#U hibbu คำนี้แปลว่ารัก# -Intro-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #U hibbu คำนี้แปลว่ารัก# -Intro-  (อ่าน 1171 ครั้ง)

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
#U hibbu คำนี้แปลว่ารัก# -Intro-
« เมื่อ17-09-2022 14:30:59 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

+++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะ กิมจุ้ย kimjuy_o จำกันได้ไหมเอ่ย? คิดถึงจังเลยค่ะ คิดถึงเล้าเป็ดมากๆ ดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้งนะคะ  :-[

กลับมาคราวนี้ มีนิยายเรื่องใหม่มาฝากค่ะ เรื่องไม่สั้น ไม่ยาว กำลังดีค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ :กอด1:
++++++++++++++++

#U hibbu  คำนี้แปลว่ารัก#


-Intro-

ผมอยู่ตรงนี้เสมอ แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นค่าของผม...

          เสียงลมหวูดร้องดังลั่นบ่งบอกถึงพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านมา ท้องฟ้ามืดครึ้มมาแต่ไกลนั้นคือสิ่งยืนยันว่าฝนจะตกหนักในไม่ช้า กลิ่นความชื้นลอยปะปนไปในอากาศ ความหนาวเย็นเริ่มปกคลุมแต่คงไม่หนาวเย็นเท่าจิตใจของคนที่นั่งอยู่ตรงนี้

          ความหนาวเย็นนั้นเกาะกินไปทั้งขั้วหัวใจทั้งที่นั่งอยู่ในเคหสถานที่ไม่มีทางจะได้รับผลกระทบจากลมที่พัดแรงและสายฝนที่เริ่มโปรยปราย แต่ทำไมเหมือนเขายืนอยู่ท่ามกลางลมฝนที่พัดผ่านอยู่ข้างนอกได้ อาจจะเพราะหน้าต่างที่กำลังเปิดอยู่หรือเพราะบรรยากาศภายในที่กำลังนั่งเผชิญอยู่ในตอนนี้

     “พี่บอกขิงแล้วใช่ไหม ว่าอย่าทำอะไรแบบนั้น” น้ำเสียงนั้นตำหนิอย่างตั้งใจอีกทั้งดูหัวเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้น

     “แต่ขิงมีเรื่องจำเป็น.....”

          ผู้ถูกตำหนิก้มหน้าลง ต่อให้เขาอธิบายอะไรออกไปคนตรงหน้าก็ไม่ฟัง เขารู้จักคนๆ นี้ดีจนรู้ว่าสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือยอมรับผิดและทำให้คนตรงหน้าหงุดหงิดน้อยที่สุด

     “ไม่ตั้งใจอะไร โทรหาพี่แบบนั้น ตอนที่พี่กำลงยุ่งอยู่ แบบนี้เรียกว่าไม่ตั้งใจเหรอ” อารมณ์ขุ่นเคืองใจยังไม่ลดลงอยู่ดี

     “แต่มันมีเรื่อง.....”

     “หยุดพูดเลย ถ้าเกิดโดนรู้เข้าจะทำยังไง ขิงก็รู้ ว่าปิ่นเขาหูตาไวขนาดไหน” ไม่คิดจะรับฟังถึงเหตุผล ดูท่าจะอย่างไรนี่ก็คือความผิดอยู่ดีต่อให้แก้ต่างอย่างไรก็คงไม่รับฟังกัน

     “พี่ขอสั่งห้ามขิง ห้ามโทรหาพี่อีกเป็นอันขาด ถ้ามีอะไรก็ส่งข้อความเหมือนอย่างที่ทำมาตลอด” จำต้องพยักหน้ารับคำสั่งนั้น ถึงแม้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยสักนิด

     “ถ้าอย่างนั้นพี่กลับแล้ว” พูดจบก็ลุกขึ้น ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก ลมพายุพัดแรง การจะขับรถกลับคงเสี่ยงน่าดู ถึงจะแม้จะเป็นรถยนต์ก็ตาม

     “ตอนนี้ฝนตกหนัก รอให้ฝนซาสักหน่อยก็ได้” อย่างน้อยก็อยู่ต่ออีกสักหน่อยก็ยังดี

     “ไม่ล่ะ ปิ่นรออยู่ อีกอย่างนี่คือการทำโทษ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ พี่จะไม่มาหาขิง”

     “แต่พี่กันต์.....วันเสาร์นี้พี่ตกลงนัดกับขิงแล้วนะ” รีบยืนขึ้นแล้วทักท้วงออกไปทันที

     “ไม่มีแต่”

          พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้อีกคนนั่งลงอย่างหมดแรงบนเตียง รู้สึกอยากจะร้องไห้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ไม่ได้นับแล้วว่ากี่ครั้งกันที่เสียใจอย่างเช่นวันนี้

          ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว ความเหงาและหนาวเหน็บไหลท่วมไปทั้งร่างกาย ได้แต่ยกขากอดเข่าแน่นราวกับจะกอดปลอบตัวเอง โยกตัวเบาๆ เพื่อกล่อมตัวเองไม่ให้ดำดิ่งลงไปกับความเสียใจนี้ เขาต้องทนมันไปอีกเท่าไหร่ถึงจะจบเสียที นี่เขากำลังทนมันเพื่อใคร เพื่อคนที่หันหลังเดินออกไปเมื่อครู่นี้ หรือเพื่อตัวเองที่นั่งมืดมนอยู่ในตอนนี้..

Continue...
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
-1-

          ขิง หรือ เขมติกร นั่งเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้ฝนยังคงตกกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเมื่อไหร่ บรรยากาศแบบนี้ยิ่งทวีความเศร้าให้กับเขามากไปกว่าเดิม ทั้งที่พื้นฐานตัวเขาเองค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นร่าเริงมาโดยตลอด แต่คงเพราะมีจุดเปลี่ยนในตอนนั้นทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้

          ขิงนั่งนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านั้น มันเริ่มจากที่เขาไปนั่งกินข้าวในร้านอาหารใกล้ๆ ออฟฟิศ หลังเสร็จงานกับเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เกาะกลุ่มเหนียวแน่นกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย จนมาถึงวัยทำงาน จวบจนร่วมสร้างบริษัทบัญชีด้วยกัน ในขณะที่นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องหนังที่กำลังจะไปดูด้วยกัน ขิงเป็นพวกชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ จึงพูดคุยกับเพื่อนถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งรอยยิ้มมาแต่ไกล
   
     “ชื่ออะไรเหรอครับ”

          ขิงมองคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทักทาย ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมคายแบบชายไทย ดวงตาแพรวพราวที่บ่งบอกถึงความเจ้าชู้นั้นส่งประกายให้แก่ขิง คนตรงหน้าอายุน่าจะมากกว่าพวกเขาไม่มากก็น้อย

     “ถามใครครับ” ปั้น นิธิ ชายหน้าดุซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของขิงเอ่ยถามทันที ตรงนี้นั่งกันอยู่สามคนแล้วถามชื่อใครกัน

     “ปั้น ดูก็รู้ปะ ว่าถามขิงมัน” ช่า หรือมีชา สาวลูกครึ่งไทยรัสเซียเพื่อนสนิทของขิงอีกคนหันไปตำหนิปั้นทันที

     “ชื่อขิงเหรอ” แน่นอนว่าชายผู้นั้นไม่สนใจอีกสองคนที่กำลังถกเถียงกัน

     “ครับ”

     “พี่ชื่อกันต์ครับ จะเป็นไรไหมถ้าพี่อยากรู้จักขิง”

     “รู้จัก...อยากเป็นเพื่อนเหรอครับ” ขิงนั้นรู้ตัวมาตั้งแต่เด็กว่าตัวเองชอบผู้ชายและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกดึงดูดจากผู้ชายด้วยกัน

     “ถ้าไม่ใช่แค่เพื่อนล่ะ” ตอบอย่างคนรุกหนักทำเอาขิงต้องมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา

          ขิงรู้จุดประสงค์นั้นดี เดิมทีขิงไม่เคยมีแฟนหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับใครมาก่อน เพราะเนื่องด้วยกลัวในหลายๆ อย่าง ผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาหาเขาเสมอ แต่เขาไม่เคยตกลงปลงใจกับใครสักครั้ง ต่อให้มาในรูปแบบไหนขิงก็ไม่เคยรับความรักจากใครทั้งนั้น

     “ตอนนี้ถ้าแค่เพื่อนคงได้ครับ” ขิงเลือกที่จะแบ่งรับแบ่งสู้ไปก่อน

     “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอไลน์ขิงได้ไหม”

          ขิงลังเลที่จะให้ พลางส่งสายตาให้ช่ากับปั้นอย่างขอความเห็น ทั้งสองคนยักไหล่เชิงบอกว่าแล้วแต่เขา ขิงจึงยอมให้ช่องทางติดต่อไป

     “ขอบคุณครับ เดี๋ยวพี่จะทักไปนะ” ยิ้มหวานตบท้ายก่อนจะเดินจากไป

     “แหม ขิงของพวกเรานี่ฮ็อตน่าดู” ช่ารีบแซวทันที

     “ฮ็อตอะไร ดูก็รู้ว่าเขามาบริหารเสน่ห์เฉยๆ” ขิงส่ายหน้าก่อนที่จะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

     “เสือร้ายเลยนะนั่น” ปั้นพูดด้วยสีหน้าวิเคราะห์

     “ผีเห็นผีว่างั้น” ช่ากระทุ้งศอกใส่ปั้น

     “เอาที่สบายใจเลยไอ้ช่า....แต่ก็นะขิง อย่าไปอะไรมากเลย” ปั้นบอก

     “ขิงว่าเดี๋ยวเขาก็หายไปเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ”

          ทุกคนที่เข้ามาจะพากันหายออกไปเสมอเพราะขิงไม่ยอมลดกำแพงจนพวกเขาต้องล่าถอยไปเอง ไม่เคยมีใครอดทนกับเขาได้นานเลยสักคน เพราะกำแพงของเขาสูงเสียจนคนเหล่านั้นหมดความพยายามกันไปเอง

          หลังจากวันนั้นที่ร้านอาหาร ขิงก็มาทำงานตามปกติ โดยไม่ได้ใส่ใจคนแปลกหน้าที่มาขอเบอร์ในวันก่อน เพราะไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนหรือวิธีใดก็ตาม ขิงจะไม่หวั่นไหวหรือคล้อยตามไปอย่างแน่นอน เพราะขิงยึดมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทลายกำแพงของตัวเองลงได้

          เสียงข้อความดังขึ้นและก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ส่งมา เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเอ่ยถึงไปนั่นเอง กันต์ส่งข้อความมาทักทายแต่เช้าแต่ขิงเลือกจะเมินเฉย ไม่อ่านหรือแม้จะตอบข้อความเหล่านั้น เขายังคงทำงานต่อไปโดยไม่สนใจจะมองข้อความพวกนั้น

     “ขิง เที่ยงนี้กินอะไรดี” ช่าถามขึ้น

     “ช่า เราต้องไปยื่นเอกสารที่กรมสรรพากร บ่ายนี้นะ” ปั้นเตือนความจำเรื่องนี้ขึ้นมา

     “ตายจริง ลืมไปเลย” สีหน้าอย่างคนเพิ่งนึกได้นั้นทำเอาปั้นส่ายหน้า

     “เราว่าทั้งสองคนออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็ไปยื่นเอกสารพร้อมกันเลยดีกว่าไหม” ขิงแนะนำ

     “นั่นสิ ถ้าอย่างนั้นขิงกินข้าวคนเดียวละกันนะ” ช่าว่า

     “สบายมาก รีบไปเถอะ” ขิงมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว

          ปั้นกับช่าออกจากออฟฟิศไปแล้ว ขิงเองไม่ได้หิวข้าวขนาดนั้น จึงเลือกจะเดินออกจากออฟฟิศไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ออฟฟิศเพื่อซื้อขนมปังไม่ก็อาหารว่างรองท้อง ขิงเดินออกมากว่าห้านาทีก็มาถึงร้านสะดวกซื้อ เดินเข้าไปก็มองหาชั้นวางขนมปัง ระหว่างที่กำลังเลือกซื้ออยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีคนมาทักทาย

     “ขิง...” ขิงหันตามเสียง ก็พบว่าเป็นคนที่มาขอเบอร์เขาเมื่อวาน ขิงตกใจนิดๆ ที่มาเจอกันแถวออฟฟิศ

     “สวัสดีครับ” ขิงทักทายตามมารยาท

     “บังเอิญจัง มาเจอกันในที่แบบนี้” ความดีใจนั้นดูมากมายจนออกนอกหน้า ขิงอิหลักอิเหลื่อเมื่อได้เห็นคงตรงหน้าแสดงท่าทีดีใจเช่นนั้นต่อหน้าเขา

     “ครับ...บังเอิญดีจัง” ขิงยิ้มเจื่อนๆ

     “มาซื้อขนมเหรอ” กันต์เอ่ยถามพลางมองขนมปังที่ขิงกำลังถืออยู่ในมือ

     “อ๋อ ครับ” ขิงพยักหน้าก่อนที่จะวางขนมในมือลงบนชั้นแล้วมองหาแบบอื่นที่น่ากินกว่า

     “มื้อเที่ยงต้องกินข้าวสิ ทำไมกินขนมปังล่ะ” กันต์ถามพลางคิ้วขมวด

     “ไม่หิวเท่าไหร่ครับ” ขิงไม่ชอบความบังเอิญแบบนี้เท่าไหร่นักและอยากจะออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ขิงจึงหยิบแบบส่งๆ และเดินไปคิดเงินด้วยความรวดเร็ว

     “พี่ว่าขิงไปกินข้าวดีกว่านะ” น้ำเสียงพูดอย่างเป็นห่วง

     “ผมไม่อยากกินข้าวครับ” ขิงบอกพร้อมยิ้มนิดๆ ดูท่าจะไม่ยอมถอยไปง่ายๆ ทั้งที่เขาก็เลี่ยงอย่างเต็มกำลังแล้ว

     “ไปกินข้าวเถอะนะ เดี๋ยวหน้ามืดไปจะทำยังไง” กันต์ยังคงบอกเช่นนั้น

     “แต่...” ขิงหันไปมองกันต์ที่กำลังยืนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง มันมากจนขิงรับรู้ได้

     “คือว่า” ขิงมองสายตานั้นและพยายามจะบอกปัด แต่พูดไม่ค่อยออกเท่าไหร่เพราะกันต์ยังคงจ้องมองเขาอยู่แบบนั้น

     “ก็ได้ครับ ผมจะไปกินข้าว” ขิงจ่ายเงินพร้อมหยิบขนมปังนั้นติดมือมา

     “พี่รู้จักร้านแถวนี้นะ” กันต์ว่าในขณะที่ขิงเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ

     “ผมก็รู้ครับ” ขิงบอก เขาอยู่แถวนี้มาก็นาน ทำไมจะไม่รู้จักกันเล่า

     “ถ้าอย่างนั้น....ให้พี่ไปกินข้าวด้วยได้ไหม” ขิงคิดอยู่แล้วว่าต้องมาไม้นี้

     “แต่ผมไม่สะดวก” ขิงบอกไปตามตรง

     “ทำไมล่ะ ขิงก็มาคนเดียวไม่ใช่เหรอ” กันต์ถามพลางมองรอบๆ บ่งบอกว่าเขาไม่เห็นว่าขิงจะมากับใครอื่น

     “คุณกันต์...ผมลำบากใจ อย่าทำแบบนี้เลย” ขิงบอก เขาต้องตัดคนๆ นี้ออกไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะโดนรุกล้ำไปมากกว่านี้

     “พี่ทำให้ขิงรู้สึกลำบากใจขนาดนี้เลยเหรอ” กันต์ถามขึ้น สีหน้านั้นเริ่มสลดลง

     “ครับ” ขิงตอบสั้นๆ

     “พี่ขอโทษนะที่กลายมาเป็นแบบนี้ แต่พี่...อยากรู้จักขิงจริงๆ นะ” กันต์บอก

     “แต่ผมไม่ได้อยากรู้จักคุณกันต์มากขนาดนั้นครับ” ขิงพูด

     “พี่ไม่มีโอกาสนั้นเลยเหรอ” กันต์หน้าเศร้ามากกว่าเดิม

     “ผมคงไม่ให้โอกาสมากไปกว่านี้แล้วครับ...ขอตัวก่อนนะครับ”

          ขิงพูดทิ้งท้ายก่อนเดินหันหลังไป เพราะไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของคนที่เพิ่งรู้จักกัน เขาจะไม่เปิดช่องโหว่ให้แก่คนอื่นเพราะความสงสารเหล่านั้น

          เดินกลับมายังออฟฟิศ และไม่ได้กินข้าวอย่างที่ตกลงกับกันต์ไว้ ขนมปังที่ซื้อติดมือมาจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะเอามันลงท้องได้ ขิงนั่งกินขนมปังนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนด้อมๆ มองๆ ตรงหน้าออฟฟิศ คือเป็นคนเดียวกันกับที่ขิงเพิ่งเดินหนีมา...

          ตั้งแต่วันนั้นกันต์ก็หายเงียบไป ขิงเริ่มสึกขึ้นมา อาจจะเพราะการตัดบทแบบนั้น อีกทั้งเขารู้สึกว่าคำพูดของเขาเองค่อนข้างแรงอีกทั้งยังแข็งกระด้าง ถ้าหากตัวเขาเองโดนปฏิเสธแบบนั้นคงจะรู้สึกแย่ไม่น้อยเลยทีเดียว

     “ขิง ถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ” ช่าพูดขึ้น

     “เหรอ” ขิงถาม เขาดูกังวลจนแสดงให้คนอื่นเห็นเลยหรือ

     “ใช่ มีอะไรรึเปล่า” ช่าถาม

     “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ขิงบอก

     “ไม่หน่อยแล้วละมั้ง” ช่าได้ทีแซว

     “นิดเดียวเอง ไม่ต้องมาแซวเลย” ขิงว่า

     “ก็นะ ไม่ค่อยได้เห็นขิงเป็นแบบนี้บ่อย ว่าแต่ใครนะทำให้ขิงเป็นกังวลได้ขนาดนี้” ช่าพูดพลางคิด ใบหน้าของกันต์ลอยเข้ามาในห้วงความคิดอย่างรวดเร็ว ขิงรีบสะบัดหน้าให้ภาพของคนๆ นั้นออกไปจากหัว

     “หืม เป็นอะไรขิง” ช่าถามด้วยสีหน้าคำถามเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนดูแปลกๆ

     “เปล่า” ขิงบอก

          และดูเหมือนว่าภาพในหัวของเขาจะกลายเป็นจริง เขาเห็นกันต์ยืนอยู่หน้าออฟฟิศ ทั้งที่หายเงียบไปไม่ส่องข้อความมาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงมายืนชะเง้อมองเข้ามาข้างในราวกับกำลังมองหาใครสักคนในนี้

     “มาได้ไง” ขิงหลุดพูดออกมา

     “ใครเหรอ” ช่ารีบมองไปยังทิศทางที่ขิงกำลังยืนมอง

     “เอ๊ะ...ใช่คนเดียวกับที่เขามาขอเบอร์ขิงเมื่อวันก่อนรึเปล่า” ช่าจำได้ เพราะหน้าตานั้นเป็นเอกลักษณ์ แม้จะเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้

     “น่าจะ” ขิงบอก ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่แค่น่าจะใช่ แต่คือใช่มากๆ เพราะเป็นคนๆ เดียวกัน

     “เอ๊ะ ทำไมเขารู้จักออฟฟิศเราล่ะ” ช่าถามอย่างสงสัย

     “นั่นสิ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน” ขิงเองก็อยากรู้ว่าทำไมกันต์ถึงรู้จักที่นี่ได้

     “อย่าบอกนะว่าเดินตามมาตั้งแต่วันนั้น” ขิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกไป

     “เดี๋ยวขิง จะออกไปหาเขาเหรอ”

     “อืม มาด้อมๆ มองๆ แบบนี้ดูไม่น่าไว้ใจ” ขิงว่าก่อนที่จะเดินออกไปจากออฟฟิศ

          ขิงเดินตรงไปหากันต์ที่ยืนอยู่ เมื่อกันต์ได้เห็นขิงก็ยิ้มกว้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ขิงหยุดอยู่ตรงหน้าของกันต์ ทิ้งระยะห่างประมาณสองสามก้าว ก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น

     “รู้จักที่นี่ได้ยังไงครับ” ขิงถามออกไป

     “พี่...เดินตามขิงมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว” กันต์สารภาพแต่โดยดี

     “รู้ใช่ไหมครับ การทำแบบนี้มันคือการคุกคาม” ขิงถามต่อ

     “พี่ขอโทษ แต่พี่ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรขิงเลย ก็แค่....”

     “ก็แค่อะไร” ขิงถาม

     “จะดูว่าขิงเป็นยังไงบ้าง งานยุ่งรึเปล่า” สีหน้านั้นดูจะรู้สึกผิด เพราะขิงจับได้ว่าเขามายืนแอบมองอยู่แบบนี้

     “เราเพิ่งเจอกันนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมขนาดนั้นก็ได้”

     “ขิงอาจจะคิดแบบนั้น แต่พี่กลับรู้สึกว่าขิงน่าเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก พี่เลยต้องมาทำแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะไม่ทำแล้ว มันดูคุกคามอย่างที่ขิงบอกจริงๆ นั่นแหละ” กันต์ยอมอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

          ขิงยืนมองผู้ชายตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด คำว่าเป็นห่วงพร้อมสีหน้าดูกังวลทั้งที่เป็นแค่คนที่เข้ามาขอเบอร์เพียงเพราะหวังจะจีบก็เท่านั้น แต่ทำไมกลับสลัดเรื่องของคนตรงหน้าออกไปไม่ได้เสียที

     “เรื่องวันก่อน...ผมต้องขอโทษด้วย” ขิงเอ่ยขึ้นมา

     “วันก่อน เรื่องอะไรเหรอ”

     “ผม...พูดจาไม่ดีออกไปในตอนนั้น”

         

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
 ขิงหลบตาไปมองปลายเท้าของคนตรงข้ามแทน เขาไม่กล้าสบตาเพราะความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจมาหลายวันทำเอากระดากใจพอสมควร

     “ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น” กันต์ว่า

     “แต่...มันไม่ใช่เรื่องเสียมารยาทหรอกเหรอ ที่ผมทำไปถึงขนาดนั้น” ขิงถาม

     “ถ้าขิงไม่โกรธสิแปลก เพราะพี่เองที่เป็นคนเสียมารยาทกับขิงมากกว่า”

     “ว่าแต่มาหาผมที่นี่ทำไมกัน แค่มาดูเพราะเป็นห่วงเหรอ” ขิงถามอีก

     “พี่แค่อยากจะมาถามขิงเป็นครั้งสุดท้าย” กันต์สบตามองขิงที่เงยหน้าขึ้นมาและกำลังแสดงสีหน้าฉงน

     “ถามเรื่องอะไร” ทั้งรู้สึกสงสัยและแปลกๆ กับสายตาที่มองมา

     “ถามว่าพี่ยังมีโอกาสจะจีบขิงได้อีกไหม” ขิงนิ่งทันทีที่ได้ยิน

     “แค่นี้เองเหรอ”

     “ใช่ เพราะถ้าขิงบอกว่าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว พี่จะได้ตัดใจถอยออกมา” ไม่รู้เพราะอะไร แค่คำว่าตัดใจทำเอาขิงรู้สึกฉุนนิดๆ ราวกับว่าคนตรงหน้ายอมแพ้เรื่องของเขาง่ายดายเกินไป

     “แค่นี้ก็ท้อใจแล้วเหรอ” ขิงถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     “ต่อให้พี่ชอบขิงขนาดไหน แต่ถ้าขิงไม่เปิดใจ พี่ก็คงต้องมีท้อบ้างอยู่แล้ว”

          รอยยิ้มอย่างคนยอมแพ้ทำให้ขิงรู้สึกสงสารขึ้นมา และคิดว่าถ้าหากเปิดโอกาสให้คนตรงหน้าแล้วมันจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ ขิงยืนนิ่งอย่างไตร่ตรองก่อนที่จะเอ่ยออกไป

     “พรุ่งนี้ผมไม่ทำงาน...จะไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อไหม” ขิงเอ่ยถาม ท่าทีของกันต์ราวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาได้รับสายฝนให้ชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง

     “ขิง...ให้โอกาสพี่เหรอ”

     “พรุ่งนี้เที่ยง เจอกันที่ร้านเดิมที่เจอกันตอนครั้งแรกนะครับ”

          ขิงบอกเท่านั้นก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าออฟฟิศ โดยที่มีรอยยิ้มของกันต์ส่งไล่หลังไปติดๆ ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เพราะในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสนี้อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

          หลังจากที่ขิงยอมเปิดใจทีละเล็กทีละน้อย กันต์ก็เริ่มส่งข้อความมาทุกวันอีกครั้งหลังจากที่หายไป ถ่ายรูปรายงานนั่นนี่อย่างไม่มีย่อท้อ แม้ขิงจะเปิดใจให้แต่ขิงก็ยังลองเชิงกันต์อยู่ บ่อยครั้งที่ขิงตอบข้อความแค่บางครั้งพอเป็นพิธีเท่านั้นแต่ดูเหมือนกันต์ไม่ยอมแพ้เลยสักนิด จนขิงเริ่มหวั่นใจมากไปทุกทีๆ

     “นี่...เขายังส่งข้อความมาอีกเหรอขิง” ช่าถามขึ้นในระหว่างที่พวกเขานั่งทำงานอยู่ด้วยกัน ส่วนปั้นออกไปทำธุระข้างนอก

     “ใช่ นี่ก็จะสองเดือนแล้ว” ขิงบอก

          ในน้ำเสียงของขิงนั้นไม่ได้รู้สึกรำคาญใจเหมือนในช่วงแรก ๆ ขิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนที่จะกดตอบข้อความที่กันต์เพิ่งส่งมา รอยยิ้มนิดๆ มองหน้าจอนั้นก่อนจะปิดมันลง

     “ยังไง...ใจอ่อนไปแล้วใช่ไหม” ช่ารีบพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนสนิทเมื่อครู่นี้

     “อะไร...ไม่สักหน่อย” ขิงปฏิเสธทันที

     “แน่ใจนะ มาคืนคำทีหลังล่ะก็จะหยิกให้เขียวไปทั้งตัวเลย” ช่าขู่พลางมองขิงอย่างจับผิด

     “ก็...ไม่รู้ ยังไม่แน่ใจ” ขิงแบ่งรับแบ่งสู้

     “เอาเถอะ ไว้แน่ใจเมื่อไหร่ก็ค่อยบอก” ช่าว่า

          ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ขิงเผลอลดกำแพงลงให้กันต์ ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น จากการได้พูดคุยมาพักใหญ่ ก็ได้รู้เรื่องราวของกันต์มากขึ้น กันต์นั้นเป็นเจ้าของร้านกาแฟหนึ่งแห่งและร้านอาหารอีกหนึ่งแห่ง เพราะความเป็นผู้ใหญ่กว่าขิง กันต์จึงมีจังหวะการพูดคุย การหยอดที่เป็นธรรมชาติ ทุกอย่างดูลื่นไหลจนขิงเริ่มเปิดใจให้ ความเป็นผู้นำนั้นทำเอาขิงรู้สึกถึงการพึ่งพาได้ ในทุกสัปดาห์กันต์จะชอบมารับขิงไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ทำทุกอย่างเป็นกิจวัตร ทำมาอย่างนี้มาราวเดือนกว่าๆ จากที่ขิงแค่เปิดใจจนกลายเป็นเริ่มมีใจ

     “พี่กันต์ ไม่เห็นบอกขิงเลยว่าจะมาร้านแบบนี้”

          วันนี้กันต์มาแปลก พาขิงมายังร้านอาหารบนดาดฟ้าของตึกหรูที่ต้องจองก่อนเท่านั้นถึงจะได้โต๊ะ บรรยากาศยามเย็นดูสวยงาม ภาพวิวตึกสูงโดยรอบทำเอาขิงต้องยิ้มออกมาเพราะมันดูสวยงาม

     “ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” กันต์ว่าก่อนที่จะนั่งลงตรงโต๊ะที่วางป้ายจองเอาไว้

     “ชอบไหมครับ” กันต์ถามขึ้นพลางมองหน้าขิงที่กำลังดูโดยรอบอย่างสนใจ

     “ชอบครับ สวยมากเลย” ขิงพูดพลางยิ้ม

          บรรยากาศตอนนี้ทำเอาเขารู้สึกดี ไม่รู้เพราะการที่กันต์ปฏิบัติดูแลเขาอย่างนุ่มนวลกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เอาใจใส่และมองด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเช่นนั้นหรือเปล่า มันทำเอาขิงใจเต้นรัว ไม่เคยคิดว่าสักนิดว่าเขาเผลอใจให้กับกันต์ไปแล้ว

          ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า สีม่วงปนส้มระบายไปเต็มท้องฟ้า เป็นภาพที่สวยงามจนขิงไม่อาจจะละสายตามอง จู่ ๆ มือของกันต์ก็ทาบทับลงบนมือของเขา จึงจำต้องละสายตามามองคนตรงหน้า ดวงตาที่จ้องมองมานั้นระยิบระยับจนยากจะละสายตาได้

     “ขิง...ชอบทุกอย่างในตอนนี้ไหม” กันต์ถามขึ้น ดวงตาจดจ้องมายังขิง

     “ครับ...มันดีมากเลย” ยิ้มให้เพื่อยืนยันคำตอบ

     “แล้วถ้าพี่....จะขอขิงเป็นแฟนตอนนี้ ขิงว่ามันจะดีมากรึเปล่า” สายตาสบมองมาตรงๆ เช่นนั้นทำเอาขิงทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่กันต์เข้ามาในชีวิตก็ทำขิงหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ

     “พี่กันต์....เอ่อ อยากเป็น....แฟนเหรอ”

     “พี่ชอบขิง ชอบมากขึ้นทุกวันๆ จนไม่อยากเป็นแค่พี่น้องแล้ว” ขิงเบี่ยงหน้าเล็กน้อย เจอคำพูดแบบนี้เขาไปก็ทำเอาเขินอายเลยทีเดียว แน่นอนว่าไม่แทบไม่ต้องคิดเพราะขิงเองก็คิดแบบเดียวกัน

     “ครับ ขิงจะเป็นแฟนพี่กันต์” ขิงยิ้มออกมา

     “ขอบคุณนะขิง พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ขิงเสียใจ” นั่นคือคำสัญญาในวันที่ตอบตกลงเป็นแฟนกัน

          หลังจากผ่านพ้นเมื่อคืนมา ขิงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่อย่างมีความสุข วันนี้เป็นวันแรกที่เขามีแฟน เป็นแฟนคนแรกในชีวิตที่ไม่คิดว่าจะได้มีกับเขา รู้สึกหัวใจพองฟูอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนตอนที่กันต์ขอเป็นแฟน จิตใจเบิกบานบินล่องลอยสูงลิ่วจนดึงกลับลงมาไม่ได้เลยทีเดียว

          ขิงมาทำงานด้วยรอยยิ้ม เห็นช่ากับปั้นนั่งอยู่ในออฟฟิศอยู่แล้ว ขิงนั่งลงพลางเปิดคอมพิวเตอร์พร้อมฮัมเพลงอยู่เนืองๆ จนช่าต้องเอ่ยถาม

     “ดูมีความสุขจังเลยขิง ไปทำอะไรมา” ช่าถามอย่างแปลกใจ

     “ก็...ไม่มีอะไรหรอก” ขิงยิ้ม

     “แน่ใจเหรอ” ปั้นถามด้วยอีกคน ขิงมองเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะตัดสินใจพูดขึ้น

     “เรา...ตกลงเป็นแฟนกับพี่กันต์แล้วนะ” ขิงบอก ทั้งช่าและปั้นต่างเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อก่อนที่จะยิ้มอย่างยินดี

     “จริงเหรอ เมื่อไหร่ล่ะนั่น” ช่าถาม เธอยินดีที่เห็นขิงดูมีความสุขมากมายขนาดนี้

     “เมื่อคืน” ขิงบอก

     “ดีใจด้วย” ปั้นบอกพลางลุกเดินไปหาขิงพร้อมขยี้ผมอย่างขิงจนยุ่งเหยิงไปหมด

     “ขอบคุณนะ” ขิงว่า

     “ทีนี้ขิงก็ไม่โสดแล้ว เหลือแต่แกกับชั้นแล้วนะปั้น” ช่าว่า

     “แกคนเดียวมากกว่ามั้งช่า”

     “เดี๋ยวๆ ยังไง อย่าบอกนะว่าแกก็มีแฟนไปแล้วน่ะ”

     “ไม่บอก” ปั้นว่าก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

     “ไอ้ปั้น อย่าหนีสิ” ช่าเดินตามไปติดๆ ขิงได้แต่หัวเราะเพื่อนทั้งสองคน วันนี้เป็นวันที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

          และเมื่อเพื่อนสนิททั้งสองคนรู้เรื่องนี้แล้ว ขิงเองก็ต้องบอกคนที่เขารักมากที่สุดอีกสองคนคือ สิระ ผู้เป็นพ่อ ระริน น้องสาวของพ่อ และอีกคนที่ขิงรักมากที่สุดไม่ต่างกันคือ แม่ผู้ซึ่งจากโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว ตอนนี้ขิงจึงเหลือแค่พ่อกับอาเท่านั้น และเป็นบุคคลที่ขิงรักมากที่สุดในชีวิต ทั้งสามคนอยู่บ้านหลังเดียวกัน เป็นครอบครัวที่แน่นแฟ้นมากเลยทีเดียว

          วันนี้ขิงจึงพากันต์มาแนะนำตัวแก่พวกเขาทั้งสองคน ขิงนั้นกังวลไม่น้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาแฟนเข้าบ้าน เป็นแฟนคนแรกอีกด้วย ถึงแม้ที่ผ่านมาพวกเขารู้ดีว่าขิงชอบอะไรและเป็นแบบไหนแต่ขิงไม่เคยมีแฟนและพาใครเข้าบ้านมาก่อน

     “ตื่นเต้นเหรอ” กันต์ถามขึ้นระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้าน

     “ครับ...ตื่นเต้นมากเลย” ขิงว่า

     “ที่จริงต้องเป็นพี่สิที่ตื่นเต้น” กันต์หัวเราะออกมา

     “พี่กันต์ ไม่ตลกเลยนะ” ขิงว่า

     “เอาน่า พี่น่ะมือฉมังเรื่องเข้าหาผู้ใหญ่นะ ใครเห็นใครก็รักทั้งนั้นแหละ”

     “ขอให้เป็นอย่างที่พี่พูดเถอะ” ขิงบอก

          ขิงเดินนำกันต์เข้าไปในบ้าน สิระนั้นพิจารณากันต์อย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นท่าทีที่บ่งบอกได้ว่าคนที่ลูกชายพามาในวันนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนรู้จักธรรมดา

     “พ่อ อาริน นี่พี่กันต์ครับ” ขิงแนะนำตัวให้แก่ทั้งสองคน กันต์ยกมือไหว้พลางยิ้ม

     “แฟนเหรอ” ระรินถามตรงๆ ขิงรู้สึกอายเมื่ออาถามตรงๆ เช่นนั้น จนกลายเป็นตอบคำถามไม่ออก

     “ครับ ผมเป็นแฟนขิง” เป็นกันต์ที่ตอบแทน สิระมองนิ่งอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม

     “อืม…ต้องกล้ายอมรับอย่างนี้สิถึงจะถูก” ระรินหัวเราะนิดๆ เพราะเธอแอบแกล้งหลานชายโดยการถามกันโต้งๆ เพียงเพราะอยากเห็นขิงทำหน้าไม่ถูก

          ถือว่ากันต์ก็ทำได้อย่างที่พูดจริงๆ การเจอกันครั้งแรกถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งคู่ดูจะชอบกันต์มาก พวกเขาดูเข้ากันได้ดีจนขิงได้แต่ดีใจกับตัวเองที่คนที่เขารักทุกคนดูเข้ากันได้ขนาดนี้ ทุกอย่างกำลังสวยงาม ความรักผลิบาน ชีวิตของขิงมีแต่รอยยิ้มในทุกๆ วัน

          เมื่อความรักสุกงอมหอมหวาน ขิงรักกันต์จนหมดหัวใจและแน่นอนว่าการเป็นแฟนกันก็ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางร่างกายเป็นเรื่องธรรมดา ขิงไม่ลังเลใจสักนิดที่จะมอบทั้งตัวและหัวใจของเขาให้แก่กันต์ ทุกอย่างมันดูดีไปหมด ดีจนขิงมัวแต่หลงระเริงในความงามของท้องฟ้าสีครามสดใสที่มักมีให้เห็นก่อนที่จะเกิดพายุมรสุมลูกใหญ่

          ผ่านไปกว่าหนึ่งปี ขิงยังคงเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุด มีความรักที่ดี มีแฟนที่ครบเครื่อง ธุรกิจที่ร่วมทำกับเพื่อนสนิทก็ไปได้สวย ทุกอย่างรายล้อมอย่างไร้ที่ติจนไม่อาจจะนึกภาพว่าจะมีอะไรมาสั่นคลอนความสมบูรณ์แบบนี้ได้

          วันนี้เป็นวันดีอีกหนึ่งวันของขิง เขารู้สึกได้อย่างนั้น อาจจะเพราะอากาศที่สดใสในเช้านี้ รวมถึงสภาพจราจรที่คล่องตัวอย่างน่าตกใจ อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด เมื่อคิดแบบนั้นแล้วขิงจึงขับรถไปยังร้านขนมร้านโปรดของกันต์ อยากจะซื้อขนมที่กันต์ชอบไปให้ที่ร้านอาหาร เพราะหมู่นี้เจ้าตัวบ่นว่างานยุ่งและเหนื่อยเอามากๆ

     “ขิง วันนี้ไม่เข้าออฟฟิศเหรอ”

          ช่าโทรหาขิงที่กำลังออกจากร้านขนมร้านโปรดของกันต์ ในมือนั้นถือถุงขนมตัวโปรดของแฟนไว้หวังจะขับรถไปเซอไพรส์ที่ร้านอาหารของเจ้าตัวเสียหน่อย

     “เดี๋ยวเข้าไปตอนเย็นนะ ขิงจะไปหาพี่กันต์ก่อน” ขิงบอกในขณะที่ปิดประตูรถ

     “โทรบอกพี่เขาแล้วเหรอ” ช่าถาม

     “ไม่ได้บอก ว่าจะไปจ๊ะเอ๋พี่กันต์ให้ตกใจเล่น” ขิงพูดพลางยิ้มเมื่อนึกถึงสีหน้าของกันต์เหรอหราเมื่อเห็นเขาไปหาโดยไม่ได้นัดหมาย

     “จ้า ตามสบาย ระวังเป็นขิงเองที่จะเซอร์ไพรส์นะ” ช่าว่า

     “ยังไงล่ะช่า” ขิงชะงักไปนิด

     “ก็ไปเก้อ เพราะพี่เขาไม่อยู่ร้านไง” ช่าหัวเราะออกมา

     “อ่า จริงด้วย เอ๊ะ หรือเราจะบอกพี่เขาดี” ขิงเอ๊ะใจขึ้นมา ว่าน่าจะโทรบอกกันต์ถึงการไปของเขา

     “ไม่ต้องหรอก ก็ขิงตั้งใจไปจ๊ะเอ๋ไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่เจอก็ค่อยโทรถามเอาสิ” ช่าเสนอ

     “จริงด้วย งั้นเราขับรถก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเข้าออฟฟิศ” ขิงบอกก่อนวางสาย

          ขิงขับรถร้องเพลงคลออย่างอารมณ์ดี พลางหันไปมองถุงขนมที่วางอยู่บนเบาะข้าง ขนมร้านนี้กันต์เคยบอกกับขิงว่าเป็นขนมที่ชอบที่สุดและรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้กิน คงเป็นรสชาติที่ถูกใจจนชื่นชอบขนาดนั้น

          ใช้เวลาไม่นานก็มาจอดยังหน้าร้าน ขิงเดินลงจากรถพลางสำรวจตัวเองในกระจกรถ ก่อนที่จะหิ้วถุงขนมมาอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวจะเสียทรงจนไม่น่ากิน ขิงเดินเข้าไปในร้าน ไปยังมุมอีกฝั่งซึ่งกันต์มักจะนั่งอยู่ตรงนั้นเนื่องจากเขาจะสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในร้านได้ เห็นกันต์กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

     “พี่กันต์ ทำอะไรอยู่” ขิงเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     “ขิง มาทำอะไรที่นี่” กันต์นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ดูตกใจไม่น้อยที่เห็นขิงมาหาเขาที่ร้านกาแฟโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน

     “ก็พี่กันต์บ่นว่าเหนื่อย ขิงเลยอยากมาดูเผื่อช่วยอะไรพี่ได้บ้าง และก็เอาขนมร้านโปรดของพี่กันต์มาให้ด้วยนะ”

          บอกพลางชูถุงกระดาษจากร้านขนมชื่อดัง ขิงยิ้มแย้มสดใสที่มาโผล่หน้าให้แฟนตัวเองตกใจเล่นๆ เพราะสีหน้าของกันต์ที่ดูซีดเผือดไปสักหน่อย คงตกใจที่เขามาแบบไม่บอกล่วงหน้า

     “ทำอะไรอยู่เอ่ย”

          เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านหลัง เธอแตะไหล่นั้นอย่างสนิทสนมก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ แล้ววางมือบนขาของกันต์ ท่าทีแบบนั้นทำเอาขิงชะงักทันที ขิงสบสายตาของกันต์ที่ตอนนี้จ้องมองเขาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย

     “ปิ่น...ออกมาแล้วเหรอครับ” กันต์เอ่ยถามผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เธอประสานมือของกันต์อย่างแนบแน่นก่อนจะคลี่ยิ้มหวาน

     “ก็ไม่อยากให้คู่หมั้นของปิ่นรอนานนี่นา”

          ยิ้มหวานพลางออดอ้อน ด้านขิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าถึงกับชาวาบไปทั้งตัว ร่างกายหนักอึ้งจนถึงกับทำถุงขนมหล่นจากมือเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ คู่หมั้น มันหมายความว่าอะไรกัน...

To be continued...

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
-2-

“อุ๊ย เป็นอะไรคะ”

ปิ่นว่าพลางก้มลงหยิบถุงขนมที่ขิงทำหล่น ขิงจ้องมองกันต์อย่างไม่ละสายตา ราวกับอยากจะถามว่านี่มันเรื่องอะไร คู่หมั้นที่ว่านั่นคืออะไร ตอนนี้เหมือนขิงเหมือนโดนอะไรสักอย่างฟาดหน้าจนชาไปหมด ปิ่นที่หยิบถุงขนมขึ้นมาดูก่อนจะพูดขึ้น

“นี่ขนมร้านโปรดของพี่กันต์นี่...ว่าแต่นี่ใครเหรอคะ” ปิ่นหันไปเอ่ยถามกันต์ ที่ตอนนี้กำลังประมวลความคิดว่าจะทำอย่างไรดี

“เอ่อ...นี่ขิง” เมื่อคิดได้กันต์ก็รีบแนะนำพลางปรับสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุดเพื่อปกปิดคนที่กำลังตั้งคำถาม

“อ๋อ น้องขิงนี่เอง พี่กันต์ชอบเล่าให้ฟังบ่อยเลยว่าเป็นรุ่นน้องคนสนิท พี่ชื่อปิ่นนะคะ เป็นคู่หมั้นพี่กันต์ค่ะ” เธอพูดเจื้อยแจ้วพลางแนะนำตัวกับขิง ที่ตอนนี้ปากหนักราวกับโดนหินถ่วง เขาจุกจนพูดไม่ออก

“น้องขิง เป็นอะไรรึเปล่า” ปิ่นเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นขิงนิ่งไม่ขยับตัว

“ปะ...เปล่าครับ....” ขิงตอบเสียงเบา

“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ปิ่น” ยิ้มไม่ออกแต่ก็พยายามพูดคุยออกไป ตอนนี้ขิงนั้นมีคำถามอยู่เป็นร้อยในหัว ก่อนที่จะรู้สึกตัวขิงก็นั่งลงตรงข้ามทั้งสองคนแล้ว

“ขิงนี่หน้าตาน่ารักจังเลยนะคะ หน้าใสยิ่งกว่าผู้หญิงอีก” กันต์กลืนน้ำลายลงคออย่างหนักใจ ความผิดพลาดอันยิ่งยวดกำลังเกิดขึ้นกับเขาแล้ว

ในที่สุดขิงก็ตั้งสติเมื่อได้นั่งลง ตอนนี้เขาต้องใจเย็น สายตาสบมองกันต์ที่ส่งแววตาอ้อนวอนแกมขอร้องราวกับจะให้ขิงอย่าทำอะไรที่มันจะจุดชนวนขึ้นมา แต่สิ่งแรกที่ขิงอยากรู้ที่สุดคือ...

“พี่ปิ่น...เป็นคู่หมั้นกับพี่กันต์มานานรึยังครับ” ขิงอยากรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว เสียงยังคงอ่อนแรงแต่ต้องเก็บอาการไว้ให้มากที่สุด

“เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วเนอะ แต่เพิ่งจะตกลงหมั้นเมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านนี่เองค่ะ”

ตั้งแต่สมัยเรียน มันนานมาก มากจนขิงคงไม่ต้องนับว่านานกี่ปี แล้วตัวขิงเองที่คบมาแค่ปีกว่า แปลว่าเขามาคบกับขิงหลังจากที่พวกเขาหมั้นหมายมาหมาดๆ ใช่ ขิงมาทีหลังอย่างไม่ต้องสาธยายให้มากความ กันต์หลบตามองพื้นก่อนที่จะเงยหน้ามาส่งสายตาราวกับจะบอกให้ขิงกลับไปก่อน นี่สินะคือความจริงทั้งหมด

“ยินดีด้วยครับ นั่น...ผมซื้อขนมมาฝาก พี่กันต์บอกชอบ ผม...เลยแวะเอามาให้....” เสียงสั่นไปนิด แต่ยังคงควบคุมได้อยู่บ้าง

“ขอบใจนะน้องขิง นี่เป็นร้านประจำพี่ด้วยนะ พี่กันต์ขอคบพี่เป็นแฟนก็ที่ร้านนั้นเหมือนกัน ขนมอันนี้พี่ชอบกิน พี่กันต์ก็เลยชอบกินไปกับพี่ด้วย....ยิ่งพูดก็ยิ่งอาย”

ท่าทางเขินอายนั้นทำเอาขิงอยากจะร้องไห้ คำพูดพวกนั้นราวกับเป็นมีดกรีดแทงเข้าไปในอก ยิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกทรมานเข้าไปทุกที กันต์เองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีแต่ปิ่นที่ไม่รู้อะไรเลย

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวนะครับ ไว้เจอกันครับ...พี่กันต์” ขิงฝืนยิ้มให้ได้มากที่สุด ขิงบอกก่อนที่จะเดินออกจากร้านกาแฟ ฝืนใจเดินไปให้ถึงรถของตัวเองให้ได้ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง

ทุกย่างก้าวราวกับเดินอยู่ในคลื่นทะเล หนักหน่วงจนก้าวขาแทบไม่ได้ ขิงเดินขึ้นรถ เมื่อประตูปิดลง ใบหน้าก็ฟุบลงตรงพวงมาลัยรถ บีบมันจนสั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ เรื่องราวมันเกิดขึ้นได้อย่างไร...กันต์คบเขาพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น อีกทั้งเป็นเขาที่มาทีหลัง ทุกอย่างที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่การโกหก ขิง....ถูกหลอกมาโดยตลอด

การดูแลที่แสนจะอ่อนหวาน การเอาใจใส่ที่สุดจะทะนุถนอม ดวงตาระยิบระยับที่เต็มไปด้วยความรักยามที่มองมาที่เขาความอบอุ่นที่ทำเอาสุขใจ การกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดี สิ่งเหล่านั้นก็คือเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ

เจ็บไปทั้งหัวใจ ราวกับมีคนใช้มีดทิ่มแทงอยู่ข้างใน กรีดลง บาดลึกจนแทบจะกระอักเลือด ความผิดหวัง ความเสียใจ ไหลออกมาเป็นน้ำตา เจ็บปวดอะไรขนาดนี้ การถูกหักหลัง การถูกหลอกให้รัก มันช่างเจ็บปวดจนแทบเจียนตาย ขิงนั่งอยู่ในรถอยู่เป็นเวลานาน น้ำหูน้ำตาไหลจนใบหน้าแดงก่ำ เสียงสะอื้นหลุดออกมาเป็นระยะ น้ำตาจะไหลจนไม่มีอะไรให้ไหลแต่ความเจ็บปวดไม่มีทีท่าว่าจะหายไปเหมือนน้ำตา จนในที่สุดขิงก็ตัดสินใจขับรถออกมาทั้งสภาพนั้น ประคองสติไม่ให้ขับรถพุ่งไปข้างทาง ขับรถกลับไปยังบ้านของตัวเอง กลับไปยังที่ของตัวเองเพื่ออยู่กับตัวเอง

เรื่องราวมันช่างรวดเร็วและกะทันหันจนขิงไม่อาจจะยอมรับได้ ทั้งที่เมื่อวานเขายังมีความสุขกับข้อความที่กันต์บอกว่าคิดถึงอยากเจออยู่แท้ๆ แต่มาวันนี้เหมือนหนังคนละม้วน ขิงยังไม่พร้อมจบความสัมพันธ์นี้เพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ขิงเอาแต่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขายังรักกันต์อยู่เต็มหัวใจ เขา...ไม่อาจจะหยุดความรู้สึกนี้ลงในทันทีทันใด

แต่มันคือสิ่งที่ผิด ขิงมาทีหลัง เป็นที่สองมาโดยไม่รู้ตัว หากจะดึงความสัมพันธ์นี้ต่อไปมันคือความผิด รักเราสองสามคนที่ไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก เพราะจะดูอย่างไรก็รู้ว่ากันต์ตั้งใจปิดปิ่นในเรื่องของเขา มันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ แม้จะรักมากเท่าไหร่แต่ขิงก็ยอมรับมันไม่ได้

เช้าของอีกวันที่ขิงนอนจมกองน้ำตาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดขิงก็ต้องยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นและเลือกที่จะจบทุกอย่าง เขาจะเป็นฝ่ายไป เขาต้องยอมรับความจริงแม้มันจะโหดร้ายแต่เขาต้องยืนเพียงลำพังให้ได้ เขาต้องจบกับกันต์แม้จะยังรักและเจ็บถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมตัดใจ

อีกวันถัดมาขิงก็ออกจากห้องในสภาพที่ดีขึ้นกว่าวันก่อนๆ การปกปิดความเศร้ากับพ่อและอานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากนัก ขิงไม่อยากให้คนสำคัญทั้งสองคนรับรู้เพราะอาจจะทำให้พวกเขาเป็นห่วงและกังวลกันได้ ขิงเดินลงมาจากห้องก็พบว่าทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน ซึ่งเป็นความโชคดีจริงๆ

จู่ ๆ เสียงออดดังขึ้น ขิงรีบเดินไปยังหน้ากระจกมองว่าตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะหากพ่อกับอาเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้ หน้าตาถือว่าดูแย่ ดูอย่างไรก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้หนักมา เดี๋ยวคงต้องหาข้ออ้างเอา

ขิงเดินไปเปิดประตูเพราะเสียงออดยังคงดังอยู่ เมื่อเปิดประตูรั้วออกไปก็พบว่าไม่ใช่ทั้งพ่อและอา แต่เป็นคนที่ขิงไม่อยากเจอหน้าที่สุดในตอนนี้

“ขิง”

เสียงเรียกเบาๆ ทำเอาขิงจุกในอก ใบหน้าอย่างนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ คือคนๆ เดียวกันที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งเจ็บในเวลาเดียวกัน ขิงรีบหันหลังกลับเข้าบ้านทันที เขาไม่พร้อมจะเจอหน้ากันต์ในตอนนี้

“ขิง ฟังพี่ก่อน”

กันต์รีบจับประตูไม่ยอมให้ขิงปิดใส่เขาง่ายๆ เขามาถึงที่บ้านของขิง บุกมาถึงบ้านและไม่ยอมที่จะจบเรื่องทุกอย่างไปแบบนี้ กันต์รีบดันตัวเองเข้าไปในบ้าน ปิดประตูลงเพราะกลัวคนในหมู่บ้านจะผ่านมาเห็นเข้า

“พี่กันต์ ออกไปจากบ้านขิง”

ขิงหันหน้าหนี ทั้งที่คิดว่าดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้อยากจะร้องไห้เสียอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เขารักจนหมดหัวใจ รักจนไม่เหลืออะไรให้ตัวเองจนทำให้เขาเจ็บปวดถึงขนาดนี้

“ขิง...ให้พี่อธิบายก่อน”

“อธิบายอะไร พี่จะบอกอะไรกับขิงอีก มีอะไรที่ขิงต้องรู้อีกไหม” ถามออกไปอย่างเหลืออด น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มทะลักออกมา

“พี่จำเป็นต้องทำนะขิง มันเป็นคำสั่งจากที่บ้าน...พ่อกับแม่เขาไม่รู้ว่าพี่เป็นแบบนี้” กันต์พยายามอธิบาย

“แบบไหน ชอบผู้ชายด้วยกันน่ะเหรอ” ขิงค่อนขอดใส่กันต์ทันที พลางเช็ดน้ำตาจนใบหน้าแดงก่ำ

“ก็...นั่นแหละ พี่เลยต้องคบปิ่นเพื่อบังหน้า” เหตุผลฟังดูไม่เข้าท่าสักนิด

“แต่พี่คบกับเขาก่อนจะเจอขิงอีก เท่านี้ก็รู้แล้วว่าพี่หลอกขิง”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่พี่ชอบขิงจริงๆ พี่แค่อยากทำตามหัวใจตัวเอง เพราะพี่รักขิงไปแล้วและกับปิ่นมันคือความจำเป็น” คำพูดก่อนหน้านี้ว่าฟังไม่เข้าท่าแล้ว อันนี้ยิ่งแล้วใหญ่

“มันเป็นเรื่องของพี่กันต์แล้วครับ ไม่ใช่เรื่องของขิง พี่กลับไปเถอะ” ให้ยืนฟังต่อไปคงไม่ไหว ขิงหันหลังเดินขึ้นห้องโดยไม่หันกลับไปมอง

“ขิง...พี่ขอร้องเถอะ พี่รักขิงจริงๆ นะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย” แรงกอดจากด้านหลังพร้อมหยดน้ำอุ่นๆ ที่ไหล่ทำเอาขิงชะงัก กันต์กำลังร้องไห้

“ถ้าขิงไม่รักพี่ พี่จะทำยังไง คนที่เข้าใจพี่ที่สุดคือขิงนะ”

ขิงใจสั่น เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่กันต์ทำกับเขา แต่ในเวลาเดียวกันเมื่อเห็นน้ำตาของกันต์ขิงก็ใจอ่อนยวบ เพราะรักมากถึงขนาดนี้จึงไม่เข้มแข็งพอที่จะตัดออกไปได้ในคราวเดียว เพราะรักจึงทำให้ขิงตามืดบอดไปชั่วขณะ ลืมความคิดที่จะออกจากชีวิตกันต์ไปเสียสนิท

ขิงหันหลังไปกอดกันต์เอาไว้แน่น เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ขิงอ่อนแอเกินกว่าจะจบความรักครั้งนี้ได้ เพียงแค่กันต์ขอร้องอ้อนวอนขิงก็ยอมจนหมดใจ ไม่พร้อมที่จะจบทุกอย่างไปทั้งอย่างนี้

“อย่าไปจากพี่เลยนะ พี่จะทำให้ขิงมีความสุขที่สุด อยู่ข้างๆ พี่นะขิง”

คำสัญญาอีกครั้งของกันต์ ขิงจึงยอมอยู่ตรงนี้ อยู่ในฐานะแฟนอีกคนของกันต์ อยู่ในฐานะคนรักที่สอง อยู่ในฐานะแฟนคนรองที่มาทีหลัง ขิงตัดสินใจบอกช่ากับปั้นหลังจากที่เกิดเรื่องได้สองสัปดาห์

“ขิง จะเอาอะไรไปเชื่อใจไอ้คนแบบนั้น”

ช่าถามอย่างโมโหในขณะที่ปั้นพยายามดึงช่าไม่ให้ลุกออกไปจากออฟฟิศเพื่อไปเอาเลือดหัวกันต์ออก ตอนนี้ช่าโมโหจนหน้าแดงหูแดงไปหมด

“เรารู้...แต่เราไม่พร้อม เรา....ยังรักพี่กันต์” ขิงก้มหน้าบอกถึงความรู้สึกของตัวเองให้กับเพื่อนทั้งสองฟัง ช่าจึงเริ่มใจเย็นลงสักหน่อย

“ขิง รักก็ส่วนรักนะ แต่สิ่งที่พี่กันต์ทำมันเป็นเรื่องที่ผิด” ปั้นพูดขึ้นมาบ้าง

“ให้เราลองสักตั้งได้ไหม ถ้าวันนึงเราทนไม่ไหว เราจะออกมาเอง”

“จะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ รู้ใช่ไหมว่าต้องใช้ความอดทนมากนะ” ปั้นเตือนถึงการตัดสินใจของขิง

“ต่อให้ขิงทนจนตายผู้ชายพรรค์นั้นก็ไม่มีทางหยุดทำเรื่องพวกนี้หรอก”

ช่าพูดอย่างเหลืออด ปั้นตบไหล่ช่าให้ใจเย็นลงกว่านี้หน่อย เธอโกรธจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เสียแรงที่เธอยอมรับในตัวผู้ชายคนนั้นเพราะหวังว่าจะทำให้เพื่อนเธอมีความสุขจริงๆ ที่ไหนได้....หลอกลวงกันทั้งนั้น

“เรา....เรายังรักเขาอยู่”

ขิงยอมรับออกมาตรงๆ ก่อนที่จะก้มหน้าลงเพราะรู้สึกผิดกับตัวเองและเพื่อนทั้งสองคน ช่าที่ใจเย็นลงแล้วจริงๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปสบตาของปั้นที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของขิง แต่เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว พวกเขาจะห้ามอะไรได้ น้ำกำลังเชี่ยวไม่ควรเอาเรือเข้าไปขวาง

“เอาเถอะ พวกเราจะเคารพการตัดสินใจของขิงละกัน” ปั้นว่าก่อนจะหันมองหน้าช่าที่เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ขิงเลือก

ขิงกลืนก้อนอะไรสักอย่างลงไป ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจที่จะอยู่ข้างกันต์ไปแบบนี้ เขาก็พบว่ามันช่างยากลำบากกับการจัดการความรู้สึกของตัวเองยิ่งนัก เพราะทุกครั้งที่มาหากันเจอกันแบบนนี้ ความรู้สึกผิดนั้นก่อตัวขึ้นมาในใจโดยทันที ขิงยังไม่ชินกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกผิดที่เลือกเส้นทางนี้

คืนนี้กันต์มาหาขิงที่บ้าน เป็นคืนแรกที่มาหาหลังจากที่ขิงยอมรับจะเป็นคบกันแบบนี้ต่อไป กันต์เห็นสีหน้าของขิงที่ดูเศร้าลงไม่เหมือนก่อนหน้านี้ จึงรีบลุกขึ้นนั่งแล้วรวบกอดขิงไว้ทันที เขารู้ดีว่าขิงนั้นกำลังรู้สึกอย่างไรและเขาไม่อยากให้ขิงแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยในเวลานี้

“เป็นอะไรไป” กันต์ถามขึ้น

“เปล่าครับ” ขิงบอกเพียงเท่านั้น

“โกรธที่พี่ทำแบบนั้นเหรอ” กันต์ถามอีก กำลังพูดถึงเรื่องราวที่เขาหลอกขิงมาโดยตลอด

“ไม่ได้โกรธ” ขิงบอก ใช่ ขิงไม่ได้โกรธ ความรู้สึกนั้นมันผ่านไปแล้ว แต่แค่จัดการกับความรู้สึกแย่ของตัวเองไม่ได้

“คืนนี้พี่ขอค้างกับขิงได้ไหม” กันต์ถามขึ้น

“พี่ปิ่น...จะไม่ว่าเหรอ” ขิงถามขึ้น พูดเองก็เจ็บเอง

“ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้สิ”

“ครับ ไม่พูดก็ไม่พูด”

“ไปอาบน้ำด้วยกันไหม” กันต์ถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“พี่กันต์อาบเลยครับ ขิงว่าจะคุยเรื่องงานกับปั้นที่คุยค้างอยู่” ขิงบอก

“ได้สิ พี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” กันต์ว่าก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวที่ขิงเตรียมเอาไว้ให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อกันต์เข้าไปในห้องน้ำ ขิงจึงลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ ข้างๆ กันนั้นมีโทรศัพท์มือถือของกันต์วางอยู่ เสียงสั่นครืดสั้นๆ ติดๆ กันหลายครั้ง บ่งบอกว่ามีเสียงข้อความเข้าถี่รัว ขิงไม่ได้ตั้งใจจะแอบมองแต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าใครกันที่ส่งข้อความมาถี่ขนาดนี้

ปิ่นขอโทษ อย่างอนเลยนะ

กลับบ้านเถอะนะคะ หายงอนน๊า

ไม่อ่าน ไม่ตอบเลย งอนหนักเลยสินะคะ

ถ้าอย่างนั้นอย่าดื่มเยอะนะ ถ้าไม่ไหวก็นอนบ้านเพื่อนเลย

Kiss

ขิงอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาทั้งหมด ข้อความเหล่านั้นบ่งบอกถึงเหตุผลที่กันต์มานอนค้างในคืนนี้เพราะทะเลาะกับปิ่น คู่หมั้นนั่นเอง ความผิดหวังกระจายไปทั่วตัว ขิงหลงคิดไปเสียได้ว่าที่กันต์มาในคืนนี้เพราะอยากมาอยู่ด้วยกัน แต่เปล่าเลย เพราะมีปัญหากับคู่หมั้นต่างหากเลยวิ่งมาทางนี้ เมื่อได้รู้ความจริงแล้วมันก็ช่างเจ็บปวดจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี จะเสียใจ จะโวยวาย หรือจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้ดี ขิงสับสนไปหมดแล้ว

จากที่ตั้งใจจะโทรคุยกับปั้นเรื่องงาน ตอนนี้ขิงกลับหมดอาลัยตายอยากที่จะทำอะไรต่อแล้ว เขาจะต้องทนแบบนี้ต่อไปหรือ แล้วถ้าหากไม่ทนเล่าจะเจ็บกว่าที่เป็นอยู่ไหม จะมองไปทางไหนก็เจ็บปวดไปทุกทางอยู่ดี ถ้าหากจะเจ็บแต่ยังมีกันต์อยู่ข้างๆ อย่างนี้ ก็คงจะดีกว่าเจ็บแบบยืนอยู่ตัวคนเดียว เพราะจะอย่างไรก็เจ็บอยู่แล้ว เจ็บปนสุขปนทุกข์คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า…

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
-3-

เรื่องราวในวันนั้นผ่านมาครึ่งปีแล้ว ขิงยังมีความอดทนที่จะอยู่ตรงที่กันต์ขอร้องให้อยู่ อยู่ในที่ของตัวเอง ไม่ก้าวก่ายออกไปให้ปิ่น คู่หมั้นของกันต์ระแคะระคายได้ กันต์ยังคงทำตัวปกติราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปมาหาสู่ขิงโดยปกติ ทั้งที่แท้จริงแล้วกันต์ยังคงมีปิ่นอยู่ในอีกที่หนึ่ง

และเมื่อทุกอย่างไม่เป็นความลับอีกต่อไป กันต์ก็ไม่ได้สนใจที่จะปกปิดมันกับขิง ความเกรงใจที่กลัวขิงจะขิงรับรู้ในตอนก่อนก็หายไปทันที ในตอนนี้แม้ขณะที่นอนเปลือยกาย นอนกกกอดอยู่กับขิงแต่กันต์ก็โทรคุยกับปิ่นด้วยน้ำเสียงละมุนอ่อนหวานไปพร้อมกัน ทั้งที่มือนั้นกำลังลูบไหล่ของเขาอย่างรักใคร่ แต่ปากกลับบอกรักอีกคนได้อย่างหน้าตาเฉย ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ขิงเหมือนกำลังกลืนก้อนแข็งๆ ลงไป มันเหมือนมีเข็มนับร้อยทิ่มตำตรงอก มันเจ็บปวดจนแสบไปหมด ต้องทนฟัง ทนรับรู้ทุกเรื่องแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไร ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่ในมุมของตัวเอง ทนเจ็บในสถานะที่เลือกแล้วด้วยตัวเองแม้เพื่อนสนิทจะคัดค้านทัดทานเท่าไหร่ก็ไม่รับฟัง

ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ขิงกลายเป็นคนรักที่เป็นความลับอย่างสมบูรณ์แบบ จากเมื่อก่อนที่กันต์พาขิงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ่อยๆ กันต์ก็เริ่มไม่ทำมันแล้ว ขิงถูกจัดให้อยู่ในมุมลับ จากที่เอาอกเอาใจดูแลใส่ใจมากมายก็กลายเป็นน้อยลงทุกที อีกทั้งกันต์ยังเริ่มออกคำสั่งต่างๆ ที่จะไม่ทำให้ปิ่น คู่หมั้นของเขารับรู้ว่าขิงกับเขาเป็นอะไรกัน ไม่ให้โทรหา ไม่ให้แสดงตัวกับคนรอบตัวของกันต์ แต่เดิมทีขิงก็ไม่เคยได้ไปเจอคนรู้จักฝั่งกันต์อยู่แล้วเพราะเจ้าตัวบอกปัดว่าไม่ว่างพาไปเจอเสมอ แต่ตอนนี้ขิงรู้แล้วว่าเพราะอะไรถึงโดนบอกปัดเช่นนั้น

ขิงไม่อาจจะเรียกร้องอะไรได้ ได้แต่ฟังคำสั่งของกันต์ว่าต้องทำอะไร อยู่ที่ไหน อย่างไร แค่เพราะคำว่ารักคำเดียวขิงจึงยอมยืนอยู่อย่างนั้น กอดหอกแหลมคมที่ทิ่มแทงตัวเองเพราะคำว่ารักคำเดียวจริงๆ

หลังจากที่โดนคาดโทษไว้ ขิงก็รู้ดีว่าต่อให้ขอร้องอย่างไรกันต์ก็ไม่รับฟังเขาอยู่ดี ขิงถอนหายใจออกมาครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ก่อนที่จะตัดสินใจโทรหาช่า เพื่อบอกเรื่องราวเมื่อครู่นี้ แม้ช่าจะบ่นด่ากันต์เสมอ แต่ทั้งช่าและปั้นไม่เคยที่จะไม่รับฟังเขา

“ขิง ว่าไง”

คำทักทายอันสดใสทำขิงจุกในอก ทำเอาเขาเงียบจนพูดไม่ออก ทำไมเขาไม่สดใสเหมือนน้ำเสียงของงช่า เขาควรจะต้องมีความสุขและความสดใสเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่ตอนนี้กำลังตรงกันข้าม

“ขิง เป็นอะไร...ไอ้พี่กันต์ทำอะไรอีก” ความเงียบนั้นคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนสนิทรู้ดีว่าคนที่โทรมากำลังทุกข์ใจและนั่นก็มีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น

“ช่า...เราทำพี่เขาโกรธอีกแล้ว”

“คราวนี้มันหาเรื่องอะไรมาโกรธอีกล่ะ” น้ำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่ชอบใจ

“ก็เมื่อวานที่เราโทรหาพี่เขา”

“เมื่อวานขิงถูกระชากกระเป๋านะ นี่มันไม่รับฟังเลยเหรอขิง.....ทุเรศ ดีแค่ไหนที่ปลอดภัยมาได้ โชคดีขนาดไหนที่คนแถวนั้นเขาจับโจรได้ทัน ไอ้พี่กันต์นี่สันดานเลวจริงๆ” ช่าอดไม่ได้ที่จะของขึ้น มันน่าโมโหที่สุด

“แต่ช่างเถอะ วันเสาร์นี้ไม่ลืมใช่ไหม”

“ไม่ลืมสิ วันสำคัญของขิงอีกวันนึงนี่ แล้วไอ้พี่กันต์ไปด้วยใช่ไหม” ได้ยินแบบนั้นทำเอาสะอึก

“ไม่...พี่เขาไม่ไป”

“อะไร ได้ยังไงกัน ไหนว่านัดกันแล้วนี่ ปีที่แล้วก็ไป”

“ก็...พี่เขาทำโทษเรา จะไม่มาหาจนกว่าจะอาทิตย์หน้า”

“เฮ้อ รู้หรอกนะขิง ว่ารักมันขนาดไหน แต่...จะยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ” นี่คงเป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่ช่าพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

“ขอโทษนะช่า” และก็เป็นประโยคเดิมที่เป็นคำตอบสำหรับเรื่องนี้

“คนที่ต้องขอโทษคือฝั่งนู้น เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะบอกไอ้ปั้นมันว่าขาดสมาชิกหนึ่งคน ขี้คร้านไอ้ปั้นจะดีใจที่ไอ้พี่กันต์ไม่ไป”

ช่าสะดุดกับคำพูดตัวเอง แม้ขิงจะรู้ดีว่าเธอและปั้นเกลียดกันต์มากขนาดไหน แต่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่สมควรพูดจาแบบนั้น เพราะคนที่จะเสียใจคือขิง เพื่อนของเธอต่างหาก

“ขอโทษนะขิง....ชั้นอดไม่ได้จริง ๆ” ช่าพูดเสียงอ่อย

“ไม่เป็นไรช่า มันเป็นความจริงนี่น่า” ขิงไม่ได้ถือโทษโกรธคำพูดของช่า

“จะพยายามไม่ด่าให้ออกนอกหน้าล่ะกันนะ”

“อืม”

“อย่าคิดมากเลย มีพวกเราอยู่กับขิงตลอดนะ”

“ขอบใจนะช่า”

“เราเพื่อนกันนะขิง” น้ำเสียงอบอุ่นนั้นทำเอารู้สึกดีขึ้นมาเป็นกอง

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ อย่าลืมร้านหมูปิ้งหน้าปากซอยให้ชั้นด้วย”

“ไม่ลืมแน่นอน” พูดจบก็วางสาย

วันเสาร์ที่จะถึงนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของแม่ ปีที่แล้วกันต์เองก็ได้มาร่วมทำบุญในวัดกับครอบครัวของขิงด้วยเช่นกัน

“ขิง กันต์ไม่มาด้วยเหรอ” สิระ เอ่ยถามในขณะที่กำลังขึ้นรถเพื่อจะไปวัด

“พี่กันต์ติดงานครับ” ขิงบอกพลางขับรถ

“อย่างนั้นเหรอ” ระริน เอ่ยขึ้นมา ก่อนจะลอบมองสายตาของขิงที่กระจกมองหลัง

“ครับอาริน” ขิงยืนยันอย่างนั้น

“ช่ากับปั้นจะขับรถตามไปด้วยครับ” ขิงรีบพูดทันทีเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในตอนนี้

“เจ้าช่ากับเจ้าปั้นไม่เคยพลาดสักครั้ง” สิระว่าพลางหัวเราะ ขิงยิ้มบางๆ ก่อนที่จะขับรถไปยังวัด

ขิงขับรถมายังวัดซึ่งไม่ห่างจากบ้านเท่าไหร่นัก ทั้งหมดช่วยกันยกของออกมาโดยที่ช่ากับปั้นก็มาถึงพอดี จึงช่วยกันยกข้าวของต่างๆ เข้าไปในวัดเพื่อทำบุญในครบรอบการเสียชีวิตของแม่ขิง

ขิงนั่งฟังสวดไปอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอย ดูจะเหม่อจนก้มกราบช้าไปกว่าคนอื่น เมื่อรู้สึกตัวก็รีบเรียกสติทันที วันนี้เป็นวันทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของแม่ตัวเองแท้ๆ แต่จิตใจกลับล่องลอยไปหาคนที่ทำเขาเสียใจไปเสียได้

“ขิง ไหวไหมเนี่ยะ” ปั้นเอ่ยถามหลังจากที่เทน้ำที่เพิ่งกรวดน้ำเมื่อครู่นี้

“ง่วงนิดหน่อย แต่สบายมาก” ขิงบอกพร้อมยิ้มให้ปั้น

“ที่ถามว่าไหวเนี่ยะ หมายถึงจะอยู่แบบนี้ต่อไปไหวเหรอ”

ปั้นเอ่ยถาม ตัวเขาเองอาจจะไม่ได้ถามไถ่หรือพูดเรื่องนี้มากเท่าช่าแต่เพราะดูออกเสมอว่าหลายๆ ครั้งขิงมีแต่ความหม่นหมองตลอดเวลานับตั้งแต่ที่ยอมคบกับกันต์ต่อไปโดยที่กันต์ยังมีคู่หมั้นอยู่แบบนั้น จะบอกว่าอย่างไรดี ในฐานะผู้ชายด้วยกันทั้งเขาและขิงก็รู้อยู่เต็มอกว่ากันต์โกหกคำโต ดูก็รู้ว่านี่คือเหตุผลของคนเห็นแก่ตัวที่อยากจะมีสองรักแต่เพราะคำว่ารักคำเดียวจริงๆ ขิงจึงยอมปิดหูเป็นตาถึงขนาดนี้ ยอมอมทุกข์ ยอมจมอยู่ในสภาพแบบนี้ ปั้นได้แต่หวังว่าสักวันจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ขิงเลิกตามืดบอดและเดินออกมาจากคนแบบนั้นเสียที

ขิงเงียบไป คงกำลังตอบคำถามตัวเองมากกว่าที่จะตอบคำถามปั้น ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเพราะคงจะไม่มีคำตอบในตอนนี้ ปั้นตบไหล่ขิงเบาๆ มีเพียงเท่านี้ที่จะทำได้

“ช่างมันเถอะขิง คิดเสียว่าเราไม่ได้ถามล่ะกัน”

“เราเองก็อยากตอบปั้นได้เหมือนกัน”

“เออ รู้” ปั้นยิ้มให้ก่อนที่จะลากขิงกลับเข้าไปข้างใน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วก็ถึงเวลาจะหาอะไรใส่ท้อง

“เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกัน” ระรินเอ่ยขึ้น

“ไปร้านของกันต์ไหม อยากลองชิมว่าอาหารอร่อยจริงรึเปล่า กันต์ชอบมาโม้ให้พ่อฟังว่าปลาหมึกผัดไข่เค็มที่ร้านเขาอร่อยมาก”

ช่ากับปั้นถึงกับรีบหันมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ขิงชะงักไปนิดเพราะไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าถ้าไปที่นั่นแล้วจะได้เจอแค่กันต์คนเดียวรึเปล่า

“เดี๋ยวขิงถามพี่กันต์ให้นะครับ ว่าเขาอยู่ร้านอาหารหรือร้านกาแฟ” ขิงว่าก่อนที่จะปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น รีบพิมพ์ข้อความบอกทันทีเพราะไม่มีสิทธิ์โทรตามที่โดนสั่งมา เพียงครู่หนึ่งกันต์ก็ตอบข้อความกลับมา

ห้ามมาเด็ดขาด ปิ่นอยู่ที่นี่ คงให้มาไม่ได้

ขิงหน้าชาไปนิด เขาโดนกีดกันแม้กระทั่งจะไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงตัวตนของเขา เมื่อก่อนน่าแปลกใจมากที่กันต์สามารถแสดงความเป็นแฟนกับเขาได้อย่างเปิดเผย แต่ทำไมตั้งแต่วันนี้ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นแบบนี้ หรือนี่คือความตั้งใจตั้งแต่แรกของกันต์อยู่แล้ว คิดไปเลยเถิดจนต้องส่ายหน้าเพื่อหยุดความคิดและเรียกสติของตัวเองกลับมา ขิงรีบเดินไปหาทุกคนที่ยืนรออยู่

“พ่อครับ ร้านของพี่กันต์ไว้ไปวันหลังดีกว่า พอดีร้านโต๊ะเต็ม มีจองจัดเลี้ยงน่ะครับ” ขิงโกหกเสียมากมาย ได้แต่ขอโทษพ่อในใจอย่างรู้สึกผิด

“พ่อคะ ช่ารู้จักร้านนึง อร่อยมาก เราไปลองกันดีกว่า” ช่ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะสีหน้าของสิระตอนนี้เหมือนกำลังเกิดคำถาม

“ร้านไหน พาพ่อไปหน่อยช่า” ทั้งหมดจึงพากันออกจากวัดแล้วไปยังร้านอาหารที่ช่าแนะนำ

บรรยากาศระหว่างมื้อเที่ยงดูครื้นเครงเพราะช่า ปั้นและระรินพูดคุยกันด้วยหัวข้อสนทนาที่สนุกสนาน ขิงยิ้มตลอดในระหว่างนี้ อย่างน้อยเขาก็อยากให้พ่อและอาของเขาไม่สงสัยอะไรในสิ่งที่เกิดขึ้น

มื้อเที่ยงของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว ช่ากับปั้นจึงขอตัวแยกย้ายกลับ ด้านขิงก็ขับรถกลับบ้านกับพ่อและอา ระหว่างทางที่ขับรถ ขิงเปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป จู่ ๆ สิระ ก็เอ่ยขึ้นมา....

“หมู่นี้กันต์ดูห่างเหินนะ ยังคบกันดีใช่ไหม” สิระถามขึ้นมา ขิงกลืนน้ำลายลงคอ...พ่อของเขาสัญชาตญาณดีเกินไปแล้ว

แต่นั่นคือเรื่องจริง กันต์ห่างเหินอย่างที่พ่อพูดจริงๆ อีกทั้งยังหมางเหมินอย่างชัดเจน ไม่ค่อยมาพูดคุยกับพ่อและอาเหมือนอย่างแต่ก่อน มาเจอนานๆ ครั้งเท่านั้นและจะชอบมาหาเขาตอนที่ทุกคนในบ้านนอนกันหมดแล้ว อีกทั้งการมาหาก็เพื่อมากอด มาหลับนอนเพื่อมีอะไรกันเท่านั้น ความสัมพันธ์ในระยะหลังมานี้มีเท่านี้จริง

“คบกันดีครับ” ขิงตอบ แต่สายตาไม่กล้าจะหันไปสบตาพ่อของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“พ่อคงคิดมากไปเอง ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” สิระว่า

“แฟนกันก็มีแง่มีงอน มีรักมีทะเลาะบ้างแหละพี่ระ” ระรินรีบพูดขึ้นทันที

“ทำอย่างกับเข้าใจคนมีคู่ ทั้งที่ตัวเองไม่ยักกะมี” สิระรีบแหย่น้องสาวทันที

“พี่ระ คนนิสัยไม่ดี” ระรินทุบไหล่พี่ชายไปหนึ่งครั้ง ขิงหัวเราะเมื่อเห็นพี่น้องทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ทั้งที่อายุอานามก็เยอะแล้ว

“อยากช่วยอารินตีพ่อจัง” ขิงว่า

ระรินหัวเราะอย่างถูกใจ อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง ได้ไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของแม่ ได้กินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนสนิทและครอบครัว เท่านี้ก็ช่วยเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของขิงได้แล้ว...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด