จนกระทั่งเด็กหนุ่มหายจากอาการป่วยและสบายดีนั่นแหละ บาสถึงได้ยอมกลับไป เอกรู้สึกโล่งใจไม่น้อยว่าจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าบาส กับเสียงหัวเราะแปลกๆเวลานั่งอ่านการ์ตูนของอีกฝ่ายเกือบจะตลอดเวลา
เด็กหนุ่มไปที่คณะ เอ่ยทักทายเพื่อนร่วมรุ่น ตามเสียงทัก เสียงตะโกนแซวไปตามประสา แต่ก็พยายามอย่างมากที่จะเข้าใกล้ หรือ ให้ความสนิทใครเกินไปเหมือนทุกที กรอบแว่นสีเงินยังคงถูกหยิบนำมาใช้เป็นเสมือนเกราะป้องกัน
ช่วงเที่ยงเอกเดินผ่าน โรงอาหารของคณะที่คนเบียดเสียดยัดเยียดเข้าไปหาอะไรกินเหมือนทุกๆวัน
" เอก!!!!!!!!!!!!!!!!!! "
เสียงตะโกนดังลั่นจากในโรงอาหารนั่นเรียกความสนใจของคนที่อยู่ด้านในได้เกือบทั้งหมด ... เพราะเจ้าของเสียงคือประธานเชียร์ปี3ผู้โด่งดังนั่นเอง
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก หันซ้ายขวาแล้วก็เห็น เจ้าของเสียงโบกมือหยอยๆอยู่กลางโรงอาหารคณะ
..........กรรมละ..............."ตะ.....ตะโกนทำไมเล่า!" เอกตะโกนกลับก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็ว
" กินข้าวด้วยกันก่อน .. เฮ้ย เอกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! "
++++++++++++
เอกรีบวิ่งออกมาจากโรงอาหารหนีออกมาทางด้านหลังเป็นลานกว้าง มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินด้วยอับอายกับการที่อยู่ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกชื่อพลางโบกมือหยอยๆให้อีกต่างหาก ทางเดียวที่จะหนีได้เร็วที่สุดคือวิ่งไปยังห้องเรียนวีชาตอนบ่ายเลย ขนมข้าวต้มเดี๋ยวค่อยฝากเพื่อนซื้อให้เอาขึ้นไปให้กินเอาตอนเบรกก็ยังพอไหว
เขาทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้เลคเชอร์อย่างอ่อนแรง เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะหันมองไปรอบๆ แล้วสะดุดตากลับร่างผอมบางของรุ่นพี่คณะเดียวที่เดินเข้ามา
"ตรงนี้ว่างไหม พี่นั่งด้วยนะ"
"เอ่อ....ครับ....." เอกเอ่ยเหมือนสติเลื่อนลอย เพราะใบหน้าของคนตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าสวยจนละสายตาไปไม่ได้
....โห ผู้ชายแน่เหรอวะ.... การนั่งคู่กันของคนทั้งคู่จะเป็นจุดสนใจของเด็กปีหนึ่งที่เดินเข้ามาเรียนด้วย
" อ้าว
พี่จุนเจือ หวัดดีครับ " เด็กๆกลุ่มนั้นยกมือไหว้รุ่นพี่ปี 3 คนสวยของคณะ
"เอ้อ หวัดดีๆ เรียนวิชานี้ก็เข้าเรียนแทนพี่หน่อยนะ จะได้ลอกเลคเชอร์" เจ้าของชื่อว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
" ผมไม่กล้าหรอก เดี๋ยวพี่อ่านไม่ออก ..เนี่ยๆ เอก มันเรียนเก่ง พี่ลอกมันเถอะ "พูดแล้วก็โบ้ยให้เพื่อนร่วมชั้นปีเสียแบบนั้น
"อ่อ...เนี่ยน่ะเหรอ เอก...ที่ว่าเป็นเจ้าหญิงนิทราใช่ไหม " จุนเจือหันมามองหน้าเอก ริมฝีปากหยักยิ้มมีเลศนัย
"อ่า..ครับ" เอกรับคำอย่างงงๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเครื่องคิดเลขรูปร่างคุ้นตา
"พี่ฮะ...เครื่องคิดเลขอันนั้น.....ของพี่เหรอครับ"
"อ๋อ...ไอ้เนี่ยนะเหรอ" จุนเจือว่าพลางยกเครื่องคิดเลขสีสันแสบตาขึ้นมา ด้านหลังมีสติกเกอร์รูปตัวอีประดับด้วยลายกะโหลดตัวเบ้อเริ่มติดอยู่
"ของไอ้บาสมันน่ะ เมื่อเช้าพี่รีบออกมา
เห็นมันวางอยู่หัวเตียง คว้าอะไรได้ก็คว้ามาก่อนล่ะ พอดีวันนี้ ต้องใช้"
ทำไมเอกจะจำเครื่องคิดเลขของตัวเองไม่ได้ เครื่องคิดเลขอันที่ประธานเชียร์ปีสามนึกจะยืมก็ยืมไปในตอนนั้น
....ทำไมมันถึงมาอยู่ในมือพี่คนสวยนี่ได้ล่ะ!....แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น
" โทษนะครับ ขอถ่ายรูปสองคนคู่กันหน่อยได้ไหมครับ? "รุ่นพี่ปีสี่จากคณะอื่นเดินเข้ามาถามจุนเจือที่นั่งอยู่ พร้อมกับกล้องอย่างดี
"หา?....." เอกอุทาน
"เอาซิ่" จุนเจือยิ้มก่อนจะคว้าคอเอกมาชุสองนิ้วถ่ายรูปท่าทางแอ๊บแบ๊วไม่น้อย
" น้องเอกครับ ยิ้มหน่อยครับ " รุ่นพี่นิรนาม ที่ดูจะอยู่คนละคณะกับพวกเขา ทำไมถึงได้รู้จักเอกได้กันล่ะ?
เอกพยักหน้ารับคำพลางยิ้มเจื่อนๆ เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
"ยิ้มดีๆซิ่เอก "จุนเจือว่าพลางขยับให้ถ่ายอีท่า
เสียงชัตเตอร์ระรัวจนพอใจ ก่อนรุ่นพี่หนุ่มจะลดกล้องลง
" ขอบคุณนะครับ พี่ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอ เจ้าหญิงปี 3 กับปี 1 ของคณะวิศวะพร้อมกันแบบนี้ .. พอมาเจอใกล้ๆนี่ สวยคล้ายๆกันเหมือนที่เค้าลือกันเลยนะครับเนี่ย "
"อ่า...พี่ครับ ถูกผู้ชายชมมันออกจะแปลกๆ..."เอกทำหน้าเหยก่อนจะหันไปอีกทางตรงกันข้ามกับจุนเจือที่ยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
"ได้ส่วนแบ่งขายรูปก็บอกกันด้วยนะพี่..."
" ฮะ ฮะ .. เดี๋ยวจะเอาเวปไซต์ชมรมครับไม่ได้เอาไปขายซักหน่อย " ช่างภาพหนุ่มว่า วันนี้เขาโชคดีจริงๆที่ได้ถ่ายของสวยๆงามๆอย่างสองคนนี่ ว่าแล้วก็รีบเอ่ยขอบอกขอบใจทั้งสองก่อนจะรีบเข้าประจำที่นั่งเรียน
แต่ดูเหมือนเอกจะยังติดใจกับเรื่องของเครื่องคิดเลขมากกว่าเรื่องภาพถ่าย ทำไมเครื่องคิดเลขของเขาถึงมาอยู่กับจุนเจือ แถมยังบอกว่าได้มาจากหัวเตียงของประธานเชียร์คนนั้นอีกต่างหาก
ที่สำคัญ....ทำไมเขาถึงรู้สึก....
....โกรธ..... บรรยากาศมืดดำทะมึนก่อตัวขึ้นเหนือหัวเอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกหงุดหงิด อยู่ไม่สุข ครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูกจนพาลคิดไปว่าตัวเองอาจจะไม่หายไข้ดีนัก แต่ก็นั่งทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นไปจนจบชั่วโมง
++++++++++++
เอกแทบจะพุ่งออกจากห้องเรียน โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครเดินตามออกหรือเปล่า แต่เมื่อเดินลงมาจนถึงหน้าตึกก็ต้องหยุดเมื่อเห็นประธานเชียร์ของคณะยืนตากแดดยามบ่ายหัวแดงอยู่หน้าตึก
พลางโบกมือให้หยอยๆ
"ชิ....." เอกเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
"อ้าวบาส....มารับเหรอขอบใจนะ " แต่ยังไม่ทันจะได้เดินหนีก็ต้องหยุด เมื่อได้ยินเสียงรุ่นพี่อย่างจุนเจือเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ ไม่ทักเปล่ายังแทบจะถลาเข้าไปกอดเจ้าของชื่อเสียด้วยซ้ำ
" รับมึง? "บาสทวนคำของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ พลางทำท่าจะต่อปากต่อคำ แต่สายตาของเพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทสนมกันมากๆมองมาแบบนั้นก็ทำให้พูดออกไปไม่ได้
"ใช่ไหมล่ะ ก็ต้องมารับกูซิ่... "จุนเจือว่า
บาสหันไปมองหน้าเอกสลับกับหน้าของจุนเจือไปมา
....ซวยแล้วไหมล่ะกู...แต่เอกดูเหมือนจะไม่อยู่รอดูอะไรไปมากกว่านี้ ร่างสูงโปร่งนั้นเดินเลี่ยงไปอีกทาง วันนี้ดูเหมือนเขาจะเป็นไข้จริงๆเพราะรู้สึกว่าหน้าของเขาร้อนขึ้นมากระทันหัน
" เอก .. เดี่ยวก่อน!!! " บาสผละออกจากจุนเจือทันที เขารีบวิ่งไปดักหน้าก่อนที่รุ่นน้องจะทันได้ไปไหน
"มีอะไรครับ" เอกถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนทุกครั้ง
" ทำไมต้องหลบพี่ที่โรงอาหารด้วยล่ะ มีอะไรไม่พอใจพี่รึเปล่า? " บาสถาม เขาไม่ชอบเลยที่เห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้ ด่าเขา ตีเขา อย่างทุกทีจะดีเสียกว่า
"ก็...แค่อายชาวบ้าน แล้วทำไมพี่ต้องตะโกนเรียกซะเสียงดังด้วยเล่า!" เอกถามกลับ เชิงๆจะขึ้นเสียงกลับไปเหมือนกัน
" ก็เอกชอบหนีพี่....นี่นา " พอถูกดุ ชายหนุ่มก็เถียงเสียงเบา เป็นภาพที่จุนเจือไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เขายังไม่เคยเห็นประธานเชียร์ เพื่อนสนิทคนนี้เป็นแบบนี้มาก่อนเลย
สงสัยจะมีแวว เป็นโรคกลัวเมียแล้วกระมัง
"ก็มันน่าหนีไหมล่ะครับ..." เอกพูดต่อ
"ผมไปล่ะ แล้วก็...อาทิตย์นี้รบกวนพี่ไม่ต้องมาติวผมนะ...ผมเหนื่อยอาทิตย์นี้ไม่อยากเรียน" พูดจบเอกก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง
แต่แล้วช่วงขาเรียวก็หยุดเหมือนคิดขึ้นได้
"แล้วช่วยเอา
เครื่องคิดเลขมาคืนผมด้วย...ของสำคัญของผม ถ้าหายไปล่ะก็...."
พอพูดมาถึงตรงนี้เอกกลับรู้สึกเหมือนจะสะอื้นออกมาให้ได้ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเครื่องคิดเลขอะไรนั่นมันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้นเสียงหน่อย
ทั้งหมดที่รู้สึกได้ในตอนนี้มีแต่....ความรู้สึกไม่พอใจ ที่แม้แต่ตัวเองก็ ยังรู้สึกแปลกใจเท่านั้น
" เอก? " บาสเรียกชื่ออีกฝ่ายน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างตกใจ ..... เอกร้องไห้งั้นเหรอ?..
" พี่................ "
เด็กหนุ่มไม่รอฟังเสียงกึ่งจ้ำกึ่งเดินเลี่ยงไปอีกทางทันที
"เฮ้ย...มีอะไรวะ เสียงดังเชียว " จุนเจือว่าพลางเอาเครื่องคิดเลขเจ้าปัญหาตีหัวประธานเชียร์ที่ดูจะยืนอึ้งอยู่แบบนั้น
"
เครื่องคิดเลข...กูไปเอาของน้องมันมาเมื่อไหร่วะ???? "คิ้วเรียวขมวด ยืนนิ่งอยู่กับที่ พึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า
" ตายห่า! เครื่องคิดเลขหนายยยยย " โวยวายเสร็จก็ออกแรงวิ่ง"ตามหา"เครื่องคิดเลขทันที
"หา?" จุนเจือที่ยืนฟังเพื่อนพึมพำอยู่ถึงกับงง จะเรียกเพื่อนไว้ก็ไม่ทัน บาสวิ่งโร่เข้าไปในคณะแล้วเรียบร้อย พร้อมกับเสียงตะโกนถามหาเครื่องคิดเลขดังเรื่อยไปตลอดทาง
ชายหนุ่มหน้าสวยยืนมองเครื่องคิดเลขที่ถืออยู่ในมือตัวเอง
"เครื่องคิดเลขมึงก็อยู่นี่ไง...
ควายบาสเอ้ย"
++++++++++++
เอกนั่งรถกลับห้องด้วยความรู้สึกที่ สุขใจกว่าตอนเดินออกมาจากคณะเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกหงุดหงิด และรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวปวดมวนท้อง ทั้งหมดเป็นเพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เด็กหนุ่มแวะกินข้าวเที่ยงที่สยามก่อนจะนั่งรถกลับหอ
แต่ตลอดทาง แม้จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ภาพที่รุ่นพี่หนุ่มหน้าสวยคนนั้นถลาเข้าไปหาประธานเชียร์ ที่ปากก็บอกรักแถมยังหอผ้าหอบผ่อนมานอนที่ห้องมาดูมาแลตอนป่วยไข้ก็ทำให้รู้สึกแปลกๆที่ข้างในอกไมน้อย
...ทำไมต้องคันๆด้วยวะ....
...ไม่ได้อะไรกันซักหน่อย....ความรู้สึกไม่มากพอจะเรียกได้ว่าเจ็บ แค่เหมือนคันๆจนรู้สึกหงุดหงิดก็เท่านั้น
++++++++++++
เอกพกพาความรู้สึกที่ตัวเอง บัญญัติไปว่า "คันจนน่าหงุดหงิด"นั้นกลับห้อง
เด็กหนุ่มจัดยาหลังอาหารอีกชุดลงท้องไปกะว่ายังไงเสียก็ต้องพักผ่อนอีกซักหน่อยถึงจะหายดี
---ปังๆๆๆๆๆๆ---เสียงทุบประตูดังขึ้นหน้าห้อง ด้วยความเร่งรีบ
"ครับๆๆ" อยู่ๆเสียงทุบประตูก็ดังขึ้นทำเอาเจ้าของห้องวิ่งไปเปิดประตูแทบไม่ทัน แต่อาจจะด้วยแรงทุบ ทำให้ฝุ่นผงอะไรที่อาจจะเกาะอยู่ที่ประตูตกลงเข้าตาอย่างช่วยไม่ได้
เอกปัดป่ายมือเปิดประตูจนสำเร็จทั้งๆที่อีกมือก็พยายามปัดเศษฝุ่นในตาออกจนน้ำตาไหล
" เอก!! เป็นอะ.... "ชายหนุ่มโวยวายค้างไว้แบบนั้น เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ที่กำลัง..ร้องไห้?
" ฮึ่ย อย่าร้องๆๆๆๆๆ .. นี่ไง เครื่องคิดเลข! " บาสรีบยื่นเครื่องคิดเลขให้อีกฝ่ายพลางยิ้มแป้น
"หา ใครร้อง?..."เอกเลิกคิ้วสูงก่อนจะมองเครื่องคิดเลขในมือของอีกฝ่าย
"หา...เครื่องคิดเลข?" เด็กหนุ่มว่าพลางรับเครื่องคิดเลขมาก่อนจะมองหน้าของอีกฝ่าย บนใบหน้าของบาสมีแต่เหงื่อ แถมยังหอบฮัก...
" พี่ไปหามาทั่วเลยนะ .. มันอยู่ที่จุนเจืออะ .. โทษที พี่ลืมไว้ที่มัน " บาสรีบบอก ทั้งๆที่ยังหอบหายใจอยู่เลย มือแกร่งเช็ดคราวน้ำตาบนในหน้าของอีกฝ่าย
" อย่าร้อง..นะ "
"...ใครว่าผมร้องไห้กันล่ะ!" เอกขยับหน้าหนีจากสัมผัสนั้น แม้จะรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระทบ แต่เขาก็พูดความจริง
"ทีหลัง ยืมของใครไปก็รีบเอามาคืนด้วย...เครื่องคิดเลขนี่มันสำคัญกับผมมากนะ...ถ้าจะให้
แฟนตัวเองยืมก็เอาของตัวเองดิ่" เอกโวยเสียงดัง ก่อนจะหันหลังจะกลับเข้าห้องตัวเอง
"ผมได้ของแล้วพี่ก็กลับไปเถอะฮะ ขอบคุณ"
" จุนเจือ มันไม่ใช่แฟนพี่นะ! " ชายหนุ่มดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้ เสียงของคนทั้งคู่เหมือนคนทะเลาะกันจนหลายๆห้องต้องเปิดประตูออกมาดูอย่างตำหนิ
บาสก้มหัวให้คนพวกนั้นเล็กน้อย
" เข้าไปคุยในห้องนะเอก..นะครับ "
"ก็พี่นั่นล่ะเสียงดัง...ที่โรงอาหารนั่นก็ด้วย...ผมผิดไหมเนี่ย" เอกทำหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน
++++++++++++
"มีจะอะไรจะคุยอีกละครับ
พี่จะเป็นแฟนใคร...ผมก็ไม่ได้สนอะไรนี่" ถึงจะพูดไปอย่างนั้น ภาพที่จุนเจือกระโดดเข้าไปหาคนตรงหน้าก็ยังติดตา
เอกได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ ตามมาด้วยเสียงลอคจากอีกฝ่าย
" เอก..ไม่สนจริงๆน่ะเหรอ? "ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายจากด้านหลัง
" ซักนิดเลยเหรอ? "มือแกร่งนั้นกอดร่างเพรียวจากด้านหลัง แล้วกระซิบที่หูเบาๆ
" ที่พี่บอกว่าชอบเอก..ก็ไม่สนใจบ้างเลยเหรอ? "++++++++++++
talk : โอย พี่บาสอ้อนน้องอะ บร้า~