
บุพเพวายร้าย
48.
กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ผมดัง ผมลุกขึ้นท่ามกลางความมืดที่ชินตามันจึงไม่มืดเท่าไร แสงสีฟ้าเปล่งแสงบนโต๊ะพร้อมกับเสียงริงโทนที่ผมตั้งไว้ ผมลุกขึ้นเดินไปโต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมาตอนนี้
พี่วุฒิ
!?
นับจากที่ผมมาอยู่ที่นี่ พี่วุฒิโทรมาครั้งแรกครับ
“ ...........................” ผมตัดสินไม่รับ พร้อมทั้งเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าไปเป็นไม่มีเสียง แล้วเดินกลับไปนอนเตียงเช่นเดิม ผมมองแสงไฟที่ยังคงส่องสว่างบนโทรศัพท์แม้ตอนนี้ และไฟก็ดับลงก่อนที่สว่างขึ้นมาอีก อยู่หลายครั้ง จนผมคิดว่าจะรับดีไหม?
ผมคิดว่าพี่วุฒิโทรมาแล้วจะพูดอะไร? จะต่อว่าผม หรือขู่ หรือพูดกับผมดีๆกันแน่ ผมอยากรู้สุดท้ายผมก็ตัดสินใจรับโทรศัพท์แต่คิดว่าจะไม่พูด ทั้งที่คิดว่าจะไม่สนใจแล้ว . . .
พอผมเดินไปก็ดับลงพอดี ผมดูหน้าจอ 14 สายไม่ได้รับ ตอนนี้ตี 2 แล้วด้วย
“ ..................?” แล้วพี่วุฒิก็โทรเข้ามาอีก
ผมกดรับ เอาโทรศัพท์ขึ้นฟังช้าๆ
“ .............จุมออกมาเถอะพี่รออยู่หน้าบ้านไอ้แบงค์” ผมคิดว่าพี่วุฒิกลับไปแล้วเสียอีก
“ ............................” ผมไม่ตอบเพราะตั้งใจไว้แล้ว
“ ทำไมจุมไม่พูดกับพี่ เกลียดพี่มากหรือไง? จุมพี่สำนึกผิดแล้ว ออกมาเถอะ....นะ” ถ้าสำนึกผิดทำไมถึงไม่มีคำว่า ‘ขอโทษ’ ผมคิด
“ .............................”
“ จุม ....จุมจะให้พี่ทำยังไงก็ได้ กลับมาเถอะนะ”
“ ......................”
“ หรือว่าไอ้แบงค์มันไม่ให้จุมออกมา มันไม่ให้จุมพูดกับพี่.....” พี่วุฒิเสียงสั่น ผมเกือบจะพูดออกไปแล้วว่าผมตั้งใจจะไม่พูดกับพี่วุฒิเอง
“ พูดอะไรบ้างเถอะ .............ให้พี่ได้ยินเสียงจุมบ้าง..................” เสียงพี่วุฒิ ทั้งสั่นและเบา เหมือนหัวใจของผม
“ ................................”
“ ได้ไหม จุม.........................................”
“ ............................”
“ จุมอย่าใจร้ายกับพี่แบบนี้”
“ ....................”
“......จุมพี่จะปรับปรุงตัว ให้จุมบอกพี่มา . .”
ปิ้บ!
ผมกดออกและปิดเครื่องด้วย เพราะเสียงพี่วุฒิมีผลต่อความรู้สึกของผม ถึงมันจะไร้เหตุผลก็ตาม
“ .........................ฮึ้ก ฮือๆ” ทำไมผมต้องร้องไห้ ให้กับผู้ชายที่ข่มขืนผม แต่หัวใจของผมมันร้องไห้ทั้งที่ไม่จำเป็น .............
ผม.....
ปวดหัว จนหน้ามืด พื้นมันเริ่มเอียง ผมเซก่อนที่จะตั้งสติได้ แล้วพาตัวเองกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงนอน พยายามข่มตัวให้หลับแต่อาการปวดหัวมันไม่ทุเลาเลย ปวดจนน้ำตาไหล ผมนอนดิ้นบนเตียงไปมารู้สึกทรมาน แต่แล้วสติผมก็หายไป. . .
* * * * *
“จุม”
“ จุม”
ผมลืมตาขึ้นเปลือกตาหนักมาก ทำให้ลำบากที่จะลืมขึ้น หน้าที่ผมเห็นมองเห็นคือหน้าบวมๆของพี่แบงค์แต่ดีขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่เห็น
“ พี่แบงค์?” ผมว่าเสียงแหบ และกระหายน้ำ
“ พี่เอง ตื่นขึ้นมากินข้าวจะได้กินยา” พี่แบงค์บอกพยุงผมขึ้นนั่ง
“หิวน้ำ” ผมบอก พี่แบงค์เอาแก้วน้ำมาแล้วป้อนผม แต่แค่นิดเดียว ผมยังไม่ทันได้หายกระหายพี่แบงค์ก็เอาออกไป
“ นิดเดียวพอเดี๋ยวกินข้าวไม่ได้” พี่แบงค์บอกยกจานข้าวต้มมาแล้วนั่งลงเก้าอี้ข้างๆเตียง
“ นี่ผม?” ผมพูดจับหัวตัวเอง รู้สึกปวดหัวและหนักเจ้าหัวบนบ่ามาก
“ ไข้กลับมาอีก ตอนที่พี่เรียกแล้วจุมไม่ตอบ เลยเปิดประตูเข้ามา เห็นจุมนอนอยู่เรียกไม่ยอมตื่น พอมาดูจริงๆเห็นว่าตัวร้อนมาก พี่เลยเรียกพ่อพี่มาดู” พี่แบงค์บอกผมยกช้อนป้อน แต่ผมส่ายหน้าไม่กิน
“ จุมอย่าดื้นสิ กินสักหน่อยเถอะ จะได้กินยา” ผมหันหน้ามองพี่แบงค์ที่หน้าเป็นห่วงปนวิตก ก่อนที่ผมจะฝืนกืนข้าวต้มไปได้ 4 ห้าคำตามที่พี่แบงค์คะยั้นคะยอ แล้วกินยาลดไข้และน่าจะมียาอย่างอื่นด้วย เพราะมีทั้งหมด 3 เม็ด
หลังจากนั้นไม่นานผมก็ง่วงขึ้นมาอีก เลยนอนลงแต่ยังไม่หลับ
“ พี่ต้องไปเรียน มีอะไรเรียกแม่บ้านได้ ชื่อป้าทรายที่จุมเจอเมื่อวานนั่นแหละ ป้าเขาจะเข้ามาดูจุมบ่อยๆไม่ต้องห่วง” พี่แบงค์บอกพร้อมทั้งเอาผ้ามาเช็ดตามแขน ตามตัวด้วย
“ พี่ครับ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วงผม” ผมบอกเกรงใจพี่แบงค์ที่เช็ดตัวให้
“ ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา และพี่อยากทำ” พี่แบงค์บอก ผมหลับตาลง ผ้าเย็นๆถูกตัวร้อนๆรู้สึกสบายตัวมากครับแม้จะรู้สึกอายๆก็ตาม
ไข้ขึ้นอีก วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแล้ว เข้าโรง-บาลครั้งที่แล้วก็ขาดเรียนไปตั้ง 2 อาทิตย์ไม่รู้จะเรียนทันเพื่อนหรือเปล่า
เมื่อคืนพี่วุฒิโทรมา.....
ง่วง
ปวดหัวตุบๆ
ริมฝีปากโดนสัมผัสและเหมือนโดนกดลงเบาๆ
จูบ!?
ผมคิดถึงจูบขึ้นมา
ไม่จริงหรือว่าพี่แบงค์?!!!
ผมลืมตาขึ้น!
“ .........................” พี่แบงค์กำลังเปิดประตูจะออกไป พี่เขาไม่เห็นว่าผมลืมตา เมื่อกี้มันคืออะไร? ความรู้สึกผมเหมือนโดนจูบ แต่อาจจะไม่ใช่ พี่เขาอาจจะเอามือมาจับปากผมก็ได้..แล้วพี่เขาจะจับทำไม
แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนจูบยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
“ ....................” ผมว่าผมไม่คิดถึงเรื่องนี้ดีกว่า ถ้ามีอะไรพี่แบงค์ก็น่าจะบอกผมเอง
กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ดัง ข้างๆหัวเตียงผมนี่เอง เป็นโทรศัพท์ผมเองครับ แต่ผมจำได้ว่าเมื่อคืนปิดไปแล้ว หรือว่าพี่แบงค์เปิด?
หน้าจอบอกชื่อคนที่โทรมา...
พี่วุฒิ??
ผมกดรับไม่มีเหตุผล
“ จุม นั่นจุมใช่ไหม?” พี่วุฒิว่า แล้วจะเป็นใครล่ะไม่ใช่ผม ก็นี่มันโทรศัพท์ผม แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไป
“ ทำไมจุม ทำไมถึงให้ไอ้แบงค์มันรับสายพี่ เกลียดพี่ ไม่พอใจพี่ทำไมไม่บอกพี่ตรงๆและเมื่อไรจะกลับ รีบออกมาตอนนี้ พี่รออยู่หน้าบ้านไอ้แบงค์เร็ว! ” พี่วุฒิพูดคำเดิมเหมือนเมื่อคืน และยังสั่งผมอีก….
ปิ้บ!
ผมกดออกปิดเครื่อง แล้วนอนพัก ง่วงจนตาแทบปิดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยา หรือไข้กันแน่
พี่วุฒิ........................
เที่ยงพอดีผมตื่น ในห้องมีป้าทรายยกถาดอาหารมาให้ผม
“ ตื่นแล้วกินข้าวค่ะ” ป้าทรายถาม
“ ครับ” ผมบอกยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย แต่ดีขึ้นมากๆกว่าตอนเช้า
“ คุณแบงค์โทรมาถามป้าเมื่อกี้นี่เองว่าคุณจุมตื่นหรือยัง? ป้าเพิ่งบอกว่ายัง คุณแบงค์เลยเป็นห่วงใหญ่ แต่ตอนบ่ายมีเรียนเลยมาไม่ได้” ป้าทรายบอก ผมพอเข้าใจครับว่าบ้านพี่แบงค์ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง จะกลับไปกลับมาใน 1 ชั่วโมงไม่ทันแน่
“ ป้าทรายช่วยโทรบอก เออไม่ต้องกลับครับเดี๋ยวผมโทรเองดีกว่า” ผมบอกหยิบโทรศัพท์ข้างตัวเตียงที่เปิดเครื่องและโทรหาพี่แบงค์ และแทบจะทันทีพี่แบงค์รับครับ
“ ฮัลโหลจุมตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง ปวดหัวไหม?” พี่แบงค์ถามเป็นชุดเข้าใจเลยครับว่าเป็นห่วงผมมาก
“ ตื่นแล้วครับ และก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก หัวก็ไม่ค่อยปวดแล้ว และตอนนี้กำลังจะกินข้าว” ผมก็ตอบพี่แบงค์เป็นชุดเหมือนกัน พี่แบงค์จะได้สบายใจ ผมพอรู้ว่าที่พี่แบงค์เป็นห่วงเป็นใยผมก็เพราะพี่แบงค์คิดจะทำไถ่โทษที่พี่แบงค์พูดให้ผมกลับไปอยู่กับพี่วุฒิ แต่ความจริงแล้วคนที่เป็นคนตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับพี่วุฒิเองก็คือตัวผม
“ กินข้าวเยอะๆนะจะได้หายเร็วๆ” พี่แบงค์บอก
“ครับ”
“ ตอนเย็นอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม พี่จะซื้อไปให้”
“ ผมไม่รบกวนพี่หรอกครับ แค่ผมมาอยู่บ้านพี่ก็รบกวนพี่มากแล้ว” ผมบอก
“ ไม่รบกวนหรอก พี่ให้อยากรบกวนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” พี่แบงค์ว่า ทำให้ผมคิดไปถึงเรื่องเมื่อเช้า เรื่องจูบ...
“ .............................................พี่แบงค์กินข้าวหรือยังครับ?” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง
“ ยังเลย พี่กินไม่ลงพี่เป็นห่วงจุม” พี่แบงค์บอก ผมรู้สึกแปลกๆกับคำพูดพี่แบงค์อีกแล้ว
“พี่ไปกินเถอะครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“.............งั้นพี่ไปกินข้าวนะ”
“ครับ”
“ ..............................” (พี่แบงค์)
ผมไม่พูดอะไรต่อและเป็นคนกดสายออกเอง ต่อด้วยหันไปมองป้าทรายที่วางกับข้างลงบนโต๊ะแคบๆที่ผมเห็นตั้งแต่เมื่อเช้า ป้าทรายยกเก้าอี้ข้างๆเตียงไปวางคู่กัน
“ ครั้งต่อไปป้าทรายไม่ต้องยกหรอกครับผมยกเองได้” ผมบอก เพราะถึงป้าทรายจะดูแข็งแรงแต่ก็แก่แล้ว
“ ค่ะ”
ผมเดินไปนั่งกินข้าว ส่วนป้าทรายเดินไปหน้าต่างแล้วผูกม่านให้ห้องสว่างกว่าเดิมข้างนอกเป็นไม้ยืนต้น ต้นใหญ่ใช้ได้เลยครับ มิน่าล่ะผมถึงไม่รู้สึกร้อนแต่เย็นพอดี
“ ร้อนๆแบบนี้ไม่รู้ว่าคุณวุฒิทนได้ยังไงนะค่ะ” ป้าทรายพูดขึ้นมาเฉยๆ ?
“พี่วุฒิยังไม่กลับหรือครับ?” ผมถาม ช้อนที่ว่าจะยกขึ้นกินวางลง
“ค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อคืนก็เอาหน้าบ้านนั่นแหละเป็นเตียงนอน คุณแบงค์ก็ไม่ยอมให้เข้าบ้านไม่รู้ว่าโกรธอะไรทั้งที่เป็นเพื่อนกันมานาน ตั้งแต่ยังเด็ก...” ผมมองไกลออกไป ตอนนี้เที่ยงกว่าๆแดดคงร้อนหน้าดู
“ พี่วุฒิเขานั่งรอในรถหรือครับ?”
“ เปล่าค่ะ นั่งตรงรั้วนั่นแหละ บางครั้งก็ตะโกนให้คนไปเปิดประตู น่าสงสารออกค่ะ คุณแบงค์สั่งให้ป้าเอาข้าวไปให้คุณวุฒิก็ไม่ยอมกิน นี่ป้ายังเป็นกังวลว่าจะทนไปอีกเท่าไร” ป้าทรายเล่าเอายาใส่แก้วเล็กๆมาวางข้างๆแก้วน้ำผม
ยาหลังอาหาร
“ ................................” พี่วุฒิทำไมจะต้องทำแบบนี้ หรือว่าต้องการจะให้สงสาร.....แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?
ผมกินข้าวกินยาเรียบร้อย จนบ่าย 1โมงครึ่ง ป้าทรายเข้ามาเก็บจาน ผมถามว่าพี่วุฒิกลับไปหรือยัง? ป้าทรายบอกว่า ‘ยังไม่กลับ’............
บ่าย 2 โมงผมจึงตัดสินใจลงไปดู ป้าทรายเลยให้ร่มผมอันหนึ่งเพื่อกางกันแดดกันไข้ผมจะกลับมาอีก
ผมเดินผ่านสวยสีเขียวทีมีไม้ยืนต้น 3 สี่ต้นเฉพาะหน้าบ้าน ทำให้มีร่มให้ผมได้เป็นระยะถึงจะไม่หมดก็ตาม
ผมไปถึงรั้วหน้าบ้าน มองซ้าย มองขวาหาพี่วุฒิ แล้วก็ ข้างประตูเล็ก พี่วุฒิในชุดเดิมที่ผมออกมาจากคอนโดเมื่อวาน นั่งหลังพิงกำแพงรั้ว
ผมมองผ่านประตูลูกกรงเห็นพี่วุฒิไม่ไหวติง ...
พี่วุฒิหลับครับ หน้านี้แดงเถือก ทั้งคอ ทั้งแขน คงเพราะแดดเผา
และผม
สะดุ้งครับ 0.0!
“ ..................................”
เพราะพี่วุฒิยกมือขึ้นมา ปัดๆอากาศไล่แมลงตัวเล็กๆที่บินอยู่ไม่ห่างหน้า ตอนแรกผมนึกว่าตื่นเสียอีก หายใจหายคอแทบไม่ออก
สังเกตหน้าพี่วุฒิ รอยบวมที่หน้าท่าจะไม่ได้ประคบยาอะไรเพิ่มเลย ผมก็ยุ่งเหยิง แล้วยังเอามือไปเกาอีกต่างหาก ผมอดขำไม่ได้ครับเรียกได้ว่าหมดรูป คงไม่มีใครเคยเห็นพี่วุฒิที่ดูดีทุกระเบียบนิ้วมอมแมมแบบนี้แน่
แต่พี่วุฒิไม่น่ามาทรมานตัวเองแบบนี้เพราะมันไม่มีประโยชน์ผมไม่มีทางกลับไปกับพี่เขาอย่างแน่นอน
ผมเอาโทรศัพท์จากระเป๋ากางเกงขึ้นมา และกดโทรหาพี่วุฒิพร้อมทั้งเดินไปอยู่หลังกำแพง คนละด้านกับพี่วุฒิ
“ ฮัลโหลจุม ยอมกลับไปกับพี่แล้วใช่ไหม?!”พี่วุฒิถามทันทีที่รับสาย
“ ......................” ผมยังไม่ตอบคำถาม เพราะสิ่งที่ผมพูดไม่ใช่อย่างที่พี่วุฒิคิด เหมือนให้เวลาพี่เขาเตรียมใจก็ว่าได้ เห็นผมเงียบพี่เขาก็น่าจะพอรู้ว่าผมจะตอบว่าอะไร
“ จุมโทรมาทำไมพูดล่ะ?” พี่วุฒิพูดเสียงเบาลง
“ พี่ครับ………………………………………………………… พี่ครับกลับไปเถอะ” ผมบอก
“ ไม่! พี่ไม่กลับ ถ้าจุมไม่กลับ”
“ พี่ครับ ผมไม่กลับไปแล้ว”
“ ทำไม จุม ทำไมจุม!”
“ พี่ครับ เรื่องของผมกับพี่ให้มันจบเถอะนะครับ”
“
ไม่! จุมเป็นเมียพี่เป็นของพี่”
“ ..........................” ผมเงียบเมื่อพี่วุฒิพูดมาแบบนี้ ไม่มีเหตุผลเอาซ่ะเลย
ผมเป็นของของพี่คำคำนี้แทงใจผมจนเจ็บ
“ จุมอย่าเงียบสิ”
“ พี่ข่มขืนผมแล้วบอกว่าผมเป็นเมียพี่เป็นของพี่ เพียงเพราะพี่ได้ข่มขืนผมหรือครับ!” ผมถาม รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา น้ำตาก็คลอจนผมก็เช็ดมันก่อนที่จะไหลลงมา
“ จุมมันไม่ใช่ นั่นเพราะความรู้สึกของพี่ที่มีให้จุมต่างหาก”
“ พี่ครับ อย่าพูดอีกเลยครับ พี่กลับไปเถอะ มันจบแล้ว”
“ จุมมันยังไม่จบ ถ้าจุมจำได้จุมจะรู้ว่าจุมรักพี่” พี่วุฒิพูดเหมือนคนหลงตัวเอง
“ ..........................”
“ .....................จุมออกมาเถอะ ออกมาพูดกันดีๆ”
“ ถ้าผมออกไปพูดกับพี่แล้วพี่จะให้สัญญาได้ไหมครับว่าจะแค่พูด ไม่พยายามพาตัวผมกลับไป”
“ จุมออกมาก่อนเถอะ”
“ พี่สัญญาก่อนครับ”
“ จุมพี่ไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยใช่ไหม ถึงจะต้องให้พี่สัญญาก่อน”
“ พี่สัญญาก่อนสิครับ”
“จุม ออกมาคุยกันก่อน นะ” ยิ่งพี่วุฒิไม่สัญญา ผมก็ยิ่งกลัว คิดว่าถ้าพี่วุฒิเจอผมต้องพาตัวผมกลับไปแน่
“ ไม่ครับ ถ้าพี่ไม่สัญญา ผมไม่ออกไป!” ผมบอก
“ ก็ได้ พี่สัญญาว่าถ้าจุมออกมาพี่สัญญาว่าจะไม่ใช้กำลังพาจุมกลับไปคอนโดกับพี่ พอใจไหม?”
“ ...................................” ถึงพี่วุฒิจะสัญญา แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสัญญาของพี่วุฒิมันดูไม่มีความหมายว่าพี่วุฒิจะทำตามสัญญา
“ พี่คอยหน้าบ้านแล้วออกมาหาพี่เถอะ มาคุยเรื่องของเราให้รู้เรื่อง”
“ครับ”
“ ................................”(พี่วุฒิ)
ผมเดินออกไป พี่วุฒิกำลังยืนจับลูกกรงประตูเล็ก มือยังถือโทรศัพท์ค้างไว้ที่หน้า
พี่เขาหันมามองผมที่เดินจากด้านข้าง สีหน้าค่อนข้างตกใจแต่แปลกใจมากกว่า
“ จุม ?”
“ ครับ” ผมว่ายังไม่ได้เปิดประตูออกไป(ตรงประตูเป็นกลอนค่อนข้างใหญ่ ข้างๆเป็นเหล็กดัดถี่ๆเพื่อไม่ให้ด้านนอกเอามือเข้ามาปลดกลอนได้)
“ จุมมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“ พี่จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะครับ” ผมบอกไม่ได้ตอบคำถามพี่วุฒิ
“ จุม”
“ ปล่อยครับ!?” ผมบอกสะบัดมือออกจากมือพี่วุฒิที่ลอดผ่านเหล็กดัดมาจับมือผม
“ จุม พี่มาตามจุมถึงขนาดนี้แล้ว อย่าใจร้ายอีกเลยนะ กลับไปกับพี่เถอะ”
“ ผมว่าผมกับพี่รู้เรื่องแล้วนะครับ ว่าเรื่องผมกับพี่มันจบไปแล้ว และที่ผมมาเจอพี่เพราะผมจะมาบอกพี่ว่า พี่คอยมาคอยเฝ้าผมแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ พี่กลับไปเถอะ” ผมบอกหันกลับ
“
จุม! จุม!!” พี่วุฒิเรียกตามหลังผม
“
จุม!! อย่าทำแบบนี้!” เสียงพี่วุฒิทำให้หัวในใจผมสั่น ขาผมที่ก้าวแต่ละก้าวมันยากลำบากเหลือเกิน
“ ...................” ผมบอกตัวเองว่าอย่าหันกลับไป แม้พี่วุฒิจะเรียกแค่ไหนก็ตาม
“ ..............................” ตอนนี้เสียงพี่วุฒิเงียบไป
ผมสังหรณ์ใจหันกลับไปมอง
มองไม่เห็นพี่วุฒิ? แต่ไม่ใช่ครับ พี่วุฒินอนอยู่กับพื้น !!!!????
“พี่วุฒิ!! ” ผมทิ้งร่มวิ่งกลับไป แล้วเปิดประตูเล็ก ออกไปหาพี่วุฒิ
“
พี่ครับ พี่วุฒิ” ผมนั่งลงเรียกพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิยังไม่รู้สึกตัว สงสัยจะเป็นลมแดดครับ
“
พี่ครับ!!!” แต่พี่วุฒิยังไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม ผมคงต้องเรียกให้ป้าทรายมาช่วย
“
ป้าทะ!!? ” แขนผมถูกจับแน่น ผมก้มลงมองแล้วหันไปมองหน้าพี่วุฒิที่กำลังยิ้ม
ผมพลาดแล้ว!
“ .........................” ผมแกะมือพี่วุฒิออก แล้วจะลุกขึ้น พี่วุฒิไม่ยอมแล้วยังลุกขึ้นยืนตามผมอีก
“
พี่หลอกผม!!” ผมบอก สะบัดมือออก ทว่าไม่ยอมหลุดมืออีกข้างหนึ่งยังถูกพี่วุฒิจับไว้อีก
“ ไม่ได้หลอก แต่เมื่อกี้เหมือนจะเป็นลมจริงๆ” พี่วุฒิบอกผม แต่รอยยิ้มดีใจบนริมฝีปากพี่วุฒิบอกผมว่าพี่วุฒิตั้งใจที่จะหลอกผมจริงๆ
ผมมันโง่เองที่คิดเป็นห่วงคนแบบนี้
“
ปล่อยครับ!! ” ผมบิดข้อมือ
“ พี่ไม่ปล่อย!?”
“
ปล่อย!!! ” ผมพูดเสียงดังจนเหมือนตะคอก
“
ไม่!!” พี่วุฒิตอบผมเสียงดังไม่แพ้กัน ผมไม่รู้จะทำยังไง เพราะมือที่บิดให้หลุดจนเจ็บก็ไม่ยอมหลุด ผมเลยเอายกขาขึ้นถีบพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิหลบได้ครับ
“ ถีบ ผัวบาปนะ”
“
บาปก็ช่าง!” ผมว่าพยายามจะถีบหรือเตะพี่วุฒิให้ได้สักที
“ งั้นก็ยอมรับแล้วสิว่าเป็นเมียพี่” ผมมองหน้าพี่วุฒิที่กำลังกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ผมเผ้ายุ่งเหยิงยังกะไม่เจอหวี
“
ไม่ใช่ครับ! ”ผมบอกจริงจัง
“ยังไม่ยอมรับ” พี่วุฒิว่ากอดผมทั้งแขนไม่ให้ดิ้นได้
“ พี่ครับ ปล่อยผม นี่มันที่ไหน ดูบ้างสิครับ!!!” ผมบอกดิ้นไปมา กลัวคนจะมาเห็นครับ ถ้ามีคนเดินมาตอนนี้ผมทำหน้าไม่ถูกแน่
และก็จริงๆครับอีกฟากของถนนมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาพอดี แล้วหันมามองพวกผมถึงจะไม่ได้จ้องก็ตามเถอะครับ ให้ตายเถอะครับอะไรมันเหมาะเจาะแบบนี้
“ พี่ครับปล่อยเถอะครับ ไม่เห็นหรือไงว่าเขามองเราอยู่!” ผมบอกดิ้นสุดแรง ไม่ได้โทษเขาหรอกครับ เป็นใครก็ต้องมองผู้ชาย 2 คนกอดกันกลางวันแสกๆ
“ อย่าดิ้นไม่งั้นพี่จูบ”
“
นี่พี่!!” ผมมองสายตาตำหนิมาก แต่พี่วุฒิไม่รู้สึกครับ ขอให้ชายหญิงคู่นั้นเดินไปเร็วๆเถอะ
“ ไม่ต้องมองนะครับ เมียผมเขิน!” พี่วุฒิตะโกนบอกชายหญิง 2 คนเมื่อกี้จนเขาหันมามองพวกผมอีกทั้งที่เดินผ่านไปแล้ว
“ พี่วุฒิ!” ผมว่าไม่ได้เสียงดัง
“ อ้าว พี่เห็นอายที่มีคนมามอง พี่อุตสาห์บอกให้” ผมจะทำยังไงกับผู้ชายที่ชื่อพี่วุฒิดี ที่พูดยังไงก็พูดไม่รู้เรื่องแล้วยังหน้าไม่อายอีก
“ ................” ผมไม่พูดดีกว่าพูดไปก็ไม่รู้เรื่อง
“ เมื่อออกมาก็กลับ”
“ ไม่นะครับ
ผมไม่กลับ! ” ผมบอกแต่พี่วุฒิยกตัวผมขึ้นเท้าไม่ติดพื้นก่อนที่จะพาไปยังรถ BMW ที่จอดใกล้ๆ
“ พี่ครับ อย่าครับ ผมไม่ไป!” ผมร้อง
“ แต่พี่จะพาจุมกลับบ้านนะ” พี่วุฒิบอก ผมหยุดนิ่ง
“ กลับบ้าน”
“ ใช่ พี่จะพาจุมกลับบ้าน จุมไม่ไปอยู่คอนโดกับพี่ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่บ้านไอ้แบงค์”
” แต่พี่แบงค์เป็นเพื่อนพี่ไม่ใช่เหรอครับ?” ผมถามไม่ใช่อยากอยู่บ้านพี่แบงค์นะครับ
“ หรือว่าจุมอยากอยู่ที่นี่”
“ไม่ใช่ ผมแค่สงสัย ผมก็ต้องอยากไปอยู่บ้านตัวเองสิครับ” ผมบอก
“ งั้นไป”
“ ไม่ครับ ถ้าผมจะกลับบ้านจะกลับเอง” ผมบอกผลักพี่วุฒิออกไป
“ จุมไม่เชื่อใจพี่ พี่รู้” พี่วุฒิว่า
“ ก็แล้วที่พี่ทำกับผมที่แล้วมา มันน่าเชื่อไหมล่ะครับ”
“ อย่าย้อนพี่”
“ ผมไม่ได้ย้อน ผมพูดความจริง” ผมว่าแรงบีบจากมือพี่วุฒิที่แขนผมแรงขึ้น
“พี่ผมเจ็บนะ!” พอผมบอก พี่วุฒิก็ผ่อนแรงลง
“ จุมพี่สัญญาจะพากลับบ้าน” พี่วุฒิบอกดูเป็นการการงาน
“ ผมกลับเองครับ” ยังไงผมก็ไม่เชื่อคำพูดพี่วุฒิอยู่ดี
“ จุมอย่าดื้อเลยนะขอร้อง”
“ ใครกันแน่ที่ดื้อ” ผมว่า
“.........................”
“ คุณจุม คุณวุฒิเกิดอะไรขึ้นค่ะ?” ป้าทรายเดินออกมาถาม ทั้งผมและพี่วุฒิหันไป เรียกได้ว่าเป็นช่วงเผลอของพี่วุฒิก็ได้ ผมรีบแกะมือพี่วุฒิและวิ่งออกมา พี่วุฒิก็คว้าปลายนิ้วผมได้ ทว่าผมก็
“ โอ๊ย!! ซี้~ด” เสียงพี่วุฒิร้องและคราง เพราะผมเตะผ่าหมากพี่วุฒิเข้าอย่างจัง เป็นเหตุให้พี่วุฒิเอามือไปกุมน้องชายไว้ด้วยใบหน้าแดงปนซีดเขียวบ่งบอกว่าเจ้าของร่างรู้สึกยังไง
“ คุณจุม !!คุณวุฒิ ?!!!” ป้าทรายทำหน้าเลิ่กลั่กสงสารไม่รู้จะช่วยพี่วุฒิยังไง
“ เราไปกันเถอะครับป้า” ผมว่าจับมือป้าทรายจะเดินเข้าประตู
“ .... ทำแ บบนี้ จุ มต้อ งเสี ย ใจแ น่!!” พี่วุฒิพูดเหมือนเค้นเสียงสั่นๆ สีหน้ายังไม่ดีขึ้นตัวยังงอมือกุมเป้าเหมือนเดิม
“ ผมไม่เสียใจหรอกครับ” ผมบอกคิดว่าเหมาะสมแล้วที่พี่วุฒิแกล้งเป็นลมเพื่อให้ผมออกมาทั้งที่ผมเป็นห่วงด้วยใจจริง ในใจก็คิดว่าคนที่ตัวโตอย่างพี่วุฒิเป็นลมอาการคงจะสาหัสจริงๆแต่กลับหลอกกัน แล้วยังยิ้มดีใจที่หลอกผมได้อีก
“ กลับมา จุม!” พี่วุฒิว่าแต่ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่สนใจ เดินผ่านประตูเข้าไป คิดว่าคราวนี้ถ้าพี่วุฒิเป็นลมจริงๆผมจะเรียกรถพยาบาลดีไหม
“ ไม่ครับ” ผมหันไปบอก เห็นพี่วุฒิเดินมาเกาะประตูรั้ว ใบหน้าคล้ายยังบิดเบี้ยวอยู่ มือข้างหนึ่งกุมเป้า
* * * * * *
คำผิดขอบคุณท่าน mutoo ท่านknightofbabilon และท่านiiดาวพระศุกร์iiเน้อ