ตอนที่ 3 MSN สลับร่างสื่อรักผมถอดสายแจ็คกีตาร์ออกจากแอมป์ พร้อมถือกีตาร์เดินลงจากเวทีไปด้านหลังเพื่อที่จะม้วนเก็บสายแจ็ค และเช็ดสายกีตาร์ก่อนจะเก็บเข้ากล่อง ผมเป็นคนขี้เกียจนะครับ แต่เรื่องอุปกรณ์ดนตรี ผมไม่เคยละเลย กีตาร์เล่นเสร็จต้องเช็ดสายครับ เหงื่อไคลเราที่สัมผัสกับสายตอนเล่นมันจะทำให้สายเป็นสนิมได้ครับ บอดี้เองก็ต้องเช็ดครับ ของไม่ได้ราคาบาทสองบาท
ผมก็นั่งก้มเช็ดสายกีตาร์ไปอย่างใจเย็น เพื่อน ๆ คนอื่นในวงก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเองอยู่เช่นกัน
“เอ่อ..น้องโรสครับ” ใครเรียกไอ้โรสวะ สงสัยจะแฟนคลับผู้ชายของมัน ไอ้โรสมีแฟนคลับทั้งชายหญิงครับ (สองเพศแฟนคลับของมันมักตีกันเสมอเพื่อแย่งมัน เพี้ยน!!!) ผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยสายตาเหวี่ยง ๆ แต่ผมเหวี่ยงไม่ออกครับ...ก็คนที่มายืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือ
พี่เซฟ!!!
“พี่เซฟ” ผมหลุดปากเรียกชื่อพี่เขาไปเบาๆ
“รู้จักชื่อพี่ด้วยเหรอครับ” พี่เซฟยิ้มเขิน ๆ ให้ โอ๊ยจะเป็นลมครับ ผ้าเช็ดกีตาร์หลุดมือไปเมื่อไหร่ไม่รู้ครับ รู้แต่ตอนนี้พี่เซฟก้มไปหยิบและกำลังยื่นให้ ผมก็รับมางง ๆ เอาหละ ผ้าพื้นนี้จะไม่ใช้เช็ดกีตาร์อีกแล้ว เอาไปไว้ใต้หมอนดีกว่าจะได้ฝันดี ขณะที่ผมกำลังเพ้อเจ้อกับตัวเองอยู่พี่เซฟแกคงเห็นสติผมหลุดลอยไปแล้ว แกเลยเรียกเบา ๆ อีกทีครับ
“น้องโรสครับ” จริงๆ อยากให้เรียกเลิฟนะครับพี่ แต่ทางที่ดีอยากให้เรียก เลิฟยู ดีที่สุดกร๊ากกก กูบ้าอีกแล้ว
“เอ่อ..ว่าไงฮะ” เรียกสติกลับมาได้นิดนึงครับแอ๊บเสียงหน่อย ๆ
“คือ...พี่รู้ว่าน้องโรสคงไม่สนใจผู้ชายอย่างพี่ แต่...เอ่อ...คือ แต่ พี่อยากจะขอแอดพินน้องโรสได้ไหมครับ เผื่อจะได้ทำความรู้จักกันบ้าง” พี่เซฟหน้าแดงแจ๋เลยครับ ผมจะดีใจมากหากคนที่พี่เซฟอยากรู้จักคือผม ไม่ใช่เพราะคิดว่าผมเป็นโรส พี่เขาก็คงชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ใจนึงผมอยากจะปฏิเสธออกไป พร้อมพูดความจริงว่าผมคือใคร แต่อีกใจ ด้านมืดสั่งให้ผมลองเสี่ยง ทำตามใจตัวเอง...
“แต่โรสเป็นทอมนะ ชอบผู้หญิง” ผมย้ำความจริง (ที่อยู่บนพื้นฐานความไม่จริง) ของโรสให้พี่เซฟฟัง
“พี่ก็ชอบผู้หญิงครับ” จึก!!! เจ็บ...แทงใจดำทะลุถึงม๊ามแดงเลย ย้ำเข้าไปว่าชอบผู้หญิง
“แล้วถ้าโรสไม่ได้อยากรู้จักพี่หละ แล้วถ้าโรสไม่ชอบคุยกับผู้ชายหละ” ผมยังคงเล่นแง่กับพี่เซฟ
“ก็พี่จะจีบโรสนี่ครับ ตอนนี้ก็ขอทำความรู้จักกันก่อน BB กันไปก่อนก็ได้ พี่ก็จีบของพี่ไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ เผื่อสักวันโรสจะเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงบ้าง” พี่เซฟพูดไปยิ้มไป เขินไป น่ารักไป ผมรู้ว่าพี่คงรวบรวมความกล้าน่าดู เพราะพี่เซฟไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ ไม่ใช่คนที่จีบผู้หญิงไปเรื่อย
เอาไงดีวะเนี่ย!!! โรสเอ๊ย ฉันช่วยแกมามากแล้ว คราวนี้แกช่วยฉันหน่อยแล้วกันนะ
“แต่โรสไม่ได้ใช้ Blackberry ไม่ได้เป็นพวกบ้าเทคโนโลยี” ตอแหล!! มากๆ ครับไอ้เรื่องจริงน่ะคือผมไม่ได้ใช้ Blackberry จริง ๆ นะครับ ผมน่ะสาวก Steve Job ครับ แต่ไอ้ที่บอกว่าไม่ได้บ้าเทคโนโลยีนี่ แหลๆ ไป จริงๆ ผมนี่ทุกอย่างต้อง Apple นะครับ ดีที่บ้านรวยพ่อแม่มีเหลือกินเหลือใช้ แต่ผมเป็นคนรักษาของครับ และรู้จักประโยชน์ใช้สอยของสิ่งของที่ผมต้องการเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นผมใช้ของคุ้มค่าเงินครับ ไม่ได้ตามแฟชั่นอย่างเดียว
“คือ พี่ก็ไม่ได้บ้าครับ แต่เผอิญคุณพ่อของพี่ท่านจับฉลากของขวัญปีใหม่ได้ แล้วท่านใช้ไม่เป็นเลยยกให้พี่ครับ” พี่เซฟตอบแบบถ่อมๆ ตัวครับ แต่จริงๆ แล้วตามที่ผมไปสืบชีวประวัติพี่แกมาก็พอจะรู้ได้ว่า ครอบครัวของพี่เซฟเป็นครอบครัวฐานะปานกลางครับ พอกินพอใช้ ไม่ขัดสนอะไร พอจะมีเงินให้ลูกจับจ่ายได้ไม่น้อยหน้าใคร แต่ก็ไม่ถึงขนาดฟุ่มเฟือยได้
พ่อและแม่ของพี่เขาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งทั้งคู่ครับ เงินเดือนอาจารย์ข้าราชการก็ไม่ได้มากมายนัก เพียงแต่บ้านของคุณพ่อของพี่เขาเป็นตระกูลขุนน้ำขุนนางเก่าที่พอจะมีสมบัติประจำตระกูลตกทอดมาบ้าง แล้วพี่เซฟเองก็เป็นคนขยันครับ รับสอนพิเศษตั้งแต่ตัวเองเรียนปี 1 พอปี 2 ช่วงปิดเทอมก็ไปโครงการ Work and Travel ทำงานเก็บเงินฝึกภาษา เห็นไหมครับ ที่รักของผมทั้งเก่ง ขยัน แสนดี ขนาดไหน แล้วจะไม่ให้ผมรักพี่เขาได้ยังไงกัน
“เอาเมลไปแล้วกัน msn เล่นใช่ไหมฮะ” ผมเลยตัดสินใจให้ email กับพี่เซฟไปแทน ก่อนจากกันพี่เขาก็ยิ้มกว้างส่งท้าย แข่งขาจะอ่อนครับ อยากจะเป็นลม เกือบเผลอปล่อยมือทำกีตาร์ตกพื้น อยากวิ่งไปกรี๊ดดดดดดด เสียงดัง ๆ สักสิบนาทีแต่ก็กลัวเส้นเสียงจะอักเสบ เฮ้อ...เมื่อไหร่ผมจะได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นของตัวเองนะ
ผมประมวลแผนก่อการรักของผมไว้ในใจอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่า ช่วงนี้ผมต้องแอบเป็นไอ้โรสไปก่อนระหว่างที่เจอพี่เซฟ หรือแชทคุยกัน ผมจะต้องพยายามทำให้พี่เซฟรักผมให้ได้ครับ แล้วผมก็จะบอกความจริงกับพี่เซฟ เฮ้อออ นี่กูเป็น ทัดดาว บุษยา เจ้าฮะ หรือเปล่าวะเนี่ย ผมรู้ว่าพี่เซฟคงโกรธถ้ารู้ความจริง แต่ถ้าพี่เขารักผมไปแล้ว อย่างน้อย ก็ยังคงมีเยื่อใยให้สานต่อกันบ้าง ผมก็ได้แต่คิดง่ายๆ ไปก่อน โดยไม่รู้เลยว่า เรื่องโครต!!!!! ยุ่งมันจะตามมาแบบ non stop หลังจากนี้
ผมรีบกลับบ้านไปรอไอ้โรสด้วยใจจดจ่อเลยครับ เพราะคิดว่าคงต้องอธิบายเรื่องราวและแผนการณ์ทุกอย่างให้มันฟัง เผื่อวันไหนเดิน ๆ ไปแล้วเจอพี่เซฟเดินมาจีบมันจะได้สวมรอยเป็นผมในคราบของมัน (งงไหมครับ ผมก็เริ่มงงนิดๆ) ผมต้องรีบบอกก่อนครับเพราะไอ้โรสเนี่ย ถ้ามีผู้ชายมาจีบนะครับ มันด่าเละเสียหมาเลยครับ
มีอยู่ครั้งนึงครับ มีชายหนุ่มสุดหล่อว่าที่คุณหมอมาจีบมัน ตามมาดักรอหน้าคณะ เช้ากลางวันเย็น มีอยู่กลางวัน วันหนึ่งว่าที่คุณหมอก็มายืนรอ ไอ้โรสมันก็ชวนไปที่โรงอาหาร ตอนกลางวัน คนกำลังเยอะเลยครับ พอมาถึงโรงอาหารมันก็แหกปากด่าหมอกลางโรงอาหารเลย
‘โรคจิตหรือไง ตามอยู่นั่น บอกว่าเป็นทอม ไม่ชอบผู้ชาย ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ แล้วอย่างนี้จะเป็นหมอได้ยังไง มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ นี่อุตส่าห์อดทนให้เลิกตามไปเองนะ เห็นว่ามีการศึกษาเป็นถึงนักศึกษาแพทย์ คิดว่าจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ ถ้าเข้าใจยากนัก ก็จะได้ให้คนอื่นรับรู้ด้วย เผื่อคนรู้เยอะๆ จะได้เลิกด้านซะที ไปชิ้ว’ หลังจากนั้น คุณหมอชะตาขาด ก็ตายจากไป เหลือไว้เพียงเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง ถึงความแรงงงง!!! ของไอ้โรส จากนั้นก็ไม่ค่อยมีใครอยากลองดีกับมันเท่าไหร่ มีแต่พวกแซว ๆ เล่น ๆ ไม่มีใครกล้าตามจีบมันอย่างจริงจัง
ผมว่าพี่เซฟก็น่าจะรู้กิตติศัพท์ของไอ้โรสมาบ้าง นี่ถือว่าพี่เซฟกล้ามากนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรครับพี่เซฟ เลิฟไม่โหดร้ายเหมือนไอ้โรสหรอกครับ
จริง ๆ ตอนคุยกับพี่เซฟ ผมก็กลัวว่าพี่เขาจะจับได้นะครับ เพราะเสียงผู้ชาย ผู้หญิงมันหลอกกันลำบากครับ แต่เผอิญผมเรียนการใช้เสียงนะครับ แล้วผมเป็นผู้ชายเสียง Tenor ค่อนข้างสูงนะครับผมดัด (จริต) ได้นิดหน่อย แถมเสียงไอ้โรสเองมันก็แหบ ๆ แล้วมันก็จะชอบทำเสียงห้าว ๆ แมน ๆ มันก็เลยไม่ยากที่ผมจะเลียนเสียงมันนะครับ อาจจะไม่เป๊ะ แต่ถ้าคนที่ไม่เคยคุยกับโรส หรือผม แล้วเพียงแค่รับรู้ว่าไอ้โรสเป็นทอม ที่ห้าว แมน แต่งชาย มีแฟนเป็นหญิง เขาก็เหมือนจะเมมโมรี่สมองไว้แล้วว่าเสียงผมก็คงจะไม่ต่างจากผู้ชายนัก พอได้มาคุยกันจริงๆ เขาก็เลยจะไม่เอะใจเท่าไหร่ แต่ยังไง ผมก็ต้องคอยระวังตัวแหละครับ
“คุณพี่ชายครับ ทำไมวันนี้นอนดึกหละ” ยังดีที่มันยังกลับนะครับ นึกว่าคืนนี้จะอยู่กับน้องมิมิทั้งคืน มันไปค้างห้องน้องเขาบ่อยครับ แถมมันยังเที่ยวป่าวประกาศว่ามิมิน่ะ เมียมัน คิดไม่ออกครับ ว่ามันจะ..จึ๊ก จึ๊ก ฉิง ฉับ กันยังไง ผมไม่ค่อยสันทัดแนวนี้เท่าไหร่ ฮ่า ๆ
“รอแกนั่นแหละ มาคุยกันก่อนดิไอ้น้องชาย” มันชอบให้ผมเรียกไอ้น้องชายครับ ผมก็อยากให้มันเรียกว่าพี่สาวเหมือนกัน อะ ล้อเล่น เป็นพี่ชายมันแหละดีแล้วครับ
“มีไร วันนี้เล่นดนตรีเป็นไงบ้าง แฟนคลับสาว ๆ ฉันจับได้รึเปล่าว่าเป็นแกมาแทน” แหม ห่วงแต่ตัวเองนะมึง จับได้ห่าเหวไร ชะนี งี้กรี๊ดดดดด กันจนหูจะแตก
“ไม่มีใครจับได้ นอกจากเพื่อนในวงแก แต่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นอีกหวะ” อยากกรี๊ดต่อท้ายด้วย
“เรื่องไร พี่เซฟมาขอเบอร์หรือไง”
“กรี๊ดดดด ไอ้บ้าโรส แกรู้ได้ไง” ผมกรี๊ดออกมาจริงๆ หละครับ อดไม่อยู่ สาวใส่เลย ทายถูกได้ไง
“เฮ้ย จริงอะ โม้เหอะ” ไม่เชื่อเสน่ห์ของพี่ชายแกเหรอไงไอ้โรส
“จริง แต่ขอแอดพินนะ ไม่ได้ขอเบอร์ ฉันไม่มีพิน เลยให้อีเมลไป”
“โหยย ฝันที่เป็นจริงเลยดิวะเนี่ย ดีใจกับแกด้วยนะเนี่ย ว่าแต่ เอ๊ะ ไอ้เลิฟ เดี๋ยวนะ แกไปในฐานะฉัน แล้วไอ้พี่เซฟมันมาจีบใคร ฉัน หรือว่าแก” เอ่อ นี่แหละ ที่กำลังจะบอกต่อ โปรดอย่าคาดคั้นด้วยสายตาเหมือนจะมาขย่ำคอฉันสิ
“แหะๆ จีบ....แก หวะ”
“ไอ้เหี้ยยยยยยยพี่เซฟ มึงตายยยยยย” ไอ้โรสมันพูดพร้อมเอามือมาบีบคอผม ปากด่าพี่เซฟแล้วมาบีบคอกูทำม๊ายยยยย เข้าใจว่าเพราะฉันเป็นว่าที่ภริยาพี่เซฟ อย่าเพิ่งใส่อารมณ์นักสิวะ เดี๋ยวกูไม่ได้เป็นเมียพี่เซฟจริงๆ อร๊ายยยยยยย แค่คิดก็เขิน
เพี้ยะ!!!! “ไอ้บ้า ฉันบีบคอแกมาทำหน้าเคลิ้ม น่าขนลุกเพื่อ!!!” ไอ้โรสตบกะบาลผมเรียกสติครับ
“แก ช่วยฉันหน่อยนะ เรื่องพี่เซฟฉันจัดการเอง เพียงแต่ขอยืมชื่อแกก่อนนะ ถ้าพี่เขารักฉันแล้ว ฉันจะรีบบอกความจริงกับเขาทันที เขาอาจจะโกรธบ้าง แต่ถ้ารักกันจริง ฉันง้อซักหน่อยเขาอาจจะใจอ่อนนะแก” เห็นแก่ความรักของพี่แกเถอะนะไอ้น้องชายยยยยยย
“เฮ้อออ แกจะทำให้เรื่องมันยุ่งนะเลิฟ แกก็ชอบคิดอะไรง่าย ๆ ในแง่ดีไปได้”
“เถอะนะ โรสนะ แกก็รู้ว่าฉันรักพี่เซฟจริงๆ นะ ช่วยฉันหน่อย ฉันไม่เคยขออะไรแกเลยนะ ขอแค่ครั้งนี้ เรื่องนี้ เท่านั้น นะ” ผมเข้าไปเกาะแขนเขย่าขา แล้วเอาหัวถูไถไปกับหัวไหล่ของไอ้โรสเพื่ออ้อนมันครับ
“แกก็รู้ว่าแกเป็นพี่ชายที่ฉันรักที่สุด ทำไมฉันจะไม่ช่วย ฉันเพียงแค่อยากเตือนให้แกลองคิดดีๆ ผลที่ออกมามันจะได้ไม่คุ้มเสียรึเปล่า ฉันเองยังไงก็ยืนข้างแกอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง” บทจะจริงจังไอ้โรสมันก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมนะครับ มันมีเหตุผล และมักมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อนเสมอ ผมเองเป็นคนไม่ค่อยคิดเล็กคิดน้อย อยากทำอะไร ก็ทำ ไม่คิดอะไรมาก มองโลกในแง่ดี มีความสุขกับชีวิตครับ ผมว่าการเป็นศิลปิน ไม่ควรมองอะไรร้ายเกินไป มันจะทำลายศิลปะนะครับ
“ฉันจะไม่ทำให้แกเดือดร้อนนะ แกไม่ต้องทำไรมากหรอก เพียงแค่ถ้าเผอิญเจอพี่เซฟแล้วเขาเข้ามาทัก แกก็เออๆ ออๆ ไปหน่อยนะ หรือถ้าเกิดแกไม่ทันตั้งตัว แกก็ปฏิเสธไปว่าแกเป็นพี่ชายของโรสก็ได้นะ”
“เออ ก็ได้ยังไงฉันก็ลาออกจากการเป็นน้องแกไม่ได้อยู่แล้วนี่หว่า ทางเลือกของฉันมีซะที่ไหน” ไอ้โรสพูดแบบปลงๆ แต่ผมรู้ว่ามันน่ะเป็นห่วงและหวังดีกับผมมากที่สุด
เอาเถอะไอ้น้องชาย ยังไงแกก็ต้องมีพี่เขยชื่อ “เซฟ” แน่นอน!!!!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ !!!
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามกันนะคะ
ยังไงก็เม้นท์พูดคุย กันได้นะคะ เดี๋ยวขอไปปั่นตอนต่อๆ ไปก่อนนะคะ
แว๊บมาอ่านก็แว๊บโพสกันนิดหน่อยก็ได้นะคะ