตัวๆของผมนี่เอง ฮ่าๆๆๆ

มีข้อผิดพลาดใดๆอย่าได้สนครับติงมาเลย ผมจะได้ปรับปรุงการเขียนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

 :กอด1: :กอด1:

ปล มาก่อนหลายวันไม่อยากรอ รอทำไมไม่รู้เนอะ เหอๆๆ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2010 19:09:10 โดย eiky »

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #1 เมื่อ28-09-2010 22:18:20 »

บทที่ ๑

ปุจฉา อันแสงใดหนอระยับบนแผ่นน้ำนั้นได้สวยสะท้อนแสงแวววับระยับงามเท่าแสงสุริยันมีบ้างไหม
 
แสงตะวันยามบ่ายคล้อยส่องกระทบน้ำในห้วยขุดที่เห็นเป็นเวิ้งกว้าง แสงแดดลามเลียผิวน้ำกระเพื่อมดังแพรประดับด้วยเกร็ดอัญมณีระยิบระยับอยู่ กลิ่นของโคลนตมโชยมากับสายลมเอื่อยๆ ทุ่งนาสีเขียวสดตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใส เมฆกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนตัวมาทางทิศบูรพา ก่อเค้าให้ความหวังกับชาวไร่ชาวนา ปลายฝนต้นหนาวอากาศช่างเย็นสบายลมกำลังเปลี่ยนทิศ แลไปบนฝั่งห้วยเห็นเด็กผู้ชายสองคนกำลังถอดเสื้อออกจากร่าง ชายหนึ่งผิวสีน้ำผึ้งหม่น เวลาโดนแสงสุริยาส่องประกายดังลูบไล้ด้วยทองทา ชายหนึ่งผิวกายขาวเหลืองรับแสงตะวันงามเช่นกัน น้ำ ชลเนตรคือเจ้าของร่างขาวเหลืองกำยำ บอท อภิพงศ์คือเจ้าของกายสีน้ำผึ้งหม่นหนากว่าน้ำ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทมีรั้วบ้านติดกัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์ไปไหนมาไหนตัวติดกัน จนอายุย่างเข้าสิบหกปี ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนรักกันอยู่ รักกันมากไม่เคยเปลี่ยนแปร แต่สำหรับน้ำเองบางอย่างในใจมันกำลังเปลี่ยนไป ทุกคราที่อยู่ใกล้ๆเพื่อนรัก หัวใจมันหวั่นไหวประหลาด ทุกคราที่อยู่ไกลเพื่อนรักหัวใจมันก็ทุรนทุราย นี่รักเพื่อนมากขนาดนี้เชียวหรือ เขาตั้งคำถามขึ้นในใจ

"นายไม่ต้องลงหรอกน้ำ เดี๋ยวเราลงเอง"

เสียงร้องดังขึ้นทำลายภวังค์วาบหวามในใจ บอทพูดจบแล้ววักน้ำในห้วยออกให้เป็นทางก่อนจะหย่อนขาลงไป เสียงเขากระโดดลงน้ำดัง ตูม ม่านน้ำสีหม่นๆกระจายออกเป็นสาย เป้าหมายคือบัวแดงที่ลอยคอชูชันอยู่กลางห้วย หลังเลิกเรียนกิจกรรมที่ทำร่วมกันคือกลางทุ่งนา หรือไม่ก็ป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน บอทเองเป็นคนสรรหากิจกรรมต่างๆมาชวนเพื่อนรักออกจากบ้านไป น้ำเองก็ไม่เคยปฏิเสธ

"เอาไปเผื่อป้าสายไหมน้ำ"

"อืมก็ดี เร็วหน่อยดิบอท ฝนจะตกแล้ว"

"เออน่า ว่ายไปเอาตรงโน้นก่อน"

ทิศประจิมฟ้ายังเปิดให้แสงสุดท้ายของวันสาดส่องเป็นสีทองระยับอยู่ แต่ก้อนเมฆาทางทิศบูรพาเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกที เงามืดทะมึนเสียงร้องคำรามแสงแปลบปลาบทำให้ผู้คนที่อยู่ในที่แจ้งต่างหวาดกลัวหาที่หลบกำบังกันก่อนที่ฝนห่าใหญ่จะเทลงมา แสงสีส้มทองสาดกระทบเงามืดทะมึนนั้นงามอย่างประหลาด สีดำม่วงสะท้อนแสงสีส้มทองได้อย่างวิจิตรดังจิตรกรบรรจงรังสรรค์วาดไว้ก็ไม่ปาน

"เร็วบอท ฝนตกแล้ว"

เสียงคนที่อยู่บนฝั่งเร่ง มือก็หอบเอาสายบัวและรีบคว้าเอาเสื้อของเพื่อนรักมากอดไว้ในอก

"ไปกระท่อมตรงโน้นก่อนน้ำ นายไปก่อน"

"ไม่เอา บอทขึ้นมาเร็วๆ"

ตะเบ็งเสียงแข่งกับสายฝนที่เทลงมา ม่านน้ำที่ไหวเป็นคลื่นระยับเมื่อครู่ตอนนี้กลับกลายเป็นนิ่งสงบมีแต่หยดน้ำที่สะท้อนขึ้นมารวมถึงไอน้ำที่ความเย็นจากสายฝนปะทะกับความร้อนอุ่นของน้ำในห้วย ควันพวยพุ่งขึ้น บอทรีบแหวกว่ายขึ้นฝั่งก่อนจะวิ่งไปจูงจักรยานวิ่งนำหน้าไปที่กระท่อมตรงเนินดินปลายห้วย

ใจที่เป็นนายกายที่เป็นบ่าว ตอนนี้ใจมันสั่นไหวเต้นระรัวดังกลองเพล แค่เพียงลมหายใจอุ่นๆของเขารดออกมา ใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ กลิ่นลมหายใจนั้นมันแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของความรู้สึก ใจลอยไปไกลแสนไกลแล้วรู้ไหม
 
"เฮ้ย ออกห่างๆหน่อยสิบอท อึดอัดว่ะ"
 
น้ำพยายามไล่ความในใจออกไป เพื่อนรักรั้วบ้านติดกันผู้นี้กำลังทำให้หัวใจของเขาไหวหวั่นไปได้มากทีเดียว
 
"ไรวะ ก็ที่มันมีอยู่แค่นี้ จะให้ถอยไปไหน"
 
บอทเองก็ขมวดคิ้ว สายฝนที่โปรยปรายลงมา เสียงรามสูรที่กำลังไล่นางเมขลาแย่งแก้วมณีกันอยู่นั้นยังคำรามกึกก้อง แสงที่เหมือนแฟลชของกล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่ก็ส่องแสงวูบวาบแปลบปลาบไปทั่ว บริเวณ เสียงพิโรธของท้องฟ้าดังเปรี๊ยะๆมีแสงสีส้มแดงแปลบลงมาก่อน เสียงเปรี๊ยะตามมาสักพักก็ เปรี้ยงดังสั่นหวั่นไหว น้ำเองเริ่มเอามือขึ้นอุดหูของตัวเองย่นคอลงต่ำ

"หึหึ กลัวเหรอน้ำ"

เสียงหัวเราะออกจากคอของเพื่อนรัก

"กลัวดิ"

"มาเรากอดนายจะไม่ต้องกลัว"

พูดไม่ได้คิดอะไรแต่คนฟังหัวใจกระเจิดกระเจิงไปไกลแสนไกล ใบหน้าฉาบด้วยเลือดฝาดระเรื่อขึ้นทันที

"บ้าเหรอ"

"อ้าว ก็เห็นกลัวเขาบอกฟ้าชอบฝ่าตรงคูห้วยนะน้ำ"

เบียดกายเข้าหาเพื่อนรักทันที สีหน้าแววตาดูเชื่อย่างสนิทใจ

"ฮ่าๆๆ ไหนบอกไม่กลัว มาเรากอด"

บอทดึงตัวน้ำไปกอดไว้แล้ว ร่างที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมในท่อนบน ไออุ่นจากร่างกายแผ่กระจายมาถึงส่วนที่กำลังเต้นเรียกร้องความสนใจอยู่กลางอก เลือดสูบฉีดรุนแรงใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีจากระเรื่อเป็นแดงจัด

"ตัวร้อนเชียวน้ำ โดนฝนไม่สบายเหรอ"

เสียงทุ้มดังอยู่เหนือหัว

"ปะ เปล่านี่ น้ำอึดอัด"

"อ้าวก็ไม่บอก ไม่กอดก็ได้"

ปล่อยมือออกทันที บอททำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่น้ำเองกลับหวิวขึ้นในใจเสียดายอ้อมกอดนั้น ได้แต่เม้มปากแน่นรำพึงอยู่ในใจ เสียงของห่าฝนที่สาดกระหน่ำลงมาขาวโพลนไปทั่วบริเวณมองไม่เห็นสิ่งใด ไอฝนเย็นยะเยือกจับใจ เสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังกระหึ่มอยู่เหนือหัว แสงแปลบปลาบมาพร้อมกับเสียงที่บาดเข้าไปในแก้วหู ทุกครั้งที่แสงวาบเสียงเปรี้ยงก็ตามมา น้ำเองเบียดกายเข้าติดกับบอทแล้วไม่รู้ตัว

"หึ กลัวก็ทำเป็นเก่ง กลัวไรวะเรายังไม่กลัว"

บอทยิ้มขึ้นที่มุมปาก

"ก็กลัวอ่ะ"

เสียงเริ่มสั่น บอทเองหัวเราะออกมา

"มาๆ จะอึดอัดอะไรล่ะ กอดไม่ให้กลัว"

