วู้ฮุๆ ใกล้สอบซ่อมรามอีกแล้วอะ หายไปน้านนาน คงไม่ต้องบอกมั้งว่าไปไหนมา หุหุ ไปนั่งดูเค้าทรมานเด็กๆมา ฮ่าๆ
“ อย่าเอาไปบอกตาข้าวกล้องนะลูก ” พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด ผมอึ้งไม่น้อย ไม่คิดว่าครอบครัวของไอดิษจะเป็นกันแบบนี้
“ แม่ แต่มันก็ทุกข์ใจมากนะครับ บางทีถ้าเล่าให้ฟังมันอาจจะดีขึ้น ”
“ เดี๋ยวนี้หัดเป็นห่วงคนอื่นด้วย .... อั่นน่ะๆ มีอะไรที่ยังไม่บอกแม่หรือปล่าว ” อุ้ยยยย
“ พูดเหมือนผมเป็นคนแล้งน้ำใจอะ มันเป็นพ่อรหัสนะ ”
“ ดีแล้วไง เชื่อแม่นะ ครอบครัวใครให้เค้าจัดการกันเอง ” ถึงจะไม่ค่อยพอใจ แต่จะทำไงได้ล่ะ ผมเดินกลับมาที่เรือนรับรอง เห็นไอดิษนอนหลับอยู่ที่แคร่ด้านหน้า หน้าตาเวลานอนหลับนี่ดูสงบดี ไม่เห็นขี้โวยวายเหมือนตอนตื่นเลย ทันใดนั้นผมก็เกิดความคิดประหลาดๆขึ้น
“ ตื่นเว้ยๆ ” ผมเดินไปปลุกมัน
“ อื้อ อะไรน่ะ ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ ”
“ ไปๆ ไปนอนข้างใน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า ไม่อายคนเลยนะ ” มันเกาหัวแกรกๆๆๆ
“ แค่นอนหลับ ทำไมต้องกลัวคนอื่นเห็น ” ไม่รู้จะอธิบายมันยังไงอะ นึกไม่ออก
“ ห้ามนอนให้คนอื่นได้มองอะ ”
“ อะไรเนี่ย เป็นอะไร ” มันยังทำหน้าสงสัยไม่เลิก
“ เออๆๆ ช่างมันเหอะ ถือว่าไม่ได้บอกแล้วกัน ” ผมเดินเข้ามาเปิดอะไรกินในเรือน ไม่นานไม่วากก็เดินตามเข้ามา
“ ไม่อยากให้คนอื่นเห็นเวลานอนนี่หมายถึงอะไร ”
“ บอกว่าไม่ได้พูดไง ” ไอดิษมานั่งที่หน้าโทรทัศน์ จ้องหน้าผมต่อ
“ นึกก่อนนะ ...... เค้าเรียกว่าหึงหรือปล่าวนะ ”
“ ไอบ้า อย่ามาขี้ตู่ ใคร ใครหึงมึง ” มันหัวเราะไม่หยุดเลยทีนี้ แม่ง ไม่น่าไปปลุกมันเลย
“ ก็ได้ ไม่หึงก็ไม่หึง ....... แล้วพ่อของพี่กลับไปหรือยัง ” มันก็คงเป็นห่วงเค้านั่นแหละ
“ ไม่อะ คงไปเดินดูวัวมั้ง ”
“ ทำไมเค้าต้องมาที่นี่ด้วยนะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ พี่รู้สึกโดนคุกคามตลอดเลย พี่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ” ผมยื่นน้ำอัดลมให้มันกระป๋องนึง แล้วมานั่งที่โซฟา
“ มึงคิดอคติมากไปหรือปล่าวล่ะ ” ผมถามมัน คือจริงๆอะนะ ผมไม่อยากถามอะไรแบบนี้หรอก ตั้งแต่รู้ว่าพ่อของมันก็ก่อปัญหาไว้เอง
“ มันชวนให้คิดถึง อย่างสมัยเรียน ตั้งแต่ตอนประถม เวลาเค้าไม่ถูกใจครูเค้าก็จะพาพี่ย้ายไปเรียนที่อื่น ไม่ถามพี่ซักคำว่าพี่เป็นยังไง ” มันเด็กมีปัญหา ห๊า ห๊า นะหนิ ฮ่าๆ
“ แบบว่า ..... คือ ”
“ มีอะไรเหรอ ” ผมอยากจะบอกมันอะ สงสารเวลามันทำหน้าเศร้าๆ หูตกๆแบบเนี่ย
“ กูรู้มาว่า เรื่องย่ามึงอะ ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก ” มันทำตาโต
“ รู้มาจากไหน ”
“ เอองี้นะ มึงเชื่อกู ไม่ใช่ความผิดมึงจริงๆ ” มันถอนหายใจยาวๆ
“ ถึงอย่างงั้น พี่ก็อยากได้ยินจากปากของเค้า พี่คงตายตาไม่หลับ ถ้าเค้าไม่พูดอะไรกับพี่ ” เศร้าว่ะ
“ ไอดิษ วันนี้เพิ่งขอกูเป็นแฟน มึงพูดเรื่องตายเลยนะ ทำไมไม่อยากอยู่กับกูนานๆเหรอ ”
“ โอ้ .... พูดจาแบบนี้ก็เป็นนะ หึหึ ” ผมชกไหล่มันเล่น ก่อนจะหนีไปนอนเล่นตรงระเบียงหลังคา ช่วงเย็นผมมานั่งกินข้าวที่เรือนใหญ่ พวกพี่น้องของผมจะลงมาเยี่ยมบ้านแต่คงอีกหลายวัน บรรยากาศในวงข้าวก็คล้ายๆเดิม ไม่ค่อยพูดค่อยจากัน อึดอัดมาก คืนนั้นผมจำใจพาไอวากมานอนที่เรือนหลังไร่ของผม แต่ไม่มีเหตุการณ์หวาดเสียวเกินขึ้นหรอก ฮ่าๆ
“ เป็นไงท่านวากทั้งสอง ” รุ่งเช้าผมกับไอดิษมานั่งรอพี่ๆที่โรงอาหาร ส่วนพ่อกับแม่ของผมและพ่อกับแม่ของไอดิษเดินทางไปในเมืองกันครับ
“ ก็ดี ไหนล่ะที่ว่าคณะๆ ” ไอวากดิษถามพี่หมี
“ เดี๋ยวก็มา ..... แล้วว่าไง สำเร็จไหมล่ะ ” ผมรีบหันไปหาไอวากดิษ มันยิ้มรอแล้ว
“ เก่งนี่มึง เปลี่ยนคนห้าว เอี้ย ขนาดนี้ได้ ” จริงๆก็ ห. หีบนั่นแหละ พวกนี้พูดจาหยาบคาย
“ จริงๆคิมไม่ใช่คนแข็งกระด้างหรอก พวกมึงไม่เข้าใจต่างหาก ” แหม แก้ตัวซะกูน่ารักเลยนะมึง
“ ใช่สิ เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วนี่ อะไรก็ดูดีหมดแหละ กูจะคอยดูๆ ” พอพวกคณะมาถึง ผมก็พาไปเรือนใหญ่ ช่วงที่เราวางแผนกัน ไม่มีอะไรน่าสนใจครับ เป็นเรื่องประเพณีของพวกผมซะส่วนใหญ่ ผมก็เห็นตามไปแบบนั้น เพราะผมรู้สึกว่าที่ผมมีเพื่อนมีพี่ดีๆแบบนี้ กิจกรรมเหล่านั้นก็เป็นตัวช่วยให้ผมเห็นความตั้งใจดีของทุกคน
ในที่สุด ผมต้องขอกลับมาที่มหาลัยก่อนที่พวกพี่น้องผมจะกลับมา เพราะต้องมาดูสภาพของคณะ เตรียมห้อง เตรียมสถานที่ และขออนุญาตจากมหาลัย คณะต่างๆด้วย ไหนจะต้องนัดพวกวากคณะอื่น ประธานเชียร์ต่างคณะมาตกลง เลยต้องขอกลับมาก่อน ด้านพ่อกับแม่ของไอวากดิษกลับก่อนพวกผมหลายวันแล้ว
“ คิม พ่อมีอะไรจะคุยด้วย ” ก่อนกลับ พ่อของผมเรียกไปหาที่ห้องทำงาน
“ นี่ เข้าไปหาพ่อเลี้ยง ทำตัวน่ารักหน่อยนะ ” ไอวากแอบกระซิบผม ดูมันดิ
“ เรื่องไอข้าวกล้อง แม่บอกว่าเล่าให้แกฟังแล้ว อย่าไปยุ่งเรื่องครอบครัวเค้านะลูก ” อันนี้ผมรู้ทันทีว่าสำคัญมาก เพราะปกติพ่อไม่เรียกผมว่าลูก
“ ครับ ผมจะไม่ยุ่ง ”
“ แล้ว ...... กลับมาหาพ่อบ่อยๆนะ ” พ่อของผมลุกมากอด เชื่อไหมว่าผมน้ำตาซึมอะ พ่อไม่สนิทกับผมมานานแล้ว ออกจะไม้เบื่อไม้เมากันด้วยซ้ำ ช่วงก่อนจบม.6 ผมเคยโดนพ่อไล่กระทืบด้วย สาเหตุเพราะโดดไม่ร่วมกิจกรรมวันพ่อที่โรงเรียนเก่า
“ ซึ้งไปนะพ่อ ”
“ ไอนี่ ไปๆ กลับไปได้แล้ว ” ผมยิ้มให้กันอีกที ก่อนจะเดินออกมา แม่ของผมก็รออยู่ตรงนั้น
“ กลับมาด้วยนะลูก พวกพี่ๆอยากเจอ ”
“ แน่นอน ผมไปนะแม่ ” ผมยกมือไหว้ แล้วเดินทางกลับมหาลัย ขามาผมกลับรถโดยสาร แต่จากลับนี่ พวกพี่ๆเอารถมากันหลายคน เลยได้อาศัยกลับด้วย ระหว่างทางไอวากดิษก็ทำตัวติดกับผมตลอด จนบางครั้งผมอายหน้าชาเลยอะ ในพวกที่มาก็มีพวกรุ่นพี่สาวๆ บางคนก็ไม่ได้สนิทกับผม
“ ไอดิษ กูว่ามึงอย่าทำแบบนี้ดีกว่า ” ผมทนไม่บอกมันตลอดทาง จนมาแวะที่ปั๊มน้ำมัน ไอบ้านี่เล่นซื้อนู้นซื้อนี่มาให้ผมคนเดียว เป็นใครก็ต้องมองอะ
“ ทำไมล่ะ ไม่ชอบพวกนี้แล้วเหรอ สมัยก่อนเรากินด้วยกันนะ ” เห็นอาการแบบนี้แล้วไม่กล้าว่ามันอีกล่ะกู
“ อย่าทำสนิทกันนักได้ไหม ” ไอวากดิษสะดุ้ง เปลี่ยนแววตาเป็นดุทันที
“ ทำไม ”
“ กูอายคนอื่นอะ อย่างน้อยอย่าเพิ่งทำแบบนี้ได้ปะ ” มันหลบหน้า แล้วลุกหนีไป มันเปลี่ยนรถกับพี่อีกคนด้วยครับ ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วยวะ เออ ตามใจมึง โกรธได้โกรธไป ตลอดทางที่แวะตามที่ต่างๆ ไอวากไม่เดินหาใกล้ผมอีก แต่กับคนอื่นมันก็หัวเราะ ยิ้มสนุกตามประสา แม่ง ที่ว่าไม่ให้สนิทกันมากๆ ไม่ใช่ให้มึงทำเหินห่างแบบนี้นะเว้ย ไอบ้าเอ้ย
“ ดีท่านวากคิม ” พอถึงมหาลัย ผมเดินลิ่วๆกลับมาคนเดียว มาเจอพี่โจกำลังเก็บของในห้องพัก
“ พี่จะไปไหน ”
“ อ๋อ .... ก็เมื่อวานพี่ดิษบอกให้พี่ย้ายไปนอนกับเมทแก พี่ดิษล่ะ ? ”
“ โทรหามันดิ พี่ไม่ต้องย้ายไปไหนหรอกนอนนี่แหละ ถ้ามันมานี่ก็บอกด้วยว่าจะไปทำธุระ ” โมโหว่ะ ทำอะไรไม่บอกผมเลยอะ เอะอะอยากมาก็มา
“ เดี๋ยวๆๆๆ โกรธอะไรกันมา ไหนว่าเพิ่งคบกันไง ” พอได้ยินเข้าแบบนี้อีก ยิ่งอารมณ์ขึ้น ทำไมมันเที่ยวเล่าให้คนอื่นฟังแบบนี้วะ
“ หลีกๆ ..... โอ๊ะ ! ” ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง ผมก็รู้สึกปวดข้อเข่า ปวดชนิดที่ร้องไม่ออกอะ ผมเป็นแบบนี้ครั้งแรก
“ คิมเป็นอะไร ”
“ พี่ ..... พี่ อุ้มไปนอนที ไม่ไหวๆ ” พี่โจรีบทิ้งกระเป๋า วิ่งมาประคอง แล้วอุ้มผมมานอนที่เตียง
“ เอาไงดี ไปโรงพยาบาลเถอะ พี่โทรหาพี่ดิษให้ ”
“ ไม่ต้องๆ พี่หยิบยาฉีดในกระเป๋า แล้วค่อยๆพาผมไปเรือนพยาบาล ” ผมไม่กล้าฉีดเองอะ คือแม่ของไอวากดิษ บอกผมล่วงหน้าหลายเดือนแล้วว่าถ้ามีอาการลักษณะแบบนี้ให้ฉีดยานี้เข้าเส้นหรือชั้นไขมันอะไรเนี่ย
“ คิม หน้าคิมซีดมากนะ ไปโรงพยาบาลเถอะ ”
“ กูบอกไม่ไปไง ! ” พี่โจถอนหายใจ แล้วค่อยๆทำตามที่ผมบอก กว่าจะถึงเรือนพยาบาล ผมเจ็บจนน้ำตาไหลเป็นทางอะ ส่วนเหตุผลที่ไม่ไปโรงพยาบาลเพราะไม่อยากรบกวนไอวากบ้า
“ เป็นไงบ้างจ้ะ ”
“ ดีครับ ดีมาก ” แต่ผมรู้สึกมึนๆ งงๆไงไม่รู้ดิ ง่วงด้วย
“ น้อง ..... พี่ขอเบอร์โทรศัพท์แพทย์เจ้าของไข้หน่อยจ้ะ ” ผมได้ยินลางๆอะ เพราะง่วงมาก พยาบาลคงจะคุยกับพี่โจนั่นแหละ ผมนอนหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ มารู้สึกตัวตอนที่มีเสียงดังโวยวายข้างๆหู
“ กูบอกมึงว่าถ้าคิมเกิดปวดหนักๆให้โทรหากู ทำไมมึงไม่ทำห๊ะ ”
“ ผมก็ไม่รู้ รู้แค่คิมให้หยิบยามาที่นี่ ”
“ มึงรู้ไหมว่ามันคืออะไร ไอเอี้ย ” เสียงเหมือนไอวากดิษกับพี่โจอะ
“ ผมจะรู้ได้ไงล่ะพี่ ”
“ ที่พี่เค้าฉีดคือมอร์ฟีน ถ้าอาการมันหนักแบบนี้ มันใกล้ต้องผ่าตัดแล้ว มึงรู้ไหม !!! ”
ตอนนี้สั้นนิดๆนะ เพราะอยากให้ลุ้นกันหนักๆ ก่ากๆๆ