ตอนที่ 8 สองวันมานี้ ไม่มีเวลาคิดถึงกรเลย
ไม่นึกถึง ไม่กระวนกระวายถึง....แต่ก็ไม่ได้ลืมไป
เหมือนอาการคุล้มคลั่งมันจะเบาบางลงตั้งแต่มีเรื่องไอ้เปี๊ยกมาให้คิด
ถึงวันนี้ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้น
มองดูโทรศัพท์ที่ตั้งใจจะให้ไอ้เปี๊ยกแต่ยังไม่กล้าให้....กลัวปากร้ายๆจะต่อว่าหรือกลัวจะไปทำร้ายใจเด็กคนนั้นกันแน่ก็ไม่รู้
ฐานะไม่มีผลต่อจิตใจคน ดินเป็นตัวอย่างที่ดี ถึงจะจนแต่ก็รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร
คนตัวเล็ก หน้าคม ตาหวานปากแดง แต่ปากร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
รู้สึกใจหายที่พี่หมอให้นอนดูอาการต่อแค่คืนเดียว รู้กังวลไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรที่จะเอาหน้าไปให้เมียคืนเดียวคนนั้นได้เห็นอีก...ผลตอบรับในแต่ละครั้งที่เห็นหน้าบอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้สนใจ ไม่ได้คิดมากเรื่องคืนนั้น
แต่คนที่จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย กลับสนใจมันเสียเอง
ตั้งแต่ไม่มีกร บุหรี่ดูจะเป็นเพื่อนตายอันดับหนึ่ง รองลงมาก็ไอ้แก๊ก ถึงมันจะชอบกวนโมโหแต่ก็ยอมรับว่ามีมันอยู่ ผมหายฟุ้งซ่านลงไปเยอะ
ไม่เป็นผมไม่มีวันรู้.....ตอนที่มีกรอยู่ข้างๆ ชีวิตเหมือนมีส่วนเติมเต็ม
ผมได้คู่คิดนอกเหนือจากคู่รัก และผมยกฐานะให้กรเป็นคู่ชีวิต แต่ทุกอย่างก็พังทลาย
ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่า เมื่อไม่มีกรแล้วผมคิดจะเลิกไขว่คว้าหาความรัก
ความรักของเกย์ที่คิดจะหาคู่แท้มันยากกว่าหาคู่นอนเห็นจะจริงเสียยิ่งกว่าจริง
ต่อไปนี้ผมจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ครอบครัวแล้วก็งาน....ในเมื่อเลือกที่จะรักผู้หญิงไม่ได้และไม่มีผู้ชายจริงใจ ผมก็จะอยู่มันจนเหี่ยวตายไปแบบนี้แหละ
แล้วสุดท้ายผมก็ต้องมากลืนน้ำลายตัวเอง!
สองวันมานี้นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องที่มาร่วมแชร์ความสนใจของผมคงไม่พ้นเรื่องดิน
ไอ้เปี๊ยกเด็กผู้ชายปากร้าย ห้าว เข้มแข็ง และดื้อด้านไม่เหมือนใคร ยอมรับเลยว่าคำถามที่ดินถามทำเอาผมแทบสำลักลมหายใจตัวเองตาย
คำถามตรงไปตรงมาแต่เป็นคำถามที่ผมเองก็ตอบไม่ได้
ผมคิดอะไรกับดินหรือเปล่า ผมคิดกับดินเหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งสนใจผู้ชายอีกคนหนึ่งใช่มั้ย
ถ้าคำตอบคือ....ใช่.....แต่..........ดินไม่ได้เป็นเกย์
สุดท้ายคนที่เดียวดายและเจ็บอยู่คนเดียวคือผมคนนี้อีกแล้วใช่มั้ย

เสียงเคาะประตูจังหวะเดิมๆดังขึ้นแต่เช้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ไอ้คนมีงานทำแต่เสือกทำตัวว่างงานเป็นพ่อพวงมาลัย
“เฮ้ยเพื่อนภูวันนี้เมียมึงออกจากโรงบาลไม่ใช่เหรอ”
“เออ”
“ฮั่นแน่ ฟาดเค้าไม่ทันจะข้ามวัน นี่มึงยอมรับเต็มปากเต็มคำแล้วใช่มั้ยเค้าเป็นเมีย”
“ถึงกูไม่ยอมรับมึงก็หาเรื่องยัดเยียดให้กูจนได้“
“แล้วมึงถามเค้าหรือยังว่าน้องเค้าเต็มใจมั้ย เท่าที่กูดูน้องเค้าก็รังเกียจมึงอยู่เหมือนกันนะ แต่คงไม่ต้องถามหรอกใช่มั้ยเพราะยังไงๆมึงก็ยัดเยียดให้น้องเค้าไปแล้ว ไอ้ห่าร้ายฉิบหาย เมาไม่รู้เรื่องมึงยังสามารถทำประตูได้ ถ้ามึงตายนะกูจะเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้บรรพชนรุ่นหลังเช่าไปบูชาเลยแม่ง “
“แล้วทำไมมึงไม่เช่าไว้เอง”
“กูไม่แน่ใจหวะ ว่าระหว่างกูกับมึงใครจะตายก่อนกัน ทุกวันนี้ก็เสียวสันหลังฉิบหาย หวั่นๆจะได้เมียแบบไม่ตั้งใจเหมือนมึง แต่ที่กูกลัวเนี่ย ไม่ได้กลัวเค้าไม่ให้รับผิดชอบนะ กูกลัวเค้าจับไม่ปล่อยมากกว่า”
“ก็มึงมันกะล่อนนี่หว่าไอ้ห่าแก๊ก”
“เหรอวะ กูว่ากูออกจะจริงใจ ว่าแต่มึงเถอะ ขี้บุหรี่กองเป็นภูเขาแบบนี้ นี่ไม่ใช่วิสัยของคนที่จะไปรับเมียออกจากโรงบาลเลยหวะ”
“กูบอกดินเรื่องที่มึงแนะนำแล้ว”
“เรื่องที่จะให้ไปช่วยดูแสนดีอะเหรอ”
“เออ”
“แล้วเมียมึงตอบว่าไง สนใจมั้ยวะ สำเร็จมั้ย”
“มึงเอาหน้าออกไปห่างๆกูได้มั้ยแก๊ก มึงจะมาลุ้นอะไรหนักหนา ตื่นเต้นเกินหน้าเกินตากูนะมึงเนี่ย”
“อ้าว กูถามในฐานะคอนเซาท์ที่ดีนะเว้ย”
“ดูเหมือนดินจะสนใจแต่สุดท้ายก็ขอคิดดูก่อน กูเลยไม่รู้ว่าจะยังไง”
“อ้อ ที่มึงนั่งเผาปอดเล่นอยู่เนี่ย คือกลัวว่าเมียมึงไม่ไปอยู่ด้วยว่างั้น คนแบบมึงนี่น่าจะเอามาทำวิจัยนะ เป็นชีวิตที่น่าศึกษา เค้าไม่อยากให้รับผิดชอบแต่มึงเสือกวิ่งเข้าหา แล้วมึงเอากรไปไว้ตรงไหนวะ”
“ไว้ที่เดิมแหละ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
“มึงแน่ใจเหรอภู มึงเคยถามตัวเองมั้ย ว่าครั้งสุดท้ายที่มึงเป็นแบบนี้มันคือเมื่อไหร่ ตอนกรทิ้งมึงเสียใจ แต่ตอนนี้มึงมีอาการไม่แน่ใจในตัวเองนะเว้ย มึงสนใจน้องเค้าแต่มึงก็สับสนเพราะมึงเคยสัญญากับกรไว้ว่าจะรักกันไปจนตายใช่ปล่าว”
“มึงอย่าทำมาเป็นรู้ดีน่า”
“มึงมันไม่ยอมรับใจตัวเองต่างหากหละไอ้ภู มึงรักษาสัญญาแล้วอีกคนเค้าทำอย่างที่สัญญาเอาไว้มั้ย มึงจะหยุดอยู่กับที่ หรือมึงจะเดินไปข้างหน้าวะ “
“ดินเป็นผู้ชาย เค้าไม่ได้เป็นเกย์”
“มึงพิสูจน์แล้วหรือไง มึงพยายามเต็มที่แล้วหรือยังวะ มีหลายคนที่เค้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรจนกว่าเค้าจะเจอคนที่ใช่ก็มีให้เห็นทั่วบ้านทั่วเมือง”
“นี่มึงกำลังอบรบกูให้ทำ เกย์โปรเจคอยู่นะเว้ยไอ้แก๊ก”
“กูเปล่า กูแค่จะบอกว่า คนเราเมื่อมีโอกาสเข้ามาแล้วไม่คว้าเอาไว้ เค้าเรียกว่าควายนะเว้ยภู”
“เออ กูรู้แล้ว ควายเต็มหูกูเลยนะไอ้เพื่อนชั่ว หลบไปสักทีกูจะออกไปรับดินแล้ว จะไปด้วยก็ตามมา”
“ตามสบายเลยเพื่อนภู กูขอตั้งหลักก่อน บอกตามตรงว่าเมียมึงดุฉิบหาย”
“ดินเค้าก็เป็นเฉพาะกับคนแบบมึงนั่นแหละไอ้แก๊ก” แล้วก็คนแบบกูด้วย
ได้แต่กระซิบกับตัวเองเบาๆไม่กล้าพูดออกไป
คนไข้เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่ดินเห็นหน้าผมแล้วยิ้มให้ ไม่รู้เป็นเพราะลืมตัวหรือเพราะอะไร แต่มันก็ทำให้หัวใจผมฟูฟ่องขึ้นมาได้นิดนึง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีละนะ
“มาพอดี ไปเหอะ กูอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว”
“แล้วนี่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเหรอ ไม่เจ็บแผลแล้วใช่มั้ย”
“อือ ไม่เจ็บแล้ว วิ่งได้สบายมาก ที่แก้มก็ยุบลงแล้ว เหลือร่องรอยนิดหน่อย ไม่เป็นไรเว้ย ลูกผู้ชาย แมนๆ” ได้ยินคำนี้แล้วใจที่ฟู่ฟ่องอยู่เมื่อกี่ก็แฟ่บลงทันทีทันใด
“แล้วเรื่องแสนดีตกลงว่าไง”
“จะว่าไง ก็ทำไง ก็ตกลง แล้วมึงจะยิ้มทำไม นี่มึงเสียเงินนะ ยังจะมายิ้มอีก รวยนักเหรอไง”
ถ้าไม่เอานิ้วแตะปากดูไม่รู้จริงๆเลยนะเนี่ยว่าตัวเองยิ้มอยู่
“งั้นเดี๋ยวกลับไปบอกแม่ที่บ้านแล้ว เราจะไปหาแสนดีกันเลยมั้ย”
“นี่มันเพิ่งจะบ่าย มึงไม่ทำงานทำการหรือไง หรือว่ารวยแล้วไม่ทำก็ได้”
“เปล่า ก็เคลียร์ไว้หมดแล้ว “
“เออ กูลืมไประดับมึงนี่คงแค่เข้าไปเซ็นชื่ออย่างเดียวสินะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า อย่างน้อยก่อนเซ็นก็มีอ่านบ้างเหมือนกันละนะ”
“นี่มึงหยุดยิ้มบ้างก็ได้ ที่กูตกลงเพราะไม่อยากเรียนล้าหลังกว่าคนอื่นๆหรอกนะ “
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“แต่มึงยิ้ม”
“ยิ้มไม่ได้เหรอ”
“ยิ้มได้แต่ไม่ใช่ยิ้มแบบนี้”
“แบบนี้ที่ว่ามันเป็นยังไงเหรอ”
“ยิ้มยั่วตีนกูไงหละ ชัดยัง ทีนี้มึงก็หุบยิ้มได้แล้วนะ ทำเหมือนมาชวนสาวไปกินข้าวไปได้ กูขนลุก”
บ้านไอ้เปี๊ยกเป็นบ้านที่ไม่คิดว่านี่คือบ้านพักอาศัย มันเป็นเพียงห้องเล็กๆที่ก่อสร้างขึ้นมาแบบง่ายๆไม่มีความแข็งแรง ไม่มั่นคงอะไร มีไม้อัดบางๆกันแบ่งเป็นห้องนอนติดกันสองห้อง กลางบ้านเป็นลานเอนกประสงค์แล้วก็มีครัวเล็กๆ ยื่นออกมาอีกนิดหน่อย แต่ดินก็ทำตัวเป็นธรรมชาติเมื่ออยู่ในบ้าน ทำให้ผมค่อยๆรู้สึกว่านี่คือบ้านจริงๆ
“คืนนี้ต้องค้างบ้านมึงมั้ย”
“ค้างสิ”
“แล้วมึงมองสำรวจอะไรนักหนา กวาดตาทีเดียวก็ทั่วบ้านแล้วจะมองทำไม แล้วมึงช่วยผ่อนแรงที่ตีนมึงหน่อยได้มั้ย ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทีนึงบ้านกูมันจะจมหายลงไปในน้ำ”
พอโดนทักผมเลยต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษ บ้านหลังนี้เพดานต่ำกว่าปกติแน่ๆ เพราะหัวผมมันจะชนขื่อหลังคาบ้านอยู่แล้ว มองท่าทางทะมัดทะแมงของคนตรงหน้าที่เวลาเดินหยิบนู่นจับนี่ ท่าทางแบบนี้ที่ผมเพิ่งเคยเห็น ดูจะเป็นท่าทางที่เหมาะกับบุคลิคเจ้าตัวขึ้นมาหน่อย ไอ้เปี๊ยกรูปร่างเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ผอมไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับผมแล้วไอ้ปี๊ยกตัวเล็กนิดเดียวสำหรับผม หน้าหวานๆแววตาเอาเรื่อง แต่เวลาที่พูดกับผมขึ้นกูมึงทุกคำ ยอมรับเลยว่าไม่ชิน คนที่ผมคบด้วยทุกคนค่อนข้างเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย ไม่เคยมีใครก๋ากั๋นเหมือนไอ้คนที่เดินไปเดินมาตรงหน้าเลยสักคน
“แล้วไหนแม่นายหละ ไม่เห็นมีใครอยู่บ้านสักคน ไม่ล็อคกุญแจด้วย ไม่กลัวของหายเหรอ”
“ไม่มีใครเค้าขโมยของใครกันหรอก เพราะไม่มีของมีค่าให้ขโมย ส่วนแม่ไม่อยู่หรอกเค้าไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่”
“อืม แม่ยังเรียนอยู่เหรอ”
“มึงนี่โง่หรือเซ่อ คำว่าศึกษาผู้ใหญ่คือเล่นไพ่ไงหละ แล้วไม่ต้องถามถึงพ่อนะ ไม่มี ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก”
ชีวิตไอ้เปี๊ยกมีอะไรให้ผมได้แปลกใจอีกเยอะ เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวอยู่กับแม่แค่สองคนในชุมชนที่มีคนอัดกันอยู่ร้อยพ่อพันแม่และมีสภาพแวดล้อมที่เสียงต่อสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย เด็กคนนี้เติบโตมาได้ยังไง แล้วต้องทำแบบไหนถึงจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
“มึงกินอะไรมายัง”
“ยัง นายหิวเหรอ งั้นออกไปหาอะไรกินก่อนมั้ย”
“ไม่ต้อง พวกคนรวยนี่เอะอะ อะไรก็ใช้เงินๆ ถ้ามึงกินอะไรง่ายๆได้ ก็กินด้วยกันนี่แหละ”
“นี่ เวลาไปคุยกับแสนดีห้ามพูดคำหยาบนะรู้มั้ย”
“เอ่อน่า กูรู้น่า กูแยกแยะได้สบายมาก “
“แล้วทำไมถึงไม่พูดดีๆกับพี่บ้าง”
“ก็มึงมันไม่”
ผมไม่รอให้ไอ้เปี๊ยกได้พูดจนจบประโยค ผมรู้ว่าดินคุยสุภาพเหมือนคนอื่นเค้าได้ แค่ไม่ยอมทำกับผม เด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าคมตาหวานที่สำคัญปากแดงตามธรรมชาติ พูดมึงกูทุกคำมันขัดกับบุคลิคภาพที่เห็น
ในเมื่อมันขยันหลุดออกมาตอนอยู่ต่อหน้าผม
ผมก็เลือกที่จะเก็บกลืนมันเข้าไปในอก
ไม่รู้ว่ามันจะคือข้ออ้างหรือว่าเหตุผล!!!
แต่ตอนนี้ปากที่พ่นคำหยาบออกถูกปากผมปิดกั้นทุกคำพูดที่จะออกมาให้ต้องระคายหูแล้ว
เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครๆเค้าทำกัน
ไอ้คนที่โดนผมประกบปากถึงได้เกร็งตัวแข็งทื่อตาค้างตกใจ..... แต่ผมไม่สน
สิ่งดึงดูดความสนใจไม่ใช่ท่าทางของคนตรงหน้า แต่ทว่าเป็นริมฝีปากนิ่มที่ผมค่อยๆเล็มไล้ อยากจะส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากด้านในใจจะขาดแต่ด้วยประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมมอบให้จากความไร้สตินั้นจะจาบจ้วงป่าเถื่อนแค่ไหน ตอนนี้ผมต้องเสริมสร้างความมั่นใจให้คนตรงหน้าก่อนว่ารสจูบมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด จะกินของหวานก็ต้องใจเย็นๆเลยต้องเก็บข่มปีศาจร้ายที่มันจ้องจะบุ่มบ่ามปล้นจูบจ้วงลิ้นเข้าไป ปลายลิ้นค่อยๆลากไล้ไปตามรูปปาก กดจูบบดเม้มเนื้ออ่อนค่อยๆเป็นค่อยไป แล้วสิ่งที่รอคอยก็มาถึงเมื่อคนตรงหน้าเริ่มจะเผยอเปลือกปากอนุญาตให้ส่งลิ้นเข้าไปได้ มือที่ขยำชายเสื้อจนไม่กลัวว่ามันจะขาดคามือค่อยๆคลายกลายเป็นเกาะเอวผมพยุงตัวเองเอาไว้ ร่างแข็งทื่อค่อยๆคลาย ปลายลิ้นที่ผมไล่ควาญหาก็เริ่มส่งมาตอบสนอง นอกจากปากร้ายแล้วยังหัวไวอีกต่างหาก กว่าผมจะยอมปล่อยของหวานที่ได้ชิมตรงหน้าปากบางก็เห่อบวมขึ้นมาจากเดิมเล็กน้อย
ไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ !!
ไอ้เด็กปากดีมันก็แค่เดินก้มหน้าแล้วเดินหายเข้าครัวไป แต่ผมยังหยุดอยู่ที่ยังไปไหนไม่ได้ ก็ตอนนี้ใจผมเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะกระแทกซี่โครงออกมาให้เจ้าของได้อับอาย
แล้วที่มันทั้งเต้นทั้งสั่นขนาดนี้ มันต้องการจะบอกอะไรกับผม [/color]
=============================
เซยังไม่ได้ดูคำผิดนะ ถ้าใครเจอก็แจ้งด้วยนะคะ ขอ อภัยด้วย ด้วยความรีบ อิอิ