-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
--------------
ถ้าหากเราปล่อยให้ความรู้สึก ‘รัก’ นำพาหัวใจตัวเองไปโดยไม่ใช้สมองไตร่ตรองความผิดชอบชั่วดี..
ถ้าหากเราปล่อยให้ความรู้สึก ‘รัก’ โอบรัดร่างของพวกเราไว้โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดที่จะตัดมันออก..
มันจะเป็นยังไงกันนะ ..
เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าบาปมากๆ ถ้าไม่ชอบโปรดคลิก X มุมบนขวาออกไปเลยจ้า เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นสนอง Need ตัวเองล้วนๆ ไม่มีอะไรเจือปน อาจมีภาษาหรือการกระทำที่รุนแรงบ้าง
“โปรดใช้วิจารณญาณการอ่านนะครับ”
หากอยากติชม แนะนำสิ่งใด โปรดคอมเมนต์ให้เห็นกันทั่วราชอาณาจักร ผู้เขียนจะอ่านและทำการปรับปรุงพัฒนาตัวเองต่อๆไป
ขอบคุณสำหรับการติดตามล่วงหน้านะครับ
ดาวเสาร์
-
‘Our love is twin…’
บทนำ
เริ่มจาก....
“ยินดีด้วยครับ คุณได้ลูกแฝด”
เราเป็นฝาแฝดกัน
“ชื่ออะไรดีคุณ ฉันคิดไม่ออกเลย”
“ยังมีเวลาคิดอีกตั้งหลายเดือน ค่อยๆดูไปนะ”
“ฉันตื่นเต้นนี่คะ”
“ผมก็เหมือนกัน ฮ่าๆ”
มีชื่อแปลกๆ มาจากเรื่องแปลกๆ
“คุณคะ! ฉันถูกหวยสองรางวัล!!!”
“จริงหรือคุณ”
“ค่ะ จริงสิ ลูกมาให้โชคให้ลาภแม่กับพ่อแท้ๆ”
“งั้นตั้งชื่อลูกเป็นเสี่ยงโชคกับเสี่ยงทายไหมคุณ”
“ไม่เอาค่ะ ฉันว่า.... ใบนี้สองแสน .... ฉันจะให้ลูกชื่อว่า สองแสน กับ แสนสอง!”
“เอ่อ...จะดีหรอคุณ”
“ดีที่สุดค่ะ ใช่ไหมคะลูก สองแสน แสนสอง”
เราเป็นคู่แฝดที่เหมือนกันสุดๆ แตกต่างกันแค่ขี้แมลงวันใต้หางตาของแสนสอง
“คนไหนสองแสน คนไหนแสนสองนะคะ”
“คนพี่สองแสนค่ะ คนน้องแสนสอง มีขี้แมลงวันตรงนี้”
เรามีความชอบที่เหมือนกัน
“สองจะเอาตัวนี้”
“แสนก็จะเอาตัวนี้”
“ปล่อยนะ/ปล่อยสิ”
“อย่าแย่งกันสิลูก เดี๋ยวพ่อซื้อให้เหมือนกันคนละตัวนะ”
เรามีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงกันและแชร์กัน
“แค่กๆ”
“สองปวดหัว”
“ตายแล้วลูก ไม่สบายทั้งคู่เลยหรอ ไปๆ เดี๋ยวแม่พาไปหาหมอ”
“เดี๋ยวผมเอารถออกก่อนนะคุณ”
เราห่วงใยกันมากขึ้น
“มึงทำไรสอง”
“เฮ้ย มึงผลักแสนหรอวะ”
แล้วสุดท้าย....
จบบทนำ
จะพยายามมาอัพให้ได้ทุกวันนะ ขอฝากนิยายแนว incest นี้ไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วยนะคะ :mew1:
ดาวเสาร์.
-
ลงแบบเบิ้ลๆไว้ก่อน กลัวคนอ่านไม่ตาม :katai4:
‘Our love is twin…’
( สองแสน - หนึ่ง : เช้าที่สดใส )
“โอ้ยตาย ตายแน่ๆวันนี้!” เสียงโวยวายของแม่ดังขึ้นตอนที่ผมก้าวขาลงมาจากบันได เดินลงมาถึงขั้นสุดท้ายก็หันมองแม่ด้วยความสงสัย ผมคิดอยู่ในใจโดนแม่เล่นแล้ว
“เป็นอะไรไปคุณ”
“วันนี้ต้องพายุเข้า แผ่นดินไหว หรืออุกาบาตรชนโลกแน่ๆเลยค่ะ สองแสนตื่นเช้า!” นั่นไง...ว่าแล้ว แม่นะแม่ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลย พ่อหันมองตามสายตาแม่จนมาเจอผมก็หัวเราะขึ้น เออออห่อหมกกับแม่ไปด้วยซะงั้น
ผมไม่เคยรู้สึกว่าพ่อกับแม่เหมาะสมกันขนาดนี้มาก่อนเลย!
“โถ่ ก็สองตื่นเต้นนี่ครับ” ผมทำหน้ามุ่ยเดินไปกอดเอวแม่ พ่อส่ายหัวยกหนังสือพิมพ์บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมาอ่านต่อ
วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนของมหาลัยวันแรก กว่าจะหลับตาลงได้เมื่อคืนก็เกือบตีหนึ่งพอหลับไปได้ถึงหกโมงเช้า ร่างกายกลับตื่นขึ้นเต็มตาอย่างไม่เคยเป็น ผมไม่ได้เห่อนะ...
ดูปากผมชัดๆ ไม่ได้เห่อ!
“คงจะตื่นเต้นจริงๆนั่นละคุณ ดูสิอาบน้ำแต่งตัวเซทผมพร้อมเลย” พ่อพูดขึ้นทั้งๆที่ตาใต้กรอบแว่นยังจ้องอยู่บนหนังสือพิมพ์ แถมยังแอบยิ้มอีก ผมเห็นนะพ่อ!
“แล้วเจ้าแสนละ?” ผมบุ้ยปากขึ้นข้างบนเชิงว่ามันยังหลับอยู่ มันน่ะหลับก่อนผมอีกแต่ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย ขี้เซากว่าผมอีก
“เดี๋ยวพ่อกับแม่ต้องไปทำงานแล้ว อย่าลืมปลุกแสนด้วยนะ ไม่งั้นจะสายทั้งคู่” ผมพยักหน้ารับคำพ่อก่อนจะยิ้มเผลเดินแบมือทั้งสองข้างไปที่พ่อและแม่
“ขอมันนี่ด้วยค้าบบ”
“พ่อไม่มีวะเจ้าสอง โบเบ๋” พ่อทำท่าล้วงกระเป๋ากางเกงแสล็คที่ว่างเปล่าออกมาให้ดู แล้วไอ้ที่ตุงๆอยู่กระเป๋าหลังคืออะไรละพ่อ!
ผมเบ้ปากหันมามองหน้าแม่ แม่หัวเราะหยิบกระเป๋าสตางค์พ่อออกมาโดยที่พ่อไม่ทันตั้งตัว
“อ้าวเฮ้ย คุณ” พ่อทำหน้าเหวอจะคว้าไว้ก็ไม่ได้ พ่อผมไม่ได้กลัวแม่หรอกครับ แค่เกรงใจ ฮ่าๆ
“แบ่งคนละครึ่งกับแสนนะ ห้ามอุบอิบของน้องละ” ธนบัตรสีเทาสองใบถูกส่งมาให้ผม ตาวาวเลยครับ ปกติไม่ได้เยอะขนาดนี้สงสัยวันแรกต้องเผื่อ
“ขอบคุณครับ ฟอดด รักแม่จังเลย” ผมยกมือไหว้รับมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเข้าไปกอดแม่แน่นๆแถมหอมให้อีกที เรียกสายตาเขียวๆจากพ่อได้ไม่ยากเลยรีบผละจากแม่ไปกอดพ่อบ้าง
“ผมก็รักพ่อนะครับ”
“หึ...ไปๆ มากงมากอดอะไร น่าขนลุกจริงๆ” พ่อผลักหัวผมจนหงายเงิบแต่แอบเห็นนะครับ หูพ่อแดงๆฮันแน่ เขินที่ลูกบอกรักละสิ แม่ขำคิกคักพากันควงออกไปทำงานผมโบกมือลาปิดรั้วบ้านให้คนทั้งสองก่อนเดินกลับมาในบ้าน
ฐานะทางบ้านผมไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่ารวย หรือ มหาเศรษฐี จะเรียกว่ากลางๆก็ได้มั้ง แค่อยากได้อะไรถ้าไม่ไร้สาระ หรือ ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ก็สามารถซื้อให้ได้ ผมกับแสนถูกสอนให้รู้คุณค่าเงินแม้จะมีเยอะแต่ก็ใช่ว่าจะใช้เละเทะได้ ดังนั้นต่อจากนี้ถ้าจะเห็นผมงกบ้าง ก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ.... กร๊ากก
ผมเดินผิวปากเข้าไปในครัวมองหม้อข้าวต้มกุ้งแล้วน้ำลายจะไหลรีบตักออกมานั่งโซ้ยกินทั้งเปิดทีวีไปด้วยซักพักได้ยินเสียงปิดประตูจากชั้นบน เลยเหลือบไปมองนาฬิกาเพิ่งเจ็ดโมง
“ทำไมตื่นไม่เรียก” คนที่มีใบหน้าเหมือนผมอย่างกับแกะงี้คือแฝดน้องของผมเองครับ แสนสอง
“ก็มันยังเช้าอยู่ แล้วไมมึงไม่ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนลงมาวะ” แล้วดูมันใส่ชุดนอนลงมา กางเกงขายาวผ้าฝ้ายตัวเดียว ท่อนบนเปลือยโชว์แพคอ่อนๆ แม่ง เห็นแล้วอิจฉา
รูปร่างของเราสองคนไม่ได้แตกต่างกันเลย สูงโปร่งบางพอๆกันแต่มันกลับมีกล้ามเนื้อและมีซิกแพค ในขณะที่ผมแบนราบไปเสียเฉยๆ พยายามแล้วนะครับ... แต่มันไม่ขึ้น กูอิจฉาโว้ยยย
“ตื่นแล้วไม่เห็นเลยลงมาดู นั่นข้าวต้ม?” มันเดินมาดูถ้วยข้าวผมที่พร่องไปจนจะหมดแล้ว
“เออ ข้าวต้มกุ้งแม่ทำไว้ไปอาบน้ำแต่งตัวดิ” เห็นมันพยักหน้ารับเดินกลับขึ้นไปแล้วผมก็ก้มลงกินต่อจนหมดมันก็ลงมาพอดี
“แม่บอกให้กูเก็บเงินไว้ให้” ผมปดมันคำโตเผื่อมันเชื่อครับจะได้ฮุบแม่งเลย แสนมันไม่ได้พูดอะไรแต่จ้องหน้าผมเงียบๆ เหมือนโดนแม่งกดดันยังไงบอกไม่ถูก มือมันก็คนข้าวต้มให้หายร้อนแต่ตานี่ไม่ละจากผมเลย เออ กูยอมก็ได้
“จิ๊ เอาไปเลย” พอผมหยิบให้มันก็รับไปใส่กระเป๋าสตางค์ตัวเองทั้งยังส่งเสียงที่ชวนเอาเท้าฟาดปากมาให้อีก!
“หึ”
“หึพ่อง” มันไม่เถียงกลับนั่งกินข้าวต้มแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว มีผมนี่ละที่ฮึดฮัดเดินเอาถ้วยไปเก็บไว้ในอ่างล้างจาน
“ล้างให้ด้วย” บอกมันก่อนเดินมานั่งเล่นแมวตัวอ้วนสีเทาอ่อนที่โซฟา มันไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมานั่นหมายความว่ามันตกลง
ไอ้แสนมันกลัวพิรุณจะร่วงออกจากปากมันเลยไม่ค่อยพูด กับคนอื่นยิ่งหนัก เพื่อนบอกว่า บรรยากาศรอบตัวผมกับมันจะต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด แต่สาวๆกลับเข้าหามันเยอะจนผมอิจฉา! หรือเพราะมันมีไฝเสน่ห์ใต้ตานั่นก็ไม่รู้
เสียงก๊องแก๊งของถ้วยชามกระทบกันดังไม่นานเจ้าตัวก็เดินออกมาพร้อมกับมือเปียกๆ ผมเหล่มองกำลังจะเปิดปากบ่นว่าทำไมไม่เช็ด มันก็เอามือของมันทั้งเปียกๆมาจับขยี้หัวผมจนที่เซทไว้เละเทะไม่เป็นท่า
“ไอ้แสน!”
“มันทุเรศ ไม่ต้องทำ” มันพูดนิ่งๆตามสไตล์มันไม่สนว่าผมจะช็อคกับคำพูดมันแค่ไหน แรงแม่งก็เยอะปัดหนีมันยังไม่ขยับขยี้จนมันพอใจ มันก็ถอยไปเอง
“ว่ากูทุเรศมึงก็เหมือนกันละ! หน้าเหมือนกันยังจะมาว่ากูอีก” ผมมุ่ยหน้าเสยผมตัวเองขึ้นลวกๆ จะว่าไปตั้งแต่จบม.ปลายมาพวกผมสองคนก็รีบไว้ผมหาน้ำยามาเร่งกันแบบอย่างเต็มที่ ผมด้านหน้ายาวปิดหน้าปิดตาไปหน่อยผมเลยใส่เจลเพื่อปัดขึ้น แต่มันมาทำพังหมดเลย!
“ไปยัง?” ไอ้ที่ว่าไปเมื่อกี้อย่าคิดว่ามันจะสะทกสะท้าน กลับจัดเสื้อผ้าให้ผิดระเบียบโดยไม่สนใจตาขวางๆของผมเลยต่างหาก!
“กูจะขี่” ผมเปิดลิ้นชักคว้ากุญแจมอเตอร์ไซด์มากำไว้แน่น
“มันไกล” ใช่ครับ มหาลัยไกลจากตัวบ้านแต่ผมอยากขี่เองนี่
“จะขี่”
“มึงขับไม่แข็ง” ใครว่าไม่แข็งวะ ก็...แข็งนะ ล้มไปแค่สามสี่ครั้งเอง! ผมเถียงกลับในใจแต่เมื่อมันมองนิ่งขนาดนี้ดูท่าแล้วคงจะไม่ขยับตัวแน่ๆถ้ายื่นกุญแจไปให้
“แม่งงง” ปากุญแจใส่หัวมันพร้อมโวยวายเดินไปรอที่นินจาคันสีดำสนิท ปล่อยให้มันเดินเช็คความเรียบร้อยรอบบ้านคนเดียว ไม่ช่วยแม่งหรอก รอไม่นานมันก็เดินมาพร้อมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบมาส่งให้ ของมันใส่เรียบร้อยแล้ว
“ไปเปิดประตู”
“กูรู้หรอกกกกก” ผมเปิดกระจกแหกปากใส่มันแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน ไอ้แสนติดเครื่องขี่ออกมาด้านนอกรอผมปิดรั้วสนิท หันมาเห็นมันก็ทำปากขมุบขมิบใส่พร้อมปีนขึ้นไปนั่งขยับเบียดๆจนมันหันมามองหน้า
“เล่นเป็นเด็กไปได้” มันปิดกระจกผมตามด้วยของตัวเองส่ายหัวน้อยๆบิดเครื่องออกตัว ผมเกือบคว้าเอวมันไม่ทันได้แต่ชกไหล่มันไม่แรงนักกลัวมันพาล้มไม่ใช่ไร แต่เมื่อกี้เหมือนเห็นตามันไหวระริกอยู่ครู่นึง มันสะกิดใจแบบประหลาดๆ
ไม่เข้าใจ..
ไม่เข้าใจจริงๆ
ไม่เข้าใจมึงจริงๆ ว่าจะรีบตายไปไหน ไอ้แฝดเชี้ยยยย
เรื่องที่สงสัยเมื่อกี้แม่งกระเจิงไปกับลมหมดแล้วโว้ยยยยย ไว้ค่อยคิดแล้วกันล็อคแม่งไว้ก่อนเดี๋ยวร่วงงงงงงงง อ่วง อ่วง อ่วง ~
(จบ สองแสน - หนึ่ง : เช้าที่สดใส)
ดาวเสาร์
-
ติดตามค่ะ
-
วรั้ยยยย แนวแฝดดดด :katai2-1:
-
:impress2: ชอบแนวนี้มากกกกค่ะ..ขออย่ามาม่านะค่ะ...คนอ่านใจบางมากกก....ตามมมมค่ะ :mew1:
-
‘Our love is twin…’
( สองแสน - สอง : หูแว่ว )
ในที่สุดก็มาถึงมหาลัยโดยสวัสดิภาพ ผมลงจากมอเตอร์ไซด์ที่หน้าคณะ ลองทายสิว่าผมเรียนคณะอะไร
ติ๊กต่อก
ติ๊กต่อก
“ยืนทำหน้าโง่ทำไม” ผมหันขวับไปหาเจ้าของเสียง ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นแฝดน้องกูนะแสน พ่อจะเตะก้านคอให้ล้มไปทั้งรถนั่นละ
“มึงจะไปไหนก็ไปปะ” ด้วยความขี้เกียจจะด่ามัน (เถียงไปก็แพ้) เลยไล่ให้มันไปจอดรถ พวกเราเรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขา ผมเรียนตกแต่งภายใน แสนเรียนสถาปัตย์ เราเคยคุยกันครั้งนึงตอนม.4 แสนเป็นคนสร้าง ผมจะเป็นคนตกแต่ง
บ้านในฝัน
บ้านที่จะสร้างขึ้นให้กับพ่อและแม่ของเรา
ความฝันร่วมกัน
“นั่น...สองหรือแสนนะ” ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเดินเข้ามาทัก แต่บอกตามตรงว่ายังจำไม่ได้ว่าใคร.... เราน่าจะรู้จักกันตอนวันปฐมนิเทศ
“สองครับ แสนไปจอดรถน่ะ” อีกฝ่ายยิ้มพยักหน้ารับ
“กินอะไรมายัง เรามีขนมเอาไหม?” เธอเปิดกระเป๋าย่าม... ครับ ย่าม เพิ่งเห็นชัดๆนี่ละ แถมเสื้อยังตัวหลวมโครกติดกระดุมยันคอ โคตรแนวอะ!
“หนมไรอะ เอามากินมั่งดิ” เพื่อรับสัมพันธไมตรีจากเพื่อนเราห้ามปฏิเสธครับ ไม่ได้ตะกละเลยซักนิดเดียว
คุณรู้ไหมว่าเธอ...ล้วงอะไรออกมาจากกระเป๋า...
กาละแม... อ่านกันไม่ผิดหรอก!
กาละแมนั่นละ! ผมไม่คิดว่าจะมีคนพกขนมแบบนี้มากิน ไม่ใช่ว่าแอนตี้แต่แปลกใจโคตรๆ โคตรติสอะ! พอเธอยื่นมาผมก็หยิบมาแกะกินไม่ให้เพื่อนเสียใจ เหนียวจนฟัน...จะหลุด สาดดดด
“อ้าวแสน หวัดดีๆ” ไอ้แสนที่เพิ่งเดินมาขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า สงสัยมันจะนึกออกว่าเธอคนนี้คือใคร พอมันนั่งปุ๊บผมก็กระซิบถามทันที
“ใครวะแสน”
“มิ้นท์” อ๋ออออออ กูจำไม่ได้อะ และเหมือนคนข้างๆจะรู้ มันถอนหายใจใส่หน้าผมดังพรืด โห... ไอ้เชี้ย ไม่สั่งขี้มูกใส่กูเลยอะ เลยชกที่ไหล่มันเน้นๆ
อย่าคิดครับ
อย่าคิดว่ากูจะรอด
ป๊าบ!!!
“ไอ้แสน! มือหรือตีนวะแม่ง ไอ้ฟักแฟงแตงโมไชโยโฮ่หิ้ว เหี้ย!!” หลังแอ่นครับบอกเลยนาทีนี้ ไม่ต้องพูดไรมากน้ำตากูแทบเล็ด
“สำออย” ด่ากูสำออยแล้วมาลูบหลังกูทำไมอะ แม่ง ไม่หายโกรธครับบอกเลย ผมทำหน้าหงิกไม่สนใจมัน หันมาคุยกับมิ้นท์แทน มิ้นท์ดูไม่แปลกใจที่เห็นพวกเราเล่นกันแรงเท่าไหร่ ไม่สิ... เอาจริงๆยัยนี่ไม่ได้สนอะไรนอกจากการแกะกาละแมเข้าปากจนห่อพลาสติกกองเต็มโต๊ะนั่นละ!!
พอคุยกันได้ไม่นานก็ต้องแยกย้ายครับเพราะถึงเวลาเรียนแล้ว ไอ้แสนยังยืนมึนอยู่ข้างผมไม่ยอมเดิน จนต้องหันไปมองแล้วเลิกคิ้ว ทำหน้าเหมือนอยากพูดอะไรแต่ไม่พูดอยู่นั่นละ
“ตั้งใจเรียน” หลังจากที่มันอึกอักอยู่พักนึงก็พูดออกมา ผมพยักหน้ารับทั้งยังแปลกใจนั่นละมันมองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะเดินแยกออกไป
“ดูแสนจะห่วงมึงนะ” หลักจากพูดคุยกันมาซักยี่สิบนาที สรรพนามการเรียกเปลี่ยนครับ แต่แบบนี้ก็ดีมันทำให้สนิทกันดี
“ห่วงอะไร มันน่าห่วงมากกว่าอีก” พอผมพูดจบมิ้นท์ก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้องไป ทำไมวะ? ผมมันน่าห่วงตรงไหน ถึงจะดูบางไปหน่อยแต่กูก็ผู้ชายนะเว้ย ใครรังแกไม่ได้แน่นอน!
เพราะวันนี้เป็นวันแรกสิ่งที่อาจารย์พูดส่วนใหญ่เป็นการแนะแนววิชามากกว่า ผมกับมิ้นท์จดมั่งไม่จดมั่งคุยกันบ้าง จนได้รู้ว่ามันเป็นเด็กศิลป์ของจริง อิทธิพลความติสมันมาจากคนในครอบครัว แม่มันเป็นมัณฑนากร พ่อมันเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง ผมไม่ค่อยรู้จักหรอกเพราะไม่ได้เดินมาแนวนี้แต่แรก แต่หลังจากเปิดค้นชื่อพ่อมันตามที่มันบอกก็เจอ ยิ่งข่าวล่าสุดรูปวาดอะไรวะขายได้เป็นล้าน!!
“วันนี้พอแค่นี้ นักศึกษาอย่าลืมไปซื้อชีทสำหรับการเรียนครั้งหน้าที่ร้านถ่ายเอกสารด้วยนะครับ ถ้าครั้งหน้าผมเห็นว่าใครยังไม่มีผมหักคะแนนะ” อาจารย์จบคลาสด้วยประโยคข่มขู่ก่อนจะเดินออกไป ทำเอาพวกผมส่งเสียงโห่ออกมาเบาๆ
“เรียนอีกทีตั้งเที่ยง เอาไงไปไหนดี?” เออ...ไปไหนดีวะ นี่เพิ่งสิบโมงเอง ยังไม่ทันตอบว่าจะไปไหนเสียงซุบซิบก็ดังที่หน้าประตู บางคนที่ยังกำลังจะเดินผ่านผมก็หันมามองหน้าเหมือนตกใจ
อะไรวะ? พอหันไปมองต้นเสียงก็อ๋อทันที ไอ้แสนมันมายืนเก๊กอยู่นี่เอง พวกผมนี่เหมือนของแปลก เจอแบบนี้มาตั้งแต่เด็กยันโตเป็นที่จับตามองทุกครั้งที่เดินด้วยกัน ยิ่งหน้าตาหล่อๆแบบพวกผมด้วยนะ
แหม..เขินจัง (?) ผมเก็บของยัดใส่กระเป๋าจนเสร็จก็เดินไปหาพร้อมจูงยัยมิ้นท์ไปด้วย
“เสร็จแล้วหรอวะ” รู้สึกไปเองหรือเปล่าวะเหมือนมันปล่อยรังสีทะมึนออกมาแปลกๆ ไอ้แสนมองที่มือผมก่อนจะเงยหน้ามามองผม มันขี้ไม่ออกหรือยังไง แล้วดู ดูทำ จ้องมิ้นท์มันเขม็งเลย
ผมปล่อยมือจากแขนมิ้นท์ตีเข้าหน้าผากมัน ไม่รอให้มันทำร้ายร่างกายกลับหรอกรีบรวบมือมันไว้ก่อน กูเห็นนะว่ามึงจะยิ้มอะ ไอ้ขี้เก๊ก!
“ไปดูหนังกันเถอะ” มิ้นท์ที่เหมือนเงียบไปนานเงยหน้ามาจากมือถือ ผมรีบพยักหน้ารับทันทีจำได้ว่าเมื่อเช้าดูทีวีเหมือนจะเห็นไตเติ้ลหนังอยู่หลายเรื่อง น่าดูทั้งนั้น
“มึงโอเคไหมแสน”
“ปฏิเสธได้หรอ?” มันเลิกคิ้วถามกลับมา เออจริง ไม่ได้อยู่แล้วเพราะผมตัดสินใจแล้ว เรียกว่าเผด็จการครับ ฮ่าๆ และที่สำคัญนะ
“เลี้ยงกูด้วย....” ถึงเงินจะได้เท่ากันแต่กูจะเก็บเว้ย ตอนนี้ผมมีแผนอยากไปเที่ยงญี่ปุ่นครับเลยต้องเก็บเงินหนักมาก ไม่มีใครในบ้านรู้แม้กระทั่งไอ้ฝาแฝด ถึงจะนอนห้องเดียวกันแต่กระปุกเงินผมซ่อนอย่างมิดชิด ผมมั่นใจ!
“เออ แสน เลี้ยงเราด้วย โอเค ตกลง ขอบใจมากวะเพื่อน” มีใครเคยบอกยัยนี่ไหมครับว่าโคตรขี้ตู่เลย แสนไม่ได้ปฏิเสธออกมานั่นแสดงว่ามันตอบรับอีกเช่นเคย มันล้วงเอาแบงค์ที่ผมแบ่งให้เมื่อเช้าออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ผม
“เก็บไว้เลย” ผมตาวาวสิครับ... งานนี้ฟรีทั้งงาน!!! รีบตะครุบยัดใส่กระเป๋าเสื้อแล้วยิ้มเผลจนไอ้แสนมันหมั่นไส้มั้ง ผลักหัวผมซะเกือบหน้าทิ่ม
“ไอ้แสน!”
“แล้วไปยังไง” มีเมินผมไปถามมิ้นท์ด้วยนะครับ ทุกทีเลยถ้าตีแม่งเดี๋ยวแม่งก็ตีกลับ นี่มึงแฝดกูจริงปะเนี่ย!
“เอารถมา จอดอยู่นั่น” มองตามนิ้วมันแล้วเจออะไรรู้ไหมครับ ฮอนด้าแจ๊สสีเขียวมะนาว! เอาเข้! แค่เห็นสีกูก็เข็ดฟันแล้วเนี่ย ปี๊ดเลย
“ทำไมชอบทำหน้าโง่”
“กวนตีนละแสน”
“กวนใจด้วยไหม”
หือ? ว่าไงนะ?
ผมหันขวับไปมองมันทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่หน้ามันไม่แสดงอารมณ์อะไรแล้วมันเพิ่งหันมามองผมพร้อมเลิกคิ้วเหมือนสงสัย
“ไม่มีไรๆ หูกูแว่ว” แว่วแบบแปลกๆด้วย
เชี้ย... งง มึน ผมเดินเกาหัวไปถึงรถของมิ้นท์อะ
การจราจรตอนนี้ไม่ติดขัดอะไรครับโล่ง โคตรโล่ง ห้างเพิ่งเปิดด้วยซ้ำ พวกผมพากันไปดูรอบหนัง คือรอบเร็วสุดของเรื่องที่อยากดูก็ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่งกลับไปเรียนไม่ทันแน่ เสียใจวะ ไอ้แสนอุส่าเลี้ยง
“เอาไงดีอะ” ผมถามมิ้นท์กับแสน แสนมันไม่ตอบและหันไปมองมิ้นท์ นั่นแสดงว่าให้มิ้นท์ตัดสินใจ
“เขาดินไหม?” หือ... เอาจริงดิ? เหมือนมิ้นท์จะรู้ความคิดผมพยักหน้ารับแถมยักคิ้วอีกต่างหาก โห... พูดถึงเขาดินนานมากๆเลยนะที่ไม่ได้ไป เรียกว่าตั้งแต่ตอนประธมแล้วได้ไปทัศนศึกษาเลยดีกว่า
ไม่รู้จะเปลี่ยนไปนานแค่ไหนแล้วนะ ตื่นเต้นว่ะ!!
“งั้นไปกันเลย!”
( จบสองแสน – สอง : หูแว่ว? )
---------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามกันจ้า ตอนแรกกลัวจะไม่มีคนอ่านแต่พอเห็นคอมเมนต์ก็ชื่นใจขึ้นมาทันที
ตอนนี้สั้นไปหน่อยและยังไม่ค่อยมีน้ำมีเนื้ออะไร ยังไงอย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ
พบกับตอนต่อไปพรุ่งนี้นะคะ!! :katai4:
ดาวเสาร์.
-
ตามจ้า สนุกดี
-
มาแล้วจ้าๆ ดึกไปนิดนึงเนอะแต่มาอัพแล้วละ!! :katai4:
---------------------------------------------------------------
‘Our love is twin…’
( สองแสน - สามจุดหนึ่ง : งานเข้า )
พลั๊ก! ตุ้บ!
“โอ้ย!”
“ต่อยกูหรอ!”
ปั่กๆ
ไม่ต้องสงสัยไปครับว่าเกิดอะไรขึ้น คือด้วยความที่เป็นพลเมืองดีของสังคมที่หน้าตาหล่อเหลา พอเห็นว่าเจอคนโดนรุมอยู่ก็กระโจนใส่เข้าไปแบบไม่คิดชีวิต ... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ที่โดนกระทืบอยู่นี่เป็นใคร ฝ่ายไหนผิด แต่ยุทธวิธีหมาหมู่นี่เป็นอะไรที่ผมโคตรจะไม่ชอบเลย
พลั๊ก! เต็มๆ ...
หมายถึงหน้ากูเต็มๆ มึนไปครู่เห็นดาวลอยวิ้งๆเต็มไปหมด แต่แค่นี้ทำอะไรไอ้สองไม่ได้หรอกโว้ย!!
“มึง!!” ผมประเคนทั้งหมัด ทั้งเข่า ทั้งศอกใส่แม่งไม่ยั้งแรง เลือดขึ้นหน้าเมื่อปากตัวเองแตก
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
“ทำอะไรกันน่ะ!!” ฉิบหายครับ ยามมา พวกที่มารุมพวกผมสองคนพากันกระเสือกกระสนหนีไปหมด ส่วนผมต้องลากคอไอ้ที่นอนเป็นผักเหี่ยวบนพื้นมาหลบให้พ้นรัศมียาม
โดนจับได้ชีวิตมหาลัยผมไม่สวยแน่ๆ เพิ่งมาเรียนได้อาทิตย์เดียวมีเรื่องแบบนี้ ตายๆ อ้อ! พวกคุณอาจจะตามกันไม่ทัน หลังจากเขาดินก็ไม่มีอะไรพิเศษครับ ตื่นเช้ามาเรียน ลับฝีปากกับไอ้แสนเป็นเรื่องปกติ จนครบอาทิตย์แล้ว
“เฮ้ยมึง เป็นไงบ้างวะ” ผมใช้เท้าสะกิดขามันยิกๆ อย่าตายนะเว้ย จะว่าไปก็เจ็บปากวะ ท้องด้วย พวกนั้นแรงโคตรเยอะ อูย...
“ยัง..แค่ก...ยังไม่ตาย” สภาพมันสะบักสะบอมพอสมควร สงสัยจะโดนยำมาซักพักแล้วละแต่ผมเพิ่งมาเห็นไง
“หายเมื่อไหร่อย่าลืมหาของมาเซ่นกูด้วยละ เจ็บฉิบหาย!” ผมบอกมันก่อนจะชะโงกออกไปมองรอบนอกพอไม่เห็นยามก็เตรียมเผ่นแล้วครับแต่ว่า
หมับ
มึงจับกางเกงกูไว้ทำม้ายยยยย
“ช่วยกูก่อน อูย” ผมก้มลงมองมัน มันล้วงหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาให้
“โทรตาม ซี๊ด...เพื่อนกูที ใครก็ได้ อูย.. ที่เมมไว้ว่าไอ้” ด้วยความเวทนาผมเลยสไลด์ปลดล็อคเครื่องมันค้นหาเบอร์เพื่อนให้...
ที่เมมว่าไอ้งั้นหรอ...
แต่มึง...
มึงเมมว่าไอ้ทุกอันเลยไอ้เชี้ยยยยยย มีตั้งแต่ ไอ้ 1 ยันถึง ไอ้ 20 ผมนี่แทบปาโทรศัพท์อัดหน้ามันซ้ำอีกรอบ จำใจกดไปที่ซักไอ้หนึ่งด้วยความสงสาร
“โหล ซี๊ด...กูไม่ว่าง อาห์.. ค่อยคุยกันนะ รัดพี่แน่นๆเลยค่ะคนดี อืม..แบบนั้น” ผมนี่ถึงกับหน้าเหวอ มึงไม่ว่างมึงก็ไม่ต้องรับก็ได้ไหมละไอ้ฟักกกก
“แม่ง” สบถออกมาเบาๆก็โทรไปที่อีกไอ้นึง
“เออโหล ว่าไง” ทันทีที่อีกฝ่ายรับผมก็รีบกรอกเสียงลงไปทันที
“เจ้าของโทรศัพท์มันโดนยำตีนนอนเป็นผักเน่าตายอยู่ข้างตึกอักษร กูเป็นพลเมืองดีที่หน้าตาดีจิตใจดีช่วยเหลือแม่งไว้ ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบมาหาแม่งด้วย เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน สวัสดี”
“ไอ้..เหี้ย ฮ่า ฮ่า อูย” มันมองผมทั้งตาปูดบวมไม่วายจะหัวเราะ มึงขำอะไร กูเล่นตลกให้ดูหรอ ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับได้แต่เลิกคิ้วแล้วโยนโทรศัพท์มันลงตรงท้องนั่นละ
“โอ้ย!”
“กูไปละ” ผมไม่ได้สนใจเสียงร้องแม่งหรอกรีบเดินออกมาก่อนจะมีความรู้สึกว่า.. ความซวยของตัวเองจะไม่หมดแค่นี้
ก็เมื่อ... ผมเดินมาถึงมอไซด์คันเก่ง ไอ้แสนนั่งพิงต้นไม้เล่นเกมส์อยู่ข้างๆ เอาไงดีวะ หันหน้าคุยหรือหันตูดคุยกับมันดี
คือ... จะว่าไงดีละ..
ตอนแรกไม่ได้เห็นหน้าตัวเองครับ หลังจากแยกตัวออกมาจากไอ้นั่น ผมก็เดินไปห้องน้ำกะจะล้างหน้าล้างตาหน่อย พอเห็นกระจกเท่านั้นละ... ด้วยความที่เป็นคนขาว ซีกหน้าข้างซ้ายตอนนี้แดงมากและคงช้ำเขียวในเวลาต่อมา ปากแตก หางคิ้วปูดขึ้นมาหน่อยๆพอเอามือจับแทบร้องจ๊าก สำรวจใบหน้าจนพอใจก็เปิดท้องตัวเองดูแดงอย่างที่คิด และคิดว่าตามไหล่และหลังด้วยเช่นกัน ...
เห็นลางหายนะมาไกลๆเลยครับ
และเมื่อแฝดน้องผู้เหี้ยมโหดเงยหน้ามาจากมือถือ... ตาคมของมันเบิกกว้างนัยน์ตาระริกเพียงครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ... ออร่าทะมึนมาแล้วมึงไอ้สอง
“ใคร” น้ำเสียงกดต่ำของมันทำให้บรรยากาศแย่ลงกว่าเดิม ผมพยายามจะยิ้มแห้งๆส่งให้แต่ต้องร้องซี๊ดขึ้นมันแทน ลืมไปว่าเจ็บปาก! และนั่นทำให้ตามันวาวโรจน์มากกว่าเดิม
“คือ..คือกูไปเสือกเรื่องของเขาเอง” คำตอบยิ่งทำให้ตามันน่ากลัวกว่าเดิมอีก ครอบครัวของผมตากลมโตและคมกันทุกคน อาจเพราะมีเชื้อสายทางภาคใต้มาหน่อยๆจากทวด ขอบตาราวกับมีดินสอสีดำเขียนไว้เลย เพราะแบบนั้นเมื่อเวลาตีหน้านิ่งหรือทำหน้าแบบมันน่ะ...โคตรจะดุเลย
“ใคร” จะว่าไงดีละ... คือแบบ
“กูไม่รู้” ตามนั้นเลยครับ... ไม่รู้เลยว่าแม่งเป็นใคร โอ้ยทำไมกูไม่ถามแม่งวะ แล้วของเซ่นจะได้จากมันหรอ แต่เอ๊ะ มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นปะวะ
“แม่งเอ้ย!!” ผมสะดุ้งเฮือก ไม่เคยเห็นไอ้แสนโวยวายด้วยความดุดันขนาดนี้มาก่อน มันขยี้หัวตัวเองเม้มปากหันมามองผมเขม็ง ชั่วครู่เหมือนเห็นแววตาของคนที่เสียใจ... เจ็บปวด แต่พอกระพริบตาอีกหนมันก็หายไปแล้ว
สงสัยกูเมาหมัดแม่งละมั้ง ตอนนี้เริ่มรู้สึกปวดตุ๊บๆขึ้นทุกทีแล้วด้วย
“ไอ้แสน..” เหมือนมันจะรู้คว้าหมวกกันน็อคที่เก็บไว้ใต้เบาะออกมาใส่ให้ผม แล้วคร่อมรถสตาร์ทรอแบบไม่พูดไม่จา ผมทำหน้าเบ้ตอนที่ปีนขึ้นรถ โคตรเจ็บ!!
แสนมันบิดรถด้วยความเร็วแต่ไม่มากนักเพระตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานเลิกเรียน รถติดถึงจะเป็นมอไซด์ก็ไปยากเหมือนกันนะครับ และผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธของมัน ครั้งล่าสุดที่มันโกรธเมื่อไหร่กันนะ ...
ผมมองสองข้างทางที่เปลี่ยนไปแบบไม่คุ้นชินก่อนรถจะชะลอที่หน้าตึกแถวหลังหนึ่ง
‘คลินิกนายแพทย์ .... ’ ผมลงจากมอไซด์ด้วยความยากลำบากถอดหมวกกันน็อคส่งให้ไอ้แสนที่ไม่พูดไม่จา
มันเดินนำเข้าไปด้านในโดยไม่มองหน้าผม เจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ทำหน้าตกใจ ด้วยความที่ไม่มีลูกค้าคนอื่นผมจึงถูกพาไปทำแผลได้ทันที
“มีจุดไหนบ้างคะ” หมอถามขึ้นระหว่างกำลังทำทำแผลบนหน้าผม ผมเหลือบไปมองไอ้แสนที่ยืนดูอยู่แล้วรีบหลุบตา ถอดเสื้อตัวเองออก
“ตายๆ ทำไมถึงไปมีเรื่องได้ละคะเนี่ย พรุ่งนี้จะต้องปวดมากแน่ๆ” หมอครับผมยังไม่ตาย... แต่อาจจะตายเพราะไอ้คนข้างๆนี่ละครับ ผมไม่ได้ตอบอะไรหมอออกไปแต่ไอ้แสนเดินพรวดพราดออกจากห้องทำแผลไปเรียบร้อยแล้ว
ทำไงดีละ... โชคดีมากๆที่พ่อกับแม่ไปสมนาต่างจังหวัด อีกสามวันถึงจะกลับ... แต่ไอ้คนที่อยู่ด้วยเขาควรทำไงดีละ..
“เรียบร้อยแล้วค่ะ หมอจะสั่งยาแก้ปวด กับลดไข้ไปให้ด้วยนะคะ ทานยาจนกว่าจะหมดนะคะแล้วก็ทำแผลทุกวันกันการติดเชื้อ ยาแก้พกช้ำนี่ถ้าหมดหาซื้อที่ร้านขายยาได้เลยนะคะ” ผมตอบรับหมอครับๆแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดินออกมาด้านนอกเพื่อรอยาไม่เจอไอ้แสน พอมองออกไปด้านนอกพบมันยืนพ่นควันอยู่ข้างรถ
มันสูบด้วยหรอ ? ไม่รู้มาก่อนเลย
โคตรแบดอะแฝดน้องของผม ฮะ ฮะ ฮะ.... โอเคมันไม่ใช่เวลามาตลก..
และผมก็ขำไม่ออก..
เริ่มรู้สึกอยากร้องไห้แทนแล้วละ...
( จบสองแสน – สามจุดหนึ่ง : งานเข้า )
-------------------------------------------------
สองแสนจะทำยังไงต่อไปดีนะ น่าสงสาร ทูนหัวของบ่าววววว
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยขอรับบบ
ดาวเสาร์.
-
o13 มีความเป็นห่วง(+แอบหวง) :hao3:
-
‘Our love is twin…’
( สองแสน – สามจุดสองจบตอน: งานเข้า )
ทันที่มาถึงบ้านไอ้แสนยังคงไม่พูดอะไรออกมาซักคำ มันเดินดุ่มๆขึ้นห้องไปเลย มีแต่ผมนี่ละที่ยืนเคว้งกลางบ้านไม่รู้จะทำไงดี อยากขึ้นไปนอนเหมือนกันแต่ว่า..โดนโกรธอยู่อะ ทำไรไม่ได้ นอนแม่งโซฟานี่ละ
“โอย...” ผมร้องโอดโอยออกมาเบาๆตอนที่เผลอทิ้งตัวลงนอนแรงไปหน่อย จะว่าไปกูนี่ ไม่เจียมสังขารเลยวะ
เฮ้อ... ของีบก่อนแล้วกัน โคตรเหนื่อยเลย..
ไม่รู้ว่าตัวเองนอนไปนานแค่ไหนแต่ตอนนี้ลืมตาไม่ขึ้นทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว เจ็บคอ ปวดหัว ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความทรมาน
“นอนเฉยๆ” เสียงของไอ้แสนทำให้ผมต้องปรือตาขึ้นมามอง อยากจะถามว่าหายโกรธแล้วหรอแต่รู้สึกขยับปากลำบากโคตรๆเลย
สัมผัสเปียกชื้นตามแขนขาทำให้รู้ว่ามันกำลังเช็ดตัวผมอยู่ บริเวณที่ช้ำมันเพียงซับเบาๆไม่ลากถูเหมือนที่อื่น ผมลอบมองหน้ามัน เห็นทำหน้าเหมือนเจ็บเอง อยากจะยิ้มแล้วล้อมันอยู่หรอกแต่เดี้ยงอยู่ก็ต้องนอนง่อยต่อไป..
“กินยา” ยาถูกดันใส่ปากตามด้วยน้ำ ตอนกลืนนี่ละที่เจ็บสุดๆไปเลย และผมคงแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนสินะ มันถึงได้ทำหน้าแปลกๆใส่แบบนั้น
ผมไล่สายตาไปตามโครงหน้าของมัน คิ้วเข้มโค้งแต่พอดีรับเข้ากับตาคม ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่าหน้าเหมือนกันแท้ๆ แต่หลายครั้งเช่นครั้งนี้...ที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าเราเหมือนกันเลย มันหล่อ..ไม่ได้จะอวยตัวเองอะไรหรอก แต่มันหล่อในแบบของมัน ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆใต้ตานั้นยิ่งเสริมเสน่ห์ของมันเข้าไปอีก
มองลงมาถึงจมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากไม่เชิงบางแต่ก็ไม่หนา เขาเรียกว่าอะไรนะ.. กระจับใช่ไหม.. นั่นละ ก็เริ่มง่วงขึ้นทีละนิดภาพของมันก็ค่อยๆพร่าเลือน ผมค่อยๆปิดเปลือกตาลง
รู้สึกอุ่นวาบบนหน้าผาก ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนักสติก็หลุดลอยไป
ตลอดสองวันมานั้นผมไม่ได้ไปเรียน การรู้สึกตัวในแต่ละช่วงจะเป็นเวลาที่ทรมานสำหรับผม เพราะความเจ็บปวดและความรู้สึกสบายตามตัว ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาจะเห็นว่าไอ้แสนไม่ได้ไปไหน นั่งอยู่ข้างๆนั่นละ ถ้ามันไม่อ่านอะไรอยู่ ก็กำลังเช็ดตัวผมอยู่ ความห่วงใยและเป็นห่วงถูกถ่ายทอดมาไม่ขาด
นั่นทำให้ผมหายไวขึ้น..
“ฮึบ!” ผมดีดตัวลุกจากที่นอนหลังจากนอนซมไปหลายวัน ไอ้แสนที่เดินออกจากห้องน้ำเห็นผมนั่งก็นิ่งไปครู่ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
อ้าว มันเป็นอะไรวะ? หลายๆวันมานี่ยังดีๆอยู่เลย แหม่ เป็นห่วงพี่ชายคนนี้ละสิ!
“อาบน้ำก่อนดีกว่า” ถึงจะถูกเช็ดตัวอยู่ตลอดแต่ว่ามันก็ไม่สบายตัวเหมือนอาบน้ำ ผมรีบลุกจากที่นอนรู้สึกขัดๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่เจ็บแล้วละ คว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ที่หูจับตู้เสื้อผ้า เตรียมตัวจะถอดเสื้อแต่ประตูห้องก็เปิดอีกรอบ
“ห้ามอาบ” เอ๊ะ ไอ้นี่อยู่ดีๆมาบอกห้ามอาบ ผมหันไปขมวดคิ้วใส่มัน
“อะไรมึงแสน”
“เดี๋ยวไข้กลับ” อ้าวหรอ ผมยืนชั่งใจอยู่ครู่ก็ติดกระดุมชุดนอนกลับไปเหมือนเดิมแล้วหันไปยิ้มล้อเลียนใส่ไอ้แสน
“เป็นห่วงกูละสิ หึหึ น้องแสนจ๋า มามะ มาให้พี่กอดที”
ปัง!
“จมูกกูเกือบหายไปแล้วแม่ง ไอ้แสนนนน” ช่วงจังหวะที่ผมเดินไปหามันที่ประตู มันปิดประตูเฉียดจมูกผมไปแค่เซ็นต์เดียว หวิดจมูกหลุดสุดๆ มึงจะเขินรุนแรงแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยแสน!!
แต่ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ เดินผิวปากลงมาด้านล่างหลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ กลิ่นข้าวต้มหอมๆลอยมาแต่ไกล ผมทำจมูกฟุดฟิดเดินเข้าไปในครัว
“หอมอะ” แค่ได้กลิ่นน้ำย่อยในกระเพาะก็ส่งเสียงโครกคราก รีบหันซ้ายหันขวาคว้าถ้วยกับช้อนมาตักข้าวต้มใส่ทันที ได้ยินเสียงทีวีแสดงว่าแสนมันนั่งดูทีวีอยู่ ไม่ถามหรอกว่ากินข้าวยัง แต่มันไม่น่าจะรอแล้วละ
ผมนั่งกินข้าวต้มไปก็มองไอ้แสนไป ตั้งแต่ตื่นมามันยังไม่สบตากับผมตรงๆเลย นั่งกินไปก็คิดไปหรือว่ามันไม่หายโกรธ? ดูแลกันมาตั้งสองสามวัน ทำไมยังไม่หายโกรธอีก เออเมื่อเช้าที่ผมเข้าห้องน้ำ เห็นว่าหน้าไม่ช้ำแล้ว โชคดีเพราะวันนี้พ่อกับแม่กลับพอดี ไม่งั้นตายของจริง...
“แสน” ผมลุกเอาถ้วยไปไว้ที่ล้างจานเปิดน้ำแช่ไว้ ไม่เคยล้างเองหรอกครับ มีคนล้างให้นี่ จะใครละ ไอ้แสนไง ฮ่าๆ
“อะไร” มาทำเป็นเก๊กเสียงเข้ม ผมนั่งกระแซะข้างมันทันที
“ยังไม่หายโกรธหรอ” พอพูดจบมันตวัดตามามองทันที ตานี่เขียวปั๊ด
“....”
“เรื่องแค่นี้เอง กูหายแล้วเห็นเปล่า ไม่เอาไม่โกรธน่า” และรู้สึกเหมือนมันจะโกรธหนักกว่าเดิมเมื่อผมพูดจบ กูพูดอะไรผิดวะ
“แค่นี้หรอ?” มันถามย้ำ เออ.. มันก็แค่เจ็บตัว เป็นลูกผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างใช่ไหมละ ผมได้แต่เถียงในใจเพราะสายตาที่มันมองมามีความเสี่ยงสูง ประมาณว่าถ้าอ้าปากพูดอย่างใจคิดอาจจะโดนหมัดสวนมา
“มึงไม่รู้หรอกว่าคนที่ทำได้แค่มอง และคอยทำแผลให้จะรู้สึกยังไง! มึงบอกว่าไม่เป็นไร แต่กับกูไม่ใช่! ทุกครั้งที่กูเห็นแผลมึงกูก็ยิ่งโกรธตัวเอง กูปล่อยให้มึงเจ็บคนเดียว โดยที่กูช่วยอะไรไม่ได้! แล้วมึงยังจะมาบอกว่าแค่นี้หรอ!” ผมนิ่งอึ้งไปหลังจากฟังมันพูดจบ ส่วนตัวคนพูดพูดจบมันก็สบถปล่อยสัตว์ออกมาอีกหลายคำก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
แสนเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก.. ไม่ค่อยพูด แต่ผมกลับรับรู้ทุกอย่างที่มันต้องการจะสื่อ อาจเพราะเราเป็นแฝดกัน และวันนี้พอมันพูด..
ผมก็รู้สึกหัวใจพองฟูขึ้นอย่างแปลกประหลาด จังหวะการเต้นของหัวใจก็เร็วขึ้นมาหนึ่งจังหวะ โอเค ถ้าถามว่าไม่รู้สึกผิดมั่งหรอ ตอนนี้บอกเลยว่ามาก แต่อาการแปลกๆพวกนี้มันกลบไปหมดจนไม่เข้าใจตัวเอง..
ผมไม่ได้เดินตามมันขึ้นไปแต่พยายามทำให้ใจตัวเองสงบลง อาจจะเพราะผมดีใจที่แสนแสดงความรู้สึกออกมาบ้างละมั้งถึงได้รู้สึกแบบนี้
“ยังไงก็พี่น้องกันนี่นะ เป็นห่วงเรื่องปกติน่า มึงจะตื่นเต้นอะไรวะสอง” ผมบ่นตัวเองยกมือขึ้นลูบกลางอกคล้ายปลอบโยนตัวเองให้หัวใจมันเต้นช้าลงในระดับปกติ ก่อนจะหัวเราะให้กับตัวเองที่ตื่นเต้นเกินเหตุ
เอาละ มาคิดหาวิธีง้อคนโกรธหน่อยดีกว่า
น้องชายของผมนี่มันขี้น้อยใจจริงๆ
( สองแสน – สามจุดสอง : งานเข้า )
-------------------------------------------
เพราะสองแสนไม่คิดอะไรเกินไปกว่าพี่น้อง เลยมองไปอีกมุม
เพราะแบบนั้น อย่ารำคาญสองแสนกันเลยนะครับบบ
เดี๋ยวจะพาแสนสองออกมาพบเจอผู้คนบ้าง
รอคอยกันด้วยนะครับ
ดาวเสาร์.
-
:pig4:
-
โถ่วววว น่าสงสารแสนสอง ไปรักพี่ชายที่มองเราเป็นแค่น้อง(ซึ่งมันก็ปกติไง เป็นน้องจะให้มองเป็นอื่นได้ยังไง orz) โดยส่วนตัวชอบแนวtwincestมาก555+ แต่ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องแนวนี้มันดราม่าครอบครัวชัดๆ ฮือออออ ติดตามอ่านนะคะ
-
ฝาแฝดดดด ของโปรดเลย วิตามินสุดๆ
เอาใจช่วยนะแสนสอง อย่าดูแลเฉยๆ รุกสองแสนไปด้วย-- แค่ก
ติดตามน้าาาาา
-
‘Our love is twin…’
( พิเศษใส่ไข่ แสนสอง - หนึ่ง : ไม่รู้อะไรบ้างเลย )
คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคนหนึ่งคนสามารถรักใครคนหนึ่งข้างเดียวได้แค่ไหน คุณจะไม่รู้ว่าความอดทนของใครคนหนึ่งจะสูงแค่ไหน...
หนึ่งปี? สองปี? ไม่ใช่... ตั้งแต่ที่ลืมตาออกมาดูโลกผมก็มีมันอยู่ข้างๆแล้ว... เด็กที่เกิดมาพร้อมกันแตกต่างแค่ห้านาที เด็กที่มีขั้วสายสะดือมาจากเส้นเดียวกัน
แฝด... ใช่ คำนั้นละที่ทุกคนเรียกกัน แฝดที่หน้าเหมือนกัน รักกันฉันท์พี่น้อง แต่ทำไมมีเพียงผม.. ที่รู้สึกผิดบาปและเกินเลยไปมากกว่าที่ควร
“แสนมึงไม่ลงมาเล่นบอลกับพวกกูอะ?” หน้าขาวใสที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อตามพวงแก้ม เส้นผมเปียกชุ่มเหงื่อแนบเข้ากรอบหน้าเรียว ตากลมมีประกายสดใส ปากอิ่มรูปกระจับเผยอขึ้นหอบหายใจด้วยความเหนื่อย
ให้ตาย ให้ตาย ผมกำลังคิดอกุศลกับมัน... มันที่เป็นฝาแฝด
แต่ผมก็ห้ามใจตัวเองที่กำลังเร่งจังหวะขึ้นไม่ได้ ได้แต่พยายามเกร็งหน้าเกร็งสายตาไม่ให้เผลอแสดงอะไรออกไป
“ไม่” ตอบได้แค่คำสั้นๆ กลัวว่าถ้าพูดมากกว่านี้เสียงที่เปล่งออกไปอาจจะสั่นพร่า รีบก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์ตัวเองซ่อนสายตา..
กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้หากจ้องนานกว่านี้ ...
“โห่ เราใกล้จะจบม.ปลายแล้วนะเว้ย เดี๋ยวเข้ามหาลัยแล้วก็ไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้ละนะ มึงไม่เสียดายหรอ” มันทิ้งตัวลงนั่งข้างผม ช่วงที่ลมพัดผ่านตัวมันมา แทนที่จะได้กลิ่นเหงื่อจากมันกลับกลายเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ... กลิ่นที่เป็นปัญหาต่อการควบคุมตัวเองของผม
บ้าเอ้ย มึงรีบลงไปเล่นต่อสิวะ!
“เหม็นเหงื่อ” แสร้งทำเป็นเหม็นจนต้องหันหน้าหนี รู้เลยว่ามันต้องทำหน้าโง่ๆแน่
“เหม็นใช่ไหม งั้นมึงดมเข้าไป สาดดด” มันลุกพรวดมายืนตรงหน้ากดหน้าผมลงบนอกตัวเอง ผมเบิกตาขึ้นนิดหน่อยกลิ่นตัวมันไหลทะลักเข้าจมูกเต็มๆ บางอย่าง... บางอย่างกำลังจะตื่นตัว ยิ่งเสื้อนักเรียนที่แนบไปกับตัวแบบนี้..
“ถอย” กดเสียงต่ำราวกับไม่พอใจ ใช้มือดันทั้งทีอยากจะรวบเอวมันไว้ ขบกรามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองแทบตาย
“ไอ้แฝดตรงนั้นมึงเล่นไรกันวะ มึงลงมาได้แล้วไอ้สอง อย่าอู้!” เสียงเพื่อนสนิทอีกคนตะโกนเรียกจากกลางสนาม
“เออๆ กูไปแล้วๆ” มันตะโกนตอบ หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ก่อนจะวิ่งกลับลงไปสนามหลังจากโดนเรียก
ผม...จะบ้าอยู่แล้ว ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองท่องยุบหนอ ยุบหนอ อย่าตื่นเลยหนอในใจ โชคดีที่มีกระเป๋านักเรียนวางอยู่บนตัก ไม่งั้นคงจะแย่แน่ๆ
ถามว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ครั้งแรก.... ตอนม.สาม ควบคุมตัวเองไม่อยู่ถึงขนาดเก็บภาพมันไปช่วยตัวเอง รู้สึกผิด รู้สึกไม่ดี แต่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้
มันไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอด ทั้งหญิง ทั้งชาย แต่ที่ไม่มีใครมาจีบนั่นเพราะ.....
พลั่ก!!
“ถ้าเข้ามาใกล้สองอีก กูเอาตาย”
เป็นผมเองที่กันพวกนั้นออก ถ้าผู้ชายก็ซ้อมมัน ถ้าผู้หญิงก็อ่อยให้มาชอบตัวเองแทนแล้วสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ยอมรับว่าเลว แต่ทนไม่ได้ถ้าปล่อยให้มีใครได้มันไป
“มึงจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่วะ” ไอ้โต้ง เพื่อนสนิทของผมที่รู้เรื่องทุกอย่าง ไม่ได้เล่าให้มันฟังหรอกแต่มันจับสังเกตได้จนเอามาถามผม ไม่รู้จะปิดทำไมคบกันมาตั้งแต่ ป.หก ถ้าเรื่องนี้รับไม่ได้มันก็ไม่ใช่เพื่อนผม
“ไม่รู้” บุหรี่ถูกจุดขึ้นพร้อมกับความเงียบ มันไม่ได้พูดอะไร เช่นเดียวกับผมที่ปล่อยความคิดให้ไหลฟุ้งไปกับอากาศเหมือนควันบุหรี่
“หยุดไม่ได้หรอวะ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่โต้งมันพูดแบบนี้ มันก็รู้ละว่าไม่ใช่เรื่องดีที่ผมรู้สึกแบบนี้และมันก็เป็นห่วงผม
ผมก็รู้แต่...
“กูหยุดไม่ได้” เสียถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาจากไอ้โต้ง ผมตบไหล่มันสองสามที
“ขอบใจวะ”
แม้ตอนนี้ไอ้โต้งจะแยกไปเรียนอีกมหาลัยแต่ก็ไม่วายส่งไลน์มาถามข่าวคราวเรื่องผมกับไอ้สอง อย่างว่าเพื่อนแท้น่ะ ต่อให้อยู่ห่างกันแค่ไหนก็ยังมีความห่วงใยส่งให้กันอยู่ดี
………………..
……
….
“เรื่องแค่นี้เอง กูหายแล้วเห็นเปล่า ไม่เอาไม่โกรธน่า”
“แค่นี้หรอ?” ผมถามย้ำกลับไป หน้ามันปรากฏความดื้อดึงของเจ้าตัวไว้ชัดเจน มันไม่เคย.. ไม่เคยรู้อะไรเลย
“มึงไม่รู้หรอกว่าคนที่ทำได้แค่มอง และคอยทำแผลให้จะรู้สึกยังไง! มึงบอกว่าไม่เป็นไร แต่กับกูไม่ใช่! ทุกครั้งที่กูเห็นแผลมึงกูก็ยิ่งโกรธตัวเอง กูปล่อยให้มึงเจ็บคนเดียว โดยที่กูช่วยอะไรไม่ได้! แล้วมึงยังจะมาบอกว่าแค่นี้หรอ!” ผมรู้ว่าไม่ควรจะตวาดใส่มัน แต่ตอนนี้ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว พอพูดจบก็รีบพาตัวเองขึ้นห้องเพื่อระงับอารมณ์
ทุกอย่างถูกนำไปปรึกษาเพื่อนสนิท ออกจะดูรบกวนมันไปหน่อยแต่ก็มีแค่มันที่จะพูดคุยเรื่องนี้ได้
( “มึงก็ใจเย็นหน่อยดิวะ” )
เสียงไอ้โต้งลอดมาตามสาย ผมพยายามหายผ่อนลมหายใจตัวเองให้ปก ไอ้สองทำตัวโคตรน่าโมโห ไม่รักตัวเอง เสือกเรื่องชาวบ้าน มันดีเกินไป! ไม่ได้คิดถึงใจผมเลยซักนิดเดียว อย่างน้อยถ้ามีผม ผมจะไม่ปล่อยให้มันเจ็บขนาดนั้น!
“จะเย็นยังไงวะโต้ง ตอนมันไม่สบายแล้วเพ้อแต่คำว่าเจ็บ กูจะขาดใจ..”
นาทีที่เห็นมันเดินมาพร้อมกับสภาพเยินๆ มือผมสั่นจนต้องกำไว้แน่น โกรธ โมโห แทบเป็นบ้า
อยากรู้ว่าใครมาทำให้มันเจ็บได้ขนาดนี้ พอได้คำตอบจากมัน ผมเสียใจ ผมเสียใจที่มันไม่นึกถึงผม ถ้ามันจะคิดถึงผมบ้าง โทรมาตามผมบ้าง...
ผมโมโหจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ อยากจะจับมันมาลงโทษที่ทำให้ผมทั้งเป็นห่วง และน้อยใจมันจนแทบจะเป็นบ้าเลยหนีขึ้นมาบนห้อง จนพอจะทำใจได้บ้างก็มืดแล้ว เดินลงมาเห็นไฟไม่เปิดก็แปลกใจยิ่งเห็นมันนอนทำหน้าไม่ค่อยดีที่โซฟา ก็รีบช้อนตัวมันวิ่งกลับขึ้นห้อง
มันเป็นไข้ตัวร้อนจี๋จนผมต้องปลุกมันกินยา มันก็บ่นงึมงำร้องไห้ออกมาว่าเจ็บ ยิ่งทำให้ผมเจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า เพราะมันเป็นคนที่ผมรัก รักที่สุด...
( “กูเข้าใจ แล้วจะเอาไง เอาคืนไหม?” )
“หึ มึงไม่น่าถาม” ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยมันไว้แน่ สองเจ็บเท่าไหร่ มันต้องเจ็บกว่าเป็นสิบเท่า!
กริ๊ก... ผมได้ยินเสียงประตูก็รีบวางสายบอกไอ้โต้งว่าจะติดต่อกลับไปใหม่แล้วหันมามองไอ้ตัวดี
“จ๊ะเอ๋ น้องแสนของพี่สอง พี่สองขอโทษนะ อย่าโกรธกันเลยนะครับ นะ นะ เนี่ยย พี่สองอุส่าไปเอาดอกไม้มาง้อเลยนะ สวยใช่ไหมละ พี่สองจัดเองกับมือเลยนะ” รู้สึกเหมือนเส้นขมับตัวเองเต้นตุบๆ ในมือมันมีดอกบัว...อืม..ดอกบัวแถมใส่แจกันลายครามมาพร้อม คิดว่านั่นคือแจกันของแม่ที่อยู่ในตู้เก็บของแน่ๆ
“พี่สองนะอุส่าไปหาซื้อมา น้องแสนคิดดูเวลาสายๆเที่ยงๆแบบนี้มันจะหายากขนาดไหน” ผมกวาดตามองไปตามตัวมัน สีหน้ามันดีขึ้นกว่าเดิมขึ้นเยอะแล้ว แต่ว่ามันไปยังไง?
“หายโกรธกันเถอะน้า น้า น้องแสนของพี่สอง เนี่ยขนาดพี่สองขับมอไซด์ไม่ค่อยแข็งแต่พี่สองก็ยังขี่มันออกไปตลาดเพื่อน้องแสนเลยนะ!” ทุกอย่างมันเฉลยออกมาแล้ว และเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ตัวเมื่อผมจ้องมันเขม็ง
โอ้ย ผมจะทำยังไงกับมันดีวะเนี่ย!
ทำไมมันไม่รักตัวเองเหมือนที่ผมรักมันบ้างวะ!
( จบพิเศษใส่ไข่ แสนสอง - หนึ่ง : ไม่รู้อะไรบ้างเลย )
-------------------------------------
มาแล้วๆ มาลงแล้วจย้าาาา :z2:
สองทำตัวน่าตีอีกแล้ว... แสนคงต้องปวดหัวกับฝาแฝดตัวเองนี่ไปอีกนานแน่นอน
555555555555555555
ฝากเอ็นดู สองแสน กับ แสนสองต่อไปด้วยนะครัช!!
-
แสนจับสองมาอบรม ปรับทัศนะคติใหม่เลย
ให้สองรักตัวเอง ดูแลตัวเองดีๆซะบ้าง รักแสนด้วย--
-
ชอบค่ะ ติดตามๆ
น้องสองนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ย
อย่าดราม่าหนักหน่วงมากนะคะ คนอ่านรับไม่ไหว
:hao7: :hao7: :hao7:
-
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย~~
-
สนุกค่ะ ชอบอีกอย่างคือนักเขียน up บ่อยเนี่ยแหล่ะ มันไม่ขาดช่วง เอาอีกๆๆๆ :katai2-1:
-
:hao7: ชอบบบบมากกกกกก
-
:hao7: แวะมาตอบเม้นต์นิสนึงก่อนลงตอนใหม่ ( หมายถึงพรุ่งนี้น่ะนะ แหะๆ ) :impress2:
ติดตามค่ะ
ติดตามและต้องตามติดห้ามทิ้งกันไปกลางทางนะครับ! ไม่ใช่โปเตโต้! :mc4:
วรั้ยยยย แนวแฝดดดด :katai2-1:
แนวทางที่ใช่ แนวทางที่ชอบใช่ไหมล่าาาาา :o8:
:impress2: ชอบแนวนี้มากกกกค่ะ..ขออย่ามาม่านะค่ะ...คนอ่านใจบางมากกก....ตามมมมค่ะ :mew1:
นิยายเรื่องนี้ไม่มีม่าแน่นอนค่ะ (หรอ) เอาเป็นว่า นิดๆหน่อยๆกรุบกริบเน้อ :hao5:
ตามจ้า สนุกดี
ตามมาแล้วห้ามเดินหนีไปไหนนะครับ ไม่งั้นจะส่งสองแสนและแสนสองไปเข้าฝัน!!
o13 มีความเป็นห่วง(+แอบหวง) :hao3:
แฝดน้องมีความหึงหวงห่วงสูงมากเลยละ! ตามอ่านกันต่อไปด้วยนะครับผม!!
โถ่วววว น่าสงสารแสนสอง ไปรักพี่ชายที่มองเราเป็นแค่น้อง(ซึ่งมันก็ปกติไง เป็นน้องจะให้มองเป็นอื่นได้ยังไง orz) โดยส่วนตัวชอบแนวtwincestมาก555+ แต่ก็รู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องแนวนี้มันดราม่าครอบครัวชัดๆ ฮือออออ ติดตามอ่านนะคะ
นั่นสินะครับ ฮือออ :ling1:
ขอบคุณนะครับ
ฝาแฝดดดด ของโปรดเลย วิตามินสุดๆ
เอาใจช่วยนะแสนสอง อย่าดูแลเฉยๆ รุกสองแสนไปด้วย-- แค่ก
ติดตามน้าาาาา
เรื่องรุกนี่แสนบอกว่า ไม่พลาดขอบ่มให้สุกให้งอมก่อนจะได้หวานเต็มที่ครับ 555555555555 :katai3:
แสนจับสองมาอบรม ปรับทัศนะคติใหม่เลย
ให้สองรักตัวเอง ดูแลตัวเองดีๆซะบ้าง รักแสนด้วย--
รอวันที่แสนสองจะต้องปรับทัศนคติให้สองแสนอยู่เลย อา.... :hao6:
ชอบค่ะ ติดตามๆ
น้องสองนี่ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ย
อย่าดราม่าหนักหน่วงมากนะคะ คนอ่านรับไม่ไหว
:hao7: :hao7: :hao7:
น้องสองติดมึนมากๆ แต่รับรองได้ว่าดราม่าไม่หนัก แค่น้ำตาสามลิตร (หือ) อะหลอกเล่นนะครัชช 5555
สนุกค่ะ ชอบอีกอย่างคือนักเขียน up บ่อยเนี่ยแหล่ะ มันไม่ขาดช่วง เอาอีกๆๆๆ :katai2-1:
สัญญาเลยละครัช มาอัพทุกวันแน่นอนนนนนนนน ขอบคุณมากนะครับ
:hao7: ชอบบบบมากกกกกก
ชอบไปนานๆนะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยครัชผมมมมม :3123:
-------------------------------------
สุดท้ายนี้...
อยู่ให้กำลังใจแสนและสอง ต่อไปด้วยนะครับบบ
:mew1:
-
ไหนใครสัญญาจะมาอัพทุกวันนะ โกหกวันพระใหญ่บาปนะ :hao3:
-
ติดตามค่าาาาาาาา
แฝดนี่ของโปรดเลย ^^
-
‘Our love is twin…’
( สองแสน - สี่ : เหมือนไม่รู้จัก )
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้วะ?” ผมยืนมองไอ้แสนที่แต่งตัวดีผิดปกติ จำได้ว่าวันนี้มันไม่มีเรียน ถึงมันจะมีหน้าที่ไปส่งผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาก็เถอะ
“ไปส่งมึงไง” มันเหลือบมมองผมแล้วเดินไปหาอะไรกินในครัวตามปกติ แต่ผมว่าแม่งไม่ปกติวะ เหมือนมันกำลังจะทำอะไร
“แน่ใจ?”
“..... ยุ่งน่า” มันเงียบไปครู่ก่อนจะเปิดปากพ่นคำที่ทำให้ผมเกิดอาการตีนกระตุก
“ไม่ยุ่งก็ได้วะ!” พูดจบก็ชูนิ้วกลางอัดหน้ามันทั้งสองนิ้ว เดินลงเท้าหนักๆหนีออกมาที่หน้าทีวียืนกอดอกดูรอมันครับ
เสียงกุกกักๆในครัวดังอยู่ซักพักก่อนมันจะเดินออกมาพร้อมกับแซนวิซทูน่า มันส่งมาให้ผมหนึ่งอัน อย่าคิดว่าผมจะไม่เอาครับ คว้าทันที หิวนี่หว่า วันนี้แม่ก็ออกไปทำงานแต่เช้าไม่มีเวลาทำกับข้าวให้ เราสองคนยืนกินเงียบๆก่อนที่มันจะเดินเช็คความเรียบร้อยรอบบ้าน ผมกินเสร็จก็ดื่มน้ำตามแล้วออกไปยืนรอไอ้แสนที่รั้วเหมือนเคยๆ
พูดถึงเมื่อวานกว่าจะง้อมันได้โคตรยากลำบาก ลำบากตั้งแต่ขี่เจ้านินจาด้วยความระวัง ไปยันหาดอกบัว แถมได้มาแทนที่อีกคนจะยิ้มรับ หรือพูดว่าหายโกรธแล้ว มันดันทำหน้าเหมือนเอือมเสียเต็มประดา
“มึงไม่ชอบหรอ นี่กูให้เขาพับกลีบให้ด้วยเลยนะ!”
“...ประสาท” มันพูดแล้วก็คว้าเอาแจกันที่ผมคุ้ยมาจากตู้เก็บของพร้อมดอกไม้ไปบางไว้บนโต๊ะกระจก ก่อนจะหันมองกอดอกมองผม ด้วยความที่มีคดีติดตัวไม่กล้าหือไม่กล้าอือครับ ให้มันด่าไปเผื่อมันจะหาย
“ดีกันเถอะน่า...”
“......”
“กูไม่ทำอีกแล้ว”
“.....”
“สัญญาเลย..”
“จริง?” มันเลิกคิ้วถามผม ผมก็หางกระดิกเลยดิ พยักหน้ารัวๆให้มันเชื่อ ถึงแม้ผมเองไม่ค่อยอยากจะเชื่อตัวเองก็เหอะ ฮ่าๆ
“จำคำพูดตัวเองไว้”
“ทำไมชอบทำหน้าโง่”
“โอ้ย” มันไม่พูดเปล่าเอาหมวกมาเคาะหัวผมอีก เรื่องอะไรจะปล่อยให้โดนรังแกฝ่ายเดียว ยกขาขึ้นเตะข้อพับมันทันทีเล่นเอามันเสียศูนย์เกือบล้ม ผมยืนหัวเราะด้วยความสะใจไม่สนใจสายตาอาฆาตของมันเลื่อนประตูแล้วผายมือไปด้านนอก
“เชิญครับ หึหึ”
“......” ทำมันหน้าหงิกได้ผมก็สบายใจครับ วะฮาฮ่า
..
...
“มาได้แล้วหรอมึง” ผมพยักหน้าให้ไอ้เก่ง เพื่อนในกลุ่มอีกคนของผมครับ จริงๆมีอีกสองคน คือมัด กับ บีม แต่เหมือนว่ามันยังไม่มา จึงเห็นแค่มิ้นท์กับเก่ง
“เป็นไง หายซ่ายัง?” มิ้นท์เงยหน้าจากมือถือมาถามผมก็ได้แต่ยักไหล่ไม่รู้จะตอบไรดีถ้าเจออีกผมก็อาจจะทำอยู่เหมือนเดิม พวกนี้มันรู้เรื่องก็เมื่อวานนี้นั่นละครับ พอผมดีขึ้นก็เลยคุยไลน์กันในกลุ่ม
“กูได้ยินมาว่า พวกที่มึงมีเรื่องด้วยเป็นเด็กรัฐศาสตร์” ไอ้เก่งนี่ขาเผือกครับ มันเผือกได้ทุกเรื่องและรู้มันทุกเรื่อง ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“จริงหรอวะ แล้วพวกมันเป็นไงมั่งวะ”
“ก็เจ็บเหมือนกันวะแต่เมื่อวานนี้มันก็มาเลียบๆเคียงๆอยู่แถวตึกเราอยู่นะ มึงระวังไว้หน่อย” พอไอ้เก่งพูดอย่างนี้ลางหมาเห่าผมก็ทำงานทันที มั่นใจว่าเรื่องมันจะไม่จบแค่นี้แน่ๆเลย เพราะไอ้ผักเปียกนั่นแท้ๆดันมาตีกันใกล้หูใกล้ตาจนกูอดเสือกไม่ได้
“ถ้ามึงมีเรื่องคราวนี้ยังไงก็ต้องถึงหูอาจารย์” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมิ้นท์ อย่างเรื่องนี้ก็ใช่ว่าไม่ระแคะระคายกล้องวงจรปิดของมหาลัยก็มี ไม่ใช่เรื่องดีถ้าจะทำผิดซ้ำอีก
“มึงบอกไอ้แสนดิ”
“บอกให้มันไปซัดพวกนั้นหรอไอ้โง่” ผมเบิ๊ดกะโหลกไอ้เก่งไปหนึ่งทีสำหรับคำแนะนำ ถ้าไอ้แสนรู้ละก็แย่แน่ๆ ไม่เคยเห็นมันชกต่อยกับใครซักทีมันจะไปให้เขายำตีนซะเปล่าๆ
“บางทีแสนอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้นะ”
“เฮ้ย!” ไอ้บีมครับมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงชะโงกหน้ามาพูดทำเอาพวกผมขวัญหนีดีฝ่อหมด ไอ้เก่งยิ่งแล้วใหญ่มันตกใจร่วงลงเก้าอี้ไปเรียบร้อย ฮ่าๆ
“มึงทำอะไรอะเก่ง หาอะไรกูช่วยไหม?” ไอ้มัดที่เพิ่งเดินมามองไอ้เก่งแบบงงๆ ย่อตัวนั่งยองๆมองไปรอบๆพื้นเหมือนจะช่วยหาอะไรจริงๆ ทำเอาพวกผมนั่งกลั้นขำกันกึกๆ
คืองี้ไอ้มัดเนี่ย มันเป็นผู้ชายตัวเล็กๆบางๆ ปากนิดจมูกหน่อยตอนแรกก็คิดว่าทอมด้วยซ้ำไป มันเป็นคนซื่อๆ มึนๆในบางที จนพวกผมเอ็นดูเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไร กูเจอแล้ว” ไอ้เก่งพูดพร้อมตาขวางๆมาทางผม โอ้ย อยากจะขำ
“หรอ” ไอ้มัดตอบแค่นั้นก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องผมแทน ตามันกำลังไล่สำรวจไปบนหน้าผมพอไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติก็ยิ้มเผล่ออกมา
“อะไรมึงไอ้ตัวเล็ก” ผมถามพร้อมตบหัวทุยนั่นเบาๆ มันทำหน้ามุ่ยใส่
“ก็ดู...ว่าเจ็บตรงไหนไหม หายแล้วใช่ป่ะ ดีจัง” ก็ดีนะมึงพูดเองตอบเอง พวกผมหัวเราะกับความน่ารักของมัน
“เออ หายแล้ว” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อมิ้นท์ก็ร้องทักคนที่เพิ่งมา
“อ้าวแสน”
“อือ” มันพยักหน้าให้กับพวกเพื่อนผมเชิงทักทาย เสียงวี๊ดว้ายจากรอบข้างทำให้ผมต้องทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มัน ยิ่งใส่ชุดไปรเวทงี้ยิ่งดูดี ไม่ได้อิจฉาเลยซักนิด ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว!!
“มาทำไรวะ?” ไอ้บีมถาม เออกูก็สงสัยเหมือนกันว่ามันมาทำไม
“ธุระ”
“เฮ้ยไปเรียนกัน” ผมลุกพรวดทันที ทีกับกูอะหาว่ายุ่งทีกับเพื่อนกูอะบอกมีธุระ เหอะ! ผมตั้งใจจะเดินกระแทกไหล่มันแต่มันคว้าแขนเอาไว้ก่อน พวกเพื่อนๆก็ไม่ได้สนใจอะไรครับเดินนำไปเลย
“จะรอ” ผมมองหน้ามันพักนึงก็พยักหน้า ดึงแขนออกยกมือตบหัวมันด้วยความหมั่นไส้ ตบเสร็จแล้วจะอยู่ทำไมละค้าบ อยู่ก็กลัวดิ วิ่งอย่างเร็วไม่วายหันไปยักคิ้วใส่มันที่ทำหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล พอมันทำท่าจะเดินมาหาผมก็รีบเบียดๆกลุ่มคนไปหาเพื่อนตัวเองทันที
“แสนนี่...มีแฟนยังวะ?” มิ้นท์ถามระหว่างเดินไปที่ห้องเรียนผมขมวดคิ้วทันที เออ...มันมีปะวะ
“ไม่น่าจะมีนะ ยังไม่เห็นคบใคร”
“จากม.ปลายไม่มีหรอ?” ม.ปลายตอนนั้นก็เห็นมันเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น มีผู้ชายด้วยเหอะ
“ตอนนั้นมันเจ้าชู้จะตาย คบๆเลิกๆเปลี่ยนเด็กเป็นว่าเล่น”
“หรอ...” มิ้นท์ทำท่าครุ่นคิดจนผมสงสัย
“มึงชอบแสน?” เก่งมันถามขึ้นก่อนที่ผมจะอ้าปากถามซะอีก ทุกคนก็ดูใจจดใจจ่อรอคำตอบของมิ้นท์เต็มที่
“ไม่ใช่หรอก กูกำลังสงสัยอะไรบางอย่างอะ” มันพูดแต่กลับมองหน้าผมแบบเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก แล้วไอ้บีมกับไอ้เก่งก็หันมามองหน้าผมด้วยก่อนจะร้องอ๋อ อ๋ออะไรกันวะ มึงเข้าใจอะไรกันกูไม่เห็นรู้ด้วยเลย! ยังไม่ทันได้ท้วงไอ้มัดก็ร้องทักให้รีบเข้าห้องเพราะมันเห็นอาจารย์เดินเข้าไปเมื่อกี้ พวกผมเลยวิ่งกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว
กว่าอาจารย์จะยอมปล่อยพวกผมออกไปพักกินข้าวก็ตอนที่เห็นสภาพนักศึกษา ตอนนี้ที่นั่งอยู่มีแต่กายหยาบวิญญาณล่องลอยออกจากร่างกันหมดแล้ว ผมหลับไปไม่รู้กี่ตื่น ฮ่าๆ
“เฮ้ยสอง!” เพื่อนคนนึงในชั้นทักขึ้นหลังจากอาจารย์เดินออกไป ผมหันไปมองแล้วเลิกคิ้ว
“มึงรู้ไหมว่าแฝดมึงไปยำเด็กรัฐศาสตร์อยู่อะ”
“หะ!” พวกผมห้าคนร้องอย่างตกใจ ไม่ตกใจได้ไงเมื่อเช้าเพิ่งคุยกันเรื่องนี้เองแล้วอีกอย่าง มันบอกว่าแสนยำ? แสนเนี่ยนะ
“เนี่ย เพื่อนกูที่เรียนอยู่นั่นมันไลน์มาบอกว่าเห็นมึงไปซัดกับรุ่นพี่มันอยู่ แต่กูเห็นมึงอยู่นี่ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นแสน” ผมหันมองพวกเพื่อนแล้วพยักหน้ารับรู้รีบเก็บข้าวของโดยไม่ลืมหันไปบอกขอบใจคนบอกข่าว
อย่าบอกนะว่าธุระมึงคืออันนี้อะแสน!
แม่งแล้วบอกไม่ให้กูหาเรื่อง มึงนั่นละ! ตัวดีเลย!
“มิ้นท์ มัด มึงไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวพวกกูไปเอง” เก่งมันเอ่ยขึ้นระหว่างที่พวกเรารีบออกจากห้อง
“มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก” ไอ้มิ้นท์บอกครับ แต่มันเป็นผู้หญิงผมกำลังจะอ้าปากค้านไอ้มัดก็พูดขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวกูไปคอยช่วยปฐมพยาบาลไง”
“งั้นระวังด้วยแล้วกัน”
คุณเชื่อไหมว่าพอพวกผมมาถึง ภาพที่เห็นนี่ทำให้โคตรช็อค สภาพไอ้พวกนั้นที่ได้บวกกับผมคราวก่อนโคตรเยิน เหลือคนเดียวที่ไอ้แสนยังปล่อยหมัดใส่อย่างบ้าคลั่ง
“อ้าว ไงวะสอง” ผมเลื่อนสายตาไปมองคนทักอย่างแปลกใจ
“ไอ้โต้ง!” พอได้ยินเสียงผมไอ้แสนก็ชะงักมือเหวี่ยงร่างเน่าๆของคนที่มันกำลังต่อยอยู่ไปทางพื้น มันมองผมก่อนจะถอนหายใจหนักๆ
“มึงบอก?” แสนมันหันไปถามโต้ง
“กูอยู่กับมึงจะเอาเวลาไหนไปบอก”
“แม่งเจ๋งวะ..” เสียงพึมพำของไอ้เก่งกับไอ้บีมดังขึ้นเหมือนมันเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ แต่ผมไม่ได้สนใจ
ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองไม่รู้จักไอ้แสนเลย...ทั้งๆที่เป็นแฝดกัน นอนอยู่เตียงข้างกัน อยู่บ้านด้วยกัน ผมยืนสบตากับมันนิ่ง นอกจากความตกใจมันมีความรู้สึกแปลกๆที่แทรกเข้ามาด้วย...เรียกว่าน้อยใจได้ไหมนะ... ทำไมผมไม่เคยรู้ว่ามันชกต่อยเก่งขนาดนี้
“กูว่า..เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” ไอ้โต้งเป็นคนแก้สถานการณ์มากอดคอผมชักชวนเพื่อนผมออกจากตรงนั้น แต่ไม่หรอก..ผมจะไม่ปล่อยผ่านไปแน่ๆ
“โต้ง กูฝากเพื่อนกูด้วย พวกมึงไปกับไอ้โต้งก่อนนะ” ทุกคนเหมือนจะเข้าใจพยักหน้ารับแล้วก็เดินออกไป ผมหันกลับมาหาไอ้แสน
“กูไม่เห็นรู้เลยว่ามึงทำเรื่องแบบนี้ได้” มันไม่ได้พูดอะไรกลับมานอกจากจ้องไปที่พวกนอนน่วมอยู่
“อย่ามายุ่งกับมันอีก” เสียงของไอ้แสนกดต่ำจนน่ากลัว แม้กระทั่งผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ยังขนลุกไปกับคำพูดนั้นเลย ไอ้แสนไม่ได้พูดอะไรอีกเดินมาจับแขนผมลากไปอีกทาง
“มึงมาทำไม”
“ทำไมไม่บอกกูบ้าง” ผมไม่ตอบเลือกที่จะถามเรื่องที่ตัวเองสงสัย
“......”
“กูก็คิดอยู่ว่ามึงจะมาทำอะไร เมื่อเช้าตอนที่ไอ้เก่งบอกว่ากูมีเรื่องกับใครกูยังบอกมันว่าอย่าบอกมึงอยู่เลย”
“......”
“กูกลัวมึงจะเข้ามายุ่งแล้วพวกมันจะทำอะไรมึง”
“...........”
“กูนี่ไม่น่าห่วงเลย แค่นี้มึงจัดการได้สบายอยู่แล้ว”
“สอง”
“ฮ่ะๆ ทำไมกูเหมือนไม่รู้จักมึงเลยละ”
“สอง”
“.......”
“ขอโทษ” ผมเม้มปากไม่มองหน้ามัน จริงอยู่ว่าคนอื่นอาจจะเหมือนเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอกหรือรู้ แต่นี่มันคือครอบครัวผมควรจะต้องรู้หรือเปล่า อย่างน้อยจะได้คอยห้ามหรือคอยบอกอะไรบ้าง แต่...แต่ว่าผมเองก็เป็นเหมือนกัน ผมก็หาแต่เรื่องเหมือนกัน ทุกอย่างมันย้อนแย้งไปหมด
ผมไม่เข้าใจอาการของตัวเองตอนนี้ รู้สึกสับสน เสียใจแต่..แต่ไม่รู้ว่าเสียใจเรื่องอะไรจนอยากจะพาลไปอีกหลายๆเรื่อง
“ขอโทษที่ไม่บอกอะไรเลย” เหมือนได้ยินเสียงปลดล็อคอะไรซักอย่างในหัว ใช่...ผมน้อยใจที่มันไม่บอกผม ผมน้อยใจที่สุดท้ายแล้วเหมือนผมกับมันไม่ได้สนิทกันเหมือนที่เป็นมา
“สองแสน..”
“มึงบอกว่ามึงห่วงกู... กูก็ห่วงมึงไม่ต่างกัน เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอวะ เราคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ทำไมมึงไม่พูดอะไรออกมาบ้าง” ผมพูดในสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาจนหมด หลังจากที่ผมพูดจบความเจ็บปวดของมันก็ฉายออกมาจากตาคมนั่นอย่างชัดเจน ผมชะงักขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจความหมายของมัน
ตาคมปิดลงราวกับไม่อยากให้เห็นอะไรในนั้นอีก...
“อืม..เราเป็นพี่น้องกัน”
“.......”
“ขอโทษ”
( จบสองแสน - สี่ : เหมือนไม่รู้จัก )
ขอโทษอย่างสุดซึ้งนะขอรับคนดี
มันมีเหตุให้ต้องเลื่อนมาลงวันนี้นิดหน่อย :ling2:
อย่าโกรธกันเด้อ มาๆ ตอนนี้ยาวหน่อยแล้วก็..
ดราม่านิดนึง ฝากด้วยนะครับผมมม
-
ดีแล้วน้องสอง คิดอะไรอยู่ก็บอกให้อีกคนรู้
จะได้เข้าใจกันและกัน
-
"เราเป็นพี่น้องกัน"
เรารู้ว่าเป็นประโยคที่สะเทือนใจแสนมากเลย ใช่ม่ะ
:hao5:
-
แซ่บมากกกก ชอบคาแรคเตอร์ มีความกลมกล่อมมม สู้นะคะ รออ่านตอนต่อปายยย
-
แสน ไปยำรัฐศษสตร์ เอาคืนแทนสอง
แล้วสั่งขู่ว่าอย่าไปยุ่งกับสองอีก แสนพูดผิดป่ะ :hao3:
ที่มีเรื่องเพราะสองไปช่วยคนที่โดนยำตีน สองไปยุ่งเองนะ
แสน จะมีวิธีบอกความในใจมั้ยนะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:pig4:
-
ฮือ... มาแจ้งข่าวนิดนึง วันนี้อาจจะอัพดึกแบบดึกนิดๆนะขอรับ
แต่ว่าถ้ามาอัพแล้วจะแก้ไขรีพลายนี้เลยไม่ขึ้นรีพลายใหม่นะเออ...
ช่วยรอกันอีกนิสสส นะขอรับบบบ :mew5:
///กราบกราน////
-
:hao7: ถ่างตารอๆ ไม่ได้อ่านเราไม่นอน
-
‘Our love is twin…’
( สองแสน - ห้า : สับสน )
เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก หลังจากยืนจ้องหน้ากันซักพักผมก็เดินออกมาหาไอ้มิ้นท์ที่โรงอาหาร โดยไม่สนใจไอ้คนที่เดินตามมาข้างหลัง
“มาๆ มากินข้าวกัน” ไอ้โต้งบอกตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะ พวกมันมองหน้าผมแล้วเหลือบไปทางไอ้แสน คงจะรับรู้ถึงบรรยากาศไม่สู้ดีถึงไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“มึงมาได้ยังไงโต้ง” ผมถามทันทีที่นั่งลงเก้าอี้หางตาผมเห็นไอ้แสนเดินเลี่ยงไปทางอื่น ช่างมันจะไปไหนช่างมัน
“อืม..ก็นัดกับไอ้แสนไว้”
“แล้วทำไมมึงไม่ห้าม” ไอ้โต้งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันสนิทกับไอ้แสนมากกว่าผมและคงคิดว่าไม่อยากขายเพื่อน ถึงได้อ้ำอึ้งแบบนี้
“มึงบอกมาเหอะ พวกกูจะได้หายสงสัย” ผมหันมองไอ้เก่ง มันสนิทกับไอ้โต้งตั้งแต่เมื่อไหร่ ขึ้นมึงกูสนิทปากเชียวนะ แต่ผมก็ไม่ได้ค้านอะไร อยากรู้เหมือนกัน
“เฮ้อ.. ไอ้แสนมันให้เพื่อนสืบเรื่องคนที่ตีกับมึงตั้งแต่วันแรกแล้ว กูมารู้ทีหลัง” ไอ้โต้งพูดพร้อมกับมองไปด้านหลังผม พอผมหันตามก็เห็นแสนมันยืนต่อคิวร้านข้าวมันไก่ที่ผมชอบกินอยู่ด้วยหน้านิ่งๆของมันแต่วันนี้ดูจะอึมครึมกว่าปกติ เพราะเรื่องอะไรนั้นผมก็ไม่แน่ใจ
“พอมันรู้ว่าใครทำก็ให้เพื่อนมันจับตาไว้เพราะมันยังห่างจากมึงไม่ได้ มึงเป็นไข้ไม่สบายนี่ตอนนั้น” ผมพยักหน้ารับ เท่าที่จำได้ลืมตามาเมื่อไหร่ก็เห็นมันนั่งอยู่ข้างๆเสมอจนไม่ได้เอะใจอะไรซักนิด
“หลังจากที่เพื่อนไอ้แสนมันคอยดูอยู่ก็เห็นพวกของมันมาป้วนเปี้ยนหน้าคณะมึง” เข้าล็อคกับที่ไอ้เก่งเล่าเมื่อเช้าพอดี ผมเม้มปากตั้งใจฟังมันเล่าต่อ
“พวกนั้นมันวางแผนจะเล่นมึงคืนอยู่ แต่ไอ้แสนรู้ก่อน ก็อย่างที่เห็น” โต้งมันพูดจบก็ตักข้าวใส่ปากเป็นอันว่ามันเล่าจบแล้ว ผมได้แต่กำหมัดแน่น สรุปแล้วเรื่องทุกอย่างมันก็เริ่มมาจากผมเอง ..
ถึงแสนจะอยู่ในสภาพปกติไม่มีร่องรอยฟกช้ำตรงไหนแต่ผมก็ไม่ชอบที่มันต้องมีเรื่องชกต่อย ถ้าเกิดว่าฝ่ายนั้นหายดีแล้วมันจะไม่มาเอาคืนหรือยังไง ... เพราะผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนถึงได้กระโดดเข้าไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน แต่จะให้ผมมองผ่านคนที่โดนรุมซ้อมขนาดนั้นก็ทำไม่ลง ไม่ว่าจะพยายามโยนเรื่องออกไปเท่าไหร่มันก็ไม่พ้นตัว เป็นผมเองที่ดึงเรื่องเข้ามา..
เริ่มเข้าใจความรู้สึกของแสนก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นยังไง ผมไม่ควรจะโกรธหรือโมโหมันด้วยซ้ำเพราะต้นเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างเป็นนี้คือตัวผมเอง
“คิ้วแทบจะผูกกันอยู่แล้วมึง” แรงจิ้มกลางหน้าผากจากมิ้นท์ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง ก่อนที่จะได้พูดอะไรกันต่อ ไอ้แสนก็เดินกลับมาพร้อมกับจานข้าวมันไก่ มันวางลงตรงหน้าผมแล้วทิ้งตัวลงนั่ง
“ดูแลกันดีจริงๆ”
“ก็พี่น้องกัน” ไอ้แสนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนมันกำลังประชดก็ไม่รู้
“หรอ..” ไอ้โต้งส่งเสียงล้อเลียนและยังไม่ทันจะได้พูดถามอะไรมัน ไอ้แสนก็ลากคอมันออกไปทันทีผมเลยก้มลงมาสนใจจานข้าวมันไก่ ไม่มีหนังไก่แบบที่ชอบด้วย!
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ” ผมชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวเงยหน้ามองไอ้บีมที่เป็นคนพูดแล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ไอ้มัดเป็นคนเฉลยข้อสงสัยชี้มาที่หน้าผม พอปล่อยส้อมลงแตะที่หน้าตัวเองถึงได้รู้ตัวว่ายิ้มอยู่ก็รีบเม้มปาก
“กินๆกันไปเถอะน่า!”
ตลอดช่วงบ่ายผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยซักนิด สายตาผมจับจ้องไปที่ปากของอาจารย์ที่ขยับไม่หยุดแต่สมองและใจตอนนี้ลอยไปถึงเรื่อไอ้แสนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกลับมาเรียนคาบบ่ายไอ้โต้งก็มาล่ำลาพวกผมเพราะมันก็มีเรียนบ่ายเหมือนกัน มันนัดแนะกับไอ้เก่งและไอ้บีมไว้ว่าจะไปก๊งกันคราวหลัง ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน ส่วนไอ้แสนมันยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมไม่เข้าใจความหมายของมัน แต่ใจผมดันรู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก
ผมคิดไปถึงเรื่องที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านั้น มันแรงไปหรือเปล่า แสนมันก็คือแสน จะให้ไปเป็นใคร สำหรับเด็กผู้ชายมันก็ต้องมีเรื่องชกต่อยบ้างเป็นธรรมดาไม่ใช่หรอ ขนาดตัวเองก็ยังมีเรื่องมีราวแบบนี้... คิดมาถึงตรงนี้ผมก็เม้มปาก ผมห่วงมัน รักมันมากเกินไปหรือเปล่า.. ใช่สิ มันต้องใช่แน่ๆ ถึงได้มีอาการแปลกๆมาด้วย น้องมันก็อายุเท่าผมไม่ต่างกันเลย มันโตแล้ว ผมโตแล้ว ผมไม่ควรไปกะเกณฑ์ชีวิตมันเสียหน่อย
พอความคิดเริ่มไปในทิศทางที่ดี ผมก็นึกบางอย่างออก ในเมื่อมันชกต่อยเก่งขนาดนี้ ผมควรจะให้มันสอนสิ!! นึกถึงหน้ามันออกเลยถ้าผมไปบอกแบบนั้น มันคงจะจ้องผมจนร่างพรุนแล้วพูดออกมาสั้นๆ ‘ประสาท’ แน่ ฮ่าๆ
“....อง”
“ไอ้สอง!!!” ป๊าบ! เสียงเรียกตามด้วยแรงฟาดไม่เบาบนไหล่ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวทำหน้าตาตื่น
“ทำไม! แสนเป็นอะไร!” พลาด...รู้สึกได้ว่าตัวเองพลาดแล้วก็เมื่อสายตาล้อเลียนจากเพื่อนทั้งสี่คน แม้กระทั่งไอ้มัดที่นั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมา
“เหม่อคิดถึงแสนนี่เอง”
“เปล่า! ไม่ได้คิด! วู้!” พลาดรอบสองเมื่อยังปฏิเสธความจริง ทั้งๆที่ความแตกไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่ที่สุด พวกมันยังส่งรอยยิ้มแปลกๆ จนหน้าผมร้อนไปหมด
“อะๆ ไม่ได้คิดก็ไม่ได้คิด กูมีเรื่องไอ้แสนจะมาพูดให้ฟัง” พอได้ยินแบบนั้นผมก็หูตั้งทันที มิ้นท์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมๆกับคนอื่นที่สุมหัวลงมาเหมือนคุยเรื่องลับระดับชาติ
“กูได้ยินมาว่า แสนมัน...มัน” ท่าทางอึกๆอักๆของมิ้นท์ทำให้ใจผมล่วงไปอยู่ตะตุ่ม หรือว่ามันโดนอาจารย์เรียก เพราะถ้าแบบนั้นมันอาจจะโดนพักการเรียนหรือไล่ออกเลยนะ หรือว่าพวกนั้นมันแจ้งตำรวจ หรือมันโดนดักตี มันเกิดอะไรขึ้น!!
“มึงก็รีบบอกสิมิ้นท์ ดูหน้าไอ้สองดิ! ซีดแล้วซีดอีก” ไอ้บีมเป็นคนเร่งเร้าไม่แน่ใจว่าเป็นห่วงผมหรืออยากเสือกเองอันนี้ ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติ
“มึงอย่าเร่งดิ เรื่องนี้แม่งสำคัญนะเว้ย” เพียงครู่อาการ อึกอักหายไปแล้วเหลือเพียงสายตาเจ้าเล่ห์ของมิ้นท์ มันเปลี่ยนกะทันหันเลยทำผมมึนไปแปปนึงก่อนจะรู้เหตุผล
“ไอ้แสนมัน...มันรอมึงอยู่หน้าตึกนะ กร้ากกกกกก” มันพูดจบก็วิ่งลิ่วหนีบาทาทันที ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยด่าผู้หญิงเลย ขอซักทีเถอะวะ
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย” ผมวิ่งไล่มันด้วยความโมโหปนโล่งใจ ส่วนไอ้สามตัวที่เหลือหรอครับหัวเราะสะใจไง ไอ้พวก )%I(%(#+_O)#$(()#%#(%U^
ผมวิ่งไล่มิ้นท์จนตัวเองหอบแฮกไม่ต่างกับอีกคนที่ยืนหัวฟูอยู่ไม่ไกล เล่นกันเป็นเด็กไปได้ พวกเราเก็บข้าวของลงมาชั้นล่างก็เห็นไอ้แสนนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวประจำของพวกผม มันเงยหน้าขึ้นมามองผมและผมก็ยิ้มให้มัน
ผมเห็นมันถอนหายใจแรงๆอยู่เฮือกนึงก่อนจะลุกขึ้นรอผม มึงถอนหายใจทำไมเนี่ย หมายความว่าไงฟะ!!
“เจอกันพรุ่งนี้วะพวกมึง” ผมหันไปลาพวกเพื่อนที่ยังมองมาแบบล้อๆ นี่พวกมึงล้ออะไรกันวะ ไม่ได้พูดออกไปหรอกครับได้แต่ตีหน้ายุ่งใส่ พวกมันหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
“กลับไปก็อย่าลืมคุยกันละ”
“เออน่า”
“เบาๆเรื่องเอาแต่ใจหน่อยละ”
“อะไรวะ?”
“เดี๋ยวแสนมันทนไม่ไหวเอา หึหึ”
“อะไรของพวกมึงเนี่ย!” ชักจะงงไปกันใหญ่ผมเลยถีบไอ้เก่งที่อยู่ใกล้สุดเชิงไล่พวกมันทั้งสี่คน แต่ถามว่ามันโกรธไหม ไม่มีอะหัวเราะร่ากันเลยทีเดียว
“เป็นอะไร”
“เพื่อนกวนตีน เออ กูขอโทษ” ผมตอบมันก่อนจะนึกว่าต้องพูดอะไรซักอย่างให้บรรยากาศมันเป็นเหมือนเคย
“อืม..เหมือนกัน”
“กูแค่สับสนไปหน่อย มึงเข้าใจใช่ปะแสน”
“อืม..เข้าใจ”
“ดีกันแล้วนะ”
“หึ...อือ” พอได้คำตอบแบบนั้นผมก็ยิ้มหันไปยักคิ้วให้มันจึกๆ มันเหลือบมองผมด้วยสายตาที่แปลได้ว่า
‘ปัญญาอ่อน’
เออแม่ง ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!
( จบสองแสน - ห้า : สับสน )
-----------------------------------------------
มาแล้วววววววว มาดึกนิสนึงงง แต่มาแล้วววววววว
ไปตบตีกับเวิร์ดมาขอรับ มันมาตายอะไรกันตอนนี้
เกือบจะไม่ได้ลงกันแล้วเชียว
แต่ศรัทธาอันแรงกล้า!! ยังไงก็ต้องลงให้ได้ :katai4:
ขอขอบคุณคนที่ยังติดตามกันอยู่ด้วยนะขอรับบบ
ไม่ได้ตอบคอมเม้นต์เลยแต่อ่านทุกอันนะขอรับบบ
ขอบคุณมากๆขอรับครับผมมมม :mew1:
ดาวเสาร์
-
:katai2-1:
-
ดีกันไว้น้าาาา
สองเหม่อคิดถึงเรื่องแสนด้วยยย
o18
-
เหมือนเพื่อนๆรู้กันนะ
-
รออยู่น้า เมื่อวานไม่มา ก็ยังรอคนเขียนอยู่จนวันนี้ :ling3:
-
รอตอนต่อไป ^^
-
‘Our love is twin…’
( สองแสน - หก : โลกกลม )
เช้านี้ผมตื่นมาด้วยความง่วงและหงุดหงิดขั้นสุด เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบถึงเวลาไก่ขันแล้ว! แต่!! ต้องแหกตาตื่นเพราะเสียงโครมครามมาจากข้างบ้าน!!
หลังจากพยายามคลุมโปง พลิกซ้าย พลิกขวาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลับลงได้เลยลุกขึ้นนั่งขยี้หัวตัวเองแรงๆ พอหันไปมองที่เตียงสามฟุตของไอ้แสน เจ้าของมันก็มีสภาพไม่ต่างจากผม คิ้วขมวดแน่นหน้ายุ่งผิดคอนเซ็ปนิ่งของมันเลย
“แสน มึงไปดูดิ” ด้วยความที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้องมันอยู่ระหว่างเตียงของเรา แล้วตอนนี้ผมก็โดนเตียงดูดอยู่ลุกไม่ชึ้น ใช้มันนี่ละดีที่สุด ไอ้แสนมันถอนหายใจแล้วลุกพรึบจากที่นอนในสภาพกางเกงนอนขายาวตัวเดียว เอิ่ม..
น้องชายมึงแข็งแรงดีจัง... ไม่ได้ทะลึ่งนะเว้ย ก็รู้ละว่าพวกเราเหล่าผู้ชายเวลาตื่นใหม่ๆมันก็มีปึ๋งปั๋งกันบ้าง ของตัวเองก็ไม่รอดอะแต่อยู่ใต้ผ้าห่มไม่มีใครเห็นไง
“คนย้ายเข้า” ไอ้แสนมองอยู่แปปก็เดินมาที่เตียงผมแล้วทิ้งตัวลงนอนเบียดทันที
“ไรมึงเนี่ย”
“นอนด้วย” ไอ้มึน ไอ้หน้ามึน ไม่ว่าผมจะพยายามดันมันออกไปยังไงไอ้นี่ก็มือเหนียวอย่างกับตีนตุ๊กแกกอดผมไว้ซะแน่นเลย เลยปล่อยเลยตามเลยหันหลังให้แม่งแล้วพยายามข่มตาให้หลับ
ปัง!!
“ไอ้)^*()*$_)(()#&*@*(&)” ผมกับไอ้แสนลุกขึ้นนั่งสบถเป็นเสียงเดียวกัน การนอนตื่นสายในวันหยุดเป็นอันต้องหยุดลงเพราะมันดังมาอย่างต่อเนื่อง นี่มึงย้ายบ้านหรือระเบิดบ้านกันแน่วะ!!
“แสน! กูง่วง!” พอนอนไม่พอผมก็จะหงุดหงิดและงี่เง่าเป็นปกติ ซึ่งไอ้แสนเป็นคนที่โดนหงุดหงิดใส่ตลอด
“....”
“กูง่วง!!” ย้ำอีกทีเผื่อแม่งไม่เข้าใจเพราะมันยังนั่งนิ่ง
“....นอน”
“มึงแม่ง ไปเลย!” ผมถีบมันตกเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนแบบหงุดหงิด นอนไม่ได้ไงเพราะเสียงดัง ไมแม่งไม่เข้าใจวะ!
“เอาแต่ใจ..” เออเรื่องกู ผมยกผ้าขึ้นคลุมโปง มันง่วงจนหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากนอนอะอยากนอนโว้ยยย เสียงกุกกักๆอยู่ไม่ห่างจากเตียงก่อนผ้าห่มผมจะถูกเปิดออก กำลังจะหันไปด่าเฮดโฟนแบบกันเสียงรบกวนด้านนอกก็ถูกใส่มา
“นอนซะ” มันบอกก่อนจะครอบลงหูสนิท จะว่าไปหลังจากมีเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เป็นครั้งแรกที่ได้สบตาตรงๆกับแสน แววตาวันนี้มันแปลกๆทำให้ผมคันยุบยิบในอก มันจ้องอยู่พักนึงก็เดินหนีไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยได้ฤกษ์หลับซักที
ตื่นมาอีกทีคราวนี้ถอดเฮดโฟนออกแล้วด้านนอกก็เงียบลงแล้ว ผมบิดตัวไล่ความเมื่อยของร่างกายก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเวลา เรือหาย! บ่ายสาม นี่ผมนอนหรือซ้อมตายโดนแม่กับพ่อบ่นเป็นแน่แท้ ตาลีตาเหลือกวิ่งเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเลยครับ
สิบนาทีพอดีไม่ขาดไม่เกินผมออกมาจากห้องน้ำทั้งผ้าขนหนูพันช่วงเอว
“อ้าว” ไอ้แสนครับ เมื่อกี้มันไม่อยู่สงสัยเพิ่งขึ้นมาตอนนี้มันเก็บที่นอนให้ผมเรียบร้อยเลย ไม่ขอบคุณหรอกนะมึงทำเอง ฮ่า ๆ
“ไวๆ พ่อกับแม่จะพาไปข้างนอก” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับรู้ รีบเดินไปหาชุดสำหรับออกไปข้างนอกทันที
“กว่าจะตื่นนะเจ้าสอง” ทันทีที่เท้าแตะพื้นชั้นล่างหม่อมแม่ก็แซะทันทีครับ ผมหัวเราะแห้งๆเดินไปกอดแล้วหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอด
“วันหยุดทั้งทีนี่ครับแม่”
“จ้าๆ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน เลี้ยงฉลองเจอเพื่อนเก่าแม่กับพ่อซักหน่อย” ผมเลิกคิ้วไม่นานก็พบชายหญิงคู่หนึงเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“ตายแล้ว สองแสนกับแสนสอง ทำไมโตกันไวจังลูก” ผมทำหน้าเอ๋อแต่ก็ยกมือไหว้อีกฝ่าย
“มันก็หลายปีแล้วนะมล”
“หน้าตาหล่อเหลาได้พ่อมาเต็มๆเลยนะ” พ่อผมก็ยิ้มหน้าบานสิครับ โดนชมขนาดนี้ ผมก็ยิ้มเอ่อยขอบคุณเบาๆผิดกับไอ้แสนที่จ้องไปที่คนด้านหลังเขม็ง
“อ่ะ นี่ลูกชายฉัน ชื่อซาย” พอได้ยินชื่อตัวเองอีกฝ่ายก็ยอมออกมาให้เห็นหน้า ตากลมนั่นเบิกเล็กน้อยก่อนจะถลาเข้ามาจับมือผมเขย่า
“เฮ้ย! หาเจอซักที” มึงจะเขย่าอีกนานไหม เครื่องในกูเละรวมกันแล้วมั้ง!! ผมยังไม่ทันได้ดึงมือตัวเองออกไอ้แสนก็กลายเป็นคนหิ้วคอเสื้อไอ้ชายให้มายืนห่างๆแล้ว แม่งแรงควายจริงๆไอ้แสนเนี่ย หรือเพราะไอ้นี่มันตัวเบา
“รู้จักกันหรอจ๊ะ” แม่ผมเป็นคนถาม นั่นสิ รู้จักกันหรอวะ
“ครับ” มันตอบแม่ผมก่อนจะหันมายิ้มกว้างใส่ โอ้ยกูแสบตา กูไม่เคยรู้จักมึงซักหน่อย เอ๊ะ จะว่าไปก็คุ้นๆวะ
“งั้นดีเลย พวกเราแยกกันไปดีกว่า พวกลูกๆก็ไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวพวกแม่จะไปร้านประจำ” แม่ผมพูดแบบม้วนเดียวจบยัดกุญแจรถของพ่อมาให้เรียบร้อยพร้อมกับบัตรเครดิตใบหนึ่งที่ดึงมาจากกระเป๋าพ่อจนพ่อทำหน้าเหวอ
“อย่ากลับกันค่ำนักละ” แม่ของไอ้ซายกำชับพวกผมอีกทีก่อนจะหันหลังออกไปเลย ผมหันมองหน้าแสนที่ตอนนี้มันดู...จะหงุดหงิด ไม่รู้หงุดหงิดอะไรแต่ไม่เสี่ยงตีนมันแล้วกันหันมาหาอีกคนแทน
“มึงเป็นใครวะ?”
“เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ข้างตึก” ผมยืนนิ่งประมวลผล เมื่ออาทิตย์ก่อนก็ช่วงมีเรื่องน่ะสิ...งั้นหมายความว่า
“ไอ้ผักเปื่อยนั่นมึงหรอ!”
“ใช่แล้วพวก...บอกให้กูหาของเซ่นแต่ไม่บอกชื่อไม่บอกอะไรเลย มึงคิดว่ามหาลัยมันเล็กนักหรอวะ”
“กูลืม จะว่าไปกูนึกว่ามึงตายไปแล้วนะเนี่ย”
“กวนตีนแล้ว แต่กูได้ข่าวว่าพวกนั้นโดนคนจริงกระทืบเละไปเลย”
“หึหึ...นี่ไงคนจริง” ผมชี้ไปที่ไอ้คนข้างๆที่ยังยืนเงียบเป็นสากกะเบืออยู่ ไอ้ซายเลิกคิ้วแล้วมองหน้าไอ้แสน
“จริงดิ?”
“เออ”
“โห เจ๋งวะ!” ไอ้แสนมันปรายตามองก่อนส่ายหัวคว้ากุญแจรถในมือเดินนำไปที่รถพ่อทันที ไอ้ซายถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ โดนเมินเห็นๆ อยากจะขำให้ฟันร่วงกับหน้ามันตอนนี้ ผมตบหัวมันเรียกสติก่อนจะลากไปขึ้นรถเดี๋ยวโดนไอ้แสนทิ้งไว้บ้านครับ
ระหว่างอยู่บนรถผมก็ถามมันละเอียดยิบว่าแม่งเรียนคณะอะไร ได้คำตอบมาว่ามันเรียนอยู่คณะอักษร เอก ภาษาญี่ปุ่นครับ พอถามต่อว่าทำไมถึงโดนกระทืบ
“กูหล่อเกินไปเลยโดน”
“เพราะมึงมั่นเกินไปถึงโดนกระทืบ! พูดแล้วกูคันตีนเลยเนี่ย!!” ผมสวนกลับทำท่าจะปีนเบาะไปหามันที่นั่งข้างหลัง
“ฮ่าๆ ทีมึงยังมั่นอกมั่นใจในความหล่อของตัวเองเลย ไอ้น่ารัก”
เอี๊ยด!! อยู่ดีๆไอ้เชี้ยแสนก็เบรกจนผมแทบจะหัวทิ่มโชคดีมากที่คาดเบลล์ไว้ แต่ไอ้ซายไม่เป็นงั้นครับ มันแทบพุ่งพรวดไปชนกับกระจกหน้า ดีที่ผมดึงไว้
“อะไรวะแสน!”
“หมาตัดหน้ารถ” มันแผ่ออร่าทมึนมาอีกแล้วครับ แค่หมาตัดหน้ามึงไม่เห็นต้องทำหน้าเข้มเลยวะ มันออกรถอีกครั้ง
“เอาดีๆตกลงทำไมถึงมีเรื่องวะ”
“ก็พวกแม่งหาว่ากูไปแย่งเมียมัน กูเลยบอกว่า กูไม่ได้แย่ง กูหล่อของกูอยู่เฉยๆ เมียพวกมึงก็เข้ามาหากูเอง เท่านั้นละแม่งชกกูเลย”
คำเดียวที่นึกออกสมควร.. ผมทำหน้าเอือมใส่มัน แต่ไอ้ห่านี่แม่งดันยกมือขึ้นมาบีบแก้มผม
“ปล่อยแก้มกู”
“นิ่มดี ไม่ปล่อย” ผมก็พยายามจะตบหัวมัน มันก็โยกตัวหลบแล้วหัวเราะร่า
“น่ารักดีวะ มีแฟนยังวะสอง กูจีบได้ปะ”
เอี๊ยด!!
“โอ้ย อะไรวะแสน!!” คือตกใจทั้งคำพูดไอ้ซาย ทั้งเจ็บที่สายเบลท์รัดเวลารถกระตุก ครั้งนี้ผมไม่ได้จับไอ้ซายไว้ครับ มันคว้าเบาะผมไว้ทัน
“แมวตัดหน้ารถ” เสียงเรียบนิ่งตอบกลับมา
“ไหนวะ!” ผมพยายามมองหาแมวที่ว่าแต่ไอ้แสนไม่ได้พูดอะไร ออกรถต่อ เออสงสัยแม่งไปแล้วมั้ง
“มึงสองคนนี่ดูบางทีก็เหมือนกัน บางทีก็ไม่เหมือนกัน” ตอนนี้ไอ้แซนมันขยับไปนั่งดีๆแล้วครับ สงสัยกลัวหัวทิ่มกระจก
“หรอ..อะไรที่ไม่เหมือนละ” ผมถามกลับไป
“ความรู้สึกน่ะ”
---------------------
“กินไรกันดีวะ?” ทันทีที่เข้ามาในตัวห้างผมก็ถามทันที วันนี้วันหยุดพวกร้านอาหารน่าจะคนเยอะ กินอะไรดีวะ คิดไปก็สอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณ
“อะไรก็ได้แล้วแต่มึง” ไอ้ซายเป็นคนตอบครับส่วนไอ้แสนหรอ
“.............” ความเงียบคือคำตอบ งั้นกูตัดสินใจเองแล้วกัน มองซ้ายมองขวาไปตลอดทางจนเจอร้านอาหารญี่ปุ่น ผมรีบลากมันทั้งสองคนเข้าไปทันที
“งานนี้กูเลี้ยงเองนะ ถือว่าเลี้ยงขอบคุณที่มึงช่วยกูคราวนั้น” ผมพยักหน้าตกลงทันที คนจะเลี้ยงอย่าขัดศรัทธา!! ฮ่าๆ
ว่าแต่... ไอ้แสนมันเงียบผิดปกตินะวันนี้
ว่าไหม?
( สองแสน - หก : โลกกลม )
---------------------------------------------
คนเขียนขอกราบประทานอภัยเป็นอย่างสูง
เนื่องจากเหนื่อยและเพลียต่อการทำงานเลยไม่ได้มาอัพเลย :ling2:
อุส่าตั้งเป้าจะลงทุกวันพอมืดมาเผลอหลับทุกที
ขอโทษคนอ่านด้วยขอรับบบ
ดาวเสาร์
คลานออกจากเล้า :katai5:
-
สู้จ้า ชอบความเยนชาของแสนสองงง
-
แสนสองใจเย็นๆ นะ อย่าเพิ่งพ่นไฟ :laugh:
-
จะพูดแหย่ขอจีบใครก็ดูด้วยน้าาาา เขามีคนแอบรักอยู่ข้างๆ 55555
แสนใจเย็นน้าาาาาาา สองเป็นห่วงงง
:hao3:
-
ความรู้สึกแบบเป็นพี่น้อง เป็นแฝด เป็นคนรัก
มันทำให้แสน ทั้งน่ารัก อบอุ่น เอาใจสอง
แสนยึดติดกับสองสุดๆ ตามใจตลอด
ขำกร๊ากกก เลย หมาตัดหน้า แมวตัดหน้า :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เวลาที่ซาย ชมสองน่ารัก ขอจีบ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ซาย รีบๆ รู้ซะทีว่าสองนะแสนโคตรหวง
ไม่งั้นจะโดนยำตีนจากคนใกล้ตัวอีกนะ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
จากต้นเรื่องบรรยายว่า 2 แฝดเหมือนกันมากๆ เลยอยากให้บรรยายเพิ่มอีกนิดว่าซายแยกได้ยังไงว่าคนไหนที่เข้าไปช่วยวันนั้น เช่นดูจากบรรยากาศรอบตัว หรือไฝใต้ตา ประมาณนี้จ้า แต่ชอบฉากที่แสนไปขอนอนเตียงเดียวกับสองมากมาย น่ารักสุดๆๆ อยากให้มีฉากน่ารักอย่างนี้เยอะๆเลย :o8:
-
เอ็นดูแสน ^^
-
สไตล์แฝดที้ชอบเรยค่ะ น้องชายร้ายๆ กับพีชายกวนๆ ชอบความหึงหวงของแสนมาก
-
'Our love is twin'
( สองแสน - เจ็ด : ผิด )
ผมไม่เข้าใจเลยวะ...ทั้งที่เรียนคนละคณะ คนละตึก ทำไมทุกครั้งที่ผมว่าง ผมต้องเจอมันด้วยเนี่ย!
“สอง เนื้อคู่มึงมาละ” ถ้าบีมมันพูดแบบนี้แล้วละก็...
“สองงงงง” ไอ้เชี้ยซาย ไอ้เห็บติดหมา! ไอ้หมากฝรั่งติดรองเท้า โอ้ย อะไรของแม่งวะเนี่ย หลังจากที่ได้ไปกินข้าวกระชับมิตรกันแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเป็นเวลา สองอาทิตย์มันติดผมหนึบจนรำคาญ! ยังไม่พอ
“อ้าวแสนไปไหนวะ” เก่งเป็นคนทักมันครับ ผมหันควับทันที ไอ้แสนก็ทำตัวแปลกๆ ทุกครั้งที่ซายมามันจะหนีหายไปไหนก็ไม่รู้
“มีเรียน” มันตอบสั้นๆตวัดตามองไปด้านหลังผมแล้วเดินเลี่ยงไป
“อ้าวไปแล้วหรอแฝดน้อง บายๆมึง” ไอ้ซายตะโกนแหกปากโบกมือส่งคนที่เพิ่งเดินไป มึงสังเกตบ้างไหมว่าแม่งไม่เคยหันมามองอะ สลัดดดด เฮ้อ กูเพลีย..
“มึงมาทำไร” มันนั่งลงปุ๊บผมก็ถามปั๊บ
“หิวข้าว มาหาข้าวกิน” ตึกอักษรมันก็มีโรงอาหารปะสัด โคตรไม่เข้าใจแม่งเลย
“หึ..มาทำอย่างอื่นมากกว่ามั้ง” เออจะว่าไปไอ้เก่งกับไอ้ซายนี่ก็เขม่นกันแปลกๆ ตั้งแต่วันแรกที่มันเจอกันเลย
“เสือกไรอะ”
“อ้าวสัด! ไม่ได้อยากเสือกนักหรอกแต่เหม็นหน้า!!”
“หน้าบ้านมึงเหม็นได้หรอ” ไอ้ซายทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่ไอ้เก่ง ไอ้เชี้ยเก่งจึงไม่ทนอีกต่อไปทำท่าจะปีนโต๊ะมาต่อยไอ้ซายด้วยใบหน้าทมึงถึง ส่วนผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องคอยดึงไอ้เก่งวันนี้ได้แก่ นายมัดครับผม ฮ่าๆ
“พวกมึงเจอกันทีไรกัดกันอย่างกับหมา!” มิ้นท์เอาหนังสือที่อ่านอยู่ตบลงบนโต๊ะเสียงดังจนพวกผมสะดุ้ง
“สอง! บีม! จับมันไว้!” ผมเลิกคิ้ว มิ้นท์แม่งจะเล่นไรวะแต่ผมก็ล็อคตัวซายไว้ ส่วนไอ้บีมลุกมาล็อคไอ้เก่งอีกที
“จับกูทำไม ปล่อย” ไอ้เก่งโวยวายพยายามดิ้น ส่วนไอ้ซายที่ผมจับอยู่มันมองจ้องผมด้วยประกายวิบวับน่าจิ้มตาบอดฉิบหาย!! ขนตูดกูลุกแล้วเนี่ย!!
“มัด ขอของ” เสียงก้องแก๊งดังขึ้นก่อนไอ้มัดดึงมันออกมาจากกระเป๋า
กุญแจมือ กุญแจมือแท้ๆเลยครับท่าน!! พ่อไอ้มัดมันเป็นตำรวจ สงสัยแม่งขโมยของพ่อมา!
“ไอ้มิ้นท์ กูไม่เล่นนะโว้ยยย” ไอ้เก่งมองกุญแจมือแล้วมองหน้ามิ้นท์แบบหวาดๆ
“เดี๋ยวๆ มิ้นท์จะทำอะไร” มึงเริ่มกลัวเป็นแล้วหรอซาย พอผมเห็นหน้าตื่นๆของแม่งก็หลุดหัวเราะออกมา
“ในเมื่อพวกมึงดีกันเองไม่ได้ งั้นนี่เลย”
แกร๊ก..
“เฮ้ย!” มิ้นท์ใส่กุญแจมือเข้ากับข้อมือพวกมันคนละข้าง และหย่อนกุญแจดอกเล็กๆไว้ในเสื้อ...เอ่อ.... มึงเหน็บชั้นในหรอมิ้นท์...
“อันนี้ของจริง กุญแจอยู่กับกู แล้วตอนบ่ายก็ไม่มีเรียนแล้วสำหรับเรา ส่วนมึงจะลากมันไปเรียนด้วยก็ตามใจ พรุ่งนี้กูจะมาไขให้ ปะ กลับ!” มิ้นท์พูดแบบรวบรัดตัดตอนแล้วลุกหนีไปเลย ผมปล่อยไอ้ซายแล้วนั่งขำ คงสนุกพิลึกละมึงงานนี้ กัดกันจะเป็นจะตาย ฮ่าๆ
“ไอ้มัด มึงมีกุญแจสำรองไหม”
“..เอ่อ... ทั้งพวง มิ้นท์เอาไปหมดแล้วอะ” มัดหัวเราะแหะๆใส่ก่อนจะรีบเก็บข้าวของทันทีที่ไอ้เก่งยกเท้าขึ้นมา ฮ่าๆ แม่งจี้
“สอง...” ซายมันเรียกผมเสียงอ่อนคงอยากให้ช่วยละสิ แต่งานนี้กูช่วยไม่ได้วะ ผมยักไหล่
“ช่วยไม่ได้วะพวก สู้เขานะทั้งสองคน” ผมทำหน้าจริงจังกำหมัดเชิงให้กำลังใจ แต่เปล่าหรอก กูกวนตีน กร้ากกกกกกกกกก
“ไอ้เชี้ยสอง!” อยู่ทำไมละครับบบบ หอบของวิ่งหลบตีนออกมาพร้อมไอ้บีมเลย ฮ่าๆ
“มึงว่ามันจะเป็นไงวะ” ไอ้บีมถาม
“พรุ่งนี้เดี๋ยวก็รู้” ผมตบไหล่ไอ้บีมแล้วเดินแยกออกมา ไอ้เก่งมันอยู่หอครับดูท่าคืนนี้ซายต้องไปนอนหอไอ้เก่งสินะ หวังว่าพรุ่งนี้มันจะดีกันแล้ว...
ผมเดินเตร็ดเตร่มาแถวที่จอดรถ เออ ผมลืมเล่าให้ฟัง ตอนนี้พ่อกับแม่ออกรถให้พวกผมใช้แล้วเนื่องจากเข้าหน้าฝนไม่สามารถขี่มอเตอร์ไซด์มาเรียนได้ ถนนลื่น อันตราย บลาๆ เป็นผมนี่ละที่กล่อมแม่กับพ่อทั้งๆที่ตัวเองก็ขับไม่เป็นหรอก แต่ไอ้แสนมันขับเป็นไง ยังไงผมก็ต้องไปกลับพร้อมมันอยู่แล้วเพราะงั้นเอาความสบายไว้ก่อน วะฮาฮ่า
ก่อนอื่นปลดล็อคแล้วติดเครื่องเปิดแอร์ครับ ถ้าถามว่าขับรถไม่เป็นแต่ติดเครื่องเป็นได้ไงคำตอบคือ ไอ้แสนสอนเรียบร้อยครับ มันบอกว่าถ้าระหว่างรออยากนอนให้มานอนในรถติดเครื่องเอา อันที่จริงก็รู้ละครับว่าไม่ควรทำเพราะมันเพิ่มมลพิษ แต่ผมไม่ได้ทำบ่อยๆนี่นา...ขอนิดนึงแล้วกัน
เอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมของไอ้แสนที่คลุมอยู่เบาะคนขับมาห่ม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับกลิ่นประจำตัวมันลอยปะทะเข้ากับจมูกให้ความรู้สึกอุ่นๆจนผมเผลอยิ้มขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวจนเหลือบไปเห็นกระจกมองข้างที่สะท้อนภาพตัวเองอยู่ถึงได้สะดุ้ง
กูยิ้มอะไร?
ผมนอนไปนานแค่ไหนไม่รู้จนกระทั่งหูได้ยินเสียงเพลงที่ตัวเองชอบดังคลอเบาๆ ปรือตาขึ้นมองก็เห็นภาพแฝดตัวเองแม้ภาพพร่ามัวเพราะยังไม่ตื่นเต็มตาขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆใต้ตาซ้ายกลับเด่นชัด ดูมันจะผ่อนคลายกว่าเมื่อตอนบ่ายจนเผลอยิ้มออกมา ผมปิดตาลงอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปวางบนแขนมันแบบเผลอตัว ไม่ได้สงสัยในการกระทำตัวเอง ไม่ได้ลืมตามองว่ามันทำหน้ายังไง
สัมผัสบางเบาลูบไล้อยู่บนหัวผมทำให้ต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ ใกล้กว่านี้ เอียงตัวกอดแขนอีกฝ่ายไว้จนได้ยินเสียงหัวเราะในคอ ง่วงงุนเกินกว่าจะสนใจอะไรปล่อยให้ความเย็นของแอร์ในรถและเสียงเพลงที่ดังจากวิทยุพัดพาไปอีกครั้ง
“...สอง” เสียงนุ่มคุ้นหูทำให้ผมเริ่มขยับตัว และความปวดเมื่อยแถวต้นคอก็เริ่มโจมตี
“เมื่อย...” ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจึงต้องเปิดตาขึ้น ขมวดคิ้วหรี่ตาลงมองจนเห็นหน้าแสนในระยะประชิด
“หาอะไรกินก่อนค่อยเข้าบ้าน แม่กับพ่อกลับดึก” เป็นประโยคที่ยาวที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ และผมยังมึนๆอยู่เลยพยักหน้ารับไป ตาใกล้จะปิดอีกครั้ง
“ตื่นสิ”
“ง่วง” แปลกที่คราวนี้ตัวเองไม่หงุดหงิดเท่าที่ควรแต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามมัน ช่างมัน ไม่เห็นต้องมาคิดวิเคราะห์อาการของตัวเองเลย
“ตื่น”
“........” ไม่ตอบแม่ง ให้เข้าใจว่าหลับไปแล้วละกัน แล้วผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีกคิดว่ามันลามือไปแล้ว รู้สึกชนะจนต้องลอบยิ้มออกมา เตรียมนอนอีกครั้ง
แต่ว่า... เหมือนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆกระทบกับผิวแก้มตัวเองตามด้วยความนุ่มยุ่นถูกกดลงบนริมฝีปาก ผมตกใจจนเผลอกลั้นลมหายใจไว้ มันกดแนบสนิทไม่ขยับไปไหนและผมก็ไม่กล้าขยับด้วยเช่นกัน จนความอุ่นนุ่มเริ่มขยับตัวมันเม้มดึงที่กลีบปากของผมก่อนความเปียกชื้นจะตามมา
ผมสะดุ้งลืมตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ในหัวนึกอะไรไม่ออก ลืมแม้กระทั้งจะผลักมันออกไป มองสบตาคมดุนั่นแล้วคล้ายกับตัวเองถูกดูดกลืนเข้าไป มึนเบลอไปหมดรู้ตัวอีกทีลิ้นผมก็ถูกมันชักนำอยู่ในปากตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลมหายใจติดขัดเพราะถูกช่วงชิงทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมา กำมือทุบซ้ำๆที่ไหล่ของมันแต่ก็ไม่ถูกปล่อย
ท้ายทอยถูกช้อนกดไว้ผมกำลังตกลงไปในหลุมของมัน สายตาที่จับจ้องมามันเปิดเผยอะไรหลายๆอย่างจนไม่กล้าเบือนหนี ช่วงที่มันเอียงหน้าเบียดจูบเข้ามากกว่าเดิมผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดใจ รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักมันออกหันหน้าหนีกอบโกยอากาศเข้าปอด
“ม...มึง..มึงทำบ้าอะไรวะ” เป็นคำถามโง่ๆที่พ่นออกมาเพราะคิดอะไรไม่ออก ผมใช้หลังมือเช็ดน้ำลายที่ไหลเยิ้มเปรอะคางตัวเอง ความอุ่นร้อนยังคงติดอยู่จนต้องเม้มริมฝีปากไว้ ใจก็เต้นรัวจนเจ็บไปทั้งอก
“ไม่ขอโทษ...หรอกนะ” ผมหันมองมันทันที มันจะบอกว่าเผลอตัว ไม่ได้ตั้งใจหรือลืมตัว หรืออะไรก็ได้ ไม่ใช่แบบนี้!! มันไม่ถูก มันไม่ถูกต้องเลย!! เพราะมัน....
“มึงเป็นน้องกู”
“............”
“มึงเป็นแฝดกู” พอพูดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจเป็นเพราะ...ใบหน้าที่เหมือนกับผมกำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวด
ทุกอย่างที่มันรู้สึกกำลังส่งตรงมาถึงผมด้วยความที่เราเป็นแฝด...และในบางครั้ง... ความนึกคิดหรือความรู้สึก...
เราก็แชร์กัน
“.................”
“กลับกันเถอะ” เป็นผมที่เบือนหน้าหนีมันมองออกไปนอกหน้าต่างมองรถที่ค่อยๆขยับออกจากที่จอด ผมได้ยินเสียงมันกัดฟัน รับรู้ถึงความเสียใจ แต่ผมจะไม่ปลอบมันหรอก...
ปลอบไม่ได้...
ปล่อยให้รู้สึกไม่ได้...
มันผิด...
( สองแสน - เจ็ด : ผิด )
ดราม่าเล็กๆสำหรับค่ำคืนนี้ครับผมมมม
มาดึกนิดนึงนะขอรับ มาตอบคอมเม้นต์กันก่อนดีกว่า!!
เหมือนเพื่อนๆรู้กันนะ
สปอยนิดนึงว่ามันจะมีเฉลยว่าเพื่อนของสองรู้ได้ยังไงในตอนพิเศษขอรับ!!
สู้จ้า ชอบความเยนชาของแสนสองงง
ขอบคุณครับบบ
จากต้นเรื่องบรรยายว่า 2 แฝดเหมือนกันมากๆ เลยอยากให้บรรยายเพิ่มอีกนิดว่าซายแยกได้ยังไงว่าคนไหนที่เข้าไปช่วยวันนั้น เช่นดูจากบรรยากาศรอบตัว หรือไฝใต้ตา ประมาณนี้จ้า แต่ชอบฉากที่แสนไปขอนอนเตียงเดียวกับสองมากมาย น่ารักสุดๆๆ อยากให้มีฉากน่ารักอย่างนี้เยอะๆเลย :o8:
จะพยายามสอดแทรกเข้าไปเรื่อยนะครับผมม ขอบคุณมากๆครับที่แนะนำ แฮ่ :3123:
สำหรับคอมเม้นต์ไหนไม่ได้ตอบอย่าน้อยใจเด้อ ขอบคุณมากๆเลยครับที่ติดตามกันมาขนาดนี้
ตรงไหนอยากให้ อยากติชมบอกมาได้เลย คนเขียนพร้อมที่จะปรับปรุงซำเหมอ
รักคนอ่านทุกคนนนน //// คลานออก :katai5:
ดาวเสาร์
-
:m15: โถน้องแสน ลูกกก น่าเอ็นดู สองก็รีบๆรู้ใจซะทีน้า
-
"ไม่ขอโทษ...หรอกนะ"
ดีแล้วว ไม่ต้องไปขอโทษ เรื่องของความรู้สึก โทษใครไม่ได้!
สงสารแสนนน คำว่าแฝด คำว่าพี่น้องมันเจ็บมากแน่เลยยยยย
แต่เราก็เข้าใจว่าสองสับสนนะ...
:hao5:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
-
มันไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องหรอกนะสองแสน
เราไม่ควรเอาคำๆ นี้มาตีกรอบความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ค่อยๆ พิจารณาและยอมรับมัน
เพราะเราต่างก็แค่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อทำตามใจปรารถนาโดยไม่เดือดร้อนใครเท่านั้นเอง
:pig4:
-
"ไม่ขอโทษ...หรอกนะ"
ดีแล้วว ไม่ต้องไปขอโทษ เรื่องของความรู้สึก โทษใครไม่ได้!
สงสารแสนนน คำว่าแฝด คำว่าพี่น้องมันเจ็บมากแน่เลยยยยย
แต่เราก็เข้าใจว่าสองสับสนนะ...
:hao5:
มันไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องหรอกนะสองแสน
เราไม่ควรเอาคำๆ นี้มาตีกรอบความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ค่อยๆ พิจารณาและยอมรับมัน
เพราะเราต่างก็แค่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อทำตามใจปรารถนาโดยไม่เดือดร้อนใครเท่านั้นเอง
:pig4:
อืมมม......คิดเหมือน :L2: :L2: :L2:
ชอบที่สองเวลาเบลอๆ แล้วปล่อยความรู้สึกวางใจกับสอง
อิงแอบแนบชิด ไม่เว้นระยะห่าง แบบจับแขน ถูกเนื้อต้องตัวแสน
ให้ความรู้สึกฟินดี แต่แสนคงยิ่งสุขใจ ถูกสุดๆ :ling1: :ling1: :ling1:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
สองเอ๊ย อย่าไปยึดติดศีลธรรมมากนักเลย
-
:ruready ถ้าไม่อยากทานมาม่า....พี่สองขาาาาจงมองข้ามศิลธรรมไปค่ะ.... น้องแสนพร้อมลุยเสมอค่ะ.... o13
-
โอ้ยยยยยย แสนนนนนนน จิบ้าตายยย ชอบอ่ะะ
-
หน่วงอ่า....อีกคู่ก็น่าลุ้นนะคะ
-
เมื่อเช้าไปเจอรูปนึงมา ช่างเหมาะกับสองแสนและแสนสองมากๆ
เลยเอามาแปะให้ค้าบบ
เอามาจาก weibo มันถูกวาดโดยชาวจีนคนหนึ่ง
คนเขียนเลยจับมาอยู่ในเฟรมเดียวกันซะ!!
และปรับมุมปากนิดๆให้มันเข้ากัน
อะ... พบกันเลย แสนสองและสองแสน!!
(http://i.imgur.com/bLzbVWR.png)
ถูกใจคนเขียนฝุดๆ อ๊ากกกก :hao6:
// ดาวเสาร์ //
‘Our love is twin’
( สองแสน - แปด :รู้ตัว รู้ใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ )
อึดอัด..
เป็นบรรยากาศที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย บางครั้งที่เหลือบมองหน้าคนขับก็ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ผมควรจะเริ่มต้นยังไง หรือควรปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป
จูบกับผู้ชายและยังเป็นพี่น้องของตัวเอง มันไม่ได้แย่.. ผมไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้อยากอ้วก นั่นละคือปัญหาเพราะที่จริงแล้วความรู้สึกพวกนั้นควรจะเกิดขึ้น ผมขมวดคิ้วเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นมองไปท้ายรถของคันหน้าราวกับจะมีอะไรโผล่ออกมา
รถที่ติดไฟแดงนานทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด อยากถึงบ้านให้เร็วกว่านี้ อยากแยกตัวออกจากบรรยากาศที่พาคิดอะไรไม่ออกอย่างนี้ซักพัก.. ผมต้องการเวลา เช่นเดียวกับมันที่ต้องการเวลา
ในที่สุดผมก็ทนต่อความเงียบไม่ไหว เอื้อมมือเปิดวิทยุจากหน้ารถ เสียงอินโทรของเพลงไม่คุ้นหูดังขึ้น..
( เบื่อที่ต้องแสดงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นไม่รักเธอในทุกครั้งที่เจอกัน )
ผมได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างๆสะดุดจนต้องหันกลับมามอง มันยกมือขึ้นเสยผมลวกคิ้วเข้มขมวดจนหัวคิ้วเกือบคนกัน ใบหน้ายังไม่คลายความเจ็บปวดลง
( เหนื่อยที่ต้องแสดงแกล้งทำว่าใจของฉัน
ไม่ได้รู้สึกกับเธอสักนิดเลย
ที่ในใจฉัน มันมีแต่ความหวั่นไหว
และทั้งที่ในหัวใจ มันมีแต่เธอคนเดียว
หยุดรักครั้งนี้ต้องทำยังไง ยิ่งคิดยิ่งเหมือนว่าในหัวใจ มีเธอเข้ามาอยู่กลาง หัวใจฉัน
เจ็บที่ฉันยิ่งคิดยิ่งลืมเธอไป ยิ่งทรมานจิตใจทุกครั้ง ฉันไม่เหลือทางที่จะไป )
*เพลง หยุดรักยังไง – zeal
ยิ่งเพลงร้องมาถึงท่อนฮุก มือที่จับพวงมาลัยก็เริ่มบีบแน่นจนข้อนิ้วขาวไปหมด ผมเอื้อมมือไปวางทับมือมันไว้ด้วยความลืมตัว ต่างคนต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ ผมเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น
ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ... กลัวมันจะเจ็บ... มันไม่ได้พูดอะไรแต่คลายมือลงจากพวงมาลัยให้ผมจับทับไว้แบบนั้น
สงสัยตัวเองว่าทำไมยังไม่ยอมปล่อยมือ
สงสัยว่าทำไมตอนที่เห็นหน้ามันเจ็บปวดถึงได้หน่วงขนาดนี้
เพลงหยุดไปนานแล้วเพราะผมปิดแต่มือเรายังจับทับกันอยู่ตรงนั้น ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงแอร์และลมหายใจของตัวเอง ผมกับมันต่างฝ่ายต่างหันมองไปทางอื่นจนกระทั่งสัญญาณไฟเขียว ผมผละมือออกแต่อีกฝ่ายกลับคว้าไว้เหมือนลืมตัว มันทำหน้าตกใจเม้มปากก่อนคลายมือให้ผมชักกลับมาวางไว้บนตักตัวเอง
ความเงียบยังคงอยู่ตลอดทางจนถึงบ้าน ทุกครั้งมันจะหักหน้ารถไปจ่อรอให้ผมลงไปเปิดประตูแต่วันนี้มันจอดขนาบข้าง มันมองนิ่งไปข้างหน้าไม่แม้จะเหลือบตามามองผม มีแค่ผมที่หันมองเสี้ยวหน้ามันได้แต่อ้าปากแล้วหุบ อยากถามมันแต่ไม่กล้า
“จะไม่กลับ..ซักพัก” ในที่สุดมันก็เป็นคนพูดก่อนแต่เป็นประโยคที่ผมรู้สึกใจหายวาบ
“...ไปไหน”
“หอเพื่อน” นั่นสิ มันก็มีเพื่อนของมัน มันไม่ได้มีแค่ผมซักหน่อย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหวิวในอกแบบนี้ละ ผมบีบมือบนตักแน่น
“แล้วแม่กับพ่อ...มึงบอกแล้วหรอ”
“เดี๋ยวโทรมาเอง” ผมกับมันไม่เคยห่างกัน นอกจากเวลาเรียน ผมทำตัวไม่ถูก ไม่อยากให้มันไป ถึงจะต้องใช้เวลาแต่..แต่ไม่ใช่แบบนี้...
“อยู่...บ้านไม่ได้หรอ” เสียงที่พูดออกไปแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ผมมั่นใจว่ามันได้ยิน
“รู้ใช่ไหมว่าคิดอะไร”
“รู้...ต..แต่ว่า” ผมเงยหน้าขึ้นพอดีกับแสนที่มองจ้องมาพอดี สีหน้าของมันเจ็บปวดจนผมปวดหนึบไปทั้งอก
“ถ้ามึงจะพูดเรื่องพี่น้อง หรือฝาแฝดก็หยุดเถอะ”
“....”
“กูไม่อยากได้ยินแล้ว..” เสียงมันสั่นพร่าพร้อมกับหลับตาลงราวกับไม่อยากเห็น
ผมเปิดประตูรถแล้วเดินลงด้วยความรู้สึกวูบโหวง ไม่รู้ว่าเข้าบ้านมาแล้วตอบอะไรพ่อกับแม่ไปบ้าง พาตัวเองมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนสีขาวสะอาดตะแคงหน้ามองไปที่เตียงอีกฝาก กลิ่นหอมๆเย็นๆประจำตัวใครบางคนลอยเข้าจมูกถึงได้รู้ว่า ผมไม่ได้นอนลงบนเตียงตัวเอง
แสน..
แสนสอง...
ผมกัดริมฝีปากล่างมือกำขยุ้มเข้ากับผ้าปูที่นอน สับสน ว้าวุ่นใจไปหมด คิดทบทวนไปทีละเรื่อง ก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเอง... อาการเจ็บหนึบก็ยังไม่หายไปและตอนนี้มันเริ่มแปรสภาพมาเป็นน้ำใสที่คลอเต็มหน่วยตา
บ้าจริงๆ ที่ดันนึกถึงหน้าของมันตอนเจ็บปวด แล้วผมควรทำยังไง...
“โอ้โห หน้าอย่างกับศพเลยเพื่อนกู” เช้านี้เป็นบีมที่มารับผม เพราะผมส่งข้อความไปบอกกับไอ้แสนว่าไม่ต้องมา ผมนอนไม่หลับมาตลอดคืน คิดเรื่องของมันและคิดเรื่องตัวเอง พอเช้ามาเลยตัดสินใจได้ว่า ควรจะห่างกันแบบนี้แม้จะเจ็บปวด
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
“แล้วไอ้แสนละ รถไม่อยู่ด้วยนี่” มันถามพร้อมกับออกรถ ผมถอนหายใจหลับตาลงพิงกับเบาะก่อนจะตอบมันเบาๆ
“นอนหอเพื่อน”
“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?” หรี่ตาขึ้นมองแล้วเห็นไอ้บีมทำหน้าไม่ค่อยดีเลยตอบกลับไปให้มันสบายใจ
“เปล่า...”
“หืม...ทะเลาะกันหรอวะ ทุกทีไอ้แสนมันตัวติดมึงเป็นอะไรเลย แปลกๆนะเนี่ย” แอบสะอึกไปเล็กน้อย ฝืนหัวเราะออกมาเสียงแปร่งๆ
“ไม่ได้ทะเลาะหรอกน่า โตแล้วแยกกันบ้างเว้ย!”
“มึง...โอเคปะวะ” เลิกถามกูซักที
“โอเคดิ ไรมึงเนี่ย ฮะ ฮะ ฮะ”
“มีอะไรก็บอกกันได้นะเว้ย เพื่อนกัน” ถ้าพูดได้กูคงพูดไปแล้ว ผมฝืนยิ้มแล้วตอบกลับไป
“.มึงคิดมากไปแล้ว”
“แล้วมึงร้องไห้ทำไม”
เอ๊ะ... ผมจับที่หน้าตัวเองก็พบกับความเปียกชื้น ผมเลิกลั่กก่อนเสียงสะอื้นจะหลุดออกมาจากปากตัวเอง
ผม.. ร้องไห้ทำไม... ยิ่งปาดเท่าไหร่มันก็ยิ่งไหลจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ยกขาขึ้นมาเหยียบเบาะกอดเข่าแล้วซุกหน้าร้องไห้ออกมา เสียงครางสะอื้นดังออกมาด้วยความเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกำขยุ้มที่อกตัวเอง ยังเจ็บ... หลอกตัวเองเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บเท่านั้น
ผมขาดมันไม่ได้
พอๆกับที่ผมรักมันไม่ได้...
คิดมาทั้งคืน...ถึงได้พบกับใจตัวเองว่ารักมัน ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมผมสามารถอยู่ได้โดยไม่เคยมีแฟนมาก่อนแม้แต่คนเดียว ผมเพิ่งเข้าใจว่าแค่มีมันอยู่ก็ไม่เป็นไร
แต่สุดท้าย... ก็ต้องยอมรับว่า
ผมกับมันเป็นพี่น้องกัน
รถจอดสนิทที่ไหนซักที่ผมไม่รู้เพราะยังคงก้มหน้าก้มตาระบายความเจ็บปวดของตัวเอง สัมผัสอุ่นๆวางลงบนหัวของผมแล้วลูบเบาๆเหมือนปลอบโยนยิ่งทำให้ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
“ร้องออกมาให้พอเถอะมึง”
พระเจ้า..ทำไมถึงทำร้ายผมแบบนี้
ทำไมต้องให้ผมกับมันเกิดมาจากแม่คนเดียวกัน
ทำไมรักแรก และ รักเดียวของผม
ถึงเจ็บปวดจนอยากจะหยุดหายใจแบบนี้
( สองแสน - แปด : รู้ตัว รู้ใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ )
บอกได้คำเดียวว่าปวดใจ... :ling2:
เห็นสองร้องไห้แล้วทางแสนละ..
จะเป็นยังไงกันนะ..
ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยครับผม
ดาวเสาร์
-
สองไม่ร้องน้าาาาา น้องมันแค่สับสน แสนไม่ได้จะทิ้งสองสักหน่อย
จะแสนหรือสองก็เจ็บคนละแบบ งือออ
ไม่ร้องน้าทั้งสองคนนนน //กอดโอ๋เอ๋
-
ในที่สุดสอง ก็รู้ตัวว่ารักแสน
แต่มันรักไม่ได้ เพราะเป็นพี่น้องกัน
คนพี่คิดแบบนี้
แต่คนน้อง แสน ยังไงก็รัก
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
หนักใจ จะหาทางออกยังไง...
-
เจ็บทั้งคู่ :m15:
-
แอบรักกันไปปป
-
‘Our love is twin’
( พิเศษใส่ไข่ แสนสอง – สอง : ขอเวลา )
“เฮ้ย เบาเว้ยเบา เหล้าไม่ใช่น้ำนะมึง” ผมเหลือบมองคนที่รั้งข้อมือไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“.........”
“มาอยู่หอกูสามวัน แดกเหล้าไปเป็นลัง ตับไตมึงยังทำงานดีอยู่ใช่ไหม” ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ไอ้โต้ง มันบ่นทุกวันแต่ไม่เห็นจะห้ามจริงจังซักที
“.........”
“ทำหน้ากวนส้นตีน ถ้ามันทรมานขนาดนี้ทำไมมึงไม่กลับบ้านไป”
“ไม่พร้อม”
“เหอะ ไม่พร้อมเหี้ยอะไร เมาทีไรเรียกหาแต่ไอ้สอง กูถามจริงว่ามึงทะเลาะอะไรกัน รุนแรงมากหรอวะ?” ผมปัดมือมันออกแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้งเบนสายตาออกไปมองทีวีที่ยังไม่ถูกเปิด
“......”
“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า สัด! เล่นตัวฉิบหาย กูไปทำรายงานแล้วแม่ง เชิญแดกให้สบาย แล้วตายเพราะตับแข็ง” มันลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้อย่างกวนตีน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน
ผมมาอาศัยอยู่หอไอ้โต้งได้สามวันแล้ว จากวันนั้น...ผมโทรไปบอกแม่กับพ่อเรียบร้อย แม่กับพ่อไม่ว่าอะไร ผมไม่รู้ว่าสองเป็นยังไงบ้าง สามวันมานี่ผมไม่ได้ไปเรียนเลยอาศัยถามงานกับไอ้อ้นเพื่อนในคณะเอา เห็นว่ายังไม่มีอะไรเลยปล่อยไปก่อน
“เฮ้อ...” ผมพ่นลมหายใจมองแก้วแอลกอฮอกับขวดเหล้าที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง
คิดว่าจะหยุดแล้วละ ถ้าผมดื่มไปมากกว่านี้สงสัยจะตายเพราะตับแข็งอย่างไอ้โต้งว่า ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง จำไม่ได้แล้วว่าครั้งที่เท่าไหร่ ลูบหน้าลูบตาเรียกสติ
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนของแอพเขียวๆดังขึ้น ผมเหลือบตาไปมองก่อนจะส่ายหัวไปมาไม่คิดจะเปิดอ่านแค่เห็นว่าเป็นใครส่งมาก็รู้ไอ้อ้นคนเดิม และคงจะด่าเรื่องผมไม่ไปเรียนเหมือนเดิม คิดแล้วก็ตลกตัวเองตอนแอบรักว่าเจ็บแต่ไม่เคยเกเรขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากเห็นอยู่ในสายตา พอความจริงเปิดเผยกลับรู้สึกผิดจนไม่กล้าเผชิญหน้า เจ็บปวดกับความรักที่ไม่ว่ายังไง..ก็ไม่มีทางสมหวัง ทั้งๆที่เตรียมใจมาตลอดแท้ๆ
ผมลุกขึ้นจากที่นั่งเซนิดหน่อยเพระฤทธิ์แอลกอฮอล์ มือล้วงเอาบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกมาที่ระเบียง จุดไฟจนมันแดงวาบปล่อยควันขาวฟุ้งไปในอากาศ
“อย่าโดดนะมึง” น้ำเสียงแกมเย้าดังมาผมหันมองแล้วหัวเราะเบาๆ
“ดูกูสิ้นคิด?”
“หึ...พวกอกหักผิดหวังไว้ใจไม่ได้หรอก เอามาตัวดิ๊”
สัส...ผมด่ามันทางสายตาแต่ก็ส่งบุหรี่ให้มัน ไอ้โต้งหัวเราะร่วนชอบใจ กับมันผมไม่เคยหวงของหรืออะไรหรอกครับ ถือว่าเป็นเพื่อนตายกัน รู้สึกอุ่นใจอยู่เหมือนกันที่มีมันอยู่อย่างนี้
“เจ็บมากไหมวะ” อยู่ดีๆมันก็พูดขึ้นผมเลิกคิ้วหันไปมองมัน มันไม่ได้หันมามองผม มองตรงไปข้างหน้าเหมือนถามออกมาด้วยใจลอยๆ
“...ใช้ได้อยู่”
“กูถึงเบื่อความรัก...” ผมเหลือบมองมันประมาณว่าอารมณ์ไหน มันปล่อยควันขาวออกจากปากช้าๆก่อนจะหันมามองผม
“เลิกแดกเหอะเหล้า” ผมผงกหัวรับไม่พูดอะไรต่อมันกลับขยับเข้ามาใกล้ซะจนไหล่ชนกัน ไอ้โต้งทำหน้าแปลกๆในความคิดผม
“จูบผู้ชายมันดีไหมวะ”
“.......”
“นอกจากสองมึงเคยจูบใครปะ”
“.......”
“บอกกูหน่อยน่า...” ผมถอนหายใจใส่หน้ามันใช้นิ้วข้างที่คีบบุหรี่ดันหัวมันให้ออกไปห่างๆ มันก็โวยวายกลัวบุหรี่จี้ตัวเองจนผมหลุดหัวเราะ มันกำลังพยายาม พยายามจะช่วยผมให้ดีขึ้น ให้แข็งแรงขึ้น ผมรู้และขอบคุณมันทางสายตา มันเบ้ปากใส่
“มึงยิ้มแล้วสยองฉิบหาย” หันหน้าออกไปสูดพ่นควันกันต่อ
“...มีแต่คนว่าหล่อ” พูดกวนตีนตอบกลับไปซักหน่อย มันทำท่าโก่งคออ๊วก
“...กูว่าจะขอแม่ซื้อคอนโดวะ” ผมขยี้ปลายแดงฉานลงบนที่เขี่ยบุหรี่รูปกบสีเขียว ไอ้โต้งมันชอบอะไรโนเนะผิดกับหน้าตาของมันจริงๆ
“แล้วไอ้สอง”
“เจอกันที่มหาลัยกับวันหยุด..ก็พอแล้ว กูจะได้เลิกคิดซักที” พูดเองก็เจ็บเองจนต้องระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
“กูถามมึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอวะ ว่าเมื่อไหร่มึงจะเลิกคิดเลิกทำ” บุหรี่ของมันถูกดับไปแล้ว ผมกับมันยังไม่เข้าไปด้านในห้อง ยังคงทอดสายตามองไฟจากถนนและท้ายรถบนทางด่วนไปเรื่อยๆ
“แยกกัน...ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม” ผมยอมรับไปตามตรงหันมายิ้มขื่นๆส่งให้คนที่ยังจ้องหน้าอยู่ มันขมวดคิ้วมองผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ทำไมมึงไม่คิดว่าไอ้สองก็รู้สึกเหมือนกันละ?”
“...เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ถ้ามันเป็นไปได้ละ”
“กูบอกว่าไม่ได้ไง! เพราะมันเป็นคนพูดเอง! มันพุดเองว่าไม่ได้! พี่น้อง! มึงไม่เข้าใจหรอวะ” ผมระเบิดอารมณ์ใส่ด้วยความอัดอั้นหลังพูดจบก็ขบกรามแน่นหลับตาลง โต้งมันไม่ผิด..ผมไม่ควรมาพาลมันแบบนี้
“มีแค่กู..เท่านั้นละ” ผมพูดเสียงสั่นพร่า หัวเราะในคอด้วยความสมเพชตัวเอง บาปหนาจริงๆคนอย่างผม
ไอ้โต้งไม่ได้พูดอะไรต่อ มันตบไหล่ผมเชิงไม่ถือสา ผมทิ้งหน้าลงซบกับไหล่ของมันปล่อยให้พร่ำปลอบตามประสามัน ผมก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่งแต่ยอมรับว่าดีขึ้น มันเกรียนใส่เป็นระยะ ก่อนจะบ่นอุบ
“เหม็นเหล้า” ผมผละออกมองหน้ามันแล้วขมวดคิ้ว ก้มลงดมเสื้อตัวเอง เออ เหม็นจริงวะ
“สภาพมึงตอนนี้อย่างกับคนติดยา ตานี่ปรือเยิ้มเชียวมึง ตาก็ดำปี๋ ผมไม่หวี กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่หึ่ง โอ้โห เพื่อนกูมันแย่สุดๆไปเลยวะ” พูดซะผมเห็นภาพ หัวเราะใส่มันก่อนจะเดินเข้ามาในห้องมองซากขวดเหล้า โซดาแล้วมองหน้ามัน
“เก็บให้ด้วย อาบน้ำละ”
“ไอ้เพื่อนเชี้ยยย แดกก็ไม่ได้แดกด้วย แม่งเลว”
มันบ่นแต่ก็ทำให้ตลอด ผมส่ายหัวไปมาพอเดินเข้ามาถึงในห้อนอน รอยยิ้มก็หายไป ..
ตบลงอกซ้ายตัวเองหนักๆ
ไหวไหมวะ.. ทนหน่อยนะ อีกหน่อยคงจะดีขึ้นเอง
ยิ้มทุเรศๆปรากฏบนกระจกที่ผมกำลังจ้องอยู่ หน้าตาเหมือนจะตายให้ได้นี่มันเป็นใคร มึงเข้มแข็งจะตายนี่แสน.. เรื่องแค่นี้เองวะ มึงไม่ตายหรอก
ปังๆๆ
“รีบๆอาบโว้ย ปวดขี้!” ผมชะงัก อารมณ์ที่ดาวน์ลงไปถูกกระชากขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว
เพื่อนเหี้ย...หึหึ
ขอเวลากูหน่อยสองแสน... แล้วกูจะกลับไปเป็นแสนสอง
พี่น้องของมึง..
แฝดน้องของมึง..
อย่างที่มึงต้องการ
( พิเศษ แสนสอง - สอง : ขอเวลา )
--------------------------------------------
บนความเศร้ายังมีคนที่เข้าใจแสนสองละนะ..
ใครชอบโต้งบ้าง กดหนึ่ง!! แหะๆ
ดาวเสาร์.
-
ก็เข้าใจแสน ก็สองบอกพี่น้อง
แต่สองพูดเพราะตัวเองก็กลัวด้วย
มันยาก ไหนจะเพศเดียวกัน
ไหนจะพี่น้องกัน
ไหนจะพ่อแม่ สังคม
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ถ้าแสนย้ายออกไปสองจะต้องเศร้าแน่ เหงาแน่ๆ เจ็บปวดแน่ๆ ฮรืออ
แต่จะฝ่ายไหนก็เจ็บทั้งนั้นอะ ถ้าอะไรๆยังไม่เคลียร์กัน
สองก็ยังสับสนอะ งือออ ไม่เอาสิ ค่อยๆคุยกันนะ ฮรืออ เป็นกำลังใจให้!
:hao5:
-
หน่วงมากเลย
มันผิดแต่ก็รักไปแล้ว
มันห้ามไม่ได้
จะหน่วงไปไหนเนี้ยยยยย
-
ฮือออ ดีกันเร็วววว
-
ฮือออ...ฉัีนรักเขา
-
ลำบากใจจริงๆ เฮ้อออ
-
คำเตือน ตอนนี้หลากหลายอารมณ์โปรดปรับอารมณ์ให้ทันแล้วยิ้มไปด้วยกัน :hao6:
ดาวเสาร์.
‘Our love is twin’
(สองแสน – เก้า : กลับมา)
เป็นอีกคืนที่ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก หันหน้าออกไปมองเตียงข้างๆอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายวันนี้ ว่างเปล่า... มันยังคงว่างเปล่าเหมือนเคย ในใจของผมคล้ายกับมีรอยแหว่ง มันโดนอะไรซักอย่างแทะและกัดกินยิ่งนานวันรอยแหว่งนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“อึก..” เจ็บเหมือนกันไหมแสนสอง... รู้สึกเหมือนกันบ้างไหม...
ผมนอนมองเตียงว่างเปล่านั้นนิ่งๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที หรือกี่ชั่วโมง ผมยังคงมองมันราวกับว่าถ้าจ้องอยู่อย่างนี้เจ้าของเตียงอาจจะโผล่มาก็ได้.. ฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างแล้วเหมือนความทรงจำเมื่อวันก่อนก็หวนมา
“แสนจะขอไปอยู่คอนโดน่ะคุณ”
“อ้าว แล้วสองละ”
“ฉันก็ถามแล้วแต่แสนบอกว่าอยากลองอยู่คนเดียวบ้าง”
“อินดี้มั้งคุณ ฮ่าๆ แล้วคุณตกลงไปหรือยังละ”
“ยังค่ะ อันที่จริงฉันไม่เคยเห็นพวกเด็กๆแยกกันเลยนะ หลายวันมานี่เจ้าสองก็แปลกๆ”
“นั่นสิ .. เจ้าสองก็ดูเหม่อลอยแปลกๆ คุณควรเรียกลูกมาถามนะ”
“ค่ะ... ฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน”
ไหนว่าแค่ซักพัก...ทำไมถึงมาขอคอนโดกันละ จะไม่กลับมาเจอกันอีกเลยหรือไงแสน.. ตอนนั้นผมทรุดตัวลงนั่งบนบันไดขั้นบนสุดกอดเข่าตัวเองไว้ อยู่ดีๆก็รู้สึกหนาว ร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก้มมองหยดน้ำที่ตกกระทบแขนด้วยตาพร่ามัว แค่นหัวเราะในคอให้กับตัวเอง เจ็บเป็นบ้า..
ถ้าลองก้าวข้ามความไม่ถูกต้องนี้.. จะหายทรมานหรือเปล่า ต้องทำยังไงนะ... ความรู้สึกของหัวใจเรียกร้องประท้วงให้ทำตามใจ ความรู้สึกนึกคิดของสมองร้องประท้วงขึ้นมาว่าไม่ถูกต้อง ทำไม่ได้ ควรฟังฝั่งไหนกัน ผมดันตัวเองลุกจากที่นอนตัวเองมานอนบนเตียงของแสน วันนี้วันเสาร์ทั้งพ่อและแม่ไม่ต้องไปทำงาน ผมคงจะโดนซักจนขาวแน่ๆ จะบอกว่าอะไรดีนะ...
ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน สมองคิดหาเหตุผลดีๆที่จะไว้บอกพ่อกับแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดอะไรไม่ออกแต่จมูกดันได้กลิ่นเย็นๆประจำตัวใครซักคนขึ้นมาก่อน อยากจะลืมตาดูแต่ไม่กล้าตอนนี้ใจเต้นรัวจนแทบทะลุหน้าอกออกมา แสนหรอ..แสนใช่ไหม...
“...” สัมผัสอุ่นวางบนหัวของผมก่อนจะขยับลูบเบาๆเรียกน้ำตาร้อนๆให้ไหลออกมาได้ไม่ยาก
คิดถึง .. รัก..ไม่อยากห่าง ไม่เอาอีกแล้ว จากที่ร้องเงียบๆเสียงสะอื้นก็ค่อยๆหลุดออกมาเสียงในสมองไม่อาจสั่งอะไรได้อีกในตอนนี้ มีแต่ความรู้สึกมากมายที่ผสมปนเปกันไปหมด ผมตัดสินใจที่จะลืมตาเหมือนอีกฝ่ายจะตกใจมือที่อยู่บนหัวผมชะงักค้าง เรามองสบตากันแม้ผมจะเห็นไม่ชัดเพราะน้ำตาบ้าๆนี่ไม่หยุดไหล แต่ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน..
ถ้าปล่อยให้ความรักพันธนการเราเข้าไว้ด้วยกัน
“แสน...”
โดยไม่สนใจความรู้สึกผิดบาปใดๆ..
“ร...อื้อ” ยังไม่ทันได้พูดริมฝีปากของผมก็โดยปิดด้วยปากของมัน น้ำตาหยุดไปเหมือนถูกปิดสวิทซ์ ตาคมดุที่มองจ้องมาราวกับจะบอกกันว่ารู้สึกผิด ขอโทษ ผมโอบรัดรอบคอของแสนไว้มองจ้องกลับเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ถึงคำว่าที่ผมต้องการจะบอก
ไม่เป็นไร..
เสียงหอบสลับเสียงครางเครือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมโดนมันจูบดูดต่อเนื่องจนเริ่มรู้สึกเจ็บปากแต่พอโดนปลายลิ้นนุ่มนั่นไล้วนตามปุ่มเหงือกผมก็เผลอตอบรับออกไปทุกที ต่างฝ่ายต่างมัวเมากับรสจูบ จนบางอย่างที่แข็งขืนดันอยู่แถวต้นขาผมจึงสะดุ้งได้สติขึ้นมา ฟาดมือลงกลางหลังไอ้แสนจนมันนิ่วหน้ากัดริมฝีปากล่างผมอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด
เดี๋ยวกูชกให้! ผมถลึงตาใส่มัน
“หึ..” ราวกับได้ลมหายใจ ได้ชีวิตกลับมา..
ผมไม่สนใจเสียงของสมองที่สั่งให้หยุด ผมมองข้ามมันไปทันทีที่เห็นมัน พร้อมแล้วละ...พร้อมที่จะผิด พร้อมที่บาปไปด้วยกัน..
แต่ว่านะ... ขอซักหน่อยเถอะ
“กลับมาทำไมละ” ผมทำทีเป็นหันไปมองทางอื่นราวกับไม่อยากมองหน้า
“มาเอาของ”
“....”
“ไปละ” เป็นผมที่สะอึกหันขวับมามองหน้ามัน ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมา ปกติผมไม่ใช่คนอ่อนแอ..แต่ตอนนี้น้ำตากลับคลอขึ้นมาอีกครั้ง มันมองหน้าผมนิ่งๆก่อนตาคมนั่นจะประกายบางอย่างพร้อมกับริมฝีปากที่ค่อยๆขยับยิ้มทีละนิด
ผมโดนมันเล่นเข้าแล้ว
“ไอ้เหี้ย!” ผมคว้าเอาหมอนบนเตียง หมอนมันนั่นละปาให้หน้ามัน ลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้ววาดขาเตะช่วงไหล่ทันที มันหัวเราะยกแขนขึ้นกันอย่างไม่รู้สึกรู้สา
โคตรเสียเซลฟ์! จะแกล้งมันไง จะแกล้งงอน โดนแม่งเล่นคืน ไอ้เลว อ๊ากกกกกก
ก๊อกๆ
“สองตื่นหรือยังลูก” ผมที่โดนมันรวบตัวไว้อยู่บนเตียงสะดุ้งเฮือกพยายามดันไอ้แสนออกแต่มันไม่กระดิกเลย แถมโดนหอมแก้มอีก ผมถลึงตาใส่
“ตอบสิ”
“มึงก็ปล่อยสิ..” ผมกระซิบบอก มันกลับทำหน้ามึนใส่ โอ้ย อยากชกแม่งแต่ความคิดต้องหยุดลงเมื่อเสียงแม่งตะโกนมา
“เจ้าสอง!!”
“ตื่นแล้วค้าบบบบบบ” ผมรีบตอบบออกไปทั้งถีบทั้งผลักจนตัวเองหลุดจากวงแขนมัน ขยับไปเตียงตัวเองแล้วหายใจหอบด้วยความเหนื่อย
“อ้าว แสนมาตอนไหนลูก” แม่เปิดประตูเข้ามาพอดี ผมเลิกสนใจมันเดินไปกอดเอวอ้อนแม่
“ตอนตี 4 ครับแม่”
“ดีเลย วันนี้ตอนเที่ยงแม่จะพาไปกินข้าวข้างนอก ไปอาบน้ำแต่งตัวเจ้าสอง! แล้วรีบลงมากันละ” แม่ตีลงบนแขนผม.. เหมือนจะเบานะ..
แต่มันไม่เบาไง! ผมร้องโอดโอยเบาๆ ให้แม่ทำท่าจะหยิกอีกทีก็รีบวิ่งไปคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะตามหลังมา
เวลาเพียงไม่กี่นาที.. มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เพียงแค่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง
ก้าวข้ามเหตุและผลมากมาย
แค่นั้นเอง..
“ไงลูกชาย กลับบ้านได้แล้วหรอ” เสียงพ่อทักไอ้คนข้างๆผมตอนที่พวกผมเดินลงมาถึงชั้นล่างหลังจากแม่ไปตามรอบสอง ผมน่ะ! อาบน้ำเสร็จตั้งนานแล้ว แต่มันนั่นละ จับโน่นจับนี่จนผมไม่ได้แต่งตัวซักที! ตอนที่แม่เปิดประตูเข้าไปเจอนี่มันกำลังหอมแก้มผมเลย! โคตรอาย!!
“ครับ...” แต่ทำไมพ่อถึงมองผมแบบแปลกๆ เหมือน..ล้อเลียน...
หน้าผมร้อนผ่าวอีกครั้ง แม่ต้องเล่าให้พ่อฟังแน่ๆเลย โอ้ย ไอ้แสนแม่ง!! ว่าแล้วผมก็หันไปมองมันแบบเคืองๆ มันกลับตีหน้ามึนเลิกคิ้วหน้าเหรอหราเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ผิดกับสายตามันน่ะ!! น่าควักออกมาโยนทิ้งซะ!!
“นี่กลับมานอนบ้านแล้วใช่ไหม” ผมใจกระตุกไปกับคำถามนี่ อยากรู้เหมือนกัน ... เรานั่งลงบนโต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้ามกับพ่อ แม่คงไปเตรียมอาหารเช้าในครัว
“ก็....ครับ” ก่อนมันจะตอบมีหันมามองผมก่อนด้วยนะ ผมทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่แทบตะโกนร้องด้วยความดีใจ
“ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันซักทีนะ” แม่ที่เพิ่งเดินออกมาพร้อมโถข้าวต้มไล่มองพวกผมทีละคนแล้วยิ้ม
ทำไมผมรู้สึกความกดดันแปลกๆจากรอยยิ้มแม่
“แม่กับพ่อมีเรื่องจะคุยกับพวกเราเยอะเลยละ”
....
แล้วฉันเลือก...อะไรได้ไหม...
( สองแสน - เก้า : กลับมา )
---------------------------------
มาแล้วคนดี เราโละดราม่าทิ้งไป มาลุ้นกันใหม่ดีกว่าว่า
พ่อกับแม่จะพูดอันใดดดดด :katai4:
ดาวเสาร์
-
:L2: :pig4: :mew6:
-
มาแล้วๆ แสนสองๆ
รอฉากฟินๆ หวานๆนะค่ะ
เอ๊ะ!? แสนหื่นขึ้นรึเปล่าน๊า?
ลุ้นต่อไป เป็นกำลังใจให้
-
มีความมึนในอารมณ์ของนังสอง
จะบาปก็บาป มันจะเป็นบาปที่หอมหวานนะบอกเลย
-
คุณแม่จะคุยเรื่องอะไรค้าา
ตื่นเต้นๆ :ling1: :ling1:
-
พอรู้ใจตัวเอง อะไรๆมันก็ดีขึ้นมา
สอง เลยถึงเนื้อถึงตัวแสนทันทีเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เหมือนแม่จะรู้ไรๆนะ
สงสัยคิดว่าแสน งอนสองหรือเปล่า
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:hao7: ลุ้นมากกกกๆ :katai1:
-
แอบมาแถมให้นิดดดดดดดดดดดดด
(แถม พิเศษใส่ไข่ แสนสอง)
ครืด ครืด
ผมหันมองตามเสียงโทรศัพท์พอเห็นหน้าจอปรากฏชื่อแม่ก็ขมวดคิ้ว รีบหยิบมารับ
“ครับแม่”
( รับช้าเหลือเกินนะลูกชาย แม่จะโทรมาบอกเรื่องคอนโด ) เมื่อสองวันก่อนผมเพิ่งโทรไปคุยเรื่องขอห้องกับแม่ แล้วแม่บอกทิ้งไว้ว่าขอคิดดูก่อน
“ครับ..”
( แต่ก่อนอื่นแม่ขอถามหน่อยได้ไหม ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า ) เรียกว่าทะเลาะกันได้ไหมนะ ... ไม่สิ แค่ความรู้สึกไม่ตรงกันเลยแยกกันเพื่อความสบายใจของกันและกันต่างหาก..
“ไม่ได้ทะเลาะครับ”
( อย่ามาโกหกแม่นะแสน สภาพสองตอนนี้ไม่ดีเลย ใจลอยตลอด ทะเลาะกันทำไมไม่ยอมคุยกัน ) เสียงของแม่เริ่มฉุนเฉียว ผมลอบถอนหายใจ คงจะเก็บเรื่องของผมไปคิดละสิ ถึงได้เป็นแบบนั้น
“....”
( บางวันแม่จะไปปลุกก็เห็นนอนอยู่ที่เตียงของเรา ปกติเจ้าสองมันไปนอนที่ไหน!!) ผมถึงกับสบถในใจเมื่ออยู่ดีๆก้อนเนื้อในอกซ้ายก็ทำงานเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ เหมือนต้นไม้ที่ได้น้ำหลังจากแห้งแล้งมานาน ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา
“....สองอาจจะเหนื่อยเลยนอนผิดมั้งแม่”
( แสน แม่เป็นแม่ แม่รู้ดี เอาแบบนี้ดีไหม แม่จะไม่ให้ห้องจนกว่าแสนกับสองจะดีกัน โอเค ตามนี้ อะ แล้วก็พรุ่งนี้กลับบ้านด้วยละ มากินข้าวพร้อมกันซักมื้อ แม่ไม่กวนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ลูกชาย ตี๊ด ตี๊ด ) ผมอ้าปากค้างชักโทรศัพท์ออกจากหูมองหน้าจอที่ดับไปด้วยความมึนงง แม่พูดเอง ตอบเอง และวางไปเอง โดยไม่มีโอกาสให้เข้าได้แย้งซะด้วย แต่ก็นะ..
มันอาทิตย์กว่าๆแล้วนี่นาที่เขาไม่ได้กลับบ้านเลย
คิดถึงอยู่เหมือนกัน
“ไงวะมึง จะกลับบ้านหรอ”
“เออ แม่บังคับ” ผมตอบไอ้โต้งพร้อมกับนอนแผ่ไปบนเตียง มันมองผมแล้วส่ายหัว
“ถ้าเจอหน้ามึงจะทำไง” นั่นละ..คือสิ่งที่ผมคิดอยู่ ถ้าเจอหน้า..ผมจะทำยังไง
“ยังไม่รู้”
“งั้นกูบอกอะไรให้ เอาปะ” มันพูดพร้อมกับนั่งลงบนเตียง ยักคิ้วมองหน้าแบบกวนบาทา แต่เอาวะฟังไว้ก็ไม่เสียหลาย ผมพยักหน้ารับ
“ มึงก็แค่ทำตามใจตัวเอง แวบแรกที่มึงเห็นหน้า มึงคิดอะไร ทำแบบนั้นละ”
“......” คิดง่ายไปไหมมึง ผมเงียบแล้วมองหน้ามันด้วยความเหยียดหยาม
“เชื่อกูดิ เห็นหน้าก็รู้เอง”
นาทีที่เห็นมันนอนอยู่บนเตียงตัวเอง ความคิดถึง รัก ห่วงหา เจ็บปวดทุกอย่างตีรวนอยู่ในอก ขยับตัวเองเข้าไปใกล้หวังจะมองหน้าคนหลับให้ชัดกว่านี้ แต่อีกฝ่ายกลับลืมตาขึ้นมา.. ตากลมนั่นเหมือนเว้าวอน วอนขอจนอดไม่ได้ที่จะทำตามใจตัวเอง
อดขำกับตัวเองไม่ได้ กับสิ่งที่ไอ้โต้งมันบอก เห็นหน้า..ก็รู้เอง
( จบแถมพิเศษใส่ไข่ แสนสอง )
มาตอบเม้นต์กันดีกั่วววววววว :hao7:
มาแล้วๆ แสนสองๆ
รอฉากฟินๆ หวานๆนะค่ะ
เอ๊ะ!? แสนหื่นขึ้นรึเปล่าน๊า?
ลุ้นต่อไป เป็นกำลังใจให้
//แอบกระซิบ// แสนสองหื่นมาตลอดแต่ไม่กล้าแสดงออกกลัวสองแสนกลัวครับ! :hao6:
มีความมึนในอารมณ์ของนังสอง
จะบาปก็บาป มันจะเป็นบาปที่หอมหวานนะบอกเลย
เพราะสองแสนเพี้ยนนิดๆ ถึงเพี้ยนมากครับ 55555555
คุณแม่จะคุยเรื่องอะไรค้าา
ตื่นเต้นๆ :ling1: :ling1:
เกาะขอบเวทีเลย คืนนี้แน่นอน!!
พอรู้ใจตัวเอง อะไรๆมันก็ดีขึ้นมา
สอง เลยถึงเนื้อถึงตัวแสนทันทีเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เหมือนแม่จะรู้ไรๆนะ
สงสัยคิดว่าแสน งอนสองหรือเปล่า
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
งานนี้แม่อาจลงหวาย :hao6:
:hao7: ลุ้นมากกกกๆ :katai1:
เดี๋ยวคืนนี้เค้ามาใหม่ :katai4:
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะขอรับ ไม่ชอบหรือมันไม่สนุกตรงไหนสามารถแนะนำกันได้เลยนะขอรับบบ
/// เผ่นออกจากเล้า ///
-
ตกลงแม่ๆรู้เรื่องสองกับแสนยัง น่าจะยัง ป่ะ? 55555
อยู่ด้วยกันนนนน อยู่ด้วยกันนั้นแหละแสนนน
-
คืนนี้จะมาแน่นอนใช่ม้ายยย ไม่โกหกใช่ม้ายยย ยังไม่นอนเลย รอน้องสองอยู่เนี้ยะ :serius2:
-
เวิร์ดมีปัญหาครับคุณผู้ชม... เมื่อคืนเลยไม่ได้มา โมโหมาก
พิมพ์แล้วเซฟไม่ได้ขึ้น not.... บลาๆ ปิดเปิดใหม่เหมือนเดิม เสาร์อยากตาย!! :ling1:
วันนี้ได้โอกาสมาต่อแล้ว รักส์ทวกคนนน
ดาวเสาร์
‘Our love is twin’
( สองแสน - สิบ )
“คุณว่าไหมคะ ว่าลูกเราดูโทรมๆทั้งคู่แล้ว” มือที่กำลังคีบซูชิขึ้นมาใส่ปากชะงักค้าง มื้อเที่ยงที่พ่อกับแม่พาออกมากินวันนี้คือ อาหารญี่ปุ่น ผมกับแสนนั่งฝั่งเดียวกันและพ่อกับแม่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ผมก็ว่าจะทักตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” พ่อกับแม่จ้องเขม็งมาที่ผมสองคนเชิงกดดัน ผมได้แต่อึกอักนึกอะไรไม่ออกเตะขาไอ้แสนใต้โต๊ะเชิงให้มันตอบแทน มันเหลือบมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจ
ไอ้แสนคนเมื่อเช้ามันหายไปไหนวะ!
“งานเยอะครับ” ไอ้แสนตอบไปแต่หน้าพ่อกับแม่ยังมีความสงสัยฉายอยู่ ผมเลยเออออสมทบแสนไปยืนยันความเชื่อถือด้วยการก้มหน้าก้มตากินไม่มองหน้าใคร (?)
“ไม่ใช่ทะเลาะกันเพราะแย่งผู้หญิงคนเดียวกันหรอกนะ”
พรูดดด
“แค่กๆ แม่พูด.. แค่กๆ ไรเนี่ย” ผมพ่นข้าวปั้นออกมาด้วยความตกใจ มือก็ลูบอกตัวเองไปด้วย
“.... ปัญญาอ่อน” ไอ้เสียงนิ่งๆแต่ประโยคกระแนะกระแหนนี่ผมขอซื้อได้ปะวะ แต่ตอนนี้พูดไรไม่ออกได้แต่มองมันด้วยหางตาแบบเคืองๆ
“ไอ้ลูกคนนี้ กินยังไง เละเทะไปหมดเลย” ผมมองพ่อที่ถือถ้วยตัวเองออกจากองศาการพ่นของผมแล้วอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง เพราะพ่อนั่งตรงกับผมพอดี มีการทำหน้าขยะแขยงใส่อีก นี่ลูกนะ!
“ก็ดูแม่พูดดิพ่อ!”
“จริงหรือไง”
“ไม่ / ไม่จริง” ผมกับไอ้แสนพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมหันไปมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมก่อนเราจะหัวเราะออกมาเบาๆทั้งคู่
“ยังไงเราก็พี่น้องกัน ห้ามทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้เด็ดขาด” ผมสะอึกไปเล็กน้อย แม้จะก้าวข้ามเส้นแบ่งความสัมพันธ์นั่นแล้วแต่ก็อดรู้สึกไม่ได้
‘พี่น้อง’ ผมก้มหน้าซ่อนสายตาของตัวเองไม่ให้พ่อกับแม่จับสังเกตได้ มือข้างที่ไม่ได้จับตะเกียบกำแน่นอยู่บนตักก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อไอ้แสนดึงมือผมไปกุมไว้แทน ผมไม่ได้หันมองแต่กระตุกเล็กๆให้มันปล่อย กลัวพ่อแม่เห็นแต่ไม่เป็นผล มันยังคงยื้อไว้แถมสอดนิ้วประสานกับผมกุมไว้แน่น
อุ่น... มือของมันอุ่น จนหน้าผมร้อน ใจผมเต้นผิดจังหวะ ผมปล่อยให้มันจับไว้อย่างนั้นอย่างเลือกไม่ได้
แหนะ ไม่ต้องมากระแนะกระแหนผมหรอก เออ ใช่ ผมก็ชอบไง.. ฮ่าๆๆ
“ทีเมื่อก่อนจะแยกห้องนอนให้ก็ไม่เอา จะจับแยกเรียนคนละที่ก็ไม่เอา เดี๋ยวนี้จะมาขอแยก ไม่คิดว่ามันผิดปกติไปหน่อยหรือไง”
“โธ่พ่อ ไม่แปลกอะไรตรงไหน คนเราก็มีอารมณ์อินดี้กันทั้งนั้นละ อะ กินนี่นะค้าบบบ นี่ค้าบของแม่” ผมคีบอาหารส่งให้พ่อแม่เป็นการตัดบทสนทนา ไอ้คนข้างๆมันก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากกินและกิน
แทนที่จะช่วยกันบ้าง ด้วยความโมโหผมกระตุกมือตัวเองแล้วกระทืบเท้ามัน ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำแรงนะแต่มันสะดุ้งตะเกียบหล่นเลย หน้าแม่งเหวอแบบโคตรจี้ ฮ่า ๆ
“เอ้า! เดี๋ยวตัวพี่พ่นข้าว เดี๋ยวตัวน้องทำตะเกียบหล่น นี่พาฉันพาเด็กสามขวบมากินข้าวหรือไง” แม่ส่ายหัวพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ คนข้างๆมันหันมามองตาเขียวปั๊ดแต่..ฮูแคร์ ? กร๊ากกกก
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จแม่ก็พาไปซื้อของเข้าบ้านต่อ ผมเลยขอแยกไปดูพวกของใช้ตัวเองใครเสร็จก่อนให้โทรหากัน ผมเดินเข้าโซนแชมพูกับสบู่โดยมีไอ้แสนเดินตามต้อยๆเป็นลูกเป็ด
“กลิ่นนี้หอม” ผมสะดุ้งกับลมหายใจร้อนที่เป่าข้างหู ไม่กล้าหันหน้าไปมองมันเลยได้แต่กรอกตาไปมากลัวคนอื่นมอง
“มึงมาชิดทำไมเนี่ย”
“อยากดมด้วย” มันพูดจบก็กดจมูกลงบนไหล่ผม ผมเลยงอแขนกระทุ้งศอกใส่ท้องมัน จนไอ้แสนถอยไปกุมท้อง
“สม!” ผมเบ้ปากหันกลับมาสนใจสบู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมเป็นคนชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ สบายดี แต่สบู่ส่วนใหญ่มักจะทำกลิ่นหอมฉุนจนเวียนหัว หันไปใช้สบู่เด็กดีไหมวะ?
แผล่บ ผมเบิกตาสะดุ้งเฮือก ใจเต้นรัวร้อนวูบวาบไปทั้งหน้ากระโดดออกมากุมหูตัวเองไว้
“ไอ้เชี้ยแสน!” มันเลียหูผม! ไอ้ผักกล่ำ ไอ้()*()*@&&*%&@(!))_
“หึ” มันกระตุกยิ้มทำหน้ามึนใส่ ดวงตาสีดำสนิทของมันระยิบระยับจนน่าจิ้มให้ตาบอด ผมรีบหันหนีเช็ดๆหูตัวเองเดินไปทางอื่น ใช่ว่ามันจะไม่ตาม แต่ไม่อยากมองหน้าแม่งแล้วโว้ยยยย
“มึงไปเลือกของมึงดิ!” เดินมาได้ซักพักพอทำใจได้ก็หันมาหามัน มันกลับเลิกคิ้วแล้วชูตะกร้าให้ผมดู อ้าว มันหยิบตอนไหนวะ ของผมยังไม่ได้อะไรเลย
“ทำไมเลือกไวอะ..”
“...มึงกาก” ผมง้างตะกร้าเขียวในมือเตรียมจะฟาดมันซักที มันกลับหัวเราะทำผมชะงักค้าง ตาของมันหยีลงเป็นสระอิประกอบกับขี้แมลงมันเม็ดเล็กๆมันยิ่งมีเสน่ห์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ทำให้ใจผมเต้นแรงจนต้องรีบหันหนีเม้มริมฝีปากไว้แน่นจ้ำหนี
ไอ้บ้าแสน
“หูแดง”
“เสือก” ผมหันกลับมาถลึงตาใส่คนที่ยังเดินตามมาแกล้ง ไม่สนแล้วว่าหน้าตัวเองจะแดง หูจะแดงหรือเปล่า หวังแค่ให้มันเลิกแกล้งซักที ใจสั่นจะตายอยู่แล้ว
“หึ..น่ารัก”
“........” ผมหันหลังกลับเดินหนี
“อยากกอดวะ”
“..........” ผมเม้มปากหันมองหาแม่
“ขอจูบทีดิ”
“.........” สลัด... ฟัก ฟัก ฟัคคคคค
“หึหึ”
คิดว่าผมจะเป็นยังไง..
คิดว่าผมจะทำอะไรได้..
ลาก่อนโลก
“ไม่สบายหรือเปล่าลูก” แม่ทักด้วยสีหน้าเป็นกังวลตอนที่ผมเดินมาถึง
“ไม่นี่แม่”
“หน้าแดงจัง กลับบ้านกินยาหน่อยนะลูก” ......พอแม่พูดจบ เสียงหัวเราะก็ดังมาจากข้างหลังทันที เพราะมันนั่นละ ฝากไว้ก่อน! ผมหัวเราะแห้งๆใส่แม่แล้วพาเปลี่ยนประเด็น
“พ่อกับแม่ได้ของครบหรือยังครับ”
“ครบแล้วๆ ไปคิดเงินกัน” พ่อเดินนำไปที่แคชเชียร์ผมยัดตะกร้าตัวเองใส่มือไอ้แสนแล้วเดินหนีออกมายืนด้านนอกรอรับถุงใส่รถเข็น ระหว่างยืนรอผมก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยแต่พอหันกลับมาก็เจอสายตาของมันมองอยู่ทุกที แรกๆผมก็หันหลบละครับ พอหนักๆเข้าผมเลยถลึงตาใส่แม่งซะเลย
กวนตีน!!
“ตกลงเรื่องคอนโดเอายังไงแสน” พ่อถามตอนที่พวกเรามาถึงบ้านแล้ว ผมใช้หางตามองคนข้างๆรั้งเอาของตัวเองมาถือไว้เดินขึ้นห้อง เรื่องของใคร เรื่องของมัน แก้เองโว้ย
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คุยอะไรกับมัน อยากรู้อยู่นะแต่ไม่กล้าพอที่จะแอบฟังกลัวคำตอบของมันไม่ถูกใจตัวเองแล้วจะเครียดเอาเปล่าๆ ผมเรียงของตัวเองไว้หน้ากระจกและในห้องน้ำจนเสร็จก็ถอดกางเกงยีนส์ใส่แค่บ็อกเซอร์ลายสปอนบ๊อบกับเสื้อยืดตัวเดิม นอนแผ่บนเตียง
พออยู่นิ่งๆเงียบๆ สมองก็เริ่มทำงาน เรายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนอกจากการแสดงออกทางกาย ระหว่างที่มันไม่อยู่บ้านมันไปอยู่ไหนมาผมก็ไม่รู้ มันเริ่มรู้สึกกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วการกลับมาครั้งนี้มันล้มเลิกที่จะออกไปอยู่คนเดียวหรือยัง แม้จะดูเป็นผลลัพธ์ที่ดีในวันนี้แต่ถ้าต้องแยกกันอีกจะทนได้หรือเปล่า
ใช้สมองมากเข้าความง่วงก็เข้าโจมตี เมื่อเช้าตื่นไวไปหน่อย ผมขยับตัวให้นอนได้อย่างสบายก่อนจะเผลอหลับไป
คนที่เพิ่งคุยกับแม่เสร็จเปิดประตูเข้ามาแล้วระบายยิ้มบางๆ วางข้าวของที่ติดมือมาด้วยไว้ปลายเตียงตัวเองเดินมาที่ข้างเตียงคนหลับ โน้มตัวลงจูบมุมปากตาพราวระยับกระซิบเสียงแผ่วก่อนกดจูบลงอีกหน
“รักนะครับ”
( จบสองแสน - สิบ )
-
:ling1: อยากได้อีกกกกก....มาต่ออีกไว้ๆนะค่ะ... :ling1:
-
เรื่องคอนโดว่ายังไงเอ่ย :katai4:
เกาะเตียงคอลุ้นกับสองแสน
-
มีความค้างคาระดับ10
555555 คนมันรักอ่ะมันไม่ห่างหรอกเรารู้เราอ่านมาเยอะ555555 รักก็บอกเค้าไปอยากอยู่ใกล้ก็บอกเค้าสะ
อิๆๆๆๆๆ ชอบบจังงง :hao5: :hao5:
-
คอนโด อาจยังขอ :hao3:
แต่แสนก็ ต้องพาสองไปอยู่ด้วย แอร๊ยยยย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
คอนโด อาจยังขอ :hao3:
แต่แสนก็ ต้องพาสองไปอยู่ด้วย แอร๊ยยยย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
มีความมโนเหมือนกันฮ่ะ อยู่บ้านมันพรอดรักกันไม่สะดวกเนอะ :hao6: :hao6:
-
เขาไม่ได้แย่งผู้หญิงคนเดียวกัน
แต่กำลังแยกความรักกันอยู่(?) 55555
ไปอยู่คอนโดทั้งแสนและสองเลย อะไรๆจะได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวดี--- 5555
-
คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนรับได้กับเรื่องแบบนี้
ระวังตัวกันหน่อยนะแฝด อย่าให้พวกท่านรู้เลย
-
มาปูเสื่อนอนรอ พี่สองน้องแสน ย้ายเข้าคอนโดคร่าาาา :katai3:
-
‘Our love is twin’
( สองแสน - สิบเอ็ด )
เป็นคืนแรกในรอบสองอาทิตย์ที่ผมสามารถหลับสนิทยันเช้าได้ หลังจากเผลองีบไปตอนบ่ายช่วงห้าโมงแสนก็ปลุกให้ผมลงมาทานข้าวพร้อมพ่อแม่ กลับขึ้นห้องมาอีกทีก็สองทุ่ม ผมไม่ได้อาบน้ำและหลับไปเลย พอลืมตามาเจอหมาแสนนอนเบียดอยู่ในระยะกระชั้นชิด
ผมไล่สายตาจากแพขนตาที่แนบกับผิวแก้ม ผ่านจมูกโด่งปลายมน ลงมาถึงริมฝีปาก ผมเผลอเม้มปากตัวเองอย่างลืมตัวเมื่อนึกถึงรสสัมผัสที่ได้สัมผัสไปเมื่อวาน เหม่อมองริมฝีปากของแสนนั่นอยู่นาน รู้ตัวอีกทีริมฝีปากตัวเองก็แนบกับแสนเรียบร้อยแล้ว ผมกระพริบตาปริบๆเรียกสติตัวเองตั้งใจว่าจะผละออกแต่ถูกคว้าคอไว้
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจใบหน้าร้อนวูบวาบ ผมแน่ใจว่าตอนนี้มันคงแดงเห่อไปหมด ยิ่งมองสบตาคมที่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนยิ่งหวิวไปทั่วช่องท้อง แรงขยี้เบาๆจากมันทำให้ผมต้องเปิดปากรับลิ้นนุ่มเข้ามา ผมเผลอไผลและเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่ร้อนแรงขึ้นทีละนิด น้ำลายของเราไหลเปรอะตามมุมปากจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร
“อือ..”
ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ตัวเองถูกมันคร่อมไว้ และเสื้อนอนลายเป็ดที่จำไม่ได้ว่าใส่ตอนไหนถูกปลดกระดุมจนหมด มันแบะเสื้อผมออกด้านข้างจนแผ่นอกเปลือยเปล่าปะทะกับลมแอร์เย็น ผวาเฮือกเมื่อตุ่มไตบนอกถูกมันสะกิดเขี่ย
ไม่ได้.. มันชักจะเลยเถิดเดี๋ยวแม่กับพ่อมาเห็นทำยังไง ผมเบี่ยงหน้าหลบจูบจากมัน แต่นั่นกลายเป็นการเปิดโอกาสให้มันได้ซุกไซร้ซอกคอเสียแบบนั้น
“ส..แสน มึง อึก...ไม่ได้” มือไม้ที่ลูบไล้บนอกถูกผมจับไว้ ลมหายใจร้อนพ่นออกหนักๆ ไม่ใช่ไม่มีอารมณ์ ผมก็ผู้ชาย แล้วยิ่งเช้าๆแบบนี้ น้องชายก็ทำงานดีเสียด้วย
“ฮืม..” เสียงกึ่งคำถามในลำคอดังขึ้นแต่มันไม่ได้หยุดมือแต่อย่างใด เข่าซ้ายกดแทรกเข้ามาหว่างขาของผมถูไถกลางลำตัวที่แข็งรับอรุณอยู่แล้วจนผมหลุดครางออกมา
“อะ..แสน...อ..อืม.. เดี๋ยวแม่..” แสนมันชะงักเหมือนกับมีคนมากดปุ่มพอสไว้ ผมและมันต่างมองสบตากัน ความต้องการ ความกระหายถ่ายทอดออกมาทางสายตา ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจหนักๆ
“ให้ตาย..แม่ง” มันพูดพร้อมสบถออกมาอีกหลายคำ ลุกออกจากตัวผมไปแล้วตรงเข้าห้องน้ำไป ผมเม้มปาก ตอนนี้ก็ปวดหนึบที่เป้าไม่ต่างกัน แถมยัง.. เขินโว้ยยยย ผมคว้าหมอนที่มันหนุนมาทั้งคืนปิดหน้าตัวเองดิ้นพล่านไปบนเตียงจนเหนื่อย นอนฟังเสียงน้ำจากฝักบัวไปก็ต้องคอยกดเป้าตัวเองไปขนาดเหนื่อยๆมันยังไม่ลงเลย ไม่กล้าเอาออกมาปลดปล่อยด้านนอกด้วย กลัวคนในห้องน้ำมันจะออกมาให้ได้อายกันอีก
เมื่อกี้ผมเอะใจอยู่อย่าง ผมใส่ชุดนอนลายเป็ดนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก้มมองตัวเองแล้วก็งง จำได้ว่าเมื่อคืนนอนเน่าทั้งเสื้อยืดกางเกงเตะบอลนี่หว่า หรือว่าแสนเป็นคนเปลี่ยนให้ หน้าแบบมันน่ะนะ?
ผมคิดไปซักพักก็ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด รีบก้มงุดลุกจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำ กลิ่นสบู่ประจำตัวของไอ้แสนหอมฟุ้งไปทั้งห้องน้ำแสดงว่ามันอาบน้ำด้วยเลย ผมไม่รอช้ารีบทำร้ายน้องชายตัวเองท่ามกลางกลิ่นของมัน
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ช่วยตัวเองแต่คราวนี้กลับมีความรู้สึกมากกว่าเดิม ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน บ้าเอ๊ย
“อึก” ผลผลิตเหนียวขุ่นทะลักเต็มฝ่ามือ ผมหอบหายใจยืนปรับอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ถึงจะได้อาบน้ำชำระล้างตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจหลังจากปลดปล่อยตัวเองไปแล้ว คือ..
ไม่พอ ..
ผมเดินออกจากห้องน้ำมาเห็นมันนั่งอยู่ที่เตียงกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำบนเส้นผมตัวเอง แค่เพียงมันเหลือบตามามองผมก็ร้อนวาบไปทั้งหน้า ขบริมฝีปากล่างเดินหนีรอยยิ้มร้ายกาจนั่นไปหาเสื้อผ้าใส่ ปากก็ด่ามันไปเบาๆไม่หวังให้ได้ยินหรอกเดี๋ยวจะโดนมันเอาคืน ไอ้แสนมันชอบเล่นแรง!
“เออแสน” ผมแต่งตัวไปก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ มันหันมามองเลิกคิ้ว
“กูไม่เห็นซายเลย” คิ้วมันขมวดเข้าหากันฉับจ้องผมเขม็งจนรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ มามองกดดันกูทำไมวะ ก็แค่อยากจะพูดให้ฟังเฉยๆแม่งงง
“มานี่” มันกระดิกนิ้วเรียก ผมสวมเสื้อเสร็จก็เดินไปหาอย่างว่าง่าย ผ้าชนหนูที่พันเอวออกมาเมื่อกี้พาดบนบ่ามันไว้ เอาไปตากให้กูซะ ผมยักคิ้วใส่
“กวนตีน ฟัง” ไอ้แสนตบหัวผมเบาๆก่อนจะถอนหายใจปรับสีหน้าเป็นจริงจัง จนผมต้องทำตาม มันจะพูดเรื่องอะไรวะ?
“คบกัน”
“หะ?” เหมือนเมื่อกี้ผมได้ยินไม่ถนัดเลยถามย้ำมันอีกที มันทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะพูดซ้ำคำพูดเดิม
“คบกัน”
“อะไรคบกัน” ไม่เข้าใจ ใครคบกัน ซายกับใคร? อยากบอกนะว่า
“.....”
“มึงกับซายคบกันหรอ!” ผมลุกขึ้นพรวดชี้หน้ามัน น้ำตาไหลขึ้นคลอด้วยความโกรธ
“ไอ้น้องจระเข้ มึงมันเลว มึงคบกับมันแล้วจะมาทำกับกูอย่างนี้ทำไม! ฮึก.. มึงสนุกนักหรอ!” ผมหลุดสะอื้นออกมาเล็กน้อยมันทำหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ
“ปัญญาอ่อนฉิบหาย”
“กูได้ยินนะ!!” ไม่ต้องมางึมงำเลยไอ้สลัด หูกูดี ฮืออ
“แม่ง กูหมายถึงเรามาคบกันไง” เอ๊ะ? ผมชะงักหยุดร้องไห้ราวกับมีคนสั่งปิดทันทีมองหน้ามันแบบไม่เข้าใจ จนกระทั่งเห็นหูของไอ้แสนแดงขึ้นมา หน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นตามทันที ไอ้แสนเขิน!
คนอย่างไอ้แสนเขิน!! กูเขินไปด้วยเลย แม่มม ไอ้ห่านิ!! ผมจ้องมองหูมันอยู่อย่างนั้นจนโดนตีที่ต้นขา
“ตอบ”
“กูไม่ตอบได้ไหม”
“ทำไม”
“แสนเราควรมาคุยเรื่องนี้กันจริงๆจังๆแล้วละ” ผมขยับตัวขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงกอดหมอนหนุนไว้ มองหน้ามันเขม็ง หน้ามันฉายความสงสัยไว้เต็มเปี่ยม เหมือนแมวฉงนน่ะ พอนึกภาพตามถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“เราให้พ่อกับแม่รู้ไม่ได้” ผมเอ่ยขึ้น ไม่อยากปกปิดเลยแต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้หรอก แม้กระทั่งสังคม ถ้าเพื่อนกูรู้ละ
“อืม...”
“อยู่กันแบบเดิม เพิ่มเติมคือกูรักมึง” แสนชะงักไปผมรีบพูดต่อ
“ถ้าเราก้าวข้ามเส้นไปแล้ว เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ” อันนี้เหมือนกับผมถามมันแต่แท้จริงแล้วผมถามตัวเองด้วย ผมพร้อมหรือเปล่า ต้องระวังตัวหน้าดูทั้งคำพูด การกระทำ ถ้าคนรอบข้างรู้ขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ไม่ง่าย... มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
“รู้แล้ว ไม่เปลี่ยนหรอก” คำพูดที่คล้ายจะพูดไปให้ผมสบายใจ แต่มันกลับหนักแน่นในความรู้สึก เหมือนมันกำลังย้ำให้ผมมั่นใจว่ามันจะไม่มีวันทิ้งผม กลายเป็นผมอีกครั้งที่เขินจนทำตัวไม่ถูก มันไม่ได้พูดแซวหรือทำให้เขินกว่าเดิมนอกจากคว้าเอาผมเข้าไปกอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจ..ที่กำลังเต้นอยู่
ผมวางมือตัวเองข้างนึงลงบนตำแหน่งหัวใจตัวเอง หลับตาฟังทั้งของตัวเองและของอีกฝ่าย แล้วต้องยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ว่า มันเต้นรัวเร็ว เป็นจังหวะเดียวกัน
( จบสองแสน - สิบเอ็ด )
-----------------------------------
มาดึกนิดนึงขอโทษด้วยขอรับ แต่ก็มานะ!
ช่วงนี้งานเยอะอยู่เหมือนกันเลยไม่ได้มาแต่หัววัน
แอบมอบฉากกุ๊กๆกิ๊กๆให้นิดนึงงงง ฮิฮิ
ดาวเสาร์
-
มาต่อแล้ว แสน&สอง
ลุ้นอยู่ว่าแสนจะทำอะไรสองไหม?
กลัวโดนคนจับได้อยู่...
แต่ถ้าแสนออกไปอยู่คอนโด แล้วเอาสองไปด้วย คงจะสะดวกทำอะไรได้หลายอย่าง หึๆ
-
พวกเด็กๆ ทำไมนอนไม่ล็อคประตูหล่ะลูกกกกกก เสี่ยงกับการแม่เปิดมาจ๊ะเอ๋มมว้ากกก คิดถึงคู่แฝดละ o18
-
:mew4: ในความเป็นจริงยังไงก็ไม่เกิดขึ้น
แต่ที่นี่คือนิยายและเราเชื่อว่าไรท์จะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างแฮปปี้หรือป่าว?
ยังไงก็ต้องผ่านไปถคงมันจะขมแต่มันก็อมหวานนะเราเชื่อ
เรารอแสนกะสองนะ55555 อยากให้เค้ามีความสุขเว้ยยยยยยยยยยยย♡♡
-
ใจเดียวกันแล้ว อูยย.....สองเริ่มก่อนด้วย
แสนคงอิ่มเอม ยินดีสุดๆ
แสน สอง :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เป็นที่ขัดอกขัดใจแสน สอง มากๆ
แสนคงหาวิธีละนะ งุ่นง่านซะจริงๆเลย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ความแฝดนี้//// ชอบมากกก พึ่งได้ล็อคอินเข้ามาเม้นเองงงง ระบบมันเบลอๆ อยู่ๆก็เข้าไม่ได้
อยากบอกว่าติดตามมาซักพักแล้วคะ
เชียร์ทั้งคู่อยู่น้า
-
‘Our love is twin’
( สองแสน – สิบสอง : ห้องหอ )
“มึงจะไปไหนแสน” ผมโดนลากออกมาจากบ้านหลังจากเคลียร์เรื่องตัวเองกับมันเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าจะนอนอยู่บ้านสบายๆซักหน่อย
“เดี๋ยวก็รู้” อะไรของมันวะ พอไม่ได้คำตอบผมเลยนั่งเปิดเพลงฟังเล่นโทรศัพท์ไปตลอดทาง ถามว่าอึดอัดไหมอยู่กันเงียบๆไม่คุยกันแบบนี้ ไม่นะ.. ผมชิน ถ้าวันไหนมันพูดเยอะพูดมากวันนั้นโลกแตก
พอมันเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปในตึกตึกหนึ่งผมก็หันมองหน้ามันทันที ที่มันพามาวันนี้คือคอนโดฯ สูงราวๆสามสิบชั้นได้ ผมกะเอาด้วยตานะ
“มาทำไม..”
“ลง” มันไม่ตอบคำถามแต่กลับสั่งผมด้วยเสียงนิ่งๆมึนๆของมัน แล้วผมทำอะไรได้! ได้แต่ฮึดฮัดลงจากรถแบบไม่เต็มใจ เห็นมันเหลือบมามองแล้วยกยิ้มแบบนี้ผมละอยากจะชกให้เบ้าตาเขียวจริงๆ
“หงุดหงิดอะไร” ผมไม่ตอบไอ้ปากหนักนี่ จะทำอะไรแม่งไม่บอกซักอย่าง ถ้าผมเป็นคนงี่เง่าซักหน่อย ร้องไห้ปี่แตกขึ้นมา หาว่ามันจะทิ้งมาอยู่คอนโดฯนี่ทำไง
มันเดินมายืนข้างๆกดฝ่ามือดันหลังให้ผมเดินไปพร้อมกัน แม้จะหงุดหงิดไปบ้างแต่ด้วยความอยากรู้ผมก็เดินอย่างไม่เกี่ยงงอน มันทาบคีย์การ์ดเข้ามาด้านใน ก็เจอตู้จดหมายเรียงกันเป็นแถวแนบกับผนังฝั่งหนึ่ง หน้าตู้แต่ละตู้จะมีเลขห้องกำกับอยู่ ผมมองมันอย่างตื่นตาตื่นใจ เคยเห็นแต่ในหนัง!
มันดันผมมาทางลิฟท์ทาบคีย์การ์ดบนแผงเล็กๆสีดำครู่นึง ประตูลิฟท์ก็เปิดออก พวกเราขึ้นมาถึงชั้น 25 แสนมันก็เดินนำผมไปที่ประตูห้องหนึ่งเกือบจะริมสุด ผมนับประตูห้องทั้งชั้นมีแค่ สี่ห้องแต่ตึกกว้างแบบนี้ห้องต้องใหญ่มากแหงๆ
“รหัสวันเกิดเรา” มันบอกพร้อมกับกดที่ตัวล็อคหน้าห้อง คล้ายกับสอนผมให้ดู ผมพยักหน้ารัวๆรับจนมีเสียงสัญญาณเบาๆประตูก็เปิดออก ผมปล่อยให้มันเดินนำเข้าไปก่อนแล้วเดินตาม ไอ้แสนถอดรองเท้าใส่ไว้ที่ตู้ติดผนังด้านขวา ด้านหน้าเป็นพื้นต่างระดับเล็กน้อย เหมือนตรงที่ผมอยู่คือสำหรับไว้ถอดรองเท้านั่นละ
“สลีปเปอร์ค่อยซื้อ” มันพูดแค่นั้นก็เดินดุ่มๆไป ผมเดินตามเข้ามาก็เห็นห้องนั่งเล่นขนาดไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมายแต่พอจะให้รู้สึกปลอดโปร่ง มีโซฟา ทีวี ชุดโฮมเทียร์เตอร์เล็กน้อย แต่ที่เด็ดสุดคือ ผนั่งฝั่งนั้นทั้งฝั่ง เป็นกระจกหมดเลย! ผมรีบวิ่งไปเกาะดูแล้วพบว่ามันเป็นระเบียงด้วย!!
“ออกไปดูข้างนอกสิ”
ด้านนอกอย่าที่คิด ด้วยความสูงและไม่มีตึกใหญ่มาบังทำให้ผมเห็นวิวโดยรอบได้อย่างชัดเจน มองอยู่ไม่นานก็โดนกอดจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ผมสะดุ้งยืนตัวแข็งจนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากมันนั่นละ ถึงได้รู้สึกตัว
“ชอบไหม” น้ำเสียงมันแปลกไปกว่าทุกที ปกติได้ยินแต่เสียงแข็งๆแต่นี่มันกลับ...พูดเสียงนุ่มจนหน้าร้อนขึ้นมาทันที พยักหน้าตอบมันไปทำทีเป็นมองนั่นมองนี่ หวังว่าเสียงหัวใจจะไม่ดังเกินไปจนมันได้ยินหรอกนะ
“ดีแล้ว ไปดูห้องนอนกัน” มันกดจมูกหอมเข้าที่ซอกคอผมก่อนจะจับมือพาเดินไปที่ประตูไม้ครีม พอเปิดเข้าด้านในก็เป็นเตียงขนาดใหญ่ คลุมด้วยผ้าปูสีขาวแต่ผ้านวมเป็นสีเทาเช่นเดียวกับปลอกหมอนและหมอนข้าง มันดูนุ่มนิ่มจนผมต้องสะบัดมือมันออกแล้วกระโจนขึ้นเตียงทันที
“ใจร้อนจริงๆ หึหึ” เสียงปิดประตูพร้อมลงล็อคดังขึ้นหลังจากมันพูดเสร็จ ผมพลิกตัวกลับมามองมันแล้วเบิกตากว้าง มันทำท่าทางปลดกระดุมกางเกง! แม่งเป็นบ้าอะไรวะ!
“ไอ้เชี้ยแสน!” มันปลดแค่ซิบลงแต่หันมาถอดเสื้อโยนใส่หัวผมแทน ผมตาลีตาเหลือกกลิ้งลงจากเตียงไปอีกฝั่งทันที
“หือ..” มันเลิกคิ้วยิ้มกรุ่มกริ่มใส่ผม ให้ตาย! ไม่เคยเห็นมันมุมนี้มาก่อนเลย แล้วแม่งก็ทำให้ผมใจเต้นแรงมากด้วย อ๊ากกกก
“ไม่เล่นนะโว้ยยย ไม่เอา!” ผมหันซ้ายหันขวาหาของอะไรปามันดี กะว่าถ้ามันเดินเข้ามาผมจะหวดให้ดิ้นเลย เชี้ยแสงแม่งงง
“หึหึ ฮ่าๆ” อยู่ๆมันก็หยุดแล้วนั่งลงบนเตียงหัวเราะจนตาหยิบหนีลง ผมเม้มปาก อยากจะโกรธที่มันแกล้งอยู่หรอก แต่แม่ง.. น่ารักวะ ฮิฮิ เขิน
“มึงแม่ง...”
“กูไม่รีบ..มีเวลาอีกเยอะ” ไม่วายหันมามองด้วยสายตาหื่นแบบนั้นอีก นี่ผมพลาดหรือเปล่ามารักมันเนี่ย ไอ้บ้าเอ้ย ได้แต่ตีอกชกหัวตัวเองครับนาทีนี้ ก่อนจะนึกได้
“ได้ห้องมาเมื่อไหร่”
“เมื่อวาน” หมายถึงตอนที่แม่เรียกคุยด้วยหรือเปล่า
“แล้ว..กู..”
“แม่ซื้อแบบสองห้องไว้ แต่บอกแม่ให้เปลี่ยนเป็นห้องทำงานไปแล้ว”
เท่ากับว่า
“เรานอนเตียงเดียวกัน?” ผมพูดขึ้นเบาๆ มันก็พยักหน้ารับ .. คือก่อนหน้านี้ก็โอเคอยู่หรอกการนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันบ้าง แต่พอ.. ความรู้สึกอะไรๆที่มันชัดเจนแล้ว ทำไมผมกลับรู้สึกเขินขึ้นมาวะ โคตรไม่เหมาะกับคนเพี้ยนๆแบบผมเลย
“คืนนี้นอนที่นี่กัน”
“ได้ไง เสื้อผ้าไม่ได้เตรียมมาเลย แล้ว..พรุ่งนี้มีเรียนนะ” คือกูยังไม่พร้อมอะ เหมือนต้องมาเข้าห้องหอ...
เอ๊ะ.. ผมบอกว่าอะไรนะ
ห้องหอหรอ? อ๊ากกกกกก ไอ้สองงง มึงคิดอะไรของมึงวะเนี่ย!!!!!!!
“ทำหน้าโง่อีกแล้ว” เสียงมันดังมาแทรกความคิดผม เลยชูนิ้วกลางใส่แม่ง ลูบหน้าลูบตาเรียกสติใหม่
“ไปเก็บของพวกหนังสือเรียนแล้วกลับมานอนนี่กัน”
“ว..ไว้พรุ่งนี้ก็ได้มั้งมึง” ผมพยายามต่อรอง คือจากเมื่อเช้า จากเมื่อกี้ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่รอดปลอดภัยและอีกอย่าง... ผมก็เคลิ้มตามด้วยอะดิ!!
“ตรงนี้ใกล้ม.กว่า”
“แต่ไปๆกลับๆกลัวมึงเหนื่อย”
“หึ..ทำอย่างอื่น เหนื่อยกว่านี้”
ไอ้ฟัค! แล้วทำไมมึงต้องทำสายตาแบบนั้นใส่กูด้วย ไอ้กล่ำ ไอ้()*$UI$OU%PO${PO)#*()*%()
สรุปผมก็โดนมันลากกลับบ้านมาเก็บของ แม่กับพ่อไม่ได้ว่าอะไรแต่บอกให้ดูแลตัวเองดีๆแล้วจะมาหาบ่อยๆ ผมว่าไอ้บ่อยๆของแม่คงปีละครั้งได้ละ เพราะพวกท่านทั้งสองมีหน้าที่การงานที่ดีเลยได้ออกไปประชุม ไปสัมมนาต่างจังหวัดบ่อยมาก บ้านก็เลยเหมือนมีแต่พวกผมอยู่
“จะขนไปหมดเลยหรือไง” มันถามขึ้นตอนที่ผมกำลังยัดข้าวของลงกล่อง เออวะ.. นี่ผมไม่ได้จะย้ายบ้านนี่หว่า มัวคิดโน่นคิดนี่เลยหยิบเพลินไปหน่อย
“มึงนี่..” มันพูดแค่นั้นก็มาช่วยผมรื้อของออก พอเก็บจนเรียบร้อยก็เอาใส่เบาะหลัง ล่ำลาหม่อมแม่กับเด็จพ่อเสร็จก็พากันออกมาจากบ้าน ขากลับไปนี่รถติดหน่อยเพราะตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว เวลาออกเที่ยวกันละมั้ง
“หิวอะ” ผมบอกมันที่นั่งเคาะนิ้วตามจังหวะเพลงบนพวงมาลัย มันชะงักไปนิด
“รอก่อน” พอรถเคลื่อนตัวได้มันก็พาผมไปที่ห้างๆหนึ่งครับ ผมไม่เคยมาห้างนี้มาก่อน
“อยากกินอะไร”
“พิซซ่าได้ไหม”
“อืม”
พอกินเสร็จผมก็ลากมันออกมาร้านตุ๊กตา คุณอ่านกันไม่ผิดหรอกครับ ก็เตียงมันโล่งอะใช่ไหมละ เด็กผู้ชายอย่างผมมันต้องมีของเล่นมั่งดิ! ของเล่นที่ว่าก็ตุ๊กตาอียอกับสติ๊ชครับ อันที่จริงผมชอบไอ้สองตัวนี้มากๆแต่แม่กับพ่อไม่อยากให้เล่นครับ เขาว่ามันตุ๊ด ผมว่ามันน่ารักจะตายไป ยิ่งตัวใหญ่ๆนิ่มๆยิ่งฟัดสนุก!
“เอาจริง?” มันถามหลังจาเดินมาถึงร้าน ผมก็พยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ เดินเข้าไปหยิบเป้าหมายตัวแรกมาแล้วยัดใส่อกไอ้แสน เป้าหมายตัวที่สองผมอุ้มไว้เอง
“ปะ..ไปจ่ายตังค์ หึหึ” อยากให้คุณมาเห็นหน้าไอ้แสนตอนนี้มาก มันอุ้มตุ๊กตาสติ๊ชไว้อยู่หน้ามันเหมือนโดนยาเบื่อหนูยังไงอย่างนั้นเลย ฮ่า ๆ ตอนที่พนักงานมองมันแล้วยิ้มๆ หูมันแดงแปร๊ดจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้
ไอ้หน้ามึนนี่ก็เขินกับเขาเป็นด้วยนะ กร้ากกกก
ด้วยความที่ตุ๊กตามันตัวใหญ่ เลยไม่มีถุงใส่ พวกเราเลยต้องอุ้มออกมาจากร้าน หน้าไอ้แสนมันปุเลี่ยนๆ ไม่สบตาใครรีบจ้ำเหมือนควายหายตรงไปที่ชั้นจอดรถทันที ทิ้งผมไว้ให้หัวเราะตามหลังแบบบ้าคลั่งจนปวดท้องไปหมด
ผมอายไหม? ไม่ ดีซะอีกเป็นที่สนใจ วะฮาฮ่า! พอมาถึงรถไอ้แสนยัดตุ๊กตาผมลงเบาะทันที มีหันมามองแบบคาดโทษอีก ไม่กลัวหรอกเว้ย ฮ่าๆ
มาถึงห้องผมก็อารมณ์ดีนั่งจัดของไปหันมองตุ๊กตาไป ไม่ได้สนใจไอ้แสนมันหรอกเรื่องของมันจะทำไรก็ พอจัดของตัวเองเสร็จก็คว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าอาบน้ำ
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งตกใจเกือบเข้าไปในห้องน้ำแล้วโดนไอ้แสนรวบตัวไว้ก่อน มันรัดผมไว้แน่นจนตัวเราแนบชิดกัน อะไรอะไรบางอย่าง...ก็แนบกับก้นผมด้วย! ไอ้ ไอ้ โว้ยยยย
“อาบด้วยกัน” เสียงมันชิดกับใบหูจนผมต้องเกร็งไม่หันไป ไม่งั้นคงได้จูบกันแน่ๆ ใจตอนนี้เต้นตึกตักๆๆไปหมด พยายามแกะแขนมันออก
“ไม่เอา ให้กูอาบก่อน” ผมเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่และคงแดงไปทั้งตัวแน่ๆ เพราะมันไม่อยู่เฉย! เริ่มจูบไปตามซอกคอ ใบหู ไปถึงท้ายทอย โยกหลบก็แล้ว หดคอก็แล้ว มันก็ยังตามมาจนตัวผมเริ่มอ่อน
“แสน..ไม่เอา”
“หืม..นิดนึง”
“แสน..” ทั้งที่อยากจะทำเสียงแข็งกว่านี้แต่มือที่ล้วงเข้ามาสะกิดเขี่ยที่ยอดอกสองข้างตอนนี้ ทำให้เสียงที่พูดออกไปแผ่วเบา มันไม่หยุดมือไต่ไปบนตัวผมแทบทุกตารางนิ้ว ทั้งบางอย่างที่แนบอยู่ตรงก้นผมก็บดถูเข้ามาจน สิ่งใต้กางเกงผมเองก็เริ่มแข็งสู้ขึ้นมาบ้าง
ผมถูกจับให้หันกลับมา ริมฝีปากร้อนของแสนกดแนบมาโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้ทักท้วง และในสถานการณ์แบบนี้ ผมก็ไม่คิดจะห้ามมันเช่นกัน ตัวของผมถูกดันให้เดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนหงายหลังลงเตียง ด้วยความตกใจช่วงที่จะหงายหลังจึงคว้าคอมันไว้ ผมเลยโดนมันทับในท่าที่ล่อแหลมพอดี
เสียงจูบและเสียงน้ำลายดังขึ้นอย่างน่าอาย แต่ไม่มีใครคิดที่จะหยุดมัน ผมปรือตาขึ้นมองก็พบกับประกายกล้าจากอีกฝ่าย มันจ้องมองผมแบบไม่ละสายตา ความรู้สึก ความต้องการถูกถ่ายทอดมาและนั่นเป็นชนวนปลุกอารมณ์ผมชั้นดีเช่นกัน
เสื้อผ้าของพวกเราถูกปลดออกในเวลาต่อมา ผมเชิดหน้าขึ้นครางแผ่วเมื่อถูกโจมตีแถวๆหน้าอก มันทั้งขบกัดไปบนผิวเนื้อจนรู้สึกแสบบ้าง แต่มันก็มีความวาบหวิวตามมาผมเลยเลือกที่จะมองข้ามมันไป ความเปียกชื้นแตะลงบนยอดอกมันตวัดขึ้นลงถี่จนผมหลุดคราง แอ่นตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มือกำจิกที่ผมมันไว้
“ส..แสน อา..”
ผมเรียกมันเพื่อจะบอกให้มันเลิกเล่นบนร่างกายผมได้แล้ว แค่นี้ก็เหมือนถูกฉุดขึ้นไปอยู่บนที่สูงจนวูบวาบไปทั้งตัว และกลางลำตัวก็ปวดหนึบจนอยากจะเอื้อมมือลงไปจับ แต่ติดที่โดนอีกฝ่ายกันไว้นี่ละ
“หึหึ” เสียงหัวเราะในคอดังขึ้นราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มันถอยตัวออกไปแล้วไล่สายตามองไปบนตัวผม จนเริ่มที่จะอายสายตามันขึ้นมาบ้างแล้ว จะพลิกหนีก็โดนตรึงกลับมาเหมือนเดิม เลยได้แต่เม้มปากหลับตาลงไม่มองแม่งเลยแล้วกัน
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นอีกครั้ง ผมตั้งใจจะลืมตาขึ้นมาด่ามันซักหน่อยก็ต้องสะดุ้งเฮือก
“ฮึก..อ๊ะ” มันกอบกุมท่อนร้อนของผมไว้ ส่วนหัวโดนบดถูจนตัวสั่นไปด้วยความกระสัน มองหน้ามันอย่างความอ้อนวอน ความอายถูกโยนทิ้งอีกครั้ง เหลือแต่ความต้องการ และเหมือนมันจะเข้าใจความหมายของสายตาผม มือใหญ่ขยับรูดรั้งไปทั่วอย่างช้าๆ เนิบนาบ
“ส..แสน อา..” สะโพกผมยกลอยตามมือของมัน ยิ่งเร่งเร็วเท่าไหร่เสียงครางพร่าของผมก็ดังมากเท่านั้น
ไม่ไหว..ไม่ไหวแล้ว ผมเกลือกกลิ้งหน้าตัวเองลงกับหมอน อีกนิด..อีกนิด ... ผมปล่อยหยาดความต้องการของตัวเองออกมาจนหมดก็นอนหอบราวกับไปวิ่งมาราธอนมา
“สอง..” ไอ้แสนมันโน้มตัวลงมาบดจูบกับผมอีกครั้ง ผมเผยอปากรับลิ้นร้อนของมัน เรียวลิ้นตวัดไล้ไปทั่วโพรงปากและมันก็ยังรู้จุดอ่อนของผมดีเหมือนเคย ผมครางเครือในคอเมื่อปุ่มเหงือกถูกลิ้นของมันกดลากไม่ห่าง
กริ๊งงงงงงงงงงงงง
เราสองคนชะงักผมหอบหายใจหนักๆสูดลมเข้าปอด ไอ้แสนละจากปากได้ก็เลื่อนหน้าลงมาซุกไซร้ลำคอผมต่อ
“ด..เดี๋ยว แสน”
“อืม.. ทำไม” มือของมันปาดน้ำของผมไว้แล้วกดดุนดันแถวๆประตูหลัง แน่นอนว่าผมรู้ว่ามันจะทำอะไร เคยเห็นในหนังโป๊มาบ้าง แต่ แต่ว่า กูยังไม่พร้อมเว้ยยย แล้วเสียงโทรศัพท์ห้องที่ยังดังไม่หยุดนี่อีกเล่า!!
“โทร..โทรศัพท์ อ๊ะ.. เดี๋ยวดิ!!!” แทบจะยกขาขึ้นถีบมัน เพราะมันกดคลึงอยู่นั่นไม่ยอมห่าง ทั้งยังกัดนมผมอีก
“จิ๊...”
“แสน เผื่อแม่โทรมา!!” ผมดันมันไว้ก่อนที่มันจะลงมาฟัดปากผมอีก มันทำหน้าหงุดหงิดถอนหายใจแรงๆแล้วลุกจากตัวผมไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวเดินออกจากห้องไป เสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้วสงสัยมันจะคุยอยู่ ผมดึงผ้าห่มมาปิดตัว ยกมือขึ้นปิดหน้า
ตอนทำกูไม่อาย
พอแม่งลุกไปเท่านั้นละ กูอายเลย!
( จบสองแสน – สิบสอง : ห้องหอ )
รู้สึกจะมาดึกไปแต่เค้ามายาวนะ!! แม้จะตัดฉับไปนิด.. มันยาวไปไงงง
เอาไว้ให้ลุ้นกันดีกว่าว่าจะได้ต่อไหม กรั๊กๆ :hao6:
ขอบคุณทุกการติดตามจ้า
ดาวเสาร์
-
แหม่...กะจะฉลองโดยการเข้าหอซะหน่อย
โดนขัดจนได้ อิอิ
-
มันไม่ใช่การเข้าห้อง แต่มันคือการเข้าหอ! 55555
พอจะรุกก็รุกตามใจเลยอะแสนน สองระทวยไปหมดเล---
แต่ก็นก มีความโดนขัด ใจเย็นๆนะ 55555
:hao3:
-
แลดูมีคนขัดจังหวะทุกครั้ง ดูท่าแสนอาจไม่มีดวงเรื่องนี้ :hao6:
-
ทุกอย่างย่อมมีอุสรรค เรื่องบนเตียงก็เช่นกัน55555
ตลกสองอ่ะ คืออายไหมก็อายแต่ๅม่ทันแล้วเว้ยย5555
-
เกือบไปละ แต่ไม่รอดแน่ๆ โอ้ยยยยย ตายค่าตาย
-
‘Our love is twin’
( สองแสน – สิบสาม )
“โห่ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โห่ ฮี๊ โหยยยยย”
“ฮิ้วววววว”
“ใครมีมะกูด”
“มาแลกมะนาว”
“ใครมีลูกสาว”
“มาแลกลูกเขย”
“เอาวะเอาเหวย ลูกเขยกลองยาว ตะลาลา”
“ไอ้พวกเชี้ย!!” ก้มลงถอดรองเท้าโยนเข้าไปกลางวง พวกมันวิ่งหลบกันคนละมุม คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องก็พากันหัวเราะงอหงาย มีเพียงผมนี่แหละที่หน้าหงิก ส่วนไอ้แสนหรอนั่งหน้ามึนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แหมๆ ไม่เห็นต้องเขินเลยนะจ๊ะน้องสอง” ไอ้เชี้ยเก่งปากหมามากๆจนอยากจะลุกไปเตะปาก แต่ทำไม่ได้เลยนั่งฮึดฮัดหน้าร้อนด้วยความอายและโมโห
“พวกกูอุส่าเตรียมการมาอย่างดีเลยนะมึง ถ้ามีต้นกล้วยหน่อยนี่กูแห่แล้ว”
“กวนตีนแล้วสัดบีม พวกมึงแม่ง..เดี๋ยวคนอื่นเขาก็...” ผมค่อนข้างกังวล เมื่อเช้ากว่าจะกล้าบอกพวกมันได้ว่าตัวเองกับแสนรู้สึกยังไงก็ยากแล้ว
“เพื่อนมันคิดว่ากูแซวเรื่องพี่น้องทะเลาะกันเป็นเด็กๆแล้วก็มาดีกัน”
“อย่าคิดมากน่าสอง พวกนั้นไม่รู้หรอก ไม่ได้คิดอะไรถึงเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ” มิ้นท์พูดให้ผมสบายใจ แต่มันกังวลนี่ครับ..
“และอันที่จริง พวกกูก็รู้มาซักพักแล้ว” พวกมันพากันหัวเราะที่เห็นผมทำหน้าเหวอ นี่..พวกมันรู้มาตลอดหรอ แล้ว..ผมมาเครียดอะไรวะเนี่ย!!
“พวกกูรู้จากวันที่มึงตีกับเด็กรัฐศาสตร์แล้ว แต่พวกกูไม่พูดเพราะกลัวมึงจะอึดอัด รอแค่มึงมาบอกนั่นละ” ทุกคนพยักหน้ารับคำของบีม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะว่าโล่งอกก็ใช่ แต่ว่า..
“รู้ได้ไง?” ผมโคตรสงสัยเลย
“แค่มองตามัน กูเห็นแล้วสงสัย กูก็เลยถาม พอได้คำตอบกูก็กลายเป็นสายของมัน” โอ้โห กูถึงว่า บางทีแม่งเล่นโทรศัพท์ทำไรซักอย่าง ส่วนไอ้แสนบางทีก็ดูรู้มาก รู้เยอะผิดปกติ
“ขอบคุณวะ..ที่พวกมึงรับได้” ส่วนเรื่องเอาเพื่อนกูเป็นสายนี่สงสัยต้องเคลียร์กันยาว!!
“เพื่อนกันน่ะ” มัดพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม ผมอดไม่ได้คว้าคอมันมาขยี้หัวหนักๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ว่าแต่ วันนี้พวกกูไปฉลองเรือนหอพวกมึงได้ปะ”
“กูไปไม่ได้นะเก่ง” มิ้นท์แทรกขึ้นมา เออ..ไม่ดีด้วย ผู้หญิงคนเดียวจะไปคอนโดที่มีแต่ผู้ชาย
“ฉลองมื้อเที่ยงที่ม.ก่อนไง แล้วเดี๋ยวเหล่าชายหนุ่มอย่างพวกกูไปฉลองต่อที่เรือนหอพวกมัน” อยากกระโดดเตะปากมันก็ตรงคำที่มันใช้นี่ละ.. อุส่ามองข้ามรอบแรกยังจะย้ำ ไอ้สาดดดดดดดดด
“กูพาเด็กไปได้ปะ?” ไอ้บีมพูดขึ้นเรียกสีหน้าฉงนให้กับพวกผม บีมมีเด็ก? วอท วอท ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ! สีหน้าผมคงแสดงความเสือกออกมาเต็มที่ละมั้ง คนข้างๆมันตบท้ายทอยเอาซะหน้าเกือบทิ่ม
“เชี้ยแสน!”
“หึหึ” พอมันได้แกล้ง มันก็มีความสุขครับ วางมือบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ นี่เขาเรียกตบหัวแล้วลูบหลังปะวะ แต่ช่างแม่งก่อน สนใจเรื่องบีมก่อน
“เด็กที่ไหนวะ?” มิ้นท์ขมวดคิ้วมองหน้าบีมแบบเขม็งเลย จนผมอดเสียวสันหลังไม่ได้ ก็นะ... สายตาของไอ้มิ้นท์ถ้าผมมองไม่ผิด. มันสะท้อนไอ้บีมเสมอ
“ก็เพิ่งคุยๆกัน”
“อย่ามา! เพิ่งปี้กันก็บอก” ไอ้เก่งคว้าก้อนยางลบปาหัวไอ้บีมก่อนจะหัวเราะลั่น
“เชี้ยเก่ง ใช้คำโคตรน่าเกลียด มึงดูหน้าไอ้มัดดิ” หน้าไอ้มัดตอนนี้แหยๆไงไม่รู้บอกไม่ถูกทั้งหน้ามันยังแดงเห่อเป็นลูกตำลึง โอ้ย โคตรน่ารัก
“โทษทีๆ กูลืมไปว่ามีเยาวชน”
“มึงก็เยาวชน ไอ้ฟัค!” อดไม่ได้เอื้อมมือไปตบหัวแม่งซักที จนหน้ามันเกือบทิ่มโต๊ะหินอ่อน
“มือหรือตีนวะแม่ง แสน! มึงดูเมียมึงนะ”
“...ดูอยู่ มองอยู่ตลอด”
“เหยดดดดดด พี่แสนมาเหนือ ปรบมือสิพวกรอเชี้ยอะไร” ไอ้เก่งลุกขึ้นยืนปรบมือเสียงดังไม่แคร์สายตาผู้ใด และไอ้เชี้ยบีมก็ลุกขึ้นทำตามมองผมกับไอ้แสนด้วยสายตาหน้าถีบที่สุด
“กูว่าไม่มองอย่างเดียว คงจะแดกด้วย ฮ่าๆๆ”
เกลียดพวกมึง ไอ้เพื่อนเชี้ยยย
“มึงก็ไปแกล้งมัน หน้ามันแดงจนไหม้แล้ว” ผมคว้าเอายางลบที่ไอ้เก่งปาใส่ไอ้บีมเมื่อกี้ แล้วโยนใส่ปากไอ้แสนที่พูดเชี้ยไรไม่รู้เรื่อง ใครหน้าแดง! แล้วเสียงตุบตับเชี้ยอะไรเนี่ยดังอยู่ได้! ฮึ้ยยย
“มัด..มึงดูพวกมันดิ”
“ฮ่าๆ เขินหรอ” เชี้ยมัด มึงก็เอากับเขาด้วยหรอเนี่ย ยิ่งหันไปมองหน้ามึน ถลึงตาใส่จะให้มันกลัวมั่งกลับได้แต่เสียงหัวเราะในคอ
ฝากไว้ก่อนเหอะ! วันพระไม่ได้มีหนเดียวโว้ยยย
“ตกลงตามนี้นะ ตอนเที่ยงไปโรงอาหาร ตอนสองทุ่มกูขอไปที่ห้องพวกมึงนะ” ผมขมวดคิ้ว แปลกๆนะปกติไอ้เก่งไม่ค่อนคะยั้นคะยอขอไปตั้งวงที่ห้องใครเท่าไหร่ หรือมันมีอะไรวะ?
“มึงว่าไง” ผมกระทุ้งศอกใส่ถามไอ้บ้าใบ้นี่ มันก็พยักหน้ารับเป็นอันตกลง ไอ้เก่งกับไอ้บีมเฮขึ้นทันที
“สองทุ่มนะ กูพาเด็กไปนะ เดี๋ยวโทรไปนัดแปป” ไอ้บีมพูดเสร็จก็ลุกออกไปโทรศัพท์ ส่วนไอ้มัดปฏิเสธ กลัวเมาแล้วตัวเองจะ ทำอะไรบ้าๆ ผิดจากที่เคย... กูว่าปกติมึงก็บ้านะมัด
พอนัดกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาเข้าเรียนพอดี ตลอดทั้งชั่วโมงผมเห็นไอ้เก่งเล่นแต่โทรศัพท์ ไม่น่าจะคุยกับไอ้แส เพราะตอนนี้ไอ้แสนก็กำลังส่ง สติ๊กเกอร์กวนตีน มาให้ผมไม่หยุด ดีว่าปิดเสียงไม่งั้นอาจารย์ไล่ห้องล้วเนี่ย !
เวลามักผ่านไปราวกับละคร ตอนนี้ทุ่มครึ่ง ผมกำลังเตรียมตัว เหล้าพวกมันบอกจะเอามาเอง ส่วนผมกับแสนมีหน้าที่เตรียมกับแกล้ม ไอ้แสนมันฉลาดครับ ซื้อกลับมาตั้งแต่สามโมงเย็น พอเพื่อนใกล้ถึงก๊เอาไปเข้าไมโครเวฟ อย่าหวังว่ามันจะทำ ผมยังได้กินแค่ตอนป่วยเท่านั้น
ไอ้แสนเป็นคนลงไปรับเพื่อนด้านล่างเพราะพวกมันไม่มีคีย์การ์ด ผมเลยนั่งดูทีวีที่โซฟารอ ดีเหมือนกันที่เพื่อนพากันมาแบบนี้ กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานอีก วันนี้จะมอมเหล้าให้มันหลับไปเลย ผมคิดอะไรไปเพลินๆจนกระทั่งพวกมันเข้ามาในห้อง
“ห้องสวยวะ” ผมยักคิ้วใส่ไอ้บีมกับคำชมนั่นก่อนจะยิ้มให้คนที่มันพามาด้วย นี่สินะเด็กไอ้บีม โคตรน่ารัก แต่ผมแปลกใจกว่าเดิมก็ตรงที่ว่า..
“มึงให้กูมาทำไม!”
“ก็บ่นอยากแดกเหล้านักไม่ใช่หรือไง ร้องจะออกทุกวัน นี่ไงพามาแล้วไง”
“วันนี้กูไม่ได้อยากแดก!”
“มึงอย่ากวนโมโหกูมากนักนะซาย”
ไอ้เก่ง กับ ซาย? มีอะไรเกิดขึ้นที่ผมยังไม่รู้ปะวะ ผมหันมองหน้าไอ้บีม ไอ้ห่านี่ก็ยักไหล่เชิงว่าไม่รู้เหมือนกัน พอมองไอ้แสน มันเลิกคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาหอมหน้าผากผมแบบไม่สนใจผู้ใด
“เหี้ย!”
“กูละเซงพวกมึงจริงๆเลย นี่ตาล เรียนบริหาร ม.เรานี่ละ ตาลนี่ไอ้สอง ส่วนแฝดมันนั่นแสน”
“ตามสบายนะตาล อยากได้อะไรเพิ่มบอกไอ้บีมแล้วกันนะ” ผมยิ้มให้ตาลก่อนจะหันไปมองไอ้เก่งกับซายที่นั่งหน้ายับพอๆกันอยู่
“ทำไมมาด้วยกัน”
“ก็...” เป็นซายที่อึกอักหันมองหน้าไอ้เก่งที มองหน้าผมที คำถามที่ถามก็ไม่ได้ยากอะไรนี่หว่า
“มันเป็นเมียกู”
“ห๊ะ!!” เสียงผมกับไอ้บีมผสานกันด้วยความตกใจ ขนาดไอ้แสนยังชะงัก
“ใครเมียมึง!!” ซายมันหันไปโวยใส่ไอ้เก่ง หน้าเน่อแดงเถือก
“อยากให้พูด?”
“ไอ้... อย่าไปฟังมันสอง ปะ ไปนั่งกินเหล้าด้วยกันดีกว่า” ผมมองหน้าไอ้เก่งแบบต้องการคำตอบ แต่มันหันไปคุยกับไอ้บีมแทน ไอ้แสนเดินมาใกล้ตามองแขนผมที่ถูกซายจับนิดหน่อยก่อนพูดข้างหู
“ไปรับโต้งแปปนึง” ตอนแรกก็สงสัยว่าไม่เห็นต้องมาพูดใกล้ๆเลย แต่บรรลุตอนที่แม่งพูดจบปั๊บ หอมแก้มผมต่ออีก ไอ้ชอบฉวยโอกาส ไอ้...กล่ำเอ้ย!! จะด่าแม่งก็กระตุกยิ้มเดินหนีไปแล้ว
“นั่งข้างกูแล้วกัน” ซายจังผมนั่งข้างๆโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง อันที่จริงยังไม่หายสงสัยเลยนะ ว่าแม่งไปเป็นผัวเมียกันตอนไหน
“ตกลง..”
“อย่าถาม” ยังไม่ทันจะพูดซายก็สวนขึ้นมาก่อน หน้ามันแดงเถือกมองมาแบบขวางๆ ทำผมหลุดหัวเราะ น่ารักและตลกในเวลาเดียวกัน ยิ่งเห็นผมหัวเราะมันยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม
“หัวเราะเหี้ยอะไร!”
“โทษๆ ฮ่าๆ” คือผมนึกภาพไม่ออกน่ะครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นฝ่าย..เอ่อ..โดนน่ะ และที่สำคัญคือคนที่ทำได้คือไอ้เก่ง! ไอ้เก่งน่ะ ไอ้เก่งที่แม่งเกรียนบรรลัย!
“ไม่คุยกับมึงแล้วแม่ง!” มันหันหน้าหนีไปยกซดเหล้าแบบไม่รอใครเลยครับ ผมเลยหันมาหาแฟนไอ้บีมแทน
“ตาลไปเจอกับไอ้นี่ที่ไหนน่ะ”
“ในม.นั่นละ ตอนแรกบีมจีบเพื่อนตาล แต่เพื่อนตาลมันเป็นเลสเบี้ยน ตาลสงสาร เห็นหน้าหงอยๆเหมือนลูกหมาเลยเก็บมาเลี้ยง” พูดจบตาลก็หัวเราะ ผมเลยหัวเราะตาม
“ตาล! บีมไม่ใช่หมา”
“เหมือนเลยละ ฮ่าๆ” แล้วพวกเขาก็หันไปงุ้งงิ้งๆกันสองคนครับ โดยรวมผมว่าตาลโอเคเลยนะ แต่จะดีพอสำหรับบีมหรือเปล่า คงต้องให้เจ้าตัวเขาตัดสินเอาเองละนะ
“มึงนั่งดีๆสิเก่ง!”
“ก็อย่าขยับหนีดิ”
“มึงก็อย่าเบียดสิ!”
“กูอยากนั่งชิดกับเมียผิดตรงไหน” ซายมันฮึดฮัดอยู่แปปนึงก็เฉย เหมือนโวยวายไปอย่างนั้น ส่วนไอ้เก่งก็ยักคิ้วให้เมื่อเห็นว่าผมมอง น่าหมั่นไส้ฉิบหาย! ไอ้แสนไปนานเกินไปละสัดดด
กริ๊ก เสียงประตูปลดล็อคดังขึ้น แม่งตายยาก! ไอ้โต้งเดินยิ้มเข้ามาเลยไม่วายส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผมอีก แสดงว่าแม่งรู้แล้วแหงๆ!
“ไงวะโต้ง”
“ไม่ไงอะ” มันยิ้มกวนตีนก่อนจะนั่งลงข้างๆผม แก้วผมก็แย่งไปแดก ไอ้เชี้ย..
“กวนตีนละสัด ฮ่าๆ”
“นี่ใครวะ แฟนพวกมึงหรอ”
“ตาลนี่โต้ง เพื่อนสมัยหัวเกรียนของไอ้แสนกับสองมัน ส่วนนี่ตาล เด็กกูเอง”
เพี๊ยะ!
“ตาลเป็นเด็กหรอ?”
“โอะ ไม่ใช่ครับๆ แฟนครับแฟน” ฮ่าๆ ไอ้บีมโคตรกลัวเมียอะ ผมหัวเราะไม่นานไอ้แสนก็เดินมาเอาเขี่ยไอ้โต้ง
“เขยิบไป”
“ไม่ กูจะนั่งตรงนี้” ไอ้โต้งหันไปยักคิ้วกวนตีนใส่ไอ้แสนแถมขยับมาเบียดผมกว่าเดิมอีก จะขยับออกก็กลัวจะไปเบียดไอ้แซนมัน เลยต้องนั่งนิ่งๆ
“โต้ง”
“เก่งมึงส่งเหล้ามาๆ”
“สัด” พวกผมฮาก้ากทันที นานๆทีไอ้แสนมันจะด่าใครซักคน แถมหน้าหล่อๆตอนนี้เริ่มยุ่งแล้วด้วย ฮ่าๆ โคตรน่ารัก
“อะๆ เขยิบให้ก็ได้” ไอ้โต้งยอมขยับพอให้ไอ้แสนได้นั่ง ก่อนจะมองไปที่ซาย
“ไอ้นี่ใครวะ?”
“เมียกู” โต้งเลิกคิ้วแปลกใจ มองหน้าไอ้เก่งที ซายที
“ทุกคนมีเมีย มีคู่หมด แล้วนี่กูมาทำอะไรวะสาดดด” มันบ่นแต่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นแดก ฮ่าๆ น่าสงสารจนผมอดไม่ได้ที่จะแกล้ง
“มึงมีแสนไง เนี่ย”
“.......... อี๋!” ไอ้โต้งทำท่าขนลุก ส่วนไอ้สองขยับห่างทันที ฮ่าๆ แม่งจี้อะ ลองนึกภาพตามแล้วรับไม่ได้จริงๆ
วงเหล้าดำเนินไปเรื่อยๆ สติผมก็ใกล้หลุดลอยเต็มที่ บีมกับตาลขอกลับก่อนเพราะต้องพาตาลไปส่งบ้าน พวกผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะถึงบ้านตาลหรือบ้านมันกันแน่ พวกเราก็โห่แซวไป เลยได้นิ้วกลางไอ้บีมมาแทน พอหันไปมองไอ้เก่งกับซาย ตอนแรกก็ตีกันเรื่องนั่งเบียด ตอนนี้ไอ้ซายลุกไปนั่งตักไอ้เก่งเรียบร้อย เมาตาปรือ ปล่อยให้ไอ้เก่งหอมแก้มหอมคอไปตั้งหลายที หมั่นไส้โว้ยยย
“พอแล้วมั้งวะ” ไอ้โต้งมองสภาพสองตัวนั่นก่อนมามองผม ตอนนี้ก็เริ่มนั่งไม่ตรงแล้ว
“อืม เดี๋ยวกูเก็บเอง มึงจะเข้าไปนอนในห้องกับกูหรือโซฟา” เสียงไอ้แสนมันถามผมหรี่ตามองหน้าไอ้โต้งแล้วชี้ที่โซฟา
“เมิงนอนเน่เลย ห้องน้านของกู!” น้ำเสียงที่พูดออกไปติดยานคางโดยที่ผมไม่รู้สึกตัว รู้แต่ว่าห้ามใครไปนอนในห้องตัวเองเด็ดขาด
“สัด หวงจริงนะ เออ กูนอนนี่ได้” ผมยิ้มทันทีที่มันตอบรับง่ายๆ ยกแก้วขึ้นดื่มอีก
“เก่ง ซาย ห้องนั้นมีที่นอน มีหมอนอยู่แต่ไม่มีเตียงนะ” แสนคงหมายถึงอีกห้อง แต่พวกแม่งจะไปนอนกันแล้วหรอวะ ไม่เอาดิ
“เฮ้ยย อยู่ด้วยกานก่อนเด้ จารีบปายนอนกานทามมาย กูยางม่ายมาวเลย” ผมคว้าแขนคว้าขาใครบ้างไม่รู้ตอนนี้ แต่แม่งจะหนีผมกันอะ
“สองปล่อยซายยย” อ้าว ขาไอ้ซายหรอ ไม่เอาอะไม่ปล่อยเดี๋ยวแม่งหนี
“ไอ้สอง ปล่อยเมียกูก่อน”
“ม่ายอาว จาหนีกูปายหนายกาน ห้ามเย่อกานน้าพวกเมิง เดี๋ยวเตียงกูขาดด แดกเหล้ากาน โต้ง เมิง ชน โชนน” ผมชี้หน้าบอกพวกแม่งก่อนจะหันมาหาไอ้โต้ง โลกแม่งเริ่มหมุนปลกๆ หรือกูหันหัวไวไปวะ จะอ๊วก
“พอแล้วสอง” เสียงใครมันงุ้งงิ้งวะ จากินอะ ผมจับหน้าไอ้แสนไว้แล้วต้องขมวดคิ้ว เห็นไม่ชัดอะ! ยื่นหน้าเข้าไปหน่อย
“เหนตาเมิงแล้ว”
“ฮ่าๆ กูสงสารมึงวะแสน” ใครแม่งพูดอะไรนักหนาวะ รำคาญจัง แล้วมันจะเอาหน้าหนีผมไปไหน จะมองอะ จะมอง!
“จิ๊ กูพามันนอนก่อน มึงอะนอนได้แน่นะ”
“เออน่า ไปเหอะ กูไม่อยากดูหนังสด”
“หึ”
อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้ ต้องบิน กระพือปีก พั่บๆ ฮ่าๆๆ
“โคตรเพี้ยน ไม่ให้กินแล้วคราวหลัง” เสียงดุแบบเคยๆทำให้ผมยิ้ม มุดหน้าเข้าซอกคอ แม้จะถึงที่นอนแล้วแต่ผมก็ยังกอดเขาไว้แน่น ชอบ ชอบแสน
“ยั่วหรอ”
“ครายยั่ว จูบหน่อยยย” ผมรั้งคออีกคนลงมาทั้งยังทำปากจู๋บานใส่อีก จวบๆสิ จวบบ
“อย่ามาโวยทีหลังแล้วกัน”
ยินดีด้วยสองแสน สติการยับยั้งชั่งใจของแสนสอง ขาดลงแล้ว
( จบสองแสน - สิบสาม )
ไม่ได้ลงแล้วไม่สบายใจ แม้จะง่วงนิดๆ ไม่ได้ทวนคำเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตามดูให้นะจ๊ะ
คืนนี้หลับฝันดี ค้างกันต่อไป
5555555555 :hao3:
ดาวเสาร์
-
ใช่ค่ะ พ่อแม่จะรู้เรืีองนี้ไม่ได้เด็ดขาด
แต่.... คนอ่านต้องรู้ทุกอย่างนะแฝด อร๊ายยยย >//<
-
:hao6: :hao6: :hao6:รออออออค่ะ...
-
ถถถถถ โถ ถัง กาละมังหงาย......ค้างงงงง อีกและ
แสน สอง :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เก่ง ก็มีเด็ก แบบสองไม่รู้ตัวเลย
แสน ร่วมมือกับเก่งหรือเปล่า สงสัย :katai1: :katai1: :katai1:
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เพื่อนๆเขาก็มีเด็กของเขา มาหวานโชว์(?)
สองเมาแล้วรั่วนะ อ่อยแสนอีก 55555
:m20: :hao3:
-
อยากรู้ว่าสองรู้ได้ไงว่าตัวเองต้องเป็นรับ สังเกตจากเพื่อนๆแซวว่าสองเป็นเมียแสน สองเองก็ไม่ได้รู้สึกตงิดใจหรือฉุกคิดเลยว่า เอ๊...กรุก็ผู้ชาย ทำไมจะเป็นรุกไม่ได้
ส่วนเพื่อนคิดว่าสองต้องเป็นรับ อันนี้ไม่แปลกใจ เพราะถ้าคนนอกมอง สองเองดูนุ่มนิ่ม อ่อนแอ แล้วก็น่ารักกว่า
แค่แปลกใจในส่วนของความนึกคิดของตัวสองเอง เพราะเท่าที่สัมผัสจากการอ่าน สองเองก็เป็นผู้ชายแมนๆคนนึงค่า
อันนี้เป็นคำแนะนำจากคนอ่านที่เป็นแฟนเหนียวแน่นนะคะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์จ้า :mew1: :mew1:
-
‘Our love is twin’
( สองแสน - สิบสี่ )
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะความไม่สบายตัว เหมือนโดนอะไรรัดไว้ จะขยับหนีก็ไม่ได้เลยลืมตามอง เห็นหน้าไอ้แสนในระยะประชิด มันยังหลับอยู่และผมก็รู้ถึงเหตุผลที่ตัวเองอึดอัดเมื่อครู่แล้ว โดนมันกอดรัดไว้ทั้งตัวแทบจะกระดิกไม่ได้
แต่ผมปวดหัว ไม่มีอารมณ์มานอนมองหน้ามันเหมือนละครไทยแน่ๆ ดันตัวมันออกแล้วต้องสะดุ้ง เจ็บ.. เจ็บตูด.. หน้าของผมซีดเผือด เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ มัน มันล่อผมหรอ ทั้งๆที่ผมไม่รู้สึกตัวเนี่ยนะ!
“ไอ้เชี้ยแสน!!!” มันขมวดคิ้วกดหัวผมลงไปอก กูขยับทีก็เจ็บตูด ไอ้เชี้ย กดหาพ่อง ไม่นอนโว้ย ผมขัดขืนเท่าที่ร่างกายตัวเองจะอำนวยละครับ จะยกขาขึ้นถีบก็ร้าวไปทั้งสะโพก ทำอะไรไม่ได้ ร้องไห้แม่งสัด!
“ฮึก.. ไอ้เหี้ย มึงแม่งเลว”
“ร้องทำไม”
“ยังจะมาถามอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรละ!!”
“กู?...อ๋อ..”
“ยังจะมาอ๋อ แล้วทำหน้าแบบนี้ใส่กูหมายความว่าไง” ผมเริ่มหงุดหงิดมากแล้วครับ พอเห็นแม่งทำหน้าเหมือนเอือมเลยต้องโวยซักหน่อย ทำแบบนี้กับกูยังมาจะมองแบบนี้อีก โมโห!
“มึงจำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมเมื่อคืน”
“ใช่ และกูก็เจ็บ..” ผมเม้มปากจ้องมันเขม็ง คือมันก็ไม่ผิดหรอกถ้าเราจะทำอะไรกัน แต่นี่ผมเมาอะ แล้วไม่รู้สึกตัวซักหน่อย เอ้ย ไม่ใช่ ผมไม่ได้สมยอมดิ! ผมไม่มีสติไง!!
“หึ..ก็แค่เกือบ”
“หมายความว่าไง เกือบพ่องกูเจ็บจนขยับขาไม่ได้!”
“ฟัง”
“....” ทำไมต้องพูดเสียงดุด้วยวะ ผมขบปากตัวเองยอมเงียบฟังมันก่อน ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่ร่างกายไม่พร้อมโว้ย!
“เมื่อวานพาเข้ามาในห้องเพราะเห็นว่าเมาไม่ไหวแล้ว และยังมายั่วกันอีก พอมาถึงห้องเราก็จูบกัน...” เหมือนมีภาพส่วนที่หายฉายกลับมาอีกครั้ง
“อือ..แสน” เสื้อของผมถูกถอดออกทางหัวตามด้วยเสื้อของแสน เนื้อตัวเราเบียดเสียดกันแลกจูบอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมปรือตามองใบหน้าที่เร้าอารมณ์ในความรู้สึก สองมือของผมลูบไล้ไปบนแผ่นหลังของคนที่คร่อมทับ หน้าอกขยับยกขึ้นลอยโค้งเมื่อถูกโจมตีหนักที่ตุ่มไตเล็กๆ ความเสียวกระสันพุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ความต้องการในตัวมันก็มากขึ้น เยอะขึ้น
“แสน” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปคล้ายกับอ้อนวอนให้อีกฝ่ายช่วยปลดปล่อยอารมณ์ แสนเข้าใจมัน กางเกงถูกดึงลงไปกองตรงข้อเท้า เป็นผมเองที่ดึงขาออกจากกางเกงขยับอ้าให้แสนได้เข้ามาสัมผัสส่วนที่ตื่นตัว ทันทีที่มือร้อนกอบกุมเข้ามากอบกุมไว้ ผมก็กดหัวลงส่ายไปมาระบายความรู้สึกวาบหวามที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
หากแต่ว่า เพราะหัวที่ส่ายไปมาบ่อยๆทำให้ความรู้สึกอื่นก็ตามมาเช่นกัน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ตีตื้นขึ้นมาจุกถึงขอหอย
“เฮ้ย!” ผมยกขาถีบตัวไอ้แสนออกไปลุกพรวดปล่อยของเก่าที่กินเข้าไปออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่รู้ว่าโดนอะไรไปบ้าง ได้ยินแค่เสียงร้องของไอ้แสนนั่นละ
“อึก..”
“มึงนี่มัน..จิ๊ ยืนดีๆสิ” ผมหรี่ตามองถึงพบว่าที่นี่เป็นห้องน้ำ ผมถูกมันจับให้ยืน น้ำจากฝักบัวเย็นซะจนผมสะดุ้ง ขยับตัวหนี
“สอง! ยืนดีๆเดี๋ยวลื่นล้ม!” น้ำมันเย็นนี่! ผมยังคงขยับหนีแม้จะโดนเกี่ยวเอวกลับมาทุกทีก็เถอะ
“ไม่อาบ! หนาว! ไม่เอา!”
“เฮ้ยๆ ยืนดีๆ สอง!” สิ้นคำของมันผมก็ร่วงลงมากองที่พื้น ก้นกบกระแทกกับพื้นกระเบื้องอย่างแรง มีเพียงหัวเท่านั้นที่ถูกไอ้แสนช้อนไว้ได้ทัน ในตอนนั้นผมรู้แค่ว่าเจ็บ น้ำตาเริ่มพลั่งพลูออกมา ยิ่งเห็นหน้าดุๆของมันยิ่งร้องหนัก
“ฮึก..ฮือ”
“..เฮ้อ” มันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากจับผมอาบน้ำทั้งๆที่นั่งนั่นละ แล้วก็อุ้มออกมา ผมถูกปล่อยลงบนโซฟานอนตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง พอจะลุกไปที่เตียงก็โดนดึงไว้
“ปล่อย!”
“มันเลอะอ้วกมึงน่ะสอง รอตรงนี้ก่อน!” ใครอ้วกวะ? คือคำถามที่ผมนึกออก แต่ไม่ได้ถามมันออกไปและก็ไม่ต่อต้านยอมนั่งรอดีๆ มันเดินไปเปิดตู้ทำอะไรไม่รู้อยู่แปปนึงก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้า ผมโดนจับแต่งตัวไม่ต่างจากเด็กและด้วยความง่วงงุน พอเสร็จปุ๊บผมก็ทิ้งตัวลงนอนปั๊บ เห็นมันยืนอยู่เลยกวักมือเรียก
“กู๊ดไนท์คิสก่อน คิสๆ” มันยอมโน้มลงมาแต่โดยดี ผมโดนจูบไปทั้งหน้ามันถอยออกมาหน่อยแล้วพึมพำอะไรซักอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะหลับไป
“ตัวแสบ”
“นึกออกหรือยัง” ผมมองหน้ามันแล้วหัวเราะแห้งๆ แสดงว่าไอ้ที่เจ็บตูดเพราะล้มสินะ มันดันตัวลุกขึ้นนั่งลูบหน้าลูบตาตัวเอง
“ปวดหัวไหม”
“อือ..ตูดด้วย...” คือมันปวดอะ เจ็บๆ จะปิดไว้ไม่บอกก็ไม่ใช่ที่ มันมองสำรวจตัวผมก่อนพยักหน้าเบาๆ
“เดี๋ยวไปซื้อยาให้ นอนไปก่อน” ผมมองตามแสนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกดหน้าลงหมอนแล้วร้องว๊ากออกมา
โคตร...เชี้ยเลย หมายถึงกูเนี่ย! โอ้ยย อาย บอกคำเดียวว่าอาย! ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดส่วนไหนของโลกดี ต่อไปนี้จะไม่แตะเหล้าอีกแล้ว สาบานเลย! ผมโวยวายกับตัวเองไม่นาน แสนก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพของคนที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
ถึงจะปวดหัวแต่ก็ยังนอนต่อไม่หลับเลยมองตามมันไปเรื่อย มันก็รู้นะว่าผมมองอยู่แต่ไม่เห็นห้ามหรือว่าอะไร นอกจากจะปรายตามามองบ้างในบางครั้ง ผมก็ยิ้มแป้นกลับไปทุกที ถือว่าเป็นการง้อแล้วกันนะ แหะๆ
ผมเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงโล้งเล้งกันนอกห้อง ปกติเสียงด้านนอกนี่จะไม่ได้ยินเลยนะ ลืมตาขึ้นมาเห็นประตูห้องที่เปิดแง้มไว้เลยเข้าใจ แล้วทำไมมันไม่ปิดให้สนิทวะ ผมลองขยับตัวดูก็รู้สึกเหมือนจะเบาเจ็บไปแล้ว ได้กลิ่นยานวดจางๆติดจมูก ก็เผลอยิ้มออกมา
ไม่มีใครที่ทำให้ผมได้ นอกจากมันนั่นละ หัวใจพองฟูด้วยความสุข พาตัวเองลงจากเตียงเดินกระย่องกระแย่งมาเปิดประตู เท่านั้นแหละ สายตาหลายคู่ก็หันพรึบมาอย่างพร้อมเพรียง ผมเลิกคิ้วทำหน้างงใส่พวกมัน รู้สึกจะมี...คนที่ผมไม่เคยเห็นหน้าด้วยแหะ
“ไอ้แสน แฝดมึงตื่นแล้ว!” หนึ่งในคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้าตะโกนขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมเลยส่งยิ้มกลับกำลังจะเดินไปหาไอ้เก่งที่ส่งสายตาล้อเลียน แสนก็เดินมาก่อน
“เจ็บอยู่ไหม ปวดหัวอยู่หรือเปล่า” ใครเอาอะไร..ให้มันกินวะ.. ความนุ่นละมุนนี่มาจากไหน ผมหน้าร้อนผ่าวส่ายหัวตอบมันพยายามหลบสายตาของไอ้เก่งกับไอ้โต้งด้วย ไอ้เพื่อนเชี้ยยย
“เพื่อนมึงหรอ” ผมถามเบาๆ มันตอบรับในลำคอ ประคองผมปานคุณแม่ท้องโตไปที่โซฟา แล้วใช้เท้าเขี่ยไอ้โต้งลงจากโซฟาให้ผมไปนั่งแทนเหมือนสิ่งของก็ไม่ปาน โคตรน่าสงสาร ฮ่าๆๆ
“เชี้ยแสน”
“ฮ่าๆ” แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน เอ.. ผมว่าผมยังไม่เห็นซายเลยนี่หว่า
“ซายอะ” ไวเท่าความคิดผมถามเก่งมันทันที ไอ้เก่งกระตุกยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจ ใช้สายตาปรายไปทางประตูห้องอีกห้อง อย่าบอกนะว่า..
“ตามที่คิด” มันเห็นหน้าผมเลยตอบให้เรียบร้อย โห ไอ้เชี้ย... ผมไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้เก่งมันจะ...ขนาดนี้..
“หันมานี่ก่อน นี่เพื่อนกู อ้น กับ หนุ่ม”
“เออ ดีๆเว้ย กูชื่อสองนะ หล่อกว่าไอ้แสนหน่อยนึง” พอผมพูดจบพวกมันก็หัวเราะกัน นี่เห็นกูเป็นหม่ำหรอ?
“เอาจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะขี้แมลงวันตรงนี้ของมึงนะแสน แล้วมองแต่หน้าเฉยๆ แยกพวกมึงไม่ออกเลย” ไอ้คนชื่ออ้นพูด เพิ่งเห็นว่าพวกมันตั้งวงกันอีกแล้ว ไม่ไปเรียนกันซักตัว โดดแดกเหล้า เจริญละพวกมึง รวมกูในนั้นด้วย กร้ากกก
“กูหล่อกว่าเห็นๆ ตอนเกิดมากูแย่งความหล่อมันมาหมดแล้ว”
“หรออออออออ” พวกมันเหมือนนัดกันพูด แต่ผมขึ้นเลยครับ ขึ้น!!
“ว่ากูไม่หล่อเดี๋ยวเทเหล้าทิ้งเลยสัด!”
“โอ้ยๆ อย่านะมึง เคยได้ยินคำนี้ไหม เมียตายไม่เท่าเหล้าหก!” ไอ้คนชื่หนุ่มมันพูดจบก็ถลามากอดขวดเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งค่อนด้วยความรักใคร่
“งั้นมึงเอากับขวดดิ ไม่ต้องมีเมีย” ไอ้เก่งย้อนกลับไป
“กูก็อยากเอากับขวดนะ แต่ปากขวดมันเล็กไปวะ ไม่รองรับอนาคอนด้ากู”
“ไอ้เหี้ย เสื่อม!!” พวกผมพากันเอาถั่วลิสงในจานปาใส่แม่ง ผมเอนตัวพิงไอ้แสนไว้ คอยหัวเราะพวกขี้เหล้าเล่นกันโดยมีสายตาล้อเลียนจากสองสหายเดิม แม้จะอายแต่แม่งสบายนี่หว่า แม้หน้าจะร้อนแต่มองข้ามมันไป เพราะตอนนี้ ผมโคตรมีความสุขเลย
( จบสองแสน - สิบสี่ )
ไม่ค้างแล้วๆ มาต่อแล้ว แม้จะไม่ได้อย่างใจคิด 5555
เนื้อหาค่อนข้างเอื่อยๆเรื่อยนะขอรับจากตอนนี้
อยากให้เป็นช่วงที่สบายๆกันก่อนจะเจออะไรหนักๆ โอะ :katai3:
ขอขอบคุณทุกการติดตามนะขอรับ :impress2:
อยากรู้ว่าสองรู้ได้ไงว่าตัวเองต้องเป็นรับ สังเกตจากเพื่อนๆแซวว่าสองเป็นเมียแสน สองเองก็ไม่ได้รู้สึกตงิดใจหรือฉุกคิดเลยว่า เอ๊...กรุก็ผู้ชาย ทำไมจะเป็นรุกไม่ได้
ส่วนเพื่อนคิดว่าสองต้องเป็นรับ อันนี้ไม่แปลกใจ เพราะถ้าคนนอกมอง สองเองดูนุ่มนิ่ม อ่อนแอ แล้วก็น่ารักกว่า
แค่แปลกใจในส่วนของความนึกคิดของตัวสองเอง เพราะเท่าที่สัมผัสจากการอ่าน สองเองก็เป็นผู้ชายแมนๆคนนึงค่า
อันนี้เป็นคำแนะนำจากคนอ่านที่เป็นแฟนเหนียวแน่นนะคะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์จ้า :mew1: :mew1:
ต้องบอกว่าคนแต่งลืมรายละเอียดตรงนี้ไปเลย ขอบคุณมากๆที่ช่วยแนะนำนะขอรับ
ไว้จะสอดแทรกเข้าไปเท่าที่จะได้ทำได้นะขอรับ o13
-
รอชมพัฒนาการต่อไปค่าาาา
-
อ้าวว นึกว่าน้องสองจะเสร็จซะละ ดันรอดไปอีกจนได้ ถถถถถถ :katai3:
-
‘Our love is twin’
( สองแสน – สิบห้า : หึง )
หลังจากงานสังสรรค์เข้าห้องหอ เอ๊ย ไม่ใช่ เข้าคอนโดฯใหม่สิ ก็ถึงเทศกาลสอบปลายภาคแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เรื่องของแสนไม่ได้คืบหน้าอะไรไปมากกว่าเดิม เพราะต่างฝ่ายต่างลุยงานเก่าและงานใหม่จนหัวหมุนไปหมด กลับห้องมาบางครั้งก็ใช่ว่าจะได้เจอหน้ากัน
วันนี้เป็นอีกวันที่แสนมันนัดเพื่อนมาติวกันที่ห้อง เพียงแต่คราวนี้มีแค่อ้นที่มา ส่วนผมวันนี้พักครับ รู้สึกสมองล้าๆยังไงไม่รู้เลยผ่อนคลายบ้าง กลิ้งไปกลิ้งมาจนเบื่อก็เริ่มหิว ไปหาอะไรกินดีกว่า
ก๊อกๆ
“แสน อ้น เอาอะไรไหม?” เคาะห้องเสร็จก็ถามเลย ยืนรอซักพักก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา ผมชั่งใจอยู่ครู่นึง บางทีอาจจะอ่านหนังสือกันอยู่เลยตัดขาดโลกก็ได้ ผมเป็นบ่อย กร้ากก
พาตัวเองออกมาจากคอนโดฯได้ก็เดินไปตามทางที่คุ้นเคย พอมาอยู่ได้ซักพักก็เริ่มจำได้แล้วละครับว่าอะไรอยู่ตรงไหน มีร้านอะไรบ้าง และที่ประจำของผมนี่เลย เซเว่น! ฮ่าๆ
ผมหยิบฉวยพวกเครื่องดื่มชูกำลังไม่กี่ขวดกับของกินเล่นไว้เผื่อง่วง แถมพวกข้าวแช่แข็งด้วย จริงๆก็ไม่อร่อยหรอกครับแต่มันกันตายได้ครับ จ่ายเงินเสร็จก็เดินฮัมเพลงกลับคอนโดฯ วางทาบคีย์การ์ดพาตัวเองขึ้นชั้น 25 กดรหัสหน้าห้องเสร็จเดินเข้ามาภายในห้องยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแสดงว่าพวกมันยังไม่ออกมากันแน่ๆ
ผมเก็บข้าวของที่ซื้อมาเข้าที่จนหมด เดินตรงไปหน้าห้องเคาะเบาๆ
“แสน อ้น ออกมากินข้าวก่อน”
“......” เงียบวะ... เอาไงดี เปิดไปดูมันจะว่ากวนปะวะ ผมลังเลอยู่ครู่นึงก่อนจะตัดสินใจบิดลูกบิดเข้าไปด้านใน
ชะงักค้างกับภาพที่เห็น ตัวชาวาบขึ้นมา อ่านหนังสือท่าไหน ถึงได้ไปนอนซุกกันอยู่บนที่นอนนั่น ผมเม้มปากแน่น ความคิดสองฝั่งตีกันวุ่นวายยังคงยืนนิ่งมองอยู่อย่างนั้น
ปิดประตูดิสอง อยู่ทำไม
เดินเข้าไปเรียกเลย จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เขาเป็นเพื่อนกันไง นี่มึงคิดอะไรวะสอง
แต่กูไม่เคยนอนซุกเพื่อนแบบนี้นะ จะไม่อะไรเลยถ้า... แขนของแสนไม่ได้พาดอยู่บนเอวอ้น
ความคิดของผมเริ่มเตลิด ได้สติขึ้นมาหน่อยก็รีบเฟดตัวเองออกมาจากห้องนั้น ทิ้งตัวลงบนโซฟา พยายามใช้สติที่เหลือน้อยนิดให้ได้มากที่สุด รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของมือตัวเองและความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ามาเรื่อยๆ
โอเค มันอาจจะดูงี่เง่าไปหน่อยแต่ให้ตายเถอะ ถ้าคุณเห็นแฟนคุณอยู่ในลักษณะนี้ไม่มีใครไม่คิดหรอก อย่าทำตัวเป็นแม่พระ พ่อพระกันหน่อยเลย.. ผมก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง
นี่ผมพาลบ้าอะไรวะ ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองแรงๆ
สติหน่อยสิวะสอง..
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยระแวงอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เพราะไม่เคยห่างกัน เวลาว่างแสนมักให้เวลากับผม แต่ผมก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไป ตอนมันอยู่กับเพื่อนเป็นยังไง เข้ากับเพื่อนได้มากแค่ไหน ความสนิทที่เหมือนจะเท่าเดิมแต่แท้จริงแล้วเรายืนห่างกัน หรือ...เราไม่เคยยืนใกล้กันเลย
ผมสบถกับความคิดบ้าๆของตัวเองซ้ำๆ ตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติ บางทีเครียดเกินไป เหนื่อยเกินไป ความคิดพวกนี้เลยโผล่ขึ้นมา หรือมันเป็นเรื่องจริง แม่ง.. ไม่เข้าใจห่าเหวอะไรเลย
ผมลุกพรวดเข้าไปในห้องนั้นอีกรอบ เรื่องที่ผ่านมาก็ช้ำพอแล้วกับการไม่คุยกัน รอบนี้..จะให้ซ้ำรอยคราวก่อนไมได้
ปึง!
“แสน! อ้น! กินข้าว!” ผมตะโกนพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง ไอ้แสนรู้สึกตัวก่อน มันกระพริบตาช้าๆ ขยี้ตาอีกทีแล้วก้มมองคนในอก ผมไม่พูดเร่ง ไม่พูดแม้แต่คำเดียว พยายามทำหน้าเรียบ หน้าตายยืนจ้องอยู่อย่างนั้น จนมันเริ่มรู้ตัวเงยหน้าขึ้นมามองผม เห็นประกายความตกใจในแววตามัน
ตกใจทำไม? ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเม้มปากหันหลังออกมาจากห้องทันทีที่อ้นเริ่มรู้สึกตัว
ให้ตาย พยายามจะไม่คิดแต่ก็อดไม่ได้วะ นี่มันนอกใจผมหรอ ทั้งๆที่เพิ่งจะลงรอยกันได้ไม่นานเนี่ยนะ! ผมเดินเข้าห้องนอนปิดประตูล็อคไม่ให้ใครเข้า ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในจังหวะที่ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว เกลียดความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่ทำให้ตัวเราอ่อนแอ..และใจเราก็อ่อนแอเช่นกัน
ก๊อกๆ
“สอง” ผมเอาหมอนของตัวเองทับหัวอุดหูไว้ ไม่ ไม่อยากงี่เง่าใส่ ไม่อยากทำตัวไม่ดีให้เห็น ขอสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนแล้วจะออกไป ผมไม่รู้ว่าแสนมันเคาะอยู่อีกนานไหม รู้แค่ว่าผ้าปูเริ่มเปียกเป็นวงกว้าง รักมันขนาดนี้เลยหรอ ผมถามตัวเองซ้ำๆ ทั้งๆที่มันเป็นแฝดน้องของตัวเอง
ปัญหาโลกแตกของฝาแฝดกลับมาให้ได้คิดอีกครั้ง แม้จะพยายามตัดเรื่องเก่าๆออกแต่ว่า.. มันก็ยังวงเวียนกลับมาให้มีน้ำตา
กริ๊ก
เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ได้ยินเสียงประตูห้องที่ถูกไขเข้ามา น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหล่ออกมาไม่ขาดสาย ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อโดนรวบตัวไปกอดไว้
“สอง”
“อึก...ปล่อย!” ผมไม่อยากมองหน้ามันได้แต่ใช้มือดัน เท้าถีบให้มันปล่อย ขบริมฝีปากตัวเองจนช้ำอย่างจนใจเมื่อมันไม่ขยับหนีไปเลยซักนิด มีแต่ผมนี่ละที่เหนื่อยหอบ
“มันไม่มีอะไร”
“....” ไม่มีอะไรแล้วมึงตกใจทำไม ผมไม่ได้พูดออกไป ไม่มองหน้ามันด้วย
“แค่อ่านแล้วเผลอหลับไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยู่ท่านั้น อาจจะเคยชินเวลานอนกับสอง”
“...” พูดเฉยๆก็ได้ จะเลื่อนหน้าเข้ามาทำไม ห่าน! น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว เหลือแต่ตาช้ำๆของผมนี่ละ มองมันด้วยหางตาเชิงห้ามไม่ให้มันเอาจมูกมาหอมมาดมตามแก้มตามซอกคอผม
“ขอโทษ ไม่ได้อยากกอดใครเลยนะ”
“.......” เกลียดมันวะ!
“หึ.. แดงไปหมดแล้ว”
“พูดหาพ่องงง” เกลียดหน้ากระลิ่มกระเหลี่ยของมัน แม่งชอบทำตาวับๆวาวๆใส่ผม ถีบมัน ถีบมัน!!
“โอ้ย ฮ่า ๆ ขี้หึงวะ”
“ใครหึงมึง!”
“ไปส่องกระจกดิ” ผมถลึงตาใส่ ให้มันหุบปากไปซะ มันยิ้มแล้วก็หุบปากทันที หมายถึง หุบปากด้วยการเอาปากมันมาปิดปากผมเนี่ย
“อื้อ!!” ยันต้นขามันกะจะให้มันปล่อยตอนที่ตัวเองโดนกดลงเตียง นอกจากมันไม่ขยับแล้วมันยังกัดปากผมด้วย ไอ้เลวววววว
ผมมองมันด้วยความโมโหหน่อยๆ แต่พอเจอมันมองสบมาก็รีบหลับตาลงจนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังลอดมา แม่ง.. ใครสอนให้มันทำตาเจ้าชู้แบบนี้วะ ใจผมเต้นรัวแบบไม่เป็นจังหวะได้ไม่ยากเลย
ริมฝีปากของผมโดนเล็มโดนแทะจนเริ่มเจ็บจี๊ด ต้องเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามา รู้สึกเหมือนตัวเองโดนสูบลมหายใจ สูบพลังชีวิตออกไปอย่างไรอย่างงั้น ลิ้นของมันกวาดต้อนลิ้นผมแบบไม่ยอมปล่อยให้หยุดว่างเลยซักวินาที
ร่างกายเริ่มหมดแรงจะต่อต้าน เสื้อของผมถูกมันจัดการเป็นอันดับต่อมา มือหยาบร้อนลูบไล้ไปบนตัวผม แอ่นอกสะบัดหน้าหนีริมฝีปากมันออกมาครางต่ำเมื่อตุ่มเล็กสองข้างถูกโจมตี
“อือ..”
ริมฝีปากของมันไล่จูบไปตามลำคอผมทั้งยังเล็มเลียจนอ่อนลุกชันไปทั่วร่าง เจ็บจี๊ดเล็กๆบนผิวแถวเนินอกไม่ใช่แค่จุดๆเดียว แต่เหมือนมันจะแต้มร่องรอยไปทั่วอก ผมสอดนิ้วเข้ากุมขยุ้มผมหนาของมันบิดตัวน้อยๆด้วยความเสียว ลมหายใจของเราสองคนหอบหายใจดังกว่าเดิมด้วยความต้องการ
“อ๊ะ..อา..” สะดุ้งยกตัวขึ้นจนแผ่นหลังลอยเมื่อจุกนมโดนตวัดเลียด้วยลิ้น หลุบสายตาลงมองภาพตรงหน้าแล้วยิ่งจะทนไม่ไหว เอื้อมมือตัวเองลงไปล้วงเข้าใต้ชั้นใน บีบคลึงท่อนกายร้อนผ่าวของตัวเอง
“อย่าใจร้อนสิ” มือของผมถูกดึงออกจากความต้องการของตัวเอง ผมปรือตาขึ้นมองส่งสายตาอ้อนวอนให้มันแบบไม่รู้ตัว ผมได้ยินเสียงคำรามต่ำของมันก่อนที่กางเกงของผมจะถูกกระชากออก มันจับขาของผมให้ขยับอ้าอยู่ในท่าทางที่น่าอาย แม้จะมีความต้องการแต่ท่าแบบนี้.... ที่มันจ้องอยู่ตอนนี้...
กูอายเว้ย!! ผมเม้มริมฝีปากเบนสายตาไปมองทางอื่น มันแทรกตัวมาอยู่กลางหว่างขาจับคางผมกลับมาแล้วบดจูบลงอีกครั้ง จูบรอบนี้มันหนักหน่วง เร่งเร้าทำให้อารมณ์ดิบในตัวผมเพิ่มสูงกว่าเดิม ริมฝีปากและลิ้นของเราไม่ห่างกัน ผมโอบรอบคอมันไว้ จูบตอบรับถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้เช่นเดียวกับที่มันส่งมา
ต้องการ รัก
“อา.. ส..แสน” กางเกงของมันหลุดไปแล้ว มันแนบท่อนร้อนของตัวเองกับร่องก้นของผม ขยับไถจนน่าหวาดเสียว ดันตัวมันออกนิด พอเห็นหน้าหื่นๆของมันแล้วถึงกับพูดไม่ออกเหมือนกัน
คือ.. ไม่รู้ว่าตัวเองโดนมันจะเจ็บไหม เจ็บขนาดไหน ยังไง จะถามมันว่าเคยทำมาก่อนไหม ขอทำแทนได้ไหม.. ถึงกับกลืนลงคอไป ตาปรือปรอยของมันกับขี้แมลงวันเล็กๆที่หางตา ทำผมใจสั่น ไม่ห้ามตัว ห้ามใจ ห้ามความคิดอะไรอีก ดึงคอมันลงมารับจูบ จูบที่บอกว่าโอเค ยอมแล้ว ให้ทำได้ทุกอย่าง
“อึก...” ก้านนิ้วยาวดันส่งเข้ามาในช่องทางคับแคบ เผลอบีบรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“อย่าเกร็ง” เสียงแหบพร่าดังข้างหู ผมพยายามที่จะทำตามจนนิ้วแรกดันเข้ามาจนสุด นิ้วที่สองที่สามตามมาจนแน่นไปทั้งช่องทาง ผมยึดข้อมือของแสนไว้แน่น
“จ..เจ็บ” แค่หายใจหรือเผลอรัดนิ้วก็รู้สึกร้าวไปถึงสันหลัง แสนก้มลงมาจูบซับไปทั้งหน้าผมราวกับจะปลอบ มืออีกข้างของมันกอบกุมท่อนร้อนของผมที่เริ่มจะปวกเปียกมาขยับรูดช้าๆ
“อา..อือ” ความเจ็บเริ่มเบาบางลง ความรู้สึกอย่างอื่นเริ่มเข้ามาแทนที ผมขยับขาอ้ากว้างสะโพกยกรับกับฝ่ามือร้อนของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล แสนคงเห็นว่าผมผ่อนคลายแล้วนิ้วที่ค้างคาอยู่ในช่องทางเริ่มขยับไปพร้อมๆกัน
การโดนจู่โจมทั้งหน้าทั้งหลังแบบนี้ทำให้ผมอดกลั้นเสียงของตัวเองไม่ไหว เผลอร้องเสียงสั่นจนตัวเองยังตกใจ ยิ่งปลายนิ้วนั่นกดโดนอะไรบางอย่าง ทำให้ผมเสียววาบไปทั่วท้องน้อย หวีดร้องขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวยิ่งทำให้แสนมันเน้นย้ำอยู่ที่เดิม
ไม่ไหว
ไม่ไหวแล้ว
“อึก แสน!” ทั้งๆที่เห็นสวรรค์อยู่รำไร ทุกอย่างกลับหยุดชะงัก ผมตวัดตามองมันแบบเคืองๆ จะเอื้อมมือลงไปพาตัวเองเข้าฝั่งก็โดนมันปัดออก
“ไม่ให้ไปคนเดียวหรอกนะ” มันพูดจบก็ชโลมเจลลงบนท่อนกายร้อนของตัวเอง ตาก็มองผมตลอดเวลาจนเริ่มรู้สึกเขินขึ้นมา เม้มปากหันหลบซักหน่อย ห่าเอ้ย สายตามันโคตร..ร้อนแรงเลย..
ขาของผมถูกยกไปไว้บนไหล่มันทั้งสองข้าง หมอนใบหนึ่งหนุนรองใต้สะโพก ตาคมประกายกล้าจ้องไปที่ช่องทางด้านหลังจนผมเกร็งเผลอขมิบรัดอย่างไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งหน้าแดงกว่าเดิมก็ตอนที่มันเงยขึ้นมามองหน้าผมด้วยความต้องการอย่างที่สุด
ไอ้บ้าเอ้ย ผมยกแขนขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ เม้มริมฝีปากแน่น ยิ่งมองอะไรไม่เห็นอย่างนี้ยิ่งตื่นเต้น แต่จะให้เอามือลงมองหน้ามันละก็ ฝันไปก่อนเลย!
“หึ..”
บางอย่างกำลังดุนดันที่ประตูหลังผม มันอุ่น มันร้อน ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับต้องสะดุ้งขมวดคิ้วแน่น มือสองข้างย้ายไปวางบนต้นแขนของอีกฝ่ายบีบไว้
เจ็บ.. เจ็บโคตรๆ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวด้วยน้ำตา แสนก็คงทรมานไม่ต่างกันสีหน้ามันออก มันโน้มตัวลงมาจูบซับที่เปลือกตาของผม ช่วยปลุกเร้าด้านหน้าจนเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ช่วงจังหวะที่ผมเผลอเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสของมัน มันก็ไสตัวเองเข้ามา
“อ๊ะ โอ้ย”
“อีกนิดสอง อา..” อยากจะบอกให้มันเอาออกไปแต่เห็นสีหน้ามันแล้วก็ทำไม่ลง สูดหายใจเข้าออกลึกๆ พุธโธ ธัมโม สังโฆ ไม่เจ็บ.. ไม่เจ็บเลยซักนิดเดียว ผมโกหก อ้ากกก ตอนที่กำลังสูดหายใจเข้าออกแม่งแทงพรวดมาเลย
“ฮึก..”
“คนเก่ง”
“เก่งพ่อง ฮึก” น้ำหูน้ำตาผมไหลออกมาจนเปียกไปทั้งหน้า อารมณ์ห่าเหวไรไม่มีแล้วตอนนี้ มือที่ตั้งใจจะมาเช็ดน้ำตาตัวเองถูกมันรั้งไว้ ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจทั้งยังเคืองๆอยู่ด้วย แต่ก็ต้องชะงักค้าง ริมฝีปากร้อนแต้มลงบนฝ่ามือของผม
“รัก..”
“.....”
“รักมากนะ”
“.....” หน้าของผมร้อนฉ่า ถ้าใครเอาไข่มาทอดตอนนี้คิดว่าคงสุกแน่ๆ แล้วมันจะมาหวานซึ้งอะไรตอนนี้วะ ผมเม้มปากทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่ก็ต้องผวาขึ้นโอบรอบคอมันไว้ มันเริ่มปลุกเร้าผมจนตั้งตัวไม่ติด ไฟที่ยังไม่มอดดับดีกลับมาปะทุอีกครั้ง
“อ...อ๊ะ..อื้อ!” ตัวของผมไหวโยกตามแรงที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ปากก็ไม่หยุดว่างโดนมันจูบดูดจนบวมเจ่อ เสียงครางต่ำยังลอยมาให้ได้ยินเป็นระยะ ผสมปนเปไปกับคำพูดลามกที่ปลุกอารณ์ผมให้พุ่งขึ้นไปมากกว่าเดิม
“ส..แสน อ๊า..”
“รัก..อา..”
“ร..รัก อื้อ.. แสน.. เร็วอีก”
ผมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบทรักอันหนักหน่วง เสียงหอบกระชั้น เสียงคราง ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มแหบแห้ง เหมือนร่างกายตัวเองปวกเปียกเสียจนถูกมันพลิกเปลี่ยนท่าไปไม่รู้กี่ท่า ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รับรู้ได้แต่น้ำบางอย่างไหลเยิ้มไปตามขา
“ส..แสน..พอแล้ว”
“ซี๊ด.. อีกนิดนะครับ”
นิดบิดามารดามึงหรือไอ้แสน!! ไอ้เชี้ย!! ตั้งท่าจะทุบตีมันก็ถูกมันปั่นจนเคลิ้มไปด้วยอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง.. ความเหนื่อยเข้าเล่นงาน ตาเริ่มจะปรือปรอยลงจนปิดสนิท ความรู้สึกสุดท้ายก่อนสติจะหลุดลอยไป เหมือนมันจะถอดตัวออกไปแล้วแต่บางอย่างดันเข้ามาแทนที ง่วง เหนื่อย เพลียเกินกว่าจะเอ่ยปากถาม
แต่ว่านะ..
เหมือนผมจะลืมอะไรไปเลย.. แต่ช่างมันก่อน ขอนอนก่อนแล้วกัน
( จบสองแสน - สิบห้า : หึง )
แฮ่ หายไปหลายวัน ขอโทษค้าบบ ช่วงนี้ไม่ว่างเลย กลางคืนเผลอหลับอีกต่างหาก
ฮือออ พอมาถึงเครียดเรื่องการแต่งบทแบบนี้อีกต่างหาก... โอ้ย..
อาจจะทำได้ไม่ดีพอ..แต่ว่า พยายามแล้วนะ เขิน..
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับโพ้มม
-
จะลืมอะไรหล่ะคะน้องสอง ก็ลืมเพื่อนอ้นที่ยังอยู่อีกห้องหน่ะสิฮ้าา ป่านนี้เค้าได้ยินกันทั้งชั้นแล้วหล่ะ ถถถถ :jul1:
-
จะลืมอะไรหล่ะคะน้องสอง ก็ลืมเพื่อนอ้นที่ยังอยู่อีกห้องหน่ะสิฮ้าา ป่านนี้เค้าได้ยินกันทั้งชั้นแล้วหล่ะ ถถถถ :jul1:
ใช่ ลืมอ้นไปและ
ว่าแต่อ้น คิดไรกับแสนปะเนี่ย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
นิดบิดามารดามึงหรือไอ้แสน!! < บิดามารดาของแสนก็คือของสองด้วยนะ 555555
:m20:
ลืมเพื่อนอ้นยังไงละ!!! แต่ลืมๆไปก็ได้(?)
เชื่อแสนนะ จะเชื่อแสน แสนไม่นอกใจสองหรอก
อาจจะตกใจกับสภาพที่เห็นเฉยๆก็ได้ ใช่ไหม...
แสนคงไม่อะไร แต่อ้นนี่ไม่ทราบ?!!
:katai1:
-
ลืมอ้น???
อร๊ายยยยย สองโดนเผด็จศึกแล้ว จะเป็นไงต่อไปน๊าาา >///<
-
รอได้จ้า อย่าเครียดมากน้า แต่งดีออก ชอบๆ :-[
ตอนนี้เก็บความฟินกันไปแหล่ะ
-
‘Our love is twin’
( สองแสน – สิบหก : สงสัย )
เจ็บ... ความรู้สึกแรกหลังจากรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา แผ่นหลังของผมอุ่นร้อนเพราะแนบอยู่กับแผ่นอกมัน ท่อนแขนของแสนวางพาดเอวผมไว้ ไม่หนักเท่าไหร่ แต่..อบอุ่นดีจัง
เหตุการณ์ก่อนหน้าไหลเวียนเข้ามาให้ใจเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับเอาไปอังเตาถ่านไว้ โคตร..เชี้ยอะ คือมันแบบ..มันดีนะ เออ มันก็ดีนั่นละ
แต่ว่า... กูงอนมันอยู่ไม่ใช่หรอวะ? ใช่ดิ
เรื่องอะไรนะ? เอ...อ้น?
“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงดังเพราะเพิ่งนึกออกพลิกตัวหันมาหาคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องราวอย่างลืมตัวแล้วต้องมากัดฟันน้ำตาเล็ดเพราะเจ็บตรงนั้น... ไม่ต้องถาม! ตรงนั้นนั่นละ!!
“หืม..” ผมต้องน้ำตาเล็ดอีกครั้งเพราะมันดึงตัวเข้าไปกอดแน่น
“กูเจ็บ!” กัดแม่ง ตรงอกนั่นละครับ และก็ต้องหน้าเห่อร้อนอีกครั้งเพราะร่องรอยบนตัวของมันที่ผมเป็นคนแต้มไว้ประปรายไปทั่ว ... โอ่ย.. ใครก็ได้เอาปี๊บมาคลุมหัวไอ้สองที อายฉิบโหง!!
“ขอโทษ เจ็บมากไหม อยากอาบน้ำหรือเปล่า” เออ.. จะว่าไปผมก็ไม่เหนียวตัวเท่าไหร่ แถมไม่มีคราบอย่างว่าบนตัวด้วย มันทำให้หรอ... อา... รู้สึกดีวะ การดูแลเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆแบบนี้ทำให้ผมกลั้นยิ้มไม่อยู่
“ยิ้มแบบนี้ อ่อยหรอ?” หุบยิ้มทันที แม่ง หมดมู้ดเลย ผมเอาหัวโหม่งคางมันแล้วต้องร้องด้วยความเจ็บเอง เจ็บทั้งหัว ทำไมคางมันแข็งจังวะ ไม่พอยังเจ็บตูดด้วย เมื่อกี้มันสะเทือน!!
“หึ..โง่จังครับเมีย”
“เมียพ่อง อ้ากกก” รับไม่ได้กับคำนี้โว้ยยยย กูยอมครั้งเดียวไม่ถือว่าเมีย ครั้งหน้าจะต้องสลับขึ้นบ้าง!!
“กูเกลียดมึง” ไม่คุยกับมันแล้วครับ ยิ่งเห็นหน้าเจ้าเล่ห์แบบนี้ กูสาบานเลยจะไม่คุยกับมึงสามวัน
“แต่กูรักมึงนะ”
“...” ตู๊ม! หน้าระเบิดกลายเป็นโกโก้ครั้น ไอ้........ ละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ
“รักมากๆนะครับ”
“....”
“ขออีกรอบได้ไหม”
“โพ่งงง ปล่อยยยย” รีบกระเถิบตัวเองออกจากวงแขนมันทันทีก่อนจะเสียเอกราชอีกรอบ แต่ด้วยความปวดหนึบที่ช่องทางเลยไม่ได้ขยับอย่างที่ใจคิดนัก พอเงยหน้าขึ้นมองหวังจะเอาเรื่องดันเจอรอยยิ้มกว้างขวางส่งมา ผมถึงกับพูดไม่ออกเม้มปากก้มลงหลบสายตาระยิบระยับนั่นข่มอาการใจเต้นแรงเป็นจังหวะแทงโก้ของตัวเอง
“ไอ้บ้านี่” พึมพำด่ามันเบาๆแต่คิดว่าอีกฝ่ายก็คงได้ยิน เพราะเสียงหัวเราะเบาๆดังมาพร้อมกับแรงกดบนหัว เสียงสูดหายใจเบาๆดังขึ้นยิ่งทำให้หน้าร้อนมากกว่าเดิม ไม่ชิน ไม่ชินเอาซะเลย...
ว่าแต่ ผมลืมอะไรไปอีกหรือเปล่านะ?
นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยิ่งรู้สึกอุ่นในใจแบบนี้ก็ไม่อยากจะคิดอะไรอีก ช่างมันไปแล้วกัน นอนหลับตาลงนิ่งๆด้วยความอ่อนเพลียที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยมีไอ้แสนคอยลูบหลังให้คล้ายกับจะกล่อม แต่ยังไม่ทันจะง่วงหลับมือของมันก็เลื่อนลงไปคลึงก้นผมอีกครั้ง
“ไอ้แสน!” กระชากมือมันออกมากัดจนจมเขี้ยว
“โอ้ย”
“กวนตีน! พากูลุกเลยจะไปอาบน้ำ แม่งเผลอไม่ได้ อูย เจ็บ” ว่ามันเสร็จก็พยายามจะยันตัวเองขึ้นนั่ง มือใหญ่ช้อนหลังผมให้ขึ้นนั่งดีๆ ผมร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ ไม่อยากนึกถึงสภาพหูรูดตัวเองตอนนี้เลยว่ามันจะช้ำขนาดไหน ว่าแล้วก็เพราะไอ้หน้ามึนนี่ละ ไม่รู้จักพอ
ชกแม่ง
“ทำกูทำไม” ยัง มึงยังจะถามอีกหรอ
“เพราะมึงอะ!”
“หือ ก็..ดีไม่ใช่หรอ” สะอึกเล็กน้อย มันก็ดีละสลัดแต่มึงควรจะถนอมกูมากกว่านี้ปะวะ จะพูดมากกว่านี้ก็เสือกเขินขึ้นมา เลยไม่พูดอะไรต่อ หลบตามันดันตัวขึ้นยืน
ขาสองข้างที่รับน้ำหนักสั่นน้อยๆเพราะเมื่อคืนผมแทบไม่ได้วางลงบนเตียงเลย กัดปากตัวเองกลั้นใจเดินไปที่ห้องน้ำทั้งไม่หาอะไรคลุมนั่นละ แค่คิดว่าจะก้มหยิบกางเกงมาใส่ก็เจ็บจี๊ดถึงท้ายทอยแล้ว เพราะงั้นข่มความอายแล้วเดินตรงไป อย่าสบตามัน ไม่ต้องมอง
อะ..อ..ไอ้เชี้ย แล้วชะโงกมามองหน้ากูหาพ่องงงง
“อย่ากัดปาก”
“.........” มันใช่เรื่องที่มึงควรพูดไหมวะไอ้แสนนน ผมโวยวายกับตัวเองในใจ มองมันด้วยตาขวางๆแล้วดันหัวมันให้พ้นจากโฟกัสสายตา พอเดินไปได้สามก้าวก็ต้องตกใจ
“มึงอุ้มกูทำไมเนี่ยแสน!”
“เห็นแล้วสงสาร” พูดจบก็จูบหนักๆลงบนปากผมแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยากด่าอะ อยากด่าโว้ย แต่กลัวมันโยนลงพื้นให้เจ็บกว่าเดิม แหะ... ก็มันสบาย
ผมพยายามไล่มันออกจากห้องน้ำ เพราะไม่ชินที่จะอาบด้วยกันแบบนี้แต่มันหน้ามึนไง .... ทำไงก็ไม่ยอมออกจนผมเองนี่ละเหนื่อย ปล่อยให้แม่งช่วยอาบน้ำไปพยายามไม่มองสบตามันนั่นละกลัวเห็นสายตาอันร้อนแรงเหมือนเมื่อคืนแล้วผมจะใจอ่อนอีก ถ้าสงสัยว่าผมรู้ได้ไงว่ามันจะมองด้วยสายตาแบบนั้น
เพราะจ้าวโลกของมันที่แข็งขู่ฟ่อๆอยู่นี่ไง เชี้ยเอ้ย! ไม่ได้ตั้งใจจะมองเลย คือหลบตาไง ก้มมองปลายนิ้วโป้งตัวเอง เสือกเจอ...... อืม เต็มๆตา หลับตาแทนแม่ง ไอ้เลวววววว
“หึหึ”
ผมไม่สนใจเสียงหัวเราะกวนประสาทของมัน จนถูกมันฟอกมันถูหมดไปทั้งตัว กำลังเพลินๆจะไม่อะไรเลยถ้าเกิดว่าแม่งไม่มาแตะที่...เอ่อ ทางเข้า..ตรงนั้นน่ะ!!
“แสน” กดเสียงต่ำๆเชิงเตือนให้รู้ว่าอย่ายุ่ง ผมไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้
“จะทำความสะอาดให้” มันบอกจบก็ดันนิ้วเปียกๆลื่นๆเข้าไปด้านในแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ขาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่
“อึก”
“อย่ารัดสิ..” เสียงของมันชักแปลกๆหู แต่จะไม่ให้รัดได้ยังไงวะ ผมเอนตัวพิงไปกับพนังห้องน้ำมือจับยึดแขนมันเอาไว้เพื่อพยุงตัว นิ้วในนั้นเหมือนกวาดอยู่ภายในคล้ายทำความสะอาด ผมเริ่มผ่อนคลายเพราะเห็นว่ามันไม่ได้แกล้ง หรือทำอะไรมากกว่านั้น... แล้วผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด!!
“อ๊ะ ...ไอ้...ส..แสน... ซี๊ด” ทั้งอยากจะห้ามมันและทั้งอยากส่งเสียงระบายความกระสันออกมา เมื่อปลายนิ้วเรียวของมันไปสะกิดเขี่ยจุดอ่อนไหวของผม มองมันด้วยหางตาทั้งขมวดคิ้วไว้แน่นเป็นเชิงสั่งให้หยุดแต่พอเห็นสายตาที่มองสบกลับมาถึงกับต้องหลบตา
ตาหวานหยดย้อยเจือไปด้วยต้องการแบบนั้น ผมไม่เคยเห็น มันไม่ได้เร่งเร้าอะไรมากกว่าเดิม ค่อยๆปลุกความต้องการในตัวผมช้าๆอย่างต่อเนื่องจนผมแทบจะขาดใจ
เสียงกระซิบคล้ายคำสั่งดังข้างหู ผมขยับขาทำตามอย่างว่าง่าย หลงเคลิบเคลิ้มอยู่ในรสสัมผัส ความเจ็บปวดก่อนหน้ายังมีอยู่ แต่ความหอมหวานก็ชักนำให้ผมมองข้ามส่วนนั้นไป
สัมผัสที่อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความรุ่มร้อนทำให้ผมยอมให้มันล่วงเกินเข้ามา ความลื่นของสบู่ทำให้มันเข้ามาง่ายแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแสบกับแผลเดิมจนเผลอรัดเกร็งไม่ให้อีกฝ่ายดันที่เหลือเข้ามาหมด
เสียงปลอบโยนดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการปลุกเร้าด้านหน้าทำให้ผมผ่อนคลายลงรับท่อนเนื้อนั่นเข้ามาจนหมด
อึดอัด..
“อา..” เสียงหอบครางของเราสองคนดังก้องไปทั้งห้องน้ำ ฝักบัวถูกปิดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ก่อนที่ผมจะถูกอุ้มลอยออกมาด้านนอกทั้งยังไม่ได้ผละตัวออกจากกัน ริมฝีปากของเราเบียดเข้าหากันราวกับจะแบ่งปันลมหายใจให้กันและกัน
ทันทีที่หลังของผมสัมผัสเตียง เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายและเสียงเนื้อกระทบกันของส่วนล่างก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหน้าของผมไม่ได้ถูกปล่อยปะละเลย แสนกอบกุมมันเอาไว้ ชักนำให้เป็นไปในจังหวะเดียวกัน
“อ๊ะ..อะ” ยิ่งใกล้ไปถึงจุดเท่าไหร่เสียงหวีดร้องของผมก็ยิ่งดังมากกว่าเดิม เหมือนมันก็จะไม่ไหวเช่นกัน จังหวะการสอดใส่รวดเร็ว รุนแรงมากกว่าเดิม จนตัวของผมสั่นคลอนไปหมด
ปรือตาขึ้นมองอ้อนวอนขอให้ป้อนจูบลงมาอีกครั้ง มันก้มลงมาอย่างไม่อิดออดผมกอดรัดร่างของคนข้างบนไว้แน่น ตวัดเกี่ยวเรียวลิ้นเข้าด้วยกัน
“อึก..อื้อ” ไม่ไหว..ทนไม่ไหวแล้ว ผมกระตุกเฮือกสมองขาวโพลน ปลายเท้าเหยียดเกร็งจิกลากปลายนิ้วบนแผ่นหลังขาวสะอาด ปลดปล่อยความต้องการตัวเองออกมาจนเปรอะไปทั่วหน้าท้อง
“ซี๊ด..” ผมได้ยินเสียงครางต่ำของมันดังตามมา รู้สึกถึงความอุ่นร้อนในช่องทางตัวเองก็เผลอขมิบรัดจนมันสูดปากถอยออกมองผมด้วยประกายกล้า
สายตาแบบนี้..
“พ...พอแล้ว กูไม่เอาแล้วนะ”
“หึ ยอมก่อนก็ได้”
หลังจากพายุผ่านพ้นไปความเจ็บก็โหมเข้ามาอีกครั้ง ผมได้แต่กัดฟันมองคนลอยหน้าลอยตาด้วยความโมโห โมโหทั้งตัวเองทั้งมันนั่นละ แม่ง
มันกลับเข้าไปอาบน้ำแล้วถือกะละมังกลับมา ในนั้นมีผ้าขนหนูผืนเล็กติดมาด้วย ผมเบนหน้าหนี ไม่ใช่ว่าโกรธมันขนาดนั้นหรอก แต่..ไม่ชินนี่หว่า หลังจากมีอะไรกันแล้วควรทำหน้ายังไงวะ ทำไมหน้าของผมมันถึงร้อนไม่หยุดแบบนี้
“เดี๋ยวกินยาหน่อยนะ” คราวนี้มันทำความสะอาดตรงนั้นผมแบบจริงๆจังๆ คงสัมผัสได้ถึงความไออุ่นๆที่ออกมาจากตัวของผม ใช่สิ ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองจะป่วยแล้วละครับ ปวดหนึบไปหมดที่กระบอกตาแล้วก็..ด้านล่าง เหมือนช่องทางมันเต้นตุ๊บๆอยู่ตลอดเวลา จะขยับขาหน่อยก็เจ็บ..
“อือ” ผมเปิดปากรับยาเข้าปากโดยง่าย ไม่รู้ว่ายาอะไรบ้าง แต่อดจะมองมันอย่างเคืองๆกับความเตรียมพร้อมไม่ได้ ได้ยินเสียงหัวเราะในคอพร้อมกับสีหน้าทะเล้นก็เลยต้องหลับตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใครสั่งใครสอนให้มันทำหน้าอย่างนี้วะ!!
“นอนซักหน่อยเดี๋ยวจะปลุกมาให้กินข้าว” ผมพยักหน้าทั้งยังหลับตา ขมวดคิ้วขยับตัวหาท่าที่นอนสบายแม้มันจะไม่สบายก็เถอะ
“เฮ้ย!” ผมกำลังจะหลับอยู่แล้วเสียงร้องตกใจที่มีไม่บ่อยนักจากอีกคนก็ดังขึ้น ผมหรี่ตาขึ้นมองข้างนึง
“...”
“ไอ้อ้น” ผมเบิกตากว้าง เออเชี้ย... ผมกับไอ้แสนหมกตัวอยู่ในห้องจนตอนนี้มืดแล้ว แล้ว...เพื่อนมันอะ?
“....”
“นอนไปก่อนเดี๋ยวไปดูเอง” มันจูบหน้าผากผมแล้ววางมือปิดตาเหมือนบังคับให้ผมนอน ผมก็ฮึดฮัดอยู่ครู่นึงก่อนจะเผลอหลับไปเพราะฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลีย
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ไม่ค่อยปวดตัวเท่าไหร่ ลองขยับขาก็โอเคกว่าเดิมอาจเพราะยาที่ได้กินก่อนหลับไป มองซ้ายมองขวาเห็นแสงที่นอกหน้าต่างแล้วตกใจ เบนสายตาไปมองนาฬิกาติดผนัง ผมหลับไปตอนสองทุ่ม ตอนนี้สิบโมง หลับยาวเลยเฮ้ย วาดมือไปลูบบนพื้นเตียงที่ว่างอยู่ มันเย็นแล้วแสดงว่าอีกฝ่ายน่าจะออกไปข้างนอกนานแล้ว
หวังอยู่เหมือนกันว่าจะเห็นมันนั่งอยู่ข้างเตียง แต่ก็นะ..มันอาจจะออกไปหาอะไรเตรียมให้ผมกินก็ได้ ไม่นานคนที่ผมนึกถึงก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมรีบหลับตากลัวมันรู้ว่าตื่นแล้ว
หัวของผมถูกลูบไล้เบาๆก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ อยากจะขมวดคิ้วลืมตาขึ้นมาถามตามนิสัยแต่ห้ามตัวเองไว้ มันถอนหายใจทำไม? มีเรื่องอะไรให้หนักใจนัก
“เฮ้อ” มันถอนหายใจอีกแล้ว ไม่ทนแล้วเว้ย ผมลืมตาพรึบขึ้นมามันชะงักไปครู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมา ยื่นหน้าเข้ามาจูบซับไปทั่วหน้าผมจนต้องหลุดหัวเราะ
“เล่นเชี้ยไรเนี่ย”
“นอนนานขนาดนี้ ดีขึ้นไหม”
“ดีแล้ว เตะมึงได้แล้ว” กระตุกยิ้มให้มันเสียหน่อยเผื่อจะกลัวขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลย หน้าเหม็นเบื่อถูกส่งกลับมาพร้อมกับแรงตีเบาๆที่หน้าผาก
“ปัญญาอ่อน”
“ฉัด!!”
“หิวหรือยัง ไปกินข้าวข้างนอกไหวไหม?” พอมันพูดจบท้องผมก็ร้องโครกขึ้นมาทันที มันหัวเราะเบาๆพาผมลุกขึ้นจากเตียง
“ขออาบน้ำก่อนได้ปะ”
“อืม รอข้างนอกนะ”
ผมพยักหน้ารับหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง วันนี้เดินได้คล่องดี สบายตัวแปลกๆด้วย แสดงว่าผมเป็นคนแข็งแรงมากเลยนะเนี่ย
ผมเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องอยู่บนคอ ไอ้แสนหันมามองทำหน้ายุ่งเล็กน้อย
“ทำไมรีบสระผมเดี๋ยวไข้กลับหรอก” ผมเลิกคิ้วปล่อยให้มันใช้ผ้าซับเส้นผมให้ ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยกอดเอวมันไว้ เห็นมันชะงักไป กระแอมกระไอเล็กน้อยแล้วเช็ดผมให้ต่อ
“หูมึงแดงอะแสน”
“เงียบไป”
มึงก็อายเป็นด้วยหรอไอ้หน้ามึน พอเห็นอาการแบบนี้ผมก็ยิ้มแป้นเลยครับ รู้สึกสุขใจยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนมันบอกว่าแห้งดีแล้ว
“มีแต่ผัดถั่วลันเตานะ” ผมพยักหน้ารับแล้วนั่งลงกินข้าวไปพร้อมๆกับมัน
“วันจันทร์มีสอบไหมมึง”
“....วันนี้วันจันทร์” มันขมวดคิ้วแล้วตอบผม
“หะ!!” ผมร้องอย่างตกใจปล่อยช้อนลงกระทบจานด้วยความตกใจ ลุกจากเก้าอี้ไปหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้แตะเลยตั้งแต่วันนั้น
Mon, August 7
เชี้ยยยย วันนั้น วันนั้นมันวันเสาร์... เสาร์ไงพวก.. นี่ผมหลับไปสองวันเลยหรอ ผมหันมามองหน้าไอ้แสน แล้วเหมือนมันจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันพยักหน้า
“ฉิบลอส...” ถึงว่าเมื่อเช้ารู้สึกกระปี้กระเป่าขนาดนี้ นี่ผมควรโกรธมันไหมเนี่ยที่ทำให้ผมไม่มีเวลาอ่านหนังสือ โชคดีแค่ไหนที่วันนี้ไม่มีสอบ
“มากินข้าวแล้วกินยาก่อน” ผมเม้มปากเดินกลับไปกินข้าวด้วยความปลงตก วันนี้คงต้องรีบอ่านเพราะพรุ่งนี้ก็มีสอบ... ว่าแต่..
“อ้นละ?”
“หือ..กลับไปแล้ว” ผมว่าแสนมันทำหน้าแปลกๆ แต่ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มนอกจากพยักหน้า เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“นี่ยา เสร็จแล้วไปอ่านหนังสือก็ได้ เดี๋ยวล้างเอง” มันบอกตอนที่ผมวางช้อน พยักหน้ารับแบบไม่ขัดศรัทธา
คันปากยิบๆอยากถาม โว้ยย แต่ผมไม่ควรทำตัวจู้จี้ปะวะ .. เออ มันก็ดูแลขนาดนี้
ไม่รู้แล้วโว้ยยยยย
(จบสองแสน - สิบหก : สงสัย )
มาแล้วค้าบบบบบบบบบ ฝากอีกตอนที่เรทนิสๆ :hao6:
ดาวเสาร์
-
แสนกับสองอยู่ด้วยกัน มีความสุขดีก็โอเค
แต่อ้นอะ อ้น อ้น อ้น!!! มันติดอยู่ตรงเนี้ย ยังไม่เคลียร์
แล้วแสนทำหน้าแปลกๆด้วย มันคาใจ มันต้องมีอะไร...ป่ะ?
:katai1:
-
แสน นี่แทนที่จะส่งเพื่อนกลับก่อน :fire: :fire: :fire:
ดันมาทำกับสองซะนี่
อ้อน ต้องรู้แน่ๆ
แต่อ้น ชอบแสนใช่ป่ะ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เข้าใจว่าแสนคงไม่อยากให้สองไม่สบายใจ เลยเลือกจะปิดบังบางอย่าง แต่ในมุมมองของสอง อาจจะไม่ชอบใจนัก เพราะคงคิดว่าคนรักกันควรร่วมแบ่งปันเรื่องราวทุกข์สุข :mew2:
ปล. อีป้ออีแม่ จะรู้มั้ยว่าได้ทั้งลูกเขยและลูกสะใภ้พร้อมๆกัน ในเวลาเดียวกัน :hao3: :hao3:
-
ประกาศจ้า วันนี้ยังคงไม่ได้ลงนิยายน้า ยังไม่ว่างเลย แวะมาบอกก่อน เจอกันพรุ่งนี้นะเอออ
:hao5:
-
คนเขียนช่างหาเรืีองมาให้คาใจ ^^
-
‘Our love is twin’
( พิเศษ แสนสอง - สาม : ขอร้อง )
ผมมัวหลงระเริงกับความสุข ความรัก และความต้องการของตัวเอง จนภัยมาสู่ตัว ปกติผมไม่เคยพลาดเรื่องการระวังคนอื่นมารับรู้ เกี่ยวกับรักต้องห้ามของเรา แต่ครั้งนี้ ผมพลาดจริงๆ
“ไปแล้วนะ” ไอ้สองยิ้มแป้นหันมาบอกผม วันนี้มันมีสอบ ส่วนผมไม่มี
“อืม... โชคเอ” ผมก้มลงจูบปากมัน มันก็เปิดปากรับทันที ผมแกล้งมองตามันแบบเจ้าชู้ มันก็รีบหลบตาเลยทันที ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะผละออกก็ขบที่ริมฝีปากมันเบาๆ
“กวนตีน”
“หึ รีบกลับมาละ” มันพยักหน้ารับแล้วโบกมือวิ่งไปทางลิฟท์ ช่วงสอบนี่ผมไม่ได้ไปส่งมันเพราะเพื่อนไอ้สองมันแวะรับ ผมจะได้มีเวลาอ่านหนังสือด้วย
“....มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ” เสียงของอ้นทำให้ผมตกใจหันมองมันที่มีหน้าซีดเซียว
“เข้าไปพูดในห้อง”
ผมดึงตัวมันเข้ามาในห้อง เมื่อกี้มันคงยืนอยู่อีกด้านของประตู ผมเลยไม่ทันเห็น ส่วนมันคงเห็นเต็มๆละมั้งนะ พอเดินเข้ามาในห้องอ้นมันก็เดินไปนั่งที่โซฟา ส่วนผมมายืนพิงผนังด้านหนึ่ง และเป็นมันเองที่ทนความเงียบไม่ไหวเอ่ยขึ้นมาก่อน
“กูชอบมึง..ชอบมึงมาตลอดตั้งแต่วันแรก” ผมค่อนข้างแปลกใจที่ได้ยินแบบนี้ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมาชอบผม หรือเพราะตลอดเวลาสายตาของผมมีแต่สองก็ไม่รู้นะ
“..........”
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ทำให้มึงไม่มองใคร คือแฝดมึงเอง” เสียงของมันแผ่วคล้ายกับเจ็บปวดและไม่อยากพูดถึง
“กูรักมัน”
“แต่นั่น...ฝาแฝดมึง..พี่น้องมึงนะ!”
“กูรู้”
“รู้แล้วทำไมถึงยังเป็นแบบนี้” ผมหันไปยังต้นเสียงก่อนจะตัวชาวาบ ใบหน้าคนมาใหม่เรียบเฉยไม่ได้แสดงอะไรออกมา ผมกำมือตัวเองไว้เม้มปากตัวเองแน่น สงสัยว่าคนที่เพิ่งเห็น ได้ยินแค่ไหน...
“เพื่อนแสนหรอลูก”
“ครับ..” อ้นมันทำหน้าเสียเมื่อรู้ว่าคนมาใหม่คือใคร...
แม่ผมเอง
“น้องอ้นขอแม่คุยกับแสนก่อนได้ไหมลูก”
“ครับ สวัสดีครับ” อ้นไหว้แม่ผมแล้วเดินออกไปเลย ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แม่เดินไปนั่งที่โซฟามือเล็กยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง ผมลงนั่งบนพื้นคลานเข้าไปใกล้
“แม่...ผมขอโทษ”
“ทำไมแม่ไม่เคยสงสัย ทำไมแม่ไม่เคยสังเกตลูกตัวเองเลย” เสียงแหบพร่าสั่นเครือดังขึ้นก่อนน้ำใสจะไหลลงมาถึงปลายคาง น้ำตาผมคลอเต็มหน่วยกัดฟันสะก้นกลั้นมันไว้
“ผิด..ผิดที่ผมเอง”
“ทั้งสองคนเป็นลูกของแม่..ถ้าแม่รู้ว่าออกมาอยู่กันเองแบบนี้แล้วจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่คงไม่ให้ออกมา” ผมก้มลงกราบลงบนตักของแม่ แววตาที่มองมามีแต่ความเสียใจและผิดหวังจนผมต้องร้องไห้อย่างอดไม่ได้
“ผมขอโทษ ผมรักสอง รักมากกว่าพี่กว่าน้อง”
“รักมากกว่าแม่ด้วยใช่ไหม รักมากกว่าพ่อใช่หรือเปล่า ถึงได้ทำกันแบบนี้ แม่กับพ่อเลี้ยงพวกเรามาผิดตรงไหน แม่เลี้ยงมาไม่ดีหรอ ทำไมทำกับแม่แบบนี้” แม่พูดจบก็ร้องไห้โฮจนผมสะท้านในอก ทำอะไรก็ไม่ถูกเวลาแม่ร้องไห้แบบนี้ ทั้งเจ็บปวดไปกับน้ำตาของแม่
“หยุดได้ไหมลูก” คล้ายกับโดนบอกให้หยุดหายใจ ผมไม่ได้ตอบแม่ออกไป หยุดได้ไหม..แต่ถ้าหยุดได้ มันควรจะหยุดก่อนหน้านี้แล้ว ผมรู้ตัวเองดี จึงไม่ได้ตอบแม่ออกไป
“ทำเพื่อแม่..เพื่อพ่อได้ไหมแสน.. ลูกจะคบกับอ้น เพื่อนลูกคนเมื่อกี้ก็ได้ หรือจะคนอื่นก็ได้ แม่ไม่ได้รังเกียจเรื่องนี้ แต่แม่รับไม่ได้จริงๆ ที่ลูกแม่สองคนจะ...” น้ำตาของแม่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ผู้หญิงที่เข้มแข็งเสมอสำหรับผมยังคงมีน้ำตา ผมควรทำยังไง..
“แม่..ขอผม...รักกันไม่ได้จริงๆหรอครับ” อ้อนวอนอีกครั้งเผื่อจะสมหวัง ลองซักครั้งเผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น..
“แสน.. ไม่มีใครเอาคนในครอบครัวมาเป็นคนรักหรอกนะ และแม่ก็คงทำใจไม่ได้ แม่ทำไม่ได้จริงๆ”
เหมือนใครซักคนบนฟ้ากำลังกลั่นแกล้งผม ให้ได้รักกัน มีความสุขด้วยกันเพียงไม่กี่วัน ผมจะฝืนมันได้ไหม ถ้ารั้นอีกซักหน่อยแล้วพากันหนีไปได้ไหม
ไม่ได้หรอก คำตอบนั้นอยู่ในใจอยู่แล้วแม้จะไม่อยากยอมรับ พวกผมรักกันก็จริง แต่กับพ่อและแม่ก็รักไม่แปรเปลี่ยน ไม่อยากให้เสียใจ... ถ้าแบบนั้นผมต้องเสียใจเองใช่ไหม
“ขอเวลา..ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ถ้าแม่บอกว่าไม่”
“ซักครั้ง..นะครับ”
“แม่จะยังไม่บอกพ่อ สามวัน.. แม่ให้เวลา สามวัน แม่จะหาที่เรียนให้ใหม่ ที่อยู่ใหม่”
“ครับ”
เหมือนหัวใจ ... กำลังจะหยุดเต้น แม่ออกไปแล้วแต่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม จะบอกสองยังไง..
ถ้าบอกไปจะเข้าใจหรือเปล่า สองจะดื้อไปคุยกับแม่จนทะเลาะกันหรือเปล่า
ขอร้อง.. ขอร้องใครซักคนเป็นครั้งสุดท้าย
ให้พวกผม อยู่ด้วยกัน รักกัน ได้ไหม...
( พิเศษ แสนสอง - สาม : ขอร้อง )
:z3: ปวดใจ...
-
อ้นชอบแสนจริงๆด้วย
แต่หนักกว่านั้นคือคุณแม่รู้เรื่องแสนกับสองแล้ว...
ฮรือออ ปวดใจจจ เอาใจช่วยนะ
:hao5:
-
จะทำอะไร ตัดสินใจยังไง บอกสองก่อนนะลูกกก :o12: :o12:
-
อ้น แม่ รู้เรื่องกันหมด
อ้น ชอบแสนจริงๆ อย่างที่คิด
แสน จะต้องแยกกันสินะ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
‘Our love is twin’
( สองแสน - สิบเจ็ด )
ผมว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสำลักความสุขจนจะขาดใจตาย ฮ่าๆ แสนมันดูแลทุกอย่างได้ดีจนผมนึกไม่ถึง และผมก็รู้สึกรักมันมากกว่าเดิมเสียอีก ตอนนี้มันทำอะไรให้กินอยู่ครับ ผมไม่ทำอะไรก็นั่งมองมันเพลินตาดีเหมือนกัน เราสองคนสอบเสร็จกันแล้ว เมื่อวานวันสุดท้ายพอดี ไม่มีแพลนไปไหนเพราะปิดไม่นาน หมกอยู่ห้องกันนี่ละ สบายดี
“มากินข้าว” มันวางถ้วยต้มจืดกับพะโล้ลงบนโต๊ะ ผมน้ำลายสอตอนได้กลิ่นอาหาร รีบวิ่งหางกระดิกไปหาทันที
“น้ำลายย้อยแล้ว” ผมรีบปาดปากตัวเอง แล้วรู้เลยว่าตัวเองพลาด ไม่มีซักหน่อยเว้ย มันหัวเราะยื่นหน้ามาหอมหน้าผากก่อนที่ผมจะอ้าปากด่า แม่งรู้ทัน
“อยากกินไอติมวะแสน” พอผมบอกมันก็เลิกคิ้ว
“ข้าวยังไม่ทันได้กิน พูดถึงของหวานแล้ว”
“ก็กูบอกก่อนไง ถ้ามึงไม่ไปเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วกูจะไปเอง” อันนี้พูดด้วยอารมณ์ปกติครับ เป็นธรรมดาสำหรับพวกเรา ถ้าใครอยากไปทำอะไรแล้วอีกคนไม่อยากทำ ก็ไปคนเดียวเอา แต่ว่าช่วงนี้มันไม่ปล่อยผมห่างเลยนี่หว่า สงสัยรักผมมาก ฮ่าๆ
“ไปใกล้ๆแล้วกัน”
“แบบนี้คือ?”
“เดี๋ยวไปด้วยไง” ขมวดคิ้วทันที ผมกำลังรู้สึกแปลกๆ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่เหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ก็รู้กันอยู่ว่า หลายๆครั้งความรู้สึกเราก็แชร์กัน ผมวางช้อนลงจ้องมองมันแบบไม่ละสายตา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หืม” มันเลิกคิ้วส่งเสียงในลำคอ มือยื่นมาเขี่ยเส้นผมไปทัดหูให้ สัส ถามมั่งว่ากูเขินไหม ไอ้ที่จะถามจะสงสัยเลยเลือนไปเลย หน้าแดงแทน ไอ้สลัดด
“รีบกินดิ! จะไปกินติม!” ผมว่ามันแล้วจ้วงข้าวเข้าปากทันที เสียงหัวเราะในคอของมันนี่น่าเอาส้อมจิ้มทีเดียวสี่รูจริงๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็พากันไปห้างใกล้ๆครับ เลือกร้านไอศกรีมชื่อดังสีแดงๆนั่งละเลียดของหวาน และนี่เป็นอีกสิ่งที่เราสองคนชอบไม่เหมือนกัน ผมเป็นคนชอบของหวานมากๆ ในขณะที่มันชอบกาแฟเท่านั้น ตอนนี้ตรงหน้ามันก็มีกาแฟแก้วหนึ่ง ถ้าผมไม่ตักไอศกรีมป้อนมัน มันก็ไม่ยอมกิน เรื่องมาก!
ไอศกรีมหมดก็เดินซื้อนั่นนี่นิดหน่อยก่อนจะจบด้วยการกลับคอนโด มันพาขึ้นมานั่งรับบรรยากาศบนดาดฟ้าที่เขาจัดที่ไว้เป็นสวนขนาดย่อม ดีว่าอยู่สูงไม่งั้นยุงชุมแน่ๆ เราสองคนทิ้งตัวลงนอนบนหญ้าเทียม คงไม่สกปรกเท่าไหร่ แต่ช่างมันไม่ได้เป็นคนซักผ้านี่หว่า ผมขยับไปนอนหนุนท้องมันส่วนมันนอนหนุนแขนตัวเอง
“แสน”
“ว่า”
“เราจะได้อยู่ด้วยกันไปตลอดไหมวะ”
“......”
“กูอยากให้เราอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ”
“......”
“มึงคิดว่าถ้าความแตกขึ้นมา พ่อแม่จะรับได้ปะวะ”
“ไม่ได้หรอก”
“นั่นดิ ลำบากดีเนอะ แต่กูไม่เปลี่ยนใจหรอก”
“หือ?”
“ไม่เปลี่ยนใจเรื่องรักมึงไง ก็รู้สึกมาแล้วนี่”
“เหมือนกัน... รัก”
ผมหันมองมันแล้วยิ้ม มันก็ยิ้มกลับมา เราสองคนจับมือกันแล้วทิ้งสายตาไปบนฟ้าที่มืดสนิท ดาวมีบ้างประปราย ไม่หนำใจเลยแหะ
“ไปเที่ยวกันไหมวะ อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม”
“อืม..ที่ไหนละ”
“อยากไปต่างจังหวัด” มันเอาแขนออกจากหัวลูบหัวผมที่ตะแคงมามองหน้ามัน
“เหนือดีไหม หรือลงใต้ดี”
“ที่ไหนก็ได้ ที่ดาวสวยๆ เงียบๆ ไม่มีใครเลยยิ่งดี” ผมพูดแบบกวนตีนมันก็ประเคนฝ่ามือมาเต็มๆหัว
“ดาวอังคารน่ะ ขึ้นไปเลยคนเดียวไม่มีใคร”
“พ่อง เฮ้อ จริงๆนะ อยากไปเที่ยวบ้าง ถ่ายรูปคู่เราสองคน”
“ก็หาสิ ว่าอยากไปไหน” มันลุกขึ้นนั่งหัวผมเลยไหลมาที่ตักมันแทน มันก้มลงมองหน้าผมแล้วยิ้ม ไล้ปลายนิ้วไปบนหน้าให้รู้สึกคันยุบยิบปนจักจี้ ผมคอยเบี่ยงหน้าหนีได้บ้างไม่ได้บ้าง หัวเราะขึ้นเบาๆ
“พอนึกๆดูก็เลือกไม่ถูก ขึ้นเหนือ ขึ้นเขา อากาศดี แต่ลงใต้ก็น้ำทะเลสวย น่าเล่น เฮ้อ”
“ภูเขายังมีน้ำตก..ไม่ร้อนมาก ไม่เย็นมาก”
“มึงชอบหรอ?”
“ก็ดีนี่”
“เออ เดี๋ยวกูไปดูที่พัก”
“งั้นลุก เหน็บแดกขาแล้วเนี่ย” ผมดันตัวขึ้นนั่งแล้วหัวเราะเบาๆ มันกอดคอผมไว้พากันลงมาชั้นล่างก่อนจะแปลกใจที่เห็นอ้นเพื่อนไอ้แสน ยืนอยู่หน้าห้อง
“มึงขึ้นมาได้ไงวะ?” ผมถามมันอย่างแปลกใจ
“ญาติกูอยู่ที่นี่น่ะ”
“มีอะไร” ไอ้คนข้างๆผมมันทักครับ ผมหันมองหน้าพวกมันสลับกัน
“...ก็..”
“มึงเข้าห้องไปก่อนสอง แล้วจะกินอะไรไหม?” ตอนแรกว่าจะโวยแต่มันถามเรื่องของกิน กินดีปะวะตอนนี้ก็หลายทุ่มละ
“อะไรก็ได้ เบาๆท้อง”
“กินน้ำไปมึง”
“กวนตีน กูไปรอในห้องแล้วกัน” มันพยักหน้ารับลูบหัวผมสองสามที รีบปัดออกเพราะเห็นอ้นมองพร้อมถลึงตาใส่มันด้วยเลย เดี๋ยวเพื่อนมึงก็รู้หรอก มันยิ้มมุมปากแบบน่ากระทืบแต่ผมขี้เกียจทะเลาะด้วยแล้วครับ เปลืองพลังงาน ก่อนเข้าห้องก็อวดนิ้วกลางให้ซักที ฮ่าๆ สะใจ
มันหายไปครู่ใหญ่ก็กลับขึ้นมาพร้อมถุงเซเว่น ผมรีบลุกขึ้นไปดู เหมือนหมาก็ไม่ปาน ฮ่าๆ
“ทำไมดูมึงเหนื่อยๆวะ” ผมอดถามไม่ได้ก็ตอนที่เห็นมันทำหน้าเหนื่อย มันยิ้มให้ผมวางถุงบนโต๊ะแล้วรวบตัวผมเข้าไปกอดซุกหน้าบนไหล่
“พรุ่งนี้..ไปเขาใหญ่กันนะ ไม่อยากไปไกล เดี๋ยวเหนื่อย”
“เออ ก็เอาดิ ใกล้ๆจะได้เที่ยวได้จุใจ” ผมไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์มันนัก มันกระชับกอดแน่นขึ้นแต่ผมไม่ได้ว่าอะไรมัน ยกแขนขึ้นกอดตอบ ไม่ว่ามันไปเจออะไรมาผมก็พร้อมจะอยู่ข้างๆ ในเมื่อเลือกแล้ว เลือกที่จะจับมือไปด้วยกันแบบนี้
คืนนั้นเรานอนกอดกันทั้งคืน ไม่ผมมุดเข้าหาก็มันลากผมไปกอด ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ อาจจะเกี่ยวกับอ้นแต่ในเมื่อมันยังไม่พูด ผมจะยังไม่ถามแล้วกันถึงจะอึดอัดแค่ไหนก็เถอะ แอบเซ็งนิดหน่อยด้วยความอยากเผือก
ผมกับไอ้แสนออกจากคอนโดช่วงตีห้ากว่าๆ มันขับรถไปเองครับ เรื่องที่พักคุณชายเขาก็บอกจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้แม่งทำตอนไหน แต่ก็ดีเหมือนกันไม่เปลืองแรง ผมนั่งคิดถึงแพลนเที่ยวว่าจะไปไหนบ้างไปตลอดทาง จนถึงบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเขา
“โหหห” เข้าบ้านได้ก็วิ่งไปทั่วเปิดระเบียงชั้นสองออกแล้วถึงกับร้องออกมาอย่างอดได้ ภาพป่าที่ล้อมรอบบริเวณบ้านนี่มันสุดยอด แถมอากาศเย็นๆนี่อีก โชคดีจริงๆที่ออกมาแต่เช้า
“ชอบไหม” แรงกอดจากด้านหลังไม่ได้ทำให้ผมตกใจ เอนตัวพิงมันแล้วพยักหน้าตอบ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกยืนกอดมองภาพตรงหน้าไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มจะง่วง
“แสน... ง่วง”
“หึหึ ไปสิ” มันจับมือผมจูงกลับเข้ามาในห้อง เห็นเตียงผมก็ทิ้งตัวลงนอนทันทีเสื้อผ้าไม่เปลี่ยนแล้ว ไม่มีอารมณ์ มันก็ลงมานอนข้างๆดึงผมเข้าไปกอดแบบทุกที มือใหญ่ลูบหลังให้เบาๆเป็นการกล่อม ผมก็เคลิ้มจนหลับไป
ตื่นมาอีกทีนาฬิกาชี้เลขสิบ โอ้โห นอนนานเหมือนกัน คนที่กอดผมก่อนนอนไม่อยู่แล้ว ลุกมองซ้ายมองขวาแบบมึนๆ รีบวิ่งลงมาข้างล่าง
“มานั่งทำมิวสิคอะไรตรงนี้” มันพ่นควันขาวออกจากปากแล้วหันมายิ้มให้ผม กดปลายแดงวาบบี้ลงบนภาชนะรองก้นบุหรี่ กวักมือเรียกผมแล้วตบตัก
“มานั่งนี่” ผมก็ไม่ได้ขัดขืนครับ เดินไปนั่งซ้อนตักพิงมันเต็มที่ มันก็กอดเอวผมไว้หลวมๆ
“ชอบไหม”
“ชอบดิ อากาศก็ดี ดูดิ กูนอนเพลินเลย”
“หึหึ หิวหรือเปล่า?” จมูกโด่งมันกดลงซอกคอผม ยิ่งเอียงหลบยิ่งเหมือนเข้าทาง สองมือที่กอดเอวเริ่มเลือยเข้าใต้เสื้อ
“หิวข้าว แสน!” ผมตีมือมันที่เลื่อนขึ้นมาเขี่ยหัวนมผมซะงั้น ไอ้เลววว
“ฮ่าๆ โทษทีเพลินมือไปหน่อย ไปสิเดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน” เตะตัดขาไปรอบเป็นการแก้แค้น ลุกจากตักมัน ดึงมันขึ้นมาด้วย พากันออกจากบ้าน ขับรถออกมาข้างนอกครับ มานี่ทั้งที อยากกินข้าวเคล้าบรรยากาศซักหน่อย
ตลอดทริปมันตามใจผมทุกอย่าง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากที่กลับมา...
ผมจะเสียมันไป
( จบสองแสน - สิบเจ็ด )
มาอีกตอนชดเชยการหายไปค้าบบบ
อ่านให้สนุกแล้วให้กำลังใจทั้งคู่ไปด้วยกันนะครับผมม
ดาวเสาร์
-
แสนคิดว่าอย่างนี้ดีแล้วจริงๆหรือ ไม่ยอมพูดยอมบอกอะไรสองเลย
ไม่ต่างจากพาขึ้นสวรรค์ พอเผลอๆก็ผลักมาลงนรกแบบไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย
สงสารสองนะ นี่มันไม่ต่างจากอาหารมื้อสุดท้ายของนักโทษประหารเลย
ต่างกันก็แค่ นักโทษคนนี้ไม่รู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะตาย...
แต่คิดไปคิดมา อย่างนี้อาจจะดีกับสองมากกว่าก็ได้
เพราะถ้ารู้ คงทำใจให้มีความสุขก่อนตายไม่ได้
เจ็บแทนจริงๆ... :m15: :m15:
-
‘Our love is twin’
( สองแสน - สิบแปด : ว่างเปล่า )
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“แสน?”
“ขอโทษนะที่อยู่ด้วยไม่ได้”
“เดี๋ยว มึงจะไปไหน”
“รักนะ..รักมากๆ”
“ไม่ แสน ไม่ให้ไป จะไปไหน”
“ลาก่อน”
เฮือก!
ผมสะดุ้งตื่นรู้สึกเฉอะแฉะบนหน้าก็ลองยกมือขึ้นแตะดู เปียก...
นี่ผมร้องไห้หรือ เพราะอะไรนะ... ฝัน ใช่ฝัน
ฝันว่าแสนจะจากไป พอหันไปมองด้านข้างท่ามกลางความมืด ไม่เห็นอีกคนอยู่ก็ใจหายวาบ ไม่ๆ อาจจะอยู่ข้างนอก ผมรีบลุกออกจากห้องนอน ว่างเปล่า...
ไปไหน.. มือถือ มือถือละ ผมลุกลี้ลุกลนกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ตั้งใจจะหยิบโทรหาอีกคนแต่ มือถือที่วางนิ่งคู่กันนั้น ของแสน..
ไม่.. แสนอาจจะแค่ออกไปซื้อของ อย่าเอาความฝันไปปนกับความจริงสิวะไอ้สอง คิดอะไรเลอะเทอะจริงๆ ผมคิดได้แบบนั้นก็ลงนอนเพื่อรอ
รอแสนกลับมา
พวกเรากลับจากเขาใหญ่เมื่อวานตอนสายๆ ตอนที่อยู่ที่นั่นเหมือนสวรรค์จริงๆ กอดกันดูดาวกันตอนกลางคืน รีบตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แค่คิดถึงก็มีรอยยิ้มขึ้นมา มีความสุขชะมัด ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่าได้มีอะไรมาทำให้เราสั่นคลอน หรือแยกจากกันเลย
แล้วผมก็พบว่า...สิ่งที่ผมขอนั้น ไม่มีวันเป็นจริง
ผมเดินไปเปิดระเบียงมองพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ ในใจเหม่อลอยจับหาความรู้สึกของตัวเองไม่เจอ จนแสงแรกของวันแหย่แยงตาจึงได้หันกลับเข้ามาในห้อง ประตูตู้เสื้อผ้าเป็นสิ่งแรกที่ผมเลือกจะเปิดเช็ค เสื้อผ้าครึ่งหนึ่งหายไป
น้ำตาเอ่อล้นออกมาไหลเป็นสายเต็มใบหน้าตัวเอง และผมไม่คิดจะเช็ดมัน นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ยืนจ้องมองเสื้อผ้าที่หายไปแถบ จนมีมือหนึ่งมาจับที่ไหล่ผม
“แสน!” ไม่ใช่ ไม่ใช่แสน ผมเจ็บร้าวเกินกว่าจะพูดอะไรออกไปได้อีกนอกจากปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นลงมา ความผิดหวัง ความเสียใจโจมตีผมจนแทบจะยืนไม่อยู่
“กลับบ้านนะลูก กลับไปอยู่บ้านกันนะ”
ผมกลับมาถึงบ้านโดยน้ำตาไม่เหือดแห้งไปจากหน้า แม่ไม่ได้พูดหรือถามอะไรราวกับรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบ พ่อไม่อยู่ แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะถ้าเป็นพ่อคงจะเค้นถามจนเรื่องบานปลายก็ได้ แม้จะติดใจว่าแม่มาได้ยังไง แต่ผมก็เสียใจ จนกว่าจะเปิดปากถามอะไรออกไปได้
ผมคงไม่รู้สึกอะไรหากในเวลาปกติไม่เห็นมันแบบนี้ แต่ทั้งความฝันทั้งข้าวของที่มันขนไปเหลือไว้แค่ไม่กี่อย่างคือสิ่งที่บ่งชัดว่า ฝันร้ายนั้น... คือความจริง มันทิ้งผมไปแล้ว ไปแล้วจริงๆ
ทั้งๆที่เรา...กำลังมีความสุขด้วยกัน
ทั้งๆที่เรา...รักกัน
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้มันทิ้งผมไป มันใจร้ายกับผมเกินไปแล้ว มันมอบความสุขให้ผมราวกับพาขึ้นสวรรค์จนผมหลงมัวเมาแล้วผลักลงมาจากที่สูง ใจของผมกำลังแหลกเหลวเละเทะไม่มีชิ้นดี
กว่าจะรักว่ายากแล้ว กว่าจะทำใจได้ว่าตัวเองโดนทิ้ง... ยากกว่าพันเท่า
“สอง...กินข้าวลูก”
“....ผมไม่หิวครับ” รู้สึกผิดกับแม่อยู่เหมือนกันแต่ผมหมดแรงที่จะทำอะไรจริงๆ ปฏิทินถูกกาไปแล้วสามวัน สามวันที่ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน สามวันที่ผมเจ็บทรมานใจ แทบจะอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอด สามวันที่ผมมั่นใจว่าแม่ต้องรู้เรื่อง
“ไม่รู้บ้างหรือสอง ว่าตอนนี้สภาพลูกเป็นยังไง แม่จะขาดใจตายอยู่แล้ว” ผมหันมองหน้าแม่เป็นครั้งแรกของวัน สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวไม่ต่างจากผมทำให้ใจกระตุก
แต่ว่า
“แสนอยู่ไหนครับ”
“....”
“แม่รู้แล้วใช่ไหมครับ”
“....”
ไม่มีคำตอบออกจากปากแม่ แต่การหลบตานั่นคือคำตอบ แม่รู้ แม่รู้ทุกอย่าง ถ้าแบบนั้น..
“แม่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ฮึก สอง แต่แม่จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้” ผมเบนหน้าหลบไม่อยากเห็นน้ำตาของแม่ ความเสียใจของผมกำลังทำให้ผมเริ่มด้านชา ผมควรจะรู้สึกผิดหลังจากแม่รู้ เสียใจที่ทำให้แม่ร้องไห้
แต่ไม่ ผมกำลังจะโทษแม่ ที่ทำให้หัวใจผมแตกสลาย โทษแสนที่ทิ้งผมไปง่ายๆราวกับไม่รักกัน โทษดินโทษฟ้าที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
และผมก็ไม่ลืมโทษตัวเองที่ไม่เคยรู้อะไรบ้างเลยกับสิ่งที่แสนกำลังจะทำ ขนาดผมยังเจ็บขนาดนี้ มันจะเจ็บขนาดไหน ตอนที่แม่รู้ผมก็ไม่ได้อยู่ด้วย ไม่ได้ช่วยรับปัญหาอะไร
ทำไมผมไม่สังเกตอะไรเลย
“ผมขอโทษ แม่เอากลับไปเถอะครับ ผมไม่หิว”
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแสนอีกครั้ง กลิ่นของมันหายไปตั้งแต่เราไปนอนที่คอนโดฯ ทุกอย่างรอบตัวมันดูเหงาและเคว้งคว้างไปหมด รูปคู่ของเราที่อยู่บนหัวเตียงถูกผมเอามาวางไว้ที่ข้างๆ ราวกับนอนด้วยกันทุกคืน
ผมไม่ได้ติดต่อใคร แม้จะมีเพื่อนแวะเข้ามาหาที่บ้านบ้างก็ตาม พวกบีม เก่ง มัส มิ้นท์ อาสาจะช่วยตามหาให้ แต่เชื่อเถอะ ว่ายังไงก็หาไม่เจอหรอก ถึงอย่างนั้น ผมก็หวัง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ผมโดนเพื่อนๆรุมด่าว่าไม่มีหัวคิด ทำร้ายตัวเอง
สองอาทิตย์ผ่านไป ผมโดนส่งเข้าโรงพยาบาลให้อาหารทางสายยางและน้ำเกลือเพราะทุกสิ่งที่ผมกินลงไปด้วยตัวเอง จะย้อนออกทางปากหมด ทรมาน แต่ไม่เท่าในใจผมหรอก หมอบอกว่าเป็นการปฏิเสธการมีชีวิตอยู่ของผม
ครึ่งของชีวิตของผมหลุดลอยไป
แล้วผม..จะอยู่ต่อไปได้ยังไง
( จบสองแสน - สิบแปด )
---------------------------------------
talk ซักนิด
ขอโทษจริงๆจ้าที่หายหัวหายตัวไปเลย ช่วงนี้ยุ่งมากๆ เลยทำให้มาต่อได้ช้า
ยังไงขอบคุณคนที่ยังรอติดตาม
และขอโทษคนที่รออ่านด้วยจ้า
ยังไงก็ไม่ทิ้งแน่นอน เดินทางกันมาขนาดนี้แล้ว
แฮ่!
ดาวเสาร์.
-
แสนนนนน มาหาสองงงงงง
แสนหายไปไหน ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ นอมไปง่ายๆแบบนี้เหรอ
สองตอนนี้ไม่ดีเลยนะ แสนไม่อยู่สองเสียใจมากเลยยย
นายต้องพยายามผ่านมันไปให้ได้สิ อย่าหนีปัญหา!
:hao5: :sad4: :m15:
-
เจ็บปวดกันทุกคน เห็นใจทุกฝ่าย
ทางออกคือตรงไหน T_T
-
:pig4:
-
เศร้ามากกก :o12:
-
เข้าใจแม่ แค่ก็เข้าใจสอง แสน
แม่จะเอาความถูกต้อง แม่อาจได้ความถูกต้อง
แต่เสียความสุขของทุกคน ไม่มีใครมีความสุข
อาจไม่ได้ใจของลูกทั้งสองกลับมา
และอาจเสียลูกไปเลย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
:hao5: :hao5:
-
‘Our love is twin’
( แสนสอง - สี่ : ขาดใจ )
ผมนั่งมองคนที่ยังหลับอยู่ด้วยความความรัก รักอย่างสุดหัวใจ เมื่อเช้าได้ข้อความเตือนจากแม่ว่าเลยเวลา เลยกำหนดที่ตกลงกันไว้ นั่นสินะ.. ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ ผมยังคงนั่งจ้องใบหน้าที่คล้ายกันเกือบจะทุกส่วนราวกับจะจดจำไว้ในส่วนลึกสุดของใจ
ก้มลงแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนอีกครั้งแล้วรีบชักหน้าออกก่อนที่น้ำตาจะหยดลงบนผิวหน้าอีกคน ปลายนิ้วไล้ตามกรอบหน้ามาหยุดที่ปากอิ่ม มันเผยอน้อยๆเพราะเจ้าของกำลังหลับสนิท ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง ยิ้มให้กับคนรักเป็นครั้งสุดท้าย
วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง แต่ถอดเมมโมรี่ออกมาใส่เครื่องใหม่ที่เตรียมไว้แล้วเรียบร้อย ในนั้นมีแต่ภาพของพวกเรา หวังว่าจะมีซักวัน...ที่จะมีโอกาสให้เราได้รักกันได้อย่างปกติ เหมือนที่ผ่านมา
ข้าวของของผมมีไม่มากนัก เพียงเป้ใบใหญ่ใบเดียว พยายามไม่หันกลับไปมองคนบนเตียง สองมือยังคงกำแน่นทุกย่างก้าวที่เดินห่างออกมา และน้ำตาไม่เคยแห้ง ห่างออกมา ออกมาเรื่อยๆ..
วูบโหวงในอกเหมือนหัวใจยังคงติดอยู่กับอีกคน
ดูแลตัวเองนะ..สองแสน
รัก... รักนะ ...
ผมพิงหัวกับกระจกรถแท็กซี่เหม่อมองออกไปด้านนอก น้ำตาเหือดแห้งไปพร้อมกับใจที่แห้งผาด จนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาถึงสนามบิน ไม่จะหนีทุกอย่างแล้วกลับไปหาคนรัก..
ทำไม่ได้ ในเมื่อ...
“แม่ติดต่อหอพักไว้ให้แล้วนะ ไว้แม่จะไปเยี่ยม ดูแลตัวเองด้วย”
ผมมองดูตั๋วในมือแล้วเม้มปาก เงยหน้ามองแม่อีกครั้ง ไม่คิดจะร้องขอหรืออ้อนวอนอะไรอีก เพราะรู้คำตอบนั้นอยู่แล้วว่า ไม่มีทาง ไม่มีวัน
“แสน”
แม่กำลังทำอะไร... ผมมองอ้นที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ข้างๆ หันกลับมา แม่ไม่สบตาหันไปมองอ้นแล้วพูดคุยราวกับฝากฝังผมไว้อย่างนั้น
“เขาเรียกแล้ว เข้าไปกันเถอะ ฝากด้วยนะ แล้วก็ตั้งใจเรียนละแสน” รอยยิ้มของแม่ออกมาไม่เต็มริมฝีปาก ผมเข้าใจเหตุผลนั้นดี เดินเข้าไปกอดแม่แน่นๆ ในใจนึกถึงคนที่คอนโดฯ ป่านนี้จะตื่นหรือยัง..
“แม่ครับ.. อย่าโกรธสอง ดูแลสองดีๆนะครับ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับมาเมื่อไหร่ ผมไม่รู้ว่าสองจะแย่กับเหตุการณ์ครั้งนี้แค่ไหน หวังแค่ว่า... สองจะใช้ชีวิตต่อไปได้ แม้เราจะไม่ได้อยู่เคียงข้างกันก็ตาม
แต่สำหรับผม..
มันคงยาก.. แต่ผมจะไม่ละความพยายาม
เครื่องบินขึ้นจากรันเวย์แล้ว ผมไม่ได้คุยอะไรกับเพื่อนร่วมทางในครั้งนี้ นั่งมองรูปในเครื่อง มือหยุดอยู่ที่รูปมันหน้าหงิกงอ ผมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี...
‘มึงจะไปไม่ไป กูอยากเล่นน้ำแล้วนะ”
'มันร้อน'
'ก็มันหน้าร้อน!’
‘งอแงวะ’
‘งั้นกูไปคนเดียว’
‘สอง’
‘…..’
‘สอง’
‘อะไร! อ๊ะ’
แชะ!
‘หน้าเป็นตูดเลยดูดิ’
‘สัด!’
อย่าร้องไห้เลยนะ.. เดินต่อไปให้ได้นะสอง เผื่อซักวันนึงเส้นทางของเรา จะบรรจบกัน
หลังจากมาถึงได้สองวัน
“แสน ไปดูมหาลัยก่อนไหมมึง” อ้นโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนผม แม้รู้สึกไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากตอบรับแล้วหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
“อืม”
เปิดเรียนอาทิตย์แรก
“แสนมึงดูอะไรวะ ไปได้แล้ว”
“อืม”
เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับนั่งดูรูปในมือถือเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ จนถึงเวลาแจ้งเตือนก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวกลับมานั่งดูต่อจนอ้นมาเรียก ก็ทำเพียงเก็บโทรศัพท์ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ตำแหน่ง..ใกล้เคียงกับหัวใจ
อาทิตย์ที่สอง
“แสน มึงกินให้มันเยอะๆหน่อยดิ โทรมวะ”
“อืม”
อาหารในแต่ละวันเริ่มไม่มีรสชาติ มันฝาดเฝื่อนจนไม่อยากลิ้มรส คิดถึงคนทางนั้นป่านนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่มีข่าวคราวจากเพื่อนของมัน และผมก็ไม่กล้าที่จะถามไปด้วยเพราะกลัว กลัวว่าแม่จะรู้
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทไม่เห็นดาวซักดวง ต้องอยู่ตรงนี้อีกนานแค่ไหนกันนะ ... ยิ่งผ่านไปหลายวัน ความเจ็บไม่เพิ่มขึ้นแต่ความห่วงหา โหยหา มากขึ้นทุกขณะ ไหล่สองข้างของผมลู่ลงพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
“สอง.. สองแสน” พึมพำไปกับท้องฟ้า สายลม ต้นไม้ หวังแค่ว่า ความคิดถึง ความรัก จะส่งไปถึง เพราะเราเป็นฝาแฝด.. สายใยที่มี จะไม่มีวันขาดลง จนกว่าใครคนใดคนหนึ่ง.. จะหมดลมหายใจ
ครืดด
ผมปาดน้ำตาลวกๆ แม่โทรมา...
“สวัสดีครับ”
“ส..แสน..”
ร่างของผมชะงักนิ่งกับเสียงที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยิน มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นจนเกือบจะจับอะไรไม่อยู่ ริมฝีปากแห้งผาด
“แสน..ฮึก..แสน”
“.....”
“กลับ..ฮึก...กลับมานะ.. ฮึก แสน ... แสน”
“สอง! คุยกับใคร ร้องไห้ทำไมลูก!” ผมหลับตาแน่นปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม เม้มปากฟังเสียงที่ลอดมาไม่นานก็ตัดไป
คิดถึง.. คิดถึงจนจะขาดใจ
มันถึงใช่ไหม.. คิดถึงนะ...
ดูแลตัวเอง.. และรอคอยเวลานะ..
แค่รอ.. เผื่อมีวันของเรา
( จบแสนสอง - สี่ : ขาดใจ )
'Our love is twin'
( สองแสน - สิบเก้าจุดห้า)
“กูว่าต้องทำอะไรซักอย่างก่อนที่มันจะตายไปจริงๆ” เสียงใครซักคนแว่วเข้าหูแต่ผมเหนื่อยเกินจะเปิดตาขึ้นมามอง
“ไอ้นั่นมันก็เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนไลน์กูติดต่อไม่ได้เลย”
“กูว่าเครื่องแม่ต้องมีเบอร์มัน”
“เออ งั้นเอาแบบนี้”
เสียงของคนพวกนั้นไม่ได้เข้าหัวของผมอีก เหมือนผมกำลังล่องลอยอยู่ในความคิด ความทรงจำของตัวเอง ผมเห็นแสนกำลังหัวเราะ สายตาที่มองมามันทำให้ผมเขินอาย ความรักถูกส่งมาไม่ขาดสาย ริมฝีปากของแสนที่คอยพรมจูบไปบนใบหน้า
รักนะ.. สอง
คิดถึง มากๆเลย
ผมยิ้มออกมากับคำนั้น ภาพของแสนยังไม่จางไปในความคิด แสน..แสนสอง.. ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อไป จะโกรธกันไหม
ถ้ารับไม่ได้กับการต้องห่างกัน จนเผลอทำอะไรบ้าๆ จะโกรธกันไหม..
“สอง..กูจะพาแม่มึงออกไปข้างนอกนะ” ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมา เห็นบีมยืนอยู่ข้างแม่และยังมีคนอื่นๆอยู่ด้วย
“ไปครับแม่ ไปหาอะไรมายั่วน้ำลายไอ้สองกันดีกว่าครับ” แม่ทำท่าลังเลอยู่เหมือนไม่อยากจะไป แต่มันก็เรื่องของพวกเขา ผมเบนสายตาออกมา มองเหม่อออกไปหน้าต่าง เพราะอยู่ในกรุงเทพเลยมองไม่เห็นดาวซักดวง
คิดถึงวันที่เราไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกัน อากาศเย็นนิดๆแต่ไม่มีผลสำหรับเราสองคน อ้อมกอดของมันอุ่นทั้งตัวและใจของผม ดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้าระยิบระยับไปหมด เราจูบกัน ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กัน เราบอกรักกันตลอดทั้งคืนจนเช้าแล้วพากันออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้น มันน่าตลก แต่เรากลับไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อย
คิดถึง คล้ายกับได้ยินเสียงจากที่ไหนลอยมา เป็นเสียงที่คุ้นเคย ผมหันซ้ายหันขวาไม่เจอใครนอกจากมิ้นท์ที่นั่งอยู่ข้างเตียง คนอื่นๆคงออกไปแล้ว
“กูจะเข้าห้องน้ำ กูปวดท้องหนักมาก ท้องต้องเสียแน่ๆ มึงเข้าใจใช่ไหม และอันนี้โทรศัพท์ของแม่ ... สอง..พวกกูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้ว โทรไปหาแสนนะ” มิ้นท์มีน้ำตาคลออยู่ที่ตา ผมมองหน้ามิ้นท์สลับกับโทรศัพท์ในมือ เข้าใจความต้องการของเพื่อนแล้ว
รับมาไว้ในมือพยักหน้ารับ มิ้นท์มองอยู่ครู่ก็เดินเข้าห้องน้ำไป นิ้วที่สั่นเทาเลื่อนหาทีละชื่ออย่างตั้งใจ จนกระทั่งเจอ
‘แสนสอง’
มือที่จะกดโทรออกกลับสั่นขึ้นอย่างรุนแรง กลัวอีกฝ่ายไม่รับ หรือรับแล้วพอรู้ว่าเป็นผมก็จะไม่พูดแล้ววางสายไป แต่...แต่ผมก็ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ..
“สวัสดีครับ” เสียงแหบลงกว่าเดิมหรือเปล่า..
“ส...แสน”
เสียงลมหายใจของอีกฝ่ายสะดุดดังลอดเข้ามา อยากจะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้แต่กลับทำได้แค่นั่งร้องไห้ปล่อยเสียงสะอื้นออกมา เรียกชื่ออีกคนออกมาซ้ำๆราวกับละเมอ ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะยังฟังอยู่ไหม
“แสน..ฮึก...แสน”
“....”
“กลับ..ฮึก...กลับมานะ.. ฮึก แสน ... แสน” ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองยังมีน้ำตาเหลืออยู่ ผมจับโทรศัพท์ต่อไปไม่ไหว วางไว้บนตักตัวเองแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนพูดไม่เป็นคำ ร้องจนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออก
“สอง! คุยกับใคร ร้องไห้ทำไมลูก” แม่คว้าออกไปพอเห็นชื่อบนหน้าจอก็รีบตัดสายทิ้ง ผมโดนดึงเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ มันควรจะรู้สึกอุ่น ปลอดภัย แต่มันไม่ใช่
“แม่..แม่...ฮึก.. แสน..ผมรักแสน ฮือ ขอผม..ขอแสน..ฮือ..ให้ผม”
พูดออกไปแล้ว ร้องขอสิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้กับคนที่รักผมที่สุด ผมรู้ว่ามันคงทำร้ายใจแม่ไม่น้อย
แต่ผม ผมทนต่อไปไม่ได้แล้ว
เพราะผม.. คงไม่เหลือความจำเป็นใดๆ ให้ต้องหายใจต่อ
ได้โปรด..
ได้โปรดฟังคำขอของผมทีครับแม่..
( จบสองแสน : สิบเก้าจุดหนึ่ง )
---------------------------
ฮือ.. ดราม่าหลายตอนแล้ว พอที
ดาวเสาร์
-
เศร้ามากกกกกกกกกกกกก
-
แสนนนนนน นายต้องรู้ว่าสภาพสองตอนนี้เป็นยังไงแล้วจะไม่กล้าตัดสาย!
ยอมแพ้ง่ายไปแล้ว กลับมาหาสองก่อนนน
:m15:
-
ฮือๆๆๆ มันเศร้ามากกกกก T_T
-
ว่าแต่...คนเขียนหายไปนานจังนะ กลัวใจจริงจริ๊งงง :เฮ้อ:
-
ยังรอเรื่องนี้เสมอนะคะ ^^
-
จ๊ะเอ๋!!! // หลบเกิบคนอ่าน //
เสาร์มาแล้วเด้อ มาแล้วนะ มาต่อจนกว่าจะจบเลย
ช่วงที่ผ่านมาต้องขออภ้ัยคนอ่านอย่างสุดซึ้งจริงๆ ค่ะ :m15:
ด้วยเหตุหลายอย่างทำให้ไม่เป็นไปตามที่วางแพลนไว้ แต่ยังไงก็อยากให้เรื่องนี้มันจบ เขียนมาครึ่งค่อนทางแล้วโถ่
ขอเสียงคนไม่ลืม แสนสอง กับ สองแสนหน่อยเร็ว ฮิ้ววววว
ไปตามอ่านกันเลย!!
===================================================
‘Our love is twin’
( สองแสน สิบเก้าจุดสอง)
“สอง!” เสียงของคนมาใหม่ทำให้ผมต้องก้มหน้าลง
พ่อ...
“นี่ไม่รู้ตัวกันหรือไงว่าที่ทำมันผิดแค่ไหน!”
“ฮึก..แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น พ่อไม่ว่าถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิง แต่นี่พี่น้องตัวเองแท้ๆ ใครหน้าไหนมันจะรับได้!”
ผมเงียบเพราะอับจนหนทาง แต่ว่า แต่ว่าแสนคือคนที่ผมรัก ไม่ต่างอะไรกับสองคนตรงหน้าผมเลยซักนิด ความผูกพันตั้งแต่ลืมตามาบนโลก ผมไม่รู้ว่าทำไมแสนถึงเลือกแบบนี้ ผมไม่รู้อะไรเลย แต่ครั้งสุดท้าย..ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวจนทำอะไรโง่ๆลงไป
“ผมรัก..แสน..อึก..แสนคือทุกอย่าง...ฮึก...ผมขอโทษ..ที่อกตัญญู แต่..แต่ผม..ฮึก ขาดแสนไม่ได้”
ผมรู้ว่าพ่อกำลังยับยั้งอารมณ์ตัวเองอยู่ไม่น้อย หน้าของพ่อแดงกล่ำ มีเพียงแม่ที่ร้องไห้ไม่หยุด เพื่อนๆ ผมยืนออกันอยู่ตรงประตู มองมาด้วยความเห็นใจ ในตอนนี้ ผมอยากให้แสน..ได้อยู่ข้างๆผม อยากจะบอกมันว่ากลับมานะ กลับมาสู้ด้วยกันซักครั้ง แม้มันจะดูเป็นการทำร้ายบุพการี แต่..แต่เราทั้งสองคนจะสามารถไปรักคนอื่นได้จริงๆหรอ..
“ฉันจะไม่คุยเรื่องนี้อีก”
พ่อพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ผมก้มลงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น เหมือนจะขาดใจเสียให้ได้
มันไม่มีทางจริงๆแล้วใช่ไหม..
ผมมองเหม่อออกไปที่นอกหน้าต่าง มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้ลืมตาขึ้นมา ผมไม่ได้อยากตื่น ผมอยากอยู่ในความฝันที่มีมัน แต่ร่างกายของผมมันทรยศ ยังคงรู้สึกตัวทุกครั้งที่มีเสียงเรียก บางทีถ้าผมหมดลมหายใจลงไป แสนจะยอมมาหาหรือเปล่านะ
นับเวลาผ่านไปแต่ละวัน ความคิดของผมก็เริ่มดิ่งลงเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงแม่ร้องไห้ทุกครั้งที่มาเจอผม ผมปวดแปรบในใจ แต่ความทรมานของผมก็ทำให้ผมเห็นแก่ตัว ถ้าไม่สนใจ ก็จะไม่รู้สึก ถ้าปิดหู ก็ไม่ได้ยินเสียง
“สอง...ฮึก..สอง” ผมไม่ได้ยินเสียงนั้นเพียงมองเห็นแม่ที่กดโทรศัพท์ไปที่ไหนซักที ก่อนจะเบนหน้ากลับมามองท้องฟ้าด้านนอกอีกครั้ง
ผมอยากเป็นนก
อยากเป็นอิสระจากความถูกต้องที่ทุกคนขีดมันขึ้นมา จนมันทำร้ายผม .. ถ้าแบบนั้น คงจะดี ถ้าผมไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย
ค่ำคืนนั้นผมนอนหลับไปด้วยความเหนื่อย เหนื่อยที่จะหายใจ ผมเห็นแสนยิ้ม ส่งมือมาให้ผมจับ ผมวิ่งไปหามันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่มันกลับยิ่งห่างออกไป ก่อนที่จะหมดแรงในเฮือกสุดท้าย ผมคว้ามันไว้ได้ กอดมันไว้แน่น
‘แสน!’
‘เด็กไม่ดี..ทำร้ายตัวเอง’
‘ฮึก..’
‘ไม่รู้หรือไงว่าเห็นมึงเป็นแบบนี้ .. กูก็เจ็บไม่ต่างกัน’
‘ไม่..อึก แสน .. แสนไม่ อึก อยู่ .. ไม่มี.. ไม่มีแสน’
‘กูอยู่นี่ .. อยู่นี่แล้ว.. ไม่ร้องนะคนดี’
ในความฝันผมพยักหน้าปล่อยน้ำตาจนปวดไปทั้งกระบอกตาร้องของวิงวอนต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ผมไม่อยากตื่น ผมอยากอยู่ฝันนี้ แสนมาอยู่กับผมแล้ว.. แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถฝืนอะไรได้อีก ..
เป็นอีกเช้าที่ผมไม่อยากลืมตา แม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่ยังหลับตานิ่ง ฟังเสียงต่างๆในห้องอย่างเงียบๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อสัมผัสอุ่นๆวางแนบแก้ม ตามด้วยลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดหน้าผาก
“ตัวขี้เกียจ ตื่นแล้วไม่ยอมลืมตา”
เสียง.. เสียงที่ทำให้ผมต้องรีบลืมตาขึ้นมา รอยยิ้มที่ส่งมา.. ผมเอื้อมมือที่สั่นเทาไปวางแปะบนใบหน้าซูบซีดแล้วออกแรงดึง
“โอ้ย หยิกกูทำไมเนี่ย”
แสน..
แสนสองของผม..
แสน..
น้ำตาพากันพลั่งพรูออกมาพร้อมกับผมที่ใช้แรงอันน้อยนิดรั้งรอบคอมันลงมาโอบกอดไว้แน่น
“แสน ฮึก.. แสน”
“อืม..อยู่นี่แล้ว ขอโทษ .. ขอโทษนะ”
ผมส่ายหน้าอยู่บนไหล่ของมัน อยากจะโกรธ อยากจะน้อยใจแต่คิดว่าทำไปก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะมันอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่กับผมแล้ว แม้รูปร่างภายนอกจะดูผิดหูผิดตา หนวดเครานี่ใครสั่งให้มันไว้กันนะ แต่ดวงตาของมันยังระยิบระยับอยู่เสมอที่มองผม แค่นั้น แค่นั้นก็พอแล้ว
“ไอ้พวกเหี้ย อึก .. เลิกร้องไห้กันเลย .. กูทนไม่ไหวแล้ว ฮือ..” เสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันหน้าออกไปดู พวกไอ้บีมกับไอ้เก่งกอดกันร้องโฮๆ มันตลกจนต้องหัวเราะออกมา ผมหันกลับมามองหน้าของแสน
“ขี้เหร่”
ผมชะงักอารมณ์วาบหวามเมื่อกี้หายวับไปกับตา ถลึงตาใส่มันก่อนฟาดผัวะไปเต็มแรงที่ข้างแก้ม อย่าคิดว่ามันจะเจ็บนะครับ เริ่มรู้สึกเสียใจที่อดข้าวอดน้ำประท้วงจนตัวเองไม่มีแรง มันก็ไม่ได้โกรธ กลับหัวเราะชอบใจแล้วโน้มหน้าลงมากดจูบบนริมฝีปาก ผมดึงเส้นผมตรงท้ายทอยมันด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากให้มันชอนไชลิ้นเข้ามา
จูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและความรัก ทำให้หัวใจของผมกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะกลับมาเต้นด้วยความปิติยินดี เราสองคนเลิกสนไอ้สองคนในห้องแล้วมาแบ่งปันลมหายใจกันอย่างไม่หยุดพัก เรียวลิ้นของมันทำให้ผมรู้สึกวาบหวามไม่หยุด แต่ก่อนที่มันเลยเถิด ประตูห้องก็ถูกเคาะเสียก่อน
ตอนที่แสนถอนปากออกไปผมยังรู้สึกมึนๆเบลอๆอยู่เลย ปลายนิ้วที่หยาบเล็กน้อยเช็ดที่มุมปากให้ ริมฝีปากมันระบายยิ้มละมุนอย่างที่ผมค่อยได้เห็นบ่อยๆ จนทำเอาหน้าร้อนผ่าว มันจูบลงบนหน้าผากอีกครั้งพร้อมกับผูกเชือกเสื้อคนปวย...
เอ๊ะ??
มันถอดตอนไหน..?
...ไอ้แสน...
“ไอ้หื่น!”
“หึหึ”
อย่าคิดว่ามันจะสะดุ้งแต่อย่างใด คำด่าว่านั่นไม่มีผลเลยซักนิดและผมยังไม่ทันได้ด่าอะไรอีก ประตูห้องก็เปิดเข้ามา พร้อมกับแม่ ไอ้บีม กับไอ้เก่ง มันทำหน้าโล่งใจ ที่ผมรู้ดีว่าทำไม คงกลัวเจอฉาก 18+ ละซี่
“สอง...”
“งั้นพวกผมกลับก่อนดีกว่านะครับแม่ สวัสดีครับ กูไปแล้วสอง แสน” ไอ้เก่งกับไอ้บีมลากลับไปอย่างรู้หน้าที่ แสนก็เขยิบลงจากข้างเตียงไปยืนเว้นที่ให้แม่ได้นั่งตรงเก้าอี้
“ผมขอโทษ”
ผมรู้ว่าผมมันบาป บาปเหลือเกิน ตลอดเวลาแม่เสียน้ำตาให้กับผมไม่น้อย แต่ผมก็ยังทำตัวอยู่แบบนี้ แม่ส่ายหน้าทั้งน้ำตาคลอ โผเข้ามากอดผม ผมอดไม่ได้ที่จะร้องไห้กอดตอบแม่ไป เพิ่งสังเกตว่าไม่ได้มีแค่ผมที่ซูบซีดลง แม้แต่แม่ก็ยังผอมลง ใบหน้าอมทุกข์เช่นกัน ผมนึกด่าโทษตัวเองไม่หยุด จนกระทั่งมีอีกคนที่เข้ามาโอบกอดผมกับแม่ไว้
“ผมก็ขอโทษครับแม่”
“ไม่เป็นไรลูก อึก.. แม่รักลูกเสมอ.. ลูกของแม่ทั้งสองคน” น้ำเสียงสั่นเครือของแม่ทำให้ผมเจ็บปวดไม่น้อยลงกว่าเดิม พักใหญ่ๆที่พวกเราเริ่มสงบสติกันลงได้ แสนขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนกลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำสองผืน มันโยนให้ผมผืนหนึ่งก่อนจะหันไปส่งให้แม่
“ต่อไปนี้..แม่ไม่ห้ามแล้วลูก.. เห็นเราทั้งสองคนทำร้ายตัวเองแบบนี้ แม่ยิ่งเจ็บปวด”
ผมก้มหน้าลงอย่างไม่มีข้อโต้แย่ง แม้ในใจจะดีใจ แต่ประโยคหลังก็ยังคงย้ำเตือนว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่สิ่งที่ดี
“และแม่จะขออีกซักอย่าง ได้ไหมลูก”
ผมกับไอ้แสนเงยหน้ามอง รอคอยให้แม่พูด
“ตั้งใจเรียน ดูแลกันและกันไปเรื่อยๆ อย่าทอดทิ้งกัน ได้ไหมคะ”
แม่มองพวกเราด้วยความอ่อนโยน ผมอุ่นขึ้นมาในอกและยังไม่ทันได้ตอบอะไร แสนก็คว้ามือผมไปจับไว้
“ผมจะไม่ทิ้งสอง ผมจะดูแลสองเองครับ”
ผมเม้มริมฝีปากหน้าเห่อร้อนจนต้องหลบหน้าหลบตาแม่กับมันที่มองมาอย่างมีนัยยะ
“อุ้ยตาย.. สรุปแล้ว.. สองเป็นช้างเท้าหลังหรือลูก”
“ใช่แม่”
ไอ้หน้ามึนแสน!! ผมเงยหน้าไปถลึงตาใส่ หนีบเนื้อที่เอวมันด้วยทีนึง
“โอ้ย เจ็บนะ”
มึงเจ็บแบบไหน ตามึงถึงระยับแบบนั้น ไอ้ฟักแฟงแตงโมไชโยโห่ฮิ้ววววว!! แม่กับมันพากันหัวเราะที่ทำให้ผมหัวเสียได้ ผมก็ฮึดฮัดไปเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก แต่ปวดแก้มจังเลย..
“อย่าเพิ่งดีใจไปละ .. พ่อน่ะ .. ยังทำใจไม่ได้หรอกนะ”
แม่พูดมาถึงตอนนี้พวกผมเลยนิ่งคิด จะว่าไป พ่อก็ไม่มาเยี่ยมผมอีกเลยตั้งแต่วันนั้น พ่อคงรังเกียจผมแล้ว
“แต่สอง.. ครั้งนี้ไม่เอาแบบนี้อีกนะลูก ลูกสองคนต้องช่วยกันนะคะ แต่หาวิธีกันเอาเองนะ แม่ไม่ช่วย”
“อ้าว..”ผมร้องออกมาด้วยความเสียดาย นึกว่าแม่จะช่วยซักหน่อย โถ่
“อ้าวอะไรหา?! ไม่รู้ละ หาทางกันเอาเองนะจ๊ะ”
แม่พูดแค่นั้นก่อนจะลุกออกจากห้องไป เห็นว่าขอไปหาอะไรกิน แต่มีไอ้เนียนอยู่คนหนึ่งที่ป่านนี้มันยังไม่ยอมปล่อยมือผมเลย
“ปล่อยได้แล้ว”
“ไม่..”
“จิ๊.”
“มึงก็ชอบ ปฏิเสธทำไม”
“อย่ามารู้ดี!”
“หึ.. หรือไม่จริง”
“...”
“ตอบสิ”
“ไม่รู้เว้ย”
“กูรักมึงนะ..”
“ไอ้บ้า!”
“รัก”
“ฮื่อ!”
“รัก”
“รักเหมือนกัน”
ผมตอบออกไปเสียงอ่อยเหลือบตามองมันแล้วต้องหันหนี พยายามจะมุดหน้าลงหมอนแต่ทำไม่ได้ไง! มันจับมือคาไว้และยังนั่งขวางทางอีก ฮือ ไอ้แสนแม่งขี้แกล้ง ระหว่างที่ผมกำลังเขินอยู่ๆมันก็พูดออกมาทำเอาน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“จะไม่ทิ้งอีกแล้ว .. สัญญาเลย”
“อื้อ!”
ดาวเสาร์.
-
แจ้งข่าวอีกนิด!
เนื่องจากไอดีนี้เพิ่งจะจำรหัสได้ จึงไม่สะดวกในการสลับไปสลับมาของสองไอดี
จึงจะนำนิยายเรื่องนี้ รีไรท์อีกรอบผ่านอีกไอดีหนึ่ง
ใครติดตามอยู่ รอด้วยเด้อค่ะเด้อออ
ดาวเสาร์.
-
กรี๊ดดดดด หายไปนาน คนเขียนกลับมาแล้วววว
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งคนอ่านนะคะ
สำหรับตอนนี้ ก็ยังมีน้ำตาไหลพรากๆเช่นเคย
ดีใจที่แสนกลับมาหาสองแล้ว
แล้วก็ขอกอดคุณแม่แรงๆหนึ่งที เพราะรักลูกถึงยอม
ในใจก็คงปวดร้าวน่าดูเหมือนกัน เค้าเข้าใจคุณแม่นะ ^^
-
โอ้วววว หายไปนาน
ดีใจกับแฝดด้วย เหลือแค่คุณพ่อ สู้ๆนะ
-
ยังรออยู่นะคะ ^^
-
รอ สองแสน ค่ะ. ดีใจที่มาต่อ. นานมากกกกกกกก