……………………………………..
หลังจากดูไอ้เต้ยแข่งบีบอยเสร็จ (และพาเชี่ยปันไปบำบัด)ซึ่งมันก็ไม่ทำให้พวกผมผิดหวัง ทีมของไอ้เต้ยติดหนึ่งในสามได้เป็นตัวแทนภาคเข้าชิงรอบต่อไป ไอ้คิวนี่ยิ้มหน้าบาน อย่างกับมันเป็นคนชนะซะเอง
ภูมิมันก็ลากผมกลับบ้านมันด้วย ภูมิขับผมนั่งคู่ มีไอ้ฟ่างนอนยาวเหยียดอยู่เบาะหลัง กำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนที่พวกเราต่างก็รู้จักดี
“ทำไมมึงเข้าใจอะไรยากนักวะแทน ห๊ะ มันจะตายให้ได้เลยใช่มั้ยแค่กูกลับมานอนบ้านตัวเองเนี่ย…พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว…เออ…..หึ ไอ่สัส อย่ามาน้ำเน่า…..ไม่เอา พูดอะไรเล๊า” พอถึงตรงนี้ผมแอบหันกลับไปเหล่ ไอ้ฟ่างก็มองมาที่พวกผมเหมือนกัน หึหึ “อืม คิด” มันกระซิบใส่โทรศัพท์ เชี่ยฟ่างอายเป็นด้วยเว้ย ไอ้ภูมิมองพี่มันผ่านกระจกมองหลัง ส่ายหน้าพลางยิ้มเลวๆ “….ก็มึงถามว่าคิดไรล่ะ ก็บอกว่าคิดไง….เออ คิดถึงเหมือนกัน พอใจยัง ไปตายซะไป”
“หึหึ” ผมกับภูมิขำพร้อมกัน ไอ้ฟ่างหันมามองตาขวางเลย
“พวกมึงขำไรกัน”
“ป๊าว แค่คิดว่ามึงใจร้ายกับเพื่อนกูเกินไป มึงหัดทำตัวหวานๆกับไอ้แทนมั่งเหอะฟ่าง”
“เพื่อนมึงมันบ้า ทำไมกูต้องบ้าตามมัน”
“ระวังมันน้อยใจไปบ้าใส่คนอื่นล่ะกัน”
“ถ้ามึงรู้ว่ามันจะไปเมื่อไรก็มาบอกกูด้วยนะ จะได้ต่อโลงไว้รอเดี๋ยวแกะลายรดน้ำให้ด้วย” พูดจบมันก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ฮ้าวววว ภูมิ พ่อกลับจากปักกิ่งแล้วนะ” ฟ่างหาวก่อนจะเรียกน้องชาย ไอ้ภูมิมองกระจกมองหลังคุยกับพี่มัน
“พ่อโทรหาฟ่างเหรอ”
“อืม พ่อโทรหาตัว แต่ตัวไม่รับ”
“โทรมาเมื่อไหร่ ทำไมเค้าไม่เห็น”
“จะเห็นอะไร ก็ตัวเอาแต่กกไอ้แคระนี่” อ้าว วนมาลงที่กูซะงั้น
พี่น้องคู่นี้เวลาอยู่ตามลำพังมันจะพูดกันเพราะๆแบบนี้แหละครับ
วันนี้ผมจะได้เจอคุณพ่อของภูมิแล้ว ความรู้สึกยิ่งกว่าตอนไปเจอคุณแม่อีก ถึงคุณแม่จะบอกว่าพ่ออยากเจอผมเพราะแม่ไปคุยไว้เยอะว่าเพื่อนน้องภูมิเก่งอย่างนู้น อย่างนี้ก็เถอะ แต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆครับ
ตั้งแต่วันที่ภูมิพาผมไปไหว้แม่คราวก่อน ผมก็มีโอกาสได้คุยโทรศัพท์กับท่านบ่อยๆ และก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า ที่ตอนนี้แม่กำลังหาครูสอนศิลปะให้ ”มูลนิธิชื่อมูลนิธิบ้านน้องภูมิ” ที่แม่ก่อตั้ง ท่านเลยมาปรึกษาผมเพราะท่านคงจำได้ว่าผมเรียนทางด้านนี้พอดี แม่เลยอยากให้ผมไปช่วยสอนเด็กๆในระหว่างที่หาคุณครูคนใหม่มาแทน
แม่บอกว่าที่ยังหาคนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะค่าตอบแทน แต่ท่านอยากได้คนที่มีใจรักที่จะอุทิศตัวทำเพื่อเด็กจริงๆเรื่องค่าตอบแทนมันไม่ใช่ปัญหาเลย และนับตั้งแต่วันนั้นผมก็เข้าออกบ้านภูมิบ่อยขึ้น
วันนั้นแม่บอกกับผมว่า “ที่แม่ตั้งชื่อมูลนิธิว่า “บ้านน้องภูมิ” ทุกคนที่นี่ก็คือน้องของภูมิ ก็ถือว่าเป็นลูกของแม่เหมือนกัน ที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ มันเกินสิ่งที่จำเป็น มันเกินความต้องการ แม่พอแล้ว เลยอยากให้โอกาสกับคนอื่นบ้าง”
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวยทั้งรูปกาย และจิตใจ ผมดีใจที่ได้รู้จักกับครอบครัวนี้ ผมชื่นชมท่านมาก แม่ทำให้ผมได้คิดว่า ถึงแม้จะเป็นเศรษฐีหมื่นล้านร้อยล้านแต่ถ้าไม่รู้จักพอ สิ่งที่มีอยู่มันก็ไร้ความหมาย แต่ถ้าหากคนเรา คนธรรมดาแม้จะมีเพียงไม่กี่หมื่นกี่พัน แต่เมื่อรู้จักพอ ชีวิตก็มีความสุขมีคุณค่าแล้ว
“แม่คร้าบบบบบบบบบ” ไอ้ฟ่างไอ้ภูมิแหกปากวิ่งเข้าบ้าน ไปกอดแม่ที่เดินออกมารับพอดี
“แม่สวัสดีครับ”
“อ้าวน้องพีม มาด้วยเหรอลูก ดีเลยๆแม่กำลังอยากคุยเรื่องสอนศิลปะน้องๆพอดี วันนี้ลูกชายคุณแม่กลับบ้านด้วยกันทั้งคู่ แถมลูกพีมก็มา แม่ว่าจัดงานฉลองซักหน่อยดีมั้ย” ไอ้ภูมิหันมายิ้มให้ผม และก็เดินโอบแม่เข้าบ้านไป
“ลูกสะใภ้บ้านนี้ดีเนาะ ยังไม่ทันได้แต่งก็มาช่วยงานในครอบครัว หึหึ” เชี่ยฟ่าง ปากหมาตลอดเวนะมึง
“พี่ฟ่างไปทำอะไรมาผมยาวจนแม่ตกใจ” นั่งลงในห้องรับแขกปุ๊บ แม่ก็ถามไอ้ฟ่างทันที แต่ลูกชายคนเล็กดันชิงตอบซะก่อน
“ฟ่างมันติสอ่ะแม่ หล่อสู้ภูมิไม่ได้”
“หล่อตาย”
“พี่ฟ่าง ทำไมพูดกับน้องแบบนั้น” เห็นได้ชัดว่าสปอยใคร ฮ่าๆ
“แม่โอ๋มัน”
“พี่ฟ่าง อย่าเรียกน้องว่ามัน” ไอ้ภูมิแลบลิ้นปลิ้นตาใส่พี่ชาย เฮ้ออออ เด็กได้อีก
“พี่ฟ่าง ไปเรียกคุณพ่อที่ห้องหนังสือหน่อยเร็ว แม่จะได้บอกให้ป้าจันทร์จัดโต๊ะ….อ้าวนั่นไงคุณพ่อลงมาพอดี”
“พ่อครับ”
“ว่าไงลูกชาย” ฟ่างเข้าไปกอดพ่อและพากันมานั่งที่โซฟาอีกตัว แต่ภูมิยังนั่งอยู่กับแม่
“พ่อครับ นี่พีม เพื่อนพวกเรา” และก็เป็นฟ่างที่แนะนำผม
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ ซึ่งคุณพ่อก็รับไหว้และยิ้มให้
“อืม นี่เหรอพีม พ่อได้ยินแม่เค้าพูดถึง จะมาช่วยสอนศิลปะที่มูลนิธิใช่มั้ย”
“ครับ” ผมโคตรเกร็ง คุณพ่อดูเป็นคนน่าเกรงขามมาก ผมจำได้ว่าเคยเห็นท่านในทีวี แล้วก็ตามนิตยาสาร หนังสือพิมพ์หลายครั้ง
ท่านเหมือนจะใจดีแต่ก็ดูเข้าถึงยาก ดูภูมิฐานแบบนักธุรกิจที่มีความเป็นผู้นำมากๆ แต่เวลาพูดกับลูกก็ดูผ่อนคลายนะ พ่อหันมามองภูมิเหมือนจะเรียกให้เข้าไปหา และมันเองก็เดินไปนั่งกับพ่อ ท่านลูบหัวภูมิเบาๆ
“น้องภูมิ เรียนเป็นไงมั่ง”
“ก็ดีครับ แต่ช่วงนี้ภูมิต้องซ้อมบาสมหาลัย เลยเหนื่อยหน่อย”
“เหรอ แข่งวันไหนบอกพ่อด้วยนะ แล้วได้คุยกับพี่โอ๊ตบ้างไหม”
“คุยครับโอ๊ตโทรหาภูมิทุกวัน”
“อืม แล้วฟ่างล่ะ”
“เรื่องเรียนเหรอครับ ก็เรื่อยๆฟ่างเก่ง หัวดี”
“หึหึ พ่อไม่สนใจคนเก่งนะ แต่พ่อชื่นชมคนขยัน วันอังคารหน้าพ่อต้องไปเป็นประธานเปิดงานผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของอาเกียรติ พ่ออยากให้ฟ่างกับภูมิไปด้วย” ผมเห็นหน้าฟ่างสลดลงไปนิด ก่อนจะยิ้มให้พ่ออีกครั้ง
“ได้ครับ แต่น้องอาจจะไม่ว่าง ภูมิรายงานเยอะแล้วก็แข่งบาส ฟ่างไปกับพ่อคนเดียวได้ครับ” ถ้าเป็นคนอื่นผมคงคิดว่าเป็นพี่ที่ชอบประจบพ่อแม่ให้รักตัวเอง แต่สำหรับครอบครัวนี้ ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนกับฟ่าง ผมรู้ว่ามันกำลังเสียสละเพื่อภูมิ
“เอางั้นเหรอ ก็ได้ แล้วพีมเป็นไง เรียนหนักไหม”
“ก็ไม่ค่อยหนักครับ”
“อืม ตั้งใจเรียนกันนะทุกคน อีกปีสองปีก็จบแล้ว”
“ครับ”
“อ้าวคุณยังไม่ได้เตรียมตัวอีกเหรอ” พ่อหันไปถามแม่ ทำให้ไอ้พี่น้องสบตากันเหมือนเข้าใจอะไรซักอย่าง ที่คนนอกอย่างผมไม่รู้เรื่อง
“คุณคะฉันว่าเราทานข้าวกับลูกก่อนออกไปดีมั้ย”
“แต่มันใกล้เวลาแล้ว”
“แต่ฉันว่า……….”
“เอาไว้กลับจากสโมสรค่อยมาทานกับลูกก็ได้”
“แม่ไปกับพ่อเถอะ เพราะวันนี้ภูมิจะให้พีมค้างด้วย แม่กลับมาก็ยังเจอพวกเรา” คุณแม่ดูลำบากใจ ก่อนจะออกจากบ้านก็เข้าไปกอดไปหอมลูกชายทั้งสองคน พอคล้อยหลังพ่อกับแม่ภูมิก็จูงมือผมขึ้นห้องมันทันที ตลอดเวลาที่เดินขึ้นมาผมรู้สึกว่าภูมิมันเงียบไป เงียบจนน่าใจหาย เข้ามาในห้องมันก็นั่งลงที่ปลายเตียง ผมเลยเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“ภูมิ” ภูมิหันมายิ้มให้ผม และดึงผมเข้าไปกอด มันกอดผมแน่น ทั้งถูหน้าไปกับบ่าของผม “เป็นไรไป หื้ม”
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พ่อก็ไม่เคยเปลี่ยน เวลาของพ่อไม่ได้มีไว้ให้ภูมิ” คนฟังอย่างผมยังจุกในอก น้ำเสียงของภูมิดูเหงาเหลือเกิน ผมรู้ว่าครอบครัวภูมิเป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่ที่แสนดี มีคุณพ่อที่เก่ง แต่สิ่งที่ผมเพิ่งรู้คืออาจจะมีเส้นใยบางอย่างที่กั้นพ่อและลูกให้ห่างกันและสิ่งนั้นอาจจะเป็น “เวลา”
ผมไม่รู้ว่าภูมิกำลังรู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าเจ็บหรือเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมก็อยากจะกอดภูมิเอาไว้ อยากให้รู้ว่าผมเจ็บหนักๆหน่วงๆในหัวใจเช่นกัน ที่เห็นภูมิเป็นแบบนี้ ผมเคยสงสัยว่าทั้งที่ภูมิมีพร้อมทุกอย่าง เรียกว่าเป็นคนที่ชีวิตสมบูรณ์แบบทั้งรูปทรัพย์ รูปสมบัติ มีหลายคนอิจฉา อยากได้ และอยากเป็นแบบที่ภูมิเป็น
แต่ภูมิกลับบอกเสมอว่า “เหงา” ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมภูมิถึงขี้เหงา
ผมนอนกอดภูมิจนมันหลับไปแล้ว ผมค่อยๆยกแขนที่พาดอยู่บนเอวออก ภูมิขยับตัวนิดหน่อย ก่อนจะหายใจเข้าออกสม่ำเสมอตามเดิม ผมเผลอยิ้มเมื่อก้มมองใบหน้าหล่อๆที่นอนซุกอกผมอยู่
ผมประทับจูบแผ่วเบาบนหน้าผากของภูมิ เวลานี้มันดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆคนนึง ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่คนภายนอกเห็น และผมก็ไม่ใช่คนที่แกร่งอะไรมากมาย แต่ผมเชื่อว่าถ้าเรายังอยู่ข้างๆกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เราจะประคองกันและกันให้ผ่านพ้นมันไปได้
แค่เรายังมีกันก็พอ“กล่อมน้องกูหลับแล้วเหรอ” ผมสะดุ้ง หันไปมองที่ประตูก็เห็นฟ่างยืนยิ้มจางๆอยู่
“อืม มึงมีไรจะคุยกับมันรึเปล่าฟ่าง”
“เปล่า แค่เข้ามาดูเฉยๆ” ฟ่างเดินมานั่งบนโซฟา มันหันหลังให้ทีวีจอยักษ์ติดผนัง และเลือกที่จะมองคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ผมเลยมองตามสายตาของฟ่าง หึหึ หมาภูมิหลับลึกเชียว
“แม่กูใจดีมั้ย”
“อืม ท่านน่ารักมาก”
“แม่ก็เป็นแบบนี้แหละ คอยเอาใจ ตามใจพวกเรา แม่รักภูมิมาก พวกเราทุกคนรักภูมิ แต่พวกเราก็ทำผิดต่อภูมิ น้องถึงได้เป็นคนขี้เหงา”
“ทำผิด?”
“กูจำได้ว่าตอนนั้นโอ๊ตอยู่ป.6 กูเพิ่งจะเข้าอนุบาล ส่วนภูมิยังไม่เข้าโรงเรียน ภูมิมันติดกูมาก กูไปโรงเรียนมันก็ร้องไห้ตาม หึหึ” ฟ่างเล่าไป ตาก็ยังมองที่น้องชายด้วยรอยยิ้ม
“จนพ่อต้องจ้างครูมาสอนกูที่บ้าน ตั้งแต่วันนั้นกูก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลย มึงว่าไอ้เด็กนี่มันแสบมั้ยล่ะ หึหึ เวลากูเรียนภูมิก็ชอบเข้ามานั่งเรียนด้วย บางครั้งก็ถือกระดาษ ถือดินสอมานอนวาดรูปอยู่ใกล้ๆ
แต่พอจะให้เรียนด้วยก็ไม่เอา ผ่านไปเดือนกว่าๆแม่ก็มาถามว่ากูอยากไปอยู่กับปู่ที่อิตาลีมั้ย กูไม่รู้ว่าอิตาลีคือที่ไหน แม่บอกว่าเป็นที่ๆอยู่ไกลๆ กูถามแม่ว่าแล้วจะได้เจอพ่อกับแม่มั้ย จะได้อยู่กับโอ๊ต จะได้เล่นกับน้องรึเปล่า แล้วแม่ก็ร้องไห้ บอกว่า ไม่ได้เจอเพราะมันไกลมาก เป็นอันว่ากูปฏิเสธทันที
อีกไม่กี่สัปดาห์แม่ก็บอกว่าน้องไปอยู่อิตาลีแล้ว กูร้องไห้บ้านแทบแตก ช่วงนั้นกูแทบไม่เจอพ่อเลย แม่ก็ผอมๆ บางครั้งก็ร้องไห้ โอ๊ตเองก็ซึมไปเหมือนกันเพราะมันหวงภูมิยิ่งกว่ากูหวงซะอีก
แต่สุดท้ายกูกับโอ๊ตก็เหมือนพี่ที่เห็นแก่ตัว พวกกูไม่ต้องจากแม่ ไม่ต้องไปอยู่ไกลๆเพราะพวกกูปฏิเสธ แต่น้องยังเด็กมันไม่รู้เรื่อง ภูมิปฏิเสธไม่เป็น จะพูดให้ถูก น้องปฏิเสธไม่ได้ต่างหาก หลังจากที่ภูมิไปอยู่ที่นู่น โอ๊ตยังได้เรียนม.1ที่โรงเรียนเดิม ทั้งที่ค่าเทอมแพงลิ่ว กูเองก็เข้าเรียนอนุบาลในโรงเรียนเดียวกัน
กูมารู้ทีหลังว่าช่วงนั้นเศรษฐกิจตกต่ำ พ่อเกือบถูกฟ้องล้มละลาย เป็นหนี้แบงค์เกือบๆร้อยล้าน แทบจะไม่เหลืออะไรเลย การเลี้ยงลูกสามคนในเวลาแบบนั้นมันหนักเกินไปสำหรับคนที่เคยมีทุกอย่าง
เพราะงั้นพ่อเลยเลือกที่จะให้ลูกคนใดคนหนึ่งไปอยู่ที่อิตาลี เพราะถ้าจะให้ไปหมดก็กลัวเป็นภาระของลุงๆทางโน้น พ่อเป็นคนเก่ง ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นพ่อมักจะแก้ไขเองเสมอ แต่ครั้งนั้นมันอาจจะหนักเกินไปพ่อถึงยอมขอความช่วยเหลือจากปู่ จนพ่อทำทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม
ธุรกิจของพ่อกลับมายิ่งใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่ปี่ และกลายมาเป็นอันดับต้นๆของประเทศอย่างวันนี้ แต่สิ่งที่พวกเราไม่มีวันได้กลับคืนมาคือความรู้สึกของภูมิ น้องกลายเป็นใครอีกคนตอนที่กลับจากอิตาลี ไม่ร่าเริง ไม่ยิ้ม ไม่สดใส……
จนวันที่ภูมิได้เจอมึง”
“……………….” ฟ่างหันมายิ้มให้ผม มันเดินเข้ามาแตะไหล่ผมเบาๆ ผมไม่แน่ใจว่าตาคมโตคู่นั้นไหวระริกด้วยน้ำตาหรือเปล่า
“กูขอบคุณมึงจริงๆนะพีม ขอบคุณเพื่อนที่แสนดีอย่างมึง ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้ภูมิคนเดิมกลับมา ตั้งแต่มันรู้จักกับมึง ตั้งแต่พวกมึงรักกัน พ่อกับแม่ยังแปลกใจที่น้องเปลี่ยนไป
ภูมิน่ะเป็นเหมือนดวงใจของแม่ เหมือนหัวใจของครอบครัวเรา มึงได้ครอบครองหัวใจของพวกกูแล้ว กูฝากดูแลภูมิด้วยนะ รักน้องกูให้มาก เพราะมันเองก็รักมึงมาก รู้ใช่มั้ย” ผมยิ้ม และพยักหน้าให้ฟ่าง มันหันไปลูบหัวภูมิและก้มลงจูบขมับภูมิเบาๆก่อนจะเดินออกไป
ผมหันกลับมามองคนที่ยังนอนหลับฝันอยู่
อย่าห่วงเลยฟ่าง เพราะกูก็รักน้องมึงมาก ไม่แพ้ใครเหมือนกันTBC >>>>>>>>>>>>>>>>>
………………………………..
- สุดท้ายก็ลงนิยายได้แล้วคะ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้รอ มัน…..ขอโทษจริงๆคะ ลงตั้งแต่สี่ทุ่มของเมื่อวาน นั่งกราบไหว้หน้าคอม แต่เหมือนมันไม่ได้เป็นที่เน็ตเพราะเข้าอย่างอื่นได้ แค่ล็อกอินไม่ได้ พอล็อกอินได้ก็วางไม่ได้ ส่วนที่เล้าแก้หัวทู้ไม่ได้ไม่รู้เป็นไร ต้องวิ่งไปห้องเพื่อน แต่ก็ลงไม่ได้ แล้วเชื่อมั้ยพอลงได้ตอนตีหนึ่ง พอกดเซฟ มันเน็ตหลุด ทุกอย่างหายหมดเลย เป็นการลงนิยายที่เจ็บมากที่สุดในชีวิตT_T ขอโทษอีกครั้งนะคะ แอบร้องไห้เพราะเจ็บใจหรือเพราะสงสารน้องภูมิก็ไม่รู้
-และวันนี้น้องตาลคนงามที่สุดแห่งวงการวายก็มีอะไรดีๆเริ่ดๆมานำเหนอคะ ตอนนี้ We are มี Fanpage แล้วคร๊า จุดบั้งไฟ ฉลอง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพราะฉะนั้นก็ขออันเชิญลุงๆป้าๆพี่ๆเพื่อนๆน้องๆชายหนุ่ม หญิงสาวทั้งหลายแหล่เข้าไปเม้าท์มอยฝอยแตกฟองกันได้นะจ๊ะ เพจนี้ได้น้องฝ้ายช่วยดูแลเพราะตาลไม่สันทัดด้านเทคโนโลยีต่ำ ฮ่าๆ แต่ก็จะเข้าไปเสวนาด้วยตะร๊อดๆนะคะ ในนั้นก็มีแฟนอาร์ตเริ่ดๆจากน้องๆ ที่ส่งมาให้ อย่าลืมเข้าไปกดไลค์นะคะ
-และวันนี้ก็มีคลิปน่ารักๆที่พี่AhSa KA Larn Ideaทำมาฝากคะ ดูแล้วจะยิ้มมมมมมมมมมมมมมมเลยคะ
http://www.youtube.com/watch?v=EqlWUhBt54c&feature=shareขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจมาเสมอนะคะ จ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ เหม่งทุกคนนนนน
-ปล มีคนถามเรื่อง 3P มันคืออะไรอ่า(ทำตาแบ๊ว) เหมือน 3G ป่ะ ฮ่าๆ ตาลเป็นปลาแซลม่อนไม่ตามกระแส เพราะเรายึดมั่นในทางของเรา อิอิ