แม้จะค้านร่างเอาไว้แต่ก็ไม่สู้แรงดึงของเพื่อนรักที่ดึงร่างเข้าไปกอดไว้ในอกแล้ว เสียงหัวใจเต้นระรัวดังกลองมโหรี พยายามควบคุมตัวเองยิ่งพยายามยิ่งห้ามใจมันก็ยิ่งค้านสั่นไหว

"ทำไมสั่นจังวะน้ำ ทำเหมือนไม่เคยกอดกันงั้นล่ะ"

บอทเอ่ยขึ้นเพราะทั้งสองกินนอนไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทำอะไรต่อมิอะไรไม่มีปิดบัง แต่มาพักนี้บางอย่างเปลี่ยนไป สิ่งที่อยู่ลึกๆในใจของคนที่อยู่ในอ้อมกอดมันแปรเปลี่ยนไป มันคืออะไร น้ำเองพยายามบอกกับตัวเองว่ามันไม่มีอะไร มันไม่มีอะไรทั้งนั้น ยิ่งฟ้าคำรามดังกระหน่ำขึ้น ร่างของน้ำก็เบียดเข้าหาบอทมากขึ้นกว่าเดิม

"น้ำนี่ก็น่ากอดดีนะ คืนนี้ไปนอนกะเรานะน้ำ"

เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสั่นไหวบอทเองก็แหย่น้ำปรายตาขึ้นมอง หยาดน้ำฝนยังเกาะอยู่ตามโครงหน้าเข้มนั้นจับพราวอยู่ รอยยิ้มที่ฉายออกมากวนๆ ทำไมใจมันถึงสั่นจังล่ะ

"อือ"

"หนาวเหรอสั่นๆ กอดแน่นๆดิ"

เม้มปากแน่นน้ำกอดร่างของเพื่อนแน่น ถ้ามันคืออะไรในใจตอนนี้ไม่รับรู้แล้ว ขอกอดอยู่อย่างนี้ได้ไหม ภายใต้ใจที่สั่นไหวนี้มันคือความสุขแสงประหลาดแวมวับอยู่ไกลๆ ขอกอดหน่อยนะเพื่อน

สายน้ำที่ไหลตามทางดินไหลลงที่นาน้ำใสไหลหลั่งไปทางเดียวกัน สายฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ข้าวในนากำลังตั้งท้องลำกลมแล้ว เสียงหยดน้ำฝนดังจ๋อมๆอยู่ทั่วบริเวณ แสงอาทิตย์อัสดงไปนานแล้ว ราตรีคืบคลานเข้ามาทวงสิทธิ์ของตัวเอง ฟ้ามืดขมุกขมัวไล่พื้นที่มาแล้ว

"กลับเถอะน้ำ เดี่ยวมืดก่อนไม่เห็นทาง"

เสียงทุ้มปลุกน้ำให้ตื่น ไม่ถึงกับหลับแต่เคลิบเคลิ้มไปใจมันลอยไปไกลแสนไกล ในที่ที่มีแต่เขากับความสุขที่ได้จากอ้อมกอดนี้ ยอมถอดถอนร่างออกอ้อมกอดนั้น

"อืม กลับดิ แม่ถามหาแล้วป่านนี้"

ตอบอ้อมแอ้มไปแล้วเดินตามบอทออกมาจากจากกระท่อมหลังเล็กบนคูห้วย ลมที่พัดเพราะแรงของฝนทำให้พื้นดินโคลนลื่น

"โอ๊ะ"

"ระวังน้ำ"

ร่างของคนที่เดินตามหลังมาไถลลื่นโคลนเซไปด้านหน้าบอทคว้ากอดเอวไว้ แต่แรงผลักมันเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก น้ำคร่อมร่างบอทเอาไว้ล้มลงทั้งสองคน เหมือนสวรรค์แกล้งปากที่อ้าร้องอยู่ประกบเข้าพอดีกับปากของคนที่หงายหน้าขึ้นหาท้องฟ้า ร่างกายเริ่มเย็นยะเยือก ไอร้อนจากตัวเริ่มหายไป มือเหี่ยวปากเริ่มเขียวสั่น แต่ปากนั้นยังอุ่นร้อนอยู่ สัมผัสของส่วนที่เปราะบางที่สุดประกบกันอยู่อย่างนั้น

"เอ้ย น้ำขอโทษ"

ดึงร่างตัวเองขึ้นเอามือยันพื้น

"แหะๆ ปากนายร้อนดีนะน้ำ"

หัวเราะออกมา นัยน์ตาที่พราวเสน่ห์มันช่างชวนมองยิ่งนัก น้ำเองก้มหน้าลงอายไอร้อนจากปากจับตรึงอยู่ซ่านไปถึงใจ เม้มปากแน่นไม่อยากให้รสนี้จางหายไป นี่เราเป็นอะไรไปทำไมหวั่นไหวไปได้มากถึงเพียงนี้ สายฝนเอยยิ่งสาดยิ่งเทลงมามากเท่าใด ร่างกายเท่านั้นที่หนาวเหน็บ แต่ในใจทำไมมันร้อนดังไฟสุมอยู่ ยิ่งได้ซ้อนจักรยานกลิ่นอายของคนที่อยู่ด้านหน้ามันช่างบีบรัดหัวใจยิ่งนัก แผ่นหลังกว้างอันนี้ ทำไมเราถึงไหวไปได้ขนาดนี้ เคยเห็นทุกอย่างในเรือนร่างนี้ เคยสัมผัสมาหมดแล้ว แต่นี่อะไร ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน

"เอาแกงสายบัวไปให้ป้านิ่มหน่อยสิน้ำ ฝนนี่ก็ตกไม่หยุดสักที"

แกงสายบัวใส่ปลาช่อนหอมฉุย มารดาของน้ำเป็นพยาบาลที่อนามัยประจำหมูบ้าน ส่วนบิดาเป็นภารโรงในโรงเรียนประถม น้ำมีน้องชายอีกคนอายุเพิ่งจะเก้าขวบ ส่วนบอทมีแต่แม่ ป้านิ่มเป็นชาวนาธรรมดาคนหนึ่ง มีลูกชายเพียงคนเดียว สามีแกจากไปนานแล้ว นานจนเลือนไปจากความทรงจำของลูกชาย เพราะเขาเสียไปก่อนที่บอทจะลืมตาดูโลกเสียอีก

"เอาร่มไปด้วยสิน้ำ"

"แม่คืนนี้น้ำนอนค้างที่บ้านบอทนะ"

"อ้าว มีการบ้านเหรอ"

เป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะสองชายคาติดกัน มีอะไรก็เรียกหากัน เลี้ยงดูลูกชายมาด้วยกัน กินนมจากเต้าทั้งบอทและน้ำ แม่บุญช่วยไม่อยู่ก็กินนมจากเต้าแม่นิ่ม แม่นิ่มไม่อยู่ก็กินนมจากเต้าแม่บุญช่วย

"ไปล่ะแม่ พ่อยังไม่กลับอีกเหรอ"

"ยัง แม่รอกินข้าวอยู่เนี่ย ไปหาหน่อไม้ถึงไหนแล้วก้ไม่รู้ฝนก็ตก ถ้าน้ำจะไปกินข้าวบ้านป้านิ่มเอาก่องข้าวเราไปด้วยสิลูก ตักแกงเพิ่มไปอีก"

แม่บุญช่วยจัดแจงกล่องข้าวเหนียวให้น้ำและตักแกงใช่ชามใบโตกว่าเดิมแล้วเอาใบเก่าคืนมาเทใส่หม้อไว้เหมือนเดิม น้ำกางร่มสีมอๆเดินข้ามรั้วไม้ไผ่ที่ไม่เหลือร่องลอยของคำว่ารั้วไว้เลยเพราะมันผุพังไปแล้วตามกาลเวลา

"ป้านิ่ม บอทล่ะ"

พอชะโงกหน้าเข้าไปใต้ถุนบ้านก็ร้องทักออกไป

"อ้าวน้ำ มันอาบน้ำ อยู่ตุ่มหลังบ้านโน่น มากินข้าวกับป้าเหรอวันนี้"

"ครับ ว่าจะมากินข้าวด้วย ค้างด้วย"

"รอไอ้บอทก่อนลูก"

ยิ้มออกมาตาพราวเพราะคิดอะไรขึ้นมาได้ น้ำเดินลอดใต้ถุนบ้านไปหลังบ้าน เสียงผิวปากตักน้ำราดตัวอย่างอารมณ์ดี บอทใส่ผ้าขาวม้ากำลังฟอกสบู่อยู่ เอาอีกแล้ว ใจเต้นแรงอีกแล้ว แค่เห็นเนื้อหนังของคนที่ยืนอาบน้ำอยู่ต่อหน้ามันแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกับผ้าขาวม้าที่พอโดนน้ำมันก็บางจนเห็นเนื้อ ทั้งที่เคยเห็นแล้ว ทั้งที่เคยอาบน้ำด้วยกันมาแล้ว ทำไมนะ

"อ้าวน้ำ มาเมื่อไหร่ ไม่ให้เสียงเลยนะ มาแอบดูเราเหรอ ฮ่าๆๆ"

แหย่แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี น้ำเองหน้าเสียไป

"บ้าเหรอบอท ก็เห็นป้านิ่มบอกอาบน้ำอยู่นานแล้ว น้ำนึกว่าช่วยตัวเองเลยมาดู"

"บ้าดิ ถ้าน้ำจะช่วยน่ะพอได้ เอาไหมล่ะช่วยเราหน่อย"

บอทเองพูดออกมาไม่ได้คิดอะไร ไม่มีอะไรในใจนอกจากแหย่เพื่อนเล่นๆอย่างที่เคยทำ แต่น้ำเองกลับสะอึกพูดไม่ออก กลืนน้ำลายลงคอยังลำบาก

