[ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ Rewrite จบ : 7/01/2560]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ Rewrite จบ : 7/01/2560]  (อ่าน 5731 ครั้ง)

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


---------------------------------------------------------------------------------------------------------

- เจ้าหลง -

เสมือนกังหันเล็กๆ...
ที่เฝ้ารอให้สายลมอ่อนโยนของเขาหวนกลับมาอีกครั้ง...


แอบไปรีไรต์เรื่องนี้มาค่ะ เคลียร์บางประเด็นที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เคลียร์
ใครเคยอ่านไปแล้วอยากให้ลองอ่านใหม่เนอะ
รับรองว่าน้องหลงทวีความน่ารักขึ้นแน่นอนค่ะ  :-[





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2017 03:48:22 โดย makok_num »

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง (1)
«ตอบ #1 เมื่อ07-10-2016 22:04:12 »

-เจ้าหลง (1) -

ใครๆ ก็มีอดีตกันทั้งนั้น…
อดีตเลวร้ายที่เป็นเหมือนกับดัก
ลวงเราให้จมปลักกับความทรงจำแสนเจ็บปวดอยู่ซ้ำๆ

แต่เชื่อมั้ย...
ถ้าหากทำให้ความเจ็บปวดจากบาดแผลในอดีตเหล่านั้นจางลงได้
คุณจะพบว่ามันยังเหลือพื้นที่มากมาย...
ให้คุณได้เติมความทรงจำครั้งใหม่ที่สวยงาม

“อึก... อื้อ! ใจเย็นๆ ก่อนสิ” เสียงกระเส่าของหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีดำขลับเอ่ยขึ้นมาขณะที่พยายามเบือนหน้าหนีจากคนที่เอาแต่วุ่นวายอยู่กับการมอบจุมพิตร้อนแรงให้เธอจนแทบไม่เว้นโอกาสให้หายใจ

“...” ร่างสูงไม่ตอบอะไร แต่เคลื่อนริมฝีปากต่ำลงไปยังซอกคอขาวเนียน จูบซ้ำๆ อย่างไม่กลัวว่าผิวสวยจะช้ำ
ลมหายใจร้อนผ่าวและริมฝีปากที่กดจูบหนักๆ ลงมาไม่หยุดทำให้หญิงสาวหัวเราะพึงพอใจ “นายนี่มันใจร้อนชะมัด” เสียงหวานเอ่ย ก่อนจะจับใบหน้าของเขาให้เงยขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง ดวงตาคมสีนิลฉายแววที่บ่งบอกถึงความปรารถนาอย่างซื่อตรง 

“เหรอ” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทั้งออดอ้อน ทว่าเย่อหยิ่ง... 

รอยยิ้มที่ทำให้เจ้าของร่างระหงอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากลงไปหาเขาเสียเอง

เจ้าของเสียงทุ้มหัวเราะในลำคอเมื่อรู้ว่ารอยยิ้มเคลือบยาพิษนั่นได้ผลเสมอ ความร้อนแรงของรสจูบที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาคงจะนำพาไปสู่สิ่งที่ลึกซึ้งกว่า ถ้าหากว่าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาหยุดการกระทำเหล่านั้นเสียก่อน

“ฮึก...” สองร่างที่กำลังนัวเนียหยุดชะงัก แต่ไม่นานร่างสูงก็ทำท่าจะจรดริมฝีปากลงไปอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ 

“ดะ...เดี๋ยวสิ ฉันว่าฉันได้ยินเสียงคนนะ” เสียงหวานปรามขึ้นมา พยายามจะเบือนหน้าหนี 

และคราวนี้มันทำให้ชายหนุ่มชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว

“แล้วไง” จมูกโด่งซุกลงไปที่ซอกคอระหงอีกครั้งพร้อมกับใช้ริมฝีปากฝากรอยจูบไว้กับผิวเนียน ขณะที่ฝ่ามือหนาเริ่มซุกซนปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างเย้ายวน

“อ๊ะ... เดี๋ยวสิ” หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสร้อนๆ จากฝ่ามือเคลื่อนมาที่ขาอ่อนของเธอ และทำท่าจะสูงขึ้นถ้าหากว่าเสียงหวานไม่ร้องห้ามเสียก่อน “มีคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ นะ” 

เวรเอ๊ย

ร่างสูงสบถในใจ และพ่นลมหายใจหงุดหงิดออกมา ดวงตาสีดำสนิทคมกริบมองกลับไปตามสายตาของหญิงสาวแวบหนึ่งและพบว่าเขากับเธอไม่ได้อยู่ในซอกตึกสกปรกนี้ตามลำพัง 

“เด็กนั่นอะไรน่ะ” ร่างบางชี้ไปยังใครบางคนที่นั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ข้างถังขยะห่างออกไปไม่ไกลนัก ขณะที่เจ้าของคิ้วเข้มขมวดแน่นอย่างสงสัยปนขัดใจ

นั่นไม่ใช่เด็กแน่...

ถึงจะนั่งขดตัวอยู่ในชุดประหลาดๆ ที่เหมือนกับชุดมาสคอตตุ๊กตาก็เถอะ แต่ขนาดตัวและใบหน้าสวยหวานที่โผล่ออกมาจากฮู้ดสีน้ำตาลนั่น ก็บ่งบอกอย่างดีว่าเจ้าของร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ในซอกมืดๆ นั่นน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเขา

“ช่างเถอะ” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดเอ่ยขึ้น และหันกลับมาหาหญิงสาวต่อ ถึงจะมีเรื่องขัดอารมณ์ถึงสองครั้งสองครา แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้คืนนี้ผ่านไปโดยไม่ได้อะไร

ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วนี่... 

“ไปที่อื่นกันเถอะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างออดอ้อน ขณะที่เขากำลังสาละวนอยู่กับการพรมจูบไปที่ไหปลาร้าของเธอ ส่งเสียงปฏิเสธในลำคออย่างเอาแต่ใจ แต่สุดท้ายก็ฟิวส์ขาดอีกครั้งเมื่อร่างบางยื่นข้อเสนอใหม่

“ไปที่ห้องนายไม่ได้เหรอ”

“...” 

“สัญญาว่าจะไม่ทำตัววุ่นวายแล้ว” แม้จะพยายามใช้เสียงออดอ้อนแบบที่เขาชอบ แต่คำถามต้องห้ามที่เพิ่งเอ่ยออกมา ก็ทำเอาร่างสูงหยุดชะงัก 

เขาพ่นลมหายใจหงุดหงิดอีกครั้ง ก่อนจะผละออกมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

“คิดจะเล่นตัวกับฉันหรือไง” ว่าพลางยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียด มือเรียวล้วงบุหรี่ในกระเป๋าออกมาจุดสูบดับอารมณ์คุกรุ่น

เขาไม่ชอบคนที่ทำตัววุ่นวาย สำหรับเขามีแค่ได้ กับไม่ได้... เท่านั้นเอง

“เปล่าสักหน่อย อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ” ร่างบางขยับเข้ามาเกาะแขนอย่างต้องการเอาใจ “แต่ตรงนี้มันไม่เหมาะเท่าไหร่” เธอพยักหน้าไปทางบุคคลปริศนาที่ยังส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุด

ดวงตาเรียวคมสีนิลตวัดกลับไปมองอีกครั้งก่อนจะแสยะยิ้ม แล้วพ่นควันสีขาวขุ่นออกมาจากริมฝีปาก มันเป็นความผิดของเขาเองที่ดันใจร้อนอยากจะมาทำเรื่องอย่างว่าที่นี่ ถ้าไปโรงแรมซะตั้งแต่แรก คงไม่ต้องมายืนหงุดหงิดหมดอารมณ์อยู่ตรงนี้

“ไปที่ห้องนายเถอะ นะ น้า~ แล้วฉันจะเป็นเด็กดี ไม่ยุ่งกับห้องของยะ...”

“หุบปาก” น้ำเสียงของเขาทวีความเย็นชาขึ้นโดยไม่รู้ตัว 

“วายุ...”

“ไปซะ” แม้แต่แววตาก็แปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่มีแววออดอ้อนปนเจ้าเล่ห์อีกต่อไป มันดูไร้ความรู้สึกเสียจนหญิงสาวขนลุก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกล้าที่จะสบตาสู้ และคลี่รอยยิ้มบางอย่างต่อรอง

“ไม่เอาน่า” เคลื่อนใบหน้าสวยกระซิบชิดริมฝีปากได้รูปที่กำลังแสยะยิ้มหยัน

“...”

“อย่าทำแบบนี้สิ ฉันรู้นะว่านายกระหายจนแทบจะระเบิดแล้ว” นิ้วเรียวไล้ไปตามแผ่นอกกว้างที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีดำที่กระดุมหลุดลุ่ยอย่างต้องการปลุกเร้าอารมณ์

แต่แน่ล่ะ ว่าคนถูกยั่วไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวตรงหน้าอีกแล้ว เขาหัวเราะในลำคอ ปัดมือเธอออกอย่างไม่ไยดีก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบรอดไรฟัน

“ไสหัวไป” 

“นี่!” เสียงแหลมตวาดใส่หน้าเขาอย่างหมดความอดทน ยิ่งเห็นคนตรงหน้าหลับตาข่มอารมณ์พลางถอยออกมาพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งอุดหูอย่างจงใจกวนประสาทก็ยิ่งทนไม่ไหว “อย่าสำคัญตัวเองนักนะวายุ”

“...”

“คิดว่าฉันจะง้อหรือไง” เธอชักสีหน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก “นายต่างหากที่ต้องอ้อนวอนฉัน”

“...”

“อดอยากปากแห้งมาหลายวันแล้วนี่... คิดดูดีสิ ป่านนี้แล้ว จะมีผู้หญิงที่ไหนให้นายหิ้วไปดับกระหายได้อีก” เป็นถ้อยคำน่าสมเพชที่เล่นเอาเขาต้องแค่นหัวเราะ และสบตาเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าเธอไร้ค่าแค่ไหนที่พูดมันออกมา

แต่ถึงอย่างนั้นนิสัยชอบการเอาชนะก็กระตุ้นให้เสียงทุ้มเอ่ยถ้อยคำแสนอวดดีออกไป

“ใครว่าไม่มี” เสียงทุ้มกระซิบเรียบนิ่ง ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่นั่งขดตัวร้องไห้อยู่ในมุมมืด

“นะ... นี่นาย” ใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ กว่าเจ้าของเสียงหวานจะเข้าใจความหมาย

จะเอาเด็กสกปรกนั่นมาแทนเธองั้นเหรอ

ชายหนุ่มแสยะยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะทำสิ่งเหนือความคาดหมายอย่างการเดินไปนั่งยองลงตรงหน้าเจ้าของร่างที่สั่นระริกอย่างน่าสงสาร 

“ร้องไห้ทำไม” เขาถาม

“ฮึก...” แต่ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากเสียงสะอื้น

“อยากไปกับฉันมั้ย?” 

“วายุ!” คำถามของชายหนุ่มตรงไปตรงมาเสียจนหญิงสาวที่เขาทิ้งไว้ถึงกับเบิกตากว้าง เพราะไม่คิดว่าคนยโสอย่างวายุจะกล้าลดตัวลงไปคว้าคนจรจัดข้างถนนมาเป็นคู่นอนแทนเธอจริงๆ 

แถมที่สำคัญ คนคนนั้นยังเป็น...

“ว่าไง?” แต่ร่างสูงกลับไม่ฟังเสียงร้องห้ามใดๆ เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับจ้องร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้ไม่วางตา

“ฮึก...” จนกระทั่งเจ้าของดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นมาสบตา... เขาจึงพบว่าภายใต้คราบน้ำตามอมแมมและความมืดที่ปกคลุมตลอดมา มีใบหน้าที่แสนงดงามไร้เดียงสาเพียงใดซ่อนอยู่

“...”

วายุไม่อาจรู้ได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นถูกเรียกว่าอะไร มันเหมือนกับเขากำลังถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดลงไปในห้วงลึกที่ยากจะเข้าใจ

สายตาที่เจือไปด้วยความอบอุ่น ปลอบประโลม แม้จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“...!” 

แต่แล้วก็ได้สติอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวสวยที่กำลังสั่นระริก ยื่นมาตรงหน้าด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ

วินาทีนั้นวายุไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมริมฝีปากของเขาจึงคลี่ยิ้ม... รอยยิ้มบางที่ไม่ใช่การเย้ยหยัน อธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากความรู้สึกอะไร

ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมออกไปกุมมือที่เย็นเฉียบเอาไว้แล้วฉุดร่างบางในชุดลูกกวางน้อยให้ลุกขึ้นเดินตามเขามาอย่างอ่อนโยนเกินว่าที่คนอย่างเขาจะเคยปฏิบัติกับใคร

“คืนนี้ฉันคงไม่ต้องง้อเธอแล้วล่ะ” หันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อจูงมืออีกคนเดินกลับมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว ก่อนจะทิ้งมวนบุหรี่ที่ถือด้วยมืออีกข้างลง เพื่อเอื้อมมือผ่านร่างบางไปหยิบกระเป๋ากีตาร์ที่วางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้าขึ้นมาสะพายไหล่ และจงใจก้มลงไปกระซิบรอดไรฟันที่ข้างหูของเธอ

“ฝันดี”

“หยุดนะ! วายุ! ไอ้บ้าวายุ! สารเลวเอ๊ย!” แน่นนอนว่ามีเสียงก่นด่ามากมายตามหลังมา แต่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บใจนั้นก็ไม่ต่างจากก้นบุหรี่ที่เขาเพิ่งใช้ปลายเท้าขยี้ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
 

เวลาผ่านไป

วายุรู้ว่าตัวเองกำลังเสียสติ

ถ้ามีคนอยู่บนดวงจันทร์แล้วมองลงมาก็คงลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเขากำลังเสียสติ

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทิ้งผู้หญิงที่ทั้งสวย เซ็กซี่ มีดีกรีเป็นถึงนางแบบนิตยสารดัง แล้วดันหันไปคว้าผู้ชายหน้าหวานมาแทนแบบนี้หรอก 

ใช่ ร่างบางในชุดที่เขาเพิ่งรู้ว่าเป็นกวางน้อยนี่... เป็นผู้ชาย 

อันที่จริงวายุรู้ตั้งแต่อยู่ในตรอกแล้วตอนที่ได้สบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากเอาชนะหรืออะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาหลวมตัวลากคนตัวเล็กนี่ติดมือมา

“ชื่ออะไร” เขาถาม น้ำเสียงไม่สบอารมณ์เสียจนอีกคนเริ่มห่อไหล่ด้วยความหวาดกลัว

แต่ท่าทางแบบนั้นกลับทำให้เขารู้สึกผิดแทนที่จะหงุดหงิด ทั้งที่ปกติ ถ้าถูกเงียบใส่เหมือนคุยกับสากกะเบือแบบนี้คนเจ้าอารมณ์อย่างวายุคงจะโมโหจนตะคอกใส่ไปแล้ว

“ทำไมถึงไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น” แต่เสียงทุ้มกลับเลือกที่จะเปลี่ยนคำถาม เมื่อสังเกตเห็นคราบน้ำตาที่เปรอะอยู่บนใบหน้าหวาน แม้จะไม่ได้ยินเสียงสะอื้นแล้วก็ตาม

เอาเถอะ รู้ชื่อไปก็ไร้ประโยชน์ เขาไม่คิดว่าจะได้ทำความรู้จักกันไปมากกว่านี้อยู่แล้ว

ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ข้ามคืนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาคงไม่ได้หาความหรรษาจากคนตรงหน้า เพื่อลบเลือนความเจ็บปวดที่เล่นงานทุกค่ำคืนเหมือนเคย

“...” เจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แต่ก็กลับไม่โต้ตอบอะไร

“เป็นใบ้เหรอ?” วายุขมวดคิ้ว

“...” คราวนี้คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้า ไม่ปริปาก จนคนขี้หงุดหงิดถอนหายใจหนักๆ ราวกับเจอเรื่องปวดหัวที่สุดในชีวิต เขาสบตาที่เต็มไปด้วยประกายลึกลับบางอย่างคู่นั้น ก่อนจะพูดด้วยท่าทางเย็นชาที่ติดเป็นนิสัย

“หมดธุระแล้ว ไปได้แล้ว” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวกลับล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาควักธนบัตรสีเทาวางลงตรงหน้าคนที่ยังคงนั่งหน้าซื่ออย่างไม่เข้าใจ

“?”

...ไม่เข้าใจว่าคนพูดต้องการให้ไปไหน ในเมื่อก่อนหน้านี้เป็นฝ่ายชวนเขามาเอง
    
ด้วยเหตุนั้นทันทีที่ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินค่ากาแฟและนมร้อนที่ไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย คนตัวเล็กจึงนั่งคอยอยู่ที่เดิมจนกระทั่งคนออกคำสั่งเดินกลับมาเมื่อเก็บสัมภาระเพียงอย่างเดียวของเขาสะพายบนบ่า
   
“...” ดวงตาสีดำสนิทสบกับตวงตาสีน้ำตาลอ่อนอีกครั้ง ความรู้สึกประหลาดแล่นขึ้นมาจุกที่อกของร่างสูง แต่วายุก็ปัดความรู้สึกนั้นออกไปทันควัน พลางเบือนหน้าหนีเดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจ
   
แต่ว่า...
   
ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกมองตามอยู่ตลอดเวลานี่มันอะไรกันวะ
   
ชายหนุ่มสบถเบาๆ อย่างขัดใจใจ ก่อนจะหันกลับไปในร้านกาแฟยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เพิ่งเดินจากมาอีกครั้ง และเห็นว่าเจ้าของร่างที่เขาเพิ่งทิ้งไว้ตรงนั้น ยังคงนั่งมองมาราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาทิ้งเอาไว้

เวรชิบ
   
“เฮ้ย” เรียวขายาวสาวเท้าเดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง ยืนล้วงกระเป๋ามองคนน่ารำคาญด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดเกินบรรยาย “ปัญญาอ่อนเหรอวะ บอกให้ไปไง” เสียงทุ้มเอ่ยดังจนเกือบจะตะคอก
   
อันที่จริงวายุรู้สึกโมโหตัวเองมากกว่า ที่ดันลากภาระติดมือมาทั้งที่น่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
   
ลากคนจรจัดที่ร้องไห้อยู่ข้างถังขยะกลับมาด้วยเนี่ยนะ คนสติดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน

ก่อนหน้านี้เขาคงจะเมาเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ตอนนี้พอสร่างแล้ว ก็เลยโคตรจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
   
ครืดด~
   
และยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่เมื่อโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดันสั่นขึ้นมาไม่รู้เวล่ำเวลา
   
“อะไร” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ กรอกลงไปในสายโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่โทรมาเป็นใคร

[ วา... นี่หลินเองนะ ]

“...” แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา สมองของเขาก็กลับขาวโพลนไปชั่วขณะ

[ วา ได้ยินเรามั้ย ]

“...” ความรู้สึกบางอย่างที่โถมขึ้นมาส่งผลให้เขาเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ถ้าหากว่าไม่ถูกนิ้วมือแสนมอมแมมของอีกคนแตะลงมา

วายุก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่ถูกถือวิสาสะแตะต้องโดยคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะพูดจาตอบโต้เขามานานหลายนาที คนแปลกหน้าที่เขากำลังพยายามไล่ให้พ้นตัว กำลังแตะนิ้วเรียวบางที่กำลังสั่นเทาลงมาบนหมัดที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดชัดของเขาจากปลายนิ้วเพียงเล็กน้อยไล่มาจนกลายเป็นเต็มฝ่ามือ...

ฝ่ามือที่เล็กกว่าของเขาเกือบเท่าตัว

[ วา... ]

ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยืนนิ่งลืมคนปลายสายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อได้ยินเสียงหวานเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาอีกครั้ง วายุก็ไม่รีรอที่จะวางหูอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะกดปิดโทรศัพท์และยัดมันเข้ากระเป๋าทันที

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฟังเสียงของผู้หญิงคนนั้นอีก ไม่ว่าเธอจะโทรมาด้วยจุดประสงค์อะไร

ร่างสูงก้มลงสบตากับเจ้าของฝ่ามือเล็กที่เขาเผลอเป็นฝ่ายกุมมือไว้ และรับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือเขา ราวกับจะดับความร้อนในใจให้หายไปด้วยความเย็นนั้น

วายุคาดเดาว่าสติอันน้อยนิดของเขาคงถูกทำลายนับตั้งแต่ได้ยินเสียงหวานที่ไม่ได้ยินมานานนับปี... เพราะหากไม่ไร้สติอย่างสิ้นเชิง หลังจากเงียบไปหลายวินาที เขาคงไม่หลับหูหลับตาทำในสิ่งที่รู้ดีว่าจะเสียใจภายหลังอีกครั้ง

“ตามมา”

   
วันต่อมา
   
วายุย้ำกับตัวเองเป็นรอบที่ร้อยว่าเขากำลังเสียสติ
   
เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ดื่มมากจนเมามาย อันที่จริงเขานับแก้วแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืนได้ด้วยซ้ำ แต่อาจเป็นเพราะเครื่องดื่มที่สั่งไม่ใช่ยี่ห้อเดิมที่กินเป็นประจำ จึงไม่ชิน... หรือไม่ก็เป็นเพราะถูกรสจูบร้อนแรงมอมเมาจนหูอื้อตาลาย หรือ...อะไรก็ตามแต่ที่ทำให้สติสัมปชัญญะของเขาอันตรธานไปชั่วขณะจนทำเรื่องงี่เง่าขนาดนี้
   
พาผู้ชายไม่รู้จักขึ้นคอนโดเนี่ยนะ?
   
ผีบ้าอะไรเข้าสิงเขาเหรอวะ
   
แถมไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา ยังเป็นผู้ชายจรจัดท่าทางผิดปกติทางจิตอีกต่างหาก ไม่บ้าก็ไม่รู้ว่าจะด่าตัวเองว่ายังไงแล้ว วายุขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดจนไม่เป็นทรง ก่อนจะเบือนสายตากลับมาจ้องร่างมอมแมมที่นอนคุดคู้อยู่บนโซฟาตัวโตในห้องรับแขกของเขาอีกครั้ง พลางถอนหายใจหนักๆ อย่างสับสน
   
“เฮ้ย” เรียวขายาวยื่นออกไปสะกิดเข้าที่ลำตัวบางภายใต้ชุดมาสคอตกวางสีน้ำตาลที่ใหญ่กว่าขนาดตัวคนใส่เกือบเท่าตัว เห็นแล้วขัดหูขัดตาจนเผลอขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
   
“เฮ้ย ตื่น” เขาเรียกซ้ำ และใช้เท้าสะกิดแรงขึ้นแต่ไม่ถึงกับเตะ
   
แต่นอกจากคนถูกเรียกจะไม่ตื่นแล้ว คิ้วเข้มของคนที่หลับสนิทกลับขมวดเข้าหากันจนผิวหนังระหว่างคิ้วทั้งสองข้างย่นยับ เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

ตอนนั้นเองที่วายุสังเกตว่าแพขนตาหนามีหยดน้ำเกาะพราว ก่อนที่มันจะค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มที่มอมไปด้วยเศษดินเป็นทาง
   
“เฮ้” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง “ไม่ได้ดุสักหน่อย ไม่เห็นต้องร้องเลย” แผ่วเบาราวกับกระซิบกับตัวเอง
   
เขาเริ่มหงุดหงิดในความสับสนของตัวเอง เขาไม่ควรใจอ่อนอย่างนี้ ควรจับร่างโปร่งบางตรงหน้านี่โยนออกไปนอกห้องให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่ทำ ไม่กล้าแม้แต่จะทำรุนแรงกับร่างกายผอมบางที่ดูพร้อมจะบุบสลายหากจับแรงเกินไป
   
“อย่างน้อยก็น่าจะลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อนดิ” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ยังไง ใจนึงก็อยากจะไล่ แต่อีกใจ...
   
เชื่อเถอะว่าเขาไม่ใช่คนดีพอที่จะเห็นน้ำตาของคนแปลกหน้าแล้วจะเกิดรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาจนยอมปล่อยให้เจ้าหนูสกปรกตัวนี้มานอนคุดคู้อยู่ที่โซฟาตัวโปรดของเขาได้ตลอดทั้งวัน
   
แต่ว่า...
   
ให้ตาย นี่มันอะไรกัน
   
วายุไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจความคิดชั่ววูบหนึ่งของตัวเองที่ทำให้เขาทำเพียงแค่ผ่อนลมหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน และเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าห่มผืนหนาที่เขาใช้ห่มเมื่อคืน
   
ไม่เข้าใจแม้กระทั่งตอนที่เขาทิ้งผ้าห่มผืนนั้นลงไปบนร่างโปร่งบางที่นอนขดตัวอย่างน่าสงสาร แล้วเอื้อมมือไปหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศ เพื่อปรับอุณหภูมิภายในห้องนั่งเล่นไม่ให้มันหนาวเกินไป
   
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา
   
รู้แต่ว่า พอได้เห็นน้ำตาที่หยุดไหล พร้อมกับสีหน้าที่ผ่อนคลายของเจ้าของใบหน้าหวาน มันก็เกิดโล่งใจขึ้นมาจนเผลอยิ้มบาง และบอกตัวเองว่า ให้นอนต่ออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร

   
เวลาผ่านไป
   
“ไอ้วา ได้ข่าวว่าเมื่อวานมึงทิ้งมีมี่ไว้หลังผับเหรอวะ” ดิน มือเบสประจำวงยื่นหน้าเข้ามากระซิบถามเพื่อนตัวดี ขณะที่พวกเขากำลังเก็บเครื่องดนตรีลงจากเวที หลังจากการแสดงปิดท้ายของวันนี้จบลง
   
“เหรอ” แต่นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว คนที่ง่วนอยู่กับการยัดกีตาร์ใส่กระเป๋ากลับถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
   
วายุไม่ได้ตั้งใจจะยียวน ทว่าวินาทีนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจคำถามของเพื่อนรักแม้แต่น้อย
   
“เหรอพ่อง กูถามมึงไม่ใช่ให้มึงมาย้อนถามกู” ดินโวย แต่ก็พูดขึ้นมาใหม่ ในสิ่งที่ตัวเองรับรู้มา “ไอ้ทีมันบอกกูว่ามีมี่โทรมาด่าเรื่องที่มึงทิ้งเขาไปกับผู้ชาย”
   
“...” คราวนี้วายุเงียบไป ถึงเมื่อคืนเขาจะไม่ได้ใส่ใจ แต่ก็ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมองออกเหมือนกันว่าคนที่เขาลากขึ้นห้องแทนเธอ ไม่ใช่ผู้หญิง
   
หน้าหวานขนาดนั้น มองออกได้ไงวะ
   
“ตกลงจริงเหรอวะ?” คราวนี้นทีเพื่อนสนิทอีกคนที่มีหน้าที่เป็นมือกลองประจำวงสอดตัวเองมาถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่แพ้กัน
   
วายุพ่นลมหายใจหงุดหงิด ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปยังลูกค้าที่กำลังทยอยเดินออกจากร้านไปราวกับหาตัวช่วยสำหรับการอธิบาย จะบอกเพื่อนได้ยังไงว่ามันคือเรื่องจริง เขาทิ้งสาวฮอตปรอทแตกที่เสนอตัวมาให้กินถึงที่ แล้วไปคว้าผู้ชายจรจัดหน้าหวานขึ้นคอนโดแทน
   
คอนโดที่เขาหวงแหน ถึงขั้นที่แม้แต่เพื่อนสนิททั้งสองก็ไม่กล้าไปเยือนโดยพลกาล... นับตั้งแต่วันนั้น
   
แต่เมื่อหาคำตอบจากรอบตัวไม่ได้ เขาก็เลยใช้ท่าไม้ตาย ปรายตามองคนสอดรู้สองคนนิ่งๆ พร้อมถ้อยคำตัดจบแสนโหดร้ายเหมือนเคย
   
“เสือก”
   
“ไอ้สัส!” ถ้าไม่ใช่เพราะสนิทกันมานาน ก็คงมีเคืองบ้างเหมือนกันที่ถูกตอกหน้ามาแบบนั้น แต่เพราะรู้นิสัยวายุดีว่าเขาเป็นคนพูดจาขวานผ่าซากแค่ไหนเพื่อนทั้งสองก็ได้แต่ด่ากลับอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะเลิกซักไซ้เพราะรู้ว่ามาไม้นี้แล้วก็คงไม่มีใครล้วงคำตอบจากวายุได้อีก
   
เรื่องไหนที่เขาไม่อยากพูด เขาก็จะไม่พูด นั่นคือนิสัยอีกอย่างหนึ่งของวายุที่ทุกคนรู้ดี และไม่คิดจะทู่ซี้ให้ตัวเองเดือดร้อน แม้ว่าจะอยากรู้แค่ไหนก็ตาม
   
“กูไปละ พรุ่งนี้ห้องซ้อมเวลาเดิม” พูดจบก็ตีหน้าตึงยกกระเป๋ากีตาร์ขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะเดินฝ่าฝูงชนเดินออกจากร้านไป โดยไม่ไขปริศนาใดๆ ให้เพื่อนทั้งสองที่ได้แต่หันกลับมามองหน้ากัน พลางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
   
วันนี้วายุไม่ได้ดื่มก่อนหรือหลังเล่นดนตรีเหมือนเคย เขารีบเร่งเดินออกจาร้านมาทันทีที่หมดเวลางาน แทบจะไม่บอกลาหรือชายตามองเหล่าสาวๆ ที่ยกมือขึ้นโบกลาเขาตามทาง บ้างก็ส่งสายตาเชิญชวนเพราะรู้ว่าในทุกๆ วัน เขาจะต้องหาสาวสักคนคว้าติดไม้ติดมือไปเล่นด้วยตลอดทั้งคืนก่อนที่จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดในตอนเช้า และออกมาใช้ชีวิตประจำวันข้างนอกอีกครั้งตามประสาคนเข้าสังคม

มันเป็นความขัดแย้งในตัวเองแบบที่ใครก็ยากที่จะเข้าใจ ถึงวายุจะหวงคอนโดตัวเองขนาดไหน แต่ในทางกลับกัน เขาก็เกลียดที่จะกลับไปที่นั่นมากกว่าสิ่งใดเช่นกัน เพราะแบบนั้นเขาจึงหาเรื่องค้างข้างนอกทุกครั้ง แทบจะนับเวลาที่อยู่ในห้องตัวเองได้เป็นวินาทีเลยด้วยซ้ำ

แต่วันนี้เขาคงจะหาเรื่องค้างที่อื่นไม่ได้แล้ว... มันเป็นเหตุผลเดียวกับที่เขารอเวลาที่จะกลับไปที่นั่นไม่ได้แล้วเช่นกัน  มันเป็นความผิดเขาอีกนั่นแหละที่ดันทิ้งผู้ชายคนนั้นไว้ในห้องเพียงเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าไม่ยอมตื่นแม้กระทั่งตอนที่เขากำลังจะออกมา ถึงมันจะประหลาดที่เขายอมใจอ่อนทั้งที่ปกติไม่ใช่คนขี้เห็นอกเห็นใจ แต่ท่าทางหลับเป็นตายเหมือนไม่ได้นอนมาหลายวันแบบนั้น ก็ทำเอาเขาอดสงสารไม่ได้ จนต้องปล่อยเลยตามเลย

เพราะทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น ตอนนี้ถึงต้องมาร้อนใจไง... ถ้าเกิดเป็นขโมยขึ้นมาจะทำไงวะ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างหงุดหงิดพลางเร่งฝีเท้าไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถอย่างร้อนใจ ถึงหน้าตาและรูปร่างแบบนั้น ดูยังไงก็ไม่คลับคล้ายว่าจะเป็นขโมยก็เถอะ แต่ว่า...

