+
บุพเพวายร้าย(สอง)
19.50%
ผมรู้สึกตัว แล้วมองหาคนที่นอนข้างๆแต่ไม่มี ผมพรวดลุกขึ้นกวาดสายตารอบห้องหาตัวจักร
ไม่มี!?
“ จักร!” ผมเรียก
ผมเดินหา ..ไม่ได้อยู่ในห้อง ด้านนอกก็ไม่มี กางเกงจักรไม่อยู่ คงจะหนี......กลับบ้านไปแล้ว ผมคว้ากุญแจกับมือถือ เดินออกจากห้อง วิ่งไปกดลิฟท์ ที่กำลังลงมาชั้น9 พอดี ก่อนที่ผมจะเข้าไปรวมกับคนอื่นๆที่แน่นเต็มลิฟท์
ตื______________________ด !? เสียงลิทฟ์ดังเตือนว่าน้ำหนักเกิน ทุกคนในลิฟท์หันมามองผมเป็นตาเดียวที่เข้ามาคนล่าสุด และควรจะเป็นคนออกไป
แม่ง !? คนยิ่งรีบ ผมเดินออกมา และโชคเข้าข้างที่ลิฟท์อีกตัวที่คู่กันเปิดพอดี
แต่ คนเต็มลิทฟ์เช่นกัน! เหมือนฟ้าแกล้ง
ผมเลยหันมาลงบันไดแทน วิ่งจากชั้น9มาชั้นใต้ดินเหนื่อยหอบจนคอแห้ง
เข้ารถได้ก็ออกตัวมุ่งไปหาจักรที่บ้านทันที
ทั้งที่จักรตั้งหนีผม แต่ผมก็ยังตาม รู้ก็รู้ว่าตามไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ก็อยากไปดูว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก อยากเห็นหน้า...
ผมจอดรถหน้าบ้านจักรและก่อนออกมากดกริ่ง ไม่นานชมพูจะมาเปิดประตูพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มาหาพี่จักรเหรอค่ะ?” ถามพร้อมเปิดประตูให้ผม
“ จักรโทรบอกพี่ว่าไม่สบาย” ผมโกหก เดินตามชมพูเข้าไปในบ้าน
“ ค่ะ ไม่รู้ไปต่างแดดต่างลมที่ไหน ก่อนไปเรียนก็ยังดีๆ จนแม่ต้องพาไปคลินิกเพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี่เอง” ชมพูเล่าไปตลอดทาง ผมเดินตามเข้าไปเจอแม่จักรยกถาดอาหารกำลังเดินลงบันไดมา ผมยกมือไหว้
“ สวัดดีครับ”
“ จักรอยู่ข้างบน เพิ่งกินยาไป ไม่นานคงหลับ” แม่จักรบอกผม คงไม่อยากให้ผมรบกวนจักรมั้ง ชมพูเดินลงไปกับแม่จักรด้วย ผมเลยขึ้นไปคนเดียวเพราะรู้ห้องดี
“ ...........”
ผมเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะประตูก่อนเพราะลืม เนื่องด้วยว่าอยากเจอจักรเร็วๆ
“ .................”จักร?
จักรนอนตะแคงหันหลังให้ประตู และไม่รู้ตัวว่าผมเข้ามาหรืออาจจะหลับไปแล้ว แต่แล้วก็จักรก็ขยับเขยื้อนเบาๆก่อนที่จะ..
“ ฮือๆ.......” ร้องแล้วก็สะอื้นเหมือนกำลังกลั้นไว้ ผมเข่าอ่อน ยืนนิ่ง
“.............”(ผม)
“ ฮือๆ”
“ ................จักร” ผมเรียกไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าได้พูดออกเสียงไป แต่อีกฝ่ายก็ได้ยิน จักรหันมาและพอรู้ว่าเป็นผมก็ลุกขึ้น ดวงตาสีแดงกล่ำมองผมเหมือนไม่เชื่อว่าผมอยู่ตรงนี้
“
ม รึง!?”
“พี่เอง พอตื่นขึ้นมาไม่เจอ พี่เลยตามมา” ผมบอกเดินก้าวไปอีก
“ ออกไปจากบ้านกรู!” ผมเดินถอยหลังตามที่สั่ง ขาผมมันสั่น ในหัวความคิด ความรู้สึกมันขัดแย้งตัวเอง ใจหนึ่งก็ร้องว่า ‘มรึงต้องรักษาน้ำใจน้องเขาไว้ ตอนนี้กลับไปก่อน ให้น้องเขาดีขึ้นแล้วมรึงค่อยกลับมา’
แต่
อีกใจหนึ่งมันก็บอก ‘อย่าได้สน มรึงต้องทำบ้าอำนาจเข้าไว้ น้องเขาจะได้ไม่กล้าหือ ไม่นานพอน้องเขาได้ใกล้ชิดมรึง น้องก็ใจอ่อนรักมรึงเองแหละ’
เข้มแข็งเข้าไว้ ผมปลอบตัวเอง
มรึงรักไปแล้ว หรือว่าอยากเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครเอา เพราะมรึงใจดีเกินไป ยอมให้คนอื่นมาตลอด ถึงเวลาที่ต้องไขว้คว้าแล้ว.................ไม่เอายักก็ยัดเยียดให้ไม่เห็นเป็นไร
“ ....................”
“ พี่จะกลับ แต่พรุ่งนี้พี่จะมาอีก” ผมบอก
“ ไม่ต้องมา! กรูไม่อยากเห็นหน้ามรึง!” จักรว่าเอามือทุบเตียง
“ พี่รู้” (เสียงเบาในลำคอ)
“ รู้แล้วยังหน้าด้านมาอีก!”
“ ........
.......พี่.... .” การพูดแต่ละคำสำหรับผมตอนนี้ยากมาก
“ มีอะไรกันหรือค่ะ!?” ชมพูเดินเข้ามา พอมองหน้าจักรที่หน้าแดงน้ำตานองหน้าก็ตกใจ
“ พี่จักรเป็นอะไร!? ปวดหัวเหรอ?” ชมพูถาม จักรจ้องหน้าผมเขม็งให้ผมออกไป
“ มีอะไรหรือค่ะพี่ชนะ?” ชมพูหันมาถามผมเมื่อจักรไม่ตอบ
“ พี่เองที่ทำให้จักรไม่พอใจ” ผมตอบ
“ พี่จักร โทรเรียกพี่ชนะมาแล้วยังไปโกรธพี่เขาอีก แบบนี้ชนะจะน้อยใจเอานะค่ะ”
“............” จักรเงียบแต่หยิบหมอนปาใส่ผมแต่ไม่ถึงตัวผมหรอก ก็ผมโกหกว่าจักรโทรเรียกผม
“ พี่?!” (ชมพู)
“ ไม่เป็นไรชมพู พี่เข้าใจ จักรไม่สบายอารมณ์ไม่ปกติ พี่ควรจะกลับดีกว่า” ผมบอก
“ ค่ะ” ชมพูพูด จักรล้มตัวลงนอนพร้อมทั้งหันหลังให้ผม ชมพูหันมายิ้มเจื่อนๆกับผมขอโทษกับการกระทำของพี่ชาย เพราะไม่รู้ว่าผมทำอะไรกับพี่ชายตัวเองบ้าง
“ ................พี่กลับนะจักร” ผมบอก
“ ...............”(จักร)
ผมหดหู่ เดินออกไปจากห้อง เดินลงบันได........ ...ด้วยขาที่หนักอึ้ง
“ ชนะ จะกลับแล้วเหรอ?”
“ ครับ” ผมบอกขณะที่ยืนอยู่ระหว่างห้องโถงกับห้องครัว
“ กินข้าวด้วยกันก่อนสิ แม่ทำเผื่อด้วย”
“ .............”
“ นะ”
“ครับ” ผมตอบตกลง เพราะอยากอ่อยอิ่งอยู่บ้านจักรต่อ อย่างน้อยผมก็อยู่ใต้ชายคาเดียวกับจักร
ขณะนั่งกินข้าว ผมก็คิดแต่เรื่องที่จะได้อยู่บ้านจักรต่อหลังจากนี้(พ่อจักรนั่งหัวโต๊ะ ข้าวขวาเป็นแม่ ตรงข้ามแม่จักรคือชมพูและผม)
ยังไงผมก็ยังไม่อยากกลับ เป็นห่วงจักรด้วย เป็นห่วงว่าไม่สบายจะเป็นอะไรมากไหม? เป็นห่วงความรู้สึกว่าเสียใจ และเกลียดผมมากแค่ไหน?
“ วันนี้ ผมขอค้างที่นี่ได้ไหมครับ?” ผมถาม
“ ..............”
เงียบ
กัน
ทั้งโต๊ะ
และ
เงียบ
ทั้งครอบครัวหันมามองผมด้วยความสงสัย
“ คือว่า ...ผม...”(พยายามคิดจนเหงื่อตก)
“ คือว่า ผมเป็นห่วงจักร...”ผมพูดหาเหตุผลไม่ได้ ก็มีแต่ต้องพูดความจริง ไม่รู้พ่อแม่จักรจะคิดกับผมยังไง
“ พี่ชนะ จะเฝ้าพี่จักรหรือค่ะ?” ชมพูถาม ผมพยักหน้าตอบ
“ พี่มีเรื่องอยากปรับความเข้าใจกับจักรด้วย”
“ หนูเห็นค่ะ ท่าทางพี่จักรจะโกรธพี่มาก หนูยังไม่เคยเห็นพี่จักรโกรธใครแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ” ชมพูพูดแล้วตักไก่ทอดใส่จานข้าวตัวเอง ส่วนผมสะอึก
“ .......................”(ผมไม่กล้าพูดอะไรต่อแล้ว)
“ ทำไมล่ะมีเรื่องอะไรกัน?” พ่อจักรถามผมเองเลย ผมหันไป หายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าท่านจะจับได้ว่าผมทำอะไรกับจักรบ้าง และจะไม่ให้ผมมาเจอจักรอีก
“ เรื่องของเด็กพี่อยากรู้ อะไร?” แม่จักรพูดกับพ่อจักร จนอีกฝ่ายเงียบไป
“ เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยครับ แต่ผมก็พร้อมรับผิด แต่จักรยังไม่หายโกรธ” ผมบอก
“ น่าแม่ ช่วยพี่ชนะหน่อย ให้พี่เขาค้างบ้านเรา แม่จะได้ไม่เหนื่อยคอยมาดูพี่ด้วยไง” ชมพูพูดเชียร์ผมเต็มที
“ ถ้าโกรธกันอยู่ แล้วจะให้มาค้าง.......ไม่ดีหรอก ...” (พ่อจักร)
“ พ่อไม่รู้ไร พี่จักรโทรไปบอกพี่ชนะว่าตัวเองไม่สบาย คงอยากจะให้พี่ชนะมาง้อนั่นแหละ” (ชมพูบอกคำโกหกของผม อย่างจักรน่ะเหรอจะโทรหาผม ถ้าไม่มีแผนอย่างที่เคยทำ)
“ .......................” แม่จักรหันไปมองพ่อจักรก่อนที่หันมาหาผม แล้วบอกว่า
ใจผมเต้นแรง...
ผมก็ลุ้นครับ
“ งั้นแม่ฝากด้วยนะ”
“ ครับ” ผมดีใจโคตรๆ แต่ไม่ได้หันไปมองพ่อจักร ผมรู้สึกเกร็งๆท่านโดยไม่ท่านสาเหตุ
.
.
.
ตอนหัวค่ำแม่ของจักรเข้ามาดูจักรอยู่ราวๆ 15 นาที ท่านสั่งว่าเห็นจักนท่าไม่ดีให้ไปเรียกที่ห้อง ตอนนั้นจักรยังหลับอยู่ ชมพูเอาที่นอนปิกนิกมาให้ผมนอนพื้น
ผมอาบน้ำใส่เสื้อผ้าจักรครับ เป็นกางเกงขาสั้น กับเสื้อยืดที่ตัวเล็กสำหรับผม
หลังจากนั้นผมก็ปิดไฟนอนมองจักรที่นอนบนเตียงในความมืด
ผมมีความสุขอย่างประหลาดทั้งที่มีความทุกข์อยู่เต็มอก
“ จักร ..................พี่....”
นานแล้วที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ใครแล้วมีความสุขแบบนี้
และคนคนนั้น ...เขาก็ไม่ได้อยากให้ผมรู้สึกด้วย
จนแล้วจนรอดผมก็นอนไม่หลับ ผมกดดูเวลาจากโทรศัพท์จะเที่ยงคืนแล้ว ....
“ ....................”
มองไปบนเตียงจักรนอนพลิกไปพลิกมา ผมเลยลุกขึ้นไปดู
“ จักรเป็นไงบ้าง?” ผมจับแขนจักรตัวร้อนมากๆ ผมรีบเปิดไฟ เห็นว่าเหงื่ออกจนเส้นผมชื้น ผมเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆจากซิงค์ในห้องน้ำมาเช็ดตัวให้จักร
จักรปรืบตาขึ้นมามองผม แต่ไม่ไม่มีปฏิกิริยาเหมือนทุกที ผมก็เช็ดแขน เช็ดหน้า เช็คคอให้ต่อเงียบๆ ไม่พยายามมองจักรด้วย ทำเหมือนไม่มีตัวตน
“ เย็น” จักรพูดเสียงแหบ(ผมดึงงชายเสื้อจักรขึ้นไปแล้วเช็ดตามอกและท้อง)
“ หนาวเหรอ?” ผมถาม จักรไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้าผม
“ ถ้าหนาวพี่จะใส่เสื้อให้อีก”
“ ................กินน้ำ” จักรพูด ผมเทน้ำจากขวดที่ชมพูยกมาให้ตามที่แม่จักรบอกว่าเผื่อจักรหิว แล้วก็จริง
น้องเขาพยุงตัวขึ้นนั่งด้วยการใช้มือเท้ากับเตียง
“ ................” ผมยื่นแก้วน้ำให้ จักรก็รับไปกิน อาจจะเป็นเพราะจักรไม่สบายเลยไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง หรือมีแรงพอจะแสดงท่าทีอย่างที่เคยทำกับผม
กินน้ำไปแค่นิดเดียวก็ยื่นแก้วให้คืนผม ก่อนที่กลับไปนอนเหมือนเดิม ผมก็กลับไปที่นอนปิกนิคเหมือนเดิมแต่แค่นั่ง
“ ....................” จักรพลิกตัวหันหลังให้ ผมมองตาม
ใจหนอใจเขาไม่รักแล้วยัง รักเขาอยู่ได้
ตอนที่ปรางบอกเลิก ผมก็ไม่ได้หน้าด้านหน้าทนตามปรางแบบนี้ สาเหตุนั้น..ทำให้ผมแปลกใจ..
“ มรึง ไม่เข้าใจหรือไงว่ากรูผู้ชาย” จักรพูดเสียงเหมือนปกติ ถ้าไม่ติดที่เสียงนั้นมันขึ้นจมูก ผมนอนลงไปแล้วรีบลุกขึ้นมา
“ ผู้ชายพี่ก็รักได้” ผมบอก
“ มรึงไม่เข้าใจหรอก”(จักร)
“ พี่ไม่เข้าใจเพราะจักรไม่พูด” ผมว่า อยากจะยืนขึ้น เดินไปหาจักรที่นอนหันหลังให้
“ .................”(จักรเงียบ)
“ ................พี่ไม่เห็นว่าที่จักรกับพี่เป็นผู้ชาย เรา 2 คนจะรักกันไม่ได้” และอีกครั้งที่จักรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“ ............ ”
นานเป็นครึ่งชั่วโมง ผมลุกขึ้นไปดูเห็นว่าจักรหลับไปแล้ว ผมเลยปิดไฟ แล้วกลับมานอนที่เดิม
“ ...........” ผมคิดว่าผมไม่ค่อยจะรู้เรื่องออะไรกับใครเขาสักเท่าไร และตอนนี้ผมก็คิดว่ามีเรื่องบางเรื่องที่ผมควรจะรู้จากจักร
แต่ไม่มีใครบอกผม
** ** **
“ ตื่น
ตื่น!” เสียงจักร
“ โอ๊ย
!? ” ผมลืมตา เพราะเจ็บแปล๊บที่ข้างลำตัว
“
ตื่น!? จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน?!” สายตาผมเห็นจักรยืนพูดอยู่ ผมแทบกระเด้งตัวขึ้นมาแล้วหันซ้ายหันขวา หน้าต่างด้านหลังเปิดอยู่แล้วและด้านนอกสว่างโล่
เช้าแล้ว
“ 10 โมงแล้วยังนอนอยู่ได้!” จักรพูดเสียงห้วน เดินไปนั่งเก้าอี้ ข้างเป็นบนโต๊ะที่มีโคมไฟ ซึ่งหันหลังให้ผม น้องเขาดูไม่เหมือนคนไม่สบายเลย
คงจะหายแล้วมั้ง
“ 10 โมง?” ผมว่ายืนขึ้น
“ เออ ............................” (จักร)
“ กรูมีแปรงในห้องน้ำไม่ได้ใช้ มรึงจะใช้ก็ได้ ในครัวมีข้าวเหลือๆถ้ามรึงหิวก็ไปกิน” จักรบอกไม่ได้หันมาหาผม
“............???????...?” ผมออกแนวงงๆครับ แต่ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นแปรงสีฟันสีส้มใหม่เอี่ยมวางอยู่บนชั้นที่ติดกับอ่างล้างหน้า
ผมแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
คงจะเห็นใจที่ผมเช็ดตัวให้ตั้ง 3 ครั้งเมื่อคืนแน่ๆ ว่าแล้ว เป็นคนดีต้องมีคนเห็น
“ ...............” จักรไม่ไล่ผม จักรไม่ด่าผม แถมยังบอกให้ผมไปกินข้าวอีก
ดีใจเว้ย!! ผมยังไม่ได้แปรงฟัน แต่ก็เดินออกมาด้านนอก
“ พี่อาบน้ำด้วยได้ไหม?” ผมถามจักร(ที่ก้มหน้าก้มตาเขียนๆลงสมุด)
“ .................... ให้มรึงอาบน้ำ คงไม่เปลื้องเท่าไรหรอก อยากอาบก็อาบ” จักรบอก ยังคงเขียนต่อไป
“ ...........” ผมยิ้มก่อนจะกลับเข้ามาในห้องน้ำ
มี ความ สุข ขึ้นมาแล้วครับ
หน้าผมในกระจกมันกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมมีความสขกับการแปรงฟันมากจนอยากเอาหัวโขกผนัง
** ** ** **