"บ้าเหรอบอท รีบอาบสิน้ำหิวข้าวแล้ว"

ไม่รู้ว่าสิ่งที่แสดงออกไปมันมีท่าทางยังไง แต่รู้ว่าบอททำหน้าแปลกๆ น้ำเดินหันหลังให้แล้วเดินกลับมานั่งที่แคร่ใต้ถุนบ้าน สักพักบอทก็เดินตามมามีผ้าขาวม้าผืนใหม่พันเอวอยู่

"ไปเปลี่ยนเสื้อแป๊บนะคร้าบ คุณน้ำ"

ทำหน้าตาล้อเลียนแล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้าน

"ดูมันทำ แล้วได้ปลาเยอะไหมวันนี้น่ะน้ำ"

ป้านิ่มถามขึ้นแล้วเตรียมถาดรองกับข้าวมาวางต่อหน้า กลิ่นแกงสายบัวยังหอมฉุย มีน้ำพริกปลาหมอที่ป้านิ่มทำ ปลาหมอตากแดดแล้วเอาไปย่างตำรวมกับมะขามอ่อนใส่มะกอกบ้าน เหยาะปลาร้าหน่อยกลิ่นหอมของมะกอกบ้านลอยมาเตะจมูก

"แค่ไปวางเองป้านิ่ม ฝนดันตกซะก่อน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จว่าจะพากันไปดู น่าจะเยอะ"

"อืมแต่อาบน้ำแล้วนี่ ฝนก็ยังไม่หยุดเลย ไม่ไปพรุ่งนี้ล่ะลูก เดี๋ยวไม่สบาย"

พอฝนตกลงมาอย่างหนักไฟฟ้าก็ดับทั้งหมู่บ้าน เป็นปกติของที่นี่ ตะเกียงเจ้าพายุที่ส่องแสงสีส้มแวมวับอยู่ให้แสงสว่างได้มากไม่ต่างกัน แสงนวลไม่จ้าหรือสว่างเกินไป มีกลิ่นของน้ำมันก๊าดลอยผสมปนออกมากับแสงนั้น ใต้ถุนบ้านมีเงาของคนสามคนกำลังล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่ ข้าวเหนียวในก่องอุ่นไม่ร้อนจนเกินไป กับข้าวที่ปรุงเสร็จใหม่กลิ่นยังลอยคละคลุ้งหอมยวนใจ พอกินข้าวเสร็จก็พากันปั่นจักรยานฝ่าสายฝนออกไปทุ่งนาอีกครั้งเพื่อดูเบ็ดที่ปักไว้ ความมืดที่ปกคลุมแผ่ม่านดำไปทุกหัวระแหงในเขตุที่สายตาจะมองเห็น ไฟในหม้อแบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็มส่องแสงนำทางให้คนทั้งสอง แสงวูบวาบจากบนฟ้ายังคงส่องแสงแปลบปลาบอยู่พอให้เห็นภาพเบื้องหน้าได้แจ่มชัดทุกคราที่แสงนั้นฉายออกมา

"เบื่อฝนว่ะ มันจะตกอะไรหนักหนา ขี้เกียจอาบน้ำใหม่"

บอทบ่นออกมาระหว่างทาง สายตาก็จ้องมองฝ่าความมืดไป มีน้ำกอดเอวซ้อนท้ายอยู่

"ก็ไม่ต้องอาบดิ เช็ดตัวแล้วนอนเลย"

"บ้าเหรอน้ำ เดี๋ยวก็ไม่สบาย พรุ่งนี้มีสอบท่องชีวะฯ ขี้เกียจรำคาญกะครูต้า"

"งั้นก็ไม่ต้องบ่นดิ"

ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยบาดหมางใจกับบอทเลย มีอะไรช่วยกันตลอด ถ้าน้ำล้มบอทจะดึงมือขึ้น ถ้าบอทโดนใครต่อยมาน้ำจะไปจัดการให้ เพื่อน คำๆนี้มันฝังลงไปในใจแต่สำหรับน้ำ เพื่อน ที่ตอนนี้ทำให้หัวใจไหวหวั่นลอยละลิ่วไปไกลแสนไกล สะบัดหัวให้ความคิดเหล่านี้มันหลุดหายไปจากหัว แต่มันไม่ง่ายเลย ทำไมนะ ไม่อยากจะรู้สึกแบบนี้เลยให้ตายเถอะ

"ไปอาบน้ำด้วยกันเลยดิน้ำ จะได้ไปท่องหนังสือ เร็วหนาวแล้ว"

บอทชวนหลังจากกลับมาจากกู้เบ็ด ปลาที่ติดเบ็ดมาตัวใหญ่เขื่องๆทั้งนั้น ทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ มีงูติดมาบ้างแต่บอทจัดการปล่อยมันไปแล้วเห็นบอกว่าเป็นงูปลาไม่มีพิษ

"จะดีเหรอบอท เรา"

"อายไรวะ อาบด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ หรือนายมีอะไรเปลี่ยนไปเหรอ ไหนดูหน่อย"

"บ้าเหรอ เออ อาบก็อาบ กลางแจ้งเนี่ยนะ"

"มืดจะตายใครเขาเรียกกลางแจ้ง"

บอทค้านแล้วถลกเสื้ออกจากตัวเอาผึ่งไว้ที่เชือกใต้ถุนบ้าน น้ำเองก็ยืนชั่งใจอยู่ บอทถอดกางเกงออกแล้ว แม้จะมืดแต่ก็พอมองเห็นรูปร่างของเพื่อนได้ถนัดตา พลันใจเอยมันไหวสั่นระริกเหมือนข้าศึกบุกแล้วตีกลองชัยให้ออกรบระรัวระริกร้อนรนอยู่

"เร็วดิ มาถูหลังให้เราด้วย อาบมันน้ำฝนนี่ล่ะเย็นดี"

บอทเอาผ้าขาวม้ามาพันเอวไว้แล้วเดินลอดใต้ถุนบ้านไปยังตุ่มที่อยู่หลังบ้าน น้ำเองยืนลังเล แต่ก็ไม่นานเพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในใจ ถ้ามันจะผิดขอให้มันอยู่ในใจคนเดียวเถิด น้ำบอกก่อนจะถอดเสื้อผ้าแล้วฉวยผ้าขาวม้าตามบอทไป

"เฮ้ย น้ำแข็งเลยเหรอวะ นายคิดอะไรป่ะเนี่ย"

แม้จะพยายามควบคุมใจ แต่ร่างกายแรงค้านภายในมันไม่ยอมง่ายๆ น้ำเอามือกุมไว้ อายหน้าแดงแต่ด้วยความมืดมองไม่เห็นสีหน้า

"มันหนาวว่ะ เราชอบแข็งเวลาเย็นๆ"

"ฮ่าๆ แปลกคน ไหนดูหน่อย ไม่ได้เห็นนานแค่ไหนแล้ว"

บอทพูดออกมาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่น้ำใจสั่นไหวกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว

"บ้าดิบอท ใครจะมาเปิดให้ดู รีบอาบเถอะเราหนาว"

"เอ้ย ดูหน่อยดิ นะนะ อ่ะเดี๋ยวให้ดูของเรา ทำไมอายวะเห็นกันมาตั้งแต่ขนยังไม่ขึ้น"

บอทไม่พูดเปล่าดึงผ้าขาวม้าเปียกน้ำออกจากเอว น้ำเองขืนตาจะไม่มองแต่ก็ไม่หลบสายตาหนี แม้มันจะมืดสนิทแต่ร่างฉาบน้ำฝนส่องประกายวามวับ ก้อนเหนียวๆก้อนใหญ่จุกอยู่ที่คอ จากที่หนาวกลับเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

"ไหนของนาย เอ้ยแข็งไม่ลงเลยเว้ย"

บอทดึงผ้าขาวม้าออกจากร่างน้ำทันที

"เออมันไม่ลง บอกแล้วมันหนาวเลยของขึ้น เร็วๆดิจะได้รีบไปท่องหนังสือ"

"เราว่าเราทำก่อนดีกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นายไปก่อนเถอะ"

ใจสั่นเต้นระรัวไปยิ่งกว่าเดิม เลือดในกายเหมือนเพิ่มพลังอัดฉีดแรงขึ้น เม้มปากแน่นรีบตักน้ำราดตัวแล้วเดินหนีไป เราเป็นอะไรไป ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน นี่เราเป็นอะไรไป เคยนอนกอดกัน เคยเห็นทุกซอกทุกมุมของร่างกายแต่ไม่เคยหวั่นไหวหรือรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เราเป็นอะไรไป น้ำตั้งคำถามให้ตัวเองวกวนอยู่ในหัวกระสับกระส่ายจนบอทขึ้นมาบนเรือน

"เป็นไรวะน้ำ ดิ้นใหญ่เลย ไปเอาออกดิบอกแล้วจะได้สบายตัว"

"ไม่มีอะไรหนาวๆว่ะ รีบมาท่องเถอะ จะได้นอน"

พยายามเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงประเด็นไป บอทเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้มลงนอนข้างๆ

"เอ้ย ทำไรวะ"

"อ้าวก็นายบอกหนาว ก็กอดไงจะได้หายหนาว"

เพื่อนเอยเรากำลังรวบรวมสติอยู่ แต่เพื่อนไม่รู้ยิ่งมากระพือลมให้ใจมันร้อนรนยิ่งกว่าเดิม

"แล้วจะอ่านหนังสือไงบอท มานอนกอดอยู่แบบนี้อ่ะ"

"อ้าว ก็นายอ่านให้เราฟังเหมือนเมื่อคืนไง เราจะจำเอา"

"สบายไปไหมอ่ะ"

"อ้าว ไม่รักเพื่อนคนนี้แล้วเหรอน้ำ"

กระตุกใจเม้มปากแน่น

"บอท น้ำรักบอท บอทเองก็รู้นะ"

เสียงเครียดขึ้น มีอะไรอยู่ในคำว่ารักมากกว่าที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะบอกแค่รักเพื่อน ความรักที่มันแปลกแตกแยกออกมา จากที่แต่ก่อนมันเฉยชา แต่ตอนนี้มันร้อนรนเหลือเกิน

"น้ำ เราขอโทษ เราก็รักน้ำนะ รักน้ำมาก"

ยิ่งบาดลึกลงไปในใจ ทำไมความรู้สึกเหล่านี้มันมีพลังมากมายขนาดนี้นะ ทั้งเจ็บทั้งสุขระคนกันไปจนแยกไม่ออกว่าอันไหนมาก่อนกัน หรือควรจะยึดติดกับอันไหนดี เนิ่นนานแสนนานเสียงท่องหนังสือของน้ำดังแว่วๆ บอทหลับไปแล้ว หลับทั้งที่ยังกอดเอวของน้ำอยู่ ขยับกายมองร่างของเพื่อนรัก ถอนหายใจออกมา แววตาที่มองบอทตอนนี้มันฉายแววระยับออกมา จะรู้ไหมนะบอท ว่าเพื่อนคนนี้ใจมันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ น้ำตัดใจหยิบสมุดไดอารี่ของตัวเองขึ้นมาเขียน เริ่มเขียนตั้งแต่ตอนไหนนะไม่รู้หรอก แต่เขียนมาได้ครึ่งเล่มแล้ว และวันนี้เป็นวันแรกที่จะเขียนเหี่ยวกับเรื่องในใจที่มันคับแน่นอยู่

๑๙ กันยายน

ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีกับวันนี้ กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไรกันนะ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเป็น ไม่เคยรู้สึก แล้วนี่มันอะไรกัน วันนี้ทั้งวันเรียนไม่รู้เรื่อง สอนห่าอะไรก็ไม่รู้ หรือว่าหัวกูมันไม่รับเอง เซ็งว่ะ วันนี้ไปปักเบ็ดกับมึงมาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ก็ไม่เหมือนทุกวัน กูไม่รู้ว่ะ กูไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้กูกำลังคิดอะไรอยู่ มันลางๆอยู่ในใจ ตอนฝนตกกูไม่รู้สิ ใจกูมันแปลกๆไป ช่างเถอะ ง่วงแล้ว มึงหลับตายห่าไปก่อนกูแล้ว กูจะนอนเหมือนกัน ฝันดีไอ้เพื่อนรัก
 
ปล มึงเป็นจูบแรกของกูนะเพื่อน



วิสัชนา แสงจันทร์นั่นไงที่กระทบแผ่นน้ำแล้วงามระยับเยือกเย็นไม่แพ้แสงสุริยา

เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:39:21 โดย eiky »

เจ้าชายรองเท้าแตะ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #2 เมื่อ28-09-2010 22:19:53 »

:mc4: :mc4: :mc4:

เจิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :-[





อ่านแล้วกลับมาดิท
.
.
.
สนิมน้ำค้าง ออกแนวพีเรียดเน้อออออ ไม่รู้ว่าเค้าคิดไปเองรึเปล่า แต่อ่านแล้วภาพมันเป็นสีซีเปียอ่า

ภาษาสวยเหมือนเดิมน้า คนอ่านอ่านอย่างละเอียดเลย แล้วก็ไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองถึงหยุดหายใจก็ไม่รู้

สงสัยเรทชวนคิดมั้ง ก็มันไม่หวือหวา แต่ว่า...มัน...หวิวหวิว นี่นา  :-[

ไอ้แนวเพื่อนรัก...รักเพื่อนเนี่ยยยย ชอบนักแล

เข้าใจอารมณ์น้ำเป็นอย่างยิ่ง รักเพื่อน แต่แม่งบอกไปไม่ได้ โครตอึดอัด คิดไปสารพัดสารเพ ว่าถ้าบอกมันออกไปแล้วเกิดเราต้องเสียมันไปซึ่งเป็นเพื่อนรักของเรา

แล้ววว...เราจะทำยังไง? โลกนี้มันคงไม่เหมือนเดิม...
.
.
.
"บอท น้ำรักบอท บอทเองก็รู้นะ"

เสียงเครียดขึ้น มีอะไรอยู่ในคำว่ารักมากกว่าที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะบอกแค่รักเพื่อน ความรักที่มันแปลกแตกแยกออกมา จากที่แต่ก่อนมันเฉยชา แต่ตอนนี้มันร้อนรนเหลือเกิน
^
^
^
:m31: บอกมันไม่รู้กี่ล้านรอบ แต่แม่งไม่เคยซึมเข้าไปในหัวใจมันซักที เพื่อนเวรรรร :m31:

ตรูอินเนอร์เกินไปป่ะเนี่ย :z3: แต่...จัดหนักมาเลยพี่อิ๊ก ชื่อเรื่องแม่มบอกอยู่แล้ว มาม่าแน่นอน  :m15:

+1 พี่อิ๊ก ติดตามเสมอเน้ลูกพี่  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2010 23:05:26 โดย S=UUllnJllSJ »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #3 เมื่อ28-09-2010 22:20:45 »

ภาษาสวยงาม ชอบค่ะ บวกให้นะค๊า

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #4 เมื่อ28-09-2010 22:31:45 »

เจิมเรื่องใหม่ แหม จะไม่ให้คนอ่านได้พักเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับเรือ่งใหม่ที่เร็วทันใจอย่างนี้

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #5 เมื่อ28-09-2010 22:43:31 »

อย่าบอกนะคะว่าเรื่องสั้นจบตอนเดียว   :a5:


จะมีต่อไหมอ่ะคะ

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #6 เมื่อ28-09-2010 22:44:47 »

มาจิ้มมมมมมมมม




มาอ่านแล้วนะครับ  ภาษาสวยงามมากครับ


แอบอิจฉา :call: :call:

ออฟไลน์ hpsky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1073
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #7 เมื่อ28-09-2010 23:19:46 »

เข้ามาเจิมเรื่องใหม่คุณอิ๊ก  :mc4:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #8 เมื่อ28-09-2010 23:21:51 »

มาจิ้มพี่อิ๊ก  มาแล้วเรื่องใหม่  อิอิ
รู้แล้วว่าพี่อิ๊กชอบกินอะไรเป็นพิเศษ  แกงสายบัวใส่ปลาช่อนนี่ชอบจัง 555 พี่ภูมิก็แกงสายบัว

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #9 เมื่อ28-09-2010 23:46:44 »

    ภาษาสวยมากค่ะ ขอมาติดตามด้วยนะคะ อิอิ จะมีม่ามามาสอดแทรกเยอะไหมหละหนอชื่อเรื่อมันดูกระตุกใจยังไงชอบกล


+1เป็นกำลังใจให้นะคะ


แล้วรีบมาต่ออีกน๊า.........


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
« ตอบ #9 เมื่อ: 28-09-2010 23:46:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #10 เมื่อ29-09-2010 00:05:20 »

รับเรื่องใหม่ [อีกแล้ว]
+1 เป็นกำลังใจ

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #11 เมื่อ29-09-2010 00:16:14 »

 :L2: :L2: เรื่องใหม่ เย่ๆ
บวกหนึ่งแทนกำลังใจจ้า

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #12 เมื่อ29-09-2010 00:34:45 »

ตามมาแล้วววววววววววววววววววววววววววว..

 :a1:


พร้อมกำลังใจล้นหลาม :กอด1:


***********************

แค่อินโทรก็ดูน่าอ่านมากกกกกกกกแล้ว คุณอิ๊ก
มันดูมีอะไรลึกๆในอารมณ์ดี
อารมณ์ที่เก็บ อารมณ์ที่ต้องซ่อน
อารมณ์ดิบ อารมณ์เจ็บปวด..
ไม่ได้เจ็บปวดแบบซาดิสม์มาโซคิสม์นะ  :-[
แต่อารมณ์แบบ เปิดเผยไม่ได้ กลัวว่าอะไรจะเปลี่ยนไป
แล้วก็ต้องทนเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น

 :m11:

ไม่รู้ ชอบอ่านอะไรแบบนี้ แล้วแค่อ่านบทนำมันก็รู้สึกว่า
โทนเรื่องจะมึนอึมครึม ประมาณนี้
เลยกรี๊ดวี้ดวิ้วล่วงหน้า  :laugh3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2010 01:07:25 โดย knightofbabylon »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #13 เมื่อ29-09-2010 01:33:33 »

นึกถึงตอนตัวเองอายุ14ชะมัด เพื่อนรักรักเพื่อน  :o8:
แต่รักแรกใครก็บอกอยู่แล้วไม่มีทางสมหวัง ยิ่งเป็นรักเพื่อน
โอ้ย พี่อิคกลิ่นมาม่าโชยมาแต่ไกลแล้วเนี้ย :o12:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #14 เมื่อ29-09-2010 03:07:47 »

 :L1:เข้ามาเป็นกำลังให้อีก

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #15 เมื่อ29-09-2010 03:42:56 »

wow!!!!!!!จิ้มจุ่มเรื่องใหม่ค่ะ จะมาติดตามเรื่อยๆน้าๆๆๆๆ อิ๊กกี๊

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #16 เมื่อ29-09-2010 04:01:05 »

เจิมเรื่องใหม่    :z13:  :z13:   :z13:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #17 เมื่อ29-09-2010 04:14:09 »

