เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ  (อ่าน 42280 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ตายไปแล้วหรือตาอัน งั้นก็แลัวไป  :amen:
ไม่เสียใจหน่อยเหรออออ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อ้าวถ้าอันดากับติณห์ ตายใครจะเฉลยปมอ่ะ
ยังมีิอีกคนนะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ติดอ่านรวดเลยค่ะ.... แต่คือช็อค... นี่ชอบตัวละครทุกตัวที่ไรท์สร้างเลยอ่ะ เพราะปกติชอบอ่านพระเอกใจร้ายแต่ยอมนายเอกอยู่แล้ว เลยพอญาติดีกับพี่อันได้(แต่ตอนนางทำติณขนาดนั้นเราด่านางเละจ้าาาาา ด่าไม่ให้เป็นผู้เป็นคนเลย เพราะสายทีมนายเอก นายเอกข้าใครอย่าแตะ)และเพราะสายทีมนายเอกค่ะ..... เรื่องนี้ทำจุกเลย จุกมาก น้ำตาคลอ ทำไมไรท์ทำกับน้องติณงี้ :sad4: :o12: :o12: ใจเราไปหมดเเล้ว ฮืออออออ น้องติณอ่าาาา น้องติณจะอยู่ในใจพรี่ตลอดไปนะ :sad4: อยากได้น้องติณเป็นเมียค่ะ :hao5: ขอบคุณที่เเต่งเเละสร้างทุกคนขึ้นมานะคะ (และสุดท้าย..แอบชอบพี่บาสค่ะ//กระซิบ)

ขอบคุณมากครับที่ชอบ ดีใจT^T เราเขียนอธิบายบรรยายไม่เก่งอ่ะ อาจจะมีอะไรไม่เมคเซ้นส์เยอะอยู่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดราม่าที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา เพราะเราแต่งแต่ฟิค ซึ่งมันต้องเน้นแต่เรื่องรักๆ ใสๆ อ่ะ เลยเอาเรื่องนี้มาระบายด้วยการยำซะเละ ฮ่าๆ
ต้องขอโทษด้วยน้าที่ทำร้ายน้องที่น่ารักอย่างติณ ชีวิตโครตรันทด เหมือนโดนคนเขียนแกล้ง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
“ลุงบาส!!!” เด็กหนุ่มร่างสูงโผเข้ากอดผู้เป็นลุงที่อุตส่าห์ลงทุนมาหาที่ไทย เพราะอยากจะเจอว่าที่หลานสะใภ้ ที่เอสเตอร์โทรไปเล่าให้ฟัง

บาสกอดตอบเด็กตัวโตที่สูงกว่าตนเกือบ 20 เซน รู้สึกเลยว่าตัวเองแก่ไปเยอะ อุ้มหลานยักษ์นี่ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทั้งที่เหมือนเพิ่งเลี้ยงเอสเตอร์มาแค่ไม่กี่ปี

“อีกสองอาทิตย์ก็กลับแล้ว ลุงนี่ก็ใจร้อนจัง ผมส่งรูปไปให้ดูแล้วไง” เอสเตอร์พูดถึง “แฟน” ที่เล่าให้ลุงฟัง ตอนได้ยินชื่อนั้นมันก็คุ้นๆ บอกไม่ถูก แต่นึกไม่ออกว่าไปรู้จักคนชื่อแบบนั้นได้ยังไง เพราะอยู่ต่างประเทศมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แทบจะไม่ติดต่อกับใครที่นี่เลย แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ของตัวเอง จะมีก็แต่นที เพื่อนคนไทยที่เจอที่แคนาดา ซึ่งช่วยกันเลี้ยงเอสเตอร์มา แต่ตอนหลังต้องกลับมาอยู่ไทยแบบถาวรแค่คนเดียวเท่านั้น

“ฉันอยากมาทำอะไรๆ ให้มันถูกต้อง นายบอกเองนี่ว่าโกหกอายุพี่เขาไว้ ยังไงฉันจะลองไปคุยกับทางนั้นให้ เพราะดูนายจะรักเขาจริงๆ นี่” สองลุงหลานคุยกันด้วยภาษาอังกฤษตามความเคยชิน เอสเตอร์ช่วยลุงขนกระเป๋าเดินทางไปขึ้นแอร์พอร์ทลิงค์ ลงสุดสายปลายทางกลางใจเมือง

“ผมรักพี่ภพมากกกก มากๆๆๆ เลยลุง คนนี้ผมอยากจริงจังด้วยสุดๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นพี่ภพ” แววตาของเอสเตอร์ดูมุ่งมั่น ทอประกายระยิบระยับ

บาสวางมือบนหัวเด็กน้อย “เราอายุแค่นี้ อีกหน่อยอาจจะเจอคนอื่นที่ดีกว่านี้อีกนะ”

“ไม่มีทาง” เอสเตอร์ส่ายหน้า “ผมอายุแค่นี้ก็จริง แต่ไม่เคยเจอคนที่รู้สึกเหมือนเป็นโชคชะตาได้ขนาดนี้เลยลุง ผมบอกไม่ถูก แต่มัน...เหมือนกับว่า พี่ภพเป็นสิ่งที่ขาดหายไปครึ่งหนึ่งในชีวิตของผม มันรู้สึกผูกพัน”

บาสคลี่ยิ้มบางๆ “จะบอกว่าพรหมลิขิตหรือชาติปางก่อนอะไรเทือกนั้นรึ”

“ไม่ค่อยเข้าใจภาษารุ่นลุงนะ แต่ผมคิดว่าอย่างนั้น มันคือพรหมลิขิต สำหรับผมอ่ะนะ” เอสเตอร์ยิ้มกว้างจนตาหยี บาสลูบหัวหลานชายเบาๆ พากันขึ้นแอร์พอร์ทลิ้งค์

อย่างแรกที่ต้องเคลียร์กับตฤณภพก็คือ เรื่องอายุของเอสเตอร์ บาสเลี้ยงเอสเตอร์มาแบบไม่เข้มงวดนัก ให้อิสระในการคิดและทำสิ่งที่ต้องการ รับฟังความคิดเห็นของหลานชายเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อเอสเตอร์ตัดสินใจแน่วแน่ขนาดนั้น เขาก็จะช่วยสนับสนุนอีกแรง จึงต้องการพบกับภพ เพื่ออธิบายให้เข้าใจกัน

ตอนที่เจอภพตัวจริงในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่นัดกันไว้ บาสรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดว่าคงรู้สึกไปเองมากกว่า พอบอกอายุจริงของเอสเตอร์ ภพถึงกับตาโต กว่าจะคุยกันจนเข้าใจทุกอย่าง ว่าทำไมเอสเตอร์ถึงอยากมาที่นี่และทำไมต้องโกหกอายุ เพื่อทำงานกลางคืน ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง อาหารที่สั่งมาเย็นชืดไปหมด

แต่อย่างน้อย ภพก็ยอมรับฟังคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า คงเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น ทำให้ไม่กล้าเสียมารยาทกับคนที่สูงวัยกว่า สมกับอยู่ในสังคมแบบไทยแท้

หลังมื้อค่ำวันนั้น บาสขอไปนอนที่บ้านของนที เพราะไม่ได้เจอกันมานานแล้ว มีเรื่องให้คุยกันมากมาย และอยากปล่อยให้เด็กทั้งสองได้อยู่กันตามลำพังที่คอนโด

ภพค่อนข้างจะไม่พอใจอยู่บ้างที่ถูกหลอก เพราะเห็นว่าเอสเตอร์ตัวโตมาก เลยคิดว่าอาจจะแค่ 17-18 เด็กม.ปลายก็ยังพอคบได้อยู่ ไม่ได้ห่างกันเยอะมาก แต่นี่อายุห่างกันถึง 7 ปี ถ้าอยู่ที่ไทย เอสเตอร์ยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กชายด้วยซ้ำ

“กินเด็กเป็นอมตะนะพี่” เอสเตอร์หัวเราะคิกคัก เข้ามากอดเอวภพอย่างออดอ้อน ดีที่ให้ลุงเป็นคนคุย ทำให้ภพยอมรับฟังและไม่แสดงท่าทีว่าโกรธอะไรมาก

“เดี๋ยวเถอะนะ ร้ายมากไปแล้วเอสเตอร์ หลอกพี่ได้ตั้งนาน” ภพหน้ามุ่ย ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มผมทอง เอามือตีที่แขนของเอสเตอร์ไม่แรงนัก ด้วยความหมั่นไส้

“ก็ผมจำเป็นต้องหาเงินค่าใช้จ่ายเอง ไม่อยากรบกวนพวกลุง จริงๆ ลุงก็ห้ามแล้ว ว่าอยากให้มาตอนอายุ 18 ไปแล้ว แต่ผมใจร้อน อยากมาที่นี่เร็วๆ” เอสเตอร์ตามไปง้อต่อด้วยการหอมแก้มซ้ายขวา ภพไล่ตีไปอีกรอบ แต่เจ้าผมทองยังไม่ยอมหยุด ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมจนแก้มแทบช้ำ

ภพก็รู้หรอกว่าเอสเตอร์กำลังอ้อนให้ไม่โกรธ

“พี่เข้าใจแล้วล่ะเรื่องนั้น ก็ถ้าไม่ใจร้อน คงไม่...” พอจะพูดต่อก็รู้สึกกระดากอายจนหน้าร้อนขึ้นมา เอสเตอร์คลี่ยิ้ม สวมกอดภพจากด้านหลัง รั้งเอวให้เข้าไปแนบชิดกับแผ่นอกของตน

“ดีที่ผมใจร้อน เลยได้เจอพี่ที่นี่ แล้วก็ดีอีกที่ผมใจร้อนมากๆ อยากกินพี่ในคืนนั้น”

“ทะลึ่งว่ะ” ภพตีแขนเอสเตอร์ไปอีกที เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนดีแล้ว

“แล้วรักมั้ย” เอ่ยถามเบาๆ อยู่ข้างหูจนรู้สึกจั๊กจี้ ภพเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงแผ่ว

“อือ...รักสิ”

******

เช้าอีกวัน ถึงคิวที่บาสจะต้องไปสู่ขอ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แค่ไปพบพ่อกับลุงของภพ เพื่อจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันไว้ อีกหน่อย ถ้าเอสเตอร์ตัดสินใจจะแต่งงานกับภพขึ้นมา ก็ให้ไปจัดงานกันที่อเมริกาได้ บาสจะช่วยดูแลภพให้เอง

เรื่องของอนาคตอาจไม่แน่นอน แต่บาสรู้ใจเอสเตอร์ดียิ่งกว่าใคร แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันอยู่เลยก็ตาม

“เหมือนกำลังจะโดนสู่ขอเลย” ภพตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่ยืนแต่งตัวให้เอสเตอร์ที่หน้ากระจก บาสเอาชุดที่ดูค่อนข้างเป็นทางการมาให้เอสเตอร์ด้วย เสื้อเชิ้ตเรียบๆ แขนยาวกับกางเกงสแลคสีดำและรองเท้าหนังอย่างดี

“ต้องหมั้นหมายไว้ก่อน เพราะกว่าผมจะเรียนจบได้เจอพี่อีก ก็หลายปีเลย”

“จะไม่มาที่นี่จนกว่าจะเรียนจบเลยเหรอ” รู้สึกเศร้าๆ พิกลพอเอสเตอร์พูดแบบนั้น เด็กหนุ่มผมทองต้องรีบปลอบ

“ไม่ค่อยได้เจอ แต่สมัยนี้ก็มีแอพให้เราเปิดกล้องคุยกันได้ทุกเมื่อนี่ครับ ไว้ผมเก็บเงินได้อีก จะมาหานะ” เอสเตอร์ยิ้มอย่างเอาใจ มือหนาลูบแก้มเนียนของคนพี่ด้วยความรักใคร่

“อือ ถ้าพี่เรียนจบทำงานเก็บเงินได้ ก็จะไปหาเอสเตอร์เหมือนกัน ห้ามนอกใจเด็ดขาดนะ!”

“จุ๊บ” เอสเตอร์ก้มลงจุ๊บที่ปากของภพทันที “ชัวร์ครับ”

******

บาสและนที ขับรถมารับภพกับเอสเตอร์ไปที่บ้านของภพตอนสายๆ เด็กทั้งสองตื่นเต้นแปลกๆ เพราะทุกคนมาเจอกันแบบครบทีม ดูเป็นงานเป็นการมาก เอสเตอร์จับมือภพไว้ตลอดทางที่นั่งรถไป ภพเองก็จับตอบ ในอกปลื้มปริ่ม เด็กอายุแค่นี้ แต่มุ่งมั่นจริงจังกับเขาขนาดนี้ คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

พวกเราจะไม่มีวันปล่อยมือกัน

มาถึงที่บ้านของภพก็เกือบเที่ยง กะว่าพูดคุยกันแล้วก็ทานข้าวกลางวันไปด้วยพอดี นพกับหมอออกไปต้อนรับทั้งสี่คน ตอนที่หมอเดินตามหลังนพออกมาจากบ้าน และมองเห็นบาสจากไกลๆ ก็ชะงักไปทันที

“ไอ้...บาส?”

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่หมอ?” นพเหลียวหลังไปมองอย่างสงสัย บาสเพิ่งลงจากรถ และเงยหน้ามอง

“ไอ้หมอ!”

สองคนชี้หน้ากันอยู่อย่างนั้นด้วยความตื่นตกใจ มันไม่ใช่ความดีใจ และทุกคนเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว

ภพกับเอสเตอร์ยังกุมมือกันไว้แน่น
.....................
...............
...........
.......
...
บรรยากาศในบ้านตอนนี้เงียบสงัด เอสเตอร์กับภพยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงนั่งหน้าเครียดและเงียบกันขนาดนี้ เด็กทั้งสองเริ่มร้อนใจแปลกๆ ตั้งแต่ที่ลุงหมอกับลุงบาสเรียกชื่อกัน และตอนที่ลุงบาสขมวดคิ้วถามว่า พ่อของภพ คือ อัยการนพดลใช่มั้ย

“มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมทุกคนเอาแต่เงียบ ทั้งที่วันนี้เราน่าจะคุยกันไปกินข้าวกันไป” ในที่สุดภพก็อดรนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนรน

หมอกระตุกแขนหลานชายให้นั่งลง พลางถอนหายใจ

แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่ดี

“จะเอาไงต่อ” หลังจากเงียบไปอีกครั้งจนคิดว่าน่าจะได้เวลาแล้ว บาสก็เอ่ยขึ้นบ้าง

“พาเอสเตอร์กลับไปก่อนได้มั้ย” หมอเสนอ แต่นพกลับรั้งไว้

“ไม่ได้นะ!”

“เรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมานะนพ ป่านนี้แล้ว” หมอว่าพลางดึงมือนพไปกุมไว้แน่น บาสมองทั้งสองคนแล้วก็พอเข้าใจ

เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน เหมือนกับตัวเขาเองที่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครก็ต้องเดินหน้าต่อไปทั้งนั้น

ติณ...พี่เจอพ่อของลูกนายแล้วนะ

“คุณนพดลครับ” บาสตัดสินใจ “ผมจะพาเอสเตอร์กลับแคนาดาคืนพรุ่งนี้เลย ถ้าไม่รังเกีย...”

“ลุง! ทำไมพูดแบบนั้นอ่ะ ผมยังเหลือเวลาอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะเปิดเทอมนะ! ผมอยากอยู่กับพี่ภพ!”

“เงียบ!” เป็นครั้งแรกที่ลุงบาสดุเสียงดังและออกคำสั่งโดยไม่ฟังเสียงของเอสเตอร์ เด็กหนุ่มชะงักกึก นั่งเงียบไม่ปริปากออกมาอีก

“ผมจะเคลียร์กับหลานด้วยตัวเอง และทางคุณก็ต้องเคลียร์เช่นกัน แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ว่าจะเอายังไงต่อ” บาสตัดบทแล้วลุกขึ้น นทีรีบร้อนลุกตาม แม้จะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด แต่เอสเตอร์ไม่ยอมไป “มานี่เอสเตอร์! กลับคอนโดก่อน!”

“ไม่เอา! ผมจะอยู่กับพี่ภพที่นี่! ยังไม่กลับไปกับลุงนะ!”

“นายไม่มีสิทธิเถียงฉันตอนนี้ เราต้องคุยกัน!” บาสดุเสียงดังด้วยภาษาอังกฤษอีกครั้งจนเอสเตอร์เริ่มหวาดหวั่น เพราะไม่เคยโดนลุงดุแบบนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่บ่นใส่

“แต่...” เอสเตอร์ยังคงอยากยืนกรานว่าจะอยู่กับภพ บาสถอนหายใจแรง คว้ามือเด็กหนุ่มผมทองแล้วกระชากให้เดินตาม และเอสเตอร์ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของลุงอีก
******

ใกล้จบสักที!!!! มีหลายจุดที่อาจจะงงและไม่ค่อยเมคเซ้นส์ แต่งเองก็ยังมึนๆ ขอบคุณที่ช่วยกันติชมน้า จะพยายามเคลียร์ในตอนหน้านี้แล้ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดราม่าสุดๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :serius2:  มันจะอะไรกันหนักหนาเนี่ย

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
​ทำไมมันชักจะยาววววว ภาคสองใช่มั้ยเนี่ย...เอาน่าจะรีบจบให้ลงละ อีกนิดเดียววววว

ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามกัน แม้มันจะดูมั่วซั่วมากก็ตามฮ่าๆ



4

เพียงแค่บาสอธิบายให้ฟังไม่ทันจบดี เอสเตอร์ก็ลุกพรวดขึ้นยืนด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เรื่องหลังจากนั้นที่ออกจากปากของลุงแทบไม่เข้าหัว อาทีที่นั่งอยู่ข้างๆ นิ่งฟังทุกอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน พยายามจับมือเอสเตอร์ไว้ให้แน่นที่สุด เพราะกลัวหลานจะทำใจไม่ได้จนคลุ้มคลั่ง

 

“ไม่! ไม่จริง! ลุงโกหก! มันจะเป็นไปได้ไง!” เอสเตอร์โวยวายไม่อยากฟังต่อแล้ว นทีดึงแขนเด็กหนุ่มไว้

 

“ลุงเสียใจจริงๆ ที่มันเป็นเรื่องจริง”

 

“ทำไม ทำไมลุงเพิ่งมาบอกตอนนี้!!!” เอสเตอร์กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้มันไหลพรากอาบแก้ม ร้องโวยวายจนนทีต้องลุกขึ้นกอดหลานชายเพื่อปลอบให้เย็นลง

 

“ขอโทษ” บาสตอบได้แค่นั้น ช่วงแรกๆ ที่ติณเสีย ต้องเดินเรื่องวุ่นวายมากมายเพื่อจัดพิธีศพให้คนนอกศาสนาที่แคนาดา บาสต้องทำทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะอันดาเอาแต่เพ้อหาติณเหมือนคนบ้า ไร้สติ แม้แต่ในงานศพของติณก็ยังเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

 

อันดาเป็นแบบนั้นเกือบปี ติดต่อใครก็ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยไปหมดแล้ว บาสเองก็เช่นกัน ทิ้งตัวตนของตัวเองไปหมดแล้ว เพื่อหนีจากเรื่องที่เคยทำกับติณ ทั้งที่อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่อันดาก็พาความวุ่นวายมาให้ ลักพาตัวติณมา เพื่อจะให้ผ่าตัดเอามดลูกออก ซึ่งบาสรับทำ เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้ติณผิดปกติแต่แรก แต่กลายเป็นว่าติณดันท้องอยู่ สุดท้ายก็กลายเป็นแบบนี้

 

“สรุปว่า พ่อของเอสเตอร์คือคุณนพดล? ส่วนภพเป็นลูกของอันดากับติณ?” นทีถอนหายใจ “เอสเตอร์ก็คือน้องชายคนละพ่อของภพ”

 

“ไม่จริง! อาที! มันต้องไม่ใช่ผม! ไม่ใช่พี่ภพ! ไม่จริง!” เอสเตอร์ตะโกนสุดเสียง สะบัดแขนแล้ววิ่งออกจากห้องไป

 

“เอส! เอสเตอร์!!!!” นทีตกใจรีบวิ่งตามออกไป แต่เด็กหนุ่มลงลิฟท์ไปแล้ว บาสเองก็ตามออกมาด้วย

 

“เอาไงดีพี่บาส?” นทีร้อนรนกดลิฟท์รัวๆ เพื่อจะตามเอสเตอร์ลงไป หันไปมองหน้าบาส ก็ร้อนรนไม่แพ้กัน

 

“พี่รู้ว่ามันจะไปไหน”

 

******

 

เวลาตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้ว เอสเตอร์เรียกแท็กซี่ที่เห็นผ่านหน้าคอนโด รีบบึ่งไปที่บ้านของภพ ซึ่งน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน มือถือก็ไม่ได้เอามา ยังดีที่พกกระเป๋าตังมาด้วย แต่ไม่มีเวลามัวหยิบข้าวของอย่างอื่น ตอนนี้ อยากเจอภพมากที่สุด

 

อยากเจอพี่ภพ!

 

มาถึงหน้าบ้าน มีไฟเพียงดวงเดียวที่ยังเปิดอยู่ คือตรงหน้าต่างห้องชั้นสอง ห้องของภพ เอสเตอร์ไม่รู้หรอกว่านพกับหมอไปไหน หรืออาจจะเข้านอนเร็ว แต่เขาไม่สนใจแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้มีแค่

 

คุยกับภพตรงๆ

 

เพราะกลัวว่า นพกับหมอจะรู้ตัว ถ้าหากนอนอยู่ เอสเตอร์จึงเลี่ยงที่จะใช้ออดหน้าบ้าน ด้วยร่างกายสูงใหญ่ เด็กหนุ่มปีนข้ามรั้วเข้าไปได้ไม่ยากเย็น ย่องเบาไปจนถึงบริเวณที่ตรงกับหน้าต่างห้องของภพและหยิบกรวดเล็กๆ ในสนามหญ้าปาขึ้นไป

 

แก๊ก แก๊ก

 

เสียงหินกรวดเล็กๆ กระทบกระจกสองสามที ดูผิดวิสัย ทำให้ภพที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวลุกเดินไปดูที่หน้าต่าง

 

“เอสเตอร์!” ภพอุทานเสียงเบา รีบวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตูด้านหลังบ้านให้เอสเตอร์เข้ามาหา เด็กหนุ่มโผเข้ากอดทันทีด้วยความดีใจ

 

“พี่ภพ! ไปกับผม” เอสเตอร์ผละออกแล้วคว้ามือภพ แต่ภพขืนตัวไว้ไม่เดินตาม

 

“ไม่! พี่ไม่ไป”

 

“ทำไม? ไหนพี่บอกว่ารักผม” เอสเตอร์กระชากข้อมือบางเข้าหาตัว แต่ภพไม่ยอมให้กอดเหมือนคราวแรก เมื่อกี้มันแค่ตั้งตัวไม่ติด

 

“นายรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย” ภพมองหน้าเอสเตอร์ด้วยแววตาเจ็บปวด

 

ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ก็แค่รักกัน แล้วทำไม มันถึงเป็นแบบนี้

 

“ผมรู้ แล้วยังไงล่ะ ก็ผมรักพี่ พี่ก็รักผม” เอสเตอร์ลูบแก้มของพี่ชายแผ่วเบา เช็ดน้ำตาที่เหลือคราบบนนั้น

 

“แต่เราเป็นพี่น้องกัน”

 

เอสเตอร์นิ่งไปอึดใจ “แล้วไง? ผมเชื่อว่าความรักของผมที่มีให้พี่ ไม่ใช่แบบพี่น้อง ผมต้องการพี่ ปรารถนาในตัวพี่”

 

“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นสิเอสเตอร์” ภพสะบัดแขนออก แต่เอสเตอร์ก็ตามจับไว้ ไม่ปล่อย “พ่อแม่พี่ตายแล้ว และพ่อนพ...คือผู้มีพระคุณของพี่ แม้เขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ และพี่ก็เพิ่งรู้ แต่พี่ก็รักเขามาก พี่ไม่อยากทรยศคนที่พี่รัก”

 

“พี่ภพ...” เอสเตอร์เสียงอ่อนลง

 

“นายเป็นลูกชายของพ่อ เราเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน ทุกอย่างมันผิดไปหมด และมันจะต้องจบแค่นี้”

 

“ไม่!” เอสเตอร์ดึงภพเข้าไปกอดแน่น ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าภพจะดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และแรงก็มีมากกว่า แม้อย่างนั้น หากภพจะต่อสู้ขัดขืนก็ย่อมทำได้ เพียงแค่ เขาไม่อยากทำร้ายเอสเตอร์ไปมากกว่านี้

 

อยากจะผลักไส แต่ใจของภพทำได้แค่กอดเอสเตอร์ด้วยความรัก

 

“พี่ขอโทษ...เรามาเป็นพี่น้องกันเถอะนะ”

 

“ไม่! ผมรักพี่ ผมรักพี่” เพราะเอสเตอร์ยังเด็กนัก จึงไม่ยอมทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ต้องการมีเพียงสิ่งเดียว คือผู้ชายคนนี้ที่กอดไว้

 

“เอสเตอร์...”

 

“ผมรักคุณ ภพ ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้น เราจะมีสายเลือดเดียวกันก็ช่าง มันแค่ครึ่งเดียว ขอแค่คุณรักผม เราจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย”

 

ภพพูดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาที่เพิ่งเหือดหายหลั่งรินลงมาอีกครั้ง

 

ไหล่ของเอสเตอร์กว้าง ร่างกายของเอสเตอร์อบอุ่น

 

แม้เลือดที่ไหลเวียนอยู่นี้จะมีครึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน แต่ภพก็ยังรักคนคนนี้มากเกินกว่าจะตัดใจได้ง่ายๆ

 

“พี่ขอโทษ...” แม้จะยากที่จะตัดใจ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันคอยตอกย้ำ

 

เอสเตอร์อาจจะโตมาในสังคมอีกแบบ ที่แม้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดก็รักกันได้ แต่สำหรับภพ มันคือเรื่องผิดศีลธรรม มันเป็นบาป

 

และตราบาปนั้นก็จะยังคงติดตรึงในตัวเขา ยากที่จะเอามันออก

 

มันผิดพลาดไปแล้ว

 

“ขอให้ลืมให้หมด แล้วเริ่มต้นใหม่ ในฐานะพี่น้องกันเถอะนะ พี่ขอร้อง”

 

“ภพ!” เอสเตอร์ตวาดลั่น กระชากแขนบางจนร่างนั้นปลิวเข้ามาปะทะอก “พูดอะไรออกมา!”

 

“พี่ขอร้องนะ...เอสเตอร์” น้ำตาไหลเป็นสาย ยิ่งเห็นมัน ใจของเอสเตอร์ก็ยิ่งเจ็บปวด

 

“ไม่มีทาง! ผมจะไม่มีวันเป็นพี่น้องกับคุณ” ริมฝีปากหนาโน้มเข้าใกล้ แต่ภพพยายามดันตัวหนี เบือนหน้าหลบไปมา จนเอสเตอร์ต้องบีบบังคับด้วยการคว้าคางนั้นให้หันมาหาแล้วกระแทกริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วง

 

“อึก...” ภพครางด้วยความเจ็บ เหมือนจะมีเลือดออกเพราะแรงกระแทกกระทั้น กลิ่นสนิมเหล็กชวนคลื่นเหียน มากกว่าจะรู้สึกดี


เอสเตอร์ไม่เคยจูบรุนแรงแบบนี้มาก่อน มันเจ็บร้าวไปถึงหัวใจ ลิ้นร้อนสากที่กวาดต้อนในโพรงปากอย่างดื้อดึงเอาแต่ใจทำให้ภพตัวสั่นเกร็ง

 

ไม่เอาแล้ว พอได้แล้ว

 

“ฮือ...ฮืออออ” ร่างโปร่งทรุดลงกับพื้นหญ้าเมื่อเอสเตอร์ละริมฝีปากออก น้ำตาไหลพราก เอสเตอร์ไม่สนใจอีกแล้วว่าภพจะรู้สึกอย่างไร เขาจะไม่ยอมเสียคนคนนี้ไป วงแขนแกร่งโอบช้อนร่างนั้นขึ้นแนบอก จูบที่ขมับและริมฝีปากบวมช้ำแผ่วเบา

 

“ไปกับผมนะ ภพ”

 

******

 

เพราะเอสเตอร์กับภพหายตัวไป บาสจึงยังกลับแคนาดาไม่ได้ เด็กสองคนหายตัวไปตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ได้รู้ความจริง และนี่ก็ใกล้จะถึงช่วงเปิดเทอมของเอสเตอร์แล้ว

 

“มันเพราะผมเองที่ไม่ตามหาและส่งตัวเอสเตอร์กลับมาให้คุณแต่แรก” บาสเอาแต่โทษตัวเองทุกวัน พูดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปมา แต่นพกลับไม่ได้คิดโกรธหรือโทษใครเลย

 

ตอนที่บาสบอกว่าติณตายแล้ว นพได้แต่นั่งอึ้ง เสียใจ แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลสักหยด มันแค่รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบแล้วดำดิ่งหายไปที่ไหนสักแห่ง เป็นความรู้สึกเพียงแค่วูบเดียวที่ผ่านเข้ามาและจางหายไป

 

บาสบอกว่าอันดาเหมือนคนบ้าหลังจากติณตาย เอาแต่เพ้อ พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ไม่รู้จะติดต่อกับคนทางนี้อย่างไร เพราะบาสตัดขาดกับครอบครัวทางนี้ไปแล้ว พาไปให้จิตแพทย์รักษา ก็ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่กลับมาเป็นปกติ จนสุดท้าย อันดาก็ขับรถตกเหวตอนพายุหิมะกระหน่ำ ซึ่งบาสไม่แน่ใจว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือจงใจฆ่าตัวตาย

 

แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเท่าเรื่องของภพกับเอสเตอร์ตอนนี้

 

“ทั้งสองคนไม่มีใครพกมือถือไปเลย แบบนี้จะหายังไงเจอ” หมอนั่งกุมขมับอย่างเคร่งเครียด

 

“อาจจะต้องขอแรงทางบ้านติณให้ช่วยตามหา” นพว่า “ถึงผมจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นก็เถอะ”

 

หมอมองหน้านพอย่างเข้าใจและเลื่อนมือไปกุมมือไว้อย่างให้กำลังใจ

 

 หมอนั่นที่ว่าก็คือ คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น

 

“แอมป์”

 

******

 

ตอนที่ต้องไปเล่าความจริงกับที่บ้านของติณ เรื่องที่ติณมีลูกกับนพ และตอนนี้เด็กคนนั้นก็กลับมาแล้ว ทำให้พ่อแม่ของติณต่างดีอกดีใจ แต่พอบอกเรื่องที่ติณเสียชีวิตและเอสเตอร์กับภพกลายเป็นคนรักกัน ความเครียดและบรรยากาศอึมครึมก็เข้าปกคลุมทันที

 

และยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเด็กสองคนหายตัวไปร่วมอาทิตย์แล้ว และยังหาไม่เจอ

 

“หนีไปแบบไม่เอาอะไรไปเลย น่าจะไปได้ไม่ไกลหรอก” พ่อของติณลงความเห็น “แล้วนี่อาทิตย์กว่าแล้ว เงินก็คงใกล้หมดเต็มที สุดท้ายก็คงซมซานกลับมา”

 

“แต่เจ้าเอสมันเอาตัวรอดเก่งครับ โกงอายุแล้วหางานกลางคืนที่รายได้ดีทำก็เคยมาแล้ว” บาสว่า

 

“แต่ยังไงก็แค่เด็กม.ต้น แล้วต้องเลี้ยงอีกคน คงไม่ไหวหรอก พวกแกคงทำไปแบบไม่ทันยั้งคิด พ่อว่ารออีกสักพัก คนอย่างเจ้าภพ ไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเอง ภพจะต้องกลับมา” พ่อมองหน้าทุกคน

 

“ผมอยากให้ลูกๆ กลับมา...ผมพร้อมจะดูแลทั้งสองคน เขาจะรักกัน จะอยู่ด้วยกัน ผมก็ยอม ผมไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว” นพร้องไห้อย่างไม่อาจหักห้าม มีหมอโอบไหล่ปลอบใจอยู่ข้างๆ

 

ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันยากเกินแก้ไขแล้ว เพราะฉะนั้น ขอแค่เด็กทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

 

“ผมสั่งคนให้ตามหาทั่วประเทศเลยครับ เผื่อว่าพวกแกจะออกจากกรุงเทพไปแล้ว” แอมป์เดินเข้ามาบอกเมื่อจัดการสั่งลูกน้องให้แล้ว ที่จริงแอมป์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่พอรู้ว่ามีเรื่องก็มาช่วยเต็มที่ เพราะอยากไถ่โทษที่เคยทำไว้ ไม่ว่านพจะขอร้องอะไรก็ทำให้ทุกอย่าง

 

“อืม ขอบใจนะแอมป์” พ่อหันไปบอกกับลูกเขย

 

หลังจากนี้ก็แค่รอว่าจะตามหาเจอก่อน หรือเด็กทั้งสองจะกลับมาก่อนกัน

 

******

 

เอสเตอร์พาภพหนีไปอยู่ในย่านชุมชนแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมพอสมควร หรือจะเรียกว่าสลัมก็คงได้ เพราะค่าเช่าห้องที่นี่ถูกมาก แค่เดือนละ 500 บาท เอสเตอร์ต้องออกไปทำงานกลางคืน เพราะอาศัยบัตรที่ทำปลอมไว้ แถมต้องซื้อมือถือใหม่สองเครื่อง เพื่อไว้ใช้ติดต่อกับภพ ที่ต้องถูกทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียวตอนกลางคืนด้วย

 

ภพไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะถ้าไป ก็คงโดนตามตัวกลับ แต่จริงๆ ภพก็อยากกลับบ้าน อยากเจอพ่อ อยากเจอลุงหมอ แต่เอสเตอร์ไม่ยอมท่าเดียว และภพก็ไม่รู้ว่าจะหาทางกลับไปอย่างไร ในเมื่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด เอสเตอร์เป็นคนหา เพราะตัวเขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยสักอย่างเดียว

 

ตอนกลางวัน ส่วนมากเอสเตอร์จะนอนพัก และกลางคืนก็ออกไปทำงาน เช้าก็กลับมานอน มีเวลาอยู่ด้วยกันคือช่วงเย็น เอสเตอร์ใช้ภาษาไทยได้คล่องมากแล้ว พูดคุยกับคนแถวนี้รู้เรื่องหมด

 

“เอส...พี่ว่าพวกเราน่าจะกลับบ้านได้แล้ว” ภพพูดแบบนี้แทบทุกวัน เขาเบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตในห้องแคบๆ นี่เต็มทน เอสเตอร์ไม่ให้ออกไปทำงาน ไม่ให้ไปไหนเลย

 

“ภพก็เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ผมจะไปทำงานแล้วนะ ปิดล็อคห้องให้ดี อย่าให้ใครเข้าเด็ดขาด และห้ามออกไปไหนด้วย” เอสเตอร์สั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง เด็กหนุ่มรู้ว่าแถวนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับภพ ที่ถูกเลี้ยงดูมาในสังคมอีกระดับหนึ่ง ส่วนเอสเตอร์นั้น ตอนอยู่แคนาดา ใช้ชีวิตโลดโผนมามาก เลยไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ เรื่องยา เวลาจัดปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนก็มีเป็นปกติ

 

“แล้วผมจะคอยโทรหา ผมรักคุณนะ ภพ” เอสเตอร์จูบที่หน้าผากก่อนออกจากห้อง ทิ้งให้ภพต้องนั่งเซ็งๆ คนเดียวในห้องแคบแสนน่าอึดอัด แถมยังมีกลิ่นอับชื้นและไฟก็ไม่ได้สว่างมากมายอะไรเลย

 

ตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่ ภพรู้สึกเบื่อจนอยากจะออกไปข้างนอก ตั้งแต่มาที่นี่ไม่เคยออกไปไหน ถ้าเอสเตอร์ไม่พาไป ก็แปลกดีที่เอสเตอร์เรียนรู้ทุกเรื่องได้เร็วมาก จำที่ทางแถวนี้ได้หมด เหมือนเคยมาสำรวจไว้แล้ว

 

สุดท้ายก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ภพเลือกที่จะออกจากห้อง ลงไปดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ท่ามกลางความมืดสลัว ไฟบางดวงแถวนี้ก็ไม่ติด บางจุดเลยมืดและอันตราย ภพไม่กล้าไปไหนไกลกว่าหน้าที่พัก เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็เดินกลับ

 

“อ้าวๆๆ นี่มันพี่ชายคนสวยที่อยู่กับไอ้ฝรั่งนั่นนี่หว่า” เสียงใครไม่รู้ลอยมาเข้าหู ตอนที่กำลังเดินกลับเข้าที่พัก ภพไม่ได้สนใจ เพราะเอสเตอร์ไม่ใช่ฝรั่ง เลยคิดว่าไม่ใช่ตัวเอง

 

“คนคุยด้วยก็คุยกันหน่อยสิพี่” เด็กผู้ชายตัวผอมแห้งผิวคล้ำปากดำอีกคนโผล่มาขวางตรงหน้า ภพสะดุ้งด้วยความตกใจ

 

“เอ่อ คุยกับผมเหรอครับ?”

 

“โหหห โครตสุภาพชนว่ะ หน้าตาก็น่ารัก ผิวก็สวย” ผู้ชายตัวโตเหมือนหมีที่อยู่ด้านหลังเอามือมาลูบแขนของภพ ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง หดแขนหนี มองไปรอบๆ ตัว มีเด็กผู้ชายหัวเกรียนสองคน ผู้ชายตัวใหญ่สามคน สองคนมีรอยสักน่ากลัว ส่วนคนตัวใหญ่ที่สุดคือคนที่เพิ่งลูบแขนเขาเมื่อครู่

 

“บางวันกูได้ยินนะ เสียงแม่งเอากัน”

 

“เฮ้ย จริงดิ? ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?”

 

“มึงดูดิ สวยขนาดนี้ ผิวนี่เนียนยิ่งกว่าอีพวกปากแดงแถวนี้อีก” คนพูดยื่นมือมาคว้าแขนภพแล้วใช้อีกมือลูบคลำตามมือและแขน ภพจะสะบัดออก ก็ไม่หลุด อีกสองคนตามมาล็อคแขนทั้งสองข้างไว้

 

“จะ จะทำอะไร” ภพหน้าซีดตัวสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกลัว เอสเตอร์จะยังไม่กลับมาจนกว่าจะเช้า

 

“พาไปเที่ยวที่ห้องพี่หน่อยสิ พวกเราก็อยู่ที่นี่ อยากทำความรู้จักกันไว้” พวกมันแสยะยิ้ม ภพไม่รู้ว่าใครเป็นใคร รู้แค่ตอนนี้ไม่ปลอดภัยแน่นอน

 

“มะ ไม่ไป! ปล่อย!” เขาพยายามดิ้นรนหาทางหนี ยังไงก็ไม่ยอมให้เข้าไปในห้องแน่ แต่พวกมันมีมากกว่า ขืนสู้ไปก็รังแต่จะเจ็บตัวเปล่า ผมเหงื่อตก นึกถึงหน้าพ่อกับลุง และในขณะที่กำลังหาหนทางเอาตัวรอดนั้น

 

“เฮ้ย! ทำอะไรกัน นี่ตำรวจ!” เสียงบุคคลปริศนาดังขึ้นพร้อมไฟฉายส่องหน้าพวกมันทุกคน คนทั้ง 5 ตกใจปล่อยมือจากภพและรีบวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

 

ภพถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่คิดว่าจะมีตำรวจมาลาดตระเวนอะไรแถวนี้หรอก แต่ก็ต้องขอบคุณที่ช่วยไว้

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” คนที่มาช่วยไว้เดินมาหาใกล้ๆ ภพเงยหน้ามองผู้มีพระคุณแววตาเป็นประกาย

 

“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร”

 

ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมคาย ผิวสีเข้ม สวมเสื้อเชิ้ตเหมือนพวกพนักงานบริษัทมากกว่าเป็นตำรวจยิ้มให้ภพอย่างสุภาพ

 

“งั้นก็ดีแล้วครับ แถวนี้มันอันตราย กลางคืนไม่ควรออกมาเดินคนเดียวนะครับ”

 

“ครับ ผมเพิ่งย้ายมา ก็เลยมาเดินเล่นสำรวจที่ทาง” ภพเอ่ยอย่างขัดๆ เขินๆ

 

“คุณดูไม่น่าใช่คนแถวนี้จริงๆ แหละ ทำไมย้ายมาล่ะครับ มันไม่น่าอยู่เลยนะ ที่นี่น่ะ เอาจริงๆ” ชายหนุ่มมองอย่างพินิจพิจารณา จากหน้าตาผิวพรรณ คำพูดจาและท่าทางแล้ว ภพดูไม่เหมือนคนในชุมชนแบบนี้เลย หรือจะว่ามาจากต่างจังหวัดยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่

 

“ผม...” ภพตอบไม่ถูก จะให้บอกว่าโดนน้องชายลักพาตัวมาก็แปลกๆ “เอ่อ มีเรื่องนิดหน่อยเลยมาอยู่กับน้องที่นี่”

 

“น้อง?” คนตัวสูงกว่าเลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อ “อ๊ะ เอ่อ ไม่ได้คิดอะไรนะครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะผมเคยเห็นคนนั้น ดูไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่”

 

“เราเป็นลูกคนละพ่อน่ะครับ” ภพชะงักไปเล็กน้อย “คุณเคยเจอเอสเตอร์?”

 

“อ้อ ผมก็พักที่นี่เหมือนกันครับ เจอพวกคุณสองคนตอนเช้าๆ บ่อยๆ เพราะออกไปทำงานช่วงนั้นพอดี” ชายหนุ่มยิ้มหวานกว่าเดิม ทำให้ภพรู้สึกคลายความตึงเครียดลง ก่อนที่ชายคนเดิมจะยื่นมือมาให้

 

“ผมชื่อ เมฆ ยินดีที่รู้จักนะครับ”

 

ภพลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมยื่นมือไปจับตอบ “ครับ ผม ตฤณภพ”


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทุกคนให้อภัยแล้ววว

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ดราม่าสุดๆ
คนละอารมณ์กับอีกสองเรื่องเลย ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
:serius2:  มันจะอะไรกันหนักหนาเนี่ย
มันยืดดดดเยื้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
IT'S REAL END
ขอบคุณที่ติดตามค้าบ
5
หากคืนนั้น บาสมาทัน เอสเตอร์กับภพก็คงไม่หายไป แล้วไหนจะเรื่องที่เขาไม่ติดต่อหานพกับหมอ เพื่อส่งลูกคืนให้นพอีก ทั้งหมดมันวุ่นวาย พันกันยุ่งเหยิงก็เพราะเขาอีกแล้ว

บาสนั่งเครียด ดื่มแต่เหล้าทุกคืน จนนทีทนไม่ไหว ไม่เคยเห็นพี่ชายที่นับถืออยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน

“พี่บาส...อย่าโทษตัวเองเลยครับ” นทีดึงแก้วเหล้าออกจากมือของบาส

“มันเป็นความผิดของฉัน...ทั้งหมด ถ้าไม่ร่วมมือกับไอ้อันแต่แรก ก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว...” บาสพูดวนไปมาแต่เรื่องนี้ทุกคืน จนนทีก็อ่อนใจ

“คุณแอมป์บอกว่าหาตัวทั้งสองคนเจอแล้ว ตอนนี้กำลังให้คนคอยสอดส่องดูแล พวกเด็กๆ ต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอนครับ” นทีพยายามเกลี้ยกล่อมให้บาสสบายใจ “พี่ไปนอนเถอะนะ อย่าคิดมากนะครับ”

นทีพยุงร่างของบาสที่เล็กกว่าตัวเองไปนอนในห้องอย่างง่ายดาย นั่งเฝ้าคนเมาที่ละเมออะไรไม่รู้มากมาย ต้องทนเก็บเรื่องพวกนี้และความรู้สึกแบบนี้มาเป็นสิบปี มันคงหนักหนาสำหรับบาสไม่ใช่น้อย

******

“เจอตัวแล้ว ทำไมไม่พากลับมาเลย” พ่อของติณเอ่ยถามแอมป์สีหน้าเคร่งเครียด วันนี้ทุกคนต่างมารวมกันกันที่บ้านของติณ เพราะได้ข่าวเรื่องเอสเตอร์กับภพแล้ว

“การบังคับพากลับคงไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกครับคุณพ่อ ควรจะให้ทางนี้ไปคุยก่อน” แอมป์ให้ความเห็น “แต่ผมให้คนของผมเฝ้ารอบๆ หอพักนั้นไว้แล้ว และส่งคนสนิทที่สุดไปคอยตามประกบน้องภพ เขารายงานว่า ภพไม่ได้อยากอยู่ที่นั่น และอยากกลับบ้านมาก แต่ติดที่เอสเตอร์ไม่ยอมท่าเดียว”

“ต้องเคลียร์กับเจ้าหนูนั่นสินะ” หมอครุ่นคิด “ยังไงก็ต้องรีบพากลับมาก่อนเปิดเทอมใช่มั้ยบาส”

“อืม เหลือเวลาอีกแค่สองวันแล้ว ยังไงคืนนี้คงต้องไปลากตัวกลับแคนาดาให้ได้” บาสไม่อยากใช้คำนั้นเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการบังคับฝืนใจหลานชาย ซึ่งตนไม่เคยทำมาก่อน แต่ยังไงก็ต้องทำ

“นพ นายว่าไง อยากให้ลูกกลับไปมั้ย” หมอหันไปหานพ ที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวนานแล้ว นพสะดุ้ง เงยหน้ามองทุกคน

“เอ่อ...ผม”

“จะให้เอสเตอร์กลับไปที่นั่นก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ดีมั้ย?” หมอถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ผมก็คิดว่าควรให้เอสเตอร์เรียนให้จบก่อน ค่อยว่ากัน เพราะเขาคงไม่ชินกับการเรียนที่นี่แน่ๆ ระบบการศึกษามันต่างกันมากเกินไป”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” บาสสมทบ

“แต่ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองนะครับ พี่บาสไม่ต้องห่วง ผมอยากตอบแทนที่พี่เลี้ยงลูกผมมาตั้งเป็นสิบปีด้วย” นพกำชับหนักแน่น เขาไม่คิดโทษบาสเลย เพราะเข้าใจว่าที่บาสไม่ติดต่อกลับมาด้วยเหตุจำเป็น ในเมื่อทั้งติณและอันดาเสียไปหมดแล้ว คนที่บาสจะติดต่อได้ก็มีแค่พี่หมอ ซึ่งขาดการติดต่อกันไปนานแล้ว แล้วไหนจะวุ่นวายกับการเลี้ยงดูเด็กเล็กๆ ด้วยตัวคนเดียว กว่าจะได้นทีมาช่วยอีกแรง

“เฮ้ย! เรื่องค่าใช้จ่ายเจ้าเอส พี่เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว พี่รักมันเหมือนลูกหลานแท้ๆ เพราะพี่ไม่มีครอบครัว ไม่เหลือใครแล้ว นอกจากเอสกับที” บาสคลี่ยิ้ม “แต่ตอนนี้ก็ได้เจอเพื่อนเก่าอย่างไอ้หมอ และได้เจอพ่อของเอสแล้ว พี่ดีใจนะ”

“พี่บาส...” นพมองบาสด้วยความซาบซึ้ง รู้ดีว่าบาสรักเอสเตอร์มากแค่ไหน ดูจากที่เลี้ยงมาอย่างดี จนเอสเตอร์ตัวโต แถมยังเก่งกาจขนาดนั้น

“ตอนนี้ต้องไปจับตัวเจ้าเด็กจอมยุ่งนั่นก่อนล่ะ ยังไงก็ต้องพาตัวกลับมาให้ทันเปิดเทอม” บาสว่าพลางมองทุกคน ซึ่งมันจะถึงลิมิตแล้ว เลยต้องยอมให้ไปพาตัวเอสเตอร์กลับมาในคืนนี้

******

ช่วงที่เอสเตอร์ไม่อยู่ ภพได้เมฆคอยอยู่เป็นเพื่อนและดูแลหลายๆ เรื่อง ภพก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมคนคนนี้ถึงเข้ามาทำดีด้วยขนาดนี้ แต่มีเมฆอยู่ด้วยก็ดีกว่าอยู่คนเดียวตอนกลางคืน ทำให้รู้สึกอุ่นใจและภพที่เก็บความเครียดมากมายไว้กับตัว ก็ค่อยๆ ระบายมันออกมาให้เมฆฟังเรื่อยๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน

แต่แล้วในคืนนี้ ตอนที่เอสเตอร์จะออกไปทำงานที่ผับเหมือนเคย

บาสและนพ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

“พ่อ!!!” ภพดีใจจนน้ำตาไหลพราก โผเข้ากอดพ่อที่เลี้ยงดูตนมาทันที เอสเตอร์นิ่งอึ้ง กำหมัดแน่น ไม่คิดว่าลุงจะตามหาเจอ

ลุงกับหลานเผชิญหน้ากัน

“จะไม่ขอโทษสักคำเหรอ เอส ทั้งที่ฉันขอโทษนายไปแล้ว” บาสยืนประจันหน้ากับเด็กหนุ่มร่างสูง ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้น และเอสเตอร์ก็ต้องก้มหน้าลง ดวงตาของเด็กหนุ่มไหวระริก ในอกสั่นสะท้าน

“ลุง...ลุง ฮึก...” มาอยู่ไทยเกือบสามเดือนแล้ว เอสเตอร์คิดถึงลุงอยู่เสมอ และยิ่งคิดถึงเมื่อหนีมา โดยที่ไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง แต่ด้วยทิฐิและกลัวจะเสียภพไป ทำให้ไม่ยอมกลับไปหาลุงที่ตนรัก

พอมาเจอซึ่งหน้าอย่างนี้ มันก็ดีใจจนทนไม่ไหว ต้องร้องไห้ออกมาอย่างน่าอาย

“โฮอออ ลุง!!!” พอเห็นหลานร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่คาดคิด บาสก็อึ้งไปเหมือนกัน

“เอ่อ...โอ๋ๆ อย่าร้องสิลูก ลุงอยู่นี่แล้วครับ” บาสเข้าไปกอดปลอบหลานชาย หันไปสบตากับนพและภพ แล้วทั้งสามก็ต่างยิ้มให้กัน

เพราะเอสเตอร์ร้องไห้หนักมาก บาสเลยไม่กล้าดุด่าหรือตีหลานอย่างที่ตั้งใจว่าจะดุให้เข็ดหลาบในตอนแรก ได้แต่โอ๋กันไปตลอดทางที่กลับบ้าน ทั้งหมดกลับไปที่บ้านของติณ เพื่อให้เอสเตอร์ได้เจอตายายด้วย

“ตัวโตมาก จนไม่คิดว่าเป็นลูกเจ้าติณกับตานพเลยเนี่ย” เพราะทั้งติณและนพก็ตัวเล็กทั้งคู่

“คุณก็ พูดอะไรแบบนั้น หน้าตาเหมือนติณกับนพออก ดูสิ” คุณยายว่าพลางลูบหัวหลานที่ตัวไม่น้อยแล้ว แต่อายุยังน้อย

“แล้วจะเอายังไงต่อ” คุณตาหันไปถามนพและบาส

“ก็...คงต้องให้เอสเตอร์กลับไปเรียนที่แคนาดาให้จบก่อนครับ ค่อยมาคิดกันอีกที” นพว่า

“ส่วนเรื่องภพกับเอส” บาสเอ่ยขึ้น ดูเหมือนจะยังทำใจลำบากอยู่ไม่น้อยกับเรื่องนี้ “อยากลองถามสองคนดูว่าจะเอาไงต่อกับชีวิตตัวเอง”

“ผมรักพี่ภพ!” เอสเตอร์ยังคงยืนกรานคำเดิม

“พ่อเข้าใจ” นพถอนหายใจเบาๆ “ถ้ารักกันก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละ พ่อไม่ว่าอะไรหรอก”

“แต่พวกเราเป็นพี่น้องกันนะพ่อ” ภพแย้งขึ้น

“นั่นก็แล้วแต่พวกลูกตัดสินใจ พ่อกับลุงบาสจะไม่บังคับ ทุกคนเองก็คิดแบบนั้น ใช่มั้ยครับ” นพกวาดสายมองตายายและหมอ ทุกคนก็พยักหน้ารับ ให้เด็กๆ ตัดสินใจกันเองดีที่สุด

“แต่เอสจะต้องเรียนจบมหาลัยก่อน แล้วถ้าตอนนั้นยังรักกันอยู่ ก็ค่อยว่ากันอีกที” บาสลูบหัวหลานรัก สบตากันให้เข้าใจ เอสเตอร์ดูจะใจเย็นและอ่อนลงมาก เพราะเชื่อฟังบาสมากที่สุด

“งั้นถ้าผมเรียนจบและยังรักพี่ภพ และพี่ภพก็รักผม พวกเราก็อยู่ด้วยกันได้ใช่มั้ย” เอสเตอร์ถามย้ำอีกครั้งกับลุงของเขา

“ตามนั้นครับ” บาสยิ้มรับ เพราะฝืนใจเด็กๆ ไปก็เท่านั้น ถ้าคุยกันให้เข้าใจแต่แรก เอสเตอร์กับภพก็คงไม่หนีไป

“แล้วพี่ภพล่ะ” สายตาของเอสเตอร์ตรงไปยังภพที่นั่งกอดขาพ่อนพเสียแน่น ตั้งแต่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ความรู้สึกของภพก็ค่อนข้างสั่นคลอน จนเกือบจะกลายเป็นความรักแบบพี่น้องไปแล้ว

“พี่...” ภพเหลือบสายตาขึ้นมองพ่ออีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเอสเตอร์ “คิดว่าเราทำแบบที่พ่อกับลุงว่าก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”

คำตอบของภพคือตัวเร่งการตัดสินใจของเอสเตอร์ได้ดี

“โอเคครับ ผมจะกลับแคนาดา”

******

นพ หมอและภพ ไปส่งเอสเตอร์กับบาสที่สนามบิน คืนก่อนที่เอสเตอร์จะเปิดเทอมได้อย่างฉิวเฉียด

“ผมต้องเรียกพ่อว่าพ่อใช่มั้ย” เอสเตอร์มองหน้านพอย่างสงสัย จริงๆ ก็เรียกตามภพตั้งแต่เจอหน้านพแล้ว แต่ตอนนี้ต้องเรียกในฐานะพ่อแท้ๆ ที่ไม่ใช่พ่อของแฟน มันก็เลยเกร็งๆ แปลกๆ

นพไม่ได้ตอบ แค่ยิ้มและลูบหัวเจ้าหนูตัวโต ก่อนจะกอดกันให้ชื่นใจอีกทีก่อนจาก

“ผมขอโทษนะ ที่ผมทิ้งลุงบาสไม่ได้ ไม่ว่ายังไงผมก็อยากอยู่กับลุงบาส” เอสเตอร์ยู่ปากน้อยๆ

“อืม พ่อเข้าใจ เอสอยู่กับลุงมาตั้งแต่เกิด ให้แยกจากกันก็น่าสงสารแย่” แม้จะเศร้าที่อาจจะไม่ได้เจอหน้าลูกอีกนาน แต่นพก็ต้องทำใจยอมรับมัน “ผมฝากลูกด้วยนะพี่บาส”

“หายห่วง” บาสยิ้มรับ

จากนั้นผู้ใหญ่ก็ปล่อยให้เด็กๆ ได้ลากัน บาสเดินเข้าเกทไปก่อนแล้ว ส่วนนพกับหมอก็ไปนั่งรอที่อื่น

เอสเตอร์ยืนอยู่ตรงหน้าภพ จ้องมองด้วยแววตาอ่อนโยน จนภพรู้สึกหน้าร้อนผ่าว

“พี่ภพ ผมจะรักพี่แค่คนเดียวตลอดไป ผมสัญญา”

“ไม่ต้องสัญญาหรอก ถ้าเจอคนที่ดีกว่า พี่ก็ไม่ว่า” ภพไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง หากเอสเตอร์จะเลิกรักก็ไม่ว่าอะไร น่าจะเป็นการดีเสียอีกที่จะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม

ภพโอบแขนรอบตัวเด็กหนุ่ม “เอสยังเด็ก ยังได้เจอคนอีกมากมาย ไม่ต้องรีบร้อนให้สัญญาอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตของนายให้เต็มที่ แล้วถ้าวันที่เราได้เจอกันอีกครั้งมาถึง และนายยังยืนยันคำเดิม พี่จะรับไว้พิจารณา”

“หมายความว่าพี่จะมีคนใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอผมอีกครั้งเหรอ?” เอสเตอร์ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ภพไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้ “โตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ให้ได้นะเอสเตอร์” และจูบเบาๆ ที่แก้มของเด็กหนุ่ม

เอสเตอร์คลี่ยิ้ม กอดตอบพี่ชายที่รัก บอกลากันด้วยการจูบที่แก้มเท่านั้น

จากนี้ไป ทั้งสองคนคงได้เจอผู้คนอีกมากอย่างที่ภพว่าไว้ กาลเวลาเปลี่ยนผัน ใจคนย่อมเปลี่ยนแปรกันได้ แต่สายเลือดของพวกเขาครึ่งหนึ่งจะยังคงเป็นของกันและกันตลอดกาล

END

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
หืมมมม จบแล้วจริงๆเหรอ? :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
นานๆได้อ่านเรื่องที่มีสองเจนฯ รุ่นพ่อและรุ่นลูก ในที่สุดก็บรรจบกันทั้งหมด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ติณ กับ อันดา คงมีความสุข

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นการจบแบบคาดหวังว่าความรักของภพกับเอสจะมั่นคงตลอดไป   :mew1:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


แอบเศร้า

แต่ก็เข้าใจได้ดี

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ้ว  :a5: โอเคละ incest แต่ก็พีคตรงที่เขาไม่รู้จักกันเลยนี่ล่ะ

อันดากับติณก็เสีย เออนะ อ่านมังงะก็แบบเขารู้ว่าเป็นพี่น้องกัน

ไรงี้ แต่อันนี้ยังไม่รู้ก็เลยรู้สึกแปลกๆ 55 ก็นะ ก็จบโอเคสำหรับเรา

ไม่ม่าเกิน ถ้าให้นพกับติณคู่กันอันนั้นล่ะม่าเรา

สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณผู้แต่งมากๆนะตะ  :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปมคดเคี้ยว เลี้ยวหักมุม คลุมเครือมาก
ตายทั้งเป็น ตายทั้งจาก มากเกินหนา
กว่าจะรู้ ว่าอ่านจบ ครบน้ำตา
คนแต่งจ๋า แอบใจร้าย แพ้พ่ายเลย

ทั้งเศร้าทั้งหน่วง..ตามที่คนแต่งหมายมั่นเอาไว้
คนอ่านจิตตกจิไปอีกหลายวัน
กาซิก

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

สงสารทั้งเอสเตอร์ทั้งภพเลย คิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ทุกคนยอมรับได้ ขนาดเราคนอ่านยังรู้สึกเหนื่อยเลย อย่าดราม่าไปมากกว่านี้อีกเลยยย
จริงๆเชียร์นพติณ อยากให้ได้เลี้ยงลูกทั้งสองด้วยกัน
มองไม่เห็นความดีความชอบของอันเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่นพทำให้ติณ ยิ่งอันเห็นแก่ตัวจะเก็บติณไว้กับตัว เรายิ่งรู้สึกลบกับผู้ชายคนนี้ ตอนรู้ว่าติณตายคืออยากให้อันจมอยู่กับควาเจ็บปวดไปทั้งชีวิต (โหดกว่าอันคือเราเอง  o18 )
อีกคนที่ไม่ชอบที่สุดคือแอมป์ ดูไม่ได้มีความรู้สึกผิดที่ทำให้ไอซ์ตายเลย ยังจะมีหน้ามาแต่งกับแต้วเพื่อความสะใจอีก เลว! เผาพริกเผาเกลือสาปส่ง  :m31:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
เรามีเรื่องใหม่แนวดราม่าแปลกๆ แบบนี้มาอีกสองเรื่องล่ะ

เผื่อใครยังไม่เห็นนะ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67937.0
(อัพเรื่อยๆ)


https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67756.0 (อันนี้ค้างนานละ รอบิ้วอยู่)

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หึ้ยยยย สงสารติณอ่ะ  :hao5: :hao5:
ทำไมอันดาไม่พูดกับติณให้เร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอันดาคนเดียวเลย แง้งงงงง :o12:

ออฟไลน์ BankkunG23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คือจุกกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ากับใครก็ตาม
น้ำตาร่วงกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทุกตัวละคร

อินมากไปจริงๆ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อบอุ่น มีความสุข

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด