"ทำโปรเจคจบแล้วหนีมาเที่ยวแบบนี้จะดีเหรอเจือ" ทินกฤตเอ่ยถามเมื่อขับรถออกมาจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปยังสถานที่ที่ใครต่อใครก็บอกว่าอยากจะไปสูดโอโซนให้มันชุ่มปอดเสียหน่อย
ถนนมุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศของเพื่อนของตัวเองที่ใจดีให้ยืมกุญแจไปเปิดบ้านเข้าพักได้ตามสบาย
เพราะเจ้าตัวกำลังวิ่งวุ่นทำทัวร์อยู่แถบประเทศเพื่อนบ้านนั้นเรียงรายด้วยป้ายของรีสอร์ท ลานกงเต้นท์รวมไปจนถึงสวนองุ่น ไร่ไวน์ บ้านลุงคนนั้น สวนป้าคนนี้ ต่างตั้งชื่อกันไปตามแต่ใจเจ้าของต้องการ
ทินกฤตขับรถสบายๆไมได้เร่งมากออกจากรุงเทพมาก็ราวสามชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้ แวะทานขนมกันแถวสระบุรี ซึ่งจุนเจือก็ดูจะชอบใจไม่หยอก ยิ่งได้ลองทานนมข้าวโพดของขึ้นชื่อก็แทบจะบอกให้เขาซื้อยกลังติดใส่รถไปด้วยแทบไม่ทัน
"เจือ ใกล้ถึงแล้วนะ นอกจากน้ำข้าวโพดแล้วยังจะกินน้ำองุ่นด้วยไหม"
" ไวน์ดีกว่า .. นี่ถ้าผ่านไร่ใหญ่ๆนะ ซื้อเลยนะ " เด็กหนุ่มหันมามองหน้าคนรักผ่านแว่นกันแดดอันใหญ่ ก่อนจะหยิบขนมกะหรี่พัฟจากในกล่องมาใส่ปากอีกชิ้น ท่าทางมีความสุขกับการกินขนมไม่มีเปลี่ยนไปเลย
"ไวน์?...จะมอมตัวเองรึไง" ทินกฤตหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือหาเพื่อนเจ้าถิ่น
"โหล...เออ กูเอง อยู่ไหนเนี่ย ห๊า เวียงจันทร์ เออๆ สบายดี ....เอ้อ กูจะถามว่าแถวบ้านมึงมีไวน์ไร่ไหนใช้ได้บ้าง ...อ้อเหรอ..เออใกล้แล้วๆ เลี้ยวเข้าไปเลยใช่ป่ะ ได้" ทินกฤตวางสายพลางมองหาป้ายบอกทาง
"เห็นว่าน่าจะใกล้จะถึงแล้ว....นั่นไง..." ชายหนุ่มหันมายิ้มให้คนรัก
"เดี๋ยวได้มอมตัวเองแน่ เจือ ..เพื่อนพี่มันบอกว่าของที่นี่เขาใช้ได้ แล้วก็..มีให้เก็บองุ่นด้วย"
+++++++++++++++
รถสีดำของทินกฤตจอดเข้าที่จอดรถของไร่องุ่นแห่งหนึ่ง มอจากภายนอกแล้วตกแต่งสไตล์คาวบอย แดดค่อนข้างแรงทำให้นึกห่วงเด็กหนุ่มเหมือนกัน
"เจือ....อ้าว.....ไปไหนแล้ว"
เมื่อหันมาก็ต้องแปลกใจจุนเจือแทบจะถลาไปที่ร้านค้าของไร่เสียแล้ว ปากก็บ่นว่าร้อนๆ แต่พอเข้าไปข้างในได้ก็ไม่วายโพล่หน้าออกมาโบกมือบอกว่า ด้านในนั้นแสนจะเย็นฉ่ำ
เจ้าของร่างสูงเพรียวในชุดลำลอง เดินเข้าไปที่ร้านขายผลิตภัณฑ์จากองุ่น สายตาก็สอดส่องหา ไวน์ชั้นดีซักขวด-สองขวดราคาไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ริมฝีปากบางยิ้มระระรื่นเมื่อหยิบขวดไวน์ใส่ตะกร้ามาสองขวด โดยที่ไม่ได้ใส่ใจในส่วนผสมเท่าไหร่นักก่อนจะเดินไปหยิบองุ่นใส่กล่องในตู้แช่ กับแยมองุ่นมาอีก ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์
" พี่เทียนฮะ..มาจ่ายตังค์ " มือเรียวกวักเรียกอีกฝ่ายหยอยๆ
"โห ที่ตอนหยิบไม่เห็นเคยถาม..." ทินกฤตทำทีบ่นแต่ก็หยิบสตางค์ออกมาจ่ายเสียเรียบร้อย นึกโชคดีที่แวะซื้อของสดอะไรมาตั้งแต่ผ่านตัวเมือง เพราะเพื่อนของเขาบอกว่าแถวนี้ถึงจะมีร้านอาหารแต่ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้มักจะมีรถทัวร์นักท่องเที่ยวมากันให้ขวักไขว่ไปหมด
"จะเอาอะไรอีกไหม...มาเที่ยวสองสามวันซื้อของปานจะอยู่ซักสามเดือนนะเรา กินให้หมดล่ะ" ทินกฤตถามเหมือนจะบ่น แต่ปากกลับคลี่เป็นรอยยิ้ม
" อืม..ไวน์มีแล้ว น้ำขาวโพดมีแล้ว ขนมปัง แยม แล้วก็..เย็นนี้จะมีคนปิ้งบาร์บิคิวให้กินด้วยใช่ไหมล่ะ? "มือเรียวที่ถือถุงใส่ของแล้วเดินมาใกล้อีกฝ่าย ใบหน้าสวยมองแกมบังคับอีกต่างหาก
"พี่เนี่ยนะ?....นึกว่าเจือจะทำให้พี่กินเสียอีก" ทินกฤตถามทีเล่นทีจริง
" อ้าว.....ไม่กลัวท้องเสียเหรอ? "จุนเจือได้ทีขู่ก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ เพื่อออกเดินทางไปยังที่หมาย
+++++++++++++++
บ้านพักตากอากาศของเพื่อนทินกฤตนั้นอยู่ลึกเข้าไปจากถนนสายใหญ่ รายรอบไปด้วยไร่องุ่นสองข้างทางทั้งเล็กและใหญ่ ความเป็นส่วนตัวแบบนั้นทำให้คนทั้งคู่อุ่นใจได้ว่า ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันอีก รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่มุ่งไปยังที่จอดรถติดกับบ้านที่ตกแต่งด้วยไม้ทั้งหลัง ระเบียงด้านหน้าบ้านที่มีชิงช้าและม้านั่ง โต๊ะไม้ตัวใหญ่สำหรับปาร์ตี้นั้นดูโดดเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว
"เอาล่ะ เข้าไปเลย ....มีเอ่อ....ห้องน้ำ" ชายหนุ่มร่างสูงทำทีเป็นเจ้าของบ้าน แต่ก็เดินสำรวจไปด้วยในที มีห้องน้ำอยู่ที่ชั้นล่าง ห้องครัวพร้อมสำหรับทำอาหาร มีโซฟาขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าทีวี ทั้งห้องตกแต่งด้วยสีเขียวอ่อนดูสบายตา ทินกฤตพาเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปด้านบนที่มีห้องนอน เตียงหลังใหญ่สี่เสาทำให้อดที่จะยิ้มกับรสนิยมของเพื่อนไม่ได้
"บ้านสวยมากเลยฮะ..วิวก็ดีด้วย " จุนเจือในตอนนี้เหมือนเด็กๆที่เดินสำรวจไปทั่ว เมือเรียวผลักประตูระเบียงบานใหญ่ เพื่อไปสูดอากาศที่ระเบียงห้อง
" อากาศก็ดีมากเลย..รู้สึกดีชะมัด " เห็นไร่องุ่นอยู่รอบตัวไปหมด เด็กหนุ่มหลับตาลงสูดอากาศสดชื่นเสียเต็มปอด
"อยากให้เจือพักสมองนี่นา เห็นทำโปรเจค พี่ก็ไม่อยากกวน..."เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูของเด็กหนุ่มสองแขนแกร่งโอบเอวของเด็กหนุ่มเอาไว้จากข้างหลัง
จุนเจือหันมาหาคนที่โอบเอวเขาไว้ สบตาชายคนรักนิ่งก่อนจะพูดออกมาเบาๆด้วยนำเสียงจริงจัง
" ขอบคุณนะฮะ.. "
ทินกฤตตอบรับคำของคุณนั้นด้วยริมฝีปากที่แตะที่หน้าผากของเด็กหนุ่มเบาๆ
สัมผัสอุ่นนั้นทำให้จุนเจือหันกลับมากอดคนรักไว้เสียเต็มรัก หัวใจมันพองโตเสียจนรู้สึกเจ็บ การที่เขาได้มาอยู่ที่นี่ ตอนนี้กับอีกฝ่าย และความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขาอยากให้มันเกิดขึ้นตลอดไปจริงๆ
" เจือรักพี่เทียนนะ "
"อะไร...อยู่ๆมาพูดหวานๆ" ทินกฤตหัวเราะแก้เขิน
" ก็..บรรยากาศมันเป็นใจนี่นา " คนอายุน้อยกว่าเถียงงึมงำขณะที่ซบอกอีกฝ่าย แล้วกอดเอาไว้แบบนั้น หากทินกฤตจะมองหน้าเขาตอนนี้คงจะเห็นว่าหน้าขาวๆตอนนี้แดงไปถึงหูเลยทีเดียว
"ไว้พูดตอนกินข้าวอาบน้ำเสร็จยังได้" ทินกฤตหัวเราะมีเลศนัย มือแกร่งลูบศรีษะของอีกฝ่ายเบาๆ
" งั้นไม่พูดแล้วดีกว่า..เสียงหัวเราะ หื่นซะ " จุนเจือทำหน้ามุ่ยแล้วผละออกจากอีกฝ่าย ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน พลางเปลี่ยนเรื่อง
" เตรียมข้าวเย็นดีกว่า .. พี่เทียนอย่าลืมบาร์บิคิวนะ " ได้ยินเสียงที่เตือนเบาลงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไป จุนเจือเริ่มสำรวจรอบบ้านอีกแล้ว
+++++++++++++++
เตาบาร์บิคิวประทุด้วยน้ำจากเนื้อหมู ถ่านไม้แตกดังเปรี๊ยะที่ระเบียงด้านล่างของบ้านพักตากอากาศของเพื่อนที่ไว้ใจได้ของทินกฤต กลิ่นหอมของบาร์บิคิวไม้โตที่เต็มแน่นไปด้วยเนื้อหมู หอมหัวใหญ่ สับปะรด และพริกหวาน กระจายไปทั่วบริเวณ ทินกฤตยังอยู่ในชุดลำลองตัวเดิมขณะที่รับหน้าที่พ่อครัวประจำเตาของคืนนี้ ส่วนจุนเจือก็มีหน้าที่เตรียมจานกับเครื่องดื่ม ไวน์แดงถูกแช่ในถังน้ำแข็ง เขาแอบเอาแก้วไวน์อย่างดีออกมาจากตู้ของเจ้าของบ้านเสียเลย
"เจือ...อันนี้สุกแล้วนะ"
" ใส่จานเลย .. อะ พี่เทียน ไวน์เย็นเจี๊ยบ " ลูกมือยื่นจานให้อีกฝ่ายตามด้วยยื่นแก้วไวน์จ่อที่ริมฝีปากได้รูป คะยั้นคะยอจะให้ดื่มเป็นเพื่อนเขาเสียให้ได้ แน่ล่ะ เมื่อตัวเขาดื่มนำหน้าไปหลายแก้วแล้ว
ทินกฤตยิ้มพลางดื่มไวน์ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ ชายหนุ่มจัด บาร์บีคิวใส่จาน มือหนึ่งโอบให้อีกฝ่ายเดินไปนั่งที่โต๊ะ
"โห กินล่วงหน้าเลยนะ" ชายหนุ่มว่าเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มดื่มไวน์เข้าไปจนไวน์หมดไปเกือบครึ่งขวด
"จะฟังพี่พูดรู้เรื่องไหมเนี่ย"
" แหม..ยังไม่เมาซักหน่อย แค่สนุกๆเอง " มือเรียวโบกไปมา แต่ดูจากนั้นเสียง เจ้าตัวก็ดูคึกคักดีจริงๆ เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้อย่างถูกต้อง ก็นับว่าไม่ได้เมา..มาก
"เหรอ...งั้นยื่นมือมาซิ่ " ทินกฤตยิ้มุมปาก
"เอามือซ้าย หรือ มือขวา? " ใบหน้าเสียงเอียงคอเล็กน้อย พลางยิ้มกวนประสาทเล็กๆ
"มือซ้าย" ชายหนุ่มว่า จุนเจือยื่นมือซ้ายให้อีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ส่วนมือขวาก็คว้าแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาดื่มอีกแล้ว..
ทินกฤตเหลือบมองหน้าของอีกฝ่าย อมยิ้มน้อยๆเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะดึงเอากล่องเล็กๆกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะเปิดออกมาเป็นสร้อยข้อมือ
ทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กๆเรียงกันห้าเม็ด ทินกฤตจัดแจงใส่ให้ที่ข้อมือข้างซ้ายของอีกฝ่าย
สัมผัสของวัตถุเย็นๆ ทำให้คนที่ดื่มไวน์แล้วหันไปอีกทางต้องหันมามองหน้าของทินกฤตสลับกับ เครื่องประดับที่ข้อมือตาโตเลยทีเดียว มือขวาแทบวางแก้วไวน์ลงกับโต๊ะไม่ทัน
" พี่เทียน? "
"หืม?" ทินกฤตไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวด้วยยังคงนั่งยิ้มอยู่เช่นนั้น อากาศเย็นสบายติดจะหนาวนั้นพอได้บาร์บีคิวร้อนๆกับไวน์ดีๆแล้วก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นได้มาก
"อะ..อะไรฮะ เนี่ย? "นับเพชรได้ห้าเม็ดแบบนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องถามอย่างตกใจ มูลค่ามันมากเกินไปหรือเปล่า
"ถ้าให้แหวนเดี๋ยวจะเด่นไป อันนี้ล่ะใครถามก็จะได้บอกได้ว่าใส่เล่นๆ เพชรก็บอกไปว่าของเก๊..." ทินกฤตเอ่ยเบาๆ มือแกร่งยังไม่ปล่อยออกจากข้อมือบาง
" อ่าวววว..ให้ของเก๊เหรอเนี่ย?? อุตส่าห์ดีใจ " จุนเจือยิ้มเขินๆก่อนจะพยายามดึงมือกลับแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อย
" นี่..ให้แล้วไม่ใช่เหรอ? "
"ให้แล้วไง...เลยไม่อยากปล่อย" ทินกฤตหัวเราะกับคำพูดของอีกฝ่าย
"งั้น.. " จุนเจือดึงมือของคนรักขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะสบดวงตาคมนิ่ง
" ขอบคุณนะครับ.. "
ทินกฤตยิ้ม มือแกร่งลูบศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ ไล่ลงมาที่ข้างแก้มใส
"พี่จะค่อยๆพูดเรื่อง...เลิกกับเจนให้มันชัดเจนไปนะ จากนั้นจะค่อยๆบอกเรื่องของเราให้พ่อแม่รู้ ...พี่จะเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้"
เด็กหนุ่มพยักหน้าแรงๆ รับรู้และเข้าใจในสิ่งอีกฝ่ายพูดดี
ทินกฤตพยายามมาตลอด ตั้งแต่ที่ตัดสินอยู่กันแบบหลบซ่อนนี้ เขาพยายามที่จะทำงานให้ดี อย่างน้อยก็เพื่อผลที่ดีในอนาคต .. อนาคตของพวกเขาทั้งสองคน..
" ครับ..ผมจะรอวันนั้น..แต่ ผมเองก็มีเรื่องจะบอกพี่เหมือนกัน "จุนเจือตัดสินใจพูดขึ้นมา..หากว่าไม่ใช่ที่นี่ ตอนนี้ เขาก็คงไม่มีโอกาสอื่นแล้ว..
"เรื่องอะไรเหรอ.." ทินกฤตเอ่ยถาม สายตาของอีกฝ่ายนั้นดูเป็นกังวล
"ตอนนี้เจือทำโปรเจคเสร็จแล้ว..พรีเซนต์แล้ว..เรียนจบแล้วล่ะฮะ " จุนเจือยิ้มให้อีกฝ่าย รอยยิ้มที่พยายามเสียเหลือเกินที่จะปั้นให้มันสวยงามที่สุด
สำหรับคนที่ดีแต่โกหกมาตลอดชีวิตทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นหมายถึงอะไร
"เจือจะบอกอะไรพี่ก็บอกมาเถอะ อย่าโกหกพี่นะ"
ดูเหมือนจะนานชั่วอึดใจกว่าที่เด็กหนุ่มจะพูดประโยคหลังนั้นออกมาได้
"พี่เทียน..เจือ...........................จะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น "
+++++++++++++++
talk : .........จะว่ายังไงดีล่ะเนี่ย....