(สอง)2
9. “ ยืนไม่ปวดขาเหรอ นั่งลงสิ” ไอ้แบงค์ว่าขณะเช็ดขาให้จักร และไม่ได้เงยหน้าพูดกับผม
“ ปวดดิ” ผมบอกนั่งลงเกือบๆหัวเตียง เอามือลูบหัวจักรเบาๆ เส้นผมชื้นเหงื่อ
“ แบงค์ ถ้ามรึงไปช่วยไม่ทัน จักรคง....” ผมไม่กล้าพูดต่อแค่คิดก็สงสารจักรจับหัวใจ ตัวเองก็เจ็บปวดทรมานไปด้วย
“ อย่าคิดมากดิ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ทั้งมรึงและจักรก็ปลอดภัย”
“ กรูแค่อยากบอกมรึงว่า ขอบคุณมรึงแต่ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรให้มันเท่าความรู้สึกของกรู” ผมบอกทำไมไม่รู้รู้สึกคัดจมูก พูดอีกกไม่กี่คำต้องร้องไห้แน่
ไอ้แบงค์หันมา
“………………………………. ไม่ต้องพูดแล้ว กรูเข้าใจ” ไอ้แบงค์บอกเอาผ้าที่เช็ดให้จักรเมื่อกี้มาเช็ดแก้มผม นั่นทำให้แก้มผมเย็น
“………………แบงค์” จับมือไอ้แบงค์ข้างที่ยกเช็ดแก้มผม ก่อนที่มองหน้าไอ้แบงค์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน ทั้งคิ้วทั้งตา สันจมูกและริมฝีปาก
“.......................” (ไอ้แบงค์)
“ ที่มรึงบอกว่าเป็นห่วงกรูมาก...มากแค่ไหน?” ผมถาม รู้อยู่แล้วล่ะว่าไอ้แบงค์มันเป็นห่วงผมแต่ใช่แบบที่ผมต้องการหรือเปล่า?
“ ก็มากถึงขนาดที่ว่า ทนอยู่เฉยๆไม่ได้ต้องไปช่วยมรึง และต้องช่วยให้ได้”
“ รักไหม? ผมถามอีก ไอ้แบงค์ไม่ตอบหันกลับไปเช็ดตัวให้จักรต่อ ผมก็ไม่ถามต่อ ไม่อยากให้ไอ้แบงค์ลำบากใจไปมากว่านี้ จะไปคาดคั้นเอาอะไรในเมื่อความจริงก็เห็นๆกันอยู่ แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะหัวใจมันแอบคาดหวัง
ผมเป็นคนแก่ตัว อย่างที่ตัวเองไม่คาดคิดมาก่อน
“..................”
พอไอ้แบงค์เช็ดตัวให้จักรเรียบร้อยก็คว้าสื้อจากมือผมไปใส่ให้จักรเอง ผมมองรอยสีแดงที่ตัวจักรที่ไรก็นึกแค้นไอ้พงษ์ทุกครั้งไป แม้จะพยายามคิดว่าเรื่องมันผ่านมาแล้วก็ตาม
ไอ้แบงค์ห่มผ้าให้จักรหลังจากที่ใส่เสื้อกางเกงให้ ส่วนผมยืนมองอยู่ข้างๆ
“ มรึงเอาไง จะไปหาหมอ หรือจะให้กรูทำแผลให้” ไอ้แบงค์ถาม
“ ให้มรึงทำแผลให้ก็พอ” ผมบอก ไอ้แบงค์มองผมเหมือนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พูดว่า
“ งั้นไปทำแผลกันข้างนอก” ไอ้แบงค์ว่า ผมเดินตามไอ้แบงค์ออกมา แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองจักร แล้วปิดไฟเดินออกจากห้องมาโดยเปิดประตูทิ้งไว้
ด้านนอกไอ้วุฒินอนเอกเขนกบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ใบหน้าเหมือนว่ากำลังคิดหมกหมุ่นเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ใช้ความคิดมากๆ ก่อนที่จะสังเกตเห็นผมกับไอ้แบงค์เดินมา ไอ้วุฒิก็ลุกขึ้นนั่ง
“ ตื่นยัง?” ไอ้วุฒิถาม
“ ยังเลย” ผมบอก นั่งลงข้างๆไอ้วุฒิ ส่วนไอ้แบงค์กำลังหากล่องปฐมพยายาลที่ซื้อเมื่อคราวก่อน
“ แล้วมรึงไม่ไปหาหมอ?” ไอ้วุฒิถามอีก พร้อมทั้งมองสภาพผม (ยังไม่ได้ใส่เสื้อก็เลยรู้สึกหนาวๆ)
“ ไกลหัวใจไม่ตายหรอก” ผมว่าทำอวดเก่งแต่เจ็บระบมทั้งตัว ปากที่แตกเวลาพูดก็เจ็บแปล๊บๆ
“ ทำพูดทำเก่ง” ไอ้แบงค์ที่หากล่องยาเจอ เดินเข้ามานั่งพูด
“ เออน่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ผมบอก พอไอ้แบงค์วางกล่องลบนโต๊ะผมก็เป็นคนเปิดเองกjอนที่จะหยิบสำสี ขึ้นมาแต่เรื่องยาผมไม่ค่อยรู้หรอก ให้ไอ้แบงค์เป็นทำดีกว่า
“..................... มรึงเป็นเอามาก” (ไอ้วุฒิจ้องผมก่อนพูด)
“ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะทั้งที่เจ็บปากจะแย่ ผมเนี่ยนะเป็นเอามาก ถ้าผมเป็นเอามากไอ้วุฒิก็เป็นเอามากๆถึงมากที่สุด
กึกกัก!?
เสียง??! พวกผมมองตากันแต่นิ่ง…
“........ ... .........”
“.............”
“..................................”
พลันสายตาผมหันไปเห็นจักร ที่วิ่งออกมาจากห้องผมรีบลุกขึ้นตาม !?
“ จักร!?” ผมร้องเรียกพร้อมๆกับวิ่งไปตามจักรที่กำลังไปวิ่งยังประตูหน้าห้อง
“..............................” จักรหันหน้ามา หน้าตากำลังงงและตกใจ
ผมวิ่งเข้าไปถึงตัวจักรแล้วดึงตัวน้องเข้ามากอดทันที
“......................” จักรตัวสั่น
“ จักร”
“ พี่.................ฮือๆ” ตัวจักรยิ่งสั่น และแล้วก็กอดตัวผม
“ ไม่มีอะไรแล้ว มันจบแล้ว มันทำอะไรจักรไม่ได้แล้ว” เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถช่วยจักรได้ ถ้าไอ้แบงค์และไอ้วุฒิไม่ไปช่วย ก็คง..........
เจ็บใจ จนจุกที่ไม่อาจจะช่วยคนที่รักได้เลย
“ ฮือๆ.........พี่มันนจะข่มขืนผม พี่ พี่.....ทำ ทำร้ายพี่” “ ปลอดภัยแล้ว ปลอดภัย” ผมบอกจักรไปเรื่อยๆเพราะดูจักรจะยังไม่เชื่อ
“........................” จนเสียงสะอื้นดูจะเบาลง
“ มันทำอะไรจักรไม่ได้………………..” ผมบอก ก้มมองจักรที่เอาหน้าซุกอก ตัวยังสั่นอยู่เลย
“.................” จักรเงียบ สะอื้นเป็นพักๆ
“ ป่ะ กลับห้อง” ผมบอก จักรเงยหน้ามองผมก่อนที่จะพยักหน้า 2 ครั้ง( หันกลับมาเห็นไอ้แบงค์กับไอ้วุฒิยืนมองพวกผมอยู่ห่างๆโดยไม่พูดอะไร มือไอ้แบงค์ยังถือขวดน้ำยาล้างแผลอยู่)
“ .......................”
ผมพาจักรกลับไปที่เตียง ให้น้องเขานอนลงก่อนที่จะห่มผ้าให้ โดยมีผมนั่งอยู่ข้างๆ
“ .......................”
