สเปเชี่ยลลลลลลลลลลลลล
ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
******** ไม่เจอะกันนาน คิดถึงจังเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย************** 555
{ บันทึกพิเศษ : เพียงฟ้า อริยาวัฒน์}
ออดดดดดดดดดดดดด !!
“ใครมากดออดอีกแล้วว่ะเนี่ย หรือว่าไอ้ซุปลืมจ่ายเงินค่าน้ำประปา” ไอ้ต้นบ่นอย่างหัวเสีย เพราะตอนนี้พวกผมกำลังเก็บกวาดห้อง แล้วก็ช่วยกันล้างจาน เพราะจำนวนจานที่เปื้อนนั้นมันมากจนเกินไป ไม่เหมาะที่จะเล่นเกมส์เพื่อหาคนดวงซวย
“ไปเปิดอย่างเดียว มึงจะตายมึงหรือไง บ่นอยู่ได้ 60 แล้วเหรอมึงน่ะ” ไอ้นัทด่าอย่างอดไม่ได้ พวกผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมต้องมาเช็ดกระจก ถูห้อง ปัดฝุ่นด้วยเนี่ย มาอาศัย อาทิตย์ สองอาทิตย์ ไอ้เวรต้นใช้พวกผมอย่างกันทาส
“มาทำไมว่ะ!!!!!!!!!!” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าห้อง ผมมองหน้ากับไอ้ตัสแล้วรีบวิ่งไปที่หน้าห้องทันที ส่วนไอ้นัทรายนั้นไปตั้งนานแล้ว
“เคล...วิน” ผมพูดออกมาอย่างละเมอๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง ตอนแรกกะว่าจะตัดใจแล้วนะ มาเห็นอีกครั้งใจก็กระตุกได้เหมือนกัน
“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์!!” อีกฝ่ายตะคอกออกมาอย่างโมโห ดูจากสีหน้าก็พอจะรู้แล้ว
“คุณเคลวิน ผมว่าคุณกลับไปดีกว่า เลิกวุ่นวายกับเพื่อนผมได้แล้ว” ไอ้ตัสพูดออกไปแล้วดันตัวผมเข้ามาในห้อง
“ไม่!!... ใครก็มาสั่งให้ผมเลิกยุ่งกับคุณไม่ได้” เคลวินเดินเข้ามาในห้องหมายที่จะดึงผมออกไปข้างนอก แต่ไอ้ไมค์ที่วิ่งมาสมทบกับไอ้ตัสช่วยกัน กันร่างสูงของเคลวินเอาไว้ นี่ถ้าหากผมอยู่คนเดียวมีหวังได้โดนอีกฝ่ายฉุดกระชากลากถูแน่ๆ
“ผมว่าคุณกลับไปเถอะ” ผมบอกร่างสูงอย่างเสียงสั่นๆ ไม่ได้ร้องนะ แต่ควบคุมโทนเสียงตัวเองไม่ได้ต่างหากล่ะ
“ไม่กลับ!! คุณเป็นอะไรก็บอกผมมาซิ บอกมาเลย พูดมันออกมา ผมจะได้รู้ อย่ามาหลบหน้าแล้วไม่รับโทรศัพท์อย่างนี้” ร่างสูงพูดออกมาอย่างรวดเร็ว ผมว่าเขายังไม่หายโมโหหรือว่าใจเย็นหรอกนะ ไอ้ตัสกับไอ้ไมค์ดูเหมือนว่าจะสู้แรงของเคลวินไม่ไหว ไอ้ต้นเลยต้องเข้ามาช่วยอีกคน แล้วดันร่างสูงของเคลวินออกไปนอกห้อง
“ผมบอกให้คุณกลับไป!!!!!!” ผมไม่ได้อยากตะคอกอีกฝ่ายหรอกนะ แต่ตอนนี้มันไม่ไหวแล้วจริงๆ หัวใจผมรับไม่ไหวกับเรื่องของเขาแล้ว นี่ซินะที่เขาว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
เคลวินมีสีหน้าที่ตกใจไม่น้อย ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ซะเท่าไร ทำไมเขาไม่เป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ได้เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของนิคมอุตสาหกรรม ไม่ได้มาทำร้ายคนรักของเพื่อนผม จนมันพลาดมาโดนน้ำซุป
“ผมขอร้อง......ออกมาคุยกับผมหน่อยได้ไหม” เคลวินมองมาที่ผมอย่างข้อร้อง ตอนนี้เขาไปยืนอยู่หน้าห้องแล้วเรียบร้อย โดยมีไอ้ตัสกับไอ้ไมค์ยืนคุมอยู่ข้างๆ น้ำเสียงมั่นใจของเขาไม่มีอีกแล้ว เหลือไว้แต่เสียงที่อ้อนวอน และข้อร้อง
ผมมองร่างสูงครั้งสุดท้าย ตาสบตา สื่อความหมายให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า ผมนั้นเหนื่อยแสนเหนื่อย หัวใจมันอ่อนล้าเกินกว่าที่จะทนไหวแล้ว ผมตัดสินใจหันหลังเดินเข้ามาข้างในทันที ผมไม่อยากร้องไห้ เพราะมันเป็นการแสดงออกที่อ่อนแอเกินไป ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น เมื่อตอนบ่ายก็ร้องกับน้ำซุปไปครั้งหนึ่งแล้ว
“เพียงฟ้า!!!!!!!” เสียงตะโกนของเคลวินดังขึ้นมา แล้วประตูห้องก็ปิดลง ตอนนี้ทุกคนเดินมานั่งรวมกันที่โซฟาหมดแล้ว ยกเว้นผมที่ยังยืนค้างอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับไปไหน สายตามองตรงไปที่ประตูอย่างเหม่อๆ
แม่ผมเคยบอกว่า ชื่อผมนั้นมีความหมายว่า “เกินกว่าผืนฟ้า” ท่านยังบอกอีกว่า ถ้าเนื้อคู่ผมพูดชื่อนี้ นั่นก็หมายความว่า เขารักผมเกินกว่าผืนฟ้า รักที่ประมาณไม่ได้
“อยากออกไปคุยกับเขาหรือเปล่า” ไอ้นัทเดินเข้ามาหาแล้วดึงผมไปนั่งที่โซฟา
ผมนั่งเงียบไม่ได้ตอบคำถามใครทั้งนั้น ไม่มีแรงพูด ตอนนี้มันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับหัวใจของตัวเองดี
เสียงออดที่หน้าห้องยังดังอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดไอ้ฟาร์ก็หมดความอดทน ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!!!!” พวกที่เหลือร้องออกมาอย่างตกใจ ไอ้ไมค์จะเดินตามผมมา แต่ไอตัสห้ามไว้ก่อนมันคงรู้ว่าผมเดินกลับไปประตูอีกรอบทำไม
“อย่าไปร้องหน้าเขานะมึง ไม่งั้นมีตบ” ไอ้นัทพูดออกมาอย่างยิ้มๆ ผมเลยยิ้มตอบมันไปแล้วพยักหน้าให้มันเล็กน้อยหลังจากนั้นก็เดินไปที่ประตูทันที
ผมเปิดประตูออกอย่างกระชากๆ ตอนนี้อารมณ์โมโหเริ่มพุดขึ้นมาบนใบหน้าผมอย่างช้าๆ
“กดอะไรนักหนา ก็บอกให้กลับไปไง!!” ผมเปิดฉากด่าอย่างทันทีและรวดเร็ว ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นประธานหรือเจ้านายอะไรทั้งนั้น ถ้าเรื่องมากนักก็ลาออกซะก็สิ้นเรื่อง
“คุยกันดีๆได้ไหม บอกหน่อยว่าผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ?” เคลวินรีบเดินเข้ามาหาผมแล้วดึงแขนให้ออกไปจากประตูห้องทันที ผมปล่อยให้เขาจับมือผมทำไมนะ หรือว่าผมก็ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงปล่อยให้เขาจับมือได้ง่ายๆ อย่างนั้น
“เปล่า...ผมก็แค่คิดว่าเราสองคนไม่เหมาะสมกัน คุณเป็นเจ้านาย ผมเป็นลูกน้อง” ผมพูดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยนะ กลัวว่าเห็นแล้วจะทำซึ้งน้ำตาไหลน่ะ
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น ไม่ต้องมาคิดแทนผมว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ เรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่คุณไม่รับโทรศัพท์”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ยืนนิ่งๆ แต่ใจนี่กระตุกไปตั้งแต่อีกฝ่ายพูดว่า อย่ามาคิดแทนผม แค่ได้ยินเท่านี้ผมก็เจ็บแล้ว
“อย่าทำอย่างนี้ได้ไหม ผมข้อร้อง” เคลวินมองมาที่ผมอย่างข้อร้อง สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความน่าสงสาร ผมยืนมองได้ไม่นานก็ต้องหลบเพราะเดี๋ยวจะใจอ่อนซะก่อน
“ทำไมผมจะทำไม่ได้ คุณลืมไปแล้วหรือไงว่า เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็แค่เพื่อน ผมก็แค่ไม่อยากรับโทรศัพท์เพื่อนอย่างคุณก็เท่านั้น”
ผมตาฝาดหรือเปล่า ที่เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายค่อยๆจางลงจนตอนนี้มันซีดไปแล้ว ผมพูดแรงไปอย่างนั้นเหรอ แล้วเขาแคร์ผมมากขนาดนี้เลยหรอ เขาแคร์คำพูดของผมด้วยหรอเนี่ย
“ใช่...ผมมันก็แค่เพื่อนคุณ ขอโทษที่มารบกวน........” เคลวินพูดออกมาอย่างเจ็บปวด ทำไมผมถึงรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากตัวเขาด้วยล่ะ
ร่างสูงค่อยๆ หันหลังแล้วเดินออกไปอย่างช้าๆ ผมยืนมองเขาเดินไปด้วยหัวใจที่ร้าวรานไม่น้อย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันพังหมดแล้ว
ผมอยากวิ่งไปกอดเขา อยากวิ่งไปดึงเข้าไว้ ไม่ให้เดินจากผมไป แต่ผมก็ไม่กล้าทำ ผมไม่อยากรักคนที่ทำร้ายเพื่อนผม ผมทำอย่างนั้นไม่ได้
“เป็นไงว่ะ เรียบร้อยหรือเปล่า มันทำอะไรมึงป่ะ” ไอ้นัทและคนอื่นๆ วิ่งเข้ามารุมผมอย่างเป็นห่วง ผมยิ้มให้พวกมันแล้วเดินเข้าห้องนอนเล็กไป ไม่อยากตอบคำถามใคร
พวกมันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ไอ้ตัสเดินไปส่งผมข้างในห้องทุกทีมันจะดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้อย่างปลอบประโลมแต่ครั้งนี้มันไม่ทำ เพราะมันคงรู้ว่าเวลานี้ผมอยากอยู่คนเดียว
ขอเวลาให้ผมนอนหน่อยนะ ผมอยากลืมอะไรหลายๆอย่างที่มันประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ขอผม...........ได้พักบ้าง
.
.
..
{จบบันทึกพิเศษ : เพียงฟ้า อริยาวัฒน์ }
………………………………………………………………………………………….
{ บันทึกพิเศษ : เคลวิน พิทยาภันทร์ }
.......ประธานบริษัท เจ้าของฉายา ผู้บริหารน้ำแข็ง..............
ตอนนี้ผมยังไม่ได้เดินไปไหนไกลนัก ผมยังเดินวนเวียนอยู่แถวคอนโดเพื่อนของเพียงฟ้า ผมยังไม่อยากไปไหนไกลจากคนตัวเล็กนั่น แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะเดินกลับไปขอโอกาศจากเขา
ผมไม่ได้รู้เลยว่าผมไปทำอะไรผิด หรือว่าไปทำอะไรที่มันขัดใจเขา เขาบอกเพียงว่า ประธานบริษัทอย่างผมไม่เหมาะสมกับเขา ทำไมต้องแคร์แล้ว ทำไมถึงมาตัดสินว่าใครเหมาะไม่เหมาะกับใคร ทำไมไม่มาถามผมว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับผม ใครกันแน่ที่ผมต้องการให้มาอยู่เคียงข้าง ทำไมถึงคิดเองเออ
ครั้งแรกที่ผมเห็นเขา ผมก็บอกตัวเองได้ทันทีเลยว่า คนๆนี้ต้องเป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้เขาแน่นอน เบื้องบนคงเห็นใจไอ้คนเย็นชาอย่างผม แต่ฟ้าก็กลั่นแกล้งผมอีกครั้ง ทำไมถึงทำให้ผมกับเขารู้จักกันแล้วต้องลิขิตให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นด้วย ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดีไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมอยู่ดีๆ เรื่องมันถึงออกมาเป็นอย่างนี้
คำพูดของเขาเป็นดั่งน้ำกรดที่ราดรดมาในหัวใจของผมให้เจ็บและปวด เขาบอกว่าผมกับเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน ใช่! ผมกับเขาตอนนี้มันเป็นได้แค่เพื่อน แล้วฐานะเพื่อนมันพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือไงกัน ทำไมถึงต้องมาพูดตัดความสำพันธ์กันอย่างนี้
ทำไมผมถึงอาภัพเรื่องความรักอย่างนี้ ยังไม่ทันได้รักมาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง อยู่ดีๆก็หลุดลอยออกไปจากผมซะแล้ว
ผมยืนมองโทรศัพท์อย่างปวดใจ ผมกดเบอร์ของเขาเอาไว้อย่างนั้น เพราะไม่กล้าโทรออกไป กลัวได้ยินคำพูดตัดรอนจากริมฝีปากบางนั้น กลัวว่าถ้าได้ยินแล้วจะรับความเจ็บปวดไม่ไหว
ครืดดดดดดดดดดดด.......ดดดดดดดดดดดดดดด
“ว่าไง”
/“นายอยู่ไหน ทำไมถึงไม่กลับบ้าน”/ เป็นนิครอสที่โทรเข้ามา ทำไมผมถึงหวังว่าใครอีกคนจะโทรมาล่ะ ผมจะไปหวังทำไม เขาพูดขนาดนั้นแล้วจะไปหวังลมๆแล้งๆอีก
“เดินเล่นน่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว กะว่าจะไปดื่มซักหน่อย”
/“อย่าให้เมามากนะเคลวิน เดี๋ยวปู่นายจะมาตีกะโหลกฉัน ข้อหาดูแลหลานสุดที่รักไม่ดี” นิครอสหัวเราะมาตามสาย ถ้าเป็นเวลาอื่นผมอาจจะโต้ตอบอีกฝ่ายไปอย่างเจ็บๆแสบๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์กับอะไรทั้งนั้น
“ถ้าฉันกลับบ้านไม่ไหวก็มารับด้วยนะ ไปดื่มที่.........” ผมจัดการบอกร้านเหล้าให้อีกฝ่ายรู้ทันที เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาโทรไปบอก นิครอสมันจะโทรเช็คว่าผมถึงบ้านตอนไหนอะไรยังไงตลอดเวลา
“โอเค ........” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป
ใครว่าผมจะยอมแพ้ ไม่มีทางซะละ เคลวินซะอย่าง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางผมให้รักเพียงฟ้าไม่ได้ เสียอะไรก็เสียได้แต่กับคนๆนี้ผมไม่ยอมที่จะเสียให้ใครเด็ดขาด
ผมเดินไปมองหน้าประตู้ห้องที่ร่างบางอยู่อีกครั้ง ยืนมองนานสองนานแล้วตัดสินใจเดินออกมาทันที วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่ แต่วันนี้ขอไปกินเหล้าเอาแรงหน่อยแล้วกันนะ
คำด่านิดๆ ไล่หน่อยๆ ไม่ทำให้ผมถอยหลังหรอกครับ ในเมื่อได้เลือกแล้ว ว่าคนๆนี้คือคนที่ใช่ ไม่ว่าอะไรก็ขวางผมไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ผมอยากบอกคนตัวเล็กที่ใจร้ายจังเลยว่า อย่าแกล้งผมอย่างนี้นานเลยนะ ผมอยากเห็นรอยยิ้มน่ารักๆนั่น
{ จบบันทึกพิเศษ : เคลวิน }
.
.
.
.
.
.