“ฮึก...”

ความคิดทั้งหมดเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่ออยู่ๆ วายุก็ได้ยินเสียงหนึ่งแทรกผ่านสายลมมาระหว่างทาง เขาชะงัก มองตามเสียงนั้น ก่อนจะพบว่าสถานที่กำเนิดเสียงคุ้นตาเสียจนราวกับภาพเดจาวู

“ฮึก...” เสียงที่ไม่ต้องตั้งใจ ก็ฟังออกว่าเป็นเสียงร้องไห้ ดังมาจากตรอกแคบๆ ก่อนถึงลานจอดรถ ที่เขาเกือบจะได้ใช้มันเป็นสถานที่สร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวเมื่อคืน แต่เพราะเสียงร้องไห้แบบเดียวกันนี่เอง ที่ทำให้ทุกอย่างพัง และเขาก็ตัดสินใจทำเรื่องที่เสียใจมาจนตอนนี้

“ฮือออ” เสียงสะอื้นที่ลอยมาตามลมยิ่งดังชัดเมื่อความสงสัยพาให้เรียวขายาวก้าวเข้าไปใกล้
บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นมาในใจของวายุขณะที่เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียงร้องไห้นั้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าเจ้าของร่างผอมซีดภายใต้ชุดมาสคอตกวางตัวโคร่งที่ขดตัวร้องไห้อยู่ข้างถังขยะใบนั้น เป็นคนเดียวกับที่เขาเจอเมื่อคืน
นี่มันอะไรกัน

“ฮึก...” รู้ตัวอีกที วายุก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบอบบางแล้ว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าและแววตาไม่ต่างไปจากตอนที่เจอกันครั้งแรก
แววตาที่ทำลายความสมเหตุสมผลทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในหัวเขา

“ร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยคำถามเดิมที่เขาจำได้ดีว่าไม่เคยได้รับคำตอบ
แต่คราวนี้เขากลับไม่รู้สึกอยากเร่งเร้า เอาแต่นั่งมองเจ้าของใบหน้าหวานที่จับจ้องมายังเขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายนานหลายวินาที

ใจหนึ่งเขาบอกตัวเองว่าควรทิ้งผู้ชายคนนี้เอาไว้ และสบายใจได้แล้วว่าคนจรจัดที่เขากำลังหวาดระแวงไม่ได้มีทีท่าว่าจะขโมยของมีค่าอะไรติดตัวมา

แต่อีกใจ มันกลับห้าม... และเอาแต่ตะโกนว่าเขาไม่สามารถทิ้งคนตรงหน้านี้ไปได้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...

เขาเลือกทำตามคำเรียกร้องที่สองของหัวใจ

มือหนาจึงยื่นออกไป พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ราวกับถูกเซตเอาไว้ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เขาเคยเอ่ยในครั้งก่อนเลย

“อยากไปกับฉันมั้ย?”

“...”

จะแปลก... ก็ตรงที่คราวนี้เขาไม่เสียใจแม้แต่น้อยที่เอ่ยมันออกมา




--------------------------------------
ฝากด้วยนะคะ  :pig4:


ฝากเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะคะเป็นเรื่องยาว ชื่อเรื่อง Just Another Guy เพียงแค่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง
แปะลิ้งค์โบ้มม http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52722.0

ปล. หาที่เปลี่ยนนามปากกาไม่เจอ แต่ปัจจุบัน makok_num เปลี่ยนมาใช้นามปากกา Martian นะคะ หวังว่าจะไม่สับสนเนอะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2017 03:27:50 โดย makok_num »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #2 เมื่อ08-10-2016 20:12:46 »

ฝ่ายวายุพอจะเดาได้ว่ามีเรื่องอะไร แต่กังหันนี่สิ ป่วยเป็นอะไรหนอ

ออฟไลน์ Raccoooon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-2
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #3 เมื่อ08-10-2016 20:19:38 »

จะมีตอนพิเศษมั้ยคะ  :z1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #4 เมื่อ08-10-2016 20:48:09 »

มึน ตกลงกังหันได้กลับไปรักษาตัวกับจิตแพทย์เหรอคะ ตอนจบเหมือนไม่ได้อยู่กับวาอ่า T T

ออฟไลน์ mmacchiato

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #5 เมื่อ08-10-2016 21:29:25 »

อยากรู้ว่ากังหันป่วยเป็นอะไร ครอบครัวกังหันเป็นยังไง แต่ดูๆแล้วครอบครัวน่าจะมีฐานะเพราะมีแพทย์ประจำตัว แต่ทำไมไม่ตามลูกกลับบ้านหล่ะ? สงสัยๆ อยากให้มาต่อตอนพิเศษจังค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #6 เมื่อ09-10-2016 14:51:09 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #7 เมื่อ09-10-2016 17:13:47 »

อ่านจบด้วยความมึนเหมือนกัน :ling2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #8 เมื่อ09-10-2016 17:54:39 »

อื้อออออ อ่านแล้วรู้สึกจี๊ดตลอดเวลา แต่ชอบนะคะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #9 เมื่อ09-10-2016 22:58:40 »

น่าจะเขียนเป็นเรื่องยาวนะคับ สนุกและน่าติดตามมากเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
« ตอบ #9 เมื่อ: 09-10-2016 22:58:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #10 เมื่อ10-10-2016 01:55:03 »

อยากให้ต่ออ่า ไม่อยากให้จบแบบนี้ ;_(

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #11 เมื่อ25-10-2016 20:42:02 »

แล้วไงต่อคะ คือจบแบบนี้เลยหรอ อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #12 เมื่อ25-10-2016 22:58:19 »

น่ารักมากค่ะ อยากให้มีต่อนะ  :sad4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #13 เมื่อ31-10-2016 20:30:46 »

อยากให้มีต่อจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #14 เมื่อ09-11-2016 19:11:16 »

อยากให้มีต่อจังค่ะ
เนื้อเรื่องดีจัง อยากรู้เรื่องกังหันต่อ

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #15 เมื่อ17-11-2016 02:01:01 »

ช่วยหลงกลับเข้ามาต่ออีกนิดนะคนดี

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #16 เมื่อ17-11-2016 02:33:08 »

มีต่อเถอะนะ

ออฟไลน์ tear0313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง [ จบ : 8/10/2559]
«ตอบ #17 เมื่อ31-12-2016 12:28:12 »

 :sad4:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
- เจ้าหลง (2) -

“ผอมขนาดนั้นได้ไง ไม่ได้กินอะไรมากี่ชาติแล้ววะ” เสียงทุ้มบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด ขณะมองคนที่นั่งกินมูมมามอยู่บนโต๊ะกินข้าวของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ร่างเล็กที่เปลี่ยนจากชุดมาสคอตมอมแมมมาเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์ของเขาหลังจากถูกไล่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่เหยียบเข้ามาในห้องอีกครั้ง ดูผอมโซและซีดเผือด เปราะบางจนกลัวว่าจะแหลกคามือ เพราะแบบนั้นวายุจึงอดไม่ได้ที่จะหาอาหารง่ายๆ ให้คนที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันได้กินแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม

โชคดีที่ที่ห้องพอมีบีหมี่สำเร็จรูปกับไข่ไม่กี่ฟอง อย่างที่รู้ว่าวายุไม่ค่อยอยู่ห้องนัก นานๆ ครั้งถึงจะใช้ครัวในห้องของตัวเอง ตู้เย็นของเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากเบียร์กับน้ำเปล่า จนถูกแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดทุกอาทิตย์บ่นไม่ขาด ซ้ำยังอาสานำของกินง่ายๆ หรืออาหารจุกจิกมาเติมใส่ตู้เย็นให้เขากันอดตาย

วายุนึกขอบคุณป้าแม่บ้านของเขา และคิดว่าหลังจากนี้คงต้องรบกวนบ่อยๆ

...บ่อยๆ เหรอ? ไม่จำเป็นสักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ต้องไล่คนจรจัดนี่ออกไปในไม่ช้า แล้วก็คงกลับมาใช้ชีวิตแบบไม่ติดห้องอีกครั้ง

“แค่กๆ!”

ร่างสูงสะดุ้งเล็กๆ เมื่อได้อยู่ๆ คนที่ตั้งหน้าตั้งตาซดน้ำบะหมี่ก็ไอออกมาขัดความคิดฟุ้งซ่านของเขา วายุรีบรุดวิ่งไปที่ตู้เย็นเพื่อรินน้ำเปล่าใส่แก้วมาวางไว้ตรงหน้าร่างเล็กที่เอาแต่ไอแทบเป็นแทบตายอย่างรวดเร็ว มองดูคนตะกละตะกามที่กระดกน้ำเปล่าจนหมดแก้วภายในรวดเดียวจนหายสำลักแล้วเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ

“รีบทำไม ไม่มีใครแย่งสักหน่อย” เขาบ่น แต่คราวนี้คนที่สำลักจนน้ำตาไหล กลับเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างงงๆ

“มองไร” ส่งเสียงดุจนอีกฝ่ายสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะทำน้ำเสียงอ่อนลง “กินต่อดิ”

“...” แต่คนตรงหน้ากลับกระพริบตาปริบๆ

วายุจึงเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนั้นเอง ว่าในชามของคนตัวเล็ก ไม่เหลือแม้แต่น้ำซุปให้กินต่อได้แล้ว

บะหมี่แค่นั้นคงไม่พอต่อความหิวของคนตรงหน้าจริงๆ นั่นแหละ

“แป๊บนะ” คิดได้ดังนั้นร่างสูงจึงลุกกลับไปที่ตู้เย็น และค้นในครัวตัวเองดูอีกครั้งว่าเหลืออะไรพอที่จะใช้เป็นเครื่องประทังหิวได้บ้าง

โชคดีที่ยังเหลือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกห่อที่เขาโยนๆ เอาไว้ในตู้ วายุจึงรีบหยิบมันใส่หม้อและเติมน้ำอย่างรวดเร็ว หวังให้เส้นสุกเร็วขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี

“ทนแป๊บ” หันไปพูดกับคนที่นั่งตาแป๋วมองเขาอยู่ที่เดิม ก่อนจะหันกลับมามองน้ำในหม้อที่ยังไม่เดือด แถมเส้นก็ยังไม่อ่อนตัวอีกครั้ง

ทำไมสามนาทีมันนานจังวะ

“จะได้แล้วๆ” เขาพูดโดยที่ไม่ละสายตาจากก้อนบะหมี่ที่กำลังขยายตัวอยู่ในหม้อน้ำเดือดๆ ด้วยสีหน้าลุ้นเกินจำเป็น

“โอเค เรียบร้อย~” และพอถึงเวลาอันควร อาหารบ้านๆ เพียงอย่างเดียวที่เขาทำเป็น ก็สุกได้ที่พร้อมกินจนคนตัวสูงเผลอยิ้มกว้าง หันกลับไปมองคนที่รออยู่บนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีเกินกว่าเจ้าตัวจะตั้งใจ

“คิก” แต่ก็ต้องชะงักไป เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกำลังฉีกยิ้มมองมาด้วยสายตาเป็นประกายขนาดนั้น

“...”

“ฮะๆๆ” รอยยิ้มเล็กๆ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ

เสียงหัวเราะที่ทำให้คนยิ้มยากอย่างเขา เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

“หึ หัวเราะก็เป็นนี่หว่า เอาแต่ร้องไห้อยู่นั่น ตาบวมหมด”

วันต่อมา

โดยปกติแล้วในหนึ่งสัปดาห์วงของวายุจะนัดซ้อมกันหนึ่งครั้ง คือวันอาทิตย์ซึ่งก็คือหลังแสดงเสร็จหนึ่งคืน... มันช่วยไม่ได้ที่ต้องเลือกซ้อมกันในวันนี้ เพราะคนอื่นต่างก็มีงานประจำซึ่งทำให้ไม่มีเวลาในวันธรรมดา พวกเขาเรียนจบกันมาสองปีแล้ว และทำงานในสายงานที่ถึงไม่ใช่ความฝัน แต่ก็เป็นความจำเป็นของชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไป นทีเรียนจบรัฐศาสตร์ และกำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงไปในแนวทางนั้น ส่วนดินก็กำลังดูแลธุรกิจของครอบครัวด้วยความรู้ด้านบริหารธุรกิจที่ร่ำเรียนมา ในขณะที่วายุ ถึงแม้จะเรียนจบบริหาร และมีกิจการครอบครัวรอให้กลับไปดูแลเช่นกัน แต่เขากลับเดินหันหลังให้ทางเดินนั้น และใช้ชีวิตไปวันๆ แบบที่พ่อเรียกว่าเด็กไม่รู้จักโตจนถูกตัดหางปล่อยวัด ถ้าไม่มีเงินจากการรับจ้างเล่นดนตรีในผับ และมีฝีมือจนถึงขั้นแต่งเพลงส่งให้ค่ายเพลงอยู่บ่อยครั้ง เขาก็คงจินตนาการไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะใช้ชีวิตอย่างเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ได้ยังไง ถึงจะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองแต่พวกเขายังหาเวลามาซ้อม มาเล่นดนตรีกันอยู่ตลอด เพื่อเรียกพลังและหวนถึงความหลังที่เต็มไปด้วยความสุขของวัยรุ่นที่เคยมีความความฝัน... ถึงแม้ความฝันนั้นจะจบลงไปนานแล้วด้วยเหตุผลบางอย่างก็ตาม

“เมื่อวานกูเจอพ่อมึง” ดินเอ่ยขึ้นหลังจากการซ้อมเสร็จสิ้น พวกเขาเล่นกันเต็มที่ราวกับใช้ดนตรีเป็นเครื่องระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ

“แล้วไง” ถึงไม่เอ่ยชื่อ วายุก็รู้ว่าดินกำลังเอ่ยกับตัวเอง บ้านของดินกับวายุทำธุรกิจโรงแรมร่วมกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะสนิทสนมถึงขั้นได้เจอหน้าและพูดคุยกับพ่อแม่อีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ

และถ้าใครอีกคนยังอยู่... ก็คงจะมีสถานะแบบนี้เช่นกัน

“ไอ้อัคกำลังจะกลับมา”

สถานะที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมธุรกิจ... หรืออาจจะเป็นเพื่อนร่วมทางฝัน

ถ้าหากสองปีก่อนไม่เกิดเรื่องบัดซบนั่นเสียก่อน

“เหรอ” วายุถามอย่างไม่ใส่ใจ เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของนที ก็รู้แล้วว่าเพื่อนทั้งสองคนคงรู้เรื่องนี้ดี

เขาเก็บกีตาร์ใส่กระเป๋า ถ้าเป็นปกติหลังเลิกซ้อมเขาคงยังอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อเล่นดนตรี ผ่อนคลายอารมณ์หรืออาจจะนั่งแต่งเพลงสักเพลงส่งค่ายเพื่อหาเงิน แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์ และที่สำคัญ... เขาต้องรีบกลับห้องไปดู ว่าคนจรจัดที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ที่โซฟาก่อนออกมา ตื่นขึ้นมายกเค้าคอนโดฯ เขาแล้วหรือยัง

“สองคนนั้นมันเลิกกันแล้วนะ” สิ่งที่ดินพูดขึ้นมาทำให้วายุหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร จนกระทั่งเสียงของเพื่อนสนิทเอ่ยประโยคต่อมา “กูว่าพวกมันคงรู้สึกผิด...”

“กูกลับก่อนนะ” เขาจึงตัดบทและรีบคว้ากระเป๋ากีตาร์ขึ้นมาสะพายบ่า “อาทิตย์หน้าเจอกัน” หันไปบอกลาสองเพื่อนรักด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินจากไป

เลิกกันแล้วงั้นเหรอ?

หึ มิน่าล่ะ คืนนั้นถึงได้โทรมา


คำพูดของดินทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด และยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามาของผู้หญิงคนนั้น เบอร์ที่แม้ไม่ได้ถูกเมมชื่อ แต่เขาก็จำได้ดีว่ามันเป็นหมายเลขเดิมราวกับจะตอกย้ำอะไรบางอย่างให้เขาได้รับรู้

เขาอยากจะไม่สนใจ แต่แน่ล่ะว่ามันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ สุดท้าย ก็เลยได้แต่ปิดโทรศัพท์ไปเพื่อหนีปัญหา

แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่เขาลืมนึกถึงไปเสียสนิท ปัญหาที่คงไม่เกิดขึ้นถ้าเขาไม่เสียสติจนเผลอทำอะไรไร้เหตุผลลงไป วายุเข้ามาในห้องของตัวเองด้วยความตกใจเมื่อพบว่าคนที่นอนอยู่บนโซฟาเมื่อเช้าหายตัวไป ไม่เหลือแม้กระทั่งผ้าห่มผืนหนาที่เขาสละให้ใช้กันหนาวด้วยความหวังดี

หนีไปแล้วเหรอวะ

วายุมองไปรอบห้องแต่ก็ไม่เห็นอะไรหายไปอีกนอกจากผ้าห่มผืนนั้น แสดงว่าห้องเขาไม่ได้ถูกยกเค้าอย่างที่กลัว เขาควรจะรู้สึกโล่งใจ แต่ไม่รู้ทำไมอีกความรู้สึกหนึ่งมันกลับใจหายอย่างบอกไม่ถูก

ถ้าไปนั่งร้องไห้ที่ถังขยะอีกจะเป็นยังไง

ถึงจะมั่นใจว่าคงไม่หนาวตายเพราะเอาผ้าห่มติดตัวไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้น...

ความคิดของวายุหยุดลงโดยพลับ เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ บางอย่างที่เขาไม่สังเกตมันมานาน เพราะไม่อยากจะสังเกตให้รู้สึกเจ็บใจ แต่ความิดปกติที่เห็นมันชัดเกินไป จนเขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้เพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง

ประตูห้องที่เขาเคยปิดไว้ และไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยตลอดสองปี ถูกเปิดกว้างออก เผยให้เห็นเฟอร์นิเจอร์บางส่วนที่อยู่ข้างใน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งหงุดหงิด และสงสัย ใครกันกล้ามาเปิดห้องที่เขาไม่อนุญาตให้ใช้งานมาแรมปี คนที่มีกุญแจก็มีแค่เขากับแม่บ้านเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่ถึงวันที่ต้องทำความสะอาด

ถ้าอย่างนั้น หรือว่าจะเป็น...

คำตอบถูกเฉลยทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้อง ไม่ต่างจากสิ่งที่เขาคิดเมื่อครู่ คนที่นอนคุดคู่อยู่บนเตียงที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานานคือร่างเล็กเจ้าของใบหน้าหวานที่เขาเผลอเก็บมา คนที่เขาคิดว่าหนีไปแล้วกำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนาที่เขาคิดว่าถูกขโมย

“เฮ้ยตื่น” เขาพูดเสียงดัง แทบจะกลายเป็นเสียงตะโกน

เขาไม่พอใจอย่างมากที่มีคนเข้ามาในห้องนี้ ห้องที่เขาเมินเฉยทำเหมือนว่าไม่มีมันมาได้ตลอดสองปี แต่กลับถูกเตือนให้เห็นอีกครั้งด้วยคนแปลกหน้าที่เขาอยากจะไล่ไปไกลๆ

“เฮ้ย บอกให้ตื่น!” เมื่อคนที่นอนอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัววายุจึงเดินเข้าไปกระชากผ้าห่มที่คลุมกายนั้นอยู่อย่างทนไม่ไหว
แต่แล้วก็หยุดชะงักไปอีกครั้ง เพราะนอกจากจะยังไม่รู้สึกตัวแล้ว ร่างเล็กกลับนอนขดตัวหนาวสั่นอย่างน่าสงสาร

นี่มัน... วายุก้มลงมองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่พิจารณา ก่อนจะสังเกตเห็นว่าใบหน้าขาวใส มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาจนเปียกชุ่มไปทั่วเรือนผมสีน้ำตาล คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ขณะยื่นมือออกไปแตะเบาๆ ที่หน้าผากเนียน และอุณหภูมิร้อนผ่าวที่ถ่ายทอดมา ก็บ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ผิด

ไม่สบายจริงๆ ด้วย

“โธ่เว้ย อะไรวะเนี่ย” เขาสบถเบาๆ แล้วโยนผ้าห่มลงไปคลุมตัวคนที่แสดงอาการหนาวเหน็บอีกครั้ง

เขาขยี้ผมตัวเอง ยืนมองคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างชั่งใจ ถึงจะยังหงุดหงิดไม่หาย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินออกจากห้องไป จัดแจงหายาแก้ไข้ พร้อมกับผ้าชุบน้ำอุ่นมาเตรียมไว้เช็ดตัวให้ป่วย มันเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมานั่งพยาบาลใครสักคน แถมเป็นคนไม่รู้จักยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง ได้แต่หยิบยาออกมาวางไว้อย่างเก้ๆ กังๆ

“พาไปหาหมอไม่ง่ายกว่าเหรอวะ” เขาบ่นกับตัวเอง และก้มลงไปตั้งใจจะปลุกคนป่วยให้ลุกขึ้นมา

ทว่าอยู่ๆ คนตัวเล็กกว่าก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสบตาเขา 

“...”

“...” ไม่มีคำพูดอะไรเกิดขึ้นนานนับนาที

ก่อนที่มือเล็กๆ อันสั่นเทา จะค่อยๆ ยกขึ้นมาแตะใบหน้าของเขาไล่ไปตามโหนกแก้ม และสันกรามอย่างอ่อนโยน แล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มบางที่ปรากฏขึ้นบนใบ้หน้าซีดเผือด ขณะที่วายุยกมือขึ้นมากุมมือเล็กๆ นั้นไว้อย่างแผ่วเบา

วายุไม่อาจอธิบายได้ว่าช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้นคืออะไร แต่ทันทีที่สบตากับดวงตาเป็นประกายลึกลับนั้น เขากลับรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังนิ่งไป สิ่งเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวคือฝ่ามือที่เขากุมไว้ ฝ่ามือที่วันนี้มีอุณหภูมิสูงจนน่าตกใจ แต่ถึงอย่างนั้น มันกลับทำให้หัวใจที่กำลังร้อนลุ่มของเขาเย็นลงอย่างง่ายดาย เพียงไม่กี่วินาที

นี่มันเวทย์มนต์อะไรกัน

วายุใช้เวลากับตัวเองเพื่อตั้งสติอยู่สักพัก ก่อนจะกลับมาพยายามปฐมพยาบาลให้คนป่วยอีก คราวนี้เขาปลุกคนตัวเล็กขึ้นมากินยาได้สำเร็จ แล้วปล่อยให้หลับไป แต่ขณะที่กำลังจะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตามเนื้อตัวของร่างโปร่งบาง ก็เพิ่งสังเกตเห็นบางอย่างที่ปรากฏชัดบนผิวขาวซีดใต้เสื้อยืดตัวโคร่งที่เขาให้ยืมใส่ตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งต้นแขน หน้าท้อง หรือแผ่นหลัง มีรอยฟกช้ำจางๆ ที่เขาไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่วายุมีข้อสันนิษฐานบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ และมันทำให้เขาอดที่จะขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

ถูกทำร้าย?

แต่เพราะไม่รู้แน่ชัด และเจ้าของร่างผอมบางที่มีรอยฟกช้ำอยู่บนตัวยังไม่อาจลุกขึ้นมาให้คำตอบได้ หรือต่อให้ตื่น ก็ใช่ว่าเขาจะได้คำตอบ วายุจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านไป และตั้งหน้าตั้งตาทำให้อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายลดลงอยู่อย่างนั้นแทบทั้งคืนจนกระทั่งไข้เริ่มลดลง เขาจึงสบายใจจนเผลอหลับไป

โดยไม่ทันคิดว่าการหลับในห้องที่เขาขังความทรงจำต้องห้ามเอาไว้ จะไปช่วยกระตุ้นให้ความทรงจำเลวร้ายนั้นหวนกลับมาในจิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง

ความทรงจำ ที่ถูกคนที่เขารักทั้งสองคนหักหลัง


‘วา หลินขอโทษ’

‘…’

‘ไอ้วา กูอธิบายได้’

‘มึงยังจะต้องอธิบายอะไร... ในเมื่อความจริงมันตำตากูอยู่ขนาดนี้’

‘ไอ้วา’

‘ถ้ามึงอยากได้นักก็เอาไปเหอะ’

‘…’

‘เอาไป’

‘…’

‘แล้วไสหัวไปให้พ้นหน้ากู...ทั้งคู่เลย’


วายุลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกปวดหน่วงที่ใจ มันเป็นเรื่องโง่ที่เขายังเก็บอดีตงี่เง่าเอาไว้ในใจให้มันย้อนกลับมาทำร้ายซ้ำๆ อยู่แบบนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะจำ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะทำใจให้ลืม ในเมื่อนอกจากจะเป็นคนที่ทำร้ายวายุอย่างสาหัสแล้ว คนพวกนั้นยังเปรียบเสมือนครอบครัวที่มีความทรงจำสวยงามร่วมกันมาตลอดหลายปี

วายุถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามสลัดความคิดงี่เง่าทั้งหมดทิ้งไปแล้วทำท่าจะลุกขึ้นจากท่านั่งฟุบหน้าลงกับเตียงที่ทำให้เขารู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพบว่าตัวเขาถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาที่จำได้ว่าก่อนหน้านี้ถูกห่มอยู่บนตัวของอีกคน...ที่ควรจะอยู่บนเตียง วายุเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่เพียงเสี้ยววินาที เขาก็ได้คำตอบว่าร่างเล็กหายไปไหน พร้อมๆ กับที่เข้าใจแล้วทำไมขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ถึงได้รู้สึกหนักนัก

วายุก้มลงมองเจ้าของเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นข้างกาย และถือวิสาสะใช้ตักของเขาหนุนต่างหมอนด้วยสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่การนอนหลับที่สบาย เขามองผ้าห่มที่ถูกเอามาคลุมตัวเองไว้แทน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

ตัวเองหนาวขนาดนี้ ยังจะเอาผ้ามาให้คนอื่นอีก

เขาส่ายหัว ดึงผ้าผืนนั้นห่มให้เจ้าตัวที่กำลังนอนหลับตาไร้เดียงสาอยู่บนตักจนท่าทางหนาวสั่นเริ่มผ่อนคลาย วายุนึกแปลกใจตัวเองที่ไม่รู้สึกโกรธ หรือแม้กระทั่งอยากจะปลุกให้คนที่กำลังหลับใหลลุกขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ เขาเพียงแค่ถอนหายใจอีกครั้ง คิดในใจว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้ววปวดหลังอย่ามาคิดโทษเขาแล้วกัน ก่อนจะเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากของคนที่หลับอยู่เบาๆ เพื่อวัดอุณหภูมิที่ดูเหมือนจะลดลงมาอยู่ในระดับปกติได้สักที

ดีจริงๆ

   
หลายวันผ่านไป
   
มีหลายเรื่องที่วายุยังไม่เข้าใจตัวเองจนกระทั่งตอนนี้
   
หนึ่ง เขายอมให้คนจรจัดเข้ามาอาศัยอยู่ในห้องตลอดหลายวันที่ผ่านมาโดยไม่ตะขิดตะขวงใจได้ยังไง ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนถือตัวขนาดที่แม้แต่คนรู้จักก็ยังไม่อยากจะเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น
   
สอง เขาบ่นว่าเกลียดห้องตัวเองนักหนา และพยายามหาเรื่องออกไปข้างนอกมาตลอด แต่อยู่ๆ หลายวันที่ผ่านมา เขากลับอยู่คอนโดทุกวัน แทบจะทุกวินาทีด้วยซ้ำ... นับตั้งแต่เก็บเจ้าหลงมา
   
‘เจ้าหลง’
   
คือชื่อที่เขาตั้งให้ชายหนุ่มจรจัดคนนั้น ด้วยหวังว่าคนถูกเรียกจะเกลียดชื่อนี้และยอมเอ่ยชื่อจริงๆ ของตัวเองออกมาสักที
   
แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีต่อต้านแล้ว วายุกลับเป็นคนเคยชินกับชื่อที่ตั้งลวกๆ นี้เสียเองอีกต่างหาก

“หลง วันนี้กินไร” เขาถามหลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบนที่มีหยดน้ำเกาะตามตัวเพราะเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ
   
“...” ถามไปก็เท่านั้น เคยได้รับคำตอบซะที่ไหน
   
เขามั่นใจว่าเจ้าหลงไม่ได้เป็นใบ้ แต่ก็หาเหตุผลที่คนตัวเล็กกว่าไม่ยอมพูดกับเขาสักคำไม่ได้ จนเลิกที่จะสนใจไปแล้ว
   
“พิซซ่ามะ” เขาเสนอ พลางมองหน้าคนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับการจัดกองเสื้อผ้าของตัวเองที่โต๊ะเล็กหน้าทีวีอาณาเขตเล็กๆ ที่เพื่อนร่วมห้องจำเป็นของเขาสร้างขึ้นมา
   
หลังจากวันนั้นห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่ไม่มีใครใช้งาน ก็ถูกปิดตายอีกครั้ง... ไม่ใช่เพราะเขาห้ามไม่ให้ใช้ วายุยังไม่เคยเอ่ยปากอะไรด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนอีกคนจะจับความรู้สึกของเขาได้ จึงไม่ย่างกรายไปที่ห้องนั้นอีก เจ้าหลงนอนหลับอยู่ที่โซฟาทุกคนแม้เขาจะสนิทใจถึงขั้นเสนอให้ไปนอนด้วยกัน แต่คนตัวเล็กกว่าก็ปฏิเสธด้วยการชิงหลับไปก่อนตอนที่ดูทีวีรอบดึกอยู่ด้วยกันทุกที
   
เขาเลยตามใจ ปล่อยให้เจ้าหลงยึดอาณาเขต สร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาโดยการใช้โซฟาเป็นเตียง และโต๊ะเล็กหน้าทีวีเป็นตู้เสื้อผ้ากับชั้นวางหนังสือนิทานอย่างที่เห็น มันเป็นหนังสือและเสื้อผ้าที่วายุเพิ่งซื้อมาให้เพราะเห็นว่าเสื้อผ้าของเขามันโคร่งเกินไปสำหรับร่างโปร่งบางที่น่าจะเตี้ยกว่าเขาเป็นสิบเซน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหลงก็เอาแต่ใส่เสื้อตัวเก่าของเขา ใส่แล้วใส่อีกจนวายุต้องสั่งให้เปลี่ยนด้วยความขัดหูขัดตา
   
คราวนี้วายุไม่รอคำตอบให้เสียเวลา เขาเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ข้างโซฟาขึ้นมากดสั่งพิซซ่าเป็นมื้อกลางวันแล้วกดเปิดทีวีดูรายการโปรดเหมือนทุกวัน
   
อ้อ... ไม่ใช่รายการโปรดของเขาหรอก แต่เป็นของอีกคนต่างหาก
   
“...” ถ้าไม่บังเอิญเห็นสีหน้าตื่นตาตื่นใจตอนที่เขาบังเอิญเปิดช่องการ์ตูนเนตเวิร์คเอาไว้ ก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าของใบหน้าขาวใสที่แทบไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยนับตั้งแต่เจอกันมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษด้วย
   
เขารู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่เห็นว่าพวกเขาสื่อสารกันได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากก็ตาม
   
“หึ” ยิ่งเห็นท่าทางใจจดใจจ่อถึงขั้นลืมว่าตัวเองกำลังพับผ้าอยู่ของคนตรงหน้า วายุก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู
   
วายุชอบเด็ก และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกเอ็นดูผู้ชายที่แม้หน้าตาจะดูอ่อนกว่าเขาไม่มากแต่กลับมีแววตาและท่าทางไม่ต่างจากเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งแบบนี้
   
นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน พิซซ่าก็มาส่ง เจ้าหลงดูจะตื่นตาตื่นใจกับอาหารกลมๆ แบนๆ หน้าตาประหลาดที่เขาสั่งมาให้กินจนไม่กล้าแม้จะแตะด้วยซ้ำในตอนแรก จนกระทั่งเขาต้องกินให้ดูเป็นตัวอย่างนั่นแหละ คนตัวเล็กถึงจะยอมหยิบพิซซ่าสักชิ้นใส่ปาก...

หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาแทบจะยกพิซซ่าในถาดที่เหลือให้คนมูมมามที่ก้มหน้ากินจนลืมสนใจเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างเขาโดยสิ้นเชิง

“อร่อยมั้ย?” เขาเอ่ยถามหลังจากนั่งมองคนตัวเล็กกินพิซซ่าจนหมดถาดด้วยความรู้สึกทึ่งปนขำ

เจ้าหลงพยักหน้าแทนคำตอบ ยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีซอสพิซซ่าติดอยู่ที่มุมปาก

“มูมมามจริง” วายุหัวเราะ เอื้อมมือออกไปแล้วแตะนิ้วหัวแม่มือเพื่อเช็ดซอสออกจากริมฝีปากสีฝาด ก่อนจะดึงกลับมาจรดริมฝีปากตัวเองลิ้มรสซอสพิซซ่าที่ติดอยู่ปลายนิ้ว มองคนที่ทำหน้าสงสัยในการกระทำของเขาแล้วส่งยิ้มไร้เดียงสามาให้ก็ได้แต่หัวเราะออกมา

“อย่ายิ้มพร่ำเพรื่อสิ” เขาว่า “เดี๋ยวก็โดนจับกินหรอก”

แต่แทนที่จะกลัวคำขู่เขา เจ้าหลงกลับมองสีหน้าข่มขู่ที่ไม่จริงจังของวายุด้วยสายตาสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างกว่าเดิมพร้อมส่งเสียงหัวเราะสดใสที่ทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ

“บอกแล้วไงว่าอย่ายิ้มพร่ำเพื่อน่ะ” มือหน้าเอื้อมออกไปวางบนหัวคนตัวเล็กแล้วโยกเบาๆ

เดี๋ยวก็ถูกจับกินขึ้นมาจริงๆ หรอก
   

หลังจากกินพิซซ่าเสร็จวายุก็ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงแก้เซ็ง ปล่อยให้เจ้าหลงนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนเคย เขาบิดขี้เกียจและสูดหายใจเข้าเต็มปอดแบบที่ไม่ได้ทำบ่อยนักเพราะชีวิตที่มีแต่เรื่องวุ่นวาย

นานแค่ไหนแล้วนะที่วายุไม่ได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจปล่อยให้สายลมเบาๆ พัดผ่านร่างกายแบบนี้
   
คงนับตั้งแต่เรื่องนั้น... ที่ทำให้เขาพยายามทำชีวิตทุกวันให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อที่จะได้ลืมๆ มัน
   
ลืมไปว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูกทรยศจากคนที่รักที่สุดถึงสองคน
   
พอเรื่องไม่ดีแวบเข้ามาในหัว วายุจึงรีบสะบัดมันออกไป ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกีตาร์ตัวโปรดกับบุหรี่ออกมานั่งที่ระเบียงอีกรอบ เขาจุดบุหรี่สูบพลางปรับสายกีตาร์โปร่งที่ไม่ได้จับมาหลายวันจนพอใจ แล้วเริ่มเล่นทำนองที่ไหลเข้ามาในหัวเบาๆ อย่างสบายใจ
   
“...” แต่ไม่นานก็ต้องหยุดเล่นกลางเพลง เมื่อเงาของใครบางคนพาดทับลงมา หันไปมองก็พบว่าเป็นเจ้าหลงที่มายืนแอบอยู่หลังประตูที่เปิดอยู่ พลางจ้องเขาตาแป๋วเหมือนทุกที
   
“ออกมาทำไม เหม็นบุหรี่” เขาดุไม่จริงจัง แต่เจ้าหลงดูจะไม่สนใจ คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ ก้าวเท้าเดินออกมานั่งที่พื้นระเบียงตรงข้ามเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

วายุหัวเราะ เขาอัดควันเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนจะดับบุหรี่ในมือเพราะกลัวว่าพิษร้ายจากควันจะทำร้ายคนตรงหน้า ฝ่ามือหนาปัดๆ ไล่ควันบุหรี่ในอากาศออกไป ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนตาใสอีกครั้งแล้วตั้งคำถาม
   
“อยากฟังเหรอ”
   
“...” แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นประกายนั้นก็บ่งบอกคำตอบได้เป็นอย่างดี
   
วายุมองคนหน้าซื่อนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมาแล้วเกานิ้วไปตามสายกีตาร์เป็นทำนองเพลงที่ผุดขึ้นมาในหัวเพียงชั่วครู่ก่อนหน้านี้


‘When you try your best, but you don't succeed
When you get what you want, but not what you need
When you feel so tired, but you can't sleep
Stuck in reverse…’


เพลงทำนองช้าๆ เนื้อหาซึ้งๆ ที่เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากร้องมันออกมา


‘And the tears come streaming down your face
When you lose something you can't replace
When you love someone, but it goes to waste
Could it be worse?’


อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งในความรู้สึกของเขาบอกว่าเพลงนี้มันเหมาะกับคนที่อยู่ตรงหน้า แม้ไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายเป็นยังไง


And high up above or down below
When you're too in love to let it go
But if you never try you'll never know
Just what you're worth


Lights will guide you home
And ignite your bones
And I will try to fix you…’
   
   
เล่นได้เท่านั้นนิ้วเรียวสวยก็เป็นอันต้องหยุดลง พร้อมกับริมฝีปากบางที่ไม่คิดจะเปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีก ขณะที่ดวงตาสีนิลเอาแต่จับจ้องไปยังดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่ตอนนี้มีน้ำใสๆ ค่อยๆ เอ่อล้นออกมาอาบแก้มใสโดยไร้เสียงสะอื้น
   
มันไม่ใช่การร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดยากจะหยั่งถึงเหมือนทุกครั้งที่เขาเห็น ไม่ใช่การร้องไห้ที่ทำให้เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าน่าสงสารจับใจ แต่ภายใต้น้ำตาที่กำลังไหล ดวงตาของเจ้าหลงกลับเปล่งประกายระยับเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน ซึ่งกำลังบ่งบอกถึงความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในใจอย่างชัดเจน
   
ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาถึงเขาผ่านแววตานั้น...

แววตาที่ทำให้เขาจำได้ว่าเขาร้องเพลงเพื่ออะไร
   
“วา...”
   
“...!” 

และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งกระจ่างชัดผ่านน้ำเสียงหวานที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีชมพูฝาดเป็นครั้งแรก
   
“ขอบคุณนะ วา”
   
ความอบอุ่นใจที่ถูกเปลี่ยนเป็นคำขอบคุณอันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกไหลผ่านเข้ามาในใจที่เคยด้านชาของเขา กระตุ้นให้อวัยวะที่เคยเต้นอย่างเชื่องช้าเปลี่ยนจังหวะไปอย่างยากที่จะควบคุม
   
และไม่ว่าจะเคยบอกกับใครต่อใครว่าเกลียดการเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมแบบนี้แค่ไหน แต่วายุกลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงหรือไม่พอใจเลย ที่ได้ยินคนตรงหน้าเรียกชื่อนั้น...

ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยิน




--------------------------------------------------------
*เพลง Fix you : Coldplay

 :mew1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตามมาอ่านรีไรต์อีกรอบ..ขอให้หวานกว่ารอบแรกได้ไหม #ชีวิตขาดน้ำตาล รอจ้า  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง (3)
«ตอบ #20 เมื่อ05-01-2017 15:34:11 »

- เจ้าหลง (3) -
   
“หลง” น้ำเสียงงัวเงียดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินขยี้ตาพลางเกาหน้าท้องออกมาจากห้องนอนของตัวเองด้วยสภาพที่ยังตื่นไม่เต็มตา
   
“...” ทว่าเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาจากคนที่เรียกหา ดวงตาสีนิลก็เบิกกว้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติทันที
   
“หลง!” วายุตะโกนเรียกอีกครั้ง พร้อมกับวิ่งหาไปทั่วห้องที่กว้างขึ้นถนัดตาเมื่อไม่มีคนที่เขามองหามานั่งๆ นอนๆ ในที่ที่สะดุดตาเหมือนเคย
   
“หลง!” เสียงของวายุเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่ในหัวรู้คำตอบภายในเสี้ยววินาทีว่าเจ้าหลงของเขาหายไปไหน
   
“เวรเอ๊ย” หลังจากเรียกครั้งที่สามแล้วยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับ วายุก็สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับคว้ากุญแจรถติดมือมาเพื่อออกไปตามหาคนคนเดิม ในสถานที่เดิมๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย
   
ออด~
   
แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูห้องนอนดี เสียงออดที่หน้าประตูก็เรียกความสนใจของเขาออกจากความกังวล วายุรีบรุดไปที่หน้าประตูและเปิดออกอย่างรวดเร็ว โดยไม่เอ่ยปากถามสักนิดว่าคนที่กดออดเป็นใคร ในใจเผลอคิดไปว่าจะเป็นคนที่เขากำลังตามหา
   
“วา...” โดยไม่เผื่อใจเลยว่าความจริงมันจะไม่ใช่
   
ปัง!
   
เขาไม่ได้คิดไว้ ว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้
   
“วา ฟังหลินก่อน วา” เสียงหวานกับเสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ทำเอาคนที่หงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งอารมณ์เสียไปกันใหญ่ มือหนายกขึ้นมาขยี้ผมที่ไม่เป็นทรงอย่างขัดใจ พลางสบถเสียงดังอย่างไม่รู้จะทำยังไงก่อนจะกระชากประตูให้เปิดออกอีกครั้ง
   
“วา...” ใบหน้าสวยหวาน และน้ำเสียงเว้าวอนเรียกชื่อของเขาอีกครั้ง... ชื่อที่เขาอนุญาตให้เรียกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพราะมันฟังดูสนิทสนมมากเกินไป
   
“กลับไป” แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เปิดประตูออกมาเพื่อเจรจาหรือแสดงความเห็นใจ สิ่งที่เขาต้องทำ ก็คือการตัดสายสัมพันธ์ที่เคยตัดซ้ำๆ อีกครั้ง
   
ทว่ามันไม่เคยง่ายดาย
   
“เขาบอกเลิกหลินเพราะยังรู้สึกผิด”
   
“...” เสียงหวานที่ยืนยันคำบอกเล่าที่เขาเคยได้ยินจากเพื่อนสนิท ทำให้เรียวขายาวที่กำลังจะเดินผ่านไปหยุดชะงัก
   
นี่กำลังจะโทษว่าที่เลิกกันเป็นเพราะเขา?
   
“หลินรู้ว่าวาโกรธ รู้ว่าวายังไม่ให้อภัย แต่ขอร้องนะวา...พูดกับอัคให้ที”
   
เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวสิ้นดี
   
วายุหันกลับไปมองใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้มีน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย โกรธ เสียใจ และเจ็บใจที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักและไว้ใจผู้หญิงตรงหน้านี้ขนาดนั้น... ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยแคร์ความรู้สึกเขาเลย
   
เขามันโง่จริงๆ ที่ยอมให้คนคนนี้ทำร้ายจิตใจซ้ำๆ อยู่ได้จนถึงตอนนี้
   
“ไสหัวไป” เขายืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่ทวีความเย็นชา และครั้งนี้เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากข้องเกี่ยวใดๆ กับผู้หญิงคนนี้อีก
   
“ถ้าวาไม่เห็นแก่หลิน ก็เห็นแก่ลูกของหลินก็ได้”
   
“...!” ฝีเท้าของเขาหยุดลงอีกครั้ง แม้ว่าคราวนี้จะไม่หันกลับไป
   
“หลินท้อง”
   
“...”
   
“ช่วยหลินด้วยนะวา”
   
วายุไม่ได้ตอบอะไร ไม่คิดจะฟังเธอพร่ำพูดอะไรอีกต่อจากนั้น เขาสาวเท้าออกมาทันทีโดยไม่สนใจเลยว่าผู้หญิงที่เขาเคยรักจะกำลังร้องไห้จนแทบขาดใจและพร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา
ก็แค่ ‘เคย’

วายุบอกตัวเองในใจ เพราะนับจากนี้ไป เขาจะไม่ยอมเป็นคนโง่ให้ความรักที่เคยให้ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นหวนกลับมาทำร้ายเขาได้อีกต่อไป
   
ใช้เวลาเพียงไม่นานวายุก็เหยียบคันเร่งมาจนถึงจุดหมายปลายทางที่เขาตั้งใจ สถานที่เดิมที่เขามาแทบทุกคืน เพื่อให้แอลกอฮอล์ดับความเจ็บร้าวของหัวใจ แต่นั้นมันก่อนหน้าที่เขาจะตั้งสติได้ วันนี้เขากลับมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่สำคัญมากกว่านั้น...เพราะมันเป็นสถานที่เดียวที่เขาจะสามารถตามหา ‘เจ้าหลง’ ของเขาเจอ
   
และเป็นอย่างที่คาด เมื่อเดินเข้ามาในตรอกแคบๆ สกปรก ร่างเล็กที่นอนคุดคู้อยู่ใกล้ถังขยะใบเดิม ก็ประจักษ์ชัดต่อสายตาในสภาพหลับสนิท แม้จะไร้สิ่งให้ความอบอุ่นปกคลุมร่างกายที่มีเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นตัวเก่าที่เขาเป็นคนให้ยืม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหลงหายออกจากห้องมาทุกครั้งที่เขาเผลอ ไม่ว่าจะเพราะละเมอ หรืออะไรก็ตามแต่คนตัวเล็กจะกลับมาปรากฏตัวที่ตรอกนี้ทุกครั้ง ข้างถังขยะใบเดิมที่วายุเคยเจอเขาครั้งแรก
   
“เดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก”
   
เรียวขายาวก้าวเข้าไปใกล้ร่างที่ยังหลับไม่รู้ตัว และสังเกตเห็นว่าใบหน้าขาวใสเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา... ไม่ต่างจากทุกวันที่เขาพบ
   
มันเป็นคำถามที่ไม่ต่างจากคำถามอื่นๆ ที่ไม่เคยได้รับคำตอบ
   
คำถามที่เขาไม่เคยกล้าถามด้วยซ้ำว่าทำไม...
   
