มาเฟียที่รัก กิ๊กรัก คุณชายตาโตโดย
Chocolate Love Part 53 ( ดั่งดวงหฤทัย ) The happy time in my life is doing everything for you.
ช่วงเวลาที่มีความสุขของฉัน คือการได้กระทำทุกสิ่งเพื่อเธอ*****************************************
“พี่ไม่ไปส่งนะ กลัวว่าจะทำใจไม่ได้” น่านน้ำกรอกเสียงไปยังเครื่องมือสื่อสารอันทันสมัยของตัวเอง เรือนกายสูงแกร่งนั่งพิงสะโพกที่ฝากระโปรงรถยนต์คันหรูของตัวเอง น้ำเสียงนุ่มนวลบัดนี้เจอไปด้วยความหมองหม่นและเศร้าใจ เมื่อบุคคลอันเป็นที่รักกำลังจะเดินทางไปอีกซีกโลกหนึ่ง
“อืม ไม่เป็นไร นัทเข้าใจ” คนอีกปลายสายตอบกลับมาเสียงเศร้าไม่แพ้กัน คนทั้งสองต่างรู้กันดีว่า การห่างไกลกันครั้งนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ระยะทางอาจเป็นอุปสรรค หากแต่ใจยังเชื่อมต่อและทักทอเป็นรักไม่เสื่อมคลาย
“นัทจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ พวกยาล่ะ เตรียมเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วครับ แม่จัดให้แล้วเรียบร้อย เหลือแต่บินอย่างเดียว” ณัฐดนัย กลับไปอยู่กับครอบครัวได้ 3 วันแล้ว ส่วนน่านน้ำนั้นก็กลับไปนอนที่บ้านตัวเองเช่นกัน ทั้งสองคนต่างลงความเห็นว่า กลับไปให้ครอบครัวช่วยปลอบใจจากการจากลาครั้งนี้ เผื่อความเศร้าและความโหยหาที่มันพัดโหมตอนนี้มันลดความรุนแรงลง
“ไปอยู่ที่โน้น ก็อย่าลืมกินข้าว กินยานะ ดูแลตัวเองด้วย ไม่มีใครคอยเตือนนัทแล้ว นัทห้ามปล่อยปละละเลยตัวเองเด็ดขาด”
“นัทรู้แล้วน่า ... พี่น่านพูดกี่รอบแล้วเนี่ย นัทจะถ่องได้แล้วนะ”
“ก็พี่เป็นห่วงนัท ไม่มีพี่อยู่ด้วย กลัวว่าจะป่วยแล้วเรียนไม่รู้เรื่องซะก่อน”
“นัทโตแล้วนะพี่น่าน ห่วงแต่พี่น่านเถอะ ห้ามให้ห้องรกเด็ดขาด กลับมานอนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำงานแล้วปล่อยห้องให้ แมงมุมหยากไย่มันอาศัย” น่านน้ำเคยบอกณัฐดนัยไว้ว่า หากต้องอยู่กันคนละซีกโลกจริงๆ จะไม่กลับมานอนที่คอนโดอีก จนกว่าที่คนตัวเล็กจะกลับมาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
การที่ต้องอยู่สถานที่ที่เต็มไปด้วยการกระทำที่เกิดขึ้นจากคนสองคน มันช่างทรมานไม่ต่างจากตายทั้งเป็น ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่เสียใจ เพียงแต่ คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง มันก็แค่คิดถึงเท่านั้น ความรู้สึกนี้มันช่างโหดร้ายเกินไป คนสองคนใช้ชีวิตร่วมกันมา 4 ปี ทำอะไรร่วมกันหลายๆอย่าง แต่ต้องมาแยกจากกันด้วยระยะทางและกาลเวลา แค่คิดก็รับไม่ไหวแล้ว
“พี่บอกนัทแล้วไง ว่าพี่กลับไปนอนไม่ได้จริงๆ พี่กลัว กลัวว่าถ้าพี่กลับไปอีกครั้ง พี่จะรั้งนัทเอาไว้ เชื่อไหมหากพี่ทนไม่ไหวจริงๆ พี่จะบินไปรับกลับมาทันที พี่ไม่สนใครทั้งนั้น แต่พี่อยากให้นัทได้ไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก กลับมาพ่อแม่จะได้ภูมิใจ”
“นัทเข้าใจแล้ว แต่นัท ไม่อยากให้พี่ฟุ้งซ่าน ไม่อยากให้พี่ไปอยู่ข้างนอก กลัวว่าพี่จะเหงาแล้วทนไม่ไหว กลัวว่า...พี่จะเอาคนอื่นมาแก้เหงาแล้วทิ้งนัทไป”
“พี่บอกนัทแล้วไงครับ ว่านัทเป็นหัวใจของพี่เหมือนกัน พี่ไม่มีทางเอาใครมาแทนที่นัทเด็ดขาด ระยะทางทำให้ห่างไกลก็จริง แต่มันก็พิสูจน์อะไรหลายๆอย่างได้เหมือนกันนะนัท ไม่ต้องคิดมากนะ”
“ถ้าพี่ทิ้งนัทไปอีกคน แล้วนัทจะทำไง นัทต้องเป็นบ้าแน่ๆ” หากตอนนี้ณัฐดนัยอยู่ข้างๆ คงได้เห็นสีหน้าอันออดอ้อนและเจือไปด้วยความเศร้าอยู่แน่ๆ
ใครว่าเขาไม่บ้าถ้าหากต้องเลิกรา แค่คิดหัวใจมันก็ไม่ไหวแล้ว หากต้องคิดว่าณัฐดนัยไปอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่นเขาก็รับไม่ไหวแล้ว หากต้องถึงจุดแตกหักจริงๆ เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ร่างบางอยู่กับเขา หากมันต้องใช้โซ่ล่ามไว้กับเตียงก็จะทำ น่านน้ำ ทำทุกอย่างได้เสมอถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวกับณัฐดนัย
“พี่ไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอนครับ ว่าแต่พี่ ห่วงแต่นัทเถอะ ไปอยู่ที่โน้น ห้ามให้ใครมาจีบได้นะ ใครเข้ามาถามก็บอกไปเลยว่าสามีน่ะทำงานรออยู่เมืองไทย ถ้าไม่อยากตายก่อนวัยอันควรก็อย่าเข้ามา”
“ฮ่าๆ ครับๆ ไม่มีใครเข้าใกล้นัทแน่นอน ไหนจะต่างหู สร้อยคอ แหวนอีก ก็พี่เล่นตีตราจองซะขนาดนี้ ใครกล้าก็ให้มันรู้ไป”
สิ่งของที่เขาทำให้ร่างบางไม่ว่าจะเป็น แหวน สร้อยคอ ต่างหู จุดประสงค์หลักเพื่อประกาศว่าคนๆนี้มีเจ้าของแล้ว และจุดประสงค์รองก็คือ ต้องการให้คนที่สวมระลึกอยู่ทุกครั้งว่ามีใครรออยู่ด้านหลัง เพื่อสนับสนุนและให้กำลังอยู่ไม่ห่างเสมอ จากนี้และตลอดไป
“นัท ............พี่ทำใจไม่ได้จริงๆ พี่พยายามแล้ว”
“....................................”
“พี่ไม่รู้จะทนได้ไหม ชีวิตพี่ต่อจากนี้พี่จะทำอย่างไง พี่รวนไปหมดแล้ว”
“เดี๋ยวพี่ก็ชินเอง เชื่อนัทนะ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเอง”
*************************************
เมื่อวางสายไปจากคนรักแล้ว น่านน้ำก็นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม รับลมแถวๆ ชานเมือง บรรยากาศในค่ำคืนเหงามและหว่าเหว่อย่างน่าใจหาย ทุกๆวัน จะต้องกลับไปนอนกอดคนตัวเล็กที่ห้อง นั่งทานอาหารค่ำที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆกันสองคน พูดคุย แลกเปลี่ยนข่าวสาร แม้บางครั้งที่เขาต้องไปดูงานที่อื่นแต่มันก็ไม่เกิน 2 วัน เพราะสุดท้าย หัวใจมันก็โหยหาสัมผัสอันอ่อนโยนของณัฐดนัยที่ทำให้สงบ และหายเหนื่อย
บ้านเมืองตอนค่ำคืนมองดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ ไม่แตกต่างจากถนน ที่เหมือนไม่มีได้หยุดพักเพราะรถยนต์วิ่งสวนไปมาอย่างไม่ขาดสาย แต่มองดูแล้วช่างเหมือนกับก้อนไฟหลายๆก้อนวิ่งสวนกันเสียมากกว่า คนไม่รู้จัก คนแปลกหน้า ต่างมองเมินใส่กัน เดินไหล่ชนไหล่ ทั้งๆที่ บรรพบุรุษของคนเหล่านี้มาจากคนเดียวกัน ความเชื่อในเรื่องของเทพนิยาย และตำนาน ทำให้มนุษย์ถูกผลักดันให้ทำกิจกรรมต่างๆไปได้ เพราะมีสิ่งยึดเหนี่ยวในใจเหมือนๆกัน
บ้าน ในความหมายของน่านน้ำ ก็คือ ณัฐดนัย สิ่งก่อสร้างที่สวยงามตกแต่งอย่างหรูหราไม่ใช่บ้านในความคิดของเขา หากแต่บ้านที่แท้จริงก็คือคนตัวเล็ก ที่ไม่ว่าเมื่อไรตอนไหนเมื่อเขากลับไปก็เห็น คนๆนี้รอรับและยิ้มให้อยู่เสมอ ช่วงชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงวัยหนุ่ม น่านน้ำใช้ชีวิตมากับสิ่งที่มีอำนาจสูงสุดในวงการธุรกิจ ซึ่งนั่นก็คือเงิน พ่อกับแม่ทำงาน เขารู้ว่าที่ท่านทำอย่าง
เหนื่อยมาขนาดนี้ก็เพื่อความสุขสบายของคนเป็นลูก แต่บางครั้ง ลูกอย่างเขาก็ต้องการ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างถ้อยคำอันอ่อนหวาน และอ่อนโยนของแม่ ซึ่งนานๆครั้งเขาถึงจะได้ยิน หรือแม้แต่คำด่าทอที่เขาอยากจะได้ยินจากปากพ่อ พ่อไม่เคยด่า ไม่เคยดุ เพียงแค่พูดตักเตือนเบาๆเท่านั้น แต่สำหรับเขาแล้ว น่านน้ำคนนี้ ต้องการมากกว่านั้น อยากได้สิ่งที่มันมาเติมเต็มทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ขาดหายไป ให้มันสมบูรณ์มากกว่านี้
“คิดถึงว่ะ ไม่ได้เจอหน้าตั้ง 3 วัน ป่านนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ นี่ขนาดอยู่แผ่นดินเดียวกัน มึงยังเป็นอย่างนี้ ถึงเวลาเขาไปจริงๆ มึงจะทนได้ไหมไอ้น่าน” ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเอง แต่มันเป็นการยิ้มเหยาะ ให้กับความอ่อนแอของตัวเองเสียมากกว่า
แหงนหน้ามองดูฟ้ายามค่ำคืนช่างมืดมิดมองไม่เห็นอะไรเหมือนหัวใจเขาจริงๆ ณัฐดนัยอยากให้เขากลับบ้าน แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับไปทำไม ในเมื่อครอบครัวของเขาไม่มีใครเลยนอกจากตัวเอง ผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนไปอยู่ดูแลสาขาหลักที่เมืองวอร์ซอ ประเทศ โปแลนด์ ผืนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยอารยะธรรมทางประวัติศาสตร์และผู้มีชื่อเสียงก้องโลกอย่าง เฟเดอริค โชแปง ธุรกิจโรงแรมสาขาที่โน้นเป็นไปได้ด้วยดี เพราะนักท่องเที่ยวไปเยือนโปแลนด์แต่ละปีนั้นสร้างรายได้ให้กับโรงแรมเขาไม่น้อย และอีกไม่นาน พ่อกับแม่จะวางมือจากทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วให้เขาบริหารทุกอย่าง แค่คิดชีวิตก็เหนื่อยแล้ว
“วันนี้เอาไงดี จะไปไหนต่อ เฮ้อ ไม่อยากให้นัทเป็นห่วงเลย”
หากเขาบอกณัฐดนัยว่าเขาไม่กลับบ้าน เจ้าตัวจะต้องห่วงและทิ้งครอบครัวอันอบอุ่นมาหาเขาแน่นอน และนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ปล่อยให้ตัวเล็กไปอยู่กับครอบครัวก่อนที่ห่างไกลน่ะดีแล้ว แม้ในใจข้างในมันกำลังถูกบีบรัดไปด้วยคำว่า “คิดถึง” ก็ตามที
“พี่ครับๆ เป็นอะไร ร้องไห้เหรอ” เสียงเล็กๆดังมาจากข้าง ๆ พอก้มลงไปดูก็เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักถือลูกโป่งสีแดงกับสีชมพูกำลังยืนมองเขาตาแป๋วอยู่ ดวงตาอย่างนี้เคยเห็นที่ไหนนะ แววใสเป็นกระจก มองดูแล้วยากที่จะถอนสายตาหรือละไปไหน
หนูนัทไงละ ตาแป๋วๆ ใสๆอย่างนี้ มีหนูนัทอีกคนที่ไม่ว่าเมื่อไร จะมองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ ...
“เปล่าครับ พี่ไม่ได้ร้องไห้ พอดีเมื่อกี้พี่แสบตา น้ำตาเลยไหล ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”
“ชื่อนัทครับ พีนัท เรียกนัทเฉยๆก็ได้ ครับ พี่มาคนเดียวเหรอ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ ไม่เหงาเหรอ” อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ตาก็เหมือนกัน แถมชื่อยังมาคล้ายกันอีก หรือว่านี่คือร่างจำลองของหนูนัทส่งมาเพื่อกลั่นแกล้งเขา ฮะๆ ความคิดมันช่างฟุ้งซ่านเอาซะจริงๆ
“เหงาซิครับ แล้วนัทล่ะ ทำไมมาเดินคนเดียว พ่อกับแม่ไม่ว่าเหรอ มันดึกแล้วนะ”
“ไม่ว่าหรอกครับ พ่อกับแม่บอกนัทว่าพี่คนหล่อทำหน้าเศร้าเลยให้เอาลูกโป่งมาปลอบใจ”
“ฮะๆ ขอบคุณครับ หน้าพี่เศร้าอย่างนั้นเลยเหรอ” เด็กมักจะไม่โกหก พ่อกับแม่เด็กคนนี้อยู่ไหนนะ ทำไมถึงดูเขาทะลุปรุโปร่งอย่างนั้นละ
น่านน้ำหันมองรอบด้าน เพื่อหาพ่อแม่ของเด็กคนนี้ ระแหวกนี้มีเพียงบ้านเรือนที่ปิดประตูหน้าต่างกันหมดแล้ว เพราะตอนนี้มันก็ดึกเต็มที่ แต่พอหันข้างไปด้านซ้ายและมองดีๆจะเห็นร้านนมผสมเบเกอร์รี่เปิดไฟและกำลังเก็บของสงสัยกำลงจะปิดร้าน
“ร้านนมนั่น ใช่ร้านพ่อแม่เราหรือเปล่า”
“ใช่ครับ พ่อทำนมปั่นที่สุดในโลก แม่ก็ทำเค้กอร่อยที่สุดในโลกเหมือนกันครับ พี่คนหล่อจะลองชิมก่อนไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งเราก็แล้วกันนะ”
ร่างสูงเดินจูงมือเด็กน้อยไปยังตัวร้าน ที่มีสองสามีภรรยากำลังเก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะ และเก็บของอยู่ ทั้งสองคนมองมาที่เขาอย่างยิ้มๆ แม่ของเด็กเดินมารับ แล้วยิ้มให้ รู้แล้วล่ะ ว่าที่เจ้าตัวเล็กยิ้มสวยอย่างนี้ เพราะมีเจ้าของกรรมพันธุ์มาจากคนเป็นแม่นี่เอง
“เอาลูกชายคนเก่งมาส่งครับ” ชายหนุ่มส่งเด็กน้อยให้กับผู้เป็นมารดาแล้วยิ้มให้ มึงแม้รอยยิ้มจะปรากฏอยู่ที่ใบหน้าหล่อขรึมของน่านน้ำ แต่แววตาไม่ได้ฉายแววว่ามีความสุขเลยซักนิด ผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดี
“บางครั้ง ความเหงาก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรานะ” มารดาของเด็กน้อยเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่แค่นั้นชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่า ประโยคดังกล่าวนั้นมันเอ่ยถึงใคร ถ้าไม่ใช่ผู้ชายที่กำลังประสพ วิบาคกรรมเก่า ถูกระยะทางพรากคนรักไกลห่าง
ร่างสูงยิ้มให้เจ้าของร้านใจทั้งสองคนแล้วหันหลังเดินออกมาอย่างช้าๆ แต่เสียงเรียกเสียงเล็กๆ ก็ฉุดรั้งท่อนขาแข็งแรงให้หยุดชะงักแล้วหันหลังกลับไปมองอย่างแปลกใจ
“พี่สุดหล่อลืมลูกโป่งครับ” เด็กน้อยยื่นพวงลูกโป่งสวรรค์มาให้แล้วก็วิ่งกลับไปที่ร้าน ทิ้งไว้เพียงใบหน้าคมหล่อที่ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างช้า
“แล้วจะทำไงกับลูกโป่งพวกนี้ดีเนี่ย” ชายหนุ่มเดินมาที่รถแล้วพึมพำกับตัวเอง และเมื่อยังตัดสินใจไม่ได้ก็เอาลูกโป่งสีหวานยัดเข้าไปในห้องผู้โดยสารด้านหลังแล้วออกรถไปยังที่หัวใจโหยหา
บางครั้งการได้ทำอะไรที่หัวใจเรียกร้อง โดยไม่ต้องมีสิ่งมารังควานหัวใจนี่ก็ดีเหมือนกัน ร่างสูงยิ้มออกมาอย่างไม่มีความสุข เมื่อตัดสินใจได้ว่า ที่สุดท้ายของคืนนี้ คือที่พักใจสำหรับชายหนุ่ม
**************************************
--- รัก ..รักเธอทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเลวนั้นเก็บไว้ข้างใจ เธอได้ยินไหมคนดี ---
ร่างบางที่กำลังนั่งเหม่อมองรูปถ่ายของคนรักสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เมื่อเครื่องมือสื่อสารของตัวเองส่งเสียงดังในยามดึกดื่นเช่นนี้ มือบางคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ใบหน้าเนียนใสเปิดยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข เมื่อรู้ว่าผู้ใดโทรมาหาเป็นคนสุดท้ายในค่ำคืนนี้
“ครับ?”
“นัทนอนหรือยัง?” ใจอยากจะบอกไปเหลือเกินว่า อยากนอนเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็นอนไม่หลับ หัวใจมันคอยพวงวกกลับไปหาผู้ชายที่กุมหัวใจของเขาอยู่
“นอนแล้วครับ”
“นอนแล้วทำไมไฟห้องยังเปิดอยู่ล่ะครับ”
“เอ๊ะ!! พี่น่านรู้ได้ไง อยู่ไหนกันแน่”
“ทายซิครับ ว่าพี่อยู่ไหน”
“หรือว่า.....................”
ร่างบางพุดลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้ววิ่งไปเปิดม่านหน้าต่างบานที่หันไปทางถนนเส้นหน้าบ้าน แล้วก็พบกับเล่นรถคันหรูของคนรัก แต่อะไรก็ไม่แปลกใจเท่ากับการได้เห็น ผู้ชายตัวโตใส่สูททำงานสีเข้ม แต่มือถือพวงลูกโป่งสวรรค์สีแดง อีกมือถือโทรศัพท์และมองมาที่หน้าต่างห้องของร่างบาง
“พี่น่าน!!!!!!!!!!!!” ร่างบางร้องออกมาอย่างดีใจ ร่างสูงที่ยืนอยู่บริเวณถนนหน้าบ้านโบกมือขึ้นมาให้อีกทั้งรอยยิ้มหวานที่ช่วงนี้ณัฐดนัยไม่ค่อยเห็น เพราะชายหนุ่มเครียดเรื่องไปเรียนต่อของร่างบางมากเกินไป
“คิดถึง...........” ร่างสูงเปิดวงแขนรอรับร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและปลอดภัย กับเวลาเพียงไม่กี่วัน นั่นก็ทำให้ร่างสูงคิดได้แล้วว่า ความโหยหามันทารุณแค่ไหน
“คิดถึงหนูนัท นะ .........พี่คิดถึงนัทนะ ........นัทได้ยินไหม .......นัทได้ยินเสียงพี่ไหม ได้ยินหรือเปล่าว่าคนๆนี้มันขาดนัทไม่ได้”
ร่างบางเพิ่มแรงกอดกระชับให้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วซุกหน้าใบหน้าเข้าซบกับแผงอกหนาของร่างสูง เสียงหัวใจสองดวงเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะความคิดถึงอย่างนั้นหรอกหรือ
“นัทขอโทษ............นัทขอโทษที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ นัทขอโทษนะพี่น่าน”
“......................”
“นัทไม่ไปแล้วก็ได้ นัทไม่เรียนแล้ว......”
“นัทไปเรียนเถอะนะ ไม่ต้องห่วงพี่ พี่อยู่ได้ ถึงมันจะลำบากไปหน่อย แต่พี่ก็ทนได้ นัทไปเรียนแล้วกลับมาอยู่กับพี่เหมือนเดิมนะ”
“.......................................”
“ผมรักคุณนะ” ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยหยาดละอองน้ำ เมื่อได้ยินน้ำเสียงบอกรักที่แสนอ่อนหวานของน่านน้ำ ณัฐดนัยไม่ขออดกลั้นอีกต่อไปแล้ว ร่างบางปล่อยเสียงร้องออกมาอย่างสะเทือนใจ หากแต่มันก็เจือไปด้วยความหอมหวาน
หากรัก เป็นเหมือนเมฆลอยไปในฝากฟ้ากว้างไกลตา
ไม่หวนมา ลมยังพา เมฆน้อยเลื่อนลอยไป
ดั่งฉัน มั่นหมายและปองเธอ ละเมอเผลอรักหมดใจ
รักมากแค่ไหน รักมากเท่าใด โปรดอ่านใจของฉันดู
หากฉันเป็นนก จะติดตามเมฆน้อยที่ล่องลอยลับไป
ฟากฟ้า มืดมนเพียงไหน ไม่หวั่น
หวังไว้ คงสักวัน คงได้เจอ
หากรัก เป็นเหมือนเมฆลอยไปในฝากฟ้ากว้างไกลตา
ไม่หวนมา ลมยังพา เมฆน้อยเลื่อนลอยไป
ดั่งฉัน มั่นหมายและปองเธอ ละเมอเผลอรักหมดใจ
รักมากแค่ไหน รักมากเท่าใด โปรดอ่านใจของฉันดู
หากฉันเป็นนก จะติดตามเมฆน้อยที่ล่องลอยลับไป
ฟากฟ้า มืดมนเพียงไหน ไม่หวั่น
หวังไว้ คงสักวัน คงได้เจอ ในห้องนอนห้องใหญ่ของณัฐดนัย เมื่อก่อนร่างบางมักจะคิดว่าห้องนี้มันกว้างเกินไปหรือเปล่า แต่สำหรับตอนนี้แล้ว ความคิดต่างๆได้เปลี่ยนไปแล้ว ห้องนอนห้องใหญ่ที่มีสองผู้อาศัยนอนกอดก่ายกันอย่างมีความสุขมันช่างแคบแต่ก็อบอุ่นหัวใจไปอีกแบบ
ขอหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ได้ไหม
ขอหยุดทุกสิ่ง ทุกอย่างไว้แต่ตรงนี้
และขอให้ น่านน้ำคนนี้ อยู่กับ ณัฐดนัยตลอดไป
**********************************************************************
Hello !!! กราบสวัสดี แม่พ่อพี่น้องทุกท่าน สำหรับคู่ของน่านน้ำ+นัท นั้น ผู้แต่งไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะละเลยแต่อย่างใด หากแต่ทางผู้แต่งได้จัดทำตอนพิเศษของคู่นี้ขึ้นมาก็เพื่อเบรกอารมณ์อันหวานหยดย้อยของคู่มาเฟียลง หากว่าผู้แต่งได้ละเลย ในการจัดพิมพ์และอัพลงเว็บช้าเกินไป ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
รักและขอบคุณ
โดย Chocolate Love