บุพเพวายร้าย
47.
พี่วุฒิพี่แบงค์ผลัดกันรุกและเสียเปรียบไม่นานพี่ชนะก็ออกมา พร้อมสะพายเป้สีดำของผม และในมือหอบหนังสือที่เหลือจากการใส่กระเป๋า
“ จะเอากันให้ตายกันเลยใช่ไหมวะ!?” พี่ชนะพูดเสียงดังแล้วโอนหนังสือให้ผม แน่นอนผมรับไม่ทันมันร่วงลงพื้นบางส่วน จากนั้นพี่ชนะก็ไปแยกพี่วุฒิกับพี่แบงค์ที่ตอนนี้พี่วุฒิเป็นฝ่ายได้เปรียบนั่งอยู่บนตัวพี่แบงค์
“ วุฒิมรึงอย่าบ้าให้มากนัก!” พี่ชนะพูดหิ้วปีกพี่วุฒิออกมาอย่างทุลักทุเล
“ ชนะมรึงปล่อยกรู ! ” “ ไม่ปล่อย!” พี่ชนะบอก (พี่แบงค์พยุงตัวลุกขึ้น เอาหลังมือเช็ดเลือดที่ปาก พอยืนขึ้น ขาก็ถอยเซ2 สามก้าว)
“ นี่มรึงเข้าข้างไอ้แบงค์!” “ กรูไม่ได้เข้าข้างใคร แต่มรึงทำเกินไป!” (พี่ชนะ) ตอนนั้นพี่แบงค์เก็บหนังสือที่พี่ชนะโยนให้ผมก่อนที่จะมาพยุงผมให้ยืนขึ้น
“ มันต่างหากที่ทำเกินไปจะพาเมียกรูไป!” พี่วุฒิพูดพยายามดิ้น จ้องพี่แบงค์กับผมตาแข็งกร้าว
“ ถ้าไม่พาจุมไป มรึงก็ซ้อมน้องเขาอีก” “ เรื่องของกรู!” “ เรื่องของกรูเหมือนกันที่จะเข้าข้างไอ้แบงค์!” “ เซี่ย!!” พี่วุฒิสถบก่อนที่จะสลัดตัวออกมาจากมือพี่ชนะ แล้วหันมาหาผมที่พี่แบงค์ประคองอีก
“แบงค์ ปล่อยจุม” พี่วุฒิพูเสียงเบาลง ใบหน้าพี่วุฒิแก้มช้ำทั้ง 2 ข้าง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่ต่างจากพี่แบงค์ แต่พี่แบงค์ตาข้างหนึ่งเหมือนจะลืมได้แค่ครึ่งตาและยังบวมอีก
“ วุฒิ กรูทำแบบนั้นไม่ได้”
“ ทำไม!” “ เพราะมรึงไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้กรูทั้งเสียใจและรู้สึกผิดที่กล่อมจุมให้กลับมาอยู่กับมรึงแล้วดูสิ่งที่มรึงทำกับจุม กรูทำใจไม่ได้”
“ ...................................” พี่วุฒิเงียบหันมามองผม มือของผมจับตัวพี่แบงค์ไว้หาที่พึ่ง
“ ชนะเอาของมาครบแล้วใช่ไหม?” พี่แบงค์ถามพี่ชนะแค่พยักหน้าตอบ พอพี่ชนะพยักหน้าตอบพี่แบงค์ก็หันหน้ามาถามผม
“ จุมเดินไหวไหม?”
“ครับ” ผมตอบ แต่ไม่คอยแต่ไม่ค่อนแน่ใจในคำตอบของตัวเองเท่าไร
“ กรูไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้น!” พี่วุฒิเดินเข้ามาหาผม ยื่นแขนจะมาคว้าตัวผมแต่พี่แบงค์ปัดออกด้วยแขนข้างที่ถือหนังสือให้ผม
“ ไอ้แบงค์!” พี่วุฒิตะโกน
“ วุฒิครั้งนี้กรูเอาจริง” พี่แบงค์พูเสียงราบเรียบแต่กลับจริงจังและน่ากลัวอย่างประหลาด
“ มรึงเอาจริงแล้วไง!”
“ ก็หมายความว่า ...อย่าหวังว่ามรึงจะเข้าใกล้จุมได้ และบารมีพ่อมรึงแม่มรึงที่จะทำตามที่มรึงต้องการ กรูจะสู้ถึงที่สุด!”
“ ...........................” พี่วุฒิเงียบ
“ อย่าคิดข่มขู่จุมด้วยวิธีที่เคยทำอีก เพราะถ้าคนที่มันถูกบีบคั้นๆมากอย่างกรูจะทำอะไรก็ได้ที่มรึงคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน..........................” พี่แบงค์สบตานิ่งงั้นกับพี่วุฒิ
“ ...........................” (พี่วุฒิ)
“ ชนะ หนังสือ” พี่แบงค์ยื่นหนังสือให้พี่ชนะที่กำลังเดินมาแล้วรับหนังสือจากมือพี่แบงค์ จากนั้นพี่แบงค็ถึงอุ้มผม ?
“ พี่ครับ?!” ผมตกใจครับ ก็เมื่อกี้ผมเพิ่งบอกว่าเดินเองได้
“ ไม่เป็นไร พี่เคยอุ้มจุมแล้ว ไม่ต้องกลัว ....” พี่แบงค์บอกพลางอุ้มผมเดินผ่านพี่วุฒิ จวนจะถึงประตู
“เดี๋ยว!” พี่วุฒิเรียก พี่แบงค์และพี่ชนะที่เดินตามหลังหันกลับไป
ผมเกิดความรู้สึกกลัวว่าพี่แบงค์จะเปลี่ยนใจไม่พาผมไป จึงกำแขนเสื้อพี่แบงค์ พี่เขาใช้หางตามองผมแวบหนึ่ง
“ กรูสัญญาว่าจะพยายาม ปล่อยจุมไว้กับกรูเถอะ” พี่วุฒิบอก ผมบอกหน้าพี่วุฒิที่อ่านไม่ออกว่าพี่เขาคิดอะไร และหันกลับมามองหน้าพี่แบงค์ที่แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน
“ ทั้งที่ขนาดนี้แล้วแต่มรึงยังใช้แค่คำว่า พยายาม เพื่อไม่ให้คำพูดผูกมัดตัวมรึงเกินไป แล้วมรึงคิดว่ากรูจะให้จุมอยู่กับ คน อย่าง มรึง ได้ ยัง ไง วุฒิ ” ท้ายประโยคพี่แบงค์แผ่วเบา จนพี่ชนะต้องหันมามามองพี่แบงค์
“ ชนะ” พี่วุฒิหันมาพูดกับพี่ชนะแทน เหมือนจะให้พี่ชนะพูดกับพี่แบงค์แทน
“ วุฒิ เพราะกรูเป็นเพื่อนมรึงรู้จักมรึงดี กรูถึงได้รู้วาพอกรูกับไอ้แบงค์กลับไป จุมคงต้องถูกมรึงซ้อมไม่ช้าก็เร็ว ทั้งที่เนื้อแท้แล้วมรึงไม่ได้เลวร้ายที่สอนไม่ได้ แต่กรูไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง .........”
“ ชนะไม่ต้องพูดแล้ว คนอย่างไอ้วุฒิมันช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ” พี่แบงค์พูดแล้วหันกลับมา พี่ชนะเปิดประตู แต่แล้วพี่แบงค์ก็พูดขึ้นก่อนที่จะก้าวพ้นประตู
“ วุฒิ ขอร้องอย่าไปบ้านกรูเพราะบ้านกรูไม่ต้อนรับ
คนอย่างมรึง!” พูดจบพี่แบงค์ก็เดินออกมา ผมเองก็ไม่ได้หันกลับไปมองพี่วุฒิอีก เพราะผมต้องการที่จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ผมหวังว่าเรื่องมันจะจบ เรื่องเมื่อคืนมันแก้ไขอะไรไม่ได้ผมรู้ดี แต่อย่าให้เกิดขึ้นอีกก็พอ
*
*
ในรถพี่ชนะเป็นคนขับ ผมกับพี่แบงค์นั่งอยู่เบาะหลัง
“ พี่ครับ ผมขอบคุณพี่มากที่จะให้ผมไปอยู่บ้านพี่ แต่ผมอยากไปอยู่บ้านผมมากกว่า” ผมบอกเกรงใจและไม่สนิทที่จะไปอยู่บ้านพี่แบงค์
ปวดหัว อากาศที่หายใจออกมาก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ ไม่ได้หรอกจุม ถ้าจุมกลับไปอยู่บ้านไอ้วุฒิต้องตามไปแน่ และจุมก็เองไม่กล้าที่จะทำอะไรที่จะทำให้แม่ไม่สบายใจด้วยใช่ไหม? นั่นแหละไอ้วุฒิมันจะใช้ประโยชน์จากตรงนั้น แต่ถ้าไม่เป็นตามที่มันต้องการแม่จุมอาจจะได้รับอันตรายได้” พี่แบงค์บอก
“ แบงค์มรึงก็พูดเกินไป” พี่ชนะพูดขึ้นแต่ไม่ได้หันมาหาพวกผม
“ไม่มีคำว่าเกินไปหรอกชนะมรึงก็รู้” พี่แบงค์ว่าเอามือจะจับหน้าผม แต่ผมปัดออก พี่แบงค์เลยหน้าสลดลง
“ ขอโทษครับพี่ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย” ผมบอกไม่อยากให้พี่แบงค์คิดว่าผมรังเกลียจและผมก็ตกใจจริงๆ
“ ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ” พี่แบงค์ว่า
“ ...........................”
“ เมื่อคืนยังเห็นดีๆอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นเหรอจุม?” พี่ชนะหันมาถาม ตอนนี้รถติดไฟแดงครับ
ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่ามันจะเป็นอย่างงั้นเลย พี่วุฒิที่ทายาให้ผม พี่วุฒิที่บอกว่าชอบผม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วแม้แต่ตัวผมเองก็ไม่อยากเชื่อ
มันเริ่มจาก.............
“...........................”
“ ถ้ำไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไร พี่แค่ถามดู เพราะเมื่อคืนก็เห็นไอ้วุฒิมันยังเชื่องๆอยู่แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดบ้าขึ้นมาอีก” พี่ชนะว่า
“ เมื่อคืนพอกลับมาแล้ว พวกผมก็มาทำแผล พอจะนอนพี่วุฒิก็..................” ผมเงียบไปเฉยๆโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว เพราะเหมือนเหตุการณ์มันปรากฏตรงหน้าจนลืมที่จะพูดต่อ
“ มันขอจุมใช่ไหมล่ะ?” พี่ชนะพูด ขณะนั้นไฟจราจรเป็นสีเขียวแล้ว พี่ชนะก็ขับรถไปด้วย
“..............ครับ” ผมพยักหน้าตอบครั้งหนึ่ง
“จุมไม่ยอมมันเลยใช้กำลัง” พี่ชนะพูดอีก
“...............................ฮือๆ” ผมไม่ได้ตอบแต่ร้องไห้ออกมา แค่ผมไม่ยอมถึงกับทำกับผมแบบนี้
“ ต่อไปมันจะทำอะไรจุมไม่ได้แล้ว เพราะมีพี่อยู่จุมไม่ต้องกลัวนะ” พี่แบงค์บอกผมหันหน้าเปียกไปมอง ก่อนที่พี่แบงค์จะโอบตัวผมเข้าไปกอด และผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ ไอ้นิสัย พอมีคนขัดใจแล้วไม่พอใจ ชอบใช้กำลังเมื่อไรมันจะแก้ได้วะ” (พี่ชนะ)
.
.
.
ไม่รู้ผมหลับไปตอนไหนมารู้อีกทีก็ตอนพี่แบงค์ปลุกเมื่อมาถึงบ้านพี่แบงค์ ซึ่งดูแล้วน่าอยู่แถวชานเมืองครับ เป็นบ้านหลังใหญ่สีขาว แต่ทำด้วยไม้ ชายคาฉลุสวยงาม พื้นที่บ้านปลูกต้นไม้สีเขียวเยอะพอสมควร ทำให้นึกถึงละครพีเรียดหลังข่าว
พอผมจะออกจากรถพี่แบงค์บอกว่าจะอุ้มผม
“ ไม่ป็นไรครับ พี่เดินเองได้” ผมบอกเกรงใจที่จะให้พี่แบงค์อุ้มอีก ผมคิดว่าตัวเองก็น่าจะพอเดินเองได้และอาย เพราะตอนนี้นอกจากพี่แบงค์พี่ชนะแล้ววยังมีคนอื่นอีก เป็นผู้หญิงอายุราวๆ 50 ที่ยืนห่างจากตัวรถออกไป
“ ให้ไอ้แบงค์มันอุ้มน่ะดีแล้ว พี่เห็นแล้วจุมคงไม่ไหวหรอก” พี่ชนะว่ายืนข้างๆพี่แบงค์รอผมที่ยังนั่งอยู่ในรถ
“ขอบคุณครับ” ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้พี่แบงค์ก้มตัวมาช้อนผมออกจากรถ
“ ป้าทรายคุณพ่อคุณแม่อยู่บ้านไหมครับ?” พี่แบงค์ถามผู้หญิงวัยกลางคนนั้นครับ
“ อยู่แต่คุณผู้ชายค่ะ คุณผู้หญิงยังไม่ออกเวร” ป้าทรายบอกหันมามองหน้าผมแล้วยิ้ม พอเข้าไปในตัวบ้าน ก็เห็นผู้ชายใส่แว่น อายุน่าจะไล่เลี่ยกับแม่ของผมนั่งในโชฟาหวายอ่านหนังสือ
“ สวัดดีครับคุณพ่อ” พี่ชนะยกมือไหว้
“ ไปไงมาไง.............?” ท่านหันหน้ามามองผมและพี่แบงค์
“ สวัดดีคะครับ” ผมไหว้ ท่านรับไหว้อย่างงงๆ ก่อนที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก็ทั้งผม พี่แบงค์ และพี่ชนะหน้าแต่คนดูไม่ได้โดยเฉพาะพี่แบงค์และยังอุ้มผมอีก ผมเลยขยับตัวหน่อยบอกพี่แบงค์ว่าผมจะเดินเอง แต่พี่แบงค์ส่ายหน้าบอกผมว่าไม่เป็นไร ...
“ เดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณพ่อฟังที่หลัง แต่ตอนนี้ช่วยมาดูอาการจุมให้ด้วยครับ” พี่แบงค์บอก พาผมขึ้นบันไดไป พร้อมกับบอกผมว่า พ่อของพี่แบงค์เป็นหมอ เดี๋ยวท่านจะมาดูอาการผมด้วย พี่แบงค์ยังบอกอีกว่าผมตัวร้อนมากคงจะไม่สบาย ผมก็คิดว่าตัวเองคงจะเป็นไข้เหมือนกันเพราะผมปวดหัวมาก คอก็แห้งด้วย
ชั้นบน มีหลายห้อง พี่แบงค์พาผมเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง วางบนลงบนเตียงสีขาว
“ ขอบคุณครับ” ผมบอก ส่วนพี่ชนะวางข้าวของผมบนโต๊ะแล้วเดินมายืนข้างๆพี่แบงค์
“ จุมไม่ต้องกังวลอะไรนะ อยู่ที่นี่สบายใจได้” พี่ชนะบอก
“ ขอบคุณครับ” (ผม)
“ เอาแต่พูดว่า ขอบคุณ จะไม่พูดคำอื่นบ้างหรือไง?” พี่ชนะว่า
“ ก็ผมขอบคุณ พวกพี่จริงๆ หากว่าพี่ไม่ไป ไม่พาผมมาที่นี่ผมก็ไม่รู้ ว่า ตอนนี้ ผม จะเ ป็นยัง ไง” ผมบอกเสียงเบาๆลงเรื่อยๆ
“ ......................”
“ พี่วุฒิเขาเปลี่ยนไปมากเลย นะครับ” ผมบอก พี่แบงค์นั่งบนเตียงบีบมือผมเบาๆ ก่อนจะพูดว่า
“ ตอนนี้ไม่มีไรแล้ว จุมอย่าคิดถึงเรื่องเก่าเลยนะ” พี่แบงค์บอก
“ แต่ผมกลับแต่คิดเรื่องเก่าครับ ผมอยากรู้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นยังไง ผมอยากรู้ว่าเมื่อก่อนพี่วุฒิทำยังไงกับผม และผมอยู่ยังไง....”
“จุม”(พี่ชนะ)
“ ผมคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก . . . ” ผมคิดไม่ออกเลย ในอดีตที่ผมลืมไปมันเป็นยังไง
“ จุม ทำไมต้องไปอยากรู้ ในเมื่อปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” พี่ชนะบอกผม แต่เป็นใครก็อยากรู้เรื่องของตัวเองทั้งนั้น
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตู และเปิดออก พ่อพี่แบงค์เข้ามาพร้อมสะพายกระเป๋ากล่องสีดำ
“ หลังจากพ่อตรวจเสร็จแล้วต้องเล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้น” พ่อพี่แบงค์บอก เสียงไม่ได้เชิงต่อว่าแต่ดูเป็นห่วงมากว่า
พ่อพี่แบงค์บอกว่าผมมีไข้ครับ เลยจัดยาให้ผมกิน แต่ผมยังไม่ได้กินข้าวท่านเลยให้คนเอาข้าวต้มามาให้ผมกิน แล้วจึงให้ผมกินยาและนอนพัก พี่แบงค์บอกผมว่าเดี๋ยวจะอธิบายให้ท่านฟังเอง ให้ผมสบายใจได้
หลังจากกินข้าวกินยาเรียบแล้วผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนที่พี่ชนะจะออกไปจากห้องบอกผมว่าตอนนี้จะ 10 โมงแล้ว
* * * *
พี่ครับ อย่าครับ
พี่ผมยอมพี่แล้ว พี่ พะพี่
พี่สงสารผมด้วย
ฮือๆ มือสั่นของผมยกไหว้ขอร้อง แต่สิ่งที่ได้รีบกลับมาอยู่ฝ่ามือที่ตวัดบนหน้า....
อย่า
ช่วยด้วย
ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!!
ฮือๆ ผมคลานหนีเท่าที่ร่างกายจะอำนวย ทั้งที่แค่ขยับก็เจ็บจนกระดูกจะแตก ในใจก็ภาวนาให้ตัวเองสลบหมดสติไปจะได้ไม่ต้องรับความเจ็บปวดตอนนี้
“ จะไปไหน!” เสียงน่ากลัวพูด พร้อมขาผมได้ถูกมือที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กจับเอาไว้ มือนั้นออกแรงกระชากดึงผมกลับไป
ได้โปรด
ช่วยผมด้วย
แม่ครับ
ผิดไปแล้วครับ
พี่ครับ
พี่ อย่าทำผม …. .. “อ ยะ!!” ผมลืมตาตื่นเหมือนสะดุ้ง ตามตัวเหงื่อชื้น มือกำแน่นเย็นสะท้านแต่เปียกชื้น หัวใจเต้นแรงกับความฝันเมื่อกี้ ฝันที่เหมือนความจริงจนเหลือเชื่อ ผมคงฝังใจกับสิ่งที่วุฒิทำกับผมจนตามมาหลอกหลอนผมแม้แต่ผมหลับ.........................................หรือว่านั่นคือความจริงที่เคยเกิดขึ้นแต่ผมลืมไปแล้ว... ผมหวังนั่นจะไม่ใช่ความจริง มันน่ากลัวเลวร้ายกว่าสิ่งที่เขาเจอเมื่อคืนเสียอีก
ขอร้องอย่าให้มันเป็นความจริงเลย
มันน่ากลัวเกินไป ….
แค่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงลมหายใจผมก็ขาดหายเป็นห้วงๆ
“ แค่ฝัน แคต่ฝันไอ้จุม มันไม่ใช่เรื่องจริง...” ผมบอกตัวเองไม่หยุด
เพดานที่ลืมตาเห็นบอกว่าผมอยู่อยู่ที่บ้านพี่แบงค์ ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ผมหันมองรอบๆห้องไม่มีใครอยู่ บนโต๊ะสัมภาระผมผมมีแค่หนังสือที่จัดอย่างเป็นระเบียบแต่เสื้อผ้าหาย นอกจากนั้นยังมีกะละมังสีใสเล็กๆว่างอยู่ข้างในมีผ้าสีขาวแช่อยู่....
ผมรู้สึกสบายใจที่ตัวเองยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ในฝันที่น่ากลัวนั้น
แกร๊ก!
ประตูเปิด พี่แบงค์เดินเข้ามา และก็เห็นว่าผมตื่นแล้ว
“ จุมตื่นแล้วเหรอ?” พี่แบงค์ถาม ผมเท้าแขนลุกขึ้น พี่แบงค์เห็นมาช่วยผม ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก
“กี่โมงแล้วครับ?” ผมถาม
“ จะบ่าย 3 แล้ว” พี่แบงค์นั่งลงบนเตียงเอามือทาบหน้าผากผม
“ ไข้ลดลงแล้ว” พี่แบงค์ว่าท่าทางสบายใจขึ้น “ ก่อนหน้านี้ตัวยังร้อนจี๋อยู่เลย”
“ พี่แบงค์เช็ดตัวให้ผมหรือครับ” ผมถามเพราะเห็นกะละมัง ถ้าพี่เขาเช็ดตัวให้ผมจริงผมจะได้ขอบคุณ
“ ใช่ ก็เพราะเราตัวร้อนพี่เลยเช็ดให้ปรับอุณหภูมิและจุมจะได้รู้สึกสบายตัว” พี่แบงค์มองจ้องหน้าผม ยกมือปัดไรเส้นผมออกจากหน้าผมเบาๆ
“ ขอบคุณนะครับ พี่ดีกับผม”
“ พี่เต็มใจ.....................................” พี่แบงค์สบตาผมจริงจัง แล้วเอามือมากุมมือผม ผมจ้องมองพี่แบงค์อย่างไม่เข้าใจ
“ ..........?...........”
“ จุมให้พี่ดูแลจุมเถอะนะ..พี่รู้ว่าจุมอาจจะไม่รู้สึกเหมือนพี่ แต่พี่รั...”
ควับ! ผมและพี่แบงค์หันไปมองประตูที่เปิดออก
“ แบงค์ไอ้วุฒิมัน! ...อ้าวตื่นแล้วเหรอจุม?” พี่ชนะที่เปิดประตูเข้ามาถามผม ก่อนที่ก้มสายตาลงมามองมือพี่แบงค์ที่จับมือผมอยู่ ผมดึงมือตัวเองกลับมาทันที
“ ชนะ ทำไมไม่เคาะประตูก่อน” พี่แบงค์ว่าเสียงตำหนิเล็กน้อย
“ โทษที กรู ลืม” พี่ชนะตอบ
“ ที่หลังอย่าลืมอีก เดี๋ยวมีไรไปคุยข้างนอก” พี่แบงค์ว่ายืนขึ้น
“ พี่ชนะครับ พี่วุฒิทำไมหรือหรือครับ?” ผมถามพี่ชนะที่ยังยืนอยู่หน้าประตู เพราะดูเหมือนว่าพี่เขาไม่อยากให้ผมรู้ แต่ผมอยากรู้ว่าพี่วุฒิทำอะไรหลังจากที่ผมมาที่นี่
“ จุม พี่ว่าจุมอย่าไปสนใจเลย”(พี่แบงค์)
“ พี่ครับให้ผมได้รู้อะไรบ้างเถอะครับ ?”ผมว่า พี่แบงค์หันไปมองพี่ชนะเหมือนตำหนิอีกครั้ง
“ พี่วุฒิทำไมหรือหรือครับ?” ผมถามพี่ชนะอีก
“ ก็มันตามจุมมาตั้งแต่ 11 โมงแต่ไอ้แบงค์ไม่ให้มันเข้ามา มันเลยจอดรถรอหน้าประตูรั้ว จนเมื่อสักเที่ยง มันก็ออกมายืนรอนอกรถกลัวจุมไม่รู้มั้งว่ามันมาว่า ทั้งที่ร้อนแดดเปรี้ยงๆจนตอนนี้มันก็ยังยืนตากแดดรอให้ไอ้แบงค์อนุญาตให้มันเข้ามา”
“...................”พี่วุฒิมาตามผม?และยืนรออยู่หน้าบ้าน
ผมกลัวมากว่าที่จะสงสาร มาตามผมทำไม...ทำไมไม่ปล่อยให้ผมไปตามทางของผม
“ จุมจะเอาไง?”(พี่ชนะ)
“ ................................................พี่เขาอยากจะทำอะไรก็ตามใจพี่เขาเถอะครับ” ผมบอก มองออกไปนอกหน้าต่างผ่านผ้าม้านสีขาวบางๆแต่ก็พอมองออกว่าข้างนอกมีต้นไม้สีเขียว ที่ทำให้อากาศเย็นสบายอยู่ตอนนี้
พี่ชนะพี่แบงค์ก็ไม่ได้ถามอะไรผมอีก
สักที่ในร่างกายผมมันว่างเปล่า แต่สั่นสะเทือนด้วยแรงเต้นของหัวใจ
8 เดือนที่ขาดไป ให้มันหายไปเถอะ. . .
.
.
.
พ่อกับแม่พี่แบงค์ใจดีมากครับท่านเป็นหมอทั้งคู่ ตอนเย็นเป็นแม่พี่แบงค์ที่มาวัดไข้ผม ท่านบอกว่าไข้ลดลดมากแล้วแต่ยังมีไข้อยู่เล็กน้อย ตื่นเช้ามาถ้าไม่มีอะไรก็คงไม่มีไข้แล้ว แต่ท่านแนะนำผมว่าพรุ่งนี้อย่าเพิ่งไปโรงเรียนเดี๋ยวไข้กลับมาอีก
พอเห็นทั้งพ่อทั้งแม่พี่แบงค์จึงได้รู้ว่าพี่แบงค์คล้ายท่านทั้ง 2 มาก ตาและรูปหน้าพี่แบงค์เหมือนแม่ ที่เหลือเหมือนพ่อครับ พี่แบงค์มีพี่ชายมากกว่า 3 ปี ตอนนี้เรียนอยู่ปริญญาโทเม-กา
อาหารมือเย็นพี่แบงค์ยกมาให้ผมกินบนห้อง ตอนนั้นพี่ชนะกลับไปแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จผมโทรหาแม่ ท่านสบายดีและเพิ่งจะออกเวร
“ จุมพี่เช็ดตัวให้นะ”พี่แบงค์ว่าวางกะละมังเล็กๆบนโต๊ะ แล้วเอาผ้าสีขาวลงไปซับน้ำก่อนที่จะบิดหมาดๆ
“ ไม่เป็นไรครับ!?” ผมรีบบอกพี่แบงค์ที่กำลังเดินมามาหาผมที่เตียงก่อนที่ยกเก้าอี้มาชิดกับเตียงแล้วนั่งลง
“ หรือจุมรังเกลียดพี่ ? ”
“ ไม่ใช่ครับ!?” ผมรีบตอบอีกตามเคย
ผมไม่ได้รังเกลียดแต่อายครับ อายมากด้วยถึงแม้ว่าเมื่อเช้าพี่แบงค์จะเช็ดตัวให้ผมแล้วก็ตามแต่ผมไม่รู้ตัว ถือว่ายังไม่เคย
“ แล้วทำไมล่ะ?”
“ผมอาย” ผมบอกเสียงเบาดึงผ้าจากมือพี่แบงค์มาคิดว่าจะเช็ดเอง แต่ไม่ทันได้มือถูกผ้า พี่แบงค์ก็ยืนแขนออกไปไม่ให้ผมคว้าได้
“ ไม่ต้องอาย พี่ไม่มองหรอก” พี่แบงค์บอก แต่ผมสงสัยครับว่าไม่มองแล้วจะเช็ดยังไง?
“ พี่ไม่มองแล้วจะเช็ดยังไงล่ะครับ?” ผมถาม
“ หลับตาเช็ด” พี่แบงค์ยิ้มก่อนจะหลับตาลง ผมจ้องมองพี่แบงค์คิดว่าจะทำแบบนั้นจริงๆเหรอ แต่แล้วพี่แบงค์ก็ลืมตาขึ้นทำเอาผมแทบสะดุ้ง
“ พี่ล้อเล่น น่ะ พี่รู้ว่าจุมอยากเช็ดเองมากกว่า” พี่แบงค์บอกจับมือแล้วเอาผ้าวางบนมือของผม
“ เดี๋ยวผมไปเช็ดในห้องน้ำนะครับ” ผมจะลุกขึ้น แต่
“ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ?” พี่แบงค์ถาม
“ ไม่ใช่ครับ ผมเช็ดตัวในห้องน้ำจะได้แปรงฟันด้วยเลย” ผมบอกไม่กล้าสบตาพี่แบงค์ไม่รู้ว่าทำไม เพราะบางครั้งผมก็เหมือนจะรู้สึกว่าพี่แบงค์พยายามจะบอกอะไรผมแต่กลับไม่พูด
“ งั้นเข้าไปเถอะ พี่ชนะซื้อของใช้ส่วนตัวมาให้แล้ว เดี๋ยวพี่เตรียมเสื้อกางเกงให้ แล้วอย่าลืมนะว่าตรงไหนห้ามโดนน้ำ” พี่แบงค์บอกผมรับคำเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ร่างกายยังเจ็บอยู่ครับ แต่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อเช้า
ในห้องน้ำผมถอดเสื้อกางเกงออกแล้วยิ่งอนาถกับร่างกายตัวเอง มีแต่รอยฟกซ้ำเต็มไปหมด แล้วยังมีรอยแดงที่เป็นรอยรีมฝีปากพี่วุฒิอีก . . .
น้ำตาไหล แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้
ช่างมัน
ช่างหัวมัน
มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว...........ผมบอกตัวเองและจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
“ ........................”
พอเช็ดตัวเสร็จก็แแปรงฟันตอนออกมาก็เอาผ้าเช็ดตัวสีขาวในห้องน้ำพันตัวออกมา แม้จะสงสารสารรูปตัวเองก็ตาม
ออกมาพี่แบงค์ที่นั่งอยู่โต๊ะกำลังเปิดดูหนังสือเรียนผมก็หันมา แล้วมองผมนิ่งไม่ได้มองด้วยสายตาจ้าบจ้วงแต่มองผมด้วยความสงสาร พี่เขามองรอยบนตัวผม...ผมหลบสายตาพี่แบงค์มองไปยังเสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นของผมที่วางบนเตียง ผมก็เดินไปใส่ด้วยความรวดเร็วเพราะทั้งอายพี่แบงค์ ทั้งไม่อยากให้พี่แบงค์เวทนาผมไปมากกว่านี้ และไม่อยากให้ตัวเองอยู่ในสภาพโป๊นาน
“ จุม เจ็บไหม?” พี่แบงค์ยังนั่งอยู่ที่เดิมถาม ผมหันไปยิ้มให้พี่แบงค์ว่ามันก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดาแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว
“ พี่ขอโทษนะที่บอกให้จุมไปอยู่กับไอ้วุฒิ”
“ช่างมันเถอะครับ มันผ่านมาแล้วเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” ผมบอกขึ้นไปนั่งบนเตียง
“ แล้วจุมโกรธพี่ไหม?” ผมส่ายหน้า
“ ไม่ครับ พี่มีเหตุผลของพี่ และพี่เองก็ไม่คิดว่าพี่วุฒิจะทำแบบนี้กับผม” ผมบอก เพราะถ้าพี่แบงค์คิดว่าพี่วุฒิจะทำร้ายผมพี่แบงค์ก็คงไม่บอกให้ผมไปอยู่กับพี่วุฒิ
“ แต่ถ้าพี่คิดว่าไอ้วุฒิมันจะทำร้ายจุม แต่ก็ยังบอกให้จุมไปอยู่กับมันล่ะ?” พี่แบงค์ถามลุกขึ้นยืนเดินมาหาผม
“ .......................” ผมพูดไม่ออกถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ
“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆจุมจะเกลียดพี่ไหม?” พี่แบงค์ถามผมใบหน้าเจ็บปวด
“ แล้วมันเป็นแบบไหนล่ะครับ?” ผมถามกลับเพียงเพื่อตัวผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามพี่แบงค์
“ จริงๆแล้วพี่คิดว่าไอ้วุฒิมันจะเปลี่ยนไปได้ พี่ไม่คิดว่ามันจะลงไม้ลงมือกับจุมแบบนี้อีก” งั้นก็หมายความว่าพี่แบงค์คิดว่าพี่วุฒิจะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ยังพูดให้ผมไปอยู่กับพี่วุฒิ
พี่แบงค์เป็นเพื่อนพี่วุฒิก็ต้องเข้าข้างกัน ผมไม่ว่าหรอก เพราะตอนนี้คนที่ช่วยผมจากพี่วุฒิก็คือพี่แบงค์
“ .....................”
“ พี่นึกว่าพอจุมความจำเสื่อม ไอ้วุฒิมันจะเข้าใจว่าจุมสำคัญกับมันมาก และไม่กล้าทำจุมอีก” พี่แบงค์บอก ผมว่าพี่แบงค์เข้าใจผิดในหลายๆเรื่องทั้งเรื่องที่ว่าผมสำคัญกับพี่วุฒิ ผมได้เปรียบพี่วุฒิ แต่สิ่งที่พี่วุฒิทำกับผมนั้น มันเหมือนผมไม่ใช่คนแต่เป็นที่พี่วุฒิจะทำอะไรก็ได้
คำพูดพี่แบงค์ทำให้ผมเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกทำแบบนี้ พี่วุฒิเองก็เคยพูดว่า จะซ้อมผมจนต้องให้นอนโรงพยาบาลเหมือนครั้งที่แล้ว ถ้าผมพูดไม่ฟัง...
เมื่อก่อนผมคงเจอมากกว่านี้
มากจนผมต้องปิดความทรงจำนั้นไป..ใช่ไหม?
. . .ในอกมันบีบแน่นจนเจ็บไปหมด..
ผมเป็นอะไรกันแน่
“ ........................”
“จุม” พี่แบงค์รวบตัวมากอด
“ อย่าร้องไห้อีกเลยนะ น้ำตาจุมมันทำให้หัวใจพี่เจ็บ”
“ ฮือๆ” ทั้งที่พี่แบงค์บอกว่าอย่าร้องแต่ผมกลับร้องหนักกว่าเดิม
“ อย่าร้อง พี่ขอโทษ พี่สัญญาว่าจะไม่ผลักไสจุมไปให้ไอ้วุฒิอีกแล้ว” ผมงงงันและตกใจกกับการกระทำพี่แบงค์ แม้จะโดนพี่แบงค์กอดแต่ผมก็ไม่ขัดขืน นอกจากเงยหน้ามองพี่แบงค์
“ พี่ครับ?”
“ จุม อย่าเพิ่งถามอะไรพี่ตอนนี้ เพราะไม่งั้นจุมอาจจะเกลียดพี่ก็ได้ ......” พี่แบงค์บอกสีหน้าเจ็บปวดมากขึ้น มือผมที่คิดว่าจะผลัดพี่แบงค์ออกไปเพราะพี่กอดผมแน่นมากจนผมอึดอัดก็ต้องเปลี่ยนใจยอมให้พี่แบงค์กอดจนกว่าพี่เขาจะพอใจ ผมก้มหน้าลงมา พี่แบงค์ลูบท้ายทอยผมแล้วกดเบาๆให้ผมซบหน้าลงบนไหล่พี่แบงค์
“.................................”
* * * *
คิดถึงน้องจุม
คิดถึงอิพี่วุฒิ
คิดถึงเจ้าหญิงด้วย
สงกรานต์เจ้าหญิงจะไปเล่นน้ำที่ไหนมั้ยเอ่ย?
ไม่ได้ไปไหนเจ้าค่ะ ลงบุพเพวายร้ายนี่แหละ 5++เอ่อออ พวกเศรษฐีเนี่ย ตอนเด็ก ๆ เค้าเลี้ยงลูกด้วยกระทิงแดงรึงัยฟะ???
ถึงโตมาด้วยแรงเยี่ยงวัวฟายซะขนาดนี้
ปล. เห็นคอมเม้นท์อย่างนี้ คนแต่งอย่าได้เข้าใจผิดไปนะคร้าบบบบ
จริงๆ ผมชอบเรื่องนี้มากเชียวล่ะ
อ่านถึงกระทิงแดงเจ้าหญิงหัวเราะเลยเจ้าค่ะ^^~ปล.คำผิดขอบคุณเน้อ ท่านNarcissus ท่านRealReal และท่านกระต่ายชมจันทร์ (ถ้าจะช่วยกันอีกก็ขอก็อปมาสัก 2-3 บรรทัดก็ดีเจ้าค่ะ พอดีหาไม่ค่อยเจอ เพราะจำไม่ได้ ไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่เรื่องจริงเน้อ T^T)