เย็นวันนั้นทินกฤตทำเพียงแค่ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของเจนสุดาว่าเขาจะไม่กลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ไม่ต้องรอทานข้าวด้วยกัน ก่อนจะส่งข้อความด้วยโทรศัพท์เครื่องพิเศษของตัวเองไปยังโทรศัพท์ของจุนเจือ เป็นการบอกก่อนล่วงหน้าว่าเขาจะไปที่คอนโด คืนนี้เขาคงจะทำใจกลับไปที่บ้านไม่ได้หากจะต้องไปเจอแรงกดดันจากสายตาของเจนสุดาอีกครั้ง
+++++++++++++++++++
เสียงกดกริ่งดังที่หน้าห้องของจุนเจือ เขามาที่นี่บ่อยพอที่ รปภ จะให้เขาผ่านมาได้โดยง่าย แต่กระนั้นก็ไม่คิดที่จะขอกุญแจของจุนเจือเอาไว้ ด้วยเขาไม่อยากให้เจนสังเกตเห็นและเขาคิดว่ามันเป็นการให้เกียรติจุนเจืออย่างหนึ่งที่เขาจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเด็กหนุ่มจนมากเกินไปนัก
ประตูถูกเปิดออกด้วยเจ้าของห้องอย่างรวดเร็วเช่นทุกครั้ง เด็กหนุ่มสวมผ้ากันเปื้อนยิ้มกว้างให้กับคนรัก
" มาแล้วเหรอครับ? "
"ขอพี่เข้าไปหน่อยนะ..."ทินกฤตยิ้มให้กับอีกฝ่าย
ทันทีที่เข้ามาในห้องสุดหรูของเด็กหนุ่ม พี่เขยก็ต้องแปลกใจเมื่อได้กลิ่น"การทำอาหาร"มาจากในครัว
"อะไรน่ะ...เจือทำกับข้าวเหรอ?" ทินกฤตเอ่ยทักอย่างประหลาดใจ ร่างสูงเดินไปดูที่ครัวอย่างช่วยไม่ได้
" แปลกใจล่ะซี่..ผมทำข้าวไข่เจียว..กับแกงจืดเต้าหู้ปลา เดี๋ยวจะเสร็จแล้วฮะ ..ไปรอๆๆ "พ่อครัวมือใหม่บอกอย่างภูมิใจก่อนจะดึงแขนอีกฝ่ายให้ออกจากครัวไป เป็นเชิงว่าอย่าเกะกะคนจะทำอาหาร
"กินได้เหรอ?...แน่นะ" ไม่วายที่จะได้ยินเสียงแซว รอยยิ้มของจุนเจือทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวมาตลอดบ่ายของเขาดีขึ้นมามาก
"ถ้ากินได้ต้องให้รางวัลผมด้วย "
"รางวัลเหรอ?....จะเอาอะไรล่ะ"
" ยังไม่บอกหรอก..ไว้ตอนผมขอก่อนก็แล้วกัน " เด็กหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่าย หากแต่มันต่างไปจากทุกครั้ง ก่อนที่จุนเจือจะหันหลังเข้าไปในครัว ในที่สุดข้าวหุงร้อนๆ โปะด้วยไข่เจียวคนละสองฟอง กับแกงจืดเต้าหู้ปลาใส่หมูสับผสมวุ้นเส้นก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะอาหาร
"โห...กับข้าวฝีมือเจือ...พี่คงโชคดีที่สุดในสามโลก" ทินกฤตมองดูอาหารหน้าตาหน้าทานอย่างทึ่งๆ เขาไม่เคยคิดว่าจุนเจือจะยอมเข้าครัวทำกับข้าวให้เขามาก่อน พูดพลางจุนเจือก็พยายามจะตักแกงจืดเต้าหู้ปลาให้
" ไม่ต้องพูดมากเลย .. กินตอนร้อนๆสิฮะ "ร่างบางนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม ดวงตาคู่สวยมองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังคำชม ดวงตาคมเห็นรอยแดงบนมือเรียวก็ต้องอุทานออกมา
"มือไปโดนอะไรมา...น้ำมันกระเด็นใส่เหรอ...ทายารึยัง"
" ยังอะ..ผมกลัวพี่จะมาเร็วก็เลยรีบทำให้เสร็จก่อน เดี๋ยวค่อยทาก็ได้ฮะ "
"ไม่ได้เลยเรา...ไปทายาก่อน" ทินกฤตยืนยัน พลางลุกขึ้น "ในห้องนี้มียาใช่ไหม พี่เคยเห็น..."
" มีในตู้ยา ตรงข้างประตูอะ "นิ้วเรียวชี้ไปที่ประตูห้อง ท่าทางเป็นห่วงเป็นไย ทำอะไรเอาใจใส่เขาตลอดนั่นทำให้เด็กหนุ่มรักอีกฝ่ายมาก..ยิ่งกว่าตอนแรกๆเสียอีก
ทินกฤตรีบเดินไปหยิบยามาทาให้กับอีกฝ่าย
"ทำไม่เป็นก็ยังจะฝืน ดีนะแผลไม่เยอะ เกิดเราทำหน้าไหม้ ห้องไหม้ขึ้นมาเจ็บหนักกว่านี้แล้วพี่จะทำยังไง หะ" ทินกฤตบ่นไปพลางก็ทายาไปพลาง
"หน้าไหม้ อะไรกันเล่า พี่อะ..พูดน่ากลัว .. แล้วถ้าหน้าผมไหม้ขึ้นมาจริงๆ พี่จะทำไงน้า~ "จุนเจือมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายทายาให้ เริ่มถามเรื่อยเปื่อย จนดูผิดปกติ
"พาไปผ่าตัดที่เกาหลีดีไหม หมอเขาเก่ง" ทินกฤตว่าพลางยิ้ม
"ว่าแต่ถามพี่แบบนี้ทำไมเนี่ย กลัวพี่ทิ้งเหรอ"
" อืมม์..ก็พี่บอกว่า"หน้าตา"ผมเป็นเสปกพี่ไม่ใช่เหรอ..ถ้าผมหน้าตาไม่ดี พี่ก็คงไม่มาชอบผมหรอก ใช่ไหมล่ะ "คำถามที่ถามออกมา ไม่ได้แฝงไว้ด้วยความน้อยใจหรืออะไร ..ถามเรื่อยเปื่อยไปเสียมากกว่า
"ก็ส่วนนึง...." ทินกฤตว่าพลางเก็บยาเข้าที่ ก่อนจะหันมาเจอใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังกลุ้มใจอะไรบางอย่างอยู่
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น"?
จุนเจือส่ายหน้าไปมาก่อนจะรวบช้อนทั้งๆที่ไข่เจียวของตัวเองยังหมดไปได้ไม่ถึงครึ่ง
" อิ่มแล้วฮะ "
"แปลกนะเรา..." ทินกฤตโคลงศีรษะเล็กน้อย เขายังเหลือข้าวในจานอยู่อีกหน่อยจึงกลับไปจัดการต่อจนเรียบ
"อร่อยมาก...ครั้งแรกทำได้ขนาดนี้ พี่ว่า เจือต้องเป็นอัจริยะแน่เลย...แน่ใจนะว่าไม่ได้โทรสั่ง" แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแหย่อีกรอบ
" มีอะไรที่ผมทำไม่ได้มั่งล่ะ.. ถ้าพี่ชอบ ผมจะทำให้กินบ่อยๆ แล้วก็ถ้าอยากกินอะไร ผมจะหัดทำให้ด้วย "เด็กหนุ่มว่าพลางเก็บภาชนะไปล้างเงียบๆ ราวกับกำลังต้องการใช้ความคิดระหว่างที่ล้าจาน และรวบรวมความกล้าที่จะพูดอะไรออกไป
" ต่อไปผมจะตั้งใจทำงาน..แล้วก็จะหัดกินผักด้วยนะ "เสียงนุ่มดังขึ้นท่ามกลางเสียงน้ำที่ไหลผ่านจานกระเบื้อง
"ฮ่ะๆ...อะไรกันอยู่ๆมาพูดแบบนี้ เจือเกลียดผักจะตาย" ทินกฤตว่า เขาพยายามยัดเยียดให้กินเท่าไรยังไม่ยอมกินเลย อยู่ๆจะมาพูดเหมือนตั้งเป้าแบบนี้ก็ทำเอาชายร่างสูงต้องเดินกลับเข้าไปหาอีกฝ่ายในครัวอีกระลอก
"เป็นไข้รึไง?"
" ผมจะทำทุกอย่างที่พี่ชอบ...แต่ขอเรื่องเดียวนะฮะ " มือเรียวเอื้อมไปปิดน้ำเพื่อให้ทั้งตัวเองและอีกฝ่ายได้ยินในสิ่งที่จะพูดชัดๆ
" พี่เทียน..ไม่หย่ากับพี่เจน ได้ไหม? "คำถามนั้นทำให้ทินกฤตอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสองพี่น้องคู่นี้ถึงเก่งนักกับการทำให้ใครบางคนรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
"ไม่หย่า?....เจือ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่พี่กับเจนพูดกันไว้แล้ว... อยู่ๆจะมาพูดแบบนี้มัน...." ทินกฤตไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงคิดจะมาขอให้เขาไม่หย่ากับเจนสุดา ทั้งๆที่ถ้าเขาหย่าขาดกับเจนสุดาแล้ว ทั้งเขาและเธอจะเปนอิสระได้ทำในสิ่งที่คิดฝันกันไว้ทันที
" ใช่..ผมอยากให้พี่สองคนหย่า..ผมอยากจะอยู่กับพี่..และผมก็อยากให้พี่เจนกลับมาเป็นพี่ของผมพี่เจนจะได้มีความสุขกับพี่อลิส .. แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้! "เด็กหนุ่มพูดแทรกขึ้นมา
" ถ้าหย่าพี่เจนก็จะทิ้งผมไป ผมทนไม่ได้หรอก " ท้ายเสียงนั้นแผ่วเบา เขาไม่เคยแยกจากพี่สาวมาก่อนเลยในชีวิต
"ทิ้ง?..ใครจะทิ้งเจือไปกัน...." ทินกฤตทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
" ผมเห็นพวกพี่ที่ร้านกาแฟ! ผมได้ยินนะ..ที่พวกพี่ตกลงกันวันนี้..." จุนเจือหันกลับมาจากอ่างล้างจาน แล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก ร่างบางยังอยู่ในชุดนักศึกษา และไม่สนใจที่จะเปลี่ยนมัน
"ถ้าหย่า..พี่เจนจะไปอเมริกากับพี่อลิส..พี่เจนจะทิ้งผมไป "เสียงนั่นสั่นเครือ แต่ก็พยายามเหลือเกินที่จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนรัก ดวงตาคู่สวยหันมามองหน้าของทินกฤต มองมาอย่างเว้าวอน
" พี่ต้องช่วยผมนะ .. ยังไงก็ห้ามหย่านะ! "คำพูดของอีกฝ่ายนั้นฟังดูเจ็บปวดและไร้สิ้นหนทาง...แต่...เขาเองก็ใช่ว่าจะมีหนทางให้เดินต่อไปเช่นกัน ทินกฤตกำมือแน่น ก่อนตัดใจพูดในสิ่งที่คิดออกไป
"เจือคิดว่าพี่จะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้อย่างนั้นเหรอ ...มันเป็นการตัดสินใจของเจนเขานะ..." มือแกร่งยกขึ้นขยี้ผมที่เซ็ทมาอย่างดี เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างไร ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างฝืนๆ
"แต่เจือ....” มือแกร่งคว้ามือเรียวของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้
“ถ้าพี่หย่ากับเจน...เราก็อาจจะคบกันได้เปิดเผยมากขึ้นไง เรา...ไม่ต้องมา
หลบๆซ่อนๆแบบนี้ " ชายหนุ่มพยายามจะหาเหตุผลของตัวเองมาอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่าทำไมเขาจะต้องหย่ากับเจนสุดา
"
พี่โกหกกับคนมามากเกินพอแล้ว พี่ไม่อยากจะต้องโกหกเรื่องของเรา กับใครต่อใครอีกแล้ว ไม่อยากจะปิดบังอีกแล้วเจือเข้าใจพี่ไหม พี่รู้ว่าวิธีการของพี่มันอาจจะช้าที่ค่อยๆเปิดเผยตัวตนออกมา ....แต่ในที่สุดแล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันไง" ทินกฤตว่า มือแกร่งจับมือบางของเด็กหนุ่มเอาไว้มั่น
"ให้พี่หย่ากับเจนเถอะนะ แล้วพี่จะขอดูแลเจือตลอดไป"" พี่เทียน..
พี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้..เราจะทำยังไงล่ะ จะอยู่กันยังไงก็ไม่รู้...แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ยอมให้พี่เจนไปอเมริกานะ ไม่เอานะ! " เด็กหนุ่มขึ้นเสียงด้วยความหวาดหวั่น เขากลัวไปหมด ไม่ต่างจากตอนที่กลับจากญี่ปุ่นแรกๆเลย
"ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้...ข้างนอกนั่นยังมีคนอีกตั้งหลายคู่ที่เขาอยู่ด้วยกันได้
แล้วทำไมพี่กับเจือจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ......." ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่งแต่เขาก็เห็นเพียงแค่ความสับสน มือแกร่งบีบมือบางของเด็กหนุ่มแน่น ราวกับจะยืนยันในสิ่งที่พูด
"นี่เจือ....อยากจะให้พี่อยู่กับเจนทั้งๆที่เขามีคนรักที่...อยากจะอยู่ด้วยกันแทบตายอย่างนั้นเหรอ?..." ทินกฤตถามจุนเจือด้วยน้ำเสียงสั่น เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นจากแววตาของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะต้องเบือนหน้าหนี มือแกร่งทั้งสองข้างปล่อยจากการเกาะกุมมือของจุนเจือ
"พี่ทำไม่ได้หรอก"
"ผมเคยขออะไรพี่รึเปล่า..พี่ทำให้ผมไม่ได้เหรอ ไหนพี่ว่าพี่รักผมไง ..ผมไม่อยากให้พี่เจนไปจริงๆนะ.. "ไหล่บางสั่นเทิ้ม คำพูดของทินกฤตช่างดูใจร้ายกับเขาเหลือเกิน มือเรียวจับมืออีกฝ่ายเขย่าราวกับเป็นเด็กๆ ใบหน้าสวยเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา
" ไม่หย่าได้ไหม..แล้วเราก็อยู่กันไปแบบนี้..
ให้ผมเป็นเมียน้อยของพี่ไปทั้งชีวิต ก็ได้ "
"แล้วเจือ คิดถึงใจพี่บ้างไหม!" ทินกฤตแทบตวาดอีกฝ่ายลั่นมือแกร่งแทบสะบัดออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายจนปัดไปโดนแก้วที่วางอยู่บนเค้าท์เตอร์ตกลงมา
เพล้ง!เศษแก้วแตะละเอียดอยู่ที่พื้นแต่ทินกฤตก็หาได้สนใจละสายตาไปดูไม่ ดวงตาคมยังจับจ้องอยู่ที่อีกฝ่ายอย่างเจ็บปวด
"เข้าใจพี่บ้างไหม...ว่าพี่กำลังพยายามทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน โดยที่เจือไม่ต้องเสียชื่อเสียหน้า พี่อยากจะหย่า เพราะไม่อยากให้เจือได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อย พี่อยากจะหย่า เพราะว่ารักเจือเนี่ย ไม่ได้เลยเหรอ แล้วเจือจะให้พี่ทำยังไง จะให้พี่รักเจือก็ทำไม่ได้เหรอ แล้วพี่จะทำยังไง!"
เสียงแก้วที่แตกกระจายอยู่กับพื้น กับแรงสะบัดยิ่งทำให้จุนเจือสะดุ้ง เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นอีก เป็นภาพที่ทินกฤตไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อต้องมาเห็นภาพที่คนรักของเขาร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆแบบนี้
"ฮือ..หย่าแล้ว เราจะอยู่กันยังไง..ใครจะ
ยอมรับเรา..เราต้องหนีไปแบบพี่เจนอีกเหรอ? "
ทินกฤตถอนหายใจออกมา ก่อนจะถอยหลังออกไปสองสามก้าว เขาทรุดลงกับกำแพงด้านหลังเหมือนอ่อนแรงเต็มที
"พี่ผิดสัญญาไม่ได้ ... เจนเขาอยากไปอเมริกามาก..."
" ไม่เอาอะ..ไม่ให้พี่เจนไป..ผมไม่ให้พี่เจนไป " เสียงสะอึกสะอื้นแบบเด็กๆ ริมฝีปากบางก็พร่ำบอกซ้ำๆ หยาดน้ำตาไหลรินจนรู้สึกปวดที่กระบอกตาไปหมด
ทินกฤตนั่งมองภาพนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ
"พี่คงจะหวังสูงไปเอง ว่าเจือจะเชื่อมั่นในตัวพี่ และเลือกพี่ ...พี่คงคิดผิดไปเยอะ" ร่างสูงแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
.......เลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำ เทียนเอ้ย......
.......เราเป็นใครจะไปคาดหวังให้พี่น้องเขาแยกจากกัน.... เสียงร้องไห้ของอีกฝ่ายยังคงดังอยู่เช่นนั้น แต่หากยื่นมือเข้าไปลูบหัวปลอบประโลม ณ ตอนนี้ อีกฝ่ายก็คงจะใช้น้ำตาหลอกล่อให้เขาทรมานเจนสุดาทางอ้อมต่อไป คิดได้แบบนั้นก็หักดิบความรู้สึกของตัวเองด้วยการยืนขึ้น ร่างสูงเหลือบมองเด็กหนุ่มเจ้าของห้องคนนั้น ก่อนจะยื่นคำขาดของตัวเอง
"พี่รู้...ว่าเจือไม่เคยขออะไรพี่ ...ทุกอย่างพี่ตั้งใจทำให้เจือเอง...แต่คำขอของเจือในครั้งนี้ มันมากเกินไป และมันจะทำร้ายคนอีกสองคนที่รักเจือมาก...ยังไงพี่ก็จะหย่ากับเจน...
เจือจะเลิกกับพี่ก็ได้ ถ้าเจือไม่พอใจกับการตัดสินใจของพี่ แต่พี่อยากให้เจือคิดทบทวนให้ดีๆ ว่าสิ่งที่เจือกำลังขอพี่นั้นน่ะ มันมากไปหรือเปล่า"
พูดเสร็จทินกฤตจำใจเดินกลับไปหยิบเสื้อนอกของตัวเอง แล้วรีบเดินออกไปจากห้องของจุนเจือทันที
ได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นอีกของคนรักตามหลัง แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดทินกฤตได้เช่นกัน
จุนเจือมองประตูห้องตนเองที่ถูกปิดลง ร่างบางสะอื้นไห้จนหายใจแทบไม่ออก เขาทรุดลงกับพื้นกระเบื้องของห้องครัว เศษแก้วแตกกระจายกับพื้น มันคงไม่ต่างอะไรกับความรักของเขาและพี่เขยคนนี้ .. มันจบลงแล้ว และแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดีอีกต่อไป
" ฮึก..พี่เทียน..พี่เทียน " เขาซบลงกับขาตนเอง ร้องไห้อยู่กับเศษแก้วแบบนั้น...
+++++++++++++++++++
talk : ทางนี้มาม่าซะแล้วค่ะ .. แถมยังถูกพาดพิงไปมาม่าที่อื่นอีก เครียดไปเลยล่ะค่ะ ..ขอไปสะสางก่อนนะคะ..
ปล. แปะน้องเจือ...T_T