บุพเพวายร้าย(สอง)
43. ชิด1
ตืด-----------------ตืด----------------------ตืด
ผมโทรหาจุมเป็นครั้งที่ 6 แต่จุมไม่รับสักที เป็นไปได้ว่าจุมจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง เพราะตอนนี้เป็นเวลาที่จุมต้องอยู่ที่ร้าน จุมทำงานร้านเพื่อนพี่อิง
ผมโทรหาจุมอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ผมยังไม่รับผมก็จะไม่โทรแล้ว เพราะตอนนี้ผมก็กำลังจะไปหาจุม(กำลังขับรถ)
แล้วจุมก็รับ
“ ฮัลโหลจุม อยู่ที่ร้านเหรอ?” ผมถาม
“ เปล่า” จุมตอบเสียงแหบ ผิดสังเกต
“ จุมเสียงเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?” ผมถาม เป็นห่วงมากกว่าเป็นห่วง
“ แค่ปวดหัวนิดหน่อย วันนี้เลยลางานที่ร้าน” จุมบอกเสียงเบากว่าเมื่อกี้มาก จุมเป็นคนรับผิดชอบ แค่ปวดหัวนิดหน่อยไม่มีทางหยุดงานเด็ดขาด นี่จุมคงจะไม่สบายมาก
“ แล้วกินยาหรือยัง?” ผมถาม ร้อนรนอยากจะไปอยู่กับจุมซะตอนนี้ จุมอยู่คนเดียวถ้าเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรู้เรื่อง ใครจะดูแล
“ กินพาราแล้ว เดี๋ยวจะนอนพัก” จุมบอก
“แค่ยาพาราไม่พอหรอก เดี๋ยวชิดไปหาที่ห้องนะ” ผมว่า ตอนนี้ตาสอดส่องหางานขายยา จนเจอร้านยาข้างทาง แล้วรีบจอดรถข้างๆทันที
“ ไม่เป็นไรมาก ไม่ต้องมาหรอกชิด”จุมบอกแล้วไอแค่กๆ
“ ไม่เป็นไรมากได้ไง เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้แหละชิดจะไปหาที่ห้อง” ผมบอกก่อนที่จะลงจากรถวิ่งงเข้าร้านขายยา
“ เป็นอะไรค่ะ?” ผู้หญิงแต่งชุดขาว น่าจะเป็นเภสัชถาม
“ แฟนผมไม่สบาย เออไอด้วย” ผมบอกถึงจะจุมจะไม่ใช่แฟนผม ผมโมเมโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจก่อนที่หยิบโน่นหยิบนี้ให้มา พร้อมทั้งวิธีกินเสร็จสับ
“ 430 บาทค่ะ” ผมจ่ายเงินแล้วรีบออกมาแล้วขับรถด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ แต่รถไปช้ากว่าที่ผมคิด
เมื่อไรจะถึงสมุทรปราการ สักที
พอถึงอาพาร์ทเม้นต์ที่จุมอยู่ ผมจอดรถได้ก็วิ่งขึ้นชั้น4 พร้อมถุงยาที่ซื้อมา
ก็อกๆ
-------------เงียบ-------------
ก็อกๆ
ยังคงเงียบไม่มีปฎิกิริยาตอบจากด้านใน จากจุม
ผมล้วงกุญแจจากกระเป๋า เป็นกุญห้องจุมที่ผมแอบปั๊มตอนที่มาเช่าให้จุม เผื่อฉุกเฉินแล้วก็ได้ใช้จริงๆ
กริ๊ก!
ผมไขประตูเปิดเข้าไป
“…………………….” จุมนอนอยู่บนเตียง
“ จุม?” ผมเรียก เดินไปหา จุมหลับอยู่ ใบหน้ามีสีเลือดมากกว่าปกติ และมีเหงื่อตามไรเส้นผมผุดเล็กน้อย เปลือกตาที่หลับอยู่คล้ายดวงตาด้านในกำลังเคลื่อนไหว คล้ายกำลังฝันร้าย
ผมเอามือทาบหน้าผากจุม ร้อนมาก ท่าจะไม่ไหว ผมต้องปลุกจุมแล้วพาไปหาหมอ กินแค่ยาพาราจะไปหายได้ยังไง
“ จุม จุม” ผมเขย่าตัวจุม
“ จุม”
“ อย่า!!!” จุมลืมตาโตขึ้นมาทันที!
“ จุม ไปหาหมอกัน” ผมบอกด้วยห่วงใย จุมหลับตาลงอีกครั้ง
“ เอ๊ะ หรือจะให้ชิดอุ้ม ถ้าอุ้มแล้วขอหอมทีหนึ่ง” ผมว่าทีเล่นทีจริง แต่อยากอยู่เหมือนกัน ขอเพียงจุมอนุญาติ ก็คนมันรักได้นิดได้หน่อยก็มีความสุขแล้ว
“…………………….” จุมลืมตาโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งแล้วถอยหลังห่างจากผม
“จุม?” ผมยืนแขนไปหาจุม
“ อย่าครับพี่ อย่าทำอะไรผม” จุมว่าน้ำตาไหลอาบแก้มลง ดวงตาที่คล้ายกำลังเลือนลอยก้มมองต่ำไม่ยอมสบตา
“…………………….” ผมชะงัก
“จุม ไปหาหมอเถอะ” ผมบอกอีก
ไม่สบายจนเพ้อ
“ ฮือๆ พี่ผมยอมแล้ว ยอมแล้ว” จุมขดตัวเข้าไปอีก เหมือนว่าจุมไม่ได้ยินที่ผมพูดด้วยซ้ำ
จุมไม่สบายจนเพ้อไม่รู้อันไหนจริง อันไหนปลอมแล้ว ผมยิ่งต้องพาจุมไปหาหมอ
“ จุม” ผมยื่นแขนไป จุมปัดออก แต่ไม่แรงอย่างที่คิด แล้วเอามือที่ปัดแขนผมยกขึ้น
“ พี่ พี่ ครับ พี่ ผมยอมพี่ทุกอย่างอย่า อย่าครับ” ยกมือไหว้แนบกับใบหน้าที่ก้มลง
“…………………….” ผมร้องไห้ในใจ
“ ผมกลัวแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว ฮือๆ”
ผมไม่ไหวแล้ว ขาที่ว่าแข็งแรงแทบพยุงตัวไว้ไม่ไหว ก่อนที่ดึงจุมเข้ามากอด
“ พี่ครับ พี่ครับ อย่าทำผม” จุมพูดเหมือนสำลักน้ำ
“ ไม่ทำหรอก” ผมบอกร่างกายในวงแขนที่สั่นไม่หยุด
ชิดจะทำร้ายคนที่ชิดรักได้ยังไง มีแต่จะถนอมจุม ดูแลจุมแบบนี้
“ ฮือๆ เชื่อผม ผมไม่เคย ……………………. ผมไม่กล้า ”
“ชิด เชื่อ” ชิดบอก ทั้งที่รู้ว่าคนที่จุมต้องการให้เชื่อ ไม่ใช่ผม
“ เจ็บ เจ็บ ผม เจ็บ……………” เสียงจุมค่อยๆแผ่วลงแล้วก็เงียบ แต่ผมก็ยังกอดจุมไว้เหมือนเดิม
“ จุม ลืมมันไปเถอะ อย่าไปคิดถึง เรื่องร้ายๆในอดีต ” ผมว่า มองหน้าจุม ที่น้ำตาเต็มหน้า ดวงตาเลื่อนลอย ใจผมเจ็บปวดราวร้าว
“ ไปหาหมอนะ เดี๋ยวชิดพาไป” ผมบอกมือเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ ก่อนที่จะพยายามยิ้ม แต่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร้องไห้
จุมทรมานมาพอแล้ว อย่าทรมานอีกเลย ถึงจุมจะไม่มีใคร…แต่จุมมีชิด
……………ชิดจะไม่ทำเหมือนกับที่ไอ้นั่นมันทำกับจุม…………………….ชิดสัญญา
“……………” ไม่เสียงใดเล็ดลอดจากริมฝีปากซีดๆนอกจากเสียงสะอื้นเป็นพักๆ
“…………………………” ผมแบกจุมที่ตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูกออกจากห้อง เดินลงบันไดมาจนถึงรถ
“ ชิด!?” ผมเงยหน้ามองคนที่เรียก
พี่ชนะ!?
พี่ชนะมาที่นี่ได้ไง หรือว่าพี่เขาตามจุมมาที่นี่ (พี่ชนะจับประตูรถไว้ไม่ได้ผมปิดประตูรถ สายตาเหลือบมองจุม)
“ อะไรพี่ผมรีบ!” ผมว่าเสียงร้อนรน ทั้งเป็นห่วงจุม แล้วยังมาเจอพี่ชนะที่นี่อีก
“ จะพาจุมไปไหน?” พี่ชนะถาม
“ ไปโรง-บาล จุมไม่สบาย” ผมบอกจะปิดประตู พี่ชนะดึงไว้ สายตาจับจ้องจุม…
“ ให้พี่ไปด้วย” พี่ชนะว่าเดินไปเปิดประตูรถด้านหลัง ผมรีบล็อค
“ ผมไม่ให้พี่ไป ขอร้องล่ะผมไม่อยากให้จุมเห็นพี่ อยากรู้อะไรเดี๋ยวผมจะบอกแต่ตอนนี้ผมจะพาจุมไปหาหมอ” ชิดบอก และขับรถออกมา มองจากระจกพี่ชนะวิ่งตามมาก่อนที่หยุดมองรถผม
โล่งใจ… ผมถอนหายใจมองจุมที่หลับอยู่
“……………”
.
.
.
ผมขับรถมาถึงอาพาร์ทเม้นต์ หลังที่จุมให้น้ำเกลือเสร็จพี่ชนะยังคงนั่งรอผมอยู่ม้าหินอ่อน
ผมกังวลใจขึ้นมาทันที เริ่มคิดจะถ่วงเวลาพี่ชนะยังไงดีเพื่อแล้วให้พี่อิงพาจุมไปจากที่นี่ แต่ผมมาคิดอีกที ผมอาจจะไม่ต้องทำอย่างนั้น เพราะที่ชลบุรี พี่ชนะก็เจอจุมกับผม แต่ที่ร้านก็ไม่ได้ถูกตอแยอะไรอีก นั่นหมายความว่า ไม่มีใครรู้ว่าจุมเคยอยู่ที่นี่นั่น
หมายความว่าพี่ชนะ ไม่ได้บอกใครว่าเจอจุม ?!
“……………” ผมจอดรถแล้ว พี่ชนะมองแต่ไม่ได้เดินมา ผมประครองจุมที่ตื่นแล้วออกมา
“ จุมเดินไหวไหม?” ผมถาม ละสายตาจากพี่ชนะมามองคนจุมคนที่ผมรัก
“ ไหว” จุมบอกและพยักหน้า จุมเพิ่งตื่นก่อนที่น้ำเกลือจะหมดขวดไม่นานนี่เอง ผมประครองจุมขึ้นบันไดไปถึงห้อง พาไปนอนที่เตียง แล้วห่มผ้าตาม
“ ชิดไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้” จุมว่า
“ ก็ชิดอยากดูแล มากกว่านี้ด้วย ถ้าจุมให้โอกาส……” ผมบอกสื่อความหมายที่จุมก็รู้ดี
“………….” จุมเงียบ ไม่พูด เพราะคำพูดที่จะพูดอาจจะทำร้ายผม หรือพูดจนเบื่อที่จะพูดคำเดิมๆ ว่า ‘ คิดแบบเพื่อน’ หรือ ‘ จุมไม่ดีพอสำหรับชิด’ หรือ ‘ ยังไม่พร้อม’
สำหรับผมจุมดีที่สุด ไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ผมรอได้
“ คนป่วยนอน เถอะ อย่าคิดมาก” ผมบอก ไม่อยากจะบีบคั้นจุม
“ ชิด” จุมเรียกจับแขนผมที่กำลังหันตัวห่างออกมา
“………?….”(ผม)
“ ขอบคุณ”
“ ไม่เป็นไร เพราะเต็มใจ” ผมบอกจริงจัง
“………….”
“…………และไม่ต้องคิดมาก เรื่องชิด ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน” ผมบอก คิดจะเอามือลูบหัวจุมแต่แล้วก็ไม่
จุมยิ้มเบาบางบนใบหน้าซีด ก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลง
“………….”
ชิดเองก็ใช้โอกาสที่จุมไม่มีใคร ใกล้ชิดจุม เพราะงั้นไม่ต้องทำเหมือนชิดเป็นคนดีเสียเต็มประดา เพราะมันทำให้ชิดดูเลว
ผมออกจากห้องลงไปหาพี่ชนะ คิดว่าพี่เขาคงยังรอผมแน่นอน ไม่งั้นคงไม่รอผมที่พาจุมไปหาหมอตั้งครึ่งค่อนวัน
ผมเห็นพี่ชนะนั่งรอผมอยู่จริงๆ ผมเดินไปหาและนั่งลงข้างๆ
“………….”
“ …..จุมเป็นไงบ้าง?” พี่ชนะถามก่อน
“ เป็นไข้หวัดธรรมดา ดีขึ้นแล้ว แต่พักผ่อนน้อยเลยดูเหมือนจะหนัก ตอนนี้หลับเพราะฤทธิ์ยา” ผมบอก แล้วก็เงียบ เพราะนึกถึงจุมที่ด้านอยู่ข้างบน วันนี้ไปหาหมอก็ต้องได้ให้น้ำเกลือ เพราะจุมพักผ่อนน้อย ก็นับตั้งแต่เจอพี่ชนะเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว และพอมาอยู่ที่นี่ จุมก็ทำงานใหม่ทันที
“ พี่นึกว่าเราจะไม่พาจุมกลับมาที่นี่แล้ว” พี่ชนะว่า
“ ทำไมล่ะครับ?” ผมมองหน้าถามพี่ชนะ
“ ............”(พี่ชนะเงียบ)
“ ผมไม่กลัวว่าพี่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนพี่หรอกครับ เพราะครั้งที่แล้วที่พี่เจอจุมพี่ก็ไม่ได้บอกใช่ไหมครับ เพราะพวกที่ร้านก็ไม่โดนตอแยอีก” ผมว่า
“ ............”(พี่ชนะ)
“ .....เพราะพี่เป็นคนดีพอที่จะให้จุมไปต้องไปทรมานอีก” ผมนึกถึงเมื่อปีที่แล้วที่ผมเจอจุมครั้งแรกหลังจากเรียนจบ
ผมไปเที่ยวพี่ฟ้า กับพี่อิงที่นครศรีธรรมราช และได้เจอจุมที่นั่น ผมเค้นกับพี่อิงแทบตายกว่าจะยอมเล่าเรื่องจุมให้ผมฟัง ซึ่งผิดกับที่ผมรับรู้มาว่า จุมไปเรียนต่างประเทศ
“ ไม่ใช่หรอก” พี่ชนะพูดขึ้นมาลอยๆ ที่ผมไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร
“ พี่อยากรู้เรื่องอะไรผมจะบอกตามที่สัญญา” ที่พี่ไม่ตามผมไปโรงพยาบาล และพี่เองก็คงจะไม่บอกเรื่องวันนี้กับใครด้วย
“ พี่ไม่อยากรู้เรื่องอะไรหรอก แค่รู้ว่าจุมไม่ได้ตกระกำลำบากก็พอ” พี่ชนะว่า
“ จุมไม่มีทางตกระกำลำบากหรอก เพราะมีผมคนนี้ดูแลอยู่ไม่ห่างไง”ผมพูดยิ้ม เพราะอย่างน้อยจุมก็ยังมีผม
“ เราชอบจุมเหรอ?” พี่ชนะถาม
“ รักเลยครับ” ผมตอบหนักแน่น ก้มหน้าลงแล้วยิ้ม เมื่อนึกถึงจุม หากว่าจุมไม่ต้องไปเจอคนคนนั้นอีก ก็คงดี
“ แล้วรู้ไหมว่าทำไมจุมถึงได้..”
“ หนีไปเรื่อยๆใช่ไหม” ผมตอบก่อนที่พี่ชนะจะพูดจบ พี่ชนะพยักหน้า
“ ก็เพราะเพื่อนพี่ไง ...” ผมตอบเสียงเบาทั้งที่พูดปกติ
‘พี่วุฒิ’
คนที่ทำร้าย จุม ทั้งที่เป็นคนที่จุมรัก แต่ยังทำร้ายจุม จน...
ผมหลับตาลงไม่อยากคิด เรื่องจุมในอดีต เพราะถ้าคิดผมก็มองเห็นภาพจุมที่กำลังโดนทำร้าย...โดยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่งั้นจุมคงไม่เป็นแบบนี้
“ ใช่ เพราะเพื่อนพี่ และตอนนี้เพื่อนพี่ก็ยังตามหาจุมอยู่ คงไม่ง่ายหรอกที่เราจะชอบจุมได้ง่ายๆ”
“ ผมไม่สนใจหรอก ขอแค่จุมรักผมก็พอ ผมคิดว่าการเอาชนะใจจุมยากกว่าการเอาชนะเพื่อนพี่” ผมบอก
ผมเคยคิดที่จะทำอะไรตอบแทนพี่วุฒิแทนจุมบ้าง แต่พี่อิงห้ามไว้ ไม่ใช่ว่ากลัว แต่แค่จะไม่ชนะเท่า และอาจจะทำให้พี่วุฒิระแคะระคายเรื่องจุมด้วย เป็นการดีที่จะทำให้เรื่องจุมหายไปเฉยๆ
พี่อิงเคยบอกผมว่า สู้กับคนบ้ายังไงก็ไม่ชนะ
“ ...........”
“ คนเราถึงขีดสุดแล้วล่ะครับ ถึงได้หนีและทิ้งทุกอย่างไว้กับอดีต ..ผมไม่รู้อะไรมากเท่าไรหรอก แต่ผมพอรู้ว่าจุมผ่านอะไรมาเยอะ แม้แต่ตอนนี้จุมก็ยังไม่ลืม..” ผมบอก
ภาพจุมที่ไม่เป็นตัวของตัวเองยังคงติดตาผม
“ พี่รู้หรือเปล่า ว่า ผมไม่ใช่คนดีอะไรเลย เลวมาเยอะ ดีก็มีบ้าง ตอนที่ผมได้เจอจุมครั้งแรก ที่บ้านพี่ฟ้า ผม รู้ว่าจุมไม่มีที่พึ่งยังคิดจะปล้ำจุมเลย ก็คนมันแอบชอบมานาน แรกๆผมคิดว่าเอาใจเขามาเป็นของเราก่อนกายจะตามมาเอง แต่คนเราทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เห็น ผมก็ไม่ทนรอ...”
“ ...........” พี่ชนะเงียบ สีหน้าดูตกใจ
“คิดเอากายก่อนแล้วใจจะตามมา ผมก็คนมีชั่วมีดีเลยปล้ำจุม แต่ปฏิกิริยาจุมทำให้ผมเปลี่ยนใจ ....ว่าผมนี่มันชั่วจริงๆ แต่จากนี้ไปผมอยากเป็นคนดี เป็นคนที่จุมไว้ใจ เป็นคนที่จะดูแลจุม พี่อาจจะคิดว่าผมพูดเวอร์ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ ตอนนั้น..พี่ไม่เห็นจุมคงไม่เข้าใจหรอก”
ครั้งนั้น ผมทนไม่ไหวจริงๆ ไม่ว่าผมจะทำดีแค่ไหน จุมก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน ผมจำได้ดี... ...
ผมเข้าไปหาจุมในห้อง ตอนนั้นผมกินเหล้าเอาความกล้าไปด้วยนิดหน่อย จุมกำลังนั่งเขียนจดหมายหาหาแม่ ที่เมื่อตอนกลางวันบอกว่าจะฝากผมเอาไปให้เมื่อผมกลับกรุงเทพฯ
“ ชิด?” จุมสงสัยที่ผมเข้าห้องโดยไม่เคาะ และยังไม่พูดไม่จา
“ จุม ชิดไม่ดีตรงไหน? ทำไมจุมถึงไม่เคยมองชิด บอกสิ ชิดจะปรับปรุงตัว” ผมบอกเดินเข้าไปหาจุมที่ยืนขึ้น แล้วมองผม ด้วยสายตากังวล
“ ชิด ชิดกินเหล้ามาเหรอ?” จุมถามเดินถอยหลัง ผมเดินตามกระชันชิด
“ กิน!” ผมตอบเสียงห้วน
“ เมาแล้วก็นอน นอนเตียงจุมก็ได้” จุมบอก หลังชนผนังห้องแล้ว ผมจับกดไหล่จุมกับผนังห้อง
* * * *
ตอนหน้าชิดชนกอีกตอนเจ้าค่ะ