บุพเพวายร้าย
54.50%
+
บุพเพวายร้าย
54.50%
ผมไม่รู้เลยครับว่าพี่วุฒิซื้อตั๋วสวีต จนเมื่อได้เข้าไปนั่งเก้าอี้โชฟา คนมองเป็นแถว(เขาคงจะไม่มองหรอกครับถ้าไม่จับมือกัน) เก้าอี้ข้างๆผมเป็นคู่หญิงชายหันมองพวกผมหลายครั้ง
“ .....................” แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ตั๋วก็ซื้อมาแล้ว เลยต้องทำใจนั่ง และอยากกดูหนังด้วย
พี่วุฒิยื่นแก้วโค้กให้ผม โดยไม่พูดอะไร แต่ส่ายหน้าว่าไม่กิน พี่เขาเลยเอาวางไว้ ตรงผนังแขนอีกด้าน
พวกผมนั่งดูหนังไปเรื่อยๆ สนุกมากครับเนื้อเรื่องสนุกอย่างที่ผมคิดไว้ ฉากก็ตื่นตาตื่นใจ จนมาถึงตอนที่นางเอกจูบพระเอกก่อนที่พระเอกเดินทาง... พี่วุฒิจับมือผมหมับ!?
ผมหันไปมอง แต่พี่วุฒิไม่ได้หันมา หน้าพี่เขามองตรงไปยังจอ...ผมเลยดึงมือออกมา
หมับ! อีกครั้ง คราวนี้มือผมถูกดึงไปวางไว้ตักพี่วุฒิ ผมหันไปอีกครั้ง(ในหนังพระเอกนางเอกยังจูบกันนัวเนีย) พี่วุฒิหันมาก่อนหน้านั้น
“ ก็ดูไปดิ” พี่วุฒิบอกเสียงเบา
“ ..............” ผมดึงมือตัวเองกลับมา พี่วุฒิดึงกลับไป...
..ผมดึงมือตัวเองกลับมา พี่วุฒิดึงกลับไป...
“ .......................”
.......ผมดึงมือตัวเองกลับมาอีกครั้ง พี่วุฒิก็ดึงมือผมกลับไปอีก.....
“ ......................” คู่ที่นั่งๆข้างพวกผม เริ่มหันมามอง พวกผมที่หยุกๆหยิกๆ ผมเลยยอมให้พี่วุฒิจับมือผมไปกุมไว้ตัก จนหนังจบเรื่อง......
2 ชั่วโมงให้หลัง
“ หนาวเหรอ?” พี่วุฒิถามตอนที่ผมลุกขึ้น(หนังจบแล้ว)
“ นิดหน่อยครับ” ผมตอบเดินนำหน้าพี่วุฒิออกจากแถวที่นั่ง
“ รู้ว่าจะหนาวทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวหรือไม่ก็เสื้อหนาๆมา” พี่วุฒิที่เดินข้างหลังผมพูดเหมือนตำหนิ
“ ทุกทีไม่เคยหนาวนี่ครับ”
“ ก็ดูหุ่นดิ ผอมยังกะตัวอะไร ดีที่ช่วงนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาหน่อย”
“ ...............” ใช่สิครับผมผอม ผอมกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ได้หุ่นมีซิกแพ็คเหมือนพี่แต่มันแบนราบน่าอาย...
ผมไม่พูดอะไร ยอมให้พี่วุฒิจูงมือออกจากโรง เรื่อยๆ
“ หิวไหม ?” พี่วุฒิถาม ตอนที่เดินออกมาถึงรถแล้ว ตอนนั้นห้าทุ่มนิดๆแล้วครับ
“ ไม่ค่อยหิวครับ”
“ งั้น พี่พาไปกินของอร่อยๆ” พี่วุฒิเปิดประตูรถแต่ยังไม่ได้เข้าไป ผมยังยืนอยู่เช่นกัน
“ ไปกินไหนครับ?”
“ โรงแรมพ่อพี่เอง อยู่ไม่ไกลหรอก”
“ ไปต้องหรอกครับ เกรงใจท่าน!” ผมบอก
“ หรือว่าจุม อยากกินอะไร?” พี่วุฒิถามคิดว่าผมมีร้านที่อยากไปถึงได้บอกไม่ให้โรงแรมพี่วุฒิ
ตอนนี้ที่ผมอยากกินก็มีครับ ‘เย็นตาโฟร้อนๆ’
“ ผมอยากกินเย็นตาโฟครับ”
“เย็นตาโฟ ที่ไหน?”
“ ตรงปากซอย ทางเข้าบ้านไงครับ” พี่วุฒิทำหน้าสงสัย?
“ ....................”
“นะครับ กินแล้วจะได้กลับบ้านเลย ไม่ต้องไปโรงแรมพี่”
“ ก็ได้” พี่วุฒิตอบ ผมวิ่งไปอีกด้านเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
แต่แต่พอถึงร้านแล้ว พี่วุฒิกลับพูดว่า
“ ร้านนี้เนี่ยนะ!” พี่วุฒิว่าจอดหน้าร้าน แต่ยังไม่ได้ดับครื่อง
“ ใช่ครับ ลุงอินขายตั้งแต่ผมเด็กๆ เมื่อก่อนแม่พามากินบ่อยๆ” ผมบอกมองร้านห้องตึกแถวตรงกลางที่ขายดีจนต้องเอาโต๊ะเก้าอี้มาวางหน้าร้าน
“ พี่วุฒิเอารถไปจอดด้านโน่นเลยนะครับ เดี๋ยวผมลงไปสั่งรอไว้นะครับ เพราะคนเยอะจะได้ไม่ช้ามาก” ผมบอกขยับตัว
“ แต่ร้านข้างถนนพี่ไม่อยากกิน เดี๋ยวท้องเสีย” พี่วุฒิบอกจับมือผมไว้
“ ไม่เสียหรอกครับ ผมกินมาตั้งแต่เด็กแล้ว” ผมบอกอีก
“ พี่ไม่กิน สกปรก!” พี่วุฒิพูดพร้อมขับรถออกมาเลย
“ พี่ครับ!?”
“ พี่ไม่กินของข้างถนนแบบนั้นหรอก” พี่วุฒิบอกเลี้ยวเข้าซอยเข้าบ้าน
“ ข้างถนนก็ใช่ว่าจะไม่สะอาดนะครับ!”
“ ไม่สะอาดแล้วไหงพี่กินแล้วท้องเสียล่ะ!” พี่วุฒิท้องเสีย?
“ เมื่อไรครับ?” รถจอดที่หน้าบ้าน
“ ตอนปอ6”
“ ตอนปอ6?!”
“ ตอนนั้นพี่ต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงบาลเป็นอาทิตย์ ......” เสียงท้ายประโยคเบามาก
ผมอยากถามพี่วุฒิแต่สีหน้าพี่วุฒิทำให้ผมเงียบ
“ วันนั้นพี่จำได้ เป็นวันเกิดพี่พอดี คุณพ่อคุณแม่บอกว่าจะมารับพี่ที่โรงเรียน แต่สุดท้ายก็ให้ลุงใบมารับ แต่พี่ไม่กลับ ยังไงก็สัญญาแล้ว พี่เชื่อว่ายังไงก็ต้องมา พี่รอแล้วรอเล่า 5 โมงก็แล้ว 6 โมงก็แล้ว 1 ทุ่มก็แล้ว 2 ทุ่มก็แล้ว แต่ก็ไม่มา ลุงใบกลัวว่าพี่จะหิวข้าวเลยไปซื้อลูกชิ้นปิ้งมาให้พี่ ความจริงพี่ก็หิวจริงๆแต่ไม่ยอมบอกว่าหิวพี่ไม่อยากให้ตัวเองดูอ่อนแอ พอลุงใบซื้อลูกชิ้นมาพี่ก็กินจนหมด”
“ แล้วพี่ได้กลับบ้านกี่โมงครับ ..?”
“ เที่ยงคืนพี่ก็กลับ เพราะพี่คิดว่าขนาดวันเกิดพี่วันที่พี่ได้เกิดมาบนโลกนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่สนใจแล้ววันอื่นๆล่ะจะไปมีความหมายอะไร! ................เชื่อไหมพี่นอนให้น้ำเกลือที่โรง-บาล3 วันแล้วคุณแม่ถึงมา อีกวันค่อยเป็นคุณพ่อ แต่ก็มาไม่ถึงครึ่งวัน และก็ไม่มาอีกเลยจนกระทั่งพี่ออกจากโรงบาล” พี่วุฒิยิ้ม ดวงตาเต้นระริก
“ พี่ต้องนอนโรงบาลเป็นอาทิตย์เลยหรือครับ?” ผมถามมองหน้าพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิหันไปอีกทางเหมือนหลบสายตาผม
“ ตอนเด็กๆพี่เป็นภูมิแพ้ ป่วยอะไรนิดอะไรหน่อยก็กลายหนักกว่าคนปกติ” ผมเอามือผมไปจับมือพี่วุฒิ พี่เขาถึงได้หันมา..
