พิมพ์หน้านี้ - 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 00:58:11

หัวข้อ: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 00:58:11
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

**************************************



***นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้น
ไม่มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใด
หากชื่อตัวละครไปตรงกับผู้ใด อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง


ยินดีต้อนรับ
พันธะร้าย กลายรัก


(https://image.dek-d.com/27/0249/8607/121747653)
แทนคุณ
ฝ่ายปกครองวิทยาลัย
27 ปี
"จะบอกอะไรให้รู้ไว้ ที่ผมนอนกับคุณคืนนั้นเพราะมันไม่มีทางเลือก..."


(https://fbi.dek-d.com/27/0249/8607/121531603)
มาวิน
ว่างงาน
29 ปี
"คนรวยนี่ดีเนอะ..."


         
        เรื่องย่อ

          เพราะไม่ได้เรียนสูงและต้องการใช้เงิน ทำให้มาวินต้องเลือกที่จะใช้วิธีการเป็น "แมงดา" หากินเพื่อเลี้ยงปากท้อง หลังจากถูกขุมทรัพย์ที่เคยแบ่งกินแบ่งใช้ไล่ออกจากชีวิต เขาก็ต้องดิ้นรนหาคนเกาะใหม่ ได้มีโอกาสรู้จากผู้ชายสมบูรณ์แบบคนหนึ่งซึ่งมาจากตระกูลใหญ่ ร่ำรวย มีความภูมิฐาน และหล่อเหลาเป็นที่ต้องการของใคร แทนคุณ

          แต่ใครจะไปรู้กันเล่า ว่านอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นว่าดีเลิศแล้ว ชายอย่างแทนคุณต่างจากที่ทุกคนเห็นอย่างสิ้นเชิง ภายใต้ใบหน้ารูปหล่อนั้น แฝงไปด้วยอะไรต่างๆ นานาที่ไม่น่าปลื้มเลยสักนิด...

-------------------------------------

ขอโทษทีนะคะ เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่ชินซักที :hao5:



     http://<iframe src="https://www.facebook.com/plugins/page.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fwriternoonaa%2F&tabs=timeline&width=340&height=500&small_header=false&adapt_container_width=true&hide_cover=false&show_facepile=true&appId" width="340" height="500" style="border:none;overflow:hidden" scrolling="no" frameborder="0" allowTransparency="true"></iframe>   



[/size]
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 01:01:47


ตอนที่ ๑

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าความสุขคือปัจจัยหนึ่งที่มนุษย์ต้องการในชีวิต ต้นเหตุของการดิ้นรนทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นมาได้ด้วยสิ่งนี้ทั้งสิ้น แต่เพราะต้นทุนชีวิตต่างกัน จึงเป็นผลให้ต้องมีใครสักคนยอมใช้ทางลัดเพื่อมัน แต่อย่างน้อยก่อนที่จะจบชีวิตลง การใช้ทางลัดเพื่อให้สิ่งนั้นมาครองจึงถือไม่เป็นการกระทำที่ไม่เลวไปเสียทีเดียว

“พี่! พี่แทน ทางนี้พี่”

ใครสักคนร้องเรียกเขา เจ้าของสายตาอันเป็นจุดสนใจของสาวผู้เมียงมองมาเห็นกวาดไปตาม เขายกยิ้มรับ พยักหน้าว่าได้พบผู้ยืนโบกมือหย็อยๆ เรียกทักทายแล้ว ท่ามกลางเสียงดนตรีอึกทึกในคลับแห่งหนึ่งกลางย่านดัง ครั้นทรุดกายร่วมวงแล้วผู้เป็นรุ่นน้องก็เดินวนมาทิ้งลำแขนบนบ่า แทนคุณ ด้วยความสนิทสนม “คิดว่าจะชวดเสียแล้ว คุณแทนคุณ ไม่ยักจะรู้ว่ามาที่แบบนี้เป็นกับเขาด้วยนะ”

“ถ้าให้ฉันมาเพื่อแขวะกันแบบนี้ล่ะก้อนะไอ้พล...”

“โอ๋ๆ ไม่เอาน่าพี่แทน ผมล้อเล่นน่าพี่” หนุ่มจอมเย้านามนพพลฉีกยิ้มขันตบบ่าเขาหนักอยู่หลายที พลอยให้คนแสร้งโมโหยกยิ้มรับได้เล็กน้อย “

พวกแกมานานแล้วหรือ แล้วพวกไอ้ธัญ ไอ้ปอยังไม่มาเลยหรือไง”

ดวงตาคมกวาดมองโดยรอบดูลาดเลาถึงบรรยากาศ สะดุดตรงเห็นใครสักคนในกลุ่มหญิงสาว กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส จำได้ว่าพวกเธอคือเพื่อนร่วมสมัยเรียนเดียวกันกับเขา ทว่าชายผู้นั้นไม่รู้สึกคุ้นหน้าเท่าใดนัก ที่จริงเรียกได้ว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

“อ๋อ สักพักก็คงถึงแหละพี่ รายนั้นเขาเป็นพวกมีครอบครัว”

“เออ ก็คงจริง ต้องเจียดเวลามานี่นะ”

ชายหนุ่มเอ่ยอือออ มองแขกผู้แปลกหน้าแววสำอางในกลุ่มเพื่อนอย่างครุ่นคิดว่าเป็นใคร ท่าทางจะอายุมากกว่าเขาสักสองสามปี หรืออาจเป็นคนรู้จักของกลุ่มเพื่อนที่นัดเลี้ยงรุ่นกันนี้ แทนคุณกอดอก ผละสายตากลับมายังโต๊ะเมื่อกลุ่มหญิงสาวร่วมรุ่นรับทราบว่าเขามาแล้ว เธอทั้งหลายต่างละความสนใจเขาคนนั้น ตรงดิ่งมาด้านนี้อย่างไม่ต้องนัดแนะกัน

“คุณแทน มาแล้วหรือคะ พวกเรารอตั้งนานรู้ไหม ในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นพวกเรารอคุณคนเดียวนะ”

“งั้นหรือ ทำไมกัน” ชายหนุ่มแสร้งไม่รู้ไม่เห็น แต่โดยจริงแล้วเหตุใดคนฉลาดรู้ทันคนอย่างเขาจะไม่ทราบ

“เพราะพี่รวยไง” นพพลโพล่งขึ้น

“ว้าย! ปากเสียน่าพล เพราะว่าคุณแทนฮอตตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่ะซี ยิ่งประสบผลสำเร็จจนโด่งดังในฐานะอาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนที่หล่อที่สุดในประเทศ พวกเรายิ่งอยากเจอ” สาวสวยวัยยี่สิบหกปีเท่ากันทำหน้าตาตื่นเต้นขณะกล่าว

ทว่าผู้ฟังเพียงยกมุมปากยิ้มตามการกล่าวของเธอเท่านั้น แม้เหตุผลหลักของการหลีกหนีมาในที่ที่เขาคิดว่าไร้สาระนี้เป็นเพราะงานที่ตนประสบพบเจอ เขาเหนื่อยจากปัญญาที่บ้าน และการแบกรับความหวังเดียวทั้งหมดจึงอยากหนีออกมาที่ไหนสักที่

“ดื่มอะไรไหม” สาวคนหนึ่งยื่นแก้วให้ อีกคนก็ทรุดลงนั่งข้างมาจ้องหน้าพร้อมโปรยยิ้มหวาน

“ขอบคุณ”

นี่เป็นการออกนอกลู่นอกทางครั้งแรกของเขา ดื่มสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ไวน์ครั้งแรก แทนคุณเหลือบไปเห็นสายตาของชายผู้ถูกเขาแย่งสาวๆ มาโดยมิได้ตั้งใจ เหตุนี้กระมังทำให้เขาถูกอีกฝ่ายเพ่งมอง แต่ด้วยแววตาของอีกฝ่ายที่ส่งมากลับมิใช่เคืองขุ่นแต่อย่างใด มันเจือปนด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขาต้องปัดความคิดมากออกไปด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ต่างจากผู้อื่น เข้าหาเขาเพราะอะไร

ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้ม ครั้นเห็นเจ้าของร่างมุมนั้นเดินหายไปหลังถูกแย่งความสนใจก็ส่ายหน้า

ต้นทุนน้อยกว่า ก็น่าสมเพชแบบนั้นแล

“พี่แทน ผมลืมแนะนำไปสนิทเลย ตามมานี่สิ” นพพลตบบ่าเขาอีกรอบ เรียกความฉงนสนเท่ห์แก่ชายหนุ่มผู้เพิ่งมาถึง ครั้นเห็นรุ่นน้องขยิบตาให้หลังกวาดมองหญิงสาวผู้นั่งล้อมรอบเขาแล้วแทนคุณจึงเข้าใจ ลุกเดินตามนพพลไป แม้เสียงหล่อนทั้งหลายจะบ่นให้ได้ยินไล่หลังก็ตามที

“เฮ้อ พวกนี้นี่ยังไงยังงั้นเลย พี่ต้องระวังตัวให้ดีนะ พวกผู้หญิงหิวเงินสมัยนี้มันเยอะ รู้ไหม”

“นี่ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่หา สอนฉันอย่างกับเด็กอนุบาลไปได้”

“แต่พี่ควรเชื่อผมนะ” นพพลแย่งแก้วจากมือเขาไปอย่างจริงจัง “รวยไม่ใช่หรือ ไปรับแก้วคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไงกัน แล้วนี่ดื่มไปแล้วใช่ไหม หา!”

“เออ แล้วจะทำไม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย มองนพพลถอนใจเดินนำหน้าไปยังอีกฝั่งของคลับอันเป็นที่หนุ่มๆ นั่งอยู่กลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นเป็นชายแปลกหน้าที่เห็นก่อนหน้าได้เงยมองสบตาเขา ยิ้มอย่างเป็นมิตร แทนคุณเสตาไปทางอื่นอย่างอัตโนมัติโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร

“โอ้ เจ้ามือเรามาแล้ว มาๆ คุณชายแทนคุณ มานั่งตรงนี้เลยครับ”

“อะไร ใครบอกว่าฉันจะเลี้ยงพวกแกกัน”

“อ้าว...” นพพลมองหน้าแทนคุณอยู่ครู่หนึ่ง “ช่างมันเถอะพี่ แล้วนี่พี่ยังไม่รู้จักพี่วินใช่ไหม เขามากับพี่เอก”

“แล้วไอ้เอกมันไปไหนแล้วล่ะ”

“เข้าห้องน้ำมั้ง เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้นี่เอง พี่วินครับ นี่พี่แทน เขาหล่อแล้วก็รวยด้วยน้า แบบว่ารวยที่สุดในรุ่นเลย”

“พอได้แล้ว แกจะโม้อะไรนักหนา”

แทนคุณผลักหัวคนแนะนำไปที อีกข้างก็ยื่นมือขอทักทายทำความรู้จักอย่างเคยชิน อีกฝ่ายจึงยิ้มรับ เอื้อมมือมาสัมผัสกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละออกไปสนใจโทรศัพท์ตัวเอง ไม่พูดจาหรือเริ่มประเด็นร่วมกับผู้อื่นอีก เพราะบรรยากาศระหว่างกันเปลี่ยนไป แทนคุณนึกฉงนอยู่ไม่น้อย ด้วยคราแรกดูเหมือนอีกฝ่ายอยากรู้จักกับเขาเต็มที

ดูหยิ่งยโสดีแฮะ

“ว่าแต่ว่าวันนี้แปลกนะที่มีแกมาร่วมด้วย ทุกปีหรือทุกทีที่นัดกันไม่เคยมีแกเลย” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเปิดประเด็น

“ก็เพราะมันบ้างานไงล่ะ จะรวยไปถึงไหนก็ไม่รู้ แค่สมบัติเก่าทั้งชาตินี้จะใช้หมดหรือเปล่า พูดก็พูดเถอะ วันนี้แกจะไม่เลี้ยงพวกเราจริงๆ ใช่ไหมวะไอ้แทน นี่เพื่อนนะเว้ย”

แทนคุณกวาดสายตามองเหล่าเพื่อนต่างเออออกันราวกับนัดไว้ บางที การไม่กลับมาพบคนพวกนี้ก็อาจรู้สึกดีกว่า แม้จะต้องทนอยู่ในบ้านเงียบเชียบคนเดียว

“นานๆ จะเจอกันที แค่นี้เองน่า”

“ใช่ กับเพื่อนกับฝูงทำไมแล้งน้ำใจอย่างนี้วะ”

“กินด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกสิ ยิ่งเป็นเพื่อนยิ่งควรจะเกรงใจกัน พวกนายก็รู้ใช่ไหมว่าเพื่อนนายเขาทำงานหนักพอแรงแล้ว แล้วจะยังมีเห็บหมัดมาเกาะตัวเวลาพักอีก เป็นพวกนายจะรู้สึกยังไง”

เสียงใครสักคนเอ่ยขึ้น ได้เรียกให้แทนคุณหันไปสบ เป็น มาวิน ที่เลิกสนใจโทรศัพท์มือถือแล้ว “ฉันยังนับถือที่แทนอยู่ในระเบียบวินัยตัวเองจนสำเร็จเรื่องต่างๆ ตอนอายุแค่นี้ ดูซี... ฉันอายุสามสิบแล้วยังไม่มีอะไรเลย”

“เพราะพี่มีภาระไง แต่ไอ้แทนน่ะ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก พี่ไม่รู้ว่ามันรวยแค่ไหน บ้านของพี่นี่เป็นได้แค่ห้อนอนของพักคนรับใช้มันแค่นั้นแหละ”

“แกก็พูดแรงเกินไปนะ” แทนคุณมุ่นคิ้วมองเพื่อนคนหนึ่งขณะกล่าว

“แกคิดได้ยังไงวะ คนจนคนรวยก็ล้วนมีปัญหาของใครของมันแตกต่างกันออกไป ไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็จริงแต่ต้องปวดหัวเรื่องอื่นเหมือนกัน” แทนคุณหันมองมาวินทั้งถอนใจ กลับเป็นผู้อื่นขึ้นเสียงแทนเขาเสียอย่างนั้น

“พี่ไม่เข้าใจหรอก พี่วิน”

“พวกแกนั่นแหละไม่เข้าใจ...”

“พี่วิน มาคุยกับผมตรงนี้...”

มาวินชะงัก หันมองเอกณรงค์ผู้ที่พาเขามาด้วยความฉงนอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกเดินตาม ให้หลังรุ่นพี่อายุสามสิบแล้วแทนคุณจึงทอดถอนใจ จริงอย่างที่มาวินกล่าวทุกอย่าง ไม่มีความสุขหากพบเจอแต่เหลือบริ้นคอยจะจับเขาเป็นบ่อเงิน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับ หากไม่สนุกก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ต่อไปทำไม

“อ้าว พี่แทน จะกลับแล้วหรือพี่ อย่าไปสนใจเรื่องที่พี่ๆ เขาพูดเลย”

“อืม แต่ฉันจะจ่ายเองไอ้นพ จะได้ไม่ต้องเถียงกัน” แทนคุณเหลือบมองเพื่อนร่วมวง นอกจากจะไม่สำนึกในบุญคุณแล้วยังเหน็บแนมเขาซ้ำอย่างไร้ความคิด “เออ รู้จักคิดซะบ้าง มาทั้งทีก็ควรป๋าหน่อย ทำแบบนี้มันรวยไม่จริงนี่หว่า”

“พี่แทนเขาไม่เคยอวดรวย พวกพี่นั่นแหละคิดว่ารวยไปเอง”

“ไอ้พล พอได้แล้ว” แทนคุณถอนหายใจ เลือกจะเดินผ่านออกมา ฝ่าความชุลมุนของบทเพลงปลุกเร้าใจให้เต้นโครมครามมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เหตุเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋ามันเริ่มสั่นตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาด้านในนี้แล้ว ชายหนุ่มงุดลงมองเบอร์ ไม่พ้นสายจากทางบ้านอันเป็นแหล่งที่เขาอยากหลบหนีมาถึงที่นี่

“ไม่รับหรือ”

เจ้าของเสียงทุ้มหนึ่งเอ่ยขึ้น แทนคุณเบิกตา ผละจากหน้าจอทัชสกรีนตรงหน้าไปเหลือบมองชายผู้สวมเครื่องแต่งกายดูอ่อนกว่าวัย และรอยยิ้มยามอีกฝ่ายเหลือบมองเป็นเหตุให้เขาต้องเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเช่นเดิม มาวิน ชายรุ่นพี่ผู้เพิ่งพบกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“อ้าว ไม่รับจริงๆ ด้วยแฮะ” อันที่จริงยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลยต่างหาก

ชายหนุ่มถอนใจ เบี่ยงกายจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ใจจริงก็เพียงหาที่สงบและหลบหลีกจากคนจอมตอแยน่าสมเพชด้านหลังมากกว่า “เฮ้ ทำไมไมตอบกันบ้าง ฉันไม่ได้บ้าคุยกับผนังใช่ไหม”

“ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณสิ”

“ไม่เอาน่า เรียกฉันว่าพี่สิแทน”

“เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนี้นั้นสักหน่อย หยุดตามผม”

“แต่เมื่อกี้ฉันเถียงช่วยนายเชียวนะ นี่พูดกับคนมีพระคุณแบบนี้หรือ” มาวินเดินตามหลัง

แทนคุณลอบถอนหายใจหยุดอยู่ตรงอ่างล้างหน้า หันไปประจันกับรุ่นพี่อายุห่างกัน วินาทีหนึ่งชายหนุ่มนึกแปลกใจเล็กน้อยกับภาพระยะใกล้ และฉงนใจอยู่ว่าเขาอายุถึงเลขสามเพราะนับผิดหรือเปล่า เหตุเพราะยังดูเยาว์วัยกว่าอายุมากโข นั่นอาจเกิดจากใบหน้าซึ่งดูมีแก้มและผิวพรรณสะอ้านเป็นต้นเหตุกระมัง

ชายหนุ่มปรับสีหน้า ถอยกรูดออกห่างอย่างต้องการตีตัวหลบ “คุณไม่ได้ช่วยผมสักหน่อย ผมไม่ได้ขอร้องและที่สำคัญผมจ่ายเงินไปให้เขาไปแล้ว” แทนคุณแจง

“เฮ้อ นายนี่หัวอ่อนกว่าที่คิดอีกนะ ทำไมต้องยอมด้วยล่ะ”

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผมเมื่อไร สมบัติของผม เงินของผมจะใช้อะไรก็ได้ ไม่ต้องมาหวงแทนหรอกนะ เงินแค่นั้นแลกกับการให้ทุกอย่างจบผมยอมได้” แทนคุณมุ่นคิ้วขณะกล่าว ยิ่งยามมือถือในกระเป๋าสั่นยิ่งรบกวนความคิดของเขามากขึ้น “ขอโทษที ผมต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ต้องมายุ่งกับผม”

มาวินเบิกตาอย่างแปลกใจหลังได้ยิน แต่ไม่วายที่จะกระเซ้าด้วยความคะนองใจ “อ้อ ที่แท้อาจารย์ฝ่ายปกครองสุดหล่อเป็นพวกมีปมเพราะถูกเพื่อนไถเงินนี่เอง ถึงเอาความกดดันไปลงกับนักเรียนที่น่าสงสารของตัวเอง”

“ไร้สาระ”

“อ้าว…”

มาวินหน้าเหวอเล็กน้อย เมื่อคนที่ตนเพิ่งทำทีดูถูกเดินย้อนกลับมาประจันหน้า แล้วก็ออกไปจากห้องน้ำราวไม่ต้องการพูดคุยกันอีก นี่มันไม่มีความเคารพกันเลยใช่ไหม เขาอายุมากกว่าหมอนี่ตั้งกี่ปี มาวินขบฟันทั้งรีบสาวเท้าตามหลัง ถึงจะเป็นคนร่ำรวยที่เขามองหา แต่มาวินไม่ใช่พวกจับปลาสองมือ

“พี่จะไปไหน เราคุยกันแล้วไงว่าพี่จะอยู่กับผมตลอด” มือของคนด้านหลังฉุดให้มาวินชะงัก เป็นเอกณรงค์อีกครั้งที่เข้ามาปราม มาวินชักรู้สึกไม่พอใจกับการบังคับขู่เข็ญของอีกฝ่ายเต็มที “มากเกินไปแล้วนะเอก แกทำอย่างกับฉันเป็นนักโทษ”

“แล้วพี่คิดจะทำอะไร”

“ทำอะไร แกนั่นแหละคิดว่าฉันจะทำอะไร”

“ผมเห็นนะว่าพี่กำลังจะเดินตามไอ้แทนไป ทำไม...เห็นมันรวยกว่างั้นเหรอ”

“พอกันที...แกนี่มันหมาบ้าว่ะ คิดอะไรของแก”

“เออ คิดว่าจะง้อหรือ คอยดูว่าหมาตัวไหนมันจะซมซานกลับมาขอให้ผมช่วยอีก นอกจากผมมีใครเขายอมให้หมดทุกอย่างบ้าง บอกไว้เลยว่าไม่มีไอ้โง่ไหนจะดีเท่าผมหรอก!” สิ้นคำคนกล่าว มาวินหน้าชายามนิ้วชี้เรียวของเอกณรงค์จิ้มลงบนอก ใช่แล้ว หมาตัวนั้นซมซานกลับมาตายรังที่นี่ตลอดตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้หมามันได้รู้ว่านายมันเป็นยังไง มันคงต้องหานายใหม่ที่ดีและโง่กว่า

มาวินกำหมัด “คอยดู ฉันจะไม่กลับมาหาแกอีก ไอ้เอก...”

มาวินเป็นจำพวกคนไม่เอาไหน การงานไม่ทำ ดีแต่ออกเที่ยวเตร่ไปทุกวันอย่างไร้จุดหมาย แต่เพราะทางบ้านมีภาระให้แบกรับ เขาจึงเลือกใช้วิธีที่ผู้ชายคนอื่นไม่ทำกัน นั่นคือแมงดา เพราะเห็นว่าเป็นความสุขสบายที่ไม่ต้องขวนขวายอะไรนอกจากเอาอกเอาใจ ไม่ต่างจากหมาอย่างที่เอกณรงค์นิยามให้

เอกณรงค์ไม่ใช่คนดี แต่มีดีที่รักและหวงแหนมาวินมากกว่าใครอื่น ยินยอมหยิบยื่นให้ตามที่เขาต้องการ แม้ว่าจะถูกตอบแทนด้วยนิสัยไม่ดีด้านอื่นก็ตาม มาวินเลิกกับเขาหลายครั้ง หากทว่าไม่เคยหนีพ้นอีกฝ่ายได้เลย

แต่ตอนนี้เขาได้ให้คำสัตย์แก่ตนเองแล้วว่า “หมาอย่างฉันจะหาเจ้านายคนใหม่ คนที่ดีและโง่กว่าแก”

“เออ จะรอดูอย่างใจจดใจจ่อว่าจะไปเกาะใครอีก แล้วก็จะรอดูว่าจะไปได้เท่าไร”

แม้คราแรกต้องการพูดจาให้เอกณรงค์สำนึกได้ที่ต่อว่าเขารุนแรงเกินไป แต่เมื่อพูดแล้วและเห็นธาตุอันเลวร้ายของอีกฝ่าย ทำให้มาวินต้องขบคิดแล้วว่าผู้ชายทั้งดีทั้งโง่นั้นอยู่แห่งหนไหน ครั้นคนดูถูกเดินจากไปไม่สนใจใยดีกันแล้วนั้นชายหนุ่มจึงคิดได้

เขาพูดอะไรลงไป เอกณรงค์คือขุมเงินที่เขามีตอนนี้!

แม้แต่เงินที่จะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจขณะสาวเท้าเดินออกมาสูดลมหายใจด้านนอก ริมถนนมีกลุ่มวัยรุ่นกลายกลุ่มยืนอยู่หน้าสถานบันเทิง บ้างก็เพิ่งมา บ้างก็ชวนกันไปต่อที่อื่น เหตุเพราะย่านนี้เป็นย่านรวมสถานบันเทิงชื่อดังหลายแห่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีที่ไป มาวินก้มลงมองเศษซากบุหรี่ของใครสักคนบนพื้น สภาพไม่ต่างจากตัวเขาเองมากนัก

ยับเยิน และไม่น่าจับต้อง

หากทว่าสายตากวาดไปเห็นใครสักคนเดินซวนเซอยู่ข้างลานจอดรถ เป็นร่างสูงหนา แต่งตัวคุณชายสุดเนี้ยบมาเที่ยวคลับอย่างนั้นคงเป็นใครไม่ได้แน่ มาวินมุ่นคิ้วพาร่างสูงโปร่งตัวเองไปมองสังเกตท่าทีแปลกไปของอีกฝ่าย

“นี่ เป็นอะไรไหม แทน!”

“ไม่ต้องมายุ่ง ผมช่วยเหลือตัวเองได้”

คนช่วยผู้ผลักออกห่างไปชิดกับรถยนต์ที่คาดว่าผู้กระทำกำลังจะเปิดขึ้น มาวินฉงน มองมือของผู้อายุน้อยกว่าหยิบกุญแจสั่นเทาราวกับมีไข้ แม้เพิ่งจะรู้จัก แม้แทนคุณจะไม่รู้สึกชอบเขาเท่าที่ควรนัก หากปล่อยให้เผชิญปัญหาคนเดียวเขาก็แล้งน้ำใจเกินทน ชายหนุ่มอังหน้าผากอีกฝ่ายตรวจเชคความร้อน “ไม่ร้อนนี่  เหงื่อท่วมตัวเลย ฉันว่านายควรถอดสูทออกนะ”

“ออกไป”

“ฉันหวังดีนะแทน”

“ออกไป ผม... ขอร้อง” คาดว่าปัญหาของแทนคุณคงยากที่ใครอื่นจะเข้าใจได้ ร่างสูงเข่าทรุดซวนเทนอนลงพื้นราวคนเมาจะสิ้นสติ ทว่าดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น มาวินมองร่างกายสั่นเทาของอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนก พยุงเขาขึ้นไปนั่งบนรถหลังนึกคิดได้ว่าอีกฝ่ายประสบปัญหาอะไร

“นายแย่แล้วแทน”

มาวินหันมองคนกระสับกระส่ายบนเบาะขณะบังคับยานพาหนะแสนแพงของเจ้าตัวแล่นบนท้องถนน ใจจริงอยากจะพาไปหาใครสักคน แต่เพราะเสียงต่อว่าของแทนคุณยังไม่หายจากลำคอ มาวินจึงทราบดีว่าควรพาไปแห่งไหน ประจวบกับนึงถึงสภาพของตนเองและสถานะความเป็นอยู่ตอนนี้ มาวินคิดได้แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้ตนพบเจอผู้ชายที่ดีและโง่แทนเอกณรงค์

มันจะดีต่อตัวเขา... นี่มันผลพลอยได้ที่ล้ำค่า...

แม้นว่าจะเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีตนเองก็ตาม





--------------------------------------------

มาวินเอ้ย จะจับอาเสี่ยโง่ๆ ดันเจองูซะได้ ที่สำคัญดันเป็นงูพิษซะด้วย 55555

เรื่องนี้ออกเป็นแนวผู้ใหญ่ค่ะ แซ่บลืม มีความเอสเอ็มด้วยนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ

เรื่องนี้พระเอกแมน นายเอกเป็นเกย์อยู่แล้วนะคะ

จะอัพก็วันเว้นวัน นานสุดก็สามวันค่ะ

อย่าลืมคอมเม้นด้วยเน้อ (รออ่าน)
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 01:04:33


ตอนที่ ๒

ความปวดหนึบแล่นเข้ามาปลุกให้ชายผู้เอนหลังแนบบนเตียงรู้สึกตัวตื่น เจ้าของร่างหนาพลิกกายทั้งยังพริ้มไปกับความสบายหลังจากนั้น แต่เพียงไม่นานเท่านั้นที่หลงลืม ในสมองมีคำถามแล่นเข้ามาไม่หยุดยั้ง ครั้นเคลื่อนมือปัดป่ายบนเตียงอันเป็นสวรรค์ของตนจึงเกิดความสนเท่ห์ เหตุใดวันนี้มันแคบกว่าทุกวัน

แทนคุณลืมตาตื่น แน่แล้ว คำตอบที่ได้มันอธิบายทั้งหมดได้ดีหลังเห็นว่าตรงนี้มิใช่ผนังบ้านของเขา ชายหนุ่มกะพริบตาพริบมองพัดลมเพดานสีฟ้าต่อหน้าตนเองอยู่ครู่หนึ่ง บ้านไม้ มีหยากไย่ตรงมุมเพดานปลิวไปตามแรงลมด้านนอกยามพัดเข้ามาจากหน้าต่าง เขาไม่ได้เมาจนถึงขั้นแฮงค์ จำได้ว่าเหตุใดจึงมาที่นี่

นัยน์ตาคมเบนไปอีกฝั่ง พบร่างเปล่าเปลือยของชายผู้พาเขามาที่นี่นอนหันหลังจนเห็นแนวซี่โครงเรียงกัน ความรู้สึกแรกยามพบคือความอุจาดตาจนต้องยกผ้าขึ้นไปปิดให้ ครั้นร่างเขาสิ้นอะไรปกปิดจึงลุกขึ้นไปหยิบผ้าผ่อนที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมาสวมทดแทน

เขาเพิ่งจะนอนกับหมอนี่ ชายหนุ่มส่ายศีรษะปัดภาพทั้งหมดออกอย่างนึกอุจาด

เมื่อคืนมันคืออุบัติเหตุ แทนคุณไม่ทราบว่าเพราะอะไรเขาจึงกระสับกระส่ายจนควบคุมตนเองไม่ได้เช่นนั้น หวังว่ามาวินคงจะไม่ถือสา ชายหนุ่มคิดทั้งล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรทั้งหมดในกระเป๋าวางไว้ให้ ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะใช้เงินฟาดหัว เพราะเมื่อคืนมาวินต่างวิ่งวุ่นดูแลเขาไม่ห่าง เขาจากไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้

แม้ความรู้สึกเมื่อคืนยังติดค้าง แต่ขอให้ทุกอย่างมันจบลงไปอย่างที่เขาหวัง

 

โต๊ะอันประกอบไปด้วยอาหารหรูไม่ได้เรียกรอยยิ้มให้ชายที่นั่งอยู่มุมนี้ หากทว่าเป็นเพราะหญิงสาวผู้มีความสุขในการกินตรงหน้ามากกว่า มาวินคลี่ยิ้ม เคลื่อนมือปาดเศษอาหารให้เจ้าหล่อนด้วยความเอ็นดูท่าทีที่แสดงออกของเธอยามเจริญอาหาร

ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วหลังจากแทนคุณหนีไปโดยไม่ทันให้เขารู้ตัว นั่นคงทำให้อีกฝ่ายวางใจได้ว่าจะไม่ต้องเหนื่อยยากอะไรกับพันธะ มาวินเคยคิดว่าเขาจะดีและโง่ แต่ไม่ใช่เลย แย่กว่าเอกณรงค์ในเรื่องความรับผิดชอบเสียอีก ดีแล้วที่แทนคุณเลือกที่จะใช้เงินทำลายทุกอย่าง เขาควรกลับไปหาเอกณรงค์ แม้เงินที่แทนคุณทิ้งไว้จะมากมายแต่สุดท้ายมันต้องหมดไป

แต่เอกณรงค์หมิ่นศักดิ์ศรีเขาถึงเพียงนั้น จะกลับไปทำไม ชายหนุ่มตรองอยู่ในใจ อีกทั้งภาพคืนนั้นแทรกเข้ามาในศีรษะ เขาค้นพบคนที่ดูหมิ่นเกียรติเขาเพิ่มอีกคนแล้ว “ทำแบบนี้เพราะต้องการเงินฉันไม่ใช่หรือไง ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายมันพวกหิวเงิน!”

“ฉันเปล่า” มาวินมองตาคนอารมณ์ร้อน “ที่ทำไปก็เพราะอยากรู้จักนายจริงๆ ฉันนับถือที่นายเก่ง...”

“ฉันเกลียดพวกขี้ประจบ พวกเลียแข้งเลียขา และนายก็ดูเป็นคนแบบนั้น”

คิดแล้วก็โมโห เวลาแทนคุณไม่ได้ดังใจหมอนี่จะลืมว่าเขาอายุมากกว่าอย่างนี้ทุกครั้งหรือ น่าต่อยปากให้เลือดกลบเสียจริง

มาวินมุ่นคิ้ว แต่ตอนนั้นเพราะเขาต้องการเงิน เงินที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลยอย่างที่แทนคุณกล่าว คืนนั้นแม้ดูเหมือนมาวินยินยอมพร้อมใจให้จบลงบนเตียง แต่ถ้อยคำที่แทนคุณดูถูกยังหลอกหลอนว่าเขาไม่ควรเอื้อมจับคนที่สูงส่งเช่นนั้น แทนคุณคิดว่าตนเองมีค่าเกินกว่าจะเกลือกกลั้วกับคนอย่างเขา

“พี่วิน เอมอิ่มแล้วค่ะ ไปกันเถอะ อยากได้เสื้อผ้าตัวใหม่”

“ได้ซี อยากได้ชุดไหนพี่จะตามใจเอมทุกอย่าง ขอแค่หายโกรธก็พอ”

“จริงนะ”

ชายหนุ่มยกยิ้มทั้งเคลื่อนไปยีเส้นไหมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายด้วยความรักใคร่ ไม่นานก็จูงเมื่อหญิงสาวเดินไปยังที่หมายเพื่อเอาอกเอาใจเอมมิกา หวังว่าเธอจะหายเคืองโกรธที่เขาเคยผิดนัดก่อนหน้า

แต่เพราะโชคชะตาหรือสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้ง ขณะคลี่ยิ้มพูดคุยกับสาวสวยยิ้มหวานข้างกาย มาวินเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งเดินสวนกันมา และอีกฝ่ายเองคล้ายแปลกใจที่เห็นเขาเช่นกัน

แทนคุณ ดูเหมือนหมอนี่จะตายยากพอควร

“เอมอยากได้ชุดนั้น คราวที่แล้วพี่วินสัญญาว่าจะซื้อให้ จำได้ไหม” สาวหวานกล่าวขณะกอดแขนเขา หากทว่าไม่ได้เข้าในโสตประสาทมาวิน ชายหนุ่มละสายตาจากคนตัวสูงกว่ายามเดินสวนกันลงมองพื้น “พี่วิน!”

“หืม”

“ได้ยินที่พูดไหมเนี่ย เอมบอกว่าอยากได้ชุดนั้น เอมใส่แล้วสวยจริงๆ นะ”

“อื้ม เดี๋ยวพี่ซื้อให้ ไม่ผิดสัญญาหรอกน่า”

“รักพี่วินที่สุดเลย...” สาวร่างเล็กกระชับกอดคนเดินนำแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม เรียกให้สายตาทุกคนในกลุ่มหันไปมองคนทั้งสองเป็นจุดเดียว

“ตายแล้ว คนสมัยนี้หาคนเกาะตั้งแต่เด็กขนาดนี้เลยหรือ ดูสิพี่แทน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับทายเลยไม่ใช่หรือผู้หญิงคนนั้นน่ะ โห... เล่นอ้อนกันขนาดนั้นเลยหรือ” เด็กสาวผู้จูงแขนเขามองตามสองร่างนั้นขณะเอ่ย ชายหนุ่มผู้ครุ่นคิดตามภาพที่เห็นทำได้เพียงทอดถอนใจ “ตั้งแต่เกิดมาทายเพิ่งจะเห็นเด็กเสี่ยออดอ้อนขอของจริงๆ ก็วันนี้ เก่งไม่หยอกเลยนะ”

“เขาอาจเป็นพี่น้องกันก็ได้นะทาย” เด็กหนุ่มผู้มาด้วยอีกคนออกความเห็น

“พี่น้องอะไรไม่เห็นเหมือนกันเลย ใช่ไหมพี่แทน ทิมน่ะมองโลกในแง่ดีเกินไป ระวังโดนผู้หญิงหลอกไม่รู้ด้วยนะ” เด็กสาวยักไหล่อวดรู้

ดูเหมือนมาวินจะไม่ชอบใจที่เห็นเขาที่นี่ อาจเกิดจากคืนนั้น แต่เพราะสิ่งที่เขาทราบหมาดๆ ทำให้แทนคุณใจชื้นขึ้นมาว่าเขาไม่ควรคิดมากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มาวินไม่ใช่คนดีพอที่เขาจะรู้สึกผิดที่ทิ้งมาโดยไม่บอกไม่กล่าว หมอนั่นเลว เป็นนักต้มตุ๋นผู้หลอกเอาเงินคนอื่นด้วยการมีเซ็กส์ และนำมาปรนเปรอผู้หญิงให้รักและหลง

สาสมแล้ว หลอกลวงเงินจากผู้ชายเพื่อมาซื้อความรักจากคนที่หลอกใช้ตนเองอีกที

มาวินมิใช่คนดี ภาพคืนนั้นก็แค่กลโกงเพื่อโก่งค่าเสียหายก็เท่านั้น เขาควรหยุดความคิดระหวาดระแวงว่ามาวินจะกลับมาเรียกร้องค่าเสียหายหรืออะไรอีก อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้จักวิธีสวนคืนได้แล้วว่าทุกอย่างมันจบตั้งแต่คืนนั้นไปแล้ว

แทนคุณยกมุมปากเหยียดยิ้ม เขารู้สึกดีที่มาวินไม่ทักทายหรือรู้จักเขาในที่สาธารณะ นั่นทำให้แทนคุณฉุกคิดได้ว่าควรเตรียมรับมือกับนักเรียนทั้งหลายในหน้าที่ของตนเองจะดีกว่า อีกไม่นานโรงเรียนจะเปิดภาคเรียนแล้ว

สนใจอย่างอื่นดีกว่า...

 

เวลาก่อนเปิดภาคเรียนเป็นช่วงรับสมัครนักเรียนใหม่ในทุกชั้นปี ชายหนุ่มผู้เป็นอาจารย์ฝ่ายปรึกษารับพ่วงอีกหน้าที่คือผู้รับใบสมัคร วันนี้ชายหนุ่มเข้ามาในห้องทำงานเช้ากว่าทุกวันเพราะเห็นเป็นวันธรรมดา วันจันทร์มักมีนักเรียนใหม่เข้ามาเสมอ เช้านี้หลังดื่มกาแฟ แทนคุณก็เก็บใบสมัครเตรียมส่งฝ่ายวิชาการคีย์ข้อมูลนักเรียนลงคลังข้อมูลใหญ่ของโรงเรียน

เสียงเคาะประตูเรียกให้ชายหนุ่มเหความสนใจไปมองขณะเก็บข้าวของบนโต๊ะ เวลาบนนาฬิกาบ่งบอกว่าเก้าโมงกว่า แทนคุณจึงเอ่ยปากอนุญาตให้คนด้านนอกเข้ามาได้

“เชิญครับ”

สิ้นคำ อาจารย์น้อยฉีกยิ้มให้หลังเปิดประตู “มีนักเรียนมายื่นใบสมัครค่ะอาจารย์”

“อ้อ เชิญเข้ามาด้านในเลยครับ”

“เชิญค่ะ” อาจารย์น้อยผายมือเข้ามาด้านในให้แขกก้าวเท้าตาม วินาที่แรกที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องทำงาน แทนคุณนึกประหลาดใจอีกรอบกับความบังเอิญที่เกิดขึ้น เธอคือเด็กสาวคนนั้น ผู้ออดอ้อนมาวินให้ซื้อของที่อยากได้ แต่ความประหลาดใจยังถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้งเมื่อเหลือบเห็นร่างสูงโปร่งของชายในความคิดย่างเท้าเข้ามาทีหลัง

มาวิน...

เป็นผู้ปกครองของเด็กสาวคนนี้หรือ

หลังจากรับไหว้จากเด็กสาวแล้ว แทนคุณผายมือให้ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมก้มลงอ่านใบสมัครและได้ทราบว่าเธอชื่อเอมมิกา อายุสิบแปดปี มีความประสงค์ที่จะกู้เงินเพื่อการศึกษา หลังพูดคุยเกี่ยวกับเอกสารแล้วนั้นแทนคุณจึงให้เธอออกไปถ่ายรูปด้านนอกเพื่อทำบัตรนักศึกษา ไม่ทันได้คิดว่าบรรยากาศระหว่างเขากับมาวินจะเป็นเช่นไรหากอยู่เพียงลำพังสองคน

หลังพลิกดู รู้แล้วว่าทั้งสองนามสกุลเดียวกันแล้วนั้น แทนคุณผละสายตาไปยังชายหนุ่มตรงหน้าผู้ฆ่าเวลาในการรอด้วยการเล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่รับรู้ว่าความรู้สึกของเขาพลิกผันใหม่อีกครั้ง หลังรู้ว่าตนเองเข้าใจอีกฝ่ายผิดไป

“คุณต้องหาข้าราชการที่น่าเชื่อถือเซ็นรับรองเอกสารให้เอมมิกา ไม่อย่างนั้นเอกสารจะไม่ผ่าน”

อีกฝ่ายละมาสบตาเขา ผละมือจากโทรศัพท์ “งั้นหรือ แต่ว่าผมไม่รู้จักใครที่นี่เลย”

“นั่นเป็นปัญหาของคุณ”

“อ้อ ใช่... ก็จริงของคุณ” คนกล่าวเอนหลังพิงพนัก แทนคุณนิ่งไป หลังได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตีตัวสนิทสนมกับเขา ทำเหมือนว่าเพิ่งรู้จักกันอย่างสมจริงแม้ไม่ได้อยู่ในสายตาใคร ดีแล้วนี่ ชายหนุ่มคิดทั้งก้มลงอ่านทวนเอกสารอยู่ครู่หนึ่ง

“เอมมิกาไม่ยอมใส่เบอร์โทรศัพท์ผู้ปกครอง ขอเบอร์หน่อยซี”

“ผมไม่ค่อยได้ใช้เบอร์เดิมนานๆ นัก แต่แค่ให้ไปก็พอใช่ไหม”

“อืม...”

หลังได้ฟังคำตอบ มาวินรับกระดาษไปจดหมายเลขลงบนเส้นประที่ถูกเว้นว่างอย่างตั้งอกตั้งใจ บางที แทนคุณก็คิดว่าเขาคงจะนับอายุตนเองผิดไปจริงหากเทียบกับการกระทำและวางตัว หากไม่ได้เห็นปีเกิดของมาวินบนเอกสารชายหนุ่มคงคิดเช่นนั้น “คุณควรลงที่อยู่ปัจจุบัน ไม่ใช่ที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เพราะทางโรงเรียนจะรายงานพฤติกรรมและผลการเรียนไปทางจดหมายให้ทราบตลอดระยะเวลาที่เรียนที่นี่”

“ขอบคุณที่บอกครับ อาจารย์”

นัยน์ตาคมเพ่งพิศคนกล่าวขณะก้มหน้าก้มตาแก้เอกสาร “เป็นการแสดงละครที่ดีนี่ ว่าไหม”

“มันก็ดีแล้วนี่ ว่าไหม...” มาวินย้อนราวกับรู้ทัน เงยขึ้นมามองเล็กน้อย

“แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าใคร คุณไม่จำเป็นต้อง...”

“แล้วไม่คิดว่ามันดีหรือที่มันจบลงแค่นั้น”

คนฟังนิ่งคิดอยู่ครู่ “แน่นอน นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการถึงแม้ว่าจะกังวลอยู่ลึกๆ ว่ามันจะไม่จบถ้าหากผมพบคุณอีก”

“โอ้... ตรงกันข้ามกับความคิดผม” มาวินหัวเราะในลำคอยามเห็นคำตอบของอาจารย์ผู้อ่อนวัยกว่า “ผมกลับคิดว่าคนอย่างคุณไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะรู้สึกผิดอะไร ไม่ต้องกังวลหรอกนะอาจารย์ว่าผมจะมาเรียกร้องอะไร ยังไงผมก็เป็นผู้ชายอย่างที่คุณพูด ผมไม่มีทางเสียหาย...”

“นายมันเป็นผู้ชาย นายไม่เสียหายอะไรหรอก”

คนฟังชะงักงัน เมื่อภาพคืนนั้นแล่นเวียนเข้ามาในหัวช่วงวินาทีที่มาวินกล่าวจบ ความรู้สึกคุกรุ่นในโสตประสาทยามใช้กำลังข่มเหงคนตรงหน้าให้เป็นเบี้ยล่างของเขานั้น แทนคุณจำสีหน้าของอีกฝ่ายได้แม่นยำ ภาพมาวินไม่พอใจ ไม่ยินยอมในคราแรก

“พาฉันมานี่เพราะอยากให้มันจบอย่างนี้ไม่ใช่หรือ อยากได้เท่าไรบอกฉันมา!”

มาวินถูกเขาบังคับให้ยินยอม ระคนกับการใช้กำลัง ภาพและเสียงคนใต้ร่างในเงามืดส่งเสียงอันผิดแปลกจากครั้งก่อนไหนที่แทนคุณเคยได้ยิน แม้เห็นไม่ชัดแจ้ง ทว่านั่นยังสะท้อนในโสตชายหนุ่มไม่จางหาย เป็นเสียงผู้ชายแหบแห้ง เปล่งออกมาจากความเจ็บหรือสุขสมแทนคุณไม่สามารถแยกแยะได้ถนัดถนี่นัก หากคืนนั้นเขาถึงฝั่งฝันได้สุขสมอารมณ์หมายจนพอใจอยู่หลายครั้งในความรู้สึกอันแปลกใหม่

ทว่าในความมืดมิด ยามครึ่งหลับครึ่งตื่น สัมผัสจากมือของมาวินไม่ห่างหายจากแทนคุณไปนานนัก ไล่วัดความร้อนบนใบหน้าของเขาอยู่เสมอราวกับห่วงใย ยามนั้นเขาทั้งระแวงระวังและอุ่นใจในคราเดียวกัน เป็นหนึ่งคืนที่ชายหนุ่มจดจำมาจนถึงตอนนี้

ดูเหมือนไม่ใช่แค่แทนคุณที่มองอีกฝ่ายในแง่ร้าย มาวินเองก็คงเป็นเช่นกัน เพราะเขาคุมสติตนเองไม่ได้ พูดจาหยาบคายและใช้วิธีป่าเถื่อนเหลือเกิน ไม่ผิดที่มาวินจะเคืองโกรธที่ตื่นขึ้นมาไม่พบเขา

“แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น” แทนคุณกล่าวไม่ชัดเจนเต็มปากเต็มคำเท่าใดนัก เหตุเพราะตนเองทำเลวไว้อยู่หลายอย่างให้อีกฝ่ายเคืองขุ่น ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงทอดถอนใจ “นั่นเพราะตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง”

“ไม่ต้องห่วง คุณเลือกใช้วิธีที่ถูกใจผมที่สุดแล้ว”

“เงิน...”

“ใช่ ผมชอบเงิน”

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจประชดประชันเขาให้เจ็บจุกหรือเอาจริงแน่ ทว่าแทนคุณรู้สึกชาไปทั่วทั้งหน้ายามเห็นมาวินคลี่ยิ้มขณะบอกอย่างหน้าตาเฉย ไม่ทันได้พูดอะไร เอมมิกาก็เดินเข้ามาในห้องเรียกให้มาวินหันเหความสนใจไปหาเจ้าหล่อน อาจารย์ฝ่ายปกครองหนุ่มปรับสีหน้าอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งมองเด็กสาวยามมือเรียวยาวของมาวินเคลื่อนแตะปอยผม พูดจาเอาอกเอาใจเธอ

“พี่วิน ทั้งหมดแปดพันสองร้อยบาท”

ขณะที่เอมมิกาถูกเรียกไปรับชุดนักเรียนในสหกรณ์ มาวินซึ่งกำลังเปิดดูกระเป๋าสตางค์ก็จำต้องมุ่นคิ้วกับค่าใช้จ่ายแรกเข้าแสนแพง “มันไม่แพงเกินไปหน่อยหรือคุณ นี่น้องสาวผมยังไม่ได้เรียนเลยนะ”

“ประสาทหรือไงครับ นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะจะมาพูดจาต่อราคาได้น่ะ”

“เฮอะ...” มาวินเก็บกระเป๋าสตางค์เข้ากระเป๋าทั้งหัวเราะไปพลาง “งั้นผมยังไม่จ่าย เพราะว่าตอนนี้เอมยังไม่ได้เรียน เปิดเทอมเมื่อไรค่อยเจอกัน”

“นี่...”

อาจารย์หนุ่มจะพูดให้หลัง หากทว่าแทนคุณไม่อาจสรรหาถ้อยคำไหนมาเอ่ยให้มาวินหันกลับมาได้ อีกฝ่ายเลือกเดินจากไปพร้อมกับคำครหาที่เขายังไม่ทันได้อธิบาย ต่างจากตัวมาวินเองที่ไม่คิดหาคำไหนเพื่อแก้ตัวในสิ่งที่เขาคิดในแง่ลบ ปล่อยให้กาลเวลาตอบทุกอย่างเอง แทนคุณหวังว่าสักวันกาลเวลาจะทำให้อีกฝ่ายมองเขาในแง่อื่นบ้าง แม้นความรู้สึกติดค้างในใจจะเป็นเหตุให้เขานึกหงุดหงิดทั้งวันก็ตาม

 

มาวินพาเอมมิกากลับไปมาบ้านพักในช่วงบ่าย ยามเห็นรอยยิ้มน้องสาวขณะลองสวมชุดนักศึกษาโรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่างน่ารักสมอายุ พลอยให้เขามีความสุขไปด้วย แม้จะนึกหน่ายใจที่บังเอิญเจอแทนคุณที่นั่นก็ตาม แต่เพราะโรงเรียนนั้นเป็นที่หมายของนักเรียนส่วนใหญ่ในจังหวัดนี้ มาวินไม่อาจฝืนความต้องการของเอมมิกาได้

แต่ได้ร่วมเชยชมความน่ารักของเธอเพียงไม่นาน เสียงรถยนต์คันหนึ่งเรียกให้เขาหันความสนใจทดแทน ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน วินาทีแรกที่เหลือบไปเห็นรถยนต์คันคุ้นชินจอดเทียบอยู่หน้ารั้วชวนให้เขานึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำต่อเขาเป็นเหตุให้มาวินไม่รีบร้อนจะเดินเข้าหา

ไม่นาน ร่างสูงของชายรุ่นน้องผู้เคยดูถูกเขาก็ออกมาจากรถยนต์คันนั้น หยุดอยู่หน้ารั้วต่ำขนาดหน้าอกมองเข้ามาด้านใน ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีก มาวินจึงเดินออกไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ถามไถ่ด้วยความใคร่รู้

“มีอะไร มาทำไมอีก”

เอกณรงค์ขยับริมฝีปากยิ้ม มองคนถามขณะก้มลงมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า “อยู่ได้นานกว่าที่คิดนี่”

ได้ยินประโยคเมื่อครู่ สีหน้ามาวินกึ่งหัวเราะกึ่งรำคาญราวกับรู้ดีว่าเพราะนี้คือเอกณรงค์ จึงพูดและกระทำตัวเช่นนี้ ชายหนุ่มส่ายศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวตัดบทสนทนา “ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระแค่นี้ก็กลับไปซะ”

“ไม่เอาน่า... นี่พี่คิดจริงๆ หรือว่ามีคนอื่นยอมจ่ายให้พี่ทุกอย่างได้เหมือนผม”

“เฮอะ! ที่แกมาที่นี่ไม่ใช่ว่าเพราะเสียดายฉันหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องมาพูดแดกดันกันเลยนี่ แค่คุกเข่าอ้อนวอนให้ฉันกลับไปก็พอ มันง่ายแล้วก็ตรงไปตรงมาดี” มาวินกอดอก

“ขอโทษทีนะ พี่ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นว่ะ” ชายผู้ยืนอยู่นอกรั้วไม้ยกแขนเท้าข้างบนของมันอย่างไม่รู้สึกรู้สา ชวนให้คนมองใจร้อนกับท่าทียียวนตรงหน้า “อีกอย่าง ถ้าหมามันไม่เชื่อง ก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงให้มันมากัดเจ้าของทำไม จริงไหม”

“ไอ้เอก...”

“ตัดหางปล่อยวัดมันบ้าง แบบนี้ค่อยเบาตัวหน่อย” คนกล่าวหมุนกุญแจรถในมือยามเอ่ย ไม่บอกก็ทราบดีว่าที่เอกณรงค์มาหาถึงบ้านนี้หมายความว่าอย่างไร และแน่นอน มาวินขบกรามแน่นด้วยความโกรธกับสิ่งที่หมอนี่กล่าว แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาทราบดีว่าไม่ควรเสียเวลาไปเล่นกับอีกฝ่าย

หากจะเล่นสงครามประสาทกับเขา มาคอยดู...

“ฉันจะบอกอะไรให้แกรู้ไว้นะเอก ฉันเป็นฝ่ายทิ้งแกไม่ใช่แกเป็นฝ่ายทิ้งฉัน ตลอดเวลาที่ออกมาจากชีวิตแกและกำจัดแกออกจากชีวิตได้ ฉันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาก ฉันไม่เคยนึกถึงแก เพราะว่าฉันเจอคนที่สามารถให้ฉันได้มากกว่าแกแล้ว” ชายหนุ่มยกยิ้มทั้งยักไหล่ขณะกล่าว ให้เห็นว่าการใช้คำพูดส่อเสียดเขาไม่มีผลอย่างที่เอกณรงค์กำลังคิด

“ไม่จริง...”

“จริง เขาทั้งดีและโง่กว่าแกเป็นร้อยเป็นพันเท่า ให้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ ทั้งฐานะเงินทอง ชาติตระกูล ไม่มีอะไรที่แกเทียบเขาได้เลย แล้วแกรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร...” มาวินแยกเขี้ยวยิ้มราวกับเหนือกว่า ขณะยกนิ้วชี้จิ้มหน้าอกย้ำซ้ำๆ ลงให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความจริง ยิ่งเอกณรงค์ขบฟันกรอดด้วยความขุ่นขึ้งแล้วเขายิ่งมีความสุข เมื่อเกมนี้ฝ่ายเขาเป็นคนนำชัยไปก่อน

แม้เรื่องที่พูดออกไปจะเป็นการกุขึ้นมาก็ตาม

“ไอ้โง่คนนั้นคือแทนคุณ เพื่อนแกยังไงล่ะ”





-------------------------------------------



มาวิน 55555



เป็นการเริ่มพันธะด้วยการมองอีกฝ่ายในแง่ลบ

เรื่องนี้จะไม่เกิดปัญหาถ้านายเอกเป็นแบบนี้ จะไม่เกิดปัญหาถ้าพระเอกไม่ชอบคิดเองเออเอง

เพราะนิสัยแย่ๆของสองคนนี้แหละทำให้ปมเกิดค่ะ

วันนี้ช่วงโควตา อัพเดตให้อ่านกันเลยทีเดียวสองตอน มีคนชอบแนวนี้มั้ยเอ่ย

หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑-๒
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 04-10-2016 03:17:41
ชอบแบบเน้ !
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 11:25:34


ตอนที่ ๓

“จำไว้เลยนะ!”

ทราบดีว่าแทนคุณรวยนักรวยหนาในหมู่เพื่อนรุ่นเดียวกัน หลังกล่าวถึงเพียงแค่ชื่อแล้ว เอกณรงค์ก็หันหลังขวับเข้าไปในรถและบึ่งออกไปอย่างเร็วรี่ ไม่อาจทราบว่าเพราะอะไร อาจเป็นความเสียหน้าจนทนยืนให้เขาดูไม่ได้ มาวินเดินเข้ามาด้านในได้แล้วนั้นก็เขกศีรษะตนเอง เตือนสติให้คิดก่อนจะพูดออกไปเสียบ้าง แล้วอย่างนี้คำพูดของเขาอาจทำให้แทนคุณลำบากได้ ชายหนุ่มฟุบกายลงนอนบนเตียงไม่รู้จะหาวิธีไหนแก้ในสิ่งที่เผลอพูดออกไป

ชายหนุ่มฉุกคิด หรือเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

“ทนไปเถอะไอ้วิน ถึงไอ้หมอนั่นมันจะปากหมา แต่มันรวย” ชายหนุ่มนอนแหงนมองเพดานไม้ซึ่งถูกทาสีฟ้าทั่วทั้งห้อง ต่อหน้ามีพัดลมเพดานสีเดียวกันหมุนอยู่เชื่องช้า อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยรักคนที่ตัวเองเกาะอยู่แล้ว แม้ว่าแทนคุณจะมีข้อเสียที่เขาไม่ต้องการอยู่หลายข้อก็ตาม

แต่ไหนจะค่าใช้จ่ายของเอมมิกา ไหนจะเงินที่จะต้องส่งให้ทางบ้าน เขาไม่ได้ส่งให้ท่านสองเดือนแล้ว

และหากแทนคุณรู้เรื่องที่เขาพาดพิงถึง หมอนั่นได้มาบีบคอเขาให้ตายคามือแน่

 

แสงดวงอาทิตย์สาดลอดผ่านป่าซีเมนต์สูงระฟ้าจะเกิดเงาสะท้อนใหญ่ แทนคุณบังคับยานพาหนะอันโดยสารอีกสองบุคคลด้านหลังในยามเช้ามาจอดริมฟุตบาธ ดูเหมือนวันแรกของภาคเรียนฝาแฝดคู่นี้ไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควรนัก หากทว่าผู้เป็นพี่ชายก็ย้ำเตือนอยู่เสมอว่าไม่ควรที่จะหยุด สองแสบจึงจำต้องมาด้วย ทิวากรกับเพหายเป็นแฝดชายหญิงที่นิสัยต่างกัน คนหนึ่งจ้อไม่หยุด คนหนึ่งดูเงียบขรึม

เพทายชอบคิดคำนวณ ส่วนทิวากรชอบดนตรี วันแรกของวันแม้ดูเหมือนจะไม่อยากมาเท่าใดนัก ทั้งคู่ยังขนข้าวของสัมภาระมาเต็มประเป๋า

“ดูนั่นสิ ใช่ผู้หญิงที่เราเจอหน้าร้านอาหารวันนั้นหรือเปล่า เรียนที่นี่ด้วยแฮะ” เพทายชี้ไปยังริมฟุตบาธฝั่งตรงกันข้าม ให้พี่ชายและน้องชายหันไปมอง เห็นมาวินยืนโบกมือลาเอมมิกาด้วยรอยยิ้มสดใส เด็กสาวกอดพี่ชายก่อนจะเดินจากไปยังตึกเรียน ก่อให้เกิดเสียงตามมาว่า “ตายจริง แม่คนนี้ หน้าไม่อายแฮะ...”

“ไปเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวเขาหรอก”

“เปล่าเสียหน่อย งั้นหนูไปแล้วนะคะอาจารย์”

น้องสาวฉีกยิ้มหวานยกมือไหว้ ก่อนจะพากันทยอยลงจากรถ เป็นประจำทุกวันที่แทนคุณจะต้องจอดส่งน้องๆ ลงหน้าโรงเรียน ก่อนตนเองจะเคลื่อนขับเข้าไปด้านในเพื่อจอดในโรงจอดรถประจำตำแหน่ง ชายหนุ่มทอดถอนใจหลังขนแฟ้มเอกสารและแลบท็อปวางไว้บนโต๊ะแล้วเสร็จก็ได้ยินเสียงออดเรียกนักเรียนเข้าแถว

เป็นประจำทุกภาคเรียนที่อาจารย์ฝ่ายปกครองจะขึ้นไปให้โอวาทกับเรียนทั้งหลาย แทนคุณไม่ใช้เวลานานเท่าใดนักหน้าเสาธง เพียงแค่กล่าวถึงกฎระเบียบที่บัญญัติอย่างเคร่งครัดให้นักเรียนใหม่ทั้งหลายทราบและทำตาม ครั้นบทบาทหน้าที่จบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดจึงกลับมาที่ห้องทำงาน ทราบว่ามีคนมารออยู่ก่อนแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะเดาได้ว่าเป็นใคร

“อา... อาจารย์มาแล้วหรือ”

เป็นมาวินนั่งรออยู่ “ทำไม คุณมีธุระไรกับผม” แสร้งถามไปอย่างนั้น ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าเพราะเหตุใด

“แหม... ไม่มีแล้วจะมาไม่ได้งั้นหรือ บางทีผมก็คิดถึงผู้ชายที่มอบเซ็กส์อันร้อนแรง...”

“เงียบไปเลย” สิ้นคำปรามมาวินถึงกับต้องหลุดยิ้มขัน ยามเห็นคนนิ่งๆ แสดงความไม่พอใจออกมามันชวนให้รู้สึกสนุกและอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการตัดปัญหาด้วยการพูดสวนขึ้นมาเช่นนี้ ชายหนุ่มยกยิ้ม ยกมือเท้าคางมองชายผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งกำลังค้นเอกสารในลิ้นชัก แม้จะดูเหมือนไม่ได้ติดใจถือสาเรื่องที่เขาพูดถึง ทว่ามาวินทราบถึงกลิ่นอายความไม่พอใจลอยอยู่แถวนี้

“ทั้งหมดเก้าพันบาท” แทนคุณเปรยขึ้น

“โห อีกแปดร้อยคุณคิดจะโกงผมงั้นหรือ ผมจำได้นะว่าวันนั้นยังแปดพันสองอยู่เลย” ชายหนุ่มเถียงตาแทบจะถลนออกจากเบ้า เรื่องเงินมาวินจำได้ไม่มีทางลืมแน่ “โรงเรียนนี้มันจะขูดเลือดขูดเนื้อผู้ปกครองมากเกินไปแล้วนะ หากินกับนักเรียนหรือไงกัน”

“แล้วทำไมไม่ไปต่อมหาวิทยาลัยที่เสียค่าเทอมไม่แพงล่ะ ไม่ได้ขอร้องให้อยากมาเสียหน่อย”

“แทนคุณ...” มาวินกอดอกหน้าจริงจัง “ผมรู้ว่าที่นี่มันโรงเรียนหรูที่พวกลูกท่านหลานเธอเขาเรียนกัน แต่เพราะมันขึ้นชื่อเรื่องจบแล้วมีบริษัทรองรับ มีงานทำแน่ไม่ต้องเตะฝุ่น มีบริษัทหลายแห่งรอรับบุคลากรจากโรงเรียนนี้ ผมเองก็อยากให้น้องสาวผมมีชีวิตที่ดี ไม่เหมือนผม”

“อีกแปดร้อยเป็นค่าชุดพละกับชุดว่ายน้ำ” อาจารย์หนุ่มทอดถอนใจอธิบายความจริง “แล้วก็เลิกแดกดันโรงเรียนด้วยคำพูดพวกนี้สักทีนะ ถ้านี่เป็นลูกเรียนคุณหนูจริงค่าเทอมไม่แค่นี้หรอก คนอย่างคุณไม่มีทางพาน้องสาวเข้ามาเรียนได้แน่”

“โคตรใจร้ายเลย” สิ้นประโยค แทนคุณกระตุกยิ้มอย่างอดไม่ไหวขณะมองคนอายุมากกว่ามุ่นคิ้วเปิดกระเป๋าสตางค์นับเงินอย่างตั้งอกตั้งใจ นัยน์ตาคมเพ่งพิศไปยังมือเรียวของอีกฝ่ายขณะถูธนบัตรสีเทาย้ำให้แน่ว่าไม่ซ้อนกัน ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความเหนียวหนืดของอีกฝ่าย

 คงเพราะการวางตัวไม่ตรงกับวัยนั่นมันน่าขำกระมัง อย่างไรเสียมาวินก็ยังดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่มากโข ดูเด็กกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะดูตัวเล็กกว่า ผิวพรรณสะอาดสะอ้านหมดจดและผมที่ไม่เซทให้เป็นทรง มันพลิ้วยามขยับ

“เฮ้อ... ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือที่ผมเอาเงินคุณมาจ่ายให้คุณเองแบบนี้น่ะหา” คนกล่าวมุ่นคิ้วมองธนบัตรปึกหนึ่งอย่างอาลัยอาวรณ์มัน เรียกให้แทนคุณรีบเอื้อมไปหยิบมาใส่ลิ้นชักแต่เดี๋ยวนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะนึกเปลี่ยนใจขอคืน

“ผมว่าควรเป็นฝ่ายคุณเสียมากกว่าที่จะรู้สึก เอาเงินของผมมาให้ผมเอง ไม่รู้สึกอะไรหรือไง”

“มันก็จริงนะ แต่...” ชายเจ้าของนัยน์ตาคมผละไปมองคนตรงหน้าขณะเขียนใบเสร็จให้ ท่าทีอันเป็นแววกังวลข้องใจมาวินจางหายไปก่อนที่แทนคุณจะได้เห็น ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืน รับใบเสร็จไป

“ขอบคุณนะอาจารย์ อ้อ...” แทนคุณนิ่ง มองชายผู้ยืนอยู่ตรงหน้าคล้ายมีเรื่องสำคัญอะไรจะพูดคุยด้วย ชายหนุ่มจึงแหงนมองอีกฝ่ายราวกับต้องการทราบ หากทว่าใบหน้าหมดจดของมาวินกลับเปื้อนยิ้มกระเซ้า ขยิบตาให้ราวกับต้องการแกล้ง “ได้เบอร์ไปแล้ว อย่าลืมโทรหาผมด้วยนะ”

แทนคุณเบิกตากับสิ่งที่ได้ยิน

ชายหนุ่มส่ายหน้าครั้นร่างสูงโปร่งของคนกล่าวเดินทำหน้าเย้าแหย่ออกไป แต่เพราะทราบแล้วว่ามาวินไม่ได้ติดใจเรื่องครั้งเก่าก่อนและวางตัวปกติด้วยแล้ว เหตุใดไม่ทราบ ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจกว่าเดิมขึ้นมากยามทำงาน คงเพราะแทนคุณเป็นคนจำพวกย้ำคิดย้ำทำ หากผิดพลาดแล้วเขาจะคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าหาเหตุผลกระมัง ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปตามอารมณ์ ขณะก้มลงอ่านเอกสาร

และรอยยิ้มที่ยังไม่เจือจางลง

หลังจากมาวินไปแล้ว แทนคุณก็ออกไปตรวจระเบียบนักเรียนแต่ละช่วงชั้นตามหน้าที่ กล่าวตักเตือนและให้เวลาทุกคนแก้ไข จากนั้นชายหนุ่มก็กลับมาที่ห้องพักอาจารย์ ทำงานต่อจนถึงเวลาพักเที่ยง แต่ยามคาดว่าจะไปพักแบบสบายกลับเกิดเรื่องขึ้น จู่ๆ อาจารย์พละวิ่งตึงตังมาหาเขาสีหน้าตื่นตกใจ “อาจารย์ครับ แย่แล้ว นักเรียนทะเลาะกันครับ”

“ที่ไหน เรื่องอะไรครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เพทายเจ็บจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ตอนนี้อยู่โรงอาหาร” ได้ฟังชื่อเพทายแล้วชายหนุ่มใจหาย รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุซึ่งอาจารย์พละเป็นคนนำไป ไม่นานก็เห็นกลุ่มนักเรียนมุงดูกลุ่มใหญ่และคู่กรณีนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยมรอรับความผิดเพราะอาจารย์คนอื่นห้ามทัพกันแล้ว นั่นคือเอมมิกาที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ และเพทายที่กำลังทำแผล

“เกิดอะไรขึ้น ใครจะอธิบาย!” ชายหนุ่มโพล่งถามเมื่อไปถึง

“แม่คนนี้ทำร้ายหนูค่ะ” ฝ่ายน้องสาวชี้ไปยังเอมมิกา

คนถูกกล่าวหาจึงรีบแถลงไข “เพราะเธอมากล่าวหาฉันก่อนไงล่ะ ถ้าอยู่ดีๆ ไม่ปากพล่อยก็ไม่โดนหรอก”

“ก็มันจริงนี่ ฉันเห็นกับตาของฉันถึงได้พูด”

“เธอมันปากเสีย หน้าตาก็ดีแต่ปากเสีย...”

“ฉันไม่ยอมแน่ที่มาทำกับฉันแบบนี้ จะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด เธอต้องเสียใจแน่ที่ทำร้ายฉัน!” เพทายกุมร่างตัวเองขึ้นเสียงชี้ไปยังคู่กรณีไม่ยอมหยุด หากปล่อยให้พูดคุยอย่างนี้คงไม่ดีแน่ แทนคุณมุ่นคิ้วมองไปยังเด็กสาวผู้ทำร้ายเพทายนิ่ง เธอไม่เงยขึ้นมาสบตา แม้สีหน้ารู้สึกผิดแต่ก็ไม่ยอมเช่นกัน “ทายไม่ยอมจริงๆ นะพี่แทน พายเจ็บ ไม่รู้กระดูกจะหักหรือเปล่า”

เอมมิกาเงยขึ้นมาสบตาเขาแทบทันที ทำราวกับรู้แล้วว่าคู่กรณีของตนนั้นมีเส้นสายและเกี่ยวข้องกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง หากทว่าฝ่ายแทนคุณเองที่รู้สึกกระดากอายแทนน้องสาวที่ทำเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่อาจปล่อยเลยตามเลยและต้องถามไถ่ให้ชัดเจนถึงปัญหาอันก่อให้เกิดเรื่องขึ้น แน่นอนว่าจะไม่มีการเข้าข้างฝ่ายเพทายอย่างแน่นอน “แยกกันให้หายอารมณ์ร้อนทั้งคู่ ฉันจะแจ้งผู้ปกครองให้มาพบพรุ่งนี้”

เพทายส่ายหน้า “แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ฉันจะเอาผิดตามความผิด ไม่มียกเว้นอะไรทั้งนั้น” ดูเหมือนเพทายจะไม่พอใจที่พี่ชายตัดสินใจเช่นนี้ ทว่าหากเขาเป็นพี่ชายที่ตามใจน้องแล้วทำให้งานเสีย ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่มีทั้งหมดมันจะสูญเปล่า อย่างน้อยเขาก็อยากตักเตือนพฤติกรรมเธอเสียบ้าง แน่นอนว่าที่บ้านจะต้องไม่พอใจที่ชายหนุ่มตัดสินเช่นนี้ แทนคุณทราบดีถึงเรื่องนั้นว่าจะตามมาในไม่ช้า

อย่างน้อยเขาก็อยากให้ความเป็นธรรมกับเอมมิกาในแง่อาจารย์ฝ่ายปกครองผู้เป็นกลาง แน่นอนว่าเขาก็เคืองขุ่นที่น้องสาวถูกทำร้ายถึงขั้นเลือดตกยางออก ถึงอย่างนั้นแล้ว อย่างไรเสียเขาก็อยากทราบถึงต้นเหตุว่าเพราะอะไรแน่

เพทายถูกพาตัวไปห้องพยาบาลแล้ว แทนคุณให้นักเรียนที่มุงดูออกไปจากบริเวณนี้ หลงเหลือเพียงแค่เอมิกาที่ยังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ ซึ่งดูเหมือนเธอจะรู้สึกผิดที่ทำ ทว่าก็ยังไม่ยอม ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไปพักได้แล้ว นี่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกเองนะเอมมิกา ไม่ชอบอยู่แบบเงียบๆ หรือ”

เธอเงยขึ้นมาสบตา “เพราะเขารู้จักกับอาจารย์หรือคะ”

“ฉันไม่ลำเอียงเพราะว่าทายเป็นน้องสาวฉันหรอก”

“แต่หนูก็อยู่เงียบๆ แล้วนะคะ ก็เขามาก่อกวนหนูก่อน...” เด็กสาวแจงทั้งส่ายหน้าตาใส ยิ่งได้รู้จักใกล้ชิด ดูเหมือนความรู้สึกระหว่างเขาต่อเด็กคนนี้ยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อย ตอนแรกคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์หลอกเงินจากมาวิน หนสองคิดว่าช่างเป็นน้องสาวที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ได้ ให้พี่ชายดิ้นรนหาเงินปรนเปรอความอยากได้อยากมีของตนเองโดยไม่สนว่ามาวินจะเหน็ดเหนื่อยเพียงไหน

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะเป็นเพียงเด็กสาวจอมซื่อที่มีความแข็งแกร่งซ่อนอยู่ภายใน แทนคุณทรุดกายนั่งลงข้างเด็กสาว มองมือบอบบางของเธอกุมข้อศอกที่เลือดซึมเปื้อนออกมา “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เพราะต้องเป็นกลาง ฉันก็เลยอยากให้เธอกับทายปรับความเข้าใจกัน”

“หนูก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยสักนิด หล่อนเอาเรื่องที่หนูขายตัวมาจากไหน คนสมัยนี้ทักทายคนอื่นด้วยวิธีนี้หรือคะ” คนกล่าวเงยขึ้นสบตา “หนูอยากรู้ว่าที่เห็นกับตาของเขาน่ะ หมายความว่ายังไง”

วินาทีนั้นแทนคุณใจหาย มองแววตาของนักเรียนในการดูแลด้วยความรู้สึกผิดกึ่งโมโหเพทายอยู่ในที จากนึกเคืองขุ่นที่เธอถูกทำร้าย เขาอยากดึงน้องสาวเข้ามาสั่งสอนเรื่องคำพูดคำจาเสียใหม่ต่อหน้ามารดา เหตุใดเธอจึงทำร้ายเอมมิกาเช่นนี้ ด้วยการกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงขายตัว ชายหนุ่มทอดถอนใจก้มมองข้อศอกเปื้อนเลือดของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าไปยื่นให้

“เช็ดเลือดออกหน่อยซี ไม่เจ็บใช่ไหม”

“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับไปถือ ระบายรอยยิ้มเล็กน้อย แม้ร่างกายจะผอมบางทว่าเอมมิกาดูแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด ดูเหมือนเธอจะเป็นน้องสาวในอุดมคติของเขาด้วย ไม่เว้นแต่มาวินที่เฝ้าเอาอกเอาใจ “ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นหรอก ฉันจะบอกกับผู้ปกครองเธอเอง แล้วจะอธิบายให้เขาเข้าใจ”

“พี่วินต้องโกรธมากแน่”

“ไม่หรอก ฉันจะอธิบายให้เขาเข้าใจเอง เธอไปพักเถอะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก้มลงมองเด็กสาวตรงหน้าขณะขยับกายจะลุก วินาทีแรกนึกประหลาดแก่ใจกับใบหน้าซีดเผือดของเธอ แม้คราแรกจะยังปกติดีอยู่ แทนคุณใจหาย หลังเห็นเอมมิกาฟุบลงกุมท้องตนเองส่ายหน้าบอกว่าลุกไม่ไหว

สุดท้าย ร่างบอบบางนั้นก็ทรุดลงกองกับพื้นร้องบอกว่าเจ็บและไม่มีแรง

แทนคุณใจหายอีกครั้ง อุ้มเอมมิกาวิ่งไปยังห้องพยาบาล

ท่ามกลางสายตานักเรียนกลุ่มหนึ่ง

แน่แล้ว อาจารย์ฝ่ายปกครองหนุ่มหวังเพียงว่าให้เอมมิกาปลอดภัยและอยากทราบว่าเธอเป็นอะไร ชายหนุ่มทรุดลงนั่งสอบถามอาจารย์ประจำห้องพยาบาล ขณะปรายตามองนักเรียนสาวนอนหลับบนเตียง “แล้วเอมมิกาเป็นอะไรครับอาจารย์ ดูเหมือนจะปวดท้องมาก”

“คงจะเป็นโรคกระเพาะน่ะค่ะ นี่ทานข้าวไม่ตรงเวลาเลยปวดขึ้นมา”

แทนคุณพยักหน้ารับ นึกถึงหน้าพี่ชายของเจ้าตัวแล้วก็ทอดถอนใจ คงถูกอีกฝ่ายตำหนิยกใหญ่แน่ที่ดูแลเอมมิกาไม่ดี เพียงแค่จ่ายค่าเทอมมาวินยังบ่นอยู่ไม่ยอมพัก แล้วนี่ถึงขั้นเจ็บปวดและปล่อยให้โรคกระเพาะกำเริบอีก แทนคุณครุ่นคิดก่อนจะทอดถอนใจ ขณะก้มลงมองเบอร์โทรศัพท์บนหน้าจอ ตรองว่าจะโทรหามาวินตอนนี้ดีหรือไม่

เขาพร้อมจะหูชาแล้วหรือยัง

 

เสียงนักเรียนชายเล่นบาสเกตบอลด้านล่างของตึกดังสะท้อนก้องโสตเด็กสาวให้รู้สึกตัวตื่น เอมมิกาพลิกกายนอนตะแคง มองเห็นพระอาทิตย์ฉายแดดสีส้มลอดผ้าม่านเข้ามาด้านใน เด็กสาวนึกตกใจแหงนมองนาฬิกา บ่งบอกเวลาใกล้พลบค่ำเต็มทีก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นนั่ง เหตุใดจึงไม่มีใครมาปลุกให้เธอกลับบ้านกัน เอมมิกาปัดป่ายปอยผมออกจากใบหน้าขณะกำลังลุกออกจากเตียง

ย่ำเท้าไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู หากทว่าใจนึกหายครั้นมันเปิดไม่ออก เอมมิกาออกแรงเปิดเต็มที่หากทว่าไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ เกิดอะไรขึ้นกัน “ใครอยู่ข้างนอก อาจารย์คะ เปิดประตูทีค่ะ!”

เด็กสาวเบิกตา เธอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของใครสักคนอยู่หลังประตู ร่างบอบบางวิ่งกลับไปยังหน้าต่างมองลอดกระจกไปเห็นนักเรียนบางกลุ่มกำลังจะกลับกันแล้ว เธอหอบหายใจด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ท้ายที่สุดก็กลับไปพยายามเปิดประตูอีกครั้ง

ใครกัน ใครกันที่แกล้งเธอ!

“เปิดประตู ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” ภายในห้องเงียบกริบหลงเหลือเพียงเอมมิกาคนเดียว เด็กสาวกลั้นความหวาดกลัวในใจออกแรงทุบประตูเรียกคนช่วย เธอไม่อยากนอนในห้องนี้คนเดียวตลอดทั้งคืน “ช่วยด้วยค่ะ มีคนอยู่ในนี้!”

“ใครน่ะ...”

“ช่วยด้วยค่ะ มีคนอยู่ในนี้!” เอมมิกาทุบประตูสุดแรงเมื่อได้ยินเสียงของใครสักคน ใจเธอชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตู วินาทีแรกที่เห็นว่าเป็นแทนคุณ เด็กสาวตัวสั่นพุ่งเข้าไปสวมกอดแน่นด้วยความกลัวทั้งร้องไห้ “หนูคิดว่าต้องอยู่ที่นี่คนเดียวแล้ว ฮือ... อาจารย์”

“ฉันคิดว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีกตอนเดินผ่านรอบแรกแล้วเห็นประตูล็อก เธออยู่ในนี้ ทำไมไม่มีใครปลุก ยังดีที่ฉันยังไม่ได้กลับบ้านแล้วเดินผ่านมาพอดี” มือหนาลูบบ่าเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งอย่างนึกข้องใจว่ายังมีใครต้องการแกล้งเอมมิกาอีก ทว่ามิใช่เพทายน้องสาวของเขาแน่ เธอกลับบ้านไปแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องจริงจังกับการจัดการเรื่องนี้!

 “ไปเอมมิกา ฉันจะไปส่งที่บ้าน จะได้คุยกับผู้ปกครองเธอเรื่องนัดพรุ่งนี้ด้วย” ชายหนุ่มเดินนำหน้า แม้หางตาจะชำเลืองไปเห็นเงาของอะไรบางอย่างหลังผนังมุมหนึ่งของอีกฝั่ง

แต่ยัง...แทนคุณจะจัดการต้นสายปลายเหตุที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาในอีกไม่ช้า





--------------------------------------------

มาอัพให้อ่านแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 04-10-2016 14:19:52
ตามอ่านอยู่น้า ชอบแนวนี้อะ
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 14:24:05
ตามอ่านอยู่น้า ชอบแนวนี้อะ
จ้าาา จะขยันอัพเดตนะคะ
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-10-2016 15:46:59



ตอนที่ ๔


หลังจากเห็นว่ามีใครซ่อนอยู่อีกมุม แทนคุณแสร้งมองไม่เห็นเพื่อจบเรื่องของวันนี้ไปก่อน ร่างสูงย่างเท้าเดินต่อไปอย่างแนบเนียน ให้เอมมิกาเดินตามหลังมายังรถคันประจำตำแหน่งที่จอดอยู่ในโรงรถ วินาทีแรกเด็กสาวดูมึนงง ก้มลงมองรถของเขาอยู่ครู่หนึ่งราวกับครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด

“นี่รถอาจารย์หรือคะ เหมือนหนูเคยเห็นมันจอดที่บ้านมาก่อน อาจารย์รู้จักกับพี่วินด้วยหรือ”

แทนคุณมองสีหน้าคนถาม ทำเป็นเดินมาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่ง “เปล่า เธอคงจะจำคันผิดแล้วแหละ”

“แต่...”

“ขึ้นรถไปเถอะ เดี๋ยวผู้ปกครองเธอได้โมโหที่กลับบ้านช้าพอดี” เด็กสาวเก็บข้อโต้เถียงไว้ในใจกับความขุ่นข้อง เธอทรุดกายนั่ง มองตามร่างสูงใหญ่ของแทนคุณเดินวนไปนั่งอีกฝั่งบังคับรถเคลื่อนออกไปจากโรงเรียน

ที่จริงแทนคุณอายุน้อยกว่ามาวินก็หลายปี ทว่าดูเหมือนแทนคุณจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าพี่ชายเธอเป็นเท่าตัว เด็กสาวเอนกายพิงพนักเบาะชำเลืองมองคนขับพร้อมระบายยิ้มยามนึกถึงสีหน้าเง้างอนของพี่ชาย ยามขอความรักจากเธอ ถึงแทนคุณจะดูเป็นพี่ชายที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติก็จริง หากไม่มีใครเทียบเท่ามาวินของเธอได้ เขาคือฮีโร่ของเอมมิกาอย่างแท้จริง

ความเงียบกัดกินระหว่างทั้งคู่กว่าสิบนาที ชวนให้เอมมิกาอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย หรือเป็นเพราะเด็กสาวถามถึงความจริงที่เขารู้จักกับมาวินหรือเปล่า เธอลอบถอนใจวางตัวไม่ถูก ทว่าก็คิดอยู่ในใจว่าเหตุใดแทนคุณต้องปกปิดด้วย รู้จักกับพี่ชายเธอก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียวนี่

“แล้วนี่เธออยู่กับพี่ชายเพียงสองคนเท่านั้นเองหรือ”

เสียงทุ้มเปรยขึ้นขณะมองทอดออกไปยังท้องถนนยามค่ำ

“ค่ะ เราเป็นคนต่างจังหวัด พี่วินไปรับหนูมาอยู่ด้วยเมื่อสามปีก่อน ที่จริง... เราเป็นพี่น้องคนละแม่น่ะค่ะ”

“ไม่แปลกหรอก” แทนคุณตอบ เรียกให้เด็กสาวเงยไปมอง “ฉันเองก็เป็นลูกคนละพ่อกับทายเหมือนกัน”

“ว่าแล้วเชียว...” สิ้นคำของเด็กสาว แทนคุณเข้าใจความรู้สึกของเอมมิกาที่เอ่ยคำนี้อย่างไม่ต้องนึกสงสัยว่าเพราะเหตุใด “คือ... หนูหมายถึง อาจารย์กับเขาดูไม่เหมือนกันสักนิดเดียวเลยน่ะค่ะ ไม่ว่าจะหน้าตา และนิสัย หนูเองก็เป็นเหมือนกัน ต่างกับพี่วินไปคนละโยชน์เลย”

“ยังไง”

“ก็พี่วินเขาเป็นพวกแบกรับความรู้สึกเก่ง กล้าหาญที่จะเผชิญปัญหาเพียงคนเดียว ส่วนหนูเป็นพวกบ้า หนูทนไม่ได้ที่ใครจะมาดูถูก ถ้าดูถูกหนูเพียงคนเดียวไม่เป็นไร แต่สำหรับพี่วินแล้วหนูไม่ยอมให้ใครว่าเขาเด็ดขาด พี่วินเป็นเหมือนทุกอย่างสำหรับหนู” เด็กสาวคลี่ยิ้มยามเล่าถึงคนที่บ้านอย่างภาคภูมิ หากทว่ายิ่งทำให้แทนคุณมองหน้าอีกฝ่ายไม่ติด

เอมมิกาคงไม่รู้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ดูถูกพี่ชายเธอ

“เขาดูภูมิใจที่ได้ดูแลเธอนะเอมมิกา ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง” ชายหนุ่มปรายตามองเด็กสาว ขณะเคลื่อนรถไปจอดหน้ารั้วอันเป็นเอกลักษณ์ ตรงหน้ารั้วไม้สีฟ้าตั้งล้อมรอบตัวบ้านสีฟ้าทั้งหลัง ที่เดิมที่เขาเคยขับรถจากมา

ไม่แปลกที่แทนคุณจะจำได้ ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์มองทอดออกไปนอกรถเห็นไฟบ้านเปิดทิ้งไว้ ไม่นานก็พบร่างสูงโปร่งของมาวินวิ่งออกมายืนรอ ทำราวกับรู้ว่าน้องสาวตนเองมาถึงแล้ว

“ขอบคุณนะคะอาจารย์ แล้วก็... อาจารย์โกหกไม่เนียนเลยนะคะ” เอมมิกาฉีกยิ้มกล่าว ชวนให้ชายหนุ่มนึกประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยิน โครงหน้าหล่อฉายความฉงนอยู่ครู่หนึ่งขณะมองเด็กสาวยกนิ้วชี้ชี้ล้อเลียน “อาจารย์รู้ทางมาบ้านหนูได้ยังไงถ้าไม่เคยมาที่นี่คะ อีกอย่าง รถของอาจารย์แพงแล้วก็เป็นรถนอกด้วย หนูว่าในจังหวัดนี้อาจมีแค่รถอาจารย์คนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ”

สิ้นคำเด็กสาวแล้ว ชายหนุ่มปรับสีหน้าอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งเพราะลืมฉุกคิดถึงเรื่องนั้น ไม่คิดว่าเอมมิกาจะฉลาดเกินวัย แทนคุณมองตามร่างบอบบางในชุดนักเรียนลุกเดินอ้อมไปกอดแขนพี่ชาย ก่อนจะเปิดประตูรถออกไปสมทบ

“อาจารย์นี่เอง”

มาวินทักทายขณะมองตามร่างสูงเดินเข้ามายืนขนาบข้าง อันที่จริงชายหนุ่มอยากบอกมาวินว่าไม่จำเป็นแล้วที่จะแกล้งไม่รู้จักกัน “เอม ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป จะได้ลงมากินข้าว อาจารย์เองถ้าไม่รังเกียจก็เชิญมาทานมื้อเย็นด้วยกันซี”

“จริงสินะคะ ถึงกับข้าวที่นี่จะเป็นเมนูบ้านๆ แต่ฝีมือพี่วินก็เก่งไม่หยอกนะ” เอมมิกาเชิญชวน

“ไม่ดีกว่า จะเป็นการรบกวนเกินไป”

“งั้นดีแล้ว จะได้ไม่เปลือง” มาวินกอดอก น้องสาวหัวเราะร่วนครั้นได้ฟังพี่ชายขณะวิ่งเข้าไปในบ้าน หลงเหลือเพียงสองหนุ่มยืนมองหน้ากันตรงนี้

“ขอบคุณที่ชวน”

แทนคุณเดินไปพิงกายบนรั้วสีฟ้าของบ้านปล่อยให้ความเงียบดำเนินเข้ามาระหว่างคนทั้งสอง ไม่เพียงแค่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน มาวินเองก็ชอบที่จะเงยมาแอบมองราวกับต้องการกระเซ้าเย้าแหย่เขาอยู่ในที

มองรอบกาย เห็นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สำหรับคนฐานะปานกลางเรียงกันอยู่หลายหลัง ถนนตรงนี้อยู่ในซอยแคบพอให้รถสวนกันได้ มีต้นไม้น้อยใหญ่ร่มรื่นในบ้านแต่ละหลัง และไม่ห่างไกลโรงเรียนมากนัก แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขามาที่นี่เสียหน่อย ชายหนุ่มคิดแล้วจึงหันไปเริ่มประเด็นเมื่อนึกถึงโรงเรียน

“ผมโทรหาคุณเมื่อตอนบ่าย แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ว่างที่จะคุย”

“ผมติดธุระก็เลยยังรับไม่ได้ แล้วนี่แค่ไม่รับสาย คิดถึงผมจนต้องมาหาถึงบ้านเลยหรือไงครับอาจารย์”

แทนคุณส่ายหน้า “ไร้สาระน่า”

“มันก็ไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นสักหน่อยนี่” คนตอบชะโงกหน้าเข้ามาใกล้อีกทั้งฉีกยิ้มกว้าง “โอ้ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ แบบนี้กลิ่นตัวคุณหอมใช้ได้เลยแฮะ นี่แหละน้าคนทำงานสบาย วัน ๆ ก็อยู่แต่ในห้องแอร์ไม่ต้องไปตากแดดตากลมทำงานหนัก”

คนกล่าวแสร้งโน้มลงสูดลมใกล้กว่าเดิมก่อนจะเงยขึ้นมาสบตา เห็นเพียงสีหน้าเดิมของผู้ถูกกระทำก็จำต้องกระถดออกเว้นระยะห่าง “เฮ้อ... ไปกินรังแตนมาจากไหนนะ ดุชะมัด”

ได้ฟัง แทนคุณจึงจำต้องถอนใจ “เพราะผมไม่ชอบที่คุณมาทำแบบนี้ คุณทำเหมือนตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่พูดว่าทุกอย่างจบลงไปแล้ว แล้วคุณพยายามจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม”

“เพราะผมยังไม่อยากให้มันจบไง”

“คุณต้องการอะไร เงินหรือ...” แทนคุณมุ่นคิ้ว อันที่จริงเขามาที่นี่ไม่ได้ต้องการพูดคุยเรื่องนี้ ชายหนุ่มทอดถอนใจกับคำถามของตัวเองที่เผลอพ่นคำพูดหมิ่นเกียรติมาวินอีกครั้ง ชายหนุ่มส่ายหน้า อยากจบกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ “แต่ช่างมันเถอะ ที่ผมมาหาคุณเพราะว่าเอมมิกาไปมีปัญหากับนักเรียนคนอื่น ผมอยากให้คุณพาเอมมิกาไปฟังคำขอโทษจากปากเด็กคนนั้น เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน”

“เดี๋ยวซี...” คนฟังมุ่นคิ้วร้องเรียก มองตามคนตัวสูงใหญ่เดินดุ่มๆ ไปยังรถคันหรู “นี่ ที่ผมหมายถึงน่ะไม่ใช่ว่าอยากจะทำให้คุณลำบากหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้จะแกล้งอะไรด้วย ผมแค่อยากจะไปต่อ... ผมอยากให้เรื่องของเรามีมากกว่าแค่คืนนั้น”

มือหนาสะดุดกับประโยคเมื่อครู่ขณะจะเปิดประตูรถ นัยน์ตาก้มลงมองมือที่เอื้อมมาดันมือเขาไว้ไม่ให้เปิดประตูออก “อะไร หมายความว่ายังไง”

“คือ... ผมรู้ว่ามันแปลก แต่ผมยังไม่อยากให้มันจบลงแค่เราทำเป็นไม่รู้จักกัน”

มาวินกลืนน้ำลายเอ่ยเสียงเบา สร้างความสนเท่ห์แก่ผู้ฟัง

เจ้าของร่างสูงก้มลงมองมืออีกฝ่ายที่เคลื่อนรั้งเขา ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปมองว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าจริงจังเพียงไหน แต่ทว่านอกจากความเงียบกริบแล้ว แทนคุณยังไม่สามารถหาคำตอบไปตอบอีกฝ่ายได้ในทันที แทนคุณไม่อาจหาเหตุผลมาแจงตนเองได้ว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายจึงพูดกับเขาเช่นนั้น และตนเองควรเชื่อใจคนอย่างมาวินได้หรือไม่ อันดับแรกยอมรับเลยว่าไม่

เพราะมาวินเพียงพบกับเขาแค่ไม่กี่ครั้ง

และอีกหนึ่งอย่างเหนือสิ่งอื่นใด คือเขาทั้งคู่เป็นผู้ชาย

 

สายน้ำประสมฟองสบู่ไหลเอื่อยลงไปตามร่างหนาเปลือยเปล่า มือเรียวยกขึ้นสางผมซึ่งตกมาปรกหน้าขึ้นขณะแหงนล้างฟองสบู่ออกจากร่างกาย ยามหลับตา ชายหนุ่มผู้เผชิญปัญหาก็ขมวดคิ้วมุ่นกับภาพบางภาพที่แล่นซ้อนเข้ามาในสมอง

หลังจากแยกจากกับมาวินวันนั้น มาวินไม่ได้มาพบเขาอย่างที่นัดแนะกันไว้ในวันถัดไป แต่เพราะอีกฝ่ายคงทราบดีว่าน้องสาวตนเองไม่ได้มีความผิดที่ก่อเรื่องก่อนกระมัง แทนคุณให้เพทายขอโทษเอมมิกาก่อนเรื่องที่กล่าวหาให้ร้าย และดีที่เอมมิกาไม่ถือโทษเอาความ ซ้ำยังเอ่ยขอโทษที่โมโหจนต้องไปทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็ใช้กำลังกัน

แทนคุณคิดว่ามาวินคงไม่พอใจ อีกนัยหนึ่งคือคงไม่อาจหาญมาพบหน้าเขา แทนคุณจำได้ว่าวันนั้นเขาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินมาวินพูดว่าอยากจะสานสัมพันธ์ต่อกับเขา ใบหน้าของอีกฝ่ายคล้ายกังวลขณะพยายามกล่าวอธิบาย

แต่มันเป็นเรื่องที่สิ้นคิด

“นี่เป็นบ้าอะไร” แทนคุณไม่รู้จะพูดอะไรตอบกลับไป เขาอยู่ในช่วงวินาทีสรรหาคำมากล่าว และมาวินดูเหมือนจะหน้าถอดสีลงไปเมื่อได้ฟัง “ถึงผมจะเคยนอนกับคุณ นั่นไม่ได้หมายความว่าผมชอบคุณหรือว่ามีรสนิยมเรื่องเพศแบบเดียวกับคุณหรอกนะมาวิน ดูปากผมให้ดีนะ ผมไม่ได้เป็นเกย์!”

“แต่... ฉันหมายถึง...”

“วันนั้นผมก็แค่ไม่มีทางเลือก แล้วคุณก็เปิดโอกาสให้ผม รู้ไว้ซะ...”

แน่นอนแล้ว มาวินนิ่งอึ้งกับคำที่เขาเอ่ยเป็นคำตอบในวันนั้น แต่เพียงเพราะแทนคุณอยากจบปัญหาที่ค้างคามาทั้งหมด เขาจึงต้องบอกกับอีกฝ่ายไปตรงๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น กล่าวจบเขาก็เลือกเดินจากมาไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

แต่สีหน้าของมาวินวันนั้นยังตราตรึง ทับซ้อนความคิดเขาแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว

เขาควรจะลืม

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ เดินออกจากห้องน้ำพลางเช็ดทำความสะอาดเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาขณะสวมเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว เพราะต้องการทำให้ตนเองหลุดพ้นจากเงื้อมมือมาวิน กลับชักจูงตนเองให้มาติดแหงกกับความคิดบ้าๆ ยามนึกถึงสีหน้าของอีกฝ่าย ชายหนุ่มทรุดกายลงมองหน้าจอโทรศัพท์ เห็นเป็นเบอร์ของนพพล รุ่นน้องคนสนิทติดต่อมาก็กดรับสาย

“มีอะไรไอ้พล”

ในสายเสียงดังคล้ายอยู่ในสถานบันเทิงที่ไหนสักแห่ง รุ่นน้องตะโกนแทรกเข้ามาว่า “พี่แทน อยู่ไหน เลี้ยงเหล้าหน่อยสิพี่!”

“แกโทรหาฉันเพระเรื่องไร้สาระนี่น่ะหรือ”

“โธ่พี่ ผู้ชายเราจะเจอกันได้ก็ต้องเป็นที่แบบนี้แหละน่า มาเจอกันหน่อยสิพี่ ผมจะรอที่เดิม ห้ามเบี้ยวด้วย โอ้! พี่วิน...” นพพลตัดสายไปเสียแบบไม่รอให้เขาเอ่ยปฏิเสธ แทนคุณมุ่นคิ้วขณะสางผมยุ่งให้เขาทรง เพราะท้ายบทสนทนาก่อนจะวางสายไป นพพลได้เอ่ยชื่อของใครสักคน

หวังว่าเขาจะไม่เจอมาวินที่นั่น ขอให้คนที่นพพลเรียกไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่แทนคุณไม่อยากพบทีเถิด

ครั้นเดินทางมาถึง แทนคุณรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าไม่มีมาวินนั่งร่วมวงด้วย เป็นนพพลและกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกันเท่านั้น ทั้งหมดยกมือไหว้เขาราวกับรู้ว่านี้คือเจ้ามือใหญ่ในวันนี้ ชายหนุ่มไม่เพียงไม่เคืองขุ่นใจ อย่างน้อยนพพลก็บอกไว้ล่วงหน้าและรู้จักพอประมาณ

ชายหนุ่มทั้งโล่งใจและอึดอัดอยู่ในที ขณะมองท่ามกลางแสงสีและความมืดสลัวของบรรยากาศโดยรอบ ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่เขากวาดสายตา นอกจากจะเห็นกลุ่มหญิงสาวที่ส่งยิ้มทักทาย ชายหนุ่มก็เพียงแค่ยิ้มรับขณะยกแก้วดื่ม อย่างน้อยประสบการณ์ก็ทำให้ทราบแล้วว่าไม่ควรรับแก้วจากใครง่ายๆ แต่เพราะแทนคุณก็คือแทนคุณ ชายหนุ่มยกมือถือในกระเป๋าขึ้นมาดูด้วยความไม่สบายใจ

สายจากที่บ้านยังขึ้นเตือนอยู่ แม้นว่าเขาจะออกมาได้นานโข

หลังจากควบคุมสติไม่ให้ดื่มมากจนเกินขับรถได้ แทนคุณขอละออกมาเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นกว่าเดิม ขณะเดินออกมาด้านนอกก็ถูกร่างหนึ่งปะทะเข้าอย่างจัง ไม่เพียงไม่ล้มแล้ว อีกฝ่ายที่เป็นคนทรุดลงนอนกับพื้นยังขึ้นเสียงใส่ “เดินไม่แหกตาดูทางหรือไงวะ!”

“ขอโทษครับ”

แต่เสียงของอีกฝ่ายเมามายเกินจะพูดรู้เรื่อง เรียกว่าฝ่ายตนเองเมาจนเซถลามาใส่ผู้อื่นจะถูกมากกว่า แต่เมื่อนึกได้ว่าเสียงนี้คุ้นชินนัก และทราบว่าเป็นมาวินแน่แล้ว แทนคุณนึกประหลาดใจมองเจ้าตัวกำลังพยายามจะกุมจัดแจงกางเกงตนเองให้ไม่หลุดลุ่ย นัยน์ตาคมจึงมองไปยังอีกมุมที่คู่กรณีวิ่งมา ก่อนจะช่วยพยุงให้มาวินลุกขึ้น ไม่นานก็เห็นร่างสูงของเอกณรงค์วิ่งตามออกมา

“แกทำอะไร!” แทนคุณร้องถาม ขณะพยุงให้มาวินลุกขึ้นยืน

อีกฝ่ายมีสีหน้าตกใจ “ฉะ ฉันเปล่า...”

“แล้วนี่อะไร!”

“ก็มันยั่วฉันเองนี่หว่า แกเองก็ระวังให้ดีเถอะไอ้แทน ไอ้พี่วินมันหิวเงินจะตาย ซักวันจะโดนมันหลอกจนหมดตัว!” เอกณรงค์เดินจากไปโดยทิ้งประโยคแปลกๆ ให้แทนคุณรับฟัง หลงเหลือเพียงแค่เขาและมาวินที่ยืนอยู่มุมนี้ ชายหนุ่มผละไปมองคนดิ้นพล่านผลักเขาออก ท้ายสุดอีกฝ่ายใช้กำลังจนร่างเขาเซพิงกำแพง

“โอย นี่!”

ชายหนุ่มยกมือลูบศีรษะที่โขกกับผนังด้วยความเจ็บ อีกอย่างก็อยากจะเอาคืนขณะที่ฝ่ายเมาบ้าง แต่ครั้นจะแตะต้องอะไรมาวินก็เอาแต่ส่ายหน้า บ่นพึมพำไล่ให้เขาออกห่าง วินาทีที่ได้ฟังแทนคุณก็นึกอยากจะทำอย่างนั้นจริง แต่หากทิ้งอีกฝ่ายไว้ด้วยสภาพเช่นนี้ เขาคงเป็นคนรู้จักที่ใจจืดใจดำเกินไป อย่างน้อยมาวินก็เคยดูแลเขาคืนหนึ่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

วินาทีที่หามคนอายุมากกว่าลงนั่งบนเบาะ แทนคุณสัมผัสถึงความกระหายบางอย่างในลมหายใจที่พ่นออกมารดใบหูเขา ยิ่งอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย ดึงรั้งให้เขากอดไว้อย่างแนบแน่นยิ่งย้ำเตือนกับแทนคุณว่า มาวินกำลังเผชิญปัญหาเดียวกันกับวันแรกที่ทั้งคู่ได้พบกัน

ชายหนุ่มครุ่นคิดด้วยความเป็นกังวล เกรงว่าหากพากลับไปบ้านให้เอมมิกาเห็นพี่ชายในสภาพนี้คงไม่ดีแน่

นัยน์ตาคมชำเลืองมองร่างของอีกฝ่ายซึ่งกอดกุมตัวเองแน่น หลังคิดได้ว่าต้องพามาวินไปที่ไหน

บ้านพักที่เขาซื้อทิ้งไว้มิให้ใครรู้แม้แต่แฝดผู้เป็นน้องทั้งคู่ หวังว่าจะปลีกตัวออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพัง ไม่คิดว่าคนที่รู้แหล่งกบดานของเขาคนแรกจะเป็นมาวินเสียได้ ชายหนุ่มพยุงกายคนเมาไปทิ้งตัวนอนบนโซฟากลางบ้าน เดินไปเปิดไฟแล้ววกไปหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ ซึ่งดูเหมือนมาวินจะได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว

“ที่นี่... ที่ไหน”

อีกฝ่ายถามขึ้นพร้อมสางผมยุ่งของตัวเองขยับลุกขึ้นนั่ง มองตามเจ้าของสถานที่เดินมาใกล้ “บ้านผมเอง มานี่... มาเช็ดตัวก่อน...”

“ไม่จำเป็น! เอม! ฉันจะไปหาเอม”

แทนคุณระอาแก่ใจเล็กน้อยยามเห็นอีกฝ่ายสิ้นสภาพ ล้มลุกคลุกคลานจะออกไปหาน้องสาว “นี่คิดจริงๆ หรือว่าเอมมิกาจะภาคภูมิใจที่เห็นพี่ชายตัวเองอยู่ในสภาพนี้น่ะ” ชายหนุ่มย่างสามขุมไปดึงให้กลับมานั่งที่เดิม นัยหนึ่งก็รู้สึกหวิวโหวงกับภาพที่เห็น “มานี่มาวิน...”

“ปล่อย ฉันจะไปหาเอม!”

“ผมจะไปส่งคุณพรุ่งนี้ เอมนอนหลับไปแล้ว...” มือหนากำบ่าสองข้างผู้ฟังแน่นอย่างนึกใส่อารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนเมาไม่ฟังความอะไรทั้งสิ้น

“มันเจ็บนะโว้ย!”

“ก็หัดฟังกันบ้างสิ”

“นายรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร ถ้าอยากจบทุกอย่างก็ควรปล่อยให้ฉันออกไป ไอ้แทน!”

แทนคุณกัดฟันกรอด มาวินถูกวางยาข้อนี้เขาทราบดี และแทนคุณเองก็ทราบว่ามันเป็นอย่างไร แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะระงับอารมณ์ความอยากของตัวเองได้ด้วยการหนีออกไป ชายหนุ่มเบิกตา มองใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายขณะถูกผลักให้ทรุดนั่งลงบนโซฟา รับจูบแบบกะทันหันของเจ้าตัว

ทั้งหักห้ามตัวเอง อดกลั้นไปกับความต้องการ

ดูเหมือนมาวินจะเก็บกลั้นความรู้สึกเก่งอย่างที่เอมมิกาพูด แต่ตอนนี้การเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายค่อยๆ เผยออกมามันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหนือกว่า แทนคุณไม่อาจเล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ แม้ใจจะเต้นโครมครามกับจูบเร่าร้อนของคนที่นั่งอยู่บนตักนำจูบด้วยความอยากรู้ว่าอีกจะทำอย่างไรต่อไป

“นายจะทำอะไรก็ทำซี” คนบนตักบอกขณะกระสับกระส่าย

“ใครบอกว่าผมจะทำ” การได้เห็นมาวินทุรนทุรายทำให้แทนคุณนึกถึงคืนนั้น เพราะความกระหายและอยากได้สมใจ เขาใช้กำลังข่มเหงมาวิน แล้ววันนี้มาวินจะทำอะไรเพื่อให้ได้ดังใจหวัง ชายหนุ่มเบิกตา มองตามร่างสูงโปร่งที่เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากสานต่อ ลุกขึ้นเดินซวนเซก้าวขามุ่งหน้าไปยังประตูแทนการจู่โจมเขา หากทว่าไม่นานก็ล้มลงโครมใหญ่

“จะไปไหน” ชายหนุ่มรีบไปพยุงให้ลุกขึ้น

“แล้วทำไมฉันจะต้องอยู่ที่นี่อย่างที่นายพูด พอกันที ปล่อยโว้ย” แน่แล้ว มาวินยังไม่ลืมประโยคที่เขาพูดด้วยวันนั้นจึงพยายามออกห่าง ชายหนุ่มปรับสีหน้าอยู่ช่วงหนึ่ง มองคนก้มหน้าก้มตาผลักให้ออกจากกัน

“ถ้าออกไปคุณจะเจอกับอะไร หัดคิดบ้างซี”

“ไม่ต้องมาสมเพชหมาไร้น้ำยาอย่างฉันหรอก ฉันรู้ตัวเองดี แกมันไอ้คุณชายผู้สูงส่งที่บังเอิญนอนกับฉันเพราะไม่มีทางเลือก เฮอะ! ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ!”

“โอ๊ย!” แทนคุณส่ายหน้า กระชากพาคนเมาไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งหลังถูกเขกหัวมาที “อยากโดนดีนักใช่ไหมมาวิน ผมบอกให้อยู่เฉยๆ ไง นอนหลับไปแล้วพรุ่งนี้ผมจะไปส่งที่บ้าน!”

“นายก็รู้ว่าฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ แทน”

“ผมรู้น่า ผมรู้ว่าคุณไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก แต่มันช่วยไม่ได้นี่ที่คุณโดนยา คิดว่าจะกลับไปหาน้องสาวทั้งอย่างนี้น่ะหรือ” แทนคุณกดร่างคนเมาให้นั่งลงบนโซฟาข้างกัน

“แทน... นี่มันทรมานนะ” มาวินกอดตัวเองขดไปทั้งตัว มือเกาะกุมมือหนาของผู้ที่ใช้กำลังกดให้เขานั่งตามคำสั่งอย่างไม่รั้นอย่างคราแรก “ถ้านายอยากให้จบฉันก็จะจบ ฉันจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แต่ช่วยทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นได้ไหม”

ชายหนุ่มชะงัก เมื่อร่างสูงโปร่งของคนกล่าวขึ้นมานั่งบนตักเขาอีกครั้ง ไม่ฟังคำตอบ มาวินฉกริมฝีปากเขาไปจูบด้วยความกระหาย ก่อนจะผละถอดเสื้อตนเอง “นายแค่ปล่อยเลยตามเลยไป แค่ครั้งเดียว ฉันจะทำมันเอง นายแค่อยู่เฉยๆ”

คนกล่าวเคลื่อนไปคุกเข่าลงกับพื้น มือสั่นไหวปลดกางเกงแทนคุณ ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะปราม มาวินก็ปรนเปรอให้ด้วยความช่ำชอง วินาทีแรกชายหนุ่มรู้สึกกระดากอาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมาวิน เขากลับรู้สึกผิดมากกว่าที่รังแกอีกฝ่ายให้ทุรนทุรายกระเสือกกระสนถึงเพียงนี้ มือหนาเคลื่อนไปไล้เรือนผมของอีกฝ่าย ได้ยินเสียงไอ สำลักเพราะความรีบร้อน

“พอเถอะ” ชายหนุ่มบอก ทว่าดูเหมือนมาวินจะไม่ยอม

“ไม่ นายแค่อยู่เฉยๆ มองฉัน หรือถ้าไม่ชอบก็หลับตาลงซะ” คนกล่าวส่ายหน้า ช่วยให้เขาตอบสนองก่อนจะครอบปากซ้ำลงให้คนถูกกระทำเครื่องติด ด้วยความเมา ความอารมณ์คุกรุ่นที่มาวินทำ ส่งผลให้เขาตอบรับอย่างไม่ยากเย็นนัก

ความรู้สึกแรกคือแปลกประหลาดหลังสัมผัสมันในยามยังมีสติครบถ้วน และภาพเบื้องหน้า ดูเหมือนคนทำกำลังเจ็บและโหยหาอยู่ในที ประจวบกับร่างกายของเขาเองที่ทวีความรุมร้อนขึ้น ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นเมื่อร่างเปล่าเปลือยคนบนตักอ่อนระทวย ทิ้งกายลงให้ร่างกายเขาจมไปกับความล้ำลึก

มือหนาอยู่ไม่ติดเมื่อได้ฟังเสียงของคนด้านบนชัดแจ้ง ยามเคลื่อนไหวกระทบกับเข็มขัดจนเกิดเสียง

ภาพทุกอย่างมันชัดเจนเสียงยิ่งกว่าชัด ความรู้สึกเดียวกับคืนนั้นแล่นเข้าสู้ร่างหนาจนหน้าท้องหดเกร็งอย่างไม่รู้ตัว แทนคุณหอบหายใจทานอารมณ์ตนเองไม่ไหว มองใบหน้าแดงก่ำของมาวินว่าเป็นเช่นไร อีกฝ่ายกำลังเจ็บหรือสุขสมกันแน่

ให้ตายซี “หยุดทำหน้าแบบนี้นะมาวิน บอกให้หยุด!”

ชายหนุ่มบีบกรามคนบนตักแน่น กระชากลงมามอบจูบให้หลังเห็นว่าอีกฝ่ายช่างสวยงามยามแสดงถึงความเจ็บปวด ดึงดูดให้แทนคุณเผลอไผลลอยละล่องบนท้องฟ้า มารู้ตัวอีกที เป็นฝ่ายเขาเองที่พลิกให้คนด้านบนลงนอนบนโซฟา เป็นเขาเสียเองที่กระทำอีกฝ่ายด้วยความรุนแรง

ชายหนุ่มไม่หลงเหลือความอดทนอดกลั้น บันดาลโทสะไปตามอารมณ์ถี่รัว ทั้งกวาดสายตามองร่างที่นอนอยู่ด้านใต้ มาวินแนบหน้าอิงแอบกับหมอน ภายใต้ความรู้สึกบิดเบี้ยวที่ยังไม่สามารถแยกแยะระหว่างความกลัวและความสุขสมได้ ชัดแจ้งจนแทนคุณจำได้ทุกรายละเอียด

“ทะ แทน! เดี๋ยว...”

ดูเหมือนอีกฝ่ายเสียงจะแหบ

“หยุดไม่ได้หรอก คุณยั่วผมเอง!” ร่างหนาทรุดกายไปแนบ ฟังเสียงร่ำไห้หวานหูและท่าทางยั่วยวนต่อหน้าเสริมความกระสันในกายขึ้นเท่าตัว ความดิบเถื่อนในกายพลุ่งพล่านไม่เหลือสติขณะปลดปล่อยความสุขสมเต็มความอยาก

ไม่มีคำพูดใดนอกจากริมฝีปากที่แนบจูบกัน และเป็นฝ่ายแทนคุณเสียเองที่เครื่องยังติดไม่ยอมดับลงไปง่าย ๆ

ชายหนุ่มเป็นผู้ชาย ความอยากดิบเถื่อนแบบผู้ชายก็ไม่จางหายไปจากความคิดช่วงเวลานั้น ตลอดทั้งคืนมาวินยังวอแวไม่ยอมหลับเพราะอยากกลับบ้าน และแทนคุณก็สนองความอยากเฉกเช่นสัตว์ป่าของตนเองอย่างเต็มอิ่ม ตักตวงจนพอใจ จากรู้สึกกระดากรังเกียจ กลายเป็นแก้วน้ำที่เติมอย่างไรก็ไม่มีวันเต็มเสียแล้ว

ชายหนุ่มให้ในสิ่งที่มาวินต้องการ และสนองความใคร่ตนเองอย่างอิ่มหนำสำราญไม่ห่างหาย

ลืมในสิ่งที่ได้พูดจาร้ายกาจกับมาวินก่อนหน้าไปเสียสนิท

 



---------------------------------------------------------



มาอัพแล้วค่ะ

คือรีบอัพ เพราะหลังจากนี้จะมีเรื่องราวเกิดขึ้นให้ทุกคนติดตาม

ฉากสุดท้ายนี่ ไม่รู้ว่าแรงไปไหมนะ แต่พยายามไม่ทำให้มันประเจิดประเจ้อเกินไป

งั้นเดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: 4-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 04-10-2016 15:54:16
ต่างคนก็ต่างเหตุผลเน้อ ทำความเข้าใจกันให้ได้น้า
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-10-2016 09:59:41




ตอนที่ ๕

แสงสีขาวของดวงอาทิตย์ทอดลาดผ่านผ้าม่านสว่างก่อให้คนที่นอนกลับรู้สึกแสบตาจนต้องพลิกตัวหันไปอีกฝั่ง หากทว่าเพียงไม่นานกับความสบายบนเตียง ชายหนุ่มควานหาอะไรสักอย่างที่อยู่ข้างกาย กลับไปไม่พบ ทั้งที่เขานอนกอดไว้อยู่ทั้งคืน แทนคุณชะโงกหัวขึ้นจากหมอนกลับไปยังอีกฝั่งด้วยความใคร่รู้ พบเพียงความว่างเปล่าภายใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่

ร่างหนาลุกขึ้นนั่งบนโซฟาเบ้ดกวาดมองรอบกาย เมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันและจำได้ชัดแจ่มแจ้งว่ามาวินมอบอะไรไว้ให้บ้าง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เดินรอบบ้านตามหาด้วยคิดว่าอีกฝ่ายกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง

น่าแปลก ที่นี่ไม่มีร่องรอยของอีกฝ่ายเลย ทำราวกับมาวินตื่นมาและจากไปเสียเฉยๆ

ชายหนุ่มทรุดกายนั่งบนโซฟาเช่นเดิม หรือมาวินจะเอาคืนเขา หนีไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเหมือนวันนั้น

แทนคุณรีบหันไปค้นหากระเป๋าสตางค์ พบว่ามันยังอยู่ดีไม่มีอะไรหายไป ความรู้สึกแรกราวกับถูกใครสักคนทรยศหักหลัง ร่างสูงเดินวนรอบบ้านมองโทรศัพท์ของตนเอง คิดว่าอีกฝ่ายคงไปหาเอมมิกาที่บ้าน เพราะมาวินดูห่วงใยน้องสาวเหลือเกินแม้จะเมาไม่ได้สติ เขาควรโทรไปถามมาวินไหมว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า หากทว่าความคิดหนึ่งก็แทรกขึ้นมาในหัว

เขาควรจบมันไปได้หรือยัง

เมื่อคืนก็แค่เรื่องสุดวิสัยเท่านั้น

มือหนาวางมือถือลงบนโต๊ะ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปทำงานและเลิกคิดถึงเรื่องอื่น แต่เอาเข้าจริง แทนคุณกลับไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับงานของตนเอง เมื่อทราบว่าเอมมิกาไม่ได้มาโรงเรียน ชายหนุ่มก้มลงจ้องโทรศัพท์อีกครั้ง พร้อมกับภาพมาวินขยับมาซุกกายกอดเข้าแทรกเข้ามาในความคิด

ไม่รู้นานเท่าไรที่แทนคุณออกคำสั่งตัวเอง แต่ชายหนุ่มก็กดโทรออกไปในที่สุด ความชื่นใจมลายหายไปสิ้นเมื่อท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่สามารถติดต่อมาวินได้

หนที่สองที่มีเซ็กส์กัน มาวินคงแขยงเขาไปอีกนาน

มันไม่ได้แย่สำหรับแทนคุณนัก แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อมาวินมาโดยตลอดมันแย่ยิ่งกว่า



หนึ่งสัปดาห์แล้วที่ติดต่อมาวินไม่ได้ และเอมมิกาก็ไม่มาโรงเรียนด้วย คำถามที่แล่นวนในศีรษะชายหนุ่มตอนนี้คือเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่ ระหว่างที่มาวินหายไป ชายหนุ่มตระหนักต่อใจตนเองได้แล้วว่าฝ่ายเขาต่างหากที่ผิด เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะขอโทษมาวินเสียด้วยซ้ำกับเรื่องเกิดขึ้น

“ถ้านายอยากจบฉันก็จะจบ ฉันจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก”

รถยนต์คันหรูแล่นไปจอดหน้ารั้วสีฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเจ้าของของมันจะชะโงกมองออกไปยังประตูบ้าน เห็นว่าปิดสนิทและถูกล็อคจากด้านนอกทิ้งไว้ ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ทุกอย่างสายไปหมดแล้วกับสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจไป เพราะอะไรต่อมิอะไรทำให้มันช้าไปหมด เขาควรมาหามาวินตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายออกจากบ้านเขาโดยไม่บอกไม่กล่าว ควรพูดคุยกับมาวินว่าจะเอาอย่างไรแน่

แทนคุณถามตนเอง ว่าตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่าจะเอาอย่างไร

ในเมื่อตนเองไม่ใช่เกย์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเซ็กส์กับมาวินนั้นเขาได้รับความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หรือเขาเป็นเกย์...

ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน แทนคุณส่ายหน้าก่อนบังคับยานพาหนะแสนแพงของตนเองเคลื่อนบนท้องถนน ปัดความคิดเกี่ยวกับมาวินออกไปเสียให้หมด ทุกอย่างมันจบลงไปแล้วตั้งแต่มาวินหนีออกมาโดยไม่บอกเขาสักคำ...

 

เสียงรถราหลังจากเปิดประตูรถคืออันดับแรกที่สัมผัสได้ หลังจากนั้นชายหนุ่มยกมือขึ้นป้องแสงแดดมิให้สาดเข้ามาแยงตา ปล่อยให้แท็กซี่ด้านหลังเคลื่อนออกไปพร้อมที่ชายหนุ่มเปิดประตูรั้วจ้ำอ้าวเดินเข้าร่มภายในบ้านอย่างเร็วรี่หลบความอบอ้าว ขณะพยายามหาลูกกุญแจไขประตู ชายหนุ่มปรายตายิ้มให้คุณนายข้างบ้านอยู่ครู่หนึ่งยามเห็นนางส่งไมตรีมา

เกือบสองอาทิตย์ที่เขาไม่อยู่เพราะเรื่องฉุกละหุกที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมา เรื่องราวความเคลื่อนไหวจะถูกบอกจากเพื่อนบ้านเสมอหากมีใครหรืออะไรเกิดขึ้นยามเขาไม่อยู่

“หนูเอมเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” นางร้องถามขณะรดน้ำต้นไม้ มองลอดรั้วสูงโปร่งด้วยเหล็กดัดเข้ามาด้านใน

“ดีขึ้นแล้วครับป้า”

“เอ้อ ช่วงที่วินไม่อยู่ มีคนมาป้วนเปี้ยนแปลกๆ ที่บ้านด้วยล่ะ”

“ท่าทางอย่างไรหรือครับ เผื่อเป็นคนที่ผมรู้จัก” มาวินย้อนขณะเปิดประตูบ้านออกให้ลมพัดเข้า อีกประสาทสัมผัสหนึ่งก็เงี่ยหูฟังได้ความว่า

“ตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้วนะ เห็นว่าเป็นรถนอกราคาแพงเชียวแหละ ป้าไม่เคยเห็นมาที่บ้านวินสักที นี่ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนมาใช่ไหม หืม...”

สิ้นคำนาง มาวินยกมุมปากยิ้มแก้เก้อด้วยเพราะไม่อาจเอ่ยคำไหนมาอธิบายหรือโกหก คงเพราะในใจคิดถึงสิ่งที่ทำไว้  นั่นมันแทบล้นปรี่ออกมาจากสีหน้าให้คนมองแทบจะเดาได้ หนึ่งในนั้นคือแทนคุณ คนที่เขารู้สึกว่าควรก้าวออกมาอย่างเร็วรี่

“ผมไม่รู้จักคนรวยๆ แบบนั้นหรอก เขาอาจบังเอิญมาจอดหน้าบ้านผมก็ได้”

“งั้นหรือ แล้วเมื่อไรเอมจะออกจากโรงพยาบาลล่ะ”

คนฟังรู้สึกดีใจเมื่อนางเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม กระตือรือร้นที่จะตอบ “อีกไม่กี่วันครับ หมออยากให้น้องมีแรงกว่านี้ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก”

“โล่งใจจริง คุณพระคุ้มครอง ไว้คราวหลังป้าจะทำของไปเยี่ยมนะ”

“ขอบคุณครับป้า” ครั้นกล่าวทักทายกันจบ มาวินพ่นลมหายใจเดินขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าผลัดเสื้อผ้า คงเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเฝ้าไข้น้องสาวมาตลอด ไม่นาน หลังพยายามปัดความคิดของตัวเองให้หลุดจากหลุมดำอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มกลับตกอยู่ในภวังค์แห่งการหลับใหลทดแทน

เหตุใดเรื่องแบบนี้จึงเกิดกับเขา

หลังจากคืนนั้นมาวินไม่มีโอกาสอธิบายว่าเหตุใดจึงจากมาอย่างไม่บอกกล่าวกับแทนคุณ คงเพราะประการแรก เขาไม่อยากเอาตัวเองไปพัวพันกับแทนคุณ หมอนั่นดูเหมือนจะเป็นคนดีแต่ไม่ใช่ ประการที่สอง ชายหนุ่มผิดหวังเล็กน้อยที่แทนคุณเผลอไผลให้เซ็กส์ระหว่างทั้งคู่เกิดเป็นรอบที่สอง ทำให้มาวินทราบว่าอีกฝ่ายไม่อาจยับยั้งความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้

และประการที่สาม แน่นอนว่าแทนคุณไม่ใช่เกย์ แต่ทว่าหมอนั่นกลับกล้าใช้เขาเป็นสิ่งของบำเรอความใคร่โดยปราศจากความรู้สึกใดๆ เจือปน คนประเภทนี้ไม่ใช่คนน่าไว้ใจเท่าใดนัก

แทนคุณกระด้าง เย็นชาและกระทำหยาบคายภายใต้ความสมบูรณ์แบบที่เห็น

นั่นทำให้มาวินรู้สึกถึงความอันตรายหากยังยุ่งกับหมอนี่ต่อไป รับรองว่าหมอนี่ต้องเลวกว่าที่เขาเห็น

“ฉันบอกให้อยู่นิ่งๆ ไง...”

“ปล่อย...”

“เป็นคนขอเองนี่ ก็ทำให้อยู่นี่ไง...”


เสียงหอบเหนื่อยของคนบนร่างอยู่ไม่ห่างจากใบหูมาวินนัก  เขารู้สึกอึดอัด... ชายหนุ่มพยายามถอนลมหายใจเต็มปอด เบี่ยงกายพลิกตะแคงมายกมือกุมศีรษะด้วยความปวดหนึบ เกลียดภาพป่าเถื่อนในสมองยามตามหลอกหลอนถึงความฝัน มาวินยกศีรษะขึ้นมองหน้าต่าง ค่ำแล้ว ทั้งที่เขาไม่ทันได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน อาจเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยทำให้ชายหนุ่มหลับยาวจนถึงตอนนี้

ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นจากเตียง ความวิงเวียนยังไม่จางหายไปจากสมองยามนี้ หากได้ไปอาบน้ำร่างกายคงสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก คิดแล้วมาวินก็ลุกไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่า เพราะเป็นบ้านหลังเล็กและทำด้วยไม้ ห้องน้ำจึงอยู่ด้านล่าง ชายหนุ่มถอดเสื้อและย่างเท้าลงไปอย่างเร็วรี่

ตอนนี้น้าอร มารดาของน้องสาวกับคนที่บ้านนอกช่วยเฝ้าไข้แทนเขาแล้ว มาวินไม่ห่วงเมื่อเห็นรอยยิ้มของเอมมิกาหลังฟื้นไข้

เอมมิกาเป็นลูกคนละแม่กับเขา หลังจากมารดาของมาวินเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแล้วนั้น บิดาของเขาก็มีภรรยาใหม่คือน้าอร ผู้ให้กำเนิดน้องสาวที่น่ารักแก่เขา แต่เพราะความไม่พอของผู้เป็นบิดาและความเป็นคนดีของน้าอร ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบของเอมมิกาพังทลาย บิดามีภรรยาน้อย น้าอรระทมใจหนีกลับไปอยู่บ้าน ปล่อยให้เมียน้อยคอยรังแกเอมมิกา

มาวินถึงขั้นมีปากมีเสียงกับบิดาเพราะน้องสาวยังเด็ก ถูกแม่เลี้ยงรังแก เขาอยากให้เอมมิกากลับไปอยู่กับน้าอรหากทว่าผู้เป็นบิดาไม่ยอม บังคับให้แค่ไปมาหาสู่กันได้ก็เพียงพอแล้วหากอยากให้ส่งเสียเลี้ยงดู เพราะน้าอรไม่มีเงิน ซ้ำตอนนั้นเสียใจจนเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ มาวินจึงแตกหักกับบิดาตั้งแต่นั้น ขออาสารับน้องสาวมาส่งเสียเอง และจะส่งเงินไปให้น้าอรผู้เลี้ยงดูเขาทุกเดือนด้วยความกตัญญูรู้คุณ นางให้ความรักแก่เขาอย่างที่บิดาไม่มีวันจะให้ได้

นั่นเป็นเหตุให้มาวินรักเอมมิกาเหลือเกิน น้าอรฝากความหวังไว้แก่เขา

แน่นอนว่าชายไร้น้ำยาการศึกษาต่ำอย่างเขาจะทำอะไรได้ สามปีที่ส่งน้องสาวเรียนเพื่อไม่ให้น้อยหน้าใคร มาวินไม่ต่างจากหมาอย่างที่เอกณรงค์นิยามเท่าใดนัก

เขาเครียด เขาเหน็ดเหนื่อย แต่จำต้องคลี่ยิ้มกว้างให้เอมมิกาเห็น ให้เธอไม่ลำบากใจยามเห็นเขาผิดหวังและเสียใจ ตอนนี้มาวินยังหาทางออกให้ตนเองไม่ได้ อันดับแรกค่ารักษาพยาบาลที่จะต้องจ่าย ชายหนุ่มจัดแจงสวมเสื้อผ้าเตรียมออกไปข้างนอกหลังอาบน้ำเสร็จ หวังว่ามันจะผ่อนคลายลงไปบ้างเมื่อไปที่ใดที่หนึ่ง พูดคุย ยิ้มแย้ม ปรับทุกข์ให้อีกฝ่ายฟัง

หากทว่ามาวินไม่รู้จะพูดคุยกับใครเมื่อมาถึง ชายหนุ่มลงมองแก้วเหล้าในมือขณะผู้อื่นกำลังสนุกสนาน ที่นี่สถานบันเทิง เขาควรเล่าให้ใครฟังงั้นหรือในเมื่อทุกคนมาที่นี่เพื่อความสนุก ชายหนุ่มกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์อีกครั้งและสั่งเหล้าเพิ่ม หันมองยามแสงโลดเล่นตามจังหวะและผู้คนสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน

วินาทีหนึ่งก็นึกหัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมา ยามนึกที่จะย้อนกลับไปหาเอกณรงค์ รู้สึกขันกับความหน้าไม่อายของตัวเองเสียเหลือเกินที่จะกลับไปทำอย่างนั้น

“คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ น่าเคร่งเชียว ดูเหมือนคุณอยากให้ใครสักคนฟังสิ่งที่คุณพูดนะ”

มาวินหันไปมองคนถาม นึกแปลกใจว่าอีกฝ่ายมานั่งข้างเขาตั้งแต่เมื่อไร ชายหนุ่มปรับสีหน้าตนเองอยู่ครู่หนึ่งระบายยิ้ม “มันคงไม่สนุกนะถ้าผมเล่าให้คุณฟัง”

“ไม่เป็นไร ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว ผมเดาถูกไหมครับคุณ” 

คนกล่าวพยักหน้าพร้อมกับยกยิ้มให้ ชายหนุ่มผู้นี้น่าจะอ่อนกว่าเขาสักสองสามปี สวมเสื้อผ้าทันสมัย ดูภูมิฐาน มีรสนิยมในด้านการแต่งตัวจนหญิงสาวทุกคนเหลียวมองด้านนี้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้มาวินนึกลิงโลดอะไร อาจเพราะเขาเจอคนแบบนี้มามากแล้วกระมัง

“ไม่ดีกว่า ผมอยากเลิกเอาความทุกข์ของตัวเองไปให้คนอื่นแบกรับเสียที”

“งั้นคุณช่วยฟังผมระบายทีได้ไหม ผมต้องการทำในสิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ ผมอยากให้มันหายไป”

“คุณดูไม่เหมือนคนกลุ้มใจสักนิดเลยนะ”

“ไม่... อย่าตัดสินเพียงเพราะเห็นผมยิ้มซีคุณ ตอนนี้ผมอยากจะร้องไห้เต็มทน”

“ดูพูดเข้า”

มาวินหลุดหัวเราะยามอีกฝ่ายหันมาจ้องตาพูดความในใจ นั่นอาจเป็นความประสงค์ของชายแปลกหน้าคนนี้จริงๆ ก็ได้ อีกฝ่ายเพียงยกมือเท้าคางมองมาด้านนี้ยามยกแก้วขึ้นดื่ม ก่อนจะอธิบายให้มาวินได้ฟังว่า “ผมเบื่อปัญหาตอนนี้จนแทบจะบ้า ผมอยากให้ใครสักคนเข้าใจความรู้สึกของคนที่แบกรับความหวังคนอื่นไว้กับตัว มันท้อไม่ได้ มันหยุดไม่ได้ แม้ว่าเราจะรู้สึกเหนื่อยขนาดไหน”

“นี่...” มาวินหันไปมองคนข้างกาย “ผมว่าแทนที่เราจะพูดถึงเรื่องแย่ๆ เราเปลี่ยนมาพูดเรื่องที่เรามีความสุขไหม”

อีกคนก้มลงมองแก้วในมือชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตา

“ผมชอบตอนที่คุณยิ้ม...”

“หืม อะไรของคุณ...” คนฟังเลิกคิ้วฉงน มองนัยน์ตาคนกล่าวขณะหันมาจ้องตากัน อาจเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าทำให้มาวินเห็นว่าเขาคนนี้เพ่งมองเขาอยู่ กระทั่งอีกฝ่ายได้เฉลยเกี่ยวกับสิ่งที่พูดด้วยหน้าตาเฉยนั้น

“ก็คุณบอกให้ผมพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เรามีความสุขไม่ใช่หรือ”

“อ้อ...” มาวินยิ้มอีกครั้ง “ผมก็ชอบตอนที่คุณยิ้มเหมือนกัน”

“ผมไม่ได้แกล้งพูดนะ”

“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมแกล้งพูดเล่า” มาวินยักไหล่

“อา คุณนี่มันเหมือนเด็กชะมัดเลย ผมพูดเรื่องจริงนะ แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองตอนนี้น่ามองซักเท่าไรหรอก” ชายผู้แปลกหน้าส่ายศีรษะก่อนจะยกแก้วดื่มแก้ขัด ยามเห็นรอยยิ้มกริ่มของคนที่ตนชมมองมา

“ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันน่ามอง ไม่ได้ชมว่าคุณหล่อด้วย ผมเพียงแค่บอกว่าผมชอบเท่านั้นเองนะ”

คนฟังหันขวับมาหลุดหัวเราะ “ให้ตายซี!”

“ผมล้อเล่นน่ะ... คุณนี่แกล้งสนุกชะมัด”

ชายหนุ่มตบบ่าอีกฝ่ายเปาะๆ กระเซ้าอยู่ในที ยามเห็นรอยยิ้มอีกฝ่ายมองเขากลับมา หากแม้นว่าอีกฝ่ายจะเด็กกว่ามาวิน ทว่าดูเหมือนสายตานั้นกำลังมองมาที่เขาเสมือนมองลูกชาย น้องชาย หรือคนสนิทกำลังสนุกสนาน มองด้วยความสนิทใจและรักใคร่เอ็นดู

มาวินลืมไปแล้วว่าใครใช้สายตานี้มองเขา บังเอิญว่าเขาก็ชอบเสียด้วย มันทำให้ชายหนุ่มเชื่อใจ

นานเท่าไรไม่รู้ที่ทั้งคู่พูดคุยกัน ดูเหมือนอีกฝ่ายแค่ตั้งใจเข้ามาทำให้มาวินคลายความกังวลใจไปเท่านั้น

“นี่ เกรงว่าผมจะต้องไปแล้วนะ แล้วเจอกัน...” อีกฝ่ายยื่นมือมาจับ แต่แค่สัมผัสทักทายกันธรรมดามาวินคงไม่ตกใจเท่านี้ เมื่อร่างสูงของอีกฝ่ายดึงเขาเข้าไปหอมจนได้ยินเสียงลมหายใจ ก่อนเจ้าตัวจะผละมาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“อย่าลืมที่จะยิ้มให้ผมนะ”

มาวินเบิกตา “อะไรนะ”

“ไว้เจอกันวันหลังนะวิ...”

“พี่วิน!”

ไม่ทันจะได้ถามไถ่ เสียงใครสักคนตะโกนเรียกผ่านเสียงเพลงสอดแทรกเข้ามาเสียก่อน ชายหนุ่มจึงหันไปด้วยใคร่จะทราบว่าเป็นใคร ครั้นเห็นว่าเป็นนพพล ชายหนุ่มจะละสายตามาหาอีกคน หากทว่าชายที่สนทนากับเขาก่อนหน้าหายไปเสียแล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายรีบมากจริงๆ รีบเสียจนไม่บอกว่าตนเองชื่ออะไร

แต่ดูเหมือนทางนั้นจะรู้ชื่อเขา แน่แหละ เขาคนนั้นกำลังจะเอ่ยชื่อเขาไม่ผิดแน่

“พี่ ทำไมไม่รั้งเขาไว้ก่อน โห... นานๆ จะได้เจอกันที”

“อะไร” ชายหนุ่มมองนพพลขณะควงสาวคนหนึ่งด้วยความสงสัย

“เอ้า ก็พี่กายไงครับ เมื่อกี้พี่คุยกับพี่กายอยู่ไม่ใช่หรือ”

“เขาชื่อกายหรือ นายรู้จักทุกคนเลยแฮะ” มาวินย้อน

“ระดับพี่กายใครไม่รู้จักนี่เชยมากในรุ่นผม พี่รู้ไหม... ถ้าพี่แทนคือท็อปของรุ่น พี่กายก็คือท็อปในตำนานของโรงเรียน พี่แทนมีเท่าไรมีกายมีมากกว่าสองเท่าน่ะ”

มาวินนิ่ง แล้วคนอย่างกายผู้เพียบพร้อมคนนั้นจะมาคุยกับเขาทำไม ยิ่งเป็นคนจากโรงเรียนผู้ดีอันเป็นศูนย์รวมคนร่ำรวยแล้ว มาวินยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนที่พูดกับเขาคือคนเดียวกัน

คุณกายที่พูดคุยกับเขาดูเป็นคนธรรมดา สนุกสนาน และดูดี ไม่แปลกประหลาดเหมือนนพพลผู้รอบรู้ไปเสียทุกอย่าง และไม่เห็นแก่ตัวเหมือนแทนคุณด้วย

“ฉันว่านายอาจจำคนผิด เขาแค่หน้าคล้ายก็เท่านั้นแหละ”

“ผมก็คิดอย่างนั้นแหละ คิดๆ ดูแล้วเขาจะมารู้จักพี่วินได้ยังไง ขนาดพวกเราพี่เขายังเลือกคบเลย โดยเฉพาะพี่น่ะที่เป็นคนของพี่แทน คนแบบพี่กายยิ่งไม่เหลียวมองไปกันใหญ่” นพพลยักไหล่ ยามเห็นสายตาอยากรู้ของมาวินเมื่อหลุดเปรยเรื่องนี้ขึ้นมา

“แกหมายถึงอะไร”

คนฟังเบี่ยงสายตาหลบไปช่วงหนึ่ง ราวกับกำลังต่อว่าตนเองที่เผลอปากพล่อยพูดออกมา “เอ่อ... พวกเขาไม่ค่อยถูกกันน่ะ สองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ไม่ใช่! ใครบอกแกว่าฉันเป็นคนของแทน” มาวินมุ่นคิ้ว

“เอ้า ก็วันนั้นเขาเห็นกันทั้งบางว่าพี่กับพี่แทนออกไปด้วยกัน แล้วพี่ก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าพี่กับพี่แทนเป็นอะไรกัน กับพี่เอกน่ะ”

ได้ฟังแล้วมาวินลมออกหูยามนึกถึงเอกณรงค์ วันนั้นเพราะหมอนั่นเป็นต้นเหตุจึงทำให้เขาถูกวางยาจนไปจบบนเตียงกับแทนคุณ ทำให้เรื่องราวต่างลุกลามใหญ่โตกู่ไม่กลับ ชายหนุ่มเดินย่ำเท้าออกมาด้านนอกด้วยความเสียอารมณ์ บอกตัวเองให้หยุด ผ่อนปรนให้ความโมโหลดลงกว่านี้ก่อนจะไปหาเรื่องใครเข้า

ไอ้เลวเอก! จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม!



------------------------------------------------------

เจอกันตอนหน้าค่ะ

อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจหนูนาด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 05-10-2016 13:31:31
เป็นกำลังใจให้ครับ เล่าเรื่องได้ลื่นดี แต่เริ่มติดขัดนิสัยนายเอก ว่าจะดีหรือจะชั่วกันแน่มันยังไม่ชัด จะจับพระเอกแต่ก็กั๊กแปลกๆ ติดตามอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-10-2016 14:36:57
เป็นกำลังใจให้ครับ เล่าเรื่องได้ลื่นดี แต่เริ่มติดขัดนิสัยนายเอก ว่าจะดีหรือจะชั่วกันแน่มันยังไม่ชัด จะจับพระเอกแต่ก็กั๊กแปลกๆ ติดตามอยู่นะครับ
ขอบคุณจ้า นิยายเรื่องนี้ตัวละครไม่ดีไม่เลวจ้า
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 05-10-2016 21:26:56
สนุกอะ. ติดตามๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-10-2016 22:01:33
สนุกอะ. ติดตามๆๆ :hao7:
ขอบคุณจ้า จะรีบอีพน้า
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-10-2016 10:39:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 06-10-2016 13:46:59
:pig4: :pig4: :pig4:
ยินดีจ้า
หัวข้อ: Re: 5-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 06-10-2016 13:49:51


ตอนที่ ๖

ให้ตายซี แล้วอย่างนี้ระหว่างเขากับแทนคุณจะจบลงไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าหมอนั่นได้ยินข่าวจากความปากพล่อยของเขาไปแล้วหรอกนะ มาวินครุ่นคิดทั้งถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม เดินวนอยู่แถวลานจอดรถอยู่เช่นนั้นกว่าสิบนาทีราวกับหาทางออกไม่ได้

“มาวิน...”

ชายหนุ่มชะงัก เหลือบไปเห็นร่างหนาเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มผู้เอ่ยนามเขา เป็นกาย การุณ ส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ขณะเคลื่อนรถมาเทียบใกล้ ระยะนี้ให้ชายหนุ่มเห็นชัดแจ้งถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของอีกฝ่ายได้ถนัดตา ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ที่นั่ง ทว่าอีกนัยหนึ่งก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายเข้าหาเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีแน่

นพพลบอกว่าคุณกายคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแทนคุณมานานแล้ว แต่ไม่รู้จนถึงขั้นเป็นอริกันไหม

ชายหนุ่มปรับสีหน้า “คุณยังไม่กลับหรือ เห็นว่ารีบ...”

“พอดีผมเห็นคนรู้จักก็เลยแยกตัวออกมาก่อน ไม่อยากมีปัญหา”

ดูเหมือนที่มาวินคิดจะซับซ้อนเกินไป “นพพลน่ะหรือครับ”

“ใช่... มีบางเรื่องที่ผมไม่อยากพูดกับมัน ก็เลยเลือกที่จะไม่เผชิญหน้าจะดีกว่า แล้วนี่คุณกำลังจะกลับหรือ ขึ้นมาสิ ผมจะไปส่ง...” การุณเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกันกับผู้ฟังซึ่งเงยขึ้นจ้องตาหาความหมายว่าแท้จริงแล้วคนเชิญชวนต้องการอะไร ชายหนุ่มคลี่ยิ้มทั้งส่ายหน้าตอบ

“มะ ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”

“ไม่ได้”

“เอ่อ...” ท้ายที่สุดแล้ว มาวินยังไม่ทราบความต้องการจริงแท้ของอีกฝ่ายนัก แต่เพราะเขาเป็นผู้ชาย ไม่มีความเสียหายอะไรที่จะต้องระหวาดระแวงปานนั้น ชายหนุ่มเพียงแต่คลี่ยิ้ม มองตามชายผู้อยู่บนรถลุกมาดุนหลังเขานั่งเบาะข้างกัน

“ผมไม่ใช่พวกไม่น่าไว้ใจหรอกน่า อย่าปฏิเสธเลย”

“ผมไม่ได้คิดกับคุณแง่นั้นสักหน่อย”

“ดูตาก็รู้แล้ว...ลำบากใจใช่ไหมล่ะ” มาวินพูดไม่ออกเมื่อเห็นรอยยิ้มหลังประโยคนี้ของอีกฝ่าย หรือเขาคนนี้จะแฝงเร้นไปด้วยความเลวอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้อยู่

ถึงจะคิดไปไกล หากทว่าภายในยานพาหนะกลับเงียบเชียบไม่มีเสียงพูดคุยกัน นอกเสียจากฝ่ายการุณเองที่หันมาเหลือบมองเขาอยู่บ่อยครั้ง มาวินหันไประบายยิ้มเล็กน้อยแก้เก้ออยู่ในที ขณะชี้นิ้วบอกทางกลับบ้าน และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ตั้งอกตั้งใจที่จะมาส่งเขาจริงอย่างที่พูดด้วย มีเพียงฝ่ายมาวินเท่านั้นที่ยังรู้สึกค้างคาหากไม่ได้รู้

“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”

ท้ายที่สุดก็ยอมเอ่ยฝ่าความเงียบ เพราะไม่นานจะถึงที่หมาย มาวินไม่อยากเสียเวลาเปล่า ชายหนุ่มหันไปสบตากับการุณที่สบมองด้วยแววสงสัย

“มีอะไรหรือ ดูท่าคุณคงอึดอัดใจน่าดู”

“เปล่าหรอกครับ แต่ตอนที่ไอ้พลมันเห็นคุณ...”

“เขาเล่าอะไรให้ฟังล่ะ ท่าทางคุณเลยดูแปลกไปขนาดนี้” การุณย้อน

“ไม่ได้เล่าอะไรหรอกครับ แล้วผมก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีด้วย ผมแค่แปลกใจว่าคุณ...ไม่ถูกกับแทนจริงหรือเปล่า แล้วที่เข้าหาผมเพราะอะไรกันแน่”

“อย่าตัดสินผมเพราะฟังจากปากคนอื่นสิ ผมกับแทนไม่ได้เกลียดกันหรือทะเลาะอะไรกันร้ายแรงอย่างที่คนอื่นเขาพยายามเต้าข่าวสักหน่อย ส่วนตัวผมไม่มีอะไรกับหมอนั่นหรอก ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เรื่องของเรื่องคือแค่เขาเกลียดผม ที่ผมคบต่อแฟนจากเขาเท่านั้นเอง ดูเหมือนเขาอยากจะคืนดีแต่เธอปฏิเสธเพราะมาคบกับผมแล้ว”

“โอ้...ดราม่าจัง” มาวินพยักหน้าหงึกอย่างเข้าใจ

“แล้วที่ผมเข้าหาคุณ ยอมรับนะว่าแปลกใจที่หมอนั่นเปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้ชาย ก็แค่อยากรู้ว่าคุณเป็นคนยังไงถึงทำให้ทุกคนพูดถึงได้ขนาดนี้”

“อะไรนะครับ” ทุกคนพูดถึงอย่างนั้นหรือ มาวินรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นเต็มหลัง หลังจากรถยนต์คันงามของการุณเคลื่อนมาจอดริมรั้วหน้าบ้าน พร้อมหันมาระบายยิ้มถามอีกว่า “บ้านไม้รั้วสีฟ้า หลังนี้ใช่ไหมครับ”

“อะ...ใช่ครับ”

ชายหนุ่มกลืนคำถามมากมายของตัวเองผละสายตามองบ้าน นึกแปลกใจที่ด้านในมีแสงไฟเปิดทิ้งไว้ แต่เพราะสติสตังของเขากระเจิดกระเจิงไปแล้ว ตั้งแต่รับรู้ว่าข่าวของเขากระจายไปเร็วไวด้วยฝีปากของเอกณรงค์และนพพลนั้น มาวินรู้สึกเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ เขาจะต้องตายแน่ เพราะไม่ว่าจะพยายามถีบตัวเองหนีจากแทนคุณอย่างไร ทุกอย่างกลับมัดแน่นขึ้นไปอีกเท่าตัว

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนซวนเซข้างรถ กระทั่งการุณลุกออกมาช่วยพยุง แม้จะดื่มมาเยอะ หากมิใช่เพราะฤทธิ์ของสุราที่ดื่มแน่ แต่เพราะปัญหาที่รุมเร้าเขาทุกทางมากกว่า และทุกอย่างดูเหมือนจะดีแล้ว หากทว่าทั้งคู่ไม่เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังเปิดประตูรั้วบ้านเดินออกมา คนที่มาวินพยายามปัดทิ้งออกไปจากความทรงจำ

“อ้าว นึกว่าใคร รุ่นน้องโรงเรียนเก่านี่เอง...”

แทนคุณ

มาวินมองร่างตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดหมอนี่จึงออกมาจากบ้านพักของเขา ทั้งที่ไม่ได้พบหน้ากันร่วมสองอาทิตย์ เขาคิดว่าต่างคนต่างอยู่กันไปเรียบร้อยแล้วแท้ๆ ชายหนุ่มตัวชาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในความเงียบ ทำเพียงหันมองการุณอยู่ครู่หนึ่งสลับกับแทนคุณในความมึนงง

“ผมว่าเขาอยากคุยกับคุณนะ นี่ก็ถึงบ้านคุณแล้ว ผมว่าผมควรกลับไปจะดีกว่า”

มาวินอึกอัก “เอ่อ...”

“คุณก็รู้ แทนเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แล้วยิ่งเห็นผมอยู่กับคนของเขาด้วยแล้ว ผมไม่อยากพลอยทำให้คุณลำบากไปด้วย”

“ไม่ใช่...”

มาวินอยากตะโกนให้เต็มปากเต็มคำว่าเขากับแทนคุณไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเพราะความปากดีของเขาทั้งสิ้น นอกเสียจากมีเซ็กส์อย่างไม่ได้ตั้งใจถึงสองครั้ง มาวินและแทนคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรลึกซึ้งกันทั้งนั้น แต่พอเอาเข้าจริง ชายหนุ่มพูดไม่ออกเมื่อเห็นแววตาอันประกอบไปด้วยคำถามมากมายของการุณ ทำได้เพียงก้มลงพยักหน้ารับ

ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างนี้มันก็ดีแล้วนี่ นี่มันหนูตกถึงข้าวสารชัดๆ

“ขอบคุณที่มาส่ง ไว้เจอกันวันหลังนะครับ” มาวินทำได้เพียงพูดคำพวกนี้ มองการุณยิ้มรับ ก่อนร่างสูงของผู้มาส่งจะเดินวนไปนั่งบนเบาะ บังคับรถยนต์คันงามเคลื่อนออกจากหน้าบ้านไป

มาวินระบายยิ้มขณะโบกมือลา ไม่สนฝีเท้าของคนด้านหลังที่เดินมาหยุดขนาบข้างภายใต้ความสลัว แม้ภายในศีรษะอยากจะไต่ถามความเป็นจริงก็ตาม

เพียงไม่กี่นาทีที่หยุดยืนมองจนรถยนต์ของการุณเคลื่อนหายไปในความมืดจนเหลือเพียงไฟท้ายสีแดง ทุกอย่างเงียบกริบไปชั่วอึดใจหนึ่ง มาวินทอดถอนใจ เบี่ยงกายหันมาสบตาคนที่ยืนอยู่ใกล้อย่างไม่ปิดบังความรู้สึก วินาทีนั้นแทนคุณเองก็ยังมิทันได้เอ่ยปากพูดอะไร นอกเสียจากสบตากันอยู่เช่นนั้น ด้วยแววที่มาวินไม่อาจเดาออกว่ารู้สึกอย่างไรอยู่

“คุณมาทำไม”

คนตรงหน้าเริ่มถาม ให้แทนคุณคุณหวนนึกสิ่งที่ตนคิดมานานในขณะที่รออยู่นี่ “ผมขอกุญแจสำรองจากคนให้เช่าบ้านข้างๆ เขาบอกว่าคุณเพิ่งจะออกไป แล้วก็เพิ่งรู้ข่าวเรื่องเอมมิกาที่ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำไมคุณไม่ยอมบอกผม”

“มันไม่จำเป็น ถ้าจะมาเพราะหน้าที่ฝ่ายปกครองของน้องสาวผม กรุณาอย่ามาลำเส้น...”

ชายหนุ่มหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน อีกนัยหนึ่งคือต้องการจบสนทนาเพียงแค่นี้ แต่ย่างเท้าห่างอีกคนออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาจำต้องชะงัก เมื่อร่างด้านหลังกระตุกแขนดึงเขาให้หยุดอย่างไม่ยินยอม

“อย่ามาทำวางท่าใส่กันนะมาวิน หรือว่าเจอขุมทรัพย์ใหญ่กว่าผมแล้วงั้นหรือ!” แทนคุณเพิ่มระดับเสียง

คนฟังใจหาย หันขวับมองหน้าแทนคุณทั้งสีหน้าอย่างนั้น “คนแบบนายนี่มัน...ไม่รู้จักคิดจริงๆ”

“หรือมันไม่จริง ไอ้คนเมื่อกี้ก็คู่ขาคุณอีกคนงั้นสิ” คนกล่าวบีบต้นแขนในมือแน่นขณะเอ่ยถาม แสร้งหัวเราะแม้จะทำหน้าอย่างกับมาวินไปทำอะไรร้ายแรงไว้ให้ เป็นฝ่ายเขาเองมิใช่หรือที่สมควรจะโกรธที่ถูกรังแก ถูกข่มเหง ถูกใช้คำพูดกดขี่เหยียบย่ำให้ต่ำเช่นนี้!

“บังเอิญจริงนะ ที่คนเช่าบ้านเก่าๆ โกโรโสอย่างนี้มีโอกาสรู้จักแต่คนระดับมหาเศรษฐีทั้งนั้น คุณว่าไหม...”

“หุบปากนะ” มาวินสะบัดต้นแขนออกอย่างไม่อยากจะเชื่อ จ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง “ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ฉันรู้ตัวดี ไม่ต้องมาพูดกระแทกแดกดันกันหรอก ใช่...ฉันมันพวกหน้าเงิน หิวเงิน ฉันพยายามจะขอเงินจากคนรวยที่ฉันตีสนิท ทั้งกับนาย กับพวกเขา แต่แล้วยังไงล่ะ ฉันรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเสมอ แล้วนายล่ะรู้ไหมว่าตัวเองต้องการอะไร!”

ชายหนุ่มตะเบ็งเสียง ก่อนจะผละไปมองรั้วข้างบ้านเพราะเห็นว่าดึกแล้ว

“ถ้าจะคุยเรื่องเอมก็คุยวันหลัง วันนี้ดึกแล้ว นายกลับไปก่อน...”

นี่จะไม่เป็นการดีแน่ที่มาเสียงดังอยู่หน้าบ้านในเวลาหลับนอนของเพื่อนบ้าน มาวินกลืนน้ำลายเก็บกลั้นความขุ่นเคืองในอก ความมึนของศีรษะหายไปเป็นปลิดทิ้งหลังจากได้ปะทะอารมณ์กับคนด้านหลัง หลงเหลือเพียงความโกรธขึ้งที่ยังวนเวียนภายในใจ กับประโยคที่อีกฝ่ายใช้กล่าวถึงตนเอง จึงเลือกที่จะสาวเท้าเข้ามาด้านใน

มือหยาบโลนของแทนคุณกระตุกแขนรั้งเขาอีกครั้ง

“ฉันบอกว่าเอาไว้คุยกันทีหลัง...”

“มันยังไม่จบมาวิน มันแค่เพิ่งจะเริ่ม!” จากกระตุกให้หันกลับไป “จะมาทำเมินผมอย่างนี้ไม่ได้” แทนคุณเป็นฝ่ายกระชากแขนพาเขาเดินนำ เปิดประตูย่ำเท้าตึงตังเข้าไปด้านในที่เปิดไฟไว้รอเรียบร้อยแล้วอย่างถือวิสาสะ มาวินยื้อแขน ไม่เข้าใจในสิ่งที่แทนคุณต้องการจะสื่อ

“พูดเรื่องอะไร ปล่อย...นายจะทำบ้าอะไร!”

“ก็จะทำให้รู้ไง ว่าผมต้องการอะไรแน่”

คนฟังใจหายวาบ

มาวินรู้ว่าแทนคุณเลว เลวพอที่จะสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้อย่างไม่สนใจว่าใครที่ไหนจะไม่พอใจ ร่างของเขาปลิวว่อนลงบนโซฟาตัวยาวโดยง่ายจากแรงของผู้กระทำ ชายหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อร่างสูงใหญ่ตรงหน้าโน้มลงมาใกล้ ยามนั้นมาวินเอาแต่พยายามขืนแรงสู้ แต่ไม่เพียงเพราะความมึนเมาจากสุราทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว เพราะคนด้านบนรู้จักเอาเปรียบด้วยการใช้กำลังอย่างดีเยี่ยมด้วย จึงทำให้เขาพ่ายแพ้

หากทว่ามาวินเข้าใจผิดไป แทนคุณไม่ได้ตั้งใจจะบังคับขืนใจ ในแววตาไม่มีอารมณ์พิศวาสมาวินแน่ เพราะหมอนี่ไม่ใช่เกย์

มือหนาของอีกฝ่ายกดคอเขาลงไม่ให้ลุกขึ้นนั่ง บีบแน่นเสียจนหายใจไม่ออก ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายต้องการจะใช้กำลังเหมือนก่อนหน้า แต่กำลังทดสอบจิตใจของมาวินราวกับนึกคิดเรื่องเลวร้ายอยู่ เขารู้...เมื่อหนังหัวถูกมือหนาใหญ่กำกลุ่มผมกระชากให้เงยหน้าขึ้นสบตากันตรงๆ

ชายหนุ่มเห็นแววตาของแทนคุณยามนี้ มิใช่คนเดิม ไม่มีแววสุขุมหรือสุภาพอย่างที่พบกันก่อนหน้า หมอนี่...คือชายคนเดียวกันที่ใช้กำลังข่มเหงเขาให้มีเซ็กส์ด้วย หมอนี่...คือธาตุแท้อันสารเลวของแทนคุณที่เผยออกมา ภายใต้ความสมบูรณ์แบบของคุณชายผู้สูงส่งแสนดี

ที่จริงแล้ว หมอนี่ดิบเถื่อนกว่าใครที่เขาเคยเห็นเสียอีก!

มาวินตัวสั่น ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เขาเลือกที่จะยอมจนตรอก ยอมนิ่งมองอีกฝ่ายเช่นนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มไม่เพียงไม่กระเสือกกระสนดิ้นรนเอาชีวิตรอด ยามหยุดนิ่งมองอีกฝ่ายหลังจากได้พบเห็นใบหน้าจริงแท้ หลงเหลือเพียงแววตาเท่านั้น ที่บอกผู้กระทำได้รู้ว่าผู้อยู่ใต้ร่างยังไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าชั่วอึดใจหนึ่งจะนึกหวั่นกลัว ยามคนบนร่างคลี่ยิ้มเย็นเยียบมาให้

“ดี ตอบรับดีนี่...”

คนฟังนิ่งอย่างนึกตกใจ มองมือหนาเคลื่อนออกจากลำคอ หลงเหลือเพียงความเจ็บแปลบราวหนังหัวจะหลุดด้านบนด้วยมือของคนบนร่าง เจ็บจนน้ำตาเอ่ออย่างไม่ได้ตั้งใจ “ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณทั้งนั้นแหละมาวิน แค่อยากเห็นคุณทำหน้าแบบนี้ก็แค่นั้นเอง”

“นายมันไม่รู้จักสำนึก แทน นายมันเลว...”

ผู้ถูกกระทำหลับตาปี๋ มือที่เพิ่งคลายออกตบลงเปาะบนแก้มไม่หนักไม่เบา ท้ายที่สุดก็รู้แล้วว่าคนที่ควรจะถอยห่างออกมาอย่างแทนคุณที่เขาเคยนึกมีลางสังหรณ์ ได้เผยออกมาให้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตนจึงรู้สึกเช่นนั้น

“นายต้องการอะไร ฉันก็ไม่ไปยุ่งกับนายแล้วไง”

“เลิก...เพราะเจอพี่กายงั้นหรือ”

“แทน!” มาวินร้องเสียงดัง ยกลำขาถีบพื้นนุ่มของโซฟาสุดแรงลุกขึ้นผลักให้คนด้านบนขยับออก “นายจะบอกว่าตอนนี้กำลังหวงฉัน เพราะคุณกายเขากำลังให้ความสนใจกับฉันงั้นซี เหมือนกับคนก่อนที่นายเขี่ยเธอทิ้ง แต่พอคนที่นายไม่ชอบให้ความสนใจกับเธอขึ้นมา นายก็อยากเอาชนะเขา เป็นอย่างนั้นใช่ไหม ทำตัวแบบนี้ไม่รู้รู้สึกอายบ้างหรือ ไอ้ขี้แพ้!”

แทนคุณนิ่งไป ราวกับความร้อนระอุเมื่อครู่ถูกเคลือบไปด้วยความเย็นจากประโยคของมาวิน

“ไปได้ยินมาจากไหน”

“แล้วมันถูกต้องไหมล่ะ เพราะเห็นว่าฉันกำลังถูกศัตรูตัวเองสนใจ เลยกลัวตัวเองจะเสียหน้าเหมือนคราวที่แล้วงั้นหรือ!”

มาวินใจหาย เมื่อมือหนาของผู้ฟังเคลื่อนมาบีบกรามของเขาแน่นจนบิดเบี้ยว พร้อมทั้งกล่าวกับเขาว่า “อย่ามาท้าทายฉัน...”

“แล้วจะทำไม นายมันพวกมีปม แทน...”

“ไม่เห็นเกี่ยวกัน”

สิ้นคำ มาวินเบิกตากว้างด้วยความเจ็บจุกกับหมัดที่ทิ้งลงบนหน้าท้องของเขา ชายหนุ่มไอตัวโยน ร่างอ่อนระทวยลงนอนที่เดิม หลังถูกต่อย มาวินไม่ถึงขั้นสิ้นสติในตอนนั้น สัมผัสได้ว่าการกระทำอีกฝ่ายเปลี่ยนไปยามเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะขืน แต่เพียงไม่นาน หมัดที่สองก็กระทุ้งเข้ามาซ้ำอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

ลำคอของมาวินอื้ออึงไปด้วยเสียงตนเอียงครวญเพราะเจ็บจุก และความอุ่นร้อนของน้ำตาที่ไหลอาบลงหู ยามเห็นแววตาสะท้อนแสงจากหลอดไฟด้านนอกของคนด้านบนมองลงมา

“ไอ้...ไอ้โรคจิต ทำแบบนี้ทำไม...”

ชายหนุ่มไม่มีแรงพอจะขัดขืนขณะที่ร่างด้านบนทำอะไรตามใจ

“เพราะฉันเจอของเล่นชิ้นใหม่แล้วยังไงล่ะ มาวิน”

“ไอ้ชั่ว ไอ้วิปริต”

มาวินไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด ยามสติสัมปชัญญะกำลังเลือนราง ภาพที่เขาเห็นและสัมผัสได้คือใบหน้าของแทนคุณขณะโน้มลงเข้ามาใกล้ ใกล้จนรู้สึกอุ่นร้อนเพราะลมหายใจ ขยับมาช้อนร่างเขาอุ้มขึ้นพาดบ่าราวกับตุ๊กตา พาเดินไปปิดไฟภายในบ้านทีละดวงอย่างไม่รีบร้อน และเมื่อแสงไฟทุกดวงดับลง ทุกอย่างมืดมิดไปพร้อมกับความจริงที่เขาเพิ่งได้รับรู้

“ฉันกำลังหาคนที่แข็งแกร่งแบบนาย คนที่กล้าท้าทายฉันในขณะที่กำลังกลัว...”

ไม่อาจรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมาวินต่อ...

 

เสียงสตาร์ทรถด้านนอกปลุกให้คนหมดสติบนเตียงได้ยิน ดวงตาที่ปิดสนิทขยับไปมาก่อนจะเปิดขึ้นมอง วินาทีแรกจำต้องหรี่ลงเพราะแสงสีขาวจากผ้าม่านริมหน้าต่างสว่างเกินไป แต่นอกจากนั้น ความตกใจทำให้เขาต้องดีดตัวขึ้นผึงมองรอบกายพร้อมกับถามตนเองอยู่เช่นนั้นว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน

เช้าแล้ว มาวินกลืนน้ำลายขยับตัวสำรวจร่างกายตนเองเป็นอันดับแรก ทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วน จากนั้นมองออกไปยังหน้าต่าง เห็นรถยนต์ของเจ้าของบ้านเพิ่งขับออกไป

หากต้องให้เดา ที่นี่คงเป็นบ้านพักของอีกฝ่ายไม่ผิดแน่ ตอนนี้เช้าแล้วและหมอนั่นคงกำลังเดินทางออกไปทำงาน

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น หยิบกระเป๋าสตางค์ของอีกฝ่ายที่วางทิ้งไว้แล้วมุ่งตรงไปยังประตูห้องนอนอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ก่อนที่ไอ้โรคจิตนั่นจะเปลี่ยนใจกลับมา หากทว่าใจที่ชื้นอยู่ดีก็หล่นวูบ เมื่อยังไม่ทันถึงขอบประตูแรงจากด้านหลังก็กระตุกเขากลับจนล้มหงายท้อง เจ็บแปลบตรงข้อเท้าราวกับว่ามันจะหลุด

นี่มันอะไรกัน

เสียงวัตถุกระทบดังกรุ๊งกริ๊งเรียกให้มาวินลุกขึ้นตรวจเชคที่ข้อเท้าตนเอง ใจหายวาบ เมื่อเห็นโซ่ขนาดใหญ่ล่ามขาเขาอยู่ ราวกับตอนนี้ชายหนุ่มเป็นสัตว์เลี้ยงน่าสมเพชของไอ้หมอนั่น มาวินมือสั่นไหว มองไปยังเสาต้นหนึ่งที่ล่ามเขาไว้ด้วยความไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น!

แทนคุณ ไอ้วิปริต!



--------------------------------------

ในที่สุดมาวินก็จนมุม ถูกจับได้เสียที

ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ตอนหน้าก็ถูกปล่อยแล้ว พร้อมกับตำแหน่งการเป็นคนของแทนคุณจริงๆ ที่พ่วงมาด้วย อิอิ

มาวินเอ้ย มีสามีทั้งทีก็ได้คนโรคจิต

ตอนนี้ ทุกคนก็เข้าใจแล้วเนอะว่าทำไมแทนคุณที่ไม่ได้เป็นเกย์ถึงรู้สึกดีเวลามีเซ็กส์กับมาวิน เพราะนางโรคจิตไง 555555 ประมาณว่าให้เลือกความรู้สึกกับเพศนางเลือกความรู้สึกมากกว่า เพราะนางชอบคนที่ท้าทาย
หัวข้อ: Re: 6-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-10-2016 16:58:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 6-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 06-10-2016 20:05:28
แทนคุ๊ณณณณณณณณณณณ~!! :katai1:
หัวข้อ: Re: 6-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 06-10-2016 20:18:38
แทนคุ๊ณณณณณณณณณณณ~!! :katai1:

55555 ทุกคนที่อ่านถึงตอนนี้ อารมณ์แบบนี้ทุกคนค่ะ
แต่ตอนหน้าก็ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: 6-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-10-2016 09:09:13



ตอนที่ ๗

ในโลกของความเป็นจริงของผู้ที่อยากมีจุดยืนบนสังคม คงมีใครสักคนเห็นด้วยกับการสวมหน้ากากเข้าหาผู้อื่นเพื่อปกป้องตัวเอง มิให้ใครเขาเหยียดหยามได้ หากแม้นต้องกล้ำกลืนฝืนทนและไม่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อแลกกับการถูกสังคมยอมรับแล้วก็ต้องจำใจทำ ชายหนุ่มบังคับรถยนต์เข้าไปเทียบจอดบริเวณโรงรถที่ถูกจัดประจำตำแหน่งอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะยกมือดูนาฬิกาหลังมือตนเองอยู่ครู่หนึ่ง

“ไอ้บ้า ไอ้วิปริต...”

วินาทีที่นึกถึงร่างของมาวินยามนอนหลับบนเตียง ใบหน้าสุขุมเรียบเผยมุมปากยิ้มได้ไม่ยาก

เขายอมรับว่าการถูกสังคมยอมรับเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะชายผู้มาจากตระกูลสูงส่งเพียบพร้อมอย่างเขา แต่ใครจะไปคิด ว่ารูปลักษณ์อย่างนี้จะมีรสนิยมทางเพศที่รุนแรง ป่าเถื่อน ชอบเห็นสีหน้าเจ็บปวดและหวาดกลัวของผู้อื่นยิ่งกว่าสิ่งไหน

ซึ่งบังเอิญว่ามีคนได้พบเห็นมุมนั้นของชายหนุ่มแล้ว เขาคนนั้นคือมาวิน ผู้ผ่านการมีเซ็กส์กับเขามาถึงสองครั้งสองครา แม้ว่าแทนคุณจะยังไม่เอาจริงกับความรุนแรงทั้งหมด แต่เพียงแค่นี้ ชายหนุ่มคิดได้แล้วว่าจะปล่อยคนที่เห็นธาตุแท้ของเขาขณะถอดหน้ากากให้รอดไปไม่ได้ มาวินคือคนแรกที่คิดจะสานสัมพันธ์ต่อ คือคนแรกที่เมินเฉยเขา คือคนแรกที่ยังจ้องตาเขาไม่ละในขณะที่ตัวเองกลัวจนตัวสั่น

มันทำให้แทนคุณรู้สึกท้าท้าย และคิดว่าไม่ควรจะปล่อยอีกฝ่ายให้หลุดมือ

หมอนั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

ขณะสาวเท้าเดินเข้าอาคารเรียน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือสายตาของนักเรียนยามเดินสวนกันที่เปลี่ยนไป ทุกวัน ทุกคนจะหันมาทำความเคารพและทักทาย หากทว่าวันนี้มีเพียงส่งคำถามมาทางสายตากันเท่านั้น อาจารย์ฝ่ายปกครองหนุ่มรู้สึกแปลกใจ กวาดสายตามองโดยรอบไปพลาง สบตาของนักเรียกที่หันมามองเขาด้วยความฉงนภายในใจไปพลาง

ท้ายที่สุด ชายหนุ่มจึงเดินรี่ไปถามนักเรียนคนหนึ่งที่เดินสวนกันมา “เธอ มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับฉันงั้นหรือ”

นักเรียนตรงหน้าส่ายศีรษะ “มะ ไม่มีค่ะอาจารย์”

“แล้วทำไมทุกคนถึงมองมาที่ฉัน”

“ก็...” เด็กสาวหันกลับเข้าไปในตัวอาคาร “ที่บอร์ดโรงเรียน...”

ไม่รอให้นักเรียนกล่าวจบให้เสียเวลา แทนคุณย่างสามขุมไปยังจุดหมายเพื่อหาคำตอบให้ตนเองอย่างเร็วรี่ จากมุมนั้น เห็นกลุ่มนักเรียนชายหญิงยืนมุงดูอยู่หลายชีวิต บอร์ดโรงเรียนที่มีไว้เพื่อแปะข่าวคราวทุกอย่างของกิจกรรม เหตุใดจึงถูกใช้เป็นแหล่งจู่โจมคนอื่นด้วยการประจานกัน หลังไปถึง นักเรียนทุกคนดูเหมือนแตกตื่น ร่างสูงหยุดยืนดูอยู่ครู่หนึ่ง

หลังเห็นตัวหนังสือเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตัวแทนคุณ ซึ่งแอบมีความสัมพันธ์กับนักเรียนหญิงคนหนึ่งหลังเลิกเรียน

นัยน์ตาคมกวาดมองรูปประกอบ เผยให้เห็นร่างของเขาขณะกอดประโลมเอมมิกาที่ตื่นกลัวอยู่หน้าห้องพยาบาล โดยคำบรรยายยังเล่าแต่งเติมบิดเบือนไปอีกว่าเขากอดรัดฟัดจูบนักเรียนตรงนั้นอย่างไม่อาย แล้วยังพากันขึ้นรถไปต่อกันที่โรงแรมอีกด้วย

หลังอ่านจบ แทนคุณรู้สึกอยากจะฆ่าคนที่ทำจนมือสั่นไหว เอื้อมดึงข้อความและรูปภาพเหล่านั้นมาฉีกทิ้งตามอารมณ์

“ใครเป็นคนทำ!”

ชายหนุ่มหันกลับไปมองเหล่านักเรียน ถามทั้งยังรู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีใครยอมรับ สิ่งแรกที่นึกถึงคือกลุ่มนักเรียนที่แอบมองเขากับเอมมิกากลุ่มนั้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหตุใดจึงเกลียดเพื่อนร่วมสถาบันและทำร้ายกันด้วยวิธีนี้ด้วย แทนคุณไม่เข้าใจ

นั่นทำให้ชายหนุ่มลำบาก อาจกระทบถึงภาพลักษณ์ของโรงเรียนเลยก็ว่าได้

“อะไรนะ กล้องวงจรปิดเสีย!” แทนคุณทุบโต๊ะเสียงดังยามสบตาของหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของโรงเรียน “พวกคุณทำงานประสาอะไรถึงไม่ตรวจสอบ มัวแต่นอนหลับกันหรือไง”

“ขอโทษจริงๆ ครับอาจารย์ พวกเรายื่นของบแล้วแต่ท่านรองไม่ยอมอนุมัติให้สักที” สิ้นคำ แทนคุณพูดสิ่งไหนไม่ออกเมื่อจนปัญญาที่จะต้องหากลุ่มเด็กพวกนั้นด้วยตัวเอง เขาอาจถูกเรียกไปสอบสวนและหากไม่มีหลักฐานชัดเจน อาจแย่ถึงขั้นพักงานด้วยซ้ำ นี่มันเป็นข่าวลือที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดเลยก็ว่าได้ ที่อาจารย์ฝ่ายปกครองเสียเองแอบมีอะไรกับนักเรียน

ชายหนุ่มทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ภายในห้องพักอย่างเหนื่อยอ่อน ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดของนักเรียนผู้รับสารไม่ได้ เขาจะทำอย่างไร หลังจากเอมมิกาหายป่วยแล้วกลับมาเรียน เธอคงรู้สึกแย่ที่ทุกคนมองเธอในแง่ร้ายอีกครั้ง

เสียงประตูเปิดแบบหุนหันพลันแล่นเรียกให้ชายหนุ่มหันไปดู พบเห็นน้องสาวตัวดียืนหอบตรงหน้า อธิบายได้เป็นอย่างดีว่าคงจะรีบวิ่งหน้าตั้งมาฟังเขาพูดความจริงเป็นแน่ “พี่แทน ที่เขาพูดกันมันไม่จริงใช่ไหมคะ พี่แทนกับแม่คนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน...”

ชายหนุ่มทอดถอนใจ “

คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นหรือ ไม่รู้จักพี่ชายตัวเองหรือไง”

“พี่แทนไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ นอกเสียจากว่า...” เด็กสาวกลอกตาไปมาครุ่นคิด ก่อนจะสบตาพี่ชายอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นอกเสียจากว่ายายนั่นจะเป็นฝ่ายยั่วพี่แทนก่อน แล้วบังเอิญมีคนมาเห็นพอดี”

“ทาย เธอนี่มันแย่ยังไงก็แย่อย่างนั้นเลยนะ” พี่ชายเหว

“ก็...” เด็กสาวหลบตา

“เอมมิกาไม่ใช่คนประเภทนั้น เธอควรจะสงสารเขานะทาย รู้ไหม...เด็กคนนั้นต้องลำบากแค่ไหน ที่ต้องมาแบกรับอะไรแย่ๆ เพราะคำพูดของคนที่ไม่รู้จักเขาดีพอ ถ้าเป็นเธอ เธอจะรู้สึกยังไงที่ถูกมองในแง่ลบทั้งที่ไม่มีโอกาสอธิบายอะไรเลย” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนหลังกล่าวจบ ยามเห็นน้องสาวก้มหน้าลงมองพื้นอย่างสำนึกผิด ก่อนเจ้าตัวจะเงยขึ้นมารั้งแขนเขาด้วยต้องการทราบ

“พี่แทนจะไปไหนคะ ก็ไหนบอกว่าตัวเองไม่ผิดไง จะหนีทำไม”

“เปล่าสักหน่อย แต่มีที่ที่หนึ่งที่พี่จะต้องไป” เด็กสาวไม่รั้นอย่างเคย ก้มหน้าลงยามมือสากของพี่ชายวางลงบนศีรษะประโลมใจหลังเอ็ดจบ แม้อยากจะถามอีกหนึ่งข้อ ว่าเมื่อคืนแทนคุณไปพักที่ไหนกับใครด้วยความเป็นห่วง หากเธอก็จำต้องกลืนมันลงไป ทำได้เพียงมองตามร่างสูงย่างเดินไปข้างนอกด้วยความเงียบเชียบอย่างเคย แม้อยากจะบอกเต็มทนว่ามารดาพูดอะไรไว้บ้าง เมื่อคืน...

แทนคุณเบื่อที่บ้าน ไม่อยากกลับ เด็กสาวทราบดี

พี่ชายของเธอรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวและเป็นคนนอกเสมอ เมื่ออยู่ร่วมกันกับครอบครัว มารดาของทั้งคู่เองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน จึงได้พูดถึงการแต่งงานของแทนคุณขึ้นมากลางโต๊ะอาหารอย่างไม่มีสาเหตุ แม้พี่ชายคนโตจะไม่อยู่รับฟังก็ตาม

หากแทนคุณทราบ คงปฏิเสธแน่

 

ผ่านมาทั้งวันโดยที่มาวินไม่ได้ทานอาหารสักมื้อ อาศัยดื่มน้ำที่ถูกวางทิ้งไว้บนหัวเตียงแก้กระหาย ชายหนุ่มทิ้งหายนอนลงบนเตียง มองแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังจะลับขอบฟ้าเต็มทีด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า คงเพราะความหิว คงเพราะความล้าทำให้สมองไม่สามารถคิดอะไรได้ ไม่มีแม้แต่แรงจะเดินเสียด้วยซ้ำในยามนี้

แทนคุณ หมอนั่นใจไม้ไส้ระกำทิ้งเขาให้อดอยากที่นี่ เท่านี้ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าสมควรจะเข้าโรงพยาบาลบ้าไปได้แล้ว เหตุใดจึงไปเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนได้กันหนอ

ในระหว่างที่นอนเอื่อยเฉื่อยรอความตายบนเตียง มาวินได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในบ้าน แน่นอนว่าเป็นคนที่ชายหนุ่มกำลังสาปแช่งอยู่ตอนนี้ไม่ผิดแน่ ขณะที่ยังไม่มีแรงลุก มาวินเงี่ยหูฟังฝีเท้าอีกฝ่ายซึ่งยังย่างเดินไม่รีบร้อนขึ้นมาด้านบน ก่อนจะหยุดที่ประตู

มือของเขาเอื้อมไปหยิบแจกันข้างกายมาแนบกับล้ำตัว วินาทีที่ประตูเปิดออก เรี่ยวแรงที่มีถูกรวมไปไว้ที่แขน เหวี่ยงมันไปยังทิศนั้นสุดแรงเกิด ไม่นาน เสียงแจกันกระทบกับฝาผนังดังลั่นบ้าน พร้อมกับมาวินที่ยังหอบหายใจกับพละกำลังอันอ่อนล้าของตัวเอง และผิดหวังที่มันไม่ตรงตำแหน่งที่คาดไว้

“น่าจะโดนกลางหน้าผากทีนะ ฉันนี่ไม่แม่นเอาเสียเลย!” ชายหนุ่มกำหมัด มองตามร่างสูงของผู้มาใหม่ถือข้าวของพะรุงพะรังมาหยุดตรงหน้า คงเพราะรู้ดีอยู่ว่าไม่มีสิทธิ์เคืองโกรธที่มาวินทำเช่นนี้ “นายจะทำบ้าอะไรของนายกันแทน เห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไงถึงต้องทำขนาดนี้ ฉันเป็นคนนะ ทำไมไม่พูดกันดีๆ ให้เข้าใจ!”

“ใครกันที่ไม่ยอมพูดดีๆ ก่อน นี่ผมยังไม่ทันทำอะไรคุณก็จะฆ่าผมแล้ว ทำให้มันแย่ลงไปเอง”

“นายจะบ้าหรือไง จะให้ฉันทนใจเย็นทั้งที่ตัวเองอยู่ขังอยู่ในนี้นี่น่ะหรือ!”

ทั้งสองจ้องตากันนิ่ง หลังมาวินเห็นแล้วว่าแทนคุณยอมรับในสิ่งที่เขาต่อว่า

“ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้สักหน่อย แต่เพราะอยากมั่นใจว่าคุณจะไม่แอบไปตอนที่ผมหลับอีกเป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง” มาวินกำหมัด อยากซัดหน้าหมอนี่ให้หงายไปตามอารมณ์ตอนนี้เสียจริง เพราะภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือแทนคุณกำลังทำอะไรต่อมิอะไรอย่างใจเย็น แกะกล่องพิซซ่าอย่างไม่รู้สึกรู้สาขณะกล่าวต่อกับเขา “ผมมีเรื่องจะต่อรองกับคุณ เราจะคุยไปด้วยกินพิซซ่าไปด้วยก็แล้วกัน อ้าปากสิ...หน้านี้อร่อยนะ”

ถึงจะนึกโกรธแต่มาวินก็ยอมอ้าปากรับ ถึงแม้ว่ามือจะไม่ได้ถูกล่ามหรือมัดไว้ก็ไม่ปฏิเสธทั้งสิ้น คงเพราะตอนนี้เขาไม่มีแรงเอาเสียเลย และมันก็อร่อยจริงอย่างที่แทนคุณว่า ได้กินร้อนๆ จากเตาใหม่ เนื้อแป้งนุ่มหนึบยากที่จะอธิบาย ห้านาทีแรกทุกอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงมาวินกินด้วยความหิวโหยไม่พูดไม่จา

“ช้าๆ สิคุณ”

เขาคิดว่าตัวเองต้องหิวตายเสียแล้ว “ฉันอดข้าวมาทั้งวันนะ นายทำแบบนี้ได้ยังไง”

“ขอโทษที ผมคิดว่าจะกลับมาตอนเที่ยงน่ะ พอดีเกิดเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อยก็เลยไม่ได้ออกมา แต่อย่ารีบกินขนาดนั้น เดี๋ยวได้ติดคอตายกันพอดี”

“เมื่อกี้ก็เกือบจะตายแล้วแหละวะ ถ้านายไม่มาเสียก่อน” คนถูกขังพ่นคำที่อัดอั้นออกมาขณะยังง่วนอยู่กับของกินเบื้องหน้า ไม่ทันมองรอยยิ้มของผู้ฟัง ที่ยังไม่ละไปจากใบหน้าของมาวินยามตั้งอกตั้งใจเคี้ยวของในปาก

หลังจากใช้เวลากับพิซซ่าแล้วมาวินจึงเริ่มรู้สึกตัวได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะใด เมื่อเริ่มอิ่ม ชายหนุ่มชำเลืองมองคนป้อนอยู่แวบหนึ่งด้วยความระแวดระหวัง ขณะที่เขากิน แทนคุณก็ยกชิ้นเดียวกันกับเขากัดกินพร้อมกันไปด้วย สลับกันไป ตอนนี้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ปรี๊ดแตกหรือเคืองโกรธเขาเฉกเช่นเมื่อวาน อาจเพราะมาวินยังไม่ได้พูดจากวนประสาทก็เป็นได้

ถึงแม้จะใช้วิธีฆ่าอีกฝ่ายแทนก็เถอะ

“อิ่มแล้วหรือ” และดูเหมือนว่า คนตรงหน้าก็กำลังสังเกตมาวินอยู่เช่นเดียวกัน เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มจึงรีบหลุบตามองพื้นเตียง

“อะ อืม...”

“งั้น เรามาคุยธุระของเรากันดีกว่า” ม

าวินถอยกรูด ขณะร่างสูงใหญ่ขยับเบี่ยงตัวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำงานของตนเอง วินาทีนั้น เข้าใจว่าแทนคุณกะจะขุนให้เขาอิ่มหนำสำราญแล้วก็เชือดด้วยแส้ หรือกุญแจมือที่พกติดตัวมาด้วยเป็นแน่ คิดอย่างนั้นแล้วชายหนุ่มก็ร้องว้าก

“นายจะทำอะไร...”

“เมื่อตอนกลางวันผมไปเยี่ยมน้องสาวคุณมา อีกไม่กี่วันก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม”

นี่มันเรื่องบ้าอะไร มาวินไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสิพับผ่า เมื่อกี้แทนคุณยังดีๆ อยู่เลย แล้วไหงจะมาจับเขาเล่นซาดิสม์อะไรกันอีก ชายหนุ่มคิดทั้งกระถดกระถอยไปติดผนัง มองร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้าลุกขึ้น ย่างเท้าเข้ามาใกล้ขณะที่ยังล้วงกระเป๋ากางเกง ราวกับกำลังควานหาอะไรสักอย่าง จะเป็นโซ่ เป็นแส้ เป็นเทียนหรืออะไรมาวินก็ไม่ชอบอยู่ดี!

แล้วนี่พูดถึงเอมมิกาขึ้นมาทำไม มาวินอยากจะบ้า

“ชอบคุณทำหน้าแบบนี้จริงเลย” คนกล่าวระบายยิ้ม มาวินยอมรับเลย ว่าแทนคุณเป็นคนที่ยิ้มได้น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ถึงแม้จะยังไม่ทิ้งลายสุขุมใจเย็น แต่พอได้รู้จักตัวตนของคนอายุน้อยกว่าอย่างหมอนี่แล้ว อย่างไรก็ไม่มีทางอยู่ใกล้อย่างสนิทใจได้อีกแล้ว

“จะ จะทำอะไร!”

มาวินกุมข้อเท้า ขณะถูกกระชากจนร่างไถลไปตามแรง หยุดอยู่ปลายเตียงที่แทนคุณยืนอยู่

“กลัวหรือ หืม...”

คนฟังนึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะเสียง...ฟังดูอบอุ่นต่างจากที่คิดไปไกล

ต่างจากที่มาวินคิดราวกับหนังคนละม้วน ชายหนุ่มกุมข้อเท้า ชำเลืองมองคนตัวโตกว่าทรุดกายนั่งข้าง เผยมือที่ผละออกจากกระเป๋ากางเกงให้เขาเห็นว่าสิ่งที่แทนคุณหยิบออกมาเป็นอะไร อีกมือก็จับที่เท้าของเขาราวกับกำลังจะทำอย่างที่มาวินคิดจริง แทนคุณถือลูกกุญแจ กำลังจะปลดมันออกจากเท้าของเขา

“ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่คิดจะขังคุณไว้ตลอดหรอกนะมาวิน แค่ตอนนี้...”

ชายหนุ่มเงียบฟัง ขณะที่คนนั่งข้างกระซาบ “ผมไม่ได้ร้ายตลอดเวลาหรอกนะ ถ้าคุณทำตัวดี ผมก็จะดีจนคุณใจหาย ขอแค่อย่าทำให้ผมโกรธ และคุณควรคิดด้วยว่าสิ่งไหนบ้างที่ทำให้ผมโกรธ แล้วก็อย่าทำ”

นี่มันบ้าอะไร...มาวินได้แต่ถามคำถามนี้กับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ขณะก้มหน้าก้มตามองมือหนาปลดกุญแจให้อย่างไม่นึกกลัวว่ามาวินจะหนีไปเดี๋ยวนั้น แต่เอาเข้าจริง คงเพราะแทนคุณรู้กระมัง ว่าคนอย่างมาวินเป็นพวกขี้ขลาดแต่ทำเป็นเก่ง อย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าแม้แต่กระดิกตัวไปไหน

สรุปแล้ว เขากลายเป็นสัตว์เลี้ยงของอาจารย์ฝ่ายปกครองโรคจิตนี่ไปแล้วจริงๆ น่ะหรือ

“นายจะปล่อยฉันไปใช่ไหม” มาวินเงยขึ้นสบตา “ฉัน...ค่อนข้างงง ไม่เข้าใจว่านายกำลังคิดอะไรอยู่”

คนกล่าวมองแทนคุณเอื้อมมือไปหยิบถุงยา ทำแผลให้อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพูดเปรยออกมาอย่างไม่นึกใส่ใจความหมายว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณป่าวประกาศกับคนอื่นไปทั่วว่าเป็นคนของผม...”

“ดะ เดี๋ยวสิ ตอนนั้นฉันแค่พูดไปเพราะอยากเอาชนะไอ้เอกแค่นั้นเอง”

“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะพูดไปเพราะอะไร แต่ตอนนี้คุณอยู่ในฐานะนั้นเรียบร้อยแล้ว คุณเป็นของผม ทุกอย่างที่เป็นของคุณล้วนแล้วแต่เป็นของผม”

“บ้าหรือไง ไม่ใช่...”

มาวินลุกขึ้นยืนด้วยความฉุน มุ่งหน้าจะเดินออกจากห้อง หากทว่าแรงดึงจากด้านหลังเกี่ยวเอวเขาให้หันกลับไป ทิ้งก้นลงนั่งบนตักของคนกระทำอย่างเหมาะเจาะ ชายหนุ่มเบิกตา ดื้อดึงอยู่พักหนึ่งอย่างไม่ยินยอมโดยง่าย ทว่าครั้นได้สบตาแทนคุณ จิตใจที่คิดขัดขืนก็มลายหายไป คงเพราะยามนี้ที่มาวินเห็นมิใช่แทนคุณคนเลวที่เจอเมื่อวาน ชายตรงหน้าไม่มีแววเคืองโกรธใดใดเจือปนในแววตา

“ผมรู้ว่าคุณกลัวผม มันยากที่คุณจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องบังคับให้คุณทำแบบนี้”

ใช่...

“แต่ผมไม่ใช่ประเภทหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตลอดเวลา ผมมีเหตุผลที่จะโกรธเหมือนคุณ คงบอกคุณอย่างเต็มปากไม่ได้ว่าผมเองก็เป็นคนปกติเหมือนกัน” แทนคุณคงกำลังหมายความว่าหากมาวินไม่อยากมีปัญหาเสียเอง ก็ไม่ควรทำให้แทนคุณโกรธอย่างนั้นซีนะ

หากแม้นว่าชายหนุ่มไม่ชอบที่แทนคุณทำต่อเขาเมื่อวานก็จริง มันน่าตกใจเมื่อได้รู้ว่าแท้จริงแล้วหมอนี่เป็นคนอย่างไร หากให้เขาคิด แทนคุณก็เพียงแค่เห็นมาวินเป็นคนเดียวที่สามารถยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นได้ นอกเสียจากคิดจะใช้กำลัง แทนคุณยังแสดงให้เห็นด้วยว่าสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด เพียงแต่ คนที่เห็นแล้วว่าแท้จริงเป็นอย่างไรอย่างมาวินเสียเองที่ไม่สามารถสงบสติตัวเองได้

ที่พูดถึงเอมมิกา เพราะอยากขู่เขาให้ยอมทำตามอย่างนั้นหรือ

ชายหนุ่มเงยขึ้น สบมองคนด้านใต้อย่างไม่อาจไว้วางใจ “ทำแบบนี้ หมายความว่านายต้องให้ฉันยอมให้ได้ใช่ไหม ทำไมถึงเป็นฉันกันล่ะ”

“ไม่ต้องถามหรอก เอาเป็นว่าผมให้เท่าที่คุณต้องการได้”

สิ้นคำของแทนคุณแล้วนั้น ดุจถูกคำสาปร่ายมาสะกดใจของผู้ฟังให้รู้สึกเจ็บหนึบ เพราะอย่างนี้นี่เอง เพราะเห็นว่าเขาต้องการใช้เงินจึงรู้ว่าอย่างไรเสียมาวินต้องยอมรับ ที่กล่าวถึงเอมมิกา เพราะอยากให้ชายหนุ่มรำลึกถึงข้อนี้เป็นแน่

จะได้ไม่ปฏิเสธ

ความรู้สึกแรกคือรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะถึงแม้อยากจะปฏิเสธอย่างไร ศักดิ์ศรีของเขาก็มีไม่พอที่จะกล้าเอ่ยคำนั้น ชายหนุ่มลอบพ่นลมหายใจ จำต้องพยักหน้าตกลงในท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะต้องทิ้งศักดิ์ศรีให้แทนคุณเหยียบย่ำด้วยคำพูดและการกระทำ หากแลกด้วยความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของน้องสาว และอุ้มชูให้น้าอรอยู่ดีกินดีมากขึ้นกว่าเดิม

เขายอม

 

อันที่จริง นอกเสียจากสิ่งที่แทนคุณตกลงกับเขาด้วยคำพูดวันนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าใดนัก นอกจากระหว่างมาวินกับแทนคุณจะรับรู้อยู่ในใจเสมอว่าตนเกี่ยวข้องและมีพันธะอะไรมัดไว้อยู่ นี่ก็ปามาสามวันแล้วที่อีกฝ่ายยังทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกเสียจากบัตรเครดิตที่ให้ไว้สองใบ และกุญแจรถไว้ใช้ อีกทั้งบ้านหลังนั้นที่พร้อมให้เขาพาเอมมิกาย้ายเข้าไปอยู่

ใจจริงมาวินก็รู้สึกหายเครียดเรื่องการเงินของตัวเองขึ้น หลังจากได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องสาวได้แล้วและสามารถจุนเจือไปใช้ด้านอื่นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าสิ่งเดียวในยามนี้ที่ชายหนุ่มคิดไม่ตก คือเรื่องนั้น...

แทนคุณจะกลับมาร้ายเมื่อไร

“พี่วิน คิดอะไรอยู่หรือคะ ทำไมเงียบจัง” น้องสาวหันมาสบตาชายหนุ่ม นั่นทำให้มาวินฉุกคิดได้ว่าเขาไม่ควรแสดงออกมาทางสีหน้าเช่นนี้ ชายหนุ่มระบายยิ้ม ยกมือเคลื่อนขึ้นไปปัดปอยผมที่ตกมาระหน้าผากน้องสาวอย่างอ่อนแผ่ว โล่งใจที่เอมมิกาออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว

“พี่กำลังเป็นห่วงเอมน่ะ”

เธอเผยรอยยิ้มสดใส “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เห็นไหมเอมเดินคล่องแล้ว”

“เอมอายไหมที่จะต้องมาอยู่ในบ้านแบบนี้ ถ้าเอมได้อยู่กับพ่อ เอมจะมีทุกอย่างเลยนะ”

“ทำไมพี่วินพูดแบบนี้ล่ะ ไม่รักเอมแล้วหรือ” เด็กสาวเคลื่อนมือมากุมมือที่วางบนตักเขาแน่น ดวงตาเริ่มแดงขึ้น

“พี่คิดว่าบางทีตัวเองก็พาเอมมาลำบากอย่างที่ไม่ควรจำเป็นเลย ทั้งที่อยู่โน่นก็สบายดีแล้ว”

“เอมไม่เอาสบาย เอมอยากมีความสุขมากกว่า พี่วินอย่าทิ้งเอมเลยนะ อย่าคิดที่จะพาเอมกลับไปอยู่กับพ่อเลย”

ใจมาวินเจ็บจนรู้สึกจุก ยามน้องสาวกอดเขาแน่นร้องไห้คิดเองเออเองว่าเขาจะทอดทิ้งเธอเพราะความเหน็ดเหนื่อย มือหนากอดเธอแน่นไว้แนบอก ทั้งปลอบประโลม และเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีทางทอดทิ้งน้องสาวให้กลับไปนรกแห่งนั้นแน่ ไม่มีวัน

ถึงแม้ว่าเขาจะกลายเป็นแมงดา ในสายตาคนอื่นก็ตาม

สองพี่น้องกอดกัน แม้อยู่ภายในบ้านที่เล็กโกโรโกโสไม่โก้หรูเหมือนใคร แต่คงไม่มีใครแล้วที่จะรับรู้และคิดได้ว่าอย่างไรเสีย องค์ประกอบพวกนั้นไม่สามารถมอบความอบอุ่นให้คนในครอบครัวรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับที่ทั้งสองคนสัมผัสได้ หากไม่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ตาคมมองทอดออกไปยังหน้าบ้านเรื่อยเปื่อย ด้วยอารมณ์ที่ยากนักจะหยั่งถึงความคิดตนเอง ประจวบเหมาะกับเหลือบไปเห็นรถยนต์นอกคันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบหน้ารั้วบ้าน คันเดิมที่เขายังจำได้ว่าเจ้าของของมันคือใคร มาวินหันมองน้องสาวที่ยังคงสวมกอดเขาร้องไห้สะอึกสะอื้น เว้าวอนให้เขาอยู่เคียงข้าง โดยไม่รู้จะเริ่มจัดการตัวเองที่ตรงไหนก่อน ระหว่างน้องสาว กับชายคนหนึ่งที่มีอำนาจต่อชีวิตเขาทั้งชีวิต

ใจมาวินหาย เมื่อแทนคุณเลือกที่จะเปิดประตูออกมายืนอยู่ข้างรั้ว มองเข้ามาด้านในอย่างไม่รีบร้อนให้เขาเดินออกไปต้อนรับ

“อาจารย์แทนนี่นา พี่วิน...อาจารย์แทนมาหาเราค่ะ”

“พี่เห็นแล้ว เอมไปนอนพักก่อนนะ เขาคงมาคุยธุระเรื่องที่เอมขาดเรียนน่ะ”

แทนคุณสวมชุดสูท หากทว่ายามนี้หลงเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนเท่านั้น ราวกับว่าจะไม่กลับไปโรงเรียนอีกแล้ว มาวินเปิดประตูรั้วไปหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้ ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่แทนคุณมาหาเขาวันนี้ด้วยเพราะเหตุใด

“ดูหน้าคุณเหมือนจะเหนื่อยนะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”

คนฟังสบตา เหตุใดแทนคุณจึงกล้าถาม “นายนั่นแหละ ไม่ไปทำงานหรือไง”

“ผมมารับคุณ”

ว่าแล้วเชียว มาวินหันกลับไปมองเอมมิกาที่ยังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านพักครู่หนึ่ง ก้าวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าพูดเสียงเบากว่าเดิมด้วยกลัวน้องสาวจะได้ยิน “ยังไม่ใช่วันนี้แทน น้องสาวฉันยังไม่ทันหายดีเลย ฉันไม่อยากทิ้งเอมไว้ที่นี่คนเดียว”

“งั้นก็พามาอยู่ด้วยกันซี ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นคนของผม” แทนคุณกุมต้นแขนเขาขณะกล่าว เล่นเอาคนฟังหูผึ่งไปชั่ววินาทีนั้นทันทีที่ได้ฟัง ยามจะดีก็ดีจนใจหายอย่างที่เคยพูดกับเขาไว้จริงเสียด้วย

“เอ่อ...แค่นี้มันก็มากเกินไปแล้ว ฉันไม่รู้จะตอบคำถามเอมยังไงดีน่ะ ที่จู่ๆ ก็มีของพวกนี้ขึ้นมา”

“ก็ตอบตามความเป็นจริงไปซี ยังไงบ้านหลังนั้นผมก็ไม่ค่อยได้กลับอยู่แล้ว”

“ฉันดีใจนะที่นายอยากให้ฉันอยู่ดีกินดี แต่แค่นี้มันก็มากพอแล้ว”

“กับคนที่แล้วคุณพูดแบบนี้กับพวกเขาด้วยหรือเปล่า”

คนฟังเงยขึ้นสบตา อยากรู้ความหมายของคำถามเมื่อครู่ ใจหนึ่งก็คิดว่าอย่างไรเสียคนอย่างแทนคุณก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม คนที่คอยใช้วาจาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนอื่น มาวินกลืนน้ำลาย ยื้อแขนตนเองกลับมาอย่างนึกขุ่นข้อง “หมายความว่ายังไง นายจะบอกว่าไม่อยากเชื่อที่ฉันจะปฏิเสธสิ่งที่นายหยิบยื่นมาให้งั้นหรือ”

มาวินจ้องตาคนตรงหน้า ไม่ชอบใจเมื่อเห็นว่าแทนคุณจะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดใด ราวกับยอมรับอยู่กลายๆ ว่ากำลังคิดเช่นนั้นต่อชายหนุ่ม ไม่อยากเชื่อ เขาต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือของไอ้หมอนี่ไปอีกนานเท่าไร ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความโกรธขึ้ง มาวินสะบัดแขนอีกครั้ง หลังรู้สึกได้ว่ากำมือหนาของอีกฝ่ายเคลื่อนมากุมต้นแขนเขารั้งเข้าไปหา

ให้มาวินได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้ากล่าวถนัดถนี่ชัดเจนขึ้น

“จะตอบแทนผมอย่างที่ตอบแทนคนพวกนั้นหรือเปล่า”

คนฟังกัดฟัน “หมายความว่าไง”

“ก็อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละ”

“มะ ไม่ได้!” มาวินเบิกตาโพลงยื้นแขนตัวเองกลับหลังรับรู้แล้วว่าเหตุผลที่แท้จริงของแทนคุณคืออะไร ที่จริง ชายหนุ่มเคยคิดว่าตัวเองไม่ได้เสียหายอะไรที่จะนอนกับแทนคุณ หากหมอนี่รวยพอที่จะเลี้ยงเขาได้ ทว่านี่มันผิดจากที่มาวินคาดไว้ไปคนละโยชน์

แทนคุณเป็นพวกชอบความรุนแรง ต่างจากเอกณรงค์ที่เป็นคนดิบ ไม่สุภาพเพียงแค่ภายนอก แต่ยามอยู่ด้วยกันสองคนก็ยังรู้จักอ่อนโยนกับเขา มันต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่มาวินกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

“ไม่มีทาง ฉันจะไม่นอนกับไอ้ซาดิสม์อย่างนายแน่!”

คนฟังชะงัก นิ่งไป ก่อนจะยอมผละมือออกไปในท้ายที่สุด

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ...”

สิ้นคำ มาวินนึกแปลกประหลาดใจไปกับท่าทีตอบรับของอีกฝ่าย นี่อาจชี้วัดได้แล้วว่าแทนคุณมีเหตุผลที่จะไม่โกรธด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือไม่ คำพูดของมาวินอาจกำลังทำร้ายแทนคุณให้เสียใจอยู่ หรือไม่...ลึกๆ แล้วแทนคุณไม่ได้อยากเป็น ‘ไอ้ซาดิสม์’ อย่างที่มาวินจี้ใจดำไปก็ได้

ตอนนี้มาวินรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนเลวเสียเองที่เอาปมด้อยของคนอื่นมาล้อเลียน เขาอาจตีความในสิ่งที่แทนคุณกระทำผิดไปก็เป็นได้ หรือที่จริงแล้วแทนคุณอาจกำลังเจ็บปวดกับปมด้อยของตัวเองอยู่ลึกๆ และกำลังมีความหวังขึ้นมา เมื่อพบใครสักคนที่สามารถยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้โดยไม่นึกรังเกียจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เก่งเรื่องเข้าหาคนอื่นแม้จะอยากพูดคุยด้วยเท่าไร ก็ยังสรรหาคำออกมาได้เลวร้ายอยู่ดี

แต่ก้นบึ้งภายในใจ แทนคุณกำลังคาดหวังในตัวมาวินอยู่...

ชายหนุ่มทำได้เพียงจ้องตาชายตัวสูงเบื้องหน้า ขณะที่อีกฝ่ายเคลื่อนมือมาสัมผัส เกาะกุมมือของเขาด้วยความเบาและระแวดระวัง ราวกับกำลังอ้อนวอนและสิ้นหวังอยู่ในที...

นี่กระมัง คือคำอธิบายทั้งหมด

“ถ้าอย่างนั้น ฉันมีสิทธิ์ที่จะหวงนายใช่หรือเปล่า...แทน”





-------------------------------------------------------

เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังเติบโต

ปัญหาของแต่ละฝ่ายเริ่มเข้ามาแล้ว

อันที่จริงแทนเป็นคนที่มีความจิตนิดๆ ถ้าได้เริ่มอ่านจะรู้ว่าต้นเหตุมาจากครอบครัว แม่ ที่ชอบตั้งความหวังให้พี่ชายคนโตของบ้าน ว่าอยากให้เพียบพร้อมทุกอย่าง เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ และการถูกสั่งสอนมาแบบผิดๆ ถ้าได้เปิดใจอ่าน ทุกคนจะรักนาง

ส่วนมาวิน นี่มีความแสบสันต์ แต่เคยเป็นคุณหนูมาก่อน ไม่เคยรู้จักความลำบากเลย ก่อนที่จะรับน้องมาเลี้ยงก็เอาแต่เที่ยวไปวันๆ นี่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ตั้งแต่ทะเลาะกับพ่อและรับน้องมาเลี้ยง หนูนาจะเล่า เน้นปัญหาทางบ้านของทั้งสองคนมากกว่านะคะ ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้

แต่หลังจากนี้ ทั้งแทนคุณกับมาวินกำลังเติบโตไปพร้อมกันค่ะ เรื่องนี้เบากว่าน้องมิณทร์ลุงอ้ายมากเลยนะคะ

อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยน้า ขอบคุณค่ะ

เจอกันตอนหน้าเน้อ
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 07-10-2016 10:16:35
รอดูทั้งคู่ค่ะ เริ่มเข้าหากันแล้วเย่ๆ
ใครนะที่จ้องเล่นงานแทนคุณ พี่กาย?
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-10-2016 16:28:21
อย่างเรียกได้ว่าแทนคุณเป็นคนสองบุคลิกหรือป่าวนะ? :hao4:
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-10-2016 17:28:57
อย่างเรียกได้ว่าแทนคุณเป็นคนสองบุคลิกหรือป่าวนะ? :hao4:
จะเรียกแบบนั้นก็ได้ จะเรียกนางว่าจิตก็ได้ค่ะ เพราะนางมีปม
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-10-2016 20:49:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-10-2016 22:01:51
รอดูทั้งคู่ค่ะ เริ่มเข้าหากันแล้วเย่ๆ
ใครนะที่จ้องเล่นงานแทนคุณ พี่กาย?
ต้องรอลุ้นด้วยกันจ้า
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 08-10-2016 02:22:09
เนื้อเรื่องเข้าที่ละ มาต่อให้จบนะคนแต่ง 5555555 (กดดันๆ)
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๗ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 08-10-2016 03:23:26
เนื้อเรื่องเข้าที่ละ มาต่อให้จบนะคนแต่ง 5555555 (กดดันๆ)

ไม่กดดันเพราะเขียนจบแล้ว อิอิ
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๘ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 08-10-2016 12:21:42


ตอนที่ ๘

เสียงพริกแกงประสมกับน้ำมันร้อนกระทบกันดังซ่าอยู่ภายในครัว ไม่นาน ผู้ที่นั่งอยู่ข้างนอกจำต้องจามออกมากับความฉุนของมันจนน้ำหูน้ำตาไหล แทนคุณยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เดินกุมจมูกพาร่างของตัวเองไปชะโงกหน้าดูว่าเจ้าบ้านกำลังทำเมนูอะไรอยู่ เห็นมาวินจับตะหลิวผัดปลาดุกที่ผ่านการทอดจนฟูกับพริกแกงอย่างกระฉับกระเฉง

หลังหยิบจับเครื่องปรุงโน่นนี่เทใส่กระทะแล้วเสร็จก็หยิบใบมะกรูดที่ซอยทิ้งไว้โรยใส่ คนให้เข้ากัน จากกลิ่นฉุนแสบจมูกก็หอมหวนชวนให้ลองชิม คนยืนมองเห็นท่าแล้วก็เข้าใจได้เลยว่ามาวินเก่ง หลังมองเมนูอื่นที่วางไว้อยู่บนโต๊ะอาหาร แม้นว่าจะเป็นธรรมดาชาวบ้าน แต่สำหรับชายหนุ่มที่ต้องดูแลน้องสาวด้วยตัวคนเดียว หนำซ้ำเป็นพวกชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ ค่อนข้างยากที่จะทำอาหารเป็นชิ้นเป็นอันเช่นนี้

ขณะที่อีกฝ่ายกำลังบรรจงตักกับข้าวใส่จาน แทนคุณจึงเดินเข้าไปขนาบข้าง ชะโงกเข้าไปดูให้ชัดเจนว่าฝีมือของมาวินเก่งกาจจริงหรือไม่ อีกฝ่ายเงยขึ้นมาสบตา เผยรอยยิ้มอยู่วินาทีหนึ่งราวกับรู้ทันว่าแทนคุณกำลังนึกดูถูกเขาอยู่ หากมาวินไม่มั่นใจ จะหาญชวนแทนคุณมาร่วมโต๊ะด้วยหรือ

“เอ้า ยกกับข้าวไปเรียงบนโต๊ะซี มัวยืนมองอะไร” พ่อครัวยื่นจานให้ พร้อมทั้งทำยื่นปากไปยังโต๊ะอาหารขนาดพอดีกับประชากรใกล้ประตูครัว แทนคุณรับไปถือ จำต้องเดินเอาไปวางอย่างที่อีกคนสั่ง “แล้วก็จัดจานรอด้วยนะ จัดเป็นใช่ไหม”

แทนคุณเงยมองร่างสูงโปร่งของคนสั่ง ขณะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วหันไปจัดแจงข้าวของหน้าเตา นี่มาวินคิดจริงหรือว่าเขาจะทำอย่างที่สั่ง

“ชักจะเกินไปแล้วนะ ผมเป็นแขกนะ”

“แขกก็ควรจะรู้จักมารยาทสิ นี่มากินข้าวบ้านเขาจะนั่งรอให้เขาเอามาป้อนหรือไง” มาวินเดินมาหยุดอยู่ข้างแทนคุณ มองมือหนาขณะหยิบจับจานพลาสติกเกรดต่ำวางเรียงกันบนโต๊ะอย่างไม่พูดไม่จา ก่อนจะหยิบช้อนส้อมวางไว้ให้อย่างเหมาะเจาะครบจำนวนสมาชิก

ดูเหมือนจะชำนาญ หากทว่ามาวินแอบระบายยิ้มยามเจ้าตัวคอยเงยขึ้นมามองเขา ราวกับต้องการขอความเห็นว่าที่ทำอยู่นั้นถูกต้องหรือเปล่า มาวินทำได้เพียงพยักหน้ารับอยู่เนืองๆ

“ก็ทำได้นี่นา”

คนฟังดูเหมือนจะพอใจ ยามถูกมาวินชมพร้อมตบบ่าเขาเปาะอย่างสนิทใจ

คนชมชะงัก ก้มลงมองมือตนเองบัดนี้ถูกอีกฝ่ายเคลื่อนมือหนาขึ้นมากุมมือเขาอีกที ทำเอามาวินใจไม่ดียามเห็นแทนคุณแสร้งเป็นคนไม่รู้สึกรู้สา ขณะที่หูแดงฉ่า หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เงยขึ้นมาสบตามาวินแม้แต่น้อย เหตุใดชายหนุ่มจึงรู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูกเช่นนี้

ให้ตายซี หมอนี่ก็มีมุมน่ารักอยู่เหมือนกัน

“กับข้าวหอมไปถึงข้างบนเลยค่ะพี่วิน เอมมาช้าเกินไปไหม ปล่อยให้รอแย่เลย” เสียงของผู้มาให้ทำให้ทั้งสองที่ยังตกอยู่ในช่วงอารมณ์แปลกหลุดออกมาได้ มือของทั้งคู่ถูกผละออกอย่างรวดเร็วอย่างไม่ต้องนัดหมาย พร้อมกับความรู้สึกที่คุกรุ่นเมื่อครู่หายไป

“ไม่หรอก นี่พี่ก็เพิ่งทำกับข้าวเสร็จ”

มาวินทรุดนั่งข้างแทนคุณ อีกมุมเป็นเอมมิกาที่รีบนั่งลงอย่างไม่ต้องบอก มองเหล่าอาหารอย่างตื่นตาดีใจ “มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย เอมนอนโรงพยาบาลมาหลายวัน คิดถึงกับข้าวฝีมือพี่วินมากเลยค่ะ ดูน่าอร่อยใช่ไหมคะอาจารย์” ประโยคสุดท้ายหันไปถามแทนคุณ

แขกตัวสูงพยักหน้ารับ ขณะที่มาวินกำลังตักข้าวใส่ชามให้ แน่นอนว่าเจ้าตัวที่นั่งฟังย่อมมีความสุขยามถูกชมถึงฝีมือ แทนคุณไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ยิ่งได้ชิม ยิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอมมิกาจึงมั่นอกมั่นได้และกล้าที่จะอวดเขาได้ว่าพี่ชายเธอเก่ง

และอีกหนึ่งอย่างที่ชายหนุ่มสัมผัสถึงตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาด้านใน คือไออุ่นของความรักที่ยังอบอวลไปทั่วบ้านหลังเล็กนี้ เป็นสิ่งเดียวซึ่งเขาไม่เคยจับต้องในบ้านที่ตนเองเติบโตมา ไม่ว่ามันจะกว้างใหญ่เพียบพร้อมอย่างใครฝันถึงก็ตาม

“ว่าแต่อาจารย์มาอยู่นี่ทั้งวัน ที่โรงเรียนไม่ว่าหรือคะ”

เอมมิกาถามขึ้น เรียกให้มาวินชำเลืองตามอง

“ก็...วันนี้คงได้ทำงานที่โรงเรียนเป็นวันสุดท้ายแล้ว”

“หมายความว่าไง” มาวินย้อนอย่างไม่อยากเชื่อ ครั้นเห็นสีหน้าของแทนคุณคล้ายลำบากใจที่จะพูดถึง นั่นทำให้ชายหนุ่มเดาได้เลยว่าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่พอควร ยามแทนคุณถอนใจก่อนจะเอ่ยตอบ “ครูถูกสอบสวนน่ะ ตอนนี้ต้องพักงานไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด”

“เรื่องอะไรคะ ร้ายแรงหรือเปล่า”

“เอม...” เอมมิกาหันไปสบตามาวิน เด็กสาวเข้าใจดีว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ จึงเงียบไปเมื่อมาวินเลือกที่จะปรามมิให้เธอซักไซ้แทนคุณเสียจนลำบากใจ เธอหันไปก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก ลอบกวาดสายตามองบรรยากาศระหว่างทั้งสามอย่างเงียบเชียบ

“แล้วนี่ นายก็ต้องอยู่เฉยๆ ระหว่างรอผลสอบสวนน่ะหรือ”

“อาทิตย์นี้ผมคงต้องเร่งรวบรวมหาหลักฐานให้ตัวเองพ้นผิดไปก่อน” แทนคุณวางช้อนส้อมในมือ หันไปสบตาคนถามขณะเล่าอย่างไม่นึกปกปิด นั่นทำให้เด็กสาวที่นั่งมองอยู่รู้สึกถึงความผิดปกติ “พูดง่ายๆ ผมต้องหาข้อมูลมาแก้ตัวให้ตัวเอง เพื่อลบคำสบประมาทของคนอื่น”

“นี่คือเหตุผลที่นายไม่ติดต่อฉันมาใช่ไหม”

เอมมิกาหันขวับไปมองพี่ชายอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง แม้นภายในใจไม่อยากคิดเช่นนั้น หากทว่าระหว่างมาวินกับแทนคุณที่เธอเคยพบเจอเมื่อก่อน บรรยากาศไม่เรียบง่ายเช่นนี้ มันต่างครุกรุ่นไปด้วยความน่าอึดอัด

เหตุใดวันนี้จึงดูเหมือนคุยกับคนสนิทเช่นนี้ พี่ชายเธอ กับฝ่ายปกครองของโรงเรียน...

“จะกลับเข้าไปเรียนวันไหน เอมมิกา” แทนที่จะตอบคำถามของมาวิน แทนคุณผละไปสบตาของผู้เป็นน้องสาวแทน

มาวินเข้าใจได้เลยว่านี่คือแทนคุณคนเดิมก่อนที่จะเผยธาตุแท้ให้เขารู้จักอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ยังดูเหมือนจะกลบเกลื่อนความสัมพันธ์ ทั้งที่ปากก็พูดว่าอยากจะบอกให้เอมมิกาทราบ หากทว่าชายหนุ่มไม่ถือสาสักนิด เพียงแค่เบี่ยงประเด็นไปยังน้องสาว

“ก็อีกสองสามวันค่ะ ที่จริงหนูอยากไปพรุ่งนี้เลย” เธอคลี่ยิ้ม หันมองมาวินราวกับทราบว่าพี่ชายต้องส่ายหน้าไม่ยินยอมแน่

“ที่จริง ครูคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็ได้ แต่เห็นว่าเธออยากจะไปโรงเรียนก่อนที่ครูจะถูกสอบสวนอีกครั้ง ก็เลย...”

ในเมื่อทุกอย่างไม่กระจ่าง แทนคุณห่วงความรู้สึกของเอมมิกายามเดินทางไปถึงโรงเรียน ไม่อยากให้เด็กสาวต้องแบกรับความเลวร้ายที่คนอื่นสาดเทใส่ แม้ความเป็นจริงเอมมิกาจะไม่ผิดก็ตาม แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจทำร้ายจิตใจเธอกว่าที่คิด

“ครูอยากบอกเธอ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องใหญ่นี่ มันเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างครูกับเธอ ถ้าเธอจะไปโรงเรียนทั้งที่ทุกอย่างยังไม่กระจ่างดี เธอจะลำบากและได้รับผลกระทบแน่นอน”

สองพี่น้องหันมามองแทนคุณเป็นจุดเดียว หากเป็นมาวินที่สอบถามเขา มิใช่เอมมิกา “หมายความว่ายังไง เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่แรก”

“ผมคิดว่าจะจัดการได้เอง เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะผม ผมไม่อยากโยนปัญหามาให้คุณ แค่ปัญหาของคุณเองก็ทำให้คิดมากพอแล้ว” แทนคุณสบตาคนฟัง ดูเหมือนมาวินเองก็ไม่ใจร้อนที่จะผลีผลามต่อว่าเขาก่อนฟังเหตุผล เพราะอยากรู้ความจริง ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้นว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรไปพร้อมกันกับเอมมิกา

ครั้นฟังจบ มาวินก็ถึงกับตีหน้าตักตัวเองฉาดใหญ่ด้วยความโมโห “เด็กสมัยนี้ ทำไมแกล้งกันรุนแรงจังเลย ไม่คิดถึงจิตใจคนถูกแกล้งบ้างหรือว่าจะรู้สึกยังไง อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนทำ พ่อจะจับสอนให้”

“ถ้าอย่างนั้น เอมขอไปโรงเรียนพรุ่งนี้เลยได้ไหมคะ”

“เอม! ก็รู้อยู่ว่ามีคนคอยจะแกล้งจะรีบไปโรงเรียนอีกทำไม” มาวินหันไปหาน้องสาว

“ก็อาจารย์ถูกพักงานอย่างนี้แล้วจะไปหาหลักฐานให้ตัวเองที่ไหนเล่าคะ เอมต้องไปโรงเรียนค่ะ จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่มากนี่คะ กระทบกับงานอาจารย์โดยตรงเลย อีกอย่าง...เอมก็อยากทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ในสายตาคนอื่นเหมือนกัน” น้ำเสียงของเด็กสาวมุ่งมั่นตั้งใจเวลากล่าว ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองยังสิ้นหวังกับสิ่งที่เผชิญ ครั้นเห็นสีหน้าที่มีความตั้งใจของน้องสาวแล้ว

มาวินจำต้องทอดถอนใจ ยอมแพ้กับความแข็งแกร่งของเธออย่างเสียมิได้ “ก็ได้ พี่ยอมให้ไป” ในขณะที่เธอเผยรอยยิ้มดีใจ พี่ชายก็ชี้นิ้วบอกข้อแม้ว่า “แต่อย่าหาเรื่องให้ตัวเองลำบากนะ”

แทนคุณมองระหว่างสองพี่น้องนิ่ง คงเพราะกำลังรู้สึกดีที่ทั้งสองคนคิดช่วยเหลือเขาอย่างไม่นึกถึงความปลอดภัยของตนเอง ทำให้สรรหาคำไหนมาพูดแทรกไม่ได้ ความรู้สึกพวกนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยได้รับจากใครที่ไหนมาก่อน

หลังทานมื้อเย็นแล้วก็เป็นเวลาที่จะต้องลากลับ มาวินเห็นเอมมิกาจะลุกเดินไปส่งแทนคุณด้วยก็รีบปราม อยากให้เธอนั่งพักอยู่ในบ้านมากกว่า “รอตรงนี้ก็ได้เอม ไม่เสียมารยาทหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งอาจารย์ให้เองนะ ใช่ไหมคุณ...”

ท้ายประโยคคนกล่าวหันไปกระทุ้งศอกใส่สีข้างแทนคุณ

“ใช่ ครูไม่ว่าหรอก”

เอมมิกามองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยรอยยิ้ม “งั้น ขับรถดีๆ นะคะอาจารย์”

ได้ฟัง ทั้งสองส่งยิ้มให้ ก่อนจะหมุนตัวจะเดินออกจากบ้านไปเพราะสายตาที่เด็กสาวกำลังสบมองนั้น ดูเหมือนจะจับผิดไปเสียหมดทุกอย่าง ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไร มาวินสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานคงต้องลำบากอธิบายกับเอมมิกาให้เข้าใจแน่

“นี่!” แต่ไม่ทันจะก้าวเท้าออกจากบ้าน เสียงแหลมของเธอก็สาปให้ทั้งสองชะงักเท้ากึก หันไปมองคนกล่าวพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “ทั้งสองคนน่ะ กำลังคบกันใช่ไหมคะ!”

สิ้นคำ มาวินเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าน้องสาวจะรู้ทัน คงเพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน ชายหนุ่มจึงคิดว่าเอมมิกาอาจไม่รู้ก็เป็นได้ ผิดกันกับแทนคุณ ที่พอจะรับได้ระดับหนึ่งว่าเอมมิกาฉลาดกว่าที่ใครคิด ชายหนุ่มมองร่างผอมบางของเธอเดินมาหยุดตรงหน้า ไม่มีแววเคืองโกรธ ไม่มีแววผิดหวังอะไรฉายให้ชายหนุ่มทั้งสองเห็น

“หนูรู้แล้วค่ะ หลายเดือนแล้วที่พี่เอกไม่มาที่นี่ มันหมายความว่าพี่วินอาจเลิกกับเขาไปแล้วก็ได้ แล้วก็...อาจารย์ก็เคยมาค้างที่บ้านด้วย ทั้งสองปิดหนูไม่มิดหรอกนะคะ แอบคบกันทำไมคะ กลัวหนูเสียใจงั้นหรือ หนูไม่ใช่เด็กนะ ถึงพี่เอกจะคบกับพี่วินหลายปีและดีกับหนูมาก แต่ถ้าเป็นสิ่งพี่วินตัดสินใจหนูก็ต้องยอมรับได้อยู่แล้ว...”

“เอม คือ...” มาวินกุมบ่าน้องสาว เขาพูดไม่ออกเพราะความคิดของเอมมิกาเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ

เธอไม่รู้ถึงความสัมพันธ์จริงแท้ของเขากับแทนคุณ

“พี่กะจะบอกเอมแล้ว แต่เอมกำลังป่วยน่ะ ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่...”

“แต่ก็ดูเหมาะเหมือนกันนะคะ แบบนี้ก็น่ารักดีค่ะ...”

คำพูดสุดท้ายของเอมมิกา สะท้อนใจให้สองหนุ่มหันไปสบตากันอย่างนึกตกใจและคลายความกังวลไปได้เปราะหนึ่ง ไม่นาน เห็นว่ามืดค่ำแล้วแทนคุณจึงขอตัวกลับบ้าน ตลอดทาง ขณะบังคับยานพาหนะเคลื่อนแล่นบนท้องถนน ชายหนุ่มยังจดจำถ้อยคำของเด็กสาวยามกล่าวถึงพี่ชายตัวเองและเขาอยู่เลยว่า ทั้งคู่ดูเหมาะสมกัน

เหตุใดไม่ทราบ ทำให้ใจของแทนคุณชื้นขึ้นหลังประสบปัญหา และไม่สามารถห้ามให้ตนเองหยุดยิ้มได้เลย

กว่าสองทุ่ม แทนคุณฝ่ารถติดเดินทางถึงบ้านพักของตนเอง จากอารมณ์เคยดีพลันหม่นหมองลงเมื่อเหลือบไปเห็นใครสักคน ยืนกระวนกระวายใจทั้งที่สวมชุดนอนอยู่หน้าบานประตูใหญ่ของบ้าน ครั้นหล่อนเห็นเขา ก็ย่ำเท้าตรงดิ่งมาหาแทนคุณทันที “คุณแทน! หายไปไหนมาทั้งวัน แม่โทรหาคุณตั้งหลายรอบ ทำไมเป็นคนแบบนี้กันหา”

ชายหนุ่มถอนใจ “มีเรื่องอะไรครับ”

“ยังจะถามอีกว่ามีเรื่องอะไร แม่บอกคุณแทนไปแล้วนี่ว่าวันนี้มีนัดดูตัว แล้วหายไปไหนมา ทำไมถึงปิดเครื่องหนี รู้ไหมนี่จะเป็นหนทางเดียวที่คุณแทนจะพ้นความผิด เสียหน้าไหมที่ให้ฝ่ายหญิงมารอเก้อน่ะ อย่าเดินหนีแม่นะ คุณแทน คุณแทน!”

แทนคุณปวดหัว ไม่สนใจเสียงแหลมของคนด้านหลัง แม้จะทราบดีว่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะพยายามทำให้แทนคุณทำตามในสิ่งที่นางต้องการ

ชอบนัก ที่จะบงการชีวิตเขา

 

อากาศยามสายของวันนี้ค่อนข้างร้อน แทนคุณลงมาด้านล่างคฤหาสน์สายกว่าทุกวันเพราะมิได้ออกไปทำงาน อีกหนึ่งอย่างคือรอให้ทุกคนออกจากบ้านไปก่อนแล้วจึงค่อยออกมา เพราะไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากคุยกับใคร ที่นี่มีสมาชิกภายในครอบครัวทั้งหมดห้าคน ประกอบไปด้วยแทนคุณ มารดานามว่าคุณภาวิณี นายสุชาติ พ่อเลี้ยงผู้เป็นบิดาของทิวากรและเพทาย ฝาแฝดที่มีศักดิ์เป็นน้องๆ ของเขา

นายสุชาติเป็นผู้บริหารบริษัทคู่ค้าของมารดาเขามาก่อน ก่อนจะได้รู้จักสนิทสนมกัน และแต่งงานใหม่หลังจากบิดาเขาเสียชีวิตตั้งแต่ไม่กี่ขวบ แทนคุณไม่เคยมีปัญหากับพ่อเลี้ยงของตัวเอง สิ่งที่รบกวนใจของเขาคือท่าทีของมารดาทั้งสิ้น

นางตั้งความหวังเขาไว้สูงเกินไป...

แต่คิดว่าทุกคนจะไปหมดแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกผิดคาดเมื่อเห็นมารดานั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร นางชำเลืองมามองเขาอยู่ครู่หนึ่งราวกับรู้ทางแทนคุณแล้วจนหมดสิ้น

“อย่าเพิ่งไปไหนทั้งนั้นคุณแทน มาคุยกับแม่ก่อน”

นางรอเขา ถึงขั้นไม่ยอมเข้าบริษัท

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ผมตอบคุณไปแล้ว”

“ไม่ได้ นั่นไม่ใช่คำตอบที่แม่กำลังรอฟัง” ชายหนุ่มหันไปสบมองเจ้าของเสียงทรงพลังยอมออกคำสั่งเขา “ที่ผ่านมาคุณแทนก็เห็นนี่ว่าแม่เลือกทางที่ดีให้มาโดยตลอด แต่งงานซะคุณแทน แล้วเลิกเป็นอาจารย์ไร้สาระนั่นสักที มาทำงานที่บริษัทกับแม่...”

“พอได้แล้ว!”

ชายหนุ่มไม่อาจทานไหว เพราะภาพที่ตนเห็นเบื้องหน้านั้นแตกต่างจากที่เคยพบเจอสมัยเด็ก มารดาผู้แสนดีที่เอาใจใส่ลูกยามนี้ไม่มีจริงทั้งสิ้น ทุกอย่างล้วนโกหก เช่นเดียวกับภาพพจน์แสนดีที่เขากำลังทำหลอกลวงผู้อื่นอยู่นี่! “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าผม มันไม่เนียน!”

คนฟังชะงัก “คุณแทน...”

“จำได้แล้วหรือ ว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง บอกไว้เลยนะว่าผมไม่มีทางลืมมันแน่ ชั่วชีวิตนี้ ไม่ว่าคุณจะพยายามทำดีกับผมแค่ไหนก็ตาม!”

ชายหนุ่มตัวสั่น เมื่อภาพดวงตาดวงหนึ่งสาดส่องเข้าไปในช่องประตูผุพังฉายเข้ามาให้เห็น ในความทรงจำสมัยเด็ก ภายในความมืดของห้อง มีเพียงแสงของดวงตาข้างนั้นที่สาดสะท้อนแสงจันทร์ในความมืดมิดเพียงสิ่งเดียว พร้อมกับหัวใจของชายหนุ่มที่เต้นโครมคราม

เมื่อเห็นหน้ามารดา แทนคุณปัดภาพนั้นออกจากความคิดไม่ได้

เสียงมารดาร้องตามเขาอีกครั้ง หากทว่าชายหนุ่มเลือกที่จะย่ำเท้าตามอารมณ์ตนเองออกมาด้านนอก ก่อนที่จะไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนเอง พลั้งพลาดทำอะไรลงไปด้วยความไม่ตั้งใจ บังคับรถยนต์ออกจากด้วยอย่างเร็วรี่โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

ที่จริง แทนคุณก็พอรู้ว่าตัวเองจะไปไหน

ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรได้ รถยนต์ของเขาก็เคลื่อนไปจอดหน้ารั้วบ้านไม้สีฟ้านี่โดยอัตโนมัติ ไม่ทันจะได้เลือกด้วยซ้ำ ใจของเขากลับพาชายหนุ่มมาที่นี่เสียเอง หลังสงบใจได้สักพัก แทนคุณมองเข้าไปด้านข้างในของบ้านพักหลังนี้อยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอาอย่างไรแน่ แต่ครั้นเห็นมาวินออกมาชะโงกดู มือของเขาก็เร่งดับเครื่องยนต์ แล้วออกไปหยุดยืนอยู่หน้ารั้วรอให้อีกฝ่ายเปิดประตู

มาวินเองก็รีบสวมรองเท้า วิ่งออกมาทันทีที่เห็นว่าเป็นรถของใคร “ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน...”

คนถามชะงัก หลังเปิดประตูแล้วแทนคุณเลือกที่จะดิ่งเข้ากอดเขาแทนการพูดคุยทักทาย ชายหนุ่มสับสน มือไม้วางไม่ถูกตำแหน่งและไม่รู้จะเก็บไว้ไหน ท้ายที่สุด มาวินเลือกจะวางลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างระวังท่าที

เวลาจะแสดงออกก็กล้าเสียน่าตกใจ ผิดวิสัยแทนคุณ หรือหมอนี่กำลังเผชิญเรื่องอะไรกระทบกระทั่งจิตใจมาอีก

ดูเปราะบางกว่าที่มาวินคิดนัก ความรู้สึกของชายตรงหน้า

“ยังไม่ทันได้กินข้าวมาหรือ งั้นฉันไปทำมาให้ก็แล้วกัน แต่มีแค่ข้าวไข่เจียวนะ” มาวินวางแก้วน้ำให้แขกที่นั่งบนอยู่บนโซฟา หลังเห็นท่าว่าแทนคุณกำลังหิว ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับไม่ปริปากบ่น ทำท่ากวาดสายตาหาเอมมิกาไปพลาง

“เอมไปโรงเรียนแล้วน่ะ ก็อย่างที่คุยกันไว้นั่นแหละ”

แทนคุณพยักหน้าเข้าใจ นั่นทำให้เจ้าบ้านพลอยรู้สึกอัดอัดไปด้วยยามอยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง ในตอนแรกที่แทนคุณกำลังทานข้าวก็พอจะเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องคุยกัน แต่หลังจากนั้น มาวินก็เอาแต่เงียบ วางตัวไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป ชายหนุ่มลอบมองอีกฝ่ายว่ากำลังมาไม้ไหน แต่ก็เดาไม่ได้สักที

“นี่...”

น่าแปลกใจที่แทนคุณเป็นฝ่ายพูดก่อน มาวินหันไปมองคนนั่งข้างด้วยความใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายจะนำเรื่องไหนมาเป็นประเด็น ไม่ให้ภายในบ้านดูเงียบและอึดอัดจนเกินไป “คุณเอาจริงใช่ไหม เรื่องที่ถามผมเมื่อวาน”

เรื่องที่ถาม “เรื่องไหน ฉันจำไม่ได้”

“ก็...” แทนคุณลากเสียง “ตรงหน้าบ้านน่ะ...”

“อ๋อ...” มาวินเกาศีรษะ หมายถึงข้อแลกเปลี่ยนนั่นน่ะหรือ หากเขาสามารถหึงแทนคุณได้ แลกกับการถูกทำให้เจ็บปวดแล้วมาวินคิดว่ามันอาจจะคุ้ม ความรู้สึกของแทนคุณยามนี้มีแต่มาวินเท่านั้นที่รองรับได้ ในช่วงวินาทีหนึ่งก่อนที่มาวินจะถามไปเช่นนั้น ชายหนุ่มเคยคิดว่าอยากจะใช้ความหวังของแทนคุณเอง ชักจูงอีกฝ่ายให้เชื่อฟังเขา ความคิดของมาวินฟังดูสกปรก เขาสามารถหลอกให้แทนคุณหลงรักได้เพราะอีกฝ่ายไม่มีใคร

และมองเขาเป็นความหวังเดียว

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายมองอีกฝ่ายขณะสบตา ยามนี้แทนคุณดูเหมือนต้องการที่พึ่งทางจิตใจจริงอย่างที่มาวินคิดไว้ ชายหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้ารับ บอกอีกฝ่ายไปว่าเอาจริงอย่างที่เคยพูด แม้จะรู้สึกใจหาย เมื่อเห็นแทนคุณแสดงถึงความเชื่อใจ ดีใจ พร้อมแววตาที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอุ่นใจเวลาอยู่ด้วยกันกับเขา มาวินชะงัก เมื่อมือหนาของอีกฝ่ายเคลื่อนมากุมคางเขา พร้อมใบหน้าคมคายเบื้องหน้าขยับเข้ามาใกล้

เห็นในระยะนี้ แทนคุณช่างหล่อเหลา ประสมกับความน่ารักในท่าทีสุขุมนั้น ตอนที่งุดดวงตาก้มลงมองที่ริมฝีปากมาวินอย่างใจจดใจจ่อ

“ผมอนุญาต อนุญาตให้หึงเท่าไรก็ได้...”

มาวินรู้สึกประหลาดใจ ยามสบตากัน

“ทำไมยอมง่ายขนาดนั้นกัน ทีเมื่อก่อนทำเป็นเล่นตัว”

คนฟังไม่ได้ขุ่นใจกับถ้อยคำประชดประชัน มีเพียงรอยยิ้มที่เผยออก “ก็คุณดูน่ารัก ไม่เหมือนเมื่อก่อน...”

ทำไมมาวินจะไม่ทราบว่าเหตุใดเขาจึงดูเป็นเช่นนั้นในสายตาของแทนคุณ เพราะเห็นเขาเป็นของเล่นชิ้นใหม่น่ะซี

หากทว่าแทนคุณมอบจูบให้แก่เขา มันกลับไม่รุนแรง ไม่ร้ายกาจ ราวกับตั้งใจที่จะอ่อนโยนเพื่อมิให้มาวินรู้สึกหวาดกลัว นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองช่างแสนเลว ที่คิดอคติต่ออีกฝ่ายมาโดยตลอด ทั้งตั้งใจจะชักจูงคนบริสุทธิ์ใจตรงหน้าให้ซื่อสัตย์ต่อเขา ราวกับสัตว์เลี้ยงที่มาวินเคยคิด

เขาเคยกลัวความร้ายกาจของอีกฝ่าย เคยคิดว่าอยากจะเอาชนะ แต่รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองคิดผิดไปเสียทุกอย่าง

แทนคุณอย่างไรเสียก็คือแทนคุณ เขาไม่ควรเปลี่ยนมัน...

ไม่รู้อะไรดลใจมิให้มาวินปฏิเสธ เมื่อมือหนาของอีกฝ่ายเคลื่อนกอดยามต่างฝ่ายต่างแลกจูบ แววตาของแทนคุณดูเหมือนกำลังพบเจอเรื่องร้าย ต้องการคำปลอบโยน ร่างของมาวินถูกยกไปนั่งบนตักของอีกฝ่ายโดยง่าย พร้อมกับเจ้าตัวที่เงยขึ้นมาสบตา ภายใต้ความเงียบ นอกเสียจากความหวาดระแวงเพราะกลัวเจ็บตัว มาวินยอมรับว่ามันประสมความรู้สึกดีบางอย่าง

นั่นบอกเขาได้ว่ามันอาจไม่เลว หากเขาใช้ร่างกายตัวเองมอมเมาแทนคุณได้

คิดได้แล้ว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะสานต่อ เป็นฝ่ายเริ่มบริการให้ก่อนอย่างช่ำชองเก่งกาจ ไม่นาน...แทนคุณก็เครื่องติดด้วยน้ำมือคนบนตัก

 “ดะ เดี๋ยว...” มาวินถูกผลักให้ล้มลงนอนบนโซฟา กางเกงถูกกระชากออก

“ไม่ได้แล้ว เป็นใครก็ทนไม่ไหว...”

ข้อเท้ามาวินถูกกระชากให้ร่างไถลเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นเมื่อแทนคุณผลุนผลันกระทั้นเอวเข้ามา ต้องรองรับการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวถนัดนัก มือเขาทุบบ่าหนาป้องปราม ยามแทนคุณเผลอไผลควบคุมผละกำลังของตัวเองไม่ได้ ใช้กำลังกับร่างกายมาวินรองรับความรู้สึกใคร่อย่างไม่ถนอม

“อย่าสู้ มาวิน...อย่าคิดสู้ มันจะทำให้ผมตื่นเต้น ผมจะบังคับตัวเองไม่ได้” มาวินเกาะมือหนาอีกฝ่ายหอบเหนื่อย มองใบหน้าคนบอกอย่างนึกตกใจ หลังพยายามใช้กำลังปัดป้องตัวเองไม่ให้ถูกทำร้าย เขาเคยคิดว่าเมื่อถึงเวลาแล้วองค์ประกอบทุกอย่างจะทำให้แทนคุณไร้สติ เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว หากทว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนตรงหน้าพยายามทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด แต่ถึงอย่างไรเขาก็กลัวอยู่ดี

เขาไม่ไว้ใจ!

มาวินดิ้นขืน เมื่อมือหนาอีกฝ่ายคลำมาที่ลำคอ ชายหนุ่มกลัวแทนคุณพลั้งมือบีบคอฆ่าเขาเหมือนคราวที่แล้ว หากร่างหนาด้านบนก็กดคอเขาลงแนบกับพื้นโซฟา อีกข้างก็ง้างมือออกแทบจะทันที ราวกับร่างกายเป็นไปอย่างอัตโนมัติ “อย่า! อย่าต่อย อย่าทำที่หน้านะแทน ฉันไม่อยากให้เอมเห็นรอยอะไรทั้งนั้น จะทำร้ายฉันตรงไหนก็ได้...แต่อย่าให้เอมมองเห็น...”

มาวินตัวสั่น ใจหาย...เมื่อเห็นว่าแทนคุณรับฟังและคล้ายจะตกใจอยู่ในที

“มันเป็นไปเอง ผมไม่ได้อยากทำแบบนั้นกับคุณ”

นั่นกระมัง ที่แสดงให้มาวินเห็นว่าแทนคุณกำลังพยายามมีสติยามอยู่กับเขา แม้จะกลัว แม้จะรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดจำต้องอดทน

แต่อย่างน้อย ดีหน่อยที่คนด้านบนไม่ใช้ถ้อยคำหยาบโลนต่อเขาเหมือนที่แล้วมา ต่อให้เจ็บร่างกายอย่างไรก็ทนไหว หากแทนคุณไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจ

ทุกครั้งที่โน้มลงตามแรงอารมณ์ แม้จะทำให้มาวินเจ็บเท่าใด ร่างหนาด้านบนก็ยังไม่ลืมจูบซับบริเวณนั้นและพูดขอโทษ เพราะชอบที่จะทำมันจริงๆ จึงอดมิได้ที่จะทำรุนแรง ชั่วโมงนั้น มาวินไม่รับรู้อะไรนอกเสียจากเก็บกลั้นเสียงของตัวเอง มองสีหน้าของแทนคุณ สบตากันอยู่เช่นนั้น

“อย่าทำหน้าแบบนั้น...อย่าทำ...”

แทนคุณมักบอกมาวินเช่นนี้ มักโน้มลงกระซาบข้างหูยามบดเบียดกายถี่กระชั้น หลังไม่อาจทนเห็นมาวินอดทนสู้ ได้เพิ่มความรู้สึกประสันของชายหนุ่มผู้มองเขาอยู่ตลอดให้มากขึ้นไปอีกเท่าตัว แทนคุณทานไม่ไหว ฝังคมเขี้ยวลงบนบ่าคนด้านใต้จนมิด พร้อมกับความสุขสันต์ที่ถาโถมเข้าร่างไม่ยอมหยุดหย่อน ก่อนจะพากันและกันทะยานสู่จุดหมายอันเวิ้งว้างกว้างไกล

ตัวสูงใหญ่ทรุดกายลงนอนทาบทับสิ้นแรงเสียอย่างนั้น หากทว่ามาวินทราบดี ว่านี่เพียงเพิ่งเริ่มต้น นอกเสียจากไม่อยากให้มาวินรู้สึกกลัว แทนคุณก็หมั่นกระซิบบอกวิธีที่จะทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด ด้วยการหยุดทำหน้าอดทนไปกับความเจ็บปวดนี่เสียที เพราะนั่นจะทำให้แทนคุณตื่นเต้นและท้าทาย แต่ไม่ว่าจะบังคับตัวเองเช่นไร มาวินก็ไม่สามารถทำได้...

เพราะดวงตาของคนที่กำลังมอง กำลังบ่งบอกว่าชอบที่จะเห็นมันจริงๆ

ทั้งวัน แทนคุณง่วนอยู่กับการเติมเต็มความอยากของตัวเองอย่างป่าเถื่อน อาจมีบางครั้ง ยามเห็นสีหน้าและแววตาของมาวินกำลังเจ็บปวดทว่าต้องยินยอมเผชิญ ความรู้สึกผิดได้ก่อเกิดขึ้นมาทดแทนความสุขสมอารมณ์หมายที่เคยมี แทนคุณซุกกายเข้ากอดร่างนั้น ในอ้อมอกคนตัวเล็กกว่าราวขอไออุ่น ครุ่นคิดอยู่ว่าหากเป็นมาวินแล้ว อาการวิปริตที่ตนเองชื่นชอบนั้นอาจหายไปก็เป็นได้...

มาวิน ทำให้แทนคุณรู้สึกอับอายที่จะลงมือทำร้าย

ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด ยามอีกฝ่ายใช่สายตาตื่นกลัวมองมา

ทำให้อยากหันมาทนุถนอม กลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง...



------------------------------------------------------

กลับมาแล้วจ้าาาา หลังจากแอบกลับบ้านไปพักผ่อนมาสองวัน

นี่กลับมาอัพให้แล้ว พร้อมกับความสัมพันธ์ของพระนายทั้งสอง

แทนกับมาวินกำลังจะหวาน ไปพร้อมกับปัญหาที่เริ่มจะเกิดขึ้น

มาช่วยลุ้นไปพร้อมกับสองหนุ่มเน้อ ชอบก็แอดเฟบ คอมเม้นเป็นกำลังใจ แชร์ไปให้เพื่อนอ่าน

รักคนอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้า จุ๊บ!
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๘ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 08-10-2016 13:31:17
ระหว่างแทนคุณหายกับมาวินเป็นมาโซแทนนี่ จะเป็นอันไหนนะ  :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๘ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 09-10-2016 20:36:35
วันนี้ไม่มาต่อหรอ
หัวข้อ: Re: 7-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๙ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 09-10-2016 22:57:25



ตอนที่ ๙

เอมมิกามาโรงเรียนได้สามวันแล้ว คราแรกเด็กสาวรู้สึกประหม่ากับสายตาของทุกคนในโรงเรียนและเพื่อนร่วมชั้นอยู่บ้าง หากทว่ายังมีบางคนที่ยังเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา แม้นว่าลับหลังจะแอบนำไปนินทาว่าร้ายก็ตาม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ลำบากเกินจะอยู่ได้

วันนี้อีกวันหนึ่ง ที่เธอเห็นรถยนต์ของฝ่ายปกครองจอดสนิทอยู่หน้าบ้านหลังจากเลิกเรียนกลับมา ดูเหมือนทั้งสองจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับเธอสักที เอมมิกาเห็นแล้วเปิดประตูรั้ว เดินสะพายกระเป๋าเข้าไปในบ้านพักอย่างอารมณ์ดี

กวาดมองเข้าไปด้านในก็สะดุดสายตา เห็นพี่ชายตัวเองเป็นฝ่ายนั่งอยู่บนตักอาจารย์แทนคุณ “ว้าย! ทำอะไรกันน่ะ”

ทั้งสองหันมาด้วยความตกใจ เห็นเธอยกมือปิดหน้าก็กระโดดไปนั่งคนละมุมโซฟารวดเร็ว

“พี่เปล่านะ แค่นั่งคุยกันเฉยๆ”

เอมมิกาแอบยิ้มเมื่อเห็นแทนคุณทำท่ากระแอมกระไอวางท่าขรึม ไม่ทิ้งลายอาจารย์ผู้วางมาด ขณะที่มาวินส่ายหน้าปฏิเสธว่าเมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรกัน ที่จริงเอมมิกาไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เห็นท่าทางเงียบเชียบมีมาดของแทนคุณแล้วมันน่าแกล้งดี

เธอไม่เคยคิดอคติกับเขา ถึงแม้ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น แต่ดูแล้วสังเกตได้ว่าแทนคุณดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากคบกันกับพี่ชายของเธอ เขาคงกำลังสัมผัสได้ว่ามาวินตัวจริงกับภาพที่เห็นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างน่าตกใจ ไม่นานอย่างที่คิด แทนคุณอาจประทับใจมาวินจนถอนตัวไม่ขึ้น เหมือนที่เธอรักพี่ชายอยู่ตอนนี้

“อาจารย์มาที่นี่ทุกวันเลย หาหลักฐานช่วยตัวเองได้แล้วหรือคะ หนูไม่เห็นเจออะไรที่โรงเรียนเลย” ขณะถอดรองเท้าวางไว้บนชั้น เด็กสาวชำเลืองตามองแทนคุณสอบถามไปด้วย

“หาได้แล้วน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือเปล่า”

“แล้วนายจะถูกสอบสวนวันไหน” มาวินถามแทรก

“วันศุกร์นี้แล้วใช่ไหมคะ หนูคิดว่าจะเข้าไปในห้องสอบสวนด้วยค่ะ แล้วก็...คงต้องวานให้พาไปหาหมอ...”

“เอมเป็นอะไรอีก บอกพี่มา รู้สึกเจ็บตรงไหน”

พี่ชายได้ฟังก็พุ่งไปพยุงเด็กสาว พาเดินมาทรุดนั่งร่วมวงสนทนาในระยะใกล้กว่าเดิมอีกขั้น ในขณะที่สองหนุ่มตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ เอมมิกาหน้าขึ้นสี อธิบายให้ทั้งแทนคุณและมาวินฟังอย่างตรงไปตรงมาว่า “ก็...พาไปตรวจว่าหนูยังบริสุทธิ์อยู่ไงคะ จะได้เอาไปรับรองแพทย์ไปปาใส่หน้าคณะสอบสวนนั่นเลยว่าอาจารย์ไม่ใช่คนแบบนั้น อาจารย์ถูกใส่ร้าย”

“เอม...” มาวินลูบผมน้องสาว

“เอมไม่อายหรอกนะพี่วิน ให้ไปหาหลักฐานอะไรนั่น ไม่มีใครยอมรับหรอก มีแต่พวกตีสองหน้าทั้งนั้น...”

ไม่ใช่เพียงแค่มาวินที่ทำให้แทนคุณรู้สึกประทับใจ ยังมีน้องสาวที่ชายหนุ่มใฝ่ฝันอีกหนึ่งคนด้วย เอมมิกาแสดงให้แทนคุณเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวที่ดีอย่างแท้จริง สมควรแล้วที่มาวินคอยประคบประหงมตามใจ

เมื่อเอมมิกามาถึงบ้านพักแล้ว แทนคุณนึกเกรงใจเธอจึงขอตัวกลับเพราะคิดว่าไม่ควรอยู่นานนัก ขณะที่ย่างเท้าเดินคู่กันออกมาหน้าบ้าน แทนคุณครุ่นคิดอยู่เสมอว่าอยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนทั้งสองคน ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างรถยนต์ หันมองมาวินอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะวางใจมากขึ้น เมื่อได้ฟังสิ่งที่เอมมิกาเลือกทำเพื่อช่วยเขา

แทนคุณไม่คิด ว่าเรื่องที่เคยปล่อยผ่านจะหวนมาทำร้ายทั้งเขาและเอมมิกาเพียงนี้ หากฉุกคิดได้ เขาคงจัดการกับเด็กพวกนั้นตั้งแต่รู้ตัวแล้วว่ามีคนกำลังแอบมอง

“ผมอยากให้คุณย้ายบ้านนะ ไปอยู่ที่โน่นซะ”

มาวินยังง่วนอยู่กับประตูรั้วไม้เก่ากึก ขยับทีก็หลุดมาหนึ่งท่อนที “นี่ ฟังผมอยู่หรือเปล่า บ้านโทรมแบบนี้ไม่ดีต่อน้องสาวคุณนะ ไอ้ประตูไม้เก่าที่ตัวบ้านก็ด้วย เขย่าสองสามทีก็หลุดแล้ว”

“ไม่เป็นไรน่าแทน ฉันกับเอมอยู่มานานแล้วไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ยังไม่มีเวลาซ่อมมันเฉยๆ”

“คุณมันพวกชอบไปไหนมาไหนไม่บอกน้องสาว ชอบเที่ยวกลางคืน ชอบปิดโทรศัพท์ใครจะติดต่อก็ไม่ได้ นี่จะให้วัวหายแล้วค่อยล้อมคอกใช่ไหม...”

คนฟังชะงัก ผละไปมองคนกล่าวซึ่งอยู่ไม่ไกลนักกำลังกอดอกวางท่าอย่างนึกคิดตามไปด้วย มันก็จริงอย่างที่แทนคุณพูด แต่หากจะให้เขากับน้องย้ายไปอยู่บ้านของแทนคุณ มันออกจะเห็นแก่ได้เกินไปหน่อยยกระมัง

แน่นอน...

ตอนถูกแทนคุณทำร้ายมันเจ็บไปทั้งตัว ทำให้มาวินทั้งหวาดระแวงจนถึงขั้นนึกขยาด แต่แทนคุณก็ยังแสดงให้เห็นว่ายังระงับตัวเองได้ รู้สึกผิดเป็น ไม่นานมาวินก็หายเจ็บ และได้รับสิ่งตอบแทนมากมายจากแทนคุณเช่นกัน ทั้งเงิน โอกาส และความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้นเขาจะมาตีค่าทั้งหมดเป็นน้ำเงินอย่างเดียวไม่ได้ มาวินเงยขึ้นสบตาคนตัวสูงกว่า ส่ายหน้าไปด้วย

“ฉันรู้ว่านายหวังดีกับฉัน นายให้ฉันมาก็หลายอย่างแล้ว แต่...”

แทนคุณเบิกตา ก้มมองที่มือตนเองบัดนี้ถูกกอบกุมด้วยนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่าย “ฉันมันโลภมาก ถ้านายดีกับฉันแบบนี้ ตามใจฉันตลอดเวลา ฉันอาจจะคิดครอบครองนายไว้กับตัวเองได้นะ”

“ก็เอาสิ...”

คนฟังราวเหมือนถูกดวงตาแทนคุณสาป เบี่ยงไปด้านอื่นทันที “อย่ามาตอบแบบพล่อยๆ นะ”

“ใครเขาตอบแบบพล่อยๆ กัน คุณก็รู้นี่ผมชอบคนท้าทาย”

มาวินมุ่นคิ้วผละมือออก จากที่เป็นฝ่ายเริ่ม จำต้องเบี่ยงหลบของอีกฝ่ายที่ยื่นมาจับกุมของเขาแทน บางทีแทนคุณก็เป็นพวกปากตรงกับใจเกินกว่าเหตุ ชนิดคนฟังแทบทำใจไม่ได้ “กลับไปได้แล้ว ยังไงก็ไม่ย้ายหรอก เดี๋ยวจะซ่อมแล้วแหละ”

“ก็ไหนบอกว่าอยากมีเวลาส่วนตัว อยากมีพื้นที่ส่วนตัว ถ้าวันนี้เอมมิกากลับมาเจอคุณกับผมกำลัง...”

“พอได้แล้ว! ไอ้บ้านี่” พูดอะไรออกมาได้หน้าตาเฉยอย่างนี้กัน

มาวินยกมือกุมริมฝีปากแทนคุณปราม เกรงว่าเอมมิกาจะมาได้ยินหัวข้อสิบแปดบวกระหว่างทั้งคู่ ถึงเธอจะรับรู้ถึงสถานะของพวกเขา แต่มาวินยังรำลึกได้เสมอว่าไม่ควรประเจิดประเจ้อให้น้องสาวเห็น นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งทำให้เขากับบิดาเกิดบาดหมางกันก่อนเขาจะแยกตัวออกมา หากทราบ ท่านคงโกรธมากแน่ที่เขาปล่อยให้น้องสาวรับรู้และเห็นเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด

เอมมิกาผูกพันกับเอกณรงค์เช่นกัน รายนั้นหยิบยื่นทุกอย่างให้ราวกับเธอเป็นน้องสาวแท้ เอกณรงค์เป็นเกย์แท้ที่ไม่สนผู้หญิงเลยแม้แต่นิด นั่นจึงทำให้มาวินวางใจไปเปราะหนึ่ง หากทว่าแทนคุณไม่เหมือนกัน

แทนคุณไม่ใช่เกย์ แทนคุณเพียงแค่ไม่มีทางเลือกที่จะคบกับใคร

เขาไม่ควรให้น้องสาวไปอยู่บ้านของแทนคุณไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

“ไม่รู้ว่าหน้าด้านถามไปอย่างนี้มันจะดีหรือเปล่า...”

เสียงทุ้มของอีกฝ่ายดังขึ้นฝ่าความเงียบ ขณะที่มาวินหลุดลอยอยู่ในความคิดของตัวเองแล้ว ความคิดที่อย่างไรเสียก็มีแต่แง่ร้ายต่อแทนคุณ ชายหนุ่มเงยขึ้นสบ นึกแปลกใจเมื่อมือที่กุมเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง มากุมบ่าของเขาบริเวณที่ถูกกัดเมื่อสองสามวันก่อน มาวินหยีหน้าด้วยความเจ็บ เหตุเพราะยังไม่หายระบมดีนัก

“นายจะถามอะไร” มาวินกุมบ่าของตนเอง หลบนัยน์ตาคมที่งุดลงมองอย่างสนใจ

“ผมได้คำตอบแล้ว ยังเจ็บอยู่ซีนะ มันดูแปลกนะที่ถามแบบนี้ แปลก...”

“ไม่ ไม่แปลก...”

มาวินรีบส่ายหน้าเถียง แทนคุณไม่ผิดที่จะสำนึกกับสิ่งที่ทำ มันดีเสียด้วยซ้ำที่เขายังมีความรู้สึกนี้อยู่ แทนคุณไม่ได้เลวเสียจนไม่สามารถดึงรั้งกลับมาได้ คนบอกเชยตาขึ้นสบไปด้วยความสัตย์จริงของใจ “ไม่แปลกเลยนะ นายไม่แปลกอะไรเลย ดีเสียอีก ฉันดีใจมากเลยที่นายถาม...”

คนกล่าวยกยิ้ม กุมมืออีกฝ่ายที่ยังทิ้งอยู่บนบ่าตนเองด้วยการส่งความเชื่อมั่นไปให้อีกฝ่ายทราบ ถึงจะมีความคิดหนึ่งนึกหวาดกลัว มาวินเองก็ยอมรับว่ายังมีความรู้สึกดีประสมอยู่ แทนคุณเหมือนกำลังเดินอยู่ในทางมืด ยังคิดว่าตนเองแปลกแตกต่างกับคนอื่น หากยังดีอยู่เช่นนี้คงมีสักวันหนึ่งที่มาวินยอมเปิดใจ ผันตนเองมาเป็นแสงสว่างให้แทนคุณเดินไปยังจุดหมาย

“ขอบคุณนะ” คนตรงหน้าพูดคำอื่นไม่ออก เพียงระบายยิ้ม

ดูเหมือนจะอีกไม่นาน มาวินครุ่นคิดทั้งยังสบมองชายเบื้องหน้า ใครกันกล้าปล่อยชายบริสุทธิ์ผู้น่าสงสารให้เดินในทางมืดคนเดียวได้นานกันเล่า

 

วันถูกสอบสวนเดินทางมาถึงพร้อมกับแทนคุณและเอมมิกาที่เดินถือเอกสารเข้าไปในตึก พร้อมกับสายตาเหล่านักเรียนที่ยังจับมองพวกเขา น่าแปลกที่วันนี้คุณภาวินีมารดาเขาเลือกไม่ไปบริษัทและตามมาดูการสอบสวนด้วย ครั้นไปถึง ชายหนุ่มยังเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถพ้นสิ่งถูกใส่ร้ายได้ จริงอยู่ว่า ข้อหานี้มันฉาวและทำให้เสื่อมเสียถึงวงการการศึกษา และเขาน่าจะถูกแบนตั้งแต่เรื่องเกิด

หากทว่าเขาไม่ยอมรับข้อสงสัยทั้งหมดและยืนยันจะหาความจริง นั่นทำให้เรื่องยืดยาวมาจนถึงตอนนี้ ทั้งคณะอาจารย์ผู้สอบสวนและผู้อำนวยการเองคงคิดว่าเขาอาจยอมออกจากงานไปโดยง่าย เพราะที่จริงลำพังเงินเดือนครูก็ไม่ได้ทำให้เขาอยู่ดีมีกินขึ้นมา ร่ำรวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อาชีพครูก็แค่เป็นแค่อาชีพคั่นเวลาแก้เหงาไปพลางเท่านั้น แต่มิใช่...แทนคุณรักที่จะทำอาชีพนี้ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อได้กลับมาทำงาน

เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ทางโรงเรียนจึงเปิดรับให้ผู้ปกครองบางท่านเข้ามารับฟังการสอบสวนด้วย

มาถึง แทนคุณกางข้อมูลทุกอย่างต่อหน้าเหล่าอาจารย์ผู้ใหญ่ พร้อมกันกับเอมมิกาที่นั่งฟังอย่างสงบ เขาเริ่มเล่า ตั้งคำถามว่ามันน่าสงสัยเกินไป ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเกินกว่าที่จะเป็นฝีมือเด็กเหล่านั้นได้

เขาครุ่นคิดอยู่หลายวันว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง กระทั่งกลับไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยอีกครั้งเพื่อสอบหาความจริงเมื่อหลายวันก่อน ยามคนหนึ่งเกิดหลุดปากพูดว่าไม่มีอะไรหายไปทั้งนั้น นั่นเป็นคำตอบว่าต้องมีอะไรหายไปแน่ แทนคุณพาช่างเทคนิคกลับมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบ กลับถูกกีดกันจากหัวหน้ารักษาความปลอดภัย บอกว่ารองผู้อำนวยการไม่อนุญาต

“เดี๋ยวครับอาจารย์ อาจารย์หมายความว่าผมไม่ให้ความร่วมมือกับอาจารย์น่ะหรือครับ” ท่านรองผู้อำนวยการยกมือขึ้นกล่าวแทรก “ผมให้เหตุผลไปแล้วนี่ครับว่ากล้องบริเวณนั้นชำรุด ผมว่าคุณกำลังเบี่ยงประเด็นนะครับ เราให้เวลาคุณหาข้อมูลแก้มัดตัวเองนะ”

“ใช่ครับ นี่แหละสิ่งที่ผมหาได้ ตอนนี้ผมไม่ได้กำลังเบี่ยงประเด็นอะไรทั้งนั้น ผมกำลังพูดออกมาตรงๆ ว่ามีใครบางคนกำลังดิสเครดิตผม ต้องการให้ผมถูกแบนจากกระทรวง”

“พูดอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ หลักฐานมีอยู่ทนโท่ว่าคุณทำอะไรกับนักเรียนอยู่หน้าห้องพยาบาล แถมมีข่าวจากนักเรียนคนอื่นอีกว่าวันนั้นคุณเป็นคนอุ้มนักเรียนคนนี้ไปที่ห้องพยาบาลด้วย คุณสองคนมีความเกี่ยวข้องกันเชิงชู้สาวให้เห็นอย่างชัดเจน แต่จะมาเล่าเป็นตุเป็นตะว่ามีใครกำลังกล่าวหาคุณไม่ได้”

“อาจารย์คะ หลักฐานของอาจารย์มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังตั้งข้อสงสัยค่ะ” ทั้งรองผู้อำนวยการ อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสมทบกันทำให้แทนคุณพูดไม่ออก คงเพราะต้องใช้เวลาที่จำกัด ทำให้เขาหาข้อมูลที่ทุกคนคิดว่าไม่มีจริงได้ทัน

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย “ผมตอบก็ได้” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผมกับเอมมิกาไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอะไรทั้งนั้น”

“นี่คุณยังจะปฏิเสธแบบไม่มีหลักฐานอย่างนี้ต่อไปอีกหรือครับ”

“ดูเหมือนท่านรองต้องการให้ผมยอมรับเสียเต็มประดานะครับ” ชายหนุ่มย้อนไปในทันที กวาดสายตาคมไปจบลงที่ร่างตรงกันข้าม พร้อมกับชายวัยกลางคนผู้สวมสูทภูมิฐานเบื้องหน้าเปลี่ยนท่าทีอย่างลืมตัว หลังทุกสายตาหันไปมองเป็นจุดเดียว นั่นแหละคือสิ่งที่แทนคุณต้องการ

“ผะ ผมเปล่าสักหน่อย แค่ไม่อยากเสียเวลาเท่านั้นเอง”

“มันเสียเวลาตั้งแต่แรกแล้วแหละครับ เพราะผมกับเอมมิกาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแบบนั้นจริงๆ” ชายหนุ่มกล่าว ขณะรับเอกสารจากมือเอมมิกาไปถือ เอกสารที่เรียกให้เหล่าคณะอาจารย์และผู้ปกครองหันมาสนใจ ว่านี่จะเป็นไม้ตายใดมางัดกับข้อกล่าวหา

ขณะเปิดซองสีน้ำตาล แทนคุณยังเห็นแววตาหวาดหวั่นของท่านรองว่าเขาจะนำอะไรมาเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อลบความผิดของตัวเอง

เพราะท่านรองเคยมั่นใจว่าปิดทุกอย่างไว้ได้มิดชิดแล้ว

แต่ก็ยังกลัวจะมีอะไรหลุดออกมาอยู่ดี

“ถ้าผมกับเอมมิกาจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเชิงชู้สาวอย่างแน่นอน”

“อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้นคะ” อาจารย์หญิงผู้หนึ่งกล่าว ขณะรับเอกสารที่ถูกแจกไปเปิดอ่าน เพียงครู่เดียวก็เงยขึ้นมาสบมองแทนคุณและเด็กสาวสายตาไม่เชื่อ หลังเห็นว่าเป็นใบรับรองแพทย์ ที่พิสูจน์ความจริงว่าเอมมิกาไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน

“เด็กคนนี้ยังบริสุทธิ์อยู่”

จากนั้น ในห้องประชุมที่เงียบสงบกลับมีเสียงซุบซิบเกิดขึ้นพร้อมกับดูหลักฐานไปด้วย หากมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นที่เอ่ยขึ้น มิใช่ใครที่ไหน ท่านรองที่เป็นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนั่นเอง เรียกให้ทุกคนไปมอง

“อาจารย์แทนคุณ ผมว่าคุณรู้ดีว่าระดับคุณน่ะ สามารถสร้างของพวกนี้ขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเลยแหละ”

ยิ่งนานขึ้น รองผู้อำนวยการคนนี้ยิ่งบอกแทนคุณกลายๆ ว่าเป็นใครคนนั้นที่ชายหนุ่มสงสัย

“คิดว่าผมเอาพรหมจรรย์ของคนอื่นมาเล่นงั้นหรือครับ”

“ไม่แน่นี่ครับ” ได้ฟัง ชายหนุ่มพยายามปรับลมหายใจตนเองอยู่ช่วงหนึ่ง

“พวกคุณพูดแบบนี้ทำให้ผมรู้เลยนะว่าเป็นคนประเภทไหน ทำแบบนี้คุณไม่ให้เกียรติเด็กคนนี้บ้างหรือครับ นี่ถ้าผมบริสุทธิ์จริงแล้วหาหลักฐานได้ ผมมีสิทธิ์ฟ้องพวกคุณกลับได้ใช่ไหม รวมถึงเอมมิกาด้วย ในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหา ทำให้ถูกสังคมมองในแง่ลบ เธอมีสิทธิ์เอาเรื่องพวกคุณอย่างถึงที่สุดใช่ไหมครับ!”

“อาจารย์คะ”

เอมมิกาส่ายหน้าปรามทั้งใจหาย เมื่อเห็นว่าแทนคุณเริ่มโกรธ

“เรามีสิทธ์ตั้งคำถามค่ะ คุณยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้เราไม่ได้ว่าคุณกับนักเรียนคนนี้แอบมีความสัมพันธ์ยังไง”

“แค่ใบรับรองแพทย์นี่ไม่พอหรือครับ” แทนคุณกัดฟันกรอดระงับอารมณ์ตนเอง ขณะที่เริ่มมีเสียงฮืฮฮาจากผู้ปกครองที่นั่งฟัง เพราะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรองผู้อำนวยการ ที่กล้าใช้คำถามเชิงดูหมิ่นเอมมิกา ขณะกำลังวุ่นวาย ท่ามกลางเสียงผู้ปกครองเริ่มถกกันเองแล้วนั้น แทนคุณปวดหัวกับปัญหา และกับเอมมิกาที่ยังทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ที่เพิ่งพบ

“เอมกับแทนจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อแทนเป็นแฟนผม!”

จู่ๆ เสียงจากมุมของผู้ปกครองก็ดังขึ้น ทั้งหมดหันไปมองด้านหลังอัตโนมัติราวกับถูกร่ายคำสาปให้ทำเช่นนั้น

หากเป็นแทนคุณเสียเองที่ไม่ต้องหันไปก็จำได้ดีว่านี่เป็นเสียงของมาวิน ชายหนุ่มเข้าใจเจ้าตัวดี มาวินคงนึกห่วงเขาและน้องสาว จึงแอบมาฟังด้วยตัวเอง และทนไม่ได้ที่คนพวกนี้กำลังจู่โจมน้องสาวตนโดยไม่ให้เกียรติ วินาทีนั้นนอกเสียจากผู้ปกครองคนอื่นจะตกใจ แทนคุณเองก็เหลือบไปเห็นคุณภาวินีว่ามีสีหน้าเช่นไร

“นี่คุณพูดเรื่องอะไร ผู้ปกครองห้ามแทรกนะครับ”

“ผมเป็นพี่ชายเอมมิกา แล้วก็เป็นแฟนของอาจารย์แทนคุณด้วย ผมทนไม่ได้ที่พวกคุณทำตัวต่ำทรามรุมประณามพวกเขาทั้งที่ไม่มีความผิด คนที่ผิดก็คือพวกคุณเองที่อยากปรักปรำเขา ใช่...สองคนนั้นอาจสนิทกันมากกว่าอาจารย์กับนักเรียน แต่ไม่มีทางเป็นแบบที่พวกคุณมโนได้...” มาวินเดินเข้ามายืนขนาบข้างชายหนุ่ม หันประจันหน้ากับเหล่าคณะอาจารย์พูดเสียงดังฟังชัด

“แทนเป็นเกย์!”

สิ้นคำ เสียงเหล่าผู้ปกครองฮือฮาขึ้นมาอีกระลอกหนึ่งอย่างไม่ได้นัดหมาย พร้อมกันกับแทนคุณที่ยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเสียมิได้ จริงอยู่ว่าตอนนี้สามารถเคลียร์ปัญหาที่มีได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ดูจากสายตาของเหล่าอาจารย์ผู้ใหญ่ในนี้ และผู้ปกครองหลายสิบชีวิตที่มานั่งฟัง หากทว่าเมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าของมารดาที่นั่งอยู่ตรงนั้น แทนคุณคิดว่าอาจต้องได้รับมือปัญหาอีกครั้ง

หลังจากทุกคนแยกย้ายกันแล้ว ชายหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไรกับคุณภาวินีหรือขอบคุณมาวิน เขารีบเดินตามหลังรองผู้อำนวยการไปติดๆ เพื่อหาความจริง เมื่อเห็นอีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขาตามไป แทนคุณออกแรงวิ่งตาม มิยอมให้ชายคนนั้นเปิดประตูรถขับหนีไป มือหนากระชากสูทนั้นเต็มแรง ให้ร่างชายวัยกลางคนกันมาประจันหน้าด้วยกลัวว่าจะไม่ทันการณ์ ทั้งที่จริงไม่ได้อยากใช้กำลังกับอีกฝ่ายแม้เพียงนิด

“จะทำอะไร!” ผู้ถูกจับขืนแรงสู้

“รีบไปไหนครับท่าน มาตอบคำถามผมก่อนสิ”

“ผมไม่มีอะไรจะตอบคุณทั้งนั้น!”

“แสดงว่าคุณมี”

มือหนากระชากเสื้อชายตรงหน้าเข้ามาใกล้ ระยะความสูงใหญ่ของแทนคุณคล้ายกับเสือหนุ่มกำลังจะขย้ำแกะตัวเล็ก “คุณทำแบบนี้ทำไม คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าผมกลับมาที่นี่แล้วเอาช่างเก่งๆ มาเพียงไม่กี่นาทีก็รู้แล้วว่าตัวเองบริสุทธิ์ จ่ายยามไม่กี่บาทก็รู้แล้วว่าใครสั่ง คุณจะได้อะไรถ้าผมถูกโรงเรียนแบนไม่ให้เข้ามาทำงาน รู้ไหม...ถ้าความจริงปรากฏแล้วใครกันแน่ที่จะถูกแบน ผมจะเล่นงานคุณ จะเล่นงานคนที่เกี่ยวข้องให้หมด!”

“คุณจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ พนันได้เลย”

แทนคุณชะงัก เมื่อเห็นแววตาที่ฉายแววสะใจระคนเยาะเย้ยเขาอยู่ในทีจากชายกลางคนในอาณัติ มือเขากำคอเสื้อของอีกฝ่ายแน่นอย่างไม่เข้าใจ อีกนัยหนึ่งก็ไม่อาจทนรับฟังได้ หากความจริงที่เขาได้ค้นพบกำลังจะทำให้แทนคุณเสียใจ

“หมายความว่ายังไง แบบนี้หมายความว่ายังไง”

เสียงฝีเท้ามาวินและเอมมิกาตามมาจะห้ามทัพ พร้อมกับรองผู้อำนวยการออกเสียงหัวเราะให้เห็นชัด

“ทั้งที่เกิดเรื่องแล้วก็ควรล้มเลิกอาชีพนี้ซะก็ไม่ยอม กลับมาสาวให้มากความอยู่ได้ ผมเองก็ขี้เกียจเก็บความลับเหมือนกัน อยากรู้ก็ไปถามแม่คุณเอาเองสิ อยากรู้อะไรก็ไปถามเลย ทีนี้เล่นงานให้ถูกคนล่ะ!”

หมายความว่าอย่างไร

“พูดออกมา! พูดออกมาว่าแม่ผมเกี่ยวอะไรด้วย...”

“แทน! แทน อย่า...”

ไม่ทันได้รับฟังเหตุผล ชายกลางคนพุ่งเข้าไปในรถยนต์ทันทีหลังชายหนุ่มถูกดึงรั้งกลับ หากมาวินไม่วิ่งมาปรามแทนคุณในวันนี้ ชายหนุ่มคงลืมตัวทำอะไรอย่างไม่ทันยั้งคิดไปอย่างแน่แท้ แทนคุณเก็บพละกำลังตนเองภายในอ้อมกอดของชายผู้วิ่งมาใหม่ มองตามรถยนต์ของรองผู้อำนวยการโรงเรียนไปอย่างนึกคับแค้นในใจ แม้นจะเริ่มคลำหนทางแห่งความจริงด้วยตนเองได้แล้ว เมื่อรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดมิใช่ใครที่ไหน

มารดาของเขาเอง!

เพราะอยากให้เขาเลิกเป็นครู ไปทำงานที่บริษัท

ต้องทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ!





--------------------------------------------------

ปมนี้เป็นจุดเริ่มต้นได้เคลียร์ไปแล้วว่าผู้ใดเป็นคนทำ

เดี๋ยวผลทุกอย่างจะตามมาตอนหน้าๆ โน้นอีกเรื่อยนะคะ พร้อมกับความรักของแทนกับวิน

แทนจะน่ารักขึ้น มาวินจะรู้จักคิดเรื่องพ่อของตัวเองขึ้น ในตอนถัดไป

มาเติบโตไปพร้อมกับทั้งสองคนกันเถอะ

ชอบก็เม้น แชร์ บอกรักคนเขียนด้วย เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: 9-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๙ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-10-2016 23:50:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 9-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๙ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-10-2016 00:33:58
:pig4: :pig4: :pig4:
ยินดีจ้า
หัวข้อ: Re: 9-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๙ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-10-2016 02:28:12
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 9-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๐ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-10-2016 17:33:43


ตอนที่ ๑๐

ตั้งแต่วันนั้นแทนคุณก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้มาวินฟังอีกเลยว่าต้นสายปลายเหตุมาจากอะไรแน่ ทุกอย่างมลายหายไปพร้อมกันกับที่ทุกคนในโรงเรียนเข้าใจว่าทั้งสองบริสุทธิ์ใจจริง เพราะข่าวใหม่ที่เพิ่งทราบเกี่ยวกับรสนิยมส่วนตัวของอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนกลบแทนเสียได้

ผ่านมาหลายวันร่วมเดือน มาวินหวังว่าอีกฝ่ายจะเล่าอะไรให้เขาฟังคลายความเครียดบ้างก็ไม่เคยได้ยินคำขอปรึกษา จนต้องละความอยากรู้อยากเห็นไปเสียเอง

แทนคุณคงอยากมีพื้นที่ส่วนตัว ถึงจะคิดว่าเขาคือคนของแทนคุณ แต่บางทีก็ไม่ควรก้าวก่ายเกินไป มาวินทราบถึงข้อจำกัดของตนเองดี

เอมมิกากลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนปกติ พร้อมกับหน้าที่ของแทนคุณเช่นกัน

ทุกวัน แทนคุณจะขับรถจากโรงเรียนมาบ้านของเขาเพื่อรับประทานอาหารเช้าและเที่ยง เพราะไม่ห่างจากโรงเรียนนัก บางวันก็กลับมาทานมื้อเย็นพร้อมเอมมิกา พ่วงด้วยคำเกลี้ยกล่อมแบบใหม่หลายหลากเพื่อเชิญชวนให้มาวินย้ายบ้านไปจากที่นี่ นับวัน ทั้งคู่ก็เริ่มก้าวเข้าหากันทีละก้าวเมื่อได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย

พร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ เปิดทีละเล็กน้อย…

แทนคุณเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล ส่วนมาวินมักเอาใจใส่ผู้อื่นเสมอ แต่ถึงอย่างไร แม้ใครจะคิดว่าแทนคุณเป็นเกย์อีกทั้งคบหากับเขาอยู่ มาวินก็ยังไม่เชื่อใจ

เสียงรถรานอกบ้านไม่ได้ทำลายบรรยากาศระหว่างสองหนุ่มที่เดินออกมาพร้อมกันเท่าใดนัก มีเพียงคนทั้งคู่เท่านั้นที่ตั้งหน้าตั้งตาปิดปากเงียบ ทำลายบรรยากาศไปเสียเอง อากาศช่วงเย็นยังร้อนอบอ้าว หากทว่าร่างกายของอาจารย์หนุ่มผู้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวกลับไม่มีกลิ่นเหงื่อสักนิด

มาวินเคยคิดว่าแทนคุณเป็นผู้ชายที่มีกลิ่นตัวเป็นเอกลักษณ์มาก หอมกรุ่น ได้กลิ่นถึงความสูงส่งและเย่อหยิ่งไปในคราเดียวกัน ที่จริง ตอนนี้แทนคุณอาจยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เพียงแค่ยอมสยบให้มาวินเท่านั้นเพราะไม่มีทางเลือกก็เป็นได้ ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปยังเงาตัวเองและอีกคนบนท้องถนน แนบใกล้ ให้ได้กลิ่นหอมจางของเสื้ออาจารย์หนุ่มข้างกาย

“เขยิบไปไหนเล่า” กำลังได้กลิ่นหอมเพลินอยู่เลย มาวินเงยขึ้นไปค้อน เห็นว่าแทนคุณกำลังทำหน้าระแวงระวัง ราวกับว่าตัวเขาเป็นโรคจิตไม่น่าไว้ใจเสียเอง

“ก็ดูทำหน้าเข้าซี ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่นี่”

“บ้าหรือไง”

“ทำไม หรือว่ากำลังคิดเรื่องทะลึ่งอยู่”

หลังแทนคุณย้อนมาหน้าตายแล้วนั้น มาวินถึงกับอ้าปากค้างไปต่อไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมองเขาในแง่นั้นได้ จริงอยู่ตั้งแต่ครานั้นที่นอนด้วยกัน นี่ร่วมเดือนแล้วที่แทนคุณไม่ได้แตะต้องเขาอีกเลย มาวินคิดว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายยังรู้จักตรึกตรองได้อยู่ว่าไม่ควรให้เขาเจ็บตัวบ่อยเกินไป สำนึกผิด

ทว่ามาวินไม่เคยคิด เขาไม่เคยคิดเรื่องทะลึ่งระหว่างตัวเองกับหมอนี่สักครั้ง สาบานได้

“คิดไม่ออกหรอก เรื่องทะลึ่งกับนายน่ะ”

ได้ฟัง แทนคุณเลิกคิ้วคล้ายอยากจะเย้าอยู่ในที แต่ก็ไม่ทำ

“งั้นกลับดีกว่า ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะ”

“ติดใจฝีมือฉันแล้วน่ะซี” ขณะที่อาจารย์หนุ่มควานหากุญแจรถในมือ เสียงของมาวินกล่าวให้หลังชวนให้ยกยิ้มได้ไม่รู้เบื่อ

พักนี้ แทนคุณไม่สามารถนับครั้งที่ตนเองยิ้มได้เลย ปกติจะเป็นเสือยิ้มยากประจำบ้านแท้ๆ ใครเขาก็พูดถึงแทนคุณเช่นนี้หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนได้ หากไม่มีความน่ายำเกรงเช่นนี้

ในยามที่กำลังง่วนอยู่กับตัวเอง แทนคุณเปิดประตูรถเตรียมจะทรุดกายลงไปนั่ง หากแต่ร่างกายถูกคนด้านหลังคว้าตัวเขาหมับเข้าไปกอด สร้างความประหลาดใจแก่ชายหนุ่มขึ้นมาว่ามาวินต้องการอะไร หรือแค่อยากจะใช้ลูกไม้เดิมออดอ้อนเขา ครั้นได้ยินเสียงมาวินสูดลมหายใจฟอดใหญ่ข้างหลัง เล่นเอาแทนคุณหลุดยิ้ม

“ทำอะไรของคุณน่ะ ดมอะไร”

“คนรวยนี่ดีเนอะ กลิ่นต่างกันดี”

คนฟังมุ่นคิ้ว “หืม...”

ฟังจากน้ำเสียงแล้วมาวินมิได้มีเรื่องราวทุกข์ใจอะไรผสม ออกจะติดไปทางสุขใจเสียมากกว่า ถึงอย่างนั้น มือหนาของผู้ถูกกอดยังเลือกที่จะกุมมือมาวินไว้เช่นนั้น นัยหนึ่งคืออยากให้ความเชื่อมั่นและกำลังใจ และอีกนัยคือต้องการสัมผัสปลอบโยน แทนคุณไม่ได้พูดอะไรฝ่าความเงียบระหว่างทั้งคู่ เพียงแค่ปล่อยให้คนด้านหลังกอดไว้เช่นนั้น ให้ใจสื่อถึงใจ สัมผัสถึงสัมผัส เผื่อว่ามาวินอาจต้องการพลังงานจากแรงกอด

เหมือนเขา...

ไม่นานอ้อมแขนอีกฝ่ายก็คลายออก เปลี่ยนมาลูบคลำหน้าท้องชายหนุ่ม อีกทั้งเคลื่อนใบหน้ามาเกยบ่าเอ่ย “แทน ดูสิดู...พักนี้นายดูมีห่วงยางขึ้นนะรู้ตัวหรือเปล่า พุงย้วยเชียว ไม่ค่อยออกกำลังกายล่ะสิ”

คนฟังเลิกคิ้ว หันไปมองหน้า สบตามาวินก่อนจะตอบ “ไม่ใช่หรอก พักนี้แฟนผมเลี้ยงดีไปหน่อย”

“ฉันไปเป็นแฟนนายเมื่อไรกัน” คนกล่าวส่ายหน้า

“ใครกันไปป่าวประกาศบอกเขาก่อนน่ะ ลืมแล้วหรือไง”

“แต่ฉันขอโทษนายไปแล้วนะ ขอโทษอีกก็ได้ เอ้า...” คนตัวเล็กกว่ายกมือประนมให้รู้ว่ารู้สึกผิดจริง หากแม้นสุ้มเสียงของแทนคุณไม่ติดไปทางเคืองโกรธแม้แต่น้อยก็ตาม มาวินก็อยากที่จะขอโทษที่คิดทำไปโดยพลการอยู่ดี ซึ่งคนมองก็มิได้คิดจะปล่อยให้ทำเช่นนั้นนาน ร่างสูงใหญ่ดึงคนตรงหน้าเข้าไปแนบกอดซุกกายในอก กระซาบผ่านความตกใจของมาวินออกมาว่า

“ผมจะโกรธคุณลงได้ยังไงมาวิน ในเมื่อคุณตั้งใจทำเพื่อผม...” คนฟังใจเต้นโครมคราม ทำได้เพียงแค่หอบหายใจเพราะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

“ผมต้องขอบคุณคุณต่างหากถึงจะถูก ขอบคุณ...มาวิน”

เสียงกระซาบรดผ่านใบหูของแทนคุณฟังดูยั่วยวนนัก ไม่ได้การแล้ว ยิ่งนานวันมาวินยิ่งไม่สามารถทัดทานความน่ารักของแทนคุณได้ ชายหนุ่มกะพริบตาถี่รัวภายใต้อ้อมอกแข็งแรงของอีกฝ่าย ไม่สามารถควบคุมสติของตัวให้หยุดตื่นเต้นได้ แทนคุณกำลังจู่โจมเขา รุนแรง เร่าร้อนจนมาวินแทบจะสิ้นฤทธิ์อยู่ร่อมร่อ...

ภายใต้ความบริสุทธิ์นี้ช่างร้ายกาจ อาจทำให้มาวินยอมสยบได้อีกไม่ช้า!

 

เช้าวันหยุดของสองพี่น้องวันนี้รวดเร็วกว่าทุกวัน คงเพราะมาวินนัดกับเอมมิกาว่าจะซ่อมแซมบ้านไว้ตั้งหลายวันก่อนแล้ว และเพราะเอมมิกาไม่สบาย ยังไม่มีโอกาสทำความสะอาดบ้านและจัดแจงให้เขาที่อย่างจริงจัง วันนี้ทุกอย่างเลยถูกเหมามารวมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่มีสมาชิกใหม่เพิ่มมาช่วยเบาแรงอีกที ซึ่งมาวินก็ยังไม่ทราบว่าจะช่วยหรือจะมาเป็นภาระกันแน่ ท่าทางคุณชายถึงเพียงนี้

หลังรับประทานมื้อเช้าร่วมกันแล้ว ทั้งสามต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง เอมมิกาได้ไม้กวาดและไม้ถูพื้นเป็นอาวุธ ส่วนมาวินถือค้อนและกล่องเครื่องมือมาหยุดอยู่หน้าบ้าน ทำทียืนคิดว่าจะลงมือส่วนใดก่อนดี ภายใต้การจับตามองของแทนคุณซึ่งอยู่ไม่ห่างเท่าใดนัก

“มองอะไร”

คนฟังเลิกคิ้ว ราวกับมาวินกำลังคิดว่าแทนคุณรู้ทันว่าอีกฝ่ายทำงานช่างพวกนี้ไม่เป็น

“เปล่า ลงมือไปเลยซี”

“ของแบบนี้มันต้องวางแผนก่อน”

มาวินกล่าว มือก็หยิบตารางเมตรวัดความยาวโน่นนี่นั่น ผลสุดท้ายก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วมาวินยังง่วนอยู่กับตารางเมตรอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจับเลื่อย หรือค้อน อุปกรณ์ชนิดอื่น แทนคุณระบายยิ้มเล็กน้อยอย่างรู้ทัน กะว่าจะเดินเข้ามาช่วยสักหน่อย หากเพราะเสียงรถยนต์ที่เคลื่อนมาจอดหน้ารั้วนั้นต่างแย่งจุดสนใจของชายทั้งคู่ให้จำต้องเงยขึ้นมองอย่างเสียมิได้

ไม่ใช่คนมาผิดบ้านหรือจะถามทางอะไรทั้งนั้น

แทนคุณคุณย่างเท้าไปหยุดขนาบคู่ร่างของมาวินทันที เมื่อท่าทางของอีกฝ่ายแสดงให้เห็นว่าอาจรู้จักเจ้าของรถยนต์คันนี้ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผิวขาวสะอ้าน แต่งกายดี หน้าเข้มขรึมจนถึงขั้นติดไปทางโหดเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายย่ำเดินมาหยุดตรงหน้าคนทั้งคู่อย่างไม่ต้องบอก ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มดุว่า

“น้องอยู่ไหน”

แทนคุณหันมองมาวินทันที ประโยคนี้น่าจะอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจได้หลายสิ่ง ว่าชายหน้าดุตรงหน้าไม่ใช่ไก่กาที่ไหน นี่เป็นถึงผู้มีอำนาจสำหรับมาวิน ถึงขั้นทำให้คนข้างกายเขาอึ้ง พูดไม่ออกไปชั่วนาทีหนึ่ง “อยู่...อยู่ในบ้าน”

ผู้มาเยือนคงยังตีหน้าเข้ม กล่าวต่ออีกว่า “ดูแลกันยังไง ปล่อยให้น้องเจ็บป่วยขนาดนี้”

มาวินนิ่ง “มันห้ามป่วยไม่ได้เสียหน่อยนี่”

คนหน้าดุเงียบไปไม่ได้พูดอะไรต่อเสียให้มากความ เพราะขี้เกียจเถียงด้วย ก่อนจะละสายตามาเจอะกับแทนคุณซึ่งยืนฟังมานานแล้ว ชายตัวสูงหนึ่งเดียวถึงกับผงะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทักทาย จึงรีบยกมือขึ้นไหว้เมื่อนึกถึงมรรยาทที่พึงกระทำยามพบผู้ใหญ่

อีกฝ่ายมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ได้รับไหว้แทนคุณ เพียงกล่าวกับมาวินเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่แล้วนี่”

แทนคุณหูผึ่ง หันมองมาวินหลังชายกลางคนคนนี้จุดเชื้อไฟ

ไม่ต้องเชื้อเชิญอะไรทั้งสิ้น มาวินและแทนคุณจำต้องเงียบเพราะรังสีความทะมึนมืดยังกระจายทั่วร่างของชายวัยกลางคนตรงหน้า เขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่ต้องให้มาวินบอก ทำท่ากวาดมองโดยรอบอย่างนึกดูแคลนสถานที่อยู่ในที เห็นแล้ว แทนคุณรู้สึกถึงความลำบากของมาวินที่กำลังจะตามมาอีกไม่นาน

“นั่นพ่อคุณงั้นหรือ ท่าทางดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรเลยนะ”

“อืม นั่นแหละพ่อฉัน” มาวินตอบ

มองตามหลังของประเด็นที่พูดถึงกำลังเข้าไปภายในของบ้านพัก ซึ่งจุดหมายคงเป็นเอมมิกา ที่รู้ข่าว อาจได้ยินจากน้าอรอีกทีก็เป็นได้ ที่จริงแล้วตลอดสี่ห้าปีที่น้องสาวย้ายมาอยู่กับเขา มาวินถือทิฐิมาโดยตลอด ไม่ยอมติดต่อกลับไปบอกข่าวคราวของตนเองและเอมมิกาแก่ท่านสักครั้ง เพราะโกรธ เพราะน้อยใจ เพราะยังจำทุกประโยคที่ชายผู้นี้กล่าวกลับเขา

“แกมันไม่ใช่ลูกฉัน!”

มาวินยังจำสีหน้าและแววตาของบิดาวันนั้นได้ชัดเจนสว่างไสว ยามเอ่ย

“อย่าซมซานกลับมาแบมือขอเงินฉัน เราขาดกันตั้งแต่วันนี้!”

มาวินเคยอยู่สุขสบาย ครอบครับเขาสามารถพูดได้ว่าร่ำรวย มีไร่เป็นร้อยไร่อยู่หลายแปลง เคยมีกินจนเหลือไว้ใช้เล่นฟุ่มเฟือยได้ไม่มีวันหมด มาวินเคยเสียใจที่ตัดขาดตัวเองจากครอบครัว จากบิดาและความสุขสบาย หน้าด้านกลับไปหาบิดาอยู่ครั้งหนึ่ง นั่นทำให้เขาเลือกคิดอย่างเด็ดขาดจริงจังแล้วว่าจะไม่กลับไปอีก เพราะท่านไม่ได้ทำอย่างที่พูดไว้เลย ยอมให้ที่พักพิงอาศัย ให้เงิน ให้อยู่ที่นั่นพร้อมกับสบถด่าต่างๆ นานา ดูถูกเขาสารพัด การทำแบบนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ถูกท่านปฏิเสธเสียอีก

เขาก็แค่ใช้ข้ออ้างเรื่องแม่เลี้ยง ข้ออ้างเรื่องน้าอรเพื่อที่จะไม่กลับไปบ้าน ที่จริงแล้วมาวินไม่สามารถสู้หน้าบิดาของตัวเองได้ต่างหาก เพราะเขายังไม่สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ได้เพียงคิดว่าจะมีสักวันหนึ่งจะกล้ากลับไป ซึ่งวันที่ไปรับเอมมิกา มาวินเคยคิดว่าสามารถยืนตอบโต้บิดาได้แล้ว แต่ไม่เลย...

ท่านยังดูถูกเหยียดหยามมาวินอย่างเคย เมื่อเหลือบไปเห็นเอกณรงค์ที่ตามไปด้วย

“แล้ววันนี้ท่านมาทำไม” แทนคุณเอ่ยถาม

เมื่อเห็นหน้าของบิดา หวนให้มาวินย้อนคิดถึงอดีตและความผิดของตนเองขึ้นมา

“คงมาเยี่ยมเอมน่ะ นายก็ได้ยินแล้วนี่ เขาคงโกรธแล้วก็อยากมาด่าฉันด้วยละมั้ง” มาวินส่ายหน้า มองเข้าไปด้านใน เห็นน้องสาวและบิดายืนพูดคุยกันอยู่และอาจรับรู้ว่าท่านกำลังต้องการอะไร

อาจอยากให้เอมมิกากลับไป

 

คุณเกรียงไกร บิดาของมาวินอุตส่าห์ขับรถมาเองจากเมืองกาญเพื่อเยี่ยมน้องสาวเขา เพราะได้ยินจากน้าอรว่าเธอไม่สบายจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด เพราะไม่เห็นน้าอรที่นั่นหลายวันจึงเข้าไปสอบถาม ครั้นมาถึง เอาเข้าจริงมาวินที่คิดว่าท่านจะบังคับขู่เข็ญให้น้องสาวเขาตามกลับไปตั้งแต่แรกเสียอีก แต่ไม่ ท่านดูใจเย็นกว่าที่คิด สอบถามสารทุกข์สุกดิบเธอทุกอย่าง

ดูเหมือนท่านจะเป็นห่วงเป็นใยเอมมิกา หากทว่าเป็นฝ่ายมาวินที่ลำบาก มาวินทราบดีว่ากำลังถูกจับผิด ชายหนุ่มเห็นสายตาของคุณเกรียงไกรยามเหลือบมองแทนคุณทุกครั้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยแววสงสัย

พูดคุยทักทายกันสักพัก คุณเกรียงไกรก็ออกปากว่าจะช่วยซ่อมแซมบ้านให้เพราะเก่งงานช่าง อีกอย่างเอมมิกาก็เชื่อฝีมือของบิดาว่าจะต้องออกมาดีแน่ เพียงแต่ ท่านต้องการลูกมือเป็นแทนคุณเท่านั้น พร้อมให้เหตุผลอีกด้วยว่าท่าทางหน่วยก้านของแทนคุณดี น่าจะเก่งงานช่างและใช้กำลัง

เหตุใดมาวินจะไม่รู้ทันสิวัยบิดาบ้าอำนาจของตนเอง คนโหดอย่างคุณเกรียงไกรมองเฉียบขาดยิ่งกว่ากรรไกรที่ไหนเสียอีก อาจกำลังนึกอยากจะลองใจหรือกลั่นแกล้งแทนคุณ ซึ่งดูอย่างไรก็ลูกคุณหนูชัดเจนอย่างไม่ต้องสังเกตก็เป็นได้ คิดแล้วมาวินก็ส่ายหน้า แต่เจ้าตัวน่ะซี ลุกพรวดพราดยอมรับข้อเสนอเจ้าเล่ห์ของคุณเกรียงไกรอย่างไม่รู้ทัน แล้วอย่างนี้มาวินจะไปช่วยอะไรได้ นอกเสียจากยืนมองความอนาถของแทนคุณจากมุมนี้

มาวินถูกสั่งห้ามให้ไปก่อกวน ชายหนุ่มยืนมองจากในบ้าน เห็นร่างสูงของแทนคุณกำลังพันแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปบนข้อศอกอย่างรู้งาน หันไปหยิบเศษไม้มากองตามที่คุณเกรียงไกรชี้นิ้วบอก

จะไปได้สักกี่น้ำกัน พ่อคุณชาย

“ทำงานอะไร” ขณะที่ยังจับเลื่อยเลื่อยไม้ในมืออยู่นั้นเอง แทนคุณเงยขึ้นมองคนถามด้วยความฉงนใจ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายฝ่าความเงียบระหว่างทั้งคู่ด้วยคำถามนี้ “ไม่ต้องเงยมามองหน้า ทำงานตัวเองต่อไปซี”

หนำซ้ำทั้งทีมิพิรุธให้เขาเห็นอีกด้วย

“เป็นอาจารย์ครับ”

“อาจารย์ แค่อาจารย์ธรรมดาน่ะหรือ” ท่ามกลางเสียงค้อนกระทบกับไม้ แทนคุณสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของคุณเกรียงไกรกำลังเยาะ และไม่เชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มบอกไป

“ครับ เป็นแค่อาจารย์ธรรมดา”

“ฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างนายเป็นแค่อาจารย์ธรรมดา จะบอกให้นะ ว่าฉันรู้จักไอ้ลูกชายของฉันดีกว่าใครทั้งหมด ถ้านายเป็นเพียงแค่อาจารย์ธรรมดาน่ะหรือ หึ! ลูกชายฉันไม่มีวันเหลียวแลนายแน่ ต่อให้หล่อหรือดีแค่ไหนมันก็ไม่มอง นายเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดใช่ไหม ไอ้คนโง่...” คุณเกรียงไกรทำเสียงเหนือกว่า หัวเราะในลำคออยู่ลำพัง

“ทำไมคุณถึงคิดว่ามาวินเป็นคนแบบนั้นล่ะครับ”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่ารู้จักมันดี หึ...คนอย่างนายนี่มันน่าสมเพชดีนะ หาดีกว่านี้ไม่ได้หรือ หรือว่าดีแต่หน้าตาแล้วมีอะไรไม่ดีซ่อนอยู่จนคนอื่นเขารับไม่ได้ล่ะ รู้ดีใช่ไหมว่าลูกฉันมันไม่แคร์เรื่องนั้นหรอก มันแคร์แค่ว่ามีปัญญาให้มันมากขนาดไหนแค่นั้น...”

“จะว่าผมน่ะผมไม่เคืองอะไรคุณหรอกนะครับ แต่อย่าพูดถึงลูกชายคุณเองแบบนั้นเลย มันดูเหมือนคุณกำลังดูถูกเขา ในเมื่อคุณเองยังไม่รู้จักลูกตัวเองดี คุณไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้นมาตัดสินเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาใช้ชีวิตยังไงเพื่อพยายามดูแลเอมมิกา และเพื่อไม่กลับไปขอเงินคุณ...” ชายหนุ่มชำเลืองขึ้นมองชายวัยกลางคนตรงหน้าขณะกล่าว

คุณเกรียงไกรเปลี่ยนสีหน้า ตบตักตัวเองอย่างนึกโมโห “บ๊ะ! แกนี่มันต่อปากต่อคำเก่งซะจริง ไอ้วินมันกล้าเล่าเรื่องฉันให้แกฟังงั้นหรือ!”

“ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับเขา ทั้งชีวิตของมาวินมีแต่น้องสาว เขาไม่เคยเล่าด้วยซ้ำว่าตัวเองมีพ่อแม่ครอบครัวที่ไหนอีก นี่ละมั้งที่ผมพอจะเดาอะไรได้ตั้งแต่ได้รู้ว่าคุณคือพ่อของเขา เขาคงเจออะไรมาเยอะ...”

ชายหนุ่มพูดเพียงแค่นั้น เมื่อสบตาผู้ฟัง ทำได้เพียงทอดถอนใจ ก้มหน้าก้มตาเลื่อยไม้ในมืออย่างตั้งอกตั้งใจทั้งที่จริงแล้วในอกแทบจะระเบิดเพราะชายตรงหน้า

แต่เพราะเห็นสีหน้าของคุณเกรียงไกรหลังได้ฟังในสิ่งที่บอกไป แววตาผิดหวังนั้นทำให้ชายหนุ่มจำยอมเงียบ สงบปากสงบคำที่อยากจะต่อว่า ลบคำที่อยากสั่งสอนบางอย่างให้หายไปจากความคิด เขาคงสะเทือนใจเมื่อได้รู้ว่าตนเองไม่มีความสำคัญต่อมาวินเลยสักนิด

อีกฝ่ายเงียบไป ไม่หาเรื่องแทนคุณอย่างเคย เรียกว่าเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่างก็เป็นได้

ชายหนุ่มลุกขึ้นไปถอดบานพับของประตูรั้วมาวางไว้กับพื้น ตัดส่วนที่ผุพังของรั้วออกที่ละท่อนอย่างตั้งอกตั้งใจและรู้หน้าที่ นานเท่าไรไม่รู้ที่ออกแรงทำงาน มารู้ตัวอีกทีเหงื่อกาฬก็ท่วมเต็มเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของชายหนุ่ม พร้อมหยดน้ำผุดขึ้นเต็มหน้าผาก แทนคุณย่างเท้าไปหยิบค้อนที่วางอยู่กับพื้น ไม่สนคนพักที่นั่งอยู่ไม่ห่างเท่าใดนักว่าจะเหนื่อยเพียงไหนกับเพียงแค่ตอกหรืองัดเศษตะปูออก

“เฮ้ย ทำเป็นหรือไงจะมาหยิบค้อนไปน่ะ”

ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็ไม่ได้บอกว่าทำไม่เป็นนี่ครับ ถึงท่าทางผมจะดูไม่ให้ก็เถอะ”

“โห...อาจารย์แทนเท่จังเลยค่ะพี่วิน” ขณะที่คนตัวสูงลุกขึ้นถอดเสื้อแขนยาวด้วยเห็นว่ามันเกะกะขยับตัวยากแล้ว ชายหนุ่มหันไปเจอะมาวินกับเอมมิกาพอดี ทั้งคู่ถือน้ำมาวางไว้ข้างคุณเกรียงไกร ยืนมองแทนคุณที่ยังสวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาว ตามร่างกายชื้นไปด้วยเหงื่อเดินกลับไปยังรั้วหน้าบ้าน

“นี่! ถ้าเหนื่อยก็มาพักก่อนสิแทน ฉันกับเอมเอาน้ำมาให้”

“ไม่เป็นไร ผมแค่ร้อนน่ะ”

“จะไหวจริงเร้อ...”

หากยังมีคนใช้เสียงและสายตาสบประมาทอย่างนี้ แทนคุณคงเหนื่อยตอนนี้ไม่ได้ ชายหนุ่มระบายยิ้มขณะสบมองมาวิน พยายามปล่อยผ่านคุณเกรียงไกรไปเพราะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนช่างจับผิด ถึงท่านจะดูปากร้าย เห็นแล้วว่าก็ยังอ่อนไหวกับอะไรสักอย่างได้อยู่เช่นกัน เขาไม่ควรเล่นงานเพราะอย่างไรแล้วก็เป็นบิดาของมาวิน ถึงจะนึกแอบหมั่นไส้อยู่ก็ตามที

บางที แทนคุณก็อยากจัดการให้ทุกฝ่ายคิดได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่ายังมีบางอย่างที่ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ก็ไม่สามารถฉุกคิดได้อยู่

ดูเหมือนความอวดเก่งของแทนคุณจะทำให้อีกฝ่ายนึกอยากแกล้งอีกครั้ง คุณเกรียงไกรเลยยุให้คำเพียงคนเดียวมิยอมให้ใครมาช่วย แทนคุณเหงื่อตก ไม่ใช่เพราะความเหนื่อย เพราะสายตาของมาวินที่ส่งให้บิดาเจ้าตัวนั่นต่างหาก

ชายหนุ่มหยิบไม้ที่ตัดไว้มาตอกด้วยตะปูเบอร์ใหญ่ต่อเติมรั้วส่วนที่ผุแล้ว ท่าทางทะมัดทะแมงขณะออกแรงและกล้ามแขนพอจะทำให้คุณเกรียงไกรเปลี่ยนสีหน้าไปได้บ้าง พร้อมรอยยิ้มของมาวินยามรู้ว่าแทนคุณอยู่เหนือความคาดหมายของบิดา

มารู้ตัวอีกที แทนคุณชักไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นอะไรสำหรับมาวินกันแน่

เพียงแค่รู้สึกดี หากทำให้มาวินโล่งใจ

ทำคนเดียวก็กินเวลาอยู่นาน หากท้ายสุด ชายหนุ่มก็สามารถยกประตูรั้วซึ่งเคยเก่ากึกในสภาพเหมือนใหม่ขึ้นติดกับบานพับแบบแข็งแรงได้ ท่ามกลางเสียงปรบมือของเอมมิกาและแววตาภาคภูมิใจของมาวิน สองหนุ่มช่วยกันทาสีรั้วใหม่ หากยังคงเป็นสีฟ้าเช่นเดิม เพิ่มเติมคือความเข้มและสดใหม่ของมัน ร่างกายแทนคุณเปรอะไปด้วยสี ช่วยมาวินเก็บข้าวของเข้าไปในห้องอย่างไม่ปริปากบ่น

กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็มืดค่ำ

“เดี๋ยวเสร็จแล้วนายไปอาบน้ำในบ้านนะ ฉันจะเตรียมชุดไว้ให้ มันดึกแล้ว กลับไปสภาพนี้ไม่ดีแน่” มาวินมองสารร่างของคนตัวสูงกว่าพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน แทนคุณรู้ทันเมื่อเห็นแววตาคนบอก ชายหนุ่มกอดอก หลังจากว่างข้าวของลงบนที่เก็บไว้เรียบร้อยแล้ว

“ได้หรือ ผมจะไม่ถูกพ่อคุณด่าใช่ไหม”

“นี่มันบ้านฉัน ไม่ใช่บ้านพ่อ”

แทนคุณยักไหล่ หันเดินขนาบข้างมาวินเพื่อเข้าไปในบ้าน “ผมเห็นนะ หน้าคุณดูเหมือนจะสะใจมากที่ผมเอาชนะพ่อคุณได้ ควรขอบคุณผมไว้ซะนะ”

“คร้าบ ขอบคุณมาก ไปอาบน้ำได้แล้วไป”

“คุณจะไม่อาบพร้อมกันหรือ”

“อย่ามาพูดแบบนี้แถวนี้นะ พ่อฉันอาจได้ยิน” มาวินค้อน เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้นึกตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง คนอย่างแทนคุณที่สัมผัสเมื่อได้อยู่ใกล้กับคุณเกรียงไกรเพียงไม่นาน คงทราบแล้วว่าท่านมีนิสัยอย่างไร  ขณะเดินเข้าบ้านมาพร้อมกัน สองหนุ่มเห็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงยังนั่งอยู่บนโซฟาแม้ว่าจะอาบน้ำหรือทานมื้อเย็นไปก่อนแล้วก็ตาม คงเพราะเดาใจกันได้ มาวินเหลือบมองแทนคุณอยู่วินาทีหนึ่ง

เพราะไม่รู้ว่าคนบนโซฟากำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบออกปาก “ไปอาบน้ำล้างตัวเสียสิ ฉันจะเอาเสื้อผ้าไปให้ เดี๋ยวกลับบ้านดึกกันพอดี”

แทนคุณรับทราบ รีบหมุนตัวไปหาห้องน้ำเมื่อได้ยิน

“จะไม่ค้างที่นี่ก่อนหรือ”

แขกผู้เป็นหนึ่งเดียวชะงัก หันกลับไปมองคนกล่าวอย่างนึกไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยินไปเมื่อครู่ ไม่เชื่อว่าชายกลางคนจอมทิฐิที่เคยตั้งแง่ต่อเขาจะรู้จักเปิดใจด้วย แม้กระทั่งตัวลูกชายของคุณเกรียงไกรเองก็คิดเหมือนกันกับเขา

แทนคุณยกยิ้ม มองสีหน้าของมาวินเมื่ออีกฝ่ายหันไปสบมองพ่อตัวเองนิ่งอยู่เช่นนั้น แววตาที่แทนคุณเห็นภายใน มาวินไม่อาจปิดซ่อนความปีติดีใจได้มิด

แล้วอย่างนี้ ชายหนุ่มจะปฏิเสธได้อย่างไร

มาวินกำลังเห็นว่าบิดาที่เคยคิดอคติด้วยในสมัยเด็กนั้นยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก และฝ่ายคุณเกรียงไกรเองก็เช่นกันที่รับรู้ว่าลูกชายตัวเองได้เติบโตขึ้นแล้วอย่างที่วาดหวัง หากทั้งคู่ไม่เอาแต่มองด้านเดียวก็จะเข้าใจ

แทนคุณยินดี ที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นกาวเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองให้กลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม

ชายหนุ่มเชื่อว่ามันจะดีกับมาวินแน่...





----------------------------------------------

เรื่องของคุณแม่แทนเพิ่งจะจบไป คุณพ่อของมาวินตบเท้าเข้ามาต่อคิวแล้ว อิอิ

เรื่องแม่ของแทนจะมาอีกระลอกเนอะ นางแอบร้าย ปมของแทนจะมาทีหลังมาวินค่ะ

แทนแคร์มาวิน มาวินก็เริ่มจะใจอ่อนแล้ว จะยอมรับกันเร็วๆ นี้เนอะ อาจเป็นตอนหน้า หรือตอนไหนใกล้ๆ

ทุกอย่างจะเริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อแทนพยายามปรับตัว แต่คุณกายแกกลับมาหามาวิน

แทนจะอดทนได้นานมั้ย หรือจะตบะแตกทำร้ายมาวินอีก รอดูค่า

จุ๊บ!
หัวข้อ: Re: 9-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๐ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 10-10-2016 17:37:40
สนุกจังครับบบ
หัวข้อ: Re: 10-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๐ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-10-2016 21:09:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๐ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-10-2016 21:48:23
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-10-2016 14:58:04





ตอนที่ ๑๑

ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กมืดสลัว แสดงนีออนจากด้านนอกสาดเข้ามายังร่างหนาซึ่งนอนอยู่บนเตียง เงาสะท้อนให้เห็นเหงื่อผุดพราวระยับบนหน้าผาก ไม่มีใครทราบว่าเขากำลังฝันอะไรอยู่ รู้เพียงว่าสีหน้าตอนนี้ช่างทรมาน ราวกับตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่มีปิศาจเป็นร้อยตนรายรอบ

“อยู่ในนี้ ห้ามออกมาจนกว่าแกจะสำนึกผิด เข้าใจไหม!”

“แม่...”

ภาพมารดาในวัยสาวแผดเสียงจนเอ็นปูดเต็มคอ ยกนิ้วชี้ชี้หน้าสอนสั่ง ดวงตาของเธอวันนั้นแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธขึ้งและอารมณ์ร้าย เหมือนปิศาจ เหมือนแม่มดใจร้าย เด็กชายหกขวบกลั้นสะอื้นภายในความมืดมิดกลางดึกของคืนหนึ่ง ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว สิ่งเดียวที่ทำได้คือมองลอดออกไปยังช่องเล็กของประตูที่ปิดสนิทบานนั้น ทันใดนั้นเอง ดวงตาของใครสักคนโผล่ตรงหน้าประตู เคาะเรียกเขา

“แทน!”

“พี่...”

แทนคุณสะดุ้งลืมตา สิ่งที่เดียวรู้สึกได้ยามนี้คือดวงใจเต้นระทึกกลัวกับสิ่งที่เผชิญเมื่อครู่ หากแม้นเป็นเพียงฝัน แทนคุณรู้ดีว่ามันเป็นฝันที่หลอกหลอนเขามาตลอดยี่สิบปี ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อ กวาดสายตาไปมองมาวินซึ่งตื่นขึ้นมาชะโงกหัวขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าแทน โอเคไหม”

ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว มันผ่านยี่สิบกว่าปีแล้ว...

“ช่วยเปิดประตูนอนได้หรือเปล่า ผม...อยากให้เปิด...”

แทนคุณเกลียดประตู เกลียดยามที่มันปิดไว้กั้นโลกภายนอก ชายหนุ่มหันกายแนบกอด ซุกอยู่ในอกของมาวินอย่างเงียบเชียบหลังอีกฝ่ายเดินกลับมาทรุดกายนอนข้าง ทำตามคำขอของชายหนุ่มอย่างไม่มีข้อแม้ โดยที่ไม่มีคำถามใดใดทั้งสิ้นรบกวนใจหรือตอกย้ำให้เจ็บปวด

“นอนเถอะ ประตูเปิดแล้ว ไม่ต้องกลัว”

แม้ในยามไม่มีสติ มาวินไม่ทราบว่าแทนคุณละเมอพูดหรือไม่ คนในอ้อมแขนของเขามักพูดผ่านความเงียบว่าเปิดประตู เปิดประตู เปิดประตูอยู่เช่นนั้นทั้งคืน ราวกับกำลังถูกขังอยู่ในห้องมืดที่ไหนสักที่ ที่ที่ทำให้คนบริสุทธิ์อย่างแทนคุณเปลี่ยนไป กลายเป็นแทนคุณที่เขาเห็นอยู่ในขณะนี้

เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด แต่มันช่างน่าสะเทือนใจ ชายผู้นี้อาจเคยพบเจออะไรร้าย ๆ มาก็เป็นได้

ทำได้เพียงแค่ปลอบโยนให้นอนหลับ มอบความอบอุ่นด้วยแรงกอด และพรมจูบลงบนใบหน้าของแทนคุณในความมืดมิดนั้น พร่ำบอกกับคนฟังด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน

“นายอยู่กับฉันแทน นายจะปลอดภัย ฉันจะกอดนายเอง จะกอดไว้จนเช้าเลย...”

“อย่าเกลียดผม อย่าเกลียดผม”

“ไม่เลย ฉันไม่เคยเกลียดนาย”

ชายหนุ่มคลายวงแขน ประคองใบหน้าอันเต็มตื้นไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาสบตา เพราะกำลังกลัว เพราะเคยเผชิญความน่ากลัวมาก่อน แทนคุณจึงกลายเป็นคนที่เสพติดความเจ็บปวดของผู้อื่นเสียเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ มาวินเข้าใจคนตรงหน้าแล้ว ใบหน้าเรียวงุดลง มอบจูบให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขากำลังบอกไป มิใช่เรื่องโกหก

แทนคุณกอดเขา รับจูบนั้นอย่างอ่อนแผ่ว พลิกกายขึ้นมาอยู่บนตัวนำจูบเสียเองราวกับกำลังเว้าวอน ชายหนุ่มพริ้มตา ร่างกายมือไม้พัวรัวนัวเนียอยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่มผืนบาง มีเพียงเสียงริมฝีปากซึ่งยังดื่มด่ำไปกับรสจูบคั่นกลางระหว่างทั้งคู่ จูบแรกที่มาวินสัมผัสได้ว่าแทนคุณไม่พยายามที่จะอ่อนโยน มันเป็นไปเองโดยสัญชาตญาณ

“มาวิน...”

คนตรงหน้าหล่อเหลากระซาบแผ่ว ยามผละออกมาสบตา แสงนีออนสาดกระทบโครงหน้าในความมืดของห้องเปลี่ยนมุมมองให้เห็นอีกแบบ แทนคุณเหมือนประติมากรรมสุดรักของศิลปินคนใดคนหนึ่ง ยามเมียงมองสบตาเขาด้วยสีหน้าอ่อนไหวเช่นนี้ มือเรียวยาวเคลื่อนขึ้นไปสัมผัส ราวกับความฝัน ยามอีกฝ่ายมอบจูบ ลามเลียไปทั่วทุกส่วนของร่างกายเขา มารู้ตัวอีกที กางเกงก็กองลงไปที่ข้อเท้าเสียแล้ว

“อื้อ...แทน...”

มือเรียวยาวเคลื่อนสัมผัสเส้นไหมสีดำของอีกฝ่ายเบามือ ความหวามไหวโถมถั่งใส่ร่างมาวินจนหายใจไม่ทั่วท้อง

ไม่อาจเดาใจแทนคุณได้ มาวินนอนก่ายหน้าผากขณะอีกข้างลูบไล้เรือนผมของผู้กระทำซึ่งยังปรนนิบัติให้ ทำราวหลงใหลทุกอย่างของมาวินอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหลียวไปเห็นประตูเปิดทิ้งไว้ก็เกรงว่าใครจะมาได้ยิน มาวินเม้มปากเน้น สูดลมเข้าปากเอาแรงเก็บกลั้นเสียง หอบหายใจขณะหน้าท้องยังหดเกร็งอยู่เช่นนั้น

ไม่รู้นานเท่าไรที่แทนคุณทำให้ ชายหนุ่มซุกหน้ากับหมอนยามริมฝีปากของแทนคุณดำดิ่งล้ำลึก พาร่างของเขาปลิวไปกับความสุขจนวินาทีสุดท้าย อารมณ์สุขซ่านหลั่งไหลออกมาเต็มความรู้สึกจนยากนักที่จะปิดบังได้

อีกฝ่ายไม่ได้สานต่อหลังจากนั้น เขาไม่ได้สวมกางเกง มาวินถูกผ้าห่มและร่างหนาใหญ่ทรุดลงแนบทับไปเสียทั้งอย่างนั้น ราวกับแทนคุณต้องการร้องขอที่จะอยู่เช่นนี้ หากทว่าชายหนุ่มอุ่นใจ เมื่อพบเจออีกด้านหนึ่งของแทนคุณเข้าแล้ว และยอมรับว่ามันไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว

แทนคุณกำลังอธิบายว่ากำลังจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา มันน่ารัก น่าทนุถนอมเกินไป

 

เช้าแล้ว เสียงรถด้านนอกปลุกให้มาวินรู้สึกตัว งัวเงียชะโงกหัวออกจากเตียงนอนไปยังหน้าต่าง เห็นรถของแทนคุณเคลื่อนออกไปจากรั้วอย่างไม่ได้เร่งรีบนัก คงเพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้ตื่นสาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไร ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแหงนมองผนังกับอะไรบางอย่างวนเวียนรบกวนใจ เหลือบมองประตูตอนนี้ที่ปิดสนิทแล้วภาพใบหน้าของแทนก็ผุดขึ้น

บ้าจริง! มาวินยกมือกุมขมับสางผมฟูของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจความคิด ทั้งของตนเองและอีกฝ่าย เมื่อคืนมันเกิดขึ้นเร็วมาก หนำซ้ำยังปลอดไปด้วยแอลกอฮอล์อีกต่างหาก

เวลาเท่านี้เอมมิกาอาจเดินทางไปโรงเรียนแล้ว หากแต่ว่าเขาคงลืมอะไรบางอย่างไป มาวินผุดกายลุกขึ้นนั่งเมื่อนึกถึงคุณเกรียงไกรขึ้นมา รีบสวมกางเกงเดินลงไปด้านล่างด้วยความเร็วรี่ เขาอาจพูดอะไรให้แทนคุณลำบากใจก็เป็นได้ มาวินทราบวิสัยของบิดาดี

“ลุกได้แล้วหรือ ตื่นสายโด่งอย่างนี้ยังจะกล้าพูดว่าดูแลน้องอีกนะ น้องดูแลแกสิถึงจะถูก”

มาวินเกาหัวยุ่งของตนเอง เหลือบมองบิดาที่ยังนั่งอยู่กลางบ้าน และเห็นร่องรอยที่เอมมิกาใช้ครัวทิ้งไว้เพื่อทานข้าวเช้า จึงเดินลงไปจัดการข้าวของในครัว ไม่สนคนที่พูดด้วยสักนิด

อาจเพราะไม่รู้ว่าเริ่มจะพูดอะไรมากกว่า บิดาพูดออกมามีเพียงแต่คำดูถูกดูแคลนทั้งสิ้น ฟังเมื่อไรก็แทงใจเมื่อนั้น ชายหนุ่มทอดถอนใจ หลังทำความสะอาดเครื่องครัวที่น้องสาวทำทิ้งไว้แล้วจึงคิดจะไปอาบน้ำ หากต้องเดินผ่านคุณเกรียงไกรไปก่อน และแน่นอนว่าท่านคงกำลังสรรค์หาประเด็นใหม่มาคุยกับเขาเช่นเดิม ให้มาวินรู้สึกเพียงความอึดอัดที่ยังวนเวียนอยู่

“แกทำงานอะไรอยู่ ไม่ได้ทำใช่ไหม เกาะไอ้อาจารย์คนนี้อยู่งั้นซีนะ”

ชายหนุ่มมองบิดาด้วยความไม่เข้าใจ “พ่อทำอย่างนี้ทำไม อย่ายุ่งกับเขานะ ไม่ต้องไปถามอะไรแทนทั้งนั้น”

“ทำไม ขายหน้าหรือ คิดทำแบบนี้เองแล้วจะอายทำไม” มาวินกำมือแน่น คงเพราะสิ่งที่คุณเกรียงไกรสวนกลับนั้นเป็นหมัดที่หนักพอควร ทำเอาเขารู้สึกเจ็บจุก ลุกขึ้นมาตอบโต้อะไรมิได้ นอกเสียจากยืนตัวสั่นอยู่เช่นนี้

“กลับไปซะพ่อ ถ้าจะมาพูดเรื่องพวกนี้ก็กลับบ้านไปเลยดีกว่า ยังไงเอมก็ไม่ตามพ่อกลับไปหรอก”

“ฉันจะรอจนกว่าเอมจะตัดสินใจไปด้วย”

“ไม่! อย่ามาก้าวก่ายเรานะ” ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนตรงหน้าบิดาสีหน้าจริงจัง “พ่อจะมาเอาแต่ใจเหมือนอยู่บ้านตัวเองไม่ได้ เราโตกันแล้ว เราอยู่กันเองได้ตั้งนานโดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือกับพ่อ อย่ายุ่งกับเอม อย่ายุ่งกับแทน ไปอยู่กับเมียกับลูกของตัวเองโน่น...”

“แกคิดว่าไอ้อาจารย์นั่นจะอยู่เลี้ยงแกกับน้องไปได้นานเท่าไร แกจริงจังกับมันขนาดไหน!”

บิดาลุกขึ้นมาจ้องหน้าเขาเขม็ง นิ้วมือจิ้มลงบนอกมาวินให้ฉุกคิดถึงความจริงได้ ชายหนุ่มชะงัก ฟังบิดากล่าวต่ออีกว่า “ฉันเป็นพ่อของเอม ฉันสามารถดูแลเอมได้ตลอดเวลา แกคิดว่าแกเดินทางไหนอยู่น่ะหาไอ้วิน คิดว่าการเกาะคนอื่นกินอยู่มันมั่นคงสำหรับแกแล้วหรือไง ทั้งแก ทั้งไอ้อาจารย์นั่นจริงจังต่อกันแค่ไหน! แกตอบฉันมาซิว่าแกมั่นใจในตัวมัน พรุ่งนี้ มะรืนนี้มันจะไม่เบื่อแก มันจะไม่เจอคนที่ดีกว่าแก มันจะไม่ทิ้งแกไปใช่ไหม!”

“ผมมั่นใจ!”

ชายหนุ่มตะเบ็งเต็มเสียงสู้ เมื่อคืนแทนคุณอธิบายให้มาวินเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าภายในเบื้องลึกนั้น แทนคุณเป็นคนอย่างไร ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่าแทนคุณไม่ใช่คนรักง่ายหน่ายเร็วถึงเพียงนั้น หมอนั่นมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ทำอย่างที่คุณเกรียงไกรพูด

“พ่อไม่ควรถามผมด้วยคำถามแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่แน่นอน ไม่เคยรักใครได้จริงสักที ทั้งกับแม่ กับน้าอร แม้แต่กับเอม ผมไม่เชื่อว่าพ่อจะดูแลน้องได้ พ่อมีเงิน มีทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่พ่อไม่มีคือความรับผิดชอบ!”

อีกฝ่ายทำราวกับอึ้งที่มาวินตอบกลับในเช่นนั้น ทุกอย่างที่มาวินพูดตอกอกบิดาจนพูดไม่ออก อึ้งอยู่หลายนาที

“แกจริงจังกับมันงั้นหรือ...”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมใบหน้า ระงับอารมณ์ตนเองอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องยุ่งเรื่องของเรา กลับไปซะพ่อ...”

มาวินไม่ได้ตอบสิ่งที่บิดาตั้งใจถาม เป็นทิฐิที่ยังฉายเด่นอยู่เต็มใบหน้า ก่อนจะละเดินหนีขึ้นไปด้านบนไม่ยอมพูดคุยกับเขาต่อ คุณเกรียงไกรยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนเองก่อนจะทรุดลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย ภาพสีหน้าของมาวินยามเอ่ยตอบโต้กลับมายังฉายเด่นอยู่เต็มโสต ว่าเด็กคนนั้นจริงจังเพียงไหน คิดเห็นอย่างไรกับเขามาตลอดสี่ห้าปีที่ผ่าน

ขณะที่ก่อนหน้านั้น เขาเองก็ได้คุยกับแทนคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ก่อนที่อาจารย์นั่นจะออกจากบ้านไป แววตาของแทนคุณดูเหมือนคนเฉยชา ไม่รู้สึกถึงความรักต่อมาวิน หากแค่ว่าคำพูดที่ตอบกลับมาสามารถอธิบายได้ทุกอย่าง

“ถ้าไม่ได้รักมันจริงก็ออกจากชีวิตมันไปซะ”

ร่างสูงใหญ่ที่ยังยืนอยู่หน้าประตู กำลังสวมรองเท้าหันมาสบมองอยู่ช่วงนาทีหนึ่ง “ผมไม่รู้ว่าคุณคิดว่าผมเป็นคนแบบไหนหรอกนะครับ แต่ผมกับมาวินเราเริ่มต้นจากอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะจบลงไปง่าย ๆ เพียงแค่คำสั่งของใครที่ไม่มีอิทธิพลต่อมาวินเลย ผมทำตามคำขอของคุณไม่ได้หรอกครับ พ่อ...”

ถึงจะสวนมาได้แสบสันต์ แต่ยังมีหน้ามาเรียกเขาว่าพ่อ ไอ้อาจารย์หน้าจืดคนนี้ภายนอกดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้คน สงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่แท้จริงแล้วกวนบาทาคนอื่นเก่งใช่ย่อย “แกมันก็ไม่ต่างจากคนอื่นหรอก ชอบงั้นหรือที่ไอ้วินมันเอาแต่ตักตวงผลประโยชน์ไป ที่ฉันบอกก็เพราะหวังดีนะรู้ไหม ไม่อยากเห็นแกถูกถีบหัวส่งเวลาไม่มีอะไรให้มันแล้ว แล้วทีนี้จะมาร้องไห้ขี้มูกโป่งทีหลังไม่ได้นะ”

“ขอบคุณที่หวังดีครับพ่อ แต่ผมยินดีจะให้เขา แล้วก็พร้อมที่จะรับในสิ่งที่เขาให้ผมด้วย ผมรู้ว่าคุณห่วงเขามากจนกลัวว่าเขาจะเจอคนไม่ดี เขาอาจเจออันตรายถ้าทำแบบนี้ต่อไป แต่มาวินโตแล้วครับ เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...บางทีคุณคงไม่รู้ เขาทำให้ใครก็ได้ยอมสยบเขาอย่างง่าย ๆ ถึงแม้จะร้ายขนาดไหนก็ตาม ผมเองก็คือหนึ่งในนั้น...”

คุณเกรียงไกรพูดไม่ออก

รู้เพียงว่ามาวินเกลียดเขา...

บิดาผู้ทอดทิ้งลูก ไม่เคยแยแส สนใจแต่จะหาผู้หญิงใหม่เข้าบ้านเพื่อทดแทนภรรยาคนแรกอยู่เสมอแม้ลูก ๆ จะไม่ยินยอม เขาผิดส่วนหนึ่งที่ถือทิฐิ เอาแต่ใจ ไม่ยอมรับความจริงอะไรทั้งสิ้น ผู้หญิงทุกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตล้วนแต่ต้องการเงินกันทั้งนั้น เหมือนที่มาวินกำลังทำกับผู้อื่นอยู่

มาวินไม่ผิดที่จะทำเช่นนี้ สมควรแล้วที่จะถูกลูกสาวและลูกชายเกลียด ซึ่งกำลังจะมีคนเกลียดเขาเพิ่มอีกหนึ่งคน คุณเกรียงไกรย่างเท้ามาหยุดอยู่หน้าห้องของลูกชายคนโต ยกมือขึ้นเคาะฝ่าความเงียบเชียบตึงเครียดของคนด้านใน

“แกพูดถูก วิน...”

ชายวัยกลางคนเอ่ยฝ่าความเงียบ มาวินไม่ได้เปิดประตู มันคงดีกว่าที่จะอยู่ในนั้นและไม่มาเห็นเขาในสภาพนี้ “ฉันไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย พอฉันเลิกกับเพ็ญปุ๊บก็คิดได้ว่าตัวเองไม่มีใครเลย ฉันไม่เคยคิดจะดูแลลูก โยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่น มองรอบตัวอีกทีก็ไม่เหลือใครสักคน ลูกฉันต่างก็เกลียดฉัน ไม่อยากอยู่กับฉัน...”

มือเหี่ยวย่นละลงแนบลำตัว หลงเหลือเพียงแค่ความเงียบของทั้งคู่ “ฉันผิดเองที่ทิ้งแกกับน้อง ฉันเพียงแค่หวังว่าพวกแกจะไม่มีปมด้อย ฉันพยายามหาแม่ที่ดีให้กับแกจนลืมที่จะทำดีกับลูกตัวเอง ทุกอย่างมันเกิดจากตัวฉันเอง ฉันมันหน้าด้านที่อยากให้ตัวเองดูสำคัญในสายตาลูก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อลูกเลย…”

ผิดแล้ว...ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสิ้น

มาวินรู้สึกมาโดยตลอดว่าที่คุณเกรียงไกรพยายามทำคือผลักดันให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต่อว่า สอนสั่งให้เขาฉุกคิดได้เสมอ แต่เพราะไม่สามารถไปยืนจุดที่ท่านต้องการได้สักที มัวแต่เอ้อระเหย เที่ยวเล่น ทำให้มาวินไม่อาจสู้หน้าท่านได้หากยังไม่ได้เรื่องเช่นนี้ต่อไป

นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่คุณเกรียงไกรจะกลับกาญจนบุรีไป มาวินร้องไห้ ครุ่นคิดว่าต้องมีสักวันที่ตนเองจะกล้ากลับไปหาท่านที่นั่น ไม่ต้องให้คุณเกรียงไกรบากหน้ามาหาพวกเขาถึงที่นี่...

ท่านคงกำลังคิดถึง อุตส่าห์พับเก็บทิฐิมาหาเองถึงที่ ทว่ามาวินกลับพูดและกระทำเช่นนี้

 

ตกค่ำ เลิกงานแล้วแทนคุณหอบผ้าหอบผ่อนมาหาเขา แม้นมาวินไม่ยินยอมที่จะให้อยู่ด้วยเพราะเกรงใจเอมมิกา แทนคุณยังดื้อดึงอยากนอนค้างกับมาวิน อยู่ต่ออีกหลายวันโดยไม่สนคำต่อว่า ให้เหตุผลว่าชวนมาวินย้ายไปอยู่ด้วยแล้วแต่เขาไม่ยอมไปเอง ชายหนุ่มจำต้องละความพยายาม แม้จะกังวลเกี่ยวกับน้องสาวตนเองเท่าใดก็ตาม เอมมิกามิได้แสดงถึงความลำบากใจที่จะอยู่ร่วมบ้านกับแทนคุณเลยแม้แต่นิด

มาวินรู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง แทนคุณบริสุทธิ์ใจและเป็นผู้ใหญ่กว่าเขามาก “เอมมิกายังไม่ถึงบ้านหรือ”

มาวินชะงัก คงเพราะกำลังง่วนอยู่ในครัวจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือน ชายหนุ่มเชยตาขึ้นสบ เมื่อความอุ่นร้อนแผ่ซ่านทั่วแผ่นหลัง และลมหายใจของคนถามยังวนเวียน เทียวรดบนใบหูของเขาอยู่เนือง ๆ ขณะสวมกอดจากด้านหลัง พักนี้แทนคุณทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน “โทรมาบอกว่าจะเรียนพิเศษ ตอนนี้ไปหาโรงเรียนกับเพื่อนอยู่น่ะ”

“ฟังดูเข้าท่าดี”

“นี่จะไม่กลับบ้านของตัวเองหรือไง” ชายหนุ่มเงยขึ้นสบตาคนด้านหลัง

“ถ้าไปจะมายืนอยู่ตรงนี้หรือ แล้วดูทำหน้าเข้าซีมาวิน นี่ไม่อยากดูแลผมขนาดนั้นเลยหรือไง ถือเสียว่าเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวหลงทางไว้สักตัวก็ได้ หืม...”

“ฉันจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า”

มาวินร้องสวน หมาแมวที่ไหนจะเทียวแต่คิดอกกุศลกับเจ้านายอยู่ได้ทุกวี่วันเช่นนี้ หมาแมวที่ไหนจะเถียงได้ทุกคำเช่นนี้ ขนมาวินลุกซู่เมื่อริมฝีปากหนางับลงมาที่ใบหูต้องการกระเซ้าเย้าแหย่ ไหนจะมือปลาหมึกเคลื่อนหนุบหนับจับตรงโน้นทีตรงนี้ทีอีกเล่า

“นาย...มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรือเปล่า” นิ้วมือเรียวยาวเกาะกุมมือหนาของอีกฝ่ายไว้แน่น หันไปสอบถามด้วยความใคร่รู้ความจริง “มันแปลกนะรู้ไหม ฉันรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะถามหรืออยากรู้เกี่ยวกับตัวนายทั้งนั้น ทั้งเรื่องที่นายถูกสอบสวน ทั้งเรื่องนี้ แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดี” ชายหนุ่มก้มหน้าลงหลังพูดจบ เขาเป็นคนหน้าด้านในสายตาแทนคุณ เป็นฝ่ายเดียวพยายามจะผูกมัด

“อยากรู้ทำไม เป็นห่วงงั้นหรือ”

“ปละ เปล่า...ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหนดี ไม่ต้องถามฉันหรอกว่า...” มาวินชะงัก ไม่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้ามาแนบจูบ ปรามมิให้พ่นคำพูดไหนได้ต่อ แทนคุณอาจกำลังโกรธที่เขากำลังละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไป

“คุณมีสิทธิ์ในตัวผมทุกอย่างมาวิน ผมจะขอบคุณมากถ้าคุณไม่คิดแบบนี้อีก หัดเข้าข้างตัวเองเสียบ้าง”

ชายหนุ่มเชยตาขึ้นสบ ระบายยิ้มยามนิ้วหัวแม่มือชายตรงหน้าไล้สัมผัสริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนแผ่วขณะโน้มลงมาสบตา ตั้งแต่คืนนั้น แทนคุณเพิ่มดีกรีความดีและน่ารักมากขึ้นไปทุกที นี่ทำให้มาวินใจหวิว มันรู้สึกแปลกและดีไปพร้อมกัน

“นายคิดยังไงกับฉันก็บอกมาสิ สำหรับนายฉันเป็นอะไร ของเล่นงั้นหรือ”

คนฟังสั่นศีรษะ “ไม่ใช่ คุณสำคัญกว่านั้นมากทีเดียว” ใจมาวินระทึก เพิ่งจะถูกแทนคุณหยอดคำหวานจริง ๆ ก็วันนี้

“เพราะนายยังไม่เจอคนอื่นไงแทน แน่นอนว่าถ้าเขาไม่ใช่ฉันมันจะดีกว่า”

“ไม่ยักรู้ว่าคุณชอบมองตัวเองในแง่ร้ายขนาดนั้น จริงอยู่ที่ผมตกลงกับคุณว่าเราเป็นได้แค่ไหน แต่ผมสัมผัสได้ว่าคุณไม่เคยใส่หน้ากากเข้าหาผมเวลาอยู่ด้วยกัน ผมเองก็ไม่ต้องทนฝืนต่อหน้าคุณ นั่นทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ นะมาวิน”

คนฟังเชยตาขึ้นสบ แทนคุณพูดกับเขาเช่นนี้ ทำราวกับว่ากำลังจะสารภาพรักเสียอย่างนั้น “ที่ผ่านมาคุณอาจจะจำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ฝืนอยู่กับผมเหมือนกัน”

ถึงจะเป็นคำพูดที่มีความหมายดีเพียงไหน หากทว่ายังเสียดแทงดวงใจของผู้ฟังให้เจ็บหนึบเสียจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มทราบดีว่าเพราะเหตุใดแทนคุณจึงเลือกทำเช่นนี้ เพราะเห็นว่าเขาเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลือในชีวิต เพราะเห็นว่าเป็นความหวัง แต่แทนคุณไม่ใช่เกย์ แทนคุณจะพูดและทำแบบนี้กับเขาไม่ได้

“ฉันไม่ได้ถามจริงจังอะไรนักหรอก ยังไงซะนายก็ยังต้องมีแฟน ต้องแต่งงานอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้นายแค่กำลังสับสนเพราะฉันอดทนกับนายได้แค่นั้นเอง อย่าด่วนตัดสินใจอะไรเลย”

มาวินคลี่ยิ้มหลังกล่าวจบ หันไปสนใจสิ่งที่ยังทำไว้ไม่เสร็จแก้ขัด อีกเพราะไม่อาจฝืนเก็บกลั้นความดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกันของตนเองได้ เขาดีใจที่แทนคุณคิดต่อเขาเช่นนี้ และนึกเสียใจกับอะไรหลายอย่างที่แทนคุณ ‘ควรจะ’ เป็น

“อย่ามาวางแผนชีวิตให้ผมนะ ผมคิดอะไรเองได้ว่าตัวเองควรทำแบบไหน”

ก็ถูกของแทนคุณ ชายหนุ่มหันกลับไปสบตาชายตรงหน้า “แต่นายไม่ได้เป็นเกย์ นายแค่ไม่มีทางเลือก”

“หนแรกน่ะใช่ ฟังนะ แต่คราวหลังเป็นเพราะผมตัดสินใจเอง คุณคิดว่าผมไม่คิดมากหรือที่หนีคุณออกมาวันนั้น และถูกคุณทิ้งไว้คนเดียวอย่างนั้นหนที่สอง เราไม่มีโอกาสพูดคุยกันเรื่องนี้สักทีเพราะต่างฝ่ายต่างตัดสินกันไปก่อนหน้านี้แล้ว และเพราะผมมองเห็นคุณในแง่ใหม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจได้ คุณล่ะ มองผมใหม่หรือยัง หรือเห็นผมเป็นแบบเดิม” แทนคุณกุมบ่าเขากล่าว น้ำเสียงยังปกติเช่นเดิม ไม่มีแววขุ่นเคืองใจใดใดเผยให้มาวินเห็น

“ฉัน...” ชายหนุ่มพูดไม่ออก เพราะหลายอารมณ์สุมอกทำให้ไม่อาจตอบได้ในตอนนั้น

หากเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ได้เรียกความสนใจของทั้งคู่ หลุดออกจากความสับสนทั้งหมดให้หันไปมองหน้าประตูบ้าน เป็นเอมมิกาที่เร่งย่ำก้าวเข้ามาไม่พูดไม่จา มาสะดุดกึกระหว่างคนทั้งคู่อยู่หน้าประตูครัวด้วยแววตกใจ ประสมกับดวงตาแดงก่ำของเธอนั้นมาวินไม่สามารถเดาได้ว่าน้องสาวอยู่ในอารมณ์ไหน อาจร้องไห้ หรือเพราะร้อนแดด หรือไม่สบาย ชายหนุ่มจะเอ่ยทักทายก็ไม่ทัน เธอผละเดินหนีขึ้นไปชั้นบนอย่างผิดสังเกต

เอมมิกาเป็นอะไร มาวินไม่ทันได้คิด ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามเธอขึ้นไปชั้นบนด้วยความไม่เข้าใจ หรือน้องสาวถูกใครแกล้งมาอีก คิดได้แล้วนั้น มือหนายกขึ้นเคาะประตูที่ปิดสนิทด้วยอยากจะไขข้อข้องใจของตนเอง

“เอม...เป็นอะไร มีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะเธอไม่สามารถมีอย่างคนอื่นเขาจึงพยายามหาให้ เพราะเธอไม่มีใครทดแทนความอบอุ่นมาวินจึงพยายามมอบความรักความเข้าใจให้ เพราะอย่างนั้นแล้ว เพียงแค่มองแววตาเอมมิกา มาวินก็เห็นอะไรหลายอย่างในนั้น เขาไม่เชื่อว่าในดวงตากลมคู่เมื่อครู่จะไม่มีอะไรอย่างที่เธอพยายามแสร้งทำ

“เอม บอกพี่ได้หมดเลยนะ”

เสียงของมาวินเป็นห่วงเป็นใยเธอนัก

เด็กสาวกลั้นเสียงสะอื้น เพราะนั่นยิ่งตอกย้ำให้เธอเจ็บปวดและรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นไปอีกที่พี่ชายพยายามเพื่อเธอมาโดยตลอด ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงไหน มาวินไม่เคยเหนื่อยให้เธอเห็น ไม่เคยทุกข์ใจให้เธอเห็นสักครั้ง ยอมทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวผู้เห็นแก่ตัวอย่างเธอโดยไมเคยมีข้อแม้ แม้จะต้องยอมแลกด้วยศักดิ์ศรีของตนเองก็ตาม

“ที่พี่วินเขาทำแบบนี้ก็เพื่อเอมนะ พี่แค่ให้เขาได้ไม่มากพอ เราเลยจบกัน”

เอกณรงค์ระบายยิ้มเล็กน้อยตอนเล่า ขณะเคลื่อนมือวางลงบนศีรษะของเธอแววเอ็นดูอย่างเคย พร้อมกับความจริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาได้เปิดออก ให้เด็กสาวนึกโกรธตนเองที่เลือกทางเดินเห็นแก่ตัวเช่นนี้

“ที่เอมเห็น พี่เอกก็รักพี่วินดีนี่คะ”

“เอม พี่ชายเอมไม่เลือกความรักหรอก ถึงแม้ตัวเองจะรู้สึกแบบไหน แต่เอมเป็นที่หนึ่งเสมอ”

เพราะเธอ ทำให้มาวินต้องละทิ้งชีวิตสนุกสนานของตนเอง เพราะเธอ ทำให้มาวินต้องกลายเป็นคนสกปรกในสายตาคนอื่น เพราะเธอ ทำให้พี่ชายผู้เป็นฮีโร่ต้องทำลายศักดิ์ศรีของตนเองแลกกับเงิน เพราะเธอ ทำให้พี่ชายไม่สามารถรักใครที่ตนเองรักได้ เพราะเธอ ทุกอย่างจึงเลวร้ายลงเช่นนี้!

“พี่วิน เอมขอโทษ...”

เด็กสาวทำได้เพียงเท่านี้...ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้จริง ๆ





---------------------------------------------

กลับมาอัพต่อแล้วจ้า

ตอนนี้เรื่องราวกำลังเริ่มมาถึงจุดพีคของเรื่องแล้ว

จะมาอัพให้อ่านกันแบบนันสต๊อบ ทุกเย็น จนจบ

จะมีตอนพิเศษตามมาด้วย ต้องรอตามเอานะคะ

หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 11-10-2016 16:36:17
 :katai2-1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 11-10-2016 16:55:36
เนื้อหาชวนประทับใจ แต่งได้ดีมากเลย ชอบมากๆค่ะ แต่ความสัมพันธ์สองคนนี้เปลี่ยนไวมากเลย ตามไม่ทัน 55 เหนือสิ่งอื่นใด อัพไวมาก ชอบบบ
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-10-2016 17:14:27
เนื้อหาชวนประทับใจ แต่งได้ดีมากเลย ชอบมากๆค่ะ แต่ความสัมพันธ์สองคนนี้เปลี่ยนไวมากเลย ตามไม่ทัน 55 เหนือสิ่งอื่นใด อัพไวมาก ชอบบบ
ความสัมพันธ์ของคนเราระหว่างเปลี่ยนไวแต่คลุมเครือ กับ เปลี่ยนช้าแต่ชัดเจน ไม่ว่าจะแบบไหนต่างไม่แน่นอน ที่จริง มันก็ไม่ไวนะคะ เพราะดูในแง่ของตัวละครและเวลาก็ใช้ประมาณหนึ่งเลย จนมาถึงตอนที่ 11 แล้ว แน่นอนว่าเพราะความสัมพันธ์ดูคลุมเครือเลยทำให้นิยายดูน่าลุ้นด้วย ใช่มั้ยเอ่ย
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 11-10-2016 20:33:20
เนื้อเรื่องสนุกดีนะค่ะ แต่ภาษางงไปนี้ดนึง อ่านแล้วมันจะสะดุด ไม่ต้องเปรียบเปรยเยอะก็ได้ค่ะ มันจะกลายเป็นนิยายน้ำไม่มีเนื้อ คือเราติเพื่อก่อเนอะ อย่าเคืองกันเลย ยังไงก็เพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วก็ตามๆเรื่องนี้ยุ
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-10-2016 21:33:23
เนื้อเรื่องสนุกดีนะค่ะ แต่ภาษางงไปนี้ดนึง อ่านแล้วมันจะสะดุด ไม่ต้องเปรียบเปรยเยอะก็ได้ค่ะ มันจะกลายเป็นนิยายน้ำไม่มีเนื้อ คือเราติเพื่อก่อเนอะ อย่าเคืองกันเลย ยังไงก็เพิ่งเข้ามาอ่าน แล้วก็ตามๆเรื่องนี้ยุ
โอ้ ขอบคุณมากเลยค่าาา นี่ก็ตัดไปตั้งเยอะแล้ว แฮะๆ
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๑ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-10-2016 23:48:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 11-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-10-2016 17:12:03


ตอนที่ ๑๒

เอมมิกาบังเอิญพบกับเอกณรงค์ระหว่างเดินเล่นอยู่ในห้างกับเพื่อน คงเพราะไม่ได้พบกันนานจึงพูดคุยทักทาย เธอถามสารทุกข์สุกดิบเขาอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากนั้น เอกณรงค์ก็ถามถึงมาวินและฝากขอโทษในสิ่งที่พลาดทำลงไป แววตาของพี่ชายตรงหน้าสารภาพว่ามิได้โกหกยามกล่าว เขารู้ด้วยซ้ำว่ามาวินมีคนรักใหม่แล้ว เอมมิกาไม่เข้าใจระหว่างทั้งคู่จึงได้ถามว่าเหตุใดทุกอย่างจึงเกิดขึ้น และได้รับรู้ความจริง

เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อเขา หากความเป็นจริงที่เคยสงสัยเมื่อก่อนก็ตอบได้เป็นอย่างดี มาวินไม่เคยทำงาน เอาแต่เที่ยวเตร่และไม่คิดขอเงินบิดา เด็กสาวเคยคิดอยู่แต่ก็ไม่เคยถาม คงเพราะความเห็นแก่ตัวทำให้เธอมองผ่านมันไป เพราะตราบใดที่มาวินยังสนองความต้องการของเธอได้ก็ไม่มีปัญหา

เธอรู้ว่าเอกณรงค์ขี้หึงขี้หวง แต่ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะแย่ขนาดนี้ เป็นได้เพียงแค่คู่ขาเพื่อแลกเงินเท่านั้น กับแทนคุณก็ด้วย...เพราะเขาตอบแทนได้เยอะกว่าจึงต้องคบกัน...เพราะมาวินจะสามารถนำมาให้เธอได้เยอะกว่า

เด็กสาวลุกขึ้นจากเตียงนอน ไม่จำเป็นต้องเก็บเงียบอีกต่อไปแล้ว เธอเดินไปเปิดประตูซึ่งมีผู้ชายคนเดียวกำลังเป็นห่วงยืนรออยู่ ครั้นเห็น มาวินรีบยกมือจับประตูมิให้ปิด คว้าหมับดึงร่างเธอไปกอดราวกับกลัวว่าน้องสาวจะนึกเปลี่ยนใจไม่เดินมาหา กระซาบอยู่ข้างหูว่า “อย่าทำแบบนี้นะเอม อย่าทำให้พี่ห่วงมากกว่านี้ สัญญากับพี่เดี๋ยวนี้เลย”

“สัญญา...” เธอเอ่ยตอบทั้งสะอื้นไห้ กอดเขาแน่น “แล้วก็ขอโทษด้วย ที่ทำให้พี่ลำบากมาตลอด ที่เอาแต่ใจอยากได้นั่นอยากได้นี่สารพัดอย่าง ไม่สนเลยว่าพี่วินจะเหนื่อยหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรเลยนะ พี่โอเค”

“จะเลิกได้ไหม พี่วินเลิกทำแบบนี้ได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มผู้มอบกอดชะงัก ก้มลงมองแววตาของน้องสาวด้วยความหวั่นเกรง เกรงว่าสิ่งที่กำลังต้องการปกปิดจะเผยขึ้น แน่นอนว่าเขาเจ็บปวดหากเอมมิกาจะผิดหวังในตัวพี่ชาย แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เธอมองเขาอย่างเว้าวอน ไม่มีสีหน้าโกรธขึ้งใดใดทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่าที่เอมมิกาถามนั้น อาจจะเป็นเรื่องอื่น

“เลิก เลิกทำอะไร พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”

ชายหนุ่มระบายยิ้ม ปรับสีหน้าระแวงระวัง ใจที่ว่าดีกระตุกไหวเมื่อเห็นน้องสาวร้องไห้ทั้งส่ายหน้า ราวกับไม่อยากยอมรับในสิ่งที่เขากระทำ

“ไม่ เอมรู้หมดทุกอย่างแล้ว ที่พี่วินคบกับอาจารย์ไม่ใช่เพราะรักกัน เพราะเอม เพราะเอมพี่วินถึง...”

“เอม...”

ชายหนุ่มใจหาย ดึงเธอเข้ามากอดด้วยสรรหาคำไหนมาแก้ตัวให้ตัวเองไม่ออก เขากลัวน้องสาวเกลียดที่ทำตัวย่ำแย่ กลัวทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เพราะความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ เป็นความจริงที่ยังทิ่มแทงใจเขา ไม่ว่าจะระหว่างมาวินกับพ่อ หรือมาวินกับน้องสาว เขาก็ไม่กล้าสู้หน้าใครสักคนได้เพราะการกระทำสิ้นคิดของตัวเอง

อีกทั้ง ภาพใบหน้าของแทนคุณยังปรากฏต่อเขา ยามอีกฝ่ายกุมมือ สารภาพกับเขาว่าไม่มีใคร เพราะการเลือกกระทำผิดของตนเองทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“เลิกทำได้ไหมคะ เอมจะกลับไปอยู่กับพ่อ พ่อแยกกันอยู่กับเมียใหม่ได้ปีแล้ว แล้วก็สัญญากับเอมด้วยว่าจะไม่หาใครมาใหม่ด้วย พี่วินจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง ถ้าต้องคบกับอาจารย์เพราะเงินพี่วินก็เลิกเถอะนะคะ เอมไม่อยากให้พี่วินฝืนทำเพื่อเอมอีกแล้ว จริง ๆ แล้วเอมไม่แน่ใจด้วยซ้ำนะ ว่าพี่วินเป็นเกย์จริงหรือเพราะไม่มีทางเลือกกันแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเอมยิ่งรู้สึกผิด ได้โปรดหยุดเถอะนะคะ...”

มาวินเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก็หลายครั้ง ในช่วงเวลาที่สับสนเขาไม่เคยครุ่นคิดนานมาก่อนเช่นนี้ ทั้งที่ทุกอย่างควรดำเนินไปตามครรลองครองธรรมอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่ใจของเขากลับปวดหนึบ เมื่อนึกถึงแววตาของใครสักคนในกลางดึกยามสบมอง อ้อนวอนขอความรัก ใจที่ว่าดีก็หวิวโหวงขึ้นมาอย่างช่วยมิได้

“ไม่ได้หรอกเอม แทนเขาต้องการพี่”

เด็กสาวชะงัก นิ่งไปเมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชาย “พี่วิน ตลอดเวลาที่พี่คบกับพี่เอก เคยรักเขาไหมคะ”

“ไม่...” ชายหนุ่มตอบ มองแววตาของน้องสาวก่อนจะยิ้ม ยิ้มแบบผู้มองไม่อาจเดาอะไรได้เลย “ไม่กล้ารักน่ะ”

เพราะกลัว กลัวความรักจะผูกมัด

ความรักจะทำให้มาวินหยุดทะเยอทะยาน หยุดเก็บเกี่ยวตักตวง หยุดเห็นแก่ตัว จึงไม่กล้ารัก

“อะไรกัน”

น้องสาวดูเหมือนจะแปลกใจ

พอมาคิดอีกที ตอนนี้มาวินกลับลดความทะเยอทะยานลงไป หยุดที่จะพยายามหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเอง และคิดถึงแต่คนอื่น ตอนนี้ บางทีหัวใจของเขาอาจกำลังมีรักเติบโตขึ้นอย่างเชื่องช้าและแนบเนียนก็เป็นได้ เขาไม่รู้ตัว พอตั้งสติได้ ความคิดของมาวินก็เต็มตื้นไปด้วยใบหน้าเขาคนนั้นอย่างไม่สามารถปัดทิ้งออกไปได้โดยง่าย ชายหนุ่มกลืนน้ำลายครุ่นคิด เฝ้าบอกให้ตัวเองหยุดความรู้สึกก่อนที่จะสาย

ความรักมันน่ากลัวเกินไปสำหรับเขา

 

มาวินไม่คิดห้ามกับการตัดสินใจของเอมมิกาเพื่อเขา อย่างน้อยระหว่างเขากับบิดาก็พอจะเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น ท่านไม่ถือทิฐิและดูเหมือนต้องการดูแลเอมมิกาจริงอย่างที่พูด ชายหนุ่มเป็นฝ่ายโทรหาบิดาเอง อธิบายความจริงทั้งหมดให้ท่านฟังพร้อมกับแทนคุณซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง ราวกับต้องการเป็นกองกำลังใจให้มาวินกล้าหาญมากขึ้น

คุณเกรียงไกรจะกลับมาอีกครั้งอาทิตย์หน้า จะมารับหลังจากเอมมิกาทำเรื่องย้ายแล้วเสร็จ มาวินรู้สึกโล่งใจที่ท่านไม่ได้มีข้อกังขาหรือคำถามมากมายนัก เมื่อรู้ว่าเอมมิกาทราบความจริงและไม่อยากให้พี่ชายต้องลำบากเพื่อเธออีก นั่นอาจเพราะคุณเกรียงไกรก็เห็นด้วยกับลูกสาวกระมัง

เพราะอยากให้มาวินหยุดทำเช่นนี้ จึงเอาแต่ดุด่าว่ากล่าวให้มาวินคิดได้

หลังคุยธุระจบ มาวินหมุนกายจะเดินไปที่ไหนสักแห่งเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่างซึ่งยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาดได้สักที หากแต่มือของคนด้านหลังฉุดให้ชายหนุ่มผละจากความคิด หันไปมอง เห็นเป็นแทนคุณซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเงยขึ้นสบตา “คุณจะหยุดไหมถ้าเอมมิกาไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว เขาทำแบบนี้เพื่อให้คุณหยุดไม่ใช่หรือ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีเอมแล้วแต่ฉันยังต้องกินต้องใช้ แค่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเท่าเมื่อก่อน เพราะอย่างนั้นฉันไม่จำเป็นห้องหาใครใหม่ จะรอจนกว่านายจะเป็นฝ่ายเบื่อแล้วก็ทิ้งฉันไปก่อน”

“อย่าพูดแบบนั้น คุณจะไปจากผมเมื่อไรก็ได้ ผมไม่บังคับ...”

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดูดีและราบรื่นเกินไปจนใจหาย มาวินนิ่ง มือไม้วางไม่ถูกตำแหน่งเมื่อร่างถูกดึงกลับเข้าไปสวมกอดจากคนด้านล่าง เนิ่นนานเท่าไรมิทราบที่แทนคุณซุกใบหน้าแนบกับหน้าท้องของเขาอยู่เช่นนั้น คงนานพอ พอที่มาวินจะสามารถสั่งให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ได้ทัน ก่อนที่มือหนาจะเคลื่อนมากุมเขาไว้แนบแน่นในความเงียบเชียบของคนทั้งคู่นั้น

“ไม่จริงเลย...” คนกล่าวกระซาบผ่านความเงียบขณะยังกอดเอวมาวินไว้เช่นนั้น พร้อมนิ้วมือของเขาซึ่งวางลงบนเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างหาที่ลงมิได้ เพราะตกใจ และสับสนเกินไป

“ผมโกหก ที่จริงผมอยากผูกมัดคุณ ไม่อยากให้คุณเดินออกไปจากชีวิตผมแม้แต่ก้าวเดียว บังคับให้คุณมองแค่ผมคนเดียวเท่านั้น ทำดีกับผมแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วมองผมด้วยสายตาแบบนี้แค่คนเดียวเท่านั้น มันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวดีเหลือเกิน”

“แทน...”

มาวินใจหาย พยายามจะแกะมือของอีกฝ่ายออก หากคนกอดไม่ยินยอม

“อย่าทิ้งผม ขอร้อง อย่าทิ้งผม”

บางทีแทนคุณก็ทำตัวเหมือนลูกหมาข้างทางอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เมื่อมีความหวังอยู่ตรงหน้าก็อยากจะพักพิงอาศัย อีกทั้งยังนึกระแวงอยู่และหวาดกลัวการอยู่คนเดียวอย่างเช่นเมื่อก่อน มันคงเหน็บหนาวและไม่น่าอยู่เท่าใดนัก

“นายยังคงสับสนอยู่นะแทน แต่ฉันสัญญาว่าจะอยู่กับนาย จนกว่านายจะไม่อยากอยู่กับฉันก็แล้วกัน เราจะได้ไม่ลำบากใจกันทั้งคู่ ถ้าวันหนึ่งนายเกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรเสียเวลา นายจะไปเมื่อไรก็ได้”

“เลิกพูดแบบนี้สักทีได้ไหม มันฟังดูเหมือนผมแย่ที่รั้งคุณไว้ เรื่องของเอมมิกาทำให้คุณคิดอยากจะหยุดความสัมพันธ์กับผม ผมรู้...ใครกันจะทนอยู่กับคนโรคจิตอย่างผมได้ คุณอดทนมาโดยตลอด พอมีโอกาสแล้วเป็นใครก็อยากออกจากขุมนรกนี่สักที ผมรู้หรอก...”

 มาวินก้มลงมองหน้าคนกล่าวด้วยใจหวิวโหวง ใจหายกับคำตัดพ้อทำร้ายปมด้อยของตนเองที่แทนคุณกล่าว

“ฉันขอโทษ” เขาเคยทำร้ายแทนคุณด้วยคำพูดพวกนี้ เหตุใดวันนี้เป็นตัวเองเจ็บปวดแทนเสียได้

“ขอโทษทำไม คุณไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่”

มาวินโคลงศีรษะ “ขอโทษที่เคยคิดอย่างที่นายว่า เคยคิดหนี...”

ตลอดชีวิต มาวินตัดสินคนอื่นเพียงแง่เดียวมาโดยตลอด การพบเจอและได้รู้จักแทนคุณสามารถสอนสั่งอะไรเขาได้หลายอย่าง โดยเฉพาะความรู้สึกของคนอื่นที่ตนควรรำลึกถึงก่อนที่จะนึกถึงเพียงแค่ตัวเอง ชายหนุ่มระบายยิ้มเล็กน้อย กุมมือทั้งสองข้างบนใบหน้าเรียวยาวรูปหล่อนี้ด้วยความอ่อนแผ่ว

“นายไม่ใช่ไอ้โรคจิตสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว แทน”

แทนคุณเป็นคนเดียวที่สอนให้มาวินกล้ารัก กล้าก้าวผ่านความกลัวของตัวเองได้อย่างลืมตัว และสอนให้รู้สึกอิจฉา ภรรยาในอนาคตของแทนคุณคนนั้นช่างโชคดีอะไรเช่นนี้  เหตุใดโชคชะตาจึงใจร้ายเลือกแทนคุณ ทั้งที่ใครหลายคนก็ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาเช่นกัน อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่สัมผัสได้กระมัง

“คุณทำดีแบบนี้กับทุกคนใช่ไหม” แทนคุณสบตา “ผมอยากรู้”

“ทำไม”

“ตอบมาเถอะ จากความรู้สึกจริง ๆ ของคุณ ผมจะได้ไม่ต้องเข้าข้างตัวเองอีก”

“ไม่ใช่หรอก...” มาวินส่ายหน้าขณะเอ่ย นี่ไม่ใช่คำตอบที่ชวนอึดอัดเท่าใดนัก “ฉันไม่ได้ทำดีแบบนี้กับใครที่ไหนนัก ออกจะเลวกับคนอื่นเสียด้วยซ้ำ”

“หมายความว่าคุณต้องการให้ผมรู้สึกกับคุณต่อไปอย่างนี้ใช่ไหม คุณมีสิทธิ์ตอบว่าตัวเองทำดีแบบนี้กับทุกคนที่เข้ามาในชีวิต มีสิทธิ์บอกให้ผมเลิกคิดเข้าข้างตัวเอง เลิกหลงตัวเองได้แล้ว แล้วทำไมไม่ทำ รู้ไหมนี่เป็นหนทางที่คุณสามารถสลัดผมทิ้งได้” มาวินเบิกตา เอวถูกกระตุกให้ทรุดกายลงนั่งบนตักชายตรงหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งยังสับสนงุนงงกับประโยคเมื่อครู่

“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์กับฉันนะ ไอ้นี่!”

“ไม่ให้ไป ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น”

“อย่ามาพูดอะไรเอาแต่ใจหน่อยเลย ปล่อยฉัน เดี๋ยวเอมมาเห็นเข้า” มาวินถอนใจ ยามเห็นแววเย้าแหย่อยู่ในสายตาคมที่สบมองตลอดเวลา

“คุณลองเอาแต่ใจกับผมบ้างซี มันก็ฟังดูไม่น่าเสียหายอะไร แค่พูดออกมาว่าอยากให้ผมทำอะไร ผมจะตามใจ”

“สิ่งที่ฉันอยากได้ นายให้ฉันไม่ได้หรอก”

“ไม่ลองขอแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผมให้ไม่ได้ เลิกเสียเถิดน่า ไอ้นิสัยอะไรก็คิดเองเออเองอยู่คนเดียว” คนกล่าวยกมุมปากยิ้ม จะแซวก็ไม่ใช่ จะต่อว่าก็ไม่เชิง

“ก็เพราะว่าถ้าฉันคิดจะเห็นแก่ได้หรือเอาแต่ใจ คนอย่างฉันไม่คิดจะอยากได้อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่ นายไม่มีทางให้ฉันได้ถ้ารู้ว่าฉันต้องการอะไร”

“อะไรที่คุณอยากได้ที่สุด ตอนนี้”

แทนคุณยังไม่ถอยทัพ นั่นทำให้คนฟังจำต้องถอนใจ

“ทั้งหมดของนาย...”

คนกล่าวหลุบตาลงมองพื้นโซฟาอย่างช่วยไม่ได้ หากทว่าในระหว่างความเงียบของคนทั้งคู่นั้นไม่ได้อึดอัดอย่างที่มาวินเคยคิดไว้ล่วงหน้า อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวอะไรในทันที มาวินไม่เข้าใจอะไรนักนอกเสียจากความสับสนงุนงงภายในสมองของตนเอง ชายหนุ่มตัดสินใจเงยขึ้น สบตาของแทนคุณด้วยใคร่ทราบความหมายของสถานการณ์นี้ นอกจะไม่มีแววตกใจ เคืองขุ่น หรือสิ่งอื่นใดที่มาวินเคยนึกกลัวแล้ว

บนใบหน้าคมคายของชายตรงหน้า กลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่เขามิเคยเห็นมาก่อน

รอยยิ้มที่ตรึงใจเขาจนสั่นไหว

“ใครกันแน่ที่กำลังสับสนน่ะ หืม...”

รอยยิ้มของแทนคุณขณะกล่าว ราวกับกำลังเอ็นดูเด็กน้อยเอาแต่ใจคนหนึ่ง มันดูน่ารักสำหรับคนมองนัก

“ฟังนะมาวิน สิ่งที่ผมทำ ผมตัดสินใจทำอย่างมีสติทุกครั้ง ในสมองของผมไม่เคยมีความลังเลหรือสับสนอะไรทั้งนั้น ผมใจจดใจจ่ออยู่ที่คุณเสมอ แค่นี้...เข้าใจผมมากขึ้นหรือยัง”

นั่นทำให้ใจของมาวินที่เคยคิดหวาดเกรงลอยเคว้ง ความลิงโลด ความเบาใจ เป็นสุข กำลังประสมอยู่ในเหวลึกอันเป็นก้นบึ้งของจิตใจ จากไม่เคยคิดว่าจะได้รับ มาวินรู้สึกมีความหวังไม่ต่างจากที่แทนคุณกำลังเป็นอยู่เท่าใดนัก

ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้งกำลังเดินอยู่ในทางมืดเปลี่ยวเพียงคนเดียว ได้พบเจ้านายที่รักมันจริง เข้าใจ พร้อมจะดูแลในวันที่สภาพมันย่ำแย่ ไม่น่าแลดูเพียงใดก็ตาม

 

เนิ่นนานมาแล้วที่มาวินเคยคิดว่าตนเองช่างไร้ค่า การใช้ชีวิตของเขามีความหมายหนึ่งเดียวคือเพื่อเอมมิกาเท่านั้น แต่ครั้นน้องสาวเลือกที่จะให้เขานึกถึงความรู้สึกของตนเองบ้าง ทำให้ชายหนุ่มสามารถมองโลกในแง่อื่นที่กว้างขวางขึ้น

เอมมิกาทำเรื่องย้ายที่เรียนเสร็จแล้ว พร้อมคุณเกรียงไกรที่เพิ่งมาถึงเมื่อเย็นวาน ถึงแม้จะดูขัดเขินกันไปบ้างหากทว่ามาวินก็มิได้ตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่ใจเสียจนเกินไปอย่างเช่นเมื่อก่อน เช้าวันนี้มาวินลุกขึ้นมาตระเตรียมอาหารตั้งแต่ไก่โห่ คงเพราะแทนคุณจะต้องไปทำงานและเคยชินกับการดูแลน้องสาว ชายหนุ่มระบายยิ้ม เมื่อเหลือบไปเห็นอาจารย์หนุ่มกำลังจิบกาแฟบนโต๊ะเดียวกันกับคุณเกรียงไกร ก่อนอีกฝ่ายจะผละมาสบตาราวกับรู้ทันว่ามาวินเดาใจได้

แทนคุณกำลังจะเข้าทางว่าที่พ่อตา ซึ่งดูเหมือนคุณเกรียงไกรจะไม่มีทีท่าขัดอะไร แต่ก็มิได้ถึงขั้นเชิญชวนมาเป็นลูกอีกคน นั่นคงเป็นนิมิตหมายอันดีว่าอาจเดินไปถูกทางแล้ว

เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับแทนคุณ หลังจากวันนั้นมันก็ดีขึ้นมาเรื่อยราวกับเข้าใจไปเองโดยปริยาย ไม่ต้องพูดอะไร แทนคุณไม่ได้เอ่ยปฏิเสธมาวิน ในแววตามิได้กำลังสับสนดังเจ้าตัวว่า หลายวันมาแล้ว ที่มาวินรู้สึกเหมือนว่าเขากับแทนคุณแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นเรียกกันได้ว่า ‘คนรัก’

หลังมื้อเช้า ชายหนุ่มเดินไปส่งแทนคุณที่รถอย่างเช่นทุกวัน เขาชอบการใช้ชีวิตแบบนี้จนรู้สึกคุ้นชินกับมัน “วันนี้ผมกลับค่ำ คุณกับครอบครัวทานข้าวกันก่อนเลย ไม่ต้องรอผมหรอก”

“นายแต่งตัวดูเหมือนไว้ทุกข์...” มาวินไม่รู้จะถามดีไหม เมื่อเห็นสีหน้าของแทนคุณที่ผิดแปลกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ทั้งเหม่อลอย และดูเหมือนกำลังเศร้า

“วันนี้เป็นวันครอบรอบยี่สิบสองปีที่พี่สาวผมตาย ผมจะไปเยี่ยมเธอที่หลุมศพ”

“เข้าใจแล้ว” มาวินพยักหน้ารับอย่างที่พูด “ฉันเคยได้ยินนายละเมอถึงพี่สาว นายคงรักเธอมาก”

“พี่ทิพย์เธอน่าสงสาร เธอตายตอนผมอายุสักเจ็ดขวบได้ เธออายุเพียงแค่สิบหก พลัดตกลงมาจากดาดฟ้าของบ้าน”

มาวินใจหาย เหตุใดจึงเล่าเรื่องน่าเศร้าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกล้ำกลืนฝืนทนเช่นนั้น ทั้งที่จริงแล้วแทนคุณกำลังสะเทือนใจเมื่อกล่าวถึงมันอยู่แต่จำต้องกลบเกลื่อนด้วยท่าทีเมินเฉย ก่อนจะผละนัยน์ตาคมมาสบด้วยความฉงน พร้อมกับมาวินเองที่เพิ่งรู้ว่ามือมันเอื้อมไปลูบผมของอีกฝ่ายเองโดยอัตโนมัติ เพราะอยากปลอบโยนไม่ให้เศร้ากระมัง

“อยู่กับฉันนายไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่น”

คนฟังกระตุกยิ้ม กอบกุมมือที่เคยปลอบโยนบนศีรษะลงมาจุมพิต “ขอบคุณนะมาวินที่อยู่เคียงข้าง ผมหวังว่าถ้าเราพร้อม เราจะไปเจอพี่ทิพย์ด้วยกัน พี่ทิพย์ต้องชอบคุณมากแน่ เธอมีนิสัยคล้ายคุณหลายอย่าง”

“อื้ม ฉันก็อยากเจอเธอเหมือนกัน”

มาวินยกยิ้ม พร้อมกับความเขินอายแล่นเข้าสู่ใบหน้า ยามที่แทนคุณยังจ้องตา ฝังริมฝีปากหนาลงบนหลังมือเขาย้ำซ้ำอยู่หลายครั้งราวกับต้องการตีตราประทับจับจอง หายไปไหนแล้ว คุณชายที่เคยเลวร้ายมองคนอื่นในแง่ลบ อาจารย์ฝ่ายปกครองที่เห็นแก่ตัว วินาทีนี้ มาวินรู้จักเพียงแค่คนรักแสนดีของเขาที่ชื่อ ‘แทนคุณ’ เท่านั้น

เพียงคิด ก็ชวนให้ใจของชายหนุ่มผู้มีความรักล่องลอย เดินยิ้มแย้มเพียงคนเดียวโดยไม่อายใครเข้าบ้านพักเมื่อแทนคุณไปทำงานแล้ว ก้าวเท้าเข้าบ้านได้ ก็นึกตกใจเมื่อเหลือบเห็นสายตาของบิดาจับจ้องอย่างเอาจริงเกินไป

“แกกับไอ้อาจารย์นั่นจริงจังกันสักแค่ไหน”

ลำขายาวชะงักกึก หันไปตอบ

“ก็มากกว่าคนก่อน ๆ ล่ะ พ่อยังสงสัยอะไรในตัวเขาหรือไง”

“เปล่า แค่ฉันอยากได้ยินจากปากพวกแก ถ้ารักกันจริงฉันก็ไม่ได้คิดจะห้ามอยู่แล้ว”

คนฟังหันไปมองชายกลางคนผู้กล่าว ซึ่งยังทำเป็นวางท่าเข้มขรึมจับหนังสือพิมพ์อ่าน ประกอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้สึกรู้สานั้นทำให้มาวินรู้สึกวางใจขึ้น เผยรอยยิ้มด้วยความอุ่นใจ

“ขอบคุณนะพ่อ”

เมื่อเปิดใจ เรื่องอะไรก็สามารถผ่านไปได้โดยง่าย

ช่วงนี้ชีวิตมาวินเหมือนกำลังอยู่ในขาขึ้น ทุกอย่างดูสะดวกไปเสียหมดจนน่าตกใจ อาจเป็นเพราะมุมมองในการใช้ชีวิตของเขาที่เปลี่ยนไปด้วยกระมัง เพราะมองแคบ ทุกอย่างเลยเป็นเรื่องยากและไม่น่าลงแรงไปเสียหมด ชายหนุ่มเข้าใจแล้ว

ตกเย็น มาวินก็ทำตามที่แทนคุณสั่งไว้ ชายหนุ่มลำเลียงกับข้าวกับปลาไปวางบนโต๊ะอาหาร ในขณะที่น้องสาวกำลังจัดจาน ตักข้าวให้บิดาอยู่อีกฝั่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือทานกัน เสียงรถยนต์ที่เคลื่อนมาจอดริมรั้วหน้าบ้านได้เรียกจุดสนใจของทุกคนให้เหลียวไปมอง คงเพราะคิดว่าแทนคุณอาจกลับมาก่อนเวลา มาวินจึงลุกเป็นคนแรก ย่ำเท้าวิ่งออกไปนอกบ้านด้วยความรวดเร็ว

ชายหนุ่มประหลาดใจ ในยามหัวค่ำแสงของรถยนต์ที่สาดไม่สามารถบอกสีของมันชัดแจ้งนัก ชายหนุ่มชะลอลำขาเมื่อมิใช่รถยนต์ของคนรัก พร้อมกับความประหลาดใจก่อเกิดขึ้น

คนขับรถสวมชุดสีดำลงมาเปิดประตูให้เจ้านายซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง เผยให้เห็นลำขาขาวของสตรีค่อนกลางคนในชุดสูทของนักธุรกิจก้าวลงมา วินาทีแรกนางเหลียวมองบรรยากาศโดยรอบมิได้พูดอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะไล่เรียงกวาดสายตามาจรดที่ร่างของเขา หากจำไม่ผิด หน้าตา และสีหน้าหยิ่งผยองที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้มาวินเคยพบเห็นมาก่อน

“เธอสินะ มาวิน ฉันจำได้”

ชายหนุ่มชะงัก รีบยกมือไหว้แม้จะไม่ชอบใจสายตาของหญิงตรงหน้าเท่าใดก็ตาม อย่างไรเสีย นางก็เป็นถึงมารดาของคนที่เขารัก อย่างน้อยก็ควรจะมีมรรยาทให้แทนคุณไม่ลำบากใจเสียบ้าง ถึงแม้นางไม่ค่อยมีทีท่าจะเห็นชอบระหว่างเขาทั้งคู่ก็เถอะ

“ครับ มาถึงที่นี่ คุณมีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า...”





--------------------------------------------------------

คุณนายมาแล้ว มาวินจะเจออะไรบ้างน้อ

อย่าลืมคอมเม้นค่ะ กลับมาอัพแล้ว นักอ่านหายไปไหน!
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-10-2016 20:47:20
จ้างคนเขียนร้อยนึง ช่วยจัดฉากฆาตกรรมหั่นศพสยองขวัญของคนไข้โรคจิตที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าที่มียัยแม่เป็นเหยื่อ โดยที่ตำรวจพบศพได้เพราะหมาคาบหัวไปแทะอยู่ข้างกองถังขยะใจกลางเมืองที
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-10-2016 21:29:17
จ้างคนเขียนร้อยนึง ช่วยจัดฉากฆาตกรรมหั่นศพสยองขวัญของคนไข้โรคจิตที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าที่มียัยแม่เป็นเหยื่อ โดยที่ตำรวจพบศพได้เพราะหมาคาบหัวไปแทะอยู่ข้างกองถังขยะใจกลางเมืองที

55555

ค่าจ้างแพงไปหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-10-2016 23:00:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 12-10-2016 23:03:40
นางมาแล้ววว!!! :katai1:. คุณพ่อ! คุณพ่อช่วยด้วยยยย~! :mew6:
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๒ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 13-10-2016 01:21:45
แอบอมยิ้มนิดๆกับนิสัยเด็กๆของแทนคุณ :hao3:
หัวข้อ: Re: 12-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 13-10-2016 11:57:57



ตอนที่ ๑๓

รถราบนถนนยังแล่นสวนกันไปมาขณะที่ชายหนุ่มยังง่วนอยู่กับการเลือกซื้อของในร้านของสดภายในซอยที่เขาพัก หวังว่าจะเป็นวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นวันนี้ของเขากับแทนคุณ เมื่อเช้าคุณเกรียงไกรกับเอมมิกาไปโดยไม่ทันได้เอ่ยลาแทนคุณสักคำ เพราะเมื่อคืนไม่ได้กลับมาที่บ้านและมาวินหวังว่าวันนี้เขาจะมา นี่อาจเป็นเหตุให้มาวินใจลอย ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ามีรถยนต์ของใครมาเทียบจอดใกล้

หลังจากรับเงินทอน ชายหนุ่มหมุนกายกะจะเดินกลับไปยังบ้านพัก ใจหลุดวูบเมื่อเหลือบไปเห็นรถยนต์ข้างกาย ซึ่งเจ้าของของมันยังเปิดกระจกมองเขายิ้ม ๆ ไม่พูดไม่กล่าวทักทาย

“คุณกาย”

อีกฝ่ายค้อมศีรษะอย่างสุภาพ “นึกว่าจะไม่สนใจกันซะแล้ว”

“ขอโทษที เสียงรถแถวนี้มันดังผมไม่ได้ยิน”

“เราควรออกไปจากตรงนี้ไหม เดี๋ยวเจ้าของร้านจะว่าเรามายืนคุยหน้าร้านเขาได้ ขึ้นมาซี เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน” มาวินคลี่ยิ้ม เดินวนขึ้นไปนั่งอย่างไม่นึกตรองดูก่อนว่าจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ เพียงแต่คิดว่าคงไม่มีอะไร แทนคุณเป็นคนมีเหตุผลพอที่จะหันมาพูดคุยกับเขา “ผมผ่านมาทางนี้พอดี เห็นคุณเดินอยู่ริมถนนก็เลยจะแวะมาทักทายเสียหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้ไม่เห็นคุณเที่ยวเหมือนแต่ก่อน”

“มีเรื่องอะไรหลายอย่างให้ผมคิดน่ะ แต่ไม่อยากออกไปเล่าให้ใครฟัง ก็เลยคิดว่าอยู่ที่บ้านจะดีกว่า” มาวินก้มหน้าลงมองตัก ถึงอย่างนั้นยังยกยิ้ม

“คุณดูมีความสุขขึ้นนะวิน”

คนฟังหันมาสบตา “จริงหรือ”

“จริงซีครับ พบคุณครั้งแรกคุณเอาแต่เหม่อลอย แล้วก็พยายามพูดไม่ตรงกับใจตัวเองเพื่อรักษาความรู้สึก เอ้อ! นี่ก็ผ่านมานานแล้วนะครับ ผมอยากถามเหมือนกันว่าวันนั้นผมเป็นต้นเหตุให้คุณกับแทนมีปัญหากันหรือเปล่า” ดูเหมือนคุณกายจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แทนคุณมอง ขณะถาม การุญยังเลือกใช้ถ้อยคำที่ระวังอย่างที่สุด

มาวินยิ้ม “ก็ไม่เชิง แต่เราเข้าใจกันดีแล้วแหละครับ”

“โล่งอกไปหน่อย” สิ้นคำของการุญที่รอ คนฟังก็หัวเราะ นั่นอาจค้างคาใจ ทำให้การุญนอนไม่หลับเพราะเป็นเหตุให้ชาวบ้านทะเลาะกันอยู่หลายคืนกระมัง จะว่าไป ยิ่งได้รู้จัก คนสุภาพและเป็นมิตรอย่างคุณกายคนนี้ก็น่าคบน่าคุยทีเดียว ไม่รู้ทำไมแทนคุณถึงจงเกลียดจงชักอะไรนัก มาวินไม่ค่อยเข้าใจ

แต่เพราะร้านค้าไม่ได้อยู่ไกลนัก ทั้งคู่จึงไม่ได้พูดคุยทักทายอะไรมากมาย จำต้องตัดตัดบทสนทนาเสียแต่ตอนนี้เมื่อเหลือบเห็นรั้วสีฟ้าบ้านพักตรงหน้า

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” มาวินหันไปกล่าว

“ไม่เป็นไรและยินดีที่ได้พบอีกครั้งครับ ผมหวังว่าเราจะได้เป็นเพื่อนกัน ถ้าเจ้าแทนมันไม่เอาไม้หน้าสามมาฟาดแล้วเตะตูดผมให้ออกห่างคุณเสียก่อนนะ”

มาวินหลุดหัวเราะ มือไม้ควานเก็บข้าวของสัมภาระพลางฟังสิ่งที่ชายข้างกายกำลังสันนิษฐานล่วงหน้า ก่อนจะหันไปสบตาคนขับรถ “แทนเขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมคิดว่านะ”

“จะไม่ปฏิเสธมิตรภาพของผมใช่ไหม”

มาวินเปิดประตู หันไปแย้มยิ้ม “ยินดีเป็นเพื่อนซีครับ คนดี ๆ แบบคุณใครปฏิเสธก็บ้าแล้ว ผมน่ะ ได้เป็นเพื่อนคนระดับคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว...”

“นั่นซีนะ ได้เป็นเพื่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

คนฟังไม่ได้คิดตาม หรือแม้กระทั่งมองแววตาของผู้กล่าวอย่างถนัดชัดแจ้งเท่าใดนัก มาวินเพียงแค่ปิดประตูแล้วโบกมือลาอยู่ข้างรั้วนั้น ด้วยเพราะความวางใจและไม่เคยมองการุญในแง่อื่นมาก่อน ภายในดวงตายามพูดคุยกันจึงไม่ประสมความรู้สึกอื่นไปด้วยนอกจากเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้มองอยู่อีกฝั่งกลับไม่คิดเช่นนั้น

มาวินยังยืนอยู่หน้าบ้านแม้รถยนต์ของการุญเคลื่อนไปได้ไกลแล้ว ชายหนุ่มยืนโบกมือราวกับยังตกอยู่ในห้วงเวลานั้น คงเพราะแม้กำลังพูดคุยกับเพื่อนก็จริง แต่ภายในความคิดกับล่องลอยไปที่อื่น เฉกเช่นเดียวกับเวลานี้ เพราะเรื่องของคุณภาวิณีที่มาพบเขาเมื่อวาน และที่แทนคุณไม่ได้กลับมาที่บ้านโดยไม่บอกเขาก่อน

ที่จริงมาวินไม่ใช่คนคิดมาก แต่หลายอย่างทำให้เขากังวล

เสียงคนเปิดประตูรั้วเรียกความรู้สึกนึกคิดของมาวินให้กลับมา เพราะบิดากับน้องสาวกลับบ้านไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า เขาจึงพอจะรู้ได้ว่าเป็นใครที่อยู่ในบ้าน ชายหนุ่มหันไปคลี่ยิ้มให้เจ้าตัว ซึ่งอาจรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอาจติดใจกับรถยนต์ของการุญผู้มาส่ง

ชายหนุ่มจึงรีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน สอบถามไปเรื่องอื่นไปก่อน “มาตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะ มาเปิดประตูบ้านคนอื่นแบบนี้ คนเขาจะคิดว่าโจรนะ”

แทนคุณนิ่ง ไม่ได้ตอบรับกับมุกสุดแป้กของเขา เพียงแค่งุดตาลงมองถุงข้าวของในมือเท่านั้น มาวินไม่เข้าใจกับอารมณ์ของคนรักเท่าใดนัก เพียงแค่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของอีกฝ่ายยามเอื้อมแขนมาจูงมือเขาเดินเข้าบ้านไปไม่พูดไม่จาเท่านั้น

หรือไปพบเจอกับอะไรแย่ ๆ มาอีก

“แทน นายโกรธฉันหรือ ถ้านายโกรธนายก็บอกฉัน” มาวินยื้อแขน เรียกให้คนตัวสูงผู้เดินนำหันกลับมา

“เปล่า ผมไม่ได้โกรธหรอก”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “ฉันคิดไว้อยู่แล้วแหละว่านายมีเหตุผลพอ”

“แต่รู้ไว้ข้อหนึ่งว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ หวังว่าคุณจะจำได้นะว่ามันจะทำให้ผมเป็นยังไง” คนกล่าวผละเดินวนไปทรุดกายนั่งบนโซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้นดูอะไรสักอย่างมิได้จะโวยวายเสียงดังอะไร ถึงอย่างนั้นมาวินก็ยังไม่เข้าใจ คงเพราะบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เปลี่ยนไปกระมัง

“แทน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า ถ้ามีอะไรไม่สบายใจนายบอกฉันมาตามตรงได้นะ”

ใบหน้าคมคายสะท้อนแสงสีขาวจากโทรศัพท์เบือนขึ้นมองคนถาม “ทำไมคุณถึงเอาแต่ถามผมล่ะ”

เพราะอะไรน่ะหรือ

“อ๋อ...เรื่องนั้น...”

คงเป็นเพราะมาวินไม่กล้าสู้หน้าแทนคุณแล้วกระมัง เมื่อวาน การมาของคุณภาวิณีได้สร้างรอยแผลอะไรบางอย่างขึ้นอีก ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ให้แย่ลงไปอีก ถึงแม้มันจะเริ่มต้นมาด้วยความแย่อย่างไรก็ตาม มาวินจำได้ ดวงตาของเขามองลงที่เชคเงินสดในมือของผู้ให้ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่านางจะมาไม้นี้

“เอาไปซะ แล้วออกไปจากชีวิตของลูกชายฉัน แทนไม่ใช่เกย์ เขายังต้องใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปกับผู้หญิงดี ๆ ยังต้องมีครอบครัวให้ดูแล อย่ามาฉุดรั้งให้เขาตกต่ำไปด้วยเลยนะ” ฟังดูเกือบเหมือนขอร้องแล้ว แต่นี่มันราวตบหัวแล้วใช้เงินฟาดหน้ากันชัด ๆ

“แทนไม่ได้ตกต่ำเลย เขายังอยู่สูงของเขาเหมือนเดิม มีแต่พวกคุณเท่านั้นแหละที่กดเขาลงมา”

“ฉันไม่สนเลยสักนิดว่าเธอจะพูดสวยหรูอะไรแค่ไหน แค่รับเงินนี่ไป แล้วหายหน้าไปจากคุณแทนเสีย เพราะยังไงฉันไม่มีวันยอมรับความสัมพันธ์ผิดเพศของพวกเธอได้”

“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนี้ คุณยังจะรังเกียจถึงแม้ว่าแทนเป็นลูกของคุณน่ะหรือ” มาวินส่ายหน้า มองนางซึ่งยังส่งสายตาเยียบเย็นไร้ความรู้สึกใดใดมาให้

“ถ้าเขายังคงรั้นแล้วยังยืนยันจะรักกับเธอต่อไป ฉันคงจะใช้ไม้แข็งจัดการเขาแล้วละ แต่ก่อนจะทำ ฉันอยากจะมาพูดคุยกับเธอให้เข้าใจเสียก่อน ถ้าเธอรักคุณแทนจริง เธอต้องไม่ทำให้เขาลำบากเพราะเธอ”

แทนคุณอาจมีปัญหากับที่บ้านเพราะเขาถึงไม่ได้กลับมาที่นี่เมื่อคืน มาวินมองชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนโซฟาซึ่งยังไม่ละสายตาไป พูดไม่ออก เพราะเงินจำนวนสามล้านนั่นยังอยู่ในกระเป๋า

“เพราะฉันเป็นห่วงความรู้สึกของนาย ฉันไม่อยากให้นายคิดเองแค่คนเดียว นายก็รู้ว่าฉันแคร์นาย...ขนาดไหน” ท้ายประโยค ชายหนุ่มเบี่ยงดวงตาหลบไปด้านอื่น สีหน้าราวเด็กน้อยสำนึกโทษนั้น เรียกรอยยิ้มของผู้มองได้อย่างดี

แทนคุณลุกขึ้นย่างสามขุมมาหยุดตรงหน้าอย่างรวดเร็ว คงเร็วเกินไปจนผู้ยืนอยู่นึกผวาถอยเท้าตั้งหลัก ไม่ทันได้ก้าวหนีมือหนาก็จับรั้งข้อแขนกลับไป ไม่ยินยอมให้มาวินหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ประโลมขวัญของเขาด้วยกอดแผ่วเบาเพื่อให้มาวินวางใจว่าจะไม่ทำร้าย

“กลัวหรือ” คนตัวสูงกระซาบ ขณะจับตัวไม่ให้มาวินขัดขืน “ผมยังน่ากลัวสำหรับคุณอยู่ซีนะ”

ผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดใจหาย

“เมื่อกี้นายเป็นคนพูดขึ้นมาเองนี่ ฉันก็ต้องระแวงไว้ก่อน”

“ก็จำใส่สมองไว้ซีว่าอย่าทำให้ผมโกรธ ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่พวกชอบแส่หาเรื่อง อีกอย่าง...คุณไม่ได้น่าเล่นขนาดนั้น”

“นายพยายามไม่ทำให้ฉันเจ็บ มันคงน่าเบื่อสำหรับนายเกินไป”

คนฟังเชยใบหน้าของมาวินให้เงยขึ้นสบตา อยากทราบว่ายามเอ่ยออกมานั้นมีสีหน้าอย่างไร จริงจังกับสิ่งที่พูดเพียงไหน ใจของแทนคุณแกว่งไกวไร้ทิศทาง ยามเจ้าตัวจับจ้องมาที่ดวงตาของเขาอย่างนึกตัดพ้อ “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะมาวิน ที่ผมจะบอกก็คือ คุณไม่เหมาะที่ผมจะล้อเล่นด้วย โดยเฉพาะทำให้เจ็บปวด”

นิ้วมือหนาเคลื่อนไล้บนโหนกแก้มคนฟังอยู่เช่นนั้นด้วยใจหวิวโหวง ในแววตาของคนตรงหน้ามีแต่ความสับสน แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะรับฟังสิ่งที่เขาเผชิญมาด้วยความห่วงใย เพราะแทนคุณเหนื่อย เพราะเขาเองที่ตั้งกำแพงระหวาดระแวงยามเห็นมาวินอยู่กับการุญ ทำให้ต้องเผลอเมินเฉยความรู้สึกห่วงใยนี่ไป

“ขอโทษนะ ผมคงหึงคุณมากไปหน่อย แต่ผมจะไม่ทำร้ายคุณหรอก”

มาวินคลี่ยิ้ม เงยขึ้นมาสบตา

“แทน...หยุดทำหน้าตาน่ารัก ๆ แบบนี้ได้แล้ว”

ชายหนุ่มยกยิ้มด้วยความเต็มตื้น มองใบหน้าของคนอายุมากกว่าในระยะใกล้อย่างอุ่นใจ บางทีก็นึกเกลียดตัวเองที่ทำให้มาวินกลัว จากเคยเสพติดความเจ็บปวดและสีหน้าทุกข์ทรมานของผู้อื่น กลับกลายเป็นความรู้สึกผิดและละอายแก่ใจแทน อีกซ้ำ เขาฝันร้ายถี่ขึ้นราวกับมันต้องการตอกย้ำว่าสิ่งที่แทนคุณทำ นอกจะผู้อื่นจะเจ็บปวดแล้ว ในเบื้องลึกตัวของเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน

“ผมรักคุณ มาวิน รักจนจะบ้าอยู่แล้ว รู้หรือเปล่า”

จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียอยู่ในระยะใกล้ กลิ่นหอมอุ่นเจือจางขณะกล่าวทำให้ใจมาวินเต้นตึก ยิ่งไปกว่านั้น ประโยคเมื่อครู่ที่แทนคุณเอ่ย มาวินราวกับหูดับไปชั่วอึดใจหนึ่ง ไม่รู้จะตอบรับกลับไปอย่างไร ทำได้เพียงกะพริบตาสบมองใบหน้าคมคายซึ่งผละออก แล้วโน้มลงมาเสียใหม่ แนบริมฝีปากจูบเขาเมื่อเห็นสีหน้าของมาวินอย่างแจ่มชัดแล้ว แทนคุณคงเห็นว่าเขารู้สึกเป็นสุขอย่างไร

เนิ่นนานเท่าไรที่มัวเมาไปกับความรักที่อบอวลไปทั่วโพรงปาก แทนคุณหยอกล้อมาวินด้วยลิ้นอยู่พักหนึ่ง เคลื่อนมือหนาลงแตะสะโพก ลากต่ำลงไปบีบเค้นเนื้อแน่นหนั่นอย่างนึกมันเขี้ยว อีกข้างก็กอดรัดฟัดร่างของอีกฝ่ายตามอารมณ์ ส่วนที่ขยายเต็มกางเกงเสียดสีเอวของผู้ถูกกระทำให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น มาวินถูกอุ้มให้ล้มตัวลงไปนอนบนโซฟา รับร่างสูงใหญ่ที่โน้มกายลงมาทาบทับ

“แทน...ไอ้ทะลึ่ง”

มาวินเชยตาสบ ไล้สิบนิ้วบนหน้าท้องเปล่าเปลือยคนด้านบน ยามร่างหนากระทั้นเอวถี่ ลำขาถูกพาดบนบ่าและถูกจูบลงย้ำซ้ำ ๆ พร้อมนัยน์ตาหวานฉ่ำของผู้มอบให้

“ฟังเสียงดูซี ใครทะลึ่งกว่าใคร...” คนกอดกระซาบ

“อ๊ะ...” มาวินเม้มปากแน่น

ร่างถูกจับพลิกคุกเข่าหันหลังให้เจ้าตัว แทนคุณไม่รีรอที่จะสานต่อความรักที่มีให้ โน้มกายบดเอวขณะน้ำขาวข้นของบทรักครั้งที่แล้วไหลอาบลงจนถึงหัวเข่า ฟังเสียงมาวินหอบถี่ ขณะที่ตัวเขาเองไม่อาจทานทนไหว กอดรัดเอวคนใต้ร่างแน่นขนัดมิให้สะเทิ้นไหวออกห่าง ทั้งยังซุกไซ้ซอกคอ จูบซับเอาความหอมหวานของรสรัก

และพร่ำบอกว่ารักอยู่ข้างหู

โดยที่ไม่ทำให้มาวินบาดเจ็บหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับความรู้สึกที่แทนคุณได้รับรู้ว่า ถึงไม่ทำร้าย ตัวเขาเองก็มีความสุขร่วมกับคนรักได้

บางที...เขาอาจจะกลายเป็นคนปกติที่ไม่นิยมทำร้ายคนอื่นแล้วก็เป็นได้

บางที เขาอาจเริ่มต้นใหม่ได้แล้วก็เป็นได้...

คืนนี้มาวินไม่ปิดประตูห้องนอนด้วยเกรงว่าแทนคุณจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีก หลังอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเสร็จ แทนคุณสวมเพียงกางเกงนอนเดินวนไปยังเตียงซึ่งมีเจ้าของห้องชิงนอนหลับไปก่อน คงเพราะกิจกรรมเมื่อตอนเย็นได้กินแรงมาวินไปเยอะพอสมควร สุดท้ายเลยเหลือเพียงร่างเปล่าบนเตียงอุตุเช่นนี้ ชายหนุ่มแย้มยิ้ม เมื่อทรุดกายนั่งลง มาวินก็ชะโงกหัวจากหมอนขึ้นมามองด้วยความงุนงง

“เพิ่งอาบน้ำเสร็จหรือ”

“อืม...มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”

เหมือนเด็กน้อยร้องหานมแม่ มือยาวของเจ้าตัวควานดึงแขนเขาให้ทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างกัน มาวินขยับซุกกายกอด เหมือนจะนอนไม่หลับหากไม่ได้แอบอิงบนตัวเขา แทนคุณยกยิ้ม นิ้วมือเรียวยาวไล้เรือนผมผู้พริ้มตาหลับขับกล่อมไปพลาง ขณะงุดลงสบมองด้วยความเอ็นดูรักใคร่

ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไร ทั้งแทนคุณและมาวินชาชินที่จะมีกันและกันบนเตียงในยามค่ำคืน ได้ก่ายเกย อิงแอบแนบกายเพื่อความอุ่นใจเช่นนี้ ความอุ่นร้อนของร่างกายอีกฝ่ายได้ขับกล่อมให้พวกเขานอนหลับอย่างวางใจ

“นายจะเล่าให้ฟังได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย” มาวินถามขึ้น ขณะที่ทั้งคู่ยังนอนแอบอิง ความเงียบของห้องพักเกิดขึ้นให้ได้ยินเสียงภายนอก สุนัขจรจัดตัวหนึ่งกำลังเห่า รถยนต์เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาวินคิดว่าหากแบ่งเบาได้สักหน่อยก็คงดีไม่น้อย

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย” เพียงแต่ว่า แทนคุณก็คือแทนคุณ ยังไม่ยอมให้มาวินทุกข์ใจไปด้วย พร้อมกันกับตัวมาวินที่ยังไม่หาญกล้าเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

เขาตาโตเมื่อเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้า

“สุดท้ายคนอย่างเธอก็ต้องการเงินกว่าความรัก ออกไปไกล ๆ ให้ห่างจากลูกชายฉันเสียเถอะ”

ใจมาวินเจ็บหนึบขณะก้มมองเงินสามล้านในมือ ถ้อยคำที่คุณภาวิณีเอ่ยเสียดแทงใจเขาจนไม่อาจมองหน้าแทนคุณได้ ชายหนุ่มเพียงคิดว่าหลังจากนี้ควรเติบโตขึ้นกว่าเก่า เขาไม่อยากมัวแต่แบมือขอเงินคนรัก บังเอิญว่าหน้าปากซอยมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ในตึกหนึ่งกำลังประกาศขายเพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ มาวินเห็นว่ามันทำเลดี เขาอยากลองทำอะไรนอกเหนือจากรอคนอื่นที่มีการมีงานทำอยู่บ้านลำพัง เขาควรทำให้ตัวเองมีค่าขึ้น

เงินนี่แค่ยืมมาตั้งตัว ไหน ๆ ก็มองว่าเขาเห็นแก่เงินอยู่แล้วนี่

“แทน นายจะโกรธไหมถ้าฉันทำเรื่องที่นายผิดหวัง” มาวินกระชับกอดเอวอีกฝ่าย เอ่ยถามในความเงียบ

“ก็คงโกรธมั้ง”

“แล้วนายจะทำอะไร จะตีฉันไหม”

มาวินลุกขึ้นนั่ง ให้แทนคุณเงยขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแย้มยิ้ม ดึงให้มาวินล้มตัวลงนอนที่เดิมพร้อมแจงว่า “ก็คงได้แค่โกรธแค่นั้นแหละ ไม่ทำอะไรหรอก ผมคงมองข้ามความผิดไปเสียหมดเพราะคุณคือคนรัก คือข้อยกเว้นยังไงละ”

“งั้น ถ้านายทำผิดกับฉัน ฉันก็ควรยกโทษให้ด้วยซีนะ” ชายหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริง

“แล้วแต่คุณจะพิจารณาเอาเลย”

มาวินกำลังคิดไม่ตก เขารับเงินนี่มาแล้วและควรหายไปจากชีวิตของแทนคุณอย่างที่รับปากกับคุณภาวิณีไว้หรือไม่ หากเขาจากไปอย่างไม่มีเหตุผลจริง แทนคุณจะคิดและตัดสินใจทำอย่างไร จะโกรธและตราหน้าว่าเขาสารเลวที่หลอกให้รัก แล้วชวดเงินหนีไป เป็นไอ้แมงดาที่ไม่มีวันรู้จักคำว่าพอ

มาวินควรทำอย่างไหนที่ทำให้ตัวเขาเจ็บปวดน้อยที่สุดกัน ควรบอกกับแทนคุณตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อแสดงความจริงใจหรือไม่ หากโกรธที่มาวินรับเงินนั้นจะได้อธิบายได้ทัน

“แทน ฉันมีเรื่องอยากจะบอกกับนาย คือ...แถวหน้าปากซอยน่ะ มีร้านอาหารร้านหนึ่ง ฉันคิดว่ามันโอเคนะที่จะ...”

“นี่...” คนมอบกอดฝ่าความเงียบ เรียกให้มาวินเงยขึ้นไปสบตา “วันนี้อย่าพูดเรื่องอื่นได้ไหมมาวิน พูดแต่เรื่องของเราเถอะนะ อย่างเช่น...ที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ ที่ทำแบบนี้กับผมหมายความว่ายังไง สงสารงั้นหรือ”

“เปล่า ไม่ใช่” มาวินส่ายหน้า “ก็ เราไม่ได้คบกันอยู่งั้นหรือ ที่ฉันทำอยู่ก็เหมือนคนรักกันปกติทั่วไปนี่นา นายเป็นคนบอกให้ฉันเข้าข้างตัวเองไม่ใช่หรือไง”

คนฟังแย้มยิ้มขณะสบตา มองมาวินอยู่เช่นนั้นพร้อมรอยยิ้มละมุนละไมกว่าครั้งไหน

 

บางทีโชคชะตาก็มักเล่นตลกกับผู้คนแบบไม่ทันได้ตั้งตัว มารู้อีกทีก็แก้ไขอะไรไม่ได้เสียแล้ว มาวินพลิกกายหลังรู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างหายไป เช้าแล้ว แสงจากด้านนอกสาดเข้ามาจนต้องหรี่ตางัวเงียตื่น หน้าเรียวยาวชะโงกหัวมองหาเจ้าของไออุ่นข้างกายซึ่งเคยมอบกอดให้ตลอดทั้งคืนด้วยความสนเท่ห์ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายแลขวาหาอยู่เช่นนั้น

ความรู้สึกแรกเหมือนคืนนั้นที่ทั้งคู่ได้พบกัน มาวินตื่นขึ้นมาพบร่องรอยของใครสักคนบนเตียงเท่านั้น และเงินอีกจำนวนหนึ่งซึ่งสามารถใช้กินสองพี่น้องได้ร่วมเดือน ชายหนุ่มสะบัดความคิดแง่ลบพวกนั้นออก เดินลงบันไดอีกทั้งกวาดสายตาหาคนรักไปด้วย หากทว่าทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้นอกจากเขา

มาวินดูนาฬิกา แปดโมงกว่าแล้ว คาดว่าอีกฝ่ายคงไปทำงานและไม่อยากปลุกเขา ทั้งวันชายหนุ่มเพียงแค่เดินไปมา นอนหลับ หรือเปิดทีวีดูอะไรแก้เบื่อไปก็เท่านั้น พอตกค่ำหน่อยก็ล้างจานชาม หุงข้าว นำวัตถุดิบมาทำกับข้าวรอให้สมาชิกในครอบครัวทาน ทุกคนจะออกปากชมฝีมือของเขา นี่คือสิ่งเดียวที่มาวินมีความสุข

ค่ำแล้ว มาวินชะโงกมองออกไปยังหน้าบ้าน แทนคุณไม่ได้โทรมาบอกว่าจะกลับถึงกี่โมง ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงถอนใจ บนโต๊ะอาหารมีสองสามเมนูที่ยังจัดวางทิ้งไว้จนเย็นชืด ยังไม่มีวี่แววของคนรักที่จะกลับมา มาวินยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงกดโทรออก ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“ฮัลโหล มาวิน”

“แทน นายอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างลืมตัว

“ผมอยู่บ้าน ขอโทษทีที่ไม่ได้โทรบอก ไม่มีเวลาน่ะ”

“จะค้างที่นั่นด้วยใช่ไหม” น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนเล็กน้อย

“อืม ผมไม่อยู่จะเหงาหรือเปล่า”

“ไม่ ไม่หรอก สบายมาก” เสียงของมาวินสดใส

ได้ฟังปลายสายก็หัวเราะ “โล่งอกไปหน่อย”

“พอดีฉันรอกินข้าวอยู่ แต่นี่มันดึกแล้ว ปกตินายจะบอกก่อนทุกครั้งว่าจะมาสาย คราวนี้คงเร่งด่วนจริง ๆ ซีนะ” มาวินยกยิ้ม ความกังวลต่าง ๆ มลายหายไปเมื่อได้ฟังน้ำเสียงทุ้มสบายของแทนคุณยามนี้

“พักนี้ผมคงไปหาคุณได้ไม่บ่อยนักนะ”

“ฉันเข้าใจ” ชายหนุ่มยกยิ้มกับตัวเอง ราวกับว่าแทนคุณจะมองเห็นมันหากทำเช่นนี้

เมื่อนึกถึงคุณภาวิณีผู้เป็นมารดาของแทนคุณ นางอุตส่าห์สืบหาบ้านของเขาเจอเพื่อจัดการ อย่างไรเสียฝั่งของแทนคุณก็คงได้รับผลกระทบด้วยอย่างแน่นอน อาจกำลังอยู่ในช่วงประสบปัญหากันครั้งใหญ่เลยก็เป็นได้ หากฝ่ายนั้นไม่ยินยอมทำความต้องการของมารดาเพื่อเขา

มาวินยกมือขึ้นกุมศีรษะ ไม่ได้การแล้ว ยิ่งนานวันในสมองของเขามีแต่แทนคุณเต็มไปหมด ต้องหาอะไรทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียแล้ว หลังจากเอมมิกาไม่ได้อยู่ด้วย และเมื่อไร้แทนคุณทุกอย่างก็ฟังดูเงียบไปหมดจนฟุ้งซ่าน มาวินจะปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้

วันต่อมา ชายหนุ่มลุกตั้งแต่เช้าวิ่งลงมาสวมรองเท้าด้านล่าง จุดมุ่งหมายคือตึกที่เคยมองไว้ว่าจะทำเป็นร้านอาหารข้างถนน ไปถึง พบเจ้าของตึกกำลังทำความสะอาดอยู่พอดีจึงได้พูดคุยทักทายกัน เป็นอาแปะคนหนึ่งซึ่งดูไม่ค่อยอยากขายเท่าใดนักเพราะเสียดาย รักที่จะทำอาหารให้ลูกค้า เล่าให้ฟังว่าลูก ๆ ใช้เงินฟุ่มเฟือยและติดหนี้บัตรเครดิตกันอยู่หลายใบ ด้วยความเป็นพ่อจึงยอมขายตึกนี้เพื่อช่วยพวกเขาแบ่งเบาอะไรบ้าง

มาวินตกลงขอซื้อที่นั่นในราคาเกือบสามล้านบาท เป็นตึกสามชั้นที่เพิ่งจะซ่อมแซมตกแต่งไปเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งยังอยากให้อาแปะทำงานด้วยกันที่นี่เพราะเห็นว่าท่านยังรักที่จะบริการลูกค้า มาวินเดินขึ้นไปชั้นบน ตรวจตราว่าจะต้องมีส่วนไหนที่ซ่อมแซมอีกหรือไม่ ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านรอให้เขาย้ายมาอยู่หรือเปิดร้านใหม่ได้เลย หากทว่าชายหนุ่มยังอยากจะปรับแต่งร้านเล็ก ๆ ด้านล่างให้ดูน่ารักขึ้นกว่านี้

มาวินชอบต้นไม้ ชายหนุ่มเดินทางไปยังร้านขายดอกไม้เพื่อหาอะไรมาจัดแต่งสวน เลือกไปเลือกมาเวลาก็ดำเนินไปถึงช่วงเย็น มาวินยกนาฬิกาขึ้นดูด้วยความแปลกใจ เมื่อทั้งวันแทนคุณไม่ติดต่อมาเลย อีกฝ่ายอาจกำลังลำบากใจเกี่ยวกับเขาอยู่ก็เป็นได้

ชายหนุ่มให้เจ้าของร้านขนกระถางต้นไม้ดอกไม้ขึ้นรถไปส่งที่ตึก กว่าทุกอย่างจะทยอยลงหมดคันรถก็พลบค่ำแล้ว วันนี้มาวินใช้เงินไปกับการจัดร้านอยู่มากโข แต่ก็ไม่รู้สึกเสียดายเท่าการใช้เงินเล่นเหมือนเมื่อก่อน เพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำคือสิ่งที่ตนเองรัก เหมือนอาแปะคนนั้น กว่าจะถึงบ้านพัก มาวินดูนาฬิกาบ่งบอกเวลาสองทุ่มของวัน ชายหนุ่มทำอาหารง่าย ๆ ให้ตัวเอง ง่วนอยู่กับบางสิ่งบางอย่างแม้ใจจะนึกถึงคนรักเท่าใดก็ตาม

วันนี้แปลกนัก มาวินจำไม่ได้ว่านานเท่าไรที่เขาอ้อนวอนขอให้แทนคุณมอบกอดยอมนอนหลับ นัยน์ตาคมเหลือบมองบนเตียงของตนเองขณะเอนกายลงนอนหงาย เหลียวมองพัดลมเพดานตัวใหญ่หมุนอยู่เช่นนั้น

มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เสียงสัญญาณยังคงดังรอให้อีกฝ่ายกดรับ จนมันตัดสายของมันเองก็มิมีใครตอบกลับมา มาวินกดสายอีกทั้งแนบหูฟังอีกครั้ง ทุกอย่างยังคงเหมอนเดิม ไม่มีใครรีบร้อนที่จะรับสายเขา

ทำอะไรอยู่แทนคุณ ทำไมไม่รับสาย ชายหนุ่มขยับกายนอนตะแคงแนบหน้ากับหมอนที่อีกฝ่ายเคยหนุนนอน ซึมซาบความรู้สึกเงียบเหงาของบ้าน นึกจินตนาการว่าร่างหนาอบอุ่นของคนรักยังนอนอยู่ตรงนี้ โอบกอดเขา ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นเหมือนกันหรือไม่ แทนคุณจะคิดถึงเขามากน้อยขนาดไหน หรือไม่เลย...

ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วกับการโทรไปทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีเวลาว่างรับสาย มาวินตัดปัญหาไม่ให้ตนเองคิดมากด้วยการง่วนอยู่กับการจัดแต่งสวนด้วยตัวเอง เขาเป็นลูกคนสวนมาก่อน คุณเกรียงไกรกับเขาเคยช่วยกันจัดแต่งที่บ้านกันเองตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่ามาวินดูเหมือนจะยุ่งกับงานของตนเองอย่างไร ใจของเขายังจดจ่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อรอใครสักคนติดต่อกลับมาบ้าง แต่ไม่เลย มันเงียบกริบราวกับว่าใครคนนั้นไม่เคยมีตัวตน

มือเรียวยาวยกป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟแปะไว้ที่หน้าร้าน ก่อนจะยกมือขึ้นตบกันเปาะแปะปัดฝุ่นด้วยความสบายใจขึ้น เมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จ มาวินดีใจที่จะถึงวันเปิดร้านแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสักคนที่มายินดีด้วย ชายหนุ่มยกยิ้ม เดินไปทรุดกายนั่งบนโต๊ะของลูกค้า มองความสำเร็จของตนเองด้วยความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่ง

เขาอยากให้พ่อ เอมมิกา และแทนคุณได้เห็นเหลือเกิน ชายหนุ่มกดโทรศัพท์อีกครั้ง ยกขึ้นแนบหู ฟังปลายสายที่ยังตอบกลับมาเช่นเดิมด้วยดวงใจที่เบาหวิว…

เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

มาวินเชื่อมั่นในตัวของแทนคุณ แต่ไม่รู้ว่าจะหลอกตัวเองไปได้ถึงเมื่อไร ใจของชายหนุ่มลอยคว้าง ภาพความสุขยามอยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาประโลมให้คลายเหงา ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว หากแทนคุณคิดถึงเขาอย่างที่เขาเป็นอยู่ก็คงพยายามติดต่อมาบ้าง ไม่ใช่หายเงียบเข้ากลีบเมฆไปอย่างนี้ นี่คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับมาวินแน่แล้วว่าทุกอย่างที่เขาคิดไม่ได้เกิดขึ้นจริง

แม้จะพยายามมองในแง่ดีเพียงไหน สิ่งที่มาวินเข้าข้างตัวเองเป็นแค่ภาพลวงตาทั้งสิ้น

แทนคุณไม่ได้รักเขา...อาจไม่เคยรู้สึกรักเลยก็เป็นได้

 



---------------------------------------------------------

ระหว่างแทนคุณกับมาวินมาถึงจุดพีคแล้ว แทนคุณต้องการอะไรอีก

จริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น มารอติดตามกันค่ะ

ขอคอมเม้นสำหรับกำลังใจด้วยเน้อ เหลืออีกสามตอนสุดท้ายที่เหลือจากนี้ อยากอ่านมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 13-10-2016 20:47:44
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว........ลงต่อเลยได้มั้ยอ่ะ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 13-10-2016 21:10:37
เป็นกำลังใจให้ทั้งมาวินและคนเขียนนะคะ เนื้อสนุกมากกกก เราอ่านรวดเดียวเลย แอบสงสารมาวิน ทั้งๆที่พยายามเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยตนเอง แต่กลับไม่มีใครสัก คน
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 13-10-2016 22:36:50
มาวินนนน~ // :กอด1: :mew2:กอดปลอบ
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-10-2016 12:59:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-10-2016 18:43:53
ชอบเนื้อเรื่องมากค่ะ ชอบคนมีปม555

แต่ขอตินิดนึง ไม่รู้เป็นที่เราเองหรือเปล่า คือบางวรรคบางตอนมันอ่านแล้วเข้าใจยากอ่ะค่ะ  เช่น บรรทัดบนเป็นอย่างนี้ บรรทัดล่างที่ควรจะหนุนกัน มันกลับขัดกันเอง เหมือนอ่านแล้วสะดุด
 จริงๆมีตัวอย่าง แต่พอดีเราพิมพ์ในไอพอดเลยก็อปยากค่ะ ขอโทษทีค่า
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๓ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 14-10-2016 20:28:22
สนุกดี เป็นเรื่องสั้นนี่เอง ถึงว่าดำเนินเรื่องไว ความรู้สึกของตัวละครไปไวมากเลย สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 15-10-2016 15:29:44
ตอนที่ ๑๔

----60%----

มาวินรับพนักงานเสิร์ฟมาหนึ่งคน เป็นเด็กหนุ่มวัยมหาวิทยาลัยที่มาจากต่างจังหวัดและต้องการหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน เขานับถือในความขยันของเด็กคนนี้ ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง ยอมหาเงินด้วยความสุจริต ไม่เหมือนกับเขาที่ต้องการเพียงแค่ความสุขสบาย ชายหนุ่มอนุญาตให้ใช้ตึกข้างบนเป็นที่พักได้ก่อน เพราะตึกมีสามชั้น อย่างไรเสียมาวินก็นอนที่บ้านอยู่ดี

ด้วยเพราะมีลูกค้าหน้าเก่าของอาแปะเยอะเป็นทุนเดิมอยู่ ร้านของมาวินดูคึกคักกว่าเก่าเพราะการปรับแต่งเปลี่ยนสไตล์ของตึกใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ผสมผสานกับสวนที่เขาจัด ทำให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นได้ด้วย มาวินดูสนุกกับงาน พูดคุยกับลูกค้ามากหน้าหลายตา แต่เมื่อร้านปิดทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม

“ค่าจ้างวันนี้ของนาย เจ้าบอล” มาวินยื่นเงินให้

“ขอบคุณครับพี่ พี่ไม่ต้องให้เต็มวันก็ได้ ผมทำแค่พาร์ทไทม์นะวันนี้” เด็กหนุ่มทำหน้าลำบากใจขณะก้มลงมองเงินในมือตนเอง มาวินจึงยิ้มหันไปแจง

“วันนี้ลูกค้าตอนหัวค่ำเยอะเป็นพิเศษ ฉันเห็นนายวิ่งวุ่นไม่ได้หยุด ก็เลยให้ทิปค่าเวียนหัว ขอให้ขยันแบบนี้ทุกวันนะ”

“แต่ว่า...”

“รับไปเถอะน่าไอ้หนุ่ม” อาแปะออกความเห็น มาวินหันไปยกยิ้มให้อาแปะ ทั้งสามอยู่ด้วยกันราวกับสมาชิกครอบครัวไปแล้ว การช่วยเหลือของแทนคุณจะทำให้บอลสำนึกในบุญคุณ แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจไม่ตีตนเสมอผู้มีพระคุณ

“เก็บร้านเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่ที่บ้านนะ”

มาวินพยักหน้ารับขณะยังจดบัญชีของร้านอยู่ พลันเสียงรถจอดด้านนอกได้เรียกให้ทุกคนหันไปมอง มาวินรู้สึกคุ้นอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน ชายหนุ่มถึงบางอ้อเมื่อเจ้าของของมันเปิดประตู มองเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ช่วงหนึ่งอย่างนึกสงสัย

“ร้านปิดแล้วครับคุณ” บอลเดินไปพูดกับอีกฝ่าย

“อ้อ ขอโทษที ผมคงมาดึกไป”

“คุณกาย”

มาวินยกยิ้มเมื่อเห็นแขกผู้มาใหม่รับมุก เจ้าตัวหันมาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นมาวินนั่งอยู่อีกฝั่งของร้าน ที่จริงมาวินบังเอิญเจอกับการุญช่วงไปหาซื้อวัตถุดิบเข้าร้านเมื่อสองสามวันก่อน จึงมีโอกาสบอกว่าเขาเปิดร้านอยู่ที่นี่ การุญคงเพิ่งนึกออกจึงลองแวะมาเยี่ยมเยียนหรือทานอาหารที่ร้านของเขา หากทว่าบังเอิญร้านปิดก่อนเสียนี่ ร่างสูงอันภูมิฐานของผู้มาใหม่ดิ่งเข้าหามาวินอย่างไม่รอช้า

“ผมเพิ่งจะแยกย้ายกับเพื่อนร่วมงานได้ เรามีปาร์ตี้กันที่ผับแถวนี้พอดี”

มาวินพยักหน้าเข้าใจ “ผมดีใจที่คุณยังนึกถึงนะเนี่ย”

“เมื่อกี้ผมเห็นป้ายที่คุณเขียนว่ารับทำข้าวกล่องด้วย บริษัทของผมก็ชอบสั่งข้าวกล่องมากินเหมือนกัน รบกวนขอเบอร์ติดต่อหน่อยได้ไหม ถ้ามีโอกาสพิเศษอะไรผมจะนึกถึงร้านคุณก่อนเป็นอันดับแรกเลย” การุญยกโทรศัพท์ขึ้นรอท่า มาวินรีบหยิบนามบัตรให้อย่างเร็วรี่ เมื่อเห็นหนทางจะขายของได้มาพร้อมกับคุณผู้ชายรูปหล่อตรงหน้า

“แล้วมีบริการไปส่งถึงที่ไหมครับ” การุญถาม

“อ้อ ถ้าบอลอยู่ก็คงจะได้ไปนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมโทรหานะครับ เอ่อ ผมหมายถึงโทรสั่งข้าวกล่อง แล้วจะมารับเองที่นี่ดีกว่าน่ะ” เด็กหนุ่มที่ยืนฟังอยู่นานยกแขนขึ้นกอดอก มุ่นคิ้ว มองพี่ชายผู้เป็นเจ้าของร้านกับชายหน้าแปลกใกล้ ๆ อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

นี่มันหาเหตุผลจีบพี่ชายใจดีของเขาได้อย่างแนบเนียนเกินไป ไอ้คนรวยเจ้าเล่ห์

มาวินสนุกสนานกับการทำงานทุกวัน รายได้เพิ่มขึ้นเพราะข้าวกล่องของการุญที่มักแวะมารับไปครั้งละยี่สิบถึงสามสิบกล่องทุกวัน ทั้งสองพบหน้า พูดคุยทักทาย บางครั้งการุญก็เลือกทานมื้อเที่ยงที่ร้านก่อนนำข้าวกล่องกลับไปด้วย ทั้งคู่มีโอกาสพูดคุย ถามไถ่กันมากขึ้น หากทว่ามาวินก็ยังไม่ทันได้เปิดใจให้ใคร เพราะในสมองของเขายังเต็มตื้นไปด้วยรสสัมผัสอันอ่อนโยนของแทนคุณ

หากแม้นอีกฝ่ายไม่นึกถึงเขาก็ตาม

 

วันนี้วันหยุด เพราะบอลไม่ได้ไปเรียนและสามารถอยู่เต็มวันได้แล้ว มาวินจึงเลือกที่จะไปที่ที่หนึ่งเพื่อให้ตัวเองทราบถึงเหตุผลอะไรต่าง ๆ นานาที่เคยคิดหาคำตอบ ชายหนุ่มก้าวเท้าลงจากแท็กซี่หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว แหงนมองรั้วเหล็กสูงใหญ่ของบ้านพักอันหรูหราหลังหนึ่งอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตนเองนัก แต่แน่ใจแล้วว่ามิได้มาผิดที่อย่างแน่นอน

ที่นี่เป็นบ้านของแทนคุณ

เดินดิ่งเข้าไปขอพบแทนคุณกับยามที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างประตูบานเล็ก ชายหนุ่มไม่รู้จะบอกว่าตนเองเกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายดี นอกจากความกล้าบ้าบิ่นที่คิดจะมาพบกับคนรักแล้ว มาวินไม่ได้ตระเตรียมอะไรมาเพื่อสู้รบกับใคร โดยเฉพาะคุณนายแม่มด มารดาของแทนคุณ

แต่เพียงแค่พูดคุยกับยามก็ยังไม่สามารถเข้าไปในบ้านพักได้ เป็นใครก็ไม่อยากให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้านอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ มันไม่มีเหตุผลที่ควรจะให้เข้าไป

เสียงรถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดรอให้ยามเปิดรั้ว มาวินหันไปมองภายในรถคันนั้นด้วยใคร่จะทราบว่าเป็นใครซึ่งอยู่ภายใน พบเพียงแสงของดวงอาทิตย์สาดเข้าดวงตา ยามรีบเปิดประตูรั้วให้ตามหน้าที่ ยืนรอให้รถเคลื่อนเข้าไป มาวินจึงได้ทีหันไปสอบถาม “นั่นใครอยู่ในรถน่ะ”

“คุณแทนกับแฟนเขา ออกไปต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาถึงบ้าน จะคุยกับเขาไหมฉันจะไปถามให้”

มาวินนิ่งอึ้ง ความร้อนของแดดทำให้เหงื่อเขาซึมหรือเพราะสิ่งที่เพิ่งจะได้ทราบก็ไม่แน่ใจ ภายในหูของเขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ว่างเปล่า งุนงงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “แต่ถ้าเขารู้จักนายจริงก็ต้องเปิดกระจกมาพูดด้วยสักหน่อยแล้วนี่ กุเรื่องอะไรขึ้นมาหรือเปล่า หรือจะมายืมเงิน ดูท่าน่าจะใช่นะ”

ยามคนนี้พูดเรื่องอะไร เขาไม่เข้าใจ

“เฮ้ย จะไปไหน!”

มาวินระรัวฝีเท้าตามรถคันนั้นเข้าไปในบ้าน ไม่สนเสียงร้องของยามด้านหลัง ไปถึง เขาเห็นคนทั้งคู่กำลังลงออกมาจากรถพอดี อาจารย์ฝ่ายปกครองผู้ที่เคยบอกว่ารักกับเขา และแฟนสาวของเขาที่ดูอย่างไรก็สวยไม่ว่าจะเห็นเพียงแค่ด้านหลัง มาวินหยุดอยู่ระหว่างทั้งคู่ หวังว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง เมื่อนัยน์ตาคมซึ่งเคยสบตากับเขาด้วยความรักหันมาเจอะพอดี

แทนคุณไม่ได้มีทีท่าจะร้อนรนอยากจะอธิบายกับเขาแต่อย่างใด ราวกับยอมรับกลาย ๆ ว่าสิ่งที่เห็นคือความจริง ท่ามกลางเสียงหอบหายใจของมาวิน ทุกอย่างเงียบกริบ แววตาของอีกฝ่ายไม่หลงเหลือคราบแทนคุณผู้อ่อนโยนกับเขาสักนิด

“แทน ไม่จริงใช่ไหม บอกฉันหน่อยว่านายกำลังทำอะไร...” ชายหนุ่มกล่าวผ่านเสียงหอบ

“พูดเรื่องอะไร”

ใจมาวินลอยเคว้ง น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นของชายตรงหน้าไม่มีอีกแล้ว หลงเหลือเพียงความเย็นยะเยือกในระยะนี้ที่สัมผัสได้ ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวที่ยังยืนอยู่ข้างแทนคุณ ความเจ็บจุก ความน้อยใจแล่นเข้าสู่สมองจนแยกแยะความรู้สึกไม่ได้

“ทำไมนายถึงหายไป ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง”

“คุณเป็นใคร สำคัญยังไง ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย” อีกฝ่ายย้อน

“แทนคะ เกลร้อนแล้วนะคะ” หญิงสาวหนึ่งเดียวกล่าวขึ้น มาวินใจหาย แต่สิ่งที่แทนคุณย้อนกลับมาก็ถูกของเขา มาวินเป็นใคร มีความสำคัญกับแทนคุณขนาดไหนที่จะเรียกร้องให้ทำอย่างนั้น ที่จริงชายหนุ่มไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวของแทนคุณตั้งแต่แรก

“ยามปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาที่บ้านได้ยังไง มาเอาเขาออกไป”

“นายเป็นบ้าอะไร จู่ ๆ ก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว ต้องการอะไรกันแน่ถึงทำแบบนี้”

คนฟังนิ่ง จ้องตามาวินเขม็ง “ไม่ได้ต้องการอะไร ที่ผมหายไปมันก็ตอบได้แล้วนี่ ยังจะอยากรู้อะไรอีกงั้นหรือ” ได้ยินสิ่งที่แทนคุณพูด มาวินหน้าชาดิก นึกถึงประโยคที่ตนเคยบอกแทนคุณเมื่อก่อนซ้ำ ๆ ว่าให้อีกฝ่ายจากเขาไปเมื่อไรก็ได้ เพียงเท่านี้ มาวินก็พูดอะไรไม่ออก ยามเห็นสีหน้าและแววตาของคนกล่าว ให้ตายซี

“ยาม พาตัวเขาออกไป...”

“ไม่ต้อง ผมจะออกไปเอง”

อีกฝ่ายจ้องตามาวินหลังได้ยิน ก่อนจะผละไปเสียเฉย ๆ จูงแขนของคนรักเดินจากไปพร้อมกับความสงบเงียบกัดกินใจคนยืนอยู่ตรงนี้ ให้คิดได้ถึงความจริงอันถ่องแท้

การที่แทนคุณหายไปก็เป็นคำตอบแล้วนี่ว่าหมอนี่ไม่ได้เลือกเขา คำว่ารักก็แค่ลมปาก ลมปากของคนที่ยังสับสนในตัวเอง ยังไม่รู้แน่ว่าชีวิตต้องการอะไร สิ่งที่แย่กว่าความจริงที่แทนคุณเป็นนั้น คือมาวินเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างสุดหัวใจ

เขาเชื่อ จนน้ำตาของเขาไม่สามารถหยุดไหลได้สักวินาที

 

หลังจากที่หายไปเนิ่นนาน ไม่บอกกล่าวถึงเหตุผล นี่เป็นการพบกันและพูดคุยน้อยประโยคที่สุด แต่มาวินจะจดจำไปจนวันตาย ชายหนุ่มลากขาเดินเข้าไปในบ้านพักของตนเองด้วยความเหนื่อยอ่อน ลบภาพใบหน้าไร้ความรู้สึกนั้นออกจากโสตประสาทกี่ครั้งก็ยังไม่หาย ค่ำแล้ว เขาควรนอนพักและเริ่มงานใหม่ในวันพรุ่งนี้อย่างขะมักขะเม้นเพื่อตัวเอง เลิกคิดเสีย เลิกคิดถึงผู้ชายสารเลวคนนั้น

จริงหรือ แทนคุณเลวแบบนั้นจริงหรือ หลอกให้เขารักด้วยวิธีอย่างนั้นจริงหรือ

เขาอยากฟังแทนคุณอธิบายอะไรมากกว่านี้

มาวินไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างมันดูแนบเนียนราวกับแทนคุณที่มาวินเจอในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น มีอยู่จริง ชายหนุ่มยกมือลูบใบหน้าร้อนผ่าวของตนเอง ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้าน จมไปกับความเศร้าที่กัดกินไปทั้งความรู้สึกยามนี้

แสงของรถยนตต์คันหนึ่งแล่นข้ามาจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน มาวินไม่ได้เปิดไฟบ้านพักเพราะเพิ่งมาถึง ชายหนุ่มเมียงมองรถคันนั้นจนจอดสนิท ก่อนเผยให้ทราบว่าเป็นใครที่เปิดประตูออกมา ไม่ทันได้ตัดสินใจ ร่างกายของมาวินเป็นไปเองอย่างอัตโนมัติ พุ่งไปหาชายคนนั้นด้วยความดีใจที่ได้พบ

“แทน นายมาหาฉันจริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันที”

ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครือไหว ยังแนบกอดกับชายเบื้องหน้าแน่นราวกับกลัวว่าทุกอย่างจะหายไป แต่เพียงไม่นานที่ใจลิงโลด มันหลุดลงไปกองกับพื้นเมื่อมือของมาวินถูกแกะออก ถูกดันให้ถอยห่างไปยืนในระยะสบมองหน้ากันชัดแจ้งขึ้นในความสลัวของบ้าน แทนคนยังดูไร้เยื่อใย ไม่ได้มีแววปีติยินดีที่ได้พบกับเขา

“ผมมาที่นี่ ไม่ได้จะมาพลอดรักอะไรกับคุณ แค่จะมาเตือนว่าอย่าไปที่บ้านอีก มันน่ารำคาญ”

“อะไรนะ”

มาวินไม่อยากเชื่อ ชายหนุ่มเก็บกลั้นอารมณ์ตัวเองให้มากขึ้นเพื่อเติบใหญ่ หลังได้เห็นชัดแล้วว่าชายตรงหน้าคือแทนคุณที่พบกันช่วงแรก เพียงแค่ไม่ได้สวมหน้ากากคนดีอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเอง นี่กระมังคือแทนคุณตัวจริง ทั้งหมดที่เคยเห็นคือสิ่งที่หมอนี่โกหก

“อาการผมหายแล้ว สามารถเริ่มต้นกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ”

คนตรงหน้าแจงเสียงเรียบ

“ผู้หญิงคนนั้น...”

“เธอเป็นแฟนผม เราคบกันก่อนที่ผมจะได้เจอคุณ ตอนนี้กำลังจะหมั้นกัน”

“งั้นก็หมายความว่า ที่ผ่านมา นายก็พูดดีกับฉันเพราะยังไม่มีทางไปซีนะ นายไม่ได้ คิดจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดตอนที่อยู่กับฉัน นายแค่อยากให้ฉันรู้สึกดีที่ได้ฟัง...”

มาวินนึกขันกับสภาพน่าสมเพชของตัวเองอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อหวนนึกถึงภาพความดีใจที่รู้สึกเมื่อก่อน ก่อนจะเงยขึ้นมองชายตรงหน้าที่พยักหน้ารับในความเงียบ

“รู้ไหมแทน แต่มันดันแย่สำหรับฉันมาก ตรงที่ฉันยังก้มหน้าก้มตาเชื่อ ทั้งที่นายไม่ได้เป็นเกย์ เรานับครั้งที่นอนด้วยกันได้ และนายไม่เคยคิดเชื่อมั่นที่จะพูดคุยอะไรกับฉันอย่างจริงจังเลย...”

“คุณไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทั้งหมดก็ได้ ผมไม่คิดว่าคนที่เป็นแมงดาอย่างคุณจะหวั่นไหวชอบใครง่าย ๆ ที่คุณหวั่นไหวเพราะเงินในกระเป๋าของผม ไม่ใช่ตัวตนที่ดีของผม ถ้าคุณอยากได้เงินอีกก็เรียกร้องมาซะให้พอ แล้วออกไปจากชีวิตผมกับเกล อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเธอหรือคนที่บ้านอีก”

มาวินเงยมองหน้าคนกล่าวอย่างไม่เชื่อหู

“ฉันรับมาพอแล้วละ” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“เงินสามล้านนั่น คงมากพอที่จะใช้เล่น ๆ ไปอีกหลายวัน ผมจะทำยังไงให้คุณไม่กลับไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเราอีก อยากได้เท่าไรบอกมา” แทนคุณทำท่าล้วงกระเป๋าจะหยิบอะไรสักอย่างมาให้

มาวินรีบส่ายหน้า ถอยหลังออกห่างไม่ยอมรับ หลังเห็นแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ประเสริฐเลิศเลออย่างที่ตั้งตารอคอย หากเพราะอะไรไม่ทราบ เหตุใดเขาเอาแต่วนเวียนนึกถึงรอยยิ้มละไมอบอุ่นของอีกฝ่าย

มันพอแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดยามอยู่ร่วมกันของทั้งคู่คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับมาวิน หากแทนคุณจะเกลียดและมองเขาในแง่นั้น มาวินก็ห้ามความคิดไม่ได้ ดีเหมือนกัน เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายแทนคุณให้ตกที่นั่งลำบาก ทะเลาะกับมารดา นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่จะหายไปจากชีวิตของชายตรงหน้าอย่างแยบยล

“บ้าจริง สุดท้ายแผนก็แตกจนได้ว่ะ หึ!”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มแม้ภายในกำลังร้องไห้ มองชายเบื้องหน้าซึ่งมองรอยยิ้มของเขาด้วยความไม่เข้าใจ “สุดท้ายนายก็ไม่ใช่ไอ้โง่สำหรับฉันอีกต่อไปแล้วซีนะ ว้า กะจะทำให้รู้ว่ารักเสียหน่อย นายรู้ทันแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วซีเนี่ย”

คนตรงหน้ายังนิ่ง หากกำหมัดและกัดฟันกรอดมองเขาในความมืด “คิดไว้แล้ว ผมมองคุณไม่ผิดจริง ๆ คุณมันพวกหิวเงิน!”

“หึ...” มาวินเช็ดตาที่ไหลของตัวเอง หลุดหัวเราะขำท่าทีของอีกฝ่ายอย่างเยาะเย้ย

“ใช่ โคตรหิวเลยแหละ แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจทำเป็นคนใจดีกับไอ้โรคจิตอย่างนายแล้ว มันน่าเบื่อ ต้องใส่หน้ากากแสดงว่าเป็นคนดีทุกวันมันก็เหนื่อยนะ ถึงจะรู้สึกเสียดายตัวเงินตัวทองอย่างนายบ้างก็เถอะ นายอยู่กับฉันไม่กี่เดือนก็เหมือนฉันอยู่กับคนอื่นเป็นปีสองปี ได้มาเยอะแยะเชียว...”

คนกล่าวยกหลังมือถูหน้า เงยขึ้นมาคลี่ยิ้มอีกครั้ง

“จะไปก็ไปเถอะ ฉันหาคนที่โง่และดีกว่านายได้แล้วแหละ แน่ใจได้เลยว่าจะไม่ไปให้นายเห็นอีกแล้ว” มาวินยังยิ้ม ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกลาทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา มองแทนคุณซึ่งยังขมวดคิ้วมุ่นขณะกำมือแน่น แต่ไม่ได้มุ่งเข้ามาทำร้าย ราวกับกำลังผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองพยักหน้ารับ

“ผมก็คิดว่าคุณไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้ตกใจอะไรมากนักหรอก...”

สิ้นคำ มาวินไม่ได้ตอบกลับอะไรไปในคราแรก นอกจากเดินเข้าไปในรั้วบ้านอย่างเงียบเชียบ “นายเองก็ตีบทแตกดีนี่ เล่นเอาเสียฉันฟินเลย ถ้าไม่บอกกันวันนี้ฉันก็เชื่อว่านายรักฉันมาตลอด น่าขำจริงเชียว” คนกล่าวแค่นยิ้ม

“ก็ทำท่าไปอย่างนั้นเอง คุณพูดถูกทุกอย่างว่าผมก็แค่หลงของเล่นที่มีอยู่แค่ชิ้นเดียว พอผมรู้ว่าตัวเองสามารถหยิบของเล่นอันอื่นที่มันดีกว่า สะอาดกว่าได้ ทำไมผมจะต้องงมงายเล่นอันเก่าอยู่อีก...”

“ออกไป ฉันเข้าใจหมดแล้วแหละ ไม่ต้องอธิบาย...”

มาวินกลืนน้ำลาย หันไปปิดล็อกรั้วให้แน่นหนา ภายในความมืดมิดของท้องฟ้ามีแสงดวงดาวน้อยนิดที่สว่างไสวสู้แสงสีนีออนได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอยู่คนเดียว เมื่อความเงียบดำเนินผ่านอย่างเชื่องช้าหลังจากเขาตัดสินใจพูดคำนั้น ไล่แทนคุณ

เสียงฝีเท้าของแทนคุณกระแทกเดินออกไปตามอารมณ์ ชายหนุ่มไม่สน ปล่อยให้รถยนต์ของแทนคุณเคลื่อนผ่านไปโดยไม่เอ่ยลา แม้จะมองหน้าของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ทำ ครั้นมันหายไปจนลับสายตา มาวินทรุดกายนั่งลงกับพื้นตรงหน้าอย่างอ่อนแรง ไม่มีเหลือพละกำลัง ความอวดดีอวดเก่งปลิวหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะ

ทำได้เพียงก้มลองกอดตนเอง ร้องไห้ไม่ลืมหูลืมตาอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 
----------------------------------------------

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-10-2016 15:38:43
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 15-10-2016 21:34:53

---40---


ชั่วโมงเร่งรีบของเวลาเที่ยงวันในเมืองเป็นเช่นนี้ ร้านอาหารของเขายังคงขายดีมีคนเข้าร้านตลอดทั้งวันเช่นเดิม วันนี้ชายหนุ่มออกมาต้อนรับลูกค้าเอง บอลยังไม่เลิกเรียน แต่เพราะงานหนักที่ทำให้เขาง่วนอยู่กับมันจนหัวหมุนไม่มีเวลาคิด นี่คือข้อดีที่ทำให้มาวินไม่เวลาไปหมกมุ่นอยู่กับอะไรร้าย ๆ ที่ผ่านเข้ามา

สองเดือนเคลื่อนผ่าน

มาวินรักษาสัจจะที่เคยพูดไว้กับอีกฝ่ายอย่างไม่เคยคิดจะผิดคำพูด เข้าใช้เวลาทั้งวันกับการทำงานที่ร้าน ไม่ออกไปเผชิญกับใครที่ไหน คนเดียวที่พบปะบ่อยที่สุดคือการุญที่มักแวะมาทานมื้อเที่ยง มาวินซึมลงไปเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นการุญก็ไม่ได้ถามไถ่เรื่องที่กวนใจอยู่ ราวกับรู้ว่าอาจตอกย้ำให้คนถูกถามเจ็บปวดขึ้น

ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจที่วันนี้สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง เงินที่ได้จากร้านก็นำมาวนเวียนใช้สอย ถึงจะน้อยแต่ก็เปี่ยมไปด้วยน้ำพักน้ำแรงของชายหนุ่มทั้งนั้น มาวินรู้จักใช้เงินมากขึ้น ไม่ใช้อะไรที่มันฟุ่มเฟือย ถึงขั้นจะเหนียวหนืดเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าเสียด้วยซ้ำ

ค่ำแล้ว เสียงฟ้าร้องครืน ๆ ชวนให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในร้านต้องเหลียวมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าระยิบฉายแสงสายฟ้าฟาดลงที่ไหนสักที่ พะยับฟ้าพะยับฝนเดินทางมาใกล้ถึงที่นี่พอควร ในช่วงค่ำของวันอาจมีลูกค้าที่แวะเข้ามาหลบฝนเพิ่มมากขึ้น

เข้าสู่หน้าฝนมาทั้งที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสีน้ำตาลมองออกไปที่ไหนสักแห่ง ซึมซับเอาความพิโรธของท้องฟ้าเข้ามาสู่ดวงใจอันเย็นเยียบ ดวงใจของเขาไม่ต่างจากสภาพอากาศตอนนี้

เสียงหยาดน้ำสาดกระทบกับหลังคาดังสู้กับสายลมหน้าฝน ไอเย็นอันน้อยนิดลอยมาสัมผัสโอบกอดให้มาวินรู้สึกหนาว เสียงรถยนต์ของลูกค้าเคลื่อนมาจอดพร้อมกับแสงไฟ มาวินรีบลุกจากโต๊ะที่นั่ง หยิบเอาร่มที่วางไว้ ออกไปกางรอให้ลูกค้าเปิดประตูพร้อมรอยยิ้ม สิ่งเดียวที่ทำให้มาวินดูมีค่าได้ ก็คงต้องทำเช่นนี้

ลูกค้าผู้มายามฝนพรำยกมือขึ้นจับร่ม ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงปิดประตูรถของตนเอง หากแต่เจ้าของร้านกลับแน่นิ่ง เมื่อเงยขึ้นไปสบตานัยน์ตาคมตรงหน้าในระยะใกล้ภายใต้สายฝน และร่มคันเดียวกัน หลังจากที่ไม่ได้พบกันราวสองเดือน

เสียงฟ้าร้อง ลมเย็นพัดสายฝนมาใส่ร่างคนทั้งคู่ หากไม่ได้ดึงความคิดของมาวินกลับมาเพราะสภาพแวดล้อม ชายหนุ่มผละมือออกจากร่มที่ถูกกุม หันเดินเข้าไปด้านในของร้านท่ามกลางหยาดน้ำซัดสาด ไม่เข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและคนตรงหน้าที่มาพบเจอ มันอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

“รับอะไรดีครับ” บอลเลิกเรียนแล้ว เดินเข้าไปต้อนรับแทนชายหนุ่มที่มุ่งหน้าเข้าไปในครัวอย่างเร็วรี่ อาแปะเหลียวมองจากหน้าเตาเมื่อเห็นเขาทรุดกายนั่งลงบนโต๊ะเตรียมอาหาร สีหน้าตอนนี้เป็นใครก็คงคิดว่าเจอปัญหามา มาวินยกมือกุมใบหน้าตนเองไม่อาจแสดงให้ใครหน้าไหนเห็นมุมที่อ่อนไหวอีก

เขาคือมาวิน แมงดาที่หิวเงิน หน้าด้าน ไม่รู้จักพอ เขาควรเป็นแบบนั้นในสายตาแทนคุณต่อไป

ฝีเท้าของบอลเดินเข้ามาด้านใน นำเมนูมาให้พ่อครัว นึกแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายไม่เป็นตัวของตัวเอง พักนี้มาวินดูเงียบกว่าปกติ ยามอยู่คนเดียวก็ซึมเศร้า ไม่พูดไม่จากับใคร

“พี่วิน เมื่อกี้ลูกค้าคนนั้นเขาถามถึงพี่น่ะ” ได้ฟัง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ “เขาถามผมว่าพี่ทำงานที่ร้านนี้หรือเปล่า ผมก็เลยตอบว่าพี่เป็นเจ้าของร้าน ร้านเราเปิดมาได้สักพักแล้ว แล้วก็ให้นามบัตรรับทำข้าวกล่องไปเผื่อว่าเขาจะสนใจ”

เด็กหนุ่มกล่าวทั้งมองทีท่าของมาวิน หากเสียงของลูกค้าผู้มาใหม่ข้างนอกก็เรียกให้ออกไปต้อนรับเสียก่อน ไม่ทันได้เห็นว่ามาวินสนองกลับอย่างไร

ขณะรับเมนูจากลูกค้ากลุ่มใหม่ บอลชำเลืองตามองชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้าคนแรกด้วยความอยากรู้ อีกฝ่ายกวาดสายตามองรอบร้านอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ก่อนนัยน์ตาคมนั้นจะเคลื่อนมาเจอะกับสายตาจับผิดของเขาที่ฉายเด่น เจ้าตัวทำทีเมินไป กอดอกแล้วเอนพิงพนักอย่างไม่สนใจคนอย่างบอล

ผู้ชายแต่งตัวดีคนนี้มันแปลก ไม่น่าไว้วางใจเกินไปแล้ว

เหตุใดรอบตัวของมาวินจึงมีแต่พวกไม่น่าไว้ใจเช่นนี้กัน แต่เพียงแค่คิดก็คงไม่ทำให้บอลนึกฉุนขึ้นมา เมื่อเห็นรถของการุญเคลื่อนมาจอดอีกคันหนึ่งแล้ว คิดถึงแล้วมาอย่างนี้ หมอนี่ช่างตายยากเสียจริง เด็กหนุ่มเดินถือร่มไปรับเจ้าตัวซึ่งยังส่งยิ้มเริงร่ามา อย่างไม่สนใจสีหน้าของเขาสักนิดว่าไม่อยากต้อนรับเพียงไหน ยิ่งพักนี้มาบ่อยกว่าเดิมแล้วเด็กหนุ่มยิ่งไม่ชอบใจ

ทุกวัน ช่วงหัวค่ำลูกค้ามักจะเยอะจนทุกคนหัวหมุนกับเมนูอาหารให้การุญเห็น หลายโต๊ะมากันเป็นกลุ่มก้อนหลังเลิกงาน อีกทั้งช่วงนี้มาวินปรับแต่งที่พักด้านบนเป็นที่นั่งเพราะจำนวนลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม วิวเมืองกรุงยามค่ำคืนชวนให้คนนั่งมากขึ้นไปอีก มาวินต้องเพิ่มที่นั่งสำหรับลูกค้าและติดประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง

การุญหันไปเจอะหนึ่งในลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน ด้วยความแปลกใจที่เห็นแทนคุณ หลังจากที่ไม่ได้พบกันเลยและมาวินไม่เคยเอ่ยถึง ชายหนุ่มยกยิ้ม เดินไปหยุดต่อหน้าแทนคุณเพื่อทักทายอะไรสักหน่อย “ไม่คิดว่าจะเจอแกที่นี่นะแทน มาหาอะไรกินหรือ หรือมาหาวินล่ะ”

บอลเหลือบมองคนกล่าว ก่อนจะผละไปมองแทนคุณด้วยใคร่ทราบว่าแท้จริงแล้วลูกค้าคนนี้รู้จักกับมาวินมาก่อนหรือไม่ แล้วเหตุใดจึงใช้ถ้อยคำเมื่อครู่ถามถึงอย่างห่างเหินเช่นนั้น

“มาทำอะไรมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ผมจะบอกพี่นี่”

“ไม่เอาน่า แกยังจะมาโกรธมาเคืองอะไรจากฉันอีกเล่า” การุญสะบัดมือหย็อย

“ยังชอบใช้แฟนเหลือเดนจากผมอยู่อีกหรือ”

“บอล มายกน้ำไปให้ลูกค้าโต๊ะหกหน่อยเร็ว...”

มาวินเดินดุ่มออกมาขณะร้องบอกเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนี้ ลำขายาวของเจ้าตัวชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นสองหนุ่มใช้เพียงสายตาเหลือบมองกันในความเงียบ

หากสามารถฆ่าอีกฝ่ายตายได้ด้วยสายตา บอลคิดว่าคงมีใครตายไปข้างหนึ่งแน่ เด็กหนุ่มหมุนกายเดินไปตามคำสั่งของเจ้านาย ขณะเดินผ่าน เขาเห็นแววลำบากใจฉายอยู่เต็มหน้าของมาวิน

ฝ่ายการุญยกยิ้ม สบตากับแทนคุณขณะที่มาวินสาวเท้ายกเมนูอาการไปเสิร์ฟให้โต๊ะข้าง

“ยังชอบซี แต่ละคนของแกน่ะเด็ด ๆ ทั้งนั้น”

คนฟังเชยตาขึ้นสบด้วยความไม่พอใจ ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อชายผู้ต้องการยั่วโทสะอย่างไม่อาจทานไหว รอยยิ้มของการุญ สีหน้า มันยียวนเกินไปยามสบตาและหันมองตามร่างกายของมาวินขณะเดินไปมาในร้าน สายตาของมันน่ารังเกียจเกินที่ใครจะถูกมองเช่นนั้น

“หยุด จะทำอะไรในร้านของฉัน”

มาวินหันมาจับทั้งสองให้แยก มีเพียงหมัดว่างเปล่าบนแขนกำยำของแทนคุณที่ง้างทิ้งไว้ ก้มหน้าลงพูดกับมาวินว่า “ผมทนอยู่ร่วมหายใจกับไอ้นี่ไม่ไหวหรอกนะ ไล่มันออกจากร้านไปซะ ก่อนที่ผมจะพังทุกอย่างที่นี่ทิ้ง”

“นายไม่มีสิทธิ์ทำลายข้าวของของฉันหรือไล่ใครไปหรอกนะ ถ้านายมีปัญหาก็ควรจะจัดการกับตัวเองให้ได้ แล้วออกไปจากร้านเสียเองซี” มาวินตอบกลับ ขณะยังยืนขวางระหว่างการุญและแทนคุณไม่ยินยอมให้เข้าใกล้กัน

ได้ฟังแทนคุณก็หัวเราะเยาะ กวาดมองรอบกายก่อนจะหันมาสบตามาวิน

“คุณแน่ใจนะว่าผมไม่มีสิทธิ์ทำลายของที่มาจากเงินครอบครัวตัวเอง ทุกอย่างในนี้มันเงินของบ้านผม ไม่มีอะไรเป็นของคุณเลยสักอย่าง ผมมีสิทธิ์เพราะที่นี่ก็ไม่ต่างจากที่ของผมเท่าไรนักหรอก ผมพูดอะไรผิดไปสักอย่างไหม”

“นายนี่มัน...” มาวินรู้สึกเจ็บจุกเมื่อแทนคุณพูดความจริง ชายหนุ่มผละสายตามองรอบกายอย่างไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาโต้เถียง ทำได้เพียงพยายามเก็บความอับอาย ไม่ให้ร้องไห้ ไม่ให้แสดงสีหน้าเจ็บปวดต่อชายตรงหน้า

“ฉัน ฉันจะเก็บเงินใช้หนี้นาย ถือซะว่าฉันกู้มาแล้วกัน”

“ก็ไหนว่าได้ไอ้โง่คนใหม่แล้วไง” แทนคุณเน้นประโยคก่อนหน้า สายตามองไปยังไอ้โง่ที่กุมมือบนบ่าของมาวินทั้งสองข้างอย่างนึกหงุดหงิด “ถ้าคิดได้ว่าจะคืนคงไม่หน้าด้านปล่อยให้เวลาผ่านมานานขนาดนี้หรอก ใช่ไหม นี่ถ้าไม่บังเอิญเจอกันวันนี้ก็ไม่เห็นว่าจะติดต่อมานี่ จริงไหมล่ะ หืม...”

มาวินนิ่ง มองคนกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “นายจะเอายังไงแน่ นายไม่ให้ฉันกลับเข้าไปในชีวิตนายแล้วทำไมต้องให้ฉันติดต่อนายไป นายหลงตัวเองหรือ คิดว่าฉันจะโง่เดินกลับไปหาไอ้วิตถารแบบนายหรือไง ในเมื่อตัวเองก้าวผ่านขุมนรกนั่นมาได้แล้วจะกลับไปทำไมกัน เหอะ! อยากได้เงินคืนนัก ฉันจะรีบหาคืนมาคืนนายทุกบาททุกสตางค์ พอใจหรือยัง!”

ดวงตามาวินแดงก่ำขณะจ้องตาคนตรงหน้าเขม็ง แม้ฝ่ามือของการุญพยายามลูบปลอบโยนเท่าใดก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มพ่นลมหายใจกับอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือด จะหันกายไปเก็บกลั้นความรู้สึกก็ถูกดึงรั้งกลับ

“เดี๋ยว...” แทนคุณกระตุกมือ มาวินยื้อแขน หันไปมองอีกฝ่ายเขม็ง

“มีอะไรอีก อ้อ แล้วค่าข้าวนี่ก็ไม่ต้องจ่ายหรอกนะ ไม่ต้องคิดถือว่าเป็นบุญคุณอะไรที่ติดค้างกัน ให้คิดซะว่าเป็นดอกเบี้ยที่เสียเวลามาทวงถามด้วยตัวเอง”

“มาวิน...”

การุญจะร้องตาม หากผละไปสบมองชายผู้ที่เพิ่งถูกตัดขาดไปหมาด ๆ อย่างนึกระอาแก่ใจ แทนคุณนิ่ง เพียงแค่หันไประงับอารมณ์คนเดียวอย่างไม่พูดไม่จา ครั้นเจ้าตัวหันมาสบ ก็เป็นเวลาที่การุญจะพูดอะไรสั่งสอนรุ่นน้องตรงหน้าเสียบ้าง

“แบบนี้ซีนะที่แกอยากให้ฉันเป็นมาโดยตลอดน่ะแทน อยากให้ฉันเป็นคนเลวซีนะ แต่ขอโทษที แกอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนแกหมดทั้งโลกซี มันไม่มีวันเป็นแบบนั้นแน่ เพราะคนที่เลวน่ะเป็นแกเองไม่ใช่คนที่แกเกลียดที่ไหนทั้งนั้น”

แทนคุณกำหมัด ไม่พูดอะไรนอกเสียจากส่งสายตาเรียบนิ่งมองคนกล่าว “แกได้เกลกลับไปแล้วยังจะต้องการอะไรอีก”

“ไม่ใช่เรื่องของพี่”

“เหอะ!” การุญแสร้งหัวเราะอย่างสุดทน “ฉันหวังว่าวันนี้จะเป็นแค่ความบังเอิญจริง ๆ เถอะนะ”

“มาวินเป็นคนของผม แล้วที่นี่เป็นของของผม ผมจะมาเหยียบเมื่อไรก็ได้ คนอื่นอย่างพี่น่ะแหละไม่มีสิทธิ์ทำกร่างใส่คนอื่นแบบนี้ ไปทำเป็นคนดีที่อื่นโน่น” คนกล่าวกำหมัด มองการุญซึ่งยังไม่ได้สะทกสะท้านกับคำเขา

“ไม่ได้เป็นแล้ว ตอนนี้วินไม่ได้เป็นอะไรกับแก”

แทนคุณชะงัก ไม่ได้สวนกลับเพราะเห็นว่าการุญพูดเรื่องจริง “อย่ามากลับลำตามใจชอบซี ถ้าตัดสินใจอะไรไปแล้วก็อย่ามาเสียดายทีหลัง แล้วฉันก็คิดว่าคนอย่างวินเขาไม่ใช่พวกชอบถอยหลังเหมือนเกลหรอก”

“ก็ไม่แน่ เห็นสายตาของเขาไหมละ”

การุญรีบส่ายหน้าโต้แย้ง พูดทีเล่นทีจริง

“ไม่เห็น ฉันเห็นแต่ความโกรธของเขาตอนที่คุยกับแก อาจมีความรังเกียจผสมรวมด้วยหน่อย ๆ นะ คงเพราะเขาคิดถึงเรื่องเก่า ๆ เกี่ยวกับแกแล้วชวนให้แขยงน่ะ จากนี้ไปก็ขอให้ชีวิตคู่ของแกกับเกลมีแต่ความสุขก็แล้วกัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่หวังแล้วก็เลิกนิสัยทรยศคนที่พวกแกรักสักทีล่ะ โชคดี...”

การุญเดินตามมาวินเข้าไปในร้านหลังกล่าวจบ พร้อมกับชายหนุ่มที่ยังยืนนิ่งราวกับรูปปั้น แม้จะมีเสียงฝนฟ้าสาดแทรกมาดังเพียงไหน ชายหนุ่มกลับได้ยินในสิ่งที่การุญพูดด้วยชัดแจ้งทุกคำ มันสะท้อนอยู่ในโสตประสาทไม่จางหายไปเลยแม้แต่นิด พร้อมกับภาพแววตา สีหน้าอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังของมาวินครั้งเก่าก่อนที่ย้อนกลับเข้ามาให้เห็น

ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าทุกวันที่มาวินอยู่ด้วยกันจะเป็นเพียงแค่การแสดง ไม่เชื่อเด็ดขาด

แม้แต่ท่าทีเข้มแข็งวันนี้ก็ด้วย! 



---------------------------------------------------------

มาวินลูกกกก มาให้ป้ากอดหน่อยเร็ว

อีตาแทนรู้สึกผิดหรือยัง เมื่อไรจะคิดได้ว่ามาวินคือที่หนึ่ง

มารอติดตามค่ะ ใกล้จะจบเต็มทีแล้ว

ปล.อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-10-2016 21:54:39
ให้กำลังใจมาวินน้าาาา
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-10-2016 22:31:22
 :z6: ให้พระเอกค่ะ
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 16-10-2016 20:53:59
ทุบหน้าพระเอกสักที
หล่อเลือกได้อีก กลับไปกับมา!
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-10-2016 00:28:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 17-10-2016 14:49:18
แทนคุณ~~!!! :katai1: :angry2:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๔ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: SUPERMUAY ที่ 18-10-2016 21:52:31
สนุกค่ะะะ ชอบแนวนี้
อินังแทนนนแกดูถูกที่รักฉันเหลือเกินนะ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 13-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 25-10-2016 14:47:15



ตอนที่ ๑๕

หลังจากยื่นซองสีขาวไว้ให้ที่ห้องท่านผู้อำนวยการ แทนคุณก็เดินจากมาโดยไม่สนคำทัดทานของท่าน ทั้งที่ตลอดมาก็สู้เพื่อหน้าที่การงานของตนอย่างถึงที่สุด แต่คงเพราะหลังจากทราบความจริงแล้วว่าที่นี่อยู่ในการควบคุมของคุณภาวิณีมาโดยตลอด เขาก็คิดได้ว่าไม่ควรอยู่ต่อให้เป็นหุ่นเชิดของใครทั้งนั้น

นัยน์ตาคมมองทางเบื้องหน้าด้วยความว่างเปล่า ขณะกำลังบังคับยานพาหนะให้ขับเคลื่อนไปเบื้องหน้า เหลือบเห็นตึกสูงสามชั้นที่เคยแวะทานมื้อค่ำเมื่อคราวก่อนอยู่ริมถนน ไม่รู้เพราะอะไร มือหนาตะปบไฟเลี้ยวแวะจอดอยู่ข้างทาง ตรงกันข้ามกับร้านอาหารร้านใหม่นั้น ภายในเห็นร่างสูงโปร่งของใครสักคนเดินวุ่นไปมาทั้งร้าน ท่าทางราวกำลังเหน็ดเหนื่อย หากทว่าบนใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม

แทนคุณไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังมีความสุข หมอนี่รักความสุขสบายกว่าสิ่งไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่รับเงินจากมารดาของเขาโดยง่าย ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ ความรู้สึกไม่พอใจฉายเด่นอยู่เต็มหน้าเมื่อรับรู้ว่าหลังจากวันนั้น มาวินยังอยู่ดีมีสุขไม่ทุกข์ร้อนอะไร

กลับเป็นเขาเสียเองที่ร้อนรนอย่างไม่จำเป็น

เขาเลือกทางถูกแล้ว มาวินมันเป็นคนเลว เห็นแก่ได้ หากเขาไม่มีเงินเหมือนเอกณรงค์ก็คงถูกถีบหัวส่งออกมาได้ง่าย ๆ อย่างที่คุณเกรียงไกรเคยพูดถึง คิดแล้วภาพมาวินยามหัวเราะทั้งน้ำตาก็ผุดขึ้นมาตอบโต้ มันดูฝืน มันดูเจ็บปวดเกินกว่าที่แทนคุณจะเชื่อได้ วันนี้ เขาจึงอยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่มาวินพูดครั้งสุดท้ายก่อนได้พบกันเป็นจริงหรือไม่ คิดแล้วชายหนุ่มก็เปิดประตูรถ เดินข้ามถนนไปยังร้านอาหารนั้นด้วยความเงียบเชียบ

อีกฝ่ายเหมือนจะไม่เข้าใจเมื่อเห็นชายหนุ่ม แต่คงเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและเลยมื้อเที่ยงมาแล้ว ไม่มีคน ไม่มีลูกน้อง มาวินจึงต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง “รับอะไรดีครับ”

“ฉันจะเขียนเอง” มือหนาดึงกระดาษในมืออีกฝ่ายมาถือ เชยตาคมสบเจ้าตัวอยู่วินาทีหนึ่ง ไม่นานมาวินก็หมุนตัวละไปยังมุม หยิบแก้วน้ำและข้าวของจิปาถะมาวางไว้ให้ภายในความเงียบ

ไม่ได้เจอกันสองสามเดือน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะซูบลงไปหน่อย ชายหนุ่มเงยขึ้นมองใบหน้าของเจ้าตัวขณะวางข้าวของไว้ให้ ไม่ได้พูดคุย ไม่ใช่มาวินคนร่าเริงคนเดิมที่แทนคุณรู้จัก นัยน์ตาคมหลุบไล่มองตามร่างกายของอีกฝ่ายขณะรับเมนูไปถือ เดินจากไปหลังจากทวนเมนูอาหาร ทำราวกับว่าทั้งสองคนไม่ได้รู้จักสนิทสนมกันมากกว่าคนแปลกหน้า

ดีแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ

ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เงยขึ้นสบตาเขาสักครั้งอย่างหาญกล้าก็ตาม

“พี่กายไม่แวะมาหาหรือวันนี้” เสียงทุ้มเอ่ยฝ่าความเงียบ ขณะมองอีกคนลำเลียงอาหารวางไว้ตรงหน้า มาวินทอดถอนใจไม่อยากเอ่ยตอบ หากก็ไม่ทำเช่นนั้น

“ไม่มา แต่เดี๋ยวก็คงมา”

มือหนาคว้าหมับที่ข้อมือมาวินทันที เมื่อเห็นว่ากล่าวจบแล้วมาวินจะหมุนตัวเดินกลับเข้าครัว เจ้าตัวทำทีเหมือนกำลังรำคาญ เอ่ยสอบถามอย่างสุดทน “อยากได้อะไรอีกครับคุณลูกค้า”

“แล้วอยากให้พูดว่ายังไงล่ะ”

คนฟังมุ่นคิ้ว “อย่ามาก่อกวนนะ ปล่อย นายคิดว่ากำลังจับมือใครอยู่”

คนกล่าวจ้องตาเขม็ง ยื้อแขน คงเป็นเพราะคำถามที่เอ่ยออกมาทำให้ชายหนุ่มหยุดพักคิดในแง่ร้ายไปชั่วครู่ ไม่ใช่เพราะแววตาอิดโรยและไร้ซึ่งความหมายที่สบมอง มือหนากำข้อมือคนข้างกายแน่น จ้องตาเพื่อเค้นเอาความจริงทั้งหมดว่าหมายความว่าอย่างไร “ไอ้โรคจิต! ฉันบอกให้ปล่อย”

เสียงมือที่ยื้อรั้งกระแทกกับชามอาหาร ไม่ทำให้แทนคุณตกใจเท่ามือของมาวินที่เปียกโชกไปด้วยน้ำแกงเผ็ดร้อน นัยน์ตาคมเบิกกว้างขณะจะเอื้อมมือช่วยเหลือ เจ้าตัวกลับถอยกรูดออกห่างอย่างนึกหวาดระแวงอีกครั้ง เชยตาขึ้นสบอย่างไร้ความรู้สึกยินดีอย่างเคย “อย่ามาโดนตัวฉัน...”

แทนคุณหน้าชา รู้สึกเหมือนกำลังจะสะอึก

นานเท่าไรแล้ว ที่มาวินไม่ทำหน้าแบบนี้ต่อเขา ใจชายหนุ่มหลุดวูบ เขามาที่นี่เพื่อต้องการอะไรแน่ เพื่อบีบคั้น เหยียบย่ำใจของมาวินที่คิดคดทรยศให้เจ็บช้ำ หรือเพื่อทำลายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนอายุมากกว่าตรงหน้า แทนคุณนิ่ง มองตามร่างสูงโปร่งนั้นเดินหนีไปโดยไม่ละสายตา เขาไม่เข้าใจตนเองเอาเสียเลย

นัยน์ตาคมก้มลองมือหนาที่เกาะกุมข้อมือของอีกฝ่ายแน่น มือคู่นี้ที่ไม่เคยถูกเจ้าตัวผลักไส บัดนี้ มาวินไม่แม้แต่อยากจะเงยขึ้นมามองหน้า แทนคุณนิ่งคิด ก่อนจะทรุดกายนั่งลงอย่างนั้นเมื่อทบทวนอย่างไรแล้วก็ไม่อาจทราบสิ่งที่กำลังรู้สึกยามนี้ได้

เขาตัดสินใจถูกแล้ว แน่หรือ

“ถ้าฉันทำผิดอะไรต่อนาย นายจะโกรธฉันไหม...”

สุ้มเสียงอีกฝ่ายแผ่วอ่อน ขณะยังสบตากันภายใต้แสงสลัวในห้อง เขาโกรธ และโมโหเมื่อรู้ว่ามาวินตัดสินใจรับเงินนั่นมา แต่ก็เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะปรึกษาเรื่องร้านอาหารร้านนี้ เพียงแต่เพราะอคติที่ฟังความข้างเดียวจากมารดา แทนคุณจึงไม่มีโอกาสฟังมาวินอธิบายความจริง

มีเพียงความหวั่นใจอย่างสัตย์ซื่อที่เจ้าตัวแสดงออกมาทางแววตา สอบถามความรู้สึกของเขาอย่างห่วงใย จนกระทั่งตอนนี้ มาวินคิดจริงหรือว่าเขาเชื่อการแสดงหลอกเด็กพรรค์นั้นว่าอีกฝ่ายไม่แคร์เขา

ชายหนุ่มพยายามเชื่อ แต่ไม่สามารถทำได้

 

“เปิดประตู เปิดประตู...”

เสียงทุ้มหอบไหวภายใต้ความเงียบเชียบกลางดึก ใบหน้าคมคายขมวดมุ่นบ่งบอกถึงความน่ากลัวภายในฝัน ผู้ที่นอนอยู่ข้างกายตื่นขึ้นหลังถูกรบกวนด้วยเสียงนั้น เหลือบมองมือหนาของแทนคุณ กำลังเกาะกำพื้นเตียงบิดเร่าราวกับถูกผีชั่วรุมทำร้าย หญิงสาวกระเถิบถอยด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เจ้าตัวสะดุ้งลืมตาโพลงอีกทั้งหายใจดังราวกับวิ่งออกกำลังกายหลายร้อยกิโลเมตร

“แทน อาการคุณกำเริบขึ้นมาอีกหรือคะ”

ชายหนุ่มชำเลืองมองคนถามภายในความเงียบของห้องนอน เธอลุกขึ้นนั่งอยู่อีกมุมอย่างนึกหวาดเกรง มือหนาซึ่งเคยเกาะเกร็งติดหนึบกับพื้นผ้าปูเตียงเริ่มผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้สติ ยกขึ้นมาสางผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างละล้าละลัง

“เปิดประตูหน่อยเกล”

คนฟังเลิกคิ้วด้วยความฉงน ย้อนถามขึ้น “เปิดประตูหรือ เปิดทำไม”

“เปิดเถิดน่า!” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ ระงับอารมณ์ซึ่งยังคุกรุ่นของตัวเองอย่างอดกลั้นที่สุด

“ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ คุณมันบ้าหรือไง ละเมออะไรดึกดื่นขนาดนี้ได้ตลอด ฉันต้องระแวงกลัวคุณลุกขึ้นมาบีบคอฉันตายอยู่ทุกวัน ยังจะมาขึ้นเสียงใส่กันอีก”

“เกล...” ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง สัมผัสหัวไหล่บางของเธออย่างอ่อนแผ่ว “ผมขอโทษ”

“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณน่ะแทน เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายจนฉันไม่รู้ว่าคนไหนคือคุณกันแน่ แบบนี้ใครจะทนอยู่กับคุณได้!”

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายจ้องตาคนกล่าวอย่างไม่รู้จะสรรค์หาคำไหนมาพูดหรือแก้ตัว เมื่อคนที่คิดว่ารักที่สุดยังไม่คิดจะทนอยู่ด้วยได้ ยังรับการเป็นเขาไม่ได้

เขาไม่เหมาะที่จะปลอบโยนคนอื่น คนอย่างเขาควรที่จะถูกใครคนอื่นปลอบโยนมากกว่า สถานการณ์แบบนี้ หากเขาอยู่กับมาวิน ทุกอย่างคงยังสงบเงียบ ราบรื่น ไม่เกิดอะไรกระทบกระทั่งจิตใจฝ่ายตรงข้าม เจ้าตัวคงกำลังพยายามเข้าใจเขาอยู่เป็นแน่ ชายหุน่มยกมือขึ้นสางผมยุ่งด้วยความเศร้าโศก มองประตูห้องที่ถูกเปิดทิ้งไว้อย่างที่เคยต้องการ พร้อมกับหญิงสาวผู้ที่เคยนอนอยู่เคียงข้างนั้นหายไป

แต่เขาหาได้สนใจไม่ ยามนี้ได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมา ว่าทุกอย่างคงสายไปแล้วหากจะหันหลังกลับ

เขาก็เพิ่งได้เรียนรู้ ว่าต่อให้เขาหายดีและสามารถมีความสุขกับใครโดยไร้การเสพความเจ็บปวด ต่อให้ได้พบใครอีกหลายต่อหลายคน มันคงไม่อาจเทียบเท่ากับการถูกใครคนนั้นยอมรับในฐานะคนรักเพียงหนึ่งเดียวได้ มาวินยังเป็นคนเดียวคนนั้นที่เชื่อมั่นในตัวเขาจนวินาทีสุดท้าย เป็นเขาเองที่โง่เง่าอคติ ตัดสินใจทอดทิ้งอีกฝ่ายอย่างไร้ความคิด

การกลับมาหามาวินเป็นสิ่งที่คนหน้าด้านเขาทำกัน

ชายหนุ่มครุ่นคิดต่อว่าคนเองอยู่เช่นนั้น มองไปยังร้านขายรองเท้าอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งอย่างเลื่อนลอย ขณะที่พาเหล่าน้อง ๆ ออกมาหาซื้อของและเที่ยวเล่นตามประสา ไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้มาไว้ในรถ ทั้งที่น้อง ๆ ก็คิดว่าพี่ชายจะซื้อให้ ไม่เพียงไม่บอกว่าซื้อไปฝากใครแล้ว แทนคุณยังบอกให้กลับบ้านกันเองอย่างไม่สนใจอีกด้วย ให้เหตุผลว่าทั้งคู่โตพอที่จะไปไหนมาไหนเองได้แล้ว ไม่ควรทำตัวเป็นลูกแหง่ให้พ่อแม่ตามใจ

ครั้นเห็นพี่ชายบ่น เพทายก็รีบชักดาบรับปากว่าจะกลับเองเพราะขี้เกียจฟังเทศน์ พลอยให้ทิวากรต้องอือออห่อหมกไปด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามมารดาอย่างไรว่าพี่ชายคนโตไปไหน

ไม่นาน รถของชายหนุ่มก็เคลื่อนไปจอดริมฟุตบาท แทนคุณเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ คงเพราะเมื่อก่อนต้องการหลอกล่อให้มาวินหันมาสนใจจึงใช้รถหรู เพราะอยากเอาชนะ เพราะเห็นท่าทีเมินเฉยของมาวินทุกครั้งแล้วนั้นทำให้แทนคุณนึกอยากเห็นแววตาระทมทุกข์ของอีกฝ่าย พอมารู้ตัวอีกที มาวินกลับเป็นคนที่ยอมรับในตัวตนของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นแทนคุณที่ดีหรือร้ายก็ตาม

ย่ำบายของวันนี้ในร้านอาหารยังเหมือนเดิม มาวินสนุกสนานกับการพูดคุยกับลูกค้า เป็นรอยยิ้มที่หากไม่นั่งแอบมองอยู่มุมนี้ก็จะไม่มีวันได้เห็น ชายหนุ่มเหลือบมองกล่องของฝากบนเบาะข้างกาย นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเดินเข้าไปอย่างไร แต่เพราะคงใช้เวลาคิดมากไป โจทก์เก่าของเขาได้ย่างเท้าดุ่มเข้าไปในร้านอย่างไม่ต้องนึกคิดให้เสียเวลา

แทนคุณลุกจากเบาะนั่ง ลืมหยิบถุงที่ตั้งใจเลือกอยู่นานสองนานเพราะเห็นการุญเดินเข้าไปก่อน แต่ไม่ทันได้เดินเข้าไป ยางอายที่เพิ่งจะมีได้ฉุดรั้งให้ลำขาของชายหนุ่มก้าวไม่ออก เขาจะเข้าไปอีท่าไหนกัน

คงชักช้าไม่ได้ หากรอนานกว่านี้ การุญคงทำคะแนนนำไปก่อนมากโข ชายหนุ่มเดินข้ามถนนไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง กวาดมองรอบร้านพบเพียงลูกค้าบางคน ส่วนใหญ่ก็ชอบขึ้นไปนั่งชั้นสองกันเสียด้วย หลงเหลือเพียงการุญ ลูกค้าหน้าประจำผู้ไม่ถูกชะตาต่อเขา กับเจ้าของร้านนั่งพูดคุยกันอยู่ท่าทางสนุกสนาน

แต่ที่ทำให้ลำขาเขาชะงักงันอยู่นั้น คงเป็นรอยยิ้มหวานหยดของมาวินยามสบตากับการุญ ขณะที่มือหนาของรุ่นพี่โรงเรียนเดิมของเขา กำลังสวมรองเท้าคู่ใหม่ให้อย่างตั้งอกตั้งใจ มันดูน่ารักและเหมาะสมกันจนเกินไป จนใจของผู้มองร้อนรุม สั่นสะท้าน

มือหนากำไว้แน่นจนเครือไหว คิดว่าไม่นานหรอก มาวินคงต้องใจอ่อนกับความดีของรุ่นพี่ที่เขาเกลียดคนนี้ และลืมผู้ชายแสนเลวอย่างเขาไป เพราะสิ่งที่เขากระทำต่อมาวินมาเลวร้ายจนเกินจะหันมามองหน้ากันด้วยดีได้

ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยทักทายใคร เลือกที่จะถอยกลับมาอยู่หนทางของตนเอง

เขาไม่ได้ยอมแพ้ แต่เวลานี้คงไม่ใช่สำหรับเขา

 

คงเพราะฝนตั้งเค้ารออยู่แล้ว มาวินรีบกลับบ้านมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากทิ้งด้วยเพราะค่ำนี้คงต้องวิ่งวุ่นกันไม่มีเวลาปลีกตัวออกมา ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไชค์ของบอลมาด้วยความรีบเร่ง หากในระยะสายตาเห็นรถยนต์ของใครสักคนจอดอยู่หน้าบ้าน ด้วยความแปลกใจ มาวินจอดรถเทียบหน้ารั้ว เดินวนรถยนต์คั้นนี้ด้วยความใคร่ทราบ

เขารู้สึกคุ้นและเหมือนกำลังจะมีลางสังหรณ์อะไรไม่ดีสักอย่าง คำตอบเฉลยให้ชายหนุ่มถึงบางอ้อ เมื่อเจ้าตัวลงจากรถเผยให้เขาทราบแล้ว มาวินมุ่นคิ้ว มองหุ่นอวบอัดของคุณนายจอมเย่อหยิ่งคนนี้ด้วยความไม่เข้าใจว่ามาที่นี่ทำไมอีก

“คุณ...”

นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ไม่ฟังความอะไรทั้งสิ้น เอื้อมมือซัดเพียะมาที่โหนกแก้มซ้ายของเขาระบายอารมณ์ “เธอเอาลูกชายของฉันไปไว้ที่ไหน คุณแทนหายไปเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่ยอมไปงานหมั้นตามสัญญา ต้องมาอยู่กับเธอแน่!”

หล่อนยกนิ้วชี้ชี้หน้าอย่างไม่อายกิริยาของตนเอง เป็นมาวินที่ยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“พูดเรื่องอะไรของคุณ แทนหายไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” มือเขากุมแก้มทั้งย้อนถาม มองคุณนายตรงหน้าซึ่งยังคงตัวสั่นเทิ้มด้วยความฉุนเฉียว

“เขาตกลงกับฉันว่าจะแต่งงาน ถ้าเธอไม่แอบพบเขา หลอกล่อเขาให้นึกลังเล เขาคงไม่เปลี่ยนใจแน่”

“เป็นประสาทหรือไง ที่เขาหายไปเพราะคุณทำตัวน่ารำคาญแบบนี้น่ะแหละ ก่อนจะมาว่าคนอื่นหัดก้มดูสารรูปตัวเองแล้วก็กำพืดลูกชายคุณมั่งซีครับ ใครเขาอยากกลับไปคืนดีกับลูกชายคุณกัน อ้อ ส่วนเรื่องเงินนั่นผมจะคืนให้ ถือเสียว่าผม...”

“ไม่ต้องคืน แค่ไม่กลับไปพบคุณแทนก็พอ!”

มาวินส่ายหน้า เมื่ออีกฝ่ายตั้งใจจะไม่ฟังเขา “ถึงผมไม่กลับไปคืนดีกับลูกชายคุณ แทนเขาก็ไม่มีทางกลับไปหาคุณหรอก เงินนั่นน่ะผมไม่คิดว่าจะเอามาใช้เล่นอยู่แล้ว แค่จะเอามาตั้งตัว...”

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะดูมีศักดิ์ศรีขึ้นมาหรือไง จะมาพูดแบบนี้มันก็สายเกินไปแล้วล่ะ” นางส่ายหน้า ก้มลงมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างนึกสมเพชอยู่ในที ขณะเล่าความจริงให้มาวินได้รับฟังพร้อมแววตาเยาะ “รู้ไหม ลูกชายฉันเขาเชื่อว่าเธอเป็นคนดีเชียวละ เขาเถียงกับฉันหัวชนฝาว่าเธอไม่ใช่คนประเภทตาโตเวลาเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้า เพราะว่าเธอแคร์และรักเขามากกว่า”

ใจมาวินวูบไหว นึกถึงสีหน้าของแทนคุณขณะที่เขาพูดแทงใจดำไปวันนั้น “หมายความว่ายังไง”

“ฉันเลยพนันกับเขาว่าถ้าไม่เป็นอย่างที่เขาพูด ถ้าเธอรับเงินจากฉัน เขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงและเลิกกับแมงดาหิวเงินอย่างเธอ รู้ไหม เขาอึ้ง พูดไม่ออก ดูเหมือนพวกคนโง่ทันทีที่รู้ว่าเธอรับเงินนั่นไปง่าย ๆ ฉันทำให้เขาได้เปิดตาและโงหัวขึ้นมาสักที ว่าเธอไม่ได้สนใจเขาที่เป็นคนดีเลยสักนิด เธอหิวแต่เงิน เขาคงผิดหวังในตัวเธอน่าดู”

ใจมาวินเจ็บหนึบ มองคนกล่าวอย่างสรรค์หาคำไหนมาเอ่ยมิได้ ชายหนุ่มนิ่ง สมองตื้อเบลอจมอยู่กับประโยคเมื่อครู่ “แต่ ผมไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้น เขาไม่ได้มาที่นี่ ไม่เคยมา...”

“บางทีเขาอาจเกลียดเธอจนเข้าไส้ ไม่กลับมาหาเธออีกแล้วก็ได้ แต่เขาไม่ควรหนีงานหมั้นแบบนี้!” ชายหนุ่มยังยืนนิ่ง ไม่สนใจว่าคคุณภาวิณีจะพูดอะไรอีก “ถ้าฝนไม่ตกเสียก่อน ฉันจะเข้าไปค้นบ้านของเธอให้รู้แล้วรู้รอด”

“แค่เลิกทำตัวแบบนี้เขาก็กลับบ้านไปแล้ว” มาวินสวน

ทั้งสองมองกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมใคร กระทั่งเธอละความพยายามที่จะบังคับถามถึงและเดินกระแทกเท้าดุ่มขึ้นรถจากไป ราวกับเพียงแค่ต้องการมาหาเรื่อง

มาวินไม่ได้สนใจนางเท่าใดนัก นอกจากจะนึกถึงทุกประโยคและทุกคำที่พูดคุยกันกับแทนคุณก่อนจากลา รถยนต์ของคุณภาวิณีหายไปแล้ว ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงนี้ เหม่อลอย ภายในใจว่างเปล่า

อย่างนี้นี่เอง เพราะผิดหวัง วันนั้นแทนคุณจึงดูเหม่อลอยผิดวิสัยและเข้าหน้าเขาไม่ติด มาวินเทียวแต่ถามเพราะห่วงเพียงความรู้สึกของตัวเอง กลัวว่าจะถูกโกรธ ไม่ได้จริงจังต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างที่คิด ชายหนุ่มถอนใจ เดินเข้าไปในบ้านแม้หยาดฝนเริ่มหลั่งไหลจากฟากฟ้ามาแล้ว ยังไม่เร่งรีบจะเก็บผ้าผ่อนอย่างที่ตั้งใจ ภายในความคิดของเขา มีหยาดฝนใจท่วมท้นจนหนักอึ้งไม่อาจเดินไหวได้

ร่างโปร่งหยุดอยู่หน้าประตู ทรุดกายนั่งลงใต้ร่มหน้าบ้านภายใต้แสงนีออนฉายสว่าง ไอฝนและลมลิ่วสาดกระทบให้หนาวเหน็บเพียงไหน ไม่สู้กับดวงใจของเขาที่ชาดิกอยู่ยามนี้

อยากขอโทษ...



------------------------------------------------------

สุดท้ายแล้วทั้งสองจะเปิดใจเข้าหากันไหม หรือไม่เลย...

ต้องคอยติดตามตอนสุดท้าย

คอมเม้นสักนิดชีวิตไรต์จะยืนยาวขึ้น(ยิ้มกว้าง/ดีใจ)
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: princeofdark ที่ 25-10-2016 18:34:25
เข้าใจกันเถอะนะ แม่แทนคุณก็เกินไป เฮ่อ เป็นกำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 25-10-2016 19:08:56
คืนดีกันเร็วน้าาา~ :mew2:
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 25-10-2016 19:34:53
มันเจ้บบบโหใจ๋ :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-10-2016 00:24:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-10-2016 00:57:34
มันดีงาม อยากร้องไห้ อยากให้คนมาอ่านเยอะๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 26-10-2016 02:35:59
มันดีงาม อยากร้องไห้ อยากให้คนมาอ่านเยอะๆ  :o12:

ฝากแบ่งเพื่อนอ่าน ช่วยโปรโมทด้วยน้าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-10-2016 10:40:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน พออ่านจบทำเอาค้าง อยากอ่านต่อ

แม่ของแทนเป็นแม่ที่แย่มากๆเลยนะ  รักลูกจริงๆรึเปล่า

อยากให้ทั้งคู่คืนดีกันเร็วๆ

ปล.มีบางช่วงที่อ่านแล้วงงๆหนะค่ะ  ต้องอ่านย้ำหลายรอบกว่าจะเข้าใจ แต่เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามมากค่ะ

หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 26-10-2016 14:32:50
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน พออ่านจบทำเอาค้าง อยากอ่านต่อ

แม่ของแทนเป็นแม่ที่แย่มากๆเลยนะ  รักลูกจริงๆรึเปล่า

อยากให้ทั้งคู่คืนดีกันเร็วๆ

ปล.มีบางช่วงที่อ่านแล้วงงๆหนะค่ะ  ต้องอ่านย้ำหลายรอบกว่าจะเข้าใจ แต่เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามมากค่ะ

ตอนไหนคะ บอกได้ จะได้แก้ไขค่ะ ขอบคุณมากเลย
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๕ อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-10-2016 10:52:30
ก็ผิดันทั้งคู่เลยนะแหละ
แต่ที่สำคัญคือยัยคุณแม่นั้ น่ารำคาญมากเลย
สงสารแทนคุณที่ต้องมาอยู่กับคนแบบนี้แต่เด็ก
แล้วถ้าวินรู้แล้วแบบนี้  เรื่องจะเป็นไงต่อละนี่
จะยอมฟังแทนคุณไหม
แล้วแทนคุณนี่จะจบกับยัยเกลยังไง
หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2016 15:42:18



ตอนที่ ๑๖

ตั้งแต่วันที่คุณภาวิณีมาพบเขา แทนคุณก็ไม่เคยแวะมาที่นี่อีกเลยอย่างที่นางเคยพูดไว้ เพราะการตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบของเขาทำให้แทนคุณเกลียดเข้าไส้ไปแล้ว เพราะความโง่ เพราะความเอาแต่ใจไม่รู้จักคิดของเขา ทำให้ต้องเผลอพูดจาทำร้ายกันและกัน ก่อให้ความบาดหมางใจบานปลายไร้ที่สิ้นสุดจนเข้าหน้ากันไม่ติด เพราะคำว่าทิฐิ เพราะมัวแต่ตั้งแง่ มาวินครุ่นคิดทอดถอนใจมองออกไปนอกร้าน เหลือบเห็นรถยนต์คันสีดำคันหนึ่งจอดตรงข้ามร้านอยู่ทั้งวันก็นึกแปลกใจ

เขาเห็นมันจอดอยู่สองสามวันแล้ว

แต่เพราะหน้าที่การงานทำให้มาวินต้องเลิกติดใจแล้วปัดมันทิ้งไปเสีย ตั้งหน้าตั้งตาดูแลลูกค้า บริการอย่างเต็มอกเต็มใจ จนผ่านไปทั้งวันแล้ว เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มมองออกไปนอกร้านอีกครั้งด้วยความใคร่รู้ว่ามันยังอยู่หรือไม่ แต่เพราะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปกระมัง ทำให้ชายหนุ่มต้องทอดถอนใจ เมื่อไม่เห็นรถน่าสงสัยคันนั้นจอดอยู่แล้ว คงเป็นรถของใครสักคนที่แวะมาทำธุระแถวนี้แล้วจอดทิ้งไว้กระมัง

ชายหนุ่มทรุดกายนั่ง หลังจากทำความสะอาดร้านแล้วเสร็จ เห็นการุญเดินเข้ามาในร้านยิ้ม ๆ ก่อนเจ้าตัวจะทรุดกายนั่งตรงกันข้าม ราวกับรู้ใจว่าตอนนี้มาวินกำลังฟุ้งซ่าน การุญเอ่ยถามว่า “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ บอกได้นะ”

มาวินยกยิ้ม “นิดหน่อยน่ะครับ”

“เดาไว้ไม่มีผิด แล้วก็ จะเป็นเรื่องอะไรได้เสียอีกเล่า ถ้าไม่ใช่เรื่องของเจ้าแทนมัน ใช่ไหม” การุญยืนหน้ามาสอบถาม มาวินไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร เพราะตั้งแต่รู้ตัวว่าตนเองใจเต้นยามอยู่กับแทนคุณ อะไรก็ทำให้วางตัวลำบากไปเสียหมด

“เพราะผมทำตัวเอง ไม่ผิดที่แทนจะผิดหวังในตัวผมแล้ววางตัวอย่างนั้นใส่ ผมควรทำอะไรสักอย่างไม่ใช่อยู่เฉย ๆ แบบนี้”

แต่เพราะเงินนั่นที่รับมายังค้ำคอ มาวินไม่กล้ากลับไปเจอแทนคุณในขณะที่อีกฝ่ายยังโกรธ มองเขาในแง่ลบ และมารดาของทางนั้นยังแยกเขี้ยวสั่งห้ามไปพบอยู่ มาวินยังเป็นคนหน้าเงินในสายตาคนรัก ยากนักที่จะหน้าด้านเดินไปขอคืนดี หรือทำให้อีกฝ่ายยกโทษให้

“เจ้าแทนมันก็เป็นแบบนี้แหละ เวลารักก็รัก เวลาเกลียดก็เกลียดเข้าไส้ ผู้หญิงคนนั้นก็รักแทนเหมือนกัน พอเห็นแทนเปลี่ยนตัวเองได้ก็ยอมกลับไปคบอย่างง่าย ๆ ทีนี้เป็นไง โดนเอาคืนเสียจนมองหน้าใครไม่ติดแล้ว เพราะดันทำให้เจ้าแทนมันเกลียดเสียได้” การุญเปรยอยู่เงียบ ๆ พลางมองเลื่อนลอยออกไปไหนสักที่ยามกล่าวถึง ‘ผู้หญิงคนนั้น’

“ผู้หญิงคนนั้น คุณหมายถึง แฟนเก่าคุณที่กลับไปคบกับแทนน่ะหรือ”

การุญพยักหน้ารับ “เธอไม่ลาผมสักคำ ไม่บอกเสียด้วยซ้ำว่ากลับไปคบกับแทนเมื่อไร ตอนไหน คราวนี้แทนเอาคืนที่ถูกหักหน้า ไม่ยอมไปโผล่ตัวที่งานหมั้น ทั้งว่าที่เจ้าสาว ทั้งแม่ของแทนอายชาวบ้านชาวช่องกันเป็นแถบ ตอนนี้ยังหาตัวมันไม่เจอเลย”

การุญยกยิ้มขณะเล่า “แต่ก็สะใจดีเหมือนกัน แทนมันก็คงอัดอั้นมานานแล้วแหละที่ถูกที่บ้านบังคับให้ทำตามใจ เลยเล่นเสียแรงขนาดนี้ หึ แม่มันยิ่งหน้าบางอยู่ด้วย”

มาวินพยักหน้ารับ จำได้ลาง ๆ ว่าวันนั้นคุณนายภาวิณีฉุนขนาดไหน นางเดินดิ่งมาตบเข้าด้วยความเกรี้ยวโกรธโดยไม่อธิบายอะไรให้เขาเข้าใจทั้งสิ้น คงเพราะเพิ่งผ่านความอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านมา ทำให้อารมณ์ทะยานขึ้นอีกเมื่อเห็นหน้าเขา ที่จริง มาวินไม่เคยเข้าใจความคิดที่แทนคุณกำลังทำเลย เขาควรรู้สึกอย่างไรกันแน่ เมื่อรับรู้ว่าแทนคุณทำอย่างนี้กับคนรักที่ทรยศเจ้าตัว และกับมารดาของตนเองเพื่อสอนสั่งว่าควรเลิกยุ่งกับการบงการชีวิตเสียที

ที่ผ่านมา แทนคุณต้องการอะไรแน่ มาวินไม่เข้าใจ

“เขาทำแบบนี้เพราะอะไร” ชายหนุ่มเปรย

“ก็อยากจะถามเหมือนกันถ้ามันไม่ลี้ภัยหายหน้าไปอย่างนี้ แต่อย่างน้อย การกระทำของมันก็พิสูจน์ให้ผมรู้ได้นะว่าที่จริงแล้ว คนที่ผมรักไม่เคยรักผมเลย เกลพร้อมที่จะทิ้งผมไปทุกเมื่อไปหาคนที่เธอยังฝังใจ ถึงแม้ผมจะทำดีเพื่อเอาชนะใจเธอขนาดไหนก็ตาม” การุญเล่าความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่ปกปิด

“แล้วผมเองก็เคยคิดนะ บางทีที่ทำแบบนี้ไอ้แทนมันก็เพียงแค่ อยากรู้ใจจริง ๆ ของคนรอบข้างมันก็เท่านั้น ว่าเป็นแบบไหน” การุญมองหน้าของคนฟัง ที่ยังคงจมดิ่งอยู่กับความคิดกับประโยคที่เขากล่าว

มาวินหน้าเจื่อน เงยขึ้ยสบตา “งั้นผมก็คงดูแย่มาก ในสายตาเขา”

“แล้วเขาในสายตาคุณเปลี่ยนไปบ้างไหมละ คุณมองเขาแบบไหน บางที เขาก็คงมองคุณแบบนั้นด้วยก็ได้ ผมหมายถึง ต่างคนต่างมองในมุมมองของคนที่รักกันน่ะ ผมเอง ไม่เคยโกรธเกลเลยที่เธอเดินกลับมาขอโทษ เวลาเราจะรักใคร ทฤษฏีไหน ๆ มันก็ไม่สำคัญไม่ใช่หรือ” มาวินเชยตาขึ้นมาสบหลังได้ฟัง ยกยิ้ม คงเพราะคำพูดพวกนี้ช่วยเยียวยาความรู้สึกเจ้าตัวได้ในระดับหนึ่ง

“ขอบคุณมากนะครับคุณกาย นี่คุณคืนดีกับเธอแล้วใช่ไหม คุณไม่เศร้าแล้วใช่ไหม”

การุญยิ้มรับให้มาวินเข้าใจ ให้อีกฝ่ายโล่งใจและไม่เป็นห่วงไปด้วย หลังจากคนรักกลับไปหาแทนคุณ มาวินคือที่พึ่งพาทางจิตใจหนึ่งเดียวที่ช่วยได้ ไม่มีใครรู้ว่าที่เขาเทียวแวะมาที่นี่เพราะตัวเองกำลังอกหัก อยากมีเพื่อนคุยสักคนเท่านั้น

ถึงแม้จะกลายเป็นตาคนรวยขี้หลีในสายตาเด็กน้อยแถวนี้ก็ตาม

หากเขาดีขึ้นแล้วและเข้าใจกับคนรัก มีหรือจะไม่พยายามทำให้มาวินคนที่เคยเริงร่าสดใสกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มกุมมือคนตรงหน้า เอ่ยอย่างตรงเถรที่สุดว่า

“ไปหาเขาเสียเถอะนะวิน ไม่มีอะไรดีไปเสียกว่าเปิดใจพูดคุยกันหรอก ต่างคนต่างเงียบแบบนี้คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา การที่เราเป็นฝ่ายง้อก่อนไม่ใช่ว่าเสียศักดิ์ศรีหรอกนะ มันแสดงความจริงใจของเราที่มีให้เขามากกว่า มันหมายความว่าเราเห็นค่าในตัวเขา”

มาวินคลี่ยิ้มทั้งพยักหน้าเข้าใจ ตั้งแต่ได้รู้จักกับการุญ อีกฝ่ายสอนสั่งให้เขาเข้าใจการคิดไตร่ตรองมากขึ้น เป็นความคิดของผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งมองโลกหลายแง่มุม อย่างน้อย ตอนนี้การุญก็กำลังคิดตรงกันกับมาวินว่าเขาควรไปพบแทนคุณเพื่อพูดคุยสักอะไรอย่าง ให้ความบาดหมางของทั้งคู่แปรเปลี่ยนมาเข้าใจ แม้ไม่หวังไว้มากมายเท่าใดนัก อย่างน้อยเขาอยากให้คนรักมองเขาใหม่เสียบ้าง

ด้วยการบอกว่ารัก

ถึงแม้แทนคุณจะไม่เชื่อ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้บอก

 

หัวข้อ: Re: 25-10-59 || พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2016 15:43:09


-ต่อ-


หลังจากปิดร้านเรียบร้อยแล้วมาวินไม่ได้ตรงดิ่งกลับบ้านไปอย่างที่คิดไว้ ชายหนุ่มมองรอบสองข้างทางด้วยดวงใจเต้นตึกอย่างมิอาจทานไหว เมื่อความรู้สึกนึกคิดกำลังสอบถามใจตนเองว่า หลังจากไปถึงที่นั่นแล้วเขาควรเริ่มพูดประโยคไหนก่อน คิดแล้ว มือเรียวก็ขึ้นกุมใบหน้าตนเอง ความเขินอายแล่นประดังประเดเข้ามายังใบหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แค่คิดก็เขินจะแย่

ดูเหมือนว่าเขาจะมาไม่ผิดที่ ชายหนุ่มเปิดประตูไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งเขาเคยมาแล้ว บ้านหลังที่เขากับแทนคุณตกลงเริ่มความสัมพันธ์กัน มาวินหวังว่าจะเป็นที่นี่อีกเช่นกัน ที่จะเปิดเผยความจริงแท้ว่าระหว่างเขากับแทนคุณมีความหมายต่อกันและกันอย่างไร

ชายหนุ่มทอดถอนใจ เดินผ่านสวนว่างเปล่าไม่มีดอกไม้ไปหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน ยืนทำใจภายใต้ความสลัวของยามวิกาลอยู่พักหนึ่ง นิ้วมือเรียวยกขึ้นกดออด ใจหายเมื่อในความเงียบนั้นไม่มีอะไรตอบรับกลับมา หรือแทนคุณจะไม่อยู่ที่นี่

มาวินกดออดอีกครั้งด้วยใจที่เบาหวิว ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มผวาเฮือกใหญ่เมื่อมีมือของใครสักคนกระชาก รั้งให้ถอยหลังกลับไป “ใครน่ะ!”

มือหยาบนั้นกดปิดปากไม่ให้เขาดิ้นขืน ไม่ให้โวยวายเสียงดัง มาวินเบิกตาเมื่อเห็นว่าเป็นร่างของชายฉกรรจ์แปลกหน้าสองคุณกำลังรุมจับให้เขาอยู่แน่นิ่ง กดลงให้นอนกับพื้นชื้นแฉะ “แทน แทน!”

เกิดอะไรขึ้น!

ชายหนุ่มไม่เข้าใจสถานการณ์นัก ริมฝีปากของมาวินถูกผ้าฝืนหนึ่งอุดเข้ามาเต็มเหนี่ยวจนไม่มีแรงสะบัดออก สองคนแปลกหน้ากดร่างให้เขาล้มลงแนบกับพื้น ห้ามออกแรงขัดขืน ไม่รู้ว่าเกิดอะไร อย่างน้อยเขาก็หวังว่าแทนคุณจะอยู่ข้างในนั้น ชายหนุ่มดิ้นสู้ ร้องในลำคอสุดเสียง พยายามพลิกกายมิให้ตนเองจนหนทางท่ามกลางพื้นหญ้าหน้าบ้านนั้นด้วยใจตื่นระทึก

แสงไฟหน้าบ้านถูกเปิดให้สว่างขึ้นเพิ่มอีก มาวินใจชื้นมาบ้างว่าพวกมันจะนึกเกรงกลัวหากมีคนคิดจะแจ้งตำรวจ แต่ไม่เลย มันยิ่งอธิบายได้ดีว่าทุกอย่างเกิดอะไรขึ้น เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นรองเท้าส้นสูงของใครสักคนยืนอยู่ไม่ห่าง ราวกับกำลังรอให้ประตูบานนั้นเปิด หลังจากหน้าบ้านสว่างโล่เพราะมีใครเปิดจากด้านในแล้ว ประตูถูกเผยออกเผยให้เห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในบ้านหลังนี้จริง

ทันทีที่เห็นเขา แทนคุณดิ่งมาทางนี้ หากร่างของคุณภาวิณีที่แอบตามเขามาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบวิ่งไปดักหน้าเสียก่อน “คุณแทน มาคุยกับแม่เดี๋ยวนี้นะ ทำไมทำแบบนี้ ถ้าแม่ไม่ตามนายคนนี้มาก็คงไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน อยากให้แม่อกแตกตายหรือไง”

“หยุดถามผมสักที หยุดทำเป็นไม่รู้เรื่องได้แล้วทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ หลบไปนะแม่...”

แทนคุณจะเบี่ยงมาทางด้านนี้ ต้องการหลบหลีกมารดาเพื่อมาหาเขา มาวินหอบหายใจ มองระหว่างคนทั้งคู่โดยไม่ดื้อด้านออกกำลังอย่างไม่จำเป็นอีก มองแทนคุณที่พยายามจะหลุดออกจากกำมือของมารดา “ปล่อยผม แม่จะเลิกวางกฏเกณฑ์ให้ผมเมื่อไร แม่เห็นผมเป็นหมากตัวไหน ตั้งแต่พี่ทิพย์เสียไปแม่เห็นผมเป็นคนบ้างไหม”

“เพราะเห็นไงแม่ถึงใส่ใจลูก แม่ไม่อยากให้คุณแทนเป็นเหมือนทิพย์”

“อีกไม่นานหรอก ผมอาจจะฆ่าตัวตายเหมือนพี่ทิพย์ก็ได้!”

คนกล่าวหน้าชา เมื่อใบหน้าถูกฟาดจากคนฟังด้วยความรวดร้าว นางนิ่ง จ้องตาของลูกชายภายใต้ความสลัวกลางดึกอย่างสุดทน มาวินใจหาย มองสลับไปมาระหว่างแทนคุณและคุณภาวิณีอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ทราบดี ว่าทั้งคู่กำลังจะเข้าใจกันและกันในอีกไม่ช้า

“ลูกคิดว่าแม่เองไม่มีความรู้สึกหรือ ไม่เจ็บปวดหรือที่ทิพย์เขาทำอย่างนั้น”

“ถ้ารู้สึกจริง ก็ควรคิดได้เสียบ้างซีว่าคนอื่นเขาก็เจ็บปวดเป็น”

ชายหนุ่มผละออกจากมารดา เดินดุ่มมามุมนี้ภายใต้ความเงียบของทุกคน มีเพียงเสียงฝีเท้าหนักแน่นของเจ้าตัวยามย่างก้าว “แม่ต้องคิดได้ตั้งแต่ขังพี่ทิพย์ไว้อย่างนั้นว่าเขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ตั้งแต่ตอนที่ตีเขาเมื่อทำไม่ได้อย่างใจ แม่ต้องละอายแก่ใจเสียบ้างที่กดดัน ทำร้ายเขา ไม่ใช่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรื่องถูกต้องอยู่ตลอดเวลา”

คนกล่าวรู้สึกรวดร้าวยามนึกถึงพี่สาว เมื่อสิ้นเธอไป ชายหนุ่มเทียวคิดว่าเป็นตัวเองที่ถูกขังอยู่ในห้องมืดน่ากลัวนั้นทั้งคืนเพราะอยากรับรู้ความรู้สึกของเธอ แทนคุณกลายเป็นคนฝังใจ กลัวการปิดประตู เมื่อในวัยเด็กเพียงหกเจ็ดขวบ เขาช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย นอกเสียจากมองพี่สาวร้องไห้ในห้องนั้น ผ่านช่องเล็ก ๆ ของประตูเข้าไป

เธอเรียกเขา เรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ ทั้งยังร้องไห้

“แม่เอาใจของคนอื่นมาใส่ใจตัวเองบ้าง ต้องแก้ไขมัน ไม่ใช่ซ้ำเติมให้แย่ลง”

นัยน์ตาคมคนกล่าวงุดลงมองมาวิน ซึ่งยังนอนเกลือกกลั้วอยู่กับพื้นหญ้าแฉะจากน้ำฝน แม้จะเปื้อนเปรอะเพียงไหน มือหนายังเอื้อมมาพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่งโดยไม่นึกรังเกียจ ไม่มีแววเคืองใดใดทั้งสิ้นเจือปนอยู่ มาวินดึงผ้าในปากตนเองออกมาลุกขึ้นยืนเอง เขาได้กลิ่นแอลกอฮอลล์เจือจางจากร่างของผู้ช่วยพยุง วางตัวไม่ถูก หันมองไปยังคุณภาวิณีอย่างหนักใจ

“คุณแทนพูดออกมาทุกอย่างก็เพราะต่อต้านแม่ ตั้งแต่รู้จักกับนายคนนี้ คุณแทนชักจะแย่ลงไปทุกที”

ได้ฟังแล้วมาวินหน้าชา ก้มหน้าลงมองพื้นอย่างช่วยไม่ได้

“ที่ผมเงียบมาโดยตลอดไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมเชื่อฟัง ยิ่งคุณเอาแต่ใจเท่าไรยิ่งแสดงให้ผมเห็นว่าคุณไม่ได้ต้องการทำเพื่อผมเลย คุณทำเพื่อความรู้สึกพึงพอใจของตัวเอง เพราะคุณเป็นแม่ผม แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตของผมเป็นของคุณ คุณจะจ้างใครจะมาทำลายชีวิตผม หรือจะให้ใครทำลายศักดิ์ศรีผมกี่ครั้งก็ได้”

“พูดเรื่องอะไร” นางเชิดคอ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่สีหน้าเปลี่ยนไปมากนักจนมาวินจับได้

“ไม่ต้องส่งใครมาดิสเครดิตผมอีกแล้วแหละครับแม่ ผมลาออกจากที่นั่นแล้ว”

“อะไรนะ” นางย้อน

“แต่ผมไม่มีทางทำตามในสิ่งที่คุณขอได้ ผมจะใช้ชีวิตของตัวเองในทางที่อยากเดิน ผมจะรักใครก็ได้ที่ผมอยากรัก เมื่อไรที่คุณยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดนั่นแหละผมถึงจะกลับไปที่บ้าน ผมหวังว่าคุณจะรู้สึกตัวโดยเร็ว” มาวินถูกพาเดินไปยังประตูบ้าน ท่ามกลางสายตาของชายแปลกหน้าหลายคน และมารดาของแทนคุณที่ยังมองมาไม่ละ

“คุณแทนจะทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าทำแบบนี้แม่จะตัดขาดกับลูก” นางโพล่งขึ้น ให้ฝีเท้าของทั้งแทนคุณและมาวินหยุดชะงัก มองนางเดินมาหยุดตรงหน้าระหว่างทั้งสองอย่างไม่ยินยอมโดยง่าย “อยากจะลำบากนักก็เชิญเลย แต่สมบัติของฉันก็อย่าหวังจะได้! ถ้าก้าวขาอีกแม้แต่ก้าวเดียว เราขาดกัน!”

มาวินเงยขึ้นมองผู้มอบกอดเขานิ่ง รู้สึกถึงแรงกดดันจนต้องก้มหน้าลงพื้น ยามนี้อีกฝ่ายตัดสินใจอย่างไรเขาก็จะเดินหน้าเคียงข้างให้ถึงที่สุด ไม่มีคำตอบไหนผิดสำหรับแทนคุณอีกต่อไปแล้ว

“ผมต้องการอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วไม่เคยรู้หรือ แค่สมบัติของพ่อก็จะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ของแม่ก็เก็บไว้อย่างนั้นแหละ เอาแบ่งให้น้อง ๆ สองคนก็แล้วกัน ส่วนผมจะเป็นยังไงก็ช่าง ผมมีปัญญาทำมาหากินเองได้ ไม่ต้องห่วง ผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กห้าหกขวบอีกต่อไปแล้ว อย่าห่วงผมมากนักเลย”

คนกล่าวปรายตาสบมารดา มองแววตาของนางเรียบนิ่ง “ที่ผ่านมาคุณคงเหนื่อยที่เอาแต่ตามผม ผมขอโทษ ผมไม่อยากให้แม่ทุกข์ร้อนใจอะไรเพราะผมอีกแล้ว พักบ้างเถอะครับ แม่”

“คุณแทน...”

คนฟังตัวสั่น มองแววตาที่เคยสิ้นหวังของลูกชายที่เคยมองมายังร่างของเธอทุกครั้ง บัดนี้แม้ในความสลัวของท้องฟ้า แม้หยาดฝนเม็ดเล็กเม็ดน้อยเริ่มโปรยลงมาบดบังทัศนะ นางกลับเห็นแจ่มแจ้งว่าลูกชายที่เคยมองด้วยความดูแคลน เต็มตื้นไปด้วยการให้อภัย

“ถ้าผมยังอยู่ที่นั่นแม่จะยังกดดันตัวเอง แม่อาจเห็นพี่ทิพย์ในตัวผม ผมคิดว่าถ้าผมหายไป แม่จะโล่งใจขึ้นใช่ไหม” ชายหนุ่มกล่าว

ไม่รู้เพราะหยาดฝนหรือน้ำคำของลูกชาย ร่างกายของคุณนายภาวิณีสั่นเทิ้ม สะอื้นไห้

“แม่ขอโทษ...”

ระหว่างทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่ง

“ผมยกโทษ”

คนกล่าวน้ำตาเอ่อรื้นรอบดวงตา ยามสบตาผู้เป็นมารดา หากบนใบหน้าคมคายซึ่งเคยฉายเพียงความโกรธขึ้ง ไร้แววตาแห่งความสุขยามสบมองกันเสมอมาตั้งแต่วัยเยาว์ บัดนี้มีความภาคภูมิอยู่น้อยนิดยามเมียงมองมายังร่างของนาง

คุณภาวิณีร่ำไห้โฮ ยามเห็นแววตาของลูกน้อยที่เคยไร้ความรัก ไร้ความนับถือแต่ก่อน กำลังใช้สายตาของเด็กคนหนึ่งมองคนเป็นแม่ มองมายังนาง

“ผมว่าพี่ทิพย์ก็คงยกโทษให้เหมือนกัน”

คุณภาวิณีซุกกายในอ้อมกอดเขาสะอื้นร้องไห้ พร้อมกันกับมือหนาโอบกอดมาวินไว้ด้วย ภายใต้ท้องฟ้าครึ้มมืดในยามวิกาล ดวงใจทั้งสามคล้ายหมองหม่นเฉกเช่นท้องฟ้าวันนี้ แต่อีกไม่นานคงมีสายรุ้งเส้นงามทอดผ่านหลังเมฆฝนในดวงใจได้ได้ซาลง

แทนคุณก้มลงมองทั้งสองในอ้อมกอด มองมารดา มือหนายกขึ้นลูบบ่าเล็กของนางแผ่วเบา ให้ชายหนุ่มได้ทราบแล้วว่ามารดาของเขาผู้ที่ชายหนุ่มเคยคิดว่าไร้จิตวิญญาณ ความรู้สึก ไม่มีความเป็นแม่หลงเหลืออยู่ บัดนี้คุณภาวิณีแสดงให้เห็นแล้วว่านางแม่มดใจร้ายในยามเด็กของแทนคุณนั้น เป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กกะจ้อยร่อย อยู่ในอ้อมกอดของเขา ร้องไห้ได้และสำนึกในความผิดพลั้งเป็น

เพียงเท่านี้ ใจของชายหนุ่มผู้มีปมด้อยรู้สึกราวผีเสื้อตัวน้อยผู้เคยถูกขังในกล่องมืดมิดมาช้านาน ได้โบยบินออกไปสู่ท้องฟ้าสีครามอันกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่เคยฝันหามาโดยตลอด...

 

จากหยาดฝนปรอยเม็ดเล็กแปรเปลี่ยนมาตกหนักหน่วงไม่ลืมหูลืมตา หยาดน้ำกระหน่ำลงบนหลังคาไม่เว้นเสียงให้คนที่นั่งอยู่ภายในบ้านพูดคุยกันสักนิด มาวินงุดหน้าลงมองที่รองเท้าเปื้อนโคลนของตนเองไปพลาง ขณะมือเจ้าของบ้านกำลังหยิบแก้วน้ำอุ่นมาวางไว้ต่อหน้า

ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยตรงไหนดี เพราะเมื่อครู่คุณภาวิณีฉะมาเสียยกใหญ่ ถึงตอนนี้จะกลับไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังรู้สึกถึงอารมณ์ของแทนคุณยังอบอวลอยู่แถวนี้

นัยน์ตาเขากวาดมองรอบบ้านพักไปพลาง รับรู้ว่าแทนคุณอยู่ที่นี่ในช่วงที่หลบหน้ามารดาจริงอย่างที่เคยคิด มาวินไม่เข้าใจ แต่รู้สึกถึงนิมิตหมายอันดีที่แทนคุณเลือกดิ่งมาช่วยเขา เมื่อเห็นว่ามาวินอยู่ในสถานการณ์ไหน

ชายหนุ่มเชยขึ้นมองเจ้าของร่างหนา เพิ่งสังเกตชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างเคย หนำซ้ำยังมีกลิ่นเหล้าหึ่งให้รู้อย่างง่ายว่ากำลังดื่ม มาวินคิดอยู่ในใจทั้งหลุบตาหลบ เมื่อเจ้าตัวทรุดกายนั่งลงตรงหน้า ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟภายในบ้านฉายให้เห็น

“ฉันขอโทษนะ ไม่รู้เลยว่าแม่นายแอบตามหลังฉันมา” ชายหนุ่มเอ่ยฝ่าเสียงสายน้ำ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำอุ่นมาดื่มแก้เก้อไปพลาง หลบตาไปพลาง เมื่อคนฟังผละมาสบไม่เผยความรู้สึกใดใด แค่งุดลงมองที่เท้าเขา แล้วลุกขึ้นเดินหนีไปที่ไหนสักแห่ง

ดะ เดี๋ยวซี

มาวินอ้าปากค้าง มองตามด้วยความเศร้าใจ หรือแทนคุณจะโกรธเขาจริง “แทน ฉันขอโทษจริง ๆ นะ อย่าโกรธฉันได้ไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้นายเดือดร้อน”

มาวินมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแห้ว เมื่อฝีเท้าของเจ้าของบ้านห่างออกไปทุกที ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนโซฟาอย่างเดิมอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในขณะที่ยังทำหน้าละห้อย เสียงฝีเท้าของแทนคุณก็กลับมาใกล้ เรียกให้ชายหนุ่มเงยขึ้นมองด้วยต้องการทราบว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน

เห็นว่าแทนคุณถือกล่องอะไรสักอย่างมาทางนี้ ร่างสูงทรุดกายนั่งลงข้างเขาจนโซฟายุบลง มาวินหน้าเหวอ จู่ ๆ ลำขาถูกดึงออกไปหาเจ้าตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ วินาทีแรกชายหนุ่มยื้อกลับด้วยความไม่เข้าใจ แต่ครั้นเห็นสายตาดุของผู้กระทำ ทำให้จำต้องยอมในท้ายที่สุด

“อะไรน่ะ”

ในกล่องมีรองเท้าคู่ใหม่ มือหนาของแทนคุณบรรจงถอดคู่เดิมของการุญบัดนี้เปื้อนโคลนไม่น่ามองออก หยิบสิ่งที่อยู่ในกล่องมาสวมให้ภายใต้เสียงห่าฝนสาดใส่หลังคา มาวินหยีหน้า ไม่รู้จะแสดงท่าทีอย่างไรเมื่อท้ายที่สุดแล้ว รองเท้าคู่นี้มันไม่เหมาะกับเขา มันเล็กจนเกินไป ไม่สามารถบังคับยัดเท้าเข้าไปในนั้นให้เจ็บได้

แทนคุณนิ่งไป ก้มมองของในมือโดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไร

“มะ ไม่เป็นไรนะแทน เดี๋ยวเอาไปเปลี่ยนก็ได้ นายตั้งใจซื้อให้ฉันใช่ไหม”

อีกฝ่ายถอนใจ เหวี่ยงของในมือทิ้งไปอีกทางอย่างไม่ใยดี มาวินหน้าเหวอ เงยมองคนข้างกายอย่างไม่อาจเดาใจได้ว่าตอนนี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่

“มาคิดดูอีกที ผมเคยรู้อะไรเกี่ยวกับคุณบ้าง มีแต่คุณที่ดูแลเอาใจใส่ผม” แทนคุณนิ่งหลังจากกล่าวจบ มองผู้ฟังที่ยังก้มหน้าก้มตามองพื้นหลังถูกจับจ้อง “ไม่รู้เลยว่าคุณชอบกินอะไร สนใจอะไรเป็นพิเศษ เกิดวันไหน ใส่เสื้อผ้าไซส์อะไร ผมไม่มีคุณสมบัติของคนรักที่ดีเลย ไม่ดีพอเลย”

มาวินเงียบฟัง มองแทนคุณที่ยกมือกุมใบหน้าตนเองพ้ออยู่อย่างนั้น “ที่ผมเกลียดพี่กายเพราะว่าผมรู้ดี ถ้าคนรอบกายของผมได้รู้จักกับเขา ทุกคนต่างหันไปมองเขาเพราะความโดดเด่นกว่า ดีกว่า ผมยอมรับไม่ได้แล้วก็ยังอิจฉาที่เขามีดีกว่าทุกอย่าง เกลียดเขาเพราะเขาเป็นคนดีจนคนเลว ๆ อย่างผมไม่มีที่ยืน จะไม่มีใครสนใจผมถ้ามีพี่กายอยู่แถวนั้น”

มาวินส่ายหน้า ยกมือขึ้นแตะใบหน้าของคนกล่าวด้วยความเบามือ

“อย่าพูดแบบนั้นซี นายก็มีดีของนาย”

มือหนาของแทนคุณเคลื่อนกุมมือมาวินบนแก้มตนอยู่เช่นนั้น ยามฟัง “มาวิน แค่คิดว่าจะต้องเสียคุณให้เขาเป็นครั้งที่สองอย่างที่เสียเกล ผมจะเป็นบ้าให้ได้ เพราะพี่กายเป็นคนดี คุณไม่ผิดที่จะเปลี่ยนใจไปหาเขาอย่างที่เกลเคยทำ แต่ผมก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี คุณเป็นสิ่งที่มีค่าสิ่งเดียวที่ผมไม่อยากยกให้ใคร”

“ฟังฉันนะแทน เหตุผลที่คนเราจะถูกทิ้งไม่ใช่เพราะว่าใครดีกว่าใครหรอก มันขึ้นอยู่กับความลังเลของคนจะทอดทิ้งมากกว่า คิดดูซี ทั้งที่คุณกายดีขนาดนั้นคุณเกลเขายังเลือกกลับไปหานายอีกครั้งเลย เพราะนายคือคนเดียวที่คุณเกลยังฝังใจอยู่ยังไงล่ะ” แทนคุณนิ่ง สบตามาวินหลังจากได้รับฟัง เมื่อเจ้าตัวยกยิ้ม มาวินเคลื่อนใบหน้ามาแนบชิดใกล้ กระซาบราวกับกลัวใครได้ยิน

“ฉันไม่ใช่คนใจโลเลหรอกนะ”

มือหนากุมกอดมาวินแน่นหลังได้ฟัง ใจที่เคยนึกหวั่นแป้วหายกลับมาชื้นขึ้น “ไม่โกรธหรือที่ผมหลอกใช้ความรู้สึกคุณ ผมพูดไม่ดีกับคุณก็ตั้งหลายอย่าง แกล้งทำดีกับคุณ ผม เป็นฝ่ายลังเลเสียเอง” คนกล่าวจ้องตา มองว่ามาวินที่เคยน่ารักคนก่อนกลับมาให้ได้เห็นแล้ว

“แต่ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณเกลียดผมจริง ๆ ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าที่คุณทำกับผมมาโดยตลอดเป็นเรื่องโกหก”

มาวินละรอยยิ้ม ตอบตามความจริง “ฉันแค่อยากทำให้นายเกลียดฉัน เราจะได้ไม่ต้องนึกถึงกันอีก แต่พอทำแบบนั้นแล้วฉันกลับทนไม่ได้เสียเอง ฉันยังอยากเป็นคนดีในสายตานายอยู่ ตอนที่ฉันเป็นแบบนั้นนายดีกับฉันมาก และฉันอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้ง ฉันยอมรับผิดแล้วแทน เพราะฉันมันหน้าเงินเลยต้องทำให้นายผิดหวัง ฉันแค่อยากโตขึ้น แต่กลับเป็นการตัดสินใจที่เด็กมาก”

คนกล่าวซุกกายกอดแทนคุณร้องไห้

“ฉันเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

“มาวิน...” เจ้าของร่างสูงใหญ่กอดชายหนุ่มแน่น มือลูบปลอบโยน “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมเข้าใจคุณแล้ว ผมจะไม่ไปไหนแล้ว”

“จริงนะแทน นายพูดความจริงอยู่ใช่ไหม”

“จริงซี ผมรักคุณ หยุดร้องไห้ได้แล้วมาวิน ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองรักคุณ ผมทำทุกอย่างเพื่อที่จะสามารถอยู่กับคุณได้ ผมไม่มีทางโกหกความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว คงรู้สึกเหมือนตกนรก ถ้าคุณโกรธผมแล้วมองด้วยสายตาอย่างนั้นอีก”

ชายหนุ่มกระซาบ เมื่อหวนนึกถึงแววตาระแวดระวังของคนรักยามเชยขึ้นสบวันนั้น

เพราะไม่คิดว่ามาวินจะทนเหนื่อยยากได้นานด้วยการทำงาน แทนคุณจึงบีบคั้นเจ้าตัวให้รีบหาเงินมาใช้หนี้ หวังว่าอีกสักครั้งที่มาวินจะกลับมาบอกกับเขาว่าทนเหนื่อยไม่ไหวแล้ว กลับมาอยู่ในความสัมพันธ์เดิม แต่ยิ่งเห็นมาวินทนสู้ ไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีกลับมาขอร้องเช่นเคย ทำให้แทนคุณไตร่ตรองได้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำช่างเป็นเส้นทางแสนเลว

ยามเห็นมาวินอยู่กับการุญ ใจเขาที่นั่งแอบมองอยู่ในรถเจ็บหนึบจนทนมองไม่ไหว ไม่รู้จะหน้าด้านขอคืนดีด้วยสภาพไหนมาวินจึงจะยกโทษให้ หากทว่าวันนี้ก็มาถึง วันหนึ่งที่แทนคุณเคยคิดว่ากาลเวลาอาจจะช่วยเขาอธิบายทุกอย่างเอง ให้มาวินเข้าใจเหตุผลของเขามากขึ้น

วินาทีนั้น แทนคุณวิ่งหาคนรักอย่างไม่ต้องคิดเมื่อเห็นว่ามาวินอยู่ในสภาพแย่เพียงไหน แต่ก็ยังพยายามร้องเรียกชื่อของเขา ให้ตาย มาวินเป็นข้อยกเว้นทุกสิ่งที่ทุกอย่างของเขาจริง ๆ ชายหนุ่มครุ่นคิด ทั้งยังมอบจูบลงบนเส้นผมเปียกชื้นของอีกฝ่ายอย่างแผ่วอ่อน

“ผมรักคุณ มาวิน”

รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว...

 

หนึ่งปีผ่านไป

เสียงลูกค้าสาว ๆ พูดคุยกันเฮฮายามหัวค่ำอย่างเช่นทุกวัน มาวินแย้มยิ้ม ยกอาหารขึ้นเสิร์ฟให้ด้วยความขะมักขะเม้น ไม่ทันเห็นทีท่าของพวกเธอยามมองออกไปนอกร้าน ซุบซิบอะไรกัน หลังจัดแจงวางจานชามกับข้าวไว้ให้พวกเธอ มาวินหันไปตามสายตาคนทั้งโต๊ะ เห็นชายหนุ่มสูงใหญ่ แต่งกายภูมฐานเดินข้ามถนนมาทางนี้

ความหล่อเหลาที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจสังเกต ทำให้สาว ๆ ใจเต้นระทึกกันเป็นแถบ มาวินมุ่นคิ้ว เดินดุ่มเข้าไปในครัวอย่างนึกโกรธ โกรธที่ทุกวันคนรักยังทำตัวเหมือนคนโสด แต่งตัวหล่อ โปรยเสน่ห์ไปทั่ว ไม่นาน หนุ่มหล่อเมื่อครู่ก็เดินเข้ามาด้านใน หยุดยืนตรงหน้ามาวินด้วยรอยยิ้ม

“เป็นอะไรอีกน่ะ หน้างอกว่าปลาทูอีก”

“ก็นายนั่นแหละ จะทำเท่เดินโปรยเสน่ห์ไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่ามีคนเขากรี๊ดกร๊าดที่เห็นนายกันทั้งร้าน” คนกล่าวทำราวเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่สนใจอาแปะที่ชำเลืองมองแล้วแอบยิ้มขำขันท่าทีเจ้าตัว

“ก็คนมันหล่อเองนี่นา จะให้ผมทำยังไงเล่า”

“สาบานว่าคำนี้มันหลุดออกมาจากปากนายจริงนะ” มาวินเงยขึ้นมาเหว มองแทนคุณซึ่งยังยกยิ้ม เอื้อมมือมายีศีรษะของเขา

มาวินนลอบชำเลืองมองแทนคุณ เจ้าตัวยังมองเขาด้วยแววตาเดิม อบอุ่น น่ารักจนใจเขาสั่นทุกครั้งที่สบตากัน แต่เพราะแทนคุณดูสมบูรณ์แบบเกินไป ทำให้ใจของเขาระแวง

“นี่ นายบอกฉันอีกทีได้ไหม ยืนยันว่านายตัดสินใจไม่ผิดน่ะ แทน”

ได้ฟัง แทนคุณไม่ได้กังวลที่จะแสดงความรู้สึกต่อคนรักสักนิด ชายหนุ่มโน้มใบหน้าคมคายลงมาสบตาคนนั่งบนเก้าอี้ สบประสานสายตาด้วยความรักอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง กระทั่งมาวินเป็นฝ่ายหลบไปด้วยความเขิน “ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อกันหรือไง ผมรักคุณจริงนะ มองตาผมซี”

ชายหนุ่มตรงหน้ากระซาบ ทำท่าจะเข้าใกล้แนบปากจูบ หากมาวินไม่เอ็ดขึ้นเสียก่อน

“ทำอะไรเกรงใจคนอื่นบ้าง ไอ้นี่” มือเรียวเกาะกุมริมฝีปากหนาของคนรัก อีกทั้งยังขวยเขิน ไม่อาจทานสายตาเร่าร้อนของแทนคุณยามจ้องตากันได้ มันเผาไหม้ ให้มาวินทำได้เพียงเก็บกลั้นรอยยิ้มของตัวเองอยู่อย่างนั้น ขณะที่ยังสบตากัน เจ้าของร้านระบายยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะเอ่ยตามความจริงว่า

“ฉันรู้อยู่แล้วแหละแทนว่านายรักฉัน แต่นายมันเป็นพวกชอบทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ยอมพูดยอมจาไง ก็แค่อยากได้ยินนายพูดอะไรบ้าง”

“เจ้าเล่ห์” แทนคุณกระซิบ ยกมือขึ้นโยกศีรษะคนรักอย่างนึกมันเขี้ยวอีกที ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดกายไปมาอยู่สองสามที “มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า ดูเหมือนวันนี้คนจะเยอะนะ”

“นายจะขึ้นไปนอนรอข้างบนก็ได้ บอลหาหอพักได้แล้ว ฉันเองก็แอบไปงีบบ่อย ๆ วันนี้นายเองก็คงเหนื่อยเหมือนกัน ไม่ต้องช่วยหรอก” มาวินยิ้ม หลังจากลาออกจากโรงเรียนแล้วนั้น แทนคุณหันมาเปิดสถาบันกวดวิชาเป็นของตนเอง ตอนนี้กำลังรุ่งเรืองเสียด้วย ทุกวันชายหนุ่มจะมารอรับมาวินกลับบ้านพร้อมกัน พักผ่อนพร้อมกัน

เพราะทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว

เป็นการอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้ตั้งความสัมพันธ์ใดใด มีเพียงความรู้สึกของคนทั้งคู่เท่านั้นที่รับรู้อยู่ลึก ๆ ว่าต่างฝ่ายต่างสำคัญต่อกันเพียงไหน

“ไม่เป็นไรหรอก ผมมันคนรวย นั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ไม่ได้ทำงานหนักอะไรสักหน่อย ช่วยแฟนทำมาหากินจะเป็นไรไป จริงไหมครับแปะ” แทนคุณหันไปหากำลังเสริม ที่ยังยิ้มอยู่เพียงคนเดียวขณะแอบมองคนทั้งคู่ “ใช่คุณ ให้วินเขาเหนื่อยน้อยหน่อยก็ดี”

แทนคุณกับแปะดูเหมือนจะรู้กัน หากทว่ามาวินกอดอก นี่มันประโยคที่เขาเคยแซวแทนคุณก่อนหน้าที่จะคบกันนี่ ชายหนุ่มแสร้งเอ็ดอีกฝ่ายเมื่อรู้ว่าแทนคุณตั้งใจจะเหน็บแนมเขาคืนบ้าง ก่อนจะคลี่ยิ้ม ส่ายหน้ามองคนรักอย่างไม่รู้จะเคืองเรื่องไหนดี คงเพราะที่เป็นอยู่นี้ทำให้เขาเป็นสุข เป็นสุขอย่างที่พยายามไขว่คว้าหาด้วยเงินอย่างเมื่อก่อนไม่สามารถทำได้

มาวินได้คนรัก ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ได้กลับมาเป็นลูกชายของบิดา

และกลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง

ไม่ว่าจะอย่างไร เขายังรู้สึกขอบคุณแทนคุณที่ก้าวเข้ามาในชีวิต ได้รักเขา ได้ทำร้ายเขา ได้ทำให้ชายหนุ่มผู้เดินอยู่ในทางมืดพบทางสว่าง เป็นบัวที่โผล่พ้นออกมาจากโคลนตมเสียที อีกไม่นาน แสงสว่างของแทนคุณอาจพาเขาเติบโตโผล่ขึ้นพ้นน้ำได้

มาวินยิ้ม กุมมือของแทนคุณแนบแน่น เขาเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสียแสงสว่างตรงหน้านี้จะไม่มีวันทอดทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน อย่างที่เขาเชื่อมั่นในความรักของตนเอง ที่มอบให้ชายคนนี้เช่นกัน

 



จบ.



-------------------------------------------------

สวัสดีค่าาาาา เรามากันถึงช่วงสุดท้าย อัพนิยายให้อ่านจบแล้ว ไม่รู้ว่านักอ่านจะชอบหรือเปล่านะคะ แต่พยายามตั้งใจเขียน ตั้งใจสอดแทรก และทำให้นักอ่านชอบที่สุด

(เรื่องของคุณแม่ยังมีอีก ยังไม่จบนะคะ อยู่ในตอนพิเศษ)

วันนี้ดีใจ หนูนามาส่งคนอ่านถึงฝั่งแล้ว โล่งใจแล้ว ต่อไปนี้ก็เหลือแต่ตอนพิเศษ(ในเล่ม และตอนพิเศษแบบเฉพาะในเด็กดี) หนูนาอัพให้จนจบแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการตอบแทนกันละ

อยากให้ร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ ใครที่ตามงานหนูนาจะรู้ดีว่าหนูนาจัดทำทุกครั้งที่อัพนิยายจบทุกเรื่อง มาช่วยตอบคำถาม ตอบแทนที่หนูนาอัพมาจนจบเถอะค่ะ ไม่ได้บังคับนะ แต่คอมเม้นเถอะเค้าขอร้อง

ตอบคำถามกันเถอะ

1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)

จะตอบเพียงข้อเดียว หรือหลายข้อก็ตามใจได้เลย หนูนารออ่านอยู่เน้ออออ

แฟนหน้าเก่าหน้าใหม่ก็ตอบได้เน้อ ไหนใครเคยทำแล้วทำให้เพื่อน ๆ ดูหน่อย

หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 10-11-2016 17:27:08
4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)


ตอบ>>ชอบบรรยากาศของนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-11-2016 17:30:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2016 17:56:19
4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)


ตอบ>>ชอบบรรยากาศของนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :pig4: :pig4:

ขอบคุณค่าาา แล้วจะเอานิยายมาลงให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 10-11-2016 18:02:34
จากไทยบอยเลิฟ. ชอบมาวิน  มันสนุกและฟิน มีน้ำตาคลอนิดหน่อย และอยากบอกว่ารอเรื่องค่ไปน้าาาา~ :mew1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2016 18:19:40
จากไทยบอยเลิฟ. ชอบมาวิน  มันสนุกและฟิน มีน้ำตาคลอนิดหน่อย และอยากบอกว่ารอเรื่องค่ไปน้าาาา~ :mew1:

ขอบคุณจ้า สำหรับกำลังใจ

อย่าลืมติดตาม 90Days พิสูจน์รักนะคะ นิยายเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 10-11-2016 18:26:08
เรื่องย่อน่าสนใจมากกกกก ไม่เคยเจอตัวละครที่ทำอาชีพแมงดา -_- เห็นคอมเม้นต์แล้วท่าทางจะเข้มข้น!
 :katai2-1: :impress2:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2016 19:31:15
เรื่องย่อน่าสนใจมากกกกก ไม่เคยเจอตัวละครที่ทำอาชีพแมงดา -_- เห็นคอมเม้นต์แล้วท่าทางจะเข้มข้น!
 :katai2-1: :impress2:
ลองอ่านดูนะคะ ยังไงก็อัพจบแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-11-2016 00:31:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-11-2016 03:24:27
:pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: akkharadech ที่ 11-11-2016 12:38:09
สนุกดีครับ เขียนได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-11-2016 13:09:10
สนุกดีครับ เขียนได้ดีจริงๆ
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 11-11-2016 15:02:07
สนุกค่ะ เนื้อเรื่องแปลกดี
แต่ว่ามีบางประโยคงงๆนิดหน่อยว่าใครเป็นพูด หรือใครเป็นคนคิด
 :katai2-1:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-11-2016 16:49:14
สนุกค่ะ เนื้อเรื่องแปลกดี
แต่ว่ามีบางประโยคงงๆนิดหน่อยว่าใครเป็นพูด หรือใครเป็นคนคิด
 :katai2-1:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 11-11-2016 19:52:26
รู้จักกับนิยายเรื่องนี้ยังไงเหรอ ตอนแรกบอกเลยว่าไม่ได้ตั้งใจกดเข้ามาอ่าน แต่พอได้ลองอ่านเท่านั้นแหละ
Oh my god!!!!!!!!! สนุกมากกกกกกกกก ชอบตัวละครแต่ละตัวที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณไรต์ที่แต่งนิยายสนุกๆให้เราอ่าน ขอเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
ป.ล.อยากให้ไรต์ลองแต่งนิยายแนวทะเลทรายดูจังจะสนุกขนาดไหนนะ
 :mew1: o13
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-11-2016 20:49:03
รู้จักกับนิยายเรื่องนี้ยังไงเหรอ ตอนแรกบอกเลยว่าไม่ได้ตั้งใจกดเข้ามาอ่าน แต่พอได้ลองอ่านเท่านั้นแหละ
Oh my god!!!!!!!!! สนุกมากกกกกกกกก ชอบตัวละครแต่ละตัวที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณไรต์ที่แต่งนิยายสนุกๆให้เราอ่าน ขอเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
ป.ล.อยากให้ไรต์ลองแต่งนิยายแนวทะเลทรายดูจังจะสนุกขนาดไหนนะ
 :mew1: o13

ขอบคุณค่าาาา

ปล. แนวทะเลทรายไม่เคยเปิดอ่านเลยว่าเป็นยังไงค่ะ
เลยมั่นใจว่าเขียนออกมาไม่ดีแน่ 55555
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 11-11-2016 21:31:55
อ่านไปลุ้นไปสุดท้ายก็แฮปปี้
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 11-11-2016 22:36:52
อ่านไปลุ้นไปสุดท้ายก็แฮปปี้
เริ่ดตรงนี้แหละใช่มะ อิอิ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 12-11-2016 01:52:36
สนุกมากเลย ขอบคุณนะ ^ ^
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 12-11-2016 05:34:43
สนุกครับ
มีอะไรที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-11-2016 22:17:19
สนุกมากเลย ขอบคุณนะ ^ ^

ยินดีค่ะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 13-11-2016 11:29:10
เข้มข้นมากๆ ชอบภาษา ในที่สุดก็แฮ้ปปี้ เยยย้
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 13-11-2016 11:45:33
เข้มข้นมากๆ ชอบภาษา ในที่สุดก็แฮ้ปปี้ เยยย้
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 13-11-2016 14:56:36
อ่านรวดเดียวจบเลย
เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ
ชอบการเขียนและการบรรยายค่ะ
เขียนและบรรยายได้ดีมากค่ะ
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 13-11-2016 18:12:36
อ่านรวดเดียวจบเลย
เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ
ชอบการเขียนและการบรรยายค่ะ
เขียนและบรรยายได้ดีมากค่ะ
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
 :pig4: :pig4:
ดีใจมากค่ะที่อ่านแล้วชอบ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-11-2016 22:07:06
 
1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง
> กดเข้ามาอ่านด้วยความบังเอิญค่ะ

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...
> จริงๆชอบทั้งแทนคุณและมาวินนะ อย่างแทนคุณนี่เราชอบในความดาร์กของฮีน่ากลัวและน่าระแวงดี ให้ความรู้สึกแบบ SM ฮ่าๆๆ ส่วนมาวินนี่ถึงจะไม่ชอบนิสัยรักสบายของนางแต่นางก็ทำเพื่อน้องเนอะ เราเลยชอบที่นางรักน้องแล้วก็ชอบตอนที่นางอ่อนโยนกับแทนคุณด้วยให้อารมณ์เหมือนคุณแม่ ฮ่าๆๆ

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)
> ได้ความดราม่า ชอบอารมณ์ตอนแทนคุณทิเงมาวิน มันชวนอึดอัด หน่วงในใจชวนให้น้ำตาไหลจริงๆ

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)
> เฮ้ยย รู้สึกตัวเองพลาดมากที่ไม่เคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ถึงแม้การบรรยายจะดูแปลกๆติดขัดไม่ลื่นไหล ตัดฉากไปมาที่ดูจะงงไปหน่อย อารมณ์ตัวละครยังดูสับสับสน ขัดแย้งกันบางในบางตัวรวมถึงการมีคำผิดหรือตกหล่นแต่โดยรวมแล้วเรายังชอบนะ แต่มันเพราะนิยายจำนวนตอนมันสั้นไปหน่อยมั้ง การดำเนินเรื่องเลยดูรวบรัด อารมณ์ตัวละครในบางฉากบางตอนมันเลยไม่สุดหรือบางตอนทิ้งไว้ว่าตอนหน้าต้องพีคแน่ๆกลับกลายเป็นตัดฉับไปเริ่มสถานการณ์ใหม่ซะงั้น มันเลยดูไม่เคลียร์ในความรู้สึก อยากให้ลองปรับตรงส่วนนี้ดูนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ที่ดราม่าตรงตามที่เราชอบ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปถ้ามีโอกาสนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 14-11-2016 22:57:16

1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง
> กดเข้ามาอ่านด้วยความบังเอิญค่ะ

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...
> จริงๆชอบทั้งแทนคุณและมาวินนะ อย่างแทนคุณนี่เราชอบในความดาร์กของฮีน่ากลัวและน่าระแวงดี ให้ความรู้สึกแบบ SM ฮ่าๆๆ ส่วนมาวินนี่ถึงจะไม่ชอบนิสัยรักสบายของนางแต่นางก็ทำเพื่อน้องเนอะ เราเลยชอบที่นางรักน้องแล้วก็ชอบตอนที่นางอ่อนโยนกับแทนคุณด้วยให้อารมณ์เหมือนคุณแม่ ฮ่าๆๆ

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)
> ได้ความดราม่า ชอบอารมณ์ตอนแทนคุณทิเงมาวิน มันชวนอึดอัด หน่วงในใจชวนให้น้ำตาไหลจริงๆ

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)
> เฮ้ยย รู้สึกตัวเองพลาดมากที่ไม่เคยเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ถึงแม้การบรรยายจะดูแปลกๆติดขัดไม่ลื่นไหล ตัดฉากไปมาที่ดูจะงงไปหน่อย อารมณ์ตัวละครยังดูสับสับสน ขัดแย้งกันบางในบางตัวรวมถึงการมีคำผิดหรือตกหล่นแต่โดยรวมแล้วเรายังชอบนะ แต่มันเพราะนิยายจำนวนตอนมันสั้นไปหน่อยมั้ง การดำเนินเรื่องเลยดูรวบรัด อารมณ์ตัวละครในบางฉากบางตอนมันเลยไม่สุดหรือบางตอนทิ้งไว้ว่าตอนหน้าต้องพีคแน่ๆกลับกลายเป็นตัดฉับไปเริ่มสถานการณ์ใหม่ซะงั้น มันเลยดูไม่เคลียร์ในความรู้สึก อยากให้ลองปรับตรงส่วนนี้ดูนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ที่ดราม่าตรงตามที่เราชอบ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปถ้ามีโอกาสนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ เพิ่งจะมาเห็น ยังไงจะเอาคำแนะนำไปใช้นะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 15-11-2016 23:17:04
รอดเดียวจบ สนุกจริง ๆ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 17-11-2016 10:51:20
รอดเดียวจบ สนุกจริง ๆ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: JaeYods ที่ 17-11-2016 12:10:38
เขียนดีมากกก ชอบ สนุกดี
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 18-11-2016 13:00:17
เขียนดีมากกก ชอบ สนุกดี
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 18-11-2016 23:40:04
1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง
=เพราะมันจบแล้ว แล้วทางกระทู้ขึ้นว่าย้ายมาหมวดจบแล้ว  :o8:

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...
=ชอบ บอล เพราะ มีแวว เคะแตก // มันใช่เรื่องมั่ยย 555

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)
= ตอนอ่านเรื่องนี้หลังคำอธิบายมันเยอะเนอะ เพราะความคิดและความสัมพันธ์ของตัวละครมันค่อนข้างซับซ้อน (แต่เราเข้าใจน้าา) มันทำให้เราต้องอ่านแล้วทำความเข้าใจกับตัวละคร คิดตามมากเลยทีเดียว

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)
จะติดตามผลงานเรื่อย ๆ นะคะ งานเก่าก็จะกลับไปอ่าน ไปกดไลค์แฟนเพจแปป  :hao3:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 19-11-2016 00:55:12
1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง
=เพราะมันจบแล้ว แล้วทางกระทู้ขึ้นว่าย้ายมาหมวดจบแล้ว  :o8:

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...
=ชอบ บอล เพราะ มีแวว เคะแตก // มันใช่เรื่องมั่ยย 555

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)
= ตอนอ่านเรื่องนี้หลังคำอธิบายมันเยอะเนอะ เพราะความคิดและความสัมพันธ์ของตัวละครมันค่อนข้างซับซ้อน (แต่เราเข้าใจน้าา) มันทำให้เราต้องอ่านแล้วทำความเข้าใจกับตัวละคร คิดตามมากเลยทีเดียว

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)
จะติดตามผลงานเรื่อย ๆ นะคะ งานเก่าก็จะกลับไปอ่าน ไปกดไลค์แฟนเพจแปป  :hao3:
อุ๊ย ขอบคุณค่าาาาา เรื่องไหนอยสกทวงก็ทวงได้น้าาา 555
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-11-2016 13:23:18
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

ได้ข้อคิดมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 20-11-2016 02:26:16
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ

ได้ข้อคิดมากเลย :mew1:
ขอบคุณมากค่ะพี่
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 20-11-2016 18:28:00
เรื่องนี้ดีมากกกกกกก เนื้อเรื่องดี เขียนดี ชอบๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Zyse ที่ 21-11-2016 11:04:40
ตอบคำถามกันเถอะ

1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง // เปิดมาเจอเลยกดอ่านค่ะ

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ... // ชอบแทนคุณค่ะ ถึงจะจิตนิดๆ อารมรุนแรงหน่อยๆ แต่มีสติดีในการแก้ปัญหาทุกอย่าง แต่แอบเคืองนะตอนกลับไปเอาแฟนเก่า คือแบบ แม่บังคับแต่งงาน และถึงจะแพ้พนันแต่ไม่จำเป็นต้องเอากันนี่หว่า

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้) // คนเราเปลี่ยนกันได้อ่ะ อย่ามองใครว่าเค้าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า) // ยังงงการบรรยายอยู่ค่ะ บางประโยค บางบรรทัด อ่านแล้วต้องวกมาอ่านใหม่เพราะไม่เข้าใจ บางทีก็สับสนว่าใครพูด


ขอบคุณค่ะ สนุกดีอ่ะ แต่ บรรยายงงไปหน่อย
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 21-11-2016 12:27:29
ตอบคำถามกันเถอะ

1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง // เปิดมาเจอเลยกดอ่านค่ะ

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ... // ชอบแทนคุณค่ะ ถึงจะจิตนิดๆ อารมรุนแรงหน่อยๆ แต่มีสติดีในการแก้ปัญหาทุกอย่าง แต่แอบเคืองนะตอนกลับไปเอาแฟนเก่า คือแบบ แม่บังคับแต่งงาน และถึงจะแพ้พนันแต่ไม่จำเป็นต้องเอากันนี่หว่า

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้) // คนเราเปลี่ยนกันได้อ่ะ อย่ามองใครว่าเค้าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า) // ยังงงการบรรยายอยู่ค่ะ บางประโยค บางบรรทัด อ่านแล้วต้องวกมาอ่านใหม่เพราะไม่เข้าใจ บางทีก็สับสนว่าใครพูด


ขอบคุณค่ะ สนุกดีอ่ะ แต่ บรรยายงงไปหน่อย
ขอบคุณค่ะ ไว้จะนำไปแก้ไขนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mymiracle ที่ 22-11-2016 11:42:59
มาเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ...รู้สึกว่าพลาดที่เจอช้าไป..ชอบแนวนี้นะ...ตัวละครไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้น..ทุกคนมีด้านที่ร้าย..แต่เลือกที่จะแสดงออกกับใครมากกว่า...ชอบที่ตัวละครไม่โง่..ยังมีเหตุและผล..รักในตัวนายเอกนะดูเหมือนร้ายแต่นางพยายามเข้าใจคนอื่น ชอบที่ดูคนอื่นเป็น ไม่ใช่นายเอกใสซื่อ ส่วนพระเอก เอิ่ม เหมือนมองเห็นด้านมืดของคนพยายามดีเพื่อให้สังคมยอมรับ แต่ชอบเวลานางหื่น 5555 ท้ายสุดรักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 22-11-2016 12:30:16
มาเจอเรื่องนี้โดยบังเอิญ...รู้สึกว่าพลาดที่เจอช้าไป..ชอบแนวนี้นะ...ตัวละครไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้น..ทุกคนมีด้านที่ร้าย..แต่เลือกที่จะแสดงออกกับใครมากกว่า...ชอบที่ตัวละครไม่โง่..ยังมีเหตุและผล..รักในตัวนายเอกนะดูเหมือนร้ายแต่นางพยายามเข้าใจคนอื่น ชอบที่ดูคนอื่นเป็น ไม่ใช่นายเอกใสซื่อ ส่วนพระเอก เอิ่ม เหมือนมองเห็นด้านมืดของคนพยายามดีเพื่อให้สังคมยอมรับ แต่ชอบเวลานางหื่น 5555 ท้ายสุดรักเรื่องนี้

ขอบคุณสำหรับกำลังใจสำคัญจ้า จะพยายามเขียนนิยายใหม่ๆ มาใหอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 26-12-2018 19:31:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 29-12-2018 21:14:26
สนุกจัง เนื้อเรื่องดี มีเหตุมีผล และคลายปมได้ดี

ชอบบบบบ ขอบคุณคนเขียนมากๆน้าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 27-01-2019 22:06:16
อ่านอีกรอบก็เสียน้ำตาอีกรอบ ขอบคุณคนเขียนมาก5555
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 30-01-2019 14:56:21
ทำไมแทนคุณทำกับพี่เค้าอย่างนี้
เหตุผลที่เกลียดการุณคือเด็กมากอ่ะ
แต่โล่งที่จบดี นึกว่าจะดราม่ามากกว่านี้ซะอีก
สนุกดีค่ะ แอบลุ้นให้SMมากกว่านี้
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 04-08-2019 21:05:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 30-03-2020 01:32:28
1. คุณรู้จักนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง

-เปิดดูนิยายที่จบแล้วค่ะ

2. ชอบใครที่สุดในเรื่องนี้ เพราะ...

-ชอบนายเอกสิคะ เพราะเหมือนคนธรรมดาดี ไม่เพอเฟคเกินไปและไม่ได้ร้ายจนเป็นบัวใต้ตม

3. คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้(ไม่ใช่ข้อคิดก็ได้)

-ความสนุก ความบันเทิง ความฟิน

4. มีอะไรจะบอกคนเขียนไหม(ข้อนี้ตั้งตารออ่านมากค่า)

-ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ค่ะ เป็นเรื่องที่พระนายไม่ได้เพอเฟคทั้งคู่ ขาดๆเกินๆแต่มาเติมเต็มกัน วินผู้เห็นแก่ตัวกับผู้ชายทุกคนเพื่อเสียสละทั้งหมดเพื่อน้องสาว แทนที่มีอีกด้านเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงแต่เกิดความยับยั้งชั่งใจขึ้นเมื่อพบมาวิน เออ5555 มันมีเหตุและทำให้เกิดผลไปสู่หนทางที่จะแก้ไข เป็นพลอตที่มีการเคลียร์หมดจดดี

มีคนนึงที่เราชอบนะ พี่กายที่เหมือนจะเป็นพระรองแต่ก็ไม่ใช่ สุดท้ายกลับไปดีกับเกล เนี่ยเราอยากรู้ว่าคนแบบคุณเกลเนี่ยมีอะไรดีเหรอคะ เธอทิ้งแทนไปเพราะรับไม่ได้ที่แทนมีปมแต่เธอก็ได้คนมาดูแลต่อแบบพี่กาย แล้วอิพี่กายก็โดนเทเพราะเกลกลับไปหาแทนที่เหมือนจะหายจากอาการผิดปรกติแล้ว และแมร่ง55555 พอโดนเทงานแต่งก็กลับมาหากายอีก นี่อยากรู้เลยว่าชาติที่แล้วคุณเกลกู้ชาติไว้รึไงเนอะ


สุดท้าย ขอบคุณมากค่าที่เขียน สนุกจริง
หัวข้อ: Re: 10-11-59 |*จบแล้ว*| พันธะร้าย กลายรัก || ตอนที่ ๑๖(จบ) อัพแล้ว*
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 11-03-2024 14:06:45
ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg (https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg)


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc (https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc)


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA (https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA)