พิมพ์หน้านี้ - ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: moujay ที่ 03-06-2016 02:03:29

หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-06-2016 02:03:29
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



ฝากนิยายเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ

 ✪ My Tutor ✪ ครูครับ ,, รับรักผมเถอะ! ♡  ( จบแล้ว )  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44296.0)
 ❥ Close Friend :: เพื่อนสนิท ( จบแล้ว )   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45492.0)
 ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้( จบแล้ว )  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54165.0)
 Writer Love :: เขียนให้เจอรัก ( เรื่องสั้น – จบแล้ว )  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56241.0)
 Did you mean :: เมื่อหัวใจเกินจะเอื้อมเดือน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56561.0)
 Page ✪ mynameis.  (https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996)



********************************
(http://i68.tinypic.com/97318p.jpg)
How
F  a  r
is
near ?

 

แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที ..
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป  ..
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร ??

 

อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ .. บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน  ..  เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย ......

 

 

 

"  ผมจะได้ยินเพลงๆนี้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ามัน
ไอ้หน้าเท่ๆ ที่ยกยิ้มเหมือนจะมั่นใจในความหล่อความกวนตีนของตัวเอง
ไม่อยากได้ยินเพลงนี้เลยจริงๆ !! "

 

 

 "  ก็ทำไมกันละ เห็นหน้ามันทีไรชอบฮัมเพลงนี้ทุกที
แล้วเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง ไปนั่งร้านข้าวก็เปิดเพลงนี้
ไปร้านเหล้าก็เปิดเพลงนี้ แล้วบังเอิญจริงๆ เสียงเรียกเข้าของมันก็เพลงนี้ซะด้วยสิ !  "

 

 

----------------------------------------

เปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเลยนะ ,, อิมเมจเรื่องนี้คือ เงินกับออกกัส Lovesick นะคะ
ยังไงต้องขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะ.


ยังไงฝากนิยายเรื่องนี้กันด้วยนะคะ : )
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || เปิดเรื่อง || 3-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-06-2016 02:06:57
แต่งไว้ตอนนอน รพ. ขอเอามาเปิดเรื่องคั่นไว้ก่อนที่จะอัพตอนพิเศษและเรื่องเล่าฯของไม้ฉากปั้นสิบนะคะ.
 :mew3:
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || บทนำ -ดิว- || 3-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-06-2016 21:49:34

(http://i65.tinypic.com/atql1y.jpg)

- ดิว -



RRRrrr

 
“ฮัลโหล”

[ สวัสดีครับ ใช่เบอร์ดิวหรือป่าว?]

ใครวะ? ผมเอามือถือออกมาดูเบอร์โทรเข้าอีกรอบ ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความ งง อีกครั้ง
เพราะเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นไม่คุ้นเลย
 
“ใช่ครับ แล้วนั้นใครอะ?”

[ เราชื่อ พอร์ช นะ ]

“อือ แล้ว?”

[ วันนี้ดิวมีงานที่ไหนป่าวอะ ]

งาน? งานอะไรวะ? เพื่อนในห้องหรือป่าว แต่ก็ชื่อไม่คุ้นนะ
 
“ไม่มีนิ ทำไมหรอ มีไรพูดมาได้เลย”

[ ถ้าไม่มีงั้นคืนนี้มากับเราได้ป่าว คิดยังไงอะ ]

หืออออ  อะไรวะแม่ง พูดไม่รู้เรื่อง - -‘
 
“คือเราไม่รู้จักนายอะคงไม่ไปด้วยหรอกนะ แค่นี้นะ”
พอพูดจบผมกดวางสายทันที ก่อนจะทิ้งมือถือไว้ข้างๆตัว แล้วหันไปสนใจการ์ตูนที่กำลังดูต่อ
แต่แล้ว .. เสียงโทรศัพท์ก็ดังเข้ามาทำลายความสุขของผมอีกครั้ง
 
[ ทำไมตัดสายไปละ ว่างไม่ว่างก็บอกดิ คิดแพงมากหรือไง เท่าไหร่พูดมาเลย ]
นี้มึงจะขายประกัน? หรืออะไรวะ!!
 
“เราว่าง แต่เราไม่คุยกับนายไง แล้วที่บอกว่าคิดแพงเนี้ย คือค่าอะไร? เราไม่ได้ขายของออนไลน์ซะหน่อย”
ตอนนี้ผมกำลังบอกตัวเองให้ใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้วความอดทนก็หมดลงทันทีที่ได้ยินคำตอบของคนปลายสาย
 
[ ก็นายลงประกาศขายตัวไม่ใช่หรอ? เราก็โทรมาซื้อไง ทำไมอะจะโก่งราคาหรอ เห็นว่าหน้าตาดีนิดหน่อยจะเล่นตัวงั้นดิ
นายว่ามาดิจะคิดเท่าไหร่ อยากรู้เหมือนกันจะเด็ดจริงสมคำโฆษณาไหม ]

“ ...... “

[ ห้าพันรวมค่าโรงแรม โอเคไหม ถ้าโอเคก็ส่งเลขบัญชีมา เราจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง เดี๋ยวเสร็จแล้วเราจ่ายอีกส่วนที่เหลือ
เราไม่โกงหรอกนะ ,, ที่ไหนดีนัดมาได้เลย ]

“ มึง จะ ไป ตาย ที่ ไหน ก็ ไป!  กู ไม่ ได้ ขาย ตัว เว้ยยยย!!!“

เป็นอันว่าผมเข้าใจแล้วละครับกับสิ่งที่มันถามมา ..
และวันนั้นทั้งวันก็มีสายเข้ามาคุยแบบนี้เกือบทั้งวัน ทำให้ผมตอนนี้แทบจะเป็นบ้าตาย
 
 
“นี้กินน้ำก่อนสิ ใจเย็นๆดิวะ”
รี่ หรือ เชอร์รี่ ยื่นน้ำอัดลมกระป๋องมาให้ผม หลังจากที่ผมโทรไปโวยใส่เธอเรื่องที่มีสายโทรเข้ามาพูดแบบนั้นทั้งวัน
พอผมโวยวายเสร็จ ไม่เกิน 10 นาที รี่ก็มาหาผมที่คอนโด
 
“ มีคนแกล้งมึงป่าววะดิว คิดดิคิดว่าไปทำไรให้ใครโกรธมาบ้าง “
วันๆอยู่แต่มหาลัย กับพวกมันเนี้ยแหละจะไปทำให้ใครโกรธวะ?
 
“กูตัวติดมึงจะตาย กูจะไปทำให้ใครโกรธละ หรือว่ามึงทำ?”
ผมจ้องตามองรี่ ที่ตอนนี้มันเตรียมยกเท้ามาถีบผมละครับ
 
“อือ กูทำเองแหละ พอดีกูเกลียดมึงมากเลย หล่อแต่ปากหมา นิสัยก็แย่  ถุ้ยยยยย!!!
พูดดีๆเป็นไหมวะ? แม่งง กูไม่น่ารีบมาเลยวะ นี้ทิ้งพี่ทิวไว้ที่ห้องเลยนะเนี้ย คิดดูนะว่ากูให้มึงสำคัญกว่าแฟนขนาดไหน”

รี่ทำหน้าเหวี่ยงๆใส่ผม ก่อนจะก้มลงไปเล่นมือถือต่อ
ผมนั่งมองเหม่อไปนอกระเบียงห้อง พยายามคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไปทำอะไรให้ใครโกรธหรือป่าว
แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆครับ ผมมันพวกโลกแคบ ใช้ชีวิตกับคนสนิทแค่ไม่กี่คน
เพราะไม่ชอบคนเยอะมันเรื่องมาก เลยจำกัดชีวิตตัวเองไว้ในกรอบแคบๆที่ตัวเองเลือกไว้และคิดว่ามันดีที่สุดแล้วเท่านั้น
 
“นี้ๆดิวกูเจอแล้ว นี้ไงโพสที่มึงประกาศขายตัวอะ มาดูดิ”

“รี่ ,, มึงพูดอีกทีดิ ใครประกาศขายตัว”

“เออ.. กูขอโทษ ก็นี้มันรูปของมึง แล้วยังลงเบอร์มือถือมึงอีก กูก็แค่อ่านตามเท่านั้น”

ผมเดินเข้าไปหยิบมือถือจากรี่มาดู ก็เห็นว่ามันเปิดเวปไซต์ของพวกชายรักชาย
และในหน้าที่มันเปิดไว้นั้น เป็นชื่อ และรูปของผม บอกสรรพคุณเรียบร้อย

“ ดิวครับ 19/170/55 สนใจโทรมาที่ 098-343xxxxxx “

“มึงโพสเองปะดิว นี้มันรูปมึง แล้วบอกสัดส่วนมึงด้วย รูปนี้มึงอัพลงเฟสบ้างป่าวละ”

“ไม่อะ รูปนี้กูไมได้อัพลงที่ไหนเลย มึงลองหาดูอีกดิมันโพสที่ไหนอีกบ้าง”

ผมกับรี่กับกำลังเสริทหาชื่อและโพสของผมต่อไป และแน่นอนครับเจอมันทุกเวปของชายรักชาย
 
“แล้วมึงเอาไงต่อ?”
รี่หันมาถามผม หลังจากที่ผมยอมแพ้ที่จะหาตัวคนเอาชื่อและรูปผมไปโพส เพราะนี้ผมเจอมาไม่ต่ำว่า 50 โพสแล้ว
 
“ปล่อยแม่งไปเถอะ  เดี๋ยวไปเปลี่ยนเบอร์ใหม่ก็จบแล้วละ”
รี่มองหน้าผมเหมือนจะถามว่า “แน่ใจ” ผมก็ได้แต่พยักหน้าให้มันไป
 
“งั้นกูกลับก่อนนะ พี่ทิวรอกูนานมากแล้วอะ ไม่รู้กลับไปนี้กูจะโดนมันด่าหรือเปล่า ทิ้งมันมากลางคันเลยละ”

“อย่าบอกนะว่ามึงกับพี่ทิวกำลังจะชิกกะด๋าวกัน”

“ภาษาอะไรของมึงเนี้ยย เออๆ กูไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่มหาลัย “

“เคๆ ขอบใจมากมึง แล้วไงเจอกัน”

 
และคืนนั้นก็เกือบจะทำให้ผมเป็นบ้าตาย เพราะสายที่โทรเข้ามาไม่ต่ำกว่า 50 สาย
ไหนจะมีคนทักไลน์มาอีกไม่ต่ำกว่า 100 แชต
 

โอ้ยยยอะไรมันจะมากมายขนาดนี้วะไอ้พวกมักมากก!!!!
 
 
--------------------------------------------------------------------

เค้าพาน้องดิวมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักแล้วน๊าาา ,, เดี๋ยวไปทำความรู้จักหนุ่มอีกคนกันต่อโน๊ะ : )
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || บทนำ -รีเจ้นท์- || 3-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-06-2016 21:53:57
(http://i65.tinypic.com/9s8jkn.jpg)

- รีเจ้นท์ -



ตอนนี้ผมกำลังมานั่งฟังเพลงชิวๆที่ร้านของรุ่นพี่ที่รู้จัก
แต่ค่ำคืนนี้แม่งก็น่าเบื่อแบบเดิมนั้นแหละนะ เห้อออ มีแต่คนส่งยิ้มมาให้ ไหนจะส่งดริ้งมาให้ถึงโต๊ะอีก
มันน่าเบื่อนะว่าไหม?  ฝนก็ตกลงมาผิดฤดูอีก!!
แล้วกูจะออกจากห้องมาเจออะไรน่าเบื่อแบบนี้ทำไมกันวะ?
 
“ไอ้เชี้ยเจ้นท์ มึงนี้มันยังไงวะ มาร้านเหล้านะเว้ยยไม่ได้มาติวกฎหมาย
ทำหน้าดีๆดิวะ เห็นแล้วอารมณ์เสียชิบหาย”

เสียงไอ้โต้ เพื่อนของผมบ่นและมาพร้อมกับฝ่ามือหนักๆที่ฟาดลงมากลางหลังผม
 
“ก็กูเบื่ออะ นี้กูกลับก่อนได้ปะวะ เซ็งไงไม่รู้”
กินเหล้าก็ไม่อร่อย ไม่รู้ทำไมมันน่าเบื่ออะไรขนาดนี้วะชีวิต!!
 
“นี้ๆพวกมึง  ช่วยกูดูหน่อยดิว่าใช่คนเดียวกันไหม?”
เสียงไอ้แว่นที่วิ่งเข้ามานั่งเบียดกับผมบนโซฟา ก่อนจะยื่นมือถือที่มันเปิดเวปชาย-ชายให้ผมกับโต้ดู
 
“เนี้ยยย คนเนี้ยอะมึง กับคนที่นั่งตรงเค้าเตอร์บ้าร์นั้น คนเดียวกันปะวะ?”
ผมหยิบมือถือของแว่นมาดู ก่อนจะมองไปยังผู้ชายตัวขาวๆที่นั่งคนเดียวที่เค้าเตอร์บาร์
ไอ้สาดดดดด แดกหลอดไฟมาหรือไงวะ ขนาดในที่มืดแบบนี้มันเสือกดูเหมือนมีออร่า
 
“อื้ออกูว่าใช่วะมึง หน้าแอบเหมือนอยู่นะ มึงว่าไงวะไอ้เจ้นท์”
ไอ้โต้หยิบมือถือมาจ่อกับหน้าตัวเอง แล้วก็ยื่นมือถือไปข้างหน้า
เพื่อจะเทียบกับคนตรงหน้าที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะผมเท่าไหร่
 
“ถ้ามันใช่คนเดียวกันแล้วมึงจะทำไง  มึงจะซื้อมันไปนอนด้วยงั้นหรอไอ้แว่น”
ผมหันไปถามไอ้แว่นที่มันดูมีทีท่าว่าอยากจะได้ผู้ชายตรงหน้าซะเหลือเกิน
 
“ถ้าคืนนี้กูไม่มากับเชี้ยนั้นนะกูก็จะซื้อเหมือนกันวะ”
พูดแล้วก็หันไปมองหน้าคนที่มันด่าว่าเชี้ย อย่างเซ็งๆ
 
“มึงจะมากับมันทำไมละ แล้วก็เสือกลากพวกกูมานั่งเหงาให้ยุงกัดเล่นกับมึงเนี้ย”
ไอ้โต้พูดเสร็จก็โยนมือถือคืนให้ไอ้แว่น
คือจริงๆคืนนี้เรามาเป็นเพื่อนไอ้แว่นมันนะครับ พอดีมันได้แฟนเป็นรุ่นพี่ ซึ่งก็หุ้นส่วนของร้านเหล้านี้แหละ
มันเลยชวนผมออกมาด้วย ซึ่งถ้ามันมาคนเดียวมันจะเหงา
เพราะแฟนมันต้องตรวจบัญชี ตรวจนั้นนี้เยอะแยะ
 
“ถ้าพวกมึงไม่มากูตายแน่ๆอะ เบื่อตาย”
พูดเสร็จมันก็ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะยกเหล้าของไอ้โต้ขึ้นกินจนหมดแก้ว
 
“ทนเอาหน่อยนะนกน้อยในกรงทอง แทนที่จะมีเมียดีๆซะคน เสือกได้มากลายเป็นเมียของพี่ชาญแบบนี้
ทำใจนะมึง 555555”

เสียงไอ้โต้กับไอ้แว่นเถียงกันไปมาข้างๆผม  แต่ผมไม่ได้สนใจจะฟังหรอกครับ
เพราะตอนนี้ผมมองหาของเล่นแก้เบื่อของผมได้แล้วละ
 
ผู้ชายที่แดกหลอดไฟเข้าไปนั้นแหละ ,, มันดูน่าสนใจดีจังนะ
ไอ้ท่านั่งที่ดูจะเบื่อๆ กับอาการหยิ่งๆที่ปฏิเสธผู้ชายหลายๆคนที่เข้าไปชนแก้วด้วย
และอาการที่มันนั่งมองโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าตลอดนั้นอีก
มึงประกาศขายตัวขนาดนั้นยังจะเล่นตัวเพื่อ?????
หรือมันมานั่งโก่งราคาวะ เอ๊ะ ,, หรือมันมีเหยื่อที่อยากจะไปด้วยแล้วกันแน่?
 
 
หึหึ  .. น่าลองเล่นด้วยเหมือนกันนะ
 

คืนนี้จริงๆมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไรนี้หว่า ,, ดีจังที่ออกจากห้องมานั่งกินเหล้าในคืนนี้
 
 
--------------------------------------------------------------


โอเค ,, ตอนนี้รู้บทนำหลักๆของเรื่อง และตัวเดินเรื่องหลักๆไปละเนอะ
เดี๋ยวมาเริ่มตอนแรกไปด้วยกันเลยนะคะ
อ่ออๆ อย่าเพิ่งเดาคู่ และอย่าเพิ่งเดาว่าใครจะเคะเมะนะ  : )
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ ดิว ] - Chapter 1 || 3-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-06-2016 22:39:04
|| [ ดิว ] - Chapter 1 ||



“เห้ยยยดิว รอด้วย”
เสียงเล็กๆแหลมๆที่ดังมาพร้อมๆกับแรงกระชากแขนผมเบาๆ  ทำให้ผมที่กำลังเหม่อหยุดเดินในทันที

“อ้าวว หวัดดีรี่  สวัสดีครับพี่ทิว”
ผมหันไปทักทายผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนเกาะแขนผมอยู่ และผู้ชายหน้าตาใจดีอีกคนที่ยืนถือหนังสืออยู่ข้างๆ

“เดินเหม่ออะไรหนักหนาเนี้ยย กูเรียกมึงตั้งแต่ลานจอดรถละนะ”
รี่ก็ยังจีบปากจีบคอ บ่นผมต่อไป

“รี่ครับ ไม่พูดกูมึงกับเพื่อนสิ”
พี่ทิวส่งหนังสือที่กำลังถืออยู่ให้กับรี่ ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้ผมคนตรงหน้าที่เริ่มทำหน้างอนๆ

“โห่ววพี่ทิวอะ ว่ารี่ตลอด ไปเรียนเลยปะ ไปเลย”
รี่ผลักตัวพี่ทิวให้เดินออกไป ก่อนที่พี่ทิวจะหัวเราะน้อยๆ แล้วหันไปทักเพื่อนที่เดินผ่านมาพอดี

“ไอ้เชี้ยชาร์ป กูไปด้วย” ก่อนจะหันมาโบกมือให้กับพวกผม

“มึงดูมันดิ ด่ากูว่าอย่าพูดคำหยาบ แล้วที่มันพูดเมื่อกี้คือไรวะ”

“55555 เอานะมึงก็…..  พวกกูเป็นผู้ชายพูดจาไม่เพราะมันก็ไม่เท่าไหร่ไง แต่มึงเป็นผู้หญิงและสวยมาก
พูดไม่เพราะมันเลยไม่น่ามอง ก็เท่านั้นเอง”

“มึงคิดดีๆแบบนี้ได้ด้วยหรอวะ?”

ดูปากมันสิครับ สมควรแล้วแหละที่แฟนมันจะด่า
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับรี่ ก่อนจะช่วยมันถือหนังสือแล้วเดินเข้าห้องเรียน


ตอนนี้ห้องเรียนผมโคตรจะเสียงดังเลยครับ ปกติแล้วมันจะสงบกว่านี้เยอะ
เพราะพวกผมก็เรียนปี 3 แล้ว ซึ่งเรียนหนักมากก แถมวิชาที่พวกผมลงเรียนในเทอมนี้โคตรหินทั้งนั้น
วันนี้ผมเลยคิดว่าห้องเรียนของผมมันดูแปลกไป
และยิ่งแปลกมากขึ้นไปอีกก็เพราะว่า เมื่อผมกับรี่เดินเข้าไปในห้องแล้วเสียงที่ดังในตอนแรกเริ่มเงียบลงนั้นแหละครับ
แต่ไม่ได้เงียบซะทีเดียวหรอกนะ มันมาพร้อมๆกับเสียงซุบซิบกันเบาๆ


“เห้ยยพวกมึง  นั่งตรงนี้เว้ย”
จูเนียร์ หรือไอ้เนียร์โบกมือเรียกพวกผมให้ไปนั่งหลังห้อง
ซึ่งมันมาจองที่ให้พวกผมไว้ก่อนแล้ว  ผมกับรี่เลยเดินเข้าไปหามัน
รี่นั่งลงข้างๆเนียร์ ก่อนจะมองไปรอบๆห้องแล้วถามเนียร์

“เนียร์มีเรื่องไรกันป่าววะ ทำไมบรรยากาศในห้องมันดูแปลกๆวะ”

“มีดิ มีมากๆด้วย”
เนียร์มันพูดพร้อมๆกับหันมามองหน้าผม

“เกี่ยวกับกูหรอ?”
พอผมพูดจบเนียร์มันก็พยักหน้า และก่อนที่ผมจะได้ถามว่ามันคือเรื่องอะไรจากเนียร์นั้น
ก็มีคนเดินเข้ามาหาผมซะก่อน

“สวัสดีครับน้องดิว”

“อ่าครับ สวัสดีครับพี่โซ่”

พี่โซ่คือรุ่นพี่ปี 4 คณะผมเองครับ และเป็นเพื่อนสนิทกับพี่รหัสของผมด้วย

“เย็นนี้ว่างไหม”
มาอีกละคำถามนี้ ,, เมื่อวานผมยังหลอนไม่หายเลย กับข้อความทางแชตไลน์ และคนที่โทรเข้ามา
มักจะถามผมด้วยคำๆนี้เสมอ “วันนี้ว่างไหม?”

“ก็ว่างอะครับ เดี๋ยวเรียนตัวนี้เสร็จก็ว่าจะไปห้องสมุด  พี่โซ่มีอะไรให้ผมช่วยปะครับถึงมาหาผมได้”
ปกติผมกับพี่โซ่ก็เจอกันบ่อยนะครับ เพราะอย่างที่บอกพี่โซ่เป็นเพื่อนสนิทของพี่รหัสผม

“พี่จะชวนไปทานข้าวนะครับ ไปไหม?”
กูว่าเริ่มไม่ปกติแล้ววะ - -‘

“ไม่ดีกว่าครับพี่ เอาไว้โอกาสหน้าละกันนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหา รับสายด้วยละเมื่อคืนพี่โทรไปก็ไม่รับ”

“ครับๆ”

พี่โซ่ยิ้มให้ผมนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป และแน่นอนครับพวกเพื่อนๆผมก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันอีกครั้งและส่งสายตามามองผมเป็นระยะ

“เนียร์เรื่องที่มึงจะบอกกู มันเกี่ยวกับข้อความที่โพสในเน็ตใช่ปะวะ”
ตอนนี้คือผมแทบจะอดทนต่อไม่ไหวแล้วครับ

“ใช่ว่ะ เมื่อเช้าก็มีผู้ชายต่างคณะแวะมาหามึงด้วยนะ มันยังไงแน่วะดิว มึงไม่ได้เป็นเกย์ไม่ใช่หรอวะ
เอ๊ะ ,, หรือมึงเป็น?”

“ไอ้เชี้ยเนียร์ ปากมึงนี้น่าโดนตบจริงๆเลยนะ ไอ้ดิวมันจะเป็นเกย์ได้ไง มันมีเมียนะคะ มันมีเมีย มึงอย่าลืมดิ”
รี่ไม่ตอบเฉยๆครับ ตบกบาลไอ้เนียร์เข้าไปอีกที

“ก็นั่นแหละกูก็รู้ไงว่ามันไม่ใช่ แล้วโพสพวกนั้นคือไรวะ? มีคนแกล้งมึงใช่ไหม”

“กูว่ามีคนแกล้งมันแน่นอน เมื่อวานกูกับไอ้ดิวก็นั่งหาโพสพวกนี้อยู่เหมือนกัน กูก็ไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้
มึงเอาไงต่อวะดิว?”

รี่กับเนียร์หันมามองหน้าผม

“กูว่า.....  จะไปแจ้งความ”



หลังจากเรียนเสร็จแล้วผมกับเนียร์ก็ไปสถานีตำรวจเพื่อที่จะไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ว่าผมพอจะเอาผิดคนโพสพวกนี้ได้ไหม
จริงๆผมว่าจะทำเฉยๆ จะนิ่งๆไปนั้นแหละครับ แต่ดูจากสายตาเพื่อนๆผมแล้ว ผมว่ามันไม่ใช่แล้วละ
แบบนี้คือมันแกล้งกันแรงไปแล้ว ขนาดเพื่อนในห้องผม ในมหาวิทยาลัยผมรู้กันหมดแบบนี้
แล้วพ่อแม่และญาติๆผมจะไม่รู้ได้ไงละครับ  หึหึ พวกป้าๆผมยิ่งชอบจิกกัดผมอยู่ ตั้งแต่เรื่องแฟนผมแล้วครับ

“เอาละยังไงเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อไป ตอนนี้จะเปลี่ยนเบอร์หรือจะใช้เบอร์นี้ก่อนก็ให้บอกกับเจ้าหน้าที่ด้วย
มีคนมาแจ้งความไว้เยอะเหมือนกันเรื่องแบบนี้  แต่อย่างที่พวกน้องๆรู้นั่นแหละ โลกโซเชียลแบบนี้บางทีก็จับคนผิดยาก”

“ครับ,,  ยังไงก็รบกวนด้วยนะครับ”

ผมยกมือไหว้ลาคุณตำรวจ ก่อนจะออกมานั่งทำหน้าเซ็งๆกับเนียร์ที่มันนั่งรออยู่ด้านนอก

“มึงทำหน้าแบบนี้ออกมาแสดงว่าเค้าช่วยอะไรมากไม่ได้ใช่มะ?”

“อืออ ก็ไม่ได้อะไรเลยวะ เห้อออออ”

“เอาน๊ามึง อยากน้อยก็ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว อืมม แล้วนี้มึงจะไปไหนต่อวะ”

เนียร์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะหันมาถามผม

“กูว่าจะกลับห้องเลยวะ จะไปปริ้นส์ไอ้พวกที่มันโพสเบอร์กับรูปกูอะที่มีในแต่ละเวปไว้เป็นหลักฐาน”

“งั้นเดี๋ยวกูไปช่วยมึงก่อนละกัน เพราะแตงยังไม่โทรมาตามกูเลย”

“มึงไปรอรับแฟนมึงเถอะ เดี๋ยวมันงอนอีก กูทำได้สบายมาก แล้วถ้ากูไม่รับมือถือ
มึงก็โทรเข้าเบอร์ห้องละกันนะ เพราะกูก็ไม่รู้จะเลือกรับเบอร์ยังไงเลย ตั้งแต่เช้าละไอ้สัสส มือถือกูยังมีแต่คนโทรเข้ามา
ไม่รู้ว่าหน้าอย่างกูมันโดนใจพวกนั้นมากหรือไงวะ”

“55555 ก็มึงมันหล่อนี้หว่าใครก็อยากได้เอาไปทำสามีกันทั้งนั้นแหละ แล้วรูปที่ลงแต่ละรูปถอดเสื้อโชว์หุ่นขนาดนั้น ทำไมใครๆจะไม่อยากได้มึงละ อีกอย่างกูว่ามึงคงเป็นพวกหน้าใหม่อะพวกมันเลยอยากจะลองลิ้มรสมึงกันสักครั้ง”

“มึงพูดอะไรออกมาวะเนี้ย ฟังแล้วสยองวะ”

ผมผลักหัวไอ้เนียร์แรงๆ เพราะโทษฐานที่มันทำหน้าทำตาจะกินผมนี้แหละครับ
ตอนนี้ผมแม่งเริ่มบ้าไปหมดแล้ว สงสัยทุกคนรอบตัวไปหมดละเนี้ย

“5555555 กูไม่เอามึงหรอกนะ ฟ้าผ่าตายห่า ไปหาคนสวยของกูดีกว่า มือก็นิ่ม ผิวก็ห๊อมหอม ไม่เหมือนมึงหรอกตัวโตเป็นยักษ์ขนาดนี้กอดไม่ลงวะ”

“กูก็ไม่ให้มึงกอดหรอกนะ จะไปไหนมึงก็ไปเลยปะ”

เนียร์หยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะหันมาโบกมือให้ผม แล้วเดินไปเรียก Taxi กลับไปรอรับแฟน
พอผมเห็นเนียร์ขึ้น Taxi ไปแล้วก็ขับรถตัวเองกลับคอนโด



พอเดินเข้าห้องมาก็เห็นว่าสายที่โทรเข้าคือเบอร์พี่โซ่
วันนี้เห็นเดินไปหาผมถึงห้องเรียน สงสัยมีเรื่องอะไรให้ช่วยแน่ๆ
คิดได้แบบนั้นผมก็รีบรับสายพี่โซ่ทันที

“สวัสดีครับพี่โซ่”

[ คืนนี้ไปค้างกับพี่นะ]

หื้อออออ ,, ไม่ต้องทักทายอะไรกันเลยสินะ - -‘

“พี่โซ่ครับ ผมว่าพี่เข้าใจผิดแล้วละ ผมไม่ได้ขาย”

[ ก็เห็นลงโพสไว้ ร้อนเงินหรอครับ ไม่เป็นไรหรอกนะเรื่องแบบนี้ใครๆก็ทำกัน ]

ใครๆบ้านป๊าพี่สิครับ ใครๆบ้านผมไม่ได้ทำเว้ยย!!!!

“ผมว่าพี่เริ่มคุยไม่รู้เรื่องแล้วละ แค่นี้นะครับพี่”
และก็เป็นแบบที่คิดไว้เป๊ะเลย ไอ้พี่โซ่จะซื้อผม - -‘
ผมวางโทรศัพท์ไว้บนตู้ใส่รองเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเปิดคอม
ไม่สนใจแม่งละมือถือ มีแต่คนโทรเข้ามาไม่หยุด ,, กูจะดีใจหรือเสียใจดีวะที่มีคนโทรเข้ามาเยอะแยะแบบนี้


ผมนั่งปริ้นส์โพสจากเวปต่างๆไปเรื่อยๆ กำลังคิดว่าจะไปอาบน้ำหรือลงไปทานข้าวก่อนดี
ก็มีสายโทรเข้ามาในห้องพักผม

ไอ้เนียร์ หรือไอ้รี่แน่ๆที่โทรเข้ามา  สงสัยมันโทรมาถามแหละว่าเป็นไงบ้าง
ผมรีบเดินมารับสายแล้วก็เจอกับเรื่องที่ต้องปวดหัวหนักไปกว่าเดิม

“สวัสดีครับ”

[ สวัสดีคะน้องดิว  พี่โทรมาจากล๊อบบี้คอนโดนะคะ ]

หื้อออ พี่ที่ล๊อบบี้คอนโดโทรมามีไรวะ?

“ครับผม มีอะไรครับ”

[ มีคนมาขอพบน้องดิวนะคะ เค้าบอกว่าเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย แต่เค้าไม่มีคีย์การ์ด และติดต่อน้องดิวไม่ได้
ไม่ทราบว่าน้องดิวจะให้ขึ้นไปพบไหมคะ หรือว่าจะลงมาพบพี่เค้าข้างล่างดี ]

ไอ้พี่โซ่???  หรือใครวะ?

“ไม่สะดวกครับพี่ บอกเค้าให้กลับไปเลยครับ หรือถ้าเค้าพูดไม่รู้เรื่องจริงๆให้พี่ รปภ. จัดการได้เลยครับ”

[ ได้คะ ขอโทษที่พี่โทรมารบกวนนะคะ ]


เห้อออ ,, ตามกันมาถึงคอนโดเลยหรอวะเนี้ยย!!!!!
รู้สึกว่าจ่ายค่าส่วนกลางของคอนโดคุ้มค่าก็วันนี้แหละ


กูนี้หล่อมากเลยสินะ มีแต่คนอยากจะซื้อขนาดนี้ เหอะ!! น่าภูมิใจตรงไหนวะกู - -‘
ทำไมวันนี้น่าเบื่อขนาดนี้วะ? ออกไปนั่งฟังเพลงดีกว่า ผมเดินออกไปหยิบมือถือที่ตู้รองเท้ามากดเบอร์หารี่


“รี่ วันนี้ไปกินเหล้ากัน”

[ โทษทีวะดิว วันนี้กูมากินข้าวกับแม่พี่ทิว มึงจะนั่งนานปะวะยังไงกูตามไป ]

“มึงกินข้าวกับบ้านพี่ทิวไปเถอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”


ผมเชื่อว่ารี่มันจะต้องตามมาที่ร้านแน่ๆ ผมเลยบอกปัดมันไปก่อนเลยว่าไม่เป็นไร
มันรู้ว่าผมไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกแล้วนอกจากมันกับเนียร์
เออ โทรชวนไอ้เนียร์ดีกว่า….

“เนียร์อยู่ไหนวะ”

[ เพิ่งส่งแตงที่บ้าน ตอนนี้กำลังจะกลับห้องแล้ว ]

“เห้ยยอย่าเพิ่งกลับ แดกเหล้ากัน กูเลี้ยงเอง”

[ ที่ไหนบอกมาครับ เดี๋ยวกูกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนละจะตามไป ]

“ที่เดิมไหม?”

[ ไม่เอาวะเบื่อ เอางี้ไปร้านรุ่นพี่พวกเราดีกว่าที่เปิดใหม่นะมึง ที่กูเคยชี้ให้มึงดูไง ไม่ไกลจากห้องมึงเลย ]

“ก็ได้ๆ แล้วเจอกัน”

ผมกดวางสายจากเนียร์ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบลงมาที่ชั้นจอดรถ
ก่อนจะขับออกจากคอนโดไปร้านเหล้าที่นัดกับเนียร์ไว้


วันนี้เป็นวันทำงานครับ คนมาที่ร้านเลยไม่เยอะเท่าไหร่ดูจากรถที่จอดอยู่แล้วคงมีกันไม่กี่โต๊ะแน่ๆ
แต่ก็ดีแล้วละวันนี้ไม่ค่อยอยากเจอคนเยอะ
ผมเลือกมานั่งที่เค้าเตอร์บาร์ เพราะผมชอบมองเวลาที่บาเทนเดอร์ผสมเหล้า

“รับอะไรดีครับ”

เสียงบาเทนเดอร์ถามผมทันทีที่ผมนั่งลงตรงหน้า

“เอาอะไรก็ได้ ขอเบาๆนะ ไม่ได้อยากเมา แค่อยากมาฟังเพลงเฉยๆ”

“ได้ครับ แต่ อืมมม ทำไมผมคุ้นหน้าพี่จังเลย พี่มาที่ร้านบ่อยหรอครับ”

เสียงบาเทนเดอร์ถามผมไป พร้อมๆกับเริ่มผสมเครื่องดื่มให้ผม

“ไม่นะ นี้เพิ่งมาครั้งแรกเอง”
ผมรับเครื่องดื่มมา พร้อมๆกับจิบชิมดู
อืมม รสชาติดีแหะ บรรยากาศก็ดี ถือว่าร้านนี้ผ่าน

“พี่รู้จักคนโต๊ะนู้นปะครับ ผมเห็นเค้ามองพี่นานละนะ”
น้องบาเทนเดอร์ หรือน้องมีน ซึ่งผมถามชื่อตีซี้ไว้แล้วนั้นชี้ให้ผมหันไปมองโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่
ผู้ชาย 3 คน นั่งคุยกันอยู่ สองคนที่นั่งโซฟาเดี่ยวกำลังคุยกันออกจะเฮฮา แต่คนที่นั่งโซฟายาวคนเดียวนั้น
ผมว่ามันนั่งมองผมอยู่นะ  เอ๊ะ ,, หรือผมคิดไปเองวะ?
แต่ช่างมันเถอะก็เจอแบบนี้มาทั้งวันแล้วนี้หว่า

“ไม่รู้จักใครสักคนเลย รวมทั้งไอ้พวกที่เดินมาทักเมื่อกี้นั้นด้วย”
น้องมีนพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปบริการแขกคนอื่นต่อ
ตั้งแต่มานั่งที่นี้มีคนเดินมาทักผม 2-3 คนแล้วครับ
ซึ่งมันทำให้ผมทึ่งนะ จริงๆแล้วรอบตัวเรามีคนชอบเพศเดียวกันมากขนาดนี้เลยหรอ?
แล้วหน้าแบบผมนี้มันดูใช่มากเลยหรือไงกัน?

เห้ออ แล้วไอ้เนียร์เมื่อไหร่จะมาวะเนี้ย ผมมานั่งรอมัน 2 ชม. แล้วนะ
ผมตัดสายเรียกเข้าเบอร์ล่าสุดทิ้งก่อนจะกดโทรไปเนียร์ แต่โทรไปเท่าไหร่มันก็ไม่รับสาย

“เดี๋ยวพี่ฝากแก้วแป๊บนะมีน ขอไปโทรตามเพื่อนแป๊บหนึ่ง”
มีนพยักหน้าให้ผม ก่อนจะหันไปชงเครื่องดื่มต่อ
ผมเดินออกมาหน้าร้านเพื่อจะโทรหาเนียร์อีกรอบ และครั้งนี้มันก็รับสายจนได้

“ไอ้เนียร์ถึงไหนแล้ววะเนี้ย”

[ อ้าวดิวหรอ มีไรวะมึง ]

หือออ ถามมาได้ไอ้เชี้ยยย!!

“ก็มึงนัดกูไว้ที่ร้านเหล้าปะวะ อย่าบอกว่ามึงลืม”

[ เออจริงด้วยวะ กูกลับถึงห้องก็หลับเลย ลืมไปว่านัดมึงไว้ ขอโทษวะดิว ]

“เออๆไม่ต้องออกมาละสัสส กูจะกลับละ”

ผมกดตัดสายทันที แล้วเดินกลับเข้าร้านไปแบบโคตรเซ็ง!


“มีนครับเดี๋ยวคิดเงินเลยนะ พี่จะกลับแล้ว”

“อ้าววเพื่อนไม่มาหรอพี่ดิว อะนี้แก้วนี้เพื่อพี่ดิวเลย ถือว่ามีนปลอบใจที่เพื่อนไม่มาตามนัดนะครับ”

“ขอบคุณครับ แล้ววันหน้าพี่แวะมาฟังเพลงมาอุดหนุนใหม่”

ผมยกเครื่องดื่มที่มีนส่งมาให้ดื่มครั้งเดียวจนหมด ไม่เสียเวลามาจิบๆวางๆแล้วละ
ก่อนจะวางเงินไว้ข้างๆแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มหมดไป


“ไปละ แล้วเจอกันน้องมีน”
ผมเดินออกมาที่ลาดจอดรถ แต่ก่อนที่จะเดินถึงรถก็เจอเข้ากับกลุ่มผู้ชาย 3 คนที่นั่งในร้านกำลังเถียงกันเสียงดังเลยครับ

“มึงไปเลยกลับไปคนเดียวเลยปะไอ้สัส”

“อะไรของมึงวะ ก็มาด้วยกันนะเว้ย ทำไมมึงทำงี้วะ”

“มึงไม่ต้องพูดเลย มึงแม่งเลวอะ”


เถียงกันไปกันมา สักพักผู้ชายตัวโตๆก็กระชากแขนคนใส่แว่นให้ขึ้นรถไป
แล้วพี่แกก็เดินกลับมาต่อยผู้ชายอีกคน ก่อนจะชี้หน้าด่าอะไรอีกนิดหน่อยแล้วก็ขับรถออกไป
เออแล้วยังไงดี? ผมควรเดินไปถามอาการ หรือไม่สนใจดีวะ?
แต่ด้วยความเผือก หรือความใจดีของผมไม่รู้แหละ ผมรีบเดินเข้าไปพยุงคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืน


“เป็นไงบ้างครับคุณ”

“อืมมปวดหัว ไม่รู้หัวแตกไหม”

“ไหนครับเดี๋ยวผมช่วยดูให้นะ”

ผมพยายามดึงมือของชายคนนั้นออกจากช่วงส่วนคิ้ว เพราะเค้าเอามือกุมไว้
แต่ก็เป็นแบบที่เค้าคิดนั้นแหละครับ ตอนนี้ที่หางคิ้วเค้ามีเลือดออกซิบๆ


“มีเลือดออกตรงหางคิ้ว น่าจะคิ้วแตกแหละ เดี๋ยวผมโทรเรียกตำรวจให้ละกันนะ”
ผมพูดเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมา แต่คนข้างๆกลับจับข้อมือผมไว้

“อย่าเลยครับ เพื่อนทะเลาะกันเฉยๆนะ ยังไงผมรบกวนขอให้ไปส่งผมที่คอนโดหน่อยได้ไหม
หรือตรงไหนก็ได้ที่เรียก Taxi ง่ายๆหน่อยอะ”

เอาไงดีวะกู? ไม่รู้จักด้วยดิ ให้เค้าไปกับคนอื่นดีกว่า
เพราะตอนนี้เหลือรถจอดในร้านแค่ 2-3 คัน ซึ่งอาจจะเป็นรถเจ้าของร้านก็ได้แหละนะ
ถ้าเราไม่ช่วยเค้าแล้วเค้าจะกลับไงวะ?

“ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งแค่ป้ายรถเมล์นะ เพราะผมจะไปธุระต่อ”
ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามผมมาที่รถ


ผมขับรถออกมาเรื่อยๆจนถึงป้ายรถเมล์ หันไปบอกคนข้างๆให้ลงจากรถ
แต่ตอนนี้มันหลับสนิทไปละครับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เอาไงดีวะกู?
ผมเอามือล้วงเข้าไปหามือถือในตัวเค้าดูเผื่อจะโทรให้ที่บ้านมันมารับ แต่มือถือมันไม่มี
เจอแต่กระเป๋าเงิน เปิดดูออกมาเห็นมีแค่บัตรประชาชนแล้วก็พกเงินโคตรเยอะเลยสัสเอ๊ยย!!!
แต่เสือกเมาไม่เป็นท่ามาหลับบนรถคนอื่นเนี้ย!! ไม่ได้กลัวเลยสินะว่าจะโดนปล้น - -‘
แล้วเอาไงต่อดีวะ? ผมก็เริ่มมึนๆละเหมือนกัน สงสัยแก้วสุดท้ายนี้น้องมีนคงจัดหนักแน่ๆ
ยึดกระเป๋าเงินมันไว้ก่อนละกัน เอามันไปนอนคอนโดด้วยเนี้ยแหละ
เงินก็มีเยอะขนาดนี้ และดูจากนาฬิกาที่มันใส่ก็หลายแสนแล้วละนะ มันคงไม่ใช่พวกหลอกลวงอะไรหรอก


“นี้มึงถ้ามึงไม่ตื่นกูพามึงไปนอนที่ห้องกูก่อนนะเว้ยย แล้วกระเป๋าตังค์มึงอะกูขอยึดไว้ก่อนนะ
เผื่อตื่นเช้ามามึงขโมยของจากห้องกูหมด กูจะได้ตามตัวมึงได้”

แต่คนข้างๆก็ยังหลับสนิท เห้อออ ไอ้เชี้ยเอ้ยยยยย!!

ไหนๆก็คงคุยกับมันไม่รู้เรื่องแล้วแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจขับรถกลับคอนโด
และเพราะผมมัวแต่ขับรถนี้แหละครับ เลยไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่ผมคิดว่านอนหลับสนิทอยู่นั้น
มันแอบอมยิ้มอยู่!


---------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมน้องดิวของพี่ถึงไว้ใจคนง่ายแบบนี้น๊าาาา ,,
ยังไงฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ 
ใครเล่นทวิตเตอร์ฝากติด #howfar ด้วยนะ ^^
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ ดิว ] - Chapter 1 || 3-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-06-2016 07:56:54
ดิวใจดีเกินไปมันจะนำภัยมาสู่ตัวนะคะ
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ ดิว ] - Chapter 2 || 4-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 04-06-2016 23:17:20
[ดิว] - Chapter 2



พอมาถึงคอนโด ก็พยายามปลุกมันอีก คราวนี้แม่งงงมันตื่นครับแล้วทำหน้า งงๆ ใส่ผม

“ถึงละหรอ ขอบใจนะที่มาส่งเรา”
ส่งป๊าแกสิ นี้มันคอนโดกูเว้ยย!!
 
“เราปลุกนายนานละแต่นายไม่ตื่นมาบอกทาง เราเลยพานายมาคอนโด เอาไงละจะกลับหรือจะนอนพักที่นี้ก่อน”
มันทำท่าคิดอยู่สักพัก ก่อนจะทำท่าล้วงหาของในกระเป๋า ผมเลยยื่นกระเป๋าเงินคืนไปให้มัน
 
“นี้กระเป๋านาย เราค้นตอนที่นายหลับ ไม่ได้ตั้งใจจะขโมยอะไรหรอกนะ เราจะหามือถือนะแต่มันไม่มี
มีแต่ไอ้นี้แหละ”

มันรับกระเป๋าเงินไปถือ ก่อนจะหันมามองหน้าผม ,, หน้าแม่งก็หล่อจนหมั่นไส้ ไอ้เชี้ยยย!!

“งั้นคืนนี้รบกวนหน่อยดิ ง่วงแล้วก็คงเมาจนมึนไปหมดแล้วอะ นึกเบอร์ใครไม่ออกเลย”
ผมก็ได้แต่พยักหน้า ก่อนจะบอกให้มันเดินตามผมเข้าไปในคอนโด
 
“เดี๋ยวนายนอนห้องเล็กนะ ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อยืดในตู้อะเปิดใช้ได้เลย”
เพราะเนียร์มันชอบมาค้างบ่อยๆ ผมเลยซื้อเสื้อยืด กางเกงสำหรับใส่นอนมาทิ้งไว้ให้มัน
 
“เออนี้นาย   ไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันตัวเองได้ เราให้เงินนายไว้ก่อนละกัน พรุ่งนี้นายค่อยคืนให้เรา”
มันยื่นเงินมาให้ผมจำนวนหนึ่ง ซึ่งมันก็เยอะมากเลยแหละครับ คงประมาณหมื่นกว่าบาทได้
 
“ไม่ต้องก็ได้ เช้ามานายจะกลับบ้านนายก็ล๊อคประตูให้เราด้วยก็พอ”
พูดเสร็จผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะอาบน้ำเตรียมตัวจะเข้านอน
แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าไอ้คนที่นอนห้องข้างๆมันคิ้วแตก และยังไม่ได้ทำแผล - -‘
ผมก็เลยต้องเดินไปค้นหาชุดทำแผลที่เคยซื้อติดคอนโดไว้มาทำแผลให้มัน
 
ก๊อก ก๊อก

“นี้นายๆ เราเอาชุดทำแผลมาให้”
แต่ข้างในยังเงียบ .. หรือว่าอาบน้ำวะ?
ผมลองเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เห็นว่ามันอยู่ในห้อง แต่คิดว่ามันคงเข้าไปอาบน้ำนั้นแหละ
ผมเดินเอากล่องทำแผลไปวางไว้ข้างๆโน้ตบุ๊คตัวเล็กที่ผมชอบเอาไว้ดูหนัง
 
“หึ มานอนห้องคนอื่นเค้านอกจากจะไม่มีความเกรงใจแล้ว ยังกล้าเปิดโน้ตบุ๊คเจ้าของห้องซะด้วย”
นั่นแหละครับ ,, มันถือวิสาสะเปิดโน้ตบุ๊คของผม แล้วยังเปิดเพลงฟังด้วยนะ
สุขสบายเกินไปแล้ววว!!!
 
“อ้าววว เข้ามาเอาไรหรอ?”
เสียงที่ดังมาจากห้องน้ำทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด!
 
“เอากล่องยามาให้ แต่จริงๆเราจะเข้าออกห้องไหนก็ได้นะ นี้มันคอนโดเรา”
คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาไม่มีสีหน้าจะสำนึกอะไรเลยครับ นอกจากยกยิ้มมาให้ผม
แล้วเดินลงมานั่งที่เตียงนอน
 
“ทำแผลให้หน่อยดิ”

“........”

ผมควรจะตอบมันว่าไงดีครับ? มันมากเกินไปแล้วนะ!!!
มันคงเห็นว่าผมเงียบๆ และไม่ขยับตัวไปทำแผลให้ มันเลยบอกผมซ้ำอีกครั้ง
 
“นี้นายช่วยทำแผลให้หน่อย เรามองไม่เห็น”
ผมทำได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วหยิบกล่องยามาทำแผลให้คนตรงหน้า
ในช่วงที่ผมทำแผลให้มัน ,, ถ้าผมไม่คิดไปเองหรือระแวงไปเอง
ผมว่ามันมองหน้าผม มองตัวผม แล้วยิ้มแปลกๆออกมา
รีบกลับห้องดีกว่า!นั้นคือสิ่งที่ผมควรทำที่สุดแล้วละ!
 
“อะ,, เสร็จแล้วนะ นายก็นอนพักเถอะ พรุ่งนี้เช้านายก็รีบกลับไปได้แล้ว”
ผมก็บ่นๆไปตามประสาผมนั้นแหละครับ ก่อนจะหันไปเตรียมปิดโน้ตบุ๊ค ที่มันเปิดเพลงไว้
 
“ฟังเพลงก่อนไม่ได้หรอ?”
ไอ้คนแปลกหน้ามันลุกขึ้นมากอดเอวผมไว้ ก่อนจะกระซิบข้างๆหูผม
ในตอนนั้นผมรีบหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับมันแล้วผลักมันออกเต็มแรง
 
“เห้ยยทำไรวะ”
มันก็ทำแค่ยกยิ้มกวนตีนๆส่งกลับมาให้ผม พร้อมๆกับกระชากตัวผมเข้าไปกอด
 
“ก็ทำแบบที่นายชอบทำทุกคืนไง  นี้คือการอ่อยเพื่อโก่งราคาค่าตัวงั้นหรอ?
พามานอนด้วยที่คอนโด แล้วก็ทำเหมือนให้แยกห้องนอน แต่สุดท้ายก็เข้ามาให้ท่าถึงในห้อง
แต่ถ้ามันเป็นแผนของนายละก็ อยากจะบอกว่ามันได้ผลนะ มันดูเร้าใจดี”

มันพูดจบก็ก้มลงมาจูบซอกคอผม แต่ไม่ใช่แค่จูบแล้วละ มันดูดจนผมรู้สึกแสบคอไปหมด
 
“ปล่อยกูนะเว้ยย กูไม่ได้เป็นแบบที่มึงพูด ไอ้เชี้ยยบอกให้ปล่อยกูไง”
ผมพยายามผลักตัวมันออก พอหลุดจากกอดของมันได้ ผมก็รีบเดินออกจากห้องนอน
แต่มันไวกว่าครับ เข้ามากระชากผมแล้วเหวี่ยงให้ผมหล่นไปนอนที่เตียง
แล้วมันก็ขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้
 
“กูเจอไอ้ตัวแบบมึงมาเยอะแล้วละ หน้าตาหล่อๆแบบมึงนี้จะรุกหรือรับวะ หรือว่าได้ทุกท่าทุกแบบ”

“ปล่อยกูนะเว้ยยยย  หยุดพูดจาทุเรศแบบนั้นซะที กูไม่ได้ขายตัว กูไม่ได้เป็นไอ้ตัวแบบที่มึงพูด”

“หึ แล้วมึงเป็นตัวไรวะ เอาผู้ชายแปลกหน้ามานอนด้วยง่ายๆแบบนี้”

“กูแค่เห็นว่ามึงเดือดร้อน กูเลยช่วยมึงแค่นั้นเอง  อ๊ะ ,, ไอ้เชี้ยยอย่า อย่าทำแบบนี้นะเว้ยย”

ตอนนี้มือมันก็เริ่มลูบไล้ผมไปทั้งตัว แล้วมันเอาแรงมาจากไหนเยอะชิบหายยย
ตัวมันนั่งทำช่วงตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้น
 
“ไหนบอกไม่ใช่ไอ้ตัวแบบนั้นไง  แค่กูสะกิดหน่อยก็มีอารมณ์หรอวะ?”
ผมพยายามดิ้น จนมันเซไปนั่งข้างๆตัวผม

“ไอ้เชี้ยยย!! มึงออกจากห้องกูไปเดี๋ยวนี้”
ผมต่อยมันไปเต็มๆที่คิ้วมัน ซ้ำกับแผลเก่าของมัน จนตอนนี้เลือดซึมออกมาอีกครั้ง
มันเอามือไปเช็ดเลือดที่เริ่มไหลออกมา

“ชอบแบบแรงๆก็ไม่บอกกู ได้ !! ได้เลยย กูจะจัดให้!!”
หลังจากที่มันพูดจบ มันก็พุ่งเข้ามาจับตัวผมไว้ ก่อนจะต่อยเข้ามาที่หน้าผม แล้วยังชกเข้ามาที่ท้องผม
ปากมันก็พูดจาหยาบๆใส่ผม ปากผมที่ร้องด่ามันเริ่มเงียบลง เพราะความเจ็บจากการโดนซ้อม
มือที่คอยปัดป้องไม่ให้มันทุบตี ตอนนี้เริ่มเอามากุมไว้ที่ท้องน้อย
เพราะมันทุบเข้ามาที่ท้องผมหนักๆ 2-3 ครั้งได้
 
“ยอมกันแบบง่ายๆก็ไม่เจ็บตัวแล้วละ”

“หะ อย่า อย่าทำกูนะเว้ยย กูขอร้องง กูไม่ได้ขายตัว มึงเข้าใจผิด มึง กะ ลัง อื้อออ …”

ปากร้อนๆประกบลงมาที่ปากผมอย่างรวดเร็ว จูบที่รุนแรงและโคตรน่ารังเกียจ
มือของมันเริ่มบีบเค้นไปทั้งตัวผม ผมพยายามจะปัดป้องและสู้กับมัน
แต่แล้วหมัดแรงๆก็ชกเข้ามาทีท้องผมซ้ำๆ  พร้อมๆกับเสียงเพลงที่ดังลอยเข้ามาในหู
ก่อนที่ทุกๆอย่างของผมจะดับไป
 
“ อี ก ไ ก ล แ ค่ ไ ห น จ น ก ว่ า ฉั น จ ะ ใ ก ล้    , ,
                    บ อ ก ที  อี ก ไ ก ล แ ค่ ไ ห น จ น ก ว่ า เ ธ อ จ ะ รั ก ฉั น เ สี ย ที “




---------------------------------------------------------
หื้อออ พี่เจ้นท์ทำไมรุนแรงกับน้องแบบนี้ละคะ
ยังไงฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน๊าา ,, จะขยันๆอัพเนอะ
มีคำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ เจ้นท์ ] - Chapter 3 || 5-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 05-06-2016 23:19:21
[ เจ้นท์ ] - Chapter 3


ผมมองผู้ชายที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวตรงหน้า ,, มันหล่อจริงๆนะ แล้วผิวก็เนียนสวยมากจริงๆ
ผู้ชายขายตัวยังไงกันแน่วะ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ตัวช่วยจำเป็นอะไรก็ไม่มีสักอย่าง
ผมก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายมันหรอกครับ กลัวหน้าของมันจะเป็นรอยช้ำ แต่มันก็ดันเล่นตัวโวยวายอยู่นั้นแหละ
ทำเหมือนกับพวกไม่เคยมาก่อน หึ ,, ตอนแรกผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะง่ายหรือจะหยิ่งได้นานแค่ไหน
เพราะจากที่เห็นมันปฏิเสธผู้ชายในร้านตั้งหลายคนนั้น ผมก็คิดว่ามันน่าจะได้ยากอยู่นะ
มันค่อยน่าเล่นด้วยหน่อย ผมไม่ชอบพวกง่ายๆ เอาง่ายๆ ยอมง่ายๆ มันดูไม่สนุกครับ
แต่แล้วผู้ชายตรงหน้าผมก็ง่ายไม่ต่างจากคนอื่นๆ แค่มันมีจริตมีชั้นเชิงมากหน่อย
ทำตัวหยิ่งๆ มีแผนสูงให้ดูแพงก็แค่นั้น ,,,
 
ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่เหวี่ยงทิ้งไว้ข้างๆตัวมาพันรอบตัวไว้ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย
เล่นกูซะเจ็บไปทั้งตัว ทั้งรอยข่วนรอยหยิก แล้วนี้เสือกกัดกูอีก ไม่นับรวมที่แม่งต่อยมาอีกนะ
มึงจะแพงแค่ไหนก็เหอะ แต่ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายคนที่จ่ายเงินมึงนะเว้ยยย!!!!
แต่ตัวมันก็น่าจะสมราคาแพงอยู่หรอกนะ ทั้งแน่นทั้งทำตัวเหมือนพวกไม่เคย มันกระตุ้นความอยากความต้องการดี
 
ผมเดินออกจากห้องน้ำมาก็รีบแต่งตัว เพราะจะรีบกลับไปนอนต่อสักหน่อยแล้วไปเรียน
พอแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกจากห้องนอนมาโดยไม่ได้สนใจผู้ชายอีกคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
เอ๋ ??  ,, แล้วกูต้องจ่ายมันเท่าไหร่วะ?
นึกขึ้นได้ก็คิดว่าจะเดินเข้าไปถามมันซะหน่อยว่าค่าตัวมันเท่าไหร่ แต่การจัดห้องของมันนี้สิ
สะดุดตาผมมาก ,,  เมื่อคืนก็มัวแต่มองหน้ามันจนลืมมองไปรอบๆห้องเลย
ห้องของมันไม่ว่าจะเป็นโซนหน้าทีวี หรือห้องครัว แล้วยังรวมไปถึงห้องนอนที่ผมเพิ่งเดินออกมา
ใช้แต่ของยี่ห้อดีๆ เป็นการตกแต่งที่ดูก็รู้ว่าเจ้าของห้องต้องจ้างสถาปนิกมือดีมาตกแต่งให้แน่นอน
มีเสี่ยเลี้ยง? หรือว่ามีป้าแก่ๆเลี้ยงกันแน่วะ?
ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของมันดู  ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ผมกำลังเล่นบทชู้ของเด็กในสังกัดใครหรือป่าว?
ห้องนอนที่มีแทบทุกอย่างไม่ว่าจะทีวี ตู้เย็น โซฟาอย่างดีนั้นอีก
ห้องนี้ถ้ารวมทุกอย่างแล้วจริงๆ ราคาขนาดนี้น่าจะซื้อบ้านเดี่ยวได้ 1 หลังสบายๆเลยละ
ผมเดินเข้ามาหยุดยืนมองที่จอคอมที่เปิดเวปชายชายนั้นทิ้งไว้อยู่

“หึ ปากก็บอกไม่ได้ขาย แต่เปิดเวปไว้โพสข้อความเชิญชวนขนาดนี้เนี้ยนะ”

ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษที่มันคงจะปริ้นส์ไว้ขึ้นมาดู
ก็เห็นว่าเป็นโพสที่มันประกาศขายตัวไว้ทั้งนั้น
นี้มันโรคจิตหรือป่าววะ? จะปริ้นส์ไว้ทำไมกัน ตัวเองโพสเองแท้ๆ
แจ้งเตือนไลน์ที่โชว์มาเต็มหน้าจอคอม (มันล๊อคอินเล่นในคอมไว้)
แสดงว่ามีคนสนใจมันเยอะเหมือนกันนะ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ตอบใครเลย
แต่แล้วผมก็มาสะดุดตาเข้ากับแชตจากคนๆหนึ่ง
 
J u n i o r – พี่ดิวครับอย่าโกรธน้องเนียร์เลย TT
:: มึงงง กูขอโทษนะเว้ยยย ที่หลับแล้วลืมไปว่านัดมึงไว้

J u n i o r – พี่ดิวครับอย่าโกรธน้องเนียร์เลย TT
:: พรุ่งนี้นะๆ กูจะเลี้ยงข้าวมึงเอง อย่าโกรธกูนะ

J u n i o r – พี่ดิวครับอย่าโกรธน้องเนียร์เลย TT
:: รับสายกูหน่อยสิวะเพื่อน

J u n i o r – พี่ดิวครับอย่าโกรธน้องเนียร์เลย TT
:: เพื่อนรักกกกกก  อย่าโกรธกูเลยนะเว้ยย
 
เพื่อนรักงั้นหรอ  เพื่อนนอนสิไม่ว่า ,, หึ!
วันนี้ที่มันปฏิเสธคนนั้นคนนี้เพราะมันมีนัดแล้วจริงๆ แต่เสียใจด้วยนะไอ้น้องเนียร์
กูเอามันแทนมึงแล้วละ !!!
 
ผมเลื่อนอ่านข้อความแชตของคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับข้อความที่ชวนให้ต้องสงสัยอีกละครับ

R I – T I
:: เรื่องคดีถึงไหนละมึง พรุ่งนี้ให้มึงเอาเอกสารแจ้งความกับหลักฐานต่างๆมาให้กูด้วยนะ
เดี๋ยวกูจะเอาไปถามอาจารย์ที่คณะให้ว่าสามารถดำเนินคดียังไงต่อไปได้

R I – T I
:: ไม่ต้องคิดมากนะมึง

R I – T I
:: ลูกชายคนเดียวของนายหัวเทอญ เจ้าของสวนปาล์มแห่งเมืองใต้แบบมึง จะมาขายตัวได้ไงกันละจริงไหม

R I – T I
:: โทรหาไม่รับสายนะไอ้สัสสสส!!

R I – T I
:: เจอกันพรุ่งนี้เว้ยยย!!
 
เดี๋ยวนะ ,, คดี? มันแจ้งความเรื่องอะไรไว้วะ?
ลูกชายคนเดียวของนายหัวเทอญ!!!!???
เห้ยยย นี้มึงเป็นใครกันแน่วะ!!
 

ตอนนี้ผมเริ่มกลัวแล้วละครับว่าสิ่งที่ผมเข้าใจมาตั้งแต่เมื่อคืน และสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นมันผิด!!
ผมมองออกไปรอบๆห้องก็เห็นกับภาพถ่ายขนาดใหญ่ เป็นรูปของมันกับพ่อแม่มันแน่ๆ
ภาพแบบนี้หลายๆครอบครัวชอบไปถ่าย ที่ให้พ่อแม่นั่งแล้วลูกยืนข้างๆนั้นแหละครับ
ผมมองไปหลายๆภาพที่แขวนไว้บนผนัง ก็เริ่มจะเข้าใจว่ามันเป็นลูกชายคนเดียวจริงๆแล้วแน่ๆ
เพราะมีแต่รูปครอบครัวที่ถ่ายกันเพียง 3 คน
ผมเดินดูรูปที่มันแปะไว้ในห้องอีกฝั่งก็เป็นรูปมันกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆ
พร้อมๆกับโพราลอยใบหนึ่งทีมันติดไว้ เป็นภาพที่มันโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้
กับข้อความที่ทำให้ผมต้องรู้สึกผิด…
 
“My wife My Love เรากำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่แล้วนะ”
 
มันมีเมียแล้ว??
เห้ยยย นี้มันเรื่องอะไรวะ!!
กูเข้าใจผิดว่ามันขายตัว แล้วตามมาทำร้ายข่มขืนมันถึงห้อง
กูทำในสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตแล้วใช่ไหม??!!!
 


ผมเดินเข้ามาในห้องนอนเล็กอีกครั้ง ก่อนจะมองดูผู้ชายที่นอนหลับสนิท
หน้ามันก็มีรอยช้ำ แล้วน้ำตาที่คลออยู่ที่ตานั้นอีก
ทำให้ผมไม่กล้าเอื้อมมือไปสัมผัสมันเลย ทั้งๆที่เมื่อคืนผมยังอยากจะเป็นเจ้าของร่างกายนี้อยู่แท้ๆ
ถึงว่าละมันขอร้องอ้อนวอนผมแทบตาย ยิ่งตอนที่ผมล่วงเกินมัน
มันร้องออกมาแบบเจ็บปวดมาก แต่ผมในตอนนั้นมันเป็นแค่คนบ้าที่เห็นว่าการกระทำของมันเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกดิบๆที่มีในตัว
 


นี้กูทำอะไรลงไปวะเนี้ยย?  กูทำลงไปได้ไงวะ TT
 


คนที่กำลังนอนหลับอยู่คงรู้สึกเจ็บแน่ๆ นอนกัดปากตัวเองไว้แน่นจนผมกลัวว่าปากมันจะแตก
ผมเอื้อมมือไปลูบไร้ริมฝีปากนั้นเบาๆให้มันหยุดกัดปากตัวเอง
รอยเลือดจากการกระทำเมื่อคืนเปื้อนเต็มที่นอน รวมไปถึงผ้าห่มที่ห่มตัวมันอยู่นั้นด้วย
 
แล้วถ้าพ่อแม่มันรู้ละ?  เมียมันอีก?
ความกลัว  ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกินใจผมมากขึ้นไปทุกที.
 
 
ผมเดินออกจากห้องของดิวมา โดยที่สมองผมคิดอะไรไม่ออกเลย
จนกลับมาถึงคอนโดของผมเอง
ยิ่งเห็นรอยช้ำรอยข่วนบนตัวเอง มันยิ่งทำให้ผมกังวลและเป็นห่วงคนอีกคนที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะตื่นหรือยัง
เมื่อคืนผมไม่ได้ทะนุถนอมมันเลย ผมทำรุนแรงกับมัน
จากที่คิดว่าจะไปเรียน ผมกลับรถไปทางคอนโดของดิว แวะซื้อโจ้กและยาไปให้มันแทน
 
“เพื่อนคุณดิวใช่ไหมครับ”
เสียงของ รปภ. ทักผมขึ้นมา ตอนที่ผมกำลังลงจากรถ

“อ่อครับใช่ครับ”
รู้ได้ไงวะเนี้ยยย - -‘
 
“เมื่อคืนคุณเมามากเลยนะ ผมเห็นคุณนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยตอนที่คุณดิวขับรถเข้ามา”

“อ่อครับ 555 นานๆได้ดื่นทีนะครับ ผมลงมาซื้อโจ้กกับยาไปให้ดิว ไม่รู้ว่าจะขึ้นไปได้ยังไงเหมือนกัน
เมื่อตอนลงมาก็ลืมขอคีย์การ์ดจากมันมาด้วย”

“ทางนี้เลยครับ แฮงค์ๆแบบนี้ต้องทานอะไรร้อนๆดีแล้วครับจะได้ฟื้นไวๆ”

รปภ.คนนั้นก็เดินนำผมไปทีทางเข้าคอนโด ก่อนจะเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป
 
ตอนนี้ผมยืนลังเลอยู่ที่หน้าห้องของดิว ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วมันจะด่าหรือจะต่อยผมหรือเปล่า
เอาวะ ,, ทำผิดไปแล้วก็ต้องไปขอโทษมันสิ!
 

ผมลองเปิดประตูเข้าห้องของดิวไป และอย่างที่ผมคิดเลยครับ ประตูยังไม่ได้ล๊อค
แสดงว่าคนในห้องยังไม่ตื่น หรืออาจจะตื่นแล้วแต่ไม่ได้สนใจว่าประตูล๊อคหรือไม่ล๊อค
ผมได้ยินเสียงเพลงดังออกมาจากห้องนอนเล็กที่ผมนอนเมื่อคืน และตอนนี้ดิวน่าจะยังนอนอยู่ในห้องนั้นเหมือนกัน
ผมเอายากับโจ้กไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินเข้าไปดูดิวในห้องนอน
 
“มึงยังไม่กลับไปอีกหรอวะ  กลับไปได้แล้ว  ออกไปจากห้องกูได้แล้ว”
เสียงดิวพูดขึ้นมาทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้อง

“กูกลับไปแล้ว แต่กูแค่ เออ .. กูแค่แวะมาดูมึงว่ามึงตื่นหรือยัง?”

“มึงจะแสดงละครอะไรอีกละ เมื่อคืนด่ากูสารพัด ทำร้ายกูขนาดนี้ จะมาพูดดีๆใส่กูอีกทำไม
มึงได้แล้วนิได้ทุกอย่างที่มึงอยากได้แล้ว มึงกลับไปได้แล้ว!!!”

“ดิวคือกูขอโทษจริงๆที่ทำแบบนั้นลงไป กูเข้าใจผิดวะมึง กูขอโทษ”

“ไอ้เชี้ยยยยย กูบอกมึงว่ากูไม่ใช่มึงไม่เชื่อ มึงทำร้ายกูขนาดนี้มึงมาบอกขอโทษหรอ? มึงไอ้เชี้ยย มึงมันไม่ใช่คนแล้ว
มึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากให้กูแจ้งความ มึงออกไป!!!!”

ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้ตัวดิว มันโวยวายและพยายามจะลุกขึ้น แต่มันลุกไม่ไหวหรอกครับ
ผมทำไปซะแรงเลย ขนาดผมคนทำเองยังปวดเมื่อยขาไปหมด TT
แล้วมันละโดนครั้งแรกด้วย แล้วผมแม่งงงทำไปตั้งหลายรอบ ลุกไหวก็ถึกเกินคนแล้ว
 
“งั้นกูกลับก่อนก็ได้ แล้วเย็นๆกูแวะมาดูมึงอีกทีนะ  กูซื้อโจ้กกับยามาไว้ให้อยู่ในห้องครัว มึงจะกินเลยไหมกูเอาเข้ามาให้”
ดิวมันนอนหันไปทางอื่น แต่ผมก็รู้ว่ามันกำลังร้องไห้
ไหล่ที่สั่นเทาขนาดนั้น มันคงเจ็บและเสียใจมากแน่ๆ
 
“ออกไป!!!”
นั้นคือเสียงของดิวที่ไล่ผมอีกครั้ง  ผมก็ไม่อยากอยู่ในห้องให้มันต้องรู้สึกแย่ เลยเดินออกจากห้องมา
คิดว่าจะกลับไปก่อนแล้วเย็นๆจะแวะมาดูอาการมันอีกที
เสียงโทรศัพท์ของดิวที่สั่นๆอยู่ตรงชั้นวางรองเท้า ทำให้ผมต้องเดินไปหยิบมาดู
 
“ My Wife”

สายเรียกเข้าจากคนๆนี้ทำให้ผมต้องเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ดิวกำลังจะหันมาด่าผม
แต่ผมยื่นมือถือไปให้ดิวก่อน

“กูเห็นว่ามีคนโทรเข้า และสายนี้น่าจะสำคัญกับมึงเลยเอาเข้ามาให้”
ดิวรับมือถือไปถือไว้ ก่อนจะมองหน้าผม
หน้าที่ผมไม่รู้เลยว่าดิวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ,,, ผมก็เลยทำได้แค่เดินออกจากห้องมา
หยุดยืนอยู่หน้าห้อง และยังไม่ทันได้ปิดประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงดิวคุยกับอีกคนในปลายสาย

“ครับผม ,, ไปหาหมอแล้วหรอ หมอบอกว่าไงบ้าง ลูกแข็งแรงดีนะ
อีก 2 อาทิตย์ดิวไปหานะครับ หวานอยู่ได้ใช่ไหม ,, ครับผม รักหวานนะ และรักลูกมากๆด้วย”

ตอนนี้เสียงของดิวสะอื้นหนักมาก จนคนปลายสายน่าจะถามแหละว่าเป็นไร ก็จับใจความกับสิ่งที่ดิวตอบกลับไปแค่ว่า
 
“ดิวเหนื่อยนะ และคิดถึงหวานกับลูก ไม่ต้องห่วงนะ ดิวทำได้ ดิวเป็นพ่อที่ดีเป็นหัวหน้าครอบครัวได้แน่นอน หวานเชื่อใจดิวนะครับ”
ผมได้ยินในสิ่งที่ดิวพูดแล้วยิ่งรู้สึกผิด ,,
ผมไม่น่าเลย ไม่น่าทำแบบนั้นลงไปเลย!!!!!!


-------------------------------------------------------------
เอาแล้วสิพี่เจ้นท์ ,, แกกล้าข่มเหงน้องดิวได้ไง
เมียเค้าจะด่าแกเอานะเว้ยย 555+
ยังไงก็ฝากนิยายเรื่อง How Far is near? ไว้ด้วยนะคะ
ชอบไม่ชอบยังไงแนะนำติชมกันได้น๊าาา :)
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -3|| 5-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2016 07:34:22
ชอบจร้า มาต่อบ่อยๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter 4|| 6-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 06-06-2016 20:57:28
[ ดิว ] - Chapter 4



“ไอ้เชี้ยดิว มึงเป็นไรเนี้ย ทำไมไม่มาเรียน”
เสียงของรี่โทรเข้ามาถามผม ในวันที่ผมขาดเรียนได้ 3 วันแล้ว

“ไม่สบายไง มึงไม่ได้ยินเสียงกูหรือไงครับรี่ แทบจะตายอยู่แล้ว”
[ อ้าวววไอ้สัสสดิว แล้วทำไมไม่โทรมาบอกกู งั้นเย็นนี้กูเข้าไปหานะมึง กินไรไหม ]

“ไม่เป็นไรไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปเรียนแล้ว”
[ มึงอยู่ได้หรอ? ได้แน่นะมึง ]

“เออได้ดิ นี้ป่วยจะตายมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วด้วย”
[ มึงไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังกูใช่ไหม? มึงแค่ไม่สบายจริงๆนะดิว กูเป็นห่วงมึงนะเว้ยย ]
เซ้นส์มึงแรงมากเลยรี่ - -‘ กูไม่ได้ปิดบังอะไรมึงงงงงเลยยยยยยย!!!

“อืออ กูโอเคดี ขอบใจมากมึง ยังไงเจอกันพรุ่งนี้”
[ เคเพื่อนน ]

ผมวางสายจากรี่ แล้วก็ต้องได้แต่นั่งถอนหายใจ
ไอ้รอยจางๆบนตัวเมื่อไหร่มันจะหาย ตรงคอนั้นอีก มันจางลงจากวันแรกแล้ว แต่มันก็ยังมองเห็นอยู่
แล้วกูจะไปเรียนได้ยังไงวะ? กูจะตอบคำถามคนอื่นๆได้ยังไง?
ยิ่งคนอื่นเห็น ก็คงด่าว่ากูไปฟัดกับใครมาแน่ๆ
ยิ่งคิดยิ่งเกลียดไอ้เชี้ยยนั้นจริงๆ

3 วันมานี้มันยังคงมาหาผมเหมือนเดิม ทั้งเช้า และเย็น
ไล่ยังไงก็ไม่กลับ ผมโวยวายปัดชามข้าวที่มันยกมาให้ในห้องกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ยังยิ้มให้ผม
และทำความสะอาดก่อนจะออกไปซื้อมาให้ผมใหม่

ก็วันนั้นหลังจากวางสายของหวานแล้ว มันก็เดินเข้ามาหาผมในห้องอีกครั้ง
ทั้งๆที่ผมไล่มันไปแล้วนะ แต่มันก็ยังหน้าด้านมากก!

“มึงอยากอาบน้ำไหม กูจะพามึงเข้าไปอาบ”
สายตาของมันต่างจากเมื่อวานมากๆ เมื่อวานเป็นสายตาของผู้ชายที่ดูเท่ห์ มั่นใจในตัวเอง
แต่วันนี้แม่งงโคตรสับสน เป็นสายตาที่ไม่มั่นใจเชี้ยไรเลย เดี๋ยวหลบตา เดี๋ยวจ้องตากลับมา
มึงเป็นเชี้ยไรเนี้ยยย!!

“กูบอกให้มึงออกไปจากห้องกูไง กูไม่อยากเห็นหน้ามึง ไม่อยากได้ยินเสียงมึง”
ผมตอบมันออกไป ก่อนจะค่อยยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่แม่งงง โคตรปวดขา ปวดสะโพกมากๆ

“เห้ยๆมึง กูช่วยนะ กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำอะไรมึง โอเคปะ”
มันไม่ทันฟังคำตอบของผมหรอกครับ มันวิ่งเข้ามาประคองผมให้นั่งพิงกับหัวเตียง ก่อนจะยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างๆเตียง

“มึงไปอาบน้ำไหม? หรือให้กูเช็ดตัวให้ดี?”

“กูไม่ได้เป็นง่อย กูทำเองได้ มึงออกไปได้แล้ว”

“แต่มึงไปอาบน้ำเถอะ มันคงมีอะไรค้างข้างในตัวมึงบ้างแหละ เมื่อคืนกูก็จำไม่ได้ว่าใส่ถุงทุกรอบไหม แล้วแบบว่าไม่รู้ว่าเผลอ เอ่ออ …. ไปในตัวมึงหรือป่าวนะ”

“มึง ออก ไป เดี๋ยว นี้!!!”

พอฟังในสิ่งที่มันพูดแล้วผมโคตรอยากตายให้ได้จริงๆ
มันน่ามาพูดอีกไหมว่าเมื่อคืนมันทำอะไรยังไงกับผมบ้าง มันควรจะพูดอีกงั้นหรอ?

ตอนนี้มันยอมเดินออกไปอยู่ตรงประตูห้องแล้ว แต่ไม่ยอมเดินออกไป
ผมอยากจะไปให้ไกลจากห้องนี้เร็วๆ  เรื่องเมื่อคืนทำให้ผมเกลียดบรรยากาศในห้องนี้
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวที่ไอ้เชี้ยนั้นเอามาวางไว้ให้มาพันตัว และพยายามลุกขึ้นยืน
มันโคตรทรมานเลยครับ เหมือนขาไม่มีแรงอะไรเลย
แต่พอผมยืนไหว และกำลังเอามือจับเก้าอี้ข้างๆตัวไว้ ก็รู้สึกได้เลยว่ามีอะไรไหลออกมาจากช่วงล่าง
พอก้มลงไปมองผมเห็นแต่เลือด  . . . นี้กูจะตายหรือป่าววะ?
สติของผมวูบดับไปอีกครั้ง พร้อมๆกับรู้สึกว่าแรงกระแทกของตัวผมกับพื้นห้องซึ่งมันนุ่มเกิน
เกินกว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องเย็นๆ


“ไอ้เชี้ยเจ้นส์ มึงทำเค้าขนาดนี้ได้ไงวะ กูจะแจ้งความว่ามึงทำร้ายร่างกายเค้า”
“ไอ้จ้านช่วยกูเถอะนะอย่าทำแบบนั้นเลย กูก็บอกแล้วไงว่ากูเข้าใจผิด”

เสียงของผู้ชาย 2 คนกำลังเถียงกันไปมาทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมามอง

เดี๋ยวนะๆ ,, ทำไมไอ้เชี้ยนั้นมี 2 ร่าง?
ผมขยี้ตาตัวเองซ้ำๆ จนตอนนี้ผมมั่นใจแล้วละว่าผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า
และใส่แว่นนั้นหน้าตาเหมือนไอ้เชี้ยที่ข่มเหงผมเมื่อคืนมาก

“ตื่นแล้วหรอครับคุณดิว ผมชื่อ จ้านนะครับ เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาล xxxx นะครับ”
คุณหมอจ้านพูดจบก็ยื่นนามบัตรมาให้ผม ซึ่งผมก็รับมาดูไว้ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้เชี้ยอีกคนที่พยายามจะยิ้มให้ผม

“แล้วมาทำไมครับ”

“คือไอ้เชี้ยที่มันทำเลวๆกับคุณนะมันชื่อเจ้นท์ครับ เป็นพี่ชายฝาแฝดผมเอง มันโทรหาผมให้ผมมาช่วยทำแผลให้คุณดิว
ซึ่งตอนนี้ผมทำแผลให้คุณดิวแล้วนะครับ ให้น้ำเกลือคุณดิวด้วยเลย เพราะอาการขาดน้ำและเสียเลือดมากไปเนอะ
และนี้ผมจัดยาไว้ให้คุณดิวทานแล้ว ยาทาบรรเทาอาการช้ำเลือดจากรอยพวกนั้นด้วย ผมจัดไว้ตรงนี้นะครับ
ทานยาและทายาให้ครบทุกมื้อ ไม่เกิน 4 วันร่างกายคุณดิวจะแข็งแรงเหมือนเดิมแน่นอน”

อ่ออ มีน้องเป็นหมอ เลยจะทำเลวๆกับใครก็ได้นี้เนอะ พอเค้าบาดเจ็บก็พาหมอมารักษาให้ถึงที่

“ทำงานกันเป็นระบบจังนะครับ อีกคนทำเลว อีกคนมาแก้ไขให้ แล้วนี้เอาเลือดไปตรวจให้ด้วยได้ไหมครับ”
ผมหันไปมองหน้าคุณหมอจ้าน ที่ผมคิดว่าภายใต้แว่นตาที่ทำให้ดูน่าเชื่อถือนั้น
จริงๆแล้วก็เลวไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอกนะ

“ตรวจหาอะไรครับ เดี๋ยวผมจะได้จัดการให้เลย”

“ตรวจ HIV ครับ ไม่รู้ว่าพี่ชายคุณจ้านไปมั่วไปเลวที่ไหนมาบ้าง เมื่อคืนมันบอกเองว่าไม่ได้ป้องกัน
ยังไงรบกวนขอผลตรวจเลือด และผลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยนะครับ”

“ได้เลยครับไม่เป็นปัญหา คุณดิวจะไปทำเรื่องเบิกประกันหรอครับ
แต่วันนี้จ้านมารักษาให้คุณดิวฟรีนะ ไม่ต้องเบิกก็ได้ครับ”

“ผมจะเอาไปแจ้งความนะครับ”

พอผมพูดจบ หมอจ้านหันไปยกยิ้มกวนตีนใส่พี่ชายตัวเอง ก่อนจะหันมาเจาะเลือดตามที่ผมขอด้วย

“เดี๋ยวกูออกไปส่งไอ้หมอก่อนนะ อยากกินไรป่าวกูจะซื้อมาให้”
ไอ้เชี้ยเจ้นท์ หรือไอ้เชี้ยเลวนั้นแหละครับ หันมาถามผมหลังจากที่หมอจ้านตรวจร่างกายผมเสร็จ

“มึงไม่ต้องกลับมานั้นแหละที่กูต้องการ”
พูดจบผมก็ล้มตัวลงนอน ไม่สนใจว่ามันจะบ่นหรือด่าผมว่าอะไร

แต่มันหน้าด้านครับ ซื้อข้าวมาให้ผม เอายามาให้ผมกินครบทุกมื้อ ซึ่งกว่าจะกินได้ผมก็อาละวาดใส่มันไปทุกครั้ง
ผมไม่ยอมกินข้าวกินยา และอาละวาดบ่อยขึ้นจนมันเองก็คงหมดความอดทนเหมือนกัน
มันจับข้อมือผมไว้ ก่อนจะตะโกนใส่หน้าผมมาเป็นชุดเลยครับ ….

“ไอ้เชี้ยดิว กูรู้ว่ากูผิดเว้ยที่ข่มขืนมึง แต่มึงเข้าใจปะว่ากูเห็นมึงประกาศขาย
ไอ้สัสสใครก็อยากได้มึง ก็มึงหน้าตาดี แล้วก็ดูไม่ช้ำเหมือนไอ้พวกหน้าเดิมๆ
กูผิดหรอวะที่กูอยากได้มึง ก็กูคิดว่ามึงขาย แล้วที่มึงปัดป้อง มึงขัดขืนกู
กูก็คิดว่านั้นเป็นมารยาของมึง กูก็เลยขาดสติ แต่พอกูรู้ว่ามึงไม่ได้เป็นแบบที่กูคิด
กูก็มาขอโทษมึง มาดูแลมึงเนี้ยย กูรู้ว่ามึงไม่อยากเห็นหน้ากู
แต่อีกไม่กี่วันแผลมึงหาย หรือยาหมดตามที่ไอ้จ้านมันจัดไว้ให้
กูจะไป ไปให้ไกลจากมึงเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ให้กูดูแลมึงก่อนได้ไหมวะ?”

พูดจบมันก็นั่งหอบ ,, สมน้ำหน้าไอ้สัสสทำเป็นตะคอกใส่กู
แม่งงทำไรก็ทำให้น่าหงุดหงิดตลอดจริงๆ

และก็เป็นแบบที่มันบอกไว้ครับ วันนี้ยาและอาหารมื้อสุดท้ายแล้ว
มันยกเข้ามาวางให้ผมที่โต๊ะทานข้าว
ตอนนี้ผมเริ่มเดินไหวแล้ว แผลที่ฉีกหรือความบอบช้ำบนร่างกายผมเริ่มเบาลงแล้ว

“กินซะ เดี๋ยวกูจะได้เอาไปล้างให้”
มันคงเพิ่งกลับจากทำงานนั้นแหละครับ ตอนนี้มันนั่งทานข้าวของมันไป แล้วก็ก้มลงไปเล่นมือถือ

“เดี๋ยวกูล้างเอง มึงกลับไปได้แล้ว วันนี้ครบสัญญาแล้ว ยาหมดแล้ว และกูก็หายดีแล้ว”
มันเงยหน้ามามองหน้าผม ก่อนที่มันจะอ้าปากพูดอะไรต่อนั้น ผมก็พูดดักมันไว้ก่อน

“ไม่ต้องมารู้สึกผิดกับกู สิ่งที่มึงทำกับกูนั้นกูรังเกียจมากและคงไม่มีวันลืมแน่ๆ
แต่กูเป็นผู้ชาย กูไม่ท้องไม่เสียหายอะไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องมารู้สึกผิดอยากจะรับผิดชอบกู
จากวันนี้ไปก็ไม่ต้องมาหากู ไม่ต้องทักไลน์กูมา ไม่ต้องทักกูด้วยถ้าบังเอิญเจอกัน
เพราะกูคงเกลียดมึงไปตลอดชีวิตกูนั้นแหละ”

เจ้นท์มันก็ได้แต่ก้มหน้า ก่อนจะเงยหน้ามามองผมอีกครั้ง แล้วก็ลุกออกจากโต๊ะทานข้าวไป
ตรงไปเก็บกระเป๋าที่มันหอบมาเมื่อเย็น ก่อนจะเดินออกจากห้องของผมไป
ผมนั่งมองความว่างเปล่าในห้องอยู่สักพัก ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงห้อง
ซึ่งตอนนี้ฝนตกอีกแล้ว ,, ทำไมกันนะฝนถึงชอบตกในวันที่ชีวิตผมต้องเจอเรื่องราวอะไรสักอย่างทุกที

ฝนร้องไห้เป็นเพื่อนผมอยู่ใช่ไหมครับ?
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -4|| 6-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2016 23:26:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -4|| 6-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-06-2016 12:20:31
คืออ งง กับดิวอะ ประตูห้องดิว ไม่มีกลอนเหรอ ไอ้เจ้น มันออกไปตั้งหลายรอบ ทำไมไม่ล็อก คืออยากทราบว่า ผช โดน ผช ด้วยกันข่มขืน ไม่ กังวลใจเลยหรอ งงอะ หรือดิว ชอบ ผชอยู่แล้ว ดิวดีแต่ต่อปากต่อคำอะ คืออะไร อ่านแล้วไม่ใช่อะ นี่คือโกรธแล้วใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -4|| 6-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 07-06-2016 13:11:59
คืออ งง กับดิวอะ ประตูห้องดิว ไม่มีกลอนเหรอ ไอ้เจ้น มันออกไปตั้งหลายรอบ ทำไมไม่ล็อก คืออยากทราบว่า ผช โดน ผช ด้วยกันข่มขืน ไม่ กังวลใจเลยหรอ งงอะ หรือดิว ชอบ ผชอยู่แล้ว ดิวดีแต่ต่อปากต่อคำอะ คืออะไร อ่านแล้วไม่ใช่อะ นี่คือโกรธแล้วใช่มั้ย

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ เดี๋ยวมันมีเฉลยๆไปในตอนต่อไปเรื่อยๆเนอะ : )
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -5|| 9-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 09-06-2016 02:52:21
[ ดิว ] - Chapter 5



“มึงไม่มาดร๊อปทีเดียวเลยละวะ”
เสียงของรี่ให้พรผมแต่เช้าเลยครับ หึ ,, มึงจะรู้อะไรละครับ
กว่ากูจะเดินลงมาที่ลานจอดรถกว่าจะขับรถมามหาลัยได้ ร้องโอดโอยไปกี่รอบ
จริงๆรอยแผลที่ไอ้เชี้ยเจ้นท์ฝากไว้มันเริ่มหายไปบ้างแล้วละครับ แต่มันก็ยังปวดอยู่นิดหน่อย ยังนั่งลำบากอยู่ TT
 
“กูมาไหวก็ดีแค่ไหนแล้ว มึงนี้นะให้พรกูแต่เช้าเลย”
ผมบ่นๆมันไปนิดหน่อย ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วลงนั่งข้างๆมัน
 
“ไปหาหมอมาแล้วใช่ปะวะมึง หน้าดูซีดๆ ไหวป่าวววว”
เนียร์เดินมาจับหน้าผมไม่ดู แต่มึงช่วยเบาๆหน่อยได้ไหม ,, หน้ากูยังช้ำอยู่เว้ยย
 
“นี้ๆกูถามจริงๆเหอะดิว มึงไปมีเรื่องอะไรมาวะ มันไม่ใช่ป่วยแล้วละ มึงมีรอยช้ำๆที่หน้าเต็มเลย”
พอรี่มันได้ยินเนียร์พูดแบบนั้น  รี่มันรีบเอามือมาจับหน้าผม พลิกไปมาเพื่อหาร่องรอยช้ำบนใบหน้า
สักพักมันก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ
 
“มึงอย่าบอกนะว่า ,, มึง  มึง เอ่อออ มึง ไป … “
มันเอามือมาชี้ๆที่รอยตรงคอ แล้วเอามือยกมาปิดปากตัวเอง
ดีนะว่าในห้องเรียนยังไม่มีคนเข้ามานั่งรอเรียนเยอะเท่าไหร่
ผมก็ได้แต่พยักหน้าให้ไปมันไป ,, จะโกหกยังไงได้ละหลักฐานเต็มตัวแบบนี้
รี่น้ำตาคลอออกมา ก่อนจะดึงมือผมให้ลุกขึ้นยืน
 
“ไม่ต้องเรียนแล้วมึง ออกมากับกูเดี๋ยวนี้เลย”
 
“ไปไหนวะมึง เรียนก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน”
 
“ไม่ได้ มันรอไม่ได้แล้วนะดิว”

ผมไม่เคยเห็นรี่ร้องไห้และทำสีหน้าแบบนี้มาก่อนเลยครับ
ผมเลยยอมเดินตามมันออกมานอกห้อง ส่วนเนียร์ก็เดินถือของๆรี่เดินตามออกมา
รี่ยังคงเดินจูงมือผมไปเงียบๆ จนถึงที่จอดรถของมัน แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปกอด

“มึงบอกกูมาสิดิวว่ารอยพวกนี้มึงไปโดนอะไรมา  มันไม่ใช่แบบที่กูคิดใช่ไหม”
มันยังกอดผมไว้ แล้วก็ถามผมออกมา ผมก็ทำได้แต่กอดตอบมันไป
 
“อืออ”
มันพูดอะไรไม่ค่อยออกจริงๆครับ ทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนคิดมาทั้งคืนว่าจะพูดว่ายังไงดี
จะบอกดีไหม หรือจะเงียบไปแบบนี้ดี
 
“ดิว ,, กูขอโทษนะมึง ,, เวลาที่มึงเจอเรื่องร้ายๆทำไมวะ ทำไมไม่บอกกู”
 
“ขอโทษนะมึง กว่ากูจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลาหลายวันเหมือนกัน
วันนี้กูจะไปเปลี่ยนเบอร์แล้วก็ไปแจ้งความด้วย  เดี๋ยวเรื่องเชี้ยๆพวกนี้คงจบแล้วละ”

รี่ก็ยังคงสะอื้นอยู่ที่อกของผม ส่วนเนียร์นั้นก็หน้าเสียไปเยอะเหมือนกันครับ
 
“อย่าบอกนะว่าเป็นคืนนั้นที่เรานัดกันไปร้านเหล้า แล้วกูไม่ได้ไป”
ผมก็ได้แต่พยักหน้าให้เนียร์ ก่อนจะเอื้อมมือไปตบบ่ามันเบาๆ
แต่เนียร์มันทำท่าอารมณ์เสียมากๆ เตะต่อยต้นไม้แถวๆนั้นใหญ่เลย
จนผมต้องผละรี่ให้ออกจากกอดของผม แล้วเข้าไปดึงมันไว้
 
“ไม่เอานะเนียร์ มึงอย่าทำแบบนี้ดิวะ”
 
“เพราะกูไม่ไปตามนัด มึงถึงเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ กู ,, ฮึกก กูขอโทษนะเว้ยย ฮือออ”

คราวนี้ละจะปลอบใครละเนี้ย ร้องไห้กันหมดเลย
ผมเลยดึงมันทั้งคู่เข้ามากอด
 
“พวกมึงต้องปลอบกูสิครับ ไม่ใช่ให้กูมาปลอบ”
 
“มึงแม่งง เก็บเรื่องแบบนี้ไว้ทำไมวะ ทำไมไม่โทรหากูทันทีที่มีเรื่องละ”

เนียร์แม่งงเนียนสัสส ผลักผมออกไปแล้วกอดรี่แน่นเลยครับ
ผมเลยยืนกอดอกมองพวกมันเนียนกอดกันตรงนั้นแหละครับ อยากให้น้องแตงกับพี่ทิวผ่านมาเจอจัง 5555
 
“ไอ้เชี้ยเนียร์ปล่อยกู เดี๋ยวผัวกูมาเห็น ไอ้เชี้ยยย เนียนตลอดเลยนะ”
รี่มันคงรู้ว่าคนที่กอดมันไม่ใช่ผม เลยผลักเนีนร์ออก
 
“ไปหาที่คุยกันเถอะ กูว่าเราต้องคุยกันอีกเยอะนะ”
รี่พูดจบก็เดินขึ้นไปนั่งบนรถ ผมกับเนียร์ก็เลยขึ้นรถตามมันมาด้วย
รี่มันขับรถพาผมกับเนียร์มาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ตอนนี้มันจอดรถเรียบร้อยละครับ
 
“มาทำไมวะรี่”
ผมหันไปถามมัน ตอนที่มันกำลังจะถอดเบลท์
 
“มาตรวจโรคสิ มึงปลอดภัยสะอาดกูมั่นใจ แต่ไอ้เลวนั้นละมันปลอดภัยหรือเปล่า
แล้วก็จะได้เอาเป็นหลักฐานไปแจ้งตำรวจด้วย”
 
“กูทำมาหมดแล้ว เอกสารน่าจะได้วันนี้เนี้ยแหละ”
 
“อ้าววหรอ งั้นดีเลย กูโทรนัดพี่ทิวก่อน เค้าจะได้นัดเพื่อนที่เป็นทนายมาคุยกันเลย
เรื่องแบบนี้กูว่านะคุยกันก่อนไปโรงพักดีกว่า เดี๋ยวเรื่องดังไปพ่อแม่มึงจะกริ้วอีก”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับรี่ เพราะตอนที่ผมดึงดันจะแต่งงานกับหวาน พ่อแม่ผมก็แทบจะตัดผมออกจากตระกูลแล้ว
 
รี่มันก็กดโทรหาพี่ทิว  ส่วนเนียร์มันก็รีบไลน์ไปบอกน้องแตงว่าวันนี้มันไม่ว่าง
ส่วนผมก็กดเบอร์โทรหาหมอจ้าน  ช่วง 2-3 วันมานี้หมอจ้านโทรมาหาผมทุกวันครับ
ทำให้เบอร์ในรายการโทรเข้า-ออกจะเป็นเบอร์ของหมอจ้านซะเยอะ
ถึงจะยังมีเบอร์อื่นๆโทรมาซื้อผมอยู่เถอะนะ - -‘
 
[สวัสดีครับน้องดิว]
เดี๋ยวนี้เรียกน้อง ,, เราสนิทกันหรอหมอ?
 
“ผมจะถามถึงเอกสารตรวจของผมนะครับ ไม่ทราบว่าให้ผมไปรับได้ที่ไหน”
 
[ เออจริงด้วยสิ ตอนนี้ผมกำลังจะไปเมืองนอก งั้นเดี๋ยวผมโทรให้เด็กเอาไปให้ละกัน น้องดิวอยู่ห้องหรือเปล่า ]
 
“ไม่ได้อยู่ครับ ผมออกมาข้างนอกกับเพื่อน หมอจ้านให้เค้าเอาไปฝากไว้ที่ล๊อบบี้คอนโดผมละกัน เดี๋ยวผมเสร็จธุระแล้วจะรีบไปเอา”
 
[ นี้จะแจ้งความจับน้องชายหมอจริงๆหรอ ]

เสียงหมอจ้านถามออกมา แต่ในน้ำเสียงของหมอไม่มีทีท่าว่ากังวลอะไร ,, นี้พี่น้องกันจริงไหม?
 
“ก็ต้องยังนั้นแหละครับ ว่ากันไปตามกฎหมาย ผมเป็นคนเสียหาย คงไม่ปล่อยคนเลวๆไว้หรอกครับ”
ยิ่งพูดเรื่องนี้ ยิ่งทำให้นึกถึงเรื่องราวในคืนนั้น ,, โอ้ยยย ปวดหัวเว้ยยย!
 
[ แต่ก็แปลกนะครับที่น้องดิวไม่โวยวายหรือคิดจะเอาเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง เป็นคนอื่นนะตอนนี้น้องผมคงกำลังทำเรื่องต่อสู้ในศาล หรืออาจจะอยู่ในคุกไปแล้วละ ]
 
“หมอพูดแบบนี้ต้องการอะไรครับ ว่ามาเลยก็ได้นะ”
 
[ ก็ไม่มีอะไรนะ หมอแค่บอกว่ามันแปลกเฉยๆ ]

หมอจ้านพูดไปก็หัวเราะไปด้วย ไม่ชอบเลยไอ้น้ำเสียงแบบนี้ ,, เกลียดด!!
 
“งั้นเอาไว้เราเจอกันที่ศาลนะครับหมอจ้าน เพราะหมอก็คงต้องมาเป็นพยานอยู่แล้วละ”
 
[ ได้เลยครับ เจอที่ศาล เจอที่คอนโด เจอที่มหาลัย หรือเจอกันที่ไหนได้หมดเลย น้องดิวอยากเจอหมอที่ไหนโทรมาได้ตลอดนะ ]
 
“นี้ถามจริงเถอะจบหมอมาชัวร์ปะเนี้ย”
 
[ 5555 อ้าววอะไรละครับน้องดิว  เอาไว้หมอกลับมาแล้วค่อยคุยกันนะ สักพักจะให้เด็กเอาเอกสารไปให้นะครับ ]

“เออ”

ผมตอบแบบไม่ต้องหวังมารยาทอะไรอีกแล้วละครับ แม่งงง กวนตีนกันทั้งพี่ทั้งน้อง!!
 
“มึงเป็นไร แล้วนี้กูให้โทรไปหาหมอ มึงโทรหาใครเนี้ย”
รี่หันมาถามผม แต่ตอนนี้มันก็ขับรถออกมาจาก รพ. ละนะ
 
“ก็หมอนั้นแหละ แต่มันพูดไม่ค่อยดี แล้วนี้มึงจะไปไหน?”
 
“ก็ไปหาพี่ทิว มันอ่านหนังสืออยู่ตรงคอฟฟี่ทามแถวๆมหาลัยอะ”

คอฟฟี่ทามเป็นร้านกาแฟครับ เปิด 24 ชั่วโมง เป็นอาคารพาณิชย์ประมาณ 4 คูหา และมีสามชั้นครับ
ทำเป็นที่อ่านหนังสือ ร้านกาแฟ ร้านนั่งเล่นทั่วไปของนักศึกษานี้แหละครับ
 
“งั้นแวะไปคุยกับพี่ทิวเสร็จแล้ว กูจะกลับเข้าไปใน ม. ไปเอารถแล้วกลับคอนโดเลยนะ
ไอ้หมอมันให้คนเอาเอกสารไปส่งให้กูที่คอนโดแล้วอะ”
 
“กูกลับพร้อมมึงนะดิว  น้องแตงมันไม่ยอมวะมันจะให้กูเข้าไปรับมันให้ได้”

ผมก็ได้แต่พยักหน้าตกลงให้กับเนียร์ ที่ตอนนี้มันเริ่มจะแชตรัวๆใส่น้องแตงอีกรอบ
คือมันพิมพ์แชตไวมากครับ และน้องแตงก็พิมพ์ไวพอๆกับมัน
รี่เคยถามมันว่า ถ้าจะพิมพ์เร็วขนาดนี้โทรไปคุยเหอะ  คือเหมือนต่างคนต่างพิมพ์ในเรื่องที่ตัวเองอยากคุยอยากบอก
แต่อีกฝ่ายตอบว่าไงไม่รู้ไม่เข้าใจไม่สนใจ ประมาณนั้นแหละครับ 5555
 
“โน้นนไง พี่ทิวนั้งตรงโน้น ไม่ค่อยเด่นเลยจริงๆแฟนกู  นั่งให้สาวมองตลอด
กูควรเดินเข้าไปด่า หรือเข้าไปโอบกอดมันให้คนอื่นอิจฉาวะ”

ตอนนี้พวกผมเดินเข้ามาในร้านคอฟฟี่ทามละครับ และรี่ก็ชี้ให้พวกผมดูพี่ทิว ที่นั่งหล่อๆอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้า
 
“เดินไปปกติเนี้ยแหละ ตรงที่พี่แกนั่งมันโซนอ่านหนังสือ ถ้ามึงเสียงดัง พนักงานก็จะเชิญมึงออกจากร้านนะครับรี่”
เนียร์ตอบเสร็จก็เดินนำรี่เข้าไปหาพี่ทิวก่อน พอพี่ทิวเห็นพวกผมมาถึงแล้วก็ขยับกระเป๋าที่วางใกล้ๆตัวไปไว้ที่อื่นแล้วให้พวกผมลงไปนั่งที่ว่างข้างๆ
 
“ไหนเพื่อนพี่ละ”
รี่เดินไปนั่งเบียดพี่ทิว ซึ่งไอ้เนียร์มันบอกว่า ท่านมเบียดครับ คือมันจงใจเอาหน้าอกไปเบียดแขนพี่ทิว
รี่ชอบทำแบบนี้เวลามีสาวๆมามองพี่ทิวเยอะๆ 5555
 
“เพื่อนพี่มันไปธุระด่วนนะ นั่งกันก่อนสิดิว  เนียร์”
พี่ทิวชี้ที่นั่งว่างๆที่อยู่ตรงข้ามพี่ทิวให้พวกผมเดินไปนั่ง
แต่เนียร์มันอยากไปซื้อเครื่องดื่มก่อน เลยหันไปชวนรี่ให้ไปซื้อด้วยกัน
 
“รี่ไปซื้อหนมกัน”

“ไม่ไป จะอยู่กับพี่ทิว”
ยิ่งมันพูดมันก็ยิ่งนั่งชิดพี่ทิว จนแทบจะนั่งตักละครับ
 
“ไปเถอะรี่  พี่อ่านหนังสือตรงนี้ไม่สนใจสาวที่ไหนหรอกแล้วก็นะไม่ต้องเอาฟองน้ำมาเบียดพี่เดี๋ยวไม่ได้อ่านกันพอดีหนังสือเนี้ย”
พูดเสร็จพี่ทิวก็แกะแขนรี่ออก ก่อนจะกวักมือเรียกเนียร์ให้เข้าไปดึงรี่ออก
 
“ดูแฟนกูทำสิ แหม่ ,, ทำซะเหมือนกูเป็นตัวเชื้อโรค เชอะ! คืนนี้พี่ได้ใบแดงนอนนอกห้องนะ”
รี่ทำท่ายื่นใบแดงใส่หน้าพี่ทิว แต่พี่ทิวก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันไปตอบรี่แบบขำๆ
 
“คืนนี้พี่จะกลับไปนอนบ้านพี่จ๊ะ”
แค่นั้นละครับ รี่รีบดึงแขนเนียร์ไปซื้อขนมเลย เพราะรู้ว่าเถียงพี่ทิวไม่ได้แล้วแน่ๆ
พอรี่เดินออกไปแล้ว พี่ทิวก็หันมายิ้มให้ผม
 
“นั่งสิดิว ขยับกระเป๋าเพื่อนพี่ไปข้างๆนั้นแหละ”
ตรงที่นั่งข้างหน้าผมมันมีกระเป๋าวางไว้นะครับ ผมเลยไม่กล้านั่ง
พอพี่ทิวพูดแบบนั้นผมเลยขยับกระเป๋ากับกองหนังสือตรงหน้าไปไว้ริมๆโต๊ะแทน
แต่ด้วยความที่ผมผลักแรงไป กระเป๋าเลยตกลงไปข้างๆโต๊ะ
 
“ขอโทษทีครับพี่”
ผมรีบขอโทษพี่ทิว ก่อนจะวางกระเป๋าตัวเองไว้บนโต๊ะ
แล้วก้มลงไปเก็บกระเป๋าของเพื่อนพี่ทิวขึ้นมา
แต่ ,,, กระเป๋าใบนี้มันคุ้นตามากๆ
หรือมันกำลังฮิตกันวะ? ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูไอจีเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเค้ากำลังฮิตกระเป๋าแบบไหน
ผมเก็บกระเป๋าและหนังสือที่ตกไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะก้มลงไปมองอีกครั้งว่าเก็บของหมดหรือยัง
ก็บังเอิญไปเห็นว่ามีการ์ดสี่เหลี่ยมที่ห้อยไว้กับกุญแจตกอยู่เลยเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา
 
“อ้าวว กูทำกุญแจคอนโดร่วงตอนไหนวะเนี้ย”
กุญแจคอนโดผมเองครับ ผมชอบเอาคีย์การ์ดมาใส่ที่ห้อยกับกุญแจห้อง
เวลาไปไหนจะได้ไม่ลืม เพราะมันสำคัญทั้ง 2 อย่าง
 
“เจ้าของกระเป๋าแม่งรีบไปไหนไม่รู้ เอาของมาโยนๆวางๆแล้วก็ออกไป”
พี่ทิวหันมาบอกผม ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ
พี่ทิวเรียนนิติศาสตร์ครับ ปี 4 แล้ว
 
ผมเปิดกระเป๋าตัวเองเพื่อจะเก็บกุญแจห้องกับคีย์การ์ด แต่ก็เห็นว่ากระเป๋าเงิน โทรศัพท์
และคีย์การ์ดก็ยังอยู่ในนั้น
 
แล้วคีย์การ์ดอันนี้มันของใคร???
 
ผมพิศมองของในมืออีกรอบ ก็ต้องบอกตัวเองว่ามันเป็นของผมแน่ๆ
คอนโดนี้ก็ชื่อคอนโดผม ซึ่งบนคีย์การ์ดจะสกรีนรูปคอนโดไว้ และแน่นอนครับ
กุญแจที่ติดอยู่กับคีย์การ์ดนั้น มันเป็นกุญแจห้องผมแน่นอน!!!
เพราะหวานเอาสีทาเล็บไปทาไว้ มันเลยแตกต่างจากกุญแจห้องคนอื่นๆ
 
“ขอของเราคืนด้วย”
เสียงดุๆดังมาจากข้างหลังผม ก่อนที่จะมีแรงกระชากของออกจากมือผมไป
 
“อ้าววไอ้เจ้นท์  ทำไมมาไววะ”
 
เจ้นท์!!!
 
ผมรีบหันไปมองหน้าคนที่พี่ทิวกำลังพูดทักทาย
ชัดเจนเลยย !!!
ไอ้เชี้ยเจ้นท์!!
 
“เออดิ มาแล้ว ไอ้พี่จ้านแม่งงกวนตีน ให้ไปรับแล้วตัวเองออกจาก รพ. แล้วนะ ให้กูไปทำไมไม่รู้”
มันกำลังจะบ่นอะไรต่อผมไม่รู้หรอกครับ แต่พอมันหันมาทางผม มันก็หยุดพูดทันที
 
มาอีกแล้วเพลงๆนี้ดังขึ้นมาอีกแล้ว ,,
 
พ ย า ย า ม จ ะ ท ำ วิ ธี ต่ า ง ๆ  ใ ห้ เ ธ อ นั้ น รั ก ฉั น
พ ย า ย า ม ทุ ก วั น   ม อ บ ใ ห้ ทุ ก อ ย่ า ง ที่ เ ธ อ ต้ อ ง ก า ร    …  . .

   


“กูมาแล้วครับพี่ทิว”
เสียงเพื่อนๆของพี่ทิวดังขึ้นมาอีก ก่อนที่เสียงเฮฮาคุยกันมาตลอดทางจะเงียบไป
เมื่อทุกคนหันมามองหน้าผม
 
“ดิว!”
เสียงไอ้คนที่ใส่แว่น กับคนอ้วนๆตัวใหญ่ในคืนนั้นที่มันลากกันขึ้นรถไปนั้นแหละครับ
 
“อ้าวว นี้พวกมึงรู้จักน้องดิวด้วยหรอวะ  ดีๆเลย ก็คนนี้แหละที่กูจะชวนพวกมึงมาศึกษากรณีคดีความของน้องเค้า
เดี๋ยวรอพี่แม๊คมาก่อน ค่อยว่ารายละเอียดกันอีกที”

ตอนนี้ไอ้พี่เจ้นท์มันโดนพี่แว่นกับพี่ตัวอ้วนดึงลงให้ไปนั่งข้างๆพี่ทิวแล้วครับ
 
“คดีอะไรวะทิว” พี่คนใส่แว่นถามพี่ทิวเสียงสั่นๆ  พี่เค้าก้มหน้าก้มตาพยายามไม่สบตาผม
มีแต่ไอ้เชี้ยเจ้นท์คนเดียวนั้นแหละครับ ที่จ้องหน้าผมอยู่ตลอดเวลา
 
“พอดีน้องทิวเค้าโดนแกล้งนะ มีคนเอารูปเบอร์โทรของน้องเค้าไปโพสในเวปขายตัว
ทำให้มีคนเข้าใจน้องเค้าผิด และมีคนโทรเข้ามาเยอะมาก ตอนนี้น้องเค้ารวบรวมหลักฐานไว้เยอะแล้วละ
ก็เลยจะนัดพี่แม๊คที่เป็นทนายมาปรึกษา น้องเค้าจะแจ้งความกับตำรวจนะ”
 
“อ่ออ ยะ แย่ แย่เลยนะครับ”

พี่คนที่ตัวใหญ่ๆตอบกลับมาเสียงสั่นๆ
 
“ก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วละครับ”
ผมตอบกลับไป พร้อมๆกับพยายามจะสบตากับคนทั้ง 2 คนนั้น
นี้มันร่วมมือกันทำชั่วแล้วละนะ ,, ผมต้องเอาผิดพวกมันให้ได้!!!!!!
 
“อ้าวว พี่โต้ พี่แว่น พี่เจ้นท์  สวัสดีค่า”
รี่เดินเข้ามาถึงโต๊ะ ก็ยกมือไหว้ทักทายเพื่อนๆของพี่ทิว
เนียร์มันวางเครื่องดื่มในมือลง แล้วก็ยกมือไหว้ตาม
แต่พอมันเห็นหน้าพี่เจ้นท์ มันก็ยืนนิ่งๆ เหมือนคนโดนมนต์สะกดเลยละครับ
จนรี่มันต้องตบหัวเข้าไป 1 ที มันถึงรีบนั่งลงข้างๆผม
 
“พี่แม๊คยังไม่มาอีกหรอคะพี่ทิว เดี๋ยวไอ้ดิวมันจะกลับไปเอาเอกสารสำคัญต่อละนะ”

“นั้นสิทำไมยังไม่มาไม่รู้ เดี๋ยวพี่โทรตามก่อนนะ”

พี่ทิวยกมือถือขึ้นมาโทรตามพี่แม๊ค  ตอนนี้บนโต๊ะสนทนาก็เลยมีแต่รี่เท่านั้นครับที่ชวนคนนั้นคนนี้คุย
 
“พี่เจ้นท์เคยไปอยู่เชียงใหม่ไหมครับ?”
อยู่ๆเนียร์มันก็ถามพี่เจ้นท์ขึ้นมา  มันจะเคยไปหรือไม่เคยไป มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ?

“ไม่อะ พี่ไม่ชอบเดินทางไปไหนเท่าไหร่”
ไอ้เชี้ยเจ้นท์ก็ตอบเนียร์กลับไป พร้อมๆกับยังนั่งจ้องหน้าผม
 
“พวกมึง พี่แม๊คไม่ว่างมาวะ ติดเรื่องตามคดีอยู่  เอาไงดีอะรี่ น้องดิว
วันพรุ่งนี้หรือวันอื่นได้ไหมครับเดี๋ยวพี่นัดให้อีกที”

ตอนนี้ทั้งโต๊ะหันมามองหน้าผม
 
“ไม่เป็นไรครับพี่ทิว เดี๋ยวดิวติดต่อทนายของครอบครัวดิวก็ได้เรื่องแบบนี้ดิวไม่อยากทิ้งไว้นาน
เดี๋ยวหลักฐานมันจะหายไปซะก่อน!!!”
 
“อืมม งั้นถ้าได้เรื่องอะไรแล้วดิวโทรหาพี่นะ”

พี่ทิวยิ้มกลับมาให้ผม ก่อนจะค่อยๆเก็บหนังสือเรียน
ส่วนไอ้  3 คนข้างๆพี่ทิวนั้น ถ้าผมไม่อคติกับพวกมันมากเกินไปอะนะผมว่าไอ้พี่แว่นกับพี่โต้มันแอบถอนหายใจแรงๆ
ส่วนไอ้เชี้ยพี่เจ้นท์ ผมเดาความคิดมันไม่ได้หรอกครับ แม่งงง เลว!!!
 
“งั้นเรากลับไปเอารถกันเถอะดิว” รี่หันมาชวนผมกลับเข้าไปใน ม.

“น้องรี่ไปกับทิวเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องเนียร์กับน้องดิวเอง”
เสียงหล่อๆแบบนี้ไม่ใช่ใครหรอกครับ เสียงไอ้เชี้ยพี่เจ้นท์!
 
“ไอ้เชี้ยเจ้นท์!!!!”
พี่แว่นกับพี่โต้ถึงกับหันไปตบหัวพี่เจ้นท์เลยครับ
 
“กูกลับกับไอ้โต้นะเว้ยย แล้วมึงตามไปหากูที่ร้านพี่ชาญด้วย”
พี่แว่นพูดจบก็รีบลากพี่โต้ออกจากร้านไป พี่ทิวได้แต่มองเพื่อนของตัวเองอย่าง งงๆ
แต่แกคงชินกับอาการบ้าๆบอๆของเพื่อนแกละมั้งครับ เพราะผมเห็นแกยิ้มขำๆออกมา
ก่อนจะชวนรี่กลับห้อง
 
“งั้นกูกับพี่ทิวกลับละนะ มึงก็ให้พี่เจ้นท์เค้าไปส่งเอารถ กลับถึงคอนโดก็โทรหากูด้วยละ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเรียกรถมอไซต์รับจ้างไปส่งก็ได้ ไม่อยากรบกวนเพื่อนพี่ทิว”

“พี่เต็มใจ ให้พี่ไปส่งดีแล้วละ”

ไม่ต้องเสือกมาทำแสนดีเลย กูไม่หลงกลหน้าหล่อๆของมึงแล้วละไอ้เชี้ยพี่เจ้นท์!
 
“กูไม่เต็มใจ”
พอผมพูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะมาโดยไม่หันไปดูหน้าของคนบนโต๊ะอีกเลยครับว่าตอนนี้จะทำหน้ายังไง
 

ผมเดินออกมาเรียกรถรับจ้างแถวนั้นให้ไปส่งที่หน้าคณะ ก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ
แต่ก็ยังเดินไปไม่ถึงที่จอดรถของตัวเองเลยครับ  อยู่ๆก็มีคนมากระชากแขนผมไว้
 
“เห้ยย ปล่อย” ผมรีบสะบดแขนออก ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ดึงแขนผมไว้

“ขอโทษๆ ตกใจหรอ นี้พี่โซ่เองครับ”
ไอ้พี่โซ่รีบปล่อยแขนผมออก ก่อนจะขยับตัวออกจากผมไปนิดหน่อย

“พี่โซ่มีอะไรหรือป่าวครับ พอดีดิวกำลังรีบนะ”

“ก็อยากชวนไปทานข้าว เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษ พี่ไม่มีเจตนาพูดแบบนั้น
พอดีพี่เห็นโพสนั้นนะ เลยจะมาอำดิวเล่นเฉยๆ แต่ถ้าดิวเดือดร้อนจริงๆดิวบอกพี่ได้นะพี่ช่วยดิวได้”

“ดิวไม่ได้ขายตัว พี่โซ่เมื่อไหร่จะเข้าใจวะ”

“พี่ก็ไม่ได้จะให้ดิวมานอนด้วย ก็ช่วยเหลือแบบรุ่นน้องในคณะไง ดิวก็เป็นน้องรหัสของเพื่อนพี่
มีอะไรเดือดร้อนพี่ก็อยากช่วย”

ตอนนี้พี่โซ่มันเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
ผมยกมือไหว้พี่โซ่ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปที่จอดรถ
เพราะไอ้ความไม่ระวังตัวของผมนี้แหละครับ ,, พี่โซ่มันเดินตามผมมาก่อนจะมายืนประชิดตัวผมไว้
แล้วเอามือมาจับที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง

“อย่าเดินหนีพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ!”
ผมพยายามจะขยับตัว แต่แรงที่บีบที่ไหล่ก็บีบแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับลมหายใจอุ่นๆทีมันรดต้นคอผมอยู่

“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
เพราะร่างกายยังไม่หายดีจากเรื่องในคืนนั้น ทำให้ผมไม่มีแรงจะสู้กับพี่โซ่ ได้แต่ร้องอยู่ในใจอยากให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยชีวิตผม
อย่าเกิดเรื่องร้ายๆกับชีวิตอีกเลย ,, แค่นี้ก็อยากตายอยู่แล้ว TT
 
 
“รอนานไหมดิว พี่ขอโทษทีนะมัวแต่ไปส่งเนียร์”
เสียงไอ้เชี้ยพี่เจ้นท์!!!
 
ผมรับรู้ได้ว่าแรงที่บีบไหล่ของผมมันเบาลง และพี่โซ่ก็ปล่อยตัวผมให้ผมได้ขยับตัวออกไปยืนอยู่ข้างๆพี่เจ้นท์แทน
 
“อ้าววมึงเองหรอวะโซ่ มีอะไรกับดิวป่าว”
มึง 2 คนรู้จักกัน? อย่าบอกนะว่าจะแท๊คทีมกันทำเรื่องชั่วๆกับกูอีกเนี้ยย
 
“ไม่มีไรหรอกแค่ทักทายรุ่นน้องในคณะ ว่าแต่มึงเหอะมาหาดิวทำไมวะ มึงเรียนนิติไม่ใช่หรอ
ตึกนิติไม่ได้อยู่แถวนี้นิ”

“กูมารับดิวกลับบ้านนะ รถดิวมันเสีย พอดีวนไปส่งเพื่อนดิวมาเลยตามมาช้า”

“แล้วมึงจะมารับดิวทำไมวะ มึงเป็นไรกับดิว?”

เสียงพี่โซ่เริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับสายตาที่โคตรน่ารังเกียจมองมาที่ผมกับพี่ดิว

“เป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เป็นแบบที่มึงกำลังเป็นแน่นอน”
พี่เจ้นท์ตอบพี่โซ่ไปแบบกวนๆ ก่อนจะดึงแขนผมให้ไปขึ้นรถพี่เจ้นท์ที่จอดอยู่ใกล้ๆรถผม
ในตอนนี้เลือกอะไรไม่ได้แล้วละครับ   หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ
 

ไอ้พี่โซ่ก็โคตรน่ากลัว ,, ไอ้คนข้างๆผมตอนนี้มันก็โคตรเลว
เห้ออออ ดิว … ชีวิตมึงทำกรรมอะไรมาเยอะแยะวะเนี้ยย!!!


-----------------------------------------------

ถ้ามีคำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ :)
นิยายของเจยังเป็นแบบเดิมนะ ,, เดินเรื่องเรื่อยๆ ไม่รีบไม่เร่งมาก
ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้ ,,
ฝาก #ดิวเจ้นท์  เอ๊ะ ! หรือจะ #ดิวจ้าน  หรือจะ #เจ้นท์ดิว 555 เอาเป็นว่ามาลุ้นไปด้วยกันเนอะ
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -6|| 11-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 11-06-2016 14:04:21
[ เจ้นท์ ] - Chapter 6
 




“ทำไมไม่อยากให้พี่มาส่ง”
ผมเอ่ยถามคนข้างๆ ที่ตั้งแต่มันขึ้นรถมา มันก็นั่งเงียบมาตลอดทาง
 
“ขอกุญแจห้องกับคีย์การ์ดของกูคืนด้วย”
หึ ,, มันตอบตรงคำถามที่ไหนกันล๊า!!!!
 
“ตอบกูมาก่อน ทำไมไม่ให้กูมาส่ง”

“กูไม่อยากเจอหน้ามึง ไม่อยากหายใจบนรถเดียวกับมึง ไม่อยากได้ยินเสียงมึง
กูเกลียดมึง   แค่นี้มันพอไหม กับการที่กูไม่อยากให้มึงมาส่ง!”

โอเค .. กูถามนิดเดียวตอบมาเป็นชุดเลยนะ!!
 
 
พอมันด่าผมเสร็จ มันก็เงียบไป พร้อมๆกับการมองเหม่อไปนอกรถ
บนรถตอนนี้เลยมีแค่เสียงเพลงที่ผมเปิดไว้ และเสียงหายใจของผมกับมัน
ไม่มีใครพูดอะไร ,, ผมก็ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร
แต่สำหรับผม ,, ผมอยากให้ระยะทางจากมหาลัยไปคอนโดของมันยาวกว่านี้  อยากใช้เวลากับมันเยอะๆ
อยากคุยกับมัน อยากทำความเข้าใจกันมันก่อน แต่มันไม่ให้ความร่วมมือเลยครับ
ไม่ด่า ก็เงียบใส่ ,, นี้มึงจะเอาไงกับกูวะเนี้ยยยยย!
 
จริงๆมันขอผมลงตั้งแต่หน้ามหาลัยแล้ว แต่ผมไม่ยอมจอดให้มัน
ถ้าจอดให้มันลงหน้ามหาลัยนะ ป่านนี้มันโดนไอ้โซ่ลากไปด้วยแล้วละ
ดีนะที่ผมรีบตามมันออกมา ถึงจะช้าเพราะไปส่งเพื่อนมันที่ชื่อเนียร์ก่อนเถอะ
ไอ้นั้นก็ท่าทางบ้าๆบอๆ ถามผมอยู่นั้นแหละว่าผมเคยอยู่เชียงใหม่ไหม?
หน้ากูเหมือนไส้อั่วมากเลยหรือไงวะ ห๊ะ!
 
ตอนนี้รถมาจอดหน้าคอนโดของดิวแล้วครับ ผมจอดรถเสร็จแล้วก็หันไปมองหน้ามัน
ก่อนจะถามมันอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะดีเลยครับ พยายามไม่โวยวายและไม่ใส่อารมณ์กับท่าทีกวนตีนของมัน
 
“เกลียดกูมากขนาดนั้นเลยหรอวะ”

“อืมม”

ตอบอย่างเดียวกูก็เจ็บละเว้ยยย ไม่ต้องทำหน้ารังเกียจขนาดนั้นก็ได้มั้งงง!
ผมค่อนข้างมั่นใจในหนังหน้าตัวเองครับว่าผมหล่อ และเชื่อเถอะเรื่องบนเตียงลีลาผมน่าประทับใจ
สาวๆหรือหนุ่มน้อยที่เคยได้ลิ้มลองมีแต่บอกว่า สุดยอดดด!
(มันใช่เวลามาโฆษณาตัวเองไหมละ?)
 
“สิ่งที่กูทำไปมันไม่น่าให้อภัยกูรู้ แต่อย่าเกลียดกูได้ป่ะวะมึง
ทุกวันนี้กูก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะ กูรู้ว่ากูทำร้ายชีวิตมึง
แต่กูไม่รู้ว่ามึงไม่ได้ขาย กูเข้าใจผิด กู …… “

ผมพยายามจะอธิบายให้มันฟัง แต่มันยกหนังสือมาปิดปากผมไว้
 
“พอเถอะมึงจะแก้ตัวจะพูดยังไงก็เรื่องของมึง
เก็บปากมึงไปพูดกับตำรวจก็พอ มึงจำแค่ว่า มึงทำลายชีวิตกู แค่นั้นก็พอ”

พูดเสร็จมันก็ลงจากรถของผมไป แล้วเดินเข้ามาในคอนโดไปเลย
ไม่มีหันมามองหน้าผม หรือจะเอ่ยขอบคุณผมสักนิด
นี้ผมช่วยชีวิตมันมานะเว้ยย ถ้าผมไม่เข้าไปช่วยมันนะ มันโดนไอ้เชี้ยโซ่ลากไปไหนต่อไหนละ
ผมขับรถวนตั้งหลายตึกกว่าจะเจอมัน โถ่วววว แม่งงงง!
รู้งี้ปล่อยให้โดนไอ้โซ่ลากไปก็ดี จะได้ลดนิสัยหยิ่งจองหองลงบ้าง
 
ผมกำลังจะวนรถออกจากคอนโดของดิว ก็มีสายเรียกเข้ามา
 
“ว่าไง”
[ ร้านพี่ชาญนะ กูรอนานแล้ว ]

เสียงไอ้โต้โทรมาตามผม
 
“อือ กำลังออกจากคอนโดดิว เดี๋ยวเข้าไป”
[ ห๊า มึงไปทำไมอีกไอ้เชี้ยย ไม่กลัวมันจับเข้าคุกหรอวะ มึงรีบมาเลยนะ
กูโทรตามพี่แม๊คมาแล้วนะมึง มาเลยย]
 
“เออ”

เห้อออ ,, มันจะแจ้งความจริงๆหรือป่าววะ?
นี้ผ่านมา 3-4 วันแล้วมันก็ยังนิ่งเฉยอยู่
มันกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?
 
ไม่เคยต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้เลยจริงๆ
ปกติก็เที่ยวเล่นกินดื่มเมา แล้วจบลงบนเตียงกับคนนั้นคนนี้มาตลอด
ไม่เห็นต้องมารู้สึกผิดอะไรนี้หว่า!
คืนนั้นตอนแรกมันก็ขัดขืนนั้นแหละ แต่หลังจากรอบ 2-3 มันก็ให้ความร่วมมือนี้หว่า
คิดแล้วเซ็งโว้ยยยย!!!
 
วันนี้ร้านพี่ชาญคนไม่ค่อยเยอะมาก ก็ดีเหมือนกันไม่อยากเจอคนเยอะๆ เบื่อจะตายย!
ผมเดินเข้าร้านมาก็แวะทักน้องมีน ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มแล้วไปนั่งรวมกับเพื่อนๆที่โซฟา
 
“สวัสดีครับพี่ชาญ”
ผมยกมือไหว้พี่ชาญ ก่อนจะลงนั่งข้างๆไอ้โต้ ที่มันขยับให้ผมนั่ง
 
“ไงละมึง อยากเอาเค้ามากเลยเป็นไง ลากเมียกูเสี่ยงคุกเข้าไปอีกนะ”
โถ่ววว มาถึงก็อวยพรกันเลยนะครับพี่ - - ‘
 
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับพี่ ดูท่าทางแล้วเค้าไม่แจ้งความหรอก”
บอกพี่ชาญไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ใจผมยังไม่มั่นใจเลยว่ามันจะเอาไง
 
“แล้วรู้จักไหมว่าเป็นใคร ลูกใคร หรือพ่อแม่ทำงานอะไร
จะได้สืบเรื่องราวมันไว้ก่อน”

เรื่องแบบนี้พี่ชาญเค้าถนัดละครับ ไม่งั้นไอ้แว่นเพื่อนผมจะโดนเลื่อนสถานะจากเด็กในความดูแลมาเป็นเมียได้ไง
 
“ผมรู้แค่ว่าชื่อดิว บ้านคงรวยน่าดูแหละ ดูจากคอนโดที่อยู่แล้วก็รถที่มันขับ”
ผมพยายามนึกถึงห้องของมันที่ตกแต่งโคตรน่าอยู่ และตัวมันที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
เดี๋ยวๆ โอ้ยยสมองกู ไปนึกถึงมันตอนนอนหลับบนเตียงได้ไงวะเนี้ยย !!
 
“ชื่อจริงนามสกุลจริงไม่รู้หรอวะ”
 
“นายกันตพิชญ์  หทัยพงศ์”

ผมไม่ได้เป็นคนตอบแน่นอนครับ เพราะผมรู้แค่ว่ามันชื่อ ดิว
แล้วใครตอบวะ?
 
“น้องดิว ชื่อ กันตพิชญ์  หทัยพงศ์ ลูกชายคนเดียวของนายหัวเทอญ ที่บ้านทำสวนปาล์ม
มีธุรกิจส่งออกน้ำมันปาล์ม และมีธุรกิจรีสอร์ทอีก  ข้อมูลแค่นี้เพียงพอไหมครับพี่ชาญ”

เสียงไอ้ทิว!!!
 
ตอนนี้ทิวเดินมานั่งข้างๆผม แล้วไอ้โต้มันหายไปไหนวะ???
ผมรีบมองหาไอ้โต้เลยครับ เห็นมันกับไอ้แว่นหนีไปนั่งอยู่กับน้องมีนที่เค้าเตอร์บาร์แทนแล้ว
มึงโคตรรักกูมากเลยเพื่อน TT
 
“โอ้ ,, รู้ลึกมากๆเลยน้องทิว”
 
“สวัสดีครับพี่ชาญ ต้องรู้ลึกหน่อยละครับ พอดีดิวกับรี่แฟนผมเป็นเพื่อนสนิทกับดิวตั้งแต่เด็กๆแล้วนะครับ
ผมเองก็ไปพึ่งบุญบารมีของพ่อดิวเค้ามาหลายต่อหลายครั้ง จะไม่รู้จักเลยคงเป็นไปไม่ได้ “

ทิวยกมือไหว้พี่ชาญ ก่อนจะพูดคุยกับพี่ชาญสักพักแล้วหันมามองหน้าผม
 
“จริงไหมวะเจ้นท์?”
จริงอะไรของมึงละไอ้เชี้ยย!!
หน้ามันตอนนี้โคตรโหดเลยครับ TT 
 
“จริงมั้ง”
สิ้นเสียงของผม หมัดหนักๆของไอ้ทิวประเคนเข้ามาเต็มหน้าผมเลยครับ
ไม่นับกับตีนที่ทั้งถีบทั้งกระทืบผมอีกนะ
แล้วคือพี่ชาญแม่งไม่ห้ามด้วย เพื่อนผมอีก 2 คนอย่าพูดถึงเลยครับ นั่งมองส่งกำลังใจให้ผมอย่างเดียวเลย
 
“จริงพ่อองงมึงดิเจ้นท์ คนมีเป็นร้อยเป็นล้านคนทำไมต้องมาทำลายชีวิตดิวมันวะ
มึงรู้ไหมว่ามันมีเมียแล้ว และเมียมันกำลังจะคลอด มันจะเป็นพ่อคนแล้วนะเว้ย
มึงไปสร้างมลทินให้ตัวมันแบบนี้ได้ไงวะ  ถ้ามึงอยากมากก็ช่วยตัวเองดิวะ มีมือไว้ทำไมละ ใช้เข้าไปดิ๊!”
 
“กูขอโทษวะทิว ก็กูเห็นไอ้แว่นเอาเวปที่ขายตัวมาให้ดู แล้วกูก็เห็นมันทำท่าหยิ่งๆ
กูก็เลยคิดว่ามันขายจริงๆ ก็เลยสนุกอยากได้แค่นั้นเอง”

ผมยกมือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ก่อนจะขยับมานั่งตรงๆเหมือนเดิม
ส่วนทิวก็ปาซองเอกสารสีน้ำตาลที่มันถือมาด้วยใส่หน้าผม
 
“ถ้ากูไม่เห็นชื่อหมอที่ตรวจร่างกายให้ดิว กูก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นมึง
กูกับรี่ต้องไปบังคับมันพูดตั้งนาน แล้วมึงรู้ไหมมันบอกกูว่าไง?”
 
“ว่าไงวะ”
 
“มันบอกกูว่าผู้ชายที่ทำร้ายมันเป็นแค่คนเมาที่มันเจอที่ร้านเหล้าพี่ชาญ มันไม่บอกว่าเป็นมึง
แต่กูเดาได้ว่ามันต้องเป็นมึง ก็มึงชอบมาแดกเหล้าร้านพี่ชาญ แล้วใครมันจะกล้าตามหมอจ้านที่โคตรอินดี้สัสสๆ
มาตรวจร่างกายถึงคอนโด  ถ้าไม่ใช่มึง”

โหววว ,, มึงนี้มันยอดคนแล้วไอ้ทิว ปะติดปะต่อเรื่องเองตรงหมดทุกอย่าง
 
“กูก็กำลังพยายามแก้ไข  พยายามจะขอโทษมัน แต่มันไม่ให้โอกาสกูเลย จะให้กูทำไงวะ”
 
“ไม่มีใครให้โอกาสมึงหรอกเจ้นท์ ยอมรับชะตากรรมเหอะ กูจะบอกให้มันแจ้งความและระบุว่าคนทำร้ายมันคือมึง”

พอทิวพูดจบ มันก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปสวัสดีพี่ชาญ แล้วหันมามองหน้าผมอีกครั้ง
 
“ชีวิตดิวที่ผ่านมาเจอเรื่องเลวร้ายมาเยอะมาก กูไม่คิดเลยว่ามึงที่เป็นเพื่อนรักกูจะเพิ่มรอยแผลให้ชีวิตดิว”
พูดจบไอ้ทิวก็เดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ผมนั่ง งง กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
อะไรคือเรื่องเลวร้ายของดิววะ?
 
ขาผมไว้กว่าสมองอีกครับ  ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามทิวออกไปหน้าร้าน
 
“ทิว ,, ไอ้เชี้ยทิวหยุดก่อน”
ร่างกายผมบอบช้ำมาก แล้วต้องวิ่งตามไอ้ทิวอีก ปวดตัวชิบหายย!
 
“มีอะไร”
ทิวหันมามองหน้าผม แต่สายตาที่มองผมนี้คือแบบ เรียกว่าไม่เคยรู้จักกันยังได้เลยครับ

“กูอยากรู้เรื่องของดิว ช่วยบอกกูหน่อยได้ไหมวะ”
 
“มึงจะอยากรู้ไปทำไม? รู้สึกผิดที่เอากับมัน หรือรู้สึกกลัวจะติดคุก”
 
“ทิว ,, กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ยย ก็แค่บอกกูมามันจะยากอะไรวะ ทำไมวะหรือมึงก็ชอบดิว หวงดิวมากเลยดิ
หึ!! ที่มาต่อยกู มาโวยวายใส่กูก็เพราะแค่อิจฉาที่กูได้มันใช่ไหม แต่มึงมันไม่กล้าทำเชี้ยอะไร”

 
ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าหลังจากผมพูดจบผมเจออะไรบ้าง
ทั้งมือทั้งตีนมาเต็มเลยครับ ,, แต่ครั้งนี้ผมสู้มัน
ผมกับทิวต่อยกันแบบไม่มีใครยอมใคร
เป็นครั้งแรกที่ผมกับทิวทะเลาะกัน เป็นเพื่อนกันมา 4 ปีแล้วไม่เคยทะเลาะกันจริงๆจังๆแบบนี้มาก่อนเลยครับ
 
“พอกันได้ยังวะ ต่อยกันทำไม พวกมึงเพื่อนกันนะเว้ย”
เสียงพี่แม๊คที่ดังขึ้นมา พร้อมๆกับแรงดึงจากเพื่อนๆผม ที่พากันเข้ามาแยกผมกับทิว
 
“จำไว้นะ ,, ว่าต่อจากนี้ไปมึงไม่ใช่เพื่อนกู แล้วก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะชั่วแบบมึง
ที่กูหวงดิว ที่กูเป็นห่วงดิว เพราะมันเป็นเพื่อนของรี่ตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่รี่ทำงานอยู่กับพ่อแม่ดิว
กูกับรี่มีวันนี้ได้เพราะเงินที่พ่อดิวส่งเรียน ,, แค่นี้มันพอไหมกับที่กูจะรัก จะห่วงดิว
และเพราะมึงคิดเชี้ยๆแบบนี้ไงเจ้นท์  ชีวิตมึงถึงไม่เคยเจอรักจริงๆซะที”

พอทิวพูดจบก็สะบัดแขนของโต้ออก ก่อนจะเดินขึ้นรถแล้วขับออกไป
 
“มึงก็ปากดีเกินไปวะเจ้นท์  เจ็บมากไหมวะมึง”
พี่แม๊คเอื้อมมือมาจับแผลที่มุมปากของผม
 
เจ็บ ,, แต่คงเจ็บน้อยกว่าอีกคนแน่ๆ
คืนนั้นผมก็ทำร้ายดิวแบบนี้เหมือนกัน
 
“ผมกลับก่อนนะครับพี่”
ผมยกมือไหว้พี่แม๊ค แล้วก็หันไปมองหน้าไอ้โต้ ไอ้แว่น
พวกมันก็คงไม่รู้จะพูดอะไรกับผม เลยทำได้แค่ยืนมองผมขับรถออกจากร้านพี่ชาญออกมา
 
 
ตอนนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมควรทำยังไง?
มันไม่ใช่แค่รู้สึกผิด ,, แต่มันรู้สึกแปลกๆในใจยังไงไม่รู้
 
อะไรสั่งให้ผมพูดแบบนั้นกับทิวก็ไม่รู้ ,,
รู้แต่ว่า....

ทำไมวะ ,, ทำไมรู้สึกแม่งงแย่แบบนี้ก็ไม่รู้
ผมอยากรู้จักคนชื่อ ดิว ให้มากกว่านี้
ผมอยากรู้ว่าทำไมมันไม่บอกใครๆว่าคนที่ทำร้ายมันเป็นผม
ผมอยากรู้ว่าทำไมมันยังไม่แจ้งความ
และก็อยากรู้ว่า ,, ที่ผ่านมามันเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง.
 
 

 
“มาทำไม”
ดิวเปิดประตูออกมา หลังจากที่ผมเคาะเรียก
 
“ ....... “
เออนั้นดิ ,, กูมาทำไมวะ?
รู้แต่ว่าเพราะมัวแต่คิดเรื่องของมันมาตลอดทาง
ตอนนี้ผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของมันแล้วครับ
 
“กลับไปได้แล้ว”
ดิวดึงกุญแจและคีย์การ์ดในมือผมไป พร้อมๆกับไล่ผม
ก่อนที่ประตูห้องดิวจะปิด ผมเอามือเข้าไปขวางไว้ไม่ให้ดิวปิดประตู
แต่ … ดิวผลักประตูอย่างแรงทับแขนผม
 
“โอ้ยยยย “

“โง่เอามาขวางทำไมวะ คิดว่ามือมึงเป็นเหล็กหรือไง?
มีไรจะพูดก็พูด กูไม่ว่างยืนจ้องหน้ามึงทั้งคืนหรอก”

ดิวผลักตัวผมให้ออกห่างจากประตูห้องเล็กน้อย ก่อนจะถามผมอีกครั้ง
 
“ทำแผลให้หน่อย”
เป็นคำตอบที่น่าถีบมากสำหรับผม ,, แต่เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าผมมาที่นี้เพื่ออะไร
ผมมีข้ออ้างอย่างเดียวที่จะได้เข้าไปคุยกับดิวในห้อง .. ก็มีแค่ทำแผลบนหน้าผมนี้แหละ
 
“ไปปล้ำใครเค้ามาละ เค้าถึงรุมตีนมาขนาดนี้”
ดิวยังยืนพิงประตู และมองหน้าผมอยู่เหมือนเดิม
 
“ทำแผลให้หน่อย ,, เจ็บ”
เจ็บจริงๆครับ แต่ไม่ได้เจ็บแผลนะ ,, มันเจ็บจากข้างใน
ทำไมวะ ,, แค่คนตรงหน้าทำท่าทีนิ่งๆใส่
ไม่แสดงความห่วงใยแบบวันแรกที่มันช่วยผมที่ร้านพี่ชาญ
ทำไมมันเจ็บแปลกๆแบบนี้วะ!
 
“มึงร้องไห้?”
 
“ไม่ได้ร้อง”

ผมรีบเช็ดน้ำตาที่มันไหลออกมา ,, นี้กูร้องไห้หรอวะเนี้ยย????
โอ้ยยยตายละไอ้เชี้ยเจ้นท์ ไปบอกใครที่ไหนอายถึงนั้นเลยนะเว้ยยย
 
“ปวดแผลมากหรอ”

“อืมม ปวดมาก”
 
“โทรตามหมอจ้านดิ”
 
“มันไปนอก”
 
“แล้วจะให้ทำไง”
 
“ทำแผลให้หน่อย”
 
“................”

 
ผมกับดิว ยืนมองหน้ากันเงียบๆ
ก่อนที่ดิวจะเดินเข้าห้องไป แล้วปิดประตูห้อง.
ผมทรุดตัวลงนั่งพิงกับผนังตรงหน้าห้องดิว หวังว่าดิวคงยังยืนอยู่ที่หลังประตู
หวังให้ดิวมองออกมาเห็น .. ว่าผมรออยู่ตรงนี้.
ผ่านไปเกือบสิบนาทีได้  ดิวก็เปิดประตูห้องออกมา
 
“อ่ะ กล่องยา ,, เอาไปทำแผลเองที่ห้องเถอะ
แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี้แล้วนะ เรื่องแจ้งความสบายใจได้ กูจะไม่บอกว่ามึงทำ
เพราะฉะนั้นอย่าทำเหมือนเรารู้จักกัน
จำไว้แค่ว่า .. มึงทำลายชีวิตกู และกูคงไม่อภัยในสิ่งที่มึงทำง่ายๆ
ไม่ต้องไปหาเรื่องฟัดกับใครอีกอะ เจอกันกี่ทีๆก็มีแต่แผล สงสารเมียในอนาคต  สงสารพี่มึงบ้างเถอะ”

ดิววางกล่องยาลงข้างๆตัวผม พร้อมกับน้ำเปล่า 1 ขวด
แล้วดิวก็เดินเข้าห้องไป ครั้งนี้ผมคิดว่าดิวคงไม่ออกมาอีกแล้วแน่ๆ
เพราะได้ยินเสียงดิวล๊อคประตู และเสียงทีวีในห้องก็เงียบลงไปแล้ว
 
หึ .. โคตรสมเพชตัวเองจริงๆวะ
นี้กูกำลังทำบ้าอะไรวะเนี้ยยย!!!!
 
 
 --------------------------------
พี่เจ้นท์นางมีมุมน่ารักนะ  มาอ้อนให้น้องทำแผลให้
5555+ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
มีคำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยน๊าา : )
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -6|| 11-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 11-06-2016 22:19:32
ดิวนางคงชอบ ผช อยู่แล้วมั้ง ตอนแรกหวังว่า ดิวจะเกลียดแบบไม่มองหน้า ให้ไอ้เจ้น มันกระอักเลือด ไปเลย แต่พลิกล็อกมาก คุยดี แบบมันบอกไม่ถ฿ก อะ ว่าจะไปแบบไหน ปูทางมาโดนแกล้งใส่ร้ายขายตัว โดนข่มขืน แต่ยังใจดี กับเขาอีก
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -7|| 13-6-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 13-06-2016 23:34:21
[ดิว] - Chapter 7


คงช่วยได้เท่านี้แหละนะ.
ผมบอกกับตัวเอง ก่อนจะปิดทีวีแล้วเดินเข้าห้องนอน
คนที่ยังเอาแต่นั่งอยู่หน้าห้องผม อีกสักพักมันคงกลับไปเองนั้นแหละ.
นึกแล้วก็ต้องขอบคุณที่มันมาเคาะห้องผมในคืนนี้
ไม่งั้นผมก็คงไม่ได้ตื่นจากฝันร้าย ,, ที่มันคงจะไม่มีวันหายไปจากความทรงจำของผมได้เลย.

เมื่อเย็นตอนที่ผมลงรถของไอ้พี่เจ้นท์แล้วก็กำลังคิดว่าจะไปเอารถตอนไหนดี?
ตอนนี้รถผมจะโดนใครขโมยไปหรือป่าวนั้น พี่พนักงานที่ล๊อบบี้ก็เรียกผมไว้

“คุณดิว  คุณดิวคะ”
ผมหยุดเดินแล้วเดินกลับไปหาพี่พนักงาน

“ครับผม”

“มีเอกสารมาถึงคุณดิวคะ”

ผมเอื้อมมือไปรับซองน้ำตาลจากมือพี่พนักงาน ก่อนจะกล่าวขอบคุณและเดินกลับขึ้นมาบนห้อง
ซองตรวจร่างกายจากหมอจ้านแน่ๆ
หึ ,, เดี๋ยวจะแจ้งความให้หายแสบทั้งคู่เลย!!

ผมเปิดซองเอกสารที่มีตราประทับของโรงพยาบาล และในเอกสารก็มีชื่อและลายเซ็นต์ของหมอจ้านดู
หมอจ้านเขียนรายละเอียดชัดเจนมากครับ ทั้งเวลาที่มาตรวจ ลักษณะร่างกาย ตำแหน่งรอยแผล
และเอกสารการตรวจเลือดทุกอย่าง
นี้เค้าอยากให้ผมแจ้งความจับน้องชายเค้าจริงๆใช่ไหม?
แสดงว่าเป็นหมอที่ดีอยู่เหมือนกันนะ ถึงน้องจะเลว แต่คนพี่ถือว่าดีใช่ได้ ,,

ผมวางเอกสารของหมอจ้านลงข้างๆตัว ก่อนจะหยิบซองน้ำตาลอีกซองขึ้นมาดู
ระหว่างที่กำลังแกะซองเอกสารดู รี่ก็โทรเข้ามาหาผม

[อยู่คอนโดยัง]
“อืออ อยู่”

[ตอนนี้อยู่ 7-11 เอาไรไหม]
“ไม่เอาอะในตู้เย็นยังมีของกินอยู่ ทำไมจะมาหาหรอ”

[อือ จะไปนอนเล่นด้วย พี่ทิวก็มา]
“โอเค เดี๋ยวลงไปรอ”

[พี่ รปภ. วันนี้เวรใครวะ ใช่พี่ที่หล่อๆไหม ถ้าคนนั้นเค้าจำหน้ากูได้ เดี๋ยวขึ้นไปเอง]
“ไม่รู้ดิ คง .......”


บทสนทนาของผมกับรี่ต้องหยุดลง เพราะซองน้ำตาลอีกซองที่ได้รับมา
ข้างในเป็นรูปภาพจำนวนมากมาย พร้อมกับจดหมายเล็กๆ 1 ใบ
ภาพที่ผมพยุงเจ้นท์ที่หน้าร้านพี่ชาญ
ภาพที่เจ้นท์เดินขึ้นรถมากับผม
ภาพที่ผมกับเจ้นท์คุยกันที่ลานจอดรถ
ภาพที่เจ้นท์เดินออกจากคอนโดผมในตอนเช้า
ภาพที่เจ้นท์ขับรถเข้ามาพร้อมๆกับหมอจ้าน
และเป็นภาพที่เจ้นท์เข้าออกคอนโดผมในช่วงที่เจ้นท์มาดูแลผม


????
ใครเป็นคนทำ?
หรือว่าไอ้เจ้นท์?

ผมรีบหยิบจดหมายที่วางอยู่ข้างๆตัวมาอ่าน
ตอนนี้เสียงเรียกของรี่ก็ยังดังออกมาจากมือถือ
แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวอีกแล้วครับ
มือที่จับจดหมายฉบับนั้นมันสั่นไปหมด
เสียงหัวใจที่เต้นแรงและดัง ,, ซึ่งมันน่าจะดังจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงทีวี หรือเสียงแอร์ในห้อง


“เอกสารประกอบการแจ้งความ ,,
สมัยนี้ผู้ชายแจ้งความว่าโดนผู้ชายข่มขืน
ตำรวจอาจจะรับฟังและเชื่อมากกว่าสมัยเมื่อหลายปีก่อนก็ได้นะ!!!!!! “


ใคร? มาล้อเล่นแบบนี้วะ!!
คนที่รู้เรื่องนี้ที่ยังเหลืออยู่มีแค่ผมกับหวาน.
ตอนนี้ผมนึกห่วงหวานขึ้นมาจับใจ กำลังหันไปหยิบมือถือจะโทรหาหวาน
ก็มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง …
ตอนนี้ผมกลัวไปหมดแล้วครับ ไม่รู้ว่าคนที่ส่งจดหมายมามันเป็นใคร
แล้วดูจากรูปที่มันถ่ายมานั้นแสดงว่ามันตามผมไปทุกที
เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง ,, ผมเดินไปที่ประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ


“ดิว เปิดประตูหน่อย ดิว,, ได้ยินไหม?”
เสียงรี่!  ,, ผมรีบวิ่งกลับมาเก็บกองรูปภาพบนโต๊ะเข้าไปไว้ในห้องนอน
แล้วรีบไปเปิดประตูให้รี่

“ทำไรอยู่วะทำไมมาเปิดช้าเนี้ย โทรหาก็ไม่รับ แล้วเมื่อกี้พูดก็ไม่รู้เรื่อง เงียบไปทำไมวะ”
รี่เดินเข้าห้องมาด้วยท่าทีที่หงุดหงิด แล้วยังบ่นๆไม่หยุดเลยครับ

“เพื่อนก็อยู่ในห้องปลอดภัยดี จะบ่นอะไรมากละ”
พี่ทิวเอื้อมมือมาจับไหล่ผม ก่อนจะหันไปกวนรี่ให้รี่อารมณ์ดีขึ้น

“ก็มันไม่รับสาย คนมันห่วงเพื่อนไง ไม่เข้าใจหรอ”

“โมโหหิวก็บอกสิ มาๆมากินข้าวกัน  ดิวมาทานข้าวกัน”

พี่ทิวถือถุงกับข้าวและขนมไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะเรียกผมและรี่ให้ไปนั่งทานข้าวกัน
รี่ยังบ่นอะไรต่อนิดหน่อย แต่ก็โดนพี่ทิวชวนคุย ชวนงอแงจนรี่ลืมเรื่องของผมไปเรียบร้อยแล้ว : )

ตอนนี้พวกผมทานข้าวอิ่มแล้ว และพากันมานั่งเล่นที่โซฟาหน้าทีวีแทน

“นี้ซองจากโรงพยาบาล  เป็นอะไรหรอดิว”
พี่ทิวหยิบซองเอกสารจากโรงพยาบาลมาดู

“มาแล้วหรอผลตรวจมึงโอเคนะ ไม่ติดโรคใช่ไหม”

“อืออ”

“มึงยังไม่เล่าเลยว่าไปเจอมันได้ไง”

“ก็ไม่มีไรไงละ มึงจะถามทำไมเนี้ย”

ผมกับรี่คุยกันไปเรื่อยๆ จนลืมไปว่าพี่ทิวนั่งอ่านเอกสารจากโรงพยาลอยู่เงียบๆ

“ดิวตอบพี่มาว่าไปโดนอะไรมา”
อยู่ๆพี่ทิวก็ถามผมขึ้นมา

“ก็ดิว.. ดิวตรวจสุขภาพประจำปีนะพี่ทิว”
แต่ผมคิดว่าพี่ทิวคงไม่เชื่อครับ พี่ทิวเอื้อมมือมาจับหน้าผม ก่อนจะตรวจดูร่องรอยต่างๆบนใบหน้าและลำคอ

“ถอดเสื้อออก”

“อะไรของพี่ทิวเนี้ย มาบอกให้มันถอดเสื้อทำไม”

เออนั้นดิ,, อะไรของพี่ทิววะ!!
อยู่ๆมาออกคำสั่ง!

“จะถอดเสื้อ หรือจะให้พี่โทรไปบอกพ่อเราว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง”
พี่ทิวไม่รอให้ผมตอบเลยครับ พี่ทิวถอดเสื้อนักศึกษาผมออก
แล้วคือแบบ ไอ้พี่ทิวครับ,,  กระดุมหลุดไปหมดแล้ว TT

“พี่ทิวจะปล้ำมันหรอไงเนี้ย ไปฉีกเสื้อมันทำไม”
ใช้คำว่า “ฉีกเสื้อ” ได้เลยครับ เป็นแบบที่รี่พูดเลย
แต่พี่ทิวตอนนี้ไม่ฟังอะไรเลยครับ ดึงเสื้อหลุดออกไปจากตัวผมแล้ว

“ดิว .... “
รี่มันมองรอยต่างๆบนตัวผม แล้วก็พูดอะไรไม่ออก

“ใครทำ”
พี่ทิวจ้องหน้าผม และยังถามผมด้วยน้ำเสียงดุๆ

“ไม่มีอะไรพี่”
ผมตอบเสร็จแล้วก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอน หยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่
ยืนทำใจสักพักก่อนจะออกเชิญหน้ากับพี่ทิว และรี่

“ใครทำ”
พอเดินออกมาเจอหน้าพี่ทิว ก็ยังได้รับคำถามเดิม

“อย่าคิดจะโกหกนะ อ่านจากเอกสารตรวจร่างกายก็รู้แล้ว บอกมาสิว่ามันเป็นใคร
พรุ่งนี้พี่จะได้ไปแจ้งความให้”

ถ้าไม่มีซองน้ำตาลอีกซองที่ส่งมา.. ผมก็อยากไปแจ้งความเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ผมทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว……..

“ดิวไม่รู้จักเค้า คนที่เจอกันร้านเหล้า”
ผมโกหกพี่ทิวไป จะให้บอกว่าพี่เจ้นท์เพื่อนรักพี่ทิวทำงั้นหรอ?

“ร้านไหน”
รี่ที่นั่งจับแขนพี่ทิวไว้แน่น มองมาที่ผมเหมือนกับต้องการคำตอบเหมือนกัน

“ร้านแถวๆมหาลัย คือพี่ทิวคืนนั้นดิวเมาเอง ดิวเครียดเรื่องที่มีคนเอาไปโพส
ดิวเลยไม่ทันระวังตัว แต่ดิวไปหาหมอแล้วนะพี่ ไม่มีไรแล้วไง”

“พ่อดิวฝากให้พี่ดูแลดิวให้ดีที่สุด แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ดิวยังไม่คิดจะบอกพี่
แล้วพี่จะมีหน้าเอาเงินจากพ่อดิวมาเรียนได้อีกงั้นหรอ”

พี่ทิวสะบัดแขนรี่ออก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมไม่เคยเห็นพี่ทิวโกรธแบบนี้เลย
อาจจะเคยเห็นตอนที่พี่ทิวโกรธ ตอนที่ผมตัดสินใจแต่งงานกับหวานเมื่อปีก่อน
แต่ตอนนั้นพี่ทิวไม่ได้โกรธขนาดนี้

“กูควรตามพี่ทิวไปไหมวะ”
รี่หันมาถามผม .. แต่จริงๆนั้นแฟนมึงนะรี่ มึงควรติดสินใจเองสิเว้ยย

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคงกลับมานั้นแหละ แต่นั้นแฟนมึงนะ มึงจะมาถามกูทำไม”

“บางทีกูก็เข้าไม่ถึงพี่ทิวหรอกวะ เค้าบทจะเงียบก็เงียบ บทจะแสนดีก็ดี
แต่ว่ามึงเถอะพรุ่งนี้ไปแจ้งความแล้วอย่าลืมบอกเค้าไปด้วยละว่าไปเจอไอ้เลวนั้นจากร้านไหน
เค้าจะได้ไปตามกล้องวงจรปิดที่ร้านได้”


กล้องวงจรปิด?

เออ .. ลืมคิดไปเลย
ถ้าไปแจ้งความ ยังไงๆตำรวจก็ต้องรู้ว่าคืนนั้นคนที่ขึ้นรถกับผมมาคือไอ้เจ้นท์
เพราะผมมัวแต่คิดเรื่องรูป เรื่องกล้องวงจรปิด เลยไม่ได้ยินในสิ่งที่รี่พูด

“ดิว …. เห้ยยยไอ้ดิว”
รี่เขย่าแขนผมแรงๆ จนผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

“หื้อ ว่าไงรี่”

“มึงยังนึกถึงเรื่องของคีย์อยู่หรอวะ  เรื่องของคีย์มันจบไปแล้วนะเว้ย นี้มันเรื่องของมึงแล้วนะ มันไม่เหมือนกัน”

“ป่าวหรอก ไม่ได้นึกถึง มันนานมาแล้วอย่างที่มึงบอกนั้นแหละ  มันจบไปตั้งนานแล้ว”


คีย์.   ใช่แล้วละเรื่องของคีย์มันจบไปนานแล้ว
ถ้าไม่มีซองน้ำตาลซองนั้นส่งมา … เรื่องของคีย์ก็คงจบไปแล้วจริงๆ

“นี้กูว่าพี่ทิวหายไปนานเกินแล้วนะ กูไปตามที่ร้านเหล้าเพื่อนพี่แกดีกว่า คงไปที่นั้นแน่ๆ”

“แล้วมึงจะไปไง เอารถกูไปไหม”

“รถมึงจอดที่มหาลัยไม่ใช่หรอ พี่เจ้นท์เค้าโทรมาบอกพี่ทิวแล้วว่ามาส่งมึง”

รถ? เออใช่ รถไม่อยู่นี้หว่า

“เออ กูก็ลืมไป งั้นมึงกลับดีๆละ ยังไงโทรมาบอกกูด้วยว่าถึงห้องแล้ว”

“อืมม มึงอย่าคิดมากนะ เชื่อกูว่าแจ้งความนะดีแล้ว มึงรู้ใช่ไหมว่ากูรักมึง”

รี่ดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมก็เลยกอดตอบเพื่อนรักของผมไป

“อืม กูก็รักมึง”
รี่ยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมเดินไปปิดประตูห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอนที่โซฟาหน้าทีวี
ด้วยความเหนื่อยล้าที่ต้องเจอในวันนี้ ทำให้ผมผล็อยหลับไป….

ผมฝันเห็นตัวผมกับรี่ วิ่งเล่นกันในสวนของพ่อ
ภาพเก่าๆในวัยเด็กมันผุดขึ้นมาในความฝัน
รี่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม  พ่อแม่ของรี่เป็นคนงานในสวนปาล์มของพ่อผม
ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน เราจึงเป็นเพื่อนเล่น และเรียนด้วยกันมาตลอด
จนมีช่วง ม.ปลาย ที่รี่ย้ายมาเรียนโรงเรียนประจำ ทำให้เราต้องห่างกัน
หวาน กับ คีย์ เป็นเพื่อนใหม่ของผม พวกเราเรียน ม.ปลายด้วยกัน
ไปไหนไปกันทั้ง 3 คน  ไม่ว่าจะกิน จะเที่ยว พวกเราจะอยู่ด้วยกัน 3 คนเสมอ
ผมกับหวานเริ่มคบกันเป็นแฟนตอน ม.5  หวานเป็นแฟนคนแรกที่ผมพูดได้เต็มปากว่าเป็นแฟน
ที่ผ่านมาผมก็แค่คุยไปเรื่อยๆ  เพราะผมติดเพื่อนด้วยแหละเลยทำให้ไม่ได้คบใครจริงๆจังๆ
ตอนนั้นหวานเป็นคนมาขอคบผมเป็นแฟน ผมจำได้ว่าผมเขินอายมาก
พอตอบตกลงเป็นแฟนกันแล้ว เย็นวันนั้นเราเดินกลับบ้านด้วยกัน จับมือกันครั้งแรก
หวานเป็นคนสวย ตัวเล็กๆ หุ่นบางๆ
พอผมกับหวานคบกันไปเรื่อยๆ จากที่เคยกลับบ้านพร้อมกัน 3 คน ก็เลยจะเหลือ 2 คนบ่อยครั้ง
เพราะหวานอยากไปไหนกับผมสองต่อสองบ้าง

จนถึงวันหนึ่งที่ผมไม่เคยลืม เพราะว่ามันเป็นวันที่เริ่มต้นเรื่องเลวร้ายทุกๆอย่าง

“คีย์ วันนี้กูกลับกับหวานนะ”

“กูไปด้วยดิ ยังไงก็ถึงบ้านกูก่อนอยู่แล้ว มึงส่งกูที่บ้านแล้วมึงกับหวานก็ไปกันสองคนต่อ”

“ไม่เอา หวานจะไปกับดิว”

พูดเสร็จหวานก็เดินมาเกาะแขนผม ในตอนนั้นไม่ว่าหวานจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักในสายตาผมเสมอ

“กูกลับด้วยเหอะนะ กูไม่อยากไปคนเดียวนะมึงนะ”
คีย์ยังขอร้องให้พวกผมกลับไปด้วยเหมือนเดิม ตอนนั้นผมไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าทำไมคีย์ถึงอยากกลับบ้านพร้อมผม

“ไม่ให้ไป”
หวานพูดเสร็จก็ดึงแขนผมให้วิ่งหนีคีย์
ตอนนั้นมันสนุกครับ วิ่งหนีเพื่อน ไปไหนกับแฟนตัวเอง มีความสุขมากๆ

วันต่อมาคีย์ก็ไม่มาเรียน โทรหาก็ไม่รับสาย
ผมคิดว่าคีย์คงโกรธที่ผมวิ่งหนีคีย์เมื่อวาน  ผมก็พยายามโทรไปหา และส่งข้อความไปขอโทษ
แต่คีย์ก็ไม่ติดต่อกลับมา

จนผ่านไปเกือบๆ 1 อาทิตย์  คีย์ก็ยังไม่มาเรียน
พร้อมๆกับมีเสียงคุยกันเรื่องเด็กในโรงเรียนโดนข่มขืน ในซอยแถวๆบ้านคีย์
ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงคีย์มากขึ้นเรื่อยๆ คีย์เป็นผู้ชายตัวเล็กครับ เล็กกว่าผมมาก
มันสูงแค่ 160 ซึ่งผมสูง 173  คีย์ไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่เล่นกีฬา
เวลาที่ผมเตะบอล หรือเล่นบาส คีย์จะนั่งรอกับหวานอยู่ข้างๆสนามมากกว่าที่จะลงมาเล่นด้วยกันกับผม

ตอนเย็นวันนั้นผมเลยตัดสินใจไปหาคีย์ที่บ้าน
แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้แหละ ผมเจอคีย์นั่งอยู่กับกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่หน้าปากซอยเข้าบ้านคีย์

“คีย์ทำไมไม่ไปเรียน”
พอคีย์เห็นหน้าผม คีย์ก็หลบสายตาไปมองทางอื่น

“คีย์เป็นไร โกรธกูหรอ กูขอโทษนะ”
ตอนนี้วัยรุ่นในกลุ่มเริ่มหันมามองหน้าผมกันแล้ว
ผมคิดในใจว่าวันนี้คิดถูกแล้วที่ไม่พาหวานมา เพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมอาจช่วยหวานไม่ได้

ผู้ชายที่นั่งข้างๆคีย์ กันมามองหน้าผม และหันไปมองหน้าคีย์

“ใครวะ ผัวเก่ามึงหรอ”
คีย์ก้มหน้านิ่ง แต่ไหล่ที่สั่นเทานั้นก็บอกให้ผมรู้ว่าคีย์กำลังร้องไห้

“คีย์ไปคุยกันทีบ้าน”
ผมเดินเข้าไปหาคีย์ พร้อมๆกับดึงแขนคีย์ให้ลุกขึ้น
แต่ผู้ชายคนเดิมก็ดึงตัวคีย์เข้าไปกอด ก่อนจะจูบคีย์
เพื่อนๆในกลุ่มต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องชอบใจกันใหญ่

“คีย์เป็นเมียกู มึงจะลากไปไหนไม่ได้ถ้ากูไม่อนุญาต”
เมีย?
แล้วเมื่อกี้คือจูบใช่ไหม?
ผู้ชายกับผู้ชาย??

คีย์เงยหน้ามามองผม .. แววตาของคีย์ที่เจ็บปวดนั้นผมยังจำได้ดี

“มึงทิ้งกู มึงทำให้กูเป็นแบบนี้”
คีย์พูดจบก็ผลักผู้ชายข้างๆออก ก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไป
ผู้ชายในกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ตกใจกับท่าทีของคีย์ ยังคงส่งเสียงแซวคนที่โดนผลัก

“เมียทิ้งแล้วมึง”
“ตามไปง้อเมียเร็ว”


แต่ผมไม่ได้สนใจสายตาที่พวกมันมองผมในตอนนั้นเลย
ผมรีบตามไปหาคีย์ที่บ้าน แม่ของคีย์ก็บอกว่าให้ผมช่วยไปคุยกับคีย์หน่อย
คีย์เก็บตัวเงียบในห้องมาหลายวันแล้ว ข้าวก็ไม่ยอมกิน ดึกๆก็แอบออกไปนอกบ้าน
ผมเลยรับปากบอกว่าจะช่วยคุยกับคีย์ให้

ผมเดินไปในห้องนอนของคีย์

“คีย์ มาคุยกัน”
ผมเดินเข้ามานั่งข้างๆเตียงของคีย์ มันยังคงนอนนิ่งๆไม่ได้หันมาหาผม

“มีอะไรบอกกูสิ มึงก็รู้ว่ากูช่วยมึงได้”

“ได้หรอ? มึงจะช่วยอะไรกูได้ มึงทิ้งกูไปกับหวาน ทั้งๆที่กูบอกมึงแล้วว่ากูไม่อยากกลับบ้านคนเดียว”

คีย์เริ่มพูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะคีย์”

“มันข่มขืนกู เรื่องที่เค้าพูดกันทั้งเมืองตอนนี้ คือเรื่องของกู”

ในตอนนี้ผมไม่รู้ต้องทำยังไงแล้วครับ ผมดึงคีย์เข้ามากอด
คีย์ร้องไห้ และกอดผมไว้แน่น
จนเวลาผ่านไปนานมากกว่าคีย์จะสงบลง

“ไปแจ้งความกันนะคีย์ เอาผิดพวกมันกัน”

“กูไม่กล้าหรอก  มันมีคลิป กูไม่อยากทำให้แม่อายชาวบ้าน”

“ก็ดีกว่ามันทำร้ายมึงอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้กูมารับไปแจ้งความนะ”
“แต่ ...”

คนตัวเล็กตรงหน้าผมมีสีหน้าหวาดกลัว และไม่มั่นใจว่าควรจะทำยังไงต่อ

“กูจะบอกให้พ่อหาทนายดีๆมาช่วยพวกเราพูดด้วยตอนไปแจ้งความ มึงไม่ต้องกลัวนะ”

“อืออ มึงห้ามทิ้งกูอีกนะ”

ผมยิ้มให้กับเพื่อนรักผมอีกครั้ง ก่อนที่จะดึงมันมากอด
พอคีย์นอนหลับไปแล้ว ผมเลยลงมาไหว้ลาแม่ของคีย์
และโทรให้คนที่บ้านมารับที่บ้านคีย์ตอนห้าทุ่ม
พอผ่านตรงที่ปากซอยบ้านคีย์ ก็เห็นพวกวัยรุ่นกลุ่มนั้นยังนั่งกันอยู่
หึ!!  พวกเลวๆพวกนี้มันทำลายชีวิตเพื่อนผม 
ผมต้องเอาผิดกับพวกมันให้ได้!!!!
กลับถึงบ้านผมรีบไปปลุกพ่อกับแม่  เล่าให้ท่านฟังว่าเกิดอะไรกับคีย์ และขอร้องให้ท่านช่วยคีย์

“ไปนอนซะน้องดิว พรุ่งนี้แม่จะไปส่งดิวแจ้งความนะครับ”

“แม่ครับ ทำไมเค้าถึงทำแบบนั้นละมันผิดกฎหมายนะแม่ แล้วผู้ชายกับผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำกัน”

“คนอื่นเค้าไม่คิดแบบน้องดิวไงครับ ไม่ต้องคิดมากนะ นอนนะครับ”

คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับเลยครับ สงสารคีย์ไม่รู้ป่านนี้จะร้องไห้อยู่หรือป่าว
ผมยอมรับว่าโลกของผมมันแคบ ผมไม่โทษว่าเป็นเพราะการเลี้ยงดูของพ่อแม่
มันเป็นที่ผมเองที่เติบโตมาแบบคนคอยตามใจ ไปไหนก็มีคนตามคอยดูแล
ผมไม่รู้จักโลกที่มันโหดร้ายแบบในข่าวที่เค้าลงกัน ผมไม่รับรู้อะไร
ผมตีกรอบให้ตัวเองอยู่ในเฉพาะที่ๆผมคิดว่าปลอดภัยและคิดว่าดีเท่านั้น


พอเช้ามาผมกับแม่ก็ไปรับคีย์ที่บ้านเพื่อไปแจ้งความ
แม่คีย์ตอนนี้ทราบเรื่องแล้ว และก็สงสารลูกชายตัวเองจับใจ
ไม่รู้ว่าที่ลูกเก็บตัวในห้องมาตลอดหลายวันเพราะเจอเรื่องร้ายๆ
แต่สิ่งที่เราคิดว่าตำรวจจะช่วยเราได้ พวกเราคิดผิดมากเลยครับ
เรื่องต่างๆ มันยิ่งแย่ลง  ตำรวจไม่เชื่อ เพราะไม่มีหลักฐาน ไม่มีภาพถ่ายยืนยันอะไร
ตำรวจไปเรียกเด็กกลุ่มนั้นมาสอบปากคำ คนที่จูบคีย์ก็บอกว่าเพื่อนกันหยอกกันเล่นเฉยๆ
ที่จูบคีย์ต่อหน้าผม ก็จะยั่วโมโหผมเล่น  พอคีย์ได้ยินแบบนั้นคีย์ก็โวยวายขึ้นมา
แล้วบอกให้มันเอามือถือมาให้ตำรวจดู เพราะมันถ่ายคลิปไว้ 
ผู้ชายคนนั้นยกยิ้มให้คีย์ ก่อนจะยื่นมือถือให้ตำรวจตรวจ
ไม่พบคลิปแบบที่คีย์บอก และในคืนวันเกิดเหตุคนที่บ้านมันมายืนยันว่ามันนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน
ทำให้เรื่องที่เราหวังจะให้กฎหมายช่วยต้องพังลงไป ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้
ไม่มีใครเชื่อคำพูดของคีย์ ..
และเรื่องต่างๆยิ่งเลวร้ายลงไปอีก   เพราะคีย์ไม่ไปเรียนอีกเลย
ผมกับหวานพากันแวะเวียนไปเยี่ยม แต่ที่บ้านคีย์ก็ไม่ให้ผมเข้าไปเยี่ยมคีย์

จนผ่านไปเกือบๆ 2 เดือนได้ คีย์ก็โทรมาหาผมในตอนดึกของคืนหนึ่ง

“ดิว กูอยู่ไม่ไหวแล้ว”

“เห้ยยคีย์ มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปหา”

“ทำไมมึงต้องพากูไปแจ้งความด้วย ทำไมวะ ไหนบอกว่าจะมีคนเชื่อเราไง
ไหนบอกว่าดิวจะช่วยคีย์ไง ทำไม .. ทำไมทุกคนรังเกียจคีย์”

คีย์ร้องไห้โวยวายและพูดไม่รู้เรื่องแล้วในตอนนี้ ผมพยายามบอกคีย์ให้ใจเย็นๆ
และบอกว่าผมกำลังรีบไปหา

คีย์อยู่ที่สนามเด็กเล่นที่พวกผมชอบแวะไปเล่นกันหลังเลิกเรียน
พอจอดรถที่สนามเด็กเล่นแล้วผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาคีย์ ที่ตอนนี้ยืนอยู่บนบ้านต้นไม้

“คีย์ลงมาก่อน”

“ทำไมดิวไม่ให้คีย์กลับบ้านด้วย”

“คีย์ลงมาก่อน  วันนั้นดิวขอโทษนะ”

คีย์ยังคงพูดต่อไปแบบคนใจลอยและไม่มีสติ   
ในเมื่อคีย์ไม่ยอมลงมาจากบ้านต้นไม้  ผมเลยตัดสินใจปีนขึ้นไปหาคีย์บนบ้านต้นไม้เอง
ตอนนี้หวานก็ตามมาที่สนามเด็กเล่นแล้ว เพราะก่อนที่ผมจะออกจากบ้านมาผมโทรบอกให้หวานไปตามพ่อแม่ของคีย์มา
คีย์ยังคงยืนร้องไห้และพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่บนบ้านต้นไม้

“คีย์ มาหาดิวนะ เรากลับบ้านกันนะคีย์”

“คีย์ไม่เชื่อดิวแล้ว ดิวโกหก ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย พ่อแม่รังเกียจดิว
ไอ้เลวนั้น มันยังตามมาทำร้ายคีย์”

“ไม่มีใครทำร้ายคีย์อีกแล้ว คีย์ไปอยู่กับดิวที่บ้านนะ  คีย์ยื่นมือมาเร็ว ตรงนั้นมันน่ากลัวนะ”

“หวานไม่ชอบคีย์ ... คีย์ไปอยู่กับดิวไม่ได้หรอก  คีย์ไม่ไหวแล้ว มีแต่คนรังเกียจคีย์”

“แต่ดิวรักคีย์นะ ไม่รังเกียจคีย์ด้วย มาหาดิวนะคีย์ เราเป็นเพื่อนกันไงจำได้ไหม”

“ดิวรักหวาน  ดิวไม่เคยรักคีย์ ฮึกกก ฮืออออดิวทิ้งคีย์”

ตอนนี้คีย์ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยต้องตัดสินใจเดินเข้าไปหาคีย์
แต่แล้วอยู่ๆคีย์ก็หยุดร้องไห้แล้วหันมาหาผมพร้อมกับทำหน้าหวาดกลัว

“มันบอกจะฆ่าคีย์ จะฆ่าดิวที่เอาเรื่องมันไปแจ้งความ”

“ไม่มีใครฆ่าดิวได้หรอก และไม่มีใครฆ่าคีย์ด้วย”

“มันพาเพื่อนมาที่บ้าน มันรุมคีย์ ฮืออ คีย์กลัว คีย์เจ็บ”

ไอ้เลววว!!! มันยังกล้าทำเรื่องเลวๆกับคีย์อีกหรอวะ!!

“ไม่เป็นไรนะคีย์ ไปอยู่บ้านดิว เราไปเรียนเมืองนอกกันก็ได้ถ้าคีย์กลัว เดี๋ยวดิวจะไปกับคีย์เอง”

“นั่นไงมันมานั้นแล้ว  มันจะฆ่าคีย์แล้ว”

คีย์ชี้มือไปยังทางเข้าสนามเด็กเล่น กลุ่มรถมอเตอร์ไซต์หลายสิบคันจอดอยู่หน้าทางเข้าสนามเด็กเล่น
คีย์ที่เหมือนจะสงบลงได้บ้างแล้วนั้นกลับมาโวยวายและมีสีหน้าตื่นกลัวอีกครั้ง

“มันจะฆ่าดิว  …  ดิวหนีไปนะ หนีไป คีย์จะปกป้องดิวเอง   
คีย์ คีย์จะไม่ให้ใครทำร้ายดิวดิวหนีไป หนีไปซะ!”

คีย์เหมือนคนไม่มีสติแล้วในตอนนี้  คีย์ผลักผมจนผมล้มลง
แล้วคีย์ก็หยิบคัตเตอร์ที่คีย์คงจะเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา

“คีย์ผิดเอง คีย์เลวเอง คีย์ทำพ่อแม่เสียใจ”
คีย์ยังคงพูด และร้องไห้ฟูมฟายไปเรื่อยๆ
ตอนนี้คีย์เอาคัตเตอร์กรีดข้อมือตัวเอง กรีดซ้ำๆจนเลือดนองไปหมด
ผมพยายามเข้าไปดึงแขนคีย์ออก แต่คีย์ก็สะบัดตัวผม

และพวกแก๊งมอเตอร์ไซต์ก็เริ่มขี่รถวนเข้ามาในสนามเด็กเล่น
คีย์ตัวสั่นมากขึ้น ก่อนที่คีย์จะหันมามองหน้าผม

“คีย์ไม่ไหวแล้วดิว คีย์ทนตัวเองไม่ไหวแล้ว คีย์….. คีย์รักดิวนะ”
คีย์พูดจบแล้วก็ตัดสินใจเอาคัตเตอร์กรีดคอตัวเอง
ผมไม่รู้เลยว่าคัตเตอร์เล่มนั้นจะคมมากแค่ไหน
แต่คีย์ก็ล้มลง ก่อนจะตกลงจากบ้านต้นไม้ไป
สายตาคีย์ก่อนที่จะล้มลงนั้น มองมาที่ผม คีย์ยิ้มให้ผมทั้งๆที่คีย์น่าจะเจ็บปวดมาก
ผมจำสายตาของคีย์ได้ไม่มีวันลืม






“คีย์!!!!!”
ผมสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายนั้นด้วยความหวาดกลัว ถึงมันจะผ่านมาหลายปีแล้ว
แต่สำหรับผมมันเหมือนเพิ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เอง

ผมนั่งหอบหนักๆ นั่งฟังเสียงเคาะประตูที่ยังดังอยู่ไม่หยุด

ก๊อก ก๊อก
ก๊อก  ก๊อก

“ดิว   ดิว
เปิดประตูให้พี่หน่อย”


ก๊อก ก๊อก

ผมเดินไปดูตรงตาแมว ก็เห็นว่าเป็นเจ้นท์ที่เป็นคนมาเคาะประตู
ถึงผมจะไม่ชอบใจและรังเกียจมันมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ในคืนนี้... ผมขอบคุณมันที่ช่วยปลุกให้ผมตื่นมาจากฝันร้ายในวันนั้น

--------------------------------
มากันแบบยาวๆเลยในตอนนี้.
เรื่องราวต่างๆค่อยเดินเนอะ ฝากนิยายเรือง How far is near? กันด้วยนะคะ
ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ.
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -8|| 20-7-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 20-07-2016 22:36:08
[ดิว] - Chapter -8


พอเช้าวันต่อมา พี่ทิวกับรี่ก็มาหาผมที่ห้อง

“ วันนี้ไปโรงพักกันก่อน แล้วค่อยไปมหาลัย”

“อือ”

ผมก็คงต้องตอบได้แค่นั้นแหละครับ เพราะพี่ทิวโทรมาหาผมตั้งแต่เช้าบอกให้ผมอาบน้ำแต่งตัว
และลงไปรอรับข้างล่างคอนโด

“มึงดูหน้าแฟนกูดิ นอกจากจะทำหน้าดุอย่างกับหมาแล้วยังไปฟัดกับหมามาด้วยนะ ดูแผลดิ”
รี่รีบฟ้องผมทันทีที่เจอหน้าผม แต่พี่ทิวก็ไม่ได้ว่าอะไรที่รี่พูดเปรียบแกแบบนั้น
ซึ่งถ้าดูจากแผลบนหน้าพี่ทิวแล้ว เดาไม่ผิดคงจะไปฟัดกับเพื่อนรักเค้านั้นแหละครับ
หึ ไอ้เจ้นท์เอ้ยยสู้พี่ทิวไม่ได้หรอกนะ พี่ทิวเค้านักกีฬาเทควันโด้นะเว้ย
ดูจากแผลบนหน้าไอ้พี่เจ้นท์กับพี่ทิวแล้ว ก็รู้ครับว่าใครเจ็บหนักมากกว่ากัน
หน้าพี่ทิวมีรอยช้ำแค่มุมปาก กับตรงโหนกแก้มแค่นั้น
แต่ไอ้พี่เจ้นท์ ทั้งปากทั้งคิ้วทั้งเบ้าตา 55555
สมน้ำหน้า!!
ตื่นมาวันนี้คงระบมน่าดู ,, เดี๋ยวมันคงโทรตามหมอจ้านมานั้นแหละ
แต่.. หมอจ้านไปเมืองนอกนี้หว่า?
แล้วใครจะมาดูมันวะ?

ผมนั่งคิดถึงไอ้บ้าที่มาอ้อนให้ผมทำแผลให้เมื่อคืน จนรี่ต้องสะกิดๆเรียกผม

“ดิว มึงคิดไรอยู่เนี้ย พี่ทิวเค้าถามนะมึงไม่ตอบเค้าละ”

“ห๊ะ ,, อะไรนะครับพี่ทิว”

“พี่ถามว่า วันนี้แจ้งความน่ะให้บอกด้วยว่าโดนเจ้นท์ทำไรบ้าง”

“เออ.... แต่ดิวว่าดิวจะไม่แจ้งเรื่องนั้น ดิวจะเอาเรื่องแค่คนโพส”

“ทำไม!”

เสียงพี่ทิวถามกลับมาโคตรโหดเลยครับ
จริงๆผมเพิ่งมาสนิทกับพี่ทิวตอนเข้ามหาลัย เพราะรี่พามาแนะนำว่าเป็นแฟนมัน
แล้วก็รี่อีกนั้นแหละครับ พาไปเที่ยวบ้านผมที่ใต้ ได้ไปเจอพ่อผม
พ่อผมก็ถูกอกถูกใจกับนิสัยของพี่ทิว พ่อผมเลยขอเป็นคนส่งเสียพี่ทิวเรียน
และยกให้เป็นลูกชายอีกคนเลยละครับ  พี่ทิวเลยมาดูแลผม แบบห่างๆ 5555
ก็ดูแลผ่านรี่นั้นแหละครับ จะไม่ลงมาวุ่นวายอะไรมากถ้ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ทิว ก็ไปตรวจร่างกายแล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไร
แล้วอีกอย่างผู้ชายไปแจ้งความว่าโดนผู้ชายขมขืน มันก็ฟังดูแปลกๆไปไหมละ?”

“อย่าบอกนะว่าเพราะเรื่องของคีย์”

“ไม่หรอกครับ คีย์ก็ส่วนคีย์ นี้มันเรื่องดิวแล้ว”

“งั้นก็แจ้งความ เพราะตำรวจที่นี้ไม่ใช่ตำรวจที่บ้านเรา”

“พี่ทิวครับ ไม่แจ้งความเรื่องนั้น”

“บอกเหตุผลมาสิ แล้วพี่จะไม่บังคับดิว”

“ดิวไม่มีเหตุผลอะไร แต่ดิวไม่แจ้ง”

“งั้นแจ้งความ”

“นี้พี่ทิว ก็ดิวบอกว่าไม่แจ้งไง จะเอาอะไรอีกเนี้ย จะพาไปไหมโรงพักอะ
ไม่พาไปดิวจะไปเอง แล้วถ้าพาไปส่งก็ไม่ต้องพูดอะไร
ดิวตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่เอาเรื่องเจ้นท์”

“เห้ยยมึง ใจเย็นๆดิ”

ตอนนี้ผมเริ่มโวยวายใส่พี่ทิวแล้วละครับ ก็ทำไวะคนไม่แจ้งไม่เอาความแล้ว
ทำไมต้องมาหาเรื่องอะไรให้วุ่นวายด้วยก็ไม่รู้
ไอ้รี่คงเห็นว่าผมไปโวยวายใส่แฟนมัน เลยดึงแขนผมไว้แล้วบอกให้ผมใจเย็นๆ

“ขอโทษที่พี่ยุ่งกับชีวิตดิวนะ แต่ที่พี่ต้องยุ่งเพราะอะไรดิวคงรู้”

“ผมขอโทษพี่ทิวด้วยละกันครับ ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงผม แต่ผมไม่อยากแจ้งความเรื่องนั้น
ไม่อยากให้ข่าวไปถึงหูพ่อ แค่นี้ญาติๆก็เกลียดผมจะตายละครับ ยิ่งถ้ารู้ว่าผมเคยโดนแบบนั้นมาอีก
ผมคงได้หลุดออกจากตระกูลแน่ๆ”

ตอนนี้ผมเปลี่ยนน้ำเสียงจากไม่พอใจ กลายมาเป็นอ้อนพี่ทิวเอง พร้อมทั้งยกเหตุผลต่างๆนานาให้พี่ทิวฟัง

“อืออเอางั้นก็ได้ เห้อออ หงุดหงิดวะ!!!!!”
พี่ทิวยอมตามใจผม แต่ก็มีสีหน้าหงุดหงิดและอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด

เพราะต้องไปโรงพักกันในช่วงเช้า ทำให้คาบเช้าผมคงไม่ได้เข้าเรียนแน่ๆ
ผมเลยโทรให้เนียร์เข้าไปจดงานแทน (จริงๆไม่อยากขาดเรียนเลยครับ เพราะอาจารย์ชอบสอบเก็บคะแนน)
ตอนแรกคิดว่าคงต้องใช้เวลานานแน่ๆ แต่เอาจริงๆใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆเองครับ
ก็อย่างที่คุณตำรวจเคยบอกในตอนแรกนั้นแหละว่าสมัยนี้คนมาแจ้งความไว้เยอะ
กว่าจะหาคนทำได้อาจจะช้าหน่อย และอาจจะไม่เจอเลยก็ได้
ซึ่งเอาจริงๆตอนนี้ผมเริ่มไม่อยากรู้แล้วว่าใครแกล้งผม
ผมอยากลืมเรื่องบ้าๆพวกนี้แล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมมากกว่า
แต่ดูพี่ทิวจะไม่ชอบใจที่ตำรวจทำงานช้า …..

“เอกสารหลักฐานก็มี ทำไมคิดว่าจะหาคนร้ายไม่ได้วะ ไม่อยากทำมากกว่า!”
พอขึ้นรถมาได้พี่ทิวก็บ่นออกมา และบ่นยาวจนถึงมหาลัยเลยครับ
ผมกับรี่ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ  จนรี่มันต้องส่งไลน์เข้ามาหาผมแทนที่จะพูดคุยกับผม

R I – T I
:: สรุปแฟนกูหรือตัวมึงที่เป็นเจ้าทุกข์วะ

Dewhan
:: กูเริ่มไม่เข้าใจเหมือนกัน

R I – T I
:: วันนี้ไปหาไรกินกันเถอะ กูไม่อยากอยู่กับพี่ทิวในโหมดนี้วะ บอกตรงๆกลัว

Dewhan
::  555 ได้ๆ




พี่ทิวจอดรถส่งผมกับรี่ที่หน้าคณะ ก่อนจะยื่นหนังสือและกระเป๋าให้รี่

“วันนี้พี่จะมารับไปส่งที่คอนโดนะ เลิกเรียนแล้วรอแถวๆนี้ละกัน”

“เออพี่ทิว เดี๋ยวรี่กับดิวกลับกันเองก็ได้ ว่าจะไปเดินซื้อของกัน”

“ไม่เป็นไร พี่ไปส่งได้ วันนี้พี่มีเรียนไม่เยอะ”

“แต่พี่ทิวจะรอนานนะ รี่เลือกของนานพี่ทิวก็รู้”

“รี่ครับ พี่จะมารับ รอพี่ที่นี้นะครับ”

“เอ่อ .. ก็ได้ค่ะ”

เป็นไงละรี่ อุตส่าห์อ้อนแฟน โดนแฟนเสียงโหดใส่จบเลย!!

“งั้นรอที่คอฟฟี่ทามได้ไหมครับ จะได้ไปนั่งทานข้าวทานขนมรอ”

“อืมก็ได้ งั้นเจอกันที่นั้นนะ ดิวอย่าทำให้พี่เป็นห่วงมากกว่านี้นะ อย่าดื้อนะครับ”

“ครับๆ”

ผมตอบรับไปแบบ งงๆ กับท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใย
ซึ่งเอาจริงๆนะผมว่ามันมากเกินไป - -‘

พอพี่ทิวเห็นว่าผมตอบรับไปแล้วก็ขับรถออกไปจากหน้าตึกเรียน
รี่เลยเดินขยับมาใกล้ๆผม ก่อนจะเอามือดึงๆที่แขนเสื้อผม

“สรุปมึงหรือกูที่เป็นแฟนพี่ทิววะ เมื่อกี้น้ำเสียงแฟนกูมันดูแปลกๆนะ”

“มึงคิดมาก เค้าเป็นห่วงกูแบบพี่แหละ ก็พ่อกูส่งเสียพี่ทิวเรียนไง ไปเรียนได้แล้วป่ะ”

ผมรีบดึงรี่ให้เข้าไปในตึกเรียน ถึงแม้จะเลยเวลาเรียนมานานแล้วก็เถอะ
เข้าไปนั่งๆฟังนิดหน่อยก็ยังดี รี่จะได้ไม่คิดมากด้วย
พออาจารย์สั่งงานเสร็จแล้ว พวกเพื่อนๆก็เริ่มเดินออกจากห้องเรียนไป
เนียร์ก็หันมาคุยกับผม ส่วนรี่มันเดินหายออกไปพร้อมๆกับเพื่อนกลุ่มอื่นแล้ว

“มึงทะเลาะไรกับรี่ป่าว มันนั่งมองมึงเกือบทั้งคาบ”

“จะทะเลาะอะไรละ กูก็มาพร้อมๆกันมันเนี่ย”

“หรอ.. แล้วถ้าไม่ทะเลาะกันตอนนี้มันไปไหนละอะ”

“ไม่รู้ดิ ออกไปหาพี่ทิวมั้ง แล้วนี้มึงจะไปไหนต่อ”

“ก็ว่าจะไปรอแตงที่คณะแหละ กว่าจะเลิกอีกตั้งนาน”

“งั้นไปรอกับกูไหมละ กูจะได้จดงานเมื่อเช้าด้วย”

เนียร์ก้มลงมองนาฬิกานิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง

ผมกับเนียร์เดินมาที่ร้านคอฟฟี่ทามด้วยกัน ระหว่างทางก็พยายามกดโทรหารี่
แต่มันก็ไม่ยอมรับสาย ,, นี้มันงอนอะไรอีกวะ???
เห้ออออ เริ่มจะเบื่อชีวิตละนะ อยากไปหาหวานแย่แล้ว TT

“มึงไปจองโต๊ะก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูซื้อเครื่องดื่มให้ เอาเหมือนเดิมนะ”

“อืมม ขอแซนวิสแฮมด้วยนะ”

เนียร์พยักหน้าก่อนจะเดินแยกไปทางเค้าเตอร์สั่งอาหาร
ผมเดินไปจองโต๊ะนั่ง เลือกสงบๆหน่อยละกันจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือกับทำการบ้าน
ระหว่างที่นั่งรอเนียร์กับเครื่องดื่ม ก็ดันมองไปเห็นไอ้พี่เจ้นท์กับเพื่อนๆ อีก2 คน
ก็คนที่ชอบตามติดกันเป็นเห็บปลาวาฬนั้นแหละครับ

“ลอกตรงนี้ก่อนดิวะ”

“มึงอย่าจดไว เดี๋ยวกูเปลี่ยนหน้าไม่ทัน”


เสียงเพื่อนๆของไอ้พี่เจ้นท์เถียงกันไปมา แต่ไอ้คนที่หน้าตาพังเพราะโดนหมัดพี่ทิวเมื่อคืนนั้นยังคงจดงานไปอย่างเงียบๆ

ทำแผลบ้างปะวะ?
ตายังบวมอยู่เลย สงสัยแม่งงไม่ยอมทายาแน่ๆ
ระหว่างที่ผมนั่งมองมันและคิดเป็นห่วงมันอยู่นั้น
(แต่เดี๋ยวนะ ... กูเป็นห่วงไอ้เชี้ยนั้นหรอวะ?)
ไอ้เจ้นท์มันดันหันมาสบตาผมพอดี
มือที่จดงานอยู่ก็หยุดชะงัก มันอ้าปากเหมือนจะคุยอะไรกับผม
แต่ผมเป็นฝ่ายหันหน้าหนีมัน ซึ่งก็พอดีกับเนียร์ที่กำลังเดินยกถาดของกินเดินเข้ามาที่โต๊ะพอดี

“ดิวๆ เมื่อกี้รี่มันโทรมาแล้วนะ มันบอกว่ามันปวดท้องประจำเดือนเลยกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโด
เดี๋ยวมันตามมา”

เห้ออ โล่งอกไปทีนึกว่ามันโกรธเรื่องพี่ทิวเมื่อเช้าซะอีก

เนียร์หยิบสมุดจดงานเมื่อเช้าส่งมาให้ผม ก่อนจะก้มนั่งเล่นมือถือของมันต่อไป
ผมก็นั่งจดงานของผมไปเงียบๆ
จนกระทั่ง.....

“อย่ามายุ่งกับคนของกูอีกนะเว้ยย!!”
“เพล้งงง!”



เสียงแก้วแตก?



ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียง ก็เห็นว่าไอ้พี่เจ้นท์นั่งเอามือกุมหัวของตัวเองไว้เลือดไหลเต็มไปหมด
ส่วนเพื่อนๆ 2 คนนั้นวิ่งตามคนร้ายออกไปด้านนอก

“เพื่อนพี่ทิวนี้หว่า”
พอพูดจบ เนียร์รีบวิ่งเข้าไปช่วยเจ้นท์ทันทีเลยครับ
ผมได้แต่นั่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ
ถามว่าตกใจไหม?  ก็ตกใจนะ
แต่ไม่แปลกใจหรอกที่คนอย่างนั้นจะโดนทำร้าย
ถ้าไม่ไปแย่งเมียใครก็คงไปนอนกับผู้หญิงของใครมาแน่ๆ
มั่วไม่เลือก!!!!
สมควรแล้วละ แม่งงงง!!!!

“ดิวๆ ช่วยเราพาพี่เจ้นท์ไป รพ. หน่อยดิ พี่เค้าหน้าซีดไปหมดแล้วอะ”

“เราควรช่วยคนเลวๆแบบนั้นด้วยหรอ”

ผมไม่อยากเข้าไปจับตัวคนเลวๆแบบนั้นเลยครับ
ถึงผมจะไม่เอาเรื่องมัน แต่...เรื่องคืนนั้นผมก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน!!!!

“อย่าตัดสินพี่เค้าจากที่คนอื่นด่าดิวะ!!! ถ้ามีคนตัดสินมึงจากที่คนอื่นๆโพสมาละ มึงไม่เสียใจหรอ?”
เนียร์เริ่มเสียงดังใส่ผมมากขึ้น หน้ามันตอนนี้ดูจะห่วงใยไอ้พี่เจ้นท์ซะเหลือเกิน
ผมไม่มีทางเลือกอื่นเลยครับ เลยต้องเดินเข้าไปช่วยเนียร์ประคองพี่เจ้นท์ไปขึ้นรถที่หน้าร้าน

ตลอดทางที่มาโรงพยาบาล เนียร์คอยซับเลือดให้พี่เจ้นท์ตลอด
คอยบอกให้พี่เจ้นท์ทำใจดีๆ เดี๋ยวจะถึงมือหมอแล้ว
คำปลอบโยนที่ฟังดูก็รู้ว่าคนที่พูดรู้สึกห่วงใยคนตรงหน้ามากแค่ไหน
นี้ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกับเนียร์มาก่อนนะ จะคิดว่ามันเป็นแฟนพี่เจ้นท์หรือแอบรักพี่เจ้นท์แน่ๆ

พอถึงโรงพยาบาลก็ส่งตัวพี่เจ้นท์ให้ทางเจ้าหน้าที่ดูแลต่อไป

“กลับกันเถอะ”
ผมชวนเนียร์กลับไปที่ร้านคอมฟี่ทาม เพราะทิ้งกระเป๋าหนังสือไว้ที่นั่นหมดเลย

“เดี๋ยวก่อนดิ รอดูก่อนว่าพี่เค้าปลอดภัยแล้วค่อยกลับ”
เห้ยยยยยเดี๋ยวนะไอ้เนียร์!!!!!
มึงห่วงมันมากเกินไปหรือป่าววะ - -‘

“แต่มันไม่ใช่เพื่อนเรานะเนียร์ ตอนนี้มันอยู่กับหมอแล้ว เดี๋ยวพี่น้องมันก็มา
ทำไมเราต้องเสียเวลากับคนแบบนั้นด้วยว่ะ”

อยู่ๆผมก็เริ่มไม่ชอบใจในสิ่งที่เนียร์แสดงออกมา
หงุดหงิดจนอยากจะวิ่งเข้าไปต่อยหน้าไอ้เจ้นท์แม่งง!!!

“นี้ดิวถามจริงๆเถอะทำไมไม่ชอบพี่เค้าวะ พี่เจ้นท์เค้าทำอะไรให้มึงโกรธมากหนักหรือไง”

“ก็คนที่ทำร้ายกูก็คือพี่เจ้นท์คนดีของมึงไง มึงจำไม่ได้หรอ”

พอเนียร์ได้ยินแบบนั้น หน้าก็ซีดลงทันที พร้อมๆกับมองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“มึงโกหกกูใช่ไหมดิว มึงบอกมาสิว่าสิ่งที่มึงพูดมามันไม่จริง”
เออ.. ลืมไปว่าเนียร์มันยังไม่รู้ว่าเจ้นท์คือคนที่ทำร้ายผม
เมื่อคืนมีแค่รี่กับพี่ทิวเท่านั้นที่รู้  - -‘

“เนียร์ คือ มึงใจเย็นๆสิว่ะ”

“มึงอย่าใส่ร้ายพี่เจ้นท์นะเว้ยย คนแบบพี่เจ้นท์ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
หุบปากของมึงไปได้เลย!!”

เนียร์ตะคอกใส่หน้าผมก่อนจะเดินเข้าไปดูพี่เจ้นท์ในห้องฉุกเฉิน
ผม งง มากครับตอนนี้ งง กับสิ่งที่เนียร์มันเป็น
มันพูดเหมือนกับว่ามันรู้จักกับพี่เจ้นท์มาก่อนอย่างนั้นแหละ!!!
แล้วนี้กูจะกลับหรือจะรอมันดีวะเนี้ยย โอ้ยยย มึงนี้มันตัวสร้างปัญหาให้ชีวิตกูจริงๆเลยนะไอ้เชี้ยยเจ้นท์!!!

ผมตัดสินใจโทรบอกให้รี่ไปเอาของที่ร้านมาให้ รี่เลยบอกให้ผมรอที่โรงพยาบาลนั้นแหละ
เดี๋ยวมันกับพี่ทิวจะตามมา.....  โรงพยาบาลจะแตกแน่ๆ พี่ทิวจะมาปะทะกับพี่เจ้นท์ - -
ผมนั่งรอสักพักเนียร์ก็เดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงพี่เจ้นท์ออกมา

“ไปที่ห้องพัก”
เนียร์หันมาบอกผมแค่นั้น ก่อนจะเดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงพี่เจ้นท์ไป
ผมได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินตามเนียร์ไป

“นอนพักดูอาการสักคืนนะครับ ถ้าพรุ่งนี้คุณหมอมาดูอาการแล้วและเห็นว่าปลอดภัยดีก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้นะครับ
มีอะไรฉุกเฉินกดเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลานะครับ”

บุรุษพยาบาลแนะนำวิธีใช้เครื่องมือข้างๆเตียงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“ขอบใจนะที่พามาโรงพยาบาล”

พี่เจ้นท์มันหันมามองผมก่อนจะบอกขอบใจกับผม

“ขอบใจเนียร์เถอะ มันเป็นห่วงมึงมากที่สุดแล้วมันก็บังคับกูมา”

“อืมมขอบใจไปแล้ว ก็เลยมาบอกขอบใจดิวด้วยไง เสื้อเลอะหมดเลยส่งซักรอบนี้โดนป้าแขกด่าแน่ๆ”

ป้าแขกคือป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดห้องและซักผ้าให้ผมครับ

“ทำเป็นรู้ดี”
ผมโคตรหมั่นไส้หน้ามันมากเลยครับตอนนี้ เจ็บจะตายห่าละยังยิ้มได้อีก

“เหมือนกูเป็นส่วนเกินนะ งั้นกูขอกลับก่อนละกัน”
เนียร์พูดแทรกขึ้นมา ก่อนทำท่าจะเดินออกจากห้องไป ผมเลยรีบดึงมือมันไว้

“กูกลับด้วยดิ ส่วนมึงไอ้พี่เจ้นท์อย่าไปมั่วกับเมียชาวบ้านให้มาก คราวหน้าอาจจะเจอหนักกว่านี้แน่”
พอพูดเสร็จผมก็จะเดินออกไปกับเนียร์ แต่ไอ้พี่เจ้นท์ดันตะโกนตอบกลับมา....

“ตั้งแต่นอนกับมึงกูก็ไม่ได้ไปนอนกับใครอีกเลย จะมีใครมาทำร้ายกูได้อีกละ”
ไอ้เชี้ยยยย!!!! พูดซะดังเลย!!!
เนียร์สะบัดมือผมออกก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป!!!
ผมกับไอ้พี่เจ้นท์ได้แต่มองหน้ากัน งงๆ กับท่าทีของเนียร์

“เพื่อนมึงเป็นเกย์หรอวะ?”

“เกย์พ่องงมึงดิ มันมีแฟนเป็นผู้หญิง”

“มันทำเหมือนกับชอบกู มาฟูมฟายบอกกูว่าอย่าเป็นอะไรไปนะ
ถ้าหายแล้วจะพากูไปไหว้พระที่เชียงใหม่อะไรของมันก็ไม่รู้ คือจริงๆนะเพื่อนมึงเป็นไรกับเชียงใหม่มากปะวะ
ครั้งก่อนเจอหน้ากันก็ถามว่ากูเคยไปเชียงใหม่ไหม?“

เออนั่นดิ... เนียร์เป็นไรไปวะ?
แล้วนี้กูคุยกับมันเหมือนไม่โกรธแค้นอะไรกันเลยได้ไงวะ?

“อย่ามาเนียนคุยเหมือนสนิทกัน แล้วไม่ต้องป่าวประกาศอีกนะว่าได้กับกูมา
แม่งง หัดมียางอายแล้วสำนึกผิดบ้างเถอะ”

“ก็สำนึกผิดนี้ไง กูเลยไม่ได้ไปนอนกับใครอีกเลยนะเว้ย”

มันไม่พูดเฉยๆครับ ขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วยังมองหน้าผมตลอดเลย

“นั่นก็เรื่องของมึง”
ผมเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆเตียงมัน เพราะเริ่มเมื่อยละครับ
จะกลับตอนนี้ก็ห่วงมันอีกว่าใครจะอยู่ดูแลมัน
แล้วก็รอรี่กับพี่ทิวด้วยครับ ถ้ากลับตอนนี้เดี๋ยวสวนทางกันไปมาอีก




“ดิว”
อยู่ๆเจ้นท์ก็เรียกชื่อผมหลังจากที่ต่างคนต่างนั่งเงียบๆมาตั้งนาน

“อือ”

“ให้กูทำอะไรเพื่อไถ่โทษในสิ่งที่กูทำลงไปได้ไหมวะ”

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่อยู่ห่างจากตัวกูก็พอ”

“กูทำแบบนั้นไม่ได้.....
กูทำเมินเฉยใส่มึงไม่ได้จริงๆวะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”

ผมเงยหน้าไปมองหน้าเจ้นท์หลังจากที่ฟังมันประโยคเมื่อกี้จบ
สายตาที่มันมองผม .. ไม่มีแววตาของเจ้นท์ที่ผมเคยเห็น


แววตาที่มองผมอย่างจะกลืนกินในคืนวันแรกที่เจอกัน
แววตาที่เป็นห่วงผมในช่วงเวลาที่มันมาคอยดูแลผมที่คอนโด
แววตาออดอ้อนผมในคืนที่มันแวะมาขอให้ผมช่วยทำแผลให้
และแววตาของมันในวันนี้..... มันคืออะไรกันแน่?



----------------------------------------------
เย้ >////< ได้มาอัพซะที 5555+
ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้ามีคำผิด
และก็ขอฝากน้องๆ Howfarisnear ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกๆคนด้วยนะค่าาา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -8|20-7-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 20-07-2016 23:59:25
มาบ่อยๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -9|4-8-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 04-08-2016 23:41:46
[ดิว] - Chapter -9


“มะ ไม่ต้องทำอะไร อยู่ในที่ๆของมึง แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูแค่นั้นพอแล้ว”
ผมรีบตอบเจ้นท์กลับไป ก่อนจะเสมองไปทางอื่นแทน
ผมมันคนใจอ่อน ผมรู้ตัวดี  เวลาทะเลาะกับหวาน จะกี่ร้อยพันครั้งแค่สายตาและเสียงอ้อนๆของหวาน
ผมก็ลืมทุกๆอย่างไปจนหมดสิ้นแล้ว

เจ้นท์มันก็เงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำๆหนึ่ง ที่มันทำให้ผมถึงกับต้องรีบหันมาสบตากับมัน

“คบกับกูไหม?”
มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

“ไม่ กูมีเมียแล้ว และถึงต่อให้กูไม่มีเมียกูก็ไม่คบกับมึง”
แล้วทำไมใจกูต้องเต้นแรงขนาดนี้วะเนี้ยยย !!
โอ้ยย ทำไมพออยู่กับมันทีไรผมควบคุมสติ ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยจริงๆ

“กูรู้แล้วว่ามึงมีเมียแล้ว แต่กูชวนมึงมาคบกับกู มาเป็นแฟนกัน ไม่ได้จะชวนมาเป็นผัวกูซะหน่อย
แล้วอีกอย่างนะ .....”

อยู่ๆมันก็หยุดพูดแล้วมองหน้าผม ก่อนจะยกยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ๆให้ผม

“มึงเป็นเมียกูไม่ใช่หรอ”

“ไอ้เชี้ยย!! กูไม่น่าหลวมตัวมาช่วยคนอย่างมึงเลยจริงๆ ไม่คบไม่อะไรทั้งนั้นแหละ
แม่งง อยู่โรงพยาบาลคนเดียวให้ผีหลอกมึงตายไปเลย”

ผมพูดจบก็รีบเดินออกจากห้องพักของเจ้นท์ออกมา แต่เชื่อไหมครับ
ไอ้บ้าเจ้นท์มันดันนั่งหัวเราะที่เห็นผมโวยวายใส่มันแบบนั้น
ไม่ปกติแน่ๆ มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ  ต้องให้หมอจ้านพามันไป x-ray สมองแล้วละ
เห้อออ ผมได้แต่ถอดหายใจกับไอ้บ้าเจ้นท์
ก่อนจะเดินมานั่งรอรี่ที่หน้าโรงพยาบาลแทน

RrrrrRrrrr

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากรี่
เลยรีบกดรับสาย

“อยู่ไหนแล้ว”

[ กูเพิ่งถึง รพ. มึงอยู่ไหนวะ ]

“ตรงประชาสัมพันธ์เลย มึงเดินเข้ามาเลย”

[ โอเค กูเห็นมึงละ ]

ผมกดวางสายได้สักพัก รี่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆผม

“นี้มึงโดนลูกหลงไปด้วยหรอวะ เลือดเต็มตัวเลย”

“ป่าววเว้ยย เลือดไอ้เจ้นท์มัน กูแค่พามันมาโรงพยาบาล”

“แล้วไปช่วยมันทำไม”

เสียงดุๆของพี่ทิว ดังขึ้นมาพร้อมๆกับแก้วกาแฟเย็นๆที่ยื่นมาให้ผม

“ขอบคุณครับพี่ทิว ผมไม่ได้อยากไปยุ่งหรอก ไอ้เนียร์มันบอกให้ผมมาช่วย ผมไม่รู้จะทำไงเลยช่วยมันมาส่งที่นี้แหละครับ”
ผมเอื้อมมือไปรับแก้วกาแฟจากพี่ทิวมากิน   พอร่างกายได้รับเครื่องดิ่มเย็นๆ ก็ทำให้สดชื่นขึ้นมาได้หน่อย

“อ้าวว แล้วนี้เนียร์ไปไหนวะ” รี่หันไปมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“มันกลับไปก่อนแล้ว ไม่รู้ไม่พอใจอะไรกู นี้กูกับเจ้นท์ก็ยัง งงๆ อยู่เลย”

“ทำไมหรอวะ”
รี่ก็ยังถามต่อตามประสานิสัยอยากรู้อยากเห็นของมันนั้นแหละครับ

“ก็เจ้นท์มันบอกกูว่าเสื้อกูเปื้อนเลือดแบบนี้ป้าแขกต้องด่ากูแน่ๆ แค่นั้นแหละ เนียร์มันก็บอกว่ามันเป็นส่วนเกินแล้วก็จะเดินออกจากห้อง”

“แล้วมันไปรู้จักป้าแขกได้ไง”

เออ .. คราวนี้พี่ทิวกระชากแขนผมให้หันไปมองหน้าพี่ทิวเลยครับ

“ก็เจ้นท์มันเคยไปอยู่เฝ้าดิวตอนที่ดิวไม่สบาย”

“นี้ดิวกับมันคบกันหรอ? หรือหลังจากคืนนั้นแล้วยังมีครั้งต่อๆไปอีก”

พี่ทิวพูดไปก็บีบแขนผมแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“โอ้ยยย พี่ทิว ,, ดิวเจ็บ ปล่อยแขนดิวได้แล้ว”

“พี่ทิวค่ะ ปล่อยแขนดิวเถอะค่ะ”

รี่ก็เข้ามาช่วยดึงแขนพี่ทิวออก

“นี้ใช่ไหมสาเหตุที่ดิวไม่แจ้งความจับมัน เพราะดิวกับมันคบกันยังงั้นหรอ? หรือติดใจมันกันแน่ห๊ะดิว”

เพี๊ย!!!!
รี่ตบเข้าไปที่แก้มของพี่ทิวแรงๆ ผมว่ามันน่าจะแรงมากแน่ๆละครับ เพราะพี่ทิวหน้าหันเลยครับ

“พี่ทิวนั้นแหละเป็นบ้าอะไร ไปยุ่งเรื่องของดิวมันทำไม มันกับพี่เจ้นท์จะได้กันกี่ครั้ง
จะคบกัน จะอยู่ด้วยกันแล้วพี่ทิวจะเดือดร้อนทำไม”

รี่หันไปตะโกนถามพี่ทิว จนตอนนี้คนทั้งโรงพยาบาลเริ่มหันมามองพวกผมกันหมดแล้วครับ
พี่ทิวไม่ตอบอะไรรี่เลย แต่กลับหันมามองหน้าผมแล้วกระชากแขนผมให้ยืนขึ้น

“กลับห้องได้แล้วพี่จะไปส่ง”
แต่ก็รี่อีกนั้นแหละครับ มาดึงตัวผมออก

“พี่ทิวต้องตอบคำถามรี่ก่อน ว่าสิ่งที่พี่ทิวเป็นตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ,,
มึงกลับคนเดียวได้ไหมดิว คือถ้าวันนี้กูไมได้คุยกับพี่ทิวให้รู้เรื่อง กูจะไม่สบายใจมากๆเลยมึง”

“อืมม กูเข้าใจมึงรี่”

ผมเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากมือของรี่ ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ทิว

“พี่ทิวไปคุยกับรี่เถอะครับ คืนนี้ดิวจะอยู่เฝ้าเจ้นท์”
พูดเสร็จผมก็รีบเดินกลับมาที่ห้องของเจ้นท์เลยครับ เพราะว่าผมเห็นท่าทางที่พี่ทิวจะวิ่งตามผมมาแล้วละ
แต่รี่ยืนขวางไว้และโวยวายใส่พี่ทิว จนพี่ทิวต้องกระชากแขนรี่ให้ออกไปคุยที่อื่น


พอเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของเจ้นท์ ก็เจอมันกวนตีนใส่เลยครับ

“อ้าวว กลับมาให้คำตอบพี่ละหรอ”
โอ้ยย นี้กูไม่น่ากลับมาเลยจริงๆ คิดถูกคิดผิดวะเนี้ยย!!!!

“ป่าว หนีพี่ทิวมา”

“หื้มม ทิวมาหรอ? นี้กูจะหน้าช้ำเพิ่มปะวะเนี้ย”

ไอ้พี่เจ้นท์พูดเสร็จก็ยกเอามือมาปิดหน้าตัวเองไว้ แหม่ มึงหล่อแย่เลยนะ
หึ เสือกหล่อจริงๆ ไอ้บ้า!!!

“แล้วหนีมันมาทำไม”

“มึงไม่รู้สักเรื่องจะตายไหมละ?”

ไอ้พี่เจ้นท์มันหยักไหล่ ก่อนจะล้มตัวลงนอน

“มานั่งนี้ดิ”
พูดแล้วก็ตบมือลงตรงข้างๆเตียง

“ไม่ ,, กูเหนื่อยพอแล้วนะเว้ยย ทั้งพี่ทิวทั้งมึงเนี้ย”

“ทำไมเรียกทิวว่าพี่ แล้วเรียกกูว่ามึงวะ เรียกว่า เจ้นท์ดิ”

“แล้วทำไมกูต้องเรียกมึงแบบนั้นด้วยละ”

“ก็เพราะกูอายุมากกว่ามึง”

“ไม่เอาไม่อยากเรียก”

“ไม่อยากเรียกกูว่าเจ้นท์ เรียกว่าที่รักก็ได้นะ”

ดูมันสิครับ ,, คุยกันดีๆได้ไม่กี่คำ หาเรื่องให้ได้ด่าอีกละ

“กูกลับละ”

“เห้ยๆขอโทษ ไม่เรียกก็ไม่เรียก อยากจะเรียกว่าตัวเชี้ยตัวไรก็เรียกเถอะ
คืนนี้อยู่ด้วยกันได้ไหมอะ นอนโรงพยาบาลคนเดียวแล้วแม่งวังเวงว่ะ”
หน้าตามึงนี้น่ากลัวกว่าบรรยากาศในโรงพยาบาลตอนนี้อีกนะ - -‘

“มึงมันไม่น่าไว้ใจ กูกลับไปนอนห้องกูดีกว่า”

“งั้นกูไปนอนด้วย”

“โอ้ยยยไอ้พี่เจ้นท์ อย่ามากวนใจได้ไหม มึงเจ็บแผลอยู่จะไปนอนห้องกูได้ไงละ”

“งั้นถ้ากูออกโรพยาบาลแล้วกูไปนอนด้วยนะ”

อ้าววว กลายมาเป็นแบบนี้ได้ไง?

“ไม่ ไม่ต้องเลย มึงอย่ามาเนียน”

“ก็กูเป็นห่วงมึงอะ นี้ดูดิมีคนมาตีหัวกูด้วยนะเว้ย”

“เดี๋ยวๆก่อนนะ มาตีหัวมึงไงไม่ใช่หัวกู แล้วถ้ามึงไปนอนห้องกู แน่ใจได้ไงว่ากูจะปลอดภัย”

“ปลอดภัยสิ เพราะกูจะดูแลมึงเอง”

พูดเฉยๆกูก็จะบ้าแล้วเว้ยย ส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ทำบ้าไร
กูผู้ชายเว้ยยยย!!!! ไอ้นี้มันท่าจะถนัดจีบสาวแน่ๆ ดูคำพูดมันแต่ละคำดิ

“กูดูแลตัวเองได้เว้ยย เอาตัวมึงให้รอดเถอะ”
ไอ้พี่เจ้นท์ทำท่าจะอ้าปากเถียงกับผมต่อ
แต่เสียงเรียกเข้ามือถือผมก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงพิเศษ ที่ผมตั้งไว้สำหรับหวานครับ : )
พี่เจ้นท์มันเลยหุบปากไม่พูดอะไรต่อ

“ดีครับหวาน”

[ เป็นไงบ้างดิว ไม่โทรหาหวานเลยนะ ]

“อืมม ยุ่งๆนะขอโทษทีนะ หวานละไปเรียนบ้างหรือป่าว”

ไอ้เจ้นท์มันทำปากบ่นอะไรของมันไม่รู้ครับ ก่อนจะล้มตัวลงนอน
แต่มือก็ยังตบตรงที่ว่างข้างๆเตียงแล้วกวักมือเรียกผม
เห้ออ ถ้าจะไม่ไปนั่งตรงนั้นมันคงตบเตียงทั้งคืนแน่ๆ
ผมเลยเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆเตียงมัน
ทำให้เจ้าคนป่วยที่ทำปากยื่นปากยาวบ่นอะไรของมันเมื่อสักครู่นี้ยิ้มออกมาได้

[ ไปเข้าคอร์สเตรียมคุณแม่นะ แล้วนี้ดิวจองตั๋วมาหาหวานยังค่ะ คิดถึงดิวจัง ]

“จองไว้แล้วจ๊ะ ขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ตอนเย็น ไปถึงไม่ดึกมากหรอก แล้วยังไงดิวเข้าไปหาที่บ้าน
หวานไม่ต้องมารอรับนะมันดึกแล้ว “

[ เดินทางปลอดภัยนะคะ แล้วยังไงรีบๆมานะ ระวังจะตกเครื่องนะรู้ไหม หวานกับลูกคิดถึงดิวน๊า ]

“ เอ๊ ,, ลูกบอกแบบนั้นหรอ สงสัยไปหาครั้งนี้ดิวต้องคุยกับลูกบ้างแล้วละว่าแม่แอบบ่นอะไรพ่อบ้าง”

[ บ้านะ ,, หวานจะบ่นอะไรดิวได้ละ ]

“ หวานเข้านอนได้แล้วนะ ที่โน้นมันดึกมากแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ดึกๆเจอกันนะครับ “

[ หวานรักดิวนะ ]

“ดิวก็รักหวานนะครับ อดทนหน่อยนะเดี๋ยวก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

[ จ๊ะ ฝันดีนะดิว ]

พูดจบหวานก็วางสายไป ผมยิ้มให้กับโทรศัพท์ตรงหน้าที่หน้าจอมือถือเป็นรูปคู่ของผมกับหวาน
ก่อนจะหันไปบอกคนป่วยข้างๆว่าต้องกลับห้องแล้ว

“เจ้นท์ กูกลับแล้วนะ”

“อยู่กับกูก่อนไม่ได้หรอ พรุ่งนี้มึงก็ไปหาหวานแล้ว”

“ทำไมวะเพื่อนมึงไม่มีหรอ ทำให้ต้องให้กูเฝ้ามึงด้วยละ”

“ก็กูอยากให้มึงเฝ้า”

เห้อออ ไอ้นี้มันเด็กในร่างผู้ใหญ่หรือยังไงกันวะ พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ

“เออๆ กูเฝ้ามึงก็ได้ แต่เช้าปุ๊บกูกลับเลยนะ เพราะต้องรีบไปเก็บกระเป๋าไปหาหวานอีก”

“อืมมกูรู้นะว่ายังไงมึงก็ต้องไปหาเมียมึง แค่คืนนี้คืนเดียวเองอยู่กับกูได้ไหมวะ”

“มึงพูดจาแปลกนะเจ้นท์ เป็นไรปะวะ”

เจ้นท์มันนอนหันมามองหน้าผม ก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กน้อย ยิ้มของมันไม่ได้สดใสแบบทุกที

“กูว่า … กูหลงรักมึงเข้าแล้ววะ”


หลังจากเจ้นท์พูดคำๆนั้นออกมา ทั้งผมและเจ้นท์ต่างตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ผมรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเข้าไปสงบสติ
ไอ้บ้า! มาหลงรักอะไรของมึงกันละ
โดนฟาดหัวจนสติเสียไปละมั้ง
ผมล้างหน้าล้างตา แล้วยืนทำใจสักพัก ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำมา
ก็เห็นว่าเจ้นท์มันหลับไปแล้ว
หึ ,, พูดจาแบบนั้นใส่แล้วก็หลับหน้าตาเฉย
เอาหมอนอุดหน้าให้มันขาดอากาศหายใจดีป่าววะเนี้ยย!!!

ผมเดินมานอนที่โซฟา ว่าจะโทรหารี่ แต่ก็ไม่กล้าโทรไปเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง
เลยนอนฟังเพลงแล้วหลับไป
มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนตี 3 เพราะรี่โทรเข้ามาหาบอกว่าจะมารับผมที่หน้าโรงพยาบาลไปส่งที่คอนโด

“กูกลับก่อนนะ หายไวๆละ แล้วก็อย่าห้าวให้มาก กูไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นบ้าอะไร
แต่ถ้ามึงไม่มีเรื่องกับใครอีกจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ”

พอผมจะเดินออกจากห้องไป เจ้นท์มันกลับพูดสวนกลับมา

“ทำไมกลับไวละ ไหนจะอยู่จนเช้า”
อ้าวว ผมนึกว่ามันหลับซะอีกเลยพูดกับมันแบบนั้น นี้หมายความว่ามันตื่นนานแล้วงั้นหรอ??

“เออคือ … รี่มารับนะ กูไปนะ”

“ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนนะ แล้วก็กูดีใจอกไปนะที่มึงกล้านอนหลับทั้งๆที่กูเพิ่งบอกรักมึงไป”

ผมไม่รู้จะตอบอะไรมัน เลยยกนิ้วกลางให้มัน แล้วเดินออกจากห้องมา

เออ ,, ทำไมเมื่อคืนผมถึงกล้านอนในห้องกับคนแบบมันวะ
จริงๆแล้วนอนหลับแบบสบายใจซะด้วยสิ ...
ดิว … นี้มึงกำลังไว้ใจคนที่ทำร้ายมึงงั้นหรอ??????



“ดิว ๆ ทางนี้”
ผมเดินเหม่อออกมาจนมาถึงตรงประชาสัมพันธ์  รี่ที่นั่งรออยู่แล้วตะโกนเรียกผม

“มาได้ไงวะมึง พี่ทิวไม่ว่าเอาหรอ?”

“กูทะเลาะกันแรงมาก จนกูขนเสื้อผ้ามาเกือบหมดตู้แล้วละ”

“อ้าวว แล้วมึงจะไปอยู่ไหน”

“กูขออยู่กับมึงได้ไหมวะ ช่วงนี้พี่ทิวอารมณ์ไม่ดีเลย เดี๋ยวก็คุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้
เดี๋ยวก็มาโวยวายใส่กูเรื่องของมึง กูว่าลองห่างๆกันหน่อยน่าจะดี”

“อืมม มาอยู่กับกูได้อยู่แล้วละ แต่มึงคงไม่คิดว่าพี่ทิวมาชอบกูใช่ไหม?”

“เอาจริงๆกูคิดนะ แต่กูไว้ใจมึง เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกู แล้วอีกอย่างมึงกำลังจะเป็นพ่อคน มึงไม่หักหลังกูแน่นอน”

“ขอบใจนะรี่ที่มึงไว้ใจกู เชื่อใจกูได้เลยว่ากูไม่ทำให้มึงผิดหวังแน่นอน”

“กลับห้องกันเถอะ กูเหนื่อยมาก วันนี้เป็นวันบ้าบออะไรไม่รู้ เหนื่อยสุดๆ”

รี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะบิดตัวแก้เมื่อย ผมเลยยื่นมือไปขอกุญแจรถจากรี่

“มา,, กูขับกลับคอนโดเอง”
รี่ก็ยื่นกุญแจรถให้ผมโดยไม่ลังเล พอมันขึ้นรถได้ ไม่ทันจะวนรถออกจากโรงพยาบาลเลยครับ
รี่ก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เห้อออ ไอ้รี่เอ้ยยย สงสัยจะกังวลและเหนื่อยจริงๆ
ผมขับรถกลับมาถึงคอนโด ก็ปลุกรี่ให้ตื่น ก่อนจะช่วยมันยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปไว้บนห้อง

“กูนอนห้องนอนเล็กเหมือนเดิมนะ”
รี่พูดจบก็เดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที

“เอ่อรี่ มึงนอนห้องนอนใหญ่เถอะ เดี๋ยวห้องเล็กกูนอนเอง”

“เห้ยยไม่เป็นไร กูมาขออยู่กับมึงนะเว้ยย มึงก็นอนห้องมึงนั้นแหละ”

“ไม่เป็นไร,,  มึงเป็นผู้หญิงนะ อยู่ห้องนอนใหญ่นอนเตียงสบายๆไปเถอะนะ”

“เอางั้นแน่นะ”

“อืมม แน่นอนสิเจ้าหญิง”

รี่ทำท่าสะบัดผมสวยๆก่อนจะเดินเข้าไปนอนในห้องนอนใหญ่
ห้องนอนใหญ่มันมีครบทุกอย่างครับ คือจะขังตัวไว้ในนั้นก็ไม่อดตาย
ตู้เย็นมีของกินให้ได้กินตลอด 555 เพราะผมชอบนอนอ่านหนังสือ เล่นเกมส์อยู่ในห้อง
เลยซื้อของมาตุนไว้ตลอด
ผมเดินขนกระเป๋าของรี่เข้าไปในห้องนอนใหญ่ ก่อนจะหยิบชุดนอนและของใช้ส่วนตัวเล็กน้อยออกมาไว้ที่ห้องนอนเล็ก

“ฝันดีนะรี่ แล้วยังไงพรุ่งนี้สายๆคุยกัน”

“ฝันดีนะดิว ขอบใจจริงๆที่มึงเป็นเพื่อนกู”

“อืมม กูรักมึงนะเว้ยย”

“อย่ามาซึ้งนะไปนอนห้องเล็กของมึงได้ละ 5555”

พูดเสร็จมันก็ทำท่าชี้นิ้วสั่งผมให้กลับไปในห้องเล็ก ก่อนที่ตัวมันจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของผม

ผมเดินเข้ามานั่งนิ่งๆอยู่บนเตียงในห้องนอนเล็ก
ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง แล้วก็มาสะดุดตากับหนังสือ 2-3 เล่ม
ที่เจ้าของๆมันลืมเอาไว้

“หลักกฎหมายเบื้องต้น”

“ข้อสอบเนติ”

“ศัพท์สำหรับกฎหมาย”


ซึ่งแต่ละเล่มพูดได้คำเดียวว่าโคตรเยิน 5555+
แสดงได้เลยว่าเจ้าของน่าจะอ่านมามากกว่าสิบรอบแน่ๆ
รอยดินสอเขียนคำอธิบายไว้แทบจะทุกหน้า ....

“จิณณทัต”

ชื่อจริงของเจ้นท์งั้นหรอ?  หึ ไอ้บ้า!!
ชื่อจริงก็เพราะ ขัดกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง
ถ้าชอบอ่านหนังสือขนาดนี้ยังกล้ามาลืมไว้ในห้องคนอื่นได้ยังไงกันวะ!


แล้วทำไมผมถึงต้องมานอนที่ห้องนี้อีกละ?
ทั้งๆที่มันมีแต่เรื่องร้ายๆเกิดขึ้นในห้องนี้
นี้… มึงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ดิว??



“ดิววววว ตื่นได้แล้ววว”
รีส่งเสียงปลุกผมในตอนสายๆ ก่อนที่ตัวของมันจะกระโดดลงมานอนข้างๆผมบนเตียง

“หื้ออ กี่โมงแล้ว”

“บ่ายสองแล้วจ๊ะคุณชาย จะตื่นได้ยัง”

“เห้ยยบ่ายสองแล้วหรอวะ กูต้องไปขึ้นเครื่องตอนห้าโมงเย็น โอ้ยยจะทันไหมวะเนี้ย”

“อ้าว มึงจะไปหาหวานหรอ”

“อืมมดิ เดี๋ยวกูไปเก็บกระเป๋าก่อนนะ”

“โอเคๆ กูทำกับข้าวไว้ให้แล้วนะ ยังไงออกมากินละกัน”

ผมรีบกลับไปในห้องนอนใหญ่ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไม่กี่ชุด
แล้วอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ก่อนจะออกมาหารี่ที่นั่งรอทานข้าวอยู่ข้างนอก

“ไปกี่วันละคราวนี้”
รี่ถามขึ้นมาตอนที่กำลังนั่งทานข้าว

“ก็ 4-5 วันอะ เพราะหมอนัดตรวจหวานด้วย”

“โอเคค เรื่องเรียนกูจัดการให้ แล้วพอคลอดแล้วจะเอาไงต่อวะ”

“ก็คงอยู่ที่โน้นเลย ไม่กลับมาที่ไทยแน่ๆ”

“มึงยังกลัวเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ”

“ไม่กลัวหรอกรี่ แต่กูกับหวานอยากมีชีวิตใหม่วะ อยากให้ลูกเกิดมาเจอสิ่งที่ดีๆ”

“อืมม กูเข้าใจ รีบทานข้าวเถอะมึงเดี๋ยวไปเช็คอินไม่ทัน”




สนามบินดอนเมือง

“เดินทางปลอดภัยนะมึง ฝากความคิดถึงถึงหวานและก็หลานกูด้วย”

“โอเคค  มึงก็นอนที่ห้องกูได้เลย เดี๋ยวป้าแขกจะมาเก็บกวาดเอง ของในบ้านอยากได้อะไรจดไว้ป้าแขกจะเป็นคนซื้อมาให้”

“เจ้าค่ะคุณพ่อ”

“งั้นกูเข้าไปรอข้างในเลยละกันนะ มึงกลับไปได้แล้ว”

“โอเค โทรมาด้วยนะมึง”

“อืมม โอเค”

รี่สวมกอดผมเบาๆ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้ผม
ผมโบกมือตอบกลับไปให้มัน ก่อนจะเดินหันหลังไปต่อคิวเพื่อเดินเข้าไปรอที่เกท

“ดิว”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเรียกผมไว้ เสียงที่มันเหมือนจะคุ้นเคยมานานทั้งๆที่รู้จักกันได้ไม่กี่วัน
เสียงของ เจ้นท์

ผมหันหลังกลับไปดูก็เห็นว่าเจ้นท์กำลังวิ่งมาหาผม รี่หยุดเดินและหันกลับมามองผมเหมือนกัน

“อะไรของมึง ออกจาก โรงพยาบาลมาได้ไงเนี้ย”

“มึง แฮ่กๆ โอ้ยย เหนื่อยวะ ขึ้นเครื่องที่ไหนไปไหนแม่งไม่บอกกูเลยนะ”

“อ้าววกูต้องบอกมึงด้วยหรอ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูขึ้นที่นี้”

“เช็คเอาจากมือถือ”

(เช็คยังไงวะ - -)

“แล้วมีไรถึงมาหาถึงนี้อะ ทำไมไม่โทรมา”

“กูโทรหามึงได้หรอ? มึงให้กูโทรหาได้ใช่ไหม?”

ห๊ะ ,, ถามอะไรของมันวะ”

“กูถามเนี้ยตอบดิ”
มันยังถามผมซ้ำๆอีกครั้ง

“อืมม ก็ถ้ามีเรื่องไรก็โทรมาดิ “

“ไม่มีเรื่องแล้วโทรหาได้ปะวะ”

“เออจะโทรก็โทร แล้วนี้มีไร”

มันยิ้มกว้างจนแผลที่คิ้วที่เย็บไว้จะแตกอีกรอบละครับ ยิ้มอะไรขนาดนั้นน!!!

“กลับวันไหน”

“ไม่รู้ดิว่าจะไป 4-5 วัน”

“3 วันพอ”

“อ้าวว อะไรของมึงเนี้ย กูไปหาเมียกู ก็จะไป 4-5 วันมันจะทำไม”

“3 วันพอนะ กูขอ”

“ทำไมต้องแค่ 3 วัน”

“นานกว่านี้กูคิดถึง”

มันยื่นมือมาจับมือผม ก่อนจะบีบมือผมเบาๆ

“3 วันนะ แล้วกูจะมารอรับมึงที่นี้ กูรอมึงได้แค่นั้นจริงๆ นานกว่านั้นกูคงทนคิดถึงมึงไม่ได้”

“เรื่องของมึงดิ”

ผมรีบสะบัดมือออกจากการจับกุมของมัน แล้วรีบวิ่งไปให้พนักงานตรวจเอกสารแล้วเดินเข้าเกทไป
แต่ไอ้บ้าเจ้นท์มันก็ยังเป็นคนบ้าเหมือนเดิมครับ

“ดิว 3 วันนะเว้ยย กูจะมารอมึงนะ”

โอ้ยยยย ไอ้บ้า ไอ้เจ้นท์ มึงมันบ้า!!!!!!!!

------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้เจนอน รพ. นะคะ อาจจะอัพเดทไม่ค่อยไวแบบทุกที
ยังไงฝากติดตามที่เพจได้นะคะ
มีอัพเดท sd ของหนุ่มๆจากเรื่อง My tutor ด้วย
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -9|4-8-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-08-2016 01:47:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -9|4-8-59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-08-2016 07:51:58
 :mew1:
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -10|7-8-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 07-08-2016 01:33:20
[เจ้นท์] - Chapter -10



ดิวไม่ตอบว่าจะกลับมาไหม? แต่ดิวค่อยๆแกะมือที่ผมจับไว้ออก
แล้วเดินหันหลังเข้าไปในเกท .....
ผมได้แต่มองหลังของดิว ที่ค่อยๆเดินหายไปจากสายตาผม
ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อย  ,, เห้อออออ
ไม่เหนื่อยได้ไงละครับ จะไปไหนแม่งง ก็ไม่บอก
บอกแต่จะไปหาเมีย ,, แล้วเมียมึงอยู่ที่ไหนละเว้ยยยย!!!!
ผมขับรถไปสุวรรณภูมิ แล้วก็ขับรถวนกลับมาดอนเมือง
เกือบจะไม่ทันเจอมันแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นรูปมันถ่ายกับผู้หญิงแปะไว้ที่ห้องนอนของมัน
เป็นรูปที่มันถ่ายกับเจ้าสิงโตพ่นน้ำ หรือที่เค้าเรียกว่า เมอไลอ้อน
ผมเลยค้นหาสายการบินที่จะไปสิงคโปร์ทุกสายการบิน จนในที่สุดผมก็มาที่ดอนเมือง
และได้เจอมันพอดี เห้อออ ได้เจอแค่นี้ก็ดีแล้วละ
แล้วทำไมผมถึงต้องอยากเจอมันด้วยละ?
เออนั้นดิ.. ทำไมวะเจ้นท์?


ผมกำลังจะเดินกลับไปที่รถ ก็มีคนเดินเข้ามาสะกิดๆที่แขนผม
ผมหันไปดูก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักมากเลยครับ



“ครับ?”
ผมทักออกไปตามนิสัยผม คือ ถ้าไม่สนิทหรือว่าไม่เคยคุยกัน ผมจะไม่ใช่คนที่พูดมากอะไรอยู่แล้ว
ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆนะ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
หรือว่าคนที่ผมเคยนอนด้วย? เอ๋... โลกคงไม่กลมขนาดนั้นมั้ง



“สวัสดีค่ะพี่เจ้นท์ หนูชื่อรี่นะเป็นเพื่อนของดิว
และเป็นแฟนของพี่ทิว เพื่อนของพี่เจ้นท์ไง”

อ่ออ ว่าแล้วเชียวทำไมหน้าคุ้นๆ แฟนไอ้ทิวนี้เอง
เห้ยย รี่มา ก็แปลว่า ทิวมาด้วยงั้นดิ
ผมรีบหันซ้ายหันขวามองหาไอ้เชี้ยทิว ที่แม่งเป็นบ้าไปแล้วละครับ
อยู่ๆก็ต่อยผมจนหน้าผมเยินไปหมด



“ไม่ต้องมองหาหรอกค่ะ พี่ทิวไม่ได้มา”

“พี่ไม่ได้กลัวมันหรอกนะ แต่ตอนนี้สภาพพี่ไม่พร้อมมีเรื่องแล้วจริงๆ”

ผมตอบกลับไปเสียงเบาๆ กลัวเสียหน้านะครับ 555+
ไม่ได้กลัวจริงๆ และก็ไม่อยากมีเรื่องกับทิวมันด้วยเป็นเพื่อนกันมาตั้ง 4 ปี


“รี่รู้แล้วละคะ ว่าพี่ไม่ได้กลัวพี่ทิว แต่ตอนนี้ห่างๆไว้หน่อยก็ดีนะ เพราะกลายเป็นหมาบ้าไปแล้ว
ขนาดรี่ยังเข้าหน้าไม่ติดเลย”

รี่บ่นๆเบา ก่อนจะดึงๆแขนผมให้เดินตาม
ผมก็บ้าจี้ตามครับ เดินตามรี่ไปเหมือนแมวเชื่องๆ
(เปรียบตัวเองได้น่ารักมากนะพี่เจ้นท์)


“แล้วพี่มาที่นี้ได้ไงอะ หมอให้ออก รพ. แล้วหรอค่ะ”

“คือหมอยังไม่ให้ออกอ่ะ พี่ออกมาเอง ป่านนี้น่าจะวุ่นกันอยู่แน่ๆ “

พูดยังไม่ทันขาดคำ สายเรียกเข้าจากไอ้จ้านก็ดังขึ้นมาเลย
รี่เลยขอตัวไปซื้อกาแฟก่อน ปล่อยให้ผมรับโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงร้องไม่หยุด


“ฮัลโหล”

“มึงอยู่ไหนไอ้เจ้นท์ ทำเค้าวุ่นกันทั้งโรงพยาบาลเลยนะ”

“กูมาธุระ เดี๋ยวกูก็กลับแล้ว”

“ธุระอะไรของมึง มันสำคัญกว่าหน้าแหกๆของมึงหรือไง อยู่ไหนตอบมาดิ”

นี้สรุปว่ามึงเป็นน้องหรือเป็นพ่อกูว่ะ - -‘

“กูมาส่งดิวที่ดอนเมือง นี้ก็กำลังจะกลับแล้ว”

“ดิว ? ดิวไหนของมึง”

“ก็ดิวที่กูให้มึงไปช่วยรักษาให้ไง”

“อ่อ...  ติดใจกันว่างั้น เลยไปซั่มกันต่อ แล้วนี้ไปส่งเค้าถึงไหนละมึง สภาพมันโอเคนะไม่เจ็บไม่ฉีกใช่ไหม”

“โอ้ยยไอ้เชี้ยหมอ ไอ้เชี้ยจ้าน หยุดด่ากูได้แล้ว และก็อย่าคิดแบบนั้น กูแค่มาส่งมันเฉยๆ มันจะไปหาเมียมันที่เมืองนอก”

“หึหึ คนอย่างมึงเนี้ยนะมาส่งคู่ขาไปหาเมีย กูว่าคนนี้ไม่ธรรมดาแล้วละ”

“มึงอย่ามาคิดแทนกู ว่าแต่มึงอยู่ไหน”

“กูอยู่ที่ห้องพักมึงเนี้ย ทางโรงพยาบาลโทรตามกูตั้งแต่กูลงจากเครื่องแล้ว มึงรีบกลับมาเลยนะ
อย่าให้กูต้องโทรไปรายงานความประพฤติมึงกับพ่อแม่ละ”

“ครับๆน้องชายแสนประเสริฐ พี่ชายคนนี้จะรีบกลับให้เร็วที่สุดครับ”

“เออดีมาก ยังไงแวะซื้อขนมเค้กรสชาไทยลายน้องหมีร้านเดิมมาฝากกูด้วยนะ”

พอมันสั่งเสร็จมันก็กดวางสายเลยครับ
นี้มึงยังเป็นเด็กน้อยหรือไง ชอบกินเค้กลายน้องหมี - -‘

รี่เดินมายื่นกาแฟให้ผม ก่อนจะลงนั่งข้างๆผมอีกครั้ง


“กลับโรงพยาบาลเลยไหมค่ะ?”

“ก็จะต้องกลับละครับ น้องชายโทรมาตามละ แต่ว่าจะต้องไปซื้อเค้กให้มันก่อน”

“เค้กอะไรหรอค่ะ เดี๋ยวรี่ซื้อให้เอาไหม พี่เจ้นท์กลับไปรอที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่านี้ แผลตรงคิ้วนะมีเลือดซึมๆออกมาแล้วน่ะ”

ผมรีบเอื้อมมือไปจับที่แผลทันที ก็สัมผัสได้ถึงความชื้นๆของผ้าปิดแผล สงสัยมันจะฉีกอีกรอบแล้วแน่ๆ - -‘

“งั้นพี่รบกวนน้องรี่หน่อยนะครับ น้องชายพี่อยากกินเค้กลายน้องหมีนะ มันมีขายที่ร้าน xxx ตรงดอนเมืองนี้แหละ”

“โอเคค่า ร้านนี้รี่เคยไปเดี๋ยวรี่เอาไปส่งให้นะ พี่เจ้นท์รีบกลับไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ เดี๋ยวเจอกัน”

“แต่ว่าน้องรี่ว่างหรอครับ?”

“รี่มีเรื่องจะถามพี่เจ้นท์นะคะ ว่างไม่ว่างรี่ก็จะไป เตรียมคำตอบให้รี่ด้วยละกันนะ”

รี่ส่งยิ้มเย็นๆมาให้ผม ก่อนจะขอตัวไปซื้อเค้ก
ยิ้มเมื่อกี้มันน่ากลัวจริงๆนะ หรือว่าผมจะหนีกลับคอนโดเลยดีละ?
เห้อออ เกิดเป็นไอ้เจ้นท์นี้มันแสนจะลำบากซะจริงๆ


ผมนั่งทำใจสักพักก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะขับกลับไปที่โรงพยาบาล
พอถึงโรงพยาบาลเท่านั้นแหละครับ เป็นไปตามที่คิดไว้เป๊ะ
พยาบาลด่าผมไม่หยุด มือก็ดึงผมให้กลับเข้าไปทำแผล
เย็บแผลใหม่ คราวนี้เย็บสดเลยด้วย มือก็เย็บแผลไป ปากก็บ่นผมไปด้วย
ระบมไปหมดทั้งตัวเลยจริงๆตอนนี้
พอทำแผลอะไรเสร็จหมดแล้ว ผมก็ยกมือไหว้ขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เดือดร้อน

“ผมขอโทษด้วยนะครับ ที่ออกไปโดยไม่ได้บอก ทำให้เดือดร้อนกันหมดเลย”

“คราวหลังจะไปไหนก็แจ้งกันหน่อยสิค่ะ พวกฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้วละ ก็ลูกเจ้าของโรงพยาบาลอย่างคุณเจ้นท์ใครจะกล้าว่าได้ละ”

พยาบาลสาวร่างอ้วนทำท่างอนๆใส่ผมเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาทุบไหล่ผมเบาๆ

“ครับๆ คราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”

“งั้นเดี๋ยวให้บุรุษพยาบาลไปส่งที่ห้องพักเลยนะคะ คุณหมอจ้านรออยู่ค่ะ”

“โอ้ยยยผมขอย้ายห้องทันไหมครับ”

ผมทำท่าโอดครวญ แต่ก็ไม่มีใครสงสารผมหรอกครับ ยื่นหัวเราะคิกคักๆสมน้ำหน้าผมกันใหญ่

“ไปเถอะค่ะ จะหนีกันพ้นได้ยังไงกันละ คราวนี้ยังดีนะแค่หนีออก รพ.
ครั้งก่อนปลอมตัวมาเป็นหมอจ้าน ทำซะวุ่นกันจนถึงห้องผ่าตัด”

อย่างที่เค้าบ่นนั้นแหละครับ พวกผมมันแฝดจอมแสบจริงๆ
พ่อผมเป็นเจ้าของโรงพยาบาลครับ แต่ตอนนี้ท่านยกให้ไอ้จ้านมันดูแลแทนแล้ว
ส่วนตัวท่านก็พาแม่ไปฮันนีมูนรอบโลกกันอยู่
พอมาถึงหน้าห้องพัก บุรุษพยาบาลก็หยุดเข็นรถที่ผมนั่งมา


“เชิญคุณเจ้นท์เข้าไปเถอะครับ ผมส่งแค่นี้นะครับ”
ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ คนพวกนี้กลัวหมอจ้านครับ เพราะเวลางานหมอจ้านจะดุมาก
ผมสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป
ก็เจอกับคุณหมอจ้านนอนรออยู่บนเตียงคนไข้


“มาแล้วหรอคนป่วย เป็นไงละโดนฟาดมาเต็มกบาล คราวนี้ผัวใครทำ”
ทักกันได้ดีมากกกไอ้น้องชาย
ผมเดินมานอนเบียดกับมันบนเตียง ส่วนมันก็ยอมลุกมานั่งตรงเก้าอี้ข้างๆเตียงแทน

“ไม่รู้วะ กูไม่ได้ไปเอากับใครมาตั้งนานแล้วนะ ล่าสุดก็ดิวนั้นแหละ
อีกอย่างกูไม่เคยมีประวัติโดนผัวใครเมียใครมาหาเรื่องมาก่อนเลย นี้ครั้งแรกเลยจริงๆ”

“หรือว่าดิวจ้างคนมาทำร้ายมึง”

“ไม่หรอก เพราะวันนั้นดิวก็นั่งอยู่ในร้านด้วย แถมตัวมันยังหอบร่างกูมาส่งถึงโรงพยาบาล มันจะจ้างใครมาทำได้ละ”

“อืมมม  เข้าข้างกันจริงๆเลยนะ ชอบเค้าหรือไงวะ”

จ้านเปลี่ยนจากสายตาหาเรื่องๆ มาเป็นแซวแทนละครับ

“ไม่รู้ดิ อาจจะชอบมั้ง”

“ได้ข่าวว่ามีเมียแล้ว เมียท้องด้วยไม่ใช่หรอ?”

หื้ออ ข่าวไวจังน่ะ ไอ้หมอจ้านนี้แม่งง ตัวแสบใช่ย่อยเลยล่ะ!

“ไปสืบมาแล้วสินะ ได้ข้อมูลไรบ้างอะ”
จ้านโยนซองสีน้ำตาลให้ผม ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนๆดูอะไรสักอย่าง

“จากที่ให้คนไปสืบมา ดิวบ้านรวยจริงๆ ลูกชายคนเดียวของเจ้าพ่อทางใต้ ทำธุรกิจใหญ่โตอยู่เหมือนกัน
ประวัติก็ไม่มีอะไรเป็นเด็กใสๆซื่อๆ คบกับแฟนที่ชื่อหวานมาตั้งแต่ ม.ปลาย มีเพื่อนสนิทชื่อ รี่
แต่ที่จะแปลกๆไปหน่อยคือ เคยมีเรื่องแจ้งความไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่คดีนั้นหายไปจากสารบบว่ะ
เลยไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปแจ้งความเรื่องอะไร แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งนะอยู่ๆก็แต่งงานกับแฟนแล้วส่งแฟนไปเรียนต่อที่เมืองนอก”

“แล้วรูปพวกนี้มันคือไรวะ?”
ผมนั่งมองรูปที่อยู่ในซองสีน้ำตาล มันเป็นรูปของดิวกับรี่และไอ้ทิว
แต่ที่มันดูผิดปกติไป คือ มีมอเตอร์ไซต์ขี่ตามดิวไปแทบทุกที่
ไม่ว่าดิวจะไปมหาลัย ไปโรงพัก หรือมาโรงพยาบาลเมื่อคืน
มอเตอร์ไซต์คันนี้ก็มีมาจอดเฝ้าดูตลอด

“อืมม นั้นนักสืบที่กูจ้างให้ติดตามดิวส่งมาให้ เค้าบอกว่ามีคนน่าสงสัย 2 คน ขี่รถตามดิวตลอด
แล้วมึงรู้อะไรไหม ว่า 1ใน 2 คนนี้คือคนที่เข้ามาฟาดหัวมึงในร้านกาแฟ เพราะดูจากกล้องวงจรปิดแถวๆร้านกาแฟ มันวิ่งขึ้นรถมอเตอร์ไซต์คันเดียวกับที่ไปจอดซุ่มดูดิวที่คอนโด”

“กูว่าเรื่องนี้มันชักจะยังไงๆแล้วนะ มึงคิดเหมือนกูไหมวะจ้าน”

“อืมมคิดดิ และก็คิดว่ามึงควรถอยออกมาให้ห่างจากดิวได้แล้ว และควรเลิกไปเรียนนิติได้ละ
มึงเรียนจบแพทย์มานะเว้ยยย ทำไมไม่ช่วยกันบริหารโรงพยาบาลด้วยกันวะ”

“กูไม่ชอบเลือดมึงก็รู้ไอ้จ้าน กูอยากเป็นนักกฎหมาย”

“แล้วมึงไปเรียนกับกูทำไม”

“ก็มึงมันพวกอัจฉริยะไง ไม่มีเพื่อนเรียนสักคน เป็นเด็กอายุน้อยที่สุดในคลาสด้วยซ้ำที่ไปเรียนหมอ
ถ้ากูไม่ไปเรียนกับมึง แล้วมึงจะมีเพื่อนหรือไงละ”

“ว่าแต่กูอัจฉริยะแล้วตัวมึงละ ถ้าไม่ชอบจริงๆก็ไม่จบหมอผ่าตัดสมองหรอกนะ”

“เออๆเลิกพูดเถอะ ตอนนี้กูอยากเป็นนักกฎหมายแล้วก็ใกล้จะจบแล้ว ส่วนเรื่องให้กูถอยจากดิวนั้น
กูคิดว่า..... กูทำไม่ได้ว่ะ”

“เห้อออ กูว่าแล้วเชียว”

ไอ้จ้านถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันมาจ้องหน้าผม

“ถ้ามึงไม่ถอยห่าง มึงคงต้องเข้าใกล้ให้มากกว่านี้วะ
เพราะกูคิดว่าดิวของมึง กำลังจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”

“แล้วกูควรทำไงวะ มันไม่ให้กูเข้าใกล้มันเลย”

“เป็นกูก็ไม่ให้เข้าใกล้หรอก มึงเคยปล้ำเค้านะเว้ยย”

“ก็มันเรื่องเข้าใจผิดปะวะ”

“แต่..”

ก่อนที่จ้านจะพูดต่อก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา และสาวน้อยหน้าตาน่ารักๆก็เดินเข้ามาในห้อง

“ซื้อขนมมาให้แล้วนะ”
รี่ยื่นถุงขนมให้หมอจ้าน ก่อนจะยกมือไหว้หมอจ้าน

“ขอบคุณครับน้องรี่”
รี่ทำหน้า งงๆ ที่อยู่ๆหมอจ้านก็รู้จักชื่อของเธอ

“อ่ออ  เจ้นท์เคยบอกนะครับว่าเพื่อนในกลุ่มเค้ามีแฟนสวยๆชื่อว่า รี่
วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้วสวยจริงๆครั”

รี่ยิ้มเขิน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“เจ้นท์ก็เอามาพูดเกินไป แต่รี่ก็สวยจริงๆนั้นแหละค่ะหมอจ้าน”
เอากับเค้าสิครับ มั่นใจในตัวเองด้วย 5555+

“งั้นจ้านขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับขนมนะครับ”

“ด้วยความยินดีค่ะ ร้านนี้เพื่อนสนิทของรี่ชอบกินมากค่ะ ว่างที่ไรก็ชวนไปกินพี่หมีๆกันตลอดเลย”

“เพื่อนที่ว่านั้นใช่คนชื่อเนียร์ไหม?”

ผมถามรี่กลับไป เพราะเนียร์มันเป็นคนแปลกในสายตาผมครับ
เจอผมทีไรถามเรื่องเชียงใหม่ทุกที

“ใช่ค่ะๆ เนียร์ชอบกินเค้กพี่หมี ชอบกินข้าวกล่องเซเว่น ชอบกินอะไรเดิมๆ มันเดินเข้าไปในเซเว่นนะรู้เลยละว่ามันจะหยิบอะไรออกมาบ้าง”

“น่ารักดีนะครับ”

อยู่ๆจ้านก็พูดขึ้นมา ก่อนจะอมยิ้มนิดๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
นี้น้องกูสติยังดีอยู่ไหม? ชมใครว่าน่ารักวะ?


“หมอจ้านนี้น่ารักสมคำล่ำลือจริงๆเลย ชมรี่ว่าน่ารัก ว่าสวยตั้งหลายครั้ง”
มันชมรี่จริงๆหรือป่าว? ผมก็ไม่อยากพูดขัดความสุขของรี่เลยเลือกจะนิ่งไว้

ตอนนี้ผมนึกออกแล้วละว่าทำไมผมไม่คุ้นหน้ารี่ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งผมต้องไปอบรมเฉพาะทางเกี่ยวกับระบบสมอง
เลยให้จ้านไปเรียนแทนผมที่มหาวิทยาลัย  คงเป็นช่วงนั้นแหละที่จ้านรู้จักรี่
พวกผมเป็นแฝดที่หน้าเหมือนกันมากครับ แยกกันแทบไม่ออกเลยละ
พ่อแม่ผมใช้วิธีจำโดยการเอาเชือกมัดไว้ที่แขน ใครใส่สีแดง คือ จ้าน ใครใส่สีเขียว คือ เจ้นท์ 5555+


“แล้วนี้รี่มีเรื่องอะไรจะถามเราหรือเปล่า?”
ผมขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพิงที่หัวนอน ก่อนจะเอ่ยปากถามสาวน้อยที่ยืนมองผมอยู่


“เราขอนั่งข้างๆเตียงนะ” รี่เดินมานั่งตรงเก้าอี้ข้างๆเตียงนอนผม ก่อนจะมองผมแล้วอมยิ้ม

“พี่เจ้นท์ชอบดิวหรอ”
เออ.. เจอคำถามตรงๆแบบนี้ไปไม่เป็นเลยสิ
รู้สึกมือไม้มันจะเกะกะไปหมดเลยตอนนี้ ผมได้แต่ยกมือมาเกาท้ายทอยเบาๆแก้เขิน

“ก็ไม่รู้ดิ”

“แล้ววันนี้พี่ไปส่งดิวทำไมอะ รี่ได้ยินนะที่บอกว่าให้แค่ 3 วันนั้นนะ”

โอ้ยย สาวน้อยคนนี้ไม่ถามเฉยๆมีเอามือมาชี้หน้าผมแล้วอมยิ้มแบบแซวๆด้วย

“ก็ตามนั้นแหละนะ”

“แต่ดิวกำลังจะเป็นพ่อคนนะ ดิวมันคงมาคบกับพี่ไม่ได้หรอก”

“อืมมก็รู้แล้วไม่ได้คิดว่าจะให้มาคบด้วย ก็แค่ยังไงดีอะ ไม่รู้ดิอธิบายไมได้”

“5555 พี่เจ้นท์นี้เป็นคนตลกดีเนอะ ต่างจากที่เคยเจอเลยอะ”

ก็แน่นอนแหละที่ผ่านมาคงเจอไอ้จ้านนั้นแหละ

“แล้วช่วงนี้มีอะไรแปลกๆบ้างไหม พี่หมายถึงเรื่องของดิวอะ”

“กับดิวนะหรอ รี่ว่ามันก็เจอแต่เรื่องแปลกๆบ้าๆมาตั้งแต่เรื่องคีย์ละนะ”

แล้วรี่ก็เหมือนนึกอะไรได้ รีบเอามือปิดปากตัวเองทันที

“คีย์คือใครหรอ เพื่อนในกลุ่มเราพี่ก็เห็นมีแค่รี่ ดิวกับเนียร์แค่นั้นเอง”

“ก็เพื่อนเก่านะพี่ สมัยอยู่ต่างจังหวัดแล้วละ”

“อืมมม รี่ช่วยพี่หน่อยสิ”

รี่ทำหน้า งงๆ ก่อนจะถามผมเสียงประหม่าๆ

“ชะ ช่วย ช่วยอะไรอะ เรื่องแบบนั้นรี่ไม่ทำนะ รี่ไม่นอกใจพี่ทิวหรอก”
นี้ในสายตาของเด็กพวกนี้ผมเป็นยังไงแน่เนี้ยยย!!!!

“ไม่ใช่แบบนั้น ช่วยเนี้ยคือช่วยให้พี่อยู่ใกล้ๆดิวหน่อยได้ไหม?”

“หื้อออ ทำไมงะ ก็บอกแล้วไงว่าดิวมีเมียแล้ว มันจะเป็นพ่อคนแล้วน่ะ”

“ก็อยากใกล้เฉยๆได้ไหมละ”

รี่ทำท่าครุ่นคิดแป๊บหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง

“ก็ได้ ถ้าคิดว่าทนหมัดพี่ทิวไหวก็เอาสิ”
รี่พูดจบก็วางกุญแจห้องกับคีย์การ์ดไว้ให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
แค่คิดว่าจะโดนตีนโดนหมัดไอ้ทินผมก็เริ่มคิดหนักแล้วละครับ ,,
แต่.. การได้อยู่ใกล้ๆดิวผมว่ามันก็คุ้มน่ะ
ยิ่งได้ยินที่ไอ้จ้านมันบอกมา แล้วจากรูปถ่ายพวกนั้นอีก
ผมว่าดิวกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ให้ผมโดนไอ้ทิวเตะต่อย มันคงดีกว่าให้ดิวเป็นอันตราย
เออแล้ว.... ทำไมอยู่ๆผมถึงเป็นห่วงมันวะ?
หรือว่าผมจะหลงรักมันเข้าแล้วจริงๆ




ผ่านไป 3 วันแล้วครับ ,, ดิวมันก็ยังไม่กลับมา
ผมโทรเข้าไปหามัน ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้
เดินไปหารี่ที่คณะ รี่ก็ตอบแค่ว่ามันจะกลับมาก็ต่อเมื่อครบกำหนดเวลาที่มันบอก
นั้นก็คืออีก 2 วัน - -
แต่ใจผมร้อน อีกตั้ง 2 วันนะเว้ยย อะไรจะอยู่กับเมียมากมายขนาดนั้น
ขาดเรียนไปหาแบบนี้แม่งทุกเดือนด้วย อะไรกันวะเนี้ยย!!
ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด แต่ก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับมัน TT’
วันนั้นผมเลยไม่เข้าเรียน แต่กลับไปเก็บเสื้อผ้าของผม และเอาหนังสือเรียนทั้งหมดใส่กระเป๋า
กลับมาที่คอนโดของดิว ไหนๆก็มีกุญแจมีคีย์การ์ดแล้วนี้นา
ขนของเข้ามาอยู่ตอนที่เจ้าของห้องไม่อยู่นี้แหละดีแล้ว เพราะไม่มีคนมาไล่ 555
แล้วถ้ามันมาไล่ก็ค่อยดื้อกันต่อไปนั้นแหละ



ผมจัดของเข้าไปในห้องนอนเล็กที่ผมเคยอยู่ แต่ดูจากสภาพห้องแล้วก็เหมือนมีคนมาใช้นอนนะ
เพราะในห้องน้ำยังมีของใช้ต่างๆวางอยู่เลย หรือว่าเพื่อนสนิทของดิวจะมาอยู่ด้วยวะ?
เอาไงดีละ จะจัดของไว้เลย หรือยังไม่จัดดี
ตอนที่ผมกำลังยืนมองไปรอบๆห้องนอนเล็กนั้น  รี่ก็เปิดประตูห้องเข้ามา


“ว่าแล้วเชียวว่าต้องมา”
รี่วางกุญแจห้อง วางกระเป๋าลง ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม
ดูท่าทางรี่จะไม่แปลกใจที่ผมเข้ามาในห้องซักเท่าไหร่

“รี่รู้ด้วยหรอว่าพี่จะมา?”

“อ้าววก็พี่บอกเองว่าอยากอยู่ใกล้ๆดิว  แล้วอีกอย่างรี่ก็วางกุญแจให้พี่แล้ว
นึกว่าพี่จะมาตั้งแต่วันแรกซะอีก”

โหยยย คำตอบของรี่ทำให้ผมรู้เลยว่าเพื่อนของดิวแต่ละคนก็แสบใช่เล่นเลยนะเนี้ยย

“แล้วเพื่อนเรากลับมามันจะไม่ว่าเอาหรอ?”

ผมเดินลงมานั่งที่โซฟาข้างๆรี่

“ถ้ามันไล่พี่จะไปไหมละ”
ผมก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ

“อืมม แล้วพี่จะกลัวทำไมละ ในเมื่อพี่บอกเองว่าถ้ามันไล่ยังไงพี่ก็ไม่ไป”
เออ.. ชอบวะ เพื่อนแบบนี้ 55555+

“แล้วพี่นอนห้องนั้นได้หรอ? เหมือนจะมีคนอยู่เลยนะ ของใช้อะไรยังวางอยู่เลย
ใช่คีย์เพื่อนสนิทพวกเราหรือป่าว”

คราวนี้รี่แทบจะสำลักน้ำเลยครับ

“บ้าแล้วพี่ ไอ้คีย์มันไม่มาอยู่ที่นี้หรอกน่ะ ห้องนั้นนะไอ้ดิวมันอยู่ เพราะตอนนี้รี่ย้ายมาอยู่กับมันที่นี้
มันเลยให้รี่นอนห้องใหญ่ ส่วนมันไปนอนห้องเล็กเอง”

พอรี่พูดจบผมนี้ใจเต้นแรงเลยครับ ดิวนอนห้องนอนเล็ก ทั้งๆที่มันเคยบอกผมว่ามันจะปิดตายห้องนี้
เพราะมันเกลียดในสิ่งที่ผมทำกับมันในคืนนั้น

“แล้วอีกอย่างอะนะ คนชื่อคีย์อยู่ห้องนอนใหญ่”
รี่พูดจบก็กวักมือเรียกผมให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน
ก่อนจะหยุดยืนที่ผนังห้องที่มีรูปเพื่อนๆแปะอยู่มากมาย และหนี่งในนั้นก็คือรูปสีขาวดำ
ในรูปมี ดิว รี่ และอีกคนน่าจะเป็นหวานยืนอยู่ข้างๆรูปที่เอาไว้ตั้งหน้างานศพ
บนรูปนั้นมีลายมือเขียนด้วยหมึกสีขาวไว้ว่า “ เพื่อนกันตลอดไป “


“คีย์เสียไปได้หลายปีแล้ว ตอนนั้นดิวเสียใจมาก เพราะมันอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย”
ผมทำท่าอ้าปากจะถามต่อ แต่รี่ก็รีบชิงพูดขึ้นมาก่อน

“ให้ดิวเป็นคนเล่าเถอะ รี่คงพูดอะไรมากไม่ได้ การที่รี่ให้พี่เข้ามาอยู่ในห้องนี้ก็เสี่ยงมากพอดูแล้วละ
รี่เชื่อนะว่าพี่เจ้นท์จะปกป้องเพื่อนรี่ได้ ถึงพี่จะเลวไปหน่อยก็เถอะ”

นี้น้องเค้ากำลังชม หรือกำลังด่ากูอยู่กันแน่วะ?

“ปกป้องดิวจากอะไรหรอ?” ผมถามรี่กลับไป

“ไม่รู้สิ แต่ความรู้สึกรี่มันบอกว่าดิวกำลังไม่ปลอดภัย
พี่เจ้นท์ช่วยดูแลเพื่อนรี่ด้วยนะ เพราะรี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กับมันได้นานแค่ไหน?”

“ทำไมพูดแบบนั้นละ อยู่ด้วยกันที่นี้ พี่จะดูแลรี่กับดิวเอง ตอนไปเรียนพี่จะไปส่ง และจะไปรอรับกลับด้วย
แต่รี่มาอยู่แบบนี้ทิวมันไม่ว่าหรอ?”

“เห้อออย่าพูดถึงเลยดีกว่า พี่ทิวมันบ้าไปแล้ว เมื่อเช้าก็เดินเจอกันที่มหาลัย พี่ทิวยังยิ้มทักทายรี่ตามปกตินะ แต่ไม่ได้ชวนกลับไปอยู่ที่ห้องเลย”

“อืมมมันคงยังเคลียร์ความรู้สึกตัวเองไม่ได้แหละ รอดูๆกันไปก่อนนะ”

รี่พยักหน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนใหญ่ไป ผมเลยเดินตามออกมา

“เออนี้พี่เจ้นท์ วันนี้ตอนรี่ขับรถของดิวออกจากคอนโดนะ รี่รู้สึกเหมือนมีคนขับรถตามรี่นะ
ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคิดมากไปเอง แต่พอเมื่อเย็นรถคันเดิมเลยขับตามรี่มาจากมหาลัยจนมาถึงหน้าคอนโด”

“จำลักษณะรถ หรือทะเบียนรถได้ไหม?”

นั้นไง .. พวกนั้นเริ่มจะทำอะไรอีกแล้วแน่ๆ

“จำได้แค่ว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อเก่าๆ สีเขียวๆ แต่จำทะเบียนไม่ได้”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ให้พวกเพื่อนๆพี่จัดการให้ งั้นต่อไปนี้รี่จะไปไหนต้องระวังตัวนะ”

“อืออได้เลย วันนี้พี่จัดห้องได้เต็มที่เลยนะ รี่ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวรี่มาทำกับข้าวให้ทาน”

พูดจบรี่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ผมเลยรีบหยิบมือถือมากดโทรหาพี่ชาญ แฟนไอ้แว่น

“สวัสดีครับพี่ชาญ”

[ หายเงียบไปเลยนะมึง โทรมานี้มีเรื่องอะไรละ ]

“มีเรื่องรบกวนพี่จริงๆครับ”

[ โดนผัวใครฟาดหัวมาละ วันนั้นเมียกูก็เล่าให้ฟังอยู่ แต่งานยุ่งๆเลยไม่ได้ถามต่อ ]

“ยังไม่รู้เลยว่าใคร แต่ที่ผมโทรหาพี่นี้ผมมีเรื่องรบกวนให้พี่ช่วยผมหน่อยนะ”

[ ว่ามาเลย เรื่องอะไร ]

“มีคนมาตามเด็กผมนะพี่ ผมกลัวเด็กผมมีอันตราย พี่สืบให้หน่อยได้ไหมว่าใครเป็นคนทำ”

[ โหววเดี๋ยวนี้มีเด็กเว้ยย ถ้าจะคนสำคัญสินะถึงห่วงใยขนาดนี้ สวยไหม นมใหญ่มากป่าว สเปคมึงดีๆทั้งนั้น ]

จะบอกพี่ชาญว่าไงดีละ เพราะดิวนี้ต่างจากมาตรฐานของผมมาก
ไม่มีคำว่าสวยเลยด้วยซ้ำไป นมก็ไม่ใหญ่ แต่แม่งงงคิดถึงร่างกายมันแล้วใจเต้นแปลกๆว่ะ

“เดี๋ยวผมพาไปให้รู้จัก ตอนนี้มันไปเมืองนอก”

[ งั้นมึงเข้ามาคุยกับกูที่ร้านละกัน วันไหนก็นัดมาได้เลย ]

ไปคืนนี้ก็เป็นห่วงรี่ อืมมม เอาไว้รอดิวกลับมาก่อนดีกว่าจะได้พาไปด้วยกันหมดเลย

“อีก 2 วันเดี๋ยวผมเข้าไปหาครับ”

[ โทรนัดก่อนนะมึง เพราะช่วงนี้กูเปิดสาขาใหม่ ]

“ครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ”




ผมกดวางสายจากพี่ชาญแล้วก็รีบกลับไปจัดห้องนอน
กว่าจะจัดเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบๆเที่ยงคืนได้แล้วครับ
เพราะรี่เดินเข้าเดินออก คอยมาถามนั้นถามนี้ตลอด
เรียกว่ามาป่วนมากกว่ามาช่วยก็ได้ครับ


ระหว่างที่รี่ขอเข้าไปนอนแล้วนั้น ตัวผมกำลังยืนชงกาแฟ
เพราะคืนนี้จะอ่านหนังสือเตรียมสอบเลยต้องกินกาแฟซะหน่อย



“อ๊อดดดดด”
เสียงกดกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น


“ใคร?”
นี้มันดึกมากแล้วนะ ,, ใครกันกล้ามากดกริ่งในเวลานี้?
ตอนนี้รี่เดินออกมาจากห้องนอนแล้วพร้อมกับทำหน้าตาตกใจ

“พี่ทิวหรือป่าว?” รี่ถามผมเสียงเบาๆ

“ไม่รู้สิ มันเคยมาหาดึกๆไหมละ”
รี่ส่ายหัวแทนคำตอบ

เสียงกดกริ่งหน้าห้องยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับเสียงเคาะประตู

“เอาไงดีพี่เจ้นท์”

“รี่เข้าไปหลบในห้องนะ ได้ยินเสียงอะไรกแล้วแต่อย่าออกมาจากห้องนอน ล๊อคประตูให้เรียบร้อย
เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

รี่พยักหน้า ก่อนจะกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเอง


ผมยืนทำใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะมองไปที่ตาแมวว่าใครมากดกริ่งหน้าห้อง
ก็มองไม่เห็นใคร เอ๊ะ? หรือว่ามีคนมาแกล้งกันแน่
พอผมจะเดินกลับมาที่โซฟา ก็มีเสียงกดกริ่งอีก คราวนี้ผมเปิดประตูห้องทันทีเลยครับ
กะว่าถ้ามันยิงสวนเข้ามา หรือฟาดไม้หรืออะไรก็ตาม ผมก็จะสู้ละว่ะ เป็นไงเป็นกัน!!!



“เห้ยย มึงมากดกริ่งกวนชาวบ้านทำไมวะ”

“เซอร์ไพร์”


พอได้เห็นหน้าคนที่มากดกริ่งชัดๆ จากหน้าโหดๆของผมเปลี่ยนเป็นยิ้มเลยครับ
แต่กลับกันคนที่กำลังยิ้มอยู่ กลายเป็นหน้าบึ้งทันที


“ดิว”

“ไอ้เชี้ยเจ้นท์”

เป็นคำทักทายที่ดีมากกก!!!



----------------------------------
ฝากหนุ่มๆเรื่อง How far ด้วยนะคะ
มีคำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยจริงๆ
แล้วจะรีบมาแก้ไขให้น๊าา : )
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -10|7-8-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-08-2016 22:04:47
 o13
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -11|7-9-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 07-09-2016 11:50:09
[ดิว] - Chapter 11


 
“มึงมาอยู่ที่นี้ได้ไง”
ผมถามเจ้นท์ ก่อนจะผลักตัวมันให้ไปให้พ้นจากหน้าประตูห้อง
กะว่าจะเซอร์ไพร์รี่ กลายเป็นว่ามาเจออะไรที่เซอร์ไพร์กว่าได้ไงวะเนี้ย!
 
“ก็มาอยู่เป็นเพื่อนรี่ไง” ดูมันตอบสิครับ แล้วยังส่งยิ้มกวนๆมาให้อีกนะ
 
“จำเป็นต้องมาด้วยหรอ? แล้วนี้รี่ไปไหน?”
 
“อยู่ในห้องนอน เดี๋ยวไปเรียกให้”

เจ้นท์ทำท่าจะเดินไปที่ห้องนอนของผม แต่ผมเดินไปขวางหน้าไว้ก่อน
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรียกมันเอง ไปเก็บของแล้วออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว”
 
“ดึกละนะ”

มันส่งสายตาอ้อนวอน แต่คือตัวมึงใหญ่ขนาดนี้จะส่งสายตาอย่างหมาตัวน้อยๆมันไม่ได้น่ารักนะเว้ยย!
 
“พรุ่งนี้เช้าค่อยไปก็ได้ แล้วเอาของไปให้หมดนะ หนังสือ 3 เล่มบนหัวเตียงนั้นด้วย”
พอสั่งเสร็จ ผมก็เคาะประตูห้องให้รี่เปิดออกมา แต่เคาะตั้งนานรี่ก็ยังไม่เปิด
 
“มานี้ เดี๋ยวจัดการให้”
เจ้นท์แทรกตัวเข้ามายืนแทนที่ผม ก่อนจะเคาะประตูแล้วเรียกรี่
 
“รี่ครับ พี่เจ้นท์นะ เปิดประตูเหอะ ไม่มีอะไรแล้ว”
ไม่นานเสียงประตูห้องก็เปิดออกมา พร้อมๆกับรี่ เพื่อนสาวคนสวยของผมยืนส่งยิ้มกว้างมาให้
 
“มึงกลับมาทำไมไม่บอกวะ กูกับพี่เจ้นท์กลัวแทบแย่”
รี่ส่งเสียงทักทายผม แต่มันไม่ได้มีสีหน้าตกใจแบบที่มันพูดหรอกครับ
ผมว่ามันได้ยินเสียงผมตั้งแต่แรกแล้วละ แต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน เพราะความกวนของมันนั้นแหละ
 
“กลัวมากเลยเนอะ เข้าไปคุยกันในห้อง เรามีเรื่องต้องพูดกันอีกเยอะ!!!!!”
รี่ยิ้มแหยๆ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายพี่เจ้นท์ แล้วรีบวิ่งเข้าไปนอนบนเตียง
 
ผมหันมามองหน้าเจ้นท์อีกรอบ
“ปิดไฟด้วย แล้วตอนนอนห้ามเปิดเพลงในโน้ตบุ๊คทิ้งไว้ ค่าไฟมันแพง”
 
ขณะที่ผมกำลังจะปิดประตูห้อง อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงจนทำให้ผมเซไปปะทะกับอกกว้างๆของเจ้นท์
“ขอบคุณที่กลับมานะ”
 
“ต้องกลับมาเรียนอยู่แล้วปะละ เดือนหน้าก็ไปอีก”

ผมพยายามดึงมือของเจ้นท์ที่จับแขนผมไว้ออก แต่มันกลับดึงผมเข้าไปหา จนตัวมันแทบจะสิงร่างผมได้อยู่แล้ว
 
“ขอบใจที่กลับมาภายใน 3 วันนะ” พูดเสร็จมันก็ปล่อยมือที่จับผมออก
ก่อนจะเดินฮัมเพลงที่มันชอบเดินไปปิดไฟ แล้วดินเข้าห้องนอนไป
อยากจะตะโกนด่ามันแทบแย่ ว่าไม่ได้กลับมาเพราะที่มันสั่งเว้ยยแต่กลับมาเพราะใกล้สอบแล้วต่างหาก
แม่งงง เข้าใจผิดไปกันหมดแล้ว!
 
“มึงไม่ต้องมายิ้มเลยรี่ ไหนพูดมาดิให้มันมานอนที่ห้องทำไม”
 
“มึงอย่าเพิ่งด่าดิวะ ฟังเพลงก่อน พี่เจ้นท์แม่งบ้าเพลงนี้มากอ่ะ
กูได้ยินพี่เค้าเปิดหลายรอบแล้ว”

รี่พูดพร้อมๆกับนั่งหลับตาตั้งใจฟังเสียงเพลงที่ดังมาจากห้องข้างๆ
 
“อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ ,, บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที“
 
เพลงนี้อีกแล้ว ,, เมื่อกี้มันก็เดินร้องเพลงนี้เข้าไปในห้อง
มึงชอบอะไรขนาดนั้น?????
 
ผมเผลอนั่งฟังเพลงกับรี่ จนมาสะดุ้งเพราะเสียงแมสเซจที่แจ้งเตือนเข้ามา
ซึ่งตั้งแต่ถึงเมืองไทยมันแจ้งเตือนมาจนเครื่องค้างไปแล้ว 1 รอบครับ
แมสเซจจากคนๆเดียว คนที่มันกำลังเปิดเพลงบ้าๆบอๆวนไปมา 2 รอบแล้ว
 
“ดีใจที่กลับมานะเว้ย  พรุ่งนี้จะไปซื้อโจ้กร้านประจำมาให้
รีบๆนอนอ่ะ … คิดถึงมึงจริงๆนะ”

 
ข้อความของเจ้นท์ทำให้ผมลืมตัวเผลอยิ้มออกมา จนรี่อดแซวไม่ได้

“เมียมึงส่งข้อความมาหาหรอวะ อ่านแล้วยิ้มซะกว้างเลย ไหนมาอ่านดิ ว่าหวานมันจะหวานสมชื่อมันไหม?”
รี่ทำท่าจะแย่งมือถือในมือผมไป ผมเลยรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง
 
“พอๆเลยมึง อย่ามานอกเรื่อง ไหนบอกเหตุผลกูมาดิว่าให้เจ้นท์มันมาที่นี้ทำไม”
 
“พรุ่งนี้คุยพร้อมหน้าพร้อมตากันดีกว่าไหมวะ? พูดหลายรอบเหนื่อยวะ แต่เชื่อเถอะว่าการที่มีพี่เจ้นท์ในห้องนี้ มันดีที่สุดแล้วมึง”
 
“ดี? ดียังไงวะ? ยิ่งมึงพูดแบบนี้กูยิ่งอยากรู้”
 
“อย่าคิดมากดิวะ ยังไงๆพี่เจ้นท์ก็เป็นสาของมึงแล้ว คนกันเองทั้งนั้น”

พูดจบรี่ก็ล้มตัวลงไปนอนเล่นมือถือ ทิ้งให้ผม งง กับคำพูดของมันต่อไป
 
“สา? สาอะไรวะ”
 
“สามีไงมึง 555555555555”

ดูปากเพื่อนผมสิครับ! ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงนะกูต่อยหน้าแหกไปละเนี้ย
 
“มึงกลับไปนอนกับพี่ทิวเลยปะ แม่งงงงงง ปากมึงเนี้ยนะ”
แต่มันก็ลอยหน้าลอยตา ไม่ได้กลัวกับคำบ่นคำด่าของผมหรอกครับ
นิสัยเริ่มจะเหมือนคนที่นอนฟังเพลงวนไปวนมาที่อยู่ห้องข้างละ
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับรี่ แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ แต่ถ้ายังไม่บอกอะไรผมอีกละก็นะ ,, ได้ออกจากห้องไปทั้งคู่นั้นแหละ!!!!!
 


เช้าวันต่อมา
 
ผมตื่นนอนมาเพราะเสียงปลุกของรี่เหมือนเดิม
 
“รีบตื่นไปอาบน้ำเลยมึง วันนี้ตอนบ่ายมีสอบนะเว้ย”
 
“เคๆ มึงไปหาไรให้กูกินหน่อยดิวะ เดี๋ยวอาบน้ำละจะตามออกไป”

ผมอ้อนให้รี่ทำอาหารเช้าให้ผมทาน เพราะตอนไปหาหวาน ผมทานอะไรก็ไม่อร่อยเลยครับ
หวานทำอาหารไม่เป็น แต่รี่มันทำอาหารเก่ง ทำได้แทบทุกอย่างเลยละ
 
“ไม่ต้องถึงมือกูหรอก พี่เจ้นท์สาของมึงไปซื้อโจ้กกับน้ำเต้าหู้มารอแล้ว มีสาดีๆแบบนี้ดีเนอะมึงเนอะ”
พูดจบมันก็รีบวิ่งหนีออกไปนอกห้อง เพราะมันรู้ว่ามันพูดกวนอารมณ์ผม ทำให้ผมโกรธ
เดี๋ยวนี้แม่งงง ,, สา สา สาอะไรของมึงงงง!!!!!!!
 
 
ผมนอนหงุดหงิดมันไปสักพักก็ต้องจำใจลุกมาอาบน้ำแต่งตัว เพราะยังไม่ได้อ่านหนังสือในวิชาที่จะสอบตอนบ่าย
พอทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เดินออกมาข้างนอกก็เห็นว่ามีรี่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว
แล้วคนที่ซื้อกับข้าวมาเตรียมไว้ให้นั้นมันไปไหนของมันวะ? หรือว่าอยู่ในห้อง?
ผมเผลอมองไปทางประตูห้องนอนเล็กโดยไม่รู้ตัว จนหันมากลับมาที่โต๊ะก็เห็นว่ารี่มันเงยหน้ามามองผม
ก่อนจะยกยิ้มที่มันออกจะดูกวนตีนๆส่งมาให้
 
“มีเรียนเช้าเลยรีบไปก่อน พี่เจ้นท์ฝากบอกแบบนี้”
 
“กูไม่ได้ถาม จะบอกเพื่ออะไร?”

ผมลงนั่งทานโจ้กที่ไอ้พี่เจ้นท์มันไปซื้อมาให้  ซึ่งจริงๆแล้วตอนผมป่วยมันก็เตรียมแบบนี้มาให้นะ
มันยังจำได้ว่าผมไม่เอาขิง และเครื่องใน พริกไทยก็ไม่ต้องใส่
แล้วนี้จะนั่งนึกถึงวันพวกนั้นทำไมวะ? น่าจดจำตรงไหน?
เห้ออ เอาตัวมาใกล้มันมากเกินไปแล้วนะ แม่งงง คิดอะไรบ้าบอจริงๆ
วันนี้ต้องไล่มันออกจากห้องให้ได้!!
 
“วันนี้นั่งแท็กซี่ไปมหาลัยกันนะ”
 
“ทำไมอะ เอารถไปดิเผื่อแวะซื้อของเข้าบ้านด้วย รบกวนป้าแขกบ่อยๆเกรงใจว่ะ”

ป้าแขกนอกจากจะทำความสะอาดให้แล้วยังคอยซื้อของมาให้ผมตลอด
เห็นแกยกของขึ้นมาบนห้องคนเดียวแล้วเกรงใจจริงๆ ถึงป้าแขกจะบอกว่าเป็นหน้าที่ของแกก็เถอะ
 
“เดี๋ยวกลับพร้อมพี่เจ้นท์ พี่เค้าฝากมาบอกว่า ถ้ามึงดื้อกับเค้าเมื่อไหร่ เค้าจะลากมึงเข้าห้อง
แต่เอ้… เข้าไปทำอะไรกันในห้องน๊า”
 
“กวนใหญ่ละ นี่มึงไม่คิดไงบ้างหรอวะ นั้นมันไอ้พี่เจ้นท์ที่เคยทำร้ายกูนะเว้ย”
 
“แล้วไงว่ะ? มึงก็ไม่เอาเรื่องพี่เค้าไม่ใช่หรอ? กูว่าพี่เค้าก็ดีออกนะ”
 
“แต่มันก็ทำร้ายกู ไม่ต้องไปเห็นดีเห็นงามอะไรกับมันมาก แล้วไอ้คำว่าสาๆนะ
หยุดพูดได้ละ กูมีหวานแล้ว กูจะเป็นพ่อคนแล้วนะคุณรี่ หยุดกรี๊ดอะไรบ้าบอของมึงได้แล้ว”
 
“กูก็แค่เห็นว่าเวลามึงเถียงกับพี่เจ้นท์ มันดูเป็นตัวมึง มากกว่าตอนที่มึงอยู่กับหวานก็แค่นั้นเอง”
 
“พอ … เลิกเพ้อเจอ ไปอ่านหนังสือกับไอ้เนียร์ที่มหาลัยเถอะ”

รี่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหาเนียร์  ส่วนผมก็ลุกเอาจานและแก้วน้ำมาเก็บไว้ที่ล้างจาน
 
 


สุดท้ายแล้วรี่มันก็ลากผมขึ้นแท็กซี่ไปมหาลัยจนได้ แต่ทางไปมหาลัยนี้สิ ไอ้รี่บอกทางให้แท็กซี่ได้อ้อมโลกมากครับ
 
“มึงบอกทางพี่เค้าผิดปะ นี้มันอ้อมนะเว้ย ทำไมไม่ไปทางลัดหรือทางปกติแบบทุกทีว่ะ”
 
“เอานะ มึงเงียบๆไปก่อน ไปตามที่หนูบอกเลยค่ะพี่”

รี่หันมาบอกให้ผมเงียบๆ ก่อนที่มันจะหันไปมองทางด้านหลังเป็นระยะๆ
และเมื่อรถเคลื่อนเข้ามาในบริเวณมหาลัยแล้ว มันก็เอามือถือออกมาโทรหาไอ้พี่เจ้นท์!
 
“พี่เจ้นท์ มันตามมาจริงๆค่ะ”
แล้วก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันต่อ ได้ยินแต่รี่พูดตอบไปแค่ “ค่ะ”
ผมลงรถมาแล้วก็ไม่รอช้าครับ  รีบดึงแขนรี่ไว้ทันที
 
“กูว่ามึงต้องอธิบายให้กูฟังแล้วละ กูไม่เข้าใจในสิ่งที่มึงกับมันทำ”
 
“เดี๋ยวกูจะอธิบายให้มึงฟังแน่นอน ตอนนี้มึงช่วยเดินตามกูมาก่อน ตรงนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา”

รี่พูดจบก็ลากแขนผมให้เข้ามาในหอสมุด ก่อนจะพาผมขึ้นมาที่ชั้น 3
มันเลือกหามุมเงียบๆ แล้วพาผมไปนั่งที่ตรงนั้น
 
“เอาละ มึงจะพูดได้ยัง”
ทันทีที่นั่งลง ผมก็เปิดฉากถามรี่ทันที
 
“คืองี้นะดิว คือกูอะสังเกตมาหลายวันแล้วละ ตั้งแต่กูขับรถของมึงมาเรียน ไปๆกลับๆทุกวันเนี้ย
มันมีรถคอยตามกูทุกวัน ตอนแรกกูก็คิดว่ากูคิดมากไป แต่วันนี้กูลองบอกทางอ้อมๆโลกแบบที่มึงด่ากูไปนั้นแหละรถคันนั้นก็ยังตามเรามาตลอด จนเข้ามหาลัย”
 
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้นท์”
 
“อันนั้นให้พี่เค้ามาตอบเองนะ เดี๋ยวอีกสักพักน่าจะมาแล้วละ”
 
“รี่ คือกูไม่เข้าใจวะนี้มันเรื่องอะไรกันวะ”
 
“ตอนนี้กูก็ไม่รู้จริงๆวะ แต่ที่รู้ๆนะและมั่นใจมากๆด้วย  ไม่กูก็มึงนี้แหละต้องมีใครสักคนเป็นเป้าหมายของมัน”

ตอนนี้ตัวผมเย็นเฉียบเลยครับ ,, เหตุการณ์ร้ายๆมันจะกลับมาอีกแล้วงั้นหรอ?
จริงๆแล้วมันไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับผมหรอกครับเหตุการณ์แบบนี้
ตอนที่คีย์เสียตอนแรกๆ ก็มีพวกแก๊งค์เด็กแว้นซ์พวกนั้นขี่รถมาวนเวียนกันที่หน้าบ้านผมทุกวัน
แต่ตอนนี้คนที่ทำร้ายคีย์ ก็ยังอยู่ในเรือนจำ
แล้วใครละ? ที่จ้องจะทำร้ายผม
ผมคิดว่าเป้าหมายของพวกมันคือผมแน่นอน เพราะรี่ไม่เคยมีเรื่องกับใคร
 
“เอานะมึง ใจเย็นๆก่อนนะ  นั้นไงพี่เจ้นท์มาแล้ว”
ผมหันไปมองตามมือที่รี่ชี้ พี่เจ้นท์มันเดินมาอย่างร้อนรนจริงๆครับ
 
“พี่เช็คแล้วนะรี่ รถที่ตามรี่คือรถที่ตามไปที่คอนโดจริงๆ ซึ่งเป็นคนละคนกับที่ตามพี่”
เดี๋ยวก่อนนะ ,,, มีคนตามพี่เจ้นท์ด้วยหรอวะ??
 
“อย่าเพิ่งด่ากูในใจ กูไม่ได้ไปมีเรื่องกับผัวใครมาแน่นอน”
ทำเป็นรู้ดี กูยังไม่ทันด่ามึงเลย - -‘
 
“มีคนตามพี่ด้วยหรอพี่เจ้นท์” รี่มันก็ตกใจไม่แพ้ผมหรอกครับ
ไอ้พี่เจ้นท์มันยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ผมกับรี่
ซึ่งผมก็รับมาดู ระหว่างที่ผมนั่งดูรูปที่อยู่ในซองน้ำตาลนั้น
พี่เจ้นท์มันก็พูดอธิบายถึงที่มาของรูปพวกนี้
 
“รูปที่เห็นนะ เป็นรูปจากคนของน้องชายพี่เอง มันจ้างให้คนคอยติดตามเรื่องดิว แล้วทีนี้มันก็บอกว่า
คนของมันมารายงานว่ามีคนคอยตามดิวทุกฝีก้าวเลย”

ผมเงยหน้ามามองหน้ามัน กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมต้องให้มาตามผม แต่มันก็ส่งสายตาดุๆมาให้ ก่อนจะพูดต่อ
 
“เห็นรูปคนขับมอเตอร์ไซต์ 2 คนนั้นไหม
1 ในนั้นคือคนที่มาตีพี่ที่ร้านกาแฟ ตอนนี้เหมือนมันจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ตามรี่กับดิว และตามพี่ ซึ่งเอาจริงๆนะพี่ตัดรี่ออกจากเรื่องนี้ไป เพราะเท่าที่รู้จักมารี่ไม่น่าจะมีปัญหากับใคร ส่วนพี่เองก็ยอมรับว่าเคยมีเรื่องชกต่อยมาบ้าง แต่มันก็จบไปนานแล้ว ก็เหลือแต่ดิว คิดว่าไง”
 
“อืม คงเป็นกูเอง”

ผมพูดขึ้นมาเบาๆ แต่เอาจริงๆนะในใจตอนนี้ผมดิ่งลงไปมากเลย
มันอธิบายออกมาไม่ได้ ถามว่ากลัวไหม? ก็ตอบตรงๆว่ากลัวมาก
แต่เท่าๆที่ดูมันก็ยังแค่ตาม และจ้องไปเล่นงานเจ้นท์แทน
ซึ่งเอาไงดีละ ,, มันเหมือนมาป่วนมากกว่าจะหาเรื่อง ผมคิดแบบนั้นนะ
 
เราทั้ง 3 คนตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
จนกระทั่งมีคนเดินเข้ามายื่นซองน้ำตาลซองเล็กๆให้ผม
แม่งง  แค่เห็นซองก็หลอนแล้วเนี้ยย TT
 
“ครับ?”
ผมยื่นมือไปรับซองน้ำตาลนั้นมา ก่อนจะมองหน้าคนที่เอามาให้
 
“มีคนฝากมาให้นะ เราไปก่อนนะ” พูดจบไอ้คนส่งสารก็รีบวิ่งลงบันไดไป
รี่ กับ ไอ้พี่เจ้นท์ มองซองน้ำตาลในมือผม ก่อนจะค่อยๆพยักหน้าให้
ไม่ต้องมีคำพูดใดๆครับ ผมถือว่าพวกเราเข้าใจเหมือนๆกันแล้วกันนะว่าให้เปิดซองนั้นดู
พอผมเปิดซองจดหมายออกมา ก็พบว่ามันเป็นรูปของพวกผมทั้ง 3 คน และสถานที่ก็คือที่หอสมุดแห่งนี้
ก่อนจะพลิกดูด้านหลังของรูป มันมีข้อความที่พิมพ์แปะมาว่า “I SEE YOU”
พวกเราทั้ง 3 คน รีบหันไปมองรอบๆอย่างตกใจ
 
“กูเริ่มไม่ตลกแล้ววะดิว”
รี่เกาะแขนผมแน่น มือของมันสั่นเทาด้วยความกลัว
ผมเองก็กลัวไม่แพ้มัน  ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะเจ็บหรอกนะ กลัวคนอื่นจะคอยโดนลูกหลงไปด้วยมากกว่า
ผมไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บเพราะผมอีกแล้ว …..
 
ไอ้พี่เจ้นท์เอื้อมมือมาลูบหัวของผมเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม
 
“นี้คือเหตุผลที่มึงจะต้องมีกูอยู่ด้วยนะดิว”
ไอ้เชี้ยยยย ,, พูดแล้วส่งยิ้มมาแบบนี้เหมือนเวลาหยุดเดินไปเฉยเลย
มึงหล่อมากกกไอ้พี่เจ้นท์!!!!!!
 
ผมรีบเรียกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์รอยยิ้มของมัน แล้วรีบตอบกลับไป
 
“ไม่ต้องหรอก ไม่อยากเป็นภาระให้ใคร วันนี้ช่วยพารี่ไปส่งคอนโดพี่ทิวด้วยก็พอ”
 
“คิดว่ากูจะกลับงั้นหรอ? ไม่มีทางหรอก กูจะทิ้งมึงได้ไงละ”
 
“อยู่กับกูมีแต่เรื่อง มึงกลับไปให้พี่ทิวดูแลเถอะ กูไม่อยากให้มึงต้องมาเจ็บตัวเพราะกู”

ก่อนที่ผมกับรี่จะเถียงกันไปมากกว่านี้ ไอ้พี่เจ้นท์มันก็พูดแทรกขึ้นมา
 
“อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มแบบนี้แหละ อย่าแยกกัน ไม่งั้นจะดูแลกันยาก
ดิวก็อย่าดื้อเลย ให้คนอื่นเค้าช่วยเหลือบ้าง”
 
“แต่กู...”

ผมต้องหยุดคำพูดทุกอย่างไป เพราะสายตาที่เจ้นท์มองมา มันมีทั้งความเป็นห่วง และแฝงไปด้วยการบังคับว่า
ยังไงๆ ผมก็ต้องอยู่กับมัน......
เห้อออ ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ  จะอะไรกันวะชีวิต TT
 
ผมกับรี่แยกย้ายกับไอ้พี่เจ้นท์ หลังจากนัดสถานที่ที่จะมารับตอนเลิกเรียนเรียบร้อยแล้ว

“เนียร์มาถึงยังวะ”
 
“ไม่รู้ดิ เดี๋ยวโทรหาก่อน”
พูดจบรี่ก็โทรหาเนียร์
ซึ่งไอ้เนียร์มันด่ากลับมาทันทีที่มันรับสาย 555 ก็นัดมันมาติวหนังสือตั้งนาน
แต่ทิ้งให้มันรอ พวกผมรีบวิ่งไปที่หน้าคณะทันทีเลยครับ
ช้ากว่านี้คุณหนูเนียร์ได้แดกหัวพวกผมแน่ๆ
พอไปเจอหน้ากันจริงๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าวนะ ว่าไอ้เนียร์มันพยายามหลบหน้าผม?
 
“เนียร์ ,, มึงโกรธอะไรกูหรือป่าววะ … กูว่ามึงดูแปลกๆนะ”
 
“กูจะโกรธอะไรมึงได้ละ? มีเรื่องอะไรหรอ มึงทำอะไรให้กูต้องโกรธหรือป่าวละ”

เนียร์ตอบกลับมา แต่ก็ไม่ได้หันมามองหน้าผม
 
“กูว่ากูไม่ได้ทำนะ หรือว่าทำว่ะ”
 
“ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องร้อนตัว อ่านหนังสือของมึงไปเถอะ”
 
“ไอ้เนียร์,, เป็นไรของมึงวะ กูกับไอ้ดิวยิ่งเครียดๆอยู่ มึงอย่ามางอแงวะ มีไรพูดมาเลย
เป็นเพื่อนกันมีไรก็พูดมา”

รี่มันคงทนกับบรรยากาศอึดอัดนี้ไม่ไหว เลยเงยหน้ามามองผมกับเนียร์
 
“ไม่มี”
เนียร์ยังคงตอบแบบเรียบๆ พร้อมกับนั่งอ่านหนังสือของมันต่อไป
ผมกับรี่ก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อของมัน
เนียร์ก็ยังคุยกับผมบ้าง แต่ไม่ได้พูดมากแบบก่อน
ตอนนี้พวกผมสอบเสร็จแล้ว และกำลังมานั่งรอไอ้เจ้นท์มารับ
 
“กลับกันยังไงวะ”
เนียร์ถามขึ้นมา หลังจากที่มันเพิ่งวางสายจากแฟนของมัน
 
“เจ้นท์มารับ”
ผมตอบไปเงียบๆ แต่ทำให้เนียร์ถึงกับชะงัก
 
“อ่อ อืมม “ 
เนียร์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะก้มลงไปเล่นมือถือต่อ
แล้วความเงียบก็เข้ามาเยือนพวกเราอีกครั้ง
รี่มันก็หงุดหงิด และคงคิดมากเรื่องเมื่อเช้า
ผมได้แต่มองเหม่อออกไปข้างนอกคณะ ,, วันนี้จะเจออะไรอีกไหมวะ?
จะกลับถึงคอนโดอย่างปลอดภัยไหม? จะทะเลาะกับใครอีกไหม?
ใช้ชีวิตแต่ละวันนี้ยากจังวะ TT
 
“พี่เจ้นท์มาแล้ว”
 รี่พูดขึ้นมาหลังจากเห็นรถของเจ้นท์มาจอดที่หน้าคณะ
 
“กลับกันเลยไหม?”
ทันทีที่มันเดินมาถึงโต๊ะ ก็เนียนเอาหนังสือของผมกับรี่ไปถือ พร้อมๆกับชวนกลับบ้าน
 
“ต้องแวะซื้อของที่ห้างก่อน ของใช้ที่ห้องหมด”
ผมเป็นคนเอ่ยขึ้นมา เพราะเย็นนี้ตั้งใจจะไปซื้อของอยู่แล้ว
 
“เออใช่ เมื่อเช้าว่าจะบอกแต่ลืม ว่านม แล้วก็น้ำดื่มจะหมดแล้ว แวะซื้อของเข้าห้องเลยก็ดีนะ”
 
“เหมือนกูเป็นคนนอกขึ้นทุกทีเลยเนอะ”

ระหว่างที่พวกผมคุยกันว่าจะแวะซื้อของที่ไหน
เนียร์ก็พูดขึ้นมา ,, เอาอีกแล้วอาการแบบนี้ของเนียร์
 
“ไปห้องกูไหมเนียร์ กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
ไม่ทันที่เนียร์จะตอบ ผมก็ลากตัวมันให้ไปขึ้นรถ รี่ก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทีของผมกับเนียร์
จะไม่ขำได้ไงละครับ ไอ้เนียร์กับผมลากกันไปมาอย่างกับเด็ก
 
“เห้ออ ไอ้เชี่ยเนียร์ มึงเป็นไรของมึงวะ”
 
“เรื่องของกู”
ดูมันตอบสิครับ กวนตีนได้โล่มากอะ!!!
แล้วมันก็นั่งเงียบไปตลอดทาง บนรถเลยมีแต่เสียงของรี่ ที่ชวนพี่เจ้นท์มันคุยไปตลอดทาง
 
ตอนนี้พวกผมมาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆกับคอนโดของผม
“ไปซื้อของก่อน หรือทานข้าวก่อนดี” พี่เจ้นท์เป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา
 
“ทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวซื้อของแล้วจะได้กลับเลย”
รี่เป็นคนตอบ ก่อนจะเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าดังขึ้นมา
พวกผมเลยยอมตามใจ เดินตามรี่ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น
ตลอดการเดินไปที่ร้านอาหาร เจ้นท์จะเดินอยู่ข้างๆผมตลอด 
ผมก็เห็นว่ามันคุยโทรศัพท์ตลอดทางนะ คือ ถ้ามึงมีธุระไม่ต้องมาด้วยก็ได้ปะวะ?
คิดละหงุดหงิดจะคุยกับใครหนักหนา
มันคงรู้ว่าผมมองมันอยู่ มันเลยหันมาส่งยิ้มให้ผม
สกิลการอ่อยนี้คงใช้กับผู้หญิงมาเยอะแล้วสินะ - - หึหึ ใช้ไม่ได้ผลกับกูหรอกเว้ยยยย
 
“มาถึงแล้วตามมาที่ร้านเลยนะ โอเคแล้วเจอกัน”
เจ้นท์มันวางสายหลังจากที่เราได้ที่นั่งในร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว
 
“เดี๋ยวจ้านมา” มันตอบผมแค่นั้น ก่อนจะหันไปช่วยรี่สั่งอาหาร
จะบอกกูทำไม????  กูยังไม่ได้ถามถึงจะอยากรู้ก็เถอะนะ
แต่ที่มันคุยมาตลอดทางเมื่อกี้คือหมอจ้านหรอวะ?
รู้สึกเหมือนไอ้ที่หงุดหงิดๆเมื่อกี้มันหายไปแล้วว่ะ 5555
อ้าวนี่กูยิ้มอะไรของกูเนี้ยย
 
“มึงน่ากลัววะดิว เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวทำหน้าบึ้ง” รี่สะกิดให้เนียร์มันมองมาที่ผม
 
“มันก็น่ากลัวมาตั้งนานแล้วปะวะ กูกินเสร็จจะกลับเลยนะ ไม่ต้องลากกูมาหรอก
กูรู้แล้วว่าพี่เจ้นท์เค้าเป็นของมึง”
 
“ของกูอะไรวะไอ้เนียร์ มึงพูดแบบนี้อีกละนะ”

ผมเริ่มจะไม่ไหวกับอาการงอแงของไอ้เนียร์แล้วครับ
มันทำเหมือนกับว่ามันหึงผมกับไอ้พี่เจ้นท์!!!
 
หึง?
เออใช่ ,, มันมีท่าทีแบบนี้ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วนี้หว่า
 
หรือว่ามันจะ ….. ชอบเจ้นท์?
 
ผมหันไปมองหน้าเจ้นท์ที่เอาแต่มองออกไปข้างนอกร้านตลอดเวลา
จนกระทั่งมันลุกขึ้นยืน แล้วโบกมือให้คนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน
 
“จ้าน ,, ทางนี้เว้ย”
 
พอหมอจ้านเดินมาถึงโต๊ะ รับรู้ได้เลยว่าคนทั้งร้านกำลังหันมามองพวกเราอยู่
จะไม่มองได้ยังไงละครับ หมอจ้านกับไอ้เจ้นท์หน้าเหมือนกันมากก
แฝดบ้าอะไรไม่รู้ หน้าเหมือนกันทุกจุด แล้วดันทำผมคล้ายๆกันอีกนะ
 
“รู้สึกดีวะที่ได้ทานข้าวกับคนหล่อขนาดนี้”
รี่มันรีบขยับตัวเข้าไปติดกับเนียร์ที่นั่งด้านใน ก่อนจะกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆมัน
ผมเลยย้ายไปนั่งข้างๆมัน แล้วให้หมอจ้านมานั่งกับเจ้นท์
 
ก่อนที่จะได้คุยอะไรกัน ,, หมอจ้านก็หันไปทักเนียร์
 
“ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ กลับเชียงใหม่บ้างไหม?”
 
“หมอ ....... “

ผม รี่ กับเจ้นท์นั่งมองพวกเค้าทั้ง 2 คน  แล้วก็เป็นเจ้นท์ที่พูดออกมา
 
“รู้จักกันมาก่อนหรอ?”
 
“ยิ่งกว่ารู้จักอีก”
หมอจ้านตอบ ก่อนจะหันไปขยิบตาให้เนียร์
ซึ่งตอนนี้มันนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆรี่
 
ชีวิตแม่ง .. มีแต่เรื่องให้ได้แปลกใจตลอดจริงๆ
สรุปไอ้หมอจ้านกับเนียร์มันไปรู้จักกันมาจากที่ไหนวะเนี้ยยยย!!!!!!!


-------------------------------------------------------


ขอโทษที่มาต่อให้ช้านะคะ พอดีตอนนี้กำลังรวมเล่มของ My tutor กับ Closefriends
สลับกับเข้าๆออกๆ รพ. เลยทำให้ลงช้า
เดี๋ยวจะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ
ฝากเด็กๆเรื่องนี้ด้วยน๊าาา ... มีคำผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ เดี๋ยวจะตามมาแก้ให้ : )
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -11|7-9-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-09-2016 19:15:45
 o13
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -12|14-9-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 14-09-2016 18:33:24
[ดิว] - Chapter 12





หลังจากหมอจ้านทักทายเนียร์เสร็จ ก็หันมาคุยธุระกับพี่เจ้นท์
พวกผมก็สั่งอาหารมาทานกัน แล้วก็นั่งคุยกันไปด้วย แต่เนียร์ จะมองไปทางหมอจ้านบ่อยมาก
จนผมกับรี่แทบจะอดแซวมันไปไม่ได้ คือ ตอนนี้ไม่รู้หรอว่ามันกับหมอจ้านไปรู้จักกันมาได้ไง
รู้แต่อยากแกล้งแซวให้มันด่าให้มันโวยวายออกมา แต่มันกลับเงียบครับ ไม่ยอมโวยวายใส่พวกผมแบบทุกที

พอทานอาหารเสร็จแล้ว หมอจ้านก็ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารมื้อนี้

“ขอบคุณมากค่ะพี่จ้าน หล่อแล้วยังใจดีอีกด้วย”
รี่รีบยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเอามือถือขึ้นมาเล่นต่อ
คงจะกดอัพในทวิตเตอร์มันนั้นแหละครับ  ถ้าอยากรู้มันเพ้ออะไรต้องกดเข้าไปอ่านในทวิตเตอร์ของมัน

“แล้วจะไปไหนกันต่อ” หมอจ้านหันไปถามพี่เจ้นท์

“ว่าจะไปหารุ่นพี่ให้ช่วยสืบเรื่องให้หน่อยนะ มึงก็อย่าลืมเรื่องที่คุยกันไว้ด้วยนะ”

“ครับคุณพี่ไม่ลืมแน่นอน แต่คุณพี่ก็อย่าลืมด้วยละว่าอาทิตย์หน้ามีสัมมนาที่โรงพยาบาล
ห้ามเลท ห้ามขาด ห้ามตาย เข้าใจไหมครับ”

พี่เจ้นท์ทำหน้าเบื่อๆเซ็งๆตอบกลับไปแทนคำตอบ
แต่จะว่าไปมีสัมมนาที่โรงพยาบาลแล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้พี่เจ้นท์วะ?

“เออมึงไปส่งเนียร์ด้วยนะ กูจะไปซื้อของแล้วไปธุระต่อ”
เจ้นท์หันไปสั่งหมอจ้าน ซึ่งพอเนียร์มันได้ยินมันรีบลุกขึ้นมาปฏิเสธทันทีเลยครับ
แต่ว่ามึงจะตกใจแล้วลุกขึ้นยืนทำไมวะ .. นั่งก็ได้เพื่อน - -‘

“ไม่เป็นไรครับ เนียร์กลับเองได้ งั้นเดี๋ยวขอตัวเลยละกันนะ”
เนียร์รีบยกมือไหว้ไอ้พี่เจ้นท์และหมอจ้าน ก่อนจะรีบเดินออกจากโต๊ะไป

“กูไปส่งมันเอง ไงโทรมาละกัน”
หมอจ้านโบกมือให้พวกผม ก่อนจะเดินตามเนียร์ออกไป

“กูว่าต้องมีซัมติง”
 รี่หันมากระซิบผม  แต่เดี๋ยวนะ ,, ซัมติงอะไรของมึงครับรี่

“พี่เจ้นท์ๆ หมอจ้านมีแฟนยัง?”
พี่เจ้นท์คงพอจะเดาได้ว่ารี่หมายถึงอะไร เลยตอบคำถามของรี่ก่อนจะยกยิ้มกวนๆ

“แฟนอะไม่มี แต่คู่นอนน่าจะเยอะอยู่”

“มั่วกันทั้งพี่ทั้งน้อง”
  นี้เป็นเสียงผมบ่นเองครับ
แต่พี่เจ้นท์มันก็ทำหน้าตายียวนกวนตีนใส่ผม ไม่ได้สลดหรืออะไรหรอกไอ้คำพวกนี้นะ - -‘

พี่เจ้นท์พาผมกับรี่มาเดินซื้อของใช้เข้าบ้าน ทั้งของสด ของหวาน ของคาว ของใช้ทุกอย่าง
และที่สำคัญ ,, พี่เจ้นท์จ่ายทั้งหมดเลยครับ

“สามึงสายเปย์วะ”
ยังไม่เลิกอีกนะคำนี้ - -‘

“สาพ่องงมึงสิครับ”
รี่มันหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งกวนใจผม ก่อนจะวิ่งไปช่วยพี่เจ้นท์เข็นรถเข็น



“เราจะไปไหนกันต่อค่ะ”
พอเอาของใส่รถเสร็จหมดแล้ว ก็ขึ้นประจำที่นั่ง ก่อนที่รี่จะหันไปถามพี่เจ้นท์อีกรอบ

“กลับห้องก่อนดีกว่า  ไปตอนนี้ร้านก็ยังไม่เปิด”

“ไปร้านอะไรค่ะพี่ ร้านเหล้าหรอ?”

“ใช่แล้วละ พอดีจะไปให้รุ่นพี่ที่รู้จักกันช่วยหน่อยนะ ไปด้วยกันไหม เคยเข้าร้านเหล้าหรือป่าวห๊ะเรา”

“ตายแล้วพี่เจ้นท์ อย่าไปถามใครเค้าแบบนี้นะ ไม่เคยเข้าร้านเหล้านี้ถือว่ายังไม่ผ่านโปรมหาลัยนะคะ 55555”

เพราะตอนรับน้อง พี่ๆชอบพาไปกินหมูกระทะ และพาไปนั่งฟังเพลง นั่งดื่มที่ร้านเหล้า
ถึงจะไม่ใช่สายแด๊นซ์ แต่ก็เคยเข้ากันหมดนั้นแหละครับ

“ไปร้านเดิมนะ ไอ้มีนมันบ่นคิดถึงมึงด้วยนะดิว”  ไอ้พี่เจ้นท์มันหันมาบอกกับผม
แต่พี่ครับ ,, ขับรถแล้วมองไปข้างหน้าเถอะ ยังไม่อยากตายเว้ยย!!

“มีนไหนวะ” ผมอดที่จะพูดออกมาคนเดียวเบาๆไม่ได้
เพราะเพื่อนผมชื่อมีนก็ไม่มีนะ แล้วอีกอย่างถ้ามีเพื่อนชื่อมีนจริงๆ
ไอ้พี่เจ้นท์มันไปรู้จักเพื่อนผมได้ไง?

“น้องที่ชงเหล้าให้มึงวันนั้นไง”
เสียงเจ้นท์ตอบกลับมา ,, นี้กูพูดกับตัวเองเบาๆแล้วนะยังจะได้ยินอีก - -‘

“มึงเคยไปร้านนี้ด้วยหรอวะดิว”

“อืมม  ก็ร้านนี้แหละที่กูเจอมัน” 

ผมตอบกลับรี่ไป แล้วหันหน้าไปมองทางอื่น
เพราะพี่เจ้นท์มันมองผมผ่านทางกระจกมองด้านหลัง ผมเลยจงใจหลบสายตาของมัน

“อ่า ,, เปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่าเนอะ”   รี่รีบหาเรื่องอื่นมาคุยกับพี่เจ้นท์ทันที
เอาจริงๆตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรมากแล้วนะ สามารถพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้
แต่ก็พูดได้แค่กับรี่เท่านั้นแหละ และถ้าจะถามว่าทำไมดูชิวๆไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
มันก็ไม่รู้จะบอกว่าไง ,, ผมไม่ได้ชอบพี่เจ้นท์มันคือเรื่องจริงแน่นอน
และผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย  สิ่งที่เจ้นท์มันทำกับผม มันร้ายแรงมากจริงๆนะ
แต่ก็อย่างที่เจ้นท์มันพูด มันเข้าใจผิดคิดว่าผมขายตัว มันเลยทำแบบนั้น
เอาเป็นว่าไม่โทษใครทั้งนั้นแล้วละกัน ,, เพราะตอนนี้พวกเราโดนลากเข้ามาเป็นหมากในเกมส์ด้วยกันทั้งนั้น
และที่สำคัญ .. เราไม่รู้เลยว่าคนคุมเกมส์นี้มันเป็นใครกันแน่




ระหว่างที่เจ้นท์กำลังเลี้ยวเข้าคอนโด  ไอ้พี่เจ้นท์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเครียดๆ

“มีรถตามเรามาตั้งแต่ห้างแล้ว อย่าหันไปมองนะ นั่งมองไปข้างหน้าทำเหมือนไม่มีอะไรไป”
มีรถตามอีกแล้วหรอวะ? โอ้ยย ทำไงดีวะเนี้ย
พี่เจ้นท์ไม่ได้ขับรถขึ้นไปจอดที่จอดรถ  แต่เลือกจะจอดที่หน้าคอนโด ที่มีพี่ๆยามยืนอยู่

“อ้าววคุณเจ้นท์ไม่เอารถขึ้นที่จอดหรอครับ”
เสียงพี่ยามทักขึ้นมา แต่เดี๋ยวนะ,, นี้คอนโดกูจริงหรือป่าว? ทำไมทักพี่เจ้นท์ละลุง …

“ผมแวะเอาของมาเก็บนะครับ แล้วจะไปธุระต่อ ขอจอดตรงนี้แป๊บเดียวนะครับ”
พี่ยามไม่ได้ว่าอะไร  ได้แต่ส่งยิ้มมาแทนคำตอบ ก่อนจะไปช่วยพี่เจ้นท์ถือของ

“เข้ามารอตรงล๊อบบี้ก่อน เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บแป๊บเดียว”
พูดจบรี่ก็รีบลงจากรถ ก่อนจะเร่งให้ผมรีบออกมา แล้วลากผมเข้าไปข้างในคอนโด
เริ่มจะสับสนละครับว่านี้มันคอนโดใครกันแน่ - -‘


ระหว่างที่พี่เจ้นท์เอาของไปเก็บไว้บนห้องกับพี่ยามนั้น
ผมกับรี่ก็ยืนอ่านหนังสือพิมพ์ ยืนเล่นกันแถวๆล๊อบบี้

“น้องดิวค่ะ รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ” 
เสียงสาวๆที่นั่งทำงานอยู่ในส่วนของล๊อบบี้เรียกให้ผมเข้าไปรับโทรศัพท์
ใครโทรมาละวะ?? หรือจะเป็นไอ้พี่เจ้นท์? เพราะมีแต่มันนั้นแหละที่รู้ว่าผมยืนรออยู่แถวๆนี้
ผมเลยเดินไปรับโทรศัพท์ ในใจนั้นเตรียมด่าเต็มที่แล้วละ กะว่ามันต้องลืมกุญแจห้องแน่ๆ
แต่คนที่พูดสายมานั้นไม่ใช่พี่เจ้นท์ ….




[คิดว่ามันจะช่วยได้ตลอดเวลางั้นหรอ]
เสียงผู้ชายปลายสายถามผมกลับมา แต่เสียงมันคุ้นๆแหะเหมือนจะได้ยินเสียงแบบนี้บ่อยๆ

“ใคร? คุณเป็นใคร”

[หึ อยู่ตัวติดกันแบบนี้ก็ดีนะ จะได้จัดการไปด้วยกันง่ายๆหน่อย
ชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนเพราะตัวเองนะ]

อะไรกันวะ? คนๆนี้กำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่
แต่ที่รู้ๆคือผมเริ่มกลัวจริงๆแล้วละ ถ้ามันโทรเข้ามาถึงที่คอนโดแบบนี้ แสดงว่ามันอยู่ที่นี้ด้วยงั้นหรอ?

[มองหาอะไรละครับน้องดิว ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เกมส์มันเพิ่งเริ่มเอง แล้วเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้แน่นอน]



กึ๊ก !
พูดจบมันก็วางสายไป …..




“ดิวเป็นไรวะ”   รี่เดินเข้ามาเขย่าแขนของผม ก่อนจะถามออกมา

“มะ ไม่ ไม่เป็นไร” ผมพยายามบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่น แต่ก็ทำไม่ได้เลยจริงๆ

“ดิวเป็นอะไรนะรี่”
คราวนี้พี่เจ้นท์เดินเข้ามาจับแขนผมไว้ ก่อนจะหันไปถามรี่

“รี่ก็ไม่รู้เหมือนกันคะพี่ มันเดินมารับโทรศัพท์แล้วก็หน้าซีด ตัวสั่นอยู่แบบนี้”

คราวนี้พี่เจ้นท์ดึงผมเข้าไปกอด ก่อนจะเอามือมาลูบหลังผมเบาๆ

“มีอะไรก็บอกพี่นะดิว พี่อยู่ข้างๆดิวนะ”
ใจหนึ่งก็อยากผลักพี่เจ้นท์ออกไปให้ไกลๆ แต่ทำไมรู้สึกอบอุ่นแบบนี้วะ??
ผมไม่ได้ผลักพี่เจ้นท์ออกแบบที่ใจคิด แต่ใช้มือดันหน้าอกพี่เจ้นท์ให้ขยับตัวออกไปให้ห่างๆเล็กน้อย
ก่อนจะเงยหน้าไปมองหน้าพี่เจ้นท์
สายตาของพี่เจ้นท์ที่มองมา มันดูเป็นห่วงผมจริงๆนะ
แต่เดี๋ยวก่อน ,, นี้เผลอใจไปญาติดีกับมันตอนไหนวะเนี้ย
พอเริ่มรู้สึกตัวผมก็ผลักพี่เจ้นท์ออก  รี่ก็ได้แต่ยิ้มแซวเบาๆ

“ไปได้แล้ว” 
ผมรีบเดินหนีไปที่รถทันที เพราะถ้ายังยืนอยู่นานๆมีหวังได้โดนแซวแน่ๆ
พอขึ้นรถมาได้แล้ว พี่เจ้นท์ก็ไม่พูดอะไร แต่ขับรถพาผมกับรี่ไปร้านเหล้าของเพื่อนพี่เจ้นท์
ร้านเหล้าที่มันเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของผมกับมันในคืนนั้น….
แค่นึกถึงก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาซะอย่างนั้น ใจก็เต้นแรงขึ้นมาอีก
นี้กูเป็นอะไรวะเนี้ยยยย!!!!!


พี่เจ้นท์ขับรถมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงร้านเหล้าของเพื่อนพี่เจ้นท์
ซึ่งตลอดเวลาที่ขับรถมา ไม่มีรถที่น่าสงสัยขับตามมาเลยครับ
หรือว่ามันยังรออยู่ที่คอนโดกันวะ??



“ตามสบายนะ เดี๋ยวพี่เข้าไปคุยธุระข้างในก่อน”
พอเดินเข้ามาในร้าน พี่เจ้นท์มันก็ขอแยกเข้าไปหาเพื่อนๆพี่ๆมันในห้อง VIP
ผมกับรี่เลยเลือกนั่งที่เค้าเตอร์บาร์แทน


“สวัสดีครับพี่ ผมจำหน้าพี่ได้อยู่นะ คืนนี้รับอะไรดีครับ”
น้องมีนบาร์เทนเดอร์สุดหล่อก็เดินเข้ามาทักทายพวกผม


“พี่เอาเหมือนเดิมก็ได้ ส่วนของเพื่อนพี่เอาเบาๆไม่ต้องแรงมากนะ เดี๋ยวมันเมา”

“โธ่วววว  ไอ้คุณดิว รู้สึกฉันคอแข็งกว่าแกนะ”
   รี่หันมาเหวี่ยงใส่ผมทันทีที่ผมสั่งเครื่องดื่มเบาๆให้มัน

“เกรงใจชุดนักศึกษาดีกว่านะ ดื่มเบาๆนั้นแหละ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”

“อืมม เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแป๊บนะ”

 รี่ฝากกระเป๋าถือไว้กับผม ก่อนจะเดินไปห้องน้ำตามที่น้องมีนบอกทางให้



วันนี้เป็นวันธรรมดา คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็มีคนมานั่งกินนั่งฟังเพลงเยอะกว่าในคืนนั้น
ผมเอื้อมมือไปรับเครื่องดื่มจากน้องมีน ก่อนจะนั่งมองไปรอบๆร้าน
แต่แล้วสายตาก็มาสะดุดเข้ากับผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้าร้านมา
ผมแทบจะสำลักเหล้าที่กำลังดื่มอยู่เลยครับ


“พี่ทิว”
ตายละกู ,, มาเจอกันที่ร้านเหล้าแบบนี้เอาไงดีวะกู
แต่ไม่ทันได้หลบเลยครับ พี่ทิวเดินมาทักผมถึงที่เลย

“ไงละเรา หายไปเลยนะ นี้มากับใคร”

“สวัสดีครับพี่ทิว พอดีดิวเพิ่งกลับมานะไปหาหวานมา นี้ก็มากับรี่”

“พากันเมา พากันเที่ยวหรือไง อุตส่าห์ยอมให้ไปอยู่ดูแลกันแล้วนะ”

ผมก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับพี่ทิวไป และภาวนาว่าขออย่าให้ไอ้พี่เจ้นท์มันเดินออกมาตอนนี้เลย
แต่เหมือนสวรรค์แม่งไม่เข้าข้างผม
พี่เจ้นท์เดินออกจากห้อง VIP มากับเพื่อนๆและน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่พี่เจ้นท์บอก
พากันเดินเข้ามาหาผมกับพี่ทิว


“เห้ยทิว มาได้ไงวะ” เสียงพี่แว่น เพื่อนของพี่เจ้นท์ทักทายพี่ทิว

“ทำไมวะกูมาไม่ได้หรอ” พี่ทิวก็ตอบเพื่อนไปทีเล่นทีจริง เหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก

“มากินมาเที่ยวได้ แต่ห้ามมีเรื่องอีกนะเว้ย”
อันนี้เป็นเสียงของรุ่นพี่พี่เจ้นท์ ซึ่งเหมือนจะดุนะดูจากหน้าตา  แต่ก็ยังมีแววตาขี้เล่นอยู่

“ครับๆ ไม่มาตีมาต่อยใครหรอกนะ จะมารับแฟนกลับบ้านด้วย” พอพี่ทิวพูดจบ รี่ก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี

“อ้าววมาไงเนี้ย ไหนบอกวันนี้จะอ่านหนังสือ”   รี่หันไปทักทายแฟนของตัวเอง
ตอนนี้พวกเพื่อนๆและรุ่นพี่พี่เจ้นท์แยกไปนั่งโต๊ะโซฟาแล้ว   แต่พี่เจ้นท์มันยังยืนอยู่ข้างหลังผม

“แวะมาคลายเครียดนะ  เดี๋ยวนี้หนีเที่ยวหรอไงห๊ะเรา”
พี่ทิวพูดไปก็หยิกแก้มรี่ไปด้วย เป็นการหยอกกันที่ดูน่ารักมากๆครับ

“มาธุระ เดี๋ยวก็กลับแล้วนะ พี่ทิวแหละหนีเที่ยว เชอะ!”
 รี่สะบัดหน้าออกจากมือของพี่ทิว ก่อนจะเอื้อมมือไปรับเครื่องดื่มมาดื่ม
พี่ทิวก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทีของแฟนตัวเอง

“เออ,, แล้วมึงมายืนทำไมตรงนี้ไม่ไปนั่งกับพวกมันหรอวะ”
พี่ทิวหันไปถามพี่เจ้นท์ ที่ตอนนี้ก็ยังยืนอยู่ข้างหลังผม

“กูพาพวกมันมาเลยมายืนเป็นเพื่อนพวกมัน” พี่เจ้นท์ตอบกลับไปเสียงนิ่งๆ
แต่หน้าพี่ทิวตอนนี้นิ่งกว่าครับ แววตาที่เล่นๆเมื่อกี้เปลี่ยนมามองผมดุๆทันที

“ทำไมต้องพามาว่ะ รี่แฟนกู ส่วนดิวก็น้องกู มึงมายุ่งอะไรด้วยวะเจ้นท์”
พี่ทิวเดินมาผลักอกพี่เจ้นท์ ผมกับรี่เลยรีบเข้าไปห้ามทันที

“ไม่เอานะพี่ทิว กลับกันเถอะวันนี้รี่ไปนอนที่ห้องด้วยนะ” รี่รีบเข้าไปอ้อนพี่ทิวทันที 

“ดิวกลับ! พี่จะไปส่ง” พี่ทิวผลักรี่ออก แล้วเดินเข้ามาดึงแขนผม
มีหรอครับที่คนอย่างพี่เจ้นท์มันจะยอม มันดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบอก

“ดิวเป็นของกู มันมากับกู และจะต้องกลับกับกูเท่านั้น มึงอย่ามายุ่งดีกว่าวะทิว”
พี่ทิวมองพี่เจ้นท์กับผมอยู่แบบนั้น ก่อนจะส่งยิ้มกลับมาให้
มันเป็นยิ้มที่โคตรน่ากลัวมากครับ ยิ้มที่มันแปลไม่ออกว่ามันคือยิ้มอะไร
ยิ้มเพราะดีใจ? ยิ้มเพราะเสียใจ? แต่ยิ้มของพี่ทิวมันแบบทำให้เย็นวาบไปทั้งตัวได้เลย

“เอางี้จริงๆใช่ไหม? มึงจะเอาน้องกูจริงๆว่างั้นเถอะนะ”

“อืมม ก็เอามาแล้ว”
ไอ้เชี้ยพี่เจ้นท์!!!!
เสือกตอบกวนตีนกลับมาอีกนะ โอ้ยยย กูจะบ้า TT

“เห้ยยจะมีเรื่องอะไรกันเกรงใจกูบ้าง บอกแล้วไงว่าอย่ามาตีกันในร้านกู”
เสียงรุ่นพี่ของพี่เจ้นท์ดังแทรกเข้ามาห้ามไว้พอดี ทำให้พี่ทิวที่เตรียมขยับตัวมาหาผมถึงกับหยุดชะงัก

“จากวันนี้ไปมึงกับกูไม่ใช่เพื่อนกัน แล้วถ้ามึงไม่เลิกยุ่งกับน้องกู รับรองได้เลยว่ามึงจะต้องเสียใจ”
พี่ทิวพูดจบก็ดึงแขนรี่ให้เดินตามออกไป รี่ก็ได้แต่โบกมือขึ้นมาบ๊ายบายผม ก่อนจะเดินตามแรงดึงของพี่ทิวไป

“ปล่อยได้ยัง”
ผมดิ้นๆอยู่ในอ้อมกอดของพี่เจ้นท์ จนสักพักมันถึงยอมปล่อย

“กูถามจริงๆเถอะดิว ไอ้เชี้ยทิวมันชอบมึงหรอวะ”  ถามอะไรของมึง!!!!!

“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเลวแบบมึงสิครับ พี่ทิวเป็นแฟนเพื่อนกู แล้วมันก็เป็นคนที่พ่อกูไว้ใจ”

“หรอ? แฟนเพื่อนมึงงั้นหรอเหวี่ยงเพื่อนมึงจนหน้าจะกระแทกโต๊ะนั้นนะ มองยังไงก็มองไม่ออกว่ามันรักเพื่อนมึงจริงๆ”

เออ,, ก็จริงแบบพี่เจ้นท์มันบอกนะ เมื่อกี้รี่โดนเหวี่ยงอย่างแรงเลย

“มานี้ดิ เดี๋ยวพาไปนะนำให้รู้จักรุ่นพี่กู”
พี่เจ้นท์มันลากแขนผมไปนั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนๆมัน ก่อนจะแนะนำผมให้รู้จักกับทุกคน

“ดิว ,, นี้พี่ชาญ เป็นรุ่นพี่กูแล้วก็เป็นเจ้าของร้านนี้ ส่วนนั้นไอ้แว่น กับไอ้โต้”
ผมก็ยกมือไหว้พวกพี่ๆไปตามที่มันแนะนำ แต่ก็เอ๊ะ,, กูมาไหว้พวกมันทำไมวะ
จำเป็นต้องสนิทกันด้วยงั้นหรอ - -

“เป็นคนแรกเลยนะที่เจ้นท์พามาแนะนำแบบเป็นทางการขนาดนี้ หลงเค้ามากหรือไงมึง”
พี่ชาญยื่นแก้วเหล้ามาให้ผม ก่อนจะหันไปแซวไอ้พี่เจ้นท์
ผมก็ทำได้แค่รับแก้วเหล้ามาดื่ม แล้วหลบสายตาของทุกๆคนบนโต๊ะที่มองมาที่ผม

“หลงมากเลยละ 555555” ไอ้บ้านี้ก็กล้าจะตอบเค้าไปเนอะ

“โต้ มึงพาเมียกูไปข้างนอกหน่อยดิ กูมีเรื่องจะคุยกับพวกมัน” พี่ชาญหันไปสั่งพี่โต้
สักพักพี่โต้กับพี่แว่นก็ลุกออกจากร้านไป เหลือแค่ผม กับพี่เจ้นท์ที่ยังนั่งคุยอยู่ที่โต๊ะ

“มาเข้าเรื่องเลยละกัน พวกที่ตามมึง 2 คนนะ เป็นไงบ้างมีหลักฐานอะไรมาบ้างไหม”
พี่เจ้นท์มันหันมามองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะยื่นซองน้ำตาลไปให้พี่ชาญดู
ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พี่ชาญฟัง

“จากที่มึงเล่ามา มันก็ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าไอ้พวกนั้นจ้องเล่นงานใครระหว่างมึงกับเด็กของมึง”
เด็กของมึง ??
ทำไมกูฟังแล้วเขินวะ ,, ไอ้พี่ชาญครับผมไม่ใช่เด็กของมันเว้ยย!!

“ก็ยังไม่ชัวร์แหละพี่ แต่ที่ถามๆไอ้จ้านมามันก็บอกว่าที่โรงพยาบาลตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร
ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าเพราะตัวผมหรือป่าว”

โรงพยาบาลอะไรของมันวะ?  ได้ยินมันพูดเกี่ยวกับโรงพยาบาล 2 รอบละ
ผมนั่งฟังไอ้พี่เจ้นท์คุยกับพี่ชาญไปเรื่อยๆ   จนพี่ชาญหันมาถามผม

“แล้วมึงละคิดว่าไง มีอะไรจะบอกกูบ้างไหม?”

“ก็มี”

ผมนั่งลังเลมาตั้งนานแล้วว่าควรบอกไหมว่าผมก็ได้ซองสีน้ำตาลนั้นมาเหมือนกัน
ดูๆแล้วพี่ชาญน่าจะช่วยผมได้ ผมเลยตัดสินใจเอาซองน้ำตาลที่เก็บไว้ในกระเป๋าในพี่ชาญดู

“อะไร”
เสียงไอ้เจ้นท์ถามขึ้นมา ก่อนที่มันจะย้ายไปนั่งข้างๆพี่ชาญ แล้วดูรูปพร้อมๆกับอ่านจดหมายที่ผมได้รับมา

“วันนี้พวกมันก็โทรเข้าคอนโด ตอนที่ผมยืนรอเจ้นท์มันอยู่ข้างล่าง
มันก็บอกว่าเกมส์เพิ่งเริ่ม และจะได้เจอมันเร็วๆนี้”

“แล้วทำไมไม่บอกวะ เก็บเงียบไว้คนเดียวทำไม”
   ไอ้พี่เจ้นท์อีกนั้นแหละครับที่ด่าผม
มึงจะมาโกรธมาเหวี่ยงทำไมละเว้ยย ,, มันก็เรื่องของกูปะ?

“จำเป็นต้องบอกหรอ?”
ผมหันไปถามมัน ซึ่งตอนนี้มันมองผมแทบจะแดกเข้าไปได้เลยครับ
โกรธอะไรของมันไม่รู้ละ ลงกับใครไม่ได้ก็ยกเหล้าขึ้นดื่มๆอยู่นั้นแหละ

“อืมม เท่าที่ดูๆมาก็น่าจะเป็นดิวที่พวกมันจ้องเล่นงาน แต่ว่าข้อความในจดหมายนี้มันหมายถึงอะไร
พอจะเล่าเรื่องราวให้ฟังได้ไหม?”

เอาละดิ  ,, จะเล่าดีไหมวะ?
ผมไม่อยากเล่าเรื่องคีย์ให้ใครฟัง เพราะคีย์ตายไปแล้ว คนทำผิดก็เข้าคุกไปแล้ว
มันก็น่าจะจบๆลงได้แล้ว เพราะถ้าพูดเรื่องคีย์ มันก็จะทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ผมอยากจะลืมมันไปแล้วด้วย

“ลำบากใจก็ไม่ต้องเล่าหรอก เรื่องแค่นี้กูสืบแป๊บเดียวก็ได้แล้วละ ,, เอาเป็นว่าจะหาทางช่วย
ตอนนี้ก็อยู่กับไอ้เจ้นท์มันไปก่อน ไหนๆก็ได้เสียกันไปแล้วนิ หึ .. ดูแลกันไปก่อนละกันนะ”

เกลียดไอ้ท่าทียิ้มมุมปากของพี่ชาญว่ะ ,, ต่อยแม่งในร้านกูจะโดนลูกน้องมันฆ่าไหมเนี้ย?

“ผมอะเต็มใจดูแล แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ชอบวะพี่”
มึงเป็นเด็ก 5 ขวบหรือไงต้องมาทำท่างอนๆแล้วฟ้องคนอื่นเนี้ยห๊ะ?

“มึงจะมาดูแลกูทำไม กูมีเมียต้องไปดูแล มีเรียนมีงานต้องทำ
มึงว่างมากก็ไปอ่านหนังสือดิ อยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็พากันซวยทั้งคู่หรอก”

ผมหันไปด่ามันแต่ก็ไม่ได้ใส่เสียงอะไรจริงจังมากนัก

“ย้ำอยู่ได้ว่ามีเมียแล้ว ทีมึงเป็นเมียกู กูยังไม่ย้ำเลย”
แน่ใจนะว่าปากนะที่พูดมา - -‘
พี่ชาญตบขาหัวเราะชอบใจในคำพูดและท่าทางของพี่เจ้นท์ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นมาดื่ม

“เออเว้ย ,, น้องกูท่าจะเจอของจริงก็งานนี้แล้วสินะ”
ไอ้เจ้นท์ก็ดันหันไปยิ้มให้พี่ชาญอีก เออ ,, พวกมึงแม่งงงงง!!!
ทำกูเขินไปหมดแล้ว … ดีนะว่ามันมืดเลยทำให้ไม่มีใครเห็นว่าผมกำลังหน้าแดงอยู่
ทำไมต้องหวั่นไหวกับคนๆนี้มากมายหนักหว่า ,,, อย่าจะเขกหัวตัวเองให้กลับมาเป็นดิวคนเดิม
ตั้งแต่เรื่องราวบ้าๆวันนั้น วันที่ได้เจอพี่เจ้นท์ แม่งง รู้สึกเลยว่าชีวิตเปลี่ยนไปสุดๆ
จะบอกว่าไม่ชอบที่มันมางอแงมากวนใจก็ไม่ใช่ ,, แต่จะบอกว่าชอบก็ไม่ใช่อีกนั้นแหละ
โอ้ยยยย ,, นี้กูเป็นอะไรของกูวะ TT


“งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะพี่ ยังมีเรียนมีสอบกันอีก 3 วัน เดี๋ยวจะหยุดยาวแหละ
ยังไงผมแวะมาหาพี่อีก ถ้าพี่ได้ข่าวอะไรพี่โทรหาผมเลยนะ”

“ปกติก็กินด้วยกันจนเช้าได้นี้หว่า พอพกเมียมาด้วยทำเป็นรีบกลับ”

พี่ชาญก็ยังจะแซวไม่หยุด ,, แล้วนั้นอะไร ไอ้ท่าทางภูมิใจนั้นคืออะไร?
มึงเป็นอะไรของมึงครับพี่เจ้นท์!!!!!!!

“กลัวคนมาจีบมัน กลับดีกว่า ,, สวัสดีครับพี่”
ผมเห็นเจ้นท์มันยกมือไหว้ลาพี่ชาญ ผมเลยรีบยกมือไหว้ลาพี่ชาญด้วย
ก่อนจะเดินตามมันออกมาที่รถ …




ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน

“มึงไม่อยากให้กูอยู่ด้วยจริงๆหรอวะ?”
เจ้นท์มันก็ถามผมขึ้นมา …. พร้อมๆกับหันมามองหน้าผม
สายตาที่มีแววตัดพ้อของมันนั้นคืออะไรกัน …
แล้วนี้ใจกูจะเต้นทำไมแรงขนาดนี้วะ!!

“ก็ป่าว ,, แค่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ รู้จักกันก็ป่าว ..
ก็เลยไม่เห็นถึงความจำเป็นว่าต้องมาอยู่ด้วยกัน”

ผมตอบออกไปก่อนจะเสออกไปมองวิวข้างนอกแทน ,, ไม่กล้าสบตากับมันจริงๆครับ
สายตาของมันมีผลกับตัวผมจริงๆ มันทำให้ผมใจเต้นแรงมากเกินไป

“ต้องให้พูดอีกหรอวะว่าเราเป็นอะไรกัน คืนนั้นก็ .....”

“ถ้ายังอยากคุยกันดีๆ อย่าพูดถึงเรื่องคืนนั้น”

ผมรีบพูดแทรกขึ้นมา เพราะรู้ดีว่ามันจะพูดอะไรต่อ


เจ้นท์หักรถเข้าไปจอดไว้ข้างทาง ก่อนจะเอาหน้าฟุบไปกับพวงมาลัย
แล้วก็หันมามองหน้าผม …

“กูรู้ว่าเราเริ่มต้นกันไม่ดีเท่าไหร่ … แต่จากนี้ไปเรามาทำความรู้จักกันอีกครั้งได้ไหมวะ”
สายตาที่มันมองผม ,, เหมือนเป็นมนต์สะกดทำให้ผมไม่กล้าที่จะหลบสายตานั้น
เจ้นท์เอื้อมมือมาจับที่แก้มผมเบาๆ

“มึงมีคนของมึงแล้วกูเข้าใจ แต่ตอนนี้ ,, ที่นี้ คนที่อยู่ข้างๆมึงเป็นกูได้หรือป่าว?”
ไม่รู้ว่าเพราะมันเมา หรือเพราะอะไรที่ทำให้มันพูดคำพวกนี้ออกมา
ทั้งท่าทาง ทั้งการแสดงออกมานั้นมันส่งผลกับใจผมทั้งหมด

เหล้าที่กินไปวันนี้ ,, บรรยากาศรอบๆตัว หรืออะไรอีกไม่รู้นั้นแหละ
มันทำให้ผม




ตอบกลับไปว่า …..








“อืม”



---------------------------------
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเรียกพี่เจ้นท์ ไอ้พี่เจ้นท์ ไอ้เจ้นท์
เพราะดิวมันอยากเรียกแล้วแต่อารมณ์ของมัน 5555
ฝากหนุ่มๆด้วยนะคะ : )
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -12|14-9-59
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-09-2016 22:59:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -12|14-9-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 14-09-2016 23:19:51
 o18
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -13| 9-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 09-10-2016 01:24:21
Chapter  13
 



“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

ผมกดโทรไปหารี่เกือบจะร้อยสายได้แล้วครับ แล้วก็จะมีเสียงผู้หญิงรับและบอกคำเดิมซ้ำๆแบบนี้
จากที่คิดว่ามันน่าจะตื่นสายมาสอบไม่ทัน ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล
จนสอบวันสุดท้าย ผมถึงบังคับให้เจ้นท์พาผมไปหารี่ที่คอนโด
ก่อนหน้านั้นที่ไม่ได้ไปหา เพราะผมโทรหาพี่ทิวแล้ว.. พี่ทิวบอกว่ารี่ปวดท้องประจำเดือน
แต่... รี่ไม่เคยขาดสอบ และถ้ามันป่วยหนักจริงๆมันต้องโทรหาผม
พอถึงที่คอนโดรี่ ก็เห็นว่ารถของรี่ไม่อยู่ และห้องของมันก็ปิดล๊อคไว้
 


“เอาไงต่อ” เสียงของเจ้นท์ถามผมขึ้นมา
ซึ่งผมก็หันไปถามเจ้นท์ ที่ตอนนี้มันก็มีสีหน้าเครียดไม่ต่างจากผม
 


“พี่ทิวมาเรียนไหม?”
อ่อ.. ตอนนี้ผมกับมันญาติดีกันละนะครับ หลังจากกลับจากร้านพี่ชาญคืนนั้น
มันก็ไม่ค่อยพูดกวนตีนผมเท่าไหร่ และผมเองก็ไม่ได้ไล่มันกลับไปอีก
ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกรักมันนะ... ก็มันบอกว่าทำความรู้จักกันใหม่
ก็อืมมม.. ได้รุ่นพี่เพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
(คิดแค่นั้นจริงๆนะ?  หึหึ)
 


“มันมาส่งงานเมื่อเช้า แล้วกลับไปแล้ว พวกไอ้โต้ถามว่าจะไปไหน มันบอกว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัด”
กลับบ้านงั้นหรอ? หรือว่ารี่จะกลับไปด้วย?
แต่ทำไมมันไม่บอกละ? ในเมื่อบ้านของรี่ก็อยู่ในบริเวณบ้านเดียวกับผม
 



“หรือว่ารี่จะไปกับทิว?”   พี่เจ้นท์พูดเสร็จก็ขับรถวนออกจากคอนโดของรี่
 



“ไม่หรอก... รี่จะไม่ขาดสอบแน่นอน และถ้ามันกลับบ้านมันต้องชวนดิวด้วย
คือบ้านรี่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกับดิวอะ ... ไปไหนมันจะบอกตลอด มันไม่เคยหายไปแบบนี้”

ผมตอบเจ้นท์ไปก็พลางคิดถึงสถานที่ๆคิดว่ารี่จะไป แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
เพราะอย่างที่ผมเคยบอก... พวกผมเป็นพวกโลกแคบคบกันอยู่แค่ไม่กี่คน ไปไหนกันแค่ไม่กี่ที่
 
 
 
“เดี๋ยวไปให้จ้านมันสั่งลูกน้องช่วยตามหาละกัน วันนี้กูต้องแวะเข้าไปอ่านเอกสารที่โรงพยาบาล
มึงไปนั่งเล่นรอกูที่นั้นได้ไหม? “

สรุปไอ้พี่เจ้นท์มึงจะแทนตัวว่ากู หรือจะแทนด้วยชื่อ?
บางทีเจ้นท์มันก็ทำให้ผมสับสนกับตัวเองมากๆ ว่าผมควรสุภาพใส่มันเพราะมันเป็นพี่
หรือควรจะคุยปกติ แทนตัว มึงๆ กูๆ ดี
 

“แล้วเลือกได้ด้วยหรอ?” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงเบื่อๆ
ก็ตลอด 3 วันมานี้ตัวติดกับมันตลอด มันมารับมาส่งที่หน้าคณะ จนเพื่อนในห้องเดินมาถามหลายรอบแล้ว่าเป็นไรกับเจ้นท์
เพราะปกติมันแทบจะไม่เคยโผล่หน้ามาให้เจอด้วยซ้ำไป
 


เจ้นท์ยกยิ้มออกมานิดหน่อย ก่อนจะหยักไหล่ใส่ผม แล้วก็ขับรถพาผมไปโรงพยาบาล
ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ผมก็อดจะถามมันออกมาไม่ได้ว่าทำไมมันต้องไปช่วยงานหมอจ้าน
ทั้งๆที่มันเรียนนิติศาสตร์ เรียนกฎหมาย
 



“ถามไรหน่อยดิ”

ผมถามออกไป .. เจ้นท์ที่กำลังฮัมเพลงโปรดของมันอยู่ก็หันมามองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเบาเพลง
 
“ว่ามา”
 
“ทำไมต้องไปช่วยงานหมอจ้านละ  ที่โรงพยาบาลมีเรื่องอะไรต้องใช้กฎหมายหรอ?”

เจ้นท์ไม่ตอบอะไร แต่มันหันมามองหน้าผมก่อนจะยกยิ้มเหมือนพอใจอะไรบางอย่างอยู่
 
“ถามก็ตอบ แล้วจะยิ้มแบบนั้นทำไมวะ มันโคตรหลอนเลยนะจริงๆ”
ผมทนอึดอัดกับการรอเจ้นท์ตอบไม่ได้ ก็ต้องตะคอกเสียงใส่เจ้นท์ไป
คนเค้าอุตส่าห์อยากจะพูดดีๆด้วยละนะ กวนตีนไม่เลิก!
 
“เอานะเดี๋ยวก็รู้เอง”
เจ้นท์ฮัมเพลงโปรดของมันต่อ .. ขับรถไปอีกเกือบๆ 20 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาล
ทันทีที่พี่ๆ รปภ. เห็นรถของเจ้นท์ก็รีบไปเลื่อนที่กั้นสำหรับที่จอดรถพิเศษไว้ออก
ก่อนจะโบกรถให้เจ้นท์มันเข้าไปจอดด้วยครับ
ผมหันไปมองหน้ามัน.. พยายามจะส่งสายตาเค้นถามหาคำตอบแต่เจ้นท์ก็แค่ยกยิ้มขำๆกลับมาให้ผม
 
 
“ลงรถได้แล้ว มองจนตาจะหลุดออกมาละนะ ทำไม? วันนี้กูหล่อหรอ?”
 
“.......”
 
“แม่งงไม่รับมุกคนหล่อเลย ลงไปเถอะนะไม่ถึง 5 นาทีก็จะได้รู้จักตัวตนของกูละนะ รับรองมึงจะดีใจมาก
ที่สาของมึงคนนี้มีครบทุกอย่าง”

เดี๋ยวก่อนนะ?
สาของมึงคนนี้?
หื้อออออ.. ขึ้นเลยย!!
 


“สาพ่องมึงสิครับไอ้พี่เจ้นท์ ดีด้วยหน่อยเอาใหญ่เลยนะ อย่ามาอวดอะไรมากวะ รีบไม่ใช่หรือไง?”
ผมรีบลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในตัวอาคารของโรงพยาบาล  พี่เจ้นท์มันก็รีบปิดรถแล้วเดินตามผมเข้ามา
ตั้งแต่เดินเข้าโรงพยาบาลมา พยาบาล เจ้าหน้าที่ยกมือไหว้เจ้นท์กันจนมันแทบจะรับไหว้ไม่ไหวอะ
 
 
 
 
ไม่ใช่คนธรรมดาแล้วแน่ๆ
 
 
 
 
 
ผมเห็นแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่ามันเป็นใครกันแน่?
 


 
 
“ดิว.. ทางนี้”
เจ้นท์ลากผมไปขึ้นลิฟท์ ผมก็มัวแต่อึ้งๆอยู่ไม่ทันจะได้ถามอะไร
ปล่อยให้เจ้นท์มันลากผมไปตามที่มันอยากจะพาไปนั้นแหละครับ
จนมาถึงห้องๆหนึ่ง ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล....
เจ้นท์หยุดที่หน้าห้องนั้น ก่อนจะชี้ไปที่ป้ายที่แปะอยู่หน้าห้อง
 
 
นายจิณณทัต  กันต์ฐิตารีย์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาล AAA

 

เห้ยยยย!! รองประธาน??
 
 


 
“โรงพยาบาลนี้เป็นของบ้านกูเอง แล้วก็ไอ้จ้านเป็นประธานบริหารโรงพยาล
ส่วนกูลูกนอกคอก.. ได้เป็นแค่รองประธาน”

เดี๋ยวนะไอ้พี่เจ้นท์.. มึงพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คือกูช๊อควะ?
หน้าอย่างมึงเนี้ยนะไอ้พี่เจ้นท์ เป็นถึงรองประธานโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ขนาดนี้??!!!!
 

“อึ้งเลยดิ.. ตอนนี้มึงเป็นซ้อคุมโรงพยาบาลเลยนะ ดีใจป่ะ”
แทนที่จะตอบกลับไป ผมต่อยไอ้พี่เจ้นท์เข้าไปเต็มๆแรง จนมันต้องรีบเปิดประตูห้องแล้วเดินหนีเข้าไปในห้องทันที
ผมเดินตามเข้าไป.. ก็เห็นว่าเจ้นท์เดินไปนั่งตรงโต๊ะทำงาน
ก่อนจะชี้มือให้ผมไปนั่งที่มุมรับแขกตรงข้ามกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเจ้นท์
 

“นั่งเล่นรอก่อนนะ ขออ่านเอกสารแป๊บ”
พอเห็นเจ้นท์ในโหมดจริงจังแบบนี้ ผมก็ไม่กล้าจะด่าหรือจะกวนตีนอะไรมันอีกแล้วครับ
 


ผมหยิบมือถือขึ้นมาทักไลน์หาเนียร์ กะว่าจะชวนมันคุยเรื่องรี่
ขณะที่กำลังรอว่าเนียร์จะอ่านไลน์ไหม.. หมอจ้านก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมๆกับไอ้เนียร์เพื่อนผ
 


“เนียร์... มึงมาได้ไง?”
เนียร์รีบชักมือของตัวเองที่โดนหมอจ้านจับกุมไว้กลับมาทันที ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆผม
 
“ถามมันดิ ไปลากกูจากหอแตง ไอ้เชี้ยเอ้ยย.. แตงแม่งงอนกูเลย”
 
“กูบอกมึงแล้วว่าจะไปรับ แล้วมึงเชื่อกูไหม?”

หมอจ้านก็หันมาตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวพอๆกัน
 
“จำเป็นไหมที่กูต้องเชื่อคนที่ผิดสัญญา” เนียร์ก็เถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ
 
“ก็กูบอก.....” หมอจ้านพยายามจะเถียงต่อไป แต่เจ้นท์ก็เอ่ยปากออกมาขัดไว้ก่อน
 
“หยุด!!!! ไอ้จ้านมึงจะให้กูเข้าประชุมพรุ่งนี้ กูก็มาเร่งอ่านเอกสาร แล้วมึงมากวนสมาธิกูทำไม?”
 
“เออ.. พอดีมีเคสด่วน กูเลยอยากให้มึงผ่าให้กูหน่อย เคสนี้เค้าเป็นลูกค้าประจำโรงพยาบาลเรา”

ผ่า? เจ้นท์เนี้ยนะ? หมอจ้านครับมึงพูดง่ายมาก
จะให้นักศึกษากฎหมายไปผ่า? ผ่าแตงโมหรือไงวะ??
 
“เอาแฟ้มคนไข้มาให้กูดิ แล้วคนไข้อยู่ห้อง VIP หรอ”
 
“อืม”
หมอจ้านยื่นเอกสารที่ตัวเองถือมาให้เจ้นท์อ่าน
ซึ่งเจ้นท์ก็รับไปอ่านอย่างเงียบๆ
 


หมอจ้านหันมามองหน้าผม ก่อนจะยกยิ้มออกมา
ซึ่งยิ้มของ 2 คนนี้แม่งกวนตีนกันทั้งคู่ (ลืมไปว่ามันหน้าเหมือนกันมาก)
 


“อึ้งละดิ”
คำถาม และหน้าตาที่ถอดกันมาอย่างกับแกะ.. ทำให้ผมอดจะหมั่นไส้ไม่ได้
 
“จะอธิบายอะไรไหม? ถ้าไม่คิดจะอธิบายก็ไปไกลๆ”
ผมตอบหมอจ้าน ที่ตอนนี้มันมาดึงตัวเนียร์ให้ขยับมานั่งใกล้ๆมัน
เนียร์ทำหน้าหงุดหงิดก็จริงนะครับ แต่มันไปนั่งกับหมอจ้านซะติดเลย
มึงต้องอัพเดทสถานะมึงให้กูทราบหน่อยแล้วละนะจูเนียร์ !!!!
 
“นี้เจ้นท์ยังไม่แนะนำตัวอีกหรอ? ไม่เป็นไร ผมในฐานะประธานบริหารโรงพยาบาลจะขอแนะนำเอง”
หมอจ้านลุกขึ้นยืน ก่อนจะกลัดกระดุมเสื้อสูท และยืนทำท่าทางเรียบร้อยและสุภาพ
ก่อนจะกระแอมไอ 1 ครั้งแล้วยกยิ้มกวนๆไปให้เจ้นท์
 
“สวัสดีครับ .. ผมในนามประธานโรงพยาบาล AAA ใคร่ขอแนะนำศัลยแพทย์มือ 1 ของโรงพยาบาลเรา
นายแพทย์จิณณทัต  กันต์ฐิตารีย์  ประสาทศัลยแพทย์  ซึ่งได้คะแนนสอบเป็นอันดับที่ 1 จากโรงพยาบาลแพทย์ชั้นนำจากเยอรมันนี”

 


ศัลยแพทย์?

นายแพทย์?





เจ้นท์เนี้ยนะ!!!!
 
 



“แล้วพี่เจ้นท์มาเรียนนิติอีกทำไมครับ?”
เนียร์ที่พอจะตั้งสติได้ดีกว่าผมเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน
 
“พวกพี่สอบเทียบเอานะ อายุ 12 พวกพี่ก็ไปเรียนแพทย์กันแล้ว จบแพทย์เฉพาะทางกันตอนอายุ 20 “
หมอจ้านหันไปตอบคำถามเนียร์ ส่ วนเจ้นท์ หรือนายแพทย์จิณณทัตนั้นกำลังอ่านประวัติคนไข้ที่จะต้องเข้าผ่าตัดอยู่
เหมือนเจ้นท์ตัดโลกรอบๆตัวไปหมดแล้ว และให้ความสนใจไปกับสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจอยู่แค่นั้น....
 

“แล้วหมอจ้านละ.. จบด้านไหนมา?”
อันนี้ผมเป็นคนถามครับ เพราะเนียร์เลี่ยงเดินออกไปรับสายแตงที่หน้าห้องแล้ว
 

“หมออายุรแพทย์ครับ แต่ไม่ค่อยได้ลงตรวจเองแล้วละ ตอนนี้เน้นงานบริหารซะส่วนใหญ่"
หมอจ้านตอบออกมาแล้วก็พยักหน้าขอตัวไปนั่งปรึกษาเรื่องคนไข้กับเจ้นท์
 


เจ้นท์... ผู้ชายที่ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมายุ่งเกี่ยวหรือรู้จัก
... เค้ามีหลายมุมที่ผมจะต้องตกใจตลอด
เพลย์บอยตัวพ่อ
นักศึกษาปีสุดท้ายของคณะนิติศาสตร์
ผู้ชายที่บังเอิญเดินเข้ามาในชีวิตผม และสร้างบาดแผลในใจให้กับผม
แล้วดูตอนนี้สิ... เป็นรองประธานบริหารโรงพยาบาล
แล้วยังเป็นศัลยแพทย์อันดับ 1 ของโรงพยาบาลอีก
 

หวังว่าไม่ใช่จู่ๆวันหนึ่งจะเดินมาบอกผมว่าเป็นประธานาธิบดี หรือรัชทายาท ของเมืองไหนๆมาตามหารักแท้หรอกนะ !!!!
 
 


 
 
ขณะที่ผมกำลังเหม่อมองไปที่เจ้นท์นั้น .. อยู่ๆเนียร์ก็เดินเข้ามาเอาศอกกระทุ้งเข้าที่ท้องของผม
 
“มองจนจะแดกมันได้อยู่แล้วนะมึง”
 
“ไอ้เชี้ยเนียร์.. กูเจ็บนะเว้ย”

ผมเอามือกุมท้องที่โดนเนียร์เอาศอกมากระทุ้งใส่ แต่ไอ้เนียร์มีหรือจะสนใจ
มันยกยิ้มให้ผม ก่อนจะเล่นมือถือของมันต่อไป
 
 
“แล้วรี่ไปไหน?”
 
“กูติดต่อมันไม่ได้มาหลายวันแล้ว ก่อนมาที่นี้กูก็แวะไปดูมันที่คอนโดมา แต่ไม่เจอวะ รถก็ไม่อยู่

ผมตอบกลับไป พลางก็ครุ่นคิดต่อไปว่ารี่จะไปไหนได้บ้าง?
 
“ไม่รู้ดิมึง.. กูไม่ค่อยไว้ใจพี่ทิวเลย อะไรหลายๆอย่างทำให้พี่ทิวดูน่ากลัวอะ”
เอ๊.. ทำไมอยู่ๆเนียร์ก็พูดแบบนี้วะ?
 
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ?”
ตอนนี้ไอ้พี่เจ้นท์กับหมอจ้านขอตัวออกไปดูคนไข้ที่จะเข้ารับการผ่าตัด
ผมกับเนียร์เลยต้องนั่งรอที่ห้องทำงานของเจ้นท์ต่อไป
 
“หลายครั้งที่กูเห็นพี่ทิวแอบมองมึง แต่สายตาที่มองไม่ได้บ่งบอกว่าหลงเสน่ห์อะไรมึงหรอกนะ มันแบบ..เหมือนยังไงดีละ  กูก็อธิบายไม่ได้วะ แต่มันดูน่ากลัวอะมึง”
 
“พ่อกูไว้ใจพี่ทิวมากนึง เค้าคงมองเพราะเป็นห่วงกูนั้นแหละ”

ผมพยายามบอกกับเนียร์ไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้มันคิดมาก
แต่ใจผมตอนนี้.. คิดมากกว่ามันอีกครับ!
 


ผมกับเนียร์นั่งคุยเรื่องเพื่อนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ จนเกือบๆ 30 นาทีต่อมา หมอหล่อและกวนตีนมากทั้ง 2 คนก็กลับมา

 
“เดี๋ยวยังไงสักสองทุ่มเรียกประชุมทีมผ่าตัดเข้ามาคุยกันก่อน ขอทีมเดิมที่เคยผ่าให้คุณอดุลย์ละกัน
ส่วนงานสัมมนาพรุ่งนี้เดี๋ยวมึงไม่ต้องมาเปิดงานก็ได้ กูเปิดเองเลย”

เจ้นท์หันไปสั่งงานกับหมอจ้าน ที่พอเดินเข้าห้องมาก็มากวน(ตีน)ไอ้เนียร์
 
“โอเค แต่พรุ่งนี้กูเข้าไปฟังสัมมนาด้วย งั้นกูพาเนียร์ไปกินข้าวก่อนนะ คืนนี้ 2 ทุ่มเจอกัน
เออ..แล้วมึงจะนอนไหน ช่วง 2-3 วันนี้มึงมีงานนะครับไอ้พี่ชาย”

เจ้นท์หันมาสบตาผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปตอบหมอจ้าน
 

“กูมานอนที่นี้เลยละกัน”
หื้ออ.. เจ้นท์จะไม่กลับห้องด้วยกันหรอวะ?
ทำไมรู้สึกหวิวๆในใจแบบนี้วะเนี้ย
 

 
หลังจากที่หมอจ้านลากไอ้เนียร์ออกจากห้องไปแล้ว
ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง....
จนกระทั่งเจ้นท์มันโวยวายออกมา..
 


“โว้ยยยปวดหัว ไม่อ่านมันละเว้ย”
นี้มึงเป็นหมอนะครับไอ้พี่เจ้นท์ เห้อออ ดูยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
 

“ดิวกลับไปเอาเสื้อผ้ากัน”
เจ้นท์ส่งเสียงอ้อนๆมาให้ผม ก่อนจะส่งสายตาเหนื่อยๆมาให้ผมด้วย
 
“นั่ง taxi ไปก็ได้เดี๋ยวมึงเก็บเสื้อผ้าเสร็จก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขับกลับมาคนเดียว”
ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นมายืนรอเจ้นท์ที่ยังนอนฟุบไปกับโต๊ะ
 
“ไปเร็วๆดิวะ หิวข้าวแล้วเนี้ย” ผมเดินไปรอมันที่หน้าประตูห้อง  เจ้นท์เงยหน้ามามองผมเล็กน้อย
เจ้นท์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาประชิดตัวผมไว้ ก่อนที่เจ้นท์จะโน้มตัวเอาหัวมาซบที่บ่าของผม ..
แล้วกระซิบคำที่ทำให้ผมต้องรู้สึกใจสั่นไหว...
 
 
“นอนด้วยกันที่นี้นะ ไม่อยากไกลกัน ...... คิดถึง”
 
 


 
.....................
...............
........
..
.
 



 
“เดี๋ยวเนียร์จะมาหาใช่ไหม?   ลงไปกินกาแฟหรือหาอะไรทานที่ร้านอาหารข้างล่างได้นะ แต่ไม่ให้ออกไปข้างนอก มันอันตรายรู้ไหม?”
เสียงของคุณหมอเจ้นท์สั่งผม .. ทั้งๆที่มันก็ยังเซ็ตผมไม่เสร็จ ปากก็บ่นๆไม่หยุด
เมื่อคืนกว่ามันจะประชุมกับทีมผ่าตัดเสร็จก็ดึกมากแล้วครับ
ไหนจะต้องกลับไปเอาของที่คอนโดแล้วกลับมานอนที่โรงพยาบาลอีกก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่เรียบร้อยแล้ว
เจ้นท์มันก็เอาแต่อ่านเอกสารที่มันจะต้องใช้ในวันนี้
ผมก็นอนเล่นมือถือคุยกับเพื่อนๆเพื่อถามหารี่ จนผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้
มารู้อีกทีคือเจ้นท์มาล้มตัวนอนข้างๆแล้วดึงผมเข้าไปกอด..
 

มันกอดผมครับ!!

 
 
“ขอกอดแค่ชั่วโมงเดียว.. เดี๋ยวต้องตื่นไปทำงานแล้ว”
ผมก็ยังดิ้นๆจะให้มันปล่อย แต่มันกอดผมไว้แน่นเลย แล้วมันก็บ่นเหนื่อยยังงั้นยังงี้ให้ผมฟังต่อ
เห้อออ..  นี้เห็นว่ามันเหนื่อยและก็เครียดหรอกนะเลยยอมให้มันกอด
(อือนะ.. ฟังขึ้นอยู่นะเหตุผลนะ.. พี่ว่ามันยังแถได้อยู่ 5555+)
 
 
 
 
“รู้แล้ว” ผมลุกขึ้นมานั่ง แล้วมองไปรอบๆห้องพักของมัน
มันคล้ายๆห้องในคอนโดนั่นแหละครับ แต่พอเปิดประตูออกไปมันจะกลายเป็นห้องทำงานเลย
ซึ่งในชั้นนี้จะมีห้องทำงานของทั้งเจ้นท์ กับหมอจ้านด้วย และยังมีห้องรับรองพิเศษอีก 2 ห้อง
ชั้นถัดลงไปก็เป็นของหน่วยงานต่างๆในโรงพยาบาล
ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนของมัน มีร้านกาแฟชื่อดัง และร้านอาหารอยู่อีก 2-3 ร้าน
ไม่แปลกใจทำไมค่ารักษาแพง ก็เล่นมีสิ่งของอำนวยความสะดวกซะขนาดนี้ และก็การดูแลรักษาก็ดีด้วยครับ
(ซ้อใหญ่อวยโรงพยาบาลของสาค่ะ)
 


“แม่งงง เซ็ตยากชิบหาย ไม่ทำมันแล้ว”
เสียงเจ้นท์บ่นออกมาพร้อมๆกับโยนหวีในมือลงกับโต๊ะ
มึงจะไม่เซ็ตได้ยังไง ไอ้ท่าทางแบบนั้นจะไปสัมมนาวิชาการเรื่องสมองเนี้ยนะ
ผมได้แต่ถอดหายใจให้กับท่าทางหงุดหงิดของคนตรงหน้า แล้วตัดสินใจลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างหลังเจ้นท์
 
“นั่งดีๆเดี๋ยวทำให้”
ผมเอื้อมมือไปหยิบหวี และไดร์เป่าผมบนโต๊ะมาจัดแต่งทรงผมให้เจ้นท์
เจ้นท์ไม่มีทีท่ากวนตีนแบบทุกที ผมเห็นมันนั่งมองหน้าผมผ่านทางกระจก
อยู่ๆก็เขินสายตาของมันซะอย่างนั้น.. หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
 
“มองทำบ้าไรวะ”
ผมเอาไดร์เป่าผมเคาะหัวเจ้นท์แก้เขิน จนมันยกยิ้มออกมาแต่ไม่บ่นหรือว่าอะไร
 

รีบๆทำดีกว่านะ.. อยู่แบบนี้แม่งงได้ท้องเพราะสายตาไอ้บ้านี้แน่ๆ
ผมได้แต่แอบบ่นคนเดียวในใจ ก่อนจะโฟกัสไปที่การทำผมให้เจ้นท์
สักพักทรงผมที่ดูภูมิฐานและเหมาะกับเสื้อสูทของเจ้นท์ก็เสร็จเรียบร้อย
 


“เอาละ.. เหมาะที่จะเป็นคุณหมอแล้ว”
ผมชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมตัวไปเก็บของบนโต๊ะ
เพราะว่าไม่ทันระวังตัว.. เลยโดนเจ้นท์ดึงเข้าไปหอมแก้ม..

 
“ขอบคุณนะที่รัก”
 


ที่รัก??
ผมมัวแต่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น.. พอนึกขึ้นได้ว่าโดนไอ้บ้าเจ้นท์ฉวยโอกาสก็ได้แต่ด่าตามหลังมันไป
เพราะมันหยิบเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกจากห้องพักไปแล้ว
 


“โธ่เว้ยย ไอ้คนนิสัยเสีย!!!”
 


หลังจากเจ้นท์ออกจากห้องไปแล้วผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำ แล้วมาเก็บที่นอนก่อนจะดูความเรียบร้อยในห้องนอน
พอเห็นว่ามันเรียบร้อยดีแล้ว เลยดดินออกมานั่งที่ห้องทำงานของเจ้นท์
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดไปหาเนียร์ .. รอสายไม่นานเนียร์ก็กดรับสาย
 


[ มีไรมึง ]
ทักเพื่อนได้ดีมากนะครับคุณจูเนียร์!!!
 
“มึงจะมาโรงพยาบาลไหม? กูจะได้รอไปกินข้าว”
 

“ลุกไปไกลๆดิ คุยกับดิวอยู่”
เสียงเนียร์คุยกับใครไม่รู้ครับ.. ดังเข้ามาในมือถือ
สักพักก็ตามด้วยเสียงเนียร์ตะโกนด่า .. ซึ่งเท่าที่ฟังๆดูก็คงด่าหมอจ้านแน่ๆ
แต่เอ๊... เวลานี้อยู่กับหมอจ้านนะหรอ?
ผมก้มมองนาฬิกาบนข้อมือก็เห็นว่ามันเพิ่งจะ 8 โมงเช้า .. หมอจ้านไปรับมาแต่เช้าเลยหรอวะเนี้ย?
หือออ.. ต้องมีซัมติงอะไรแน่ๆ !!!


 
“ว่าไงเนียร์.. นี้มึงอยู่ไหนวะ อยู่โรงพยาบาลป่าว?”
 
[ เออ..กูอยูนี้แหละ เดี๋ยวไปหามึงอยู่ห้องทำงานพี่เจ้นท์ใช่ไหม? ]
 
“อืมมดิ งั้นกูรออยู่นี้นะ”
 
[ อืม อาบน้ำแป๊บเดี๋ยวไป ]

 
เดี๋ยวนะ... อาบน้ำ?
หรือว่ามันก็มานอนที่นี้เหมือนกันวะ!!!??
ด้วยความสงสัยของผมที่มันมีมากเกิน.. ผมเลยเดินไปที่ห้องทำงานของหมอจ้าน ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันมาก
กำลังจะเคาะประตูห้อง.. แต่หมอจ้านก็เปิดประตูออกมาก่อน
 


“สวัสดีครับคุณดิว ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”
 
“เนียร์อยู่ไหน?”
ผมไม่ได้ตอบกลับไปแบบสุภาพแบบที่หมอจ้านมันพูดกับผมหรอกครับ
เพราะรู้อยู่แล้วละ.. ว่าหมอจ้านกำลังกวนตีนผม เพราะสายตาที่มันมองมานี้แหละ
ออกจะติดแซวๆผมด้วยซ้ำไป
 
“อาบน้ำอยู่ในห้องพักนะ ยังไงพากันไปทานข้าวแล้วช่วยเตือนให้เนียร์ทานยาด้วยนะ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้ว”
 
“มันไม่สบายหรอ?”
 
“กินกันไว้ก่อนนะ”

หมอจ้านพูดแล้วก็ขยิบตาเท่ๆให้ผม 1 ทีแล้วก็ขอตัวเดินไปดูการสัมมนาที่ไอ้บ้าเจ้นท์มันเป็นวิทยากรในวันนี้
 
 
ผมเดินเข้ามานั่งรอในห้องทำงานของหมอจ้านแทนที่จะเดินเข้าไปในห้องพัก.. เพราะยังไงมันก็คงเป็นพื้นที่ส่วนตัว
ไม่เหมาะแน่ๆถ้าผมจะเดินเข้าไป.. เพราะไม่ได้สนิทกันด้วยแหละเลยทำให้ผมเกรงใจ...
รอสักพักเนียร์ก็เดินออกมา.. แต่หน้ามันซีดมากๆเลยครับ จนผมต้องรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวมันให้มานั่งโซฟา
 
“มึงไม่สบายหรอวะเนียร์”
 
“อืมม ปวดตัวปวดหัวมากเลยวะ”

ผมเอื้อมมือไปจับหน้าผากมันก็รู้สึกได้ว่าตัวมันอุ่นๆ
 
“งั้นมึงไปนอนห้องเจ้นท์ไหมละ เดี๋ยวกูลงไปซื้อข้าวให้”
 
“อืมม ก็ดีเหมือนกัน กูเบื่อห้องไอ้จ้านมันทำสีมืดเกิน นอนแล้วปวดหัว”

หื้อออ.. พูดเหมือนมานอนบ่อยเลยนะเพื่อนเนียร์?
ถึงจะอยากเผือกมากแค่ไหนก็ตามแต่อาการของเนียร์มันทำให้ผมเป็นห่วงมันมากเกินกว่าที่จะซักถามอะไร
ผมพาเนียร์ไปนอนที่ห้องนอนในห้องของเจ้นท์ ก่อนที่จะลงไปซื้อข้าวแล้วรีบเอาขึ้นมากินกับเนียร์
กลายเป็นว่าวันนั้นทั้งวันผมต้องดูแลเนียร์ คอยหาข้าว หายาให้มันกิน
แต่พอจะเช็ดตัวให้ทีไร ไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ได้แต่ยื้อยุดผ้าขนหนูไปบอกว่าเช็ดเองได้ๆ
จะอายอะไรของมันวะ?
 


ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมันมาก ช่วงเวลาที่เนียร์มันนอนพักผมก็กดโทรไปหาหวาน
เพราะว่าหวานท้องแก่แล้วและยังต้องเดินไปเรียนคอร์สเตรียมคุณแม่อีก
และที่สำคัญหวานอยู่คนเดียว.. ผมเลยโทรไปหาหวานบ่อยกว่าทุกที
แต่ครั้งนี้แปลก.. ตรงที่หวานพยายามจะวางสายทุกครั้งทั้งๆที่คุยกันไม่ถึง 5 นาที
ปกตินะคุยกันโดยที่ไม่กลัวบิลค่าโทรศัพท์เลยครับ อย่างต่ำก็ 10 นาทีตลอด
ผมเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เพราะไม่อยากจะชวนหวานทะเลาะในตอนนี้
เอาไว้ไปหาครั้งหน้า.. ค่อยถามเอาละกัน
 
 

และเพราะว่ามันไม่มีอะไรทำ บวกกับแอร์เย็นๆ ในห้องที่โทนสีอบอุ่นทำให้ผมง่วงนอน
ผมเลยตัดสินใจไปนอนข้างๆไอ้เนียร์ .. ไม่กลัวแล้วละว่าจะติดไข้ไหม เพราะตอนนี้ง่วงมาก!!!
ผมนอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เลยครับ มาตื่นอีกทีเพราะเจ้นท์เป็นคนเข้ามาปลุกผม
 


“ดิว... ดิว”
ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเจ้นท์มานั่งอยู่ๆข้างๆตัวผม
ส่วนหมอจ้านกำลังอุ้มเนียร์ที่กำลังนอนหลับอยู่ไว้แนบอก
 

“กูพาเนียร์ไปพักที่ห้องนะ แล้วเดี๋ยวจะลงไปช่วย ตอนนี้ตำรวจมากันแล้ว ยังไงมึงรีบลงไป”
เจ้นท์พยักหน้ารับ ก่อนจะจับมือผมไว้...
 


เดี๋ยวก่อนนะ.. เมื่อกี้กูได้ยินคำว่า ตำรวจ ใช่ไหมวะ??
 

“มีอะไร” ผมถามเจ้นท์ออกไป แต่รู้เลยว่าเสียงผมสั่นมากในตอนนี้
เพราะคำว่า ตำรวจ ที่หมอจ้านพูด และท่าทางสีหน้าของเจ้นท์ในตอนนี้...
อยู่ๆเหตุการณ์ของคีย์ และหวานก็วนเวียนเข้ามาในความคิดผม
 

 
เจ้นท์ดึงผมเข้าไปกอด และลูบที่หลังของผมเบาๆ
 

“ใจเย็นๆนะดิว.. ฟังกูแล้วต้องใจเย็นๆ”
 
“มะ มี มี.. อะไร”

อย่าให้เป็นแบบที่ผมกลัวได้ไหม? ขอละ... อย่าให้ใครมาเจ็บเพราะผมอีกเลย
 
“คนของจ้านเจอรี่แล้วนะ แต่ว่า .... รี่ .......”
 
 
รี่!!
 


 
“รี่เป็นอะไร มึงบอกกูสิเจ้นท์ ... รี่เป็นอะไร”
ผมผละตัวออกจากอ้อมกอดของเจ้นท์ แล้วกระชากเสื้อของมันอย่างแรง
 
“รี่เกิดอุบัติเหตุ รถเสียหลังลงไปข้างทาง ตอนที่คนของจ้านไปเจอรี่แทบจะหมดลมหายใจแล้ว
ตอนนี้ทีมหมอของเรากำลังช่วยรี่อยู่ ซึ่งกูกับจ้านจะเข้าไปผ่าตัดให้รี่ .. มึงลงไปรอหน้าห้องผ่าตัดนะ
ไปให้กำลังใจรี่ ..

 

ใจผมตอนนี้คือมันไม่เหลืออะไรแล้ว.. คนที่สนิทกับผมมากที่สุดหายไป 3-4 วัน
แล้วนี้อะไร.. รี่เป็นอะไร!!
ปกติมันไม่ขับรถไว แล้วมันจะขับรถไปไหน?
ทั้งๆที่มันจะมีสอบ คนอย่างมันไม่มีวันออกจากห้องไปไหนแน่นอน
 


“พากูไปหารี่หน่อย... พี่เจ้นท์ ฮึกกก.. พาดิวไปหน่อย”
 


ไม่รู้ว่าอ้อมกอดของเจ้นท์มันอบอุ่นแบบนี้มาตลอดหรือป่าว?
แต่ผมรู้แค่ว่า... วันนี้อ้อมกอดของเจ้นท์ เสียงของเจ้นท์ โคตรรอบอุ่นและทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยที่สุด.



----------------------------------------------------
เอาพี่เจ้นท์น้องดิวมาส่ง
เรื่องนี้ไม่ยาวมากค่า 5555+ ยังไงฝากหนุ่มๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
คำผิดต่างๆเดี๋ยวตามแก้ไขให้จ๊า

หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -13|9-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-10-2016 10:24:05
 o13
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -13|9-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-10-2016 15:58:44
เฮ้ยเดี๋ยว!!!!!!!! หมดแล้วหรอ รวดเดียว 13 อะจ๊ากกกกกเพลินมากก จนไม่รู้ตัว อ๊ากกกกกกกกกก อยากอ่านอีกอยากอ่านต่ออออแล้วววว กำลังลุ้น //สนุกกกกดีค่ะ ชอบบบอะ เพิ่งเจอแล้วเข้ามาอ่าน เพลินเลยทีนี้ //ไอ้พี่ทิวป่ะหว่ะ โรคจิต สงสารรี่มาก ซวยชิบหาย ไม่น่าเลย หรือว่าไอ้นั่นออกจากคุกมาแล้วมาแก้แค้น ใช่หรอ เดามั่วๆ 555 // อื้อหื้อออเจ้นท์หยอดได้หยอดอ่ะ หน้าด้านหน้าทนจริง ดิวหวั่นไหวไปอี๊กกก 5555555 //เนียร์กับหมอจ้านนี้ก็นะ แหม่~~~~~~~ 555555 //รอตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -13|9-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 09-10-2016 20:01:21
ลุ้นๆ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -13|9-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 09-10-2016 21:11:23
สนุกครับ
ปมเยอะเลย
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -14|23-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 23-10-2016 00:29:20
[ดิว] - Chapter 14









ไม่รู้ว่าผมนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดมากี่ชั่วโมงแล้ว ..
จากที่ฟ้าเริ่มมืด จนตอนนี้เริ่มจะสว่างแล้วเจ้นท์กับหมอจ้านก็ยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัด
น้ำตาที่นองเต็มหน้าเริ่มแห้งหายไป.. ผมกับเนียร์ได้แต่นั่งภาวนาขอให้รี่ไม่เป็นอะไร
รี่.. มึงเป็นผู้หญิงบึกบึนนะเว้ยย ขอร้องละอยู่กับกู
อยู่กับกูต่อไปเถอะ ,,, ได้โปรด!!!!
 


“ดิวๆ หมอจ้านกับพี่เจ้นท์ออกมาแล้ว”
เนียร์สะกิดผมให้หันไปดูหมอทั้ง 2 คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัด
 


“เจ้นท์.. รี่เป็นไงบ้าง”
ผมรีบเดินเข้าไปหาเจ้นท์ .. ณ ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้วว่าเจ้นท์เคยทำร้ายผมแค่ไหน?
ผมรู้แค่เจ้นท์คือความหวังเดียวที่ผมมี เจ้นท์คือคนที่จะช่วยรี่ได้
 


“อืมม ผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีแล้วละ ตอนนี้ก็เหลือแค่รี่เองว่าจะสู้มากน้อยแค่ไหน?”
เจ้นท์ตอบกลับมา ก่อนจะดึงตัวผมไปกอด แล้วตบหลังผมเบาๆเป็นการปลอบใจ
 


“คือเราไม่รู้ว่ารี่โดนทำร้ายมาก่อนหรือเปล่า แต่สภาพรี่คือบอบช้ำมาก เราผ่าตัดเอาเลือกคั่งในสมอง และเลือดที่คั่งในช่องท้องออกให้แล้ว .. ตอนนี้รี่ต้องนอนดูอาการที่ ICU ก่อน เดี๋ยวเนียร์กับดิวตามพยาบาลไปได้เลยนะเค้ากำลังจะพารี่ไปพักที่ห้อง ICU “
หมอจ้านเป็นคนอธิบายให้ผมกับเนียร์เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ ก่อนที่หมอจ้านจะหันไปเรียกพยาบาลมาคุยเรื่องของการดูแลอาการของรี่
 
ขั้นตอนการย้ายรี่ออกจากห้องผ่าตัดไปห้อง ICU นั้นใช้เวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมง
ตอนนี้ผมกับเนียร์มายืนดูรี่อยู่ข้างๆกระจกกั้นห้อง ...
หมอจ้านบอกว่าวันนี้อย่าเพิ่งเข้าไปข้างใน .. รอให้รี่ได้พักร่างกายก่อน
ถ้าทุกอย่างโอเคแล้วหมอจ้านจะอนุญาตให้เข้าไปดู
 


“เจ้นท์ ... เรื่องตำรวจเอาไง?”
เป็นหมอจ้านที่หันไปถามกับเจ้นท์
 


“เดี๋ยวไปคุยที่ห้องทำงาน เพราะอีกชั่วโมงกว่าๆต้องประชุมเรื่องผ่าตัดเคส VIP”

หมอจ้านพยักหน้าให้กับเจ้นท์ ก่อนจะเดินนำหน้าเจ้นท์ไปที่ห้องทำงาน
ผมกับเนียร์เลยเดินตามหมอจ้านและเจ้นท์มานั่งคุยกันที่ห้องทำงานด้วย
 


“ไหวไหม” พอเข้ามาในห้องทำงานของเจ้นท์แล้ว
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเจ้นท์ที่ตอนนี้นั่งเอาหน้าฟุบลงกับหมอนรองหลังบนโซฟา
 


“อืมม ถ้าได้นอนสักชั่วโมงสองชั่วโมงน่าจะดีขึ้น”
เจ้นท์ยังไม่ได้นอนเลย .. เมื่อวานก็นอนดึกเพื่อเตรียมจัดสัมมนา พอสัมมนาเสร็จก็ต้องมาผ่าตัดให้รี่อีก
จนเข้าวันใหม่แล้ว เจ้นท์ยังไม่ได้นอนพักสักนิดเลย เห็นว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องผ่าตัดให้ VIP แล้วด้วย
มันจะไหวไหมนะ???
 


“งั้นมึงไปนอน เรื่องตำรวจกูจัดการเอง ถ้าพวกทีมผ่าตัดมาพร้อมแล้วจะเข้ามาปลุกละกัน”
เจ้นท์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะมองสบตากับผม
 


“นอนเถอะ”
หื้อออ???? ก็ไม่อยากจะโวยวายหรือด่ามันหรอกครับ
เห็นสภาพนี้แล้วก็อดสงสารและเห็นใจมันไม่ได้
ผมเลยลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงมือเจ้นท์ให้ลุกขึ้นยืนด้วย
 


“นอนในห้อง”
จากหมาที่ทำหน้าหงอยๆเมื่อกี้ ยิ้มออกมาซะอยากจะต่อยหน้ามันซะที


 
“ครับ” เจ้นท์รีบตอบกลับมาทันที ก่อนจะลากผมเข้าไปในห้องนอน
ทิ้งให้หมอจ้านกับเนียร์แซวกันเบาๆ
แต่นาทีนี้.. คำว่าอายไม่มีเหลือแล้วครับ
 


“อาบน้ำก่อนดิ” ผมยืนมองหมอเจ้นท์ หรือไอ้พี่เจ้นท์ที่ล้มตัวลงนอนอยู่กลางที่นอน
มองยังไงก็ไม่น่าใช่หมออะ? - -‘
ไม่มีเสียงตอบรับครับ.. ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ ได้ยินเสียงหายใจที่ดังออกมาก็เบาใจหน่อย
นึกว่าช๊อคตายไปแล้วซะอีก...
 


เจ้นท์หลับไปแล้ว.. ทั้งๆที่หัวถึงหมอนไม่ถึง 5 นาที
สงสัยจะเหนื่อยมากจริงๆนั้นแหละ
 
 



ผมขยับตัวเจ้นท์ให้นอนหนุนหมอนดีๆ แล้วก็ห่มผ้าห่มให้
ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะว่าตั้งใจไว้จะไปนั่งเฝ้ารี่ที่หน้าห้อง ICU
และไหนจะต้องติดต่อพ่อแม่ของรี่อีก .. ป่านนี้พี่ทิวจะรู้เรื่องหรือยังนะ?
พอผมแต่งตัวเสร็จแล้วก็ล้มตัวมานั่งข้างๆเจ้นท์ที่นอนหลับสนิทไปแล้ว
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาพี่ทิว ...
รอสายไม่นานพี่ทิวก็รับสาย...



 
[ ว่าไงดิว ]
 
“พี่ทิวอยู่ที่ไหนครับ”
 
[ พี่กลับบ้านนะ พอดีที่บ้านพี่โทรตามให้กลับมาทำธุระให้  ดิวมีอะไรหรือเปล่า ]

พี่ทิวกลับบ้านจริงๆด้วย.. เหมือนที่บอกกับเพื่อนๆไว้เลย
เดี๋ยวก่อนนะไอ้บ้าดิว... นี้แกกำลังสงสัยในตัวพี่ทิวงั้นหรอวะ?
 

“คือพี่ติดต่อรี่ได้หรือยังครับ”
เพราะเรื่องที่เนียร์พูด หรือเพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันทำให้ผมเลือกที่จะไม่บอกเรื่องของรี่ให้พี่ทิวทราบ
 
[ อ่อ.. ติดต่อได้แล้ว ]
หื้อออ? ติดต่อได้แล้ว?
อยู่ๆผมก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ก็เหมือนจะไม่มีแรงซะยังงั้น
 
“เมื่อไหร่ครับ”
 
[ วันนี้ก็เพิ่งคุยกันนะ เห็นบอกว่ากำลังจะกลับบ้านนี้แหละ ยังบอกพี่เลยว่าเย็นนี้จะไปหาอะไรทานที่ตลาดโต้รุ่งด้วยกัน ]

โกหก.... พี่ทิวโกหก!
 
“คะ .. ครับ”
มันเหมือนมีก้อนอะไรซะอย่างมาจุกอยู่ที่อกของผม.. ผมคิดอะไรไม่ออก และก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
 
[ ถ้าเย็นนี้รี่มาถึงแล้วพี่จะบอกให้โทรกลับไปหาเรานะ ไปทำอะไรให้รี่โกรธหรือเปล่ามันถึงไม่รับสายเรานะ ]
 
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้ายังไงพี่ทิวบอกรี่ด้วยนะ.... ว่าดิวจะไม่ยอมให้รี่ต้องเจ็บฟรีแน่นอน”

 
พอผมพูดจบผมก็รีบกดปิดเครื่องทันที... ผมกลัวพี่ทิว
พี่ทิวที่ผมรู้จักมาหลายปี.. กลายเป็นคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ทำไมถึงต้องโกหกว่าเพิ่งคุยกันเมื่อเช้า?
ในเมื่อรี่มันอยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ.. และเพิ่งออกมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง
 

พี่ทิว..... ไม่ได้ทำร้ายรี่ใช่ไหม???

 


ผมไม่รู้ว่าผมร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่
มารู้ตัวอีกทีตอนที่เจ้นท์ตื่นขึ้นมาแล้วดึงผมเข้าไปกอด
 


“ไม่เป็นไรนะดิว .. พี่อยู่ตรงนี้แล้ว.. ไม่ต้องร้องไห้นะ”
เจ้นท์กอดผม และปลอบผม ทั้งๆที่เจ้นท์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าผมร้องไห้เพราะอะไร
และมันก็เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ที่จะบอกกับเจ้นท์ในตอนนี้
เพราะน้ำตา .. ความกลัว และความสับสนที่ผมกำลังมีมันแน่นอยู่เต็มอก
 


ผมร้องไห้อยู่กับอกของเจ้นท์...นานมาก จนเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นมา
 


“เจ้นท์... ห้องประชุมพร้อมแล้ว”
เสียงหมอจ้านมาตามเจ้นท์ไปประชุม
 


“เออ.. เดี๋ยวไป”
เจ้นท์ตอบกลับหมอจ้านไป ก่อนจะหันมามองหน้าผม
 


“โอเคไหม? พี่ต้องไปประชุม ดิวอยู่คนเดียวไหวไหม? หรือจะไปอยู่กับเนียร์”
 


“อยากอยู่กับเจ้นท์”

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไว้ใจใครได้อีกไหม?
ที่ไหนจะปลอดภัยสำหรับผม?
ผมรู้แค่กอดของเจ้นท์ เสียงของเจ้นท์... คือสิ่งที่ผมต้องการที่สุด......
 


“เดี๋ยวพี่มา.. พี่ไปประชุมเตรียมงานแป๊บเดียว
ไปอยู่กับเนียร์ก่อนนะ ชวนเนียร์ลงไปซื้อข้าวกับกาแฟมาให้พี่หน่อยได้ไหม พี่หิวมากๆเลย
แล้วเดี๋ยวเรามานั่งคุยกันนะ ... นะครับ”
 
“อืมม ได้”

เจ้นท์ก้มลงมาหอมแก้มผม ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
ผมก็เขินนะ อยากด่าก็อยาก.. แต่ก็กลัวเจ้นท์จะหายไปจากชีวิตผมอีกคน
เอาวะ.. แค่หอมแก้มเองยอมๆไปเถอะ!!!
 


เกือบ 30 นาที เจ้นท์ก็พาผมออกมาหาหมอจ้านที่ห้องทำงาน ก่อนจะสั่งให้ผมกับเนียร์ลงไปหาอะไรทาน
แล้วให้ซื้อขึ้นมาให้ทั้งหมอจ้านและเจ้นท์ด้วย
ผมกับเนียร์ก็รีบปฏิบัติตามทันทีครับ คงเพราะสีหน้าของทั้ง 2 คนไม่ได้กวนตีนแบบทุกที
และคำพูดที่ดูเป็นการเป็นงานของทั้ง 2 พี่น้องนั้นด้วยแหละ ผมกับเนียร์เลยไม่อยากจะโวยวายหรือพูดไม่ดีกลับไป
 
 
 
 
 
 
 
 
“อึดอัดวะมึง”
เนียร์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่ม
ตอนนี้ผมกับเนียร์กำลังรอกาแฟของหมอจ้าน ที่ต้องกินเมนูแปลกๆชื่อยาวๆ ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะวุ่นวายอะไรขนาดนั้น
กับการจะกินกาแฟแต่ละที....
 
“ทำไมวะ” ผมนั่งดูรายการอาหาร และขนมที่ซื้อมาให้เจ้นท์ ก่อนจะเงยหน้าไปมองหน้าเนียร์
 
“ไม่รู้ดิ... รี่ก็เกิดอุบัติเหตุ หมอจ้านก็วุ่นวายเรื่องผ่าตัด เรื่องตำรวจ ส่วนพี่เจ้นท์ที่ทำหน้าตลกๆก็มาทำหน้าเครียดใส่  กูเลยรู้สึกหดหู่”
 
“อืมม กูก็ไม่ต่างกันหรอก แต่เอาเถอะวะ.. มันอาจจะมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกแย่มากกว่านี้ก็ได้”

ผมยังไม่อยากบอกเนียร์เรื่องของพี่ทิว เพราะอยากปรึกษาเจ้นท์ก่อน
ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเนียร์หรอกนะ... แต่กลัวว่าเนียร์จะตกใจและไม่อยากไปย้ำกับความรู้สึกที่เนียร์มีกับพี่ทิว
เพราะเนียร์มันบอกว่าพี่ทิวน่ากลัว และดูแปลกๆ
 

“ยังจะมีเรื่องอะไรอีกวะ.. แค่นี้กูก็ไม่ไหวแล้วนะเว้ยยย”
เนียร์บ่นพึมพำกับตัวเองอีกนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปรับแก้วกาแฟ แล้วชวนผมกลับขึ้นมาบนห้องทำงานของหมอจ้าน
 
 
 
“อีกนานแน่ๆ กาแฟร้อนกลายเป็นกาแฟเย็นชัวร์”
เนียร์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอากาแฟกับถุงขนมที่ซื้อมาไปเก็บไว้ที่โต๊ะกาแฟในห้อง
ผมเลยเดินตามเอาของพี่เจ้นท์ไปวางไว้ด้วย
 
ผมกับเนียร์นั่งคุยกันเรื่องเรียน เรื่องเพื่อนกันไปเรื่อยๆ จนเกือบๆ 2 ชั่วโมง
คุณหมอทั้ง 2 คนก็กลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้ากันสุดๆ
 


“ทานข้าวเลยนะ”
ผมหันไปถามเจ้นท์ .. ซึ่งเจ้นท์ก็พยักหน้าตอบกลับมาให้ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆหมอจ้าน
ผมกับเนียร์เดินไปอุ่นข้าวกล่อง และอุ่นกาแฟกันในโซนห้องครัว
พอกลับมาที่โซฟารับแขก ก็เห็นหมอจ้านและหมอเจ้นท์หลับกันทั้งคู่
 

“สงสัยได้อุ่นข้าวกันอีกรอบแน่ๆ ปล่อยให้นอนกันไปก่อนละกัน”
เนียร์พูดจบก็เดินกลับเอาข้าวกับกาแฟไปเก็บไว้ที่เดิม
ผมก็ได้แต่เดินตามเนียร์เอากับข้าวไปเก็บไว้ แล้วเดินมานั่งข้างๆพี่เจ้นท์
ก่อนจะดึงพี่เจ้นท์ให้ล้มตัวลงนอนแล้วเอาหัวมาหนุนที่ตักผม
 

“เดี๋ยวก็เมื่อยหรอก” พี่เจ้นท์ที่รู้สึกตัวแล้วลืมตามาพูดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
 
“นอนไปเถอะนะ”  ผมตอบกลับไป ซึ่งพี่เจ้นท์ก็ไม่โกงครับ  ยิ้มตอบกลับมาให้ผมทันที : )
 
 
 

หมอทั้ง 2 คนนอนหลับไปเกือบๆ 1 ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาพร้อมๆกับบ่นว่าหิว
ผมกับเนียร์เลยได้เดินไปอุ่นกับข้าวมาให้อีกรอบ.. และรอบนี้ก็ทำสำเร็จครับ
หมอจ้านและพี่เจ้นท์ได้ทานข้าว และกาแฟที่ผมกับเนียร์อุ่นให้เรียบร้อย
 

“เดี๋ยวสักพักพี่ต้องไปผ่าตัด VIP ดิวจะกลับไปเอาของที่ห้องไหม?”
พี่เจ้นท์หันมาถามผม หลังจากทานข้าวอิ่มแล้ว
 
“อืมม อยากกลับไปเอาหนังสืออ่านเล่น กับเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยอะ”
 
“งั้นให้จ้านไปส่ง”
พี่เจ้นท์พูดจบก็หันไปมองหน้าหมอจ้าน ซึ่งหมอจ้านก็พยักหน้าตอบตกลงกลับมา
 

“ช่วงนี้ไปไหนก็ขอให้มีจ้าน หรือมีพี่ไปด้วยทุกครั้งนะ อะไรหลายๆอย่างมันยังไม่ลงตัว พี่เป็นห่วง”
แค่คำพูดว่าเป็นห่วงอย่างเดียวผมคงไม่รู้สึกร้อนๆหน้าแบบนี้หรอกครับ แต่เพราะสายตาที่พี่เจ้นท์มองผม
มันบ่งบอกว่าเป็นห่วงจริงๆนั้นแหละ ... ผมถึงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
นี้แอร์เสียหรือยังไง? ทำไมร้อนแบบนี้!!!!
 

“อืมม”
ผมตอบกลับไป ก่อนจะรีบยกจานข้าวกับแก้วน้ำของพี่เจ้นท์มาเก็บ
ขืนนั่งต่อไปมันต้องเห็นว่าหน้าผมแดงอยู่แน่ๆ
 
“เออจ้าน.. กูกลับไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวก่อนนะ เดี๋ยวไงกูพาดิวมาส่งให้มึงที่ห้อง
แล้วก็ดูแลดิวดีๆ ไม่งั้น VIPมึงไม่รอดแน่!!!”

เดี๋ยวนะไอ้พี่หมอเจ้นท์! มึงเป็นหมอนะเว้ยย มาพูดแบบนี้ได้ไงกัน
มันน่าต่อยปากจริงๆเลย
 
“ไอ้หมอเถื่อน!!!” หมอจ้านด่าพี่เจ้นท์กลับไป ก่อนจะหันไปหยิกแก้มไอ้เนียร์เล่น
เลยทำให้ไอ้เนียร์ด่ากลับไปอีก
 

“ไปห้องของเรากัน” พี่เจ้นท์หันมาดึงมือผมให้ออกจากห้อง ก่อนจะขยิบตาทำหน้าทะเล้นใส่ผม
แต่ต่อให้พี่เจ้นท์ทำหน้าหื่น หรือทำหน้าทะเล้นมากแค่ไหน..
ในตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าพี่เจ้นท์กำลังฝืนทำให้ตัวเองร่าเริงไปยังงั้นๆแหละ
ก็หน้าของพี่เจ้นท์ตอนนี้โคตรจะเหนื่อยและก็ดูเครียดสุดๆ
 


เราเดินด้วยกันมาเงียบๆ จนเข้ามาถึงในห้องพักของพี่เจ้นท์
พี่เจ้นท์ก็เป็นฝ่ายถามผมขึ้นมาก่อน..
 


“ตอนนั้นร้องไห้ทำไม? แล้วคุยโทรศัพท์กับใคร?”
ผมนั่งชั่งใจอยู่สักพักเลยตัดสินใจเล่าให้พี่เจ้นท์ฟัง
พอพี่เจ้นท์ได้ฟังก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที....
 

“ทำไมทิวต้องโกหกด้วยวะ?”
 
“นั้นสิ.. คิดเหมือนกันใช่ไหม? โกหกทำไมกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าที่รี่เป็นแบบนี้เพราะพี่ทิวอะ”
 
“แต่รี่กับทิวก็คบกันมานานแล้วไม่ใช่หรอ?”

อืมมมม... พี่ทิวกับรี่คบกันหลังจากที่คีย์เสียไปแล้ว มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ
 
“นานแล้วละ ตั้งแต่คีย์เสียอะ”
พอพี่เจ้นท์ได้ยินชื่อคีย์.. ก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมอีก
 
“คีย์ไหน? ใช่เพื่อนที่ดิวไปงานศพไหม? ที่แปะรูปไว้ในห้องนะ”
ผมพยักหน้าตอบกลับไป
 
“เล่าเรื่องคีย์ให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
จริงๆแล้วผมไม่อยากพูดเรื่องของคีย์ซักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมา
พอพูดแล้วภาพของคีย์.. สายตาของคีย์ในวันนั้นมันลอยขึ้นมาในทันที
แต่ผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวของคีย์ให้เจ้นท์ฟัง
โดยที่ผมก็ลืมไปเลยว่า.. ผมกับเจ้นท์เพิ่งจะรู้จักกันมาไม่นาน
ทำไมผมถึงไว้ใจคนๆนี้ได้ขนาดนี้นะ?
แล้วผมจะต้องเสียใจไหม... ถ้าเจ้นท์ไม่ใช่คนที่ควรไว้ใจ?????
 
 
“เท่าที่ดิวเล่ามา คนที่ทำร้ายคีย์อยู่ในเรือนจำใช่ไหม?”
หลังจากเจ้นท์ฟังเรื่องของคีย์จบก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามผม
 
“อืมม ใช่.. ที่รู้ๆตอนนี้ก็ยังอยู่นะ”
 
“เรื่องที่ดิวเคยแจ้งความไว้ แล้วหายไปจากระบบคือเรื่องนี้แน่ๆ”
 
“อ้าววรู้ได้ไงว่าเคยแจ้งความ พ่อดิวไปขอให้เพื่อนๆช่วยนะ เพราะไม่อยากให้ดิวต้องเสียใจ
ตอนที่คีย์ตาย ดิวทำอะไรไม่ถูกเลย แทบจะใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่ได้เลยละ
ภาพของคีย์ สายตาคีย์ที่มองมา.... มันทำให้ดิวแทบจะไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปเลยด้วยซ้ำ”
 
“พี่เคยให้จ้านตามสืบเรื่องของดิวนะเลยพอจะรู้มา...
แต่ดิวรู้จักคนที่ทำร้ายคีย์ไหมว่ามันชื่ออะไร บ้านมันอยู่ที่ไหน?”
 
“อืมม เคยได้ยินนะ... แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่ออะไร ... คอย ตอย จอย อืมมม หรือ ทอยนี้แหละ”
 
“เอานะ.. ยังไงตอนนี้ก็ดูแลตัวเองไปก่อน หลังจากผ่าเคส VIP นี้เสร็จพี่จะมาช่วยคุยกับพ่อแม่รี่ให้
ส่วนเรื่องของทิว... พี่จะให้จ้านมันสืบเพิ่มมาให้ ว่าก่อนมันกลับบ้านมันไปที่ไหนมาบ้าง”
 
“ขอบใจ”

ผมตอบพี่เจ้นท์กลับไป...
 
“เรื่องของดิวก็เหมือนเรื่องของพี่นั้นแหละ”
หื้มมม.. ทำไมวันนี้พี่เจ้นท์มึงดูหล่อและแพงมากขนาดนี้วะครับ!!!
ผมเกือบจะเคลิ้มไปกับคำพูดสวยๆหรูๆของเจ้นท์แล้วละครับ
ถ้ามันไม่ดึงผมล้มลงไปนอน แล้วก็หอมแก้มผม เออ เรียกว่าฟัดเลยก็ได้ครับ
แก้มผมช้ำไปหมด... ผมก็ยอมนะเพราะพี่เจ้นท์ช่วยผมไว้เยอะ
แต่พอมันหลุดพูดประโยคหนึ่งออกมา... ผมแทบจะถีบมันลงเตียงทันที
 



“ก็ดิวเป็นเมียพี่ เรื่องของเมียก็เหมือนเรื่องของพี่”
 
 
หึหึ ... ไอ้พี่เจ้นท์!!!!!!!!!!
 
 

 
 
 
 
 
และแล้วเวลาที่หมอเจ้นท์ต้องกลับไปทำหน้าที่ก็มาถึง...
ท่าทางสุขุม และดูน่าเชื่อถือนั้น.. แม่งโคตรหลอกตาผมเลยจริงๆ
เพราะไอ้หมอเจ้นท์คนนี้นี้แหละมันคือคนๆเดียวกับที่พยายามจะปล้ำผมเมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา
ข้ออ้างของมันโคตรน่าถีบสุดๆ
 

“ไม่ได้นานแล้วนะ อยากว่ะ”
อยากมากมึงไปห้องน้ำเลยครับไอ้บ้าเอ้ยยย!!!!!
 

“ไปกับจ้านนะ แล้วรีบกลับมารอที่ห้อง”
หมอเจ้นท์หรือไอ้หื่นเจ้นท์หันมาสั่งผม ก่อนจะเดินไปห้องผ่าตัดกับทีมผ่าตัด
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับมันเบาๆ ก่อนจะหันมาเจอหมอจ้านที่ยืนแจกยิ้มสวยๆให้กับคนไข้และญาตของคนไข้ได้กรี๊ดกัน
 
“ไปกันเลยไหมครับ?”
ผมเอ่ยถามหมอจ้าน ที่ยังยืนยิ้มให้คนนั้นคนนี้ไม่หยุด
 
“ไปกับกูสองคนก็ได้นะ.. ปล่อยมันยืนบ้านี้แหละ”
เนียร์ลากแขนผมให้เดินไปที่หน้าโรงพยาบาล แต่เดินไปได้นิดเดียวหมอจ้านก็รีบวิ่งตามมา
ก่อนจะหันไปพูดแหย่อารมณ์ไอ้เนียร์ให้โกรธเพิ่มขึ้นมา
 
“หึงก็บอก.. วันหลังก็เดินเข้ามากระชากแขนพี่แล้วบอกว่า.. อย่ายิ้มให้ใครอีก เนียร์ห่วง แบบนี้ดิ”
เห้ออ.. ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ เป็นหมอกันได้ไงวะ?
 



หลังจากเก็บของที่คอนโดเสร็จแล้ว กำลังจะชวนหมอจ้านกับเนียร์กลับไปที่โรงพยาบาล
เสียงโทรศัพท์ที่ห้องก็ดังขึ้นมา....
 


“รับสิ”
หมอจ้านบอกให้ผมรับสาย แต่ผมยืนมองโทรศัพท์อยู่แบบนั้น....
ผมกลัว!
 
 
 
ครั้งก่อนก็โทรมาที่ล๊อบบี้ข้างล่าง.. วันนี้โทรเข้ามาในห้อง
แปลว่ามันตามผมทุกฝีก้าวเลย.. และวันนี้มันก็คงตามผมมาที่คอนโด
ไม่แน่ว่ามันอาจจะอยู่ข้างล่างก็ได้ หรือมันอาจจะยืนเอาปืนจ่อรออยู่หน้าห้องก็ได้
 

หมอจ้านเดินไปรับสาย ก่อนจะกด Speaker Phone
 


“ดิว!”
เสียงของหวานดังออกมา...
เอ๊ะ... เสียงหวานหรอ?
 


“หวาน... ทำไมไม่โทรเข้ามือถือละ?”
ผมรีบตอบกลับไปในทันที
 


“ดิว.. ช่วยหวานด้วย”
 


ตี๊ดด .. ตี๊ดดดดด
 
สายหลุดไปแล้ว....
 
 
 

ผมยืน งง กับเหตุการณ์ตรงหน้าสักพัก ก่อนจะรีบเอามือถือมากดโทรหาหวาน
แต่ก็โทรไปไม่ติด!
 
 
“ดิว... เกิดอะไรขึ้นวะ?”
 
“เนียร์.. หวาน... หวานจะเป็นอะไรไหมวะ”
 
“มึงใจเย็นๆ พยายามโทรติดต่อหวานก่อน เบอร์มือถือโทรติดไหม?”
 
“มะ ไม่ ไม่ติด”

มือผมตอนนี้สั่นมาก... มือถือที่ถือไว้ก็หล่นลงไปบนพื้นห้อง และผมเองก็ยืนแทบไม่ไหว
นี้มันอะไรวะ?
 


เมื่อวานผมต้องเจอกับสภาพของเพื่อนรักของผม.. ที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด
เช้ามาผมก็ต้องรู้สึกแย่กับคำโกหกของพี่ชายที่ผมเคารพและรักมาก
พอมาตอนเย็น... แฟนผม ก็โทรมาบอกให้ผมไปช่วย
 
เห้ยยย. นี้มันเกิดอะไรกับชีวิตผมกันแน่!!!!

 


 
“ทำไมวะ ทำไม.. ต้องเกิดเรื่องราวแบบนี้ ใครมันทำแบบนี้กัน”
ผมเริ่มสะอื้นออกมา และเริ่มโวยวายอยู่คนเดียว
เนียร์ที่พยายามเดินเข้ามาโอบกอดผมไว้ ผมก็ผลักเนียร์ออกไป
ผมไม่รู้เลยว่าผมโวยวาย และร้องไห้ไปนานแค่ไหน....
มารู้อีกทีก็ตอนที่หมอจ้านเดินเข้ามาตบหน้าผม
 


“ดิว.. ตั้งสติ!!!”
 
“เห้ยยย ไปตบมันทำไม”

เสียงเนียร์กับหมอจ้านทะเลาะกันอยู่ข้างๆตัวผม แล้วก็แรงตบหน้าจากมือของหมอจ้านอีกนั้นแหละที่ตบเรียกสติผมอีกครั้ง
 
“อยากให้หวานมันตายไปอีกคนหรือไง! มีสติได้แล้วเว้ยย มาฟูมฟายแบบนี้จะรู้ไหมละว่าใครมันกำลังเล่นเกมส์กับเราอยู่  จะรู้ไหมว่าใครมันล่าเราอยู่ อย่าทำตัวอ่อนแอเป็นแค่หมากในเกมส์ของมันสิ หันเป็นผู้ล่าบ้าง!!!”
ผมเข้าใจในทุกสิ่งที่หมอจ้านบอก... แต่ลำพังแค่ตัวผม... จะมีแรงที่ไหนไปสู้กับคนที่ผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร
ผมจะไปล่ามันได้ยังไงกันละ???
 
“หมอจ้าน... พาผมไปหาพี่เจ้นท์หน่อย”
ผมรีบลุกขึ้นยืน แล้วจับแขนหมอจ้านไว้ .. เวลานี้ผมต้องการเจ้นท์..
เจ้นท์ต้องช่วยผมได้แน่ๆ เจ้นท์ต้องปกป้องหวานและลูกได้แน่ๆ
 
“สัญญาได้ไหม.. ว่าจะพูดความจริงๆทุกๆอย่างไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
ถ้าดิวยังไม่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง.. พวกพี่ก็จนปัญญาที่จะช่วยดิวกับหวานนะ”
 
“อืมมม... ดิวสัญญา”
 

 
ผมตัดสินใจแล้ว......
บางที.. เรื่องราวในอดีตที่ผมพยายามจะลืมมันไปนั้น
ผมคงต้องพูดมันออกมา.. เพื่อแลกกับชีวิตของหวานและคนรอบๆตัวผมในขณะนี้
 
อดีต... ที่มันเปลี่ยนชีวิตของผม , หวาน และคีย์
จากมิตรภาพ.. เสียงหัวเราะ.. ความสุขที่ผมเคยมี
กลับเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยน้ำตา และการพรากชีวิตของคนที่ผมรัก.




------------------------------------------
อดีต ที่ดิวพยายามปิดไว้คืออะไรกันนะ??
เรื่องนี้ไม่ดราม่าค่ะ  พี่หมอเจ้นท์มันหื่นขนาดนี้
รับรองว่ามีฉากฟินๆ มุ้งมิ้งๆตามแบบฉบับพี่เจ้นท์แน่นอน : )
ตามลุ้นด้วยกันนะว่าปมที่ดิว หวาน และคีย์พยายามเก็บไว้นั้นคืออะไร
ฝากเด็กๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยน๊าาา

หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -14|23-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 23-10-2016 02:16:16
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -14|23-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 23-10-2016 10:47:07
ลุ้นจนอึดอัดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -14|23-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-10-2016 15:15:35
ค้างเฉย แต่เราว่าทิวมีซิมติ่ง
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -14|23-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-10-2016 21:46:07
ชอบบบ มีปมซับซ้อน ให้จดจ่อ ตามติด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องเขียนได้ไหลลื่นดี ชอบบบบ :mew1: :mew1: :mew1:
พี่ทิว อยู่เบื้องหลังทั้งหมดหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
ที่ จีบ รี่ ก็เพื่อได้ใกล้ชิดดิว
รู้ความเป็นไปของดิว
เรื่องแปะโพสท์ว่าดิว ขายตัว
พี่ทิวก็คงทำด้วย
แล้วเรื่องหวาน ล่ะ คงด้วยละสิ
เพื่อยึดกิจการ ธุรกิจครอบครัว
หรือแก้แค้นดิว
คีย์ เป็นอะไรกับทิว น้องหรือเปล่า ? :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -15||27-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 27-10-2016 15:21:22
[ดิว] - Chapter 15

 




“เดี๋ยวอาบน้ำก่อน แล้วค่อยคุยกันนะ”
หมอจ้านกับเนียร์พาผมกลับมาพักที่ห้องของพี่เจ้นท์ในโรงพยาบาล
ส่วนพี่เจ้นท์นั้นยังผ่าตัดไม่เสร็จ ซึ่งถ้าผ่าเสร็จแล้วอาจจะต้องดูอาการของเคส VIP ก่อนถึงจะกลับมาพักได้
 


“มึงอยู่คนเดียวไหวไหม? ให้กูอยู่กับมึงนะ”
พอผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ออกมาก็เห็นเนียร์มันนั่งรออยู่ในห้อง ส่วนหมอจ้านออกไปดูเคสด่วน
 


“มึงก็ไปพักเถอะ กูไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
ก็เหนื่อยด้วยกันมาทั้งวันแล้ว.. ผมเลยอยากให้เนียร์มันได้พักบ้าง เพราะยังไงๆเรื่องของผมก็คงต้องรอเจ้นท์ก่อน
 

“กูเป็นเพื่อนมึงนะดิว.. มึงไว้ใจกูได้เสมอมึงรู้ใช่ไหม?”
 

“อืมม   ขอบใจมากเนียร์.. ตั้งแต่กูมาเรียนที่กรุงเทพ กูก็มีมึงนี้แหละที่เป็นเพื่อนสนิท นอกนั้นกูไม่สนิทกับใครเลย”

นอกจากรี่ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมก็มีแต่เนียร์ที่สนิท นอกนั้นก็แค่รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันเท่านั้นเอง
 
เนียร์นั่งเงียบไปสักพัก .. ผมก็แต่งตัวและกลับมานั่งลงบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาหวาน
ซึ่งก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม....
 
เห้อออ หวานเป็นไงบ้างวะเนี้ย?
แล้วใครบ้างว่ะ? ที่รู้ว่าหวานอยู่ที่ไหน
ขอร้องละครับ... ช่วยปกป้องหวานและลูกด้วยเถอะนะ
เวรกรรมอะไรก็ตามแต่.. ผมขอรับมันไว้เอง!
 
 
 
“นี่.. เมื่อก่อนนะบ้านกูมีปัญหาเรื่องเงิน กูเลยไม่ได้เรียนต่อ ม.ปลาย”
อยู่ๆเนียร์ก็พูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน.. ผมเลยวางมือถือลงแล้วหันไปมองหน้าเนียร์
 
“จำได้ว่าตอนนั้นกูไปสมัครทำงานพาสทาม.. แต่อายุกูไม่ถึง 18 เค้าให้กูทำแค่วันละ 4 ชั่วโมง
แต่เงินมันไม่พออยู่ดีนั้นแหละ กูเลยอ้อนจนเจ้าของร้านยอมให้กูทำงาน 8 ชั่วโมง แต่ต้องทำงานกะดึก
ตอนนั้นโคตรดีใจเลย... แต่พอเจอที่ทำงานกับสาขาที่กูต้องไปลงนะแทบอยากจะเปลี่ยนใจเลยละ”
 
 
“ทำไมวะ?”

ผมก็เริ่มสนใจเรื่องราวของเนียร์ขึ้นมา จนลืมเรื่องราวที่ตัวเองกังวลไปแล้ว
เพราะปกติเนียร์จะไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองเท่าไหร่
 
“จะไม่กลัวได้ไงละ ร้านที่กูไปขอทำงานเป็นร้านสะดวกซื้อเหมือนพวก 7-11 นี้แหละ
แต่ของกูนะได้ไปประจำสาขาในโรงพยาบาล และถ้ามันไม่ใช่สาขาที่อยู่ใต้ถุนโรงจอดรถ กูก็ไม่กลัวหรอกนะ”
 
“ห๊ะ... ใต้ที่จอดรถ ยังไงวะ”
 
“ก็ที่จอดรถประมาณ 3-4 ชั้นละมั้ง แต่ร้านของกูตั้งอยู่ชั้นล่างสุด มึงคิดดูสิมองไปทางไหนก็เห็นแต่รถจอดอยู่
แล้วแถวนั้นมีแสงไฟแค่ตามมุมเสา และมีร้านกูเปิดสว่างอยู่ที่เดียว และก็ในโรงพยาบาลอะมึงคิดดูนะว่ากูจะหลอนแค่ไหน”
 
“55555 แล้วไงต่อวะ? มึงทำอยู่กี่ปี”
 
“กูทำได้ 2 ปี ตั้งแต่เริ่มเรียน กศน. จนจบ กศน.ได้วุฒิ ม.ปลาย นั้นแหละ แล้วก็ที่นี้แหละที่ทำให้กูเจอหมอจ้าน”
 
“หื้อออ.. หมอจ้านเนี้ยนะ?”
 
“อืมมม เมื่อก่อนหมอจ้านไปทำงานที่โรงพยาบาลที่นั้น กูก็ไม่รู้จักหรอกว่าชื่อหมอจ้านอ่ะ ตอนนั้นกูนึกว่าหมอจ้านเป็นผีด้วยซ้ำไป มึงรู้ไหม.. หมอบ้าอะไรไม่รู้มาซื้อของเวลาตี 2 ประจำ แล้วมาแต่ละทีนะเดินเหมือนหุ่นยนต์ คือ เดินไปจุดๆเดิมทุกครั้งที่มาอ่ะ หยิบแต่อาหารเดิมๆ และควักแบงค์ร้อยเหมือนเดิมมาจ่าย ตอนแรกกูก็ว่ากูโดนแล้วแน่ๆ แต่หลังๆมาหมอจ้านเริ่มคุยกับกู ... กูเลยหายกลัวไปได้หน่อย”
 
“อ่ออ.. ที่มึงหึงพี่เจ้นท์กับกูในตอนแรก ก็เพราะคิดว่าเป็นหมอจ้านใช่ไหม?”

ภาพเก่าๆตอนที่เนียร์มันหึงและโวยวายใส่ผมก็ผุดขึ้นมา.. ถึงว่าละงี่เง่ามากเลย
 
“ไม่ได้หึงเว้ยยย ... วันที่หมอจ้านจะกลับกรุงเทพนะ ก็นัดกันแล้วว่ากูจะไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่กูโดนรถชนเลยไม่ได้ไปหา กูเลยไม่รู้ว่าหมอจ้านชื่อว่าอะไร กูเรียกแต่พี่หมอๆมาตลอด และหมอจ้านนี้แหละติวหนังสือให้กู จนกูสอบเข้ามหาลัยได้”
 
“แล้วตอนนี้มึงกับหมอจ้าน????”
 
“กูกับหมอจ้านคบกันอยู่ โคตรเหมือนฝันเลยละ แต่กูดีใจนะที่วันนี้กูได้ยืนข้างๆหมอจ้าน ถึงหมอจ้านจะไม่บอกว่ารักหรือรู้สึกยังไง กูก็ดีใจ... ที่กูได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งกับมัน ถ้านี้คือฝัน กูก็ยอมฝันต่อว่ะ”

มันเล่าเรื่องราวต่างๆออกมา เหมือนกันเรื่องเหล่านั้นเพิ่งผ่านไปได้ไม่ได้..
หน้าของเนียร์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม.. และบางครั้งก็เจือไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่ที่ตา
 
 
“นี้คือสิ่งที่กูไม่เคยบอกใคร.. ไม่ใช่ว่ากูไม่ไว้ใจมึงนะดิว แต่ที่ผ่านมากูแค่ไม่รู้ว่าหมอจ้านเค้าคิดยังไง และเค้าอยู่ที่ไหน กูเลยไม่ได้เล่าให้มึงฟัง อย่างที่มึงรู้.. เค้าเหมือนความฝันช่วงหนึ่งในชีวิตกู แต่ตอนนี้เค้ามีตัวตนจริงๆว่ะ กูเลยอยากเล่าให้มึงฟัง.. อยากให้มึงยินดีกับความสุขที่กูมีด้วย และถ้าวันหนึ่งกูต้องเสียใจ.. มึงก็จะปลอบกูใช่ไหม?”
 
“แน่นอนอยู่แล้วละนะ.. แต่ดูท่าแล้วหมอจ้านไม่ทิ้งมึงหรอก ห่วงมึงยิ่งกว่าอะไรอีก เตรียมเป็นซ้อใหญ่ของโรงพยาบาลได้แล้วมั้งงง”

ผมแกล้งพูดแหย่ให้เนียร์มันคลายวิตกกังวล แต่เนียร์ก็ทำได้แค่ยิ้มตอบกลับมา...
 
“มึงละ..อยากเล่าอะไรให้กูฟังบ้างหรือยัง?”
นั้นสิ.. ผมพร้อมจะเล่าเรื่องให้เนียร์ฟังหรือยังนะ?
เรื่องที่ผมพยายามจะลืมนั้น เรื่องที่ผมพยายามจะเก็บไว้ให้ลึกที่สุดในใจนั้น... มันถึงเวลาแล้วหรือยัง??
 
“รอให้เจ้นท์กลับมาก่อนได้ไหม? กูอยากให้เจ้นท์อยู่ข้างๆกู”
ผมตอบเนียร์กลับไป.. ซึ่งผมคิดว่าเนียร์เข้าใจความรู้สึกผมนะ เพราะเนียร์ไม่ได้คาดคั้นให้ผมต้องพูด
เนียร์ได้แต่ยิ้มตอบกลับมา และตบไหล่ผมเบาๆ
 
“งั้นกูขอนอนเล่นที่นี้ละกันนะ กลับไปก็เหงา ไอ้คนชอบกวนใจมันไปทำงาน”
 
“อืมม ถ้ามึงไม่ขอกูก็จะบังคับให้มึงอยู่กับกูเหมือนกัน”

ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในตอนนี้..
 
 
 





 
เนียร์นอนหลับไปแล้ว.. แต่ผมยังนอนคิดถึงเรื่องของรี่กับพี่ทิว
นึกถึงหวาน ... ไม่รู้ว่าอยู่ที่โน้นเป็นยังไงบ้าง?
น้ำเสียงที่หวานบอกว่า.. “ดิว.. ช่วยหวานด้วย”
 


ภาพในวันเก่าๆมันซ้อนขึ้นมา
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวานพูดคำนี้....
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากหวาน....
 


 
“ช่วยหวานด้วย”
 





 
“ช่วยทำให้หวานพ้นจากความทรมานนี้ด้วยนะดิว”
 




 
 
 
“อย่าทิ้งหวานนะ”
 
 
 

 
 
 

 






“หวานน!!!!!”
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของหวาน.. จนพล็อยหลับไป
แต่ก็ต้องตื่นมากับภาพเก่าๆ ภาพหวานที่มีแต่เลือดเต็มไปหมด
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมๆกับเรียกชื่อของคนที่ผมเป็นห่วงสุดหัวใจ
 
 
“ไม่เป็นไรนะดิว .. มันแค่ฝันร้ายนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว”
เสียงของเจ้นท์ และอ้อมกอดของเจ้นท์ที่ดึงผมเข้าไปกอด
นี้เจ้นท์จริงๆใช่ไหม?
ผมลืมตามองหน้าคนที่ยังกอดผมไว้แน่น... ใช่จริงๆด้วย
นี้คือเจ้นท์ .. กลิ่นหอมๆแบบนี้คือกลิ่นของเจ้นท์
อ้อนกอดที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเสมอ..
 
 
“กลับมาแล้วหรอ?”
ผมถามกลับไป ..แต่ก็ยังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้นท์เหมือนเดิม
แปลกนะ.. อ้อมกอด และสัมผัสของคนๆนี้ คนที่ผมเกลียดทำไมมันถึงรู้สึกดีขนาดนี้วะ?
ตอนนี้มันกลายมาเป็นอ้อมกอดที่ผมต้องการ... และผมก็อยากให้มันเป็นของผมแบบนี้ตลอดไป
 
“อืมม กลับมาสักพักแล้วละ เมื่อกี้แวะไปดูรี่มาด้วย อาการดีขึ้นแล้วนะ อีกวันสองวันก็คงออกมานอนพักห้องพิเศษได้แล้ว”
 
“จริงหรอ? แล้วตอนนี้ไปเยี่ยมได้ไหม?”

ผมรีบเงยหน้าไปมองหน้าหล่อๆของเจ้นท์ทันที
เจ้นท์ยิ้มกลับมา ก่อนจะก้มลงมาหอมที่หน้าผากผมเบาๆ สัมผัสเล็กๆนี้กลับส่งผลให้ใจผมเต้นแรง
 
“พรุ่งนี้เช้าพี่พาไปนะ ตอนนี้นอนก่อนเนอะ พี่ง่วงมากเลย”
 
“อืมมได้”

ผมรีบล้มตัวนอนลงทันที...  ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็อายอะไรหรอกนะครับ
แต่เพราะมือของไอ้พี่เจ้นท์ที่ตอนแรกก็โอบกอดผมอยู่ดีๆนี้แหละ
มันเริ่มสอดเข้ามาซุกซนใต้เสื้อนอนของผมต่างหากละ
 
“พอแล้ว... จะนอนด้วยกันหรือจะไปนอนข้างนอก”
ผมส่งเสียงดุๆกลับไป แต่มือจอมซนก็ไม่ได้หยุดลูบไล้ผิวกายของผม
เครื่องปรับอากาศที่ทำให้หนาวจนแทบจะต้องห่มผ้านวม.. ไม่ได้ทำให้ความร้อนในกายลดลงเลย
ทุกๆสัมผัสที่เจ้นท์เลื่อนมือผ่านไป.. มันร้อนผ่านและเหมือนมันจะเรียกร้องให้มือนั้น
สัมผัสของเจ้นท์กลับมาสัมผัสมันอีกรอบ
 
“แค่จับเอง..ไม่ได้ทำไรซะหน่อย”
เสียงกระเส่าของคนข้างๆ ก้มลงมากระซิบที่หูของผม
โอ้ยยย.. มันชวนให้ใจเต้นแรงเว้ยยไอ้พี่เจ้นท์!!
นี้ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี้ยที่ยอมมานอนข้างๆไอ้บ้าหื่นกามแบบพี่เจ้นท์เนี้ย!!
 
“จับได้ไม่ว่า.. แต่อย่าเอามันมาดุดหลังได้ไหม ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยละค่อยมานอนป่ะ!!”
และสุดท้ายหลังจากพี่เจ้นท์มันแทะเล็มตัวผมจนพอใจแล้วก็ลุกหายเข้าไปจัดการตัวเอง
ก่อนจะกลับมานอนข้างๆผม
 



“รักนะรู้ไหม?”
บ้าบอนะ!!!
พรุ่งนี้คงต้องบอกเจ้นท์ให้เค้ามาซ่อมแอร์แล้วละ.. ทำไมยิ่งนอนยิ่งร้อนแบบนี้ก็ไม่รู้!
 
 
 






“เดี๋ยวไปดูเคส VIP เสร็จจะกลับมาหานะ”
เสียงเจ้นท์กับหมอจ้านบอกผมกับเนียร์ ที่ตอนนี้มายืนเฝ้ารี่ที่ห้อง ICU

“รีบไปเถอะนะ พวกผมไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย”

เนียร์ปัดมือของหมอจ้านที่ขยี้ผมออก ส่วนพี่เจ้นท์กำลังหันไปสั่งพยาบาลให้เช็คผมเลือด และผลตรวจต่างๆของรี่
 
“โอเค..เดี๋ยวมารับไปกินมื้อเช้ารอแป๊บนะ”
เจ้นท์พูดจบก็ชวนหมอจ้านไปดูเคส VIP
ซึ่งพอหมอทั้ง 2 คนเดินออกไปแล้ว ผมกับเนียร์ก็เดินไปยืนข้างๆเตียงของรี่
ที่ตอนนี้รี่เองเริ่มจะลืมตาได้แล้ว แต่ยังพูดตอบโต้อะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองตาพวกผมทั้งสองคน
 
“เดี๋ยวมึงหายนะ กูให้พูดทั้งวันเลย”
รี่มองหน้าผมก่อนจะร้องไห้ออกมา.. ผมรีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้รี่
จนลืมไปว่า.. ต้องใช้ผ้าสะอาดเช็ด
 
“ไม่เอาดิวะ.. รี่จอมถึกของกูไม่ร้องไห้ง่ายๆนะเว้ย”
ตอนนี้เนียร์มันยื่นผ้าสะอาดๆมาให้ผม ซึ่งมันไปขอจากพยาบาลมา
 
“กูจะอยู่รอจนมึงหายดีแล้ว และเล่าทุกอย่างให้กูฟัง”
รี่พยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผม
แต่ด้วยเพราะสายต่างๆที่ยังระโยงระยางอยู่กับตัวรี่ เลยทำให้รี่ขยับตัวลำบาก
 
“แล้วก็.. กูจะดูแลตัวเอง จะอยู่ใกล้ๆกับสามีของกูตลอด ดีไหม?”
พอผมพูดคำว่า สามี แบบที่รี่ชอบเรียกพี่เจ้นท์ ก็ทำให้รี่ส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม
ผมยืนอยู่กับรี่จนรี่หลับไป เลยตัดสินใจออกมารอหมอจ้านกับพี่เจ้นท์ที่หน้าห้อง ICU
 
“ทำไมเราต้องรอ 2 คนนั้นด้วยว่ะ กูหิวแล้วนะเว้ยย”
เสียงเนียร์บ่นออกมา ก่อนที่ผมจะก้มดูนาฬิกาก็เห็นว่ามันจะปาเข้าไป 10 โมงเช้าแล้ว
แต่ผมยังไม่ได้ทานมื้อเช้าเลย และมื้อเย็นเมื่อวานผมก็ไม่ได้ทาน
เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมาทันที... แหม่ ไอ้ท้องบ้างตั้งนานไม่ร้องน่ะ
พอก้มมองเวลาหน่อยละก็ประท้วงกันทันทีเลยน่ะ!!
 
“งั้นเราลงไปรอที่ร้านอาหารข้างล่างกัน อยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้คงไม่โดนบ่นหรอกนะ”
เนียร์รีบพยักหน้าทันที ก่อนจะหยิบมือถือมาส่งข้อความบอกหมอจ้าน
 
ถึงจะเอาตัวเองมาอยู่แต่ในโรงพยาบาล เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด
แต่อีกไม่กี่วัน มหาวิทยาลัยของพวกผมก็จะเปิดแล้ว เราจะปลอดภัยตลอดไปจริงๆงั้นหรอ?
 
 
ผมนั่งทานข้าวไปด้วย และก็เริ่มคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี
เพราะตอนเรียนก็ต้องแยกกับพี่เจ้นท์.. มันก็ต้องไปเรียนของมันเหมือนกัน
แล้วผมก็จะมานอนอยู่โรงพยาบาลทุกวันแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแล้วละ...
ถึงจะสะดวกสบาย.. แต่โรงพยาบาลนะครับยังไงมันก็รู้สึกแย่อยู่ดีละน๊า
ผมไม่ชอบกลิ่นยา ไม่ชอบกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ....
เมื่อเช้าก็บอกกับเจ้นท์ไปแล้ว แต่ไอ้คนหื่นแบบมันก็บอกกลับมาแค่ว่า..
 


“เอานะมีผัวเป็นหมอ ต้องชินเข้าไว้”
หื้มมม.. ได้กันแค่ครั้งเดียวไหม?
ทวงสิทธิ์สามีเหลือเกินเนอะ!!!!
 
 
 
 
ผมกับเนียร์นั่งทานข้าวด้วยกันไปได้สักพัก.. คุณหมอทั้ง 2 คนก็ตามมานั่งด้วย
ตอนแรกเจ้นท์ทำท่าจะบ่นที่ผมมาทานข้าวก่อน แต่หมอจ้านก็ช่วยพูดให้เจ้นท์เลิกด่าผม
อะไรกันวะ? คนมันหิวนะเว้ยย จะให้รอตลอดได้ไง
นี้มันโรงพยาบาล มันถิ่นของตัวเองแท้ๆ ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง
 
 
 
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เราก็ชวนกันมานั่งกินกาแฟกันที่ร้านกาแฟ
ซึ่งหมอจ้านก็ยังไปสั่งเมนูยาวๆของแกนั้นแหละ ส่วนเจ้นท์นั้นบอกแค่ว่าเอาเหมือนจ้าน
นี้.. ถ้าผมต้องไปซื้อกาแฟให้เจ้นท์กินผมต้องท่องจำไอ้เมนูนี้ให้ได้ใช่ไหม?
หื้ออ กินยากขนาดนี้กลับไปกินกาแฟโบราณเถอะ รสชาติไม่ได้ต่างกันเลยนะจริงๆ
 
 
ระหว่างที่เจ้นท์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา
ผมหันไปมองหน้าเจ้นท์นิดหน่อย ก่อนจะก้มลงมากินเค้กกับเนียร์ต่อ
 
“หื้มม มีญาติของรี่มาขอเยี่ยมหรอ? เดี๋ยวก่อนนะ”
เจ้นท์เอาโทรศัพท์ออกจากหน้า แล้วหันมามองหน้าผม
ก่อนจะถามคำถามที่ชวนให้ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง
 
 
“ดิวโทรบอกบ้านรี่แล้วหรอว่ารี่เข้าโรงพยาบาล?”
บ้านะ!! ก็เจ้นท์บอกเองว่าจะโทรบอกบ้านรี่ ผมเลยไม่ได้โทร
ตอนนี้ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มละครับ ไม่รู้ว่าคนที่มาเยี่ยมรีเป็นใคร
มาดีหรือมาร้าย? หรือจะเป็นพี่ทิว?
 
 
“มะ ไม่ ไม่ได้บอกน่ะ”
ผมพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหน้าห้อง ICU ทันที
จะมัวมารอลิฟท์ก็ไม่ทันใจ ผมเลยวิ่งขึ้นบันไดมาชั้น 4 ที่เป็นห้อง ICU
ซึ่งเจ้นท์ก็วิ่งตามผมขึ้นมาเหมือนกัน
 
“ใครมาขอเยี่ยมเพื่อนผมครับ?”
ผมรีบไปถามพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าห้อง ICU ทันที
 
“เค้าบอกว่าชื่อคุณกันตพิชญ์ เป็นเพื่อนสนิทของคุณรี่นะคะ”




กันตพิชญ์
นั้นมันชื่อผม?




 
“เจ้นท์.. ไม่ใช่นะ นั้นมันชื่อดิว เจ้นท์..”
เจ้นท์รีบเข้าไปสอบถามเรื่องราวกับพยาบาลทันที.. ส่วนตัวผมนั้นเนียร์เดินเข้ามากอดผมไว้
 



ใครกัน?



 
ใครที่อ้างชื่อของผม?

 



 
“ว่าไงบ้าง?”
หมอจ้านถามเจ้นท์ทันทีที่เจ้นท์เดินเข้ามาดึงตัวผมจากเนียร์เข้าไปกอด
 
“พยาบาลไม่ได้ให้เข้าไปเยี่ยม เพราะเราสั่งห้ามไว้ มันมาแค่ถามอาการเฉยๆ”
 
“อืมม สงสัยต้องเพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยแล้วล่ะ งั้นมึงพาเนียร์กับดิวไปพัก กูจะไปดูกล้องวงจรปิดเอง”
 
“โอเคแล้วไงไปเจอกันที่ห้องกู”
 
“อืม”

หมอจ้านหันไปมองเนียร์เล็กน้อย ก่อนจะเดินลงไปจัดการตามที่บอก
ส่วนเจ้นท์ก็พาผมกับเนียร์ขึ้นมาพักบนห้อง


 
“ดิว.. พี่จะยังไม่ถามนะว่าดิว กับรี่ หรือเมื่อก่อนดิวเคยทำอะไรมาก่อน
ตอนนี้พี่จะให้ดิวพัก แล้วเดี๋ยวเรามานั่งคุยกัน รู้ใช่ไหม? ว่าทุกๆคำที่ดิวเล่ามันจะช่วยตัวดิว
และคนรอบข้างได้”
 
“อืม”

ตอนนี้ผมอยากให้เจ้นท์ถาม .. ผมอยากจะเล่าให้เจ้นท์ฟัง
ว่าเมื่อก่อนผมเป็นยังไง?
แล้วเจ้นท์ละ... วันนี้เจ้นท์บอกว่าเจ้นท์รักผม
ถ้าเจ้นท์ได้รู้เรื่องราวที่ผมเคยทำ.. เจ้นท์จะยังรักผมไหม?
 



 
 
ผมไม่ได้นอนพักแบบที่เจ้นท์สั่ง ผมเพียงแค่กลับเข้าไปอาบน้ำและออกมานั่งกับเนียร์ข้างนอก
ส่วนเจ้นท์มีเคสด่วนของ VIP ที่อาการผ่าตัดเมื่อวานไม่ค่อยดี เลยต้องลงไปดู
 
 
 


เนียร์หยิบมือถือมาดูการ์ตูนโคนัน ไม่ได้ถามอะไรผมออกมา ซึ่งผมรู้ว่าเจ้นท์คงสั่งให้เนียร์ไม่ให้มาคาดคั้นอะไรกับผมแน่ๆ
ผมก็เลยหยิบมือถือมากดโทรหาหวาน แต่ก็ยังเป็นระบบฝากข้อความเหมือนเดิม
เรานั่งกันเงียบๆ สนใจแต่มือถือของตัวเอง จนโทรศัพท์ห้องของเจ้นท์ดังนั้นแหละ
ผมกับเนียร์เลยมองหน้ากัน...
 
 
“กูรับเอง”
 ผมเป็นฝ่ายบอกเนียร์ แล้วลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของเจ้นท์มารับ
 
 

“สวัสดีครับ”
 
[ คุณดิวใช่ไหมค่ะ ฉันพยาบาลสิรีนะคะ โทรมาจากห้อง ICU ค่ะ
พอดีคุณรี่ฟื้นแล้ว และบอกว่าอยากคุยกับคุณดิว ไม่ทราบว่าคุณดิวสะดวกลงมาหาคุณรี่ไหมค่ะ? ]
 
“สะดวกครับ จะไปเดี๋ยวนี้ละครับ”

ผมรีบวิ่งมาหาเนียร์ ก่อนจะบอกเนียร์แบบรีบๆ
 


“เดี๋ยวกูไป ICU แป๊บ ถ้าเจ้นท์มาบอกว่ากูจะรีบขึ้นมาน่ะ “
เนียร์ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร ผมก็วิ่งออกจากห้องพักของเจ้นท์แล้วกดลิฟท์ลงมาหน้าห้อง ICU ทันที
 



 
แต่เพราะความรีบร้อนของผม ทำให้ผมลืมหยิบมือถือออกมา
และทำให้ผมลืมสังเกตไปว่า...
ลิฟท์ตัวที่ผมกดนั้น มีคนๆหนึ่งอยู่ในลิฟท์ด้วย
แต่ถ้าจำไม่ผิด... ชั้นนี้เป็นชั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหารและ VIP ไม่มีใครขึ้นมาบนนี้
แล้ว......
 



ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร..
ชายคนนั้นก็ดึงผมเข้าไปจนผมเซเข้าไปปะทะกับอก
และเสียงที่คุ้นหูแบบนี้...
 
 



“หึ... เจอกันจนได้นะครับน้องดิว”


------------------------------------


ดิวไม่ระวังตัวเองเลยเนอะ.. น่าให้พี่เจ้นท์จับตีซะให้เข็ด
วันนี้เอา #เจ้นท์ดิว มาส่งแล้วนะคะ
เดี๋ยวมาอัพอีกทีวันเสาร์น๊า : )


ฝากหนุ่มๆเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
แล้วก็... ฝาก #พี่เจน้องแฟรงค์ จาก #mytutor
และ #ไม้ฉากปั้นสิบ จาก #closefriends ด้วยนะค่าาา
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -15||27-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 27-10-2016 16:33:00
อ่านไปอ่านมา เนื้อเรื่องอืดไปป่าวค่ะ แบบจะคุยไรกัน ก็ไม่ได้คุยซะที ยืดซ่ะ คนอ่านอาจใจร้อนไปหน่อย ขออภัยนะค๊าา รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -15||27-10-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 27-10-2016 16:54:25
อ่านไปอ่านมา เนื้อเรื่องอืดไปป่าวค่ะ แบบจะคุยไรกัน ก็ไม่ได้คุยซะที ยืดซ่ะ คนอ่านอาจใจร้อนไปหน่อย ขออภัยนะค๊าา รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์จ๊า :)
จริงๆเนื้อเรื่องเดาง่ายจ๊า เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วจ๊ะ
เรื่องนี้ไม่ยาวแบบเรื่องที่เคยแต่งมาจ๊ะ
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -16||1-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 01-11-2016 16:04:12
[เจ้นท์] - Chapter 16











“อะไรนะ!! ดิวลงไป ICU เกือบชั่วโมงแล้วงั้นหรอ?”
ทันทีที่ผมขึ้นมาบนห้องทำงาน สายตาก็เห็นถึงความผิดปกติทันที
ก็เจ้าตัวแสบของผมนะสิ..ไม่ได้อยู่ในห้อง ตอนแรกคิดว่านอนในห้องนอน
แต่พอเดินเข้าไปดูกลับไม่เจออะไรเลย.. ออกมาถามเนียร์ที่นั่งดูการ์ตูนโคนันอยู่ถึงได้รู้ว่าดิวออกไปข้างนอก
 
“เห็นว่าเจ้าหน้าที่ห้อง ICU โทรขึ้นมาตามละมั้งเท่าที่เนียร์ได้ยินนะ เพราะดิวไม่ได้บอกว่าอะไร
บอกแค่เดี๋ยวมาแค่นั้นเอง”

 
พอเนียร์พูดจบ ..  ผมรีบต่อสายลงไปห้อง ICU ทันที..
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่ได้โทรขึ้นมาบนห้องทำงานผมแน่นอน
และไม่มีใครรู้ว่าดิวมาพักที่ห้องของผม.. แล้วมันใครวะ?
 
ผมกำลังนั่งคิดว่าจะตามหาดิวได้ยังไง.. ไอ้จ้านก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของผม
ซึ่งมันไม่ได้มองหน้าเนียร์หรือเข้าไปแหย่แบบทุกที มันเดินมาโยนกระดาษและรูปถ่ายบนโต๊ะทำงานผม
 
“รูปจากกล้องวงจรปิด  กูจำได้ว่านั้นเพื่อนมึงที่ชื่อทิว แต่อีก 2 คนนั้นกูไม่รู้จักชื่อ
แต่รถคันนี้คือรถที่ตามพวกมึงไปที่คอนโดของดิว”

พวกมันตามมาจนถึงโรงพยาบาล?
เห้ยย... งั้นแปลว่าที่ดิวหายไปก็อาจจะเป็นเพราะพวกมัน!!
 
“จ้านๆ มึงโทรไปห้องควบคุมกล้องดิว่าเห็นดิวไหม ให้เช็คจากกล้องชั้น VIP”
 
“มึงอย่าบอกนะว่าดิวหายไปอะไอ้เจ้นท์”

พอผมพยักหน้าตอบกลับไป... จ้านถึงกับส่ายหน้าและสบถด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด
 
“นี้กูเป็นหมอนะ ไม่ใช่นักสืบ ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้วะเนี้ย!!!”
 
“หมอจ้านเกิดอะไรขึ้นครับ ดิวหายไปงั้นหรอ?”

เนียร์ที่พอจะรู้แล้วว่าเพื่อนตัวเองหายไป ก็ทิ้งโคนันที่นั่งดูอยู่นานแล้วตามมาดูรูปถ่ายบนโต๊ะทันที
 
“เอานะ.. มึงโทรไปขอภาพวงจรปิดมา ส่วนกูคงต้องโทรไปทักทายเพื่อนสนิทกูหน่อยแล้วละ”
พอพูดจบผมก็ต่อสายไปหาทิว.. เพื่อนสนิทของผมทันที
 
รอสายไม่นาน.. ทิวก็กดรับสาย
 
[ น่าแปลกนะที่มึงโทรมาหากูได้ ]
เสียงของทิวตอบกลับมา.. แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมอคติไปเองไหม?
ถึงรู้สึกได้ว่าเสียงมันดูเย้ยหยันแปลกๆ
 
“มึงอยู่ไหน” ผมเองก็พยายามคุมเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด ถึงแม้ในใจตอนนี้โคตรจะร้อนรนเลยก็ตาม
 
[ กูก็บอกกับพวกไอ้โต้ไปแล้วว่ากูจะกลับบ้านต่างจังหวัด แต่เอ๊ะ..นี้มึงเป็นพ่อกูหรอ
กูถึงต้องรายงานมึง ]

 
อดทนไว้... เจ้นท์อดทนไว้...
ผมพยายามบอกกับตัวเองในใจ
 
“แล้วมึงจะกลับวันไหน .. เห็นดิวบอกว่าติดต่อรี่ไม่ได้ มึงติดต่อรี่ได้ไหม?”
 
[ หึหึ.. เห้ออ    ตอนแรกกูก็อยากเล่นกับพวกมึงต่อนั้นแหละนะแต่กูไม่มีเวลาจริงๆ
เข้าเรื่องเลยดีกว่าไหมวะหมอเจ้นท์ ]

ตอนที่ทิวเรียกผมว่าหมอเจ้นท์.. ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวผมเย็นวาบไปทั้งตัว
สิ่งที่ผมคิดไว้.. มันคงไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?
 
“ดิวอยู่ไหน”
กว่าจะเค้นคำพูดนี้ออกจากปากตัวเองได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน
 
[ น้องดิวก็อยู่กับกูนี้แหละ ทำไมวะ? กูอยากเจอน้องชายสุดที่รักของกูบ้างไม่ได้หรือไง? ]
 
“แล้วทำไมดิวไม่บอกกูว่าไปกับมึง”
 
[ จริงๆมึงต้องขอบใจกูนะที่ทำให้มึงได้เป็นผัวน้องดิว แต่เอาไงดีละ.. ขาวๆแบบน้องดิว
มึงควรแบ่งเพื่อนได้ชื่นชมบ้างสิวะ ]

ตอนนี้คำว่า อดทน อดทน ที่ผมบอกตัวเองได้สิ้นสุดลงแล้วละครับ
ผมว่าผมรู้แล้วละ.. ว่าคนที่เล่นเกมส์กับพวกผมแต่แรกมันคือใคร?
 
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะทิว.. พ่อของดิวก็ส่งมึงเรียนไม่ใช่หรอ? รี่ก็เป็นแฟนมึง
ทำไมมึงถึงทำร้ายรี่ ทำร้ายดิวแบบนี้วะ?”
 
[ มึงไม่เคยรู้อะไรไงมึงถึงพูดได้ .. เอาเป็นว่ากูฝากแฟนสุดที่รักของกูไว้กับมึงก่อนละกันนะ
ส่วนเมีย เอ๊ะ.. หรือว่าคู่ขาของมึงวะ.... มึงให้น้องดิวเป็นอะไรกับมึงวะเจ้นท์ ]
 
“มึงอย่ายุ่งกับดิว!!! มึงอยากได้อะไรบอกกูดิวะ”
 
[ โอ๊ะ.. โกรธขนาดนี้คงสำคัญกว่าคู่ขาคู่นอนสินะ ชักอยากรู้แล้วสิน้องดิวแม่งเด็ดแค่ไหน ถึงทำให้คนอย่างพี่เจ้นท์   ติดอกติดใจได้ขนาดนี้ ]
 
“ไอ้ทิว!! มึงอย่าทำอะไรดิวนะเว้ยย มึงอยากได้อะไรบอกกู ... กูขอร้องละทิว อย่าทำอะไรดิวนะ”
 
[ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของกูกับดิว.. ต่อให้มึงขอร้องแค่ไหนกูคงทำให้มึงไม่ได้หรอก เห้ออ เสียเวลากับมึงมานานละ  น้องดิวนอนรอกูด้วย เอาเป็นว่ารอดูคลิปน้องดิวสุดที่รักของมึงละกัน ว่าบทบาทบนเตียงมันดีเท่ากับตอนนอนกับมึงหรือป่าว? ]

 




ติ๊ด!!
 
 




หลังจากทิวพูดจบมันก็กดวางสายทันที....
ทำไมวะ? ทำไมทิวถึงโกรธดิวและจะทำร้ายดิวขนาดนี้
ไหนรี่กับดิวเคยเล่าว่า.. บ้านของดิวส่งเสียทิวเรียนไง? ทำไมต้องทำร้าย และทำลายดิวด้วยว่ะ!!



 
“เป็นไงบ้างพี่.. พี่ทิวว่าไงบ้าง” เนียร์เดินเข้ามาเขย่าแขนผม
 
“ดิวอยู่กับทิวจริงๆ เนียร์พอรู้เรื่องของทิวกับดิวบ้างไหม?”
ผมกลับไปถามเนียร์.. แต่เนียร์ก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับมา
 
“ผมไม่รู้อะไรเลยพี่ ผมรู้แค่รี่กับพี่ทิวเป็นแฟนกัน และที่เหลือผมคิดว่าผมก็รู้เท่าๆกับพี่เจ้นท์รู้นั้นแหละครับ”
 
เห้อออ.. ไอ้เด็กบ้า!!
ทำไมมีเรื่องราวอะไรแล้วไม่รู้จักเล่าวะ!!!
 
“ไอ้เจ้นท์.. กูได้เรื่องมาแล้ว รีบไปกันเถอะเดี๋ยวช่วยดิวไม่ทัน”
ไอ้จ้านเดินเข้ามาในห้องก่อนจะจูงแขนเนียร์ และเรียกให้ผมเดินตามมันออกไปข้างนอก
ในตอนนี้ผมไม่ถามอะไรมันให้มากความครับ เดินตามมันไปก่อนดีที่สุด
เพราะไอ้จ้าน หรือหมอจ้านที่ใครต่อใครเห็นว่าเป็นหมอแสนดีนี้แหละ
จริงๆเบื้องลึกของมัน.. มันโคตรมาเฟียชัดๆ
ขนาดพี่ชาญที่เป็นเจ้าพ่อคุมร้านเหล้า คุมบ่อน ยังต้องยอมไอ้จ้านเลย
 
พอขึ้นมาในรถตู้ ที่คนของจ้านติดเครื่องรอไว้แล้วนั้น
ไอ้จ้านก็โยนซองน้ำตาลให้ผมทันที
ตอนนี้ผมโคตรหลอนไอ้ซองน้ำตาลนี้สุดๆเลยครับ  - -‘
 

“คนของกูคุมตัวหวาน เมียของไอ้ดิวไว้ได้ หวานเพิ่งลงเครื่องเมื่อตอนสายๆของวันนี้
ตอนนี้กูให้คนพาไปไว้ที่บ้านลับ ส่วนไอ้ทิวเพื่อนมึงอะ อยู่ที่คอนโดของดิว .. คนของกูที่เฝ้าอยู่ที่คอนโดของดิวรายงานมา ว่าไอ้ทิวพาดิวเข้าคอนโดไปเมื่อตอนชั่วโมงที่แล้ว เดินเข้าไปปกติที่หน้าคอนโดเลย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ลงมา”
 
“กูปวดหัววะ นี้มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ”

ผมนั่งดูรูปถ่ายในมือที่เป็นทั้งรูปของดิวกับทิว และรูปของหวานที่สนามบิน
ทำไมชีวิตดิวแม่ง.... มีแต่เรื่องอะไรซับซ้อนขนาดนี้วะ!!!
 
“เอาไว้ถามหวานดูสิ .. กูว่าคนๆนี้น่าจะกุมเรื่องราวต่างๆไว้เยอะ
และน่าจะเยอะกว่าที่ไอ้ดิวเด็กของมึงรู้ด้วย”

ผมนั่งคิดอะไรเงียบๆไปตลอดทางที่รถตู้ของไอ้จ้านพาเราไปยังบ้านลับ
ซึ่งบ้านลับ.. คือบ้านที่ไอ้จ้านซื้อไว้ให้คนของมันอยู่
พ่อผมเรียกบ้านลับของไอ้จ้านว่า รังโจร ครับ
(ซึ่งเรื่องราวของจ้านกับเนียร์ ... แยกออกไปเป็นเรื่องสั้นๆอีกเรื่องนะคะ)
 
นั่งรถต่อไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านลับของไอ้จ้าน
แต่ไอ้ครึ่งชั่วโมงนี้ใจผมโคตรร้อนรน.. เป็นห่วงดิว กลัวไอ้บ้าทิวมันทำร้ายดิว
 
“หวานอยู่ข้างในห้องตรงใต้บันได เดี๋ยวกูพาเนียร์ไปรอบนห้องกูก่อน แล้วไงกูตามเข้าไป”
จ้านพูดจบก็แยกตัวพาเนียร์เดินขึ้นไปบนห้อง ซึ่งผมว่าเนียร์ทำตัวได้เหมาะกับไอ้จ้านสุดๆ
เพราะเนียร์ไม่ถามอะไรให้วุ่นวาย จ้านบอกให้ทำไงเนียร์ก็ทำตาม
ลองให้เปลี่ยนกันดูสิ.. ให้ดิวมาอยู่ในตอนนี้ รับรองเลยดิวต้องโวยวายที่ผมไม่พามันไปด้วย
และต้องถามทุกอย่างจนผมรำคาญใจแน่ๆ ..  แต่ตอนนี้ผมยอมรำคาญใจนะแค่ขอให้ดิวอยู่ข้างๆผมก็พอ
 


ผมยืนตั้งสติตัวเองแป๊บหนึ่ง.. ก็เดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องที่จ้านบอก
คนคุมประตูเห็นผมก็ยกมือไหว้ ก่อนจะเปิดประตูห้องให้ผมเข้าไป
ทันทีที่ประตูห้องเปิด เสียงของหวานก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
 



 
“พาไปหาดิวหน่อยได้ไหม?”
หวานไม่มีทีท่าหวาดกลัว.. ผิดกันกับที่ผมคิดไว้สุดๆ
เพราะตอนนี้หวานนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟา และจ้องมองมาที่ผม
 
“คุยกันก่อนได้ไหม?” ผมพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดที่มีตอนนี้ แล้วไปนั่งโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกับหวาน
 
“เอาไว้ฟังพร้อมกันไม่ได้หรอ? ถ้าไปช้ากว่านี้ไอ้เลวนั้นอาจจะทำร้ายดิวก็ได้”
 
“ไอ้เลวที่หวานพูด.. ใช่ทิวหรือเปล่า?”
 
“มีอยู่คนเดียวนั้นแหละ! ถ้าอยากช่วยดิว ก็รีบปล่อยตัวฉันได้แล้ว”

เอาไงดีวะกู? จะเชื่อคนๆนี้ได้มากน้อยแค่ไหนกันวะ?
ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าควรเอาไงนั้น ไอ้จ้านก็เปิดประตูเข้ามา
และทรุดลงนั่งโซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่
 
“เราปล่อยเธอไปก็ได้ แต่ขอให้เธอใส่ต่างหูอันนี้ได้ไหม?”
หวานมองต่างหูที่จ้านยื่นให้ ก่อนจะรับมาแล้วเปลี่ยนกับต่างหูทองของตัวเองทันที
 
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ดิวไม่อยากพูดถึง
และต่อให้เรื่องมันจบลงยังไงก็ตาม... ฉันคงให้ดิวกับนายไม่ได้
เพราะดิวเป็นของฉัน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  ฉันไม่มีวันปล่อยดิวให้นายแน่ๆ”

หวานจ้องตาของผม... ก่อนจะย้ำคำว่าดิวเป็นของฉันซ้ำๆ
ผมรู้.... ว่า  ดิวเป็นของหวาน
ผมรู้มาตลอด... และดิวก็ย้ำมาตลอดเช่นกัน!
 
“อืมม ขอให้ช่วยดิวจากไอ้ทิวได้ก่อนเถอะ.... ผมรับปากว่าผมจะคืนดิวให้ และจะไม่ไปวุ่นวายกับดิวอีกแน่นอน”
ทันทีที่ผมรับปาก หวานก็ลุกขึ้นยืน พร้อมๆกับบอกกับจ้าน

“ฉันพร้อมแล้ว”
 

จ้านมองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะพาหวานเดินออกจากห้องไป
ผมรีบเดินตามจ้านกับหวานออกมาขึ้นรถตู้อีกครั้ง
และครั้งนี้.. ใจผมเต้นแรงกว่าทุกครั้ง
เพราะรถตู้คันนี้... กำลังไปหาดิวที่คอนโด!!
 



ผมไม่ได้กลัวที่จะรู้ความจริงที่ดิวอยากปิดซ่อนไว้
ผมไม่ได้กลัวว่าดิวจะไปกับหวานแล้วไม่กลับมาให้ผมเจอ
ผมกลัวแค่ว่า..ดิวจะอันตราย ดิวจะเจ็บปวดจากการกระทำของทิวแค่นั้นเอง.....
 

 


ตั้งแต่ขึ้นรถตู้มา.. จ้านก็เช็คหูฟัง เช็คอุปกรณ์บนรถที่ลูกน้องมันจัดไว้รออยู่แล้ว
ก่อนจะส่งหูฟังมาให้ผม 1 อัน
 

“เดี๋ยวส่งเราลงข้างหน้านะ เราจะนั่ง taxi เข้าไปเอง คนของทิวมีอยู่แค่ 4 คน ตอนนี้คงอยู่แถวคอนโดนั้นแหละ”
หวานบอกกับจ้าน ก่อนจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์มือถือคืนจากลูกน้องของจ้าน
 
“ทำไมคนมันน้อยจัง นึกว่ามันจะมีคนเยอะกว่านี้ซะอีก”
จ้านบ่นออกมาเบาๆ เดี๋ยวก่อนนะจ้านเมื่อกี้กูเห็นมึงทำหน้าเซ็งๆ
มึงจะมาเซ็งอะไรกับแค่เค้ามีคนน้อยวะ!!!
น้อยๆแหละดีแล้วเว้ยย!!!
 
“เพราะทิวมันไม่ชอบใช้กำลังยังไงละ ไอ้ทิวมันชอบใช้ความไว้ใจของคน... เพื่อทำร้ายคนอื่น
แต่มันคงไม่รู้ตัวหรอกว่าที่มันทำไปทั้งหมด.. มันก็ทำร้ายตัวมันเองเหมือนกัน”

หวานพูดจบก็กดโทรศัพท์ไปหาใครสักคน.. ซึ่งก็น่าจะเป็นทิว
 
“กำลังนั่ง taxi ไปที่คอนโด.... ดิวละ?  อืมม อย่าลืมที่สัญญากันไว้
โอเคกำลังไปไม่เกิน 10 นาที ให้คนลงมารับด้วย”

ผมไม่รู้เลยว่าไอ้ทิวพูดว่ายังไงบ้าง.. แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าหวานกับทิวคงมีสัญญาอะไรกันไว้
ซึ่งมันคงเกี่ยวกับความปลอดภัยของดิว
 
 
 
รถตู้มาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งตามที่หวานบอก...
หวานหันมามองผมกับจ้านเล็กน้อย
 
“ขอเวลาแค่ 45 นาที... ถ้าเห็นว่ามันนานกว่านี้ช่วยตามเข้าไปช่วยดิวด้วยนะ”
 
“นี้เดี๋ยวก่อนสิ... ทำไมให้ช่วยแค่ดิวละ เธอไม่กลัวอะไรเลยหรือไง?”

จ้านเป็นฝ่ายถามหวานกลับไป.. แต่หวานแค่ยกยิ้มกลับมาให้แล้วลงจากรถไป
หวานเป็นคนสวยจริงๆครับ... สวยจนชนิดที่ว่าถ้าผมเจอข้างนอกหรือเจอที่ร้านเหล้า
ผมก็จีบและต้องหิ้วกลับไปกกไปกอดให้ได้แน่ๆ
 
 
ตอนนี้หวานเรียก Taxi ได้แล้วและก็บอกสถานที่ปลายทางเป็นคอนโดของดิว
รถตู้ของพวกผมทิ้งระยะเล็กน้อย... ก่อนจะตามๆไปจนเข้าเขตคอนโดของดิว
ซึ่งใจผมก็กลัวคนของทิวมาเห็น... แต่หวานก็บอกไว้แล้วว่ามีแค่ 4 คน ซึ่งน่าจะอยู่ข้างล่างไม่กี่คนหรอกนะ
 
ผมได้ยินเสียงหวานปิดประตูรถ taxi ก่อนจะได้ยินคนของทิวทักทายหวานเล็กน้อยและพาหวานขึ้นไปบนห้อง
 
“เครื่องดักฟังของมึง นี้มันระบบอะไรวะ ทำไมได้ยินชัดขนาดนี้”
ผมอดหันไปถามจ้านไม่ได้ มันก็ทำได้แค่ยักไหล่กลับมาให้ผม แล้วหันไปสนใจมือถือที่คาดว่าน่าจะพิมพ์ไลน์คุยกับเนียร์อยู่
 
“ว่าไงที่รักไม่เจอกันหลายวันเลยนะ”
เสียงของทิวทักทายหวาน... ซึ่งเอาจริงๆตอนนี้โคตรเกลียดเสียงมันสุดๆ
 
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ...แล้วดิวอยู่ไหน?”
หวานถามหาดิวทันที..
แต่แม่งโคตรน่าอึดอัดที่ได้ยินแต่เสียงแบบนี้!!!
 
“อยู่ในห้องกับทอย.. จะเข้าไปขัดจังหวะพวกมันทำไมละ แล้วก็นั่งให้มันเบาๆหน่อย
เดี๋ยวลูกก็ได้หลุดออกมาทักทายพ่อมันไวกว่ากำหนดหรอกนะ”

ทอยมันคือใครวะ?
โอ้ยยยย... ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเว้ยย!!!
 
“หึ.. ลูกของดิวมันแข็งแรง มันไม่หลุดออกมาง่ายๆหรอกนะ”
เสียงหวานตอบกลับไป ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียง “เพี๊ยะ” ดังกลับมา
นี้มึงคงไม่ทำร้ายคนท้องใช่ไหมวะทิว???
 
“ปากดีเข้าไปเถอะ.. เดี๋ยวมึงก็ได้ไปนอนใน ICU กับอีนั่นหรอก”
 
“ถามจริงๆเถอะ มึงไม่ได้รักพี่รี่หรอวะ? ทำไมมึงทำร้ายพี่รี่แบบนั้น”

หวานคงกำลังพยายามถามเรื่องของรี่ให้พวกผมได้รู้แน่ๆ
ซึ่งทุกสิ่งที่หวานพูด.. ไอ้จ้านมันอัดไว้ทั้งหมด
 
 
“เดี๋ยวเพื่อนกูทีเป็นตำรวจจะตามมาช่วย”
จ้านหันมาบอกผม ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบกลับไปให้มัน
ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งที่หวานกับทิวพูดกันต่อ
 
“รักงั้นหรอ? คำว่ารักมันทำร้ายคนมากี่คนแล้วว่ะ? อย่าพูดถึงคำว่ารักเลย
เพราะมึงเองก็ไม่ได้รักดิว.. มึงแค่อิจฉาที่ดิวรักไอ้เด็กคีย์นั้นมากกว่า ไม่งั้นเรื่องร้ายๆนี้จะเกิดขึ้นได้ไง
จริงไหม?”

สิ่งที่ทิวพูดมันยิ่งทำให้ผมอยากรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่!!!!
แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมต้องทนนั่งเงียบๆฟังเสียงของหวานกับทิวคุยกัน
ซึ่งมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะทิวไม่พูดถึงเรื่องราวเก่าๆอีก
มีแต่หวานที่ถามซ้ำๆว่าดิวอยู่กับทอยในห้อง ทอยทำอะไรดิว
และทิวก็ตอบกลับมาแค่ว่า.. อย่ายุ่ง!
 
 



 
“จ้าน.. กูไม่ไหวแล้ววะ มึงบอกเพื่อนมึงจะตามมาช่วยใช่ไหม?
งั้นปล่อยให้กูเข้าไปช่วยดิวก่อนไม่ได้หรอวะ? กูขอร้องละ กูไม่อยากนั่งรอเงียบๆแบบนี้อีกแล้ว”

จ้านหันมามองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าออกมา
 
“อื้ออ ถ่วงเวลามันไว้ละกัน ให้มันพูดออกมาเยอะๆก็ได้”
ผมรีบพยักหน้า ก่อนจะถอดหูฟังคืนให้จ้าน แล้ววิ่งลงจากรถทันที
เพราะผมมาคอนโดดิวบ่อย และหลายๆครั้งที่ต้องแอบไม่ให้ดิวเห็น เลยรู้ว่าเข้าตรงไหนถึงจะแอบขึ้นตึกได้
ตอนนี้ผมเลยมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของดิว โดยที่ลูกน้องของทิวไม่เห็นผม
 
 
 
ก๊อก     ก๊อก


ผมเคาะประตูห้องก่อนจะยืนตั้งสติตัวเอง...
และบอกกับตัวเองไว้..ว่าต่อให้เจออะไรก็ตามความปลอดภัยของดิวคือสิ่งสำคัญที่สุด
ผมยืนรอไม่นานไอ้ทิวก็เปิดประตูห้องให้ผม
 


“ไม่คิดว่าเพื่อนจะกล้ามานะครับ”
สิ้นเสียงของทิว.. แรงกระชากจากมันก็ดึงผมเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น
ผมถูกทิวผลักให้มานั่งข้างๆหวาน ซึ่งหวานก็มีสีหน้าตกใจที่เห็นหน้าผม
 
“ไหนๆก็มาแล้วจะแนะนำให้รู้จัก นี้หวานเมียของไอ้ดิวมัน ส่วนนี้เจ้นท์ผัวไอ้ดิว
โอ๊ะ.. วันนี้วันดีจริงๆผัวกับเมียของไอ้ดิวได้มาเจอหน้ากัน แถมผัวคนแรกของไอ้ดิวก็กำลังทบทวนความหลังกันอยู่ในห้อง”

ผัวคนแรก?


 
“มึงว่าไงนะทิว”
ไอ้ทิวแสยะยิ้มกลับมาให้ผม
 
“ฟังไม่ผิดหรอกนะ.. ผัวคนแรกของไอ้ดิว ชื่อ ทอย
ตอนนี้อยู่ในห้องนอนกับไอ้ดิว .. คงกำลังทบทวนความหลังกันอยู่ มึงอยากเข้าไปร่วมสนุกด้วยไหมละ?
กูว่าทอยมันน่าจะยินดีอยู่นะ”

พูดจบไอ้ทิวก็ไปเคาะประตูห้องนอนของดิวทันที



“ทอย ทอย”

ไม่นานคนชื่อทอยก็เปิดประตูออกมา .. ซึ่งเดินออกมาในสภาพที่ผมโคตรไม่อยากเห็นเลย
ทอยไม่ได้ใส่เสื้อ ใส่แต่กางเกงยีนส์
พอไอ้ทิวเห็นสภาพคนชื่อทอยมันก็สบถด่าออกมา

 
“ตั้งนานละยังไม่ได้อีกหรอวะ? เล่นตัวมากนักก็จับกดแม่งดิ”
 
“เรื่องของกูนะ แล้วมึงเคาะประตูทำไม”

ทอยตอบกลับมาอย่างหัวเสีย
 

“ผัวไอ้ดิวมา เอาไปสนุกด้วยไหม?”
ทิวพูดจบก็หันมามองหน้าผม ซึ่งส่งผลให้คนชื่อทอยหันมามองด้วย
 
“เอามาดิ”
พอทอยตอบกลับมา ทิวก็รีบมาดึงตัวผมแล้วผลักเข้าไปในห้องทันที
ซึ่งทันทีที่ประตูห้องปิดลง ทอยก็ผลักผมล้มลงไปบนเตียง
เตียงที่มีดิวนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ... ดิวอยู่ในสภาพเดิม
 
ใช่!!! ดิวยังมีเสื้อผ้าใส่ครบทุกชิ้น
ผมรีบจับตัวดิวดูร่องรอยการโดนทำร้ายทันที
แต่ห้องนอนที่ปิดผ้าม่านทั้งหมดและมีแสงไฟสลัวๆจากโคมไฟเล็กๆข้างหัวนอน
มันทำให้ผมมองไม่เห็นร่องรอยอะไรได้เลย
 


“กูยังปลอดภัยดี” ดิวตอบกลับมา.. พร้อมๆกับจับมือผมไว้
แค่นี้... ผมก็ดีใจที่สุดแล้วครับ
แต่ผมคงจะนั่งดีใจต่อไปไม่ได้นาน เพราะเสียงทักทายจากคนๆหนึ่งมันดังขึ้นมาซะก่อน
 
“คนนี้หรอวะ? ผัวมึง?”
 
“อืม คนนี้แหละ”
 
“ตาถึงนี้หว่า.. ของดีซะด้วย”
 
“อย่ามายุ่งนะทอย... เจ้นท์มันไม่รู้เรื่องด้วย”

ดิวรีบดึงตัวผมเข้าไปกอด ก่อนจะหันไปด่าคนชื่อทอยเบาๆ
 
“มึงก็รู้ดีว่ากูรักใคร... กูไม่ทำคนที่ไม่รักหรอกนะ”
ทอย..หรือไอ้ทอยที่คุยกับไอ้ทิวด้วยเสียงที่ดุดันเมื่อกี้
ตอบกลับดิวด้วยเสียงอ่อนหวาน.. แถมเมื่อกี้ผมยังรู้สึกเหมือนมันเอามือมาขยี้หัวของดิว
เพราะผมโดนดิวกอดอยู่.. เลยได้รับรู้ถึงสัมผัสนั้นไปด้วย
 




อย่าบอกนะ.. ว่าคนที่ทอยมันรักคือดิว?
 



“แล้วเราจะออกจากห้องนี้ไปได้ยังไงวะทอย?”
เสียงของดิวถามทอยกลับไป
ถ้าผมฟังไม่ผิดและคิดไม่ผิด.. ทอยกับดิวไม่ได้ทะเลาะกันเพราะน้ำเสียงที่ใช้คุยกัน
มันนุ่มนวลและโคตรจะเป็นมิตรสุดๆ
 

“เดี๋ยวมันก็ให้เราออกไปเองนั้นแหละ  ในเมื่อทิวมันอยากเราให้ทบทวนความหลังกัน.. ก็ทบทวนกันหน่อยดีไหม?”
ทอยตอบกลับมา พร้อมๆกับนั่งลงตรงปลายเตียง และในมือของมันก็ถือรูปใบหนึ่งอยู่
 


ดิวค่อยๆผละผมออกจากอ้อมกอดของดิว  และเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ใบหน้าของผม...
 


“เจ้นท์...สิ่งที่มึงถามกูมาตลอดว่ากูปิดบังอะไรมึงไว้
และถ้าตอนนี้กูพร้อมจะเล่าให้มึงฟัง... มึงยังยินดีจะฟังไหม?”

 








ผมทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป... ก่อนจะนั่งฟังคน 2 คนทบทวนความหลังซึ่งกันและกัน


---------------------------------------------------------------





มีอะไรกันนะ? ทำไมไม่พูดซะที...อยากรู้แล้ว
เดี๋ยวมาต่อให้... เรื่องนี้มีประมาณ 20 ตอนจบจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -16||1-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 01-11-2016 18:01:39
ใช่ค่ะ แบบเรื่องยืดมากกกกกกกก ไม่รู้เรื่องซะที  :angry2:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - Chapter -16||1-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: toeyy ที่ 01-11-2016 22:49:57
 :serius2: มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -17||2-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 02-11-2016 20:38:58
[ดิว] - Chapter   17


 


“ดิว... เราไม่ชอบหวานอะ” เสียงของคีย์บอกกับผมในเช้าวันหนึ่ง
หลังจากเราเปิดเรียนตอนชั้น ม.4 ได้ไม่นาน


“ทำไมอะคีย์ .. หวานก็ดีนะสวยดี”


“ก็เพราะสวยนั้นแหละเราเลยไม่ชอบ”

คำตอบของคีย์ในวันนั้นไม่ได้ทำให้ผมสงสัยอะไรมาก ก็แค่คิดว่ามันคงหมั่นไส้หวานเฉยๆ
เราก็ยังคบกันอยู่ 3 คนเหมือนเดิม ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่หวานพยายามแยกผมออกจากคีย์
แต่คีย์ก็ยังตามติดผมเหมือนเดิม ก็ผมอีกนั้นแหละที่มองว่าการพยายามอ้อนของคีย์กลายเป็นสิ่งที่น่ารัก
เวลามันอ้อนและบอกว่า....  ไปส่งคีย์หน่อย แล้วค่อยไปส่งหวาน
หรือ  เวลาที่มันบอกให้ผม  ...  สนใจคีย์ก่อน แล้วค่อยไปสนใจหวาน
มันเป็นอะไรที่ดูโคตรน่ารักเลยจริงๆ ปากยื่นๆ หน้าขาวๆของมัน กลิ่นหอมๆของมันกลายเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจผม
และเป็นคำพูดที่ผมชอบพูดเวลาอยู่กับหวาน...

เวลาหวานให้พาไปซื้อของก่อนกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนต้องหลังจากส่งคีย์กลับบ้านแล้ว



“เอาอันนี้ไปฝากคีย์กัน มันน่าจะชอบ”

“เราจะซื้ออันนี้ฝากคีย์ เพราะคีย์ชอบกิน”


และทุกครั้งที่พูดชื่อคีย์ ... หวานต้องอารมณ์เสียใส่ผมทุกครั้งไป





ผมไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไงกับคีย์ ผมรู้แค่คีย์คือเพื่อนของผม
และคีย์น่ารักสำหรับผม.. คำว่าหล่อไม่เหมาะกับคีย์
และคำว่าน่ารักของผมมันแน่นอนมากๆด้วยว่าคีย์มันต้องน่ารักกว่าหวาน



จนกระทั่งปิดเทอม ม.4
วันนั้นคีย์มาเที่ยวหาผมที่บ้าน... ส่วนหวานไปธุระกับครอบครัว
คีย์ก็มานอนเล่นปกติเหมือนที่มันชอบทำ... แต่มันแปลกไปกว่าทุกวันตรงที่คีย์มันถามคำถามขึ้นมา



“มึงว่าผู้ชายจูบกันได้ไหมวะ?”

ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆว่าเพราะความอยากลอง หรือเพราะอะไร
ผมโน้มหน้าไปจูบปากคีย์ มันเป็นการจูบที่ปากชนปากธรรมดานะไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

“ก็จูบได้......นี้ไง” ผมจูบคีย์เสร็จแล้วก็หันมาเล่นเกมส์ต่อ

“ทำไมมึงทำแบบนี้วะดิว”
คีย์โยนหมอนใส่หน้าผมก่อนจะโวยวายแล้วฟุบหน้าลงกับหมอนที่เหลือบนเตียง
ยิ่งมันโวยวายแบบนี้มันยิ่งน่ารักมากๆครับ
แล้ววันนั้นเราจูบกันอีกหลายครั้ง.. และก็ยังเป็นแค่การจูบกันเบาๆไม่ได้มากมายเกินกว่านั้น



และการจูบกันบ่อยๆของผมกับคีย์นี้แหละมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจคบกับหวาน
เพราะตอนแรกจูบกับคีย์มันไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่.. นานๆเข้าใจมันก็หวั่นไหวไปกับการจูบ
มันรู้สึกว่าแค่จูบผ่านริมฝีปากมันไม่พอแล้วละ... คีย์พยายามจะทำมากกว่านั้น


หวานที่คงเห็นผมกับคีย์แอบจูบกันบ่อยๆ ก็เดินเข้ามาบอกรักผม
ในตอนนั้นผมปฏิเสธหวานไปและบอกกับหวานว่าอยากให้เราเป็นแค่เพื่อนกัน... มันดีกว่า



“ดิวเป็นเกย์หรอ?”
นี้คือคำพูดจากปากหวานในวันที่ผมปฏิเสธ ซึ่งยอมรับเลยว่าตอนนั้นโกรธมากๆ


“เกย์อะไร เราก็เป็นผู้ชายนี้แหละ”


“ก็นายจูบกับคีย์ ผู้ชายเค้าไม่จูบกันหรอกนะ”

หวานยังโวยวายกลับมา... แต่คำพูดของหวานมันทำให้ผมได้คิด



นั้นสิ.. ผู้ชายเค้าไม่จูบกัน
งั้นแสดงว่า.. คีย์เป็นเกย์งั้นหรอ?





เอาจริงๆในตอนนั้นไม่ได้รังเกียจเลยนะ.. กลับใจเต้นแรงและรู้สึกดีด้วยซ้ำไป
แต่เพราะกลัวเสียหน้า.. และไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ผมเลยตกลงรับปากคบกับหวาน



“เราไม่ได้เป็นเกย์.. เราคบกับหวานก็ได้”
ซึ่งมันก็ทำให้หวานยิ้มออกมา...

“งั้นไปไหนกับเราสองคนบ้างนะ นายไปกับคีย์แบบนี้คนมองว่านายเป็นเกย์นายรู้ไหม”
นั้นแหละ..ผมโทษให้กับความงี่เง่าของผมเอง ที่มัวแต่อาย มัวแต่แคร์คำพูดของคนอื่น
ผมเลยไปไหนมาไหนกับหวาน... และปล่อยให้คีย์กลับบ้านคนเดียวจนเกิดเรื่องขึ้น’





คีย์โดนผู้ชายข่มขืน!




นั้นคือสิ่งที่ผมรู้... และคีย์ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีความอับอายของตัวเอง
ในวันที่คีย์ฆ่าตัวตายผมก็อยู่ที่นั้นด้วย ... และผมก็เห็นคีย์หมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา
หัวใจของผมแทบสลาย... คีย์ตายในอ้อมกอดของผม
คำบอกรักของคีย์ยังก้องอยู่ในหูของผมไม่เคยจางหาย...





ผมเอาความโกรธของตัวเอง ขอร้องให้พ่อเอาคนทำร้ายคีย์เข้าคุกให้ได้
ทั้งๆที่อายุของทอยในตอนนั้นควรอยู่แค่สถานพินิจ
คนที่ข่มขืนคีย์ คือ ทอย !


และผมไม่รู้จริงๆว่าผมได้ทำความผิดครั้งใหญ่
เพราะจริงๆแล้วทอยไม่ได้ข่มขืนคีย์ แค่ทอยแอบรักคีย์มานานแล้ว
และทอยกับคีย์ก็โดนหวานหลอกให้มาเจอกัน


ผมรู้เรื่องนี้เพราะทอยบอกกับผมเอง.....
ผมเพิ่งรู้ในวันที่พี่ทิวพาผมมาจากโรงพยาบาลของเจ้นท์กลับมาที่คอนโดของผม
ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องมาได้ พี่ทิวก็ผลักผมเข้ามาในห้องนอนที่มีทอยนั่งรออยู่แล้ว


“พี่คงไม่ต้องแนะนำให้น้องดิวรู้จักใช่ไหม... แต่เอ๊ะหรือพี่ควรแนะนำดี”
พี่ทิวที่ตอนนี้เหมือนคนเสียสติไปแล้ว ยืนยกยิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้อง ซึ่งมีทอยยืนอยู่ข้างๆ

“นี้ทอย.. น้องชายแท้ๆของพี่เอง ส่วนทอยนั้นชื่อดิวนะ  เป็นลูกของคนที่มีพระคุณคอยส่งเสียพี่เรียน
และเป็นลูกของคนที่ทำให้ทอยติดคุก”

แค่นี้ผมก็พอจะรู้แล้ว.. ว่าพี่ทิวเข้ามาในชีวิตผมทำไม?


“พี่คบกับรี่ เพียงแค่ต้องการแก้แค้นผมงั้นหรอ?” ผมถามพี่ทิวไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ใจก็นึกถึงแต่เพื่อนสาวคนสนิท

รี่ ... กูขอโทษจริงๆ
เพราะกูจริงๆที่ทำให้มึงต้องเจ็บตัวแบบนั้น




“จะว่างั้นก็ได้นะ แต่พี่ก็ให้ความสุขกับรี่เพื่อแลกเปลี่ยนกับความรักที่รี่มีให้พี่ไปแล้วนะ
มันน่าจะพอไม่ใช่หรอ?”

พี่ทิวตอบกลับมา พร้อมๆกับเสียงหัวเราะ


“ออกไปได้แล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง”
ทอยผลักพี่ทิวออกไปจากห้อง แต่พี่ทิวก็ยังพูดส่งท้ายไว้จนผมเองก็อดที่จะกลัวขึ้นมาไม่ได้


“จัดการอัดคลิปไว้ด้วยละ กูไม่ถนัดจะเข้าด้านหลังจริงๆไม่งั้นกูคงไม่ส่งให้ไอ้เจ้นท์จัดการแทนหรอก”
แค่ได้ยินชื่อเจ้นท์... ก็ทำให้ผมนึกคิดไปไกลว่าเจ้นท์จะรู้เห็นกับทิวด้วยไหม?
แต่เหมือนพี่ทิวจะรู้ว่าผมคิดอะไรเลยตอบกลับมา

“เจ้นท์มันแค่หมากตัวหนึ่ง... ซึ่งกูคิดว่ามันจะเล่นๆกับคนแบบมึงแต่มันเสือกจริงจัง”
น่าแปลก..ที่คำตอบของพี่ทิวทำให้ผมนึกดีใจขึ้นมา



หลังจากที่ทิวออกจากห้องไปแล้ว ทอยก็เดินเข้ามาหาผม
ผมที่พร้อมจะสู้เพื่อปกป้องตัวเอง กลับต้องแปลกใจเพราะทอยเดินเลยไปที่ผนังห้องที่ผมแปะรูปเอาไว้
ทอยดึงรูปของคีย์ออกมา ก่อนจะถามผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

“งานศพของคีย์ คนมาเยอะไหม?”

“ก็เยอะ.. มึงถามทำไม”

ผมยังไม่วางใจในตัวทอยมากนัก กลัวมันจะบ้าแบบพี่ทิว ที่มี 2 บุคลิค เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

“มึงรู้ไหมว่าคีย์แอบรักมึงมานานมากเลยนะ”

“มึงรู้ได้ไง”

“นั่งลงก่อนสิ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกนะ”

ทอยล้มตัวนั่งลงบนที่นอนของผม ซึ่งผมก็ยอมนั่งบนเตียงไม่ห่างจากทอยมากนัก

“ที่กูรู้เพราะกูมองแต่คีย์มาตลอดมั้ง ทั้งๆที่มันมองแต่มึง”

ทอยตอบกลับมา.. และพร้อมๆกับพรั่งพรูความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆให้ผมฟัง

“กูเรียน ม.ต้นที่เดียวกับคีย์ มันเป็นคนน่ารักนะ มึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหม?”
ผมพยักหน้าตอบรับไป.. คีย์มันน่ารักมากๆด้วยเหอะ

“ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกัน แต่กูมันพวกปลายแถวเป็นเด็กห้องท้ายๆ ส่วนคีย์แม่งเสือกเป็นเด็กห้องหัวกะทิ  แต่มันก็ดีนะยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนกู คอยช่วยกูทำการบ้าน”

“ไหนมึงบอกว่ามึงอยู่ห้องท้าย แล้วทำไมมาสนิทกับคีย์ได้ละ”

ผมถามทอยกลับไป ซึ่งดูท่าทางมันก็ยินดีที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟังต่อ

“คีย์มันชอบกลับบ้านช้า กว่ามันจะเดินออกจากโรงเรียนพวกกูก็เล่นบอลเสร็จพอดี
วันนั้นกูเตะบอลอัดใส่มัน เอาจริงๆกูตั้งใจวะ 555”

“มึงแม่งเลว”
ผมอดที่จะด่ามันไม่ได้ เพราะมันเล่าไปก็หัวเราะไปด้วย
แต่มือที่ถือรูปของคีย์ไว้ มีความสั่นไหวเล็กน้อย... แสดงว่าคนพูดคงข่มใจไม่ให้ร้องไห้อยู่แน่ๆ

“มันน่ารักนี้หว่า ตัวเล็กๆแบกกระเป๋าใบใหญ่ แล้วไหนจะกระเป๋าถือใบเล็กนั้นอีก
พอกูเตะบอลอัดใส่มันเสร็จ ก็รีบวิ่งเข้าไปขอโทษและช่วยมันถือหนังสือก่อนจะเนียนขอไปส่งมันที่บ้าน
มันก็ยอม.. และหลังจากนั้นกูก็เลยเนียนไปส่งมันทุกวัน”

“มึงคงไม่เนียนเตะบอลอัดใส่มันทุกวันใช่ไหม?”
ผมแกล้งขัดมันกลับไป

“กูก็รักของกูเถอะนะ ไม่ได้รังแกมันเลยเว้ย! จะฟังต่อไหม? ขัดจริงๆเลยเดี๋ยวกูก็จับปล้ำแม่งเลย”
พอมันพูดจบผมรีบลุกหนีมันเลยครับ กลัวมันจะทำขึ้นมาจริงๆ แต่มันกลับดึงแขนผมให้ล้มลงนั่งที่เดิม

“พอเรียนจบ ม.ต้น กูก็ไม่เรียนต่อเพราะคิดว่าเรียนไปก็เท่านั้น แต่มันไปต่อ ม.ปลาย
หลายต่อหลายครั้งที่กูไปรอรับมันที่หน้าโรงเรียน แต่มันก็เมินไม่ยอมให้กูไปส่งที่บ้านมันบอกแค่ว่ามันจะกลับกับมึง   กูแอบดูคีย์กับมึงทุกวัน ... กูยอมรับนะว่ากูโกรธมึงเพราะมึงมาแย่งคีย์ไป แต่แล้วนานๆไปกูก็เข้าใจว่าสายตาที่คีย์มองมึง  กับสายตาที่คีย์มีให้กูมันไม่เหมือนกัน ... กูเคยไปส่งคีย์ที่หน้าบ้านมึง แล้วกูขโมยจูบมัน”

“แล้วคีย์มันว่าไง”
ตอนนี้ผมคิดไปถึงวันที่คีย์ไปบ้านผมแล้วถามผมขึ้นมาว่าผู้ชายจูบกันได้ไหม?
และนั้นทำให้ผมจูบกับมันครั้งแรก

“มันไม่ตอบว่าไร มันก็เดินเข้าบ้านมึงไปเลย ตอนเย็นพอกูไปรับมันก็บอกแค่ว่าต่อไปนี้ห้ามจูบมันอีก”

“แล้วมึงเชื่อที่มันสั่งไหม?”

“เชื่อดิวะ.. กูกลัวคีย์โกรธกูไม่ทำอะไรนอกเหนือจากที่คีย์สั่งหรอกนะ”

“แล้วมึง เอ่อออ.. มาปล้ำคีย์ได้ไงวะ?”

ผมถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้มาตลอดกลับไป

“ถ้ากูบอกไม่ได้ปล้ำมึงคงไม่เชื่อสินะ? จริงๆเรื่องคืนนั้นมันเกิดจากความเต็มใจ แต่กว่าจะเต็มใจมันก็เหมือนกูหลอกคีย์นั้นแหละ”

“ยังไงวะ? กูเริ่ม งง ไปหมดแล้ว”
ผมเริ่ม งง กับสิ่งที่ทอยบอก ตอนนี้ผมเชื่อในสิ่งที่ทอยพูดแทบทุกอย่างเลยครับ
เพราะหน้าตาขณะที่ทอยพูดมันบ่งบอกถึงความจริงใจด้วยมั้ง?

“หวานแฟนของมึง มาหากู ตอนนั้นกูชอบรวมกลุ่มกันหน้าปากซอยบ้านคีย์ เพราะกูมาดักเจอคีย์ทุกวัน
หวานมาหากู แล้วบอกว่าคีย์มีเรื่องจะคุยกับกู ให้กูไปหาที่โรงแรมแถวๆตลาด กูก็รีบไปทันทีเลย
แต่กูไม่ได้คิดทำอะไรคีย์นะ กูแค่กลัวมันมีเรื่องอะไรหรือป่าวถึงนัดไปเจอที่โรงแรม  พอไปถึงกูก็เห็นคีย์อยู่ในห้องแล้ว พอคีย์เห็นกู คีย์ก็ทำหน้า งงๆ ก่อนจะถามกูว่ากูมาทำไม?”

“อ้าวว.. แล้วหวานเกี่ยวไรด้วยวะ?”

“ฟังก่อนดิวะ.. เดี๋ยวกูไม่เล่าจริงๆนะมึงแม่งชอบขัดตลอด”

“เออๆขอโทษที”
ผมเริ่มสงบปากสงบคำแล้วตั้งใจฟังทอยเล่าอีกครั้ง

“เออ..พอคีย์ถามว่ากูมาทำไม กูก็บอกว่าหวานบอกว่าคีย์ให้มาหา อืมม เท่านั้นแหละคีย์ก็แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะร้องไห้ แล้วบอกกับกูว่าหวานก็หลอกคีย์ให้มาเหมือนกัน แต่บอกว่าดิวนัดให้มาหา ตอนนั้นกูนั่งปลอบคีย์ตั้งนานกว่าคีย์จะหยุดร้องไห้... แล้วคีย์ก็ถามกูว่า จูบกับคีย์น่ารังเกียจไหม? กูรักคีย์อยู่แล้วกูก็รีบตอบเลยดิว่าไม่เลย จูบกับคีย์โคตรดีเลย แค่นั้นแหละคีย์ก็จูบกูกลับมา.. มึงเข้าใจใช่ไหมว่ากูรักคีย์อะ พอมันจูบมากูก็คุมสติไม่ได้ กูก็เลยเถิดไปไกลเลย มือไม้กูลูบคีย์ไปทั้งตัวอะ”

“ไอ้เหี้ยทอย.. เล่าไม่ต้องลึกไอ้ห่า... มึงไม่ได้ขืนใจคีย์ใช่ไหมละ? แล้วไงต่อ?”

“เออ.. กูไม่ได้ขืนใจ คีย์ก็ยอมกู แล้วมันมีครั้งแรกมันก็มีครั้งต่อไป แต่ที่คีย์ไม่ไปเรียนเพราะหวานมาบอกคีย์ว่า
มึงรับไม่ได้กับพวกเป็นเกย์ แล้วทีนี้.. กูเผลอไปทำรอยไว้เต็มตัวเต็มคอคีย์ .. คีย์มันเลยไม่ไปเรียน
แต่ตอนนั้นหวานอะโทรมาหาคีย์ตลอดนะ เพราะกูอยู่กับมันตลอด แล้วมันก็คิดมาก จนถึงขั้นเสียสติอะ
พวกกูไม่ได้ทำอะไรคีย์จริงๆนะเว้ย พวกกูไม่ได้ขมขู่อะไรคีย์เลย แต่ที่เพื่อนกูมาเยี่ยมตอนที่กูติดคุกอยู่อะ เพื่อนกูบอกว่า เมียมึงอะจ้างพวกเด็กแก๊งค์อื่นไปข่มขืนคีย์ ซึ่งแม่งทำจริงๆอัดคลิปไว้ด้วย ของกูเคยบอกคีย์ว่าอัดคลิปไว้ แต่กูแค่แกล้งคีย์มันเฉยๆ ตอนนั้นกูไม่รู้ว่าใครทำ แต่รู้ว่าคีย์กลัวมากแล้วก็ทำร้ายตัวเอง กูพยายามห้ามคีย์หลายครั้งแล้ว แต่คีย์ดันเห็นกูแล้วเป็นคนอื่น เลยเอามีดมาแทงกูตั้งหลายครั้ง  รอยแผลตรงอกกู นี้ก็คีย์ทำ”

ทอยถอดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยแผลเป็นตรงหน้าอก ซึ่งมีหลายรอยมาก

“เวลาคีย์โวยวายขึ้นมา แม่ของคีย์ก็โทรตามกูไปดูตลอด วันที่กูขี่รถไปหามึงที่สนามเด็กเล่นวันนั้นอะ แม่คีย์โทรมาตามกูว่าคีย์หายออกจากบ้าน กูเลยขี่รถตามหาคีย์ แต่คนอื่นๆที่ขี่รถมารอกันที่สนามเด็กเล่นก่อนแล้วนั้นอะ เป็นคนของหวาน  ซึ่งมึงรู้ไหม? ว่าตอนที่คีย์ตกลงมาข้างล่างแล้วมึงรีบลงมากอดคีย์ไว้ กูเจ็บแค่ไหน? คำพูดที่คีย์บอกรักมึงจนคีย์หมดลมหายใจ.. กูเจ็บและกูเสียใจแค่ไหน?  คีย์ตายไปพร้อมๆกับความรู้สึกที่รักมึง.. ทั้งๆที่กูอยู่ข้างๆคีย์ตลอด คีย์กลับไม่เคยรัก และไม่เคยเรียกชื่อกูเลยสักครั้ง”

“ทอย... กูขอโทษวะ”
พอฟังเรื่องราวต่างๆแล้วผมก็พูดอะไรไม่ออก ผมไม่ทันได้ตามหาว่าความจริงคืออะไร
ผมโทษทอยทันทีว่าทอยผิด.... ทั้งๆที่ทอยคือคนที่อยู่ข้างๆคีย์มาตลอดแท้ๆ

“แต่กูไม่เสียใจหรอกนะ.. กูรักคีย์.. อะไรที่คีย์ทำแล้วคีย์มีความสุขกูก็ยินดี
และกูก็เชื่อว่าคีย์มีความสุขจนกระทั่งคีย์หมดลมหายใจ..เพราะคีย์ตายในอ้อมกอดมึง
มึง...ที่คีย์รักและเพ้อหามาตลอด”

ตอนนี้ทอยร้องไห้ออกมา.. จนผมอดไม่ได้ที่จะดึงทอยเข้ามากอด
ผมส่งทอยเข้าไปในคุก ทำให้ทอยหมดอนาคต และสร้างเรื่องแค้นใจให้พี่ทิว
จนพี่ทิวตามมาทำร้ายผมคืน...



ผมปล่อยให้ทอยร้องไห้ จนกระทั่งพี่ทิวเคาะประตูห้องเรียกทอยนั้นแหละ
ทอยก็บอกให้ผมไปนอนห่มผ้าบนเตียง ไม่ต้องลุกตามออกมา
แล้วทอยก็ออกไปรับหน้าพี่ทิวที่หน้าห้องนอน ก่อนจะหายออกไปสักพัก...
และกลับเข้าห้องมาพร้อมๆกับเจ้นท์!




“เรื่องที่เจ้นท์เคยถาม..ก็คือเรื่องนี้แหละ”
ทันทีที่ผมเล่าจบ.. เจ้นท์ก็ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหอมหน้าผากผมเบาๆ

“มีเรื่องแบบนี้ทำไมไม่รีบเล่าวะ รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน?”
เจ้นท์ก็ยังเป็นเจ้นท์ครับ บ่นและบ่นได้ตลอด

“มันใช่เรื่องที่น่าเล่าไหม?  แล้วทำไมกูต้องเล่าให้มึงฟัง” ผมก็อดที่จะตอกกลับมันไปไม่ได้
แล้วผลักอกมันเบาๆ แต่มีหรือที่เจ้นท์จะยอม

“กูผัวมึง.. จบนะ”
พอเจ้นท์พูดจบ.. ไอ้ทอยหัวเราะเลยครับ

“กูว่ามึงเจอคนจริงแล้ววะดิว 555555+”
เกลียดมึง 2 คนมากเลยว่ะ.. แม่งง!!!
เจ้นท์ขยี้หัวผมเล่นจนพอใจแล้วก็หันไปมองหน้าทอยอีกครั้ง...

“กูเสียใจกับมึงด้วยนะทอย.. แล้วตอนนี้เอาไงต่อ พี่มึงแค้นไอ้ดิวขนาดนี้จะออกไปกันได้ไงวะ?”

“ก็เดินออกไปนี้แหละ ต้องบอกความจริงกับทิวมัน จริงๆมันไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก
แต่มันรักกูมากแค่นั้นเอง มันคงทนเห็นกูไม่มีอนาคตไม่ได้”

ทอยตอบกลับมา พร้อมๆกับหยิบเสื้อที่มันถอดไว้มาใส่

“แล้วมึงเอาไงต่อ?” ผมก็อดจะถามทอยไม่ได้ เพราะจริงๆมันต้องอยู่สถานพินิจ ออกมามันก็ใช้ชีวิตปกติได้
แต่ผมดันให้พ่อเอามันเข้าคุกพร้อมๆกับคดีที่ไม่น่าได้รับการให้อภัย

“พ่อมึงชวนกูไปทำงานด้วย เค้ามาเยี่ยมกูแล้วก็ขอโทษที่ทำกับกูแบบนั้น
กูไม่โกรธหรอก เพราะถ้ากูอยู่ข้างนอกกูคงไปล้างแค้นคนที่มาทำร้ายคีย์
ดีแล้วละที่พ่อมึงเอากูเข้าคุก ไม่งั้นกูคงฆ่าคนตายไปหลายคน”

ทอยตอบกลับมาอย่างสบายใจ.. และมันก็เป็นอีกสิ่งที่ผมรู้คือพ่อผมไปเยี่ยมทอยตลอด
ทั้งๆที่พ่อห้ามผมไป..แต่พ่อกลับไปเยี่ยมและเสนองานให้ทอยทำ

“มึงอย่าห่วงทิวเลย เดี๋ยวกูลากมันมาเคลียร์ได้ มึงไปห่วงหวานเถอะ เพราะคนที่ก่อเรื่องคือหวานทั้งหมด
ถ้าทิวรู้ความจริงมันคงไม่เอาหวานไว้แน่ๆ”

ทอยหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ก่อนจะหันมามองหน้าพวกผม
แต่ทอยคงคิดผิด.. เพราะจริงๆแล้วทิวมันรู้เรื่องทุกๆอย่างแล้วต่างหาก


เจ้นท์ยืนอยู่ข้างๆผม พร้อมทั้งจับมือผมไว้

“จ้านรออยู่ข้างนอกแล้ว ป่านนี้คงพร้อมจะเข้ามาช่วยเราได้ตลอดเวลานั้นแหละ
แต่ทอย..พี่มึงทำร้ายรี่ กูคงไม่เอาเรื่องไม่ได้มึงเข้าใจใช่ไหม?”

เจ้นท์บอกกับทอยอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหมอจ้าน
เพื่อบอกให้หมอจ้านขึ้นมาบนห้องได้แล้ว...ถึงพี่ทิวจะวางแผนมาดีแค่ไหนก็ตาม
พี่ทิวก็ยังลืม...ลืมค้นตัวเจ้นท์ว่ามันมีอาวุธ มีอุปกรณ์สื่อสารอะไรบ้าง
พอทอยเห็นเจ้นท์หยิบมือถือขึ้นมาก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ มันคงคิดเหมือนกันกับผมนั้นแหละครับ
ว่าพี่ชายของมัน.. พลาดแล้วจริงๆ



------------------------------------------------------
เย้..  รู้เรื่องซะทีเนอะ :)
เหลือตอนที่ 18 - 19 และบทส่งท้ายนะฮับ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้กำลังน่ะ '
และขอโทษด้วยนะถ้ามีคำผิด เดี๋ยวเค้ารีบแก้ไขให้
อ่ออ.. ใครเล่นทวิตฝาก #เจ้นท์ดิว ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -17||2-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-11-2016 20:47:57
 o18
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -18||3-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 03-11-2016 18:07:17


[ดิว] - Chapter 18











 
ทันทีที่หมอจ้านตอบกลับมาว่าพร้อมรอที่หน้าห้องแล้ว และจัดการกับคนของทิวได้ทั้งหมดแล้วนั้น
เจ้นท์ก็หันไปบอกทอยว่าให้ออกไปเจอทิวได้แล้ว
 
 
“เป็นไงบ้างวะน้องรัก”
ทิวเดินเข้ามาดึงทอยเข้าไปกอด ก่อนจะหันมามองผมกับเจ้นท์ด้วยสีหน้าแปลกๆใจนิดๆ
 
 
“ก็ไม่ได้ทำไร” ทอยตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไร ก่อนจะล้มตัวลงนั่งที่โซฟา
ผมเดินไปนั่งข้างๆหวาน ก่อนที่เจ้นท์จะมานั่งโซฟาตัวข้างๆผม
 
 
“หมายความว่าไง” พี่ทิวที่ยังไม่เข้าใจอะไรก็เดินตรงเข้าไปกระชากเสื้อของทอยทันที
แต่ทอยก็ปัดมือของพี่ชายตัวเองออก ก่อนจะจับข้อมือของพี่ทิวไว้
 
 
“นั่งลงก่อนทิว” พี่ทิวที่ยังมีทีท่าหงุดหงิดอยู่ก็ยอมนั่งลงข้างๆทอย
 
 
“ทอยขอบคุณพี่ทิวมากๆนะที่ทำทุกอย่างเพื่อทอย แต่พี่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้
ให้ทุกๆการสูญเสียมันสิ้นสุดที่ทอยก็พอแล้ว ทอยเสียคีย์ที่ทอยรักไปแล้ว อย่าให้ใครต้องสูญเสียอีกเลยนะ”

ตลอดระยะเวลาที่ทอยพูด.. ทอยยังจับข้อมือของพี่ทิวไว้แน่น
 
 
“มึงจะบอกว่าที่พี่ทำไปทุกอย่างสูญเปล่างั้นหรอ?”
พี่ทิวที่พอจะรู้แล้วว่าทอยไม่ได้ทำร้ายผม และไม่ได้ทำแบบที่พี่ทิววางแผนไว้ก็พูดออกมาเสียงสั่น
 
 
 
“ไม่สูญเปล่าหรอก ทอยรู้ว่าพี่ทิวรักทอย.. และทุกๆคนที่นี้ก็พร้อมอภัยให้พี่ทิว
เราแค่กลับบ้านเรากัน ไปอาบน้ำนอนหลับพักผ่อนสัก 2-3 วัน แล้วพี่ก็กลับมาเรียนให้จบ
แล้วเราก็กลับไปทำงานกับคุณลุงกันแค่นั้นเอง”

ทอยพูดออกมาแบบสบายๆ แต่ผิดกับพี่ทิวที่เริ่มร้องไห้ออกมา
 
 
 
“มึงพูดออกมาง่ายๆแบบนี้หรอวะทอย กูวางแผนมาตั้งกี่ปีวะ กว่ากูจะมายืนตรงนี้
แค่มึงบอกกูว่ามึงอยากให้มันตายกูก็พร้อมเอาปืนจ่อยิงมันให้มึงแล้ว.. แต่มึงกลับบอกให้กูกลับไปนอนงั้นหรอ”

พี่ทิวพยายามสะบัดแขนที่ทอยจับไว้ออก แต่ทอยก็คงรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้พี่ทิวหลุดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 
“ไม่เอาแล้วทิว.. ไม่อยากให้เราต้องแยกกันอีกแล้ว เราสองคนพี่น้องจะไม่มีใครต้องกลับไปติดคุก
เราจะไม่แยกจากกันอีก พ่อของดิวดูแลบ้านเราดีมาตลอด เค้าส่งพ่อแม่เราไปดูแลธุรกิจที่เมืองนอก
เค้ายอมส่งทิวเรียนทั้งๆที่เค้าก็รู้ว่าทิวไม่ชอบเค้า แล้วเค้ายังช่วยคดีทอยให้ทอยออกมาอีก แค่นี้เราก็เป็นหนี้บุญคุณบ้านดิวไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว... ทิวพอเถอะนะยอมรับความจริงได้แล้ว”

ทอยพยายามพูดกล่อมให้พี่ทิวใจเย็น.. สิ่งที่ทอยพูดมาผมก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะ
 
 
“กูจะพอได้ไงวะ? กูทำร้ายใครไปบ้างมึงรู้ไหม? กูจะกลับไปเรียนแบบที่มึงพูดได้ไงกัน”
พี่ทิวหันมามองหน้าหวาน.. ที่ตอนนี้หวานเองก็เหมือนจะหลบสายตาพี่ทิวมาซบที่อกผม
 
 
“ทิว..กูสัญญาว่ากูจะช่วยมึง เรื่องของรี่อะกูก็เชื่อว่ารี่จะไม่เอาความมึงแน่ๆ
เพราะรี่รักมึง และที่มึงทำไปเพราะมึงรักน้อง รี่ต้องอภัยให้มึง”

พี่เจ้นท์ก็พยายามจะช่วยทอยพูดให้พี่ทิวใจเย็นๆ แต่เหมือนพี่ทิวจะเสียสติไปแล้ว
พี่ทิวเอาแรงที่มีทั้งหมดสะบัดมือของทอยออก ก่อนจะหยิบปืนที่เหน็บไว้ตรงเอวออกมา
 
 
“เห้ยย.. พี่ทิวไม่เอา เก็บปืนลงก่อน” ทอยรีบลุกขึ้นมาห้ามพี่ทิวทันที
แต่เหมือนพี่ทิวจะไม่ยอมฟังใครๆเลย พี่ทิวเล็งปืนส่ายไปส่ายมา แล้วก็พูดโวยวายแค่คำว่า ไม่ยอม
 
“ไม่ยอมหรอก กูไม่ยอมให้มันจบแบบนี้ มันทำให้น้องกูต้องติดคุก มันทำให้คนรักของน้องกูตาย
กูจะยอมได้ไง”
พี่ทิวพูดจบก็เล็งปืนไปที่หวาน ก่อนจะยิ้มเหี้ยมออกมา
 
 
“เพราะมึงไงอีหวาน.. มึงมันตัวต้นคิดทุกๆอย่าง มึงมันจอมวางแผนการให้คีย์มันตาย
แล้วโยนความผิดมาที่น้องกู”

พี่ทิวตรงเข้ามาดึงตัวหวานไปจากอกผม.. หวานพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของพี่ทิว
แต่เพราะหวานท้องได้ 7 เดือนแล้ว เลยขยับตัวมากไม่ได้
 
“พี่ทิว..เอาผมไปแทนหวานนะ หวานท้องอยู่นะพี่ ปล่อยหวานไปเถอะ”
ผมพยายามขอร้องพี่ทิว.. แต่พี่ทิวกลับหัวเราะออกมาเหมือนคนที่เสียสติ
 
 
“ท้องแล้วไงวะดิว... มึงก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกของมึง ทำไมมึงต้องห่วงมันอีก”
วันนี้มันเป็นวันบ้าบออะไรวะเนี้ย!!!
เรื่องราวที่ผมไม่อยากรู้ ไม่อยากพูดก็ต้องมาเฉลยวันนี้หมดทุกเรื่องเลยซินะ
 
 
“หมายความว่าไงดิว” ไอ้พี่เจ้นท์ครับ มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ
ตอนนี้พี่เจ้นท์แม่งงงง ทำหน้าตาดีใจเกินเหตุมากไม่เห็นหรือไงว่าหวานโดนพี่ทิวเอาปืนจ่อไว้
เดี๋ยวก็ทุบเข้าให้หรอกไอ้หน้าหล่อๆนั้นนะ!!
ผมอดที่จะแอบบ่นพี่เจ้นท์ในใจไม่ได้
 
 
“จะลูกใครดิวไม่รู้หรอก.. ตอนนี้เป็นลูกของดิวก็พอแล้ว
พี่ทิวปล่อยหวานเถอะ.. ดิวขอร้อง”

ผมพยายามพูดปลอบใจพี่ทิวอีกครั้ง แต่พี่ทิวที่เสียสติไปแล้วหัวเราะออกมา และดึงหวานเข้าไปกอดคอไว้แน่น
 
 
“ทำไมไม่บอกเจ้นท์มันไปละดิว... บอกมันไปสิว่ามันเป็นผัวคนแรกของดิว
และแท้จริงแล้วดิวไม่เคยมีเมีย ไม่เคยมีอะไรกับใครเลย บอกผัวดิวไปสิ!!
จะมายืดอกเป็นพระเอกต่อไปอีกทำไม  ในเมื่อหวานมันนอกใจดิวแล้วแบกท้องโย้ๆ
กลับมาให้ดิวรับผิดชอบนะ”

หวานร้องไห้ออกมา ก่อนจะมองหน้าผม... ผมเห็นแววตาที่เจ็บปวดของหวานแล้วก็แทบจะทนไม่ได้
มันก็จริงอย่างที่พี่ทิวพูดทุกอย่าง.. ผมไม่ใช่พ่อของลูกในท้องหวาน
ผมไม่เคยมีอะไรกับหวานเลยสักครั้ง.. แม้กระทั่งจูบผมยังไม่เคยจูบหวานเลย
ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้นท์นั้น.. ก็เป็นครั้งแรกของผม ไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง
เจ้นท์...มันก็คือคนแรกอยู่ดี
 
 
 
“พี่ทิว.. พอเถอะครับ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วได้ไหม พี่ปล่อยหวานไปเถอะ
พี่โกรธผม พี่เอาผมไปสิ อยากยิงก็ยิงผม”

ผมพยายามพูดจาโน้มน้าวพี่ทิว .. แต่พี่ทิวกลับยิ้มเหี้ยมออกมา
ทอยกับพี่เจ้นท์ก็ส่งสายตาให้กัน.. เหมือนจะนัดแนะกันเข้าชาร์ตตัวพี่ทิว
แต่มันก็เสี่ยง... เพราะปืนที่จ่ออยู่ที่ท้องของหวาน
 
“เอานะ.. ไหนๆวันนี้กูก็ทำทุกอย่างพังแล้วนิ มึงจะทนฟังเรื่องราวที่กูเคยทำอีกหน่อยจะเป็นไรไป”
 
“พี่ทิว.. ขอร้อง อย่าพูดอะไรอีกเลย หวานไหว้ละพี่”
หวานร้องไห้.. และยกมือไหว้พี่ทิว
แต่พี่ทิวก็ตอบกลับหวานมาแค่การกระชับแขนที่รัดคอหวานให้แน่นขึ้น
จนหวานต้องเอามือมาดึงแขนพี่ทิวออก.. แต่แรงของหวานหรือจะสู้แรงของพี่ทิวได้
 
 
“มึงรู้ไหมดิว.. ว่าใครเป็นผัวอีหวาน
ใครกันที่ทำให้อีนี่ต้องซมซานกลับไปหามึง กลับไปร้องไห้เรียกความสงสารจากมึงหลายต่อหลายครั้ง”
 
 
“พี่ทิว.. ผมไม่อยากรู้แล้วพี่
พี่ปล่อยหวานได้แล้ว หวานหายใจไม่ออก”

ผมพยายามสลัดภาพที่หวานนอนร้องไห้ ภาพที่หวานนอนซมเพราะการถูกกระทำหลายต่อหลายครั้งทิ้งไป
ใจหนึ่งผมยอมรับว่าผมอยากรู้... แต่อีกใจผมก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน
ผมกลัวความจริง...
 
 




พี่ทิวไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หมอจ้านกับตำรวจก็พังประตูเข้ามาในห้อง



 
“หึ.. ไหนใครมันบอกว่าจะไม่เอาเรื่องกู แล้วนั้นตำรวจมาได้ไงวะ
พวกมึงมันก็เชื่อไม่ได้อยู่ดี”

พี่ทิวแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะลากตัวหวานเดินไปยังหน้าห้องนอนเล็ก และทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป
ในตอนนี้ทอยที่ยืนมองพี่ทิว และหาจังหวะเข้าชาร์ตพี่ทิวนานแล้ว ก็เดินซ้อนไปด้านหลังพี่ทิว
ก่อนจะจับข้อมือพี่ทิวที่ถือปืนจ่อท้องหวานไว้
และความชุลมุนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว .. พี่เจ้นท์วิ่งเข้าไปช่วยทอยจับตัวพี่ทิว
หมอจ้านเข้าไปดึงตัวหวานออกมาให้ห่างจากพี่ทิว  เกิดการแย่งปืนจากพี่ทิว
และ.... เสียงปืนก็ดังขึ้นมา
 
 
 
ปัง!!!!
 

 



ทุกอย่างที่ชุบมุนอยู่นั้นหยุดชะงักลงทันที...
ทุกคนหันมามองหน้าผม   เจ้นท์ที่เหมือนจะรู้สึกตัวก่อนใครวิ่งเข้ามาประคองร่างของผมไว้
ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นทั่วห้อง



 
“ดิว!!!”
 
 
 
 
ผมไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย รู้แค่เริ่มไม่มีแรงจะยืน
เจ้นท์ประคองกอดผมไว้ .. เจ้นท์ร้องไห้และส่งเสียงเรียกให้ตำรวจเรียกรถพยาบาล


 
ภาพของตำรวจที่เข้าไปจับกุมตัวพี่ทิวไว้...
ทอยที่เข้าไปกอดประคองหวานที่เป็นลมหมดสติไป....
ในตอนนี้ผมเห็นคีย์...  คีย์เพื่อนรักของผม
มันยืนอยู่ข้างๆทอย   ทันทีที่สายตาของเราสบตากัน.....  คีย์ส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม
และภาพต่างๆที่ผ่านมา ภาพของผมกับรี่
ภาพของผมกับคีย์ ภาพของผมกับหวาน....
ก็ฉายวนกลับเข้ามา….
ภาพแห่งความดีใจ ภาพคืนวันดีๆ หรือภาพวันที่ผมร้องไห้เสียน้ำตา
มันเหมือนการฉายหนังวนไปวนมาไม่รู้จักจบจักสิ้น...
 
 


ภาพที่ผมกอดคีย์ไว้ในอ้อมกอดวนกลับเข้ามาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้.. คีย์เอื้อมมือมาจับแก้มผมไว้
 

“ไปด้วยกันนะดิว .. คิดถึงดิวนะ”
ผมในตอนนั้น.. กลับพยักหน้าตอบรับคีย์ไป
และภาพที่คีย์นอนอยู่ในอ้อมกอดของผมก็แปรเปลี่ยนไป
ไปเป็นภาพที่คีย์เดินนำหน้าผมอยู่ในทางที่มีแต่หมอกขาวๆเต็มไปหมด
 
“ทางนี้ดิว.. เดินมาทางนี้”
เสียงเรียกของคีย์ที่คอยบอกให้ผมเดินตามไปยังดังออกมาเรื่อยๆ
แต่แล้วภาพต่างๆกลับแปรเปลี่ยนเป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งรางๆ...ยืนอยู่ตรงหน้าผม
เค้าส่งเสียงเรียกผมซ้ำๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด
 


ดิว !  ดิว !
 

เสียงที่คุ้นหู และสัมผัสที่คุ้นเคยแบบนี้คือใครกัน?
 
 


ดิวครับ... ขอกอดหน่อย


 
ดิวครับ... กอดแค่ 5 นาทีนะจะไปทำงานแล้ว


 
ขอบคุณครับที่รัก


 
อยากว่ะ ไม่ได้ทำนานแล้ว


 
โคตรขาวเลยวะ...


 
ขอเปิดเพลงฟังได้ไหมอะ อยากฟังเพลง


 
รบกวนขอให้ไปส่งผมที่คอนโดหน่อยได้ไหม

 
 
 



และท่อนทำนองเสียงเพลงที่คุ้นหูของผมก็ดังขึ้นมา...




 
“อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้ ,, บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที“
มันซ้อนทับกับเสียงฮัมเพลงของคนๆหนึ่ง...
เสียงที่ดังมาจากที่ไกลๆ และก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ จนเหมือนมันกระซิบอยู่ที่ข้างๆหู
 


 
“ตื่นได้แล้วคนดี... พี่คิดถึงดิวจะแย่แล้วนะ”
หื้อออ เสียงนี้เสียงของใครกัน และร่างของใครคนนั้นก็หายไปทันที....
 



 
ผมพยายามขยับเปลือกตาที่มันหนักอึ้งของผมขึ้นมามองหาเจ้าของเสียง
แต่ยิ่งพยายามขยับแค่ไหน.. ความปวดร้าวของร่างกายกลับยิ่งเพิ่มขึ้น
จนเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ้ยยยย . .. “ 
 


“ดิวฟื้นแล้ว!!”
  เสียงเนียร์?
เนียร์ใช่ไหม? แล้วเสียงที่กระซิบอยู่เมื่อกี้หายไปไหนแล้วละ?

 
“ดิวเป็นไงบ้างวะมึง” ตอนนี้ผมเริ่มลืมตาขึ้นมา ก่อนจะปรับสายตาตัวเองให้ชินกับแสงสว่าง
ภาพของเนียร์.. เพื่อนของผมก็ชัดขึ้นมาทันที
 
“เนียร์” ผมเรียกชื่อมันออกไป และหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของไอ้เนียร์ก็กลับเปลี่ยนเป็นร้องไห้
 
“ไอ้เหี้ยดิว... กูเป็นห่วงมึงแทบแย่ ฮึกกก..ฮือออ”
เนียร์ดึงผมเข้าไปกอด..มันแน่นจนผมปวดตัวไปหมด แต่ผมก็ไม่ได้พยายามแกะตัวไอ้เนียร์ออก
 
“อืมม จะร้องทำไมของมึงเนี้ย  เพื่อนมึงยังไม่ตายนะเว้ย” เสียงที่เหมือนจะคุ้นหูดังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่มันไม่ใช่เสียงของคนที่มากระซิบเรียกผม...


หมอจ้าน!
ใช่.. หมอจ้านเดินเข้ามาดึงตัวเนียร์ออกจากการกอดรัดตัวผมไว้
 
 


“ขอหมอตรวจหน่อยนะดิว .. รู้ใช่ไหมว่าตัวเองโดนยิงมา
แต่โชคดีนะที่ไม่โดนจุดสำคัญ แต่ก็เสียเลือดไปมากเลย”

พอหมอจ้านพูดจบก็ทำการตรวจร่างกายของผม ตอนนี้พยาบาลก็เดินเข้ามายื่นแฟ้มคนไข้ให้หมอจ้าน
ซึ่งหมอจ้านก็รับมาจดผลตรวจร่างกายผมลงไป ก่อนจะหันไปสั่งให้พยาบาลเตรียมน้ำเกลือมาเปลี่ยน...
 
 


ทันทีที่พยาบาลเปิดประตูออกจากห้องไป กลับมีร่างของคนๆหนึ่งวิ่งสวนกลับเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
 
“ดิว.. เจ็บตรงไหนอีกไหม?”




เสียงนี้?
 



“ดิวครับ.. ทำไมนั่งนิ่งแบบนั้นละ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ใช่เสียงนี้จริงๆด้วยที่เรียกชื่อผมไว้... ไม่ให้ผมเดินตามคีย์ไป

 
“ดิว.. อย่านิ่งแบบนี้สิ พี่เป็นห่วง”
 
“เจ้นท์....”
ผมเอ่ยชื่อนั้นกลับไปด้วยความแผ่วเบา
 
“ครับ.. พี่เจ้นท์ไง.. เป็นอะไร? อยากได้อะไรไหม?”
เจ้นท์... เสียงที่คุ้นหู และภาพจางๆที่คุ้นตานั้นคือ  เจ้นท์!
 

“กอด... กอดได้ไหม?” ผมบอกสิ่งที่ผมต้องการกลับไป..
และมันทำให้คนที่ยืนมองหน้าผมด้วยความเป็นห่วงเหลือเกินนั้นยิ้มตอบกลับมา
 
“ได้สิ” เจ้นท์ขยับมานั่งบนเตียง.. แล้วค่อยๆประคองให้ผมนั่ง
ก่อนจะโน้มตัวเข้ามากอดผมไว้เบาๆ



 
“คิดถึงนะครับ”
ใช่แล้วละ.. ทั้งเสียงและสัมผัสนี้เป็นของเจ้นท์
หวังว่าคีย์คงไม่โกรธนะ.. ที่ผมเลือกจะกอดเจ้นท์ไว้แทนที่จะเดินตามคีย์ไป
 
 


“อืมม เหมือนกัน”
ผมตอบกลับเจ้นท์ไปพร้อมๆกับขยับร่างกายตัวเองให้ไปชิดกับอกแกร่งๆของเจ้นท์
อ้อมกอดที่มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย.. และรู้สึกสบายใจทุกๆครั้งที่ได้รับมัน
 
 
 



 
ผมนอนรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอีก 3 วัน เจ้นท์ก็พาผมกลับไปพักที่คอนโดของเจ้นท์
ส่วนคอนโดของผมนั้น .. เจ้นท์บอกว่าพ่อของผมให้คนเข้ามารื้อและทำห้องใหม่ทั้งหมด
แต่พอผมถามถึงพี่ทิว ... เจ้นท์กลับตอบมาแค่ว่าเอาไว้จะตอบตอนที่กลับไปพักที่บ้านแล้ว
ฉะนั้น 3 วันที่ผมนอนที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นพี่เจ้นท์ หมอจ้าน หรือแม้กระทั่งเนียร์
ก็ไม่พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย... ผมอดทนและรอวันที่จะได้กลับบ้าน
และวันนี้ก็มาถึง
 

พี่เจ้นท์ที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว..
เดินขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆผม ก่อนจะเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียงข้างที่นอน

 
“พี่ทิวละ” ผมถามขึ้นมาทันที.. และพี่เจ้นท์ไม่มีสิทธิ์จะบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามผม
ในเมื่อผมออกโรงพยาบาลแล้ว และก็มานอนบนเตียงในห้องพี่เจ้นท์ตามที่พี่เจ้นท์ต้องการแล้ว
 
“ทิวกลับไปพักที่บ้านกับทอย แต่มันต้องเข้ารับการรักษาก่อน ถ้าถามพี่ในฐานะหมอละก็นะ
ทิวมีภาวะเครียดเพราะทิวคงแบกรับความรู้สึกหลายๆอย่าง ไหนจะน้องชายถูกจับ คนรักของน้องชายตาย
พ่อแม่ที่ร้องไห้เพราะลูกชายคนเล็กหมดอนาคต ธุรกิจครอบครัวที่ต้องล้มละลายอีก.. ทิวถือเป็นว่าเป็นคนป่วยที่ต้องรักษา  และตอนนี้ทิวก็รักษาอยู่โรงพยาบาลใกล้ๆบ้าน พี่สั่งให้เพื่อนที่เป็นหมอที่นั้นดูแลให้แล้วละ”

พี่เจ้นท์เล่าเรื่องพี่ทิวจบ.. ก็ขยับตัวมาดึงผมเข้าไปกอด
 
“แล้วหวานละ หวานไปไหน? หวานไม่เป็นอันตรายอะไรใช่ไหม?”
หวานกับลูก.. ผมลืมไปได้ยังไง? เพราะมัวแต่กังวลว่าพี่ทิวจะโดนจับไหม
ผมถึงกับลืมหวานเลยหรอเนี้ย.. คิดแล้วก็โกรธตัวเอง!!!!!!
 
“เห้อออ ไม่อยากตอบเลยจริงๆคำถามนี้ ถ้าบอกว่าหึงแล้วไม่ตอบได้ไหม?”
ผมทุบอกพี่เจ้นท์กลับไป.. คนยิ่งเครียดๆอยู่จะมาหึงบ้าบอไรละ!!
 
“ตอบมา!” ผมส่งเสียงดุๆกลับไป พี่เจ้นท์ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของผม
 
“หวานขอโทษพ่อของดิวที่ทำให้ดิวเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ หวานบอกว่าหวานรักนายมาก
และเพราะรักเลยทำเรื่องไม่ดีขึ้นมามากมาย พ่อดิวเลยถามว่าหวานจะเอาไงต่อ
เค้าบอกเค้าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เพราะไหนๆหวานก็ถือว่าเป็นสะใภ้ของเค้า
รู้ไหม.. พ่อแม่ของดิวโคตรดีอะใจนังเลงสุดๆ รู้ทุกเรื่องแต่ไม่โวยวายไม่ห้ามดิวเลยเรื่องของหวาน”

 
“เล่าต่อดิ.. อย่าเพิ่งมาชมพ่อกับแม่ตอนนี้ได้ไหม?” พ่อแม่ผมสุดยอดมากครับผมรู้..
เพราะท่านยอมให้ผมจดทะเบียนสมรสกับหวานทั้งๆที่อายุเพิ่งจะ 19  โดยไม่คัดค้านอะไรเลย
และไหนจะเรื่องของคีย์กับทอยอีก.. ผมไม่รู้จะหาคำไหนๆมาพูดได้เลยว่าท่านทั้งสองรักผมและทำเพื่อผมแค่ไหน
 
“หวานขอแค่.. ให้พ่อช่วยจัดการเรื่องหย่ากับดิว และขอแค่... ไม่ให้ดิวมายุ่งกับหวานอีก”
 
“ทำไมละ.. แล้วหวานจะอยู่ยังไง?”

ผมนึกห่วงหวานขึ้นมาจับใจ เพราะนอกจากผมแล้วหวานก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก
 
“พ่อแม่ของหวานก็อยู่นะวันนั้นนะ เค้าบอกจะพาหวานไปอยู่เมืองนอกและจะดูแลหวานต่อเอง
ที่ผ่านมาเค้าขอโทษครอบครัวของดิว ที่ต้องมารับภาระจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้ แต่เค้าขอไม่บอกว่าจะพาหวานไปที่ไหน ส่วนใบหย่านะ.. หวานเซ็นไว้แล้ว เอกสารอยู่กับพ่อของดิว ถ้าดิวพร้อมเมื่อไหร่พ่อบอกให้พี่พาดิวกลับไปที่บ้าน”

หวานจากไปอีกคนแล้วงั้นหรอ?
หวานกับลูก.. เป็นครอบครัวของผม เป็นคนที่ผมคอยปกป้องและดูแลมาตลอด
ผมไม่คิดว่าหวานเป็นภาระ... แต่ผมกลับภูมิใจที่ผมได้ดูแลหวานกับลูก
อยู่ๆก็รู้สึกใจหาย ที่คนสำคัญในชีวิตผมหายไปทีละคนๆ ๆ
ถึงจะไม่ได้ตายจากกัน.. แต่ก็เหมือนเค้าไปไกลจากชีวิตผมมาก
 
“ดิวไม่เหลือใครแล้วงั้นหรอ?”
ผมเอ่ยถามพี่เจ้นท์ขึ้นมาด้วยความกลัว...
 
“ยังมีรี่ มีเนียร์ เพื่อนที่มหาลัยอีกละ? นี้เปิดเรียนแล้วนะ
พรุ่งนี้ไปเรียนเลยดีไหม? เพื่อนๆคงคิดถึงกันแย่แล้วละ”

พี่เจ้นท์ตอบเสร็จก็โน้มหน้ามาจูบที่หน้าผากผมอย่างแผ่วเบา...
 
“รี่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ตลอดเวลาที่นอนที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวที่โดนยิง
ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมรี่ และไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องใดๆอย่างที่ผมบอกไปแล้ว
เรื่องรี่.. ก็เป็นหนึ่งในเรื่องนั้นเหมือนกัน
 
“พูดเก่งแล้วละ ด่าไอ้ทิวจนไม่มีชิ้นดี แต่รี่ก็บอกว่ารักทิวและอภัยให้ทิวทุกอย่าง
เห็นบอกว่าถ้าหายดีแล้วจะไปเยี่ยมทิวที่บ้านนะ”
 
“หึ.. เจ็บไม่จำจริงๆ แต่ถ้ามันทิ้งพี่ทิวจริงๆ ดิวก็จะโกรธมันที่บังอาจมาทิ้งพี่ชายดิว
แต่จะให้คืนดีกับพี่ทิวง่ายๆดิวก็ไม่ยอมเหมือนกันแหละ”

ผมตอบกลับไป พลางนึกแผนให้รี่แกล้งพี่ทิวกลับ แต่ไม่ใช่แผนร้ายๆนะครับ  5555
 
“เจ้าแผนการจริงๆเลย ถามหาทุกคนเลย แล้วไม่ถามถึงพี่บ้างหรอ?”
นี้สิ.. เจ้าแผนการและเจ้าคนร้ายตัวจริง!!!!
พี่เจ้นท์เปลี่ยนจากการนอนกอดผม   มานอนตะแคงแล้วเอามือเท้าหัวไว้
แสงไฟจากภายนอกบ้าน มันทำให้มองเห็นหน้าพี่เจ้นท์ชัดเจนแม้ในห้องจะปิดไฟแล้วก็ตาม
 
“ถามทำไมละ พี่เจ้นท์ก็อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่หรอ?”
ผมเบี่ยงหน้าหลบสายตาของพี่เจ้นท์
โหยย ใครจะทนจ้องตากับพี่เจ้นท์ไหวละ มองมาขนาดนั้น
ใจผมเต้นแรงจนเสียงแอร์ที่ดังแค่ไหนก็สู้เสียงหัวใจผมตอนนี้ไม่ได้
 
“จริงๆดิวต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม? ที่ทำให้พี่เป็นห่วง”
พี่เจ้นท์พูดไปก็เลื่อนมือมากอดเอวผมไว้ แขนของผมแนบชิดเข้าไปกับอกแกร่งของพี่เจ้นท์
 
“บ้า! ใครสั่งให้เป็นห่วงละ” ผมพูดพร้อมๆกับผลักตัวพี่เจ้นท์ออก
เพราะแขนที่ชิดไปกับอกของพี่เจ้นท์.. มันทำให้รู้สึกได้ว่าพี่เจ้นท์ก็ใจเต้นแรงไม่ต่างกัน
 
“เมียพี่ทั้งคน.. ไม่ต้องมีใครสั่งพี่ก็ห่วง
เห้อออ นี้ก็แนะนำตัวไปกับพ่อดิวแล้วนะ เกือบโดนพ่อดิวเอาปืนมาไล่ยิงแหนะ”
 
“เห้ยย    เดี๋ยวๆ นี้ไปบอกพ่อว่าไงเนี้ย”

พอพี่เจ้นท์พูดว่าไปแนะนำกับพ่อมาแล้วแค่นั้นแหละ ผมรีบหันมามองหน้าพี่เจ้นท์ทันที
แต่ก็เหมือนหลงกลคนจอมเจ้าเล่ห์ เพราะพอหันหน้ามาแล้ว หน้าผมก็แทบจะแนบชิดไปกับหน้าของพี่เจ้นท์
ปลายจมูกของเราสัมผัสกัน.. สัมผัสร้อนๆจากปากของพี่เจ้นท์ค่อยๆเลื่อนมาสัมผัสเข้าที่แก้ม ... ปลายคาง
และสุดท้ายก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา
 
“ไปบอกว่า..ผมรักลูกชายของพ่อครับ
พี่เจ้นท์กระซิบคำว่ารักซ้ำๆ และประกบจูบที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง และอีกครั้ง.
มันเป็นสัมผัสที่ทำให้ใจของผมเต้นแรงกว่าเดิม.. ความร้อนจากริมฝีปาก
และคำบอกรักซ้ำๆของพี่เจ้นท์... มันกลับเร่งให้ร่างกายได้รู้สึก
ซึ่งความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นใครกับ ไม่ว่าจะคีย์หรือหวาน
ความรู้สึกที่.......
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ว่ามันอยากได้รับมากกว่านี้... และมากกว่านี้จริงๆ



------------------------------------------------------------------

โอ๊ะ... อีก 1 ตอน + บทส่งท้ายก็จบแล้ว : )
ฝากให้กำลังใจหนุ่มๆไปจนจบเรื่องด้วยนะคะ

#เจ้นท์ดิว
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -18||3-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-11-2016 18:27:47
 o13
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -18||3-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-11-2016 20:17:56
เฮ้อ......พอรู้เรื่องทั้งหมด
รู้สึกว่า ดิว ช่างอ่อน ซื่อ ไม่ทันคนรอบด้าน
หรืออีกแง่หนึ่งเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี
หวาน สวยก็สวย รักดิว จนวางแผนทำร้ายคีย์
ร้ายเกินกว่าหน้าตา
รักดิว แต่ทำไมไปท้องกับคนอื่น งง มากกก
หวาน น่าจะท้องกับทิว
ทิว ทำเพื่อล้างแค้นหวาน และทำร้ายดิวไปด้วยสินะ
ดิว รู้ทั้งรู้ว่าหวานท้องกับคนอื่น ก็ยังรับมาเป็นเมีย งง อีกละ
แถมส่งหวานไปเรียนเมืองนอก  :katai1: :katai1: :katai1:
พ่อแม่ดิว ก็แสนดี ช่วยครอบครัวทิวไปหมด
ส่งเสียทิวเรียนทั้งที่รู้ว่าทิว เกลียดพวกตัวเอง
ทิว ยิ่งประหลาด ผิดปกติ ไม่สมเหตุสมผล
ทำตัวดีกับดิว แต่วางแผนร้ายๆ ให้ดิวเสื่อมเสีย
ทั้งที่รู้เรื่องว่าหวาน วางแผนจากทอย
ทั้งที่พ่อแม่ดิว ก็ช่วยพ่อแม่ตัวเอง
หรือทิว เป็นบ้าอยู่ก่อนแล้ว
สรุป คนเลวมีสองคน คือ หวาน กับทิว สินะ
แล้วรี่ เกือบตาย แต่ไม่โกรธ ด่าทิวอย่างเดียว
(ทิวไม่ได้ฟังรี่ด่าเล้ย คนฟังคือเนียร์)
แต่รี่ ก็จะอยู่กับทิวต่อไป งง มากกกก อาเมน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -19||4-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 04-11-2016 15:31:46


[ดิว] - Chapter 19

 

 







เช้านี้พี่เจ้นท์ก็มาส่งผมที่หน้าคณะ และเนียร์ก็มายืนรอรับผมอยู่แล้ว
พอจอดรถหน้าคณะได้.. พี่เจ้นท์ก็รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ผม แถมยังประคองผมให้เดินลงจากรถอีก
คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าคณะก็มองและเริ่มซุบซิบกันใหญ่เลย
แต่มีหรือครับที่พี่เจ้นท์จะสนใจ.. พี่เจ้นท์กลับไปเปิดประตูรถด้านหลังหยิบหนังสือมาส่งให้เนียร์ช่วยถือ
ก่อนจะฝากฝังเนียร์ให้ช่วยดูแลผมซะอย่างดี..
และก่อนจะขึ้นรถพี่เจ้นท์ก็ยังไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหล่อๆไปเผื่อแผ่สาวๆที่นั่งมองอยู่
จะเกลียดก็ตอนนี้แหละครับ!
 
 
เมื่อคืนนะหรอครับ? อ่อ.. ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเมื่อคืนไปแบบนั้นแหละเนอะ
อ้าวว.. อยากรู้จริงๆหรอว่าเกิดอะไรขึ้นไหม?
เอาเป็นว่าคิดกันเองเลย ว่าคนแบบพี่เจ้นท์มันจะทำแค่นั้นไหม?
โอเคๆ บอกก็ได้... พี่เจ้นท์มันบอกแค่ว่า...
 
 
“รอหายก่อนนะครับ พี่จะเอาคืนให้สมใจเลย”
 
 
 
 
 
 
กว่าการเรียนวันนี้จะจบลง ผมก็เหนื่อยสุดๆไม่ได้เหนื่อยเพราะการเรียนหรอกนะ
เหนื่อยที่ตอบคำถามเพื่อนว่า.....
เป็นอะไร? 
หายไปไหนมา? 
แล้วรี่ไปไหน?
คบกับพี่เจ้นท์นิติจริงหรอ?

 


 
ขนาดเดินออกจากห้องแล้วมาเจอพวกรุ่นพี่ ก็ต้องตอบคำถามเดิมๆซ้ำๆครับ
และขณะที่ผมนั่งกับพวกพี่โซ่ และพี่รหัสของผม
ไอ้คนที่เป็นหัวข้อในคำถามที่ผมต้องตอบในวันนี้เยอะที่สุดก็จอดรถที่หน้าคณะของผม
พร้อมๆกับเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม.. ที่คิดว่าสาวๆหลายคนจะแอบกรี๊ดอยู่แน่ๆ
 
“จอดรถผิดคณะป่าววะมึง”
เสียงพี่โซ่ทักทายพี่เจ้นท์กลับไป
ผมเพิ่งทราบจากพี่โซ่ว่าพี่เจ้นท์เคยไปประกวดเดือนมหาลัย เลยมาสนิทกับพี่โซ่ที่ไปประกวดด้วย
 
“ถ้าคณะนี้มีดิว กูก็จอดไม่ผิดนะ” พี่เจ้นท์ก็ตอบกลับมาแบบยียวนและชวนให้สาวๆกรี๊ดกันสุดๆ
 
“หึ.. กูโคตรยอมมึงเลยไอ้เจ้นท์ ตอบกลับมาซะน้องกูหน้าแดงเลย”
พี่รหัสผมเองครับ.. เป็นคนตอบพี่เจ้นท์ ซึ่งไม่ได้ตอบเฉยๆนะ
เอามือมาผลักหัวผมด้วย .. ผมเสียทรงหมดเลยอะ!
 
“กลับเลยไหม? วันนี้จะพาไปเยี่ยมรี่” พี่เจ้นท์ล้มตัวนั่งข้างๆผมก่อนจะหันมากระซิบกับผมเบาๆ
พี่เจ้นท์นะ..นิสัยเสียโคตรชอบมากระซิบใส่ข้างๆหูผม
แล้วผมก็บ้าจี้.. แค่พี่เจ้นท์กระซิบนิดหน่อยก็หน้าแดงให้พี่เจ้นท์มันได้แซวตลอด!
 
“อืมกลับเลยก็ได้” ผมหันไปตอบพี่เจ้นท์
แต่การกระทำของผมกับพี่เจ้นท์ก็ไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของพี่รหัสผมกับพี่โซ่
เลยโดนแซวกันไปจนตัวแดงหน้าแดงไปหมด กว่าจะได้พากันออกจากหน้าคณะก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ซึ่งก็โดนไอ้พี่โซ่ กับพี่รหัสผมนั้นแหละครับนั่งแซว นั่งแดกดันอยู่นั้นแหละ!!!
 
 



 
“เนียร์.. มึงไม่ไปเฝ้าแฟนมึงหรอวะ?”

ผมอดที่จะถามเนียร์ไม่ได้ เพราะตอนนี้มันนั่งรถพี่เจ้นท์มาด้วย มันบอกจะมาหาหมอจ้าน
ซึ่งหมอจ้านเป็นคนโทรมาสั่งเจ้นท์ว่าให้ลากคอไอ้เนียร์มาส่งให้หมอจ้านที่โรงพยาบาลด้วย
 
“แฟนกูก็หมอจ้านไง อ่อ.. ตอนมึงนอนรักษาตัวอยู่กูคงลืมบอกไปว่ากูเลิกกับน้องแตงแล้ว
เพราะไอ้หมอจ้านตัวดีนี้แหละโทรไปบอกน้องแตงว่าเป็นผัวกู
แล้วมึงก็น่าจะคิดต่อได้นะว่ากูจะโดนน้องแตงด่าขนาดไหน”
 
“โหววหมอจ้านแม่งแรงวะ 5555 แต่มึงก็สบายใจแล้วดิ ไม่เห็นมึงทุกข์ร้อนอะไร”

ผมอดที่จะหันไปมองไอ้เนียร์มันได้.. รู้สึกหน้าตามันดูสดชื่นขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
 
“ก็ดีนะ ได้คบกันคนที่แอบชอบมาตั้งนาน”
แต่สกิลความหน้าด้านมันก็เพิ่มตามขึ้นด้วยครับ กล้าพูดได้อย่างหน้าตาเฉย
 
“ครับๆ อาซ้อใหญ่ของโรงพยาบาล” ผมเลยแกล้งแซวมันไป
 
“พี่เจ้นท์เป็นพี่ ถ้าจะเรียกว่าซ้อใหญ่คงต้องเรียกมึงนั้นแหละว่าซ้อใหญ่อะ”
แต่ก็โดนมันแซวกลับมาจนทำให้ผมต้องนั่งเงียบๆฟังพี่เจ้นท์ฮัมเพลงต่อไป
 



“มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย มีความหมาย”



พี่เจ้นท์ฮัมเพลงไปก็หันมาสบตาผมด้วย.. ไอ้เพลงนี้นะหลอนผมไปหมดแล้วครับ
เพราะพี่เจ้นท์ร้อง และเปิดบ่อยด้วยมั้ง ผมเลยเอาไปตั้งเป็นเสียง Ringtone
และทำเป็นเสียงรอสายเวลาคนโทรเข้ามาด้วยครับ
 



“เออ... ว่าจะถามนานละทำไมพี่เจ้นท์ชอบร้องเพลงนี้จังเลยครับ
ตอนที่ดิวนอนโรงพยาบาล ก็เห็นพี่เจ้นท์เปิดเพลงนี้วนไปวนมาตลอดเลย
หรือว่ามึงชอบวะดิว?”

ผมหันไปมองหน้าพี่เจ้นท์.. ซึ่งพี่เจ้นท์มันไม่ได้ตอบเนียร์หรอกครับ
มันเปิดเสียงเพลงให้ดังขึ้น ก่อนจะฮัมเพลงตามไปด้วย
และเนียร์ก็ได้รู้คำตอบว่า... มันควรนั่งฟังเพลงต่อไปเงียบๆนั้นแหละดีที่สุด.
 
 
พอมาถึงโรงพยาบาล พี่เจ้นท์ก็ขอตัวไปดูแลคนไข้ VIP
ทุกคนคงยังไม่ลืมใช่ไหมครับ? คนไข้ VIP ก็คือเคสที่พี่เจ้นท์ไปผ่าตัดให้นั้นแหละครับ
อ่อ.. ส่วนเรื่องที่พี่เจ้นท์เป็นหมอนะ ยังเป็นความลับกับคนที่มหาวิทยาลัยนะ
ซึ่งผมก็แอบคิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่บอกใคร ขนาดทุกวันนี้สาวยังกรี๊ดมันขนาดนี้
ถ้ารู้ว่ามันเป็นหมอ และเป็นเจ้าของโรงพยาบาล
ผมว่า.. สาวๆมหาวิทยาลัยผมคงเปลี่ยนสถานที่นั่งเล่นจากพารากอน หรือสยาม
มานั่งชิวๆกินกาแฟที่โรงพยาบาลนี้แน่ๆ
 



หึงหรอ? อืมมม ผมไม่ได้หึงครับ ไม่ได้หึงจริ๊งจริง!!!!!
(เสียงสูงทำไม??)




 
พอแยกกับพี่เจ้นท์  ...  ผมกับเนียร์ก็มาหารี่ที่ห้องพัก .. ซึ่งมันย้ายมานอนห้องพิเศษแล้วครับ
ท่าทางของมันเหมือนคนไม่ได้เจ็บไม่ได้ป่วยเลย นอนชิวๆดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ
 


“ดิววววว!!” ทันทีที่มันเห็นว่าผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็เรียกชื่อผมซะขนลุกเลยครับ
เสียงหวานนนนนน ยานนนนนนๆแบบที่มันชอบเรียกนั้นแหละครับ
 
“พอเลย.. กูสยอง!” ผมเดินเข้าไปให้มันกอด ก่อนจะแสร้งทำเป็นผลักตัวมันออกเบาๆ
เพราะไม่อยากดราม่าครับ งานน้ำตาต้องมาแน่ๆแหละ
 
“มีแต่สามึงมาเยี่ยมกู แต่มึงไม่มาเลยนะ ได้ข่าวว่าสามีขากูทำร้ายมึงใช่ไหม
เดี๋ยวกูไปจัดการให้เอง รอกูออกโรงพยาบาลก่อนนะ”

รี่ก็ยังเป็นรี่วันยังค่ำครับ ต่อให้เจอเรื่องเครียดแค่ไหนก็ตาม
มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นเรื่องที่แสนสบายได้ทุกเวลา
 
“มึงโอเคนะเรื่องพี่ทิวอะ?”
ผมอดที่จะถามมันกลับไปไม่ได้ แต่มันก็ยิ้มตอบกลับมา
 
“คำว่ารักมันชนะทุกอย่าง ขอบคุณมึงด้วยที่ทำให้กูได้เจอพี่ทิว
กูไม่ได้โกรธอะไรพี่ทิวหรอก.. กูเข้าใจพี่ทิว”

นี้สิ.. คนสวยของผม : )
รี่เป็นผู้หญิงที่มองโลกแง่บวกมาก บางครั้งก็บวกมากไป แต่ก็ดีนะที่มันให้โอกาสที่ทิวอีกครั้ง
ซึ่งผมก็คิดว่าพี่ทิวก็ต้องรักรี่บ้างแหละ ไม่งั้นไม่อยู่กับรี่มาหลายปีหรอกนะ
 
“กูต้องไปชำระความกับพี่ทิวก่อน หลอกกูไปกินข้าวกับที่บ้าน กับแม่
แต่พ่อแม่แท้ๆไปอยู่เมืองนอก.. หลอกกูไปกินกับใครวะหลายรอบด้วย
แม่งงง.. โทรหาก็บอกว่าพี่รักษาตัวอยู่ ทำซะกูไม่กล้าด่าเลย”

รี่ก็ยังพูดเรื่องพี่ทิวให้ฟังไปเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มและเป็นผู้ฟังที่ดี
อย่างน้อยๆผมก็เห็นว่าเรื่องของรี่กับพี่ทิวน่าจะลงเอยกันด้วยดีนะ.
 
 
 
ผมนั่งคุยกับรี่จนเกือบๆสองทุ่ม พี่เจ้นท์กับหมอจ้านก็เดินเข้ามาในห้องพัก
ก่อนที่หมอจ้านจะขอตัวพาเนียร์ไปทานข้าว และพาไปพัก
ผมก็โดนพี่เจ้นท์พากลับคอนโดเช่นกัน
ซึ่งรี่ก็โคตรจะดีแสนดี..โบกมือลาพวกผมด้วยรอยยิ้ม
 
“นี้เพื่อนกูออกเรือนกัน ได้ผัวกันหมดแล้วหรือนี้”
ดูมันสิครับ... แต่ละคำที่พูดมาน่าจะกอดมันแรงๆแล้วกัดแขนมันให้จมเขี้ยวซะทีจริงๆเลย!!
 
 
 
 
ผมก็ไปเรียนและนอนที่คอนโดของพี่เจ้นท์ปกติครับ จนผ่านไปเกือบ 1 เดือน
รี่ก็ออกจากโรงพยาบาล และตัดสินใจดร๊อปเรียนในเทอมนี้ไปก่อน
มันบอกว่าจะกลับมาเรียนพร้อมพี่ทิวในเทอมหน้า.. ซึ่งมันจะจบช้ากว่าผม 1 เทอม
และตอนนี้มันก็กลับไปอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว มันขยันส่งรูปพี่ทิวมาให้ผมทุกวัน
รูปทอยด้วย.. และรูปของมันอีก จนบางทีผมแทบอยากจะบล็อกไลน์ของมันจริงๆเลย

 
“เผื่อมึงคิดถึงกู.. นี้คือสามีทั้งสองของกูเอง ทิวทอย.. งานดีมากเว้ยย!”
รูปล่าสุดคือรูปของมันถ่ายกับพี่ทิวและทอย ซึ่งดูจากสถานที่ก็คงถ่ายที่สวนบ้านผมนั้นแหละครับ
ปากมันพูดไปแบบนั้น.. แต่มันก็รักพี่ทิวคนเดียว ส่วนกับทอยนะมันบอกต้องเอาใจน้องสามีครับ
เอาเลยเต็มที่.. พี่รี่คนสวย น้องดิวยอมใจในความตรงและความแรงแล้วครับ!!!
 
 


 
“ดิว.. พี่ขอแวะหาพี่ชาญหน่อยได้ไหม เห็นไอ้แว่นบอกว่าพี่ชาญอยากเจออะ
ดิวไหวไหม? ปวดแผลอยู่หรือป่าว?”

เอาจริงๆแผลผมหายปวดไปแล้วครับ มันผ่านมาเป็นเดือนแล้วนี้นะ
ผมเลยพยักหน้าตอบกลับพี่เจ้นท์ไป...
พอมาถึงหน้าร้านพี่ชาญ... ภาพวันที่เจอพี่เจ้นท์โดนเพื่อนต่อยก็กลับเข้ามาในความคิดผมอีกแล้วครับ
ผมหันไปมองหน้าพี่เจ้นท์เล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากออกมาอย่างลืมตัว

“มองหน้าพี่แล้วเบ้ปากหมายความว่าไง?”
พี่เจ้นท์ที่จอดรถเสร็จแล้วหันมามองหน้าผม
 
“อยู่ๆก็รู้สึกเกลียดขึ้นมาอะ ไม่มีไรหรอก”
ผมตอบพี่เจ้นท์กลับไป ก่อนจะเดินลงจากรถ แล้วดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากกางเกง
 
ถอดเข็มขัดกับเน็คไทนดีกว่ามีตรามหาลัยด้วยใส่เข้าร้านเหล้าคงไม่ดีแน่ๆ
คิดได้แบบนั้นก็รีบถอดเข็มขัดและเน็คไททันทีครับ พอดีวันนี้มีพรีเซ็นต์งานต้องแต่งการถูกระเบียบ
ผมเลยมาเรียนแบบถูกระเบียนสุดๆ คล้ายๆเด็กปี 1 เลยครับ
 
“เกลียดหรือคิดถึงวันแรกที่เราเจอกัน? พูดใหม่ก็ได้นะ”
ไอ้พี่เจ้นท์แม่งง... รู้ทันตลอด ผมผลักพี่เจ้นท์ที่กอดคอผมออก ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านพี่ชาญ
พอน้องมีน บาเทนเดอร์สุดหล่อเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทันที
 
“สวัสดีครับพี่.. ไม่ได้มานานเลยนะ รับแบบเดิมไหม? ผมจำได้นะว่าพี่ทานแบบไหน?”
 
“เอามาเลย”
ผมเดินไปนั่งคุยกับน้องมีนทันที
ซึ่งไอ้พี่เจ้นท์ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเดินมาพูดฝากผมไว้กับน้องมีน
ก่อนที่ตัวมันจะเดินไปทักพี่ชาญในห้อง
 
เกือบๆครึ่งชั่วโมง พี่ชาญกับพี่เจ้นท์ก็เดินออกจากห้อง VIP มาหาผม
 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ชาญ ก่อนจะหันไปดื่มต่อ
 
“แผลหายดีแล้วนี้หว่า.. ขอเลี้ยงเหล้าสักแก้วได้ไหมวะ”
พี่ชาญหันไปสั่งเครื่องดื่มกับน้องมีน ไม่รู้เมนูอะไร ทำไมพอน้องมีนได้ยินมันถึงส่งยิ้มแปลกๆมาให้ผมก็ไม่รู้
น้องมีนหันไปชงเครื่องดื่มสักพักก็ยื่นแก้วกลับมาให้ผม
 
“นี้ครับ.. เมนูพิเศษขอให้พี่ดิวมีความสุขในคืนนี้นะครับ”
คำอวยพรมันดูแปลกๆ แต่ผมก็รับมาดื่ม รสชาติหวานๆลิ้น แต่ก็ซ่าๆเวลาดื่ม
อร่อยดีเหมือนกันนะ.. เอาไว้มาครั้งหน้ามาสั่งอีกดีกว่า
 
“พี่ชาญ.. สั่งอะไรให้มันกินเนี้ย กินไปแก้วเดียวแก้มแดงเลย”
เสียงพี่เจ้นท์หันไปถามพี่ชาญ.. ที่นั่งยกยิ้มกวนตีนอยู่เก้าอี้ข้างๆผม
 
“ก็เครื่องดื่มธรรมดา.. พามันกลับไปพักได้แล้ว ดึกดื่นแล้วไม่กลับห้องหรือไง”
พี่ชาญแม่ง... เป็นคนดีเหมือนกันนะ มีไล่แขกกลับบ้านด้วย
แต่ผมตอนนี้คงเริ่มเมาแล้วละ อยู่ๆก็มึนหัวขึ้นมา
 
“เจ้นท์.. กลับเถอะ มึนแล้ววะ”
พี่เจ้นท์เดินเข้ามาประคองตัวผมไว้ ก่อนจะหันไปบ่นน้องมีนเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ผมเมาและมึนมาก จนไม่ได้ยินว่าเจ้นท์มันบ่นว่ายังไง
และกลับมาถึงคอนโดพี่เจ้นท์ตอนไหน...
รู้แต่โคตรร้อน ... ร่างกายร้อนจนทนไม่ไหวจริงๆ
ทั้งๆที่เพิ่งอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกี้นี้เอง.. ทำไมถึงร้อนอีกแล้วนะ
 
“เจ้นท์... อื้อออ ร้อนอะ หื้อออ”
ผมร้องบอกกับเจ้นท์.. และพยายามจะถอดเสื้อนอนออก
แต่เพราะมันมึนมากๆ มากจนลุกขึ้นนั่งไม่ไหวแล้ว เลยยื่นมือควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ
 
“ดิว... อย่าถอดเสื้อนะ เดี๋ยวกินน้ำหน่อยนะ พี่เอาน้ำให้”
พี่เจ้นท์ดึงเสื้อนอนผมไว้... ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปหยิบน้ำมาให้ผมดื่ม
สักพักพี่เจ้นท์ก็กลับมาพร้อมๆกับยื่นแก้วน้ำให้ผม
ผมรับมาดื่มอย่างกระหาย.. เหล้าของพี่ชาญโคตรแรงเลยอะ
ทั้งร้อนตัว.. ทั้งคอแห้ง ตอนแรกก็อร่อยหรอกนะแต่พอเมาแล้วไม่ไหวจริงๆ
 
“ดิวครับ ร้อนอยู่ไหม?”
พี่เจ้นท์รับแก้วน้ำไปเก็บ แล้วหันมากระซิบถามผม
 
“หื้ออ.. อย่ากระซิบสิ ไม่ชอบบ!” ผมผลักหน้าพี่เจ้นท์ออกไปให้ไกลๆจากหน้าผม
แต่มันก็เหมือนแรงดึงดูดอะไรซะอย่าง.. ทันทีที่มือผมสัมผัสที่หน้าอกแกร่งของพี่เจ้นท์
ความร้อนจากปลายนิ้วมือที่สัมผัสนั้น ก็ทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมา
 
“ไม่ชอบจริงๆหรอครับคนดี” พี่เจ้นท์ยังยื่นหน้ามากระซิบเบาๆที่หูของผมอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้พี่เจ้นท์จงใจใช้ริมฝีปากสัมผัสที่ติ่งหูของผมอย่างแผ่วเบา
 
“อ๊ะ.. อื้ออ เจ้นท์ไม่เอา” ผมอยากจะผลักคนตรงหน้าออกไปให้ไกล
แต่มือผมกลับทำตรงกันข้าม
ผมดึงเสื้อนอนพี่เจ้นท์ไว้แน่น.. จนเจ้นท์อดที่จะขำออกมาไม่ได้
 
“หื้ออ ไม่เอาแต่ดึงเสื้อพี่ไว้? เอายังไงดีครับ?”
เกลียด.. เกลียดรอยยิ้มของคนตรงหน้า
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้.. ว่ามันโคตรหล่อจริงๆ
 
เจ้นท์ผละตัวออกไปหยิบมือถือขึ้นมา.. และเปิดเพลงที่เจ้นท์ชอบ



 
พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน
พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ
ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้

 


“พี่ขอกอดหน่อยได้ไหม”

เจ้นท์เดินเข้ามาล้มตัวนอนข้างๆผม ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด
ความรู้สึกแบบนี้มันมาอีกแล้ว....
 
 
 
 
 
 
 

“แค่กอดยังไม่พอ”

 



 
 
แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร
 

 


ผมซุกตัวเข้ากับอกแกร่งๆของเจ้นท์ทันที ..
เจ้นท์เริ่มประทับริมฝีปากร้อนๆลงที่ติ่งหู และซอกคอของผม
ปากก็พร่ำบอกคำว่า “รัก”   ที่ผมได้ยินกี่ครั้งก็รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้ง
 


อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย

 


 
เจ้นท์เงยหน้ามาสบตากับผมอีกครั้ง.. ก่อนจะส่งยิ้มและสายตาเป็นเชิงขออนุญาต
ความร้อนรุ่มที่มีอยู่ในตัวผมตอนนี้
ทุกๆรอยสัมผัสที่เจ้นท์ฝากไว้ ...
มันทำให้ผมยื่นมือไปกอดรอบคอของเจ้นท์ไว้
ก่อนจะโน้มคอเจ้นท์ลงมา..
 




ยังไม่คิดยอมแพ้ ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น
ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้
ความในใจของเธอ เหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้

 




“อื้อออ... ทำเถอะ   หื้ออ.. อื้ออออ  ระ.. รักดิวไหม?”
คำพูดที่ทำให้เจ้นท์ยิ้ม.. และทำให้เจ้นท์ประกบริมฝีปากร้อนมาที่ริมฝีปากของผม
ไม่ต้องมีคำพูดอะไร   ไม่ต้องตอบคำถามอะไรอีกแล้ว
เพราะร่างกายของผมกับเจ้นท์มันตอบทุกอย่างได้ดี
 




“รักดิวครับ ..  รักนะครับรู้ไหม?”
 
 
 









 
“รัก อื้อออ.. รัก ... รักพี่เจ้นท์ครับ”

 
 
 











ระยะทางที่ผ่านมาของผมกับเจ้นท์...
มันอาจจะทำให้ความรู้สึกว่าเราไม่มั่นใจในความรัก หรือเราไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่
ผม...  อาจจะซ่อนอดีต ซ่อนความรู้สึกมากมายไว้ในใจ
เจ้นท์.. อาจจะเคยผ่านเรื่องราวความรัก หรือผ่านอะไรมามากมายเช่นกัน
เราอาจจะเริ่มต้นกันได้ไม่ดีนัก.. แต่ปลายทางของเรา... จะมีกันและกัน
ทั้งจากนี้และตลอดไป.














-------------------------------------------------
เหลือบทส่งท้ายอีก 1 ตอนนะคะ
เรื่องของ #เจ้นท์ดิว ก็จะจบลงแล้ว : )
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ และทุกๆคนที่เข้ามาอ่านด้วยน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [ดิว] - Chapter -19||4-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2016 19:50:46
ดิว มีความรู้สึกดีๆ ให้พี่เจ้นท์มานานและ แต่ไม่แสดงออก
พี่ชาญ นี่ให้คนชงเหล้าใส่อะไร ที่มันร้อนแรงให้ดิวดื่มแน่เลย
พี่ชาญ ทำเพื่อพี่เจ้นท์สินะ ให้เจนท์ ดิว มีความสุข
แล้วก็สำเร็จ เจ้นท์ ดิว หวานฉ่ำ สุดๆ :o8: :-[ :impress2:
อยากอ่าน พี่จ้าน เนียร์ และ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ || [เจ้นท์] - บทส่งท้าย ||6-11-59
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 06-11-2016 00:20:31



บทส่งท้าย   ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้



 
 


 
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า.. พร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่นอนกอดผมไว้
พอผมขยับตัว.. ดิวก็ขยับตัวเองลงไปซุกกับผ้าห่มอุ่นๆแทน
ใบหน้าที่ขาวผ่อง.. กับซอกคอขาวๆที่มีรอยสีสวยๆประดับอยู่เล็กน้อย
ชวนให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะโน้มหน้าลงไปหอมที่แก้มของดิว
 

“อื้อออ.. จะนอน อย่ามากวนน่ะ!”
ดิวผลักหน้าผมออก พร้อมๆกับบ่นออกมาเบาๆ
ผมก็ไม่อยากจะกวนดิวมาก เพราะเมื่อคืนก็เอาแต่ใจตัวเองไปซะเยอะเลย

 
“เดี๋ยวไปหาข้าวมาให้ทานนะ” ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ถึงจะอยากนอนกอดดิวมากแค่ไหนก็ต้องพยายามห้ามใจตัวเอง
เพราะดิวคงต้องกินข้าวและต้องกินยา...
จรรยาบรรณแพทย์ที่มีอยู่ทำให้ต้องรีบหายาให้ดิวทาน
แต่จริงๆคือเป็นห่วงและก็สงสารดิวนั้นแหละครับ โดนผมแกล้งทั้งคืน....
 
 
 
หลังจากที่ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบลงไปหาซื้อข้าวมาให้ดิว
กลับขึ้นห้องมาก็เห็นว่าดิวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาตรงห้องรับแขก

 
“อ้าว.. ตื่นแล้วหรอ?”
ผมทักดิวเสร็จแล้วก็เดินไปทางห้องครัว เพื่อเตรียมข้าวให้ดิวทาน
 
“ไปไหนมา” ดิวเดินตามเข้ามาก่อนจะดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
 
“ไปหาซื้อข้าวมาไง ทำไมหรอ? ตื่นมาแล้วอยากกอดพี่ใช่ไหม?”
ผมพูดจบก็แกล้งเนียนโน้มหน้าลงไปหอมแก้มขาวๆของดิว
แต่ดิวก็นั่งเฉยๆให้ผมหอมนะ ก่อนจะมองหน้าผม
 
“เปล่า.. แค่แปลกใจว่าหายไปไหน”
ดิวตอบผมกลับมา พร้อมๆกับรับถ้วยโจ้กจากผมไปนั่งทาน
 
 
 
เรานั่งทานโจ้กกันไปเงียบๆ ก่อนที่ผมจะรีบหายาแก้ไข้กับยาแก้อักเสบมาให้ดิวทาน
 
“ต้องกินด้วยหรอ?” ดิวรับยาไปถือไว้ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
 
“ก็เผื่อเป็นไข้ไง ทานไปเถอะ พี่ไม่อยากให้ดิวป่วย”
พอได้รับคำตอบแล้ว.. ดิวก็ยอมกินยาที่ผมให้อย่างว่าง่าย
เวลาดิวไม่ดื้อ ไม่บ่น ไม่เถียง... นี้โคตรน่ารักเลยครับ : )
 
 
 
“เข้าไปนอนพักในห้องไหม?”
ผมถามดิวที่กำลังเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีอีกครั้ง
 
“อืมก็ได้ “   พูดจบดิวก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน
ส่วนผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปกวนใจดิว เลยเอาหนังสือมานั่งอ่านที่โซฟาหน้าทีวีแทน
แต่นั่งได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดิวก็เดินหน้างอออกมาหาผม
เห็นหน้าดิวตอนนี้แล้ว... อยากจะกัดปากยื่นๆนั้นมากเลยครับ กัดปาก ทำปากงอนๆอีก
โอ๊ะ.. คนอะไรทำไมน่ารักแบบนี้วะเนี้ยยยย!
 
“อ้าววว.. ออกมาทำไม อยากได้ไรบอกพี่สิ พี่จะไปหยิบให้”
ดิวยังไม่ยอมตอบ แต่ยืนกอดอก และเอาตัวพิงประตูห้องไว้
 
“เห้ย พี่ทำไรให้ไม่พอใจป่าว? ทำไมมองพี่แบบนั้นละ”
ตอนนี้ผมโคตรใจเสียเลยครับ ไม่รู้ผมไปทำอะไรให้น้องโกรธ
ดิวถึงยืนมองหน้าผม แล้วทำหน้าไม่พอใจขนาดนั้น
 
“ทำไมไม่ตามเข้าไปในห้อง!!!!!!”
ดิวตะโกนใส่หน้าผม ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดกับตัวผมทันที
แล้วเอื้อมมือก็มาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกผมไว้
 
“ปากบอกว่ารักๆ เมื่อคืนก็ทำแบบนั้นไปแล้ว เช้ามาทำไมไม่นอนกอดก่อนละ หายไปแบบนี้ให้คิดไง
แล้วเมื่อกี้อีกบอกให้ไปนอนในห้อง แล้วทำไมตัวเองไม่ตามไป นี้จะหลอกฟันอย่างเดียวใช่ไหม
ดิวมันง่ายแบบที่คนอื่นบอกพี่ใช่ไหมละ”

สิ่งที่ดิวพูดมาทำผมตกใจมากเลยครับ คือ....... เหนือสิ่งอื่นใดแล้วนั้น
หน้าดิวตอนนี้โคตรน่ารักเลยวะ !!
 
 
 
 
เอ้ยย.. มันผิดประเด็นสิ ตอนนี้ดิวกำลังคิดมากนี้หว่า!!!!!
 
 
 
 
ผมรีบดึงดิวเข้ามากอดทันทีเลยครับ ลูบหัวดิวเบาๆ ตอนแรกดิวก็ไม่ยอมกอดผม
พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของผม แต่สุดท้ายดิวก็แพ้ครับ
ยอมกอดผมกลับมา เอาหน้าซบลงกับอกผม แล้วร้องไห้สะอื้น
 
“ใจเย็นลงยัง?”
 
ดิวตอบกลับมาด้วยการกัดเข้าที่อกของผมแรงๆ
“งั่มมม ไอ้คนนิสัยไม่ดี!”
เจ็บนะครับ แต่ก็ขำ..... 5555+ ไอ้เด็กคิดมากก!
 
 
 

“ฟังพี่นะ.. พี่ก็ไม่อยากลุกไปหรอกเมื่อเช้านะ อยากนอนกอดดิวนานๆ
แต่พี่กลัวดิวหิว และก็กลัวดิวไม่สบายนะ เลยรีบตื่นลงไปซื้อข้าวแล้วเตรียมยาให้ดิวทาน
แล้วเมื่อกี้นะ.. พี่กลัวดิวเจ็บตรงนั้นอะ ก็เมื่อคืนพี่ใส่ซะแรงเลย แล้วตั้งหลายรอบด้วย”
 
“ไอ้บ้า!! ไม่ต้องย้ำได้ไหมละ”
ดิวทุบกำปั้นลงมาที่อกผม พอให้ผมได้เจ็บนิดๆ
 
“ก็นั้นแหละพี่เลยคิดว่าดิวน่าจะนั่งไม่ไหว เลยให้เข้าไปนอนพักในห้องไงครับ”
 
“แล้วทำไมไม่ตามเข้ามาละ”

ดิวเงยหน้ามาสบตากับผม.. สายตาที่สั่นไหว และฉายแววสับสนในตอนนี้
มันโคตรน่ากดลงกับเตียงจริงๆเลยยย!!
(หยุดหื่นสัก 5 นาทีได้ไหมคะพี่เจ้นท์?)
 
“ก็พี่กลัวเข้าไปกวนดิวนิครับ พี่เลยเอาหนังสือมานั่งอ่านตรงโซฟานี้แทน
ก็ใครจะอดใจไหวละ  ดิวน่ารักขนาดนี้ พี่ก็อยากกอด อยากหอม อยากฟัดจะตาย
ขืนนอนด้วยกันอีก พี่คงอดใจไม่ไหวแน่ๆ”
 
“เมื่อคืนก็บอกแล้ว ก็ไม่เห็นต้องทนนิ”
เสียงดิวพูดกลับมาเบาๆ
แต่ไอ้คำที่ดิวพูดนี้มันคล้ายๆกับคำเชิญชวนหรือเปล่า????
 
“แปลว่าอนุญาตหรอ?”
ผมถามซ้ำกลับไปด้วยความตื่นเต้น
 
“ไม่ใช่สิ!! โว้ยย ไม่พูดด้วยแล้ว”
ดิวโวยวายใส่ผมก่อนจะเดินหนีกลับเข้าไปในห้อง .... ผมจะรอช้าทำไมละครับ
รีบวิ่งตามเข้าไปในห้องทันที
 
“เข้ามาทำไม”   ดิวปาหมอนใส่หน้าผม ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอน
แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้
ผมรีบเดินเข้าไปล้มตัวนอนข้างๆดิว แล้วแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นๆนั้นทันที
 
“อย่ามากอดสิวะ ไอ้หมอเถื่อน ไอ้หมอนิสัยเสีย”
เสียงด่าที่ไม่ได้จริงจังอะไรมากหนัก กับแรงที่ดิ้นเมื่อครู่ก็สงบนิ่งไป
 
“หมออยากกอดเมีย... ผิดหรอครับ”
ผมโน้มหน้าไปหอมแก้มดิว... ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ดิวใจเต้นแรง
ขนาดผมกอดดิวไว้ตรงนี้.. ยังได้ยินเสียงหัวใจดิวเต้นเลย
 
“เมียบ้าบออะไรละ!! ขอคบหรือยัง? “ ดิวหันหน้ามาเผชิญหน้ากับผม
ก่อนจะมองหน้าผมด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย
 
“อ่ออ.. ที่อารมณ์ไม่ดีนี้เพราะคิดว่าพี่ไม่จริงใจด้วยหรอครับ?
ก็ไม่เห็นต้องขอคบนี้น๊า.. ไหนๆก็ข้ามขั้นมาขนาดนี้แล้ว
เป็นผัวเมียกันเลยก็ได้นี้”

ผมตอบเสร็จก็รีบโน้มหน้าไปจูบปากสีสวยของดิวทันที
 
“อื้ออ.. อย่ามาจูบแบบนี้สิ! ไม่ขอคบได้ไง คนบ้าอะไรจะข้ามขั้นแบบนั้น”
 
“อ้าวว ก็เราได้กันแล้วนะดิว หรือว่าดิวลืม?? พี่ทบทวนเรื่องเมื่อคืนให้เอาไหม?”

ดิวตอบกลับมาด้วยหมัดเล็กๆ ทุบมาที่อกของผม
แต่ครั้งที่จุกครับ 555+ โดนหลายๆรอบมันก็เจ็บนะ
 
“คนอื่นๆมึงก็ไปเอาเค้าแล้วทิ้ง... กับกูมึงก็จะทำแบบนั้นหรอ? ข้ามขั้นมาเป็นผัวเมียอะไรไม่เอาหรอก”
ตอนนี้ดิวเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว... หื้ออออ นี้ผมตอบอะไรผิดไปหรือเปล่า?
 
“ไม่เหมือนสิ... เห้ยย ขอโทษๆ คือดิวก็น่าจะรู้ว่าตั้งแต่พี่ได้กับดิววันนั้นพี่ไม่ได้ไปนอนกับใครอีกเลยนะ
ชีวิตพี่ก็ผูกติดกับดิวตลอด ยืนข้างๆดิวตลอด  แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนิครับว่าพี่รักดิว เมื่อคืนพี่ก็บอกรักดิวนะ บอกทั้งคืนเลย”
 
“อื้อออ.. อย่ามาจูบสิวะ ไอ้บ้า!! ขอคบก่อนสิ ถ้าจริงใจก็ต้องคบกันก่อน”

โอ้ยยย.. เมียกูน่ารักจริงๆเลยเว้ยยยยย!!!!
 
“ครับๆ หยุดร้องไห้นะคนดี หยุดร้องก่อนนะ”
ดิวยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเอง  ก่อนจะขยับตัวเข้ามาชิดกับผมอีก
จนตอนนี้ดิวกับผมตัวติดกันจนแทบจะไม่มีช่องว่างใดๆแล้วละครับ
ไอร้อนจากตัวของดิว.. ทำให้ผมพอจะทราบแล้วละว่าไอ้อาการงอแงของดิวตอนนี้
มันน่าจะมาจากอาการเป็นไข้ของดิวแน่ๆ
 
“ดิวครับ.. พี่เจ้นท์รักดิวนะ เป็นแฟนพี่ เป็นเมียของพี่ตลอดไปเลยนะ”
 
“ก็แค่นี้แหละ”
ดิวบ่นงึมงำออกมา แล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกของผม ก่อนจะจับเอามือของผมให้ไปกอดที่เอวของดิว
 
“คำตอบละ?” ผมแกล้งดึงมือกลับ ไม่ยอมกอดดิวแบบที่ดิวต้องการ
 
“อื้ออ ก็นี้ไง ก็ให้กอดนี้ไงละ จะเอาคำตอบอะไรอีก?”
ดิวฟึดฟัดใส่ผมอีกรอบแล้วครับ... เวลาไม่สบายนี้งอแงเอาเรื่องเหมือนกันนะ
ต้องจำเอาไว้,,, จะได้รู้วิธีปราบคนป่วย
 
“ทีดิวยังอยากให้พี่ขอคบดิวเลย แล้วพอพี่พูดแล้วทำไมดิวไม่ตอบพี่ละ?”
ผมแกล้งงอแงกลับบ้างแล้วครับ ขยับตัวออกห่างจากดิวด้วย
ดิวนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งคร่อมตัวผมไว้ แล้วจับตัวผมให้นอนหงาย
 
“อย่าหนีหน้าดิวแบบนี้นะพี่เจ้นท์... ห้ามเมินดิวด้วย ฮึกกก... ฮือออ ไหนบอกว่ารักไง
ทำไมมาเมินใส่ดิวแบบนี้”

อ้าวววววว... งอแงร้องไห้จนได้เลย
นี้สรุปได้เมีย หรือได้ลูกเพิ่มขึ้นมากันแน่วะกู - -‘
 
“ดิวรักพี่ไหม?”
ผมพยายามถามดิวอย่างใจเย็น.. จริงๆผมชอบนะที่ดิวงอแงแบบนี้นะ
ผมชอบปากแดงๆ หน้าแดงๆเวลาดิวร้องไห้ : )
 
“รัก”
 
“คบกับพี่นะ เป็นเมียพี่โอเคไหม”
 
“อืม”

ดิวพยักหน้ากลับมา แล้วก็ยกชายเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
 
หื้ออออ... ตกลงคบกันปุ๊บ ก็อ่อยเลยใช่ไหม?
ไอ้หน้าท้องขาวๆ ที่มีรอยจูบสีสวยแบบนั้นมันช่างเชิญชวนจริงๆ
แต่สติที่เป็นคนดีของผม.. ย้ำเตือนให้ผมรู้ว่าเมื่อคืนผมเพิ่งเอาแต่ใจใส่ดิว
จนตอนนี้ดิวไม่สบาย.. ฉะนั้นห้ามทำอะไรดิวเด็ดขาด!!
 
“ขอนอนบนนี้ได้ไหม?  เจ้นท์ตัวเย็นมากเลย ดิวชอบ”
พูดจบดิวก็ล้มตัวลงมา.. นอนทับกับตัวของผมทันที
หน้าของดิวซบลงอยู่ตรงซอกคอของผม... ไอ้ลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอนี้แหละ
ที่มันทำให้สติที่เป็นคนเลวของผม... มันย้ำเตือนกับผมว่าผมควรฉลองสถานะแฟนที่เพิ่งได้รับจากดิว
ไหนๆก็ไม่สบายอยู่แล้ว .. สักรอบสองรอบคงไม่ป่วยกว่าเดิมหรอกนะ!!
 
คุณว่า... สติส่วนไหนของผมชนะหรอครับ?
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
คุณตอบถูกครับ... สติส่วนคนเลวครับ
ผมมันหื่นกับเมียตัวเอง!!!
 
 
 
 
“ดิวครับ.. ตัวร้อนแบบนี้พี่เจ้นท์ขอตรวจร่างกายหน่อยได้ไหม?”
ดิวพยักหน้าลงบนอกผม ก่อนจะค่อยๆปล่อยตัวเองให้เลื่อนลงมานอนหงายอยู่ข้างๆผม
ผมได้แต่นอนมองดิวที่ขยับตัวเองให้นอนหงายดีๆรอการตรวจจากผม
 
“ตรวจเลยสิ”
ผมไม่รู้นะว่าดิวตอบมาแบบใสซื่อ หรือเชิญชวน
แต่ตอนนี้ผมถือว่ามันคือคำเชิญชวนละกัน
 
 
 
“อื้ออ.. อึกกก เจ้นท์ หื้อออ มะ ไม่ เอา.. ดิว อื้ออออ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้จ้านนนนน!!! มาตรวจเมียกูให้หน่อย... เอายามาด้วยนะ”
เสียงของผมโทรตามไอ้จ้านน้องรักในดึกของคืนวันนั้น
วันที่ผมฉลองสถานะแฟนกับดิว...
ดิวป่วยหนัก... และมีอาการเพ้อ TT
พี่ขอโทษ... พี่มันหื่น พี่มันรักดิวมากไปอีกแล้ว
 
“อีกแล้วหรอวะเจ้นท์... มึงมันไอ้หมอเถื่อน!!!  ไอ้คนไม่ได้เรื่อง!!!!”
เสียงไอ้จ้านด่าผมมาจากปลายสาย และรอไม่นาน หมอจ้านกับเนียร์ก็มาถึงคอนโดของผม
 
“ผมโคตรเชื่อเลย.. พี่มันหมอเถื่อนแบบหมอจ้านบอกจริงๆ ไอ้ดิวมันป่วยหนักขนาดนี้เลยหรอเนี้ย?
พี่เจ้นท์.. วันหลังพี่ใช้มือบริการตัวเองบ้างนะครับ”

โหยย เนียร์แม่งงง ด่ากูว่ากูหื่น หรือด่าว่าเชี้ยเลยก็ได้นะครับมึง!
 
“ไอ้เจ้นท์.. มึงไปหาข้าวมาให้กูกับเนียร์กินเลย แล้วก็ไปเสาอะไรก็ได้มา กูจะใส่น้ำเกลือให้น้องดิว
ไอ้ห่า.. เอากันกี่รอบก็เรียกเลือดเรียกหมอแม่งทุกรอบ  ซ้อกูจะมีชีวิตยืนยาวป่าววะ?”
 
“นี้กูพี่มึงนะไอ้หมอจ้าน... แล้วก็กูไม่ได้ทำไรรุนแรงเลย ดิวป่วยอยู่แล้วกูก็ไป... อืมมม ทำมันแค่นั้นเอง”

ผมตอบกลับไปเบาๆ แต่จริงๆผมก็ผิดนั้นแหละครับ
 
“แล้วดิวป่วยได้ไง? เมื่อวานตอนจะกลับจากมหาลัยยังดีๆอยู่เลย” เนียร์หันมามองหน้าผมอย่างจับผิด
 
“คือ ... เออ!! กูทำเองแหละ ครั้งหน้าไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
 
“มึงต้องงดไปเลย 3 เดือน กว่าแผลจะหาย กว่าจะหายไข้อีก แล้วมึงก็ไปตรวจเลือดด้วยนะไอ้พี่ชั่ว
ยัง... ยังจะนั่งหน้าบื้ออีก ไปซื้อข้าวได้แล้ว กูหิวเว้ยยย”

สรุปนี้ผมเป็นพระเอกอยู่ใช่ไหมครับ?
ทำไมผมโดนทุกคนรุมด่าขนาดนี้ละ ...
 
 
หลังจากที่ผมหาข้าวหาขนมมาประเคนให้น้องชายและแฟนมันเสร็จแล้ว
ผมก็เข้ามาเช็ดตัวให้ดิวที่นอนหลับอยู่ด้วยสีหน้าอิดโรย...
 
“พี่ขอโทษนะ”
ผมบอกกับดิวไปเบาๆ แต่ดิวกลับลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
 
“ดิวผิดเองแหละ” ดิวส่งยิ้มจางๆมาให้ผม ก่อนจะนอนหลับตาไปอีกครั้ง
และครั้งนี้ดิวคงหลับสนิทไปแล้ว เพราะร่างกายที่อ่อนเพลีย และจากฤทธิ์ยาจากไอ้หมอจ้าน
ผมห่มผ้าให้ดิว ก่อนจะเดินออกมานั่งคุยกับไอ้จ้านและเนียร์
 
 
“ไง.. ตกลงกันเรียบร้อยนะ” จ้านส่งกระป๋องเบียร์มาให้ผม
ผมก็รับมาดื่ม ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้มันแทนคำตอบ
 
“ซ้อใหญ่ตกลงแล้ว ซ้อเล็กก็โอเคแล้ว ... พ่อแม่เราโอเคยังวะ?”
 
“พอก่อนไอ้จ้าน... เอาแค่เรื่องเมียกูโอเคแล้วก็พอ เรื่องพ่อแม่เรา กับพ่อแม่ดิวเอาไว้เครียดกันทีหลังได้ไหมวะ
กูเพิ่งมีเมียเป็นตัวเป็นตนได้ไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลยนะ มึงจะพากูเครียดอีกแล้วหรือไง?”

ผมด่าไอ้จ้านกลับไปเบาๆ ไม่อยากเสียงดังให้ดิวตื่น
 
“แล้วพี่เจ้นท์รู้สึกรักดิวมันตอนไหนอะ? ปกติพวกเราก็ไม่ค่อยเจอกันอยู่แล้วป่ะ?”
เนียร์นั่งข้างๆไอ้จ้าน  ยกกระป๋องโค้กขึ้นมาดื่ม แล้วหันมาถามผม
 
“ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนั้นแหละมั้ง?  วันนั้นไอ้แว่นเอารูปดิวมาให้ดู พร้อมๆกับตัวมันที่มานั่งเจิดจ้าอยู่ในร้านพี่ชาญ กูอาจจะตกหลุมรักมันตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากันเลยก็ได้.. มันนั่งมองโทรศัพท์ที่หน้าจอสว่างตลอดเวลา แต่มันทำหน้าเบื่อๆเซ็งๆ แววตาของมันเหมือนสับสน และกังวลอะไรหลายๆอย่าง แต่พอมันเดินออกมาเจอกูโดนพวกไอ้โต้ต่อย มันกลับไม่กลัวอะไรเลยวิ่งเข้ามาช่วยกู และยังกล้าพาคนแปลกหน้าแบบกูกลับมาที่คอนโด ตอนนั้นความมักมากกูมันเยอะเลยคิดว่ามันขายตัวจริงๆ แต่เอาตรงๆ กูชอบสายตาของมัน ชอบนิสัยของมัน ใจดีกับคนเค้าไปทั่ว ยิ้มให้กับคนทั่วไปแบบเป็นมิตร ซึ่งมันอาจจะเหมือนมันอ่อยคนนั้นคนนี้.. แต่มันเหมือนมีเสน่ห์วะ.. มันดึงดูดให้กูทำเรื่องไม่ดีกับมัน  ยิ่งพอรู้ว่ามันไม่ได้ขายตัวแบบที่คิดไว้... ความรู้สึกผิดกูก็มีนะ... แต่ความดีใจเสือกมีมากกว่า”
ผมตอบเนียร์กลับไปอย่างที่ใจรู้สึก.. ถึงไอ้จ้านจะส่งสายตาล้อเลียนผมกลับมาแต่ผมก็ไม่นึกอาย
 
“ทั้งๆที่รู้ว่ามันมีเมียอยู่แล้วนะหรอ?”
เนียร์ทำตัวอย่างกับนักข่าว.. ถามลึกจริงๆ แต่ผมก็ยินดีจะตอบนะ
เนียร์เป็นเพื่อนของดิว... ยังไงๆเอาใจเนียร์ไว้ก็ดีครับเผื่อดิวโกรธผม เนียร์จะได้ช่วยพูดให้
 
“ก็ไม่รู้ดิ..  ตอนนั้นหวานอยู่ตั้งไกล แต่กูอยู่ตรงนี้ ใกล้ๆมันตรงนี้
กูไม่ได้คิดอะไรไม่ได้หวังอะไรด้วยในตอนนั้น ขอแค่เป็นคนที่ได้อยู่ใกล้ๆมัน
ได้ดูแลมัน ได้ช่วยเหลือมัน... แค่นั้นเอง”
 
“ตอนแรกมาอย่างชั่ว ทำไมหลังๆแม่งโคตรพระเอกเลยวะพี่ชายกู”

ไอ้จ้านอดจะออกปากแซวผมออกมาไม่ได้ ...
ช่วยไม่ได้นะมึงเรื่องนี้กูเป็นพระเอก... ไม่เชื่อถามคนเขียนได้เลย
 
 
“ความรักชนะทุกอย่าง”
ผมตอบกลับไป.. และก็ได้เสียงอ๊วกกลับมาจากคู่รักตรงหน้าผม 55555+
 
 
“ขออีกคำถาม.. ทำไมต้องเพลงไกลแค่ไหนคือใกล้ด้วยอะ พี่ชอบร้องเพลงนี้และเปิดเพลงนี้บ่อยมาก”
ไอ้เนียร์ก็ยังจะถามอีกครับ... เบียร์หมดไป 3 กระป๋องแล้วนะ ปล่อยผมไปนอนกอดเมียผมเถอะ
 
 
“ครั้งแรกที่สบตาดิว... เพลงที่ร้านพี่ชาญเปิดเพลงนี้
ครั้งแรกที่นั่งบนรถดิว... เพลงบนรถดิวเปิดเพลงนี้
ครั้งแรกที่ได้กันในห้องนอนห้องเล็กของดิว.. กูเปิดเพลงนี้
และหลังจากนั้น.. ทุกๆครั้งที่ได้อยู่กับดิว หรือบังเอิญเดินไปที่ไหนก็จะได้ยินแต่เพลงนี้ตลอด
เพลงรอสายของดิวก็เพลงนี้.. จนหลังๆดิวเปลี่ยน Ringtone เป็นเพลงนี้เหมือนกัน
กูเลยชอบเพลงนี้.. มันทำให้คิดถึงดิว.. คิดถึงทุกๆอย่างที่เป็นดิว”
 
 
“กูเชื่อแล้ว.. ว่าความรักแม่งเปลี่ยนคนได้จริง”

ไอ้จ้านวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปโอบไหล่เนียร์ที่นั่งข้างๆไว้
 
“แล้วมึงละ.. รักกูแบบที่ไอ้เจ้นท์รักดิวไหม?”
 
“หมอจ้าน.. นี้เรื่องของไอ้ดิวกับพี่เจ้นท์  เรื่องของเราคนเขียนยังไม่ลง
จะมาแย่งซีนอะไรจากคู่อื่นเค้าเนี้ย!!”

เนียร์ตอบกลับไอ้จ้าน พร้อมๆกับผลักหน้าไอ้จ้านที่โน้นหน้าลงไปหวังจะจูบปากสวยๆของเนียร์ออก
 
“งั้น... ก็แยกย้ายกันได้แล้ว กูต้องเข้าไปดูแลดิวแล้วละ”
ผมพูดจบก็เดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องนอน ก่อนจะหันมามองหน้าไอ้จ้านอีกรอบ
 
“ห้องนอนมึงก็ว่างเข้าไปใช้ได้.. แต่ห้ามเสียงดังเพราะเดี๋ยวกูได้ยินเสียงพวกมึงแล้วกูหื่นทำร้ายดิวอีก”
 
“โถ่วว นึกว่าจะห่วงดิว .. แม่งง หมอเถื่อนอย่างพี่หมอจ้านบอกจริงๆเลย”

เนียร์โยนกระป๋องโค้กเปล่าๆใส่ผม  ซึ่งผมก็ได้แต่หัวเราะออกมา
ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอน แล้วรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมานอนข้างๆดิว
 
 
 


“ฝันดีนะครับ.. พี่รักดิวนะ”

ผมจูบแก้มซีดๆของดิวอีกครั้ง ก่อนจะสอดแขนเข้าไปรองใต้คอของดิว
และดึงดิวเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา
 
 
 
 


เสียงเพลงที่ดังมาเบาๆจากที่ไหนสักแห่ง
อาจจะเป็นเสียงจากมือถือของเนียร์ หรือไอ้จ้านก็ตาม....
แต่เพลงนี้มันเพราะ... และมีความหมายสำหรับผมและดิวที่สุดแล้ว
 





“อีกไกลแค่ไหน.. จนกว่าฉันจะใกล้บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที........”

 
 
 
 



 
จะไม่มีคืนไหนจากนี้ไป.. ที่เราจะห่างกัน
จะไม่มีวันไหนๆที่เราจะได้เป็นแค่คนใกล้แต่ไม่รู้ใจกัน
เพราะตั้งแต่วินาที.. จากนี้และตลอดนี้ไป
พี่เจ้นท์คนนี้.. จะเป็นคนในใจ  คนใกล้ตัว คนรัก.. คนสำคัญของดิวตลอดไป.
 
 
 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“รักพี่เจ้นท์เหมือนกันนะ”
ดิวขยับตัวเข้าไปจูบๆที่ปลายคางของเจ้นท์ .. และกระซิบบอกรักเจ้นท์อย่างแผ่วเบา
ก่อนจะขยับตัวเข้าไปให้ชิดกับอกอุ่นๆ ของคนรัก.
ความอบอุ่น ความรู้สึกปลอดภัย และความรักนี้.. ที่เป็นของดิว
และของดิวเพียงคนเดียว.






----------------------------------------------------
เรื่องของ #เจ้นท์ดิว จบลงแล้วนะคะ :)
ขอขอบคุณทุกๆคนที่แวะเข้ามาอ่าน มาคอมเม้นต์ให้กำลังใจกัน
เรื่องนี้อาจจะเดินเรื่องเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวามากนัก
ยังไงก็จะปรับปรุงผลงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีกค่ะ
ได้แต่หวังว่า.. ทุกๆคนจะยังเป็นกำลังใจ และติดตามผลงานของเจไปอีกเรื่อยๆนะ
แล้วพบกันเรื่องหน้าจ๊า
 :bye2:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattharikan ที่ 24-11-2016 02:12:17
เขียนสนุกดีค่ะ  อ่านรวดเดียวจบเลย :hao5: :hao5: :hao5:
ขอตอนพิเศษได้ไหม ยังคิดถึง พี่เจ้นท์น้องดิวอยู่เลย  :z3:
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: toEyyyyy`s[Ohm] ที่ 24-11-2016 22:12:16
หาฟิคคู่นี้มานานมากๆ ชอบเงินออกัส
แต่งสนุกดี คู่นี้น่ารักมากจริงๆ อร๊างงงงงงง ~

#เงินกัส <3
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 25-11-2016 17:58:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-11-2016 02:45:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-11-2016 15:09:45
สนุกมากเลยค่ะ ไม่คิดว่าพี่ทิวจะเป็นคนร้ายคิดร้ายทำเรื่องนี้ แต่ก็คงเก็บกดหลายๆอย่างหวังว่ารักษาตัวแล้วจะดีขึ้นดีนะที่รี่ให้อภัย น้องดิวน่ารักจังมีอ่อยพี่เจ้นท์ด้วยโดนจัดหนักไข้ขึ้นเลย

ความรักชนะทุกอย่าง o18
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 27-11-2016 21:04:02
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-11-2016 02:55:58
น่ารัก ... #ความรักชนะทุกสิ่ง
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 08-12-2016 08:13:28
ขอโทษคนเขียนนะคะ เราคงจะอินมาก

   ตอนแรกอ่าน เห้ย น่าสน พอสักพักข่มขืน อื้อมหื้ม โคตรสงสารดิวเลย สักพักอ่านไป ยอมให้อภัย ให้เข้ามาวุ่นวาย สรุปดิว มันชอบเขาอยู่แล้ว หรือชอบให้โดนข่มขืน คือ ในสภาวะจิตใจคนโดนข่มขืน มันจะมีใครชอบหรือรับได้อะ เหมือนคีย์อะ ระแวง และบ้าไปเลย เรายิ่งอ่านยิ่งสงสัย สรุปดิวเป็นผญ ที่อยู่ในเพศสภาพผช ?? แต่เราชอบตัวละครทิวมากเลยนะ ถึงเรื่องมันจะวนเวียน ยืดเยื้อ แลดูอ้อมวนไปวนมา ทิวเป็นตัวละครลึกลับดี สุดท้าย เราอ่านจนใกล้จะจบ ง่ายดี ทิวเป็นบ้า หวานหายหน้าหายตาไป ทั้ง ๆ ที่ฆ่าคนทั้งเป็นถึงสี่คน ดูง่ายดี พ่อดิวยอมปล่อย ในขณะที่กับทอย ดันให้เข้าคุก แต่หวาน ปล่อยไปง่าย ๆ มันไม่เมคเซ้นเอาซะเลย
  ส่วนเจ้นท์กับดิว สูตรสำเร็จนิยายไทย ข่มขืน เท่ากับรักกันได้ ง่ายดี เรื่องนี้ทำให้เราสงสัยว่า กำลังอ่านนิยาย ชช แน่หรือเปล่า ดิวดูเป็นคนดี คนดีที่แปลก ๆ เสียสละอะไรได้ขนาดนั้น มองโลกในแง่ดีมากมาย

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: moujay ที่ 08-12-2016 12:05:06
ขอโทษคนเขียนนะคะ เราคงจะอินมาก

   ตอนแรกอ่าน เห้ย น่าสน พอสักพักข่มขืน อื้อมหื้ม โคตรสงสารดิวเลย สักพักอ่านไป ยอมให้อภัย ให้เข้ามาวุ่นวาย สรุปดิว มันชอบเขาอยู่แล้ว หรือชอบให้โดนข่มขืน คือ ในสภาวะจิตใจคนโดนข่มขืน มันจะมีใครชอบหรือรับได้อะ เหมือนคีย์อะ ระแวง และบ้าไปเลย เรายิ่งอ่านยิ่งสงสัย สรุปดิวเป็นผญ ที่อยู่ในเพศสภาพผช ?? แต่เราชอบตัวละครทิวมากเลยนะ ถึงเรื่องมันจะวนเวียน ยืดเยื้อ แลดูอ้อมวนไปวนมา ทิวเป็นตัวละครลึกลับดี สุดท้าย เราอ่านจนใกล้จะจบ ง่ายดี ทิวเป็นบ้า หวานหายหน้าหายตาไป ทั้ง ๆ ที่ฆ่าคนทั้งเป็นถึงสี่คน ดูง่ายดี พ่อดิวยอมปล่อย ในขณะที่กับทอย ดันให้เข้าคุก แต่หวาน ปล่อยไปง่าย ๆ มันไม่เมคเซ้นเอาซะเลย
  ส่วนเจ้นท์กับดิว สูตรสำเร็จนิยายไทย ข่มขืน เท่ากับรักกันได้ ง่ายดี เรื่องนี้ทำให้เราสงสัยว่า กำลังอ่านนิยาย ชช แน่หรือเปล่า ดิวดูเป็นคนดี คนดีที่แปลก ๆ เสียสละอะไรได้ขนาดนั้น มองโลกในแง่ดีมากมาย

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่าน

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ .. จริงๆเรื่องนี้เราแต่งมาเพื่อคั่นความดราม่าของนิยายเรื่องที่ผ่านในที่เราเคยแต่งนะคะ
ซึ่งมันอาจจะมีเนื้อหาวกวน และดูไม่น่าเป็นไปได้สักเท่าไหร่
ตัวดิวที่เราวางไว้ คือ เป็นเด็กที่เติบโตมาจากความรักและการเลี้ยงดูที่ตามใจของครอบครัว เป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และลึกๆดิวเองอาจจะเคยชอบคีย์ เพียงแต่คำพูดของหวานทำให้ดิวไม่ยอมรับกับความรู้สึกของตัวเอง

ในส่วนของบทสรุปที่ว่า เจ้นท์ข่มขืนดิวแล้วรักกันนั้น ... ตอนเราแต่งเราไม่ได้คิดถึงพล็อตที่ว่าข่มขืนแล้วต้องรักกัน เรามองในแง่ของการที่เจ้นท์คอยดูแล คอยปกป้องดิว จนทำให้ดิวที่คอยแต่แบกรับปัญหาหลายๆอย่างอยู่วางใจในตัวเจ้นท์ และเจ้นท์เหมือนเป็นคนแรกที่ทำให้ดิวรู้สึกอบอุ่นใจ และปลอดภัย เลยกลายมาเป็นว่าดิวรู้สึกดีๆกับเจ้นท์มากกว่าการที่เคยพลาดท่าเสียทีให้เจ้นท์ข่มขืน และเหตุผลที่ว่าทำไมดิวไม่โกรธอะไรเจ้นท์มากที่โดนเจ้นท์ข่มขืน เพราะดิวคิดแค่ว่าถ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ข่าวไปถึงพ่อหรือคนในครอบครัว มันจะยิ่งทำให้อะไรๆมันแย่ไปกว่าเดิม เพราะตั้งแต่มีเรื่องของคีย์ ก็มีเรื่องแจ้งความกันแล้ว และดิวเองก็รู้อยู่แก่ใจมาตั้งนานแล้วว่าลูกในท้องหวานไม่ใช่ลูกตนเองเพราะดิวเองยังไม่เคยมีอะไรกับหวานนะคะ  ถ้าดิวเอาเรื่องของเจ้นท์มาคิดมาทำให้เป็นเเรื่องใหญ่อีก ดิวกลัวว่าที่บ้านดิวจะยิ่งมองดิวไม่ดีไปกว่าเดิม

เราอาจจะคิดพล็อตตื้นๆไปหน่อย มันอาจจะไม่สมเหตุสมผลกัน แต่อย่างที่เคยบอกนะคะ เราแต่งเรื่องนี้มาเพราะไม่อยากดราม่าหรือให้มันหนักมาก อยากเป็นนิยายเบาๆ รักกันน่ารักๆ : )

และเราก็ยังมองว่าเรื่องนี้เราจำกัดความไว้ว่า "รักชนะทุกอย่าง" ก็เลยเหมือนเป็นอะไรที่ดูง่ายๆไปหมดไม่ว่าจะดิว เจ้นท์ หรือรี่ ทิว รวมไปถึงทอย และหวานด้วย
ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ ขอบคุณที่อ่านนิยายของเราด้วย ฝากติดตามเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 09-12-2016 13:36:48
ชอบเรื่องนี้นะ สนุก น่าติดตาม ตื่นเต้นดี 
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 09-12-2016 22:07:02
หวานนี่คือชั่วมากเลยนะ ฆ่าคนทั้งเป็นและเป็นสาเหตุให้เขาฆ่าตัวตาย แต่ดูเหมือนดิวจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยทั้งๆ เพื่อนตายเพราะนาง แถมยังเหมือนทั้งรักทั้งแคร์นางซะเหลือเกิน นางน่าจะได้รับบทลงโทษกว่านี้ เนื้อเรื่องดี แต่เราแค่ไม่อินตรงนี้เฉยๆ จะบอกว่าดิวกับหวานเพราะผูกพันหรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่สุดในความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ☂ How F a r is near? ไกลแค่ไหนคือใกล้ ||บทส่งท้าย||จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 16-12-2016 02:51:18
ชอบที่ทำตัวหนาตรงบทพูด อ่านง่ายดีจ้า  o13

เรื่องเทความผิดไปที่พี่ทิวมากไปนิดสสส์ ทอยติดคุกฟรี แต่หวานซึ่งจ้างคนไปรุมโทรมคีย์หลายครั้ง กลับได้ไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ต้องรับโทษใดๆทั้งสิ้น  :z3:

แอบงงเรื่องพี่โซ่ จำได้ว่าคุกคามดิวจนพระเอกต้องมาช่วย ไหงตอนจบกลับมาสนิทสนมเหมือนเดิม หรือเราอ่านข้ามตอนไหนไปหว่า?

ตกลงเฉลยไหมเอ่ย ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องขายตัว?