:::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 39 บทส่งท้าย 2 The End" (UP 5/10/2010)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 39 บทส่งท้าย 2 The End" (UP 5/10/2010)  (อ่าน 286739 ครั้ง)

sakuu

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่อยากคิดว่าใครคู่ใคร...แต่เรื่องนี้ยุ่งแน่ๆสินะคะ
ดีใจที่กลับมาอัฟแล้วค่า  ((ไม่ได้อ่านซะนาน คงต้องไปอ่านอีกรอบ))

morrian

  • บุคคลทั่วไป
โจ้ ก็ยังคงเป็นคนที่น่าสงสารอยู่วันยังค่ำ

คนไม่ดีอย่างกษิดิษฐ์ ไม่คู่ควรกับคนดีๆอย่างสารวัตรอาวุธหรอก

เชียร์ภาณุวัฒน์กับสารวัตรอาวุธ นะค้าบบ

อยากให้ทั้งคู่มีความสุขซักที  :กอด1:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อบทที่ 7 ให้จบครับ
...ความเดิมจากโพสครั้งที่แล้ว... :t3:
“คนอย่างสารวัตรอาจจะยอมเสียสละโอกาส เอ่อ...เสียสละอะไรๆ ของตัวเองเพื่อคนอื่นได้ แต่คนอื่นนี่สิ จะทำเพื่อสารวัตรบ้างได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“พี่หมายความว่า... ภานุวัฒน์อึกอัก
“ถ้าเป็นพี่” กษิดิษฐ์จ้องตาภานุวัฒน์และพูดเสียงหนักแน่น “ถ้าเป็นพี่ พี่จะคิดไตร่ตรองดูว่า สารวัตรต้องการอะไร และจะตอบแทนสารวัตรอาวุธได้ยังไงบ้าง บางทีคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะเสียสละ”


ภานุวัฒน์วางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ตามองออกไปยังด้านนอกอพาร์ทเมนท์ ระเบียงห้องนั่งเล่นเป็นที่โปรดของเขา อากาศหนาวเย็นก็จริงแต่เขาพอจะทนได้เพราะมีเสื้อกันหนาวให้ความอบอุ่น เขาชอบนั่งมองหิมะโปรยปรายลงมาเป็นสาย ขณะนี้ทั่วนิวยอร์คคงปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
สารวัตรอาวุธโทรศัพท์มาถามเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ แม้จะเป็นการพูดคุยสั้นๆ แต่ภานุวัฒน์ก็พอจะจับความรู้สึกได้ว่ามีความห่วงใยปนอยู่ในน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมรณ์ของอาวุธได้
เขาบอกตัวเองว่าอาวุธทำสิ่งที่ควรกระทำ อาวุธให้การช่วยเหลือเขาที่สนามบินเพราะสัญชาตญาณความเป็นตำรวจนั้นต้องช่วยเหลือคนที่กำลังประสบกับปัญหา
ภานุวัฒน์ไม่ได้บอกอาวุธว่ากษิดิษฐ์มาหาและคุยกันเรื่องต่างๆ คำพูดของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวของเขา กษิดิษฐ์มีท่าทีหวังดีต่อเขาและพร้อมที่จะช่วยเหลือหากเขาต้องการ...
...หากเขาไม่อยากรบกวนอาวุธ!
...แต่เขากำลังคุ้นเคยกับการอยู่กับอาวุธ...

อาวุธจอดรถหน้าสำนักงานสืบสวนพิเศษเมืองบอสตัน เขามีนัดกับพันตำรวจโทแอนโทนี่ บราวน์ ความจริงเขาอยากจะเลี่ยงที่การพบเจอกันเพราะเรื่องราวในอดีตซึ่งเกี่ยวข้องกับนที แต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้ จากการอ่านเอกสารทีได้มากจากพันเอกชัยชนะ ทูตทหารเพื่อนรุ่นพี่ของเขา ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวหลายอย่างที่เขาเคยสงสัยเกี่ยวกับอดีตของนที
นทีมีน้องชาย!
แอนโทนี่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนทีมาก่อนและน่าจะรู้เรื่องราวของนทีไม่มากก็น้อย
ส่วนเขาเอง ต้องยอมรับว่ารู้เรื่องของนทีน้อยมาก
คงเรื่องนี้กระมังที่ชัยชนะบอกว่า สิ่งที่อยู่ในเอกสารที่ตัวเองส่งให้เขาจะทำให้เขาแทบช๊อค

แอนโทนี่ บราวน์เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลี่ยน ผิวเข้ม ผมดำสนิท รูปร่างสูงพอๆ กับเขาแต่บึกบึนกว่า พูดสั้นๆ ห้วนๆ และไม่ชอบฟังใคร มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากจนดูก้าวร้าว
...ก็คงต้องเป็นแบบนี้กระมัง ไม่งั้นก็เอานทีไม่อยู่ นทีก็ร้ายใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่...
อาวุธรู้ว่าแอนโทนี่ไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนทีเสียชีวิตขณะที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา
ความผิดพลาดที่แอนโทนี่เคยชี้หน้าด่าเขาว่า “ไอ้คนอ่อนหัด”
แอนโทนี่เห็นเขาตั้งแต่เดินเข้าไปในห้องโถงหน้าห้องทำงานของตัวเองจึงชี้มือให้เข้าไปนั่งคอยในห้องประชุมที่อยู่ด้านซ้ายมือของห้องทำงาน ส่วนตัวเองหันไปตะคอกลูกน้องสามคนที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับด้วยภาษาที่เขาแทบจะฟังไม่ได้
อาวุธเดินไปที่ห้องประชุมช้าๆ สายตากวาดมองไปรอบๆ จึงมองเห็นกรอบรูปเล็กๆ ซึ่งเป็นรูปภาพของนทีตั้งรวมอยู่กับกรอบรูปอีกหลายอันบนโต๊ะทำงานของแอนโทนี่
...เขารู้ว่าแอนโทนี่ไม่เคยลืมนที และก็ยังโกรธเขาอยู่ไม่หายที่ปล่อยให้อดีตคนรักเสียชีวิต...
...แอนโทนี่โทษว่าเป็นความผิดของเขา...
...เขาก็โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง พ่อของเขาพยายามบอกว่าไม่ใช่ คนอื่นๆ ก็ปลอบว่าไม่ใช่ แต่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร...
...เขาช้าเกินไป เขาน่าจะคิดอะไรออกเร็วกว่านั้นซักชั่วโมง...
...ชั่วโมงเดียวเท่านั้นเขาก็อาจจะรักษาชีวิตของคนที่เขารักไว้ได้ และหากเป็นเช่นนั้น ในวันนี้ เขากับนทีก็อาจจะมีชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความสุข...
...เขาก็คงไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆ เหมือนทุกวันนี้...

ไม่ถึงห้านาที แอนโทนี่เดินลงส้นเท้าเข้ามาในห้อง ยื่นมือมาจับมืออาวุธแล้วพูดออกมาโดยไม่มีอารัมภบทว่าเจอตัวน้องชายของนทีแล้ว
“อยู่ในนิวยอร์คนี่เอง แต่ลองทายดูว่าเขาทำงานอะไร” แอนโทนี่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วยกเท้าทั้งสองข้างวางพาดบนโต๊ะ เงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองรู้ว่า “เป็นสปาย เหมือนนทียังไงยังงั้น”
“คุณรู้มาตลอด”
“เพิ่งรู้” แอนโทนี่ยักไหล่ “ข้อมูลที่ผมให้ได้มีแต่ชื่อกับที่อยู่ ที่เหลือคุณไปตามเอาเอง”
“ขอบใจ” อาวุธตอบสั้นๆ หยิบปากกาและสมุดบันทึกออกมาเพื่อเตรียมจดบันทึก
“ผมรักนทีมากคุณก็รู้” แอนโทนี่พูดเสียงเข้ม จ้องตาอาวุธ
“ผมก็รักนที” อาวุธตอบ
“ผมกับนทีเลิกกันไม่ใช่เพราะเราเลิกรักกัน ผมยังรักนทีอยู่ และคงเลิกรักไม่ได้”
“คุณจะมาพูดเรื่องนี้อีกทำไม” อาวุธจรดปากกาลงบนกระดาษ ทำท่าต้องการเขียนชื่อคนที่เขาอยากจะพบตัวเป็นอย่างยิ่ง
“อาวุธ...”
“เขาชื่ออะไร” อาวุธตัดบท เงยหน้ามาประสานสายตากับแอนโทนี่”
แอนโทนี่จ้องตาอาวุธและนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพยายามออกเสียงชื่อภาษาไทยให้ชัด
“ครองบุญ...” อาวุธทวน
“ช๊อคใช่ไหมล่ะ” แอนโทนี่หัวเราะเบาๆ “น้องคนละแม่ ถือสัญชาติอเมริกัน เคยทำงานกรีนพีซด้วยกันหนึ่งปี เป็นพีซคอรป์ที่เคนยาด้วยกัน ก่อนที่นทีจะกลับมาเป็นล่่ามของยูเอ็น”
“ครองบุญ” อาวุธยังทวนชื่อสกุลของน้องชายต่างมารดาของนทีอีกครั้ง
“275 Apartment 3C, Brent Street, Manhattanโชคดีนะอาวุธ” แอนโทนี่ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีทิ้งให้อาวุธนั่งเงียบอยู่คนเดียว
“จักราวุธ ครองบุญ” หลังจากนั่งนิ่งอยู่กว่าหนึ่งนาที อาวุธก็พึมพำชื่อของอีกคนซึ่งมีนามสกุลเหมือนกัน

ภานุวัฒน์ตรงไปที่สวนสาธารณะ เขาชอบมานั่งเล่นและมองคนเดินไปเดินมาหรือทำกิจกรรมต่่างๆ หิมะขาวโพลนน่าเล่น เขาอยากจะสร้างรูปปั้นสโนว์แมนเหมือนเด็กๆ อยากจะวิ่งไล่จับกันและขว้างหิมะใส่กันให้สนุก
...เพราะคิดแบบนี้หรือเปล่าที่ธงรบบอกว่าเขายังเด็กและไม่เหมาะสมกัน...
...ป่านนี้ผู้กองธงรบจะเป็นยังไงบ้าง จะรู้หรือเปล่าว่าเขามานั่งอยูู่คนเดียวที่นี่...
ทันใดนั้นภานุวัฒน์ก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีหิมะก้อนเล็กๆ กระทบเข้าที่ต้นคอ เขาหันหลังไปมองจึงเห็นผู้ชายหน้าเข้มคนหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่าเมตร ในมือมีหิมะก้อนใหญ่เต็มทั้งสองมือ ชายหนุ่มคนนั้นพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเขาพอจะเข้าใจว่าเป็นคำขอโทษ แต่ก็รีบหันหน้าหนีและหลบหลีกก้อนหิมะที่ลอยมาจากทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ภานุวัฒน์นั่งมองชายหนุ่มตัวโตเล่นขว้างหิมะกับเพื่อนๆ อย่างเพลิดเพลิน บางครั้งก็อดหัวเราะตามไม่ได้ ในใจอยากไปขอเล่นด้วยแต่ก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไร ภาษาอังกฤษก็ยังพูดไม่ค่อยได้ ที่เข้าใจว่าชายหนุ่มคนนั้นขอโทษก็เพราะดูภาษาท่าทางประกอบ
ผู้ชายคนนั้นตัวโตมาก สูงพอๆ กับอาวุธแต่ตัวหนากว่า ผิวเข้ม หน้าตาเหมือนคนไทยแต่พูดภาษาอังกฤษเหมือนคนอเมริกัน
ภานุวัฒน์มองหนุ่มสาวสี่คนเล่น 'สงครามหิมะ' กันอย่างสนุกสนานและหัวเราะตามเป็นระยะๆ ชายหนุ่มตัวโตเป็นฝ่ายตั้งรับและหลบหนีเพราะถูกหญิงสาวสามคนรวมขว้างหิมะใส่ แต่คนตัวโตคล่องแคล่วมาก หลบหลีกหนีได้แทบทุกครั้งและตอบโต้ด้วยการขว้างหิมะถูกเป้าหมายแทบทุกครั้งเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็พลาด ชายหนุ่มร่างสูงขว้างหิมะถูกเพื่อนสาวแล้วยืนหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ เปิดโอกาสให้หญิงสาวผมสีทองขว้างหิมะใส่หน้าจนปุยหิมะสีขาวอัดเข้าไปเต็มปาก
ทั้งสี่คนเล่นสนุกกันต่อไม่นานก็พากันเดินจากไป ภานุวัฒน์มองตาม เห็นชายหนุ่มคนนั้นหันมาโบกมือให้ เขายิ้มให้บางๆ แล้วหันไปมอง 'สงครามหิมะ' อีกสมรภูมิหนึ่งที่เพิ่งเปิดฉากขึ้นไม่ไกลจากที่เขานั่งอยู่เท่าใดนัก คราวนี้ 'นักสู้' เป็นเด็กชายกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ สามคนกำลังทำการ 'โจมตี' ข้าศึกซึ่งคงจะเป็นพ่อกับแม่ของตัวเอง
ภานุวัฒน์มอง 'สงครามหิมะ' ระหว่างเด็กน้อยกับผู้ใหญ่จนสิ้นสุดลง จากนั้นก็ยื่นขาเหยียดตรงพร้อมกับเอนตัวไปด้านหลัง แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าให้ปุยหิมะตกลงกระทบใบหน้า เท้าแตะหิมะบนพื้นเล่นเหมือนกำลังตีเท้าตอนว่ายน้ำในสระ
ภานุวัฒน์ลองอ้าปากให้เกร็ดหิมะตกลงไป เขาคิดอยากจะทดลอง 'ชิม' หิมะมานานแล้ว เคยมีเพื่อนบางคนบอกเขาว่า ถ้าจะเดินทางไปประเทศที่มีหิมะตกก็ให้เอาน้ำหวานเฮลส์บลูบอยไปด้วย ถ้าเจอหิมะสะอาดๆ จะได้ทำของหวานทานโดยไม่ต้องเสียเงิน
แต่รสชาติหิมะในนิวยอร์คนี้ไม่ได้เรื่อง ภานุวัฒน์รู้สึกว่าไม่อร่อยเท่าเกร็ดนำแข็งใสที่เคยซื้อกินเมื่อครั้งอยู่ที่ประเทศไทย พอหิมะใกล้จะเต็มปากเขาถึงพ่นออกมาแรงๆ เหมือนปลาวาฬพ่นน้ำ ภานุวัฒน์ทำอยู่หลายครั้งจนชักจะรู้สึกเบื่อจึงดึงตัวขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมกับลืมตา แต่กลับต้องต้องใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งยืนจังก้าอยู่ข้างหน้าและมองเขาอยู่ยิ้มๆ
“ผมไม่เคยเล่นแบบนั้นเลย น่าสนุกเหมือนกัน คุณนี่มีวิธีหาความสนุกใส่ตัวเแปลกๆ” ชายคนนั้นพูดขึ้นเป็นภาษาไทย
...ผู้ชายหน้าเข้มที่เล่นขว้างหิมะกับสาวๆ เมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา...
“คุณเป็นคนไทย” ภานุวัฒน์อุทาน นอกจากอาวุธและกษิดิษฐ์ นี่เป็นคนไทยคนแรกที่เขาได้เห็นและพูดด้วย
“ผมเหมือนคนจีนหรือครับ ผิวคล้ำหน้าเข้มขนาดนี้” ชายหนุ่มผิวเข้มยิ้มกว้าง
“เปล่าครับ ผมนึกว่าคุณเป็น...”
“เป็นคนประเทศไหนครับ” ชายหนุ่มตัวโตขยับเข้ามาใกล้ ก้มตัวลงมาพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามารอฟังคำตอบ
“เหมือนคนประเทศอื่น” ภานุวัฒน์ไม่รู้จะตอบอะไรดี
“ฟิลิปปินส์หรือเปล่า” คนหน้าเข้มพูดข้ึ้นแล้วหัวเราะเสียงดังเพราะชอบใจกับมุขตลกของตัวเองก่อนจะแนะนำตัวว่า “ผมเป็นลูกครึ่งไทยฟิลิปปินส์ เกาหลีและสวีเดน ชื่อวินเซนต์ครับผม”
“วินเซนต์...” ภานุวัฒน์ทวน
“ถูกต้องแล้วคร้าบ วินเซนต์ตัวเป็นๆ จริงแท้แน่นอนครับ” คนอารมณ์ดีหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อขอจับมือทักทาย

***end of chapter 7***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2010 22:02:03 โดย katawoot »

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ของแถม อ่านเพลินๆ แบบว่าเป็นหนังตัวอย่างก่อนหนังจริงจะฉาย

ต๋องรวบรวมความกล้าและตัดสินใจเดินเข้าไปถามชยุตม์ในเรื่องที่ตัวเองสงสัยมาเป็นเวลานานหลายวัน แต่เมื่อยืนอยู่ข้างๆ นายช่างกลับนึกคำพูดไม่ออก
“อะไรหรือต๋อง" ชยุตม์เลิกคิ้ว ถามเด็กชายต๋องซึ่งเพิ่งจะเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น 'นาย'
“เอ่อ คือ ผม...”
“มีอะไรก็ว่ามา จำได้ไหมว่าถ้าจะพูดอะไรก็ให้เตรียมคำพูดให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่ต้องมายืนอึกอัก"
“ครับ" ต๋องพยักหน้าแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อรวบรวมความคิด เมื่อแน่ใจแล้วจึงเดินกลับไปหาชยุตม์อีกครั้ง
“ตอนวันเกิดผม นายช่างทำธุระอะไรหรือครับถึงออกไปงานวันเกิดผมช้า ผมเรียกอยู่ตั้งนานนายช่างก็ไม่ขาน แต่ลุงโชคดีเป็นคนตอบแทนว่านายช่างไม่ว่าง ทำธุระอยู่"
ชยุตม์อึ้งไปชั่วขณะ ตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นคนอบรมสั่งสอนต่๋องมาเองตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆ ว่าเมื่อต้องการรู้คำตอบเรื่องใดก็ต้องคิดอย่างมีระบบเพื่อหาคำตอบให้ได้
“ทำไม" ชยุตม์ถามต๋องด้วยใบหน้าและนำเสียงเรียบนิ่ง
“ผมอยากรู้" ต๋องทำตาแป๋ว "วันนั้นนายช่างยุ่งมากหรือครับ"
“เปล่า"
“แล้วทำไมออกไปงานวันเกิดผมช้า ตอนไปสั่งเค้ก นายช่างบอกให้ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย กลับถึงบ้านจะได้รีบฉลองวันเกิด ผมมานั่งคิดดู มันไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลกันเลย"
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย"
“เรื่องอะไรครับ" ต๋องแสดงสีหน้าอยากรู้
“เรื่องของผู้ใหญ่ จะรู้ไปทำไม เด็กก็อยู่ส่วนเด็ก เลิกเซ้าซี้ได้แล้ว จะไปไหนก็ไป" เสียงห้วนๆ ของโชคดีดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“โชคดี" ชยุตม์ปราม เพราะรู้อยู่ว่าหากต๋องไม่ได้รับคำตอบจนเป็นที่พอใจก็จะไม่มีวันหยุดซักเด็ดขาด
“ครับ" ต๋องพยักหน้าทันทีแล้วรีบวิ่งหายไป ชยุตม์ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองตามร่างเล็กๆ นั้น
“บอกแล้วว่าให้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนออกมา คุณก็เร่งอยู่นั่น เห็นไหมล่ะ มันยิ่งสงสัย คุณออกไปทั้งๆ ที่หัวยุ่ง เสื้อยับยู่ยี่มีรอยเปียกๆ ชื้นๆ ความผิดของคุณแท้ๆ เชียว" โชคดีกระแทกตัวลงนั่งข้างชยุตม์
“ถ้าออกไปช้า ทุกคนก็รอ" ชยุตม์พูดอย่างใจเย็น ทั้งที่อยากจะเถียงว่า ตัวเองกำลังจะตอบคำถามให้ต๋องเข้าใจเพื่อที่จะไม่ให้เด็กน้อยคอยซักถามอยู่ไม่ยอมหยุด แต่โชคดีกลับมาไล่ต๋องไปเสียก่อน
“แล้วเป็นไงล่ะ ไอ้ต๋องมันก็ช่างสงสัย ถามไม่ยอมหยุด คุณน่ะสอนให้มันสงสัยและหาเหตุผลไปซะทุกเรื่อง คอยดูนะ มันต้องกลัับมาถามอีก"
“ผมก็กำลังจะอธิบายให้ต๋องเข้าใจ"
“แต่ผมกลับมาไล่ให้มันไปที่อื่น ก็เลยไม่ได้อธิบายงั้นสิ" โชคดีแทรก "แต่เมื่อกี้คุณนั่งอึ้ง หาเหตุผลไม่ทัน ที่ผมไล่มันไปก็เพื่อให้คุณได้มีเวลาคิด ผมมองออกหรอก"
“แล้วจะให้เหตุผลยังไงล่ะครับ"
“เดี่ยวผมจัดการเอง" โชคดีลุกขึ้นพร้อมกับบ่นพึมพำ "หาเรื่องจริงๆ เล๊ย ไอ้เด็กคนนี้ก็ช่างอยากรู้อยากเห็น จะเอาคำตอบของทุกอย่างในโลกมนุษย์นี้ให้ได้ สอนกันดีนักเชียว"
“โชคดี อย่าไปดุเด็กนะ" ชยุตม์เป็นห่วงเพราะรู้ว่าโชคดีเป็นคนชอบใช้ 'กลยุทธ์' แบบไหนในการจัดการกับปัญหา
“ไม่ถึงกับให้มันตายหรอกน่า" โชคดีหันมาขมวดคิ้วใช่ชยุตม์แล้วเดินดุ่มๆ ออกไปจากร้านเพื่อ 'จัดการกับปัญหา'


ตามมาด้วยโฆษณา อิ อิ  :z1:
ช่วยซื้อรวมเล่ม คดีรัก ภาคหนึ่ง ด้วยนะครับ


Awoot Chapter 8

“คุณเป็นลูกครึ่ง” ภานุวัฒน์เลิกคิ้ว ยื่นมือไปจับมือทักทายกับวินเซนต์ที่ยื่นมือมารอ
“หลายครึ่งทีเดียวล่ะ พ่อผมเป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลี แม่เป็นฟิลิปปินส์-สวีเดน แต่ผมเหมือนคนไทยแท้ๆ แต่ไม่หลังอาน” วินเซนต์หัวเราะร่า “คุณล่ะ ลูกครึ่งไทยจีนแน่ๆ เลย”
“ผมเป็นคนไทยครับ” ภานุวัฒน์ยิ้มบางๆ ไม่ค่อยเข้าใจมุขตลกของวินเซนต์เท่าใดนัก พอดึงมือกลับมาต้องแอบสลัดมือเบาๆ เพราะวินเซนต์มือใหญ่และแข็งแรงมาก แค่จับมือทักทายกันก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบมหาศาล
“ทำไมมานั่งเบื่อๆ คนเดียวครับ”
“ผมไม่มีเพื่อน” ภานุวัฒน์พูดเบาๆ
“เมื่อกี้ว่าจะชวนเล่นขว้างหิมะด้วยกันแต่ไม่มีจังหวะ ผมโดนรุมโจมตีทุกด้าน หยุดไม่ได้เลย” วินเซนต์ยิ้มกว้าง “แต่ตอนนี้คุณมีเพื่อนแล้วล่ะ มาเล่นขว้างหิมะกันหน่อยไหมล่ะ ถ้าคุณขว้างถูกผมห้าครั้ง ผมจะเลี้ยงกาแฟร้อนๆ”

อาวุธโยนเอกสารไปยังอีกฟากหนึ่งของเตียงนอนในโรงแรมเล็กๆ เขาอ่านเอกสารสามสิบกว่าหน้าที่ได้มาจากพันเอกชัยชนะซ้ำแล้วซ้ำอีกจนแทบจะจำทุกอย่างได้ขึ้นใจ ภาพในอดีตระหว่างเขากับนทีปรากฎขึ้นมาในความคิดเป็นช่วงๆ เขาเคยบอกตัวเองว่าเรื่องราวระหว่างเขากับนทีนั้นเคยถูกเก็บเอาไว้ในซอกเล็กๆ แห่งหนึ่งในความทรงจำ แต่ตอนนี้ ซอกเล็กๆ นั้นถูกขยายออก และทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมา


“ทำไมคุณอยากรู้เรื่องครอบครัวผม มันจำเป็นสำหรับการทำหน้าที่ของคุณ หรือแค่เพราะคุณอยากรู้” นทีถามเขาขณะที่นั่งอยู่ในกระโจมกลางป่าที่แห้งแล้งของประเทศเลโซโท
“มีอะไรหลายอย่างที่ผมต้องรู้เกี่ยวกับคุณ แต่คุณก็ไม่บอก ไม่ใช่เฉพาะเรื่องครอบครัวของคุณ” อาวุธเงยหน้าขึ้นมามองนทีแล้วก้มลงทำความสะอาดปืนพกของตัวเองต่อ “คุณทำตัวลึกลับ ผมรู้จักคุณน้อยมาก”
“ทำไมเป็นเรื่องสำคัญ”
“ผมต้องการรู้จักคนที่เกี่ยวข้องกับคุณ ทั้งคนที่ชอบคุณ คนที่ไม่ชอบคุณ” อาวุธเงยหน้าขึ้นมองนที จ้องตาล่ามหนุ่มเจ้าปัญหา แล้วพูดเน้นเสียงทุกคำ “ผมปกป้องคุณจากอากาศธาตุไม่ได้”
“ผมไม่เข้าใจอากาศธาตุ” นทีพูดด้วยเสียงเยือกเย็น อาวุธเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายจงใจกวนประสาท
“คุณเป็นล่ามของสหประชาชาติ ทำไมคุณจะไม่เข้าใจ” อาวุธพูดเสียงเย็นเช่นกัน
“คุณคงลืม” นทียักไหล่พร้อมกับเบ้ปาก “ผมไม่ใช่ล่ามภาษาไทย คุณรู้ ผมพูดภาษาไทยห่วยแตก หรืออย่างน้อยคุณก็คิดว่ายังงั้น”
อาวุธถอนหายใจช้าๆ เพราะโดนอีกฝ่ายตอกกลับ เขาลืมไปเสียสนิท ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกับนที เขาเข้าใจที่ชายหนุ่มพูดน้อยมาก และนทีก็พูดภาษาไทยด้วยโครงสร้างภาษาต่างประเทศ
“มิน่า ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย”
“แต่คุณก็ประชดแดกดันผมได้บ่อยๆ”
“นี่หรือที่พูดภาษาไทยได้ไม่ดี คุณรู้จักคำว่าห่วยแตก ประชด แดกดัน”
“บางทีผมก็ต้องรู้จักคำเจ็บๆ เอาไว้ว่าคน” นทียักไหล่ ทิ้งตัวลงนอน กอดอก แล้วหลับตาและฮัมเพลง แสดงอาการให้อาวุธรู้ว่าตัวเองต้องการ 'หยุด' การสนทนาแต่เพียงเท่านี้
อาการที่อาวุธคิดว่าเป็นการกวนประสาทเขามากๆ...
เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนมาดนิ่งและอดทน แต่บ่อยครั้งเขามักจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เวลานทีจงใจปั่นหัวหรือยั่วให้เกิดอารมณ์โกรธ
...สรุปแล้ว คืนนั้น เขาก็พูดกับนทีเรื่อง 'อากาศธาตุ' ไม่จบ


อาวุธพยายามสลัดภาพอดีตออกไปจากความคิด ข้อมูลที่เขาได้รับจากพันเอกชัยชนะนั้นมีมากเสียจนต้องวางแผนการทำงานใหม่ อาวุธเอื้อมมือไปหยิบสมุดบันทึกกับปากกาเพื่อเขียนแผนการทำงานแต่ทันใดก็เปลี่ยนใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแทน เขาต้องพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงจะรู้สึกปวดหัวแทบระเบิด
ตอนนี้ ต้องโทรศัพท์ไปเอาเรื่องกับคชานนท์ก่อน
การที่พันเอกชัยชนะรู้เรื่องที่เขาให้การดูแลภานุวัฒน์นั้นจะเป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากคชานนท์ และคชานนท์ก็คงไม่บอกชัยชนะเฉยๆ โดยไม่มีเหตุผล คชานนท์ทำทุกอย่างด้วยเหตุผลเสมอ
...เหตุผลแบบคชานนท์...

“ผมก็แค่เป็นห่วงพี่” คชานนท์ตอบเสียงหนักแน่นเมื่ออาวุธถามคำถาม “ไม่แน่ เขาอาจจะช่วยได้มากกว่าที่ควรช่วย พี่ก็รู้ พี่นะชอบช่วยเหลือคน”
“เขาช่วยเหลือพี่เรื่องข่าวกรองเท่านั้น นนท์คิดว่าเขาจะเอาภานุวัฒน์ไปเลี้ยงหรือไง” อาวุธอดประชดไม่ได้
“ก็ไม่แน่ พี่ลองเอ่ยปากดูสิ พันเอกชัยชนะก็ยังโสด”
“นนท์” อาวุธเรียกน้องชายของอธิคมเสียงเย็น เขารู้ว่าบางทีคชานนท์ก็ 'กวนประสาท' ได้เหมือนกัน
“ครับผม” คชานนท์ขานรับทันทีด้วยน้ำเสียงคล้ายกัน แต่เมื่อเห็นอาวุธเงียบไปจึงปรับคำพูดเป็นน้ำเสียงร่าเริงเช่นเคยว่่า “คุณพี่วุธครับ พี่ทำงานไปพร้อมกับเลี้ยงเด็กคนนั้นไปไม่ไหวหรอก ยิ่งพี่ต้องคอยหนีคุณกษิดิษฐ์ที่จ้องจะเผด็จศึกพี่ให้ได้ยิ่งยากใหญ่”
“ว่าแล้วเชียว” อาวุธทำเสียงเอือมระอา
...มีอะไรบ้างที่คชานนท์ไม่รู้...
“เขามาตื๊อผม จะเอาเบอร์โทรศัพท์กับที่อยู่ให้ได้ จะให้บอกว่าผมไม่รู้จักพี่หรือไงคร้าบ” คชานนท์ให้เหตุผล “แล้วตอนนี้พี่เสีย เอ่อ...สิ่งที่หวงแหนให้เขาหรือยัง”
“อย่ามาทำเป็นพูดเล่น” อาวุธเสียงเข้ม ชักจะรู้สึกว่าคชานนท์ทำตัวเหมือนที่เคยเป็น 'ไอ้น้องนนท์' ของพี่ชายทั้งสามคนเมื่อตอนที่เขากับอธิคมและธงรบเรียนนายร้อยตำรวจอยู่เข้าไปทุกที ตอนนั้นคชานนท์เรียนมัธยมต้น ตัวเล็ก และมักถูกอธิคมไล่เตะเป็นประจำเพราะชอบกวนอารมณ์พี่ชาย


“มาให้เตะซะดีๆ แน่จริงแกอย่าไปแอบหลังไอ้วุธซิวะ” อธิคมโวยวาย
“ไอ้คม นั่นน้องชายแกนะโว้ย” ธงรบห้าม
“น้องหรือพ่อก็ไม่รู้ อายุแค่นี้ ดูมันทำตัวเข้าสิ เอ็งก็อย่าช่วยไอ้วุธปกป้องมัน” อธิคมตะคอกเพื่อน
“คม นนท์เขาแค่หวังดี” อาวุธเตือน
“พี่เขาไม่เคยคิดว่านนท์หวังดีหรอก พี่เขาเกลียดนนท์” คชานนท์พูดเสียงน้อยใจ อาวุธถอนหายใจแล้วปลอบว่า
“อย่าคิดแบบนั้น พี่เขาพูดไปยังงั้นเอง”
“ไอ้ตอแหล แกเชื่อมันก็โง่แล้ววุธ มันแกล้งทำเสียงน่าสงสาร เอ็งไม่รู้อะไรเพราะมันแอบอยู่ข้างหลังเอ็ง ตอนนี้มันแอบยิ้มอยู่ล่ะสิไม่ว่า ไอ้นี่เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน”
“อ๋อ แกที่ว่าเจ้าเล่ห์ขั้นเทพแล้วยังสู้มันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ธงรบแสดงความเห็น
“เอ็งอย่าเสือกไอ้เสาธง เดี๋ยวพ่อเตะอีกคนซะนี่” อธิคมหันไปตวาดธงรบ
“เอ๊ะไอ้นี่ พาล” ธงรบโวยวาย
“มาให้พ่อเอ็งเตะซะดีๆ ไอ้นนท์ ไอ้จอมวางแผน เด็กพี่เอ็งหายหมดเพราะเอ็งเสือกมายุ่งไม่เข้าเรื่อง” อธิคมถลันตัวเข้าไปเพื่อจัดการกับคชานนท์แต่อาวุธยกมือกันเอาไว้
“ก็ผมไม่อยากให้พี่เป็นโรค” คชานนท์ตะโกนแล้วรีบว่ิงหายไปโดยเร็วเพราะรู้ว่าอาวุธคงต้านทานพี่ชายของตัวเองไว้ไม่ได้นาน


“นนท์ คิดจะทำอะไร บอกพี่มาตรงๆ” อาวุธพูดแทรกคชานนท์ที่กำลังอธิบายเสียงเจื้อยแจ้วขณะที่เขาฟังบ้างพลางคิดถึงภาพต่างๆ ในอดีตบ้าง
“เปล่า ผมไม่ได้คิดจะทำอะไร ทำไมพี่ต้องคิดว่าผมจะทำอะไร” คชานนท์ตอบ
“ถ้านนท์คิดจะทำอะไร รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพี่จับได้” อาวุธตัดสินใจขู่คชานนท์ เขาสงสัยว่าคชานนท์กำลังทำอะไรบางอย่าง แต่เขายังคิดไม่ออก
...ไม่สิ ความจริงเขายังไม่ได้วิเคราะห์ต่างหาก หากเขาใช้เวลาวิเคราะห์หาเหตุผลเรื่องราวต่างๆ อย่างจริงจังก็อาจจะได้บทสรุปที่ชัดเจน แต่ทว่าตอนนี้เขายังมีความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้มีข้อมูลเพียงพอ และยังไม่มีเวลาจะมาคิดไตร่ตรองเรื่องนี้...
...คชานนท์ต้องการเล่นบทกามเทพจับคู่ให้เขางั้นหรือ...
...กับกษิดิษฐ์ใช่หรือไม่เพราะอธิคมอาจจะไปขอร้องน้องชายให้ช่วย 'เคลียร์' กษิดิษฐ์ให้...
...หรือไม่ก็อาจเป็นธงรบ...
...ถ้าเป็นธงรบก็คงต้องเป็นภานุวัฒน์ คชานนท์อาจจะกำลังช่วยธงรบ 'ขจัด' ภานุวัฒน์เหมือนๆ กับที่อธิคมช่วยธงรบ 'ขจัด' เขาให้พ้นจากอาทิตย์...
“ไม่รู้ครับ ผมเดาใจพี่วุธไม่ถูกหรอก พี่เป็นคนอ่านยาก ใครๆ ก็รู้” คชานนท์ตอบ
“เราก็เป็นคนอ่านยากเหมือนกัน อย่ามาทำเป็นพูดดีไป”
“พี่วุธคิดมาก” คชานนท์หัวเราะ “เอางี้ ถ้าพี่คิดว่าผมจับคู่พี่กับภานุวัฒน์ซึ่งเด็กกว่าพี่มากจนเกือบจะเป็นลูกชายพี่ได้เลยทีเดียว”
“ไม่ต้องย้ำเรื่องอายุ”
“เฮ้อ เวรกรรมเด็ก ไม่น่าเชื่อว่าพี่ธงจะทำกับภานุวัฒน์ได้ขนาดนี้ พอพูดถึงเรื่องอายุ ถ้าภานุวัฒน์พอจะเป็นลูกชายพี่วุธได้ ก็พอจะเป็นลูกพี่ธงได้เหมือนกัน”
“เอางี้ และ ถ้า อะไร” อาวุธไม่ปล่อยให้คชานนท์ออกนอกประเด็น
“ให้ผมช่วยจัดการให้ไหมล่ะ ผมจะให้เพื่อนของผมรับภานุวัฒน์ไปอยู่ด้วย ผมทำได้สบายมาก แค่กดโทรศัพท์นิดเดียวมันก็จะทำตามที่ผมบอก พี่จะได้ไม่ต้องยุ่งยากลำบากใจ ทำงานได้สะดวก”
“พี่ยังจัดการได้อยู่” อาวุธตอบ “แต่ขอบอกก่อนนะว่าอย่ามาเล่นบทกามเทพกับพี่เด็ดขาด”
“ใครจะกล้าไปกระตุกหนวดเสือ” คชานนท์
“ใครจะกล้ากระตุกเองล่ะ คนฉลาด ต้องให้คนอื่นเป็นคนทำงานแทน”
“ผมไม่มีใครทำงานให้ผมหรอก”
“ทำงานอะไร”
“ก็งานที่พี่คิดว่าผมทำ”
“พี่คิดหรือนนท์”
“พี่สงสัยว่าผมวางแผนอะไร”
“แผนอะไร”
“พี่วุธครับผม คชานนท์เป็นนักธุรกิจพันล้าน ไม่มีเวลาเล่นสนุกหรอกครับ”
“เรื่องมันก็ไม่ค่อยสนุกหรอกนนท์”
“ผมรู๊ ผมถึงไม่อยากยุ่งไง” คชานนท์ทำเสียงหนักแน่น “ถ้าพี่จะรักใครชอบใครมันก็เรื่องของพี่ ใครไปบังคับใจพี่ได้ล่ะ ยิ่งภานุวัฒน์เสียอกเสียใจมาจากพี่ธงขนาดนั้น ยิ่งไม่ได้ใหญ่”
“ใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลตอบแทนอย่างนั้น” อาวุธพูดเสียงเบา
“จริงด้วย ตอนนี้พี่ธงกำลังได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม” คชานนท์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ “นี่ก็เพิ่งมาอ้อนวอนผมให้ไปเจรจาความกับอาทิตย์ พี่ธงนี่ขยันหาเรื่องไม่หยุดหย่อน พี่รู้ไหม เพิ่งดีกันได้ไม่เท่าไหร่ เขามีความสามารถทำให้อาทิตย์หนีไปอีกแล้ว คราวนี้ไปแบบไม่ทิ้งร่องรอยให้ติดตามได้เลยล่ะครับ พี่ชายอาทิตย์สองคนก็ฮึ่มฮั่มทำท่าจะฆ่าพี่ธงให้ตายคามือ พี่ชายคนโตเขาเหมือนพี่เลยล่ะ ดุพอๆ กัน พี่ธงนี่บังอาจไปกระตุกหนวดเสือ ช่างไม่กลัวจะถูกขย้ำคอ”
“พอแล้วไม่ต้องพูด พี่ไม่ได้หมายถึงธงรบ และพี่ก็ไม่อยากรู้เรื่องธงรบด้วย”
“ตอนนี้ร่ำๆ ว่าจะจ้างนักสืบออกตามหาอาทิตย์” คชานนท์ยังพูดต่อ แต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ผมจะไปนิวยอร์คตอนปีใหม่ แต่พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องอพาร์ทเมนท์ ผมจะไปพักกับเพื่อน”
“ปีใหม่พี่คงไปเท็กซัส อพาร์ทเมนท์ว่าง”
“อ้าว แล้ว...” คชานนท์ทักท้วง
“ภานุวัฒน์ก็คงไปอยู่กับเพื่อนนนท์ไม่่ใช่หรือ” อาวุธตอบเสียงราบเรียบ

ภานุวัฒน์กระชับหมวกและดึงผ้าพันคอให้แน่นกว่าเดิม วันนี้หิมะตกหนักและลงแรงมากกว่าเมื่อวาน อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่เสื้อกันหนาวที่เขากำลังสวมอยู่อบอุ่นมาก เสื้อของอาวุธที่ให้เขายืมใส่ตัวใหญ่มากจนเขารู้สึกหนักหากเดินนานๆ ประหนึ่งว่าเอาผ้าห่มพันรอบตัว
บ่ายนี้เขาเดินสำรวจนิวยอร์คห่างจากอพาร์ทเมนท์มากกว่าเดิมและเป็นครั้งแรกที่เขาข้ามสะพานที่เคยมองเห็นลิบๆ และเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะที่เคยพบกับวินเซนต์ วันนี้โชคดี เขาได้เจอวินเซนต์อีกครั้ง แต่ได้คุยกันไม่นานเพราะวินเซนต์มากับเพื่อนอีกสามคน วินเซนต์บอกว่าตัวเองกับเพื่อนทั้งสามกำลังทำงาน เขาถามว่างานอะไร วินเซนต์เอาแต่หัวเราะและบอกว่างานของตัวเองคือเดินเตร่รอบๆ สวนสาธารณะและคุยกับคนเพื่อหาข้อมูล


“บางทีผมก็เบื่อสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้เหมือนกัน” วินเซนต์พูดไปหัวเราะไป “ดูงี่เง่านะ มาเดินไปเดินมาอยู่ในเซ็นทรัลพาร์คเพื่อคุยกับคนนั้น คุยกับคนโน้น ทั้งที่ตัวเองอยากคุยกับคนนี้”


เวลานั้นภานุวัฒน์อดคิดไม่ได้ว่าวินเซนต์กำลังจะจีบเขา แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาต้องยุติการสนทนา อาวุธโทรศัพท์มาบอกเวลาที่จะกลับถึงบ้าน เขาจึงต้องรีบกลับ ตั้งใจว่าจะต้องถึงอพาร์ทเมนท์ก่อนอาวุธ
...เขาสังเกตว่าอาวุธชอบดื่มกาแฟทันทีที่กลับถึงบ้าน เพราะฉะนั้น เขาจะรีบไปเอากาแฟใส่เครื่องให้ทัน พออาวุธมาถึงจะได้ดื่มกาแฟร้อนๆ เลย...
ภานุวัฒน์เร่งฝีเท้า แต่ถนนที่ถูกหิมะปกคลุมและเสื้อกันหนาวตัวใหญ่และหนักทำให้เขาเชื่องช้าลงกว่าเดิม กว่าจะถึงถนนหมายเลข 3 ซึ่งเป็นบล๊อคเดียวกันกันที่ตั้งของตึกอพาร์ทเมนท์ก็ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที
อาวุธเคยพาเขาเดินสำรวจในเขตรอบๆ ที่พัก ทั้งยังเคยสอนวิธีขึ้นรถโดยสารประจำทาง เรียกแท๊กซี่ และใช้รถไฟใต้ดินเพื่อไปยังสถานที่ใกล้ๆ และพรุ่งนี้ก็จะพาเขาไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อให้เขารู้จักสถานที่และรู้วิธีเดินทาง
ภานุวัฒน์เป็นคนความจำดี อาวุธสอนไม่เท่าไหร่เขาก็จำได้หมด ข้อกังวลอันเดียวที่ีมีอยู่คือปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ เขากลัวที่จะพูดกับภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติมากกว่ากลัวหลงทางด้วยซ้ำ
...ถ้าหลงทางก็ให้โทรศัพท์หาผม โทรศัพท์ให้เอาไว้ติดตัวตลอดเวลา อย่าลืมเด็ดขาด และที่สำคัญ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า...
ภานุวัฒน์นึกถึงคำพูดของอาวุธที่เคยสั่งเขาไว้ก่อนไปทำงานเมื่อสองวันก่อน เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะตัวเองเป็นคนความจำดีเรื่องเส้นทาง เมื่อตอนที่เดินออกจากอพาร์เมนท์เมื่อบ่ายวันนี้ ภาณุวัฒน์สังเกตว่ามีซอยเล็กๆ ที่เขาคิดว่าเป็นทางลัดไปสูอีกฟากหนึ่งของบล๊อคซึ่งเป็นถนนด้านหน้าตึกอพาร์ทเมนท์ เมื่อยืนอยู่ที่ปากซอยด้านถนนหมายเลข 3 ก็ยังสามารถมองเห็นยอดตึกอพาร์ทเมนท์ได้ชัดเจน หากเขาใช้ทางลัดไปโผล่ที่ถนนหน้าอพาร์ทเมนท์แทนที่จะเดินไปจนสุดบล๊อคและเลี้ยวซ้ายถึงสองครั้งก็อาจจะร่นเวลาไปได้กว่าสิบนาที
แต่เมื่อเดินถึงกลางซอยภาณุวัฒน์ก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆ ซอยนี้สกปรกและเงียบมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าอยู่กลางมหานครนิวยอร์คอันสวยงามและเป็นซอยระหว่างตึกใหม่ๆ ซึ่งน่าจะเป็นตึกสำนักงาน
ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าอีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงถนนใหญ่ เขาเห็นแสงไฟข้างหน้าและเห็นรถวิ่งผ่านไปมา อพาร์ทเมนท์ของอาวุธอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนเยื้องไปทางด้านขวา ถนนหน้าอพาร์เมนท์กว้างมากและสองข้างทางก็ดูเจริญ มีแต่ตึกสวยๆ
แต่ทันใดภาณุวัฒน์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ ตะโกนขึ้นมาจากซอกมืดๆ ด้านหลังพร้อมกับร่างสูงใหญ่บึกบึนของผู้ชายสามคนโผล่ออกมาและเดินตรงเข้ามาหาเขาช้าๆ
ภาณุวัฒน์ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เข้าใจว่าสามคนนั้นคงไม่ได้พูดดีๆ กับเขาแน่ ภาณุวัฒน์บลังเลชั่วครู้และทันใดก็ติดสินใจวิ่ง ผู้ชายสามคนนั้นวิ่งตามและไม่กี่ก็ก้าวก็ตามทัน มือแข็งแรงกระชากเสื้อตัวใหญ่ของภาณุวัฒน์จนทำให้ชายหนุ่มล้มลง ภาณุวัฒน์รีบลุกขึ้นแต่ในเสี้ยววินาทีก็ต้องล้มคว่ำเพราะถูกต่อยเข้าที่แก้มขวาจนหน้าหัน
ภาณุวัฒน์กระเสือกกระสน พยายามยันตัวขึ้น แต่ก็ต้องรีบพลิกตัวหลบเท้าของผู้ชายผิวดำที่เตะเฉียดไหล่เขาไป สองตาของเขาเบิกกว้างเพราะมองไปเห็นผู้ชายอีกคนซึ่งหน้าตาคล้ายชาวเอเชียที่ยืนอยู่เยื้องไปด้านหลังของผู้ชายผิวดำชักมีดออกมา
...นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขากลัวตายและไม่อยากตาย...
...จะเจ็บปวดเพียงใดหากถูกกระหน่ำแทงไม่ยั้ง...
“ช่วยด้วย” ภาณุวัฒน์ตะโกน แต่เสียงกลับแผ่วเบา
...ผมยังไม่อยากตาย...
เปรี้ยง!
เสียงปืนดังขึ้น ภาณุวัฒน์สะดุ้งสุดตัว พยายามกระเสือกกระสนคลานหนีพวกคนใจร้ายทั้งสามคน เขารู้สึกโชคดีที่พวกนั้นยิงไม่ถูก แต่ก็ตระหนักได้ว่าเป็นความโชคดีที่มีเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเพราะเขารู้ว่าหากพวกมันยิงอีกครั้ง คราวนี้เขาก็คงไม่รอด

 ***end of chapter 8***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2010 22:18:50 โดย katawoot »

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
ูู^
^
จิ้ม  คุณคทาวุฒิ อิอิ :impress2:


+1 ก่อนเลยจ้า เด๋วมาดิทเม้นท์ นะคะ

เวรกรรม ภาณุวัตร เฮ้ออออออ หวังว่าจะมีคนมาช่วยนะ
เฮ้อ ๆๆๆๆ อย่าได้โชคร้ายอะไรเลย

ว่าแต่หนุ่มเอเชียคนนั้นใครหว่า จะเป็นคนที่มาช่วยภาณุวัตรได้ไหม ???

อิตาเสาธง เอาอีกแล้ว ไม่เข็ดไม่หลาบไม่จำ :beat:

ทำอะไรให้นุ้งอาทิตย์งอนอีกเนี่ย ๆๆ 

สม ๆ อาทิตย์หนีไปซะเลย  กรากกกกกกกกก  :laugh:

รีบตามหาให้เจอ แล้วง้อให้ว่องเลย เอิ้กกกกกก

ติดตามอ่านค่า^^ลุ้นว่าใครหนอจะพิชิตใจมิสเตอร์เพอร์เฟคต์คนนี้ได้ 
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ปล.นทีนิสัยน่าสนใจดีเนอะ มิน่าหนุ่ม ๆ สองคน(อาวุธ และ แอนโทนี่)รักมาก ๆ แบบนี้ อิอิ

ปล.นทีน่าสงสารจัง คนร้ายจากน้องต่างแม่เหรอเนี่ย
 --"

"สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ" เศร้า



----------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2010 00:47:20 โดย Ak@tsuKII »

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

คุณคฑาฯ

อ่านแล้วลุ้น อร๊ายยยย ตื่นเต้น!!


สบายดีนะคะ
:L2:


i3igM

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ พี่วุฒ อ่านแล้วคิ้วผูกโบว์ได้เลย o22

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
โจ้เอ้ยช่างหาเรื่องมาเดินซอยเปลี่ยวๆ แล้วนี่จะมีใครมาช่วยมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
เวรกรรม น้องโจ้  :z3:
ชาติที่แล้วไปทำอะไรใครไว้ เฮ้ออออ

everytime

  • บุคคลทั่วไป
พี่วุธก่ะน้องนนท์ นี่แปลกๆๆกันน้า ชักสงสัยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 8" (UP 13/7/2010)
« ตอบ #429 เมื่อ: 14-07-2010 02:01:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ตื่นเต้น แต่
ค้างงงง
+1

ออฟไลน์ meduza

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
ค้างงงงงงงงงง
เป็นห่วงน้องโจ้อ่ะพี่นายยยยยยยยย :monkeysad:
เฮ้ออยากให้น้องโจ้มีคู่สักที่น้องต้องการคนให้ความรักกกกกกกกกก
เห็นน้องโจ้เหงาที่ไรพี่ก็เศร้าไปด้วยนะจ๊ะ
รักน้องโจ้มากๆเลยนะ :กอด1:
รออ่านตอนต่อไปอยู่น๊าค่า
+1ด้วยความรักให้น้องโจ้ :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ค้างงงงงงงงงง กำลังอินเลย ตกลงคนโดนปั่นหัวนี่หลายคนะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาแล้วไง คิดจะไปทางลัด เลยเจอดีเลย
เร็วเข้า ใครจะเป็นพระเอก รีบมาช่วยนายเอกเร็ว ๆ ครับ นายเอกยังไม่หยากตาย
+1 เป็นกำลังใจให้พี่นาย อย่าใจร้ายกับคนน่าสงสารอย่างน้องโจ้เลยครับ

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0
ตายแล้ว...ว

น้องโจ้จะเป็นอย่างไรบ้าง อิตาวินเซนต์ก็โผล่มาให้เราสงกะสัย
แล้วพี่วุธจะทิ้งน้องโจ้ให้เพื่อนน้องนนท์จริงเหรอ :(

ออฟไลน์ pimkihae

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ค้างอย่างแรงงงงค่ะพี่น้อง
มีวินเซนต์เข้ามาจีบน้องโจ้อีก
พี่วุธจะปล่อยมือจากน้องแล้วหรอ (ม่ายนะ)
ตอนจบมีเสียวอีก...น้องโจ้จะเป็นอาไรมั้ยอ่ะ
ขอให้พี่วุธมาช่วยน้องได้ทันทีเหอะ
+1 ขอบคุณมากมายที่มาอัพให้นะค่ะ จุใจจริงๆ ชอบๆค่ะ ^^

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
อ่านแล้วลุ้นจริงๆ  :a5:

ออฟไลน์ emmybblood

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เอร๊ยยยย... ขอให้น้องโจ้เจอพระเอกหัวทองขี่ม้าขาวมาช่วย  o18  เพราะยิ่งอ่านตอนนี้ยิ่งอยากให้พ่อคชานนท์ของเดี้ยนได้กะลุงอาวุธ 555

อ่านบทสนทนาของสองคนนี้ทีไรรู้สึกมันน่ารัก เข้ากั๊นเข้ากันแหละ  :impress2:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
น้องโจ้ของอิชั้น  จะมีความสุขกะเค้ามั้ยนี่

สรุปยิ่งอ่านยิ่ง ทำให้รู้สึกว่า นายเอกอาจไม่ได้เป็นคนที่เราหมายตาไว้

morrian

  • บุคคลทั่วไป
หูย ตื่นเต้นๆ

ใครจะช่วยโจ้ กันละเนี่ยยย  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::: คดีรัก ภาค 2 ครึ่ง "บทที่ 8" (UP 13/7/2010)
« ตอบ #439 เมื่อ: 14-07-2010 14:59:32 »





littlepretty

  • บุคคลทั่วไป
ขออย่าให้น้องโจ้มีเรื่องร้ายๆๆอะไรเลยนะ :call:

พี่วุธ หรือวินเซนต์จะมาช่วยได้ทันไหมอะ ลุ้นๆๆๆ

รออ่านตอนต่อไปจ้า :bye2:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ซับซ้อนซ้อนเงื่อนขึ้นเรื่อยๆ โอ้ย งง  :laugh:

สับสนไม่รู้อาวุธจะคู่ใครดี น่าจับให้คู่คชานนท์มากเลยพี่นาย

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
ตะวันของเจ้ไปแรด ๆ อยู่แถวไหนเนี่ยลูกกกกกกก

ไม่สนมาแรด ๆ แถว ๆ นี้บางเหรอ เผื่อเจอร้ากกกกกกกกกแท้ืีที่ตามหามานาน :pigha2:

ขอให้มีคนช่วยภาณุวัตรทัน :call:

รออ่านค่าาา

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมๆๆๆๆๆถึงทำกับน้องโจ้ของวาแบบนี้ค่ะ.....

กรื๊ด!บีบหัวใจเหลือเกิน

aojroonra

  • บุคคลทั่วไป
นู๋วัฒน์ฉลาดแต่ไม่เฉลียวซะเรย คนยิงปืนมาช่วยรึเปล่าก้อไม่รู้

fungfung

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวเฮ้ยค้างมันอย่าไงกันละเนี้ย แล้วโจ้จะเป็นไรไมอะ
แต่มีตัวละครเพิ่มอีกแล้วจะออกหัวออกก้อยดูไม่ออกเลยงานนี้

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 9 ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านและลงคอมเมนท์นะครับ
รักใครชอบใครก็เชียร์กันเองนะครับ อิ อิ
ไปล่ะ ง๊วง ง่วง พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้า


Awoot Chapter 9

มีเสียงหนึ่งตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ตามมาด้วยเสียงปืนอีกหนึ่งนัดก่อนที่ภาณุวัฒน์จะเห็นชายผิวดำร่างยักษ์ล้มลงกระแทกพื้นข้างๆ เขาพร้อมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ อีกสองคนซึ่งเป็นชายหน้าตาคล้ายชาวเอเชียและชายผิวขาวซีดร่างท้วมวิ่งหนีไปก่อน ชายผิวดำจึงรีบวิ่งขากะเผลกตามหลังไป
ภาณุวัฒน์หันขวับไปมองด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งยืนตระหง่าน เขาปรับสายตาครู่หนึ่งจึงเห็นว่าเป็นใคร
“พี่อาวุธ!”
“รีบลุกเร็วเข้า” อาวุธยื่นมือมาตรงหน้าภาณุวัฒน์
“ขอบคุณนะครับ”
“บอกให้รีบ” อาวุธดึงคนที่นั่งอยู่บนพื้น แรงของอาวุธเยอะมากจนทำให้ภาณุวัฒน์รู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นมา
“พวกนั้นอาจจะกลับมา ปกติมันไม่จับกลุ่มกันแค่สามคมโดยไม่มีปืน” อาวุธชี้มือให้ภาณุวัฒน์หันกลับไปทางเดิม
“แต่ว่าอีกนิดเดียวก็จะถึง” ภาณุวัฒน์หันไปมองปากซอยที่มองเห็นยอดตึกอพาร์ทเมนท์
“เชื่อผม ตามมา เร็วเข้า” อาวุธออกวิ่ง ภาณุวัฒน์ไม่รีรอจึงรีบตามแต่อาวุธวิ่งเร็วมากเพราะขายาวและแข็งแรงกว่า ส่วนเขาสวมเสื้อตัวใหญ่ หนา และหนัก ทั้งรู้สึกเจ็บที่โดนทำร้ายจึงวิ่งได้ช้า
“ภาณุวัฒน์ เร็วเข้า” อาวุธหันมาเร่ง แต่เมื่อเห็นสภาพของคนที่ตามหลังมาจึงลดความเร็วลงและย้อนกลับมาเพื่อบอกให้ภาณุวัฒน์ถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วเอาไปถือไว้ “ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นไหม ไอ้สามคนนั้นไปพาพวกมาแล้ว แข็งใจวิ่งให้เร็วที่สุด ผมมีปืนก็จริงแต่ผมสู้กับคนเกินสามคนไม่ได้ ถ้าเราไปถึงถนนใหญ่โอกาสรอดก่อนที่พวกมันจะมองเห็นเราโอกาสรอดก็มีเยอะ พวกนี้ไม่ชอบออกไปพ้นซอกตึก ถ้าตามผมติดๆ ไม่เกินหนึ่งช่วงตัวรับว่ารอดแน่ เชื่อผม”
สายตาห่วงใยและให้กำลังใจของอาวุธทำให้ภาณุวัฒน์รู้สึกมีพลังขึ้นมา เขาพยักหน้าและออกวิ่งต่อไปโดยพยายามตามอาวุธให้ทัน
ไม่นานก็พ้นจากซอยอันน่ากลัวมายืนหอบอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งมีคนกลุ่มใหญ่ยืนร้องเพลงคริสต์มาสกันอยู่ อาวุธรอจนภาณุวัฒน์หายใจเกือบเป็นจังหวะปกติแล้วถึงยื่นเสื้อกันหนาวตัวใหญ่คืนให้
“รีบใส่ซะ เดี๋ยวจะแข็งตาย” อาวุธพูดด้วยเสียงเรียบ สายตามองข้ามศีรษะภาณุวัฒน์ไปด้านหลัง
“พวกนั้นตามาหรือเปล่าครับ” ภาณุวัฒน์หันไปมองตาม
“ไม่แล้วล่ะ” อาวุธส่ายหน้าแต่สายตายังมองอยู่จุดเดิม”
“พี่เจอผมได้ยังไงครับ”
“อย่าเพิ่งถามเลย รีบใส่เสื้อเร็วเข้า” อาวุธเร่ง
“ครับๆ” ภาณุวัฒน์พยักหน้าแล้วพยายามใส่เสื้อ แต่คงเป็นเพราะตื่นเต้นและยังกลัวอยู่มือไม้จึงสั่น อาวุธยื่นมือมาช่วย เมื่อสวมเสื้อกันหนาวเสร็จภาณุวัฒน์จึงพูดว่า
“ผมว่าเรารีบไปเถอะครับ ด้วยพวกนั้นจะตามมา” ภาณุวัฒน์ก้าวเท้าออกเดินจำ้อ้าวเกือบเป็นวิ่งเหยาะๆ โดยมีอาวุธตามหลังมาติดๆ นี่เป็นครั้งแรกทีเขาเดินนำหน้าอาวุธ
“คราวหลังอย่างเข้าไปในซอยเปลี่ยวๆ เด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่า ที่นี่นิวยอร์ค ไม่ใช่กรุงเทพฯ โจรที่นี่ไม่จี้แล้วบังคับให้เราส่งของมีค่าให้ ส่วนมากพวกนี้จะแทงหรือยิงเลยแล้วค่อยเอาของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของเรา มีค่าแค่ไหนมันไม่สน ขอให้ได้อะไรซักอย่าง” อาวุธก้าวเท้ายาวๆ ไม่กี่ก้าวก็มาเดินข้างๆ ภาณุวัฒน์แล้วก้มหน้าลงพูดกับชายหนุ่มที่ยังคงมีท่าทางตื่นกลัวอยู่
“ครับ” ภาณุวัฒน์พยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ผมไม่ต้องการให้ใครที่อยู่ในการดูแลของผมเป็นอะไรไป จำเอาไว้”
“ครับ” ภาณวัฒน์พยักหน้าอีกครั้งแล้วหลบตาและก้มหน้ามองพื้น
...สายตาของอาวุธควรเป็นสายตาแสดงความหงุดหงิดที่ต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่สิ่งที่เขาเห็นในดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับเป็นอีกแบบ...
ภาณุวัฒน์คิดในใจ
...แววตาของสารวัตรอาวุธดูเศร้ามากเมื่อพูดประโยคนั้น...

อาวุธทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงแล้วสอดปืนไว้ใต้หมอน ถอนหายใจเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะสอดมือเข้าไปดึงเอาปืนออกมาแล้ววางลงไปในลิ้นชักของโต๊ะข้างหัวเตียงเมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้นอีกแล้ว
นานหลายปีมาแล้วที่ไม่ต้องทำแบบนี้
หลังจากที่นที 'จากไป' เขาก็ไม่ต้องทำแบบนี้อีก!
ภาพอดีตของเขากับนทีย้อนกลับมาอีกครั้ง


“คุณไม่เจ็บหัวหรือไง หัวบนหมอนกับปืนข้างใต้ ไม่ใช่แบบที่ผมอยากจะนอน ผมไม่อยากจินตนาการว่าผมจะทำแบบคุณได้” นทีพูดพร้อมกับยักไหล่
“ผมต้องปกป้องคุณ” อาวุธตอบโดยไม่มองอีกฝ่าย
“จากอะไร”
“จากคนที่กำลังตามฆ่าคุณ” อาวุธตอบเสียงเข้ม “อ้อ ไม่ใช่สิ ตามฆ่าเรา ตอนนี้ผมคงถูกหมายหัวไปด้วยแล้ว”
“คุณคิดมาก”
“คุณทำให้ผมคิดมาก พฤติกรรมของคุณทำให้ผมต้องทำแบบนี้” อาวุธแย้ง
“มันไม่มีอะไร เมื่อไหร่คุณจะเข้าใจ ผมไม่ได้กำลังถูกตามโดยใครก็ตาม มันเป็นความเข้าใจผิดใหญ่มาก” นทีพูดเสียงดังขึ้น
“นที คุณจะพูดให้ข้างห้องได้ยินหรือไง” อาวุธปราม
“ผมกลัวคุณไม่ได้ยิน ผมกลัวคุณไม่เข้าใจ” นทีลดเสียงลง “แต่คุณควรรู้ คนอยู่ใกล้เราไป เขาไม่เข้าใจภาษาไทย”
“คุณพูดถูก ผมไม่ค่อยเข้าใจคุณเลย” อาวุธอดประชดไม่ได้
“เปิดหัวใจคุณ ใช้หัวใจคุณฟังผม ไม่ใช่หูคุณ”
...ดื้อและรั้น เป็นคำที่เขานิยามนทีเมื่อตอนที่เร่ิมรู้จักกัน นทีเป็นคนที่ซับซ้อนมากจนปวดหัวที่จะวิเคราะห์พฤติกรรม...
...นทีบอกว่าเขาเป็นคนอ่านง่าย มองออกทันทีว่าคิดอะไรและจะทำอะไร อาวุธแย้งว่าเพราะตัวเองไม่มีความลับ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลอกหลวงใคร...
“ผมก็ไม่คิดจะหลอกใคร ผมแค่ไม่อยากบอกทุกอย่างให้ทุกคนในโลกนี้” นทีเถียง
“เราคุยกันพอหรือยัง ผมง่วงนอน” อาวุธจำได้ว่า หากเริ่ม 'ทะเลาะ' กันจนดูท่าทางจะต้องใช้เวลาถกเถียงประเด็นใดประเด็นหนึ่งอีกนานเขาจะรีบตัดบท เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะอย่างไร นทีก็ไม่เคยยอมแพ้
...คิดๆ ไป นทีก็แตกต่างจากอนุภาพไม่ใช่น้อย หรือแม้กระทั่งอาทิตย์ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าทั้งสามคนมีอะไรเหมือนกัน ทำไมอนุภาพสะท้อนภาพของนทีได้มากมาย...
...แต่เขารู้สึกว่ามีอีกคนหนึ่งที่คล้ายนที เพียงแต่เขานึกไม่ออกในตอนนี้ว่าเป็นใคร...
...นทีอยู่ในซอกเล็กๆ ซอกหนึ่งในหัวใจของเขามานานหลายปี เขายอมรับว่าเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาของโลก พบแล้วก็จาก นทีจากเขาไปไม่มีวันกลับ เขาควรจะเริ่มต้นใหม่ แต่ตอนนี้ 'นที' กลับมาหาเขาอีกแล้ว...
...หากไม่เกิดเรื่องแบบที่เกิดกับภาณุวัฒน์เหมือนตอนหัวค่ำเขาก็คงไม่นึกถึงเรื่องนี้อีก โชคดีที่เขามองเห็นภาณุวัฒนวาง์จากไกลๆ ว่าเลี้ยวเข้าทางลัดระหว่างซอกตึกจึงตามไปช่วยได้ทัน...
...เขากับนทีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ รอดตายด้วยกันได้หลายต่อหลายครั้ง การผจญภัยในต่างแดน การเอาตัวรอดในสถาณการณ์คับขันและอันตรายทำให้ผูกพันกันมาก...
...เขานึกว่าทุกอย่างจะจบลงแล้ว คิดว่าตัวเองจัดการกับปัญหาจนเรียบร้อย คนที่ปองร้ายถูกจับ คนที่อยู่เบื้องหลังแผนการณ์ถูกกระชากหน้ากากออกมา เขากำลังจะเริ่มต้นชีวิตที่สงบสุขอย่างจริงจังกับคนที่เขารัก แต่นทีก็มาจากเขาไป เขาปกป้องคนรักไม่ได้ นทีหมดลมหายใจในอ้อมกอดของเขากลางคืนที่ผนตกพรำในสวนสาธารณะไม่ไกลจากบ้านของเขาเท่าไหร่นัก แววตาของนทีเข็มแข็งจนวินาทีสุดท้าย มือสั่นเท่าของนทีแตะที่แก้มเขาก่อนจะหมดแรงหล่นลงข้างตัวเพราะหมดลมหายใจ...
...เขายังรู้สึกอุ่นๆ ที่แก้มอยู่จนถึงทุกวันนี้...
...เขาสร้างบ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเยี่ยมยอดเพื่อคนที่เขารัก บ้านที่เขากับนทีจะอยู่ด้วยกัน บ้านที่ใกล้กับสวนสาธารณะที่นทีชอบ...
...สวนสาธารณะที่นทีบอกว่าจะมาเดินเล่นทุกวัน...
...ไม่ต้องวิ่งหลบลูกกระสุน ไม่ต้องหนี ไม่ต้องมีชีวิตเหมือนเล่นรถไฟเหาะตีลังกา ตื่นเต้นก็จริง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทุกวันก็คงไม่สนุก เขายังจำคำพูดของนทีได้ดี...

ปกติอาวุธเป็นคนตื่นเช้า แต่วันนี้เขาตื่นเร็วกว่าเคย ขณะนี้เป็นเวลาตีสี่ครึ่ง เมื่อเดินออกมานอกห้องนอนเพื่อไปดื่มน้ำอาวุธเห็นแสงไฟลอดออกมาจากใต้ประตูห้องนอนของภาณุวัฒน์จึงเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าห้อง
...ภาณุวัฒน์กำลังร้องไห้ เขาได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น...
อาวุธเคาะประตู เสียงร้องไห้ของภาณุวัฒน์เงียบไปและไฟก็ดับลง อาวุธจึงเคาะประตูอีกครั้งแล้วลองหมุนลูกบิด ประตูเปิดออก ร่างของภาณุวัฒน์นอนขดอยู่บนเตียง อาวุธพอจะมองเห็นได้ว่าไหล่ของชายหนุ่มยังคงสั่นไหลอยู่เพราะกำลังร้องไห้โดยไม่มีเสียง
“โจ้” อาวุธเรียกอีกฝ่ายเบาๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง ภาณุวัฒน์ยังคงอยู่ในท่าเดิม
“เป็นอะไร” อาวุธนั่งลงข้างเตียงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ ภาณุวัฒน์พลิกตัวและหันหน้าหนีเขาจึงรีบจับไหล่เอาไว้ “ฝันร้ายหรือเปล่า”
ภาณุวัฒน์พยักหน้า ปากเม้ม ตาปิดสนิท คิ้วขมวด พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้
“ไม่มีอะไรหรอก เลิกกลัวเถอะ ผมอยู่ที่นี่ กลัวอะไร”
ภาณุวัฒน์ส่ายหน้า ประหนึ่งจะบอกอาวุธว่าตัวเองไม่ได้กลัว
“ถ้างั้นมีอะไร บอกผมซิ”
ภาณุวัฒน์ยังคงเงียบ อาวุธนั่งนิ่งมองคนที่นอนเม้มปากอยู่บนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะละสายตาไปมองที่หัวเตียง รูปภาพของธงรบวางกระจัดกระจาย บางรูปถูกฉีกขาด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมภาณุวัฒน์ถึงร้องไห้ แต่ทันใด ภาณุวัฒน์ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผเข้ากอดเขา
“พี่วุธครับ...” ภาณุวัฒน์เสียงสั่น ซุกหน้าลงกับอกของอาวุธแล้วสะอึกสะอึ้น
อาวุธยังคงนั่งนิ่ง ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแน่นและร้องไห้จนหยุดไปเอง ก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ได้ร้องจนพอใจแล้ว ที่นี้ก็ต้องเข้มแข็ง”
“ผมขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ขอโทษที่อ่อนแอ”
“โจ้เป็นคนเข้มแข็ง ผมรู้ ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก”
“ผมทำเสื้อพี่เปียก”
“พรุ่งนี้ก็เอาไปซักซะ” อาวุธพูดเบาๆ แล้วขยับตัว ภาณุวัฒน์ปล่อยแขนจากการโอบกอดอาวุธแล้วนั่งก้มหน้านิ่ง อาวุธจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “นอนซะนะ ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง ตอนนี้เรามีแต่อนาคต จำเอาไว้”
ภาณุวัฒน์นิ่งไปหลายอึดใจก่อนจะพยักหน้าช้าๆ โดยที่ยังก้มหน้าอยู่ อาวุธถอนหายใจช้าๆ แล้วเอื้อมมือไปบีบไหล่ของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปเงียบๆ
...ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังอย่างนั้่นหรือ...
…ทิ้งอดีตเอาไว้...
...แต่อนาคตของเขาล่ะ...
...อย่าว่าแต่อนาคตเลย ปัจจุบันของเขาก็ยังดูมืดมัวอยู่ด้วยซ้ำ...

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
สงสารโจ้จริงๆ ทำไมเจอแต่เรื่องที่ทำให้อึดอัดขนาดนี้ มาต่างบ้านต่างเมือง จะพูดคุยปรับทุกข์กับใครก้อไม่มี ที่มีอยู่ก้อไม่แน่ใจว่าเค้าจะเต็มใจรับฟังรึเปล่า

ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
สงสารโจ้ แบ่งความสุขให้โจ้มั่งนะค้าพี่นาย  :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด