Part 42
ณ ห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง
เหตุผลที่ต้องมาเลือกเดินซื้อของที่ห้างในต่างจังหวัดเพราะ ห้างในกรุงเทพมันวุ่นวายและเต็มไปด้วยนักข่าวที่จ้องจะทำข่าวของลีโอ อีกทั้งยังนักข่าวสายบันเทิงที่ต้องการหาข่าวของเขาไปเขียน เพื่อต้องการยอดขายและเพิ่มรายได้ให้กับสำนักพิมพ์ของตัวเอง
น้ำซุปกับลีโอกำลังเดินจูงมือกันเลือกของสใช้ในบ้านอย่างสนุกสนาน วันนี้ทั้งคู่ตกลงกันไว้ว่าจะซื้อของกลับไปแต่งบ้านใหญ่ ส่วน “เรือนหอ” ที่ร่างสูงซื้อเอาไว้นั้น เดี๋ยวค่อยย้ายอย่างจริงๆจัง แล้วเข้าไปอยู่ เพราะถ้าหากย้ายปุ๊ปปัปเดี๋ยวคุณหญิงแพรวกับฟองคลื่นน้องน้อยจะพากันงอนเสียหมด
“จะซื้อไปทำไมตั้งเยอะ ที่ห้องก็มีอยู่แล้วตั้ง 3 ถุง” ร่างสูงหยิบถุงเวเฟอร์ขนาดใหญ่ซึ่งออกจากรถเข็น 2 ถุง คงอยู่ 1 ถุง ทำเอาร่างบางส่งค้อนให้อย่างประหลับประเหลือก
“ก็อยากซื้อไปอีก เผื่อมันจะอร่อยไม่เหมือนกัน”
ยี่ห้อเดียวกัน บริษัทเดียวกัน รสชาติเดียวกัน ต่างกันตรงเพียงจุดจำหน่ายขายเท่านั้น ร่างบางกลับคิดว่ามันจะอร่อยกว่ากัน ทำเอาร่างสูงอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“ไม่ต้องเลยน้ำซุป ไม่หลงกลหรอก” ร่างสูงไสรถเข็นไปจอดตรงจุดขายของสด โดยมีร่างบางเดินทำหน้างอตามหลังมา
“ก็อยากกินอ่ะ ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ …. ซื้อเองก็ได้” ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมาสบกับร่างสูงอย่างอ้อนๆ
คุณคิดว่า เจ้าพ่อสุดหล่อเขาจะใจอ่อนหรือไม
และถ้าหากคุณคิดว่ายังไงก็อ่อนอยู่แล้ว เพราะเมียดันอ้อนซะขนาดนั้น
ขอบอกว่าคุณ .............คิด
ถูก!!!!!!!!!!!!!!
( ก๊ากกกกกกกกกกกกกๆๆ มึงจะบิ้วอารมณ์เพื่อ )
ลีโอ แอ๊คซายน์ แพ้ทางเมียอยู่วันยันค่ำ !
ร่างสูงเดินกลับไปหยิบถุงขนมเจ้าปัญหามาใส่รถเข็นดังเดิม นั้นแหละคนตัวเล็กถึงกลับมาร่าเริงได้อีกครั้งหนึ่ง
“ตามใจตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”
“ให้ครั้งนี้ครั้งเดียวที่เจ้าพ่อจะตามอีหนูแบบไม่มีเหตุอย่างนี้ ครั้งต่อไป ต่อให้งอนแค่ไหนก็ไม่แล้ว”
ร่างบางพยักหน้าให้อย่างแข็งขัน แล้วควงแขนกันไปเดินเลือกซื้อของ ตลอดเวลาของการเดินเลือกของนั้น มักจะมีสายตาสอดรู้สอดเห็นคอยมองมาที่คนทั้งคู่ไม่น้อย
สังคมยังไม่ยอมรับในเรื่องของการรักร่วมเพศ สังคมยังรับไม่ได้ที่ผู้ชายสองคนที่ถูกสรรสร้างให้ออกมาเป็นเพศที่แข็งแรงต้องปกป้องเพศหญิงที่อ่อนแอกว่า ซึ่งนั้นเป็นกฎของธรรมชาติอยู่แล้วที่ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง
แต่พระเจ้าก็สร้าง น้ำซุปผู้น่าถนุถนอมขึ้นมาอยู่บนโลกใบนี้ ผู้ชายเข้มแข็งก็จริง แต่สำหรับน้ำซุปแล้ว เกิดมาเพื่อได้รับการปกป้องจากคนอื่นมากกว่า ซึ่งคนๆนั้นก็คือ มาเฟียรูปหล่อ ดีกรีนักธุรกิจไฟแรง ที่มีกิจการเกือบจะทุกอย่างทั่วโลก มหาเศรษฐี ที่ใช้ชีวิตติดเมีย !
“อายไหมที่ต้องมาเดินจับมือกัน”
“ถามอีกครั้งจะจูบโชว์คนอื่นเลย ทำไมอยู่ดีๆถึงถามอย่างนี้” ร่างสูงพาร่างบางไสรถเข็นมาโซนอาหาร แล้วพากันนั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงนั้น
“ก็เห็นคนโน้นคนนี่มองเราสองคนอย่ากับเป็นตัวประหลาดแหนะ”
“น้ำซุปเมียใคร??”
“เมียลีโอ แอ๊คซายน์” ร่างบางตอบโดยไม่ต้องคิด
“แล้วน้ำซุปควรที่จะแคร์ใคร”
“....................................” ร่างบางเงียบ และให้ร่างสูงเป็นฝ่ายพูดเองทั้งหมด ครั้งนี้ขอรับฟังเฉยๆก็พอ
“อยู่กันมากี่ปี ยังไม่มั่นใจอีกเหรอ บอกให้ชื่นใจหน่อยว่าน้ำซุปจะแคร์ใคร”
“แคร์ลีโออยู่แล้ว ขอโทษครับ บางครั้งมันหวั่นไหวไปเอง”
“อย่าคิดมาก น้ำซุปรักลีโอ แต่ขอบอกให้รู้ตรงนี้เลยนะว่าลีโอรักน้ำซุปมากกว่าที่น้ำซุปรักลีโอเป็นพันเท่า”
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันและกัน
“ทานอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวลีโอจะเดินไปซื้อให้” ร่างบางไม่ตอบร่างสูง แต่เงยหน้ามองป้ายโฆษณาอาหารตามร้านอย่างพิจารณา และสายตาหวานซึ้งก็มาหยุดอยู่ที่ ข้าวคลุกกะปิรสเลิศ!
“กินเป็นเหรอ ไหนน้ำซุปไม่ชอบกะปิ”
“ไม่ลองไม่รู้ เอาข้าวเปล่ากับน้ำพริกกะปิปลาทูทอดมาด้วยนะลีโอ น้ำซุปอยากให้ลีโอลองทาน !” ร่างสูงถึงกับหวาดๆเมื่อได้ฟังเมนูของร่างบางที่สั่งให้เขาไปซื้อ
ก็สุดหล่ออย่างผม ไม่ชอบกะปินี่หน่า น้ำซุปนั้นไม่ถึงกับเกลียด พอทานได้ แต่ก็ทานได้ในจำนวนน้อย ผิดกับเขาที่ได้กลิ่นก็จะอ้วกแล้ว นอกจากจะแพ้ทางเมียแล้ว ลีโอ แอ๊คซานย์ยังแพ้ทางกะปิอีกด้วย แต่อย่างไรก็เถอะ ในเมื่อเมียหวังดีอยากให้เขาลองของ “เหม็น” จะปฏิเสธได้ไหมล่ะ
“เอ่อ เอาข้าวคลุกกะปิทีนึกครับ แล้วเอ่อ” ผู้บริหารหนุ่มดูเหมือนว่าจะสั่งอาหารไม่เป็นเสียแล้ว ร่างสูงยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างอายๆ
“เอาข้าวสวย ปลาทูทอดกับน้ำพริกกะปิใช่ไหมพอหนุ่ม”
“ครับๆ ขอข้าวสวยสองที่นะครับ”
แม่ค้าพยักหน้าแล้วยิ้มให้ แล้วก้มลงจัดเมนูของลูกค้าให้อย่าง ขมักเขม่น เมื่อทุกอย่างรีบร้อยแล้ว ร่างสูงจึงยื่นคูปองอาหารให้แม่ค้า แล้วถือถาดอาหารไปยังโต๊ะที่น้ำซุปนั่งรอยู่แล้ว
“ว้าววววว!!!!!!!” ร่างบางทำตาโตแล้วยื่นมือรับถาดอาหารจากร่างสูง
“แน่ใจนะว่ากินได้”
“ก็แค่เอาเข้าปากแล้วก็เคี้ยวๆ ไม่เห็นจะยาก” ร่างบางพูดตอบอย่างรวดเร็ว สายตามสำรวจอาหารที่อยู่ข้างหน้าอย่างสนใจ
“ก็รู้ว่าแค่เคี้ยวๆ แต่ว่ามันเหม็นนะ น้ำซุปทานได้จริงๆเหรอ”
ร่างบางพยักหน้าแล้วใช้ช้อนตักข้าวคลุกกะปิดเข้าปากตัวเองอย่างช้าๆ ลีโอมองการกระทำนั้นอย่างตื่นเต้น
“.............................”
“เป็นไงน้ำซุป อร่อยไหม .....จะอ้วกเหรอ เอาน้ำไหม!!” คนตัวสูงถามอย่างห่วงใจแล้วยกแก้วน้ำขึ้นจ่อปากร่างบาง
“บ้า ใครจะอ้วก .....อร่อยมากเลยต่างหากล่ะ” ร่างบางตักข้าวขึ้นมาจ่อปากร่างสูง คนตัวโตจึงรีบเบนหน้าหนีอย่างเอาเป็นเอา
“ลองดูเถอะน่า อร่อยจริงๆ นะ”
ดูเหมือนว่าถ้าไม่ยอมกิน คนป้อนก็ไม่ยอมเลิกป้อน ดังนั้นร่างสูงจึงอ้าปากรับข้าวคลุกกะปิเข้าปากอย่างเสียไม่ได้
“….!!!!!!!!!!!!!!........”
“ลีโอ คายออกมา” น้ำซุปยื่นมือไปรับซากอาหารจากปากของร่างสูงทันที เมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ทำสีหน้าแบบกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกหลังจากที่กินเข้าไป
ไม่มีทีท่ารังเกียจ มีแต่ความห่วงใยที่ร่างบางแสดงออกมา หลายตาหลายคู่มองการกระทำนั้นอย่างชื่นชม
ร่างสูงก้มลงบ้วนข้าวคลุกกะปิใส่มือร่างบาง แล้วคว้าแก้วน้ำเปล่ามาดื่มอย่างรวดเร็ว
“รสชาติรับไม่ได้ ไข่ดาวไหม้ไฟของยัยฟองยังอร่อยกว่าอีก”
“น้ำซุปขอโทษ ....... น้ำซุปคิดว่าลีโอจะกินได้”
“ก็กินได้”
“ฮืมๆ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูง ว่าคำพูดเมื่อกี้ตนเองได้ยินผิดไปหรือเปล่า กินได้แล้วทำไมถึงต้องคายออกไม่เข้าใจ
“ถ้าน้ำซุปเป็นคนทำ ลีโออาจจะกินได้ก็ได้นะ ก็เมียเจ้าพ่อทำกับข้าวอร่อย”
“ปากหวาน” คนตัวเล็กหน้าแดง แล้วตักข้าวเข้าปากอย่างอายๆ
“เดี๋ยวเจ้าพ่อไปซื้อข้าวผัดมากินก็แล้วกัน”
อาหารอย่างง่ายๆ ที่มาเฟียหน้าหล่อกินได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจก็คือ ข้าวผัด เพราะมันไม่มีทั้งพริกและเครื่องเทศอย่างอื่นมากมาย ใส่ก็เพียงข้าวและไข่และผักเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งทานอาหารกลางวันกันอย่างมีความสุขนั้น ได้มีคนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ทำเอาเจ้าพ่อหนุ่มตั้งตัวแทบไม่ทัน
“ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลีโอเป็นอะไรกับผู้ชายคนนี้คะ” แล้วข้อสงสัยของร่างสูงก็กระจ่างขึ้นทันที มือหนาเอื้อมมือไปจับข้อมือบางของน้ำซุปแล้วจูงมือหลบฝูงนักข่าวที่ไม่รู้ว่าแห่กันมาจากไหน เต็มไปหมด
“คุณลีโอคะ ตอบคำถามหน่อยค่ะ” นักข่าวจากสายบันเทิงคนหนึ่งวิ่งไปดักหน้าของทั้งคู่ และทวงถามคำตอบอย่างไม่เกรงใจทั้งคนทั้งสถานที่
“ถอยไป!!!!!!!” เส้นอารมร์ของร่างสูงขาดผึงทันที เมื่อหันไปเห็นช่างกล้องนายหนึ่งพยายามจะถ่ายรูปน้ำซุป มือหนาผลักช่างกล้องคนดังกล่าวล้มลง ใจอยากจะลงไปกระทืบซ้ำให้มันตายคาฝ่าเท้าให้มันรู้แล้วรู้รอด ดีที่น้ำซุปยังห้ามไม่ทัน ไม่งั้นได้มีข่างนักธุรกิจหนุ่มคนดังใช้กำลังกลางห้างแน่ๆ
“ที่เขาลือกันว่าคุณเป็นพวกรักร่วมเพศจริงหรือคะ แล้ว..................”
“ถ้าใครไม่หุบปาก อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“เอ่อ......................”
“อยากได้นักใช่ไหมข่าว งั้นเอาไปเลย รู้ไว้ด้วยว่านี่น่ะเมียผม” ร่างสูงตวัดร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดแล้วประกาศเสียงกร้าว
“และถ้าไอ้หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารเล่มไหนเอาข่าววันนี้ไปหลง ผมฟ้องตั้งแต่คนเขียน ยันคนพิมพ์แน่ๆ” บรรดานักข่าวสายบันเทิงต่างพากันตกใจหน้าซีด เพราะอำนาจของแอ๊คซายน์ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเสมอ ไม่มีใครกล้าที่จะต่อกรเพราะหากทำก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายชัดๆ
แต่สำหรับนักข่าวสาวคนหนึ่งกับไม่คิดอย่างนั้น หล่อนคิดเพียงว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เงินตอบแทนในอัตราที่สูงและสร้างผลงานให้กับตัวเองทั้งทางตรงและทางอ้อม และเบื้องหลังความทะเยอทะยานนั้นก็มีใครบางคนบงการอยู่!
“ใครมันปอดแหกก็เรื่องของมัน ฉันนี่แหละที่จะเอาไปลงเอง”
ช่างเป็นคนที่โง่เขลาเสียจริง!
กว่าที่ทั้งสองจะลงมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินได้ก็ทำเอาเสียเหงื่อเปลืองแรงไปทั้งคู่ เพราะกองทัพนักข่าวที่ไม่ยอมรามือไป ยังคงวิ่งตามร่างสูงและร่างบางอย่างไม่ยอมแพ้ และนั่นก็ทำให้ร่างสูงอารมณ์เสียไม่น้อย
“นิครอส มารับฉันที่ห้าง...... หน่อย มีเรื่องนิดหน่อย” ไม่รอให้คนอีกฝากพูดหรือกล่าวประโยคอื่นแต่อย่างใด เพราะเมื่อนิครอสรับโทรศัพท์ ร่างสูงก็พูดรัวเร็วทันที
“เหงื่ออกเต็มเลย” ร่างสูงหันมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ร่างบางที่นั่งเหงื่อตก หอบหายใจแรงอยู่ข้างๆ
“พวกเขามาได้อย่างไร”
ใช่! นักข่าวสอดรู้สอดเห็นพวกนี้มาได้อย่างไร ในเมื่อในการออกเที่ยวบ้านของเขาและน้ำซุปนั้นไม่เคยได้มีอะไรมากวนใจมาเป็น 4 ปี แล้วอยู่ดีๆทำไมพวกที่ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านถึงได้โผล่ออกมา
ตารางงาน ตารางพักของเขานั้นเป็นความลับอยู่ตลอด จะรู้ก็เพียงไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งจำนวนได้ก็มี 3 คนเท่านั้น อะไรที่ทำให้พวกนี้รู้ว่าเขากับน้ำซุปอยู่ที่นี่ราวกับนกรู้
เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่แน่นอน!
“ถ้าน้ำซุปไม่อคติเกินไป ก็ขอคิดว่านี่คือฝีมือของเบลล่า เพื่อนรักหักสวาทของลีโอ” ร่างบางพูอย่างเข่นเคี้ยว ที่อยู่ดีๆก็โดนขัดขวางเวลาเดินซื้อของอย่างอากาศ
“แค่คนรู้จัก็พอครับ ไม่ได้ไปรักหักสวาทใครที่ไหนทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาปักปรำเสียให้ยาก”
ร่างบางทำหน้าเบ้ แล้วกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสนิทเพื่อเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้เพื่อนของตนฟัง ลีโอนั่งรอได้สักพักก็เห็นนิครอสเข็นรถเข็นของห้างมาทางรถเขา
“จัดการเรียบร้อยหรือยัง” ลีโอ แอ๊คซายน์ยิงคำถามทันที และคำตอบที่ได้ก็คือ นิครอสพยักหน้าแล้วรายงานผลที่สร้างความพอใจให้กับร่างสูงไม่น้อย
“ไอ้นิคฟ้องหมิ่นประมาทเรียบร้อยแล้วติดที่นาย จะให้เล่นจริงๆ หรือว่าแกล้ง” นิครอสพูดพลางยกของจิปาถะที่อยู่ในรถเข็นลงท้ายรถ เมื่อกี้ลีโอและน้ำซุปรีบมากไปหน่อย เลยไม่ได้สนใจข้าวของที่พากกันไปซื้อมา และพอนิครอสมาถึงร่างสูงก็สั่งให้ไปจัดการของก่อนแล้วค่อยลงมาคุยกันด้านล่าง
“เล่นจริงและเล่นหนักๆ ถ้าหนังสือเล่มไหนมีรูปฉันกับน้ำซุปอยู่หน้าปกล่ะก็ ฟ้องหมิ่นแล้วให้ปิดบริษัทไปซะ”
“แรงไปหรือเปล่าลีโอ แค่ปรับก็พอแล้วมั้ง” ร่างที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็ลุกมาจากตัวรถแล้วท้วงร่างสูงนิดหน่อย
“ไม่แรงหรอกน้ำซุป อย่างนี้เขาเรียกว่าเบาะๆ ถ้าแรงจริงๆ บริษัทของพวกมันจะไม่เหลือแม้แต่ซาก”
ร่างสูงพูดอย่างเดือดดาล ใครไม่มาเป็นเขาไม่รู้หรอก ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรเลย ไอ้ข่าวบ้าๆนั่นมันก็จะตามมาหลอกหลอนเขากับเมียอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
“นายกับคุณซุปกลับไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะเข้าไปเคลียร์เรื่องคนที่ทำตัวเป็นนกรู้ รู้ว่านายอยู่ไหน ทำอะไรอย่างไง”
ลีโอพยักหน้าแล้วโอบร่างบางขึ้นรถ นิครอสมองการกระทำนั้นอย่างยิ้มๆ
“ใครมันกล้าไปแหย่ให้เสือโมโหว่ะ หาเรื่องใส่ตัวชัด”
.......................................................
“ทำงานดีมาก ไว้ฉันจะเรียกใช้ใหม่นะ” เบลล่ายื่นเงินปึกหนึ่งให้กับผู้หญิงร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
“ฉันถ่ายรูปสวยไหม แล้วคุณจะให้ฉันเอารูปพวกนี้ลงตอนไหน”
“ก็ดี อย่าลืมล่ะ เก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับที่สุด ที่สำคัญอย่าให้สาวมาถึงฉันได้” หล่อนรีบสวมแว่นตาอันโตที่ดูโก้เก๋ตามแบบฉบับสาวยุคใหม่ แล้วสาวเท้าออกจากบริเวณนั้นไป นักข่าวสาวผู้โลภมากก็จ้ำอ้าวออกไปเหมือนกัน
หารู้ไหมว่า การกระทำทั้งหมดของคนทั้งคู่นั้น ได้ถูกใครบางคนจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“อย่าหวังว่าพวกแกจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข” เบลล่ากระชับปืนในมืออย่างหมั่นหมาย
ความแค้นที่หล่อนสะสมมาตั้งแต่นานนม กำลังจะได้รับการชำระในไม่ช้า
แค้นตั้งแต่ หล่อนถูกตีค่าว่าเป็นเพียงแค่ของเล่นชั่วคราว
แค้นที่หัวใจและเรือนร่างของหล่อน ถูกมองเป็นแค่สิ่งของ
ผู้ชายที่ชื่อลีโอ แอ็คซายน์ช่างเย็นชาและโหดร้ายอย่างที่หล่อนคาดไม่ถึง เพียงครั้งแรกที่เห็นเสี้ยวหน้าของเขา หล่อนก็หลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยอมสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าจะถูกมองว่าไร้ค่าหรือหน้าไม่อาย หรืออะไรก็ตาม ต้องเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้ได้
และวันหนึ่งหล่อนก็ทำสำเร็จ เขาและหล่อนขึ้นเตียงด้วยกัน ในค่ำคืนของวันเลี้ยงรับรองผู้บริหารระดับสูง และในเวลาไม่ช้า เขาก็ทำให้หล่อนต้องกระเด็นตกสวรรค์
‘ต้องการเงินเท่าไร’ นีหรือคำพูดที่ได้ฟังจากปากของคนที่เราหลงรัก นี่หรือคือสิ่งตอบแทน เพียงเพราะหล่อนง่าย หรือว่า มนุษย์คนนี้ใจทำด้วยหินกันแน่
แล้วอยู่ดีๆ ทำไมผู้ชายอย่าง ลีโอ แอ๊คซายน์ถึงมีเมีย ทั้งที่เขาไม่ชอบการผูกมัดหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตเขาไม่มีอิสระ และทีสำคัญอดีตคู่ขาเขามีเมียเป็นผู้ชายสีด้วย
แค่ได้ยินได้เห็นครั้งแรกนั้น หล่อนก็รับไม่ได้แล้ว รับไม่ได้ในเรื่องของความวิปริตผิดเพศ อีกเรื่องก็คือรับไม่ได้ที่ผู้หญิงที่ผู้ชายเกือบครึ่งโลกต้องหลงเสน่ห์ต้องมาแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้
ความริษยาในใจเริ่มทวียิ่งขึ้นๆ มันเหมือนกับไฟได้น้ำมัน ยิ่งเติมไฟก็ยิ่งโหมแรง ที่หล่อนมาเมืองไทยครั้งนี้ก็เพื่อที่นะมาทวง เขาคืนไม่ว่าจะต้องทำวิธีไหนหล่อนก็ยอม
“เริ่มแผนต่อไปได้เลย” เสียงสั่งการผ่านโทรศัพท์แฝงไว้ด้วยอารมณ์ครุกกรุ่นร้อนแรง สั่งงานผ่านทางโทรศัพท์ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า เพียงแค่มีเงินและอำนาจอยู่ในมือ ทุกอย่างมันก็ง่ายไปเสียหมด
เหมือนคนแต่งจะโดนรุม เพราะให้นางร้ายออกบ่อยเกินไป ก๊ากกกกกกกกๆ