 :mc4: :mc4: :mc4:
แวะมาร่วมฉลองเรื่องใหม่ค่ะ

คาดเดาว่า มาม่า ต้องเป็นสปอนเซอร์หลักของเรื่องนี้อย่างแน่นอน  :m4:
กลิ่นลอยมาแต่ไกล  :laugh:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #18 เมื่อ29-09-2010 06:55:49 »

มาแล้วๆ ท่าทางจะทนอ่านกลางเรื่องไม่ได้แหงๆ 555

Annetemis

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #19 เมื่อ29-09-2010 10:26:39 »

"บางส่วนมาจากเนื้อความในไดอารี่ส่วนตัวของผมสมัยเรียนมัธยมปลายนะครับ"
อ้อ...ที่แท้มันก็คือ "บันทึกน้ำร๊ากกกกกกกกกกกกหลายลิตร" ของพี่ eiky นั่นเอง o22
ว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า :laugh:
ฉลองเรื่องใหม่ สู้ ๆ นะค่ะ :mc4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
« ตอบ #19 เมื่อ: 29-09-2010 10:26:39 »





salapaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #20 เมื่อ29-09-2010 10:54:15 »

มาอ่านเพราะ ชอบ ชื่อเรื่อง หุหุ

แนว แอบรักเพื่อนนี่..อ่านทีไร หวิวแทนเลย อิอิ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #21 เมื่อ29-09-2010 11:05:37 »

เออ อ่านเพลินดีเหมือนกัน แต่ กรุณาไปเช็คอีกรอบด่วน หายจุดเหมือนกัน Eiky หรือรอคุณครูมิ มาตรวจอีกทีจะดีกว่าเนาะ 555

บรรยากาศท้องทุ่งเห็นภาพดีค่ะ แต่ป้าคงต้องรอดูความเปลี่ยนแปลง

ของมิตรภาพ ต่อไป เอาใจช่วย +1 เน้อ...

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #22 เมื่อ29-09-2010 11:30:15 »

คุณอิ๊กคนเก่งเสิร์ฟเรื่องใหม่ร้อนๆ แถมมีคุณภาพมาอีกแล้วจ้า
เรื่องภาษาให้ความรู้สึกละเมียดละไม และอิ่มเอมเช่นเคย
สถานที่และบรรยากาศของเรื่องในตอนนี้ ให้ความรู้สึกเต็มตื้นและเป็นสุข
ด้วยทำให้เราได้ย้อนไปถึงอดีตที่เคยเห็น เคยเป็น เคยทำ (แก่แล้วไง)
เอ่อ..คุณอิ๊กคะ ติดใจนิดเดียวค่ะ คำว่า กล่องข้าว อยากขอเป็นคำอีสานดั้งเดิมว่า ก่องข้าว ค่ะ

humanculus

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #23 เมื่อ29-09-2010 12:35:46 »

รัก คุณ อิ้กกี้โคตตตตตตตตตตตตตตตตตต  สุตโค่ยยยยยย เลยครับ

ออฟไลน์ Pamphlet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #24 เมื่อ29-09-2010 14:16:24 »

ว้าววววว เรื่องใหม่ของพี่อิ๊กมาแล้ว
อยากบอกว่าใช้คำ+ภาษาได้สวยมากเลยค่ะเรื่องนี้
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า  :L2:

winney555

  • บุคคลทั่วไป
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #25 เมื่อ29-09-2010 14:29:29 »

                  สนิมน้ำค้าง
      น้ำค้างพราวพร่างพื้นดินพรม
   แล้วสายลมผ่านพัดพาไป
   ยังแต่สนิมล้อมกินดวงใจ
   เป็นสนิมในน้ำค้าง พร่างพรม
      *มีชีวิตในม่านมน มืดดำ
   ใครหนอทำสร้างกรรมช้ำตรม
    เจ้าจึงโศก ระทม ตรมหมองฤทัย
      รักเหมือนเรือล่องคล้องกลางธาร
  พัดแล้วพลัน พร่าฝนมลาย
  มีแต่สลาย ร้างลา อาลัย
  เป็นสนิมในหัวใจทุกครา
    ** มีนรกอิงพึ่งพิงพักใจ
  มีสวรรค์ในห่างไกลเหลือคณา
  ช้ำวิญญา ชะตา ข้า อาภัพจริง
 (ซ้ำ ) * ,**


 เอ่อหวังว่า เนื้อเรื่องคงไม่ so sad เหมือนเนื้อเพลงนะขอรับ
  รักคนแต่ง ครับ  :pig4:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #26 เมื่อ29-09-2010 15:57:26 »

เขียนดีจ้า น่าติดตาม รออ่านต่ออยู่นะ  :impress2:

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: สนิมน้ำค้าง (Stained Glass)
«ตอบ #27 เมื่อ29-09-2010 16:40:42 »

โว้วว แอบรักเพื่อนสนิทเหรอ
ไม่เอาเศร้านะพี่

จะรอติดตามค่า : )

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
บทที่ ๒

ปุจฉา อันกลิ่นใดในโลกนี้จะตราตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกของเราได้ยาวนานที่สุด
 
เพลาเช้าแสงแรกของอุษาสายสาดส่องกระทบร่างชายวัยรุ่นสองคนที่นอนก่ายกอดกันอยู่ ภายใต้ผ้าห่มขี้งาปูรองพื้นด้วยเสื่อลูกเขื่อง ฝนหยุดตกไปแล้วตั้งแต่ก่อนรุ่งสางอากาศที่เย็นยะเยือกทำให้ร่างกายทั้งสอง เบียดเข้าหาความอบอุ่น ร่างสองร่างเบียดเข้าหากันเป็นเรื่องปกติมาแต่ไหนแต่ไร น้ำงัวเงียตื่นขึ้นก่อน พอลืมตาขึ้นก็เห็นปลายคางของเพื่อนรักจ่ออยู่ต่อหน้า ลมหายใจยังยาวลึกระบายออกมาอย่างสม่ำเสมอ ใจมันอุ่นขึ้นทันทีแกล้งทำเป็นหลับต่อไปเบียดร่างเข้าหาเพื่อนรัก
 
"ไอ้บอท ตื่นได้แล้วไปเอาฟางมาให้อีน้อยมันซิ"
 
เสียงของแม่นิ่มร้องมาจากใต้ถุนบ้าน ตื่นตั้งแต่ก่อนไก่โห่แล้วลงไปนึ่งข้าวเหนียวคุยกับแม่บุญช่วยอยู่สักพัก พอหกโมงเช้าก็ร้องปลุกตามปกติเป็นกิจวัตรประจำวัน บอทงัวเงียตื่นขึ้น
 
"น้ำๆ ตื่นๆ"
 
"อือ เช้าแล้วเหรอ"
 
"เช้าแล้วดิ แหมกอดเราแน่นเชียวนะ"
 
"มันหนาวนี่หว่า ไปช่วยแม่ดีกว่า"
 
พูดแก้เขินลุกขึ้นเดินออกจากที่นอน บอทที่จริงแล้วไม่ได้ชื่อนี้ตั้งแต่เกิด ตอนเกิดเห็นแม่บุญช่วยเล่าให้น้ำฟังว่า บอทไม่ยอมลืมตาทั้งที่ผ่านไปหลายวันแล้ว แม่นิ่มไปให้พระท่านดู ท่านก็บอกว่าให้ตั้งชื่อแก้เคล็ด แม่นิ่มก็เลยเรียกว่าไอ้บอด แต่เรียกไปเรียกมาเพี้ยนเป็นบอท อีกทั้งเจ้าตัวชอบให้น้ำเรียกว่าบอท เพราะเขาบอกว่ามันมาจาก โรบอท ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นไอ้บอดจึงเป็นแค่อดีตไป
 
บอทลุกจากที่นอนพับเก็บผ้าห่มขี้งาสีตุ่นๆได้มาตอนทางราชการมาแจกตอนหน้าหนาว สามปีที่แล้ว พับง่ายๆวางทับไว้บนหมอนแล้วลงจากเรือนคว้าจักรยานปั่นออกไปท้ายหมู่บ้านไป ยังกระท่อมเก็บฟางข้าวที่สร้างขึ้นด้วยไม้ระแนงตีเป็นคอกยกพื้นสูงไม่มากมุง ด้วยหญ้าคาสาน อีน้อย ที่แม่นิ่มเรียกคือวัวพันธุ์พื้นบ้านที่กำลังท้องแก่ เขาของมันกุดๆสีก็ดำๆด่างๆจะขาวก็ไม่ขาวจะด่างก็ไม่ด่างเพราะรอยเปื้อนของ มูลในคอกที่เปรอะตามก้นของมัน บอทผิวปากปั่นจักรยานไปตามทางลูกรังอย่างอารมณ์ดี ส่วนน้ำไปล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปช่วยแม่บุญช่วยให้น้ำวัวในคอกเหมือนกัน
 
"แกะหน่อไม้ให้พ่อหน่อยสิน้ำ แกะแค่พอให้แม่เขาต้มไปกินที่โรงเรียนตอนกลางวันพอนะ"
 
พ่อถาวรบอกก่อนจะถีบรถเครื่องออกไปที่โรงเรียน น้ำเดินไปหยิบถุงกระสอบปุ๋ยยุ่ยๆมาจากใต้แคร่หน้าบ้านแล้วมานั่งลงบนแคร่ถือเอามีดอีโต้ออกมาแกะเปลือกหน่อไม้ป่าออกอย่างทะมัดทะแมง

"พ่อได้หน่อไม้มาเยอะนี่แม่ กลับกี่โมงล่ะเมื่อคืน"
 
น้ำร้องถามแม่บุญช่วยที่กำลังง่วนอยู่กับการต้มแกงอยู่ข้างๆบ้าน บ้านของน้ำเป็นบ้านไม้สองชั้นเหมือนบ้านของบอทแต่บ้านของน้ำชั้นใต้ถุนก่อ อิฐล้อมรอบไว้เจาะช่องเป็นหน้าต่าง ส่วนครัวก็ทำเพิงสังกะสียื่นออกไปจากตัวบ้านมีหม้อไหวางอยู่อย่างระเกะระกะ บนชั้นไม้ชั่วคราว
 
"สามทุ่มได้มั้ง เห็นบอกไปถึงทาม ได้เห็ดมาด้วยนะเดี่ยวแม่แกงให้กิน"
 
"จะทันเหรอแม่เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนแล้ว ไอ้หินมันยังไม่ตื่นอีกเหรอ"
 
ทาม ในที่นี้คือแหล่งน้ำธรรมชาติที่เวลาน้ำขึ้นหน้าฝนจะไหลเข้าไปรวมเอ่อนองกัน อยู่ มีป่าไผ่ไม้เบญจพรรณหลายชนิดขึ้นอยู่เต็ม ซึ่งทามเป็นที่วางไข่ของปลาและเป็นที่หาหน่อไม้ป่าอย่างดี
 
"ปลุกมันหน่อยซิ จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง เมื่อคืนก็นอนตั้งแต่สองทุ่ม ไอ้ลูกคนนี้นี่"
 
แม่บุญช่วยเริ่มบ่น น้ำเองก็หัวเราะออกมาก่อนจะตะโกนร้องเรียกน้องชาย ชลเนตรคือชื่อของน้ำ ไม่รู้ว่าแม่บุญช่วยหรือพ่อถาวรตั้งใจตั้งชื่อให้ เพราะมันแปลว่าน้ำที่ออกจากตา หรือน้ำตานั่นเอง แม้จะไม่ใช่คนเจ้าน้ำตาแต่ชื่อมันก็ฟ้องเหลือเกินว่าต้องเป็นคนขี้ใจน้อย หรือชอบร้องไห้ แต่แม่บุญช่วยบอกว่า พระท่านตั้งให้กำชับว่าอย่าเปลี่ยนเพราะน้ำเป็นคนธาตุไฟใจร้อน ต้องแก้เคล็ดด้วยการตั้งชื่อที่มีความหมายตรงข้ามกับธาตุเจ้าตัว ส่วนน้องชายวัยเก้าขวบของน้ำมีชื่อว่าหิน หรือ อัคนี แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
 
ในตอนเช้าดูเหมือนแต่ละครัวเรือนจะมัววุ่นวายอยู่กับการทำมาหากิน หุงหาอาหารทำครัวเสียงสับนั่นตำนี่กระแทกสากกับครกดังแว่วออกมาจากทุกชายคา เสียงร้องเรียกสมาชิกในครอบครัวก็อื้ออึง พ่อของน้ำต้องออกไปกวาดใบไม้ที่โรงเรียนก่อนตั้งแต่ตื่น พอเสร็จก็รีบกลัมาทานข้าวเช้ากับที่บ้านแล้วค่อยอาบน้ำไปโรงเรียนอีกครั้ง ส่วนน้ำพอช่วยแม่บุญช่วยเสร็จก็รีบกินข้าวอาบน้ำไปโรงเรียน ส่วนบอทเองหลังจากไปเอาฟางมาให้อีน้อยเสร็จแล้วก็ช่วยแม่นิ่มทำงานบ้าน งานของบอทดูจะเยอะกว่าน้ำเพราะบอทเองไม่มีคนช่วย ทำตั้งแต่กวาดบ้านถูบ้าน ตักน้ำให้อีน้อย ตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็ม แต่เมื่อคืนฝนตกบอทจึงไม่ต้องตักน้ำสบายไปหนึ่งวัน พอเสร็จก็กินข้าวเช้า บางวันก็ไปกินกับน้ำที่บ้าน แล้วค่อยมาอาบน้ำไปโรงเรียน
 
"ท่องให้ฟังอีกรอบหน่อยสิน้ำ เราจำไม่ได้อ่ะ"
 
 บอทพูดขึ้นตอนเดินไปโรงเรียนด้วยกัน โรงเรียนมัธยมประจำตำบลที่มีนักเรียนรวมกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นถึงมัธยมปลาย ไม่ถึง ๕๐๐ คนอยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้านของน้ำไม่ถึงกิโลเมตร เดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกวันไม่เคยมีวันไหนที่จะเดินไปโรงเรียนคนเดียว แม้ตอนกลับก็กลับด้วยกันทุกวัน ตั้งแต่เรียนชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงปัจจุบัน มียกเว้นก็แต่เมื่อใครคนใดคนหนึ่งไม่สบายเท่านั้น ชีวิตที่ผูกที่พันธ์กันมากไม่เคยแยกจากกันทั้งสองเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกัน เสมอมา แม้จะมีเงาเลือนลางของบางอย่างคืบคลานเข้ามาในใจของน้ำ แต่เงานั้นคงไม่ทำลายมิตรภาพระหว่างเพื่อนลงได้
 
"อะไรบอทจะสอบอยู่แล้วยังจำไม่ได้เหรอ เดี๋ยวก็ไม่ได้คะแนนหรอก"
 
"ก็เมื่อคืนง่วงนี่ นะนะน้ำท่องให้เราฟังอีกนะ"
 
บอทเข้าไปเขย่าแขนน้ำออดอ้อนอยู่ น้ำเองก็พยักหน้ายอมแต่โดยดี ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะใจแข็งได้กับเพื่อนคนนี้เลย
 
"ทาลามัส อยู่เหนือไฮโปทาลามัส ทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดกระแสประสาทเพื่อส่งไปจุดต่างๆในสมอง รับรู้และตอบสนองความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้มีการสั่งการแสดงออกพฤติกรรมด้านความเจ็บปวด"
 
น้ำก็ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองขึ้นอีกครั้ง การเรียนการสอนวิชาชีววิทยาในสมัยนั้นยังนิยมให้เด็กนักเรียนท่องจำกันให้ ได้ก่อน พอท่องจำได้แล้วถึงจะยอมให้เข้าห้องแล็ปส่องกล้องจุลทัศน์ แต่การท่องจำนี้ไม่ว่าเด็กสมัยไหนก็คงไม่มีใครชอบ ท่องกันทั้งชั้น บางคนเป็นหนักถึงกับเขียนเป็นโพยเล็กๆติดตัว เดินก็ท่อง เข้าห้องน้ำก็ท่อง จะกินจะทำกิจกรรมใดๆก็ท่อง ส่วนน้ำเป็นคนหัวจำค่อนข้างดี ท่องสองสามรอบก็จำได้แล้ว ต่างจากบอทที่หัวจำช้า แต่ถ้าจำได้แล้วจะจำนาน
 
แถวของนักเรียนที่เรียงรายกันอยู่ตามชั้นรอเคารพธงชาตินั้นแลดูไม่ค่อยเป็น ระเบียบเท่าใดนัก เพราะเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นบางคนก็ยุกยิกคุยกับเพื่อนอยู่ แม้ว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองที่หน้าตาดุดัน ขึ้นชื่อเรื่องความโหดจะยืนคอยถลึงตาใส่อยู่ก็ไม่ได้เกรง ลมพัดในตอนเช้าเย็นสบายแต่แดดหลังฝนในตอนเช้าที่เริ่มโผล่พ้นหลังคาอาคาร เรียน ๑ เริ่มที่จะแผดรังสีความร้อนอย่างเต็มที่ ชั้นไหนที่แถวอยู่ในเงาของต้นยางนาต้นสูงใหญ่หน้าอาคารเรียนนั้นก็นับว่า เป็นโชคดีไป ส่วนแถวของชั้นไหนที่เงาของต้นยางนานี้ไปไม่ถึงก็ยืนก้มหน้าก้มตาหลบแดดกัน เป็นแถว พอผู้อำนวยการกล่าวโอวาทเสร็จใช้เวลานานพอสมควร เพราะผู้อำนวยการท่านนี้เหมือนชอบไมโครโฟนเป็นการส่วนตัว เห็นที่ไหนไม่ได้ต้องปรี่เข้าไปเอ่ยอะไรสักหน่อย แต่โอวาทนั้นเด็กนักเรียนหามีผู้ใดได้ใส่ใจฟังไม่
 
"ห่า พูดอะไรก็ไม่รู้ รำคาญว่ะ"
 
น้ำบ่นขึ้นหลังจากเลิกแถวปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
 
"นั่นดิ รำคาญจะตายห่า แม่งพูดอยู่ได้เป็นนานสองนาน"
 
บอทเองก็เสริมหน้าตาดูจริงจังทั้งสองคน น้ำเดินนำไปยังก๊อกน้ำหลังอาคาร ๑ เปิดน้ำล้างหน้า บอทเองก็ทำตาม
 
"ไอ้น้ำ มึงท่องชีวะมาป่าววะ จดให้กูหน่อยดิ กูยังไม่ได้ท่องเลย"
 
เสียงห้าวๆของเด็กนักเรียนหญิงชั้นเรียนเดียวกันกับบอทและน้ำดังขึ้น ผมที่ซอยสั้นจนเห็นติ่งหูทั้งสองข้างหน้าตาก็มันแผล่บมาไม่ต่างจากเพื่อน ลักษณะท่าทางเหมือนเป็นชายมากกว่าหญิงเสียอีก
 
"อะไรมึงไอ้เล็ก เขาให้เวลาตั้งนานทำไมมึงไม่ยอมท่อง จดเอาในหนังสือโน่นจะสอบอยู่แล้ว"
 
"ไอ้น้ำมึงอย่างกไปหน่อยเลย กูขี้เกียจไปจับใจความ จดๆมาเหอะน่า มึงล่ะไอ้บอท ท่องมายัง"
 
หันไปหาแนวร่วมบอทเองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
 
"จะเหลือรึ กูไม่ใช่มึงนะอีเล็ก"
 
"โห ปากหมาแต่เช้านะมึง วอนโดนพ่อเตะซะแล้ว"
 
"พ่อเหรอมึง กูนึกว่าแม่ ไงแม่เล็ก"
 
"ไอ้เชี่ย บอท"
 
ทั้งสองวิ่งไล่เตะกับรอบถังซีเมนต์ขนาดใหญ่หลังอาคาร ที่สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้เก็บน้ำฝน มีอยู่สามลูกสร้างเป็นถังกลมๆสูงเกือบถึงหลังคาอาคาร ๑ ที่มีอยู่สองชั้น ถัดไปจากถังน้ำคือต้นมะม่วงอกร่องที่ใบเขียวเข้ม เหมือนว่าใบมันไม่เคยร่วงไปจากต้นเลยเพราะตอนเข้าเรียนมามันเขียวยังไง ตอนนี้มันก็เขียวอย่างนั้น ใต้ต้นมะม่วงมีม้าหินอ่อนทรงกลมวางอยู่ตัวหนึ่ง เป็นที่สิงสถิตย์ของน้ำกับเพื่อนๆ ส่วนรุ่นพี่หรือรุ่นน้องก็จะมีที่ประจำของตนไม่ข้องแวะกัน น้ำส่ายหน้าแล้วเดินตรงไปยังม้าหินอ่อนนั่งลงหยิบเอาสมุดออกมาจดโพยให้ เพื่อนสาวที่ทำตัวห้าวอีกคน
 
"มึงเตะกูดิอีเล็กเดี๋ยวกูบอกน้ำไม่ให้จดให้มึงนะ"
 
สองคนนั้นยังไล่ตามเตะก้นกันอยู่ วิ่งมาวนรอบม้าหินอ่อนแล้ว ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็เดินขึ้นห้องไปแล้ว
 
"เกี่ยวอะไรกับเตะมึงวะไอ้บอท ไอน้ำมันก็เพื่อนกู"
 
"อ้าว มึงไม่รู้เหรอ มันเป็นเมียกู"
 
เหมือนได้ยินไม่ชัด เหมือนเป็นแค่เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยตามลมมาแต่ทำไมหน้ามันชาหูมันร้อน น้ำเม้มปากแน่นหันขวับกลับไปหาเจ้าของต้นเสียงทันที
 
"ส้นตีนกูนี่ ไอ้น้ำมันเป็นของกูโว้ย น้ำมึงไปตกลงปลงใจกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่เห็นบอกกู"
 
เล็กเองก็บ้าจี้ไปตามบอท น้ำหน้าแดงพยายามสูดลมหายใจเข้าท้องให้นานที่สุด เหมือนเลือดมันไม่วิ่งไปที่สมอง คิดอะไรไม่ออก
 
"ได้กันนานแล้วมึง เรื่องบนเตียงต้องให้กูเล่าด้วยเหรอวะ"
 
น้ำเองพยายามไหลไปตามกระแสน้ำแม้ในใจเองจะหวั่นไหว เหมือนเอาหัวใจไปอบกรอบแล้วบีบให้เป็นผงแล้วหว่านให้มันปลิวลอยไปกับสายลม เบาหวิวโหวงคว้างอยู่ แต่ปากก็พูดออกไปอย่างนั้น ไม่อยากให้ใครจับได้ ไม่อยากให้ใครสงสัย กลัวใจตัวเองมันจะแสดงอาการออกมามากเกินไป
 
"ไอ้ห่า มึงนอกใจกูนี่"
 
"อย่าพูดมากไอ้เล็ก จะเอาไหมโพย"
 
"เออๆ เอาสิคร้าบ คุณน้ำ น่ารักจริงๆ ไอ้ควายบอทมึงน่ะอย่าหักโหมกับน้ำมันมากนักนะ เดี๋ยวมันโทรม"
 
"ไอ้เล็ก"
 
น้ำขึ้นเสียงมือจะแย่งเอาโพยกระดาษที่เพิ่งจะยื่นให้คืนมา แต่เล็กก็เร็วกว่าเพราะวิ่งขึ้นอาคารเรียนไปแล้ว
 
"ฮ่าๆ กวนตีนที่สุดอีเล็ก"
 
"บอท ทำไมชอบพูดแบบนี้วะ เดี๋ยวคนก็หาว่าน้ำเป็นอีแอบหรอก"
 
พูดออกมาเสียงขาดๆหายๆก้มหน้างุดลงมองปลายเท้าตัวเอง
 
"ฮ่าๆ กลัวไรน้ำ เราเป็นเพื่อนรักกันใครมันก็รู้ ไม่มีใครว่าน้ำแบบนั้นหรอกน่า คิดมาก ไปๆขึ้นเรียนเถอะ"
 
บอทวิ่งขึ้นไปบนอาคารเรียน ๒ แล้ว อาคารหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี รู้สึกว่าตอนนั้นน้ำกับบอทจะเรียนอยู่ชั้นมัธยมสองเอง ของทุกอย่างยังดูใหม่อยู่ยกเว้นโต๊ะกับเก้าอี้เรียนในห้อง ที่สภาพเหมือนใช้มาร่วมสิบปี อาคารสองมีอยู่สามชั้นรวมใต้ถุนด้วย เวลานับตึกไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนับรวมชั้นแรกทั้งที่มันโล่งใช้พื้นที่ใต้ ตึกเป็นหอประชุมเพราะโรงยิมและหอประชุมเหมือนโครงการยังไม่มาในตอนนั้น น้ำเองนั่งนิ่งอยู่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนรักที่กำลังตัวปลิววิ่งขึ้นตึกไป
 
มันอาจจะง่ายกับการที่แค่พูดเล่นกันเพื่อความสนุกปาก หรือแค่คะนองปากไปวันๆ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้คิดอะไร แต่นี่มันยากเพราะอีกฝ่ายที่คิดก็ไม่รู้ว่าคิดอะไร และเงาดำในใจมันคืออะไรกันแน่
 
 "ว่าไงแม่อีชมพู่ เมื่อคืนบอกว่าอย่ากวนๆเห็นมะเวลามาเรียนแล้วจำอะไรไม่ได้เลย"
 
พอก้าวขาเข้าห้องไปเสียงเพื่อนรักตัวแสบก็ดังขึ้น บอทพูดออกมาแล้วหัวเราะเสียงดังไม่ใช่มีเสียงเดียวเสียงเพื่อนทั้งห้องอีก น้ำใจเต้นแรงขึ้นมาพยายามเก็บอาการไว้
 
"อ้าว พ่ออีชมพู่ ทำไมกินในที่ลับไขในที่แจ้งวะ แหมเวลานอนนะสะกิดเอาๆ พอไม่ทำก็บอกนอนไม่หลับ"
 
น้ำเองก็ไปตามเกมเพื่อนๆหัวเราะกันครืนชอบใจ แต่น้ำเองแสดงอาการออกมาไม่ได้ ให้ใครรู้ไม่ได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม แม้แต่ตัวของเขาเอง
 
"เอากะมัน ไหนมึงบอกรักกูคนเดียวไงไอ้น้ำ นอกใจเฮียเล็กนี่หว่า"
 
"ถุย อีเล็ก มึงจะเอาอะไรไปแหย่มันวะ เอ๊ะหรือว่าไอ้น้ำจะแหย่อีเล็ก ตกลงใครจะเป็นผัวใครจะเป็นเมียวะ ฮ่าๆๆ กูงง"
 
"ไอ้ไก่ ส้นตีนเอ้ย"
 
เล็กวิ่งถลกกระโปรงขึ้นกระโดดข้ามเก้าอี้ไปหมายจะเตะเพื่อนผู้ชายที่รายนั้นเอง ก็วิ่งหนีอุตลุต ประเด็นถูกเหวี่ยงไปทางฝั่งโน้นแล้ว แต่น้ำเองสีหน้าเริ่มเครียด ไม่เคยเป็นเรื่องนี้แต่ก่อนไม่เคยมาติดอยู่ในใจ มันเป็นเรื่องสนุกที่โดนล้อมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะความสนิทกัน "สองคนนี้มันเป็นผัวเมียกัน" คำๆนี้มันยังใช้ได้มาถึงทุกวันนี้ ไม่เคยรู้สึกอะไร ไม่ได้ใส่ใจ แต่วันนี้มันไม่ใช่อย่างเดิม หัวใจดวงเดียวดวงเก่าดวงนั้นมันกำลังหวั่นไหว ไปเพราะคำพูดคำเดิม ท่าทางเดิมๆของเพื่อนที่อยู่รอบกาย แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไปในตัวของเรา

"โกรธเหรอน้ำ"

พอไปนั่งที่โต๊ะวางกระเป๋าเป้ลงที่ท้ายเก้าอี้เอาสมุดหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ขึ้นมาวางสายตาก็เหลือบไปมองคนที่นั่งริมหน้าต่าง ตาเขียวขุ่นแสดงความไม่พอใจออกมา บอทเองก็หวั่นในใจเพราะปกติก็เล่นกันแบบนี้เป็นประจำ

"เปล่า"

หันหน้ากลับมาเป็นหนังสือเรียนขึ้น พอดีกับอาจารย์แววเดินเข้ามาในห้องหัวหน้าห้องบอกให้ทำความเคารพ บอทจึงหยุดถามแล้วเปิดหนังสือเรียนหันหน้าเข้ากระดานดำ

"ขอโทษนะน้ำ เราไม่ได้ตั้งใจทำให้น้ำโกรธ"

บอทยื่นสมุดที่เขียนคำขอโทษลายมือขยุกขยุย น้ำเหลือบตาไปมองพอเห็นหัวใจก็ปลิวลอยหายไป ทำไมมันถึงหวั่นไหวได้มากขนาดนี้นะ ทำไมหัวใจมันถึงอ่อนยวบไปได้มากขนาดนี้ เม้มปากแน่น

"ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธบอท ไม่เคยโกรธ"

ยื่นสมุดกลับคืนไปแต่สายตายังจ้องมองอยู่ที่กระดานดำที่อาจารย์แววกำลังสอนเรื่องเซ็ทอยู่

"ถ้าไม่โกรธทำไมหน้างอ ยิ้มให้เราหน่อยสิ"

บอทเองก็ยื่นสมุดกลับมา

"เรียนอยู่ ยิ้มไม่ได้"

"งั้นคืนนี้เราทำโทษน้ำนะถ้าไม่ยิ้ม"

เขียนตอบโต้กันไปมา พออาจารย์แววหันหน้าออกจากกระดานก็ทำเป็นจดในสมุดจด ที่นั่งของน้ำและบอทนั่งอยู่ท้ายห้องริมหน้าต่าง นักเรียนชั้นมัธยมสี่ของโรงเรียนมีแค่๒๒คน ทั้งที่ตอนเรียนมัธยมต้นมีถึงสามห้อง ห้องละ๓๐กว่า พอจบชั้นมัธยมสามต่างก็แยกย้ายไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอบ้าง เรียนสายอาชีพบ้าง ห้องนี้เป็นผู้หญิงเสีย๑๐คน ที่เหลือเป็นผู้ชายแปดอีกคนตุ้งติ้งหน่อยชื่อ เอ๋ ส่วนอีกคนก็ห้าวเกินชาย เล็กนั่นเอง ตอนเข้ามาเรียนใหม่ๆนักเรียนส่วนใหญ่คือศิษย์เก่าชั้นมัธยมต้นของที่นี่ แต่มีสามสี่คนที่มาจากโรงเรียนประจำหมู่บ้านในตำบล แม้จำนวนคนจะน้อยแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกัน ต่างก็ยังเหมือนมีอะไรมากั้นไม่ยอมเข้าหากัน ต่างคนต่างเรียน ที่สนิทกันอยู่แล้วก็ไม่ยอมเปิดใจ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ไม่ได้สนใจเข้าหาเพื่อนที่อยู่มาก่อน พอบอทเขียนตอบกลับมา น้ำเองก็ยิ้มออกมาจนได้ ทำไมมันถึงรู้สึกดีอย่างประหลาดอย่างนี้นะ รู้สึกเหมือนหัวใจมันดีดดิ้นอยู่ภายใน เลือดในกายมันก็สูบฉีดรุนแรงขึ้น ดีใจ

"เลิกเรียนแล้ว รีบกลับเถอะน้ำต้องไปกู้เบ็ดอีก"

บอทยัดหนังสือสวดมนต์ใส่ในกระเป๋าหลังจากที่รวมตัวกันคาบเรียนสุดท้ายที่ ใต้ถุนอาคารใหม่เพื่อสวดมนต์ ทำทุกวันจันทร์กับวันศุกร์ สวดมนต์เสร็จก็นั่งฟังผู้อำนวยการบ้าไมโครโฟนพล่ามอีกนานสองนานแล้วค่อย ปล่อยให้กลับบ้าน น้ำเองพยักหน้า

"ไอ้น้ำ มึงอยากกินเม็ดบัวไหมเดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอามาฝาก"

เสียงของเล็กดังขึ้นเจ้าตัวเดินปรี่เข้ามาหาน้ำที่โต๊ะสะพายย่ามพับขอบกระโปรงขึ้นจนปลายกระโปรงร่นขึ้นดูไม่มีระเบียบ

"มึงจะไปหนองเหรอวันนี้"

"เออไปเอาดอกบัว"

"เอาดิ ไม่ได้กินนานแล้ว"

"แล้วกูล่ะอีเล็ก"

"เสือก มึงกินก้านบัวไปดิ ไอ้น้ำกินเม็ดมันส่วนมึงก็กินก้านมัน"

"โห อีนี่ มึงไม่รู้เหรอ ไอ้น้ำมันกินอะไรกูก็ได้กินเหมือนมันนั่นล่ะ ฮ่าๆๆ"

บอทเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดีไม่ได้สนใจเสียงด่ากราดตามหลังของเล็กเลย น้ำหัวเราะแล้วเดินตามออกไปทั้งคู่เดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ บางคนปั่นจักรยานมาเรียน บางคนก็ขับรถเครื่องมา คนที่ขับรถเครื่องสมัยนั้นถือว่าทางบ้านดูมีฐานะหน่อย พอเลิกเรียนก็ขับโฉบไปตามหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้จีบสาวบ้าง อ่อยหนุ่มบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น

สุริยะแสงระบายสีแดงแสดทั่วท้องฟ้าทางด้านทิศประจิม ท้องฟ้าครามด้านทิศอุดรก็ใสสว่างมีหมู่เมฆาเป็นก้อนๆลอยอยู่สูงแลดูบางเบา วันนี้ไม่มีเค้าของฝน อากาศเย็นสบายลมพัดลู่ยอดข้าวที่ตั้งท้องไปในทิศทางเดียวกัน ร่างของเด็กชายสองคนที่เปลี่ยนแค่เสื้อนักเรียนเป็นเสื้อยืดกำลังเดินก้มๆ เงยๆตามคันนาแดดอ่อนทอแสงกระทบร่างจนเห็นเงาที่พาดไปในนายาวโย่งกว่าปกติ เสียงคุยกันหยอกล้อกันดังแว่วมากับสายลม คนหนึ่งเป็นคนกู้เบ็ดคืนจากนาอีกคนเป็นคนถือข้องเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง สายตาที่เฝ้ามองแผ่นหลังกว้างของเพื่อนรักนั้นมันฉายประกายออกมา ประกายของดวงตาที่ทั้งหวงแหน ห่วงหา เอื้ออาทรต่อกัน


ลู่ลมกลิ่นเจ้าพี่      ในใจนี้ก็ไหวเอน

แดดรอนวักน้ำเล่น   น้ำใสเย็นชื่นอุรา

ฟ้าครามงามสดใส   ลอยมาไกลหมู่เมฆา

แสงงามฉาบเวหา     ทั่วนภาฟ้าสีทอง

เสียงนกแลหมู่กา     ทั่วเวหาเรียกกันร้อง

น้ำไหลกระเซ็นฟอง  ยิ่งเหลียวมองยิ่งสุขใจ
[/color]

๒๐ กันยายน

มึงจะรู้ไหมว่ากูรู้สึกแปลกๆนะที่มึงล้อกูกับอีเล็ก ความรู้สึกที่มันแปลกประหลาดไป ทั้งที่กูไม่เคยเป็น อย่าถามว่ามันคืออะไรเพราะกูเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ กูคงกลัว กลัวว่าพอเราโตขึ้นต่างคนต่างก็มีหนทางต้องไป กูเข้าใจดี แต่ทำไมไม่รู้สิ กูยังยึดมั่นว่ามึงคือเพื่อนคนเดียวที่กูรักมาก กูยอมทำทุกอย่างเพื่อมึง เอาเป็นว่ากูยอมตายแทนมึงได้ แต่กูไม่ชอบเลยที่มึงเอาเรื่องนี้ไปล้อกูเล่น กูรู้ว่ามึงไม่ได้ตั้งใจ แต่กู ไม่รู้สิ ตอนนี้กูเหมือนกำลังสับสน เป็นนักเรียน ม ปลายนี่มันวุ่นวายขนาดนี้เลยหรือวะ อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ในวันที่กูกับมึงอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีความรู้สึกประหลาดๆแบบนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าในวันที่เราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ วันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง แต่อะไรก็ช่างมึงก็ยังจะเป็นเพื่อนรักของกูเสมอไป วันนี้มึงมานอนบ้านกู มึงคงลืมไปล่ะสิว่าจะทำโทษกู ฮ่าๆ ทำโทษอะไรวะ มึงรู้ไหมว่ากูรอลงอาญาอยู่ ไอ้บ้า มึงหลับไปนานแล้ว ส่วนกูก็นั่งทำการบ้านให้มึงอยู่นี่ไง

วิสัชนา กลิ่นของคนที่รักสิตราตรึงอยู่ในใจตราบชั่วฟ้าดินสลาย



ปล ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ พยายามเขียนเรื่องนี้มาก ไม่รู้ทำไม เหอๆๆ ไม่ใช่วัยแล้ว คิดอะไรไม่ค่อยออกแล้วเกี่ยวกับเรื่องวันวาน ช่วยกันแนะนำหน่อยนะครับ

กำลังใจมีให้กันเสมอ แบ่งกันแผ่ไปให้ทั่วทั้งโลกเร้ยยยย อิอิ รักเด็กคร้าบบ (ก็อบมาจากพี่ปุ๋ย ภรทิพย์ อิอิ)

เขียนโดย eiky
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2013 08:40:02 โดย eiky »

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
 :z13:
จิ้มน้องญี่ปุ่นไม่ทัน จิ้มเรื่องนี้ก็ได้นิ ฮ่าๆๆ

*****************

เริ่มจะสงสารน้ำ นิดนึง

ถ้าบอทรู้ว่า น้ำจริงจัง ไม่ได้เล่นๆ ขึ้นมา
ที่น่ากลัวคือความเปลี่ยนแปลง  :เฮ้อ:

 :กอด1:คุณอิ๊กให้กำลังใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2010 17:28:12 โดย knightofbabylon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด