ใบหน้าสวยของคนที่ถูกจูบอย่างดูดดื่มและยาวนานแดงจัด ริมฝีปากปากบางแดงช้ำ และต้องหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด มือเรียวดันอีกฝ่ายออก แล้วก็ต้องทรุดตัวเองอยู่ตรงพื้นพรมตรงหน้าเก้าอี้ทำงานตัวโตนั้น
...นี่มันอะไร...โดนไอ้บ้านี่จูบได้ยังไง.."เป็นอะไรครับ คนเก่ง?...เข่าอ่อนเลยเหรอ...ยังเด็กนักนะเรา.." ทินกฤตก้มหน้าลงมามองใบหน้าแดงก่ำนั้นอย่างนึกเอ็นดู ริมฝีปากของอีกฝ่ายหอมหวานนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาคงต้องเพิ่มคะแนนความถูกใจลงไปอีกอย่างแล้วซี่นะ... คิดได้แบบนั้นก็นึกเซ็งขึ้นมาอีกระลอก เมื่อนึกถึงหน้าของภรรยาจอมปลอม อย่างเจน ที่รอเขาอยู่ที่บ้าน...
....โทษทีนะเจน...มันเผลอไปหน่อยน่ะ... " ไม่ต้อง..มาทำ..พุดดีนะ..เอาของผมคืนมา " จุนเจือใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากตัวเอง พลางเงยหน้ามองคนตรงหน้า ความร้อนบนใบหน้ายังไม่ลดลง แต่ความโกรธเคืองก็กลับเพิ่มขึ้นมาได้อีกเช่นกัน
"โอเค... งั้นเอาไป" ชายหนุ่มร่างสูงว่าพลางยื่น "แมคบุ๊ค" ที่อีกฝ่ายเฝ้าย้ำนักหนาคืนให้ ...โดยที่มันไม่มีแบตเตอร์รี่ติดเครื่องไปด้วย
จุนเจือแทบจะกระชากมันออกมาจากอีกฝ่ายแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที .. ราวกับเด็กนักเรียนที่รีบออกจากห้องปกครองหลังจากโดน"ทำโทษ"เสียยกใหญ่
"...ไร้แล้วซึ่งการสังเกต..." ทินกฤตเอ่ยพลางหันไปมองก้อนแบตเตอร์รี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ...
"จุนเจือ แล้วนี่ฉันจะทำยังไงกับ น้องเมีย แบบนายดีวะ... สเปคชิบแต่กินไม่ได้เนี่ย... เฮ้อ...เทียนเอ้ย ยุบหนอพองหนอ ยุบหนอพองหนอ..." คิดพลางก็พยายามสงบสติอารมณ์กับสิ่งที่เพิ่งได้ทำลงไป หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเอาไปฟ้องพี่สาวสุดที่รัก กับ ยัยคู่เลสสุดเลิฟคนนั้น...อลิส อินเดอะวอนเดอร์แลนด์...
"รู้ถึงคนนั่นนี่ได้หูชาไปห้าวันเจ็ดวันแน่กู... " ทินกฤตบ่นกับตัวเองพลางเก็บของลงกระเป๋า เขาเองก็ควรจะกลับบ้านกลับช่อง ไปแสร้งทำหน้าที่สามีที่ดี กลับบ้านแต่หัวค่ำไปกินข้าวเย็นกับ "เมียรัก" เร็วๆเหมือนกัน...ถึงจะมีออเดิร์ฟเป็นปากหวานๆของน้องเมียไปแล้วก็เถอะ
++++++++++++++++++
หลังจากออกมาจากห้องทำงานของทินกฤต จุนเจือก็รีบไปที่โต๊ะทำงาน คว้ากระเป๋าขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยหนังสือแฟชั่นคอสเพลย์ ใส่แมคบุคเครื่องนั้นเข้าไป ก่อนจะคว้ากระจกพับสีชมพูอันเล็กขึ้นมาดูสิ่งแปลกปลอมที่ริมฝีปาก .. สัมผัสร้อน ลิ้นชื้นๆ ราวกับว่ามันยังเล็มเลียปากของเขาอยู่ตลอดเวลา เด็กหนุ่มพยายามใช้หลังมือเช็ดมันจนแดงขึ้นอีก ยิ่งนึกถึงก็ต้องเบ้หน้า .. ความโกรธเพิ่มขึ้นมาอีก
เด็กหนุ่มรีบออกจากห้องทำงานไปทันที
แต่แล้วก็ต้องมาเจอกับคนที่กำลังจะเดินออกจากบริษัทพร้อมกันที่หน้าลิฟท์ ร่างสูงยกปลายนิ้วขึ้นกดปุ่มเรียกลิฟท์ลงมาได้ก่อน พี่เขยหันไปมองหน้าของคนที่เขาเพิ่งจะจูบไปเมื่อครู่...ริมฝีปากคู่นั่นยังแดงอยู่เลย...แต่หน้านั้นคงจะแดงยิ่งกว่า ทินกฤตรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ ....
....เอ้า...งอนซะละ... "เจือ ...วันนี้ไปกินข้าวบ้านพี่นะ... แล้วเดี๋ยวพี่จะขับรถกลับไปส่งที่บ้านคุณแม่..." ทินกฤตเอ่ยแต่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้าตรงๆ ดวงตาคมกลับเสมองไปที่ด้านบนประตูลิฟท์ ตัวเลขกำลังขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
" ................. " เด็กหนุ่มไม่ต่อล้อต่อเถียงอย่างทุกที ริมฝีปากบางเม้มจนแดงขึ้นอีก มือเรียวทั้งสองข้างกอดกระเป๋าตัวเองที่มีแมคบุคอยู่ข้างในแน่น จนกระทั่งลิฟท์ที่เขาอยู่ด้านในกับทินกฤตลงไปถึงชั้นจอดรถ ร่างเพรียวก็แยกตัวไปอีกด้านทันที
"เดี๋ยวซี่.... " มือแกร่งคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน
" มีอะไรอีก..นี่เลิกงานแล้ว พี่คืนคอมมาให้ผมแล้ว ผมเหนื่อย จะกลับบ้าน "เด็กหนุ่มหันไปตามแรงดึงของคนตัวโตกว่า .. ไม่อยากอยู่ใกล้แล้ว..
"พี่รู้ว่าพี่ทำเกินไปหน่อย คงกลัวซี่นะ..." มือแกร่งยกขึ้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ จุนเจือเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง แต่ไม่รู้เพราะอะไรเห็นเป็นแบบนี้แล้วกลับดูตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"เอาเป็นว่า...ไปกินข้าวฝีมือพี่เจนของเราไหมล่ะ...จะได้โทรไปบอกให้ทำกับข้าวเผื่อ ป่านนี้คงงัดตัวเองออกจากหน้าโต๊ะออกแบบได้แล้ว... กินให้อิ่ม นานๆเจอกันทีก็คุยกันให้สบายใจแล้ว...ยังไงพี่จะขับรถกลับไปส่งที่บ้านคุณแม่...โอเคไหม"
" นี่พี่เทียน... "
น้องภรรยาที่เงียบอยู่นาน จู่ๆก็เอ่ยชื่ออีกฝ่ายขึ้นมา ท่าทางสงบขึ้นบ้างแล้ว
" พี่ไม่กลัว ผมฟ้องพี่เจนรึไง ว่าพี่ทำอะไรผม? "คำถามของอีกฝ่ายทำให้พี่เขยอย่างทินกฤตนิ่ง ดวงตาคบสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
"ถ้าเราจะฟ้อง...เราจะถามพี่เหรอ?...เรื่องบางเรื่องพี่เชื่อว่าเจือก็ไม่อยากพูด พอๆกับที่พี่ไม่อยากให้ใครมารับมารู้ว่าพี่เป็นเกย์นั่นล่ะ "
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ริมฝีปากหยักยิ้มหยัน...เยาะเย้ย...ตัวตนของตัวเอง.... นอกจากสังคมที่เขาพยายามสร้างในที่ปิดแล้ว เขาก็พยายามปกปิดตัวตนจริงๆของตนเองมาโดยตลอด
....พาลนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทอย่างพศวัตที่ต่อต้านความคิดที่จะแต่งงานของเขามาโดยตลอด....
