A's Diary 8
14 มิ.ย.
เมื่อวานหลังจากกลับจากโรงหนังผมรู้สึกใจไม่ดีเท่าไหร่ เพราะที่เพิ่งผ่านไป มันเหมือนเป็นการท้าทายอำนาจของคุณแม่น้องบี ผมเดาเอาว่าตอนนี้คุณแม่น้องบีต้องรู้สึกไม่พอใจผมเท่าไหร่แน่ๆ
ผมอยากโทรหาบีตั้งแต่เช้า อยากถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากกลับบ้านไปแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ แม้ว่าจะตอนเที่ยง....ก็ยังไม่ได้... ผมรอเวลาจนกระทั่งตอนเย็นประมาณ บ่าย 3 โมงครึ่ง ซึ่งบีเคยบอกผมว่าจะว่างช่วงนี้ ผมลองกดโทรหาน้องบีดู ขณะที่กำลังกดไปที่สมุดโทรศัพท์ผมก็อดนึกกังวลต่อคำถามที่ผุดขึ้นในใจว่า
“วันนี้น้องบีจะมาซ้อมไหม” อย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้น้องมีปัญหาเรื่องนี้กับคุณพ่ออยู่ ยังมาแถมปัญหานี้ขึ้นมาอีก
“ตี๊ด!” ผมกดปุ่มโทรออกทันทีที่เจอชื่อน้อง ตอนนั้นผมถือโทรศัพท์ด้วยใจลุ้นระทึกว่าน้องจะเปิดเครื่องไหม ถ้าเปิดเครื่องแล้วน้องจะรับไหม แล้วถ้าคนรับไม่ใช่น้องล่ะจะทำยังไง แล้วถ้าเป็นน้องจะเริ่มพูดอะไรก่อนดี
“ไม่สามารถติดต่อหมายเลขปลายทางได้ในขณะนี้” เสียงโอเปอเรเตอร์ตอบกลับมา
“เฮ้อ.......” ตอนนี้ผมรู้สึกอดกังวลไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้แฮะ แล้วผมก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะนั่งทำงานเอกสารบางอย่างหน้าคอมต่อเพื่อรอเวลา 16.00 น.
พอสี่โมงเย็น ผมก็ออกจากบ้านตามเวลาปรกติแล้วตรงไปที่ยิมทันที พอมาถึงก็เจอน้องว่าน กับ ต้นกล้า กำลังนั่งเล่นเกมบนมือถือกันอยู่ พอน้องทั้งสองเห็นผมก็หันกลับมาไหว้ๆพอเป็นพิธีก่อนที่จะหันกลับไปเล่นเกมต่อ ส่วนผมก็เดินไปวางของบนชั้นก่อนที่จะไปนั่งเล่นกับว่านด้วย ระหว่างนั้นผมก็มองนาฬิกาอยู่เรื่อยๆ ในมือผมถือโทรศัพท์เอาไว้ตลอด แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป น้องๆหลายคนเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ ระหว่างนั้นน้องตองเดินมายืนข้างๆผมแล้วถามว่า
“เป็นอะไรเหรอพี่” ตองถามผม
“อืมมม....ไม่มีอะไร” ผมตอบกลับไปแล้วยิ้มๆ
“ไม่มีอะไรได้ไงดูทำหน้าตาดิ.......รอบีเหรอ” ตองตามกลับมาพลางยิ้มใส่ผมกลับคืน
“เปล่า.....”“ฮั่นแน่ๆ.....มีอะไรหรือเปล่าอะพี่”“เปล่า”“เปล่าๆแบบนี้มีอะไรแหง๋เลย เล่าๆๆ” ตองเอานิ้วชี้มาสะกิดๆที่ไหล่ผมเบาๆ
แล้วขณะที่คุยกับตองอยู่ อ้น ก็มาพอดี
“พี่เอ พี่ตอง ดีครับ” น้องอ้นยกมือไหว้ผมกับตอง
“อ้นๆ แล้วบีล่ะ” ผมถามอ้นออกไป พอถามจบอ้นก็หันมาทำหน้าตาเบื่อๆเซ็งๆก่อนจะตอบมาว่า
“ไม่รู้มัน เดินซื้อของกับเพื่อนอยู่มั้ง” อ้นตอบเสร็จก็เดินเอากระเป๋าไปเก็บที่ชั้น
“แน่ะๆๆ” ตองหันมาทำเสียงแซวผม
“เปล่าๆ ก็เห็นปรกติบีกับอ้นมาด้วยกันบ่อยๆ วันนี้ไม่เห็นมาด้วยกันเลยถามดูเฉยๆ”“ฮั่นแน่”“จริงๆ เป็นห่วงเฉยๆ”“อะๆไม่บอกก็ไม่บอก” พูดจบตองก็เดินออก
แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป 17.20 น. แล้ว บียังไม่มาเลย ไปไหนของเค้านะ ผมตัดสินใจโทรหาอีกครั้ง แต่มันก็ยังเหมือนเดิม เฮ้อ......... หรือพ่อแม่น้องบีจะให้เลิกเรียนจริงๆนะ ปรกติบีไม่เคยมาสายขนาดนี้เลย ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดไปเรื่อยๆ
“ครืดดดดด” เสียงประตูเลื่อนหน้ายิมดังขึ้น ผมหันไปมองที่ต้นเสียง ครับ น้องบีนั่นเอง ทันทีที่เห็นน้องผมรีบเดินไปหาน้องอย่างรวดเร็ว
“บีไปไหนมา” ผมถามออกไป
“รอแม่มารับ” บีตอบกลับมาขณะที่กำลังถอดถุงเท้าอยู่
“โทรให้พี่มารับก็ได้นี่นา”“โทรศัพท์ผมแบทหมด”“.....” ผมพูดอะไรไม่ออกรู้แค่ว่าผมดีใจมากที่เห็นน้องมา ความกังวลใจใดๆที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น
“พี่เป็นอะไร” บีถามผม ก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมเบาๆ
“พี่...กลัวว่าบีจะไม่ได้มาอีกแล้วหน่ะซิ” ผมคิดในใจ ก่อนจะจับมือบีไว้แล้วจูงเข้าห้องเปลี่ยนชุด พอเข้ามาในห้องเปลี่ยนชุด ผมกอดบีไว้แน่นเอาหน้าซุกลงไปที่คอน้อง บียื่นนิ่งไม่ไหวติงผมกอดน้องค้างไว้อย่างนั้น
“พี่” บีพูดเบาๆ
“ครับ” ผมค่อยๆคลายมือออกแล้วหันมายิ้มให้บี
“ผมยังเตะท่า Swing*1 ได้ไม่สวยเลย วันนี้พี่สอนผมแค่คนเดียวพอนะ”“อื่อ ได้ซิ” พูดจบผมก็หอมลงไปที่หลังมือน้องเบาๆ ก่อนจะช่วยน้องบีเปลี่ยนชุด
“บี เมื่อวานม๊าว่าไงบ้าง”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”“เหรอ ไม่ได้ดุอะไรใช่ไหม”“เปล่า ทำไมเหรอครับ”“พี่เป็นห่วง” แล้ววันนี้ผมก็ทำตามสัญญาผมสอนบีแค่คนเดียว ไม่ได้สอนคนอื่นเลย แม้แต่ว่านเองผมก็ไม่ได้สนใจ แล้วก็เป็นอีกครั้งหลังจากที่ไม่เคยสอนใครแบบใส่ใจขนาดนี้มานานมาก บีเองก็พยายามอย่างสุดๆ แต่....ความสวยงามคล่องแคล่วมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็คงไม่ยากถ้าผมจะทุ่มความรู้ในการฝึกสอนทุกอย่างที่มี ณ ตอนนี้ เพื่อให้บีสอบได้คะแนนดีๆให้ได้......จนกระทั่งเลิก
“บี วันนี้ใครมารับ”“ป๊า มารับ” บีพูดจบก็จัดแจงเก็บของลงกระเป๋าทำท่าเหมือนเตรียมตัวจะกลับ
“เหรอ....”“ครับ พี่ผมไปก่อนนะ” พูดจบน้องก็เอากระเป๋าสะพายขึ้นหลังทันที
“อ่าว...ทำไมวันนี้กลับเร็วอะ”“ม๊าบอกให้รีบกลับ”“แล้วป๊ามาแล้วเหรอ”“ม๊าโทรบอกให้ป๊ามารอตั้งแต่ หกโมงครึ่งแล้ว”“อืมมม”“พี่เอ หวัดดีครับ” ยกมือไหว้เสร็จบีก็วิ่งออกไป ผมเดินออกมามองตามก็ปรากฏว่าจริงด้วย ป๊าน้องบีมารอแล้ว ผมยืนมองเห็นน้องวิ่งไปที่รถ น้องเปิดประตูโยนกระเป๋าเข้ารถก่อนที่น้องจะเข้าตามไป......ไม่รู้ซิครับ แบบนี้มันทำให้รู้สึกแปลกๆ.....แปลกมากๆ....หรือผมจะคิดมากไปเอง.....เฮ้อ.....อีก 2 วันข้างหน้าก็จะมีการสอบเลื่อนสายแล้ว.....การสอบครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของบีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ......
-------------------------------------------------------------------
15 มิ.ย.
วันนี้น้องบีดูเครียดๆพอสมควรอย่างที่ผมบอกไปว่าน้องดูกังวลเกี่ยวกับการสอบสาย ตั้งแต่ที่น้องมาถึงน้องมาขอให้ผมสอนหลายครั้ง ซึ่งผมก็ปัดให้น้องว่านเป็นคนสอน เพราะผมไม่สามารถดูแลแค่บีคนเดียวได้ จนกระทั่งใกล้เลิกพี่ป้อมให้น้องๆแยกย้ายกันไปซ้อมของตัวเอง แล้วพี่ป้อมจะเดินเช็คไปเรื่อยๆทีละคน หลังจากพี่ป้อมสั่งยก บี ก็วิ่งมาหาผม พอมาใกล้ตัวผมน้องจับมือผมเบาๆแล้วดึงเข้าหาตัวเค้า
“พี่สอนผมหน่อย” บีพูดขึ้น ตอนนั้นน้องเงยหน้ามองตาผม นัยน์ตาน้องดูอ้อนวอนสุดๆ
“ให้พี่ว่านสอนก่อน เดี๋ยวพี่เดินมาดู” ผมตอบกลับไป
“ไม่เอาๆ พี่ว่านไม่เก่ง ให้พี่สอนดีกว่า พี่สอนผมนะ” น้องบียังคงอ้อนต่อ
“อืมมมม........ก็ได้” ผมตอบรับไป รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของน้องบี น้องอาจหวังว่าผมจะมีสูตรลัดเหมือนกับที่เคยสอนๆมาล่ะมั้ง จริงๆสูตรลัดในเทควันโด มันจะเรียกว่าลัดก็คงไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องอยู่ดี ที่ผมบอกๆไปมันก็แค่เป็นรูปแบบการฝึกของคนที่รู้แนวแล้วเท่านั้น มันเลยอาจดูว่าทำให้เป็นเร็วมากกว่าการฝึกแบบปรกติเท่านั้นเอง....แล้วการสอนแบบนี้ผมก็เลือกสอนแค่บางคนที่ผมสนใจเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือน้องบี
ผมจูงมือน้องบีไปหาที่โล่งๆสักหน่อยจะได้ฝึกได้ น้องบีเดินตามต้อยๆเหมือนลูกหมาที่เจ้าของจูงเดินเล่นตอนเย็นๆ พอเจอมุมที่น่าจะพอซ้อมได้ ผมก็นึกได้ว่าผมลืมหยิบแป้นเตะมาด้วย ผมมองหาแถวๆนั้นก็ไม่มีแป้นเตะไหนว่างพอจะหยิบมาใช้ได้เลย ผมหันมามองบีแล้วพูดว่า
“พี่ลืมเอาแป้นมา ไปเอาให้หน่อยซิ”“ครับ” พูดจบบีก็วิ่งไปที่ลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ซึ่งอยู่หลังยิม ระหว่างนั้นผมก็มองไปรอบๆว่าน้องๆคนอื่นกำลังซ้อมอะไรกันอยู่บ้าง แล้วผมก็สะดุดไปเห็นน้องว่านกำลังสอนน้องอ้นอยู่อย่างใส่ใจ มันคงไม่แปลกเท่าไหร่เพราะว่านเค้าจะสนใจคนที่ตั้งใจฝึกซ้อมอยู่แล้ว ให้ว่านมาสอนบีสงสัยว่านจะหัวเสียแน่ๆ
“อะ” บีวิ่งมาถึงตัวผมตอนไหนไม่รู้ ผมหันไปตามเสียงก็เห็นบียืนอยู่ข้างหลัง ยื่นแป้นเตะให้ 2 อัน
“อืมม เอานะ ตั้งใจ”“ได้เลย” ผมเริ่มสอนบีไปเรื่อยๆ บีเองก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วปัญหาหนึ่งก็เกิดขึ้น
“โอ๊ย!!” บีร้องอุทานออกมาระหว่างที่กำลังเตะก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น
“บีเป็นอะไร” ผมรีบย่อตัวลงมาหาน้อง
“เจ็บขา” บีนั่งขัดสมาสสองมือน้องจับตรงข้อเท้า สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดออกมาชัดเจน
“เจ็บมากไหม” “ไม่ครับ” น้องตอบกลับออกมา
“ซ้อมไหวไหม ไม่ไหวก็พักก่อน”“ไหวพี่” บีพูดจบน้องก็พยายามจะลุกขึ้น ผมสอดแขนเข้าประคองน้องให้ลุกขึ้น พอลุกได้ น้องยืนเอียงๆเล็กน้อย เพราะน้องไม่ได้ทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าขวา แต่ใช้แค่ปลายเท้าแตะพื้นเท่านั้น
“พักก่อนไหม”“ไม่ครับ ต่อๆ” บีพูดจบก็ตั้งการ์ดเตรียมเตะต่อ แต่ผมเห็นท่าว่าน้องไม่ไหวแน่ๆ
“บี”“ครับ”“ซ้อมท่ารุกรับ*2ก่อนดีกว่า”“ไม่เอา ผมยังเตะไม่ดีเลย”“เอาน่าพักขาก่อน เดี๋ยวดีขึ้นกว่านี้ค่อยเตะ นะครับ”“ก็ได้” แล้วผมก็พาบีไปซ้อมท่ารุกรับจนกระทั่งได้เวลาเลิกพี่ป้อมกับคุณโค้ชก็พูดถึงเรื่องการสอบแล้วก็การซ้อมในวันนี้จนเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษๆก็ปล่อยน้องกลับบ้าน ตอนที่พี่เค้าปล่อยน้องๆผมยืนนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“แปะ แปะ เฮ้!!” สัญญาณเลิกแถวดังขึ้น ผมหันไปมอง น้องๆต่างพากันคุยจ๊อกแจ๊กๆเรื่องสอบสายวันพรุ่งนี้ อ้น กับ ว่าน จับคู่ซ้อมกันต่อ ส่วนบีก็เดินมาหาผม ระหว่างที่เดินมา บีเดินกระเพลกๆอย่างเห็นได้ชัด น้องเดินมายืนข้างๆผมก่อนที่จะนั่งลงบนตัก
“ไหวไหม” ผมกระซิบถามบีที่ข้างๆหู
“ไหว”“ซ้อมต่อนะ”“ครับ” ผมกอดบีเบาๆก่อนที่น้องจะลุกขึ้นแล้วผมก็ลุกตาม ผมเดินประคองน้องไปที่ซ้อมต่อ ซึ่งตอนนั้นมีน้องๆหลายคนอยู่ซ้อมต่อ พอมาถึงที่ว่างผมก็ถามบีว่า
“ซ้อมรุกรับหรือเตะ”“เตะครับ”“ไหวแน่นะ”“ครับ” แล้วการซ้อมก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที
“ตุ๊บ!!” เสียงน้องบีล้มตัวกระแทกพื้นอย่างแรงจนน้องๆคนอื่นที่กำลังซ้อมอยู่หันมามองกันเป็นทางเดียว ผมรีบก้มลงไปประคองน้องบีลุกขึ้นมา อ้น กับ ว่าน หยุดการซ้อมแล้วรีบวิ่งมาดูน้องบี
“เจ็บไหม” ผมถามบี
“.....” ไม่มีเสียงตอบกลับมา
น้องบีคว้าตัวผมไว้แล้วเอาหน้าซุกลงที่อกผม ผมกอดบีไว้เบาๆ แล้วไล่น้องที่กำลังมุงอยู่ให้ไปซ้อมของตัวเองต่อ น้องๆแยกย้ายกันไป เหมือนแค่ อ้น กับ ว่าน ที่ยังอยู่ใกล้ๆ
“ฮึก!....ฮึก!” เสียงสะอื้นดังออกมาเบาๆ ผมลูบหัวบีอย่างนุ่มนวลที่สุดหวังว่ามันพอจะคลายความรู้สึกใดๆที่ทำให้องเป็นแบบนี้ออกไปได้
“อ้น ว่าน ไม่ไปซ้อมเหรอ” ผมถามออกไป
“พี่.....ไม่ที่สุดจริงๆ บีมันไม่ร้องให้ออกมาหรอก มันไม่ใช่คนขี้แยที่จะร้องให้ให้ใครเห็น” อ้นพูดขึ้น
“บี...ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ต้องฝืนแล้ว” ผมกระซิบข้างๆหูบีเบาๆ
“อ้น ว่าน ไปซ้อมต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลบีเอง”“อืม...ครับ อ้นปะ ซ้อมต่อ” แล้วว่านก็ชวนอ้นไปซ้อมต่อ
ผมนั่งกอดบีอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งแล้วบีก็ค่อยๆเคยหน้าขึ้นมาผมก้มลงไปหอมหน้าผากน้องเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ”“อื่อ” บีเงยหน้าขึ้นมามองผม ตาของบีแดงไปหมด ที่ขอตาก็มีคราบน้ำตาเลอะอยู่ ผมเอามือเช็ดคราบน้ำตาของน้องออก
“ปะ” แล้วคืนนั้นบี อ้น แล้วก็ว่าน อยู่ซ้อมกับผมจนถึง 3 ทุ่มผมก็สั่งพัก น้องๆทั้ง 3 ซ้อมกันจนเหงื่อชุ่มตัวไปหมด บีเองแม้จะเจ็บขาก็ยังสู้ซ้อมต่อ เตือนเรื่องอาการบาดเจ็บไปแล้วก็ไม่ยอมหยุด ผมกลัวว่าพรุ่งนี้น้องจะมาสอบสายไม่ได้ แต่ก็นะ
“ปะ ดึกแล้ว กลับบ้าน” ผมพูดขึ้นขณะที่น้องๆกับยืนหอบกันเป็นหมาหอบแดดอยู่
“ครับ” น้องๆตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียง แล้วก็แยกย้ายกันไปยังกระเป๋าของตัวเองเพื่อเก็บของ ว่านกับผมเก็บของไว้ใกล้กันเลยเดินมาด้วยกัน ระหว่างเดินผมถามว่านไปว่า
“ว่าน ใครมารับ”“อืมม....ไม่มี....กลับกับพี่” พูดจบว่านก็หันมายิ้ม แล้วผมก็หันไปทางบี
“บี ใครมารับ”“ไม่รู้ครับ เดี๋ยวผมโทรถามก่อน” พูดจบบีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“อ้นล่ะ ใครมารับ”“พี่ไปส่ง” อ้นพูดจบยังไม่ทันสิ้นคำเสียงโทรศัพท์เครื่องอ้นก็ดังขึ้น อ้น หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลล โหลลล ว่าไง”“......”“ไม่ ผมกลับกับพี่เอ”“......”“ก็บอกว่าไม่ต้องมารับไง ฟังไม่เข้าใจเหรอ”“........”“วู้ พูดไม่รู้เรื่องแค่นี้นะ” พูดจบอ้นก็กดวางสายทันทีตามด้วยกดปิดเครื่อง
“ใครโทรมา” ผมถามอ้น
“ม๊า โทรมา”“ม๊าจะมารับเหรอ”“ครับ แต่ผมบอกแล้วว่าจะกลับกับพี่อะ”“แล้วทำไมปิดเครื่องอะ”“ก็จะได้ไม่ต้องโทรมาอีกไง น่ารำคาญจริงๆ” อ้นพูดพร้อมแสดงสีหน้าออกมาว่ารำคาญอย่างสุดๆ
“เฮ่ย เดี๋ยวม๊าเราก็มาดุพี่หรอกทำแบบนี้”“ไม่หรอก เดี๋ยวผมเคลียร์เอง” อ้นหันมาพูดกับผมอย่างมั่นใจ
“หางานให้พี่เออีกแล้ว” ว่านบ่นลอยๆ
“แล้วบีอะ สรุปใครมารับ” ผมถามบีอีกครั้ง
“เดี๋ยวพี่คนงานมารับ กำลังออกมาแล้ว ไม่น่าจะเกิน 10 นาที”“อืมมม ปะ อ้นปิดไฟด้วยนะ” ผมบอกน้องอ้น เพราะน้องอยู่ใกล้สวิสไฟที่สุดแล้ว
“แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก” เสียงสวิตซ์ไฟที่ถูกกดปิดลง ความมืดย่างกรายเข้ามา จริงๆบรรยากาศแบบนี้มันควรจะเหงาซินะ แต่....ตอนนี้ผมไม่รู้สึกเหงาเลยอะ บี อ้น แล้วก็ ว่าน ส่งเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊กๆอย่างสนุกสนานตามประสา ผมกับน้องๆยืนบ้างนั่งบ้างคุยกันเล่นระหว่างรอคนงานมารับบี ไม่นานนักอย่างที่บีบอกไว้คนงานก็มารับ รถกระบะแบบตอนเดียวสีขาวยี่ห้อ Toyota มาจอดใกล้ๆ บีหยิบกระเป๋าแล้วก็หันมาไหว้ผมก่อนจะเปิดประตูรถ
“บรืนนนนน” เสียงรถกระบะคันนั้นออกตัวไป ผมหันมาที่อ้น กับ ว่าน ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
“เราก็ไปบ้างปะ” ผมพูดจบอ้นกับว่านก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แต่ยังไม่ทันจะขึ้นรถผม Honda CR-V คันหนึ่งก็ขับมาเทียบข้างๆฟุตบาท แทบจะจุดเดียวกันกับที่ระกระบะคันเมื่อครู่จอดเลย ทันทีที่รถหยุดลง ประจวบเหมาะกับที่อ้นหันมาพอดี
“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังขึ้น ผมเข้าใจทันทีเลยว่ารถคันนั้นเป็นของใคร
“พรุ่งนี้เจอกัน” ผมพูดออกไป อ้นหน้างิ้วคิ้วขมวดขึ้นรถ คุณแม่น้องอ้นลดกระจกลงแล้วหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะออกรถไป ผมหันมามองว่านแล้วพูดว่า
“รออีกหน่อยไหม เดี๋ยวว่านก็คงมีคนมารับ”“อืม นั่นซิ อิอิอิ” แล้วผมก็พาว่านไปส่งที่บ้านกับว่านวันนี้ก็เหมือนเคยที่จับมือว่านไปเรื่อยๆ ระหว่างทางผมก็พูดๆเรื่องของ บี ออกมา แต่ว่านก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร มันคงจะเป็นคำถามที่ผมต้องรอวันเวลาเท่านั้น ว่าสิ่งที่ผมคิดไว้มันจะเป็นจริงหรือเปล่า....แต่ผมก็ขอให้มันอย่าเป็นจริงเลย....เพราผมยังไม่พร้อมจะเสียบีไปตอนนี้.....
To Be Con
*1 ท่า Swing Back kick หรือ Back Spining Kick
*2 ท่ารุกรับ คือ การต่อสู้ แบบ โจมตี และ ตั้งรับ โดยมีการบังคับท่าที่จะใช้ในการโจมตี และ ตั้งรับ ภาษาย่้อๆที่ใช้เรียกกันจะมี
"ท่ารุกรับ" และ
"Step"เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ต้องใช้ในการสอบเลื่อนสาย ในรายละเอียดเรื่องท่าต่างๆนั้นแล้วแต่ยิม หรือ อาจารยืผู้สอบกำหนดขึ้นมา