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ ตอนเช้าพี่ไปส่งที่บ้าน” ผมบอก จักรพยักหน้ารับรู้ เอามือปาดน้ำที่หน้า
“ พี่ นอนที่ ไหน?” จักรถามจบก็สะอื้นปั้บ
“ แถวๆนี้แหละ” ผมบอกแต่ก่อนหน้านั้นต้องทำแผล ทายา เพราะมันทั้งเจ็บทั้งปวดและดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ
“ พี่จะมานอนบนเตียงก็ได้” จักรพูดเหมือนกับว่าเตียงที่นอนอยู่เป็นของตัวเอง หน้าที่แนบกับหมอนหันมาสบตากับผม
“ .......................”
“ ..... .................. . .. ......................”
“ พี่นอนดิ้นนะจะบอก” ผมยิ้มบอก เพราะตัวเองนอนดิ้นจริงๆ ถึงขนาดว่าไอ้แบงค์มันเอาหมอนข้างหลายใบมาวางกั้นระหว่างกับมัน ผมยังเคยถีบมันตกเตียงหลายครั้ง
“ ไม่เป็นไร” จักรพูดก่อนที่จะหลบตาด้วยขนตาหนาเป็นแพ
“ พี่ไปทำแผลก่อน แล้วค่อยกลับมา” จักรพยักหน้าอีกครั้งแล้วขดตัวเข้าหาตัวเอง
“..................”
.
.
.
.
จักร....
แบงค์ ช่วยจักรที!?
....แบงค์ พรึ่บ!? ………………………….ลืมตาขึ้น?
“ .........................”
“ .................. ....”
ผมมองเห็นเพดานสีขาว ???
พอหันซ้ายขาวช้าๆบวกกับกลิ่นยาฉุนจมูกแล้วรู้ได้ทันทีว่าผมนอนอยู่โรง-บาล
ผมเห็นพ่อและพี่เอกนั่งเก้าอี้ชุดอยู่ไม่ห่างจากปลายเตียง?
…………..ปวดหัว..................เจ็บไปทั้งตัว
“ ไงชนะ ตื่นแล้วเหรอ?” พ่อถามผมลุกจากเก้าอี้และเดินมาผมที่นอนอยู่บนเตียง พี่เอกก็ด้วย
“ พ่อ..พี่??” ผมจะลุกขึ้นแต่พี่เอามือปราบไว้ พอขยับแล้วโคตรปวดเลยครับ ไม่รู้หรอกว่าปวดตรงไหนรู้สึกมันปวดไปหมด
“ เจ็บไหมล่ะท่าน ดูหน้าท่าจะเจ็บมาก 55”(พ่อผม)
“ เจ็บดิ แล้ว...” ตอนแรกผมว่าจะถามว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่เปลี่ยนใจไม่ถามแล้ว คงเป็นไอ้วุฒิไอ้แบงค์นั่นแหละที่พาผมมา
จำเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายได้ว่าไอ้แบงค์กำลังเอาสำสีชับแผลที่มุมปากผม(แสบ)
“ พ่อกับพี่ไม่ทำการทำงานหรือไงถึงได้มาลอยชายอยู่แถวนี้?” ผมถาม รู้สึกคอแห้งจนเหมือนลำคอมันตีบเข้าหากัน
“ พี่เอกขอน้ำหน่อย” ผมบอก
“ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเรา” พี่เอกว่าเดินไปเทน้ำใส่แก้วที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ติดผนังขวามือของผม
“ ขอเย็นๆ” ผมอ้อน คิดว่าถ้าได้กินน้ำเย็นคงจะชื่นใจ
“ ไม่ต้องเลย คนป่วยกินน้ำธรรมดานี้แหละ” พี่เอกพูดแกมๆดุ ใครกันแน่ที่ได้ทีเอาใหญ่
“ ที่หลังอย่าทำตัวแบบนี้อีกนะ พ่อรู้เรื่องจากแบงค์แทบลมจับ อยากให้คนแก่อายุสั้นหรือไง!?” พ่อพูดไม่ได้มีท่าทางล้อเล่นเหมือนทุกที ไอ้แบงค์คงเล่าเรื่องให้พ่อฟังหมดเลย
“ ผม ไม่ได้ไปหาเรื่องก่อนสักหน่อย” ผมบอกรับแก้วน้ำจากพี่ ส่วนพี่ปรับเตียงให้ผมกินน้ำได้
“ แต่เราก็ปากเสียด้วยใช่ไหม?” พ่อว่าหันมาจ้องหน้าผม
“ พูดแบบบนี้จะว่าผมปากหมาก็ว่ามาเถอะ” ไม่เข้าข้างลูกชายเลย พ่อผม
“ นั่นไง” พ่อส่ายหน้า
“ โตแล้วนะชนะ อย่าทำให้พี่กับพ่อเป็นห่วง”
“ รู้แล้ว” ผมพูด ไม่ได้สักแค่พูดไปเฉยๆ แต่เข้าใจดีว่าการเป็นห่วงใครสักคนมันเป็นไง เป็นห่วงว่าขาจะได้รับอันตรายมันต้องใช้ความอดทนแค่ไหน โดยที่ตัวผมทำอะไรไม่ได้เลย
“ รู้แล้วก็ดี”(พ่อ)
พ่อกับพี่ก็คงเป็นห่วงผมมากเหมือนกันถึงได้มาอยู่กับผมตอนนี้
ขอบคุณครับ ผมเพิ่งรู้ตัวเองว่าสำคัญกับใครแค่ไหน? ได้รับความรักมากแค่ไหน?ทั้งที่รู้มานานแล้วแต่ไม่ได้มองอย่างถี่ถ้วน
รอบข้างผม ต่างก็เป็นคนที่หวังดีและห่วงใยผมทั้งนั้น..
.
.
.
ตอนที่ผมรู้สึกตัวจะบ่าย 3 กว่า หมายความว่าผมหลับยาวตั้งแต่ตอนหมดสติตอนนั้นสัก ตี4ได้
ตอนนนี้ทุ่มหนึ่ง พ่อก็กลับบ้าน โดยให้พี่เป็นคนเฝ้าผมต่อ ถึงแม้ว่าผมจะบอกว่า ไม่เป็นไรผมอยู่ได้ขอแค่พยาบาลสวยๆสักคนก็พอ
ไม่รู้จักรแป็นไงบ้าง.........เป็นห่วงและอยากรู้
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูจากด้านนอก และมีคนเปิดเข้ามา
“................” ไอ้แบงค์เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับหิ้วของมาหลายอย่าง สะพายเป้สีดำมาด้วย
“ สวัดดีครับ” ไอ้แบงค์ยกมือไหว้พี่ ผมยังมองที่ประตูคิดว่าอาจจะมีคนเข้ามาอีก แต่ไม่มี..
“หวัดดี แบงค์” พี่เอกว่าพับหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านโต๊ะกระจกเตี้ยๆ ไอ้แบงค์วางถุงบางส่วนไว้บนตู้เย็น
ก่อนที่จะเดินเข้าหาผมที่เตียง
“ ดีขึ้นหรือยัง?”
“ อืม” ผมพยักหน้า ยังจำไม่ได้ว่าตัวเองมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ ..............” ไอ้แบงค์หันไปพี่ผม
“ พี่เอก เดี๋ยวคืนนี้ผมเฝ้าชนะให้เองครับ”
“ เราไม่มีธุระอื่นนะ?”
“ ไม่มีครับ”(ไอ้แบงค์)
“ งั้น ขอบใจเรานะ พี่ก็จะกลับบ้าน วันนี้ก็มาตั้งแต่เช้า เห็นชนะไม่เป็นไรมากพี่ก็สบายใจขึ้นและพรุ่งนี้พี่จะแวะมาดูก่อนไปทำงาน” พี่ผมบอก
“ จะซิ่งเหรอพี่เอก? แค่เฝ้าน้องเท่านี้ทำเป็นบ่น”
“ ไม่ได้บ่น แต่พรุ่งนี้พี่ยังต้องทำงาน แล้ววันนี้ไม่ได้ไปทำงานก็เพราะใครล่ะ?”
“ จะไปรู้ได้ไง ผมก็นอนอยู่นี่ทั้งวัน?”
“ ถูกพี่กับพ่อตามใจจนเสียคนนะเรา” พี่ว่าเดินมาหาผม
“ เสียคนแต่ยังไม่เสียหนุ่ม” ผมเถียง
“ เออ พี่เชื่อก็แล้วกัน แบงค์มาเฝ้าให้ก็อย่าทำให้แบงค์รำคาญจนกลับไปล่ะ ไม่งั้นคืนนี้ได้อยู่คนเดียว” พี่ขู่ผม แต่ผมกลัวที่ไหน?
ผมหันหน้าไปมองไอ้แบงค์ที่ทำหน้านิ่งซึ่งเป็นเรื่องปกติ แล้วตอบพี่ว่า
“ คุณสามีเขาไม่ทิ้งคุณภรรยาที่ไม่สบายหรอก” พี่เอกย่นคิ้วก่อนที่จะหัวเราะเบาๆคงคิดว่าผมล้อเล่น
ผมล้อเล่นที่ไหน...รู้ๆกันอยู่
“ ............” แล้วพี่ก็กลับบ้านไป ในห้องเลยเหลือแค่ผมกับไอ้แบงค์
“ เมื่อคืน กำลังทำแผลอยู่ดีๆมรึงก็หมดสติไปเฉยๆ ตัวก็ร้อนจี๋ กรูกับไอ้วุฒิเลยพามรึงมาหาหมอ” ไอ้แบงค์เล่า
“ .............แล้วจักรล่ะ?” ผมถามในสิ่งที่อยากรู้มานับตั้งแต่ตื่น
“ ตอนนั้นน้องเขาหลับไปแล้ว พอพามรึงมาโรง-บาลแล้วไอ้วุฒิมันกลับไปดูให้จนถึงเช้า พอน้องเขาตื่นก็พากลับบ้าน แล้วเห็นว่าจะไปเรียนตอนบ่ายด้วย”
“ เหรอ”(เสียงเบา)
จักรไม่สนใจผมด้วยซ้ำ ไม่มาเยี่ยมผมด้วย
“ น้องเขาถาม เรื่องกรูบ้างไหม?” ผมถามใจเจ็บเป็นช่วงๆ ไอ้แบงค์เดินมาหยุดชิดขอบเตียง ผมเอนตัวเอาหน้าพิงตัวไอ้แบงค์ทันที
“ ถาม ตอนตื่น ไอ้วุฒิบอกว่ามรึงอยู่โรง-บาล”
“ แล้วจักรว่าไง?”
“ ไม่พูดอะไร”
“ น้องเขาไม่เป็นห่วงกรูบ้างหรือไงวะ?” ยิ่งพูดก็ยิ่งทรมาน
“ .............” ไอ้แบงค์เงียบ คงไม่อยากพูดสิ่งที่จะทำร้ายจิตใจผม
ความจริงมันปวดร้าว
“ มรึงก็เหมือนกัน เป็นห่วงกรูเพราะกรูเป็นเพื่อนมรึงใช่ไหม?”
“ ชนะ เป็นห่วงก็คือเป็นห่วง”
“ กรูเข้าใจ” ผมว่า ไอ้แบงค์ขยับตัวเหมือนจะเดินหนี ผมเอ่มือจับแขนไอ้แบงค์ไว้ หน้ายังซบกับตัวไอ้แบงค์เหมือนเดิม
“ ขออยู่แบบนี้สัก 5 นาที ให้กรูให้ได้ไออุ่นจากมรึงบ้าง”
“ 10 นาทีก็ได้ ถ้ามรึงต้องการ..ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้แบงค์ที่ก้มมองผม
“ คำพูดมรึงทำให้กรูเข้าใจว่ามรึงมีใจ...ให้..กรูมากกกว่าเพื่อน” ผมว่าจ้องดวงตาเข้มเงียบงันของไอ้แบงค์ และผมพยายามจะตอบคำถามนั้นด้วยตนเอง
“ ใช่ไหม?” ผมถามย้ำ
“ เป็นอะไรก็ได้ ที่...”
“ ปล่อย ปล่อยเด่!!?” เสียงดังโวยวายจากอีกด้านของประตู ทำให้ไอ้แบงค์ชะงักก่อนที่จะผละจากผมเดินไป
“ .......................”
เสียงจักรผมจำได้
“ ปล่อย !!” พอไอ้แบงค์เปิดประตูเสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจน ตามด้วยไอ้แบงค์ถอยกลับเข้ามาในห้อง และไอ้วุฒิจับต้นแขนจักรพลางลากพลางดึงเข้ามาในห้อง และไอ้แบงค์ก็ปิดประตูตามติดๆ
“ เห็นยืนลับๆล่ออยู่หน้าประตู” ไอ้วุฒิบอก จักรพยายามแกะมือไอ้วุฒิออก สุดท้ายไอ้วุฒิยอมปล่อยแต่โดยดี จึงเห็นรอยแดงมือบนต้นแขนที่ติดกับแขนเสื้อนิสิต
อยากจะบอกไอ้วุฒิว่ามรึงจับแรงไปหรือเปล่า? จักรช้ำหมด แต่เอาไว้ก่อน
“ จักรมาทำอะไรที่นี่?” ผมถาม
“ ผมจะมาอะไรมันก็เรื่องของผม!?” จักรว่าจะเดินกลับไปประตู แต่ไอ้แบงค์ยังยืนอยู่หน้าประตู ดูเผินๆเหมือนกำลังยืนขวางประตูไว้ หรือไอ้แบงค์อาจจะตั้งใจให้เป็นอย่างงั้น
“ มาเยื่ยมพี่เหรอ?”
“ เออ!?” ตอบเสียงสูง ผมยิ้มให้กับนิสัยเจ้าทิฐิของจักร
“ แล้วทำไมไม่เข้ามา”
“ .............” จักรเงียบก้มหน้า น้องเขาอยู่ห่างจากเตียงผมราว 5 ก้าว
“ เป็นห่วงพี่เหรอ?” ผมถามอีก จักรมองหน้าผมก่อนที่จะหันไปมองไอ้วุฒิและไอ้แบงค์
“ ................” ไม่ตอบตามเคย แล้วยังหันหลังให้ผมอีก
“ ชนะเดี่ยวกรูไปหาอะไรกินข้างล่าง” ไอ้แบงค์บอกพร้อมทั้งดึงแขนไอ้วุฒิออกไปด้วย
-เงียบ-
“ ................” จักรยังหันหลังให้ผม ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“ พี่นึกว่าจักรจะไม่มาเยื่ยมพี่ ไม่เป็นห่วงพี่…ถึงจักรจะไม่พูดอะไรแต่แค่พี่เห็นหน้าจักรพี่ก็ดีใจ จนคิดว่าคุ้มที่ตัวเองบาดเจ็บ อย่างน้อยก็รู้ว่าจักรยังนึกพี่อยู่” จักรหันหน้ามา น้ำตาเต็มหน้า
ร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไร??
“ บ้าหรือไง! ดีใจที่ตัวเองให้เข้าโรง-บาล” จักรว่าพร้อมทั้งโผเข้ามากอดผมเต็มตัว
ผมเจ็บเพราะโดนกอดเหมือนกระแทกแต่ผมยิ้ม พร้อมทั้งกอดจักรทันที
“ ทำไมไม่ไปหาหมอ ต้องให้ตัวเองหมดสติแล้วคนอื่นลากไปหาหมอแบบนี้หรือไง?!” หน้าจักรที่ซบบนไหล่ผม ทำให้เสื้อบริเวณนั้นผมเปียกเพราะน้ำตาที่ไหลลงมา
“ ก็พี่เป็นห่วงจักร อยากอยู่ใกล้ๆจักร เผื่อว่าจักรเป็นอะไร”
“ บ้า!คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือไงที่ตายไม่เป็น” “ แล้วจะเป็นนางเอกให้พี่ไหมล่ะ?” ผมถามลูบหลังจักรไปพลาง
“ ถ้าผมไม่เป็นใครจะยอมเป็นนางวเอกให้พระเอก หื่น ลามก ชอบใช้กำลังอย่างพี่” “ตามบท หลังจากนี้พระเอกต้องจูบนางเอกนะ”
“ และตามด้วยนางเอกชกพระเอกจนเลือดกลบปาก” จักรว่าพร้อมทั้งมือที่กอดผมเป็นทุบหลังผมแทน
b] “ โอ๊ย โอ๊ยจักร พี่เจ็บ อย่าลงไม้ลงมือกับคนป่วยดิ” [/b] ผมว่าที่ร้องนั้นเจ็บจริงครับ จนแทบจะจุกเลย
“ เจ็บจริงดิ” จักรว่าถามผมพร้อมสีหน้าสำนึกผิด
ถ้าบอกเจ็บ ก็สงสาร
“ ไม่เจ็บแล้ว” ผมกอดโอบตัวน้องเขา ..ดีแล้วที่จักรไม่เป็นไร
ที่เจ็บให้เป็นผมก็พอ..
“ .............พี่...”
“ หืม?”
“ เปล่า!”
“ เปล่าอะไร เมื่อกี้ยังเรียกพี่อยู่เลย” ผมว่า
“ อย่าทิ้งโอกาสที่ผมให้พี่นะ” (เสียงเบาลง)
“ พี่ อยากอยู่กับจักรแบบนี้ตลอดไป จะทิ้งโอกาสไปทำไม ”
ถึงจักรจะไม่พูดตรงๆ แต่ตอนนี้ผมกับจักรก็กำลังคบกัน
“ .................ผมก็อยากอยู่กับพี่ และที่พี่ข้าโรง-บาลผมก็เป็นห่วงพี่มาก ไปเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่อง เอาแต่คิดว่าพี่จะเป็นไรมากไหม? ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตก จนต้องโทรถามพี่แบงค์ว่าพี่อยู่โรง-บาลไหน แล้วก็มาหาพี่”
ไอ้แบงค์ไม่ยักบอกผม? หรือว่าลืม??
“ แล้วทำไมถึงไม่เข้าหาพี่ล่ะ?”
“ ไม่รู้เหมือนกัน” ผมเอามือจับหน้าของจักรก่อนที่จ้องมองหน้าและดวงตาแดงๆที่น่าจะร้องไห้มา”
“รักพี่ไหม?” ผมถาม จักรไม่ตอบ
“ รักพี่หรือเปล่า?”
“ พี่สำคัญกับผม ยิ่งพี่ไม่สบายแบบนี้ผมก็ยิ่งเข้าใจตัวเองมากขึ้น”
“ยังไง แบบว่ารักมากๆหรือเปล่า” ผมถามฉีกยิ้ม พอจะเข้าใจที่จักรพูดอยู่หรอก แต่อยากได้ยินจากปาก
“ ไม่!” ตอบเสียงห้วนทันที และแทบจะเอาหน้ากระแทกอกผม
“ ไหงงั้น” ผมพูด
“ ก็งี้แหละเซ้าซี้”จักรว่าหน้าที่ซกอกผมก็เหมือนจะดันให้อกทะลุให้ได้
“ ………………”
“ รักนิดหนึ่งก็ได้” จักรว่านิ่งครับไม่ขยับเขยื้อนเลย
“ นิดหนึ่งก็ดี” ผมพูดกอดตัวเจ้าตัวบาง ชิดมาอีกเอาให้หายใจไม่ออกกันเลยที่เดียว แปลกที่จักรไม่ด่าสักคำ
“…………….” ผมมีความสุขจัง ดูเหมือนว่าผมจะต้องเจ็บตัวก่อนทุกครั้งก่อนจะมีเรื่องดีๆขึ้นมา
แต่คุ้มครับ ^ ^
กริ้งๆ
เสียงโทรศัพท์ผม
“ โทรศัพท์พี่นิ?” จักรพูดจำได้ แล้วหันไปรอบห้องๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะมาให้ผม
“…………….” ผมรับโทรศัพท์มา
‘เจน’!? เจน ผมมองหน้าจักรก่อนที่จะรับ ผมกดรับ
“ ฮัลโหล เจน?”
\ชนะ เจนมีเรื่องอยากจะขอร้อง\
เจนพูดเสียงขอร้องผมเต็มที่ ดูท่าคงต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“ ถ้าชนะช่วยด้วย ชนะจะช่วย” ผมบอก
\ ช่วยนัดแบงค์หน่อยได้ไหม?\
“…………….” นัดไอ้แบงค์ให้เจน ทำไม?เจนไม่นัดเอง
\เจนโทรหาแบงค์แต่แบงค์ไม่รับ เจนเลยเอาเบอร์คนอื่นโทรไป แต่พอแบงค์รู้ว่าเป็นเจนแบงค์ก็ตัดสายทิ้งทุกครั้ง\ เจนพูดเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้
ไอ้แบงค์ไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ยอมรับโทรศัพท์เจน?
“ หมายความว่าจะให้ชนะนัด…” จักรจ้องผมไม่วางตา
“ นัดไอ้แบงค์ให้โดยที่ไม่บอกไอ้แบงค์มันรู้จะไปเจอเจนอย่างงั้นเหรอ?”
\ใช่ได้ไหม?\ (เจน)
นี่ไอ้แบงค์ถึงขนาดไม่ยอมคุยกับเจนเลยเหรอ ปกติมันจะไม่ใช่คนแบบนี้
แบบนี้มันใจร้ายมาก ต้องมีเรื่องอะไรระหว่างเจนกับไอ้แบงค์แน่
“ จะลองดู แต่ตอนแค่นี้ก่อน เดี๋ยวชนะโทรกลับ” ผมบอก อยากจะรีบวางกลัวว่าไอ้แบงค์มันจะเข้ามา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ถ้าผมนัดให้ไอ้แบงค์ไปเจอเจน มันมารู้ที่หลังหวังว่ามันคงไม่โกรธผมเพราะ ที่ผมทำแบบนี้ก็จะทำให้ไอ้แบงค์กับเจนเลิกกันด้วยดีไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีก ไม่ใช่เพราะอยากให้ไอ้แบงค์กับเจนกับมาคบกันอีก ผมรู้สึกไม่ชอบด้วยซ้ำที่เจนตามตอแยให้แบงค์ แต่ผมเข้าใจความรู้สึกรักดี ใครก็อยากอยู่กับคนที่เรารัก
\ชนะขอบคุณมากนะ เจนไม่รู้จะไปพึ่งใคร\
“ ไม่เป็นไร” ผมบอก
\ถ้าได้เรื่องยังไงโทรบอกเจนด้วยนะ เจนอยากปรับความเข้าใจกับแบงค์ให้เร็วที่สุด\
“ อืม” แต่ไอ้แบงค์นั่นของผม
และผมคิดว่ายังไงไอ้แบงค์ก็ไม่มีทางกลับไปคบกับเจนอีกแล้ว ผมพอรู้
“ ใครโทรมา?” จักรถาม หลังจากที่ผมวางสายแล้ว
“ เพื่อน” ผมตอบ
“ เ ห ร อ ? ” จักรว่าลากเสียงยาว
“…………….”
“ ชนะเต็มใจ” จักรพูดเลียนประโยคที่ผมพูด
“ จักรมีอะไรไหม?”
“ ผู้หญิงใช่ไหมเมื่อกี้? ”
“ อืม”
“ คงไม่ใช่แฟนเก่าพี่?”
“ ไม่ใช่ ! แฟนเก่าไอ้แบงค์” ผมรีบปฎิเสธ
“ ………………….”จักรเงียบ
* *
ขอบคุณสำหรับผลโหวต พระเอกที่กลายเป็นตัวร้ายไปซ่ะแล้ว
และความโศกที่เจ้าหญิงคิดว่ามันไม่ได้เศร้าขนาดนั้น 
และ
ทุกคอมเม้นต์ในที่นี่ด้วย 