..มึงจะด่าจะว่ากูยังไงก็ได้นะแมกซ์....
...แต่กูกับมึงมันก็มีอะไรที่ต่างกันหลายอย่าง...
...พอๆกับที่มีเรื่องเหมือนกันหลายอย่างนั่นล่ะ...." งั้นก็ไปเถอะ..ผมหิวแล้ว " เมื่อเห็นว่าพี่เขยเงียบไป และทำท่าเหมือนกำลังคิดมากอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มจึงพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ใบหน้าเศร้าๆ ตอนที่ยิ้มอยู่แบบนั้น มันแปลว่าอะไรกัน
"โอเค งั้นไป...กลับไปกินข้าวกับพี่เจนกัน" ทินกฤตยิ้ม ก่อนจะดึงแขนของน้องเขยให้เดินตามไปที่รถในขณะที่อีกมือก็คว้าเอาโทรศัพท์มือถือราคาแพงของตัวเองขึ้นมา กดโทรศัพท์ หา "เมียรัก" ทันที
แน่นอนว่าเจนได้เตรียมกับข้าวชุดใหญ่เอาไว้ให้กับสามีและน้องชายสุดที่รักของเธอ ปากก็บอกขอบคุณทินกฤตที่พาจุนเจือมาเที่ยวถึงเรือนหอ
++++++++++++++++++
นานพอสมควร กว่าจะฝ่าการจราจรที่คับคั่งในย่านธุรกิจกลางกรุงเทพไปถึงบ้านจัดสรรในโครงการที่บริษัทของทินกฤตเป็นผู้รับผิดชอบโดยร่วมทุนกับครอบครัวของภรรยา แม้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองมาก แต่เพราะใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อจากสนามบินนานาชาติ จึงทำให้โครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้เป็นที่ต้องการ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
รถสปอร์ตคันงามเลี้ยวเข้ามาจอดยังบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ที่สร้างเป็นหลังแรกๆของโครงการ ก่อนที่หญิงสาวผมยาวจะเดินออกมารับผู้เป็นสามีกับน้องชายของเธอ
"เจือ..... "ทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงที่บ้าน เจนสุดาก็โผเข้าไปหาน้องชายแทบจะในทันที
"คิดถึงจังเลย...อ๊าย...น้อยชายของฉันวันนี้ก็สวยอีกแล้ว ดูซี่ แก้มอิ่ม อุ้ย ปากแดง น่ารักที่สุดเลย..." ว่าพลางก็จับแก้มน้องชาย หยิกดึงซ้ายทีขวาที ...เห็นท่าทางแบบนี้ ดูท่าวันนี้เจนจะเครียดมากกับการออกแบบเสื้อผ้าส่งให้กับห้องเสื้ออยู่ก็เป็นได้
" คร้าบๆ เจือก็คิดถึงพี่เจนครับ " เด็กหนุ่มแกล้งยิ้มหวาน ทั้งๆที่นั่งหน้าบูดไม่พูดอะไรกับทินกฤตมาตลอดทางที่ไกลและกินเวลานานขนาดนั้น
"เอ๊ะ เจือ วันนี้ทาลิปกลอสเหรอ ไมปากแดงๆ ไหนดูซี่...." พี่สาวสังเกตเห็นปากน้องชายแดงๆพลางก็พยายามเพ่งสายตา มืดๆแบบนี้เธอไม่ได้ใส่แว่นมาอีกมองไม่ค่อยชัดเอาเสียเลย
" เอ้ย..พี่เจน เดี๋ยว.. คือผม.. " ใบหน้าสวยขยับถอยจากพี่สาวตัวเอง ดวงตาคู่คมนั้นเหลือบมองพี่เขย..ตัวการของเรื่องที่เกิดขึ้น
"ลิปเลิปอะไรกันล่ะเจน...น้องเป็นผู้ชายนะ จะไปแต่งหน้าทาปาก ทำตัวเป็นนกหงษ์หยกทำไม..." ทินกฤตตัดบทเมื่อเห็นเจนสุดาเริ่มซักไซ้...จริงๆก็รูอยู่ว่าแสงแบบนี้เจนมองอะไรไม่ค่อยเห็นหรอก สายตาสั้นอย่างกับอะไรดี...ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ไม่วายยังส่งเสียงถามว่ามีอะไรให้กินบ้างไหม
"อะไรกันเทียน...นกหงษ์หยกก็น่ารักออก..." เจนทำหน้าบึ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าจุนเจือ
"ผู้ชายที่เป็นเกย์นี่เขาคงไม่ได้ไร้แล้วซึ่งรสนิยมเรื่องสวยๆงามๆ แบบเทียนไปหมดหรอกใช่ไหมเจือ "
" โนคอมเม้นๆ .. อันนี้เจือก็ไม่รู้นะ .. พี่เจนต้องถามพี่เทียนเองแล้วล่ะ ฮะ ฮะ "เด็กหนุ่มว่าก่อนจะถามถึง"คนรัก"ของพี่สาว
" แล้วนี่พี่อลิสจะกลับมาเมื่อไหร่ฮะ? "
"อลิสเหรอ...อืม...น่าจะซักวันเสาร์หน้านะ เมื่อกี้คุยสไกป์กันบอกว่าอยู่ญี่ปุ่น ช่วงนี้ทางนั้นเขากำลังอยากได้หน้าตาแบบอลิสน่ะเลยต้องไปทางนั้นบ่อยหน่อย" เจนสุดาตอบถึงเรื่องคนรักของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"คิดถึงเนอะ ไม่มีเพื่อนดูหนังเลย...ชวนเทียนไปเทียนก็ไม่ชอบดูหนังแบบพี่ดูอีก..."
" โห..ญี่ปุ่นเหรอ?..ดีเลยๆ เจือจะฝากซื้อชุดคอสฯ "
พอพูดถึงญี่ปุ่นเด็กหนุ่มก็เริงร่าขึ้นมาได้บ้าง สองพี่น้องพูดคุยกันเรื่องที่จุนเจือเริ่มไปประชุมกับบริษัทที่เป็นตัวแทนส่งทีมจากประเทศไทยเข้าประกวดงานคอสเพลย์ที่ญี่ปุ่น จนลืมไปเลยว่ายังมีอีกคนอยู่ในบ้านนี้ด้วย
++++++++++++++++++
ทินกฤตเป็นคนจัดการจัดจานชามตักกับข้าววางไว้บนโต๊ะสำหรับสามที่ เจนสุดาทำกับข้าวน่ากินเหมือนเคย...นี่คงเป็นข้อดีของการมีผู้หญิงอยู่ในชีวิตกระมัง... คิดพลางเหลือบมองสองพี่น้องที่คุยกันเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมานาน จุนเจือยิ้มร่าได้แบบนั้นคงจะสบายใจขึ้นมาแล้วก็เป็นได้
"เอ้า จะได้กินข้าวกันไหม สองพี่น้อง ...มาครับ ทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวผมจะได้ไปส่งเจือเขากลับบ้านด้วย"
"นั่นซี่นะ ลืมไป เอ้อ เจือแล้วนี่โทรบอกแม่หรือยังว่ามากินข้าวบ้านนี้อ่ะ"
" ยังอะ .. วันนี้พี่ใช้งานผมเยอะแยะ จนผมนึกอะไรไม่ออกแล้ว .. พี่เทียนโทรไปบอกแม่ให้ทีก็แล้วกัน "พูดกระทบแล้วก็เดินไปนั่งยังโต๊ะทานข้าวโดยที่จูงมือพี่สาวไปด้วย ท่าทางจุนเจือในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคุณชายที่บ้านเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษทีนะ...พี่คงจะ ใช้งานเรา "หนัก" ไปหน่อยจริงๆนั่นล่ะ" เมื่อเจอพูดกระทบกระเทียบแบบนั้นทินกฤตเลยตอบกลับบ้าง ...ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดหาแม่ยาย
"สวัสดีครับคุณแม่...คือ วันนี้ผมพาเจือมาทานข้าวที่บ้านน่ะครับ...ยังไงเดี๋ยวจะรีบพาน้องไปส่งที่บ้านนะครับ..ครับ....ครับ... เจนสบายดีครับทำกับข้าวเลี้ยงเสียเยอะแยะเลยครับ ครับคุณแม่ แล้วเจอกันครับ สวัสดีครับ"
ยังไม่ทันที่จะได้หายใจหายคอ เมื่อหันกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารก็เจอคำถามจากเจนเข้าให้อีกเรื่อง
"เอ้อ นี่เทียน...แล้วจุนไปทำงานที่บริษัทเป็นไงบ้างล่ะ ...น้องเจนตั้งใจทำงานดีใช่ไหม"
"ฮ่ะ.ฮ่ะ....."ทินกฤตหัวเราะแห้งๆ พลางหันไปมองหน้าของ "เด็กฝึกงาน"
"ก็ดีนะ...ตั้งใจมาก นี่ผมว่ากำลังจะเคี่ยวให้ข้นเลยล่ะ
รับรองพอฝึกงานเสร็จนะ....คงเรียบร้อยพอดีล่ะ"
คำว่า"เรียบร้อย"นั่นทำเอาจุนเจือมองอีกฝ่ายตาวาวเลยทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถจะต่อล้อต่อเถียงอะไรต่อหน้าเจนได้ เขาไม่อยากให้พี่สาวเป็นห่วง ในทุกๆเรื่องตั้งแต่จำความได้ ก็พยายามทำทุกอย่างให้เก่งและเป็นที่หนึ่งมาตลอด
เห็นท่าทางอยากจะอ้าปากด่าเขาจะเป็นจะตายแบบนั้นทินกฤตก็ยิ้ม แสดงว่าอีกฝ่ายคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ก็เบี่ยงประเด็นไปที่อาหารตรงหน้า
"โห น่าอร่อยนะ มีผัดผักด้วย...โอ๊ะใส่หมูกรอบ..เยี่ยม..." ว่าพลางก็ตักเอาบล็อคเคอร์รี่ชิ้นใหญ่กับแครอทสีสดเข้าปากไป
"เอ้า เจือกินข้าวเร็ว..." เจนว่ายิ้มให้กับคำชมนั้นก่อนจะตักทั้งหมูกรอบ ลูกชิ้นในต้มจืด ให้กับน้องชาย ทำให้ทินกฤตสังเกตเห็นอะไรผิดปรกติบางอย่างบนโต๊ะอาหาร
"เจน? ทำไมไม่ตักผักอะไรให้น้องมั่งล่ะ"
"ก็....เจือเขาไม่ชอบกินผักนี่นา" เจนว่าพลางหันไปมองจานที่เต็มไปด้วยเนื้อของน้องชาย
"อร่อยออก...กินซี่เจือ นี่พี่เจนเขาทำเลยนะ" ทินกฤตยิ้มก่อนจะตักผัดผักใส่จานให้กับจุนเจือ
ใบหน้าสวยเบ้กับผักตรงหน้า ก่อนจะตักมันคืนใส่จานของพี่เขย
" ไม่เอาล่ะ .. ของมันไม่ชอบก็คือไม่ชอบ พี่กินแทนผมก็แล้วกัน "
"ลองกินหน่อยน่า ทำตัวเป็นเด็กไปได้ นี่พี่เราอุตส่าห์ทำเลยนะ เกิดมานี่ไม่ลองกินผัดผักฝีมือพี่เจนเลยเหรอ นี่พี่แต่งเข้าบ้านมาได้ไม่ถึงเดือนยังกินไปหลายมื้อเลยนะ "
" ไม่เอาหรอก เหม็นผักอะ .. เอ๊ะ พี่เทียนอะ .. เอาไปเลย ผมไม่กินๆ พี่เจนดูดี่ " พอพี่เขยยังคงตักผักใส่จานไม่หยุด สุดท้ายก็ต้องหันไปฟ้องพี่สาวจนได้
