❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️กลรักลวงใจ❤️ตอนที่ 25 END(มี E-Book วางขายแล้วนะครับ)✅ Update! 17-12-2017  (อ่าน 18579 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครเอ่ย แป้งหรือเปล่านะ  :confuse:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ปอมแกต้องจัดการอินังชะนีนางนั้นแล้ว
ไหนๆเล่นแบบนี้ต้องเอาคืนให้ตายแก  :beat:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอาไอ่สกายไป
แล้วส่งพี่มาร์คมา
หุหุ

แล้วไงล่ะไอ่หล่อ ชักศึกเข้าหาปอมซะงั้น
ตามไปเก็บเมียเก่าเมิงด่วนเลย..อิแป้งอ่ะ
สร้างเรื่องไว้เอง เคลียร์ให้ด่วน

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 21 หวังดี



            ตอนนี้เพื่อนทุกคนกำลังจ้องมองมาที่ผมหลังจากที่รู้เรื่องภาพตัดต่อพวกนั้น  จะบอกว่ามันไม่ได้มีแค่ในบอร์ดหน้าตึกหรอกนะครับ  แต่มันมีคนไปโพสและแชร์ภาพพวกนั้นในเฟสบุ๊คเยอะพอสมควร ตอนนี้ผมนั่งเครียดพร้อมกับต้องคอยตอบคำถามของเพื่อนๆ รวมถึงพี่มาร์คที่นั่งอยู่ข้างๆผมด้วย

            “ไปแจ้งความเลยไหมวะ” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งเครียด

            “เอางั้นเลยเหรอวะ” ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีเรื่องถึงขนาดกับต้องแจ้งความเลย มันจะดูเป็นเรื่องใหญ่โตเกินไปไหมนะผมคิดในใจ แล้วมันจะเป็นข่าวไหมผมกลัวมากเหลือเกิน

            “เออ ให้ตำรวจจัดการมันเลย ว่าแต่มึงไปมีเรื่องกับใครมาเหรอวะ” สนิมมันถามผม

            “ไม่มีนะ กูไม่เคยมีเรื่องกับใครแม้แต่คนเดียว” ผมบอกอย่างมั่นใจ

            “ก็จริงของมันนะ วันๆมันก็อยู่กับพวกเราแล้วจะมีเวลาไปมีเรื่องกับใครได้ แฟนก็ไม่เคยมี” ดาวเอ่ย

            “แต่ตอนนี้ก็มีแล้วนี่หว่าหรือว่าจะเป็นสาวๆของพี่มาร์คหรือเปล่า” ไอ้เปอร์มันพูดเชิงหยอกแล้วปรายตาไปมองที่พี่มาร์คที่ดูเหมือนจะทำหน้าเครียดๆอยู่ ผมสังเกตตั้งแต่แรกแล้วแทนที่จะเป็นผมที่ต้องทำหน้าเครียดแต่ไหงกลับกลายเป็นพี่มาร์คซะงั้น

            “เฮ้ย! ไม่มีเว้ย พี่ไม่เคยมีใครที่ไหนเลยจริงๆ” พี่มาร์ครีบปฏิเสธเสียงแข็ง

            “จริงอ๊ะป่าวพี่” เปอร์มันยังพูดหยอก

            “จริงๆเว้ย  ว่าแต่ปอมจะไปแจ้งความหรือเปล่าล่ะ” พี่มาร์คพูดกับไอ้เปอร์แล้วหันมาพูดกับผมต่อ

            “ก็ว่าจะไปครับ” ผมบอก

            “พี่ว่าเอาอย่างนี้ก่อนไหม รอดูไปสักพักก่อนรอให้หลักฐานมันชัดเจนกว่านี้แล้วค่อยไปแจ้งความ ตอนนี้ก็ระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ช่วงนี้พี่จะดูแลปอมเอง” พี่มาร์คออกความเห็น ผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าคนๆนั้นเป็นใคร ก็ดีเหมือนกันรอให้ทุกอย่างมันชัดเจนกว่านี้ก่อนค่อยไปแจ้งความก็ได้ ส่วนเรื่องภาพมันเป็นแค่ภาพตัดต่อเดี๋ยวเรื่องมันก็เงียบไปเองล่ะ

            “ปอมเห็นด้วยครับ รออีกสักพักให้ทุกอย่างมันชัดเจนกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที” ผมบอกกับทุกคน

            “เออแล้วแต่มึงละกัน ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆละกันอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว” พอร์ชมันบอก

            “เออกูจะระวังตัว”

            หลังจากพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่มาร์คก็ไปส่งผมที่หอพักแล้วก็กลับไป ใจจริงผมก็อยากจะแอดเฟสบุ๊คนั้นไปอีกครั้งเพราะอยากที่จะถามความจริงว่าอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เค้าทำกับผมแบบนี้ มันจะได้เคลียร์กันให้จบไม่ต้องมาค้างคา  แต่ถ้านึกถึงการมีเรื่องมีราวในชีวิตผมก็มีแต่พวกแก๊งนางฟ้าสมัยเรียนมัธยม ซึ่งตอนนี้มันก็ผ่านมาเป็นปีแถมผมเองก็ยังไม่ได้เจอพวกมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แน่นอนภาพจำของแป้งซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมมาตลอดมันสมหวังกับไอ้สกายไปแล้วนี่นา มันชนะผมแล้วมันจะมาโกรธผมเรื่องอะไรได้อีกล่ะครับ หรือว่าจะเป็นแฟนเก่าของพี่มาร์คแต่มันก็ไม่น่าจะใช่นะเพราะพี่มาร์คไม่น่าจะโกหก ผมคิดแล้วก็ส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้หายไปจากหัวสักที

*-*-*-*-*-*

           

            ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วผมยังใช้ชีวิตปกติโดยไม่มีเรื่องร้ายใดๆเกิดขึ้น รวมถึงไอ้สกายมันก็หายไปจากชีวิตด้วย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมชะล่าใจซะทีเดียวเพราะอย่างมันน่ะเหรอจะจบเรื่องนี้ง่ายๆ

            ผมเดินลงมาจากหอพักเพื่อที่จะไปทานข้าวเช้าร้านประจำซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอพัก  วันนี้เป็นวันหยุดที่สุดแสนจะสบายเพราะงานที่มีก็เคลียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

            เมื่อเปิดประตูหอพักออกมาก็พบกับใครบางคนที่คุ้นหน้า  ใส่ชุดไปรเวทเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทำหน้านิ่งมองผมอยู่

            ผมเห็นมันก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรได้แต่ทำหน้าเฉยๆแล้วก็เดินเลี่ยงมันออกไป

            “เดี๋ยว!” มันเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาจับแขนของผมเอาไว้แต่ผมก็รีบสะบัดมือมันออกโดยอัตโนมัติ

            “บอกแล้วไงอย่ามายุ่งกับกู” ผมบอกมันพร้อมกับชักสีหน้าใส่

            “วันนี้กูมาดีนะเว้ย” มันบอกผมแล้วทำหน้าซื่อใส่ ผมเห็นก็ใจอ่อนยวบลงทันทีเพราะสีหน้าที่มันแสดงออกมาตอนนี้ดูแล้วรู้สึกเหมือนที่มันพูดจริงๆแต่ผมเองก็ยังไม่ไว้ใจ

            “มึงบ้าป่ะเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกูตามไม่ทัน” ผมบอกมันพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

            มันไม่พูดอะไรแต่กลับยิ้มให้ผม ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องเขินด้วยเนี่ย

            “เออๆ แล้วแต่มึงละกัน กูไปล่ะ” ผมบอกแล้วหันหลังกลับจะเดินไป

            “แล้วมึงจะไปไหนอ่ะ” มันถามแต่ผมไม่ตอบกลับเดินออกไปจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าสู่ร้านข้าวทันที ในใจผมรู้ว่ายังไงมันก็คงตามมาแน่ๆ แต่ก็ยังดีกว่าให้มันตามขึ้นไปบนห้องมีหวังได้เสร็จมันแน่ๆ

            เมื่อมาถึงร้านข้าวป้าภา

            “ข้าวผัดปูจานนึงครับป้าภา” ผมตะโกนบอกป้าภาเจ้าของร้านซึ่งรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะผมเป็นลูกค้าประจำที่น่ารักมากๆของป้าเค้า ฮ่าๆ

“โอเคจ้าน้องปอมนั่งรอก่อนลูก” ป้าตอบรับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขณะที่กำลังควงตะหลิวรัวๆทำกับข้าวตามออเดอร์ของลูกค้าคนอื่นๆที่นั่งรอกันหลายคิวอยู่เหมือนกัน

 ผมเดินไปเอาน้ำดื่มแล้วถือมานั่งที่โต๊ะ  แน่นอนว่าไอ้คนนั้นมันตามผมมาและตอนนี้ก็นั่งตรงข้ามกับผมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นมันก็ตะโกนสั่งข้าวบ้าง

            “ป้าครับเอาข้าวไข่เจียวจานนึงครับ” มันสั่งข้าวแล้วก็เดินไปเอาน้ำดื่มบ้าง

            “มึงจะตามกูไปถึงไหนเนี่ย แม่งไม่เบื่อเหรอวะ” ผมถามมัน

            “ไม่!...ก็บอกแล้วไงว่าเตรียมรับมือกูไว้เลย” มันบอกพร้อมกับทำหน้ากวนๆใส่ผม

            “เฮ้อ! ถ้าอย่างนั้นมึงช่วยไปนั่งโต๊ะอื่นได้ป่ะกูกินข้าวไม่ลง” ผมบอกมันไป

            “แต่กูกินไม่ลงถ้าไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับมึง” มันยิ้มกวนผม

            “ก็แล้วแต่มึงสิ” ผมบอกมัน

            “ถ้างั้นก็แล้วแต่กู กูจะนั่งตรงนี้ล่ะ” มันบอกพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มซะงั้น

            ไม่นานนักข้าวผัดปูที่ผมสั่งไว้ก็มาวางที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วผมรีบลงมือทานทันทีจะได้รีบไปก่อนมัน เพราะข้าวที่มันสั่งยังไม่มา แต่กลับกลายเป็นว่ามันค้ำคางนั่งจ้องผมทานข้าวซะอย่างนั้นแล้วแบบนี้ใครจะไปกินลงล่ะครับ

            “มึงมองอะไรวะ กูกินข้าวไม่ลงแล้วเนี่ย” ผมดุให้มัน

            “ก็ข้าวกูยังไม่มานี่นา และอีกอย่างมึงนั่งตรงข้ามกูแล้วจะไม่ให้กูมองมึงได้ยังไง” มันบอกผมหน้าตาเฉย

            “กูขี้เกียจพูดกับมึงแล้ว รีบกินดีกว่าจะได้รีบไป” ผมพูดแล้วก้มหน้าก้มตารีบทานจนข้าวติดคอ

“แค่กๆๆ” ผมสำลักข้าวแล้วรีบเอื้อมมือไปหยิบแล้วน้ำแต่เอ๊ะ! แก้วน้ำมันหายไปไหนหว่า

            “อ๊ะ” มันอยู่ที่ไอ้สกายนี่เองมันแอบหยิบไปตอนไหนนะเร็วอย่างกับลิง มันยื่นมาให้แล้วผมก็รีบจับแก้วน้ำมาดื่มทันที

            “ทำไมต้องรีบขนาดนั้นวะ จะรีบหนีกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ” มันบอกแล้วทำหน้าเหมือนน้อยใจ  ผมมองหน้ามันแล้วกำลังคิดในใจว่าจะตอบกลับมันว่าอย่างไรดีนะ แต่โชคดีที่เด็กเสิร์ฟเอาข้าวมาส่งที่โต๊ะพอดีผมเลยอาศัยช่วงนี้ทานข้าวต่อไป

            “ข้าวไข่เจียวมาแล้วครับ”

            มันรับมาแล้วก็เริ่มทานทันที

            “กูได้ยินข่าวว่ามึงโดนคนตัดต่อภาพไปโพสบนเน็ต” อยู่ๆมันก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

            “อืม! โคตรซวยไม่ต่างจากการได้เจอกับมึงเลย” ผมตอบรับแกมพูดใส่มัน

            “ได้เจอกับกูมีแต่โชคดีล่ะสิไม่ว่า”

            “โชคดีตายห่าล่ะ เจอกันวันแรกก็....” ผมเกือบเผลอพูดเรื่องวันนั้นออกมา

            “ก็อะไร” มันพูดเหมือนท้าทายให้ผมพูดออกมา แต่ไม่มีทางที่ผมจะตามเกมส์มันหรอก

            “เลิกพูดแล้วรีบแดกซะจะได้รีบไปให้พ้นๆหน้ากู”

            “ไม่” มันยื่นหน้ามาพูดใส่ผมแล้วก็ทานข้าวต่ออย่างสบายใจ

            ผมวางช้อนส้อมลงบนจานหลังจากทานข้าวหมดจานแล้ว แต่มองไปที่ไอ้สกายรู้สึกว่ามันจะรีบยัดข้าวเข้าปากรัวๆสงสัยกลัวว่าผมจะรีบชิ่งหนีมันไปก่อนซึ่งมันก็คิดถูกแล้ว

            “เก็บตังค์ด้วยครับ” ผมตะโกนบอกเด็กเสิร์ฟซึ่งก็คือหลานของป้าภานั่นล่ะครับ น้องมันเดินมาทันทีที่ได้ยินเสียงผม

            “ของพี่ข้าวผัดปูสี่สิบบาท ส่วนของแฟนพี่ข้าวไข่เจียวสามสิบรวมทั้งหมดเจ็ดสิบบาทครับ” น้องมันพูดจบแล้วก็ยืนยิ้มแฉ่งให้พวกผม  ผมได้ยินน้องมันพูดก็รู้สึกเขินๆขึ้นมาทันทีไม่กล้ามองหน้ามันเลยในตอนนี้

            ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธไปแต่โดนไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชิงพูดตัดหน้าก่อน

            “อ่ะนี่...พี่ให้ร้อยนึงไม่ต้องทอน” มันยื่นเงินแบงค์ร้อยให้น้อง น้องมันได้ทิปตั้งสามสิบบาทก็ยิ้มกว้างแล้วก็ไหว้ขอบคุณไอ้สกายยกใหญ่เลยทีเดียว

            “ขอบคุณครับพี่ ขอให้รักกันนานๆนะครับ” ว่าแล้วน้องมันก็เดินออกไปเหลือเพียงเราสองคนบนโต๊ะโดยที่มีไอ้คนหน้าด้านมันยิ้มอย่างพอใจมาให้ผมแล้วยักคิ้วให้

            “เห็นมะเด็กมันยังรู้เลยว่ามึงกับกูเป็นอะไรกัน”

            “เด็กก็คือเด็กมันก็พูดไปตามประสาเด็ก กูกับมึงไม่มีทางจะได้ใช้คำนั้นหรอก”

            “ก็ไม่แน่หรอก” มันยังยิ้มให้ผม

            จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงจะเป็นการโกหกตัวเองผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นรอยยิ้มของมันแบบนี้

            “อย่ามั่นใจให้มากนัก” ผมบอกพร้อมกับเบะปากใส่มัน

            ว่าแล้วผมก็ยื่นเงินสี่สิบบาทค่าข้าวผัดปูให้มัน

            “อ่ะ กูไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร” แต่มันไม่รับ

            “แค่สี่สิบบาทกูเลี้ยงได้”

            “กูมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ไม่จำเป็น” ผมบอกแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากร้านทันที มันยังคงเดินตามผมมาจนถึงหน้าหอพัก

            “เลิกตามกูได้แล้วกลับไปซะทีเถอะ” ผมหันหลังกลับมาพูดกับมัน

            “ที่กูมาวันนี้มีเรื่องจะพูดกับมึง” มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “อย่างมึงจะมีเรื่องอะไรจะมาคุยกับกู มีแต่จะมาหาเรื่องทะเลาะล่ะสิไม่ว่า” ผมตะโกนแวดๆใส่มัน

            “กูอยากให้มึงเลิกกับไอ้พี่มาร์คซะ” มันบอกผม

            “ว่าแล้ว ก็ไม่พ้นเรื่องนี้ทำไมกูต้องเลิกกับพี่มาร์คด้วยล่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างสมเพชมัน

            “มึงยังไม่รู้จักมันดีพอ”

            “กูจะบอกให้นะ...กูรู้จักพี่มาร์คมากกว่ารู้จักมึงซะอีกจำไว้ด้วย” ผมพูดใส่หน้ามัน

            “กูเตือนมึงแล้วนะ มันไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิดหรอกนะ” มันพูดเหมือนมันรู้จักพี่มาร์คมาก่อนผมซะอย่างนั้น แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเจอกันครั้งแรกสองคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรู้จักกันเลย แล้วมันจะไปรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพี่มาร์คได้ยังไง

            “อย่างน้อยพี่เค้าก็ดีกว่ามึงแล้วกัน หรือไม่จริง?”

            “กูบอกมึงได้แค่นี้ แล้วอีกอย่างช่วงนี้ระวังตัวไว้ด้วยละกัน...กูเป็นห่วง” มันบอกผมด้วยสายตาที่จริงใจจนผมเองกลับรู้สึกละอายใจนิดๆที่เอาแต่ว่ามัน ทั้งๆที่วันนี้มันมาดีอย่างที่มันบอกและดูเหมือนมันจะเป็นห่วงผมจริงๆ

            “ไม่ต้องห่วงพี่มาร์คดูแลกูได้” ผมบอกแล้วก็หยิบคีย์การ์ดไปสแกนที่ประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปปล่อยให้มันยืนอยู่อย่างนั้น ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมันอีกครั้งมันยังคงไม่ไปไหน ผมจึงรีบเดินขึ้นไปให้มันพ้นจากสายตา

            ปัง!

            ผมปิดประตูเสียงดังแล้วเดินมานอนบนเตียงพร้อมกับคิดเรื่องที่มันบอกเกี่ยวกับพี่มาร์ค เรื่องพี่มาร์คมันจะมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่านะหรือมันแค่จะกันท่าผมกับพี่มาร์คเท่านั้นมันทิ้งปริศนาให้ผมอยากรู้มากๆ เมื่อนึกถึงหน้ามันผมก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบรูปไอ้สกายออกมาแล้วก็เกิดคำถามมากมายในหัวผม

            ทำไม?...สายตาที่มันมองมาที่ผมวันนี้รู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากใจของมันจริงๆ

            ทำไม?...มันกลับมาวนเวียนในชีวิตผมทั้งๆที่มันควรจะเดินไปจากชีวิตผมแล้วตั้งแต่วันนั้น

            ทำไม?...มันต้องบอกซ้ำๆว่าผมลืมมันไม่ได้แน่นอน

            ทำไม?...ผมถึงปฏิเสธที่จะเอามันกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้งล่ะ

             ....มันเป็นคำถามที่ผมต้องหาคำตอบด้วยตัวเองและหวังว่าคำตอบนั้นจะเป็นคำตอบที่ทำให้ผมมีความสุขกับความรักอย่างแท้จริงซะที

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอานะซิประเด็นเฮียมาร์คนี่ก็น่าคิดนะ หรือเฮียแกเป็นญาติของแป้งหรือป่าวนะ รับศึกรอบด้านเลย สู้ ๆ นะ หลานปอม  :กอด1:

ออฟไลน์ iamaweirdo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สกายง้อให้ได้นะ เอาใจช่วย

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
กลายเป็นหนังสืบสวนไปซะแล้ว
อารายอ่ะ สกาย

ใส่ร้ายพี่มาร์คหรือเปล่า
ไม่ดีนะ ตะเอง
หุหุ

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 22 แทงข้างหลัง



@มหาวิทยาลัย C

            วันนี้ผมนัดกับเอิ้นหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะช่วงนี้มันเรียนหนักแถมเวลาว่างก็ยังต้องทำงานส่งอาจารย์อีกด้วยเลยหาเวลาว่างมาหาเพื่อนสนิทอย่างผมไม่ค่อยได้

            “สรุปไอ้สกายมันจะมาไม้ไหนวะ” เอิ้นมันถามผมพร้อมกับทานไอศกรีมไปด้วย

            “กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ครั้งล่าสุดที่เจอกันมันมาดีอ่ะ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ”

            “ดียังไงอ่ะ”

            “ก็มันมาเตือนกูเรื่องพี่มาร์ค แต่กูไม่เชื่อหรอกแถมมันยังให้กูเลิกกับพี่มาร์คอีกต่างหาก”

            “เรื่องพี่มาร์ค? พี่มาร์คไปทำอะไรไว้เหรอทำไมมันถึงต้องมาเตือนด้วย” เอิ้นมันสงสัย

            “ไม่รู้อ่ะมันบอกแค่ว่าพี่มาร์คไม่ได้ดีอย่างที่กูเห็น”

            “กูเองก็ไม่เคยเจอพี่เค้าเหมือนมึง กูแนะนำเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมึงแล้วล่ะ” เอิ้นมันแนะนำผมถึงแม้ว่าผมกับเอิ้นจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เราก็โทรคุยกันบ่อยๆและผมก็บอกมันทุกเรื่องที่ผมเจอราวกับว่ามันเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของผม

            “กูเองก็...ไม่ได้รักพี่เค้าหรอก” ผมบอกเอิ้นเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิดกับพี่มาร์ค

            “กูรู้มึงทำประชดไอ้สกาย  แต่มึงก็ทำไม่ถูกที่เอาพี่มาร์คเข้ามาเกี่ยวด้วยน่าสงสารพี่เค้าว่ะและอีกอย่างมึงเองนั่นล่ะจะปวดกบาลซะเอง การสลัดใครสักคนออกจากชีวิตมันยากนะ ดูอย่างมึงกับไอ้สกายสิผ่านมาเป็นปีมันยังตามมาเจอมึงอีกจนได้” มันบอกผม

            จริงๆมันก็พูดถูกทุกเรื่องแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะก็ผมตัดสินใจแล้ว ผมคิดว่าถ้าไอ้สกายมันไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมอีก ในอนาคตผมอาจจะรู้สึกรักพี่มาร์คขึ้นมาก็เป็นได้

            “กูขอแก้มันไปเรื่อยๆก่อน หลายเรื่องเหลือเกินตอนนี้” ผมบอกมันพร้อมกับเอามือสางผมตัวเองไปด้วยสีหน้ากลุ้มๆ

            “มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน” มันตบบ่าผมปุๆเชิงปลอบใจ

ผมได้แต่มองหน้ามันแล้วพยักหน้าให้เชิงรับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากมัน

            “เออๆมึง วันก่อนกูเห็นยัยแป้งมันเดินควงผู้ชายที่ห้างXXX ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำเอากูหมั่นไส้ซะ  แต่ก่อนอยากได้ไอ้สกายจะเป็นจะตาย กูอยากรู้จังว่าตอนนั้นพวกมันคบกันได้กี่วันวะแรดซะอย่างนั้น”

            “ช่างเถอะต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว” ผมพูดแบบปลงๆ

            “ตอนนี้ไอ้สกายมันโสดอยู่เหรอวะ” เอิ้นมันถามพร้อมกับมองหน้าผม

            “มั้ง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก บางทีก็รู้สึกหน่วงๆกับเรื่องนี้มันโสดผมกลับไม่โสดซะงั้น

            “เฮ้อ! พวกมึงนี่นะ วุ่นวายตั้งแต่มัธยมยันมหา’ลัย” เอิ้นมันส่ายหัวให้กับเรื่องวุ่นๆของผมกับไอ้สกาย ตอนนั้นมันสนับสนุนผมเต็มที่เพราะคำว่าสาววายค้ำหัวมันอยู่ และตอนนี้ผมคิดว่ามันก็คงอยากให้ผมกับไอ้สกายลงเอยกันเหมือนเดิมนั่นล่ะแต่มันไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายหรือพูดเชียร์มากเหมือนเมื่อก่อน  คงเพราะมันอยากให้ผมตัดสินใจเอง

            “กูกับมันคงไม่ใช่เนื้อคู่กันมั้ง” ผมตอบไป

            “ถ้าเป็นเนื้อคู่กันถึงแม้เวลาจะผ่านไปสักกี่สิบปีก็ยังคงได้กลับมาคู่กันอยู่ดี มึงเชื่อเรื่องนี้ไหม?” มันถามผม

            “ก็เชื่อนิดนึงแต่กูเชื่อตัวเองมากกว่า”

            “เหรอออ! ถ้ามึงเชื่อตัวเองก็คงไม่ตอบตกลงคบกับพี่มาร์คหรอกนะยะ” มันพูดประชดประชันผม ที่มันพูดก็จริงถ้าผมเชื่อตัวเองผมก็คงไม่ตอบตอบตกลงคบกับพี่มาร์คหรอกครับ ผมทำไปเพราะอยากจะประชดประชันไอ้สกายก็เท่านั้น

            “ก็มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปละกัน”

            ผมตอบกลับมันแต่ไม่ทันไรโทรศัพท์มือถือผมก็มีสายเข้ามา ผมหยิบขึ้นมามองที่หน้าจอก็พบว่าคนที่โทรมาคือพี่มาร์ค

            “ฮัลโล ครับพี่มาร์ค” ผมรับสายพร้อมกับมองหน้าไอ้เอิ้น มันก็มองมาที่ผมเหมือนอยากจะรู้ว่าพี่เค้าโทรมาเรื่องอะไร

            “น้องปอมว่างคุยไหมครับ”

            “ว่างครับคุยได้ พี่มาร์คมีอะไรหรือเปล่า”

            “พอดีพี่ว่าจะชวนไปกินข้าวเย็นนี้อ่ะ”

            “อ่อ ได้ๆที่ไหน กี่โมงดีครับ”

            “ร้านxxx ทุ่มนึงน้องปอมติดอะไรไหมครับ”

            “ได้ครับปอมว่าง แล้วเจอกันนะครับ”

            “ครับผมแล้วเจอกัน”

            สิ้นเสียงพี่มาร์คผมก็วางสายทันที

            “กำลังนินทาอยู่พอดีตายยากมากเลยนะพี่มาร์คของมึงเนี่ย” เอิ้นมันเอ่ยแซวพร้อมกับทำหน้าทำตากวนประสาทใส่ผม

            “คงงั้นมั้ง ฮ่าๆ” ผมตอบมันขำๆ

            “มึงมีรูปพี่มาร์คป่ะวะ กูขอดูหน่อยดิอยากรู้ว่าจะหล่อสู้ไอ้สกายได้ไหม”

            “แป๊บนึงกูหารูปก่อน”

ผมบอกมันก่อนที่จะก้มหน้าลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อหารูปที่เคยถ่ายคู่กับพี่มาร์คให้ไอ้เอิ้นดู

            “อ่ะ” ผมยื่นให้มันดู มันยื่นหน้าเข้ามาจ้องใกล้ๆพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนมีสงสัยอะไรบางอย่าง

            “ไม่หล่อเหรอวะ กูว่าพี่เค้าหล่อกว่าไอ้สกายอีกนะ” ผมบอกมัน มันแย่งโทรศัพท์มือถือผมไปดูใกล้ๆแล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง

            “หล่อมาก แต่กูว่าหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน”

            “มึงก็คงเคยเจอนั่นแหละเพราะเรียนมหา’ลัยเดียวกันคงเคยเดินสวนทางกันบ้าง” ผมบอกมัน

            “กูว่าไม่ใช่ที่มหา’ลัยแต่น่าจะเป็นที่อื่นอ่ะแต่กูนึกไม่ออกจริงๆ” มันพูดพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตานึกอย่างเอาเป็นเอาตายผมอดสงสารมันไม่ได้เลยบอกให้มันล้มเลิกความตั้งใจซะ ฮ่าๆ

            “พอๆๆ ไม่ต้องมานั่งนึกอะไรแล้ว เดี๋ยวกูจะเอาของไปเก็บที่หอก่อนแล้วจะไปกินข้าวกับพี่มาร์ค”

            “เออๆ กลับดีๆนะมึงช่วงนี้กูยิ่งห่วงมึงมากนะเนี่ยระวังตัวด้วย” เอิ้นมันเตือนผมด้วยความเป็นห่วง

            “ขอบใจมึงมากกูจะระวังตัวเองละกัน” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นถือของที่ต้องใช้ทำงานส่งอาจารย์

            “ไปล่ะ บาย” ผมโบกมือให้มัน

            “บาย”

            ผมนั่งแท็กซี่กลับมาถึงหอพักหลังจากนั้นไม่นาน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการไปทานมื้อเย็นที่จะมาถึงซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่ถึงชั่วโมงแล้ว

            ผมไปทานมื้อเย็นกับพี่มาร์คออกจะบ่อยแต่ทำไมวันนี้รู้สึกตื่นเต้นกว่าปกตินะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเอาเป็นว่าเวลาที่อยู่กับพี่มาร์คผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รักแต่ก็เริ่มรู้สึกดีด้วยแล้วล่ะครับ

*-*-*-*-*-*



@ร้าน XXX

            วันนี้ผมแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษเดินเข้ามาในร้านก็พบพี่มาร์คนั่งหล่อรออยู่แล้วพร้อมกับอาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะซึ่งพี่เค้าสั่งไว้รอเรียบร้อยแล้ว

            “สวัสดีครับพี่มาร์ค” ผมเดินมาถึงก็กล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้พี่เค้า พี่เค้าเห็นผมก็ยิ้มให้ทันที

“อ้าว!ปอม...นั่งเลยครับ” พี่มาร์คยืนขึ้นแล้วเดินไปเคลื่อนเก้าอี้ให้ราวกับว่าผมเป็นสุภาพสตรีซะอย่างนั้น“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้

            “จำได้ไหมวันนี้เป็นวันอะไร” พี่มาร์คถามขึ้นเมื่อผมนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

            “วันนี้เหรอ! วันศุกร์ครับ” ผมตอบแบบซื่อๆ จริงๆแล้วผมนึกไม่ออกว่าวันนี้ที่พี่มาร์คพูดถึงนั้นมันเป็นวันอะไรกันแน่ หรือว่าจะเป็นวันเกิดพี่เค้าเหรอผมนั่งคิดในใจ

            “พี่น้อยใจนะเนี่ย น้องปอมจำวันครบรอบหนึ่งเดือนของเราไม่ได้” พี่มาร์คพูดเหมือนน้อยใจ

            ผมทำหน้าตกใจเล็กน้อย ใช่สินะวันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนที่ผมคบกับพี่มาร์ค ทำไมผมถึงไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยนะแต่พี่มาร์คกลับจำมันได้ดีผมนี่แย่สุดๆ

            “เฮ้ย! พี่มาร์คผมขอโทษที่จำวันนี้ไม่ได้” ผมเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิด

            “ไม่เป็นไรครับ แค่วันนี้น้องปอมแต่งตัวน่ารักๆมาแบบนี้ก็ถือว่าทดแทนกันได้แล้ว” พี่มาร์คยังคงยิ้มอย่างใจดีให้ผม

            “มาฉลองให้กับมิตรภาพของเรากันครับ” พี่มาร์คยกแก้วไวน์ชูขึ้นเพื่อรอชนแก้วกับด้วย ผมรีบหยิบแก้วไวน์ที่ถูกเตรียมไว้ข้างๆ แล้วยกไปชนแก้วกับพี่มาร์คทันที

            “แกร๊งงง!!!

            เสียงแก้วกระทบกันของเราพวกทั้งสองคน ผมดื่มมันจนหมดแก้วเพราะต้องการเอาใจพี่มาร์คที่อุตส่าห์จัดเตรียมทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี

            “เริ่มทานกันเลยครับปอม อ่ะนี่แซลม่อนย่างซอสมิโซะขอบอกว่าอร่อยมาก” พี่มาร์คตักมาให้ผมพร้อมกับยิ้มเหมือนทุกครั้ง จะหาผู้ชายที่ดูอบอุ่นแบบนี้ได้จากที่ไหนอีกนะ ทำไมก่อนหน้านี้พี่เค้าไม่มีแฟนนะผมก็อดสงสัยไม่ได้ทั้งๆที่คุณสมบัติออกจะเพียบพร้อมอย่างนี้

            “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้แล้วตักมันขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย “หืม!! อร่อยมากๆครับ”

            “พี่บอกแล้วว่าอร่อย” พี่มาร์คพูดจบก็เริ่มทานบ้าง

            พวกเราทานข้าวไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน สักพักผมก็ขอตัวพี่เค้าเข้าห้องน้ำเพราะเริ่มปวดฉี่ขึ้นมาสงสัยดื่มน้ำและไวน์เยอะไปหน่อย

            “พี่มาร์คผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกพี่เค้าแล้วก็ลุกขึ้น แต่ในขณะนั้นผมกลับรู้สึกมึนหัวอย่างกระทันหันจนเซนิดหน่อยต้องจับที่พนักเก้าอี้เพื่อพยุงตัวไว้

            “น้องปอมเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่มาร์คพูดจบก็รีบเดินอ้อมมาพยุงผมไว้

            “อยู่ๆปอมก็รู้สึกมึนหัวครับไม่รู้เป็นอะไร” ผมว่าพลางเอามือจับที่ขมับของตัวเองแล้วคลึงเบาๆ

            “ไหวไหม เดี๋ยวพี่พยุงไปดีกว่า”

            “ก็ได้ครับ” ผมบอก ใจจริงอยากจะให้พี่เค้าไปส่งพี่หอพักเลย แต่ดันปวดฉี่มากซะงั้นเลยต้องเข้าห้องน้ำก่อน

            “ไปเข้าห้องน้ำแล้วเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่หอเลยละกัน”

            “ได้ครับพี่” ผมพูดจบพี่มาร์คก็พาผมไปที่ห้องน้ำทันที

            ผมบอกให้พี่มาร์ครอที่หน้าห้องน้ำส่วนผมก็พยายามเดินเข้าไปฉี่ด้วยตัวเองอย่างทุลักทุเลเพราะมันยังมึนๆอยู่

หลังจากเสร็จภารกิจในห้องน้ำแล้ว  พี่มาร์คก็พาผมเดินออกมาที่ลานจอดรถของร้านเมื่อขึ้นบนรถแล้วผมกลับยิ่งรู้สึกเหมือนจะหลับเสียให้ได้

            “หลับไปก่อนเลยครับคนดีเดี๋ยวถึงพี่จะปลุกเอง” พี่มาร์คมองมาที่ผมแล้วก็กระตุกยิ้มนิดหน่อยที่มุมปาก มันเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่สติผมจะดับวูบไป



             “พี่มาร์คถอดเสื้อผ้ามันออกเลยค่ะ”

            “จะทำแบบนี้จริงๆเหรอ”

            “ทำไมถามอย่างนี้พี่มาร์คไม่รักแป้งแล้วเหรอคะ”

            “พี่รักแป้งมากแต่...”

            “ถ้าพี่มาร์คไม่ทำแป้งก็ไม่มีเหตุผลที่จะคบกับพี่มาร์คอีกต่อไป รู้ไหมว่าไอ้ปอมมันทำอะไรแป้งไว้บ้าง แป้งต้องเจ็บมากก็เพราะมัน ฮึก...ฮือๆ”

            “อย่าร้องนะครับแป้งพี่จะทำตามที่แป้งสั่งทุกอย่างเลย”

            “แค่นี้แป้งก็รู้แล้วว่าพี่รักแป้งมากขนาดไหน รีบจัดการมันเลยค่ะ”

            มันเป็นบทสนทนาที่ผมได้ยินขณะที่ผมเริ่มรู้สึกตัวแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะพยุงร่างตัวเองได้ พี่มาร์คกำลังจะทำอะไรผม แล้วเสียงผู้หญิงคนนั้นผมจำได้มันเป็นเสียงแป้งแล้วทำไมสองคนนี้ถึงต้องมาทำกับผมแบบนี้  ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบนี้ ในใจตอนนี้รู้สึกผิดหวังกับพี่มาร์คมากผมมองคนผิดไปจริงๆ ตอนนี้ผมนึกถึงคำพูดของไอ้สกายที่มันเตือนผม ผมเสียใจที่ไม่เชื่อมันผมคิดถึงมันมากเหลือเกินตอนนี้


--------------------------------------------------------------
อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ขอบคุณมากๆครับ
ฝากเพจไว้ด้วยนะครับ  https://web.facebook.com/MilerWriter/
มีอะไรทักทายพูดคุยกันได้

จากใจ ไมเลอร์

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 o18 เธอทำตัวของเธอเองแป้ง ไม่เกี่ยวกับปอม อิพี่มาร์คกล้ามากนะที่ทำแบบนี้ ส่วนอิตาสกายถ้าคิดจะเป็นพระเอกก็รีบๆมาช่วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอ่ควายกับอิกาก#ไอ่มาร์ค#อิแป้ง

สุดหล่อรีบมาช่วยคนสวยเร็วๆ#สกาย#ปอม

อ๊ากกกกกก..อยากพ่นไฟ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอิ้นรีบนึกให้ออกซิ จะได้พาคนไปช่วยปอม  :m5:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 23 ลมหวน



            ผมยังคงนอนหลับตาพยายามที่จะตั้งสติและไม่ให้ทั้งสองคนรู้ว่าผมได้รู้สึกตัวแล้ว จะทำยังไงดีนะตอนนี้พี่มาร์คเริ่มปลดกระดุมผมออกแล้ว  เมื่อกระดุมถูกปลดจนหมดทุกเม็ดพี่มาร์คก็ค่อยๆถอดเสื้อของผมออกตอนนี้ในใจผมมันเต้นตึกๆ เพราะความกลัว พี่มาร์คที่ผมไว้ใจทำไมถึงทำกันได้ถึงขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้แป้งมันทำอะไรอยู่เห็นเงียบไป ผมพยายามดึงสติของตัวเองมาให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะขัดขืนพี่มาร์ค เมื่อแกเริ่มเลื่อนมือมาปลดที่เข็มขัดผมก็รวบรวมแรงที่มีไปจับที่มือของพี่มาร์คเอาไว้

            “ปอม!”  พี่มาร์คอุทานออกมา ส่วนผมเองก็ค่อยๆลืมตาที่พร่ามัวขึ้นมาและมองเห็นพี่มาร์คแบบเลือนลาง

            “ทะ...ทำไม” ผมเอ่ยออกมาเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า

            “พะ...พี่ขอโทษ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วพี่มาร์คคงตกใจไม่น้อย

            “ได้สติแล้วเหรอ กินนี่เข้าไปอีกรับรองแกได้ตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่จะอยู่กับแกไปตลอดชีวิตแน่นอน” แป้งมันเอาแก้วน้ำอะไรบางอย่างมากรอกเข้าปากผมจนเลอะไปหมด

            “รีบทำต่อไปค่ะพี่มาร์ค แป้งกำลังบันทึกวิดีโออยู่”

มันกำลังบันทึกวิดีโออยู่นั่นเองเลวไม่มีที่ติจริงๆเลย ผมอยากรู้ว่าผมไปทำอะไรให้มันเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้น

            น้ำใสๆค่อยๆไหลออกจากหางตาของผม คงไม่มีทางที่ผมจะรอดจากน้ำมือของสองคนนี้แน่นอน ผมได้แต่หลับตานอนอยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้มันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย มันคงเป็นเวรกรรมองผมเองผมต้องยอมรับมันใช่ไหม

            ผมรู้สึกได้ว่าพี่มาร์คเริ่มถอดกางเกงผมออกจนตอนนี้เรือนร่างของผมเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น

            พี่มาร์คเริ่มมาคลอเคลียบริเวณซอกคอของผม ในใจตอนนี้รู้สึกขยะแขยงมากผมเกลียดพี่มาร์ค ผมผิดเองที่ดึงพี่เค้าเข้ามาในเกมส์นี้และมันก็เข้าแผนของแป้งอีกต่างหาก

            ตอนนี้ฤทธิ์ยาที่แป้งกรอกเข้าปากผมเมื่อสักครู่มันเริ่มออกฤทธิ์เพราะผมกำลังเริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองจะหลุดไปแล้วผมกำลังจะหลับในอีกไม่ช้า

            ก๊อก! ก๊อก! กอ๊ก!

            ผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง มันทำให้ผมมีความหวังว่าอาจจะมีใครสักคนมาช่วยผมออกจากห้องนรกห้องนี้สักทีซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่มันคือที่ไหน

            “ใครมาเคาะตอนนี้เนี่ย” แป้งมันพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย

            “อาจจะเป็นพนักงานรีสอร์ทก็ได้แป้งไปดูก่อนเดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง” พี่มาร์คผละจากการไซร้ซอกคอผมแล้วหันไปพูดกับแป้ง

            “ค่ะ”

          ผมได้ยินเสียงแป้งเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติผมจะดับวูบไป
*-*-*-*-*-*





          ผมรู้สึกตัวแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ มองไปรอบๆห้องผมก็รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มากเหลือเกิน น้ำใสๆมันก็ค่อยๆไหลออกมาจากหางตาของผม ห้องนี้มันคือห้องของไอ้สกายผมจำได้ดี ผมดีใจมากที่ตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ในห้องนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมความปลอดภัยและรู้สึกได้ถึงความสุขที่ผมเคยมีกับไอ้สกาย

          “ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันไปตามเสียงก็เห็นไอ้สกายมันยืนจ้องผมอยู่

“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้” ผมเอ่ยขึ้นเสียงเบา

          “แล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะ” มันถามผมกลับ

          “เมื่อคืนมึงมาช่วยกูใช่ไหม?”

          “ฉลาดดีนี่” มันยักคิ้วให้ผมทีนึงพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

          “ขะ...ขอบใจนะ ฮึก ฮือๆ” ผมเอ่ยคำนี้ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่มันพรั่งพรูออกมา ผมร้องไห้ต่อหน้ามันอย่างไม่เหลือความอายเลยแม้แต่น้อย เสียงที่มันพูดเตือนผมวันนั้นยังก้องในหู ทำให้ผมรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อมันเพราะมัวแต่คิดตั้งแง่กับมันกับเพราะเรื่องในอดีต

          “กูบอกแล้วไงมึงหนีกูไม่พ้นหรอก” ว่าแล้วมันก็เดินเข้ามานั่งบนหัวเตียงแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดเชิงปลอบใจ ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกินที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆมาเมื่อคืน ผมร้องไห้พร้อมกอดมันแน่นราวกับว่ากลัวมันจะจากผมไปซะอย่างนั้น

          “กูเชื่อแล้วว่ากูคงหนีมึงไม่พ้นจริงๆ ฮึก” ผมพูดไปร้องไห้ไป มันเหมือนฮีโร่สำหรับผมตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกแล้ว

           มันกอดผมจนรู้สึกดีขึ้น เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเราผมกับมันจ้องตากันแล้วมันก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาเรื่อยๆ

          “ยะ...หยุดก่อนกูยังไม่อาบน้ำเลย” ผมรีบเสหน้าออกมาก่อนที่เราจะจูบกัน ก็ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่นา

           “นิดเดียวน่า” มันพยายามแกล้งยื่นใบหน้าจะมาจูบผม ผมเลยเอาหมอนฟาดไปที่ศีรษะมันหลายครั้ง

          “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกเดี๋ยวจัดให้” มันว่าแล้วก็จับมือผมดึงเข้าไปประชิดตัวมันหลังจากนั้นก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว จนผมต้องรีบเอามือไปคล้องที่คอมันไว้เพราะกลัวจะตก

          “จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้นะ” ผมเอามือข้างนึงทุบไปที่อกมันรัวๆ
           “ก็ยังไม่อาบน้ำไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะพาไปอาบน้ำไง” มันพูดแล้วทำหน้าหื่นใส่ผม จนทำให้ผมหน้าแดงเพราะเห็นหน้าหล่อแบบหื่นๆของมัน

          “ไม่เอ๊า กูจะอาบเอง” ผมบอกมันเสียงสูง

          “ไม่เอ๊า กูจะอาบให้” มันพูดล้อเลียนผมแล้วก็โน้มใบหน้ามาหอมแก้มผมทีนึง

         “ปลอยกูล๊ง!!!!!!!”

          ผมตะโกนลั่นห้องเมื่อมันอุ้มผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามที่มันพูดไว้เมื่อสักครู่ ถึงแม้ผมจะเอ่ยปากปฏิเสธห้ามมันแต่ร่างกายผมกลับตอบสนองมันทุกๆอย่างตามที่มันต้องการ มันเป็นการอาบน้ำที่สุดแสนจะวิเศษมากที่สุดในชีวิตผมจริงๆ ราวกับว่าตอนนี้ผมเริ่มมีความรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนเดิม





         หลังจากเสร็จกิจกรรมในห้องน้ำแล้วพวกผมก็มานั่งทานข้าวกันในห้องครัว วันนี้ไอ้สกายมันลงมือทำกับข้าวเองทั้งหมด มันทำเอาไว้ตอนที่ผมยังไม่ตื่นไม่รู้ว่ามันไปเรียนทำกับข้าวมาจากไหนฝีมือมันก็ใช้ได้นะครับ เมนูก็มีไข่เจียวแล้วก็ผัดผักรวมมิตร เป็นเมนูที่สุดแสนจะทำยากสุดๆ ฮ่าๆ

       “จะกินได้ไหมเนี่ย” ผมนั่งมองเมนูอาหารสองอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ  ดูจากหน้าตามันก็พอใช้ได้ล่ะครับแต่รสชาตินี่ไม่มั่นใจว่าจะโอเคหรือเปล่า

           “กินได้สิ! ลองดูอร่อยกว่าตอนที่มึงทำให้กูกินอีกนะ” มันบอก

           “เออ...ต่อไปกูคงไม่ทำให้มึงกินอีกแล้วล่ะ มึงทำเองก็อร่อยกว่ากูทำอยู่แล้วนี่” ผมพูดเหมือนน้อยใจ

           “แต่บางครั้งมันก็ไม่ค่อยอร่อยเลยอ่ะ” มันกลับคำแต่ผมไม่สนใจ

          ผมเริ่มชิมไข่เจียวก่อนเป็นอันดับแรกแล้วตามด้วยผัดผักรวมมิตร มันจ้องหน้าผมเหมือนรอฟังคำตอบว่าผมจะโอเคกับรสชาติไหม

          “เป็นไงบ้างวะ?”

          “ก็...อร่อยดี” ผมพูดไปเคี้ยวไป

          ผมมองดูสีหน้ามันดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกปลื้มใจกับคำตอบของผมมากเหลือเกิน

          “กูมีเรื่องจะถาม  เรื่องเมื่อคืนนี้” สิ่งที่ผมคาใจมากตอนนี้ก็คือเรื่องเมื่อคืน

          “ว่ามา”

          “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่นั่น” ผมถามมันออกไป

          “มึงคงไม่รู้ตัวว่าช่วงหลังๆมานี้กูคอยสะกดรอยตามมึงมาตลอด”

           “ทำไมมึงต้องทำแบบนั้นอ่ะเข้าขั้นโรคจิตอ่อนๆ” ผมว่ามัน

           “ก็จะได้คอยปกป้องดูแลมึงไง” สีหน้าที่มันพูดเหมือนรู้สึกภูมิใจเอามากๆ

          “ถือว่าเป็นโชคดีของกูสินะ...ที่มีคนโรคจิตอย่างมึงคอยสะกดรอยตาม”

          “เพราะกูรู้ไงว่ามึงกำลังตกอยู่ในอันตราย”

          “มึงไปรู้อะไรบอกกูมา แล้วอีกอย่างเรื่องแป้งกูอยากรู้ว่ากูไปทำอะไรให้มันโกรธแค้นักหนามันถึงต้องทำกับกูแบบนี้” กลับกลายเป็นว่าตอนนี้แทนที่จะทานข้าวกันแต่กลับเป็นช่วงเวลาสืบสวนสอบสวนแทนซะอย่างนั้น ฮ่าๆ

          “กูบอกเลิกแป้งหลังจากวันวันนั้นประมาณเดือนนึง กูบอกแป้งว่ากูรักมึงมาก กูลืมมึงไม่ได้ กูไม่อยากฝืนตัวเอง ตอนนั้นแป้งเสียใจร้องไห้หนักมากแล้วก็บอกกูว่าไม่มีทางที่จะลืมเรื่องนี้เด็ดขาดและจะคอยตามราวีมึงกับกูให้ถึงที่สุดหลังจากนั้นกูก็ไม่ได้เจอแป้งอีกเลย กูรู้สึกผิดมากทั้งกับแป้งและมึงเลยไม่ติดต่อใครอีกเลย  เข้ามหา’ลัยกูก็เปลี่ยนแฟนมาหลายคนแต่ก็ยังลืมมึงไม่ได้ จนมาวันนึงที่กูมาเจอมึงอีกครั้งในใจกูตอนนั้นมันคิดว่ากูไม่มีวันที่จะปล่อยมึงไปอีกแล้ว กูขอโทษที่เจอกันครั้งแรกก็ทำให้มึงต้องรู้สึกไม่ดีเลย” มันสารภาพทุกเรื่องให้ผมฟัง

          ผมได้ฟังก็รู้สึกผิดในใจเหมือนกันที่ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องเก่าๆที่มันทำให้ผมเสียใจแต่จริงๆแล้วมันเองก็เสียใจไม่ต่างจากผมเลย

           “แล้วที่มึงเตือนกูเรื่องพี่มาร์คล่ะ”

          “หลังจากวันที่มึงพาไอ้เหี้ยนั่นมาเปิดตัวกูบังเอิญเจอมันเดินควงมากับแป้ง ในตอนนั้นกูก็คิดถึงคำพูดของแป้งทันทีว่าจะคอยตามราวีมึง กูเริ่มประติดประต่อเรื่องจนคิดว่าแป้งอาจจะใช้พี่มาร์คเพื่อทำลายมึง” ถ้าผมไม่ได้เจอกับมันผมคงเสร็จไอ้พี่มาร์คแล้วก็โดนอัดคลิบโพสว่อนเน็ตประจานไปทั่วแล้ว

          “แล้วเมื่อคืนมึงทำยังไงกับพี่มาร์คและแป้งบ้างถึงเอาตัวกูออกมาได้” ผมอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมหมดสติไป

          “กูจัดการพวกมันสองคนให้แล้วไม่ต้องห่วง พวกมันไม่กล้ามาทำอะไรมึงอีกแน่นอน” มันพูดอย่างมั่นใจจนผมอยากรู้ว่ามันใช้วิธีไหนจัดการกับสองคนนั้น

          “จัดการยังไงกูอยากรู้” ผมมองหน้ามันเหมือนอ้อนวอนอยากรู้ซะเต็มประดา

          “กูฉลาดไงตอนที่ไปช่วยมึงกูก็ติดกล้องจิ๋วไปด้วย มันบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างไว้หมดกูขู่ว่าถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับมึงอีกกูจะส่งคลิปพวกนี้ให้ตำรวจดำเนินดคีตามกฏหมาย” มันพูดอย่างภาคภูมิใจกับความฉลาดของมัน ผมก็ต้องยอมมันล่ะเพราะมันผมถึงรอดมาได้

           “กู...ขอบใจมึงมากนะ” ผมบอกกับมันพร้อมมองด้วยสายตาที่จริงใจ

          “กูเต็มใจ” มันยิ้มหวานให้ผม ทำเอาผมหน้าแดงก่ำทันทีมันเขินโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว คนอะไรจะยิ้มได้หล่อแบบนี้ ตอนมัธยมผมว่ามันหล่อมากๆแล้วนะแต่ตอนนี้กลับยิ่งหล่อขึ้นไปอีก

          ผมยิ้มตอบแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไปโดยพยายามที่จะไม่มองหน้ามัน ไม่เช่นนั้นคงทานข้าวไม่อิ่มกันพอดี

            “กินข้าวแล้วมึงจะไปไหนต่อไหมล่ะ” อยู่ๆมันก็ถามผมขึ้นมาทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ

           “กลับห้อง”

          “เดี๋ยวกูไปส่ง”

          “อื้ม” ผมตอบกลับสั้นๆ






           หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยผมก็เก็บจานเพื่อที่จะนำไปล้าง ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ซิงค์ล้างจานเรียบร้อยแล้ว

          “เดี๋ยวกูช่วย”

           “ไม่เป็นไรจานแค่ไม่กี่ใบเองกูล้างคนเดียวได้สบาย” ผมบอกมัน

          “ไม่เอากูอยากล้างช่วย” มันทำท่างอแงเหมือนกับเด็ก

          “เออๆแล้วแต่มึง” ผมเอือมระอากับท่าทีของมันเหลือเกิน

          ตอนนี้ผมกำลังยืนล้างจานอยู่ส่วนไอ้สกายเองก็ยืนดูอยู่ข้างๆ ผมกะจะให้มันช่วยแค่เก็บจานไว้ในชั้นแค่นั้น  แต่มันกลับมายืนซ้อนหลังผมแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับมือผมที่ตอนนี้กำลังล้างจานอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอ้อมแขนมัน

          “ทำอะไรเนี่ยมึงมีหน้าที่แค่เอาจานไปเก็บบนชั้น นี่กูจะล้างเอง” ผมเอ็ดมันพร้อมกับหันหน้าไปข้างๆ

          “อยู่นิ่งๆสิวะ”

          มันพูดขณะที่คางของมันกำลังเกยที่ไหลของผม ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่อย่างนั้นให้มันจับมือผมล้างจานไปเรื่อยๆตามใจมัน  แทนที่จะเสร็จเร็วแต่มันกลับเสร็จช้าทั้งๆที่มีจานแค่ไม่กี่ใบ

         “คิดถึงช่วงเวลานั้นจัง” อยู่ๆมันก็เอ่ยออกมาขณะที่จานใบสุดท้ายกำลังจะล้างเสร็จ

         ผมได้ยินมันพูดก็ยิ้มน้อยๆออกมาทันที ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมันผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีรวมถึงความอบอุ่น ความสุขที่ตอนนี้มันย้อนกลับมาอีกครั้ง

         ผมค่อยๆเอียงหน้าไปมองมันซึ่งตอนนี้อยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว  เราจ้องตากันแล้วมันก็ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาเรื่อยๆจนริมฝีปากของเราสัมผัสกัน มันค่อยๆบดริมฝีปากเบาๆแล้วค่อยๆเพิ่มจังหวะความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของเราทั้งสองคนสัมผัสหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงลมหายใจของผมที่มันดังถี่ขึ้นยิ่งช่วยเพิ่มความต้องการของมันให้มากขึ้น มันเป็นการล้างจานที่ดูจะแปลกใหม่สำหรับผมและมีความสุขที่สุดก็ว่าได้



...เมื่อมีความรักดีๆเข้ามาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น..

*-*-*-*-*-*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 23:36:16 โดย azaki »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
โอ๊ยยยย..ถ้าได้เจออย่างสกายซักคน
กรูยอมมมมมมมมม..มมมมม

ยอมให้หมดเล๊ยยยยยยยยยยยยย
กรูละลายยยยยยยยยยยย ฮ่าฺฮ่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านตอนนี้แล้ว ใจละลายไปหมดแย้วววววว  :m3:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 24 ความเสียใจ



Pangpond’s Part :

            วันนี้หลังจากทำงานกลุ่มที่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับไอ้ตองก็มาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ส่วนพี่ตี๋น่ะเหรอโทรมาตั้งแต่เช้าแล้วบอกว่าติดทำงานส่งอาจารย์เลยอดเจอกันเลยวันนี้

            “จะดูหนังหรือไปซื้อของก่อนอ่ะ” ตองมันถามผมขณะที่เรากำลังยืนอยู่บนบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปชั้นสองของตัวห้าง

            “ฉันว่าเราไปเดินดูของก่อนไหมแล้วค่อยไปดูหนัง เดินดูเฉยๆดูหนังแล้วค่อยไปซื้ออีกทีเวลาเหลือเยอะแยะ” ผมตอบ

            “เคๆ ถ้างั้นก็ไปโซนโน้นเลย” ตองชี้ไปที่โซนขายเสื้อผ้าแฟชั่น

            เมื่อมาถึงร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งตองมันก็สนใจเดินเข้าไปดู ไอ้นี่มันชอบเสื้อผ้าสไตล์เกาหลีมากๆ นอกจากจะเป็นสาววายตัวยงแล้วมันก็เป็นติ่งนักร้องโอปป้าเกาหลีวงต่างๆอีกด้วย

            “แกฉันชอบเสื้อตัวนี้สวยป่ะ” ตองมันรีบเดินเข้าไปเลือกทันทีที่เจอเสื้อที่มันถูกใจ

            “เออสวยว่ะ เหมาะกับแกมาก” ผมเอ่ยชมขณะที่ตองมันกำลังเอาเสื้อมาทาบที่ตัวเองให้ผมดู

            ผมยืนดูไอ้ตองมันเลือกเสื้อได้สักพักก็บังเอิญเห็นใครบางคนที่คุ้นเคย เดินมากับผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางกระหนุงกระหนิงแถมมีการควงแขนกันด้วย มันไม่ใช่ใครครับพี่ตี๋นั่นเอง

            ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงมากเพราะรู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น พี่ตี๋ที่เคยบอกว่ารักผมมากเหลือเกินตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ผมไม่น่าไว้ใจที่สุด

            “พี่ตี๋” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะที่สายตายังคงมองสองคนนั้นที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านข้างๆ

            “ปอนด์แกดูชุดนี้สะ....” ตองมันเดินมาจะพูดกับผมแต่มันต้องหยุดชะงักเพราะมันเห็นภาพนั้นเหมือนกันกับผม

            “ฮึก” ผมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

            “ปอนด์แกอย่าร้องสิ” ตองมันมองหน้าผมที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความเสียใจ ผมไม่อายคนแถวนั้นที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยแม้แต่น้อย

            “ฉะ..ฉันรู้สึกแย่มาก ฮึกๆ ฮือ” ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย ตองมันก็จะร้องไห้ตามผมไปด้วย

            “มากับฉัน! ให้มันรู้ไปเลยว่าพี่ตี๋จะเอายังไง” ตองมันจูงมือผมจะเดินเข้าไปหาสองคนนั้น

            “ไม่! ฉันไม่ไป ฉันเกลียดพี่ตี๋” ผมบอกแล้วจะเดินออกจากร้าน

            “แกต้องไปอย่างน้อยก็ให้มันรู้ไปเลยว่าพี่ชายเลวๆของฉันมันจะเลือกใคร” ตองมันยังยืนยันที่จะพาผมไป

            เอาวะเป็นไงเป็นกันผมก็รู้สึกคลางแคลงใจเหมือนกันกับเส้นผมบนรถวันนั้น ถ้าจะแตกหักก็ให้มันแตกไปเลยวันนี้ดีกว่าโดนหลอกไปเรื่อยๆ

            “ไปก็ไป” ผมพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ตอง

            ตองเดินจูงมือผมไปส่วนผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาตัวเองให้หมด ผมไม่อยากอ่อนแอให้สองคนนั้นเห็น

            เมื่อเดินไปถึงพี่ตี๋เห็นพวกผมก็ทำสีหน้าตกใจยกใหญ่ดูท่าทางรนๆอย่างเห็นได้ชัด ก็แน่ล่ะคนขี้โกหกหลอกลวงต้องวัวสันหลังหวะเป็นธรรมดา

            “ตอง ปอนด์” พี่ตี๋เอ่ยออกมาเบาๆเมื่อเห็นพวกผมยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมมองพี่ตี๋ด้วยสายตาที่ผิดหวังและเสียใจเป็นที่สุด ส่วนเค้าน่ะเหรอก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่พวกผมอย่างงงๆ

            “ใครเหรอค่ะตี๋” สาวสวยคนนั้นเอ่ยออกมาด้วยท่าทีแบบผู้ดี๊ผู้ดี มิน่าล่ะพี่ตี๋ถึงได้นอกใจผมก็เค้าออกจะสวยและน่ารักขนาดนี้ ถ้าเค้ารักกันจริงๆและพี่ตี๋เลือกเค้าผมก็ยินดีจะหลีกทางให้

            “นะ...นี่ตองน้องสาวพี่เอง ส่วนนั่นก็...เอ่อ...” พี่ตี๋พูดไม่ออก ผมเลยตอบแทนเอง

            “ผมเป็นแค่เพื่อนของตองครับ” ผมฝืนยิ้มให้เธอคนนั้น ส่วนตองที่ยืนอยู่ข้างๆก็ชักสีหน้าใส่พี่ชายและผู้หญิงของพี่ตี๋

            “พี่ตี๋ทำไมทำแบบนี้” ตองมันเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออดผมมองมันก็รู้แล้วว่ามันโกรธมากขนาดไหน

            “ตองพอเถอะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร” ผมบอกตองก่อนที่มันจะระเบิดคำพูดออกมาทำให้เค้าอึดอัดใจกันมากกว่านี้

            “ปอนด์แกไม่เห็นเหรอว่าพี่มันหยามแกขนาดไหน” ตองมันพูดขึ้นแล้วชี้หน้าไปพี่ชายตัวดีของมัน

            ผมมองหน้าพี่ตี๋ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด ผมผิดหวังมากที่เค้าไม่เอ่ยอะไรเลยเอาแต่เงียบปล่อยให้พวกผมบ้ากันไปเอง

            “มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าตี๋ เมย์งงไปหมดแล้ว” เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้างงๆ ส่วนมือยังเกาะที่แขนของพี่ตี๋อยู่ ผมมองแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ

            “ไม่มีอะไรครับเมย์ เดี๋ยวเราไปกันเถอะ ปล่อยให้น้องๆเค้าไปซื้อของต่อ” พี่ตี๋พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้คนของเขารู้เรื่องของผม มันน่าเจ็บใจสุดๆลับหลังผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเหมือนกบที่อยู่ในกะลาวันๆอยู่แต่ในโรงเรียนส่วนเค้าก็ไปร่าเริงที่มหาวิทยาลัยกับผู้หญิงคนนั้น

            “พี่ตี๋ทำไมเป็นคนแบบนี้” ตองมันยังพูดต่อ

            “ตองกลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยคุยกัน” พี่ตี๋ว่าแล้วก็พาผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปทิ้งให้พวกผมสองคนยืนอึ้งกับท่าทีของเขา ทำไมพี่ตี๋คนเดิมที่ผมรู้จักหายไปไหนแล้ว คนที่เคยบอกรักผมซ้ำๆไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแม้แต่คำพูดอธิบายออกจากปากเค้าเลยแม้แต่น้อย

            “แกฉันขอโทษแทนพี่ชายฉันด้วยนะ” ตองมันพูดเสียงอ่อย ผมรับรู้ได้ว่ามันก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยไปกว่าผมเพราะกว่ามันจะเชียร์คู่เราให้รักกันได้มันต้องใช้ความพยายามมากจริงๆ

            “ไม่เป็นไรหรอกแกความรักมันก็อย่างนี้ล่ะไม่ใครก็ใครที่ต้องโดนทิ้ง และฉันเองเป็นคนที่โชคร้ายคนนั้นที่โดนทิ้งก่อน” ผมพูดด้วยเสียงสั่นเครือและพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา ตอนนี้คางผมมันสั่นเหมือนคนจะร้องไห้เต็มทีแล้ว   

            “ถ้างั้นเรากลับกันเลยไหม?” มันคงรู้ว่าผมคงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว

            “อืม” ผมตอบสั้นๆก่อนที่ตองมันจะเอื้อมมือน้อยๆของมันมาจับที่บ่าของผมเชิงปลอบใจแล้วเราก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที

*-*-*-*-*-*

           



            ตอนนี้ผมลงมาจากรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว มันเหมือนโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยงๆ มองไปทางไหนก็ดูเป็นสีเทาไปหมด พอเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นพี่ปอมนั่งดูทีวีอยู่วันนี้เป็นวันหยุดพี่ปอมแกจะกลับมาบ้านทุกอาทิตย์

            “ทำไมเดินคอตกมาแบบนั้นล่ะน้องพี่” พี่ปอมแกทักผม ผมเองก็ฝืนยิ้มให้แต่มันคงไม่สามารถปกปิดความทุกข์ในใจผมตอนนี้ไปได้

            “ไม่มีอะไรครับพี่ปอม พอดีปอนด์เหนื่อยๆ เดี๋ยวปอนด์ขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ”

“มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะน้อง” พี่เค้าคงดูออกว่าผมต้องมีเรื่องทุกข์ใจอยู่

“ครับพี่ปอม” ผมพูดแล้วเดินขึ้นข้างบนทันที

            ปัง!!!!

            ผมปิดประตูห้องแล้วก็ทิ้งกระเป๋านักเรียนลงตรงนั้นแล้วเดินไปที่เตียงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วก็ร้องไห้ออกมาโดยทันที ผมไม่เคยเสียใจอะไรขนาดนี้มาก่อนความทุกข์มันมาเร็วขนาดนี้เลยหรือทั้งๆที่วันก่อนผมยังมีความสุขอยู่เลยไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ

            “ฮือๆๆทำไมพี่ตี๋ทำกับผมแบบนี้ ทำไม ฮือๆๆ” ผมกำมือแล้วทุบลงที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ที่ตอนนี้มันอัดแน่นในอกผมมากเหลือเกิน

            “ฮึก ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดแล้วมันยิ่งเจ็บใจไม่มีแม้แต่ข้อความหรือคำพูดใดๆมาอธิบายให้ผมได้เข้าใจในสิ่งที่พี่เค้าทำเลยแม้แต่น้อยนั่นมันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมากที่สุด

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ แล้วลุกขึ้นมาเช็ดน้ำตาทันที

            “ปอนด์ให้พี่เข้าไปได้ไหม?” พี่ปอมนั่นเอง

            “เข้ามาเลยครับพี่ปอม” ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “พี่เห็นเราไม่ค่อยดีเท่าไรเลยขึ้นมาดู มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พี่ปอมเดินเข้ามาลูบศรีษะผมอย่างเอ็นดู

            “พี่ปอม ฮึก ฮือๆๆๆ” ผมรีบโผกอดพี่ปอมทันทีในตอนนี้ผมต้องการที่ปรึกษามากที่สุดเพราะมันมืดมนไปหมดทุกทางเลย

            “ปอนด์เป็นอะไรบอกพี่มา”

            “พะ...พี่ตี๋เค้า ฮือๆๆ”

            “ตี๋มันทำไม?” พี่ปอมถามอย่างร้อนใจ

            “พี่ตี๋เค้ามีคนอื่นแล้วครับ ฮือๆๆ” ผมพูดไปร้องไห้ไปมันไม่สามารถที่จะหยุดร้องได้เลยตอนนี้ ผมเกลียดพี่ตี๋ที่สุด

            “ทำไมมันทำกับน้องพี่แบบนี้ แล้วนี่ได้คุยกันบ้างหรือยัง”

            “พี่เค้าไม่ยอมอธิบายอะไรเลย แต่วันนี้ปอนด์เจอพี่เค้ามากับผู้หญิงคนนั้นเค้าควงกันมาเย้ยปอนด์ ฮึก” ผมตอบไปสะอื้นไป

            “ร้องให้เต็มที่เลยน้องรักพี่จะคอยอยู่ข้างๆปอนด์เอง เดี๋ยวพี่จะไปเคลียร์กับไอ้ตี๋ให้เอง” พี่ปอมบอก

            “พี่ปอม ฮึก ไม่ต้องหรอกครับผมเกลียดพี่ตี๋ผมไม่อยากเจอหน้าเค้า ผมไม่อยากได้ยินชื่อของเค้าอีก ฮึก”

            “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นปอนด์ต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ อย่าให้เค้าเห็นความอ่อนแอของเรา วันนี้พี่ให้ปอนด์ร้องให้เต็มที่ อ่อนแอให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งนี้พี่ต้องไม่เห็นคนขี้แยคนนี้อีกนะ สัญญากับพี่ได้ไหม”

            “ครับ ปอนด์สัญญา” ผมรับปากพี่ปอม ผมต้องเข้มแข็งให้ได้ พรุ่งนี้ผมจะพยายามให้ได้

            “ถ้าอย่างนั้นรีบอาบน้ำซะ แล้วลงไปกินข้าวกัน พี่จะรออยู่ข้างล่างนะ” พี่ปอมพูดแล้วก็ลูบที่ศีรษะผมอย่างเอ็นดู

            “ครับเดี๋ยวปอนด์ลงไป”

            พูดจบพี่ปอมก็เดินลงไปข้างล่าง อย่างน้อยวันนี้ผมก็สบายใจขึ้นมากแล้ว คนที่รักและจริงใจกับผมก็คงจะมีคนในครอบครัวนี่ล่ะครับที่ไม่ทิ้งเวลาที่เราเสียใจ

            ผมลองเปิดดูข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือแต่มันก็ไม่มีข้อความใดๆจากพี่ตี๋เลย มีแต่ข้อความจากตองที่มันส่งมาให้กำลังใจผม สงสัยมันคงจะอาละวาดพี่ชายมันแล้วในตอนนี้ ผมตัดสินใจบล็อคไลน์และเบอร์โทรของพี่ตี๋ไม่ให้เค้าติดต่อผมได้อีก  พรุ่งนี้ผมจะเป็นปังปอนด์คนใหม่ผมจะไม่ขี้แยแบบนี้...





Pom’s Part :

            หลังจากวันนั้นที่น้องชายผมโดนไอ้ตี๋ทำร้ายจิตใจ ผมก็รีบโทรหาไอ้สกายให้นัดเพื่อนมันมาเพราะต้องการรู้ความจริงทั้งหมดว่าทำไมมันถึงทำกับน้องผมแบบนี้ ซึ่งตอนนี้มันก็นั่งอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

            “ทำไมตี๋ถึงทำกับน้องเราแบบนี้ไหนบอกจะไม่ทำให้ปอนด์เสียใจไงวะ” ผมพูดเสียงดังใส่ไอ้ตี๋ด้วยอารมณ์ที่มันเดือดพล่าน

            “เราขอโทษคือ...เรายอมรับผิดทุกอย่าง” มันเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสู้หน้าผม

            “แสดงว่ามันคือเรื่องจริงที่นายผู้หญิงมีคนใหม่ ทำไมวะทำไม” ผมถาม

            “...............” มันไม่ตอบเอาแต่เงียบ จนผมเริ่มโมโหแล้วตะคอกใส่มัน

            “ตอบสิวะ!” ผมเริ่มเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นจะไปกระชากคอเสื้อของไอ้ตี๋แต่ไอ้สกายมันดึงผมเอาไว้ก่อน

            “ใจเย็นสิวะ” สกายมันโอบไหล่ผมไว้

            “จะให้เย็นได้ไงดูเพื่อนมึงสิเอาแต่เงียบ แล้วจะรู้เรื่องอะไรได้ล่ะแบบนี้” ผมบอกมันไป

            “มึงอย่าเอาแต่เงียบสิวะไอ้ตี๋ พูดความจริงมาให้เรื่องมันกระจ่างสักที” สกายมันคงเบื่อหน่ายกับท่าทีของไอ้ตี๋เช่นกันเลยเอ่ยออกไปแบบนั้น

            “กูยอมรับผิดทุกอย่าง กูคบกับเมย์จริงๆ พวกกูย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วแต่ยังไม่ได้บอกปอนด์ แต่ไม่ใช่ว่ากูไม่ได้รักปอนด์แล้วนะเว้ย เพียงแต่กูอยู่กับเมย์แล้วมันมีความสุขมากกว่าและอีกอย่างเมย์ก็มีเวลาให้กูมากกว่าปอนด์” มันพูดออกมาจนผมแทบจะทนฟังไม่ได้ มันทำแบบนี้เหมือนกับว่าน้องผมเป็นของเล่นแล้วทำไมไม่บอกเลิกกันไปให้มันจบๆ ทำไมต้องให้ปอนด์มันมาเจอเองกับตัวซึ่งแบบนี้มันจะเสียใจมากกว่าโดนบอกเลิกซะอีก

            “ไอ้คนเห็นแก่ตัว ทำไมมึงไม่บอกน้องกูตั้งแต่แรกวะ ทำไมมึงต้องให้มันรู้เอง รู้ไหมมันเสียใจมากแค่ไหน ต่อไปนี้มึงห้ามมาให้กูกับน้องกูเห็นหน้าอีก” ผมตะโกนใส่หน้ามันตอนนี้หน้าของผมมันมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติเพราะความโมโห ใบหน้าของผมมันร้อนผ่าวราวกับโดนไฟลนซะอย่างนั้น

            ผลั๊วะ!

            ผมชกหน้าไอ้ตี๋ไปหนึ่งทีจนมันฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกับมีเลือดซึมออกที่มุมปาก

            “นี่มันยังน้อยไปสำหรับที่มึงทำร้ายจิตใจน้องกู!” ผมพูดแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที

            “ปอมรอก่อนสิวะ” เสียงไอ้สกายตะโกนตามหลังผมมา มันรีบวิ่งมาเดินข้างๆผมแล้วก็โอบไหล่แล้วลูบวนไปมาเชิงปลอบประโลมให้ผมให้รู้สึกใจเย็นลง

            “ทำไมน้องกูต้องมาเจอคนนิสัยแย่ๆอย่างนี้วะ” ผมพูดไปพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาที่แก้มไปด้วย นี่ขนาดผมไม่ใช่ปอนด์ผมยังรู้สึกแย่กับคำพูดของมันเมื่อสักครู่ แล้วถ้าปอนด์มันเป็นคนได้ยินเองคงจะเป็นลมเป็นแล้งไปอย่างแน่นอน

            “ใจเย็นๆสิวะไอ้ตี๋มันคงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอกมั้ง”

            ผมรีบมองหน้าไอ้สกายตาขวางทันทีมันพูดเหมือนกับว่าเพื่อนของมันไม่ผิดซะอย่างนั้น

            “ใช่สิพวกมึงเป็นเพื่อนสนิทกันนี่”

            “ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้ผิดนะเว้ยเพียงแต่ว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้ไง จะให้ทำยังไงล่ะก็เหมือนกับกูไงที่ห้ามใจตัวเองไม่ให้รักมึงไม่ได้ ไอ้ตี๋มันคงเป็นแบบนั้น” ไอ้สกายมันอธิบายให้ผมฟัง ผมได้ยินก็รู้สึกใจอ่อนลงทันที นั่นสินะความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่เป็นน้องผมเองที่มันโชคร้ายเจอคนที่จิตใจโลเลแบบนี้

            “สกายกูสงสารปังปอนด์จัง กูเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กูเข้าใจความรู้สึกนี้ดี” ผมมองหน้าไอ้สกายอย่างเป็นกังวลใจ

            “อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้ปอนด์ยังเด็กถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้มันจะทำให้ในอนาคตเค้ามีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น และในตอนนั้นคงไม่มีอะไรที่จะสามารถทำร้ายจิตใจน้องมันได้อย่างแน่นอน กูเชื่อว่าอีกไม่นานปอนด์คงจะดีขึ้นเพราะมีครอบครัวที่เข้าใจและเพื่อนดีๆคอยอยู่เคียงข้าง” นี้เป็นคำพูดของไอ้สกายจริงๆหรือนี่ มันดูมีพลังที่ทำให้ความกังวลในใจผมมันหายไปในทันที มันทำให้ผมคิดได้ว่าต้องทำยังไงให้น้องของผมรู้สึกดีขึ้นและเข้มแข็งขึ้นได้

            “กูขอบใจมึงมากนะที่อยู่กับกูในช่วงเวลาที่แย่ๆแบบนี้” ผมพูดแล้วก็โอบกอดมันทันที ผมกอดมันแน่นราวกับว่าไม่อยากให้มันออกจากอ้อมแขนผมไปไหนได้อีก มันเองก็กอดผมตอบเรายืนกอดกันอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนลืมไปว่าที่ตรงทางเดินนั้นมีคนเดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองพวกผมอยู่ แต่ผมไม่ได้ให้ค่ากับสายตาพวกนั้นหรอกเพราะผมสนใจแค่คนที่ผมกอดอยู่ตอนนี้เท่านั้น


-------------------------------------------------------------------
อีกตอนเดียวก็จะจบแล้วนะครับ รอลุ้นกันว่าเรื่องราวตอนจบจะเป็นยังไง ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ
ทุกคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนได้ดีมากๆเลยครับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอ้หน้าส้นตีน
อย่าหวนกลับมาหาก็แล้วกัน
กรูจะเอาตีนกระทืบหน้า

หล่อตายห่าล่ะไอ้เหี้ย
สันดานดอกกก
#ไอ้ตี๋#เออ..กูด่าเมิงคนเดียวเลย

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อย่าได้กลับมานะมึง ไอ้เหี้ยตี๋!!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โถ่ พ่อตี๋ คนดีศรีสังคม ดันมาตกม้าตายตอนจบซะได้  :fire: :fire:

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลรักลวงใจ

ตอนที่ 25 END



@มหาวิทยาลัย C

            ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนๆทุกคนและได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้พวกมันฟัง

            “ไอ้พี่มาร์คแม่งเหี้ยโคตรๆ” สนิมมันสบถออกมาเป็นคนแรก

            “แม่งเลวว่ะ! ทำแบบนี้ได้ไงถ้าเจอหน้ากูจะกระทืบแม่ง” พอร์ชเสริมอีกเสียง

            “มึงต้องไปเงี้ยงข้าวไอ้สกายมื้อใหญ่เลยนะเว้ยที่มันอุตส่าห์ช่วยมึงไว้” เปอร์มันบอก

            “ถือว่ามึงโชคดีมากๆที่ไอ้สกายไปเจอเหตุการณ์พอดี” ดาวพูดกับผม

            “กูก็ว่างั้นล่ะ” ผมตอบ

            ผมนั่งฟังเพื่อนๆ พากันรุมด่าและแช่งพี่มาร์คจนพอใจแล้วก็ตัดสินใจจะบอกความจริงเรื่องผมกับไอ้สกายด้วย ขนาดผมเล่าให้พวกมันฟังว่าไอ้สกายบังเอิญมาช่วยผมไว้พวกมันยังไม่เอะใจอะไรเลยจริงๆเพื่อนผมแม่งซื่อกันจริงๆ ฮ่าๆ

            “นอกจากเรื่องพี่มาร์คแล้วกูยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกมึง” ผมมองหน้าเพื่อนๆ

            “เรื่องพี่มาร์คนี่ยังเซอไพรซ์พวกกูไม่พออีกหรือเนี่ย” ดาวมันเอ่ยออกมาแต่สีหน้านี่มันอยากรู้เอามากๆ

            “รีบพูดมาพวกกูอยากจะรู้เต็มทีแล้วเนี่ย” ไอ้เปอร์เอ่ย

            “คือ...ตอนนี้กูกำลังคุยกับคนๆนึงอยู่” ผมเอ่ยออกมาแล้วสังเกตสีหน้าพวกมันเหมือนจะเหวออยู่ไม่น้อย  เพราะผมเพิ่งจะมีเรื่องกับพี่มาร์คมาแต่กลับกลายเป็นว่ามีคนใหม่เร็วซะเหลือเกิน อยากจะบอกว่าไม่ใช่คนใหม่เว้ยคนเก่าเอามาเล่าใหม่เฉยๆ

            “ไอ้ปอมมึงนี่แรดจังวะเรื่องพี่มาร์คเพิ่งจะจบไปมีใหม่เร็วจริงๆ” สนิมมันพูดขึ้นเสียงดังจนผมต้องปรามมันไว้เพราะตอนนี้พวกเรานั่งที่โต๊ะใต้ตึกคณะ

            “จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนใหม่อะไรหรอก ก็เคยคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว” ผมบอกพวกมันด้วยท่าทีเขินอาย

            “ไหนบอกไม่เคยมีแฟน มึงนี่ยังไงวะกูเริ่มงงกับมึงแล้วเนี่ย” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

            “แล้วมึงจะบอกได้หรือยังว่าใคร” ดาวมันเริ่มจี้ผม

            “เออๆ บอกก็ได้เว้ย”

            ทุกคนจ้องมองมาที่ผมรอลุ้นว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร

            “คนๆนั้นก็คือ...คนที่กำลังเดินมานั่นไง” ผมพูดแล้วโบ้ยหน้าไปที่ไอ้สกายที่กำลังเดินมากับบีมพอดี มันมาได้เวลาเหมาะเจาะพอดี๊พอดี

            “สกายเนี่ยนะ” ดาวพูดออกมาแบบไม่อยากจะเชื่อ ดูสีหน้าทุกคนก็มองผมเหมือนว่ากำลังโกหกซะอย่างนั้น

            “มึงอย่ามาล้อเล่น” เปอร์มันพูดกับผมแล้วชี้หน้าอย่างคาดโทษ

            ผมไม่พูดอะไรได้แต่นั่งยิ้มให้พวกมัน เมื่อสองคนนั้นมาถึงผมก็เขยิบที่นั่งข้างๆ ไว้เผื่อให้ไอ้สกาย  เมื่อมาถึงมันก็มองมาที่ผมแล้วก็ส่งยิ้มให้ ส่วนผมเองก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้าให้มันแล้วตบที่ว่างข้างๆ เป็นการสื่อบอกให้มันมานั่งตรงนี้  ส่วนเพื่อนๆ ก็มองผมกับไอ้สกายสลับไปมาด้วยความประหลาดใจ

            “คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ” ไอ้บีมมันเอ่ยถามเมื่อเข้าไปนั่งข้างๆ ดาวส่วนไอ้สกายนะเหรอก็ต้องนั่งข้างๆผมอยู่แล้วครับ

            “เอ่อ...พวกเรากำลังคุยเรื่องปอมกับ...สกาย” ดาวมันตอบแล้วปรายตาไปมองไอ้สกายที่กำลังมองเพื่อนๆ ผมอย่างงงๆ

            “เรื่องเรากับปอม...ทำไมเหรอ?” สกายมันถามกลับ ผมเองยังไม่ได้มันว่าจะพูดเรื่องนี้กับเพื่อนผมมันเลยยังงงอยู่

            “เออ! นั่นสิอย่าบอกนะว่าปอมกับไอ้สกายแอบไปคบกัน ฮ่าๆๆ” บีมพูดแล้วขำออกมายกใหญ่

            “เรื่องนั้นนั่นล่ะ” ดาวมันพูดกับบีมจากที่หัวเราะตอนนี้บีมรีบหุบยิ้มลงทันทีแล้วหันหน้ามามองพวกผมทั้งสองคนอย่างงุนงง

            “ไอ้สกายมึงอย่าบอกนะว่ามึงกับปอม” บีมเอ่ยถามไอ้สกายที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ตรงข้าม

            อยู่ๆมันก็มาจับมือผมไปวางไว้ที่ตักมันแล้วเอามืออีกข้างมากุมมือผมไว้ เรามองตาแล้วยิ้มให้กัน

            “ใช่ กูกับปอมคบกัน” มันตอบบีมไป ดูสีหน้าแต่ละคนอึ้งน่าดูเพราะอยู่ๆผมกับสกายมาเปิดตัวแบบไม่มีปีมีขลุ่ยเลยทีเดียว

            “เฮ้ย! พวกมึงไปคุยกันตอนไหนวะเนี่ยไวไฟสัด” บีมมันพูดออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

            “จริงๆแล้วกูกับสกายเคยเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกัน” ผมบอกกับทุกคน

            “อ้าว! แล้วทำไมตอนแรกที่เจอกันกูไม่เห็นว่าพวกมึงจะทักทายเหมือนคนรู้จักเลย” สนิมมันถาม

            “เรื่องนี้เราขออธิบายเอง พอดีว่าสมัยเรียนมัธยมเราเคยมีเรื่องผิดใจกันเลยทำเหมือนไม่รู้จักกันแต่ตอนนี้เราเข้าใจกันดีแล้ว” มันพูดแล้วหันมายิ้มให้ผม

            “กูว่าแล้วว่าทำไมเวลาพวกมึงสองคนมองกันมันดูแปลกๆเหมือนมีอะไรแต่กูก็ไม่ได้เอะใจ” พอร์ชมันเอ่ยออกมา

            “ถามจริง? เคยมีอะไรกันยัง?” ไอ้เปอร์มันถามคำถามโคตรน่าเกลียดจนผมอดไม่ได้เลยด่ามันกลับไป

            “ไอ้เหี้ยเปอร์มึงถามเหี้ยอะไรวะ กูไม่ตอบเว้ย” ผมตอบมันกลับไปแต่หน้าผมตอนนี้เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดงอมชมพูไปแล้ว

            “กูไม่ได้ให้มึงตอบ แต่กูจะให้สกายตอบ” มันยังหน้าด้านหันไปถามไอ้สกายต่อ ผมส่งสายตาอำมหิตให้ไอ้สกายทันทีเชิงสื่อว่าถ้ามึงพูดมึงตาย!

            “คือ...จะพูดยังไงดีล่ะ” มันพูดพร้อมกับเอามือไปเกาหลังคออย่างเขินๆ เวลามันเขินก็น่ารักไปอีกแบบนะเนี่ย

            “ไม่ต้องเขินเว้ยลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับสิวะ” พอร์ชมันเอ่ยขึ้นมาผมได้ยินก็ชี้หน้ามันทันที

            “จริงๆแล้วก็เคยครั้งนึงล่ะ แต่สมัยมัธยมก็หลายครั้งอยู่” มันพูดไปยิ้มไปแต่ผมนี่สิแทบเอาปี๊บคุมหัวแล้ว ก็เพื่อนๆทั้งกลุ่มมันพากันหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่  ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้สกายมันจะมีโมเม้นท์ซื่อๆแบบนี้ แต่ก่อนนี่นะอย่างกับซาตาน

            “ไอ้เหี้ยสกายกูเสียหายนะเว้ย” ผมด่ามันออกไปพร้อมกับชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

            “เสียหายเหี้ยอะไรท้องก็ท้องไม่ได้สกายมันทำถูกแล้วโว้ยไอ้ปอม” สนิมมันพูดเข้าข้างไอ้สกาย

            “จำไว้เลยต่อไปนี้มึงจะไม่ได้อะไรจากกูอีก” ผมคาดโทษมันไว้

            “โอ๋ๆ เค้าขอโทษน้า ก็คนมันซื่ออ่ะเพื่อนถามมากูก็ตอบไปตามความจริง” มันพูดจาแบบใสซื่อแล้วเอียงศีรษะมาซบที่บ่าของผมอย่างอ้อนๆแต่จริงๆมันกวนผมครับผมรู้

            “โอ้ย! อย่ามาหวานกันแถวนี้กูอิจฉาโว้ย!” เปอร์มันพูดเสียงดัง

            “ปล่อยมันเถอะเปอร์ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ล่ะอีกหน่อยมึงคงจะได้อุ้มหลานแน่ๆ” ดาวมันเอ่ยออกมาแกมตลก

            “ตอนนี้ทุกเรื่องก็ลงตัวหมดแล้วกูว่าวันหยุดต่อเนื่องสามวันสัปดาห์หน้าเราไปเที่ยวทะเลกันไหมวะ” พอร์ชเสนอขึ้นมา

            ผมเองก็เห็นด้วยนะที่จะได้ไปคลายเครียดซะบ้างผ่านเรื่องร้ายๆมาก็เยอะ ดีเหมือนกันผมจะได้ชวนชวนปังปอนด์ไปด้วยเพราะอยากให้น้องมันสบายใจขึ้นและได้ไปพักผ่อนสมองด้วย

            “กูเห็นด้วยไปกันหมดนี่ล่ะจะได้ไปพักผ่อนสมองบ้างไหนจะเรื่องเรียนไหนจะเรื่องไอ้ปอมทำเอาซะกูหัวหมุนเหมือนกันนะเนี่ย” เปอร์มันบอกดูท่าคนที่เครียดหนักกว่าผมน่าจะเป็นมันนะครับ ฮ่าๆ

            “กูว่าจะชวนน้องไปด้วยได้ป่ะ”

            “เอาสิไปกันเยอะๆ ไปเช่าบ้านพักริมทะเล ปิ้งย่างอาหารทะเล เล่นกีตาร์ โอ๊ย! พูดแล้วก็อยากไปซะตอนนี้เลย” เป็นไอ้เปอร์อีกแล้วครับมันช่างเพ้อฝันอะไรเบอร์นี้

            “เคๆถ้างั้นตามนี้ห้ามใครถอนตัวนะมึงกูโกรธจริงๆด้วย” พอร์ชมันบอกกับทุกคน

            พวกเราคุยกันได้ไม่นานก็พากันแยกย้ายกลับ

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไอ้สกายมันกำลังจะไปส่งผมที่หอพักแต่ดูท่าทางแล้วมันคงพาผมไปคอนโดมันมากกว่า

“สรุปมึงจะไปส่งกูที่คอนโดมึงว่างั้น” ผมเอ่ยแล้วหันไปมองหน้ามัน

            “อ้าว! กูบอกว่าจะไปส่งมึงที่หอเหรอ” มันทำหน้าตากวนตีนใส่ผม

            “มึงอย่าหวังนะว่ามึงจะได้อีกกูบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง” ผมพูดย้ำกับมันก็ไปห้องมันทีไรต้องมีเรื่องนี้ตลอด

            “กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ยให้โอกาสกูหน่อยนะครับที่รัก” มันพูดเสียงอ้อน

            “โนเวย์” ผมบอกแล้วนั่งเงียบและเล่นโทรศัพท์มือถือไปตลอดทาง

            มันพาผมมาที่คอนโดมันจริงๆ ผมก็ยอมตามมันไปแต่โดยดี ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันจะยิ้มแย้มและอารมณ์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นเพราะผมหรือเปล่า(แอบคิดเข้าข้างตัวเอง) แต่ถึงอย่างไรมันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วถ้ามันมีความสุขผมก็มีความสุขตามไปด้วย

            “เชิญครับคุณแฟน” มันจอดรถแล้วรีบเดินออกมาเปิดประตูรถให้  ในใจผมนี่มันพองโตมากแต่สีหน้าต้องนิ่งเอาไว้ก่อนกลัวมันได้ใจ

            “ใครเป็นแฟนมึงวะยังไม่ได้เป็นแฟนโว้ยแค่ดูๆกันอยู่แค่นั้น” ผมบอกมัน

            “ก็เหมือนๆกันนั่นล่ะป่ะขึ้นห้องกัน” มันพูดแล้วเดินมาโอบไหล่ผมทันที แต่ผมไหวตัวทันรีบเดินนำหน้ามันไปก่อน

            ตอนนี้ผมเดินมาถึงหน้าห้องก่อนมันแล้วยืนรอให้มันมาไขกุญแจ เมื่อเดินมาถึงมันเอาแต่ยิ้มให้ผมแล้วก็เคาะประตูทันที  ผมเองก็ยืนงงว่าใครอยู่ในห้องมันนะหรือจะเป็นไอ้ตี๋ผมคิดในใจ

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            คนที่เปิดประตูออกมานั้นเป็นหญิงวัยกลางคนดูท่าทางแล้วน่าจะอายุอานามราวสี่สิบต้นๆ ผมคิดในใจทันทีว่าน่าจะเป็นแม่มันหรือเปล่า

            “สวัสดีครับแม่” มันยกมือไหว้แล้วก็ยิ้มให้ ผมได้ยินก็ยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติทันที

            “เข้ามาก่อนลูก” แม่ไอ้สกายบอกกับผมแล้วยิ้มให้อย่างใจดี แม่มันสวยมากจริงๆขนาดมีอายุแล้วนะเนี่ย

            “คนนี้ใช่ไหม” แม่มันถามขึ้นมาขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆไอ้สกาย

            “ครับแม่เป็นไงน่ารักอย่างที่บอกไหม” มันตอบ ผมนั่งงงสองแม่ลูกเค้าคุยกันเรื่องผม ไอ้สกายมันพูดอะไรเกี่ยวกับผมให้แม่มันฟังนะผมเริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก

            “หนูปอมน่ารักมาก” แม่ท่านยิ้มมาให้ผม ผมเองก็ยิ้มตอบทันที

            “ขะ...ขอบคุณครับแม่” ผมยิ้มรับ

            “เดี๋ยวแม่ไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะ แม่ทำน้ำส้มคั้นไว้ในครัว”

            “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปเองก็ได้ครับแม่” ผมบอก

            “ไม่ต้องๆ แม่ไปเอาเองก็ได้หนูเป็นแขกนะลูก” พูดจบแม่ไอ้สกายก็เดินเข้าไปในครัว

            “มึงพูดอะไรกับแม่มึงบ้างบอกมาเดี๋ยวนี้” ผมเริ่มมองมันตาขวางพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ

            “เปล่านะโว้ย กูบอกแค่ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาแนะนำก็แค่นั้น” มันบอกผมหน้าตาเฉย

            “มึงบ้าไปแล้วไปบอกแม่แบบนั้นได้ยังไงกัน”

            “ก็จริงไหมล่ะมึงกับกูมีอะไรกันแล้วแถมหลายครั้งด้วยนะมึงเป็นเมียกูแล้วก็ต้องเป็นลูกสะใภ้แม่กูด้วยสิวะ” มันอธิบายเหตุผลที่ค่อนข้างจะเข้าประตูมันฝ่ายเดียวให้ผมฟัง

            “มึงนี่มัดมือชกกูตลอดเลยนะ อย่าให้ถึงตากูบ้าง” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน

            “มาแล้วจ้า” แม่ท่านถือแก้วน้ำส้มคั้นมาสองแก้วแล้ววางให้พวกผมคนละแก้ว

            “ขอบคุณครับแม่” ผมรับแก้วน้ำส้มมาแล้วจิบทันที

            “กินให้หมดเลยนะแม่คั้นเองกับมือ”

            “ครับผม” ผมบอก

            “หนูปอมแม่ฝากดูแลสกายด้วยนะลูก” อยู่ๆแม่ท่านก็เอ่ยขึ้นมาจนผมทำหน้าเหวอ สงสัยคิดว่าผมเป็นลูกสะใภ้ท่านจริงๆไปซะแล้วมั้ง ฮ่าๆๆ

            “คะ...ครับ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก

            “สกายรักหนูมากนะลูก แม่เพิ่งมาอยู่ที่นี่แค่สัปดาห์เดียวเองแต่ลูกชายแม่พูดเรื่องหนูให้ฟังทุกวันจนแม่ต้องบอกให้พาตัวมาให้แม่ดูวันนี้ไง” ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ท่านพูดเหมือนรู้จักผมมากเหลือเกินเพราะไอ้คนที่อยู่ข้างๆนี่เอง ผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มให้ มันเองก็ยิ้มตอบผมรู้ว่ามันเขินมากที่แม่มันพูดเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง  ผมเลยเอาใจมันและแม่สามีซะหน่อย ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันไว้เราจับมือกันแน่นต่อหน้าแม่  ท่านเห็นแล้วก็ยิ้มให้เราทั้งสอง

            “ผมจะคอยเป็นเพื่อนและดูแลสกายแทนแม่ให้ดีที่สุดครับ” ผมตอบอย่างมั่นใจ

            “ถึงแม้บางครั้งลูกชายแม่คนนี้จะเอาแต่ใจบ้างก็อย่าถือสาเลยนะ อีกสองวันแม่ก็จะกลับอังกฤษแล้วเห็นแบบนี้แม่ก็หายห่วง”

            “ผมเองก็จะพยายามทำตัวเป็นเด็กดีครับแม่ แล้วก็จะดูแลลูกสะใภ้แม่ให้ดีที่สุดเหมือนกันครับ” มันพูดกับแม่มันด้วยท่าทางจริงจัง

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหนูปอมโทรหาแม่ได้ตลอดเลยนะจ๊ะเดี๋ยวแม่มาจัดการเอง” ดูท่าทางแม่ท่านจะเข้าข้างผมมากกว่าลูกชายตัวเองแล้ว รู้ไหมว่าใครใหญ่ฮ่าๆๆ

            “ครับแม่” ผมยิ้มให้ท่าน

            “แล้วถ้าลูกสะใภ้แม่ทำอะไรผมล่ะครับ”

            “ก็ให้ทำไปแม่ไม่ว่าหรอกจัดการเลยนะหนูปอม”

            มันทำหน้าทำตาอย่างกับเด็กโดนขัดใจซะอย่างนั้น เวลามันอยู่กับแม่ดูมันมีความสุขมากเหลือเกินแถมยังมีความออดอ้อนแม่อย่างกับเด็ก สงสัยนี่เป็นสาเหตุที่มันมีปมเรื่องนี้สงสัยคงจะเคลียร์ปัญหาครอบครัวกันได้แล้วเห็นอย่างนี้ผมเองก็โล่งใจที่เรื่องดีๆมันกำลังจะเข้ามาหาเราทั้งสองคน

            เราคุยกันได้สักพักผมก็ขอตัวกลับแน่นอนว่าไอ้สกายมันเป็นคนมาส่งผมที่หอพักและคืนนั้นมันก็ชนะผมจนได้มันค้างที่หอผมและผมเองก็สมยอมมันไปหลายรอบเลยทีเดียว

*-*-*-*-*-*





@ทะเล๊ ทะเล

            ตอนนี้พวกผมมาถึงทะเลเรียบร้อยแล้วพวกเราทั้งสิบเอ็ดคนยืนอยู่ริมชายหาดสีขาวมีน้ำทะเลใสๆ ซัดคลื่นมาที่ชายฝั่งเสียงดังเป็นระยะๆ ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมมีตั้งสิบเอ็ดคนผมจะนับให้ดูครับ มีผม ไอ้สกาย พอร์ช เปอร์ สนิม ดาว บีม เอิ้น ปังปอนด์ ตอง และนพ

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ‘นพ’ มาด้วยได้ยังไงนั่นก็เพราะปังปอนด์เป็นคนชวนมาเอง  ผมแอบคิดว่านั่นอาจจะเป็นรักครั้งใหม่ของน้องชายผมและตอนนี้ตี๋กับปังปอนด์เองก็ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ตองเองมันก็นอยด์มากพอสมควรที่พี่ชายมันทำให้ปังปอนด์เสียใจ  แต่ดูท่าทางแล้วมันก็แอบเชียร์นพอยู่เหมือนกัน  เห็นว่านพแอบชอบปังปอนด์มานานแล้วถึงขนาดกับแอบเอาดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะในห้องเรียนให้ปังปอนด์อยูบ่อยๆ ผมหวังว่าการที่มีคนรักในวัยเดียวกันอาจจะทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันง่ายขึ้น  และการมีเวลาอยู่ด้วยกันมันจะได้ไม่ต้องมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดขึ้นเหมือนตอนคบกับไอ้ตี๋

            “เดี๋ยวพวกกูจะไปเตรียมอุปกรณ์ปิ้งย่างก่อนะเว้ย” ไอ้พอร์ชมันเอ่ยขึ้นขณะที่พวกผมกำลังนั่งอยู่ริมหาด

            “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ” ผมบอกมัน

            “ไม่เป็นไรกูอยากให้มึงกับแฟนได้นั่งชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันสองต่อสองคงจะโรแมนติกน่าดู” สนิมมันเอ่ยขึ้นมา ก็จริงตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้วแสงสีส้มอ่อนๆเริ่มตกกระทบลงบนน้ำทะเลจนเป็นสีส้มไปทั่วทั้งอ่าวแล้ว

            “อยู่กับกูที่นี่ก่อนกูมีอะไรจะพูดด้วย เดี๋ยวค่อยตามไปทีหลังก็ได้” ไอ้สกายมันบอก

            “อื้ม” ผมมองหน้ามันแล้วก็พยักหน้า

            “พวกกูไปล่ะ” พูดจบพวกเพื่อนๆผมรวมถึงน้องๆก็พากันกลับเข้าไปในบ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดมากนัก

            ตอนนี้เหลือผมกับไอ้สกายสองคนนั่งอยู่บนชายหาดบรรยากาศมันช่างโรแมนติกมากเหลือเกิน ผมมองไปที่อีกฝั่งของท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ได้ลงมาบรรจบกับท้องทะเลมันเป็นภาพที่สวยงามมากเหลือเกิน

            “มานั่งนี่มา” มันบอกผมไปนั่งที่ตักมันแล้วยิ้มให้ผม

            “ไม่เอาที่นั่งเยอะแยะ” ผมบอกแล้วหันหน้าไปที่ทะเลต่อ

            “เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออยู่ๆมันก็จับตัวผมไปนั่งที่ตักของมันแล้วก็โอบกอดผมไว้ทันที

            “อยู่นิ่งๆสิครับที่รัก” มันพูดเสียงเบาใกล้ๆใบหูผม

            “พูดเพราะก็เป็นเหรอ” ผมเอ่ยถามออกไป ตอนที่มันพูดผมแทบจะละลายไปทั้งตัว คนอะไรเวลาพูดเพราะแล้วมันจะมีเสน่ห์ขนาดนี้  ถ้าหากเจอกันครั้งแรกแล้วมันพูดกับผมแบบนี้ผมจะถวายตัวให้มันตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะครับ

            “ก็อยากพูดเพราะกับเมียตัวเองบ้างเผื่อคืนนี้เมียจะใจดีให้สักครั้งสองครั้ง” มันพูดพร้อมกับมาหอมที่ขมับผมฟอดใหญ่ไอ้นี่มันเอาทุกเม็ดจริงๆ

            “หื่นตลอดเลยนะมึงอ่ะ” ผมตอบไปแต่ก็ยิ้มไป

            “ไม่หื่นก็ไม่ใช่สกายล่ะคร้าบบ”

            “รู้ตัวก็ดี”

            เราเงียบกันสักพักอยู่ๆ มันก็เอ่ยขึ้นมา

            “ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตกู” มันเอ่ยพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้

            “อื้ม” ผมตอบกลับไปสั้นๆ แต่มันจะรู้ไหมว่าตอนนี้ผมยิ้มแก้มจะปริอยู่แล้ว มันมีความสุขมากเหลือเกิน

            “กูสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายคนนึงว่ากูจะดูแลมึงตลอดไป”

            “สัญญาแล้วนะ” ผมเปลี่ยนท่านั่งหันกลับมาจ้องหน้ามัน  มันเองจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นแล้วก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

            “ยื่นมือมาสิ” มันบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วก็สวมแหวนให้ผม ผมกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่ได้มันตื้นตันไปหมด

            “ตอนนี้หมั้นไว้ก่อนเป็นเมียกูแล้วห้ามไปมองผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นนะเว้ย” มันบอกแล้วยิ้มให้ผม หลังจากนั้นมันก็เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่แก้มให้ผมอย่างเบามือ

            “ขี้แยจังไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ” มันว่า

            “ขอบคุณนะ กูรักมึงมากนะรู้ไหม ฮึก” ผมบอกมันพร้อมกับร้องไห้สะอื้นไปด้วย

            “กูรักมึงมากกว่ารู้ไว้ด้วย”

            ผมไม่รีรอรีบยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบมันทันที ผมใช้มือทั้งสองข้างกอดคอมันไว้ขณะที่เราทั้งสองคนกำลังดูดดื่มกับรสชาติของความหอมหวานของกันและกัน มันเป็นจูบที่สุดแสนจะประทับใจมากที่สุดในชีวิตของผมท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกอย่างนี้ ผมจะรักไอ้สกายคนนี้ตลอดไป...



Happy Ending.


--------------------------------------------
เรื่องนี้จบแล้วขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ และขอฝากนิยายเรื่องใหม่ 'MY CAPTAIN ภารกิจฝึกรัก' ไว้ด้วยนะครับ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

 :pig4:  :pig4: :pig4:

 :กอด1:


...

.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สมหวังกันเสียที สุข ๆ กันถ้วนหน้า  :กอด1: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ cross

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อ่านจบ อยากกระทืบตี๋ ทำกับปอนด์แบบนี้ได้ยังไง ตอนจีบคือรู้อยู่แล้วปะว่าต้องห่าง มหาลัยกับม.ปลาย ข้ออ้างนอกใจโคตรเหี้ย ปอนด์ไม่มีเวลาให้ อยู่กับผญคนนั้นมีความสุข อิเหี้ย เลว
กอดน้องปอนด์ ผชเลวแบบนั้นไม่คู่ควรนู๋เลยลูก อยากอ่านเรื่องปอนด์ต่อจะมีไหม

ออฟไลน์ azaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แจ้งทุกท่าน ตอนนี้นิยายเรื่อง "กลรักลวงใจ" มีวางจำหน่ายบน E-Book ด้วยนะครับ(meb ,hytexts , ookbee) แต่ต้องเปลี่ยนชื่อเนื่องจากชื่อเรื่องไปตรงกับนิยายของนักเขียนท่านอื่น ฝากไปอุดหนุนกันด้วยนะครับ ส่วนเรื่องต่อของปังปอนด์กำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนต่อดีไหม แต่คาดว่าในอนาคตน่าจะเขียนแน่นอนแต่ต้องวางพล็อตเรื่องใหม่ก่อนครับ ขอบคุณนะครับ
---------------------------------
☑️ประเภทนิยาย :

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด