"ภายใน 1 ปี ที่ลูกทั้งสองต้องแยกกันเรียนกันคนละที่...ลูกทั้งสองจะต้องไม่ติดต่อกันไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ....ลูกต้องทำเสมือนไม่เคยมีใครอีกคนอยู่บนโลกใบนี้...สิ่งที่ลูกทำได้คือ...รอ...รอที่จะกลับมาใช้เวลาร่วมกันอีก...คิดถึงกัน...ลูกทำได้แค่นั้นเอง....ถ้าลูกคิดที่จะทำอย่างที่พ่อขอ...ลูกต้องซื่อสัตย์ให้ได้กับคำพูดของตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวลูกเองยังซื่อสัตย์ไม่ได้...ก็อย่าหวังเลยว่าลูกจะซื่อสัตย์กับใครได้" ใจผมจากที่ว่างวาบเมื่อกี้...กลับมืดสนิทอีกครั้ง...ผมอยากได้สัมผัสที่อ่อนโยนจากมันจัง
"เวลา 1 ปี จะช่วยยืนยันอะไรหลายๆอย่าง...เวลาแค่หนึ่งปีทำลายความรักของลูกไม่ได้หรอก...ถ้าลูกแน่ใจแล้วว่านั่นคือรัก.....สิ่งที่พ่ออยากจะบอกก็คือ....การที่จะรักกันได้นั้นว่ายากแล้ว...แต่การที่จะรักษาให้มันอยู่กับเราสิ...ยากยิ่งกว่ายากซะอีก....ถ้าลูกทั้งสองคนไม่หนักแน่นพอ...ก็ปล่อยให้มันจบตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า...แผลยิ่งรักษาเร็วเท่าไรมันก็ยิ่งกายเร็วเท่านั้น..."
"ฮึก...ฮึก....ฮึก..." น้ำตาผมมันยังมีให้ไหลอีกเหรอ...
"อ่อน...รักของกูทำร้ายมึงขนาดนี้เลยเหรอ...กูคิดว่ารักของกูจะปกป้องดูแลมึงได้...แต่มันกลับทำร้ายมึงขนาดนี้....กูขอโทษ..."
"ฮึ..ฮึก...ถ้าจะมีใครผิด...ก็คือกูเองนี่แหละ...ที่ไปรักมึง...โจ๊ก....ฮือๆๆๆ..." ในที่สุดน้ำตาก็ชนะครับ...ผมกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ...ผมจะมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้มั๊ย....เพราะมันเจ็บซะขนาดนี้
เพราะเหตุนี้ไงครับ...ผมถึงไม่อยากรัก...ไม่อยากผูกพัน...ไม่อยากฝากใจไว้กับใคร....
1ปี เชียวนะครับ...ไม่ใช่แค่ 1 ชั่วโมง 1 วัน 1 สัปดาห์ หรือแม้แต่ 1 เดือน...แต่นี่มันตั้ง 1 ปี
ก็ดูอย่างผมกับมัน ภายใน1 ปีทำให้ผมกับมันได้พบกัน...แล้วก็รักกัน
แล้วใน 1 ปี นี่ละ...มันจะทำให้อะไรเกิดขึ้นได้บ้าง...อาจจะเลิกรักกัน...อาจจะมีใครคนใหม่เข้ามา...ไม่ว่าจะทั้งมันหรือผม ผมเกลียดความห่าง...เกลียด...เกลียด...
"โจ๊ก...กูเจ็บจนทนไม่ไหวแล้วนะ....ถ้ากูหลับตอนนี้เลยได้มั๊ย...ไปส่งที่ห้องได้มัีย...ขี่หลัง...ฮึก...ฮือๆ...กลัว...กลัวจริงๆนะ..."
"ไม่ต้องกลัวนะครับ....โจ๊กยังอยู่นิ...หลับซิ...เดี๋ยวโจ๊กอุ้มไปส่งนะ....."
"ไหนว่ารักกันแล้วจะไม่เจ็บไง....แต่จูนเจ็บ...เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว..."
"ถ้าเลิกรักกัน....จูนจะหายเจ็บมั๊ยครับ...หืม...จะหายเจ็บ...หรือเจ็บมากขึ้น..." มันพูดเสียงสั่นๆ ตาแดงๆ...แต่ยังไม่ถึงขั้นร้องไห้
"ไม่รู้...รู้แค่ว่าเจ็บ...ตอนนี้เจ็บ..." ผมกับมันก้มหน้าพูดกันบ้าง เงยหน้าพูดกันบ้าง...โดยที่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ขัดอะไร ได้แต่มองผมกับมันสลับกันไปมา
"ความห่างมันไม่ได้เลวร้ายไปเสมอหรอกนะลูก....ถ้าเรารู้จักมองมันในแง่ดี...ความห่างมันก็มีประโยชน์น่าดูเชียวแหละ...ความห่างทำให้เราคิดถึงกันมากขึ้น ห่วงกันมากขึ้น...ความห่าวทำให้เรารู้ว่ามันทรมานแค่ไหนเมื่อต้องไกลจากคนที่เรารัก....แล้วในวันที่เราได้กลับมาใช้เวลาร่วมกันอีก...เราจะดูแลรักซึ่งกันและกันเพื่อไม่ให้ห่างกันอีก...แต่ในระหว่างห่างกันนั่นแหละ...ระยะห่างอาจจะทำให้เกอดการเปลี่ยนได้มากมาย...ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วนะว่าเราจะควบคุมกายควบคุมใจของเราได้ดีแค่ไหน...นั่นคือความร้ยกาจของความห่าง...แต่มันก็เป็นบทพิสูจน์ได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนกัน...."
"ความไว้ใจ ความเชื่อใจ ความซื่อสัตย์...สามอย่างแค่นี้เองลูกที่จะสามารถเอาชนะความโหดร้ายของความห่างได้....ถึงแม้ลูกจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ลูกไม่มีสามอย่างนี้ประกอบขึ้นมาเป็นรัก....ลูกคิดว่าลูกจะมีความสุขได้มั๊ย...คอยแต่จะหวาดระแวงกัน...คอยแต่จะจับผิดกัน...สู้อยู่ห่างกันซะดีกว่า...อย่างน้อยก็ยังมีความคิดถึงให้กันบ้าง...คนเรานะลูก...อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกถ้าไม่ยิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน...ลูกโตพอที่จะรักแล้ว...เรื่องแค่นี้ลูกคงเข้าใจได้ไม่ยากนะ...."
"พ่อรู้...อาจจะมีบ้างที่เราเผลอนอกลู่นอกทาง...นั่นก็เพราะเราเป้นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ยังมีความต้องการไม่สิ้นสุด...แต่...อย่านอกใจเป็นพอ...ถ้าเห็นว่ามันนอกลู่นอกทางมากไปแล้ว ...ก็วกกลับเข้าลู่เข้าทางซะ...ใช่มั๊ย..." อย่างน้อยคำพูดของพ่อมันก็ทำให้ผมพอจะยิ้มได้บ้าง
"เวลาจะเป็นตัวบอกลูกได้เป็นอย่างดีว่า....สิ่งที่ลูกทั้งสองคนรู้สึกอยู่ตอนนี้คือความรักหรือความหลงกันแน่....เพราะรักกับกับหลงมันต่างกันแค่นิดเดียว...ถ้านั่นคือ...หลง...วันหนึ่งที่ลูกไกลกัน ความรู้สึกนี้มันก็จะหายไปเองโดยที่ลูกไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย....แต่ถ้านั่นคือ...รัก...ความรู้สึกจะไม่หายไปไหน...มันจะยังอยู่กับลูกเพื่อรอวันที่ลูกจะกลับมาเจอกันอีก...คนเราอยู่ด้วยความหลงไม่ได้หรอก...แต่ต้องอยู่ด้วยความรักความเข้าใจต่างหาก....อย่าใช้ความหลงในชีวิตรัก...แต่ให้ใช้ความรักและเข้าใจในการดำเนินชีวิตรัก...."
"ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกทั้งสองแล้วว่า...จะให้ความห่างเป็นผู้สร้างหรือผูทำลาย...ถ้าอีกหนึ่งปีข้างหน้าลูกทั้งสองคนยังรู้สึกเหมือนเดิมแบบนี้หรืออาจจะมากขึ้นก็ได้...พ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะต้อนรับสมาชิกของครอบครัวเราที่ชื่อ...จูน....นะลูก...แม่จะตั้งใจรอวันนั้นนะลูก...รอวันที่จูนจะเป็นลูกของแม่อีกคน...."
"ขอบคุณครับแม่..." ผมก้มลงกราบเท้าแม่ของมัน...
"โจ๊ก...แม่มีลูกคนเดียวนะ...คนที่โจ๊กบอกว่ารัก...อีกหนึ่งปีข้างหน้าแม่อาจจะมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคน...ลูกที่ลูกของแม่รัก...และลูกที่จะรักลูกของแม่ตลอดไป..ถ้าเพียงแต่ลูกทั้งสองยังมานั่งพร้อมหน้ากันเหมือนอย่างในวันนี้...แม่คงจะพูดอย่างมีความสุขมากกว่าวันแน่ๆ...แล้วแม่จะรอวันนั้นนะลูก...โจ๊ก...."
"แล้ววันนั้น...ผมจะเป็นลูกอีกคนของแม่นะครับ....." มันก้มลงกราบเท้าแม่ของผมบ้าง
ผมสับสนไปหมดแล้ว...นี่ผมควรจะเสียใจ ดีใจ หรืออะไรดี...ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้...
ผมกับมันนั่งฟังที่พ่อกับแม่พูด
ผมเข้าใจถึงเจตนาดีของพวกท่าน...เพียงแต่ผมอาจไม่เข้มแข็งพอที่จะยิ้นรับความหวังดีของพวกท่าน
เพราะผมกลัว...กลัวทั้งใจมันและใจผม...กลัวไปซะทุกอย่าง
มันคงรับรู้ได้ว่าผมรู้สึกยังไง....มันเลยจับมือผมและบีบเบาๆเหมือนให้กำลังใจ
ผมนั่งก้มหน้ามองพื้นตลอด...เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมร้องไห้มากแค่ไหน
ส่วนโจ๊กมันนิ่งมาก...นิ่งจนผมไม่คิดว่ามันจะนิ่งได้ขนาดนี้...เพราะปกติมันเป็นคนขี้โวยวาย...อะไรที่ไม่ถูกใจมันจะไม่ยอมรับง่ายๆ
ที่มันนิ่งเพราะมันจะยอมหยุดแค่นี้....หรือนิ่งเพราะมันยอมรับเงื่อนไขของพ่อแม่...
ไม่ว่ามันจะเลือกทางไหน....ผมก็ทรมานอยู่ดี...เพียงแต่อย่างไหนมันจะทรมานยาวนานกว่ากันเท่านั้นเอง
ทุกคนเงียบ...คงต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง
พ่อแม่คงเว้นช่วงให่พวกผมได้พูดอะไรบ้าง
แต่ตอนนี้ผมพูดไม่ออกจริงๆ...มันตื้อไปหมด ...ที่ผมยังนั่งอยู่ได้...ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
"วันนี้ลูกอาจจะคิดว่าพ่อแม่รังแก...พ่อแม่ไม่ยอมรับความรักของลูก....ไม่รักลูก....ไม่..."
"ไม่นะครับแม่...ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย...ผมเชื่อว่าโจ๊กก็คงไม่คิดอย่างนั้นเหมือนกัน....ผมรู้ว่าพ่อแม่รักผมแค่ไหน ห่วงผมยังไง...ผมรู้ครับ...ผมรู้ดี..."ผมทนไม่ได้หรอกครับถ้าพ่อกับแม่ของเราจะคิดอย่างนั้น...เพราะผมรู้ดีว่าที่พวกท่านทำไปทั้งหมดก็เพราะรักและหวังดี
"วันหน้าถ้าลูกยังรู้สึกเหมือนเดิมกันทั้งคู่...ลูกจะกลับมาขอบคุณพ่อแม่ที่ทำอย่างนี้กับลูกทั้งสองในวันนี้นะ....."
ผมกับมันกราบเท้าพ่อกับแม่พร้อมกันอีกครั้ง
คุยธุระกันเสร็จ ก็ได้เวลากลับบ้านของครอบครัวมัน
ครอบครัวผมเลยเดินมาส่งกันที่รถ
แต่ตัวผมเองกลับหยุดรอส่งที่หน้าประตูบ้าน...ผมหมดแรงแล้วจริงๆครับ...แรงหมดจนต้องยืนพิงกับขอบประตู...ถ้าผมยังเดินต่อไปอีกเพียงก้าวเดียว...ผมต้องล้มแน่
พ่อกับแม่มันขึ้นรถแล้ว...ส่วนตัวมันเองก็เปิดประตูรถค้างไว้แต่ยังไม่ยอมก้าวขาขึ้นไปนั่ง...ตามันยังคงมองมาที่ผมที่ยืนเอาหัวซบประตู...ถ้าเปลี่ยนมาอกอุ่นๆของมัน...ผมคงจะรู้สึกดีกว่านี้เป้นแน่....
ตอนนี้ผมอยากกอดมัน อยากให้มันกอด....อยากร้องไห้แล้วมีมันปลอบเหมือนที่แล้วๆมา...อยากให้มันลูบหัว...อยากให้มันอยู่ข้างๆ...อยากเหนตัวเองจากเงาตาของมัน...
คิดได้เท่านี้น้ำตาผมก็ไหลหยดลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว
แต่ผมก็ยังปล่อยให้มันไหลไป.....ไม่อยากเช็ด....เพราะไม่อยากให้ภาพของโจ๊กคลาดสายตาอีกแล้ว....
"ฮึก..ฮึกๆๆๆๆ..." ผมคงสะอื้นดังไปหน่อย...พ่อกับแม่เลยหันมามอง...มันเองก็ยังไม่ยอมขึ้นรถซะที...
"โจ๊ก...นอนนี่ก็ได้นะลูก....แม่ไม่อยากให้ใครบางคนตาบวมฉึ่งมากไปกว่านี้เพราะนอนร้องไห้ทั้งคืน..."
แม่ผมเรียกมันเอาไว้...แล้วเดินมาหาผมพร้อมยิ้มที่อบอุ่นเสมอ
"ขอบคุณครับแม่...." ผมพูดทั้งน้ำตา...นี่ผมอ่อนแอขนาดนี้เชียวเหรอ...ไหนว่ารักจะทำให้เข้มแข็งไง
"ก็แม่รักลูกของแม่นี่นา....ทำไงได้ละ...ใช่มั๊ย...." แม่ผมขยี้หัวหัวผมเบาๆ
พอหันไปมองข้างนอกอีกที รถของพ่อแม่มันก็แล่นออไปไกลแล้ว....ส่วนตัวมันเองก็กำลังเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งพร้อมกับพ่อของผมเอง
"ขอบคุณครับพ่อ...ขอบคุณที่ให้โอกาสผม..."
"โอกาสเค้าไม่ได้มีให้กันบ่อยๆนะโจ๊ก....รักษามันให้ดีดีละ....เพราะมันอาจจะไม่ครั้งต่อไปอีกแล้ว..."
"โอกาสเพียงครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้วครับสำหรับผม....."
"หึหึหึ....พูดได้ดีนิ...." พ่อขยี้หัวมันจนผมยุ่ง แล้วเลยมาขยี้หัวผมพองาม....แล้วก็เลยเข้าตามแม่ไปในบ้าน
มันค่อยๆเดินมายังที่ผมยืน....ตอนนี้มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า....ถ้าข้างๆผมไม่มีคนๆนี้....ผมก็ยังคงมีชีวิตต่อไปได้....เพียงแต่ผมอาจจะยิ้มยากขึ้น...หัวเราะได้น้อยลง...หรืออาจจะไม่มีความสุขเท่าที่แล้วๆมาเหมือนกับตอนที่มันอยู่ข้างๆ....
โจ๊ก.....อยากเล่า
ทำไมถึงอยากปกป้องคนๆนี้...?
ทำไมถึงยอมปล่อยให้คนๆนี้มีอิทธิพลกับใจตัวเองมากมายขนาดนี้...แค่เค้าร้องไห้...มันทรมานขนาดนี้เลยเหรอ...?
ทำไมถึงปล่อยให้คนๆนี้คลาดสายตาไม่ได้...?
ทำไมถึงอยากอยู่ใกล้...?
ทั้งหมดก็เพราะ...รัก....รักคำเดียวเท่านั้นคือคำตอบของคำถามมากมายเหล่านี้
แล้วทำไมถึง...หลงรัก...คนๆนี้ได้มากมาขนาดนี้ละ....
หลงรักจนหาทางออกไม่เจอแล้ว
หรือจริงๆแล้วตัวผมเองต่างหากที่ไม่อยากหาทางออกไปจากส้นทางนี้เอง
"ฮึก...ฮึก...ฮึกๆๆๆๆ..." นี่จะนั่งสะอื้นทั้งคืนเลยใช่ไหม
"อ่อน...หยุดร้องได้แล้วครับ....เดี๋ยวน้ำก็หมดตัวได้ตายกันพอดี...."
ก็มันนะสิครับตั้งแต่เข้ามาในห้อง ไม่พูดไม่จา...ร้องอย่างเดียว....
".....ฮึ..ฮึกๆๆๆ..." ทรมานนะเนียะที่ต้องมานั่งเห็นคนที่เรารักร้องไห้
"หยุดร้องได้แล้วครับ...ดูซิตาเตอหูเหอจมูกแดงไปหมดแล้ว..." ผมเช็ดน้ำตาให้มัน...เอาเข้าไป๊....ทีนี้น้ำตามันกลับไหลราวกับเขื่อนแตกซะงั้น
"ฮือๆๆๆๆๆ....." ไม่ได้แค่สะอื้นแล้วครับ แต่กลับปล่อยโอเลย
ผมดึงมันมากอดไว้...กอดมันทั้งตัวทั้งใจด้วยใจรักของผม
ตัวมันสั่นมากๆ....บ่าผมรู้สึกถึงความชื้นจากน้ำตาของมัน
นี่รักผมทำร้ายคนที่ผมรักมากขาดนี้เชียวเหรอ.....หรือผมควรจะปล่อยจูนไปซะที...ก็ในเมื่อเค้าอยู่กับผมแล้วต้องทรมานขนาดนี้...ไม่หรอก...เรื่องมันต้องไม่จบเศร้าแบบนี้
"ร้องไห้ทำไมครับคนเก่ง...รู้มั๊ยน้ำตาของนายทันดาวคนนี้...ทำให้นายชินภัทรคนนี้ปวดใจน่าดูเลยนะ..." ผมพูดล้อๆมัน..
"ฮึกๆๆๆๆ..." ผมเลยโดน
"โอ๊ยๆๆๆๆ....." ก้ไอ้คนที่ร้องไห้ในอ้อมกอดผมนี่สิทุบผมซะหลายตุบเลย...แต่ยังไม่ยอมคลายจากอ้อมกอดของผมเลย
ผมกับมันน่งกอดกันอยู่อย่างนี้.....จนรู้สึกว่าเสียงสะอื้นเริ่มหายไป...จะมีบ้างแต่ก็นานๆครั้ง
ลมหายใจก็สม่ำเสมอแล้ว
ผมเลยค่อยๆผละดวงใจผมออกจากอก....ที่แท้ไอ้ตัวน่ารักของผมหลับแล้วนี่เอง
ก็เล่นร้องไห้หนักและนานซะขนาดนี้....ร่างกายจะทนไหวได้ไงละครับ...ตัวก็แค่นี้เอง...แต่ใจสิ...ใหญ่...ใหญ่จนมีผมอยู่ข้างในนั้นได้
ผมค่อยๆจัดท่านอนของจูนให้เข้าที่เข้าทาง...แต่กว่าจะเสร็จก็ทุลักทุเลเอาการอยู่....เพราะจูนไม่ยอมปล่อยมือผมเลย...แต่ก็ดีใจนะ...แม้แต่ตอนหลับเค้าก็ยังต้องการผม
ผมค่อยๆล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่ผมรัก...อย่างเบาที่สุดเพราะเค้าจะตืื่น...ผมกึ่งนั่งกึ่งนอน
ผมไม่อยากละสายตาไปจากวงหน้านี้เลย....วงหน้านี้แหละที่ทำให้ผมอยากรู้จักรัก...และก็ได้รัก....
ตื่นมาพรุ่งนี้ตามันคงบวมแบบหมีแพนด้ายังต้องยอมแพ้แน่ๆ...
ที่ผมยังนิ่งอยู่ได้อย่างนี้...ผมเองยังแปลกใจเลยครับว่าผมทำได้ยังไง...เพราะนี่ไม่ใช่นิสัยของผมเลย
ทั้งที่ได้ฟังคำพูดเหล่านั้นจากพ่อแม่ของพวกเรา...
อย่างเดียวที่ผมคิดได้ตอนนั้นคือ....ผมต้องเป็นที่พึงของจูนให้ได้ทั้งทางกายและใจ
ถ้าผมโวยวายหรือร้องไห้ฟูมฟาย...แล้วใครละที่จะเป็นคนคอยดูแลจูน...ปลอบโยนจูน...
แต่ผมก็ร้องไห้นะ....เพียงต่น้ำตาผมมันตกในไงครับ...
"แหมะ!!!!!...." น้ำตาผมเหรอที่หยดรดมือของจูน....งั้นคงไม่เป็นไรหรอกนะ...เพราะตอนนี้จูนหลับอยู่...ผมคงร้องไห้ได้แค่ตอนนี้....
"ฮึกๆๆๆๆ...." นี่ผมกำลังอ่อนแออยู่เหรอ...ไอ่เสียงบ้า...จะดังทำไม...เดี๋ยวจูนก็ตื่นหรอก....
ผมพยายามกลืนก้อนแข็งๆนั้นลงคอ....ผมต้องเข้มแข็งเพื่อคนๆนี้...คนที่ผมรัก...
ผมค่อยๆหลับตาเพื่อขับไล่น้ำตาที่ยังคลั่งอยู่ในนัยย์ตาให้หมดไป....เมื่อน้ำตาหมดไป...ผมจะได้มองภาพคนตรงหน้าได้ชัดเจนอีกครั้ง
"พรึ่บ!!!!!!...." ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง
".........." ตาบวมๆ แดงๆ ช้ำๆ....แต่ยังดูสวยกำลังจ้องมองมายังนัยย์ตาผม
"จูน...ตื่นแล้วเหรอครับ....หลับต่อนะ...พักผ่อนน้อยเดี๋ยวก็ไมาสบายหรอก...หลับนะ...โจ๊กจะอยู่ข้างๆ...ไม่ไปไหน..." ผมค่อยๆสัมผัสแก้ม หน้าผาก ดวงตาของจูนเบาๆ...เพราะถ้าทำแรงๆส่วนบอบบางนี้อาจจะสลายหายวับไปกับตาเลยก็ได้
"โจ๊ก....ร้องไห้เหรอ?....อย่าร้องนะ....จูนไม่ชอบ...ฮึก...จูนไม่อยากเห็นโจ๊กร้องไห้...อย่าร้องนะ...จูนไม่อยากให้โจ๊กเจ็บ...อย่าร้อง...ฮึก..." บอกผมไม่ให้ร้อง...แต่ตัวเองกลับมีน้ำไหลระหางตาทั้งสองข้าง....ดูซิ...ยังอุตส่าห์ยื่นมือที่แสนจะสั่นมาเช็ดคราบน้ำตาให้ผมอีก....ผมกุมมือของจูนไว้ในอุถ้งมือของผม...บอกแล้วไงครับว่าผมจะดูแลคนๆนี้เอง
"โจ๊กไม่ร้องแล้วครับ....แล้วนี่จูนปวดหัวรึเปล่า...หิวมั๊ย...เดี๋ยวโจ๊กไปทำอะไรอุ่นๆให้กินนะ..จะได้สบายท้อง...."
"กอด...."
"หืม...?..."
"อยากทำแบบนี้..." จูนพลิกตัวมาทางผมและค่อยๆวมกอดผมที่เอว...หน้าก็ซุกที่อกผม
"ครับ...." ผมเลยสอดแขนให้เค้าหนุนแทนหมอน...ดึงเค้าให้เข้าใกล้อีกนิด...และอีกมือก็กอดเค้าเอาไว้
"โจ๊ก...?"
"หืม...?"
"รักจูนมั๊ย...?..." ผมรู้สึกถึงแรงกระชับที่เอวมากขึ้น...ที่หน้าอกก็รู้สึกถึงแก้มนุ่มๆและลมอุ่นๆเนื่องจากระยะห่างระหว่างผมกับจูนลดลง
"ทำไมถามแบบนั้นละครับ...หืม?..."
"อยากฟัง...อยากมั่นใจ...อยากจดจำ...อยากให้พูด...อยาก..." คงมีตามมาอีกหลายอยาก....หากผมไม่ยอมพูดซะที...
"รัก......" ผมพูดได้แค่นั้นก็โดนขโมยซีนซะก่อน
"ขอบคุณ...." แล้วผมก็ได้รับสัมผัสจากปากที่แสนจะนุ่มนั้นที่ปากของผม...
ผมจะยังไม่พูดอะไรทั้งนั้นในตอนนี้...ไว้ให้ทั้งผมและจูนมีสติมากกว่านี้ก่อน
เราจะได้คิดและตัดสินทุกอย่างด้วยสติที่สมบูรณ์....ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ...
เพราะผลที่มันจะตามมา...มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ตอนนี้ขอแค่มีคนๆนี้ในอ้อมกอด...มีคนนี้อยู่สายตา...ก็เพียงพอแล้ว....