เห็นท่าทางแบบนั้นของทินกฤตก็ทำให้เจนสุดายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนแรกเธอก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่า จุนเจือจะไปทำตัวมีปัญหาให้จนทินกฤตรำคาญหรือเปล่า...แต่เห็นว่าเอ็นดูกันแบบนี้ก็นึกวางใจ
"เทียน อย่าแกล้งน้องซี่... เขาไม่กินก็ปล่อยเขาเถอะ คงไม่โตไปมากกว่านี้แล้วล่ะ"
"ไอ้เรื่องโตน่ะไม่ห่วงหรอก ... กลัวจะไม่ได้กินกากใย" ทินกฤตตอบกลับทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ว่าคำพูดของตัวเอองนั้นได้แฝงความนัยอะไรไปด้วยหรือไม่
" โอย ไม่ต้องห่วงผมหรอก .. พี่นั่นแหละ กินผักเข้าไปเยอะๆ ต้องขับถ่ายคล่องๆไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นลำบากแย่เลย "จุนเจือสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ ยังไงเจนก็เป็นพวกเดียวกับเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวทินกฤตหรอก ตอนนี้
"................." ทินกฤตนิ่ง ก่อนจะยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม
"เรื่องนั้นพี่ก็ไม่รู้ซี่นะ...พอดีไม่เคยเป็นฝ่ายรับน่ะ"
ก่อนจะหันไปมองหน้าของเจนสุดา " ขอโทษนะเจน พูดเรื่องแบบนี้บนโต๊ะอาหารซะได้.......อ่ะ" แต่เมื่อหันไปมองหน้าที่ภรรยา ก็ต้องรู้สึกเหมือนจะมีเหงื่อหยดลงมาอย่างช่วยไม่ได้
"งั้นเทียนก็เป็นฝ่ายรุกซี่นะ ...เมะขั้นเทพเลยใช่ไหม?.... แล้ว...แฟนเทียนเป็นแบบไหนอ่ะ เทียนชอบแบบไหนเหรอ สวยๆหรือเปล่าเหมือนในการ์ตูนหรือเปล่า... " ดูท่าดวงตาที่บ่อยครั้งต้องอาศัยแว่นตาถึงจะทำงานได้ของเจนสุดาจะมีประกายวาววับ
"........เอ่อ....คงไม่ขนาดนั้นหรอก" ถึงจะตอบไปแบบนั้น แต่ดวงตาคมกลับเหลือบมองใบหน้าของน้องเมียไปเสียจนได้เขาหวังว่าเจนสุดาจะไม่ทันสังเกต
.....หน้าแบบไหนเหรอ..ก็หน้าแบบน้องของเจนนี่ล่ะ.... แวบหนึ่งที่คนทั้งคู่สบตากัน จุนเจือก็หันไปทางอื่นเสีย
" ผมว่าพี่เทียนคงมีแฟนเยอะแยะ "
"แต่ไม่เคยเห็นพามาบ้านเลยนะ....ถามจริงเทียน ไม่มีแฟนเลยจริงๆเหรอ อยู่กับเทียนมาเนี่ย เห็นเทียนไม่เที่ยวไม่อะไรเลยอ่ะ...ไม่เหงาบ้างเหรอ ว่างๆพาแฟนมากินข้าวที่บ้านบ้างก็ได้นะ" เจนสุดาตั้งหน้าตั้งตาถามท่าทางสนใจไม่น้อย
"ไม่มีหรอกแฟน แค่ทำงานแทนป๊านี่ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่มีแรงไปหาแฟนหรอกเจน...รอเราหย่ากันก่อนก็แล้วกันนะ ค่อยว่ากันใหม่" ทินกฤตตอบพลางยิ้มแห้งๆ...ชีวิตรักของเขามันก็แห้งเหี่ยวพอๆกับรอยยิ้มนั่นล่ะ....ตั้งแต่แต่งงานมาเนี่ย
" โอ๊ย พี่เจน.. ใครเค้าจะไปอยู่กันเป็นคู่ๆแบบพี่เจนกับพี่อลิสล่ะ .. ผมว่านะ พี่เทียนหล่อเทพซะขนาดนี้ เปลี่ยนคู่ทุกวันยังได้เลย ไม่ต้องห่วงเค้าหรอกฮะ "
เด็กหนุ่มเริ่มพฤติกรรมหวงพี่สาวอีกแล้ว ทุกครั้งที่เจนสุดาแสดงอาการเป็นห่วงสามีของเธอ แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แปลกๆนี่ก็เถอะ
....เปลี่ยนคู่?....คำพูดของจุนเจือทำให้ทินกฤตขมวดคิ้ว
"เจือ..บางคำก็แรงไปหน่อยหรือเปล่า?" ดวงตาคมสบตาอีกฝ่ายเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
" หรือไม่จริงล่ะ .. สำหรับคนประเภทเดียวกับพี่ ทำอะไรได้ง่ายอยู่แล้วนี่
นึกจะทำอะไรก็ทำ คิดว่าตัวเองหล่อเลือกได้ล่ะสิ "
"...ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้น...พี่คงไม่ต้อง...." คำพูดของจุนเจือกำลังจะทำให้ทินกฤตเหลืออด แต่เมื่อหันไปมองหน้าเจนุดา หญิงสาวดูตกใจอยู่ไม่น้อย ถ้าจุนเจือจะพูดอะไรออกไปอีกซักคำ เขากลัวว่ามันจะเป็นคำพูดของจุนเจือนี่ล่ะที่จะพุ่งตรงกลับไปทำร้ายเจนสุดาเสียเอง
"ถ้าทานข้าวอิ่มแล้วล่ะก็...พี่จะไปส่งที่บ้าน " พี่เขยว่าพลางพยายามกลืนความรู้สึกขุ่นเคืองให้หายลงคอ
เด็กหนุ่มรวบช้อนทันที ก่อนจะดื่มน้ำตาม แล้วลุกขึ้น
" พี่เจน งั้นผมกลับก่อนนะ .. "
"อ่ะ เอ่อ..จ้ะ แต่...เทียนให้เจนไปส่งน้องเองไหม..." เห็นท่าทางระหว่างสองคนไม่ดี เกินไปต่อยไปตีกันกลางทางขึ้นมาจะทำยังไงเจนสุดารีบเสนอตัวทันที
"................." เสียงทินกฤตถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมือก็ดึงเอาเนคไทที่ปลดออกหลวมๆเมื่อครู่ออกไปให้พ้นจากคอ
"ไม่เป็นไรหรอกเจน....ผมไม่ได้โกรธอะไรน้องเขาขนาดนั้น...มันก็เรื่องจริงนี่นา มีให้เห็นถมเถ จะถูกเหมาอยู่ในภาพเหมารวมบ้าๆนั่นก็....ไม่ได้เห็นว่ามันจะแปลกหรืออะไรนี่ "ทินกฤตยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกไปทันที
"ไปเจือ...พี่ไปส่ง"
++++++++++++++++++
talk : ไม่ทันไรก็ปากดีได้อีกน้าคนเรา~จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี แต่สมน้ำหน้ามากกว่า ก๊ากกกกกกกกก 
สำหรับการฝึกงาน บอกหักเงินเดือนมันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นะ เพราะนักศึกษาฝึกงานไม่ได้รับเงินเดือน แต่บางบริษัทอาจจะมีเงินให้หลังจากฝึกงานนิดหน่อย ถ้าจะขู่จริง ๆ น่าจะบอกว่า ไม่เซ็นผ่านงาน หรือ ไม่ประเมินการฝึกงาน ตรงนั้นจะมีผลโดยตรงต่อการฝึกงานของนักศึกษาฝึกงานโดยตรง
บริษัทพี่เทียนมีเงินให้เด็กฝึกงานค่ะ..ส่วนเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงบอกว่าไม่ให้ผ่านไม่ได้ ลองๆอ่านต่อไปก็แล้วกันนะคะ..
ท้ายนี้....โหวดดดดด ค่า~