เพราะอะไรคนคนนี้ถึงได้เอาแต่เดินกลับมาร้องไห้ในสถานที่เดิมๆ ทุกคืน เพราะอะไรชายหนุ่มผู้น่าสงสารถึงไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรสักคำ แม้ว่าดวงตาคู่สวยจะฉายความเจ็บปวดออกมาชัดเจนขนาดนั้น
   
ทำไม...
   
“นายเองก็เคยผ่านเรื่องแย่ๆ มาเหมือนกันใช่มั้ย” เขาเอ่ยถาม แม้จะแน่ใจว่าคงไม่ได้คำตอบจากคนที่หลับใหล
   
“...”
   
“ใครๆ ก็คงมีอดีตห่วยๆ เหมือนกันนั่นแหละเนอะ” มือหนาเอื้อมออกไปเกลี่ยเส้นผมสีเดียวกับดวงตาที่ตกลงมาปรกหน้าเผยให้เห็นใบหน้ายามหลับที่ดูไร้เดียงสาเสียจนเขาเผลอลอบยิ้มด้วยความเอ็นดูออกมาหลายครั้ง
   
“นี่...” 
   
“...”

“คราวหลัง จะร้องไห้ก็บอกกันหน่อยสิ” ว่าพลางใช้หัวแม่มือเกลี่ยดวงตาปิดสนิทจนเห็นแพขนตาหนา ที่กำลังสั่นระริกซ้ำยังคงมีหยดน้ำเกาะพราว

“...”
   
“ถ้าหนีออกมาแบบนี้ แล้วฉันจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ได้ยังไง”

ราวกับน้ำค้างเกาะอยู่บนยอดหญ้าที่กำลังสั่นไหวไปตามแรงลมอันอ่อนโยน


เวลาผ่านไป

วายุบังคับให้หลงย้ายเข้าไปนอนในห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะเปิดให้ใครใช้
   
ใช่... ห้องที่เคยเป็นของผู้หญิงคนนั้น
   
แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว ห้องนอนห้องเดียวไม่สามารถทำร้ายเขาได้ เหมือนกับเจ้าของห้องที่ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องเหลือไว้ในความทรงจำอีก ตอนนี้ห้องนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากห้องนอนทั่วไปที่เขาควรจะให้รูมเมตคนปัจจุบันของเขาใช้หลับนอนอย่างสบายแทนที่โซฟาในห้องรับแขก 

“คืนนี้นอนนี่แหละ” เขาบอก ตบมือลงบนเตียงที่ตัวเองนั่งอยู่เพื่อเรียกคนที่ยืนทำหน้างุนงงให้มานอนเสียที

“...” แต่ร่างเล็กในชุดสเวตเตอร์ตัวหนากับกางเกงขายาวที่เขาบังคับให้ใส่ยังคงยืนมองอยู่ที่เดิมแน่นิ่งราวกับไม่เข้าใจ จนวายุต้องลุกขึ้นไปคว้าข้อมือบางเอาไว้และลากออกมา

“วา”

ยังไม่ทันออกแรกน้ำเสียงที่เขาไม่ได้ยินมานานก็เอ่ยชื่อเขาขึ้นมา วายุหันมาเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินมันอีกครั้ง

“ว่าไง” เขาน้ำ รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียงของตัวเอง

เจ้าหลงส่ายหน้า “ไม่เอาห้องนี้”

“...”

“วาไม่ชอบ...”

วายุเงียบไปในทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นพร้อมกับสีหน้าดื้อรั้นที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ข้อสันนิษฐานที่ว่าเจ้าหลงจับความรู้สึกของเขาได้จึงไม่มียุ่มย่ามกับที่นี่อีกเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย อยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างในใจก็ผลักดันให้ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มบางออกมา อดไม่ได้ที่จะเอื้อมฝ่ามือหนาไปลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู

“งั้นมานี่มา” วายุจูงมือเจ้าหลงของเขาให้เดินตามอีกครั้ง

แต่คราวนี้เป็นอีกทาง เขาพาร่างเล็กกว่าเดินไปยังห้องนอนของตัวเองก่อนจะปล่อยมือ แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาสีนิลมองเจ้าหลงอย่างรอคอย... รอคอยจนกว่าคนที่ยืนอยู่จะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการ

และเพียงไม่นานเจ้าของใบหน้าหวานใสก็เดินเข้ามาใกล้ และล้มตัวลงนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง เขายิ้มแล้วเอื้อมมือไปลูบเรือนผมนุ่มอีกครั้ง

“ดีมาก” คำชมที่ไม่ต่างจากการใช้ชมเด็กตัวเล็กๆ ถูกเอ่ยขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ได้ผลเมื่อริมฝีปากของอีกคนคลี่ยิ้มตาม 

“ห้ามหนีไปอีกนะหลง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เอ่ยประโยคแกมบังคับที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคนฟังจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน

“...”

“ไม่งั้นจะปล่อยให้นอนหนาวตายอยู่ข้างถนนทั้งคืนเลย”

แต่แน่ใจว่าตัวเองไม่สามารถทำตามคำขู่ที่พูดเอาไว้ได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์

   
หลายสัปดาห์ผ่านไป
   
“พักนี้มึงหายหน้าไปเลยนะครับ” นทีถามขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนสนิทเดินขึ้นเวทีมาตามเวลานัดพอดิบพอดี
   
“กูก็อยู่นี่ไง” วายุตอบไม่ยี่หระพลางหยิบกีตาร์ออกมาจากกระเป๋าเตรียมพร้อมสำหรับการแสดง
   
ช่วงนี้นอกจากเวลางาน เขาก็แทบไม่ได้ออกจากคอนโดเลย มันไม่ใช่วิถีทั่วไปสำหรับเขานักที่จะไม่ออกมาพบปะผู้คน แต่ตอนนี้มันกลับเป็นความเคยชินที่ยากจะเชื่อเหมือนกันว่าจะเกิดขึ้นกับเขา
   
“สารภาพมาเหอะว่ามึงเป็นอะไร” คราวนี้ดินเป็นคนยื่นหน้าเข้ามาถามหลังจากเซตเครื่องดนตรีของตัวเองเสร็จแล้ว
   
“เป็นไร?” วายุขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำถาม
   
“อย่ามาแกล้งโง่ อาการแบบนี้มันผิดปกติชัดๆ”
   
“มึงติดห้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กูจำได้นะ”
   
“เออใช่ ตอนที่แม่งคบกับหลินไง แทบไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน...” ปากโพล่งออกไปโดยลืมว่าเป็นสิ่งต้องห้ามพูดมาตลอดปี
   
“...”
   
ชิบหาย
   
ทั้งดินและนทีต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นวายุชะงักไป พวกเขาเริ่มหาคำพูดแก้สถานการณ์แต่ยังไม่ทันจะนึกออกวายุกลับยักไหล่ หันมาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
   
“กูไม่ได้เป็นอะไร” ว่าแล้วก็โบกมือเป็นเชิงไล่ให้เพื่อนไปเตรียมพร้อมสำหรับเล่นดนตรี ดินกับนทีมองหน้ากันอย่างสงสัยในท่าทางนั้น ปกติถ้าเป็นคนหน้านี้มีใครเอ่ยชื่อหลินออกมาที ก็จะโดนมองแรงจนอยากจะกราบขอโทษแทบตัก แต่คราวนี้วายุกลับมีท่าทีไม่ใส่ใจ ซ้ำดวงตาสีนิลยังไร้แววเจ็บปวดเหมือนทุกที

ถึงจะไม่รู้เพราะอะไร แต่การที่วายุเป็นแบบนี้ ก็อดทำให้ดินกับนทีโล่งใจ จนลอบยิ้มให้กันไม่ได้
   
“เริ่มเลยนะครับ” พอถึงเวลา วายุก็ขยับไปยืนหน้าไมค์ เอ่ยคำพูดสั้นๆ ที่เป็นอันรู้กันดีว่าการแสดงกำลังจะเกิดขึ้น โดยไม่มีการรอรีอะไรอีกต่อไป
   
แต่เสียงอินโทรยังไม่ทันจะจบ คนที่รับหน้าที่เป็นทั้งนักร้องและมือกีตาร์ประจำวงกลับหยุดชะงักมือที่กำลังเกาไปตามสายกีตาร์โดยไม่รู้ตัว เพื่อนที่เหลือเองก็จำต้องหยุดตามอย่างช่วยไม่ได้ หันมามองคนเอาแต่ใจที่สายตาไม่ได้โฟกัสอยู่ในที่ที่ตัวเองยืนอยู่ก็ได้แต่ประหลาดใจเพราะไม่เคยเห็นวายุหลุดสมาธิยามที่อยู่บนเวที
   
“เดี๋ยวกูมา” พูดจบก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้รั้ง วายุถอดกีตาร์วางที่พื้นลวกๆ ก่อนจะกระโดดลงจากเวทีไปทันที
   
“ไอ้วา เฮ้ย! ไอ้วา!” ดินพยายามตะโกนเรียก แต่ก็อยู่นอกความสนใจของร่างสูงที่ก้าวเท้ายาวๆ จนแทบวิ่งไปยังหน้าร้านที่เขาเพิ่งจะเห็นว่ามีรูปร่างของคนคุ้นตาเพิ่งเดินผ่านไป
   
“หลง!” เขาตะโกนเรียก พลางมองหาเจ้าของหลังไวๆ ที่เพิ่งลับตา

แต่ไม่ต้องทายก็เดาได้ว่าคนตัวเล็กหายไปไหน
   
ให้ตาย ทำไมแอบออกมาอีกแล้ววะ
   
วายุสบถพึมพำ นึกก่นด่าตัวเองในใจที่ประมาทปล่อยให้เจ้าหลงอยู่ห้องคนเดียว ถึงก่อนออกมาเขาจะพาเข้านอนแล้วก็เถอะ แต่ดูท่าว่าจะวางใจไม่ได้เลย ออกมายังไม่ทันถึงชั่วโมงดี ก็เกิดเรื่องซะแล้ว
   
“มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เรียวขายาวหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากตรอกที่เขากำลังจะเดินเข้าไป
   
“ไปกับพี่เถอะ เด็กดี” เสียงที่เขาไม่คุ้นหูกับร่างสูงที่ไม่คุ้นตากำลังเดินเข้าไปหาเจ้าหลงของเขาที่นั่งขดตัวอยู่ตรงถังขยะใบเดิมด้วยท่าทางหวาดกลัว
   
แล้วแบบนี้วายุจะทนอยู่เฉยๆ ได้ยังไง
   
“เฮ้ย” เรียวขายาวก้าวเข้าไป หยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
   
ยิ่งเห็นใบหน้าคู่กรณีที่เป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนท่าทางเจ้าเล่ห์หน้าตาย ก็ยิ่งรู้ว่าไม่น่าไว้ใจ ไม่ควรให้เจ้าหลงของเขาได้อยู่ใกล้เลยสักนิด
   
“หลง มานี่” คิดได้ดังนั้นก็หันกลับไปกวักมือเรียกคนที่นั่งขดตัวอยู่ข้างถังขยะให้ลุกมาหาเขา
   
“วา...” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง พลางเรียกชื่อที่ไม่ได้ยินอีกเลยหลังจากวันนั้น
   
วายุคลี่ยิ้มอย่างใจดี “อืม ฉันเอง มานี่มา”
   
“วา” เจ้าหลงเรียกชื่อเขาอีกครั้งพลางลุกขึ้นทำท่าจะวิ่งมาหาเขา ทว่ากลับถูกฝ่ามือหน้าของชายแปลกหน้าคว้าเอาไว้ ก่อนจะดึงเข้าไปหาตัว

“หลง!”

เขาร้องเรียกเสียงดังพร้อมกับคว้าแขนอีกข้างหนึ่งของคนตัวเล็กไว้ แต่เพราะแรงกระชากรุนแรงของอีกฝ่าย ทำให้เขาเผลอปล่อยมือโดยอัตโนมัติ เพราะกลัวว่าแรงรั้งจะสร้างบาดแผลให้ร่างโปร่งบาง

“วา” แต่เมื่อทำอย่างนั้นก็ส่งผลให้เจ้าหลงไปอยู่ในอ้อมกอดที่รัดแน่นของอีกคนอย่างช่วยไม่ได้ เสียงร้องน่าสงสารเอ่ยชื่อเขาออกมาพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนกที่ทำให้เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

“มึงเป็นใคร!” เขาถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม

“มึงนั่นแหละเป็นใคร” แต่อีกฝ่ายกลับถามย้อน สีหน้าที่ปั้นแต่งให้ดูอ่อนโยนเมื่อครู่กลับฉายแววเกรี้ยวกราดดูน่ากลัว

“วา” และร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนคงจะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวนั้น จึงเอาแต่ร้องเรียกวายุพร้อมกับดิ้นพล่านพยายามเอาตัวรอดออกมา

“ปล่อยหลงเดี๋ยวนี้” อยู่ๆ วายุก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่อก เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวและใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของคนที่เขาเฝ้าถนอมมา แม้จะเพียงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม

“หลงเชี่ยอะไร! มึงมายุ่งอะไรกับเด็กกู” อีกฝ่ายขึ้นเสียงด้วยอารมณ์คุกรุ่นไม่แพ้กัน “อ๋อ มึงเองสินะที่ลักพาตัวมันไป”

มัน... สรรพนามที่คนตรงหน้าใช้เรียกเจ้าหลงของเขายิ่งทำให้วายุรู้สึกโมโหจนแทบจะทนไม่ไหว

กล้าดียังไง

“มึงเป็นใคร” แต่เขาก็ข่มอารมณ์ และถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำอย่างพยายามควบคุม

เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้รู้จักเจ้าหลงของเขา เป็นไปได้ว่าถ้าหากเจรจากันดีๆ เขาอาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหลงที่เขาสงสัยมาตลอดก็ได้

“กูก็เป็นเจ้าชีวิตของเด็กคนนี้ไง”

แต่คำตอบที่นอกจากจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วกลับยิ่งเติมเชื้อไฟในใจของวายุให้ลุกขึ้นมาอย่างยากที่จะควบคุม เรียวขายาวก้าวเข้าไปหาชายวัยกลางคน ก่อนจะปล่อยหมัดหนักๆ ทันทีโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว

พลั่ก!

เสียงหมัดกระทบกับใบหน้าผสมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมา ขณะที่วายุเอื้อมมือไปดึงคนในอ้อมกอดที่คลายลงเพราะความตกใจเหวี่ยงออกไปด้านหลังเขา

“รอก่อน” เขาหันมาบอกเจ้าหลงที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง

“มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร ไอ้เด็กสารเลว!”

พลั่ก!

ไม่ปล่อยให้เจ้าของน้ำลายสกปรกได้เอ่ยพูดจนจบหมัดของวายุก็ถูกเหวี่ยงออกไปอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงเป็นเท่าตัวจนร่างของอีกฝ่ายล้มลง แต่ถึงอย่างนั้นวายุก็ยังไม่สาแก่ใจ เขาตามลงไปคร่อมบนร่างกายกำยำก่อนจะปล่อยหมัดซ้ำๆ บนใบหน้าหยาบกร้านที่ร้องอวดครวญอย่างน่าเวทนา

อยู่ๆ ชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่มองไม่เห็น ก็ถูกปะติดปะต่อขึ้นในสมองที่กำลังสับสนของเขา

มันต้องเกี่ยวข้องแน่... ต้องเป็นมันแน่ที่สร้างรอยแผลฟกช้ำไว้ตามตัวของเจ้าหลง ต้องเป็นมันแน่ที่ทำให้หลงต้องหนีมาร้องไห้อยู่ที่นี่

ต้องเป็นมันแน่ๆ...

“วา” แต่แล้ววายุก็หยุดชะงัก เมื่อเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาจากเจ้าของเสียงใสที่ยืนอยู่ไม่ไกล

เจ้าหลงยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยท่าทางหวาดกลัว จะผิดก็แต่ สีหน้าหวาดกลัวนั้นมองตรงมายังเขา ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายแปลกหน้าสารเลวที่ยังคงร้องโอดครวญอยู่ใต้ร่างสูง

“ฮึก... วา” เขารู้สึกตกใจไม่น้อย ที่เรียวขาของคนตรงหน้าก้าวถอยหลังห่างออกไป

“หลง” เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา โทสะมลายหายไปทันทีแล้วถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว
กลัวว่าเจ้าหลงจะหนีเขาไป

และดูเหมือนกลัวของเขาจะกลายเป็นจริง เมื่อเจ้าของขาเรียวเล็กที่กำลังสั่นด้วยความหวาดกลัว ยิ่งถอยห่างออกไปในทุกวินาทีที่สบตากัน ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้ววิ่งออกไปโดยที่วายุรั้งไว้ไม่ทัน

โธ่โว้ย!

วายุสบถในใจ ก่อนจะปล่อยคอเสื้อของคนที่นอนอยู่ พร้อมกับคลายหมัดของเขาแล้วลุกขึ้นยืน

“กูไม่สนว่ามึงจะเป็นใคร” แต่ไม่วายเอ่ยเสียงต่ำอย่างข่มขู่ “แต่ถ้ากูเห็นมึงอีก... กูเอามึงตาย” พูดจบเขาก็เร่งฝีเท้าตามร่างโปร่งบางออกไปทันที

“หลง!” เขาตะโกนเรียกและเร่งฝีเท้าจนสุด เพื่อตามให้ทันแผ่นหลังบอบบางที่วิ่งหนีเขาอย่างสุดชีวิต

ยิ่งคิดว่าคนที่ถูกวิ่งหนีกลับกลายเป็นตัวเองยิ่งรู้สึกผิด และเจ็บใจที่เป็นฝ่ายสร้างความหวาดกลัวให้คนที่เขาคิดว่ากำลังปกป้อง วายุไม่เข้าใจเลยว่าทำไม แต่ท่าทางของเจ้าหลงกำลังสร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างน่ากลัว

“หลง” ในที่สุดเขาก็ความคนตัวเล็กเอาไว้ได้ ดึงเข้ามาแนบกายแน่นเพราะกลัวว่าจะหลุดมือไปอีก

เจ้าหลงร้องไห้และดิ้นพล่านไม่ต่างจากตอนที่ถูกผู้ชายคนนั้นกอด มันทำให้เขารู้สึกแย่เกินบรรยาย แต่เขายืนยันได้ ว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนนั้น... เขาจะไม่ทำร้ายคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ขอโทษ”

“ฮึก...”

“จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

“วา”

“สัญญา”

ตอนนั้นเองที่เขาเข้าใจแล้วว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คืออะไร เช่นเดียวกับที่เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมหัวใจที่สั่นคลอนด้วยความหวาดกลัว ถึงกลับมาเต้นอย่างมั่นคงได้อีกครั้งเมื่อแขนทั้งสองข้างของคนที่อยู่ในอ้อมกอด ค่อยๆ ยกขึ้นมาโอบหลังเขาเบาๆ




-------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เปลี่ยนเยอะพอสมควรเลย
เพราะแอบอยากเผยเบื้องหลังชีวิตหลงนิดหน่อย (นิดหน่อยจริงๆ)
ตอนหน้าจบแล้วค่ะ
ฝากติดตามด้วยน้า

 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2017 16:45:45 โดย makok_num »

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หลงน่ารักดี ดูเหมือนเด็กๆ แอบเสียดายน่าจะเป็นเรื่องยาวอยากอ่านไปนานๆ 5555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
วาดูอบอุ่นขึ้น..รอตอนจบ  รีบมาต่อน๊า   :pig4:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: [ เรื่องสั้น ] เจ้าหลง (จบ)
«ตอบ #23 เมื่อ07-01-2017 03:47:39 »

- เจ้าหลง (จบ) -

วันต่อมา

วายุรู้แล้วว่าตัวเองควรทำอย่างไร... อันที่จริง รู้มานานแล้ว เพียงแต่ยังยื้อเวลาเอาไว้ เพราะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริง เพราะคิดว่าความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ก็เพียงพอแล้วที่จะทดแทนอดีตแล้วร้ายที่ไม่อาจลืม

ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขารู้ว่ามันยังไม่เพียงพอ ความสุขที่เกิดขึ้นทำให้เขาเผลอลืมไปว่าในใจของอีกคนยังมีความทุกข์คั่งค้างอยู่จนยากที่จะทำให้ก้าวเดินต่อ เขาจึงต้องหาทางออกอื่นเพื่อกำจัดความทุกข์นั้นทิ้งไป  เพื่อที่เขาจะได้พาเจ้าหลงก้าวต่อไปพร้อมกับช่วยสร้างความทรงจำใหม่ๆ ที่สวยงามกว่าขึ้นมาแทน

“ตกลงวาเก็บน้องเขามาจากถังขยะจริงๆ เหรอ” เสียงนุ่มของร่างสูงในชุดกราวน์สีขาวเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองใบหน้าคมของวายุที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล

หลังจากรู้อาการของเจ้าหลง

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เขาก็โทรหาลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่ตอนนี้ทำงานเป็นหมอในแผนกจิตเวชเพื่อปรึกษา ก่อนที่จะได้รับคำแนะนำว่าให้มารับการตรวจเพื่อวินิจฉัย... แล้วสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง
   
เจ้าหลงของเขาป่วย... ป่วยในแบบที่เขาไม่สามารถช่วยปฐมพยาบาล หรือทำให้ไข้ลดลงภายในคืนเดียวได้เลย
   
มันทำให้เขาเจ็บปวดอย่างยากจะบรรยาย

“ครับ” วายุตอบ มุมปากถูกยกขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน เมื่อนึกถึงตอนที่เขากับเจ้าหลงเจอกัน

“แกนี่ยังเพี้ยนไม่เปลี่ยนเลย” ชายหนุ่มในชุดกราวน์หัวเราะ แต่เพียงไม่นานความกังวลก็กลับมาฉายชัดบนใบหน้าคมอีกครั้ง จนคนที่เห็นอาการ ต้องเอื้อมมือออกไปแตะบ่าหนาเพื่อคลายกังวล

“เฮ้ย ไม่ต้องกลัว เชื่อมือหมอเถอะ”

“...”

“เชื่อใจน้องด้วย”

“...”

“ยังไงน้องก็ต้องหาย สบายใจได้เลย”

วายุมองรอยยิ้มมั่นใจของผู้มีพระคุณแล้วคลี่ยิ้มตาม ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังร่างโปร่งบางที่เดินนำอยู่ไม่ไกล เจ้าหลงหันกลับมาส่งรอยยิ้มกว้าง พลางยื่นมือออกมารอคอยให้เขาเดินไปคว้าไว้

นั่นสิ เขาควรเชื่อใจเจ้าหลง... เชื่อใจฝ่ามือเล็กๆ แสนอบอุ่นนี้ ที่เขาจะไม่มีทางปล่อยมือ
   
   
เวลาผ่านไป
   
วายุไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมีร่างเล็กของคนตรงหน้านอนอยู่ข้างกาย เห็นได้ชัดว่าทางออกมีเพียงแค่ทางเดียว แต่สมองของเขาถึงยังวุ่นวายคิดหาทางอื่นอีกมากมาย... เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแยกจาก ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะปกป้องเอาไว้ให้ดีที่สุด ไม่ให้ใครมาทำร้ายคนตรงหน้าได้อีก ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
กริ๊งงง
   
เขาผละมือจากศีรษะของคนที่นอนหลับอยู่ข้างกาย เพื่อเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ส่งเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เสียงรบกวนจะทำให้คนตัวเล็กตื่น
   
[ ไอ้วา เมื่อวานมึงหายหัวไปไหนวะ! ]
   
“...” ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคนที่โทรมาโวยวายดึกดื่นป่านนี้เป็นใคร
   
หลังจากคุยกับหมอเสร็จเขาก็ปิดโทรศัพท์ ไม่ได้ติดต่อใครอีกจนกระทั่งเมื่อเย็นที่ต้องติดต่อกับหมอด้วยเรื่องการรักษาอาการของเจ้าหลง
   
[ มึงรู้มั้ยว่าพวกกูเกือบเดือดร้อนแล้วที่มึงกระโดดลงจากเวทีไปแบบนั้น ถ้าไม่ได้ไอ้อัคมาเล่นแทน... ] นทีเงียบเสียงไปเมื่อพูดถึงตรงนั้น และนึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรพูด ต่อให้กำลังโมโหแค่ไหนก็ตาม
   
มันมักจะเกิดความกระอักกระอ่วนแบบนี้ขึ้นทุกครั้ง เมื่อต้องเอ่ยถึงอัคคี... อดีตมือกีตาร์ของวง คนที่ทุกคนรู้ดีว่าเคยทรยศวายุเอาไว้อย่างยากที่จะให้อภัย
   
“กูขอโทษ” น่าแปลกที่คราวนี้วายุไม่อาละวาดทันทีที่ได้ยินชื่ออดีตเพื่อนรัก เขาเพียงถอนหายใจและก้มหน้ายอมรับผิดอย่างไม่โต้แย้ง
   
อาจเป็นเพราะกำลังมีเรื่องอื่นให้คิด จึงเผลอลืมไปว่าตัวเองเคยออกปากห้ามไม่ให้ใครเอ่ยชื่อนี้ให้ได้ยินอีก และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนอดีตของเขาจะไม่สำคัญอีกแล้ว เมื่อหัวใจถูกเยียวยาด้วยความอ่อนโยนของอีกคนอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
   
[ มึงเป็นอะไรวะ ] ปลายสายพอจะจับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเพื่อนได้ จึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล
   
“...” วายุไม่รู้จะตอบอะไร ขณะที่ดวงตาสีนิลยังคงจับจ้องไปยังร่างเล็กตรงหน้าที่นอนหนุนแขนเขาหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
   
“แค่นี้ก่อนนะ” วายุกำลังจะขอตัววาง ถ้าหากว่าคนปลายสายไม่ห้ามไว้เสียก่อน
   
[ ดะ...เดี๋ยวไอ้วา ]
   
“...” เขาเงียบ และรอฟัง
   
[ เรื่องไอ้อัคน่ะ... ] น้ำเสียงอ้ำอึ้งนั้นบ่งบอกอย่างดีว่าเป็นเรื่องที่พูดยากแค่ไหน [ มันบอกว่า มันอยากเจอมึง... เพื่อขอโทษ]
   
“...”
   
[ ถึงเรื่องมันจะนานมาแล้ว แต่กูเข้าใจนะถ้ามึงจะไม่อยากเจอมัน ]
   
“...”
   
[ แต่ยังไงกูก็คิดว่า อย่างน้อย... ]
   
“ให้มันมา” วายุตัดบทก่อนที่ปลายสายจะได้อธิบายอะไรต่อ
   
[ ไอ้วา... ]
   
“กูไม่เป็นไร ให้มันมาเถอะ” เขารู้ว่าเพื่อนกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่อยู่ๆ วายุก็รู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่าเขาจะไม่เป็นอะไร
   
มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะเผชิญหน้า เพื่อทำให้ปัญหาทุกอย่างจบลงเสียที
   
ให้มันเคลียร์ไปซะก็คงจะดีเหมือนกัน
   
“เฮ้อ” เขากดตัดสาย แล้วถอนหายใจหนักๆ ออกมา
   
ชีวิตช่วงนี้ของเขามีเรื่องให้คิดมากมายจริงๆ
   
วายุมองคนที่หลับอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พลางเอื้อมมือออกไปลูบผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มนั้นแผ่วแบว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน ที่จากคนจรจัดแปลกหน้า กลายเป็นสนิท และพัฒนาเป็นความผูกพัน

รู้แต่ว่าในแต่ละวันที่ผ่านมา เขาไม่เคยต้องวิ่งหนีสิ่งที่พยายามวิ่งหนีมาโดยตลอด ไม่ต้องพยายามลืมเพื่อให้ตัวเองสบายใจ ความสบายใจทุกอย่าง เกิดขึ้นภายใต้กิจกรรมเล็กๆ ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย แค่มองรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ เห็นใบหน้าใสซื่อที่กินอาหารที่เขาซื้อให้อย่างตะกละตะกามราวกับกลัวจะถูกแย่งไป แค่นั้นก็เพียงพอที่จะสร้างความสุขเล็กๆ ที่หาไม่ได้จากข้างนอกให้คนที่หัวใจถูกปิดตายมานาน

เจ้าหลงเป็นเสมือนแสงสว่างเล็กๆ ที่ลอดผ่านกำแพงที่วายุก่อเอาไว้ กัดเซาะและทำลายมันลงอย่างช้าๆ จนหัวใจที่เย็นชากลับมาอบอุ่นอีกครั้ง และตอนนี้มันก็คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือให้เจ้าของแสงสว่างของเขา ได้ก้าวออกมาจากความมืดมิดที่ปกคลุมอยู่รอบตัวบ้าง
เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะมีโอกาสเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนนั้นแต่งแต้มไปด้วยความสุขแบบที่เขาได้รับบ้าง
   
“วา...”
   
วายุหลุดจากภวังค์อีกครั้งและหันกลับมาสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ลืมตาขึ้นมามองเขาด้วยแววตาใสซื่อเหมือนเคย
   
“ทำให้ตื่นเหรอ โทษที”
   
“วา...” คนตัวเล็กไม่ได้กล่าวโทษเขาอย่างที่คิด แต่กลับเรียกชื่อเขาซ้ำๆ พลางยื่นมือออกมา “วา”
   
“หืม?” วายุครางรับแล้วเอื้อมมือออกไปกุมมือเล็กๆ แสนบอบบางนั้นไว้แนบกับใบหน้าคม
   
“วา...” แต่เจ้าหลงก็ยังคงเรียกชื่อเขาซ้ำๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ
   
“ว่าไงครับ” และเขาเองก็ไม่เคยเบื่อที่จะฟังเช่นกัน
   
“ผมไม่เจ็บ”
   
“...”
   
“ผมหายแล้ว... ไม่หาหมอแล้วได้มั้ย”
   
นานมากแล้วที่เจ้าหลงไม่เอ่ยกับเขาด้วยคำพูดที่เต็มประโยคแบบนี้ เป็นประโยคที่ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาเช่นกัน
   
ไม่มีใครอยากแยกจาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
   
“ให้ผมอยู่กับวาได้มั้ย”

“...”

“อยู่ตลอดไปเลย”
   
“หึ” ประโยคขอร้องนั้นทำเอาวายุหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะที่มาพร้อมน้ำตา “ขอโทษ” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขอโทษทำไม
   
เพราะรับปากคนตัวเล็กไม่ได้
   
“ขอโทษนะ”
   
หรือขอโทษที่เขาไม่สามารถห้ามใจ ให้ถือวิสาสะจรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางที่พร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ไม่ได้กันแน่


เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เคยยากก็กลับกลายเป็นง่ายกว่าที่คิด

การเจอหน้าคนที่สร้างรอยแผลไว้ให้ในอดีต กลับไร้ความหมายเมื่อบาดแผลนั้นปิดสนิทด้วยการรักษาที่ดี อาจทิ้งแผลเป็นเอาไว้ แต่ก็เล็กน้อยเสียจนแม้แต่เจ้าของบาดแผลเองยังมองข้ามมันไป ทว่าวายุก็ไม่ได้ใจดีพอที่จะให้อภัยคนที่ทิ้งรอยแผลเป็นนี้ไว้ให้เขาโดยไม่ทำอะไร

พลั่ก!

หมัดหนักๆ ถูกปล่อยออกไปหลังจากที่เผชิญหน้ากับคนที่ไม่ได้กันสองปีได้เพียงไม่นานจนร่างของอีกฝ่ายล้มลง

“เฮ้ย ไอ้วา!” ดินทำท่าจะเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกนทีห้ามไว้เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปซ้ำหรืออาละวาดใดๆ
เขารู้ตั้งแต่ที่วายุตอบตกลงจะเจออัคคีอีกครั้งแล้ว ว่าคราวนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป

“มึงมันขี้ขลาด” เขาว่า สบตากับเพื่อนเก่าที่พยุงตัวลุกขึ้นมาด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างใจเย็น “อย่าใช้กูเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกผู้หญิงที่มึงไม่ได้รัก”

“กูรักหลิน!” อีกฝ่ายสวนทันควัน อัคคีมองหน้าอดีตเพื่อนรักด้วยสายตาเจ็บปวดเกินบรรยาย “แต่กู...”

“อย่าเอากูเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกใคร” วายุย้ำคำเดินอีกครั้ง เสียงดังฟังชัดและแสนจริงจัง

เขาจะไม่ให้อภัยทั้งสองคนที่หักหลังเขา แต่ก็คงไม่มีวันให้อภัยตัวเองเหมือนกัน ถ้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกรับภาระอีกชีวิตเพียงลำพัง

“มึงจะคบใคร มันก็เรื่องของมึง”

“ไอ้วา...”

“เรื่องของเราสามคนมันจบไปแล้ว เลิกใช้อดีตเวรๆ นั่นมาเป็นข้ออ้างทำร้ายใครต่อใครสักที” แววตาของวายุดูแน่วแน่เสียจนอีกฝ่ายไม่กล้าเอ่ยอะไร

จริงอย่างที่วายุบอก ตลอดสองปีที่ผ่านมาทั้งสามคนต่างใช้อดีตที่ผิดพลาดนั้นทำร้ายกันและกันมานาน จนลืมไปว่ามันอาจไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป

มิตรภาพ ความรัก ความไว้ใจ

...หรือแม้กระทั่งตัวตนของพวกเขาเอง

พวกเขารู้ดีว่าเจอกันครั้งนี้คงไม่อาจหวังให้มิตรภาพกลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิมได้ แต่คงไม่ขอมากเกินไป ที่จะหวังให้ความบาดหมางข้องใจของพวกเขาหายไปเสียที

“กูจะยุบวง”

“เฮ้ย!” สิ่งที่ออกจากปากวายุ ทำให้อีกสองคนที่เหลือเบิกตากว้างอย่างตกใจ

ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา

“ไอ้วา มึง...” นทีกำลังจะออกปากห้าม แต่ก็ถูกดวงตาคมกริบจ้องมาด้วยสายตาเด็ดขาดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“กูไม่ได้โลกสวยถึงขนาดคิดว่าวงเราจะอยู่ตลอดไปเหมือนตอนเด็กๆ หรอกนะ” ร่างสูงถอยหลังออกมา มองหน้าเพื่อนทั้งสามคนของตัวเองด้วยสายตาจริงจัง “ความฝันของพวกเรามันจบไปตั้งแต่ตอนที่สมาชิกเหลือแค่สามคนแล้ว”
สิ่งที่เขาพูดคือความจริง ความฝันที่ว่าจะร้องเพลง เล่นดนตรี หรือออกอัลบั้มด้วยกัน มันหายไปนับตั้งแต่เกิดเรื่องที่ทำให้วายุกับอัคคีบาดหมางกัน

สำหรับเขา เมื่ออยู่กันไม่ครบ... วงก็ไม่ใช่วงอีกต่อไป

“พวกมึงจะได้แยกย้ายทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้เต็มที่สักที” เขาหันไปมองหน้าดินกับนที

รู้ดีว่าทั้งสองคนเองก็รู้สึกไม่ต่างกันว่าวันหนึ่งทุกอย่างต้องจบลง ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เลือกเดินทางใหม่ แล้วปล่อยให้ความฝันเป็นแค่งานอดิเรกเหมือนที่ผ่านมา

“แล้วไหนๆ มึงก็กลับมา” คราวนี้เขาหันไปหาอัคคี ที่ยังคงสับสนเกินกว่าจะพูดอะไร “ช่วยกลับมาเล่นกีตาร์สั่งลาให้กูที”
แต่เพียงได้ยินประโยคนั้นเขาก็เข้าใจ
   
ว่าความรู้สึกผิดที่เขาแบกเอาไว้ตลอดสองปี กำลังค่อยๆ หายไป พร้อมกับความเสียใจ และความเจ็บปวดที่ทั้งคู่เก็บไว้ในใจมายาวนาน

   
หนึ่งปีผ่านไป
   
เมื่อทุกอย่างจบลง สิ่งหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือความทรงจำ
   
ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา ทั้งดีและร้ายต่างกลายเป็นความทรงจำที่ทั้งมีค่าและไม่มีค่าที่จะใส่ใจ ที่ผ่านมาวายุเลือกเก็บความทรงจำเลวร้ายเอาไว้ เพื่อทำร้ายตัวเองซ้ำๆ ทั้งที่ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากสร้างความเจ็บปวดแก่เขา แต่ในวันหนึ่งที่เขาไม่คาดคิดกลับมีคนสำคัญ เข้ามาช่วยบรรเทาความเลวร้ายให้เขาจนหลุดพ้นออกมาจากความเจ็บปวดเหล่านั้น พร้อมๆ กับสร้างความทรงจำใหม่ที่สวยงามเข้ามาทดแทน
   
กับอีกฝ่ายก็เช่นกัน
   
เขาอยากเป็นคนสำคัญคนนั้น ที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดอันเกิดจากความทรงจำเลวร้ายในอดีตที่กัดกินหัวใจของคนที่เขารักเสมอมา

   
‘กังหันครับ...’
   
‘...’
   
‘ผมชื่อกังหัน’

   
และมันถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะทดแทนความเจ็บปวดเหล่านั้น ด้วยความทรงจำครั้งใหม่ที่สวยงามไม่ต่างจากที่เขาได้รับ

“หลง”
   
“วา!” น้ำเสียงสดใสเอ่ยชื่อเขาพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นหน้า
   
ก่อนที่ร่างเล็กว่าจะวิ่งมาหาและกอดเขาไว้แน่นเหมือนทุกที

ต่างก็ตรงที่... คราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวจะได้วิ่งมาหาเขาแบบนี้
   
“ไปอยู่ด้วยกันนะ”
   
เพราะต่อไปนี้เขาจะไม่ปล่อยเจ้าหลงของเขาให้ห่างตัวอีก
   
“อยู่ตลอดไปเลย”
   
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม



ตอนพิเศษ

   
เจ็ดปีก่อน
   
สถานที่ปลอดภัยของคนทั่วไป เป็นแบบไหนกัน
   
สำหรับเขา ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’ แน่นอน
   
มันเป็นเพียงสถานที่ที่ถูกลืมกลางใจกลางเมืองอันกว้างใหญ่ ตรอกเล็กๆ แสนเหม็นอับ และสกปรกเพราะเป็นที่ตั้งของถังขยะใบโต... ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มใช้อำพรางร่างกายที่กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
   
“ฮึก...” ถึงแม้จะกลั้นน้ำตาเอาไว้แค่ไหน แต่สุดท้ายน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยๆ ก็ค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้ใสอย่างไม่อาจห้าม
   
เขาพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ขดตัวให้เล็กที่สุด เพื่อไม่ให้ถูกค้นพบ
   
โครม!
   
ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อถังขยะใบโตที่ใช้อำพรางตัวอยู่ล้มลงเสียงดังสนั่น เพราะร่างของใครบางคนที่วิ่งเข้ามาชนมัน
   
“เวรๆๆ” แวบแรกเขาตกใจคิดว่าคนที่หวาดกลัวอยู่ตามมาจนเจอ แต่เมื่อได้ยินเสียงกลับพบว่าไม่ใช่
   
เสียงทุ้มแสนไพเราะนี่ไม่ใกล้เคียงเลยกับเสียงที่เขากำลังหวาดกลัว
   
“เฮ้ย” แต่แล้วเขาก็สะดุ้งอีกครั้งเมื่อใครคนนั้นขยับมาเผชิญหน้ากัน เด็กหนุ่มที่น่าจะแก่กว่าเขาไม่กี่ปีมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลนลานก่อนจะจับถังขยะที่ถูกชนจนล้มลงตั้งไว้ที่เดิมแล้ววิ่งมานั่งข้างเขาอย่างรวดเร็ว
   
“โทษทีนะ” อ้อมแขนแข็งแกร่งเอื้อมมาโอบรอบตัวเขาไว้แล้วกดลงราวกับจะทำให้สองร่างกลายเป็นกลุ่มก้อนที่เล็กที่สุดเพื่อซ่อนตัว
   
หลังจากนั้นเสียงฝีเท้ามากมายก็ดังขึ้นไม่ไกล เสียงโวยวายก่นด่าดังขึ้นรอบตัวจนทำให้ร่างเล็กในอ้อมแขนสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว น้ำตาที่หยุดไหลย้อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ต้องพยายามกลั้นเอาไว้สุดกำลัง
   
“ร้องไห้เหรอ” เสียงทุ้มชวนฟังกระซิบถามด้วยความตกใจ ใบหน้าคมชะโงกหน้าออกไปเพื่อสำรวจรอบตัวอย่างลนลาน ก่อนจะหมอบตัวลงอีกครั้ง กระชับอ้อมแขนของตัวเองแน่นกว่าเดิม
   
“ขอโทษนะ”

“...”

“ขอแค่แป๊บเดียว อดทนอีกแค่แป๊บเดียวนะครับ” แค่เพียงเสียงทุ้ม และสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ลูบลงมาบรศีรษะอย่างอ่อนโยนนั้น
   
ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้น้ำตาที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมา หายไปอย่างง่ายดาย
   
ไม่นานเสียงน่ากลัวเหล่านั้นก็หายไป พร้อมกับฝีเท้าของคนมากมายที่ห่างออกไปจนลับสายตา ร่างสูงจึงคลายอ้อมกอดพร้อมกับทิ้งตัวเอนหลังกับผนังข้างกายพร้อมกับถอนหายใจ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มโล่งใจพร้อมกับหันมามองหน้าอีกคนอย่างพิจารณา
   
“นายเป็นใคร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
   
“...” แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ
   
“แล้วมานั่งทำอะไรข้างถังขยะนี่ หนีใครมาเหมือนกันเหรอ” เขาเปลี่ยนคำถาม
   
“...” ซึ่งไม่ได้รับคำตอบอีกเช่นเคย
   
“เป็นใบ้?”
   
เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยเพียงแต่จ้องเขานิ่ง ด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา ใบหน้าใสที่เต็มไปด้วยคราวน้ำตา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไป เช็ดมันออกให้เด็กชายพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
   
“ปลอดภัยแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ” รอยยิ้มบางผุดขึ้นมาอีกครั้งอย่างต้องการจะให้กำลังใจ เขากำลังจะเอ่ยถามขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเสียงร้องเรียกอันคุ้นหูดังขึ้นมา
   
“ไอ้วา!”
   
“ไอ้วา! ตายหรือยัง”
   
“ไอ้เชี่ยวายุ อยู่ไหนวะ!” เสียงตะโกนทั้งสามครั้งเป็นของเพื่อนทั้งสามคนของเขาที่แยกย้ายกันวิ่งหนีตายเพราะสู้กำลังคนนับสิบไม่ไหว
   
“กูอยู่นี่!” เขาตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเพื่อนใกล้เข้ามา เจ้าของดวงตาสีนิลจึงหันกลับมาสบตาคนตัวเล็กอีกครั้ง ชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจบอกลา “ไปก่อนนะ”
   
ถึงแม้จะยังติดใจ แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่าไม่ควรใส่ใจ ยังไงซะก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาหาที่ปลอดภัยที่เดียวกัน เขาจึงลุกขึ้น กำลังจะวิ่งออกไป
   
“วา” แต่แล้วคนที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม กลับเอ่ยชื่อเขาเบาๆ
   
ชื่อพยางค์เดียวที่เขาเคยสงวนไว้ให้คนสนิทเท่านั้น ถูกเอ่ยออกมาจากปากของคนแปลกหน้า แต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
   
คงเพราะเสียงที่เปล่งออกมา มันเพราะซะจนเขาเป็นฝ่ายอยากให้เรียกอีกครั้งซะเอง
   
“กังหันครับ”
   
“?”
   
“ผมชื่อกังหัน” วายุยิ้มออกมาอย่างไร้เหตุผลเมื่อได้ยินชื่อนั้น
   
เป็นชื่อที่แปลกน่าดู... แต่ก็เข้ากันดี
   
กังหันเล็กๆ... ที่เฝ้ารอให้สายลมอ่อนโยนของเขาหวนกลับมาอีกครั้ง...

   
‘หลง’

‘วา!’

   
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม


------------------------------------- The end -------------------------------------------


ฉบับรีไรต์ก็ยังกั๊กโรคของหลงไว้ให้วารู้คนเดียว(ไม่นับหมอ)ค่ะ ขี้หวง 5555
ตอนจบค่อนข้างสั้น ก็เลยอัพรวมกับตอนพิเศษที่สั้นกว่าด้วยซะเลย
หวังว่าจะชอบกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน บางคนรีไรต์ใหม่ก็ยังตามอ่านอยู่ ขอบคุณมากเลยค่ะ
ถ้ามีโอกาสจะเขียนเรื่องสั้นขึ้นมาอีก ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่า

- Martian -

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 :pig4: :L1: :pig4:
ถ้าเปิดเรื่องใหม่จะตามมาอ่านต่อนะฮะ..

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีใจที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หลงจะหายมั้ยอ่ะ แต่ก็ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันต่อนะ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด