Improbable 37 : เชือกที่แก้ไม่ออก
"ป๋าเลือกให้ผมกับคุณไปคุ้มกัน ระหว่างที่โตไปจัดการข้างหน้า"
คำพูดนั้นยังก้องในสมอง ขณะที่เดินตามหลงมันมาเพื่อจะพูดคุยถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้น วิทย์ขมวดคิ้วแน่น จ้องมองแผ่นหลังของคนที่เขาเกลียดมันนัก..แต่ขณะเดียวกันก็ยัง"รัก"ด้วยความไม่เข้าใจ
สมองมึนงง เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่พอใจ ไม่เข้าใจว่าจะอะไรกันนักกันหนา ไม่รู้ว่าไอ้คนตรงหน้ามันจะจ้องจองล้างจองผลาญกันไปจนถึงเมื่อไหร่
ไม่ได้อยากจะให้มันรัก รู้อยู่แก่ใจว่ามันเกลียดขี้หน้า วิทย์ก็เกลียดมันเหมือนกัน เกลียดจนไม่อยากจะเจอ เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องมาเห้นหน้ากัน แบบนี้ดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะมายุ่งวุ่นวายอะไรกันอีก!
"เรื่องนี้ไอ้โตมันคุม" เม้มปากแน่น หรี่ตาลงมองสีหน้าท่าทางของไอ้คนตรงหน้าอย่างสังเกตสังกา ต่อให้ยังเคืองโกรธและไม่พอใจแค่ไหน แต่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้"สติ"เป็นสิ่งที่จำต้องมี แม้ว่าจะรู้สึกเช่นไร
"ก็ใช่" กันย์รับคำ เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วรับด้วยสีหน้าปกติ ซึ่งคนมองนั้นแสนจะหงุดหงิดใจนัก โดยเฉพาะตอนนี้ที่มันยังทำเล่นลิ้นงี่เง่า ถ้ามันบอกว่า"ก็ใช่" บอกว่าไอ้โตเป็นหัวหน้าคุมงานนี้ แล้วคนอย่างมันที่ไม่ได้เป็นหัวหน้า จะเดินออกปากสั่งบงการเขาแบบนี้ได้เหรอ?
"ถ้าใช่แล้วมึงมีสิทธิ์อะไร?" วิทย์ถามกลับทันควัน เขาชักสีหน้าขัดใจใส่อีกฝ่ายที่ยังคงนิ่ง รับคำด้วยท่าทีไม่รู้ร้อน
"คนเป็นลูกพี่ จำเป็นเหรอที่ต้องมายืนสั่งลูกน้องทีละคนว่าต้องทำอะไร" กันย์เลิกคิ้ว สีหน้าเหยียดหยันกับท่าทีของคนพูดอย่างปิดไม่มิด เขาไม่คิดจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้ามากเท่าไหร่นัก สาเหตุหนึ่งก็เพราะอยู่ต่อหน้าไอ้วิทย์ที่เขาชังน้ำหน้า และอีกหนึ่ง ก็คงเพราะภาพเมื่อกี้ที่เขาเห็น..
หัวใจปวดแปลบ เจ็บ..และยังคงเจ็บ ทั้งยังไม่เข้าใจ ว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปตรงไหน?
วางแผนไว้แล้ว ทุกอย่างก็รัดกุม ทำดีแล้ว ทำไมคนสองคนที่เคยเป็นหมากในเกมส์ถึงได้ล้มกระดานและออกมากอดคอ รักใคร่กันได้..
ทำไม น้องชายที่รักถึงได้ทอดทิ้งเขา แล้วมีความสุขกับคนที่เขาเกลียดขี้หน้าแบบนี้?
ยิ่งคิด ยิ่งมองไม่เห็นความเป็นไปและสาเหตุทั้งหมด หาก"ต้นเหตุ"ที่เขาแสนชังที่ยืนหน้าบึ้งตรงหน้า เป็นเหมือนคำตอบชั้นดี ที่จะบอกได้ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด..
ถ้าเพียงแต่ไม่มีมันอยู่..
"งั้นมึงจะบอกว่านี่ไอ้โตเป็นคนสั่ง?" วิทย์ถามกลับ เขาขมวดคิ้ว จ้องมองสบแววตาเย็นยะเยียบของไอ้กันย์อย่างนึกกังขา ไอ้เรื่องที่ว่าไอ้โตมันจะมอบหมายงาน บงการสั่งให้ไอ้กันย์ทำโน่นทำนี่ตามแผนน่ะเป็นไปได้ เพราะอย่างไรไอ้กันย์ก็ยังเป็นระดับตัวเบ้งๆในคุก มันเป็นลูกพี่..และมีสิทธิ์สั่งเขาอย่างที่เห็น
แต่ที่ไม่เข้าใจ คือทำไมไอ้โตถึงไม่บอก ไม่พูด?
เจอกันก็เมื่อกี้ ไม่เห็นมันพูดอะไร ไม่เห็นมันบอกว่าเขาต้องทำงานนั้นงานนี้แบบไหน จำเป็นเหรอที่ต้องให้ไอ้กันย์มาพูด หรือต่อให้จำเป็น ไอ้โตมันก็น่าจะบอกล่วงหน้าอยู่ดี..
ถ้าไม่ได้พบไอ้โตมาเมื่อกี้วิทย์อาจจะเชื่อ อาจจะนิ่งฟังอย่างสงบ แต่พอความระแวงถูกจุดขึ้นมาด้วยการตัดสินใจของคนอย่างไอ้โต ถ้าขนาดเพื่อนรัก เพื่อนสนิท มันยังมาบอกว่าไม่เอาด้วย ไว้ใจไม่ได้ มาตอนนี้กับคนอื่นมันก็ยากที่จะฟังและทำตามแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ ต่อให้คนที่มาบอกข่าวไม่ใช่ไอ้กันย์ วิทย์ก็ยังต้องระแวงอยู่วันยังค่ำ เมื่อตอนนี้คนพูดเป็นไอ้กันย์ เขายิ่งต้องระแวงอีกเป็นเท่าตัว..
..มองสีหน้า ดูแววตาและสังเกตท่าทีที่เขาไม่เคยมองออก ยิ่งมองไม่ออกก็ยิ่งเคืองใจ ยิ่งมองไม่เห็นยิ่งหงุดหงิด
มีแต่สีดำ มีแต่ความมืด มีแต่การกระทำไม่รู้ที่มา มีแต่หลุมที่ไม่อาจหยั่งถึง!
ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คนอย่างไอ้กันย์ วิทย์ก็มองเห็นมันเพียงแค่นั้น มีแค่นั้นจริงๆ
"ไม่ได้ฟังที่พูดเหรอ" กันย์ตอบคำเจ้าคนที่กำลังมองเขาอย่างระแวงด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ป๋าเลือกให้ไปคุ้มกัน.."ป๋า"เป็นคนเลือก ต่อให้โตจะเป็นหัวหน้า แต่ป๋าคือคนที่เราต้องฟัง ถ้าป๋าต้องการให้ไปคุ้มกัน แกจะขัดรึไง?"
คำพูดที่ได้ยินทำให้คนฟังนิ่ง วิทย์ขมวดคิ้ว..จ้องมองใบหน้าและท่าทีของคนตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ คำพูดของมันก็ถูก ยังไงป๋าก็ใหญ่สุด ไม่ใช่ไอ้โตและยิ่งไม่ใช่คนที่ตอนนี้ควรจะเดินตามเมื่อมันบอกว่าไม่ทำ แต่ที่สงสัยน่ะมันเรื่องอะไร ป๋ากำลังคิดอะไร? นึกยังไงถึงให้เขาไปช่วยคุ้มกัน?
....หรือคนสั่งจะเป็นป๋า แต่คน"เสนอ"ให้เลือกเขา มันจะเป็นไอ้คนตรงหน้ากันแน่!?
"หึ..ฝีมือมึงสินะ" ทันทีที่ได้ข้อสันนิษฐานซึ่งไม่ต่างจากคำตอบ ความสงสัยทุกสิ่งก็พลันกระจ่าง
ในสมองคิดไปถึงคำพูดของไอ้โตเมื่อครู่..ที่มันบอกว่ามีคนทรยศ ที่มันบอกให้ระวังตัว...
นี่ไม่อาจเรียกได้ว่าคนทรยศ มันเแป็นพวกเดียวกัน แต่มันก็จงใจ มันแสดงออกชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าต้องการจะ"ฆ่า"และกำจัดเขาไปให้พ้นตา
วิทย์แสยะยิ้ม พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างนึกหยัน "สาแก่ใจมึงล่ะสิ"
"สาแก่ใจ?" กันย์เลิกคิ้ว ทวนคำพลางมองหน้าคนพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย "นี่มันงาน..จะผมให้สาแก่ใจเรื่องอะไรไม่ทราบ"
"เฮอะ!ฟังหมามันเห่ายังน่าเชื่อกว่าลมปากมึงเลย" วิทย์สวนกลับทันควัน จะให้เชื่อว่าคนอย่างไอ้กันย์ไม่คิดตลบหลังทำร้ายกัน จะให้คิดว่านี่เป็นแค่"งาน"จริงๆที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะคิดได้
งาน..หึ ตลกล่ะ
มันกำลังขุดหลุมให้เขาเข้าไปตายในกับดักนั้นเสียล่ะมากกว่า!
"งั้นเหรอ..แล้วใครกันนะ ที่เคยเชื่อฟังกูอย่างกับหมาโง่ๆ" กันย์สวนกลับคำอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่คิดจะรักษามารยาท พูดจาดีๆหรือทำเป็นยิ้มยินดีกับคนตรงหน้าให้เสียเวลา คนอย่างมันไม่มีค่าจะให้เขาชายตามองและสนใจอะไรไปมากกว่าเสี้ยนหนามที่จะต้องถอนทิ้ง
โง่เง่า ไร้ค่า "อุปสรรค" ชิ้นสำคัญที้ต้องกำจัดมันอย่างเร็วที่สุด
จะไม่มีวันยอมพลาด จะไม่มีวันใจอ่อนเหมือนคราวนั้นอีกแล้ว!
"อย่าลำพองใจให้มันมากนัก.." วิทย์หัวเราะหึ มองหน้าคนพูดด้วยดวงตาวาววับ เขาสบตามัน มองตามัน"สู้"กับดวงตาคู่นั้นที่เคยหลบซ่อนมาตลอดเพราะความรู้สึกในใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้เขาสามารถจะจ้องมองมันตรงๆด้วยหัวใจที่เข้มแข็งกว่าเดิมได้แล้ว
ต่อให้จะรัก..แต่ตอนนี้วิทย์มีคนที่รักมากกว่า ซึ่งไม่ใช่มัน!
"มึงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนวะไอ้กันย์..พูดเองว่ามัน"เคย"เกิดขึ้น..บอกว่ากู"เคย"เชื่อฟังมึง แค่นี้ยังไม่สำเหนียกอีกเหรอ ว่าอะไรมันต่างไปจากเดิม"
วิทย์เม้มปากแน่น จ้องหน้าไอ้วายร้ายตรงหน้าเขม็ง ท่าทีแข็งกร้าวชัดเจนบอกถึงอาการไม่ยอมแพ้..จะไม่แพ้ เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว.
.
จะไม่มีวันยอมแพ้กับความรักโง่ๆ ความฝังใจบ้าๆที่ทำให้เขากลายเป็นคนใจอ่อน ทำอะไรผิดพลาดอีก ไม่ว่ามันจะเป็นคนที่เขายังรัก แต่สมองและหัวใจอยู่คนละส่วน ต่อให้หลายครั้งหัวใจจะไม่เชื่อฟัง แต่ตอนนี้ที่เขามีใครอีกคนอยู่ข้างกาย จะมายอมพลาดง่ายๆเพียงเพราะ"รัก"มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อใครอีกคนนั้นเป็นคนที่เขารัก และสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน..
ภาพรอยยิ้มและใบหน้าสดใสของคนข้างกายกระจ่างชัด..
ฝ่ามือของวิทย์กำแน่น...
"ถ้านี่เป็นงานที่ให้กูทำกูก็จะทำ..แต่มึงอย่ามาหวัง ว่ากูจะเป็นเหมือนเดิม.." เฮียวิทย์แห่งแดนสิบสองประกาศชัดด้วยดวงตาวาววับ "ดูมึงที่ทำท่ามั่นอกมั่นใจแล้วกูแทบจะอ้วก เอาแต่พร่ำเพ้อถึงอดีตบ้าบอคอแตก..ใครกันแน่ที่ไม่มองความจริง เอาแต่พร่ำเพ้อโง่ๆไปวันๆ..."
"กูเป็นลูกน้องมึง ร่วมมือกับมึงเพื่อจะได้ออกไปเท่านั้น อย่ามาเพ้อเจ้อว่ากูจะยอมถวายหัวจงรักภักดีกับพวกป๋าหรือแม้แต่กระทั่งตัวมึง อย่าหลงตัวเองให้มันมากนัก.."
"หึ"
กันย์เลิกคิ้ว ขึ้นคล้ายขบขัน จ้องมองใบหน้าของคนพูดด้วยท่าทีเฉยชา คำพูดของมันไม่ต่างกับลมไร้สาระที่พัดผ่านหู เขาไม่คิดจะสนใจ ไม่คิดจะฟังหรือหาสาระอะไรจากการท้าทายไร้สาระ
บอกว่าจะร่วมมือเพราะแค่อยากออกไป...ก็ใช่ ถูกแล้วนี่
บอกว่าอย่ามาหวัง ว่ามันจะยอมทำตามงกๆ...ใครหวัง? กันย์ไม่เคยหวังอะไรกับคนอย่งไอ้วิทย์อยู่แล้ว ในความรู้สึกมากมายที่มีต่อมันยังสับสน แต่ไม่มีอะไรที่จะเรียกว่า"ความหวัง"สักอย่าง
อย่าหลงตัวเองให้มากนัก..?
...ใครกันแน่ที่ตอนนี้กำลังระเริงกับภาพอนาคตงี่เง่า วาดฝันเพ้อพกต่างๆนาๆโดยไม่มองถึงความจริง..
กันย์จ้องมองแผ่นหลังของเจ้าคนที่เดินออกไปอย่างเฉยชา แม้จะไม่ได้คุยอะไรมากกว่าบอกถึงกำหนดการณ์คร่าวๆ แต่เขาก้รู้ว่ามันมากเกินพอแล้ว จะมีอะไรอีกล่ะ ก็แค่บอกให้มันรู้ตัว บอกให้มันทำตามหน้าที่ บอกให้มันเตรียมใจ ว่าจะต้อง"ตาย"ก็เท่านั้น..
มึงจะชูคอยยิ้มร่าได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละไอ้วิทย์...
กันย์จ้องมองตามแผ่นหลังของคนที่เขาเกลียดขี้หน้า ความกรุ่นเคืองในอกยามได้เห็นมันยืนอยู่กับน้องชายที่รักของเขา กำลังมีความสุข พูดคุยหัวเราะเล่าถึงอนาคตที่จะมีร่วมกันทำให้ในใจจุกร้าวแทบกระอัก
คนที่เคยทำร้าย..คนที่เคยหักหลัง ทรยศและทำเรื่องชั่วๆกับเมฆ ไอ้วิทย์คนนั้นมันยังมีหน้ากลับมากอดน้องชายของเขาอีกรือ? คนแบบมัน ยังกล้าจะมาเเย่งน้องชายของเขา ยังกล้าจะมาแย่งของรัก คนสำคัญ..ยังมีหน้ามามีความสุขกับคนที่ครั้งหนึ่งมันเคยทำร้ายได้อย่างไร?
น้องชายที่น่ารักของเขาต้องเปลี่ยนไปเพราะมัน เมฆต้องเจ็บปวด กลายเป็นคนแบบนี้ก็เพราะมัน ทุกอย่างก็เพราะมัน ! เพราะมันทั้งนั้น!
"บอกไปแล้วนะ ว่าให้เตรียมตัว.."
...เพราะจะไม่มีคำว่าปราณีอีกแล้ว
สองครั้งที่พลาด ใจอ่อน ไม่ลงมือ เป็นแค่ความผิดพลด ความผิดพลาดเท่านั้น
กันย์จะไม่ปล่อยให้ไอ้หนามตำใจมันมีชีวิตลอยหน้าลอยตาอยู่กับคนที่เขารักอีกเป็นอันขาด
ไม่มีวัน..ไม่มีวัน...
คราวนี้..ทุกอย่างจะต้องจบลงเสียที
มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ใครเป็นคนสั่งให้มันทำกันแน่?
วิทย์ขมวดคิ้วแน่น ความคิดยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมายแม้จะเดินออกมาจากจุดนั้นแล้วก็ตาม สีหน้าของวิทย์ยังเต็มไปด้วยความครุ่นคิด หลายอย่าง หลายเหตุการณ์ที่ปรากฏมันเริ่มแปลกๆ ตั้งแต่เรื่องที่ไอ้เนมมันเป็นสาย เรื่องที่จู่ๆไอ้โตก็มาบอกว่าจะไม่ร่วมด้วย และยังเรื่องที่ไอ้กันย์มันมาบอกให้เขา"ทำงาน"คุ้มครองป๋ากับมันอีก
เป็นธรรมดาที่คนเกลียดกันก็คงไม่อยากเห็นหน้า แต่เรื่องให้เขาไปคุ้มครองป๋าพร้อมมัน อาจจะเพราะมันกำลังวางแผนจะเชือดเขาเงียบๆก็ได้..การลากตัวเขาไปตายน่ะมันพอฟังขึ้น แต่ที่ฟังไม่ขึ้น คือมันไปเอาคำสั่งนี้มาจากป๋า..ป๋าที่สั่งออกมาเหมือนรู้ว่าไอ้โตคิดจะทำอะไร..
หรือจะรู้จริงๆ...
วิทย์ขมวดคิ้วแน่น คิดแล้วยิ่งเครียด สมองยิ่งตีความไปมากมาย ในแดนสิบสองนั้นอาจกล่าวได้ว่าไอ้โตมันใหญ่สุด แน่สุด แต่ยังไงก็ยังมีคนที่ใหญ่กว่านั่นคือพวกป๋า..บรรดาวายร้ายผู้มีอิทธิพล ผู้ร้ายตัวเอ้ที่ผ่านชีวิตมามากกว่า มีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่า..ประสบการณ์และเกมส์ที่"เก๋า"กว่า วิทย์ก็พอจะรู้ชัด ถ้าป๋ามันดูคนไม่เป็นมันคงไม่เลือกไอ้โตมาทำงานนี้ แต่เพรามันดูคนเป็น ถ้ามันดูออกล่ะ ว่าไอ้โตคิดจะทำอะไร ถ้ามันรู้..งานนี้ไอ้โตก็อาจจะลำบาก..
ถ้าป๋ารู้...โตมันอาจจะโดนเก็บ..
หรือคำสั่งที่มจากไอ้กันย์ จะเป็นหนึ่งในแผนนั้น..
ให้เขาช่วยคุ้มกันป๋ากับพวก ทำงานแบบนั้นกับไอ้กันแค่สองคน...
ไม่สิ...
วิทย์สถบอุบ คราวนี้สีหน้ายิ่งแปรเป็นยุ่งยากยิ่งขึ้น ฝ่าเท้าชะงักกึกอย่างลืมตัวเมื่อลองทบทวนถึงสิ่งที่จะเกิดและผลของมันแล้วนึกหนาววูบในใจ
เรื่องไอ้หมอเถื่อนนั่นมันจะวางแผนเชือด จงใจจะหาเรื่องลากไปฆ่าให้หมดเสี้ยนหนามตำตา เรื่องนั้นน่ะรู้อย่แล้ว รู้มานานแล้วว่าไอ้กันย๋มันเกลียด กับสถานการณ์นี้ คนที่เป็นลูกน้อง คนที่อ่อนแอกว่าก็ต้องถูกใช้เป็นธรรมดา เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่"แกร่ง"ให้ได้เหมือนอย่างไอ้โตหรืออย่างน้อยก็สามารถจะงัดข้อกับไอ้กันย์ได้อย่างสูสี
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ลากเขาไปตายเสียแล้ว คำพูดของไอ้โตฉุกให้คิด ..นึกได้ถึงเรื่องที่มันจะทำ
ไอ้โตมันจะโค่นป๋า..
มันเป็นคนบอกมันพูดชัดเจนว่าจะทำ จะไม่ยอมตกเป็นเบี้ย และจะขัดขวางป๋าให้ถึงที่สุด..
แค่ไม่ร่วมด้วยกับการแหกคุกครั้งนี้ก็ว่าหนักหนาแล้ว ไอ้โตมันยังพยายามรอบชอมไม่ให้เขาโดนหางเลข มันบอกว่าไม่อยากทำตามก็ไมต้องทำ แต่กระนั้นมันก็บอกว่าหากเขาขวางมันก็พร้อมจะลุย
..เพิ่งนิ่งคิดไปไม่นาน ก็ยังหวังให้เรื่องมันจบลงโดยที่ไม่ต้องปะทะหรือทำร้ายกัน กับเพื่อน..ต่อให้อุดมการณ์แตกต่าง ต่อให้คิดไม่เหมือน ต่อให้อยู่ฝั่นตรงข้าม แต่เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อน และกับเพื่อนที่สนิทสนมกันมานานปีอย่างไอ้โต เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับมัน..
แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว..
ถ้าไอ้โตลงมือ เขาก็ต้องลงมือ หากอยากออกไป หากอยากมีอิสระก็ต้องทำตามคำสั่ง ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นเช่นไร เลวร้ายเท่าไหร่หรือมาจากใครคนไหน...
เพื่ออิสระ...
อิสระที่คราวนี้ อาจจะต้องเหยียบลงบนเลือดของเพื่อนพ้องที่คบหากันมานาน..
วิทย์ก้มหน้าลงช้าๆ จ้องมองเศษหญ้าใต้ฝ่าเท้า ขณะที่ดวงตาขุ่นมัวด้วยความเครียดขึงที่เริ่มปะทะในใจ..
ไอ้โตจะจัดการป๋า ขณะที่เขาต้องไปคุ้มกันป๋า
..ช่างเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมเหลือเกิน อย่างกับคนทำมันรู้แล้วอย่างนั้น
นึกแล้วก็ต้องร้องหึ ไพล่คิดไปถึงไอ้คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ดูจะรู้ดี ทั้งทำทุกอย่างเพื่อจะขวางทางหรือเพื่อจะสร้างสถานการณ์ให้เขาต้องจนตรอกและแพ้พ่ายอยู่เสมอ..
แต่ขณะเดียวกัน ซีกหนึ่งของหัวใจก็ยังบอกว่ารัก..รักมันอยู่ดี..
"ไอ้เหี้ย"
คราวที่แล้วให้กูฆ่าลูกน้องตัวเอง มาตอนนี้ก็กะจะให้กูฆ่าเพื่อน..
ริมฝีปากสั่นระริก ยกขึ้นราวกับเยาะหยัน..ไม่ใช่เพียงความเครียดขึงแต่เป็นทั้งความโกรธ วิทย์สถบออกมาอย่างสุดกลั้น นัยน์ตาแดงก่ำ รู้สึกถึงความเย็นวาบผ่านหลังใบหูและลำคอที่ยังคงมีร่องรอยมีด รอยกรีดที่จารึกชื่อนั้นลงกับผิวของเขาราวกับจะสาปแช่ง จะย้ำให้จดจำไปจนวันตาย ให้ระลึกถึงความอดสูที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่มีวันลบออก..ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มแผ่ซ่นานขึ้นมาอีกคราราวกับเวลาได้ย้อนกลับไปยังวันนั้น..บนเตียงพยาบาลเก่าคร่ำคร่า แขนสองข้างที่ถูกมัดพันธนาการ กลิ่นคาวเลือดและร่างของลูกน้องผู้ถูกทำให้เสียชีวิตไปแล้วบนเตียงข้างๆ.
ความเจ็บปวดยามร่างกายถูกสอดแทรก คละเคล้ากับกลิ่นคาวของเลือดและความเจ็บที่ลำคอ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงตามหลอกหลอนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นกระนั้น
ที่สุดวิทย์ก็เข้าใจ แท้จริงแล้วตัวเขาไม่ได้"ลืม"ความเจ็บนั้นไป ไม่ได้"แกร่ง"ขึ้นอย่างที่คิด ก็แค่พยายามทำเป็นไม่รู้สึก แค่เวลา..ทำให้ชาชินบ้าง แต่เมื่อถูกสะกิด ปากแผลก็เปิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย..
...เส้นเชือกไม่เคยคลายลงสักนิด มันยังคงวนอยู่รอบลำคอและพร้อมจะกระตุกสังหารใครก็ตามที่ก้าวพลาดไปแม้จุดเดียว
"เมื่อไหร่มึงจะปล่อยกูไปซะที"
นัยน์ตาแดงก่ำจ้องมองฝ่ามือที่กำแน่น ริมฝีปากเม้มแน่นหากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาพร่าไหว..
...เมื่อไหร่ เชือกที่มัดคอพวกเขาอยู่จะหลุดออกเสียที
...................................
ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิด..
ร่างของขาใหญ่แห่งแดนสิบสองก้าวเข้าไปในเรือนนอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากสมองยังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ไม่ได้ผิดไปจากที่คาด แต่..ก็อดใจหายไม่ได้เพราะยังคงหวัง ว่ามันอาจจะเห็นด้วย สักนิด
แต่ก็รู้ดี...คนที่ไอ้วิทยืพยายามทำเพื่อว่าไอ้วิทย์ไม่มีวันเอาด้วย
นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองร่างของบรรดานักโทษที่นั่งอยู่ในเรือนอนประปราย บ้างก็พูดคุย บ้างก็นั่งจั่วไพ่เล่นพนันกันแบบไม่กลัวถูกจับ สีหน้าของนักโทษที่ปรายตามามองบ้างก็รีบหลบด้วยความหวาดหวั่น บ้างก็พยักหน้าทาย ทัก บ้างก็ยิ้ม แล้วลอบเบ้ปากใส่เมื่อเดินผ่าน
ลูกกรงสีสนิมเทเงาลงบนผืนซีเมนต์เมื่อแสงอาทิตย์สาดปะทะ เรือนจำกว้างใหญ่ ห้องหับที่ไร้ประตูหน้าต่างส่วนตัว และมีเพียงลูกกรงเป็นทางออกนั้นแสนจะคุ้นชินเมื่อสำนึกได้ว่าใช้ชีวิตที่นี่มานานนนัก...แปดปี...ย่างเข้าปีที่แปดแล้วสำหรับการมารับโทษ และย่างเข้าปีที่สามแล้วสำหรับการมีใครอีกคนยืนอยู่ข้างกาย
แกร๊ก...
"ว่าไงพี่.." ความคิดล่องลอยไปหาเจ้าตัวแสบที่ถูกเรียกไปพบกับพัศดี เสียงทายทักและเสียงประตูแล่นเอี๊ยด ทำให้ต้องละออกจากภวังค์ เพื่อจะได้เห็นสีหน้าแปลกใจของเจ้าลูกน้องคนสนิท..
ไม่สิ อาจจะบอกว่าเคยสนิท ในเมื่อมันได้มาอยู่ที่นี่ตามคำสั่งของเขาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
มาเฝ้าดู...ใครบางคนที่มีท่าทีเต็มไปด้วยเลศนัย
มาจับตา..หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ..หนึ่งในบรรดนักโทษที่จะได้รับเลือกออกไปข้างนอกตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ชายหนุ่มผู้ติดคุกในคดีอุกฉกรรจ์ นักโทษที่ต้องสวมตรวนอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าไร้รอยยิ้ม จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เและนักโทษที่มีระยะเวลาถูกจองจำนับสามสิบปี แต่กลับยังอยู่ในแดนสิบสองแห่งนี้ ไม่ได้อยู่ในเรือนจำพิเศษเช่นผู้มีอิทธิพลอื่นๆ
คน"พิเศษ" วีไอพีแบบที่ไอ้เนมว่า..
ไอ้คม
"เป็นไงบ้าง.." เอ่ยทายทักลูกน้องสั้นๆ มองหน้าไอ้ทินที่พอมีคนมาหาก็หน้าระรื่นขึ้น ผิวปากหวือ..
"สุขสบายดีว่ะ แล้วเมียพี่ไปไหนว่ะ?"
"พัสดีเรียก" เอ่ยตอบคำก่อนจะหันไปมองนักโทษรายสำคัญที่ยังนั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้น โดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
"แล้วมึงเป็นไงบ้าง ไอ้คม อุตส่าห์มาเยี่ยม เงียบเชียวนะมึง." เสียงทักจากคนเป็นลูกพี่ทำให้ทินขยับตัว หันไปมองหน้าและท่าทีของขาใหญ่ไม่นานก็รู้ถึงสัญญาณที่ถูกส่งมาหา.. นัยน์ตาสีเข้มปรายมองรอบกายที่มีนักโทษเหลืออยู่ไม่กี่คน ก่อนจะแสร้งถอนหายใจ และบิดตัวแก้เมื่อย
"ปวดฉี่ว่ะ พี่โตมึงเชิญเยี่ยมคุยกับไอ้คมตามสบายแล้วกัน กูไปล่ะ" ทินว่าพลางเดินออกจากห้องขัง ไม่พอตามรายทางยังออกปากเรียกบรรดานักโทษที่นั่งอยู่ตามเรือนนอนเสียด้วย แถมแต่ละรายยังเดินตาม ดูจะเชื่อฟังกันดีนัก
พวกมันก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น นักโทษที่เหลืออยู่ภายในเรือนนอนสบตากันเพียงวชั่วครู่พวกมันก็ลุก บิดกายคล้านขี้เกียจแล้วต่างก็เอ่ยปากจะทำนั่นทำนี่พร้อมเดินออกจากเรือนนอนอย่างรวดเร็ว
โตปรายตามองตามร่างของนักโทษที่ทยอยกันออกไปจากห้องขัง ตามหลังไอ้ลูกน้องคนสนิทที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนใช้กระเพาะปัสสะวะร่วมกันด้วยสีหน้าพึงใจ ไม่นานเกินรอ..ผ่านไปไม่กี่อึดใจเรือนนอนแห่งนี้ก็เงียบกริบ เสียงฝีเท้านักโทษรายสุดท้ายเงียบลงพร้อมกับความเงียบที่เข้าปกคลุม..
แน่แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการจงใจต่างหาก ลูกพี่สองคนจะคุยกัน พวกนักโทษทั่วไปจะมานั่งหน้าสลอนฟังได้หรือ
โตทรุดกายลงนั่งพื้น เอนหลังพิงกรงเหล็กที่แสนจะคุ้นชิน พลางสบมองดวงตาสีสนิมเหล็กที่วาววับแม้จะอยู่ในมุมมืดทึบเงียบๆ...จ้องมองท่อนขาล่ำสันที่มีร่องรอยของเหล็กที่คล้องท่อนขาและสายโซ่พร้อมตรวนใหญ่ เครื่องพันธนาการที่กระตุ้นชวนให้นึกไปถึง"ลูกพี่" ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามานั่งอยู่ตรงนี้..
เสียงขยับกายแกรกกรากดังขึ้นพร้อมกับเสียงโซ่กระทบพื้นซีเมนต์ ร่างของไอ้คม...ขาใหญ่อีกรายของแดนสิบขยับตัวอย่างเกียจคร้าน หากสายตาไม่ได้หลบ และยังคงนิ่งเงียบกันไปเช่นนั้น
"ป๋าว่าไงบ้าง?" นิ่ง...นาน เสียงของไอ้คมก็ดันขึ้น โตเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ตอบคำถามนั้นด้วยแววตาอันวาวโรจน์
"มึงจะอยู่ฝั่งกูไหม ไอ้คม?"
คำถามสั้นๆถูกส่งมาจากปากของขาใหญ่แห่งแดนสิบสอง สีหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจราวกับรู้ดีถึงคำตอบทำให้คมต้องยิ้มขัน..
จะอยู่ฝั่งไหน?
"....กูอยูฝั่งคนชนะ"
." ถ้ามึงหาทางให้กูชนะได้..กูก็จะร่วมมือกับมึง..โต"
.....................
หายไป...เอ่อ...พอเถอะ

ไม่รู้จะขอโทษไงดี ได้แต่บอกว่าที่หายไปก็ติดภารกิจอย่างที่หลายๆคนไป นั่นคือสอบไฟนอล เลยต้องทำให้รอกัน ขอโทษจริงๆ
ส่วนตอนนี้ ....
เรื่องกำลังดำเนินต่อไป
..ช่วงนี้เนมมันค่าตัวแพงจริง ฮ่าๆ
------------------------------------
ข่าวต่อไป หลังจากหายหัวไปนานชาติเศษ กลับมารอบนี้ไม่ได้มาอัพนิยายเฉยๆ แต่ มาประกาศ แจ้งข่าวรวมเล่ม แบดกายภาคแรก Ver.ไร้กรอบ

พี่โตกับเนมกลับมาหลอกหลอนทุกท่านอะเกนแอนด์อะเกนแล้ววววววววววววว //

ก่อนอื่น..ขอแปะหน้าปก
พี่โตเวอร์ชั่นใหม่ หล่อ แมน เข้มกว่าเดิม กลายเป็นไมเคิล สกอร์ฟิลไปแล้ว (

) หล่ออออมาก ก ก ก คนเขียนขอเพ้อ อ อ อ อ อ (ตอนนี้ความเข้มของพี่โตเบียดทะลุปรอดชนะท่านชีคอัลชาอ์ปไปได้อย่างง่ายดาย ฮ่าๆ /หลบตีนอัล)
ส่วนเนม หน้าตาแกเหมือนจะขบหัวพี่โตมาก แหม ดูยังกะจะเข้าไปชกเฮียแบบรัวๆ (ทำได้?

)
แล้วก็...พุงกะทิขาวๆ ล่อใจขาโหด me//เอามือลูบ
ตอนนี้มาแต่ภาคแรกก่อน ภาคสองยังแต่อีกไม่นาน จบเมื่อไหร่เปิดจองเมื่อนั้น (คนอ่านถามว่าเมื่อไหร่เอ็งจะจบ

) ตอนนี้วิ้ดวิ้วกับภาคแรกไปก่อน ฮ่าๆ
me// รอดูปกสามผีว่าพี่กันย์ พี่วิทย์ นุ้งเมฆ จะแซ่บแค่ไหน (ใครหล่อสุดมีสิทธิ์เอาเมฆไปกก/พี่กันย์เอามีดจิ้มพุง

)
-------------------------------
เข้าโซนรายละเอียด (หลังจากเพ้อมานาน)
หนังสือเปิดจองตั้งแต่วันนี้ ถึง 23 เมษายนนี้
รายละเอียดหนังสือค่ะ
**หนังสือ 2 เล่มจบ จำนวนหน้า อัดเเน่นไปด้วยทั้งเนื้อเรื่องเเละตอนพิเศษ
**พิมพ์ด้วย กระดาษถนอมสายตา
**ปกกระดาษอาร์ตการ์ด พิมพ์ 4 สี เป็นปกปีก
** ราคาเล่มละ 470 บาท
ส่วนรายละเอียด การจอง และของแถมที่อาจทำให้คุณสะดุ้ง(ฮ่าๆ) อยู่ในลิ้งค์นี้นะคะ
จัดไป
http://writer.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=524334&chapter=115ปล. หรือใครมีคำถาม เม้นต์บอกไว้ได้เลยนะคะ แล้วจะรีบถามมาตอบค่ะ