ตอนแรกเคล้งงง.....แถ่ด แถ่ด...!!!
(อธิบายยากแท้ เอาเป็นว่าช่วยกันจินตนาการกันตามสะดวกว่า มันคือเสียงกะทะที่ลอยมาตกกระทบถนนแล้วไถลไปพื้นนั่นแหละ...ตามนั้น)
บอกได้คำเดียวว่าหยามมาก กะทะเก่าจนก้นกะทะหลุดออกมาเป็นแผ่นๆแล้วยังมีหน้ามาปาใส่กันอีกนะ ที่สำคัญคือไม่รู้หรือไงว่า
“เฮ้ย รู้มั้ยเนี่ยว่ามีคนเดินอยู่ แม่งเอ้ย!”
หาเรื่องให้ต้องได้ออกแรงด่าแต่เช้า อะไรกันหนักหนาวะเนี่ย แค่ถุงก๋วยเตี๋ยวเต็มสองมือก็หนักจะแย่ไหนจะต้องมาคอยหลบถ้วยถังกาละมังหม้อของพวกแม่งอีก ทางเดินก็แคบแสนแคบ ฟ้าก็ยังไม่สาง มืดก็มืด
อารมณ์เสียสุดๆเลยโว้ย
“อ้าว พี่ดินหรอกเหรอ โทษทีๆ ออกไปขายของแล้วเหรอ”
“ก็เอออะดิพี่ แล้วขอทีได้ป่ะ จะตีกันไม่ว่าแต่ช่วยตีกันเวลาอื่นบ้างได้มั้ย ตีกันตอนผมเดินทุกทีหนักจะตายอยู่แล้วพวกพี่นี่ดีนะขยันทะเลาะกันได้ทุกที่วันที่สำคัญยังขยันกันทำลูกอีกนะ”
ไอ้คนที่อุตส่าห์ขยับมัดปมผ้าขาวม้าไม่ให้อยู่ในท่าทีหมิ่นเหม่ต่อลูกกะตาชาวบ้าน เพื่อออกมาขอโทษ “พี่ดิน” นั้นถึงกับหน้าม้านไปเลยทีเดียว ส่วนผู้หญิงอีกคนที่นุ่งกระโจมอกถลกชายผ้าถุงขึ้นมาถึงกลางขาอ่อน ได้ยินถ้อยคำที่ไม่เกินความจริงไปเลยสักคำของ “พี่ดิน” ถึงกับอายม้วนต้วนหลบหน้าเข้าบ้านไป
โธ่ พวกรับความจริงไม่ได้ ไอ้ดินไม่ได้พูดทะลึ่งตรงไหนเล้ย แต่พูดตรงดิ่งเป็นไม้บรรทัดก็แค่นั้น
“อ้าว พี่ดิน อารมณ์เสียแต่เช้าหรือว่าวันนี้หลบไม่ทันหละ”
“ทันอยู่แล้วคับป้า พี่ดินเสียอย่าง แต่ที่เซ็งคือผัวเมียคู่นั้นมันจะตีกันตรงเวลาทำไมนักหนาวะ”
“เออ ใจเย็นๆทำใจให้ชิน ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนั้นแหละนะ”
ห๊ะ!!!! ข้าวใหม่ปลามันที่ไหนกัน เห็นทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ลูกเจ็ดแล้วนะ มันไม่เบื่อขี้ฟันกันบ้างเหรอวะ
แล้วไอ้พี่ดินก็ต้องเดินจากมาด้วยสีหน้าเป็นตูดเป็ดเหมือนทุกวัน ไอ้คนที่ใครๆเรียกว่า”พี่ดิน” นั้น แท้จริงเป็นเด็กผู้ชายร่างเล็กที่เพิ่งจบ ปวช.มาหมาดๆ ท่าทีทะมัดทะแมงและนิสัยห้าวซ่าเหมือนเด็กช่างนั้นความจริงช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว เด็กผู้ชาวผิวขาวจัดร่างเล็กหน้าคมตาหวานคนนี้ เป็นที่รู้จักทั่วทั้งสลัมแห่งนี้แหละ ทุกเช้าจะเห็นพี่ดินหิ้วถุงก๋วยเตี๋ยวผัดวันละสองถุงใหญ่ๆเพื่อออกไปขายในตลาดทุกวันจนชาวบ้านร้านตลาดในชุมชนเค้าเห็นกันจนชินตา
แล้วที่ไม่น่าจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้พี่ดินนักเลงใหญ่คุมสลัมนั้น มันทำก๋วยเตี๋ยวผัดด้วยตัวเอง ไอ้บุคลิคนักเลงใหญ่ที่เห็นนั้นใครๆก็รู้ว่าไอ้พี่ดินมันสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง เด็กผู้ชายหน้าตาดีที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดเพียงสองคนกับแม่นั้นถ้าไม่ปากกัดตีนถีบทำตัวให้แข็งแกร่ง มีหวังโดนนักเลงใหญ่กดขี่ข่มเหงเอานะสิ
แต่เห็นแบบนี้ ไอ้พี่ดินมันหมัดหนักอย่าบอกใคร ถ้าไม่เชื่อลองเรียกพี่ดินว่า “ไอ้ตุ๊ด” สิ ถ้าไม่ได้รองเท้านาบหน้ามาสักข้าง ก็อย่ามาเรียกไอ้พี่ดินให้เปลืองเอนไซม์ในช่องปากเลย
ทางเดินจากชุมชนไปตลาดนั้นเป็นทางเดินคอนกรีตเล็กๆกว้างประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้ พอหลุดออกมาจากชุมชนก็จะกลายเป็นคลองแสนแสบที่มีกลิ่นจรุงใจให้ต้องย่นหน้าหนี แต่คนแถวนี้เค้าชินแล้ว
เพิ่งจะรุ่งสางแต่คนเดินไปมาขวักไขว่ยังกับหนอนนก ทางแคบๆที่พอแค่คนเดินสวนกันได้เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ชายตัวเล็กอย่างพี่ดินมากเลยเถอะ ลองมาหิ้วถุงหนักๆสองถุงแล้วต้องหลบคนไปมาเหมือนนักฟุตบอลเลี้ยงลูกหลบฝ่ายตรงข้ามหนะ ไม่สนุกหรอกนะ
หัวคิ้วขมวดจนมันจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว ยิ่งหงุดหงิดหนัก วันนี้คนเยอะกว่าทุกวัน สองเท้ารีบซอยเร่งความเร็วให้ถึงที่หมายมากขึ้น ถ้าช้าเดี๊ยวป้าเจ้าของร้านที่พี่ดินฝากขายจะโวยวายจนลืมทางกลับบ้านไม่ได้
“โอ้ยยยยยยยยย เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย เวร”
แรงปะทะมหาศาลเพียงพริบตาเดียวทำให้ถุงก๋วยเตี๋ยวถุงหนึ่งลอยหวือไปเป็นอาหารปลาในคลองแสนแสบทันที ส่วนอีกถุงนั้นนอนแตกอยู่ใกล้ๆขาของยักษ์ที่เดินมาชนนั่นหละ
วันนี้มันวันสันตะโรวินาศหรือยังไงกันวะ อุตส่าห์หลบสนิมกะทะมาได้แต่ไม่วายต้องมาชนคนร่างยักษ์แทบจะกระเด็นกระดอนแถมรายได้หลักของวันนี้มีค่าเป็นศูนย์ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะออกมาได้แบบนี้แต่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็ฉิบหายไปต่อหน้าต่อตา
“ทำไมเดินไม่มอง”
“มองสิทำไมจะไม่มอง”
“มองแล้วทำไมถึงชน”
ไอ้หน้าหล่อแต่เหี้ย มันทำให้พี่ดินโกรธจนควันจะออกมาทางรูหูอยู่แล้วยังมีหน้าจะมาเล่นยี่สิบคำถามให้ปรอทแตกหรือไงวะ
“ก็กูมองทางไม่ได้มองคน”
“พูดไม่เพราะ”
“แล้วจะทำไม”
“จะยืนเถียงกันอยู่อีกนานไหม เจ็บตรงไหนกันบ้างหละ”
อ้อ ที่แท้ไม่ได้มาคนเดียว ถึงว่าได้กล้าต่อปากต่อคำกับนักเลงใหญ่ประจำสลัมแห่งนี้
“ก็เพื่อนคุณ”
“ไม่ใช่เพื่อน”
หน้าเหวอเอ๋อแดกกันไปเลย...จะรู้มั้ยเห็นมากันเป็นคู่ก็นึกว่าเพื่อนกัน
“จะใครก็ช่างไม่ได้อยากรู้ เพื่อนคุณเดินมาชนผม ของเสียหายหมดคุณคิดว่าต้องทำยังไง”
“ที่แท้จะเรียกร้องค่าเสียหายสินะ แล้วไม่บอกแต่แรก ลีลาอยู่ได้นานสองนาน”
ไอ้เหี้ย!!! ถ้ากูบอกให้มึงรออยู่ตรงนี้สักครู่จะเป็นไรมั้ยวะ กูขอไปหาอะไรมาหนุนขาเพื่อต่อยหน้ามึงสักทีเหอะไอ้เสาไฟฟ้า
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง อ๋อ จะบอกว่าที่บ้านมีฐานะสินะ ที่แท้พวกอวดรวย รวยแล้วแม่งมาเดินริมคลองทำไมวะ รวยก็ไปเดินห้างสิเว้ย ทางเดินนี้มีไว้สำหรับชาวบ้านและคนทำมาหากิน”
“นี่ไอ้กระเทย อย่าเยอะได้มั้ย จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา สว่างแล้ว เสียเวลาหลับนอนชิบ”
“มึงเรียกใครว่ากระเทยห๊า”
ไม่รู้หรือไงว่าเป็นคำต้องห้าม คนทั้งสลัมเค้ารู้กันตั้งแต่หน้าซอยถึงท้ายซอยแล้วไอ้เสาไฟฟ้านี่เป็นใครวะถึงได้กล้ามาเรียกพี่ดินแบบนี้ จัดหนักสักทีดีมั้ย สองมือเริ่มถลกแขนเสื้อเตรียมพร้อม สองขาเริ่มกางออกตามเบสิคมวยไทยที่เคยเดินผ่านแล้วแอบจำท่าไว้ได้
“พอเหอะภู เดี๊ยวกรจัดการเอง”
อะไรวะทำให้ไอ้เสาไฟฟ้ามันกลัวไอ้หมอนี่หวะ ถึงกับออกแนวหงอเชื่อฟัง สงสัยจะเป็นเพื่อนรักกันมาก
“เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแทนแฟนพี่ด้วยนะครับน้อง ค่าเสียหายเท่าไหร่ครับ”
หาาาาาาาาา!!!นี่ผีหลอกพี่ดินตอนกลางวันหรือไงวะ ผู้ชายท่าทางเรียบร้อยคนนี้เรียกไอ้เสาไฟฟ้าว่าแฟนหวะเฮ้ยโลกเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้วเหรอวะ ถึงว่าพี่ดินไม่ค่อยได้อัพเดทเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ในสลัมแห่งนี้
“ตกใจทำไมตุ๊ด พวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ ทำเป็นไม่รู้จักเกย์ไปได้”
แหม...หยามกันขนาดนี้ตีนพี่ดินว่องไวตามสมองสั่ง หน้าแข้งไอ้เสาไฟฟ้าโดนตีนพี่ดินส่งไปสั่งสอน สมน้ำหน้า!!
“โอ๊ยยยยยยย ไอ้เด็กบ้านี่เดี๊ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”
“ชิส์ กลัวตายหละไอ้เสาไฟฟ้า มึงรู้มัยว่าวันนี้มึงพูดคำต้องห้ามมากี่คำแล้วดีเท่าไหร่กูเห็นใจแตะแค่ขา กูไม่เตะผ่าเข้ากลางไข่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“เหรออ ไม่ใช่เพราะเตะไม่ถึงหรอกเหรอ ทำมาแกล้งบอกว่ามีน้ำใจ ไอ้เตี้ยหมาตื่นนนน”
“มึงอย่าอยู่เลย วันนี้ถ้ากูไม่ได้เอาตีนนาบหน้า มึงอย่ามาเรียกกูว่าไอ้ดินอีกเลย”
“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ใช่เด็กอนุบาลแล้วนะ ภู กรง่วงแล้วก็แฮงค์ ถ้าจะทะเลาะกันต่อกรขอเข้าบ้านก่อนเคลียร์ค่าเสียหายตกลงกันได้แล้วโทรตามก็แล้วกันจะให้เด็กลงมาเปิดบ้านให้”
“เดี๊ยวสิ กร แป๊บๆภูจะจัดการให้เดี๊ยวนี้แหละ ว่าไงไอ้เปี๊ยก ค่าเสียหายเท่าไหร่”
“ไม่เอา”
“ห๊า แล้วจะเอายังไง นี่พูดดีด้วยแล้วนะ เร็วสิ ถ้าแฟนพี่อารมณ์เสียรอบสอง ได้เห็นดีกันแน่”
“โอ้ยยย! กลัวตายหละ ไอ้เสาไฟฟ้า คนอย่างพี่ดินเห็นแบบนี้ก็มีศักดิ์ศรีเว้ย เงินไม่เอาแค่คุกเข่าขอโทษก็พอ”
“เยอะไปไหม ผิดกันทั้งคู่อยู่ดีๆให้มาขอโทษฝ่ายเดียวได้ไง”
“ใช่ไอ้ที่ชนอะ ผิดทั้งคู่ แต่มึงกวนตีนกูก่อนมึงเลยเยอะกว่าไงไอ้เสาไฟฟ้า”
“แล้วก็จบไม่ลงสินะ น้องครับตอนนี้นอกจากจะง่วงและแฮงค์แล้วพี่ยังปวดหัวมากอีกด้วย อย่าว่ายังไงยังงี้เลยนะครับน้องเอาค่าเสียหายไปเถอะครับ คนทำมาหากินพี่เข้าใจ ส่วนภูขอทาน้องเค้าซะแล้วก้ไปได้แล้ว”
อ่าห์....เอางั้นก็ได้วะเห็นแก่พี่สุดหล่อที่พูดจาดีและเรียบร้อยคนนี้หรอกนะ ดูท่าทางพี่เค้าจะปวดหัวมากจริงๆอย่างที่บอก จะยอมไอ้เสาไฟฟ้าปากหมาสักครั้งก็ได้ อย่าได้เจอครั้งหน้านะมึงพี่ดินจะทำให้ลืมหน้าแฟนไม่ได้เลยคอยดู
ธนบัตรแบงค์พันสองไปถูกยื่นตรงหน้า มือที่ยื่นออกไปหดแทบไม่ทัน ในสองถุงใหญ่ๆนั่นมีก๋วยเตี๋ยวผัดอยู่แค่ร้อยถุงส่งร้านข้าวในตลาดแค่ถุงละสิบบาท แต่เงินตรงหน้ามันมากกว่าถึงเท่าตัวเลยนี่หว่า
“เฮ้ยไอ้เปี๊ยก ทำไมไม่รับ หรือว่าน้อยไป”
ตวัดหางตาไปอาฆาตแค้นไอ้เสาไฟฟ้าเดินได้ไว้ก่อน แก้แค้นสิบปีก็ไม่สายเว้ย อย่าให้กูรวยแบบมึงมั่งกูจะกินนมแทนน้ำเลยคอยดู
“ป่าวคับ มันเยอะเกินไป ปกติผมจะได้แค่วันละพัน ผมขอรับเท่าที่เคยได้แล้วกันครับ เพราะยังไงมันก็เอามากินต่อไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้อง คิดเสียว่าเป็นค่าไร้มารยาทของแฟนพี่แล้วกัน”
พันเดียวสำหรับค่าปากหมาของแฟนพี่มันจะไปพออะไรละครับ อย่างไอ้เสาไฟฟ้าเดินได้คนนี้มันต้องเลือดออกจากปากสักทีถึงจะเหมาะสมกันครับ
“น้องครับ เงียบไปทำไมครับ”
“คะ ครับ ไม่มีอะไรครับพี่ ขอบคุณครับ”
“โอเค พี่ไปละ ไว้เจอกันใหม่นะน้อง”
“ไม่ดีมั้งพี่”
“จะดีเหรอกร”
ไอ้สองประโยคสุดท้ายนี่ ดันสามัคคีกันร้องออกมาพร้อมกัน
อนาคตใครจะไปหยั่งรู้ได้
ยิ่งโบราณบอกว่าเกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้น
ก็มีบทพิสูจน์ออกมาให้เห็นกันคาตาบ่อยไป
======================
เช่นเดิมจะพยายามข่มขู่คนเขียนให้ได้ต้นฉบับมาไวๆ แนงเรื่องนี้ก็คงจะแนวฮาๆ เพราะสโลแกนคนเขียน
เน้นฮาไม่เน้นเศร้า ถ้าเศร้าเราค่อยไป

คนเขียนกัน
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
เซ