ปัญหามันไม่ใช่เรื่องลูกชิ้นย่างทำให้ท้องเสียหรอกครับ ....
“ .......”
“ ถ้าพี่กินเย็นตาโฟแล้วท้องเสียจุมจะไปเฝ้าพี่ใช่ไหม จะไม่ต้องให้พี่คอยมองประตูว่าจุมจะมาเมื่อไรใช่ไหม?” ตลอดเวลาพี่วุฒินอนอยู่โรงบาลคงคิดว่าเมื่อไรพ่อแม่จะมา และคงคิดว่าคนกำลังที่เปิดประตูอาจจะเป็นพ่อหรือแม่ ....คอยทุกๆวัน เด็กอายุ 12 ไม่รู้ว่าจะเสียใจได้มากที่สุดเท่าไร ....
มิน่าตอนที่ผมอยู่โรง-บาลพี่วุฒิไม่เคยปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย ไม่แม่ก็พี่วุฒิต้องอยู่ในห้องกับผม ...
. . . ประหลาดที่ผมรับรู้ความรู้สึกพี่วุฒิได้ แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม
“ ครับ ผมจะอยู่กับพี่เหมือนที่พี่เฝ้าผมที่โรง-บาล” ผมบอกเอนตัวเอาหัวพิงไหล่พี่วุฒิ
“ งั้นเราไปกินกันก็ได้ เพราะถ้าพี่เข้าท้องเสียจนต้องให้น้ำเกลืออีก ยังไงจุมก็ต้องไปอยู่กับพี่”
“ ไม่ต้องครับ ผมไม่หิวแล้ว เราเข้าบ้านเถอะครับ” ผมบอกเงยหน้าขึ้นมา
“ แล้วจุมไม่อยากกินเย็นตาโฟแล้ว เหรอ?”
“ ไม่ครับ ผมไม่อยากกินแล้ว” ผมบอกส่ายหน้าช้าๆ
พี่วุฒินิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตามใจผม
ผมจูงมือพี่วุฒิเข้าบ้าน เหมือนจูงมือเด็ก ...จนกระทั่งถึงห้อง พี่วุฒิก็รวบตัวเข้าไปกอด
“ จุม ............” เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ครับ
“ครับ” ผมว่าหันหน้าไปหาพี่วุฒิที่กอดผมจากด้านหลัง
“ มีความสุขไหม? ทำไมตอนนี้พี่มีความสุขมากจนน่ากลัว”
“ ครับ ผมมีความสุขมากเหมือนกัน” ผมบอกเอามือจับแก้มพี่วุฒิทั้งข้างพร้อมกับรอยยิ้ม
“ ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไป...” พี่วุฒิหยุดพูดขึ้นมาเฉยๆ
“ ผมอยากอยู่กับพี่ตลอดไป” ผมบอกแล้วพี่วุฒิก็ยิ้มดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ ............พี่ก็เหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้นอนกันเถอะครับ จะเที่ยงคืนแล้ว” ผมบอกผละออกจากพี่วุฒิก่อน
“ ................” พี่วุฒิไม่ตอบเดินไปปิดไฟแล้วลงมานอนบนเตียงตามผม
“ จุม พี่....” พูดพร้อมแขนกอดเอว “ พี่............”
“ ครับ” ผมพลิกตัวชุกหน้ากับไหล่พี่วุฒิ
“ พี่ขอวันนี้ได้ไหม?” พี่วุฒิถามเสียงปกติ แต่ผมสัมผัสเสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นของพี่วุฒิได้
“ ........................................................................ไหนว่า 3 เดือนไงครับ” ผมถามเสียงเบาๆแต่ยังไม่ขยับหนี เพราะพี่วุฒิก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าถาม
“ พี่ถามเผื่อได้ .........”
“ แล้วไหงคิดว่าผมจะให้” ผมว่าแอบยิ้ม ตลกมากกว่าครับที่พี่วุฒิคิดว่าวันนี้จะได้ทั้งตกลงกันได้เพียงวันเดียว ใครจะทำใจได้เร็วขนาดนั้น
“ งั้นต้องลองดู” พี่วุฒิพูดแล้วลุกขึ้นผมเลยต้องลุกขึ้นตาม(ผมตกใจครับ)
“ ลองอะไรครับ?” ผมถามมองพี่วุฒิถอดกระดุมตาปริบๆ ท่ามกลางความสว่างที่จำกัด
“ ลองทำดูเผื่อยอม”
“ พี่ว่าไงครับ!!” ผมพูดพร้อมลงจากเตียงไปเปิดไฟให้สว่างไว้ก่อน
“ ไหนพี่ว่า 3 เดือนแต่นี่แค่วันเดียวพี่ก็จะปล้ำผมแล้วหรือครับ?” มือพี่วุฒิที่แกะกระดุมหยุดลงที่เม็ดสุดท้าย แล้วเดินมาหาผม
“ จุม แล้วไม่ได้เหรอ?”
“ พี่ครับ 3 เดือนของพี่คืออะไรกันแน่ ให้เวลาแต่สิ่งที่พี่ทำอยู่มันตรงกันข้าม!”
“ จุม พี่ รู้สึกมีความสุข พี่ก็ยิ่งไม่มั่นใจ” พี่วุฒิมาหาผม ผมถอยหนีพี่วุฒิหยุด
สงสารหน้าหงอยๆ จนเจ็บ
“ ................” ทั้งที่เมื่อกี้พวกเรายังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่เลย
“ ไหนจุมบอกว่าจะให้พี่เชื่อใจ”
“ ............พี่ครับ ...เชื่อใจ มันก็บอกอยู่แล้วว่าที่ใจ ไม่ใช่ร่างกาย”
“ ร่างกายมันก็เป็นส่วนหนึ่งนะจุม” พี่วุฒิพูดเดินมาหาผมอีกก้าวแต่ก็ต้องหยุดเพราะผมก็ถอยหลังอีกก้าวเช่นกัน
“ พี่รู้สึกดี ดีมากแต่พี่ก็ยิ่งกลัว พี่กลัวมันหายไป พี่อยากยึดอะไรไว้.........ให้พี่รู้สึกมั่นใจ ว่าพี่ไม่ได้ฝันไป จุมไม่รู้หรอกว่าแค่เสี้ยวนาทีทุกอย่างมันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้...........”
“ พี่ ค รั บ ” ผมเดินเข้าไปหาพี่วุฒิเอง เดินเข้าไปกอดร่างกายที่โตกว่า แต่กลับรู้สึกว่าร่างนั้นเล็กลงเรื่อยๆหากผมไปกอดพี่วุฒิไว้ตอนนี้และเดี๋ยวนี้
“ จุม พี่อยากเชื่อจุม ได้ไหม?”
“ .................................”(ผม)
“........... ได้ไหม?.......” ผมเงยหน้าขึ้น
“......... ได้ครับ” สิ้นคำตอบพี่วุฒิก็ก้มลงมาเอาริมฝีปากสัมผัสปากผมแผ่วเบา ผมหลับตาลง ก่อนที่พี่วุฒิจะรั้งเอวผมเข้าไปชิดตัว
ผมรู้สึกเหมือนจะกลัวขึ้นมา แต่แรงกดริมฝีปากทำให้ผมสับสน ทังลิ้นที่กำลังเกี่ยวพันลิ้นผม หัวใจผมเริ่มเต้นแรงเรื่อยๆ
“ ...........?!” ผมถูกมือพี่วุฒิช้อนใต้เข่าพาไปที่เตียง ทั้งปากผมยังถูกประกบไม่ห่าง จนเมื่อตัวผมถูกวางลงเตียง
“ จุม พี่ดีใจนะที่จุมยอม......พี่”
“ พี่วุฒิ ผมรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ครับ” ผมบอกหันหน้าหนีพี่วุฒิที่ก้มลงมาอีก หัวใจผมก็เต้นไม่เป็นส่ำ
“ กลัวอะไรจุม ...?” พี่วุฒิไม่รอคำตอบ จูบผมอีก จูบนุ่มนวลกว่าเมื่อกี้มาก มือพี่วุฒิจับสัมผัสผิวเนินอกผมภายในเสื้อยืดที่ผมใส่อยู่ ผมสะดุ้งเล็กน้อย
ไม่ว่าพี่ไหนที่พี่วุฒิสัมผัสผมมันก็ร้อนๆขึ้นมา
* * *
ท่านanajulia ท่านสาววายฝึกหัด เจ้าหญิงก็เช่นกันเจ้าค่ะ
ปล. 1 คำผิดขอบคุณท่านกระต่ายชมจันทร์(เช่นเคย)เจ้าค่